รีวิวฉบับที่ 1654 … The Royal Residence เป็นโครงการบ้านเดี่ยวหรู ที่ทาง TCC ตั้งใจพัฒนาให้กับกลุ่มคนที่อยากได้บ้านพื้นที่ดินและพื้นที่ใช้สอยขนาดใหญ่พิเศษในกรุงเทพ และชื่นชอบเรื่องการออกแบบเน้นสถาปัตยกรรมในรูปแบบ Oriental Victorian ที่ดินโครงการนี้ใหญ่ถึงเกือบ 77 ไร่ แต่ว่ามีบ้านทั้งหมดแค่ 79 หลังเท่านั้น เราไปดูกันเลย
Fact @ 14 August 2018
- The Royal Residence (เดอะ รอยัล เรสซิเด๊นซ์)
- ผู้พัฒนาโครงการ : TCCCL SENA Co.,LTD.
- SUPER LUXURY CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment บ้านได้ที่นี่)
- โครงการตั้งอยู่ : ซอยประเสริฐมนูกิจ 27 เขตลาดพร้าว
- เนื้อที่โครงการ 76 ไร่ จำนวน 79 ยูนิต (แบ่งออกเป็น 4 เฟส)
- [เฟส 1] รูปแบบบ้านสไตล์ Oriental Victorian Series (มีทั้งหมด 6 แบบ)
- [เฟส 2] รูปแบบบ้านสไตล์ Contemporary Series (มีทั้งหมด 5 แบบ)
- บ้าน G2 ที่ดิน 200 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 489 ตร.ม. 4+1 ห้องนอน 6 ห้องน้ำ 3 ที่จอดรถ เริ่ม 69 ล้านบาท
- บ้าน H ที่ดิน 200 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 533 ตร.ม. 4+1 ห้องนอน 6 ห้องน้ำ 3 ที่จอดรถ เริ่ม 82.5 ล้านบาท
- บ้าน C ที่ดิน 268 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 711 ตร.ม. 4+1 ห้องนอน 6 ห้องน้ำ 3-6 ที่จอดรถ เริ่ม 100 ล้านบาท
- บ้าน D ที่ดิน 405 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 960 ตร.ม. 5+1 ห้องนอน 7 ห้องน้ำ 6 ที่จอดรถ เริ่ม 157 ล้านบาท
- เพดานชั้น 1 สูง 3.2 เมตร, ชั้น 2 สูง 3.4 เมตร
- โครงการเริ่มเปิดตัวและก่อสร้างปี 2549 (โดยพัฒนาทีละเฟส)
- ปัจจุบันก่อสร้าง เฟส 1, 2 แล้วเสร็จ (ยังเหลืออีก 2 เฟส)
- เวปไซต์โครงการ : คลิกที่นี่
- Call Center : 02-578-1111
เพียงแค่การกด Like ก็เท่ากับการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจาก Think of Living แล้วครับ
สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างนะ
พิกัด Google Maps : 13.835230, 100.611360
ทำเลของโครงการอยู่ในย่านเกษตร-นวมินทร์ (หรือถนนประเสริฐมนูญกิจ) เข้าไปในซอยสุคนธสวัสดิ์ 27 ทำเลนี้จัดเป็นทำเลย่านบ้านหลังใหญ่ในกรุงเทพฯ ที่หลายๆคนที่มีฐานะนิยมชมชอบก็ว่าได้ครับ เพราะถ้าสังเกตดีๆจะเห็นได้ว่าในย่านนี้จะมีโครงการบ้านเดี่ยวราคาหลักสิบล้านขึ้นไปให้เห็นค่อนข้างเยอะ เช่น Grand Bangkok boulevard เกษตร-นวมินทร์, อารียา สวนา เกษตร-นวมินทร์ หรือโครงการหมู่บ้านหลักเหยียบๆร้อยล้านอย่าง “นวธานี” เป็นต้น
สิ่งที่ทำให้ราคาหมู่บ้านในย่านนี้ราคาสูงก็เนื่องมากจากทำเล ที่สามารถเข้า-ออกเมืองได้สะดวก และเชื่อมต่อถนนใหญ่ได้หลายเส้นทาง ขึ้น-ลงทางด่วนได้ง่าย มีตัวเลือกในการเดินทางได้ และด้วยความที่เป็นถนนตัดใหม่ เส้นทางต่างๆถนนหนทางจึงกว้างขวางใช้งานสะดวก ทำให้การเดินทางของคนที่อยู่ในย่านนี้มักจะใช้รถยนต์เป็นหลัก แต่ถ้าต้องการใช้รถสาธารณะตัวโครงการก็อยู่ในซอยสุคนธสวัสดิ์ 27 นิดเดียวเรียกใช้แท็กซี่ได้ไม่ยาก แต่ยังไงหลักๆแล้วคนในย่านนี้จะนิยมใช้รถส่วนตัวซะมากกว่า จึงเป็นทำเลย่านที่อยู่อาศัยที่มีแนวโน้มเติบโตไปได้อีก เพราะโดยรอบยังมีพื้นที่ดินเปล่าให้พัฒนาในส่วนอื่นๆได้อีกพอสมควร
นอกจากการเดินทางแล้ว ในเรื่องของความอุดมสมบูรณ์ ตรงข้ามทางเข้าโครงการจะมี Community Mall อย่าง Nawamin City Avenue ที่จริงๆแล้วด้านในก็ถือว่ามี ร้านครบเครื่องอยู่นะ (ทั้งร้านอาหาร, วิลล่ามาร์เก็ต, ธนาคาร) ขยับมาถนนหลักด้านหน้ายังมี The Walk กับตลาดหัวมุมให้เปลี่ยนบรรยากาศ ย่านนี้จะขึ้นชื่อเรื่องมีแหล่งช็อปปิ้งและสถานที่ Hang out ให้เลือกหลากหลาย นอกจากนี้ยังมีห้างดังๆที่อยู่บนเส้นเลียบด่วนเอกมัยรามอินทราเช่น The Cystal, CDC, Central East Ville บนถนนเลียบทางด่วนรามอินทรา, Big C, Tesco Lotus ส่วนร้านนั่งชิลก็มีให้เลือกไม่ไกลจากโครงการจะมี Waterside resort and restaurant และร้านนั่งชิลล์อื่นๆอีกเพียบ
สำหรับการเดินทางในวันนี้ เราใช้เส้นทางถนนประดิษฐ์มนูธรรม (เส้นเลียบทางด่วนรามอินทรา) วิ่งขึ้นเหนือไปทางถนนรามอินทรา โดยเส้นทางนี้จะผ่านศูนย์การค้าชื่อดังหลายแห่ง เมื่อถึงทางแยกที่ถนนประดิษฐ์มนูธรรมตัดกับถนนประเสริฐมนูกิจ (ถนนเกษตร-นวมินทร์) จะสังเกตุเห็นตลาดหัวมุมอยู่ทางซ้ายมือให้เลี้ยวซ้ายเพื่อเข้าสู่ถนนประเสริฐมนูกิจ (ถนนเกษตร-นวมินทร์) ก็จะเห็นโครงการ The Walk อยู่ทางขวา จากจุดนี้เราจะขับรถตรงไปอีกประมาณ 2 กิโลเมตร เพื่อเลี้ยวซ้ายเข้าสู่ถนนประเสริฐมนูกิจ และเข้าซอยประเสริฐมนูกิจ 27 ไปอีก 200 เมตรก็จะเจอโครงการอยู่ทางด้านขวามือ
การเดินทางในวันนี้ เริ่มจากถนนประดิษฐ์มนูธรรม(เลียบทางด่วนเอกมัย-รามอินทรา) มุ่งหน้าขึ้นเหนือไปทางรามอินทรา
ถนนประดิษฐ์มนูธรรม(เลียบทางด่วนเอกมัย-รามอินทรา) มุ่งหน้ามาทางถนนรามอินทรา เป็นแหล่งที่ตั้งของห้างสรรพสินค้า แหล่งช้อปปิ้ง และคอมมูนิตี้มอลล์หลากหลายเต็มไปหมด สลับกับพวกโชว์รูมสินค้าต่าง ๆ
วิ่งตรงยาวๆ ก็ผ่าน Home Pro, Tesco Lotus และก็ Central Festivel East Ville ที่เป็นห้างแลนด์มาร์คแห่งใหม่ในย่านนี้
จากนั้นให้เราขับตรงไปตามถนนถนนประดิษฐ์มนูธรรม(เลียบทางด่วนเอกมัย-รามอินทรา)เรื่อยๆ จะเจอแยกที่ตัดกับถนนประเสริฐมนูกิจ (เกษตร-นวมินทร์)
จุดสังเกตง่าย ๆ คือเมื่อถึงตลาดหัวมุมให้เตรียมตัวชิดซ้ายเพื่อเลี้ยวเข้าถนนประเสริฐมนูกิจ (ถนนเกษตร-นวมินทร์)
ถึงบริเวณสี่เเยกที่ถนนประดิษฐ์มนูธรรม(เลียบทางด่วนเอกมัย-รามอินทรา) ตัดกับถนนประเสริฐมนูกิจ (เกษตร-นวมินทร์) ให้เลี้ยวซ้ายเข้าสู่ถนนประเสริฐมนูกิจ (เกษตร-นวมินทร์) เส้นนี้จะมีการจราจรติดขัดในช่วงเย็น เนื่องจากมีแหล่งกินดื่มบริเวณตลาดหัวมุมและ The Walk
หลังจากนั้นก็จะผ่านหน้า The Walk ที่อยู่ทางขวาและจะเห็นว่าในย่านนี้มีความอุดมสมบูรณ์ครบครันทั้งห้างสรรพสินค้า ซูเปอร์มาร์เก็ต และคอมมูนิตี้มอลล์ จากนี้ให้เราตรงไปอีกประมาณ 2 กิโลเมตร ก็จะเจอกับสี่แยกไฟแดง(หัวมุมทางขวามีจุดสังเกตคือ นวมินทร์ซิตี้อเวนิว) ซึ่งเราจะเลี้ยวขวาเพื่อเข้าสู่ซอยประเสริฐมนูกิจ 27
“นวมินทร์ วิตี้ อเวนิว” เป็น Community Mall หลักที่อยู่แปลงหัวมุม ตรงข้ามกับถนนประเสริฐมนูกิจและก็ตรงข้ามกับทางเข้าออกโครงการด้วย ซึ่งถ้าใครต้องการความรวดเร็วก็คงเป็นที่นี่แหละ รวงร้านต่างๆก็ดีนะครับ มีทั้ง Fuji, MK, Starbucks, มีร้านอาหารต่างๆมากมาย มีครัวเจ้ง๊อด้วย ที่นี่ก็มีธนาคารและซูเปอร์มาร์เก็ตอย่าง Villa Market อีก เรียกว่าจิ๋วแต่แจ๋วแหะ
เอาละครับ เห็นซุ้มทางเข้าโครงการแล้ว เรียกว่าอันดับแรกสะดุดตาจริงๆ เดี๋ยวไปคุยรายละเอียดกันในพาร์ทโครงการนะ ส่วนถ้าตรงไปซอย 27 นี้เป็นซอยของหมู่บ้านเสนานิเวศน์(2) ซึ่งด้านในก็จะมีเพื่อนบ้านอยู่โครงการเดียวทำให้ไม่เปลี่ยวเกินไปแต่ก็ไม่ได้วุ่นวายมากนัก
ทีนี้ลองมาซูมแผนที่กันใกล้ๆรอบโครงการกันหน่อยนะครับ ตัวโครงการอยู่ติดกับซอยประเสริฐมนูกิจ 27 ซุ้มทางเข้าห่างจากสี่แยกที่ถนนประเสริฐมนูกิจเพียง 220 เมตร ในซอย 27 นี้เป็นซอยของหมู่บ้านเสนานิเวศน์(2) ซึ่งด้านในก็จะมีเพื่อนบ้านอยู่โครงการเดียวทำให้ไม่เปลี่ยวเกินไปแต่ก็ไม่ได้วุ่นวายมากนัก เราจะเห็นว่ารอบๆนวมินทร์ซิตี้อเวนิวยังมีที่ดินเปล่าเหลืออยู่พอสมควร ไม่แน่อนาคตอาจจะมีโปรเจคใหม่ๆมาพัฒนา ซึ่งมีความเป็นไปได้ทั้งที่อยู่อาศัย หรือว่าห้างสรรพสินค้า คอมมูนิตี้มอลล์ครับ
ส่วนที่สำคัญอีกอย่างคือ ถ้าใครอยู่โครงการนี้ และมีชีวิตที่ต้องไปแวะเวียนที่ถนนรามอินทรา จะมีซอยเล็กๆข้างๆโครงการเรา เป็นทางเชื่อมลัดเลาะไปสู่ซอยประเสริฐมนูกิจ 29 ได้ซึ่งซอยนี้พอวิ่งไปอีกหน่อยก็จะเปลี่ยนชื่อเป็นซอยรามอินทรา 14 นั่นเองและก็ไปออกถนนรามอินทราได้(บริเวณแยกมัยลาภ)ครับผม
สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น
- The Walk เกษตร–นวมินทร์
- ตลาดหัวมุม เกษตร–นวมินทร์
- Nawamin City Avenue
- CDC
- The Crystal Shopping Mall
- Central Festival East Ville
- Chocolate Ville
- Foodland รามอินทรา
- สนามกอล์ฟทหารบก
- เซ็นทรัลรามอินทรา
- โรงพยาบาล พญาไท นวมินทร์
- โรงพยาบาล เปาโลเกษตร
- โรงพยาบาล วิภาวดี
- มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
- โรงเรียนเลิศหล้า ถนนเกษตร–นวมินทร์
The Royal Residence เป็นโครงการระดับ Super Luxury ที่ระดับราคาไม่ธรรมดาแน่นอน โดยโครงการนี้เปิดตัวมาตั้งแต่ปี 2006 และเปิดขายจริงๆจังๆที่มีบ้านตัวอย่างให้ดูก็ปีถัดมา และแบ่งการพัฒนาในช่วงนั้นว่า Phase1(เฟส 1) ซึ่งจะมีบ้านทั้งหมด 6 แบบ(ดูในแผนพื้นที่สีน้ำเงิน) โดยบ้านในตอนนั้นจะตั้งชื่อว่า “Oriental Victorian Serie” ซึ่งเดิมจะมีบ้านถึง 6 แบบ แต่ปัจจุบันเฟสนี้มีบ้านที่ยังขายอยู่ 1 แปลงเท่านั้น
และต่อมาในปี 2012 พื้นที่เฟส 2 ก็ได้ถูกพัฒนาต่อมา โดยในคราวนี้แบบบ้านก็ได้มีการเปลี่ยนแปลงไปเป็น Contemporary Series (มีทั้งหมด 5 แบบ) แบบบ้านจะเป็น Colonial Style แบบเดียวกับเฟสแรก แต่มีการปรับให้ดูทันสมัยร่วมสมัยมากขึ้นหน่อย ซึ่งที่ดินจะมีขนาดเล็กลงกว่าเฟสแรก แต่ก็ยังอยู่ในช่วง 160-400 กว่าตร.วาอยู่ดี ปัจจุบันเฟสนี้มีบ้านที่ยังขายอยู่ 5 แปลง และทางโครงการแจ้งมาว่าอนาคตปีหน้า 2019 กำลังจะเตรียมเปิดพื้นที่เฟส 3 พร้อมแบบบ้านใหม่ (ต้องรอติดตามกันอีกทีนะครับ)
โครงการนี้มีเนื้อที่โครงการ 76 ไร่กว่า แต่มีบ้านทั้งหมดเพียงจำนวน 79 ยูนิต โดยตัวที่ดินจะถูกยกสูงกว่าถนนซอยด้านหน้าเมตรครึ่งกว่าๆเลย ระบบรักษาความปลอดภัยเป็นรั้วกำแพงทึบสูงกว่า 3.80 เมตร และ CCTV ภายในโครงการรวมแล้วกว่า 40 จุด และมีการแยกพื้นที่ส่วนกลาง Clubhouse พื้นที่ขนาดใหญ่กว่า 5 ไร่
เริ่มจากที่รั้วกำแพงโครงการด้านหน้า เป็นซุ้มสไตล์ “โคโลเนียล” รูปแบบสถาปัตยกรรมของตะวันตกที่มีเอกลักษณ์เด่นชัด ตรงซุ้มนี้มีความสูงถึง 10 เมตรเลย ดูโอโถ่หรูหรา จากมุมนี้เราจะเห็นได้ชัดอีกว่าที่ดินโครงการมีการยกระดับสูงกว่าถนนซอยด้านหน้า 1.50 เมตรกว่าๆ
พื้นถนนโครงการจะเป็นคอนกรีตแสตมป์เกือบทั้งหมด เริ่มตั้งแต่ซุ้มโครงการด้านหน้าครับ ตัวประตูด้านหน้าจะเป็นรั้วเหล็กโปร่งสีเขียว ด้านหลังประตูจะเป็นรั้วไม้กั้นกระดกโดยรปภ.จะสแกนก่อนในการเข้าออก
ส่วนของ Visitor ก็ต้องมาแลกบัตรกับแจ้งทะเบียนบ้าน แปลงลูกบ้านว่าหลังไหนนะครับ ตรงนี้จะมี CCTV ส่องที่ใบหน้าและก็ป้ายทะเบียน
พอเข้ามาแล้ว ส่วนแรกจะเจอกับถนนเมนที่มีพื้นที่เกาะกลางขนาดใหญ่ โดยอาคารชั้นเดียวที่เห็นทางซ้ายมือจะเป็นส่วนของนิติบุคคล
หันไปมองทางขวามือเป็นส่วนของพื้นที่สวนหย่อมด่านแรกก่อนเข้าไปในส่วนพักอาศัย
หันไปทางขวามืออีกนิดที่เห็นอาคาร 2 ชั้นตรงนี้เป็นส่วนของพื้นที่ Sale Office Gallery ด้านในจะมี Sale ประจำโครงการอยู่ มีโมเดลโครงการให้ดูเพื่อให้เห็นภาพชัดๆว่าแปลงไหนยังว่างอยู่
ทางซ้ายมือของสวนฝั่งตรงข้ามตกแต่งมีกลิ่นอาย “สถาปัตยกรรมตะวันตก”ให้เข้ากับธีมของโครงการ ทำเป็นเหมือน Display Show ทรงโค้งรูปเกือกม้า
รูปปั้นช้างถวายดอกบัว อยู่ใต้ต้นลีลาวดี และขนาบกับทางเดินเพื่อเข้าไปสู่ปลายสวนที่เป็นที่ตั้งศาลพระพหรม
ที่สุดปลายทางเดินซึ่งเป็นที่ตั้งของศาลพระพรหม ซึ่งจะถูกโอบล้อมด้วยต้นไม้ใหญ่รอบด้านทั้งหมด ได้ความรู้สึกร่มรื่นสบายตามีความร่มเย็นของร่มไม้ครับ
กลับมาที่ถนนเมนกันต่อ ที่เราเห็นประตูด้านหน้า จริงๆแล้วโครงการเค้าทำส่วนของ Double Gate ส่วนที่ 2 เอาไว้ โดยเดิมตั้งใจจะทำเป็นระบบ RFID(หรือแบบทางด่วนช่อง Easypass) แต่วันที่ผมไปเค้าเปิดประตูเอาไว้ตลอด ซึ่งทางเจ้าหน้าที่แจ้งว่าอาจจะมีการปรับเปลี่ยนระบบใหม่ให้เหมาะกับรถของลูกบ้านนะครับ
ส่วนข้างๆถนนเมนจะมีพื้นที่ของฟุตบาทขนาดกว้างเอาไว้อยู่ เผื่อใครพาครอบครัวมาเดินเล่นในโครงการก็กว้างขวางดี และจะเจอกับศาลเจ้าที่ สังเกตบริเวณไหนที่มีศาลตั้งต้นไม้จะร่มรื่นมากๆเป็นพิเศษ
ถนนเมนส่วนนี้มีความกว้างถึง 16 เมตร โดยยังเป็นพื้นสแตมป์คอนกรีตต่อเนื่องมาตั้งแต่ด้านหน้าโครงการ
มาถึงจุดที่เป็นวงเวียนตรงนี้ถือเป็นตัวแจกทางซ้ายขวาไปยังแปลงต่างๆครับ โดยวงเวียนจะตกแต่งเป็นน้ำพุที่มีเสาหินทั้ง 4 แท่งขึ้นมาตามมุมทั้งสี่เป็นส่วนตกแต่ง
ด้านหลังของน้ำพุวงเวียน เราจะเจอกับส่วนของศาลาเรือนไทยจุดนี้ เดี๋ยวเราขึ้นไปดูกัน
ภายในศาลาขนาดพื้นที่ไม่เล็กไม่ใหญ่มาก มีที่นั่งเล่นหลบแดด ได้บรรยากาศเหมือนกับในละครไทยยุคเก่า ด้านนอกเป็นส่วนของชานชาลาริมน้ำกลางแจ้งที่ออกไปยืนชมวิวทะเลสาบภายในโครงการ
ผมออกมายืนชมวิวทะเลสาบ และสองฝั่งข้างทางจะเป็นส่วนของบ้านในเฟสแรกสุดของโครงการ ที่ติดอยู่ริมทะเลสาบ เป็นบ้านในซีรีย์ Oriental Victorian ซึ่งเราก็จะเห็นตัวบ้านสองฝั่งที่แบบบ้านจะเป็นโคโลเนียม หรือ บ้านทรงฝรั่ง (อิงกับยุคสมัยรัชกาลที่ 5-6) มองตรงไปที่สุดของ Lake ฝั่งตรงข้ามเราจะเห็นส่วนของ The Royal Club ที่เป็นส่วนของพื้นที่ส่วนกลางหลัก
ออกมาจากศาลาเรือนไทย กลับมาที่วงเวียน Drop Off เราจะเห็นส่วนของพื้นถนนเปลี่ยนเป็นพื้นคอนกรีตธรรมดา แต่ว่ายังคงดูสวยงามเพราะไม่เห็นเสาไฟฟ้าแน่นอนว่าโครงการระดับนี้สายไฟทั้งหมดลงใต้ดินเป็นพื้นฐานอยู่แล้วครับ และมีการตกแต่งเสาไฟให้เข้ากับคอนเซปท์โครงการ โดยถนนรองบางส่วนจะแบ่งออกเป็น 2 เลน มีพื้นที่เกาะกลางเป็นต้นหูกระจงแยกเป็นสองฝั่ง ได้ความร่มรื่นโอบล้อมเวลารถวิ่งผ่าน
ตามมุมแยกต่างๆในโครงการ จะมีส่วนของป้อมรปภ.เสริมภายใน ซึ่งจะมีทั้งหมดรวมเกือบ 20 ป้อม ก็จะมีรปภ.แวะมาตรวจตราเซ็นชื่อตามเวลาที่กำหนดไว้
ส่วนของรั้วโครงการจะเป็นแบบครึ่งทึบครึ่งโปร่งสูงรวมๆประมาณ 3.8 เมตร โดยเราจะเห็นว่ามีการแฝงรายละเอียดเล็กๆที่เป็น “ลวดลาย” อีกทั้งจะลงต้นไม้เอาไว้ เนื่องจากเป็นโครงการที่มีอายุมาพอสมควรแล้ว ส่วนของต้นไม้ก็เรียกว่าโตระดับนึงแล้วได้ร่มเงาเต็มที่ สูงมากกว่า 5-6 เมตรเลยทีเดียว
ในที่สุดก็เดินมาถึงฝั่งด้านหลังตรงกลางหมู่บ้านกันแล้วนะครับ ซึ่งเราจะพาไปดูส่วนกลางหลักที่ชื่อว่า The Royal Club กัน
The Royal Club คือชื่อเรียกของพื้นที่ส่วนกลางนี้ โดยได้รับการออกแบบจากสถาปนิกชื่อดังระดับโลก Bill Bensley ที่มีผลงานโดดเด่นทั้ง Landscape และ Architecture โดยโจทย์นั้นคือเนรมิตพื้นกว่า 5 ไร่ส่วนนี้มาเป็นพื้นที่ส่วนกลางที่มีพื้นที่ใช้สอยกว่า 3,000 ตารางเมตร
ส่วนของบริเวณทางเข้าด้านหน้า รูปแบบจะคล้ายกับเรือนไทยเล็กก่อนหน้า แต่ผสมผสานกับคอนกรีตสีเหลืองครีมเข้าไปให้เข้ากับสไตล์ตะวันตก
ตัวเรือนไทยด้านในเป็นรูปแบบ Semi Outdoor ทั้งหมด หรือว่ากึ่งกลางแจ้งครับ เพดานตรงกลางยกสูงและเจาะด้วยช่องแสง และมีการแจกทางเดินไปได้ทั้งสองฝั่งและจะกลับมาบรรจบกันที่ฝั่งตรงข้าม
ตรงกลางถูกจัดเป็นสวนสนามหญ้าให้ลูกบ้านมานั่งเล่น ทำกิจกรรมได้ แต่ว่าห้ามนำสัตว์เลี้ยงมานะครับ
ตัวพื้นมีความโดดเด่นปูด้วยหินอ่อน 2 สีดำ-ขาวสลับกันไปเป็นลายตารางหมากรุก ซึ่งเป็นหนึ่งในแพทเทิร์นพื้นสไตล์โคโลเนียลที่เพิ่มความโดดเด่นให้กับพื้นที่นั้นๆ ทางเดินตรงนี้ดูมีความ Symmetry อยู่แหะ ผมว่าสวยดีนะ
หันไปมองทางขวามือระหว่างทางเดิน จะเห็นส่วนของ Lake หรือว่าทะเลสาบที่โครงการเค้าตั้งใจขุดขึ้นมาเป็นส่วนตกแต่งรอบๆพื้นที่ส่วนกลาง อารมณ์ตรงนี้มองไปเหมือนในละครยุครัชกาลที่ 5 ได้ฟีลลิ่งดี
ฝั่งตรงข้ามจะมีส่วนของห้อง Locker Room ที่แยกชายหญิงทั้งสองฝั่งอยู่ครับ
ในส่วนของคุณผู้ชายพอเข้าไปแล้ว จะแจกทางเดินเป็น 2 ฝั่ง โดยฝั่งซ้ายจะเป็นส่วนของพื้นที่แต่งตัวที่มีตู้ล็อกเกอร์ โต๊ะเครื่องแป้ง ส่วนทางฝั่งขวาจะเป็นโซนอ่างล้างหน้า ห้องน้ำ ห้องอาบน้ำ และมีซาวน่าครับ (จริงๆแล้วตรงจุดนี้ด้านนอกมีมุมจากุชชี่ด้วย แต่ว่าวันที่ไปกำลังปรับปรุงรีโนเวทใหม่อยู่ครับ)
หน้าตาในส่วนของห้องน้ำและห้องอาบน้ำ มีการแฝงลวดลายเอาไว้ที่ผนังด้านหลัง
ตัวพื้นทั้งหมดก็จะปูด้วยหินอ่อนสีขาวแผ่นเล็ก โดยจะปูสลับเป็นลวดลายที่เรียกว่า Linear(ลิเนีย) หรือ Diamond(ไดมอนด์) นั่นเอง
ออกมาจากส่วนอาคารแรกกันแล้วนะครับ ทีนี้เราจะเห็นพื้นที่ส่วนกลางหลักๆอีก 3 ส่วน ผมเลยแยกใส่ข้อความเอาไว้ให้ โดยเริ่มจากจะไปดูทางซ้ายมือสุดกันก่อน
Recreation เป็นพื้นที่สำหรับพักผ่อนสมกับชื่อ แต่ว่าที่ชั้น 2 ของอาคารนี้มีห้องออกกำลังกายอยู่ด้วย
เข้ามาที่ด้านในแล้ว การตกแต่งหรือสไตล์มีความผสมผสานระหว่าง Tropical & Colonial โดยฟังก์ชันตรงนี้เป็นพื้นที่นั่งเล่น มีโต๊ะทำงานให้ด้วย
การตกแต่งภายในจริงๆแล้วออกไปทาง Colonial นำมากกว่าหน่อย เพราะนิยมใช้เฟอร์นิเจอร์รูปแบบโบราณ ไม่ว่าจะเป็นตู้ โต๊ะ เก้าอี้ นาฬิกาตั้งพื้น ผนังภายในนิยมใช้การทำนูนต่ำแบบเรียบง่ายบางส่วน ผสมกับการใช้ผนังฉาบปูนเรียบ วัสดุพื้นจะนิยมใช้ไม้ หินอ่อน กระเบื้องลายโบราณ
ตัวโถงบันไดมีช่องแสงทุกฝั่งรอบด้าน และออกแบบเป็นบันไดเวียน เลยทำให้ต้องหั่นชานพักเป็นสามเหลี่ยมมากหน่อยขึ้นลงก็ต้องจับราวกันลื่นทุกครั้งด้วยนะครับ
ขึ้นมาที่ชั้น 2 กันแล้ว พื้นที่ทั้งหมดจัดเป็นส่วนของ Fitness ห้องออกกำลังกาย แต่เป็นสไตล์เรือนไทยที่ใช้วัสดุไม้จริงทั้งหมด
ภาพบรรยากาศส่วนต่างๆในพื้นที่ห้องออกกำลังกาย โดยทั้งสองฝั่งจะถูกประกอบด้วยผนังกระจกช่องแสง เพื่อบรับวิวด้านนอกได้ เครื่องเล่นมีทั้งคาร์ดิโอ เวทเทรนนิ่ง บาร์ดัมเบล และก็หุ่นยางเอาไว้มาระบาย เอ้ยมาชกมวยได้ครับ
อันนี้เป็นวิวจากนอกหน้าต่างในห้องออกกำลังกาย ฝั่งคนมาเล่นพวกลูวิ่ง ปั่นจักรยานครับ ออกกำลังกายไปมองวิวไปทางสระว่ายน้ำและทะเลสาบ
อาคารถัดมาคือส่วนของ Co-Working Space
เข้ามาด้านในสัมผัสได้ถึงความโอโถ่ เพดานสูงลิบลิ่ว ผนังช่องแสงรอบด้าน เปิดประตูสี่ทิศทำให้กลายเป็นพื้นที่ทำงานแบบ SemiOutdoor ตัวพื้นด้านในปูด้วยหินอ่อน 2 สีดำ-ขาวสลับกันไปเป็นลายตารางหมากรุก มีการจัดพื้นที่ตามมุมต่างๆให้เป็นที่นั่งเล่น อ่านหนังสือ โต๊ะทำงาน ห้องนี้สามารถเป็นที่ประชุมลูกบ้านได้ด้วย
ด้านบนมีการเจาะช่องแสงแบบนี้เอาไว้ตรงกลางอาคาร เวลากลางวันไม่ต้องเปิดไฟเลย สว่างทีเดียว
ออกมาด้านนอกจะมีป้ายบอกฟังก์ชันส่วนอื่นๆ
ข้างๆส่วนของอาคาร Co-Working Spcae จะมีห้องน้ำแยกชายหญิงอยู่อีกอาคาร ซึ่งอาคารนี้จะเป็นส่วนของเรือนแม่บ้านด้านหลังด้วยครับ
พื้นที่สนามเด็กเล่นอยู่ติดกับสระว่ายน้ำฝั่งซ้าย ซึ่งปูด้วยสนามหญ้าและเครื่องเล่นต่างๆ
สระว่ายน้ำซึ่งเป็นไฮไลท์หลักของที่นี่ตัวสระมีความยาวประมาณ 36 เมตร และแยกสระเด็กเอาไว้ให้อีกส่วน
ตัวทางเดินมายังพื้นที่สระจะเน้นส่วนของต้นไม้ให้พื้นที่สีเขียวค่อนข้างมาก
ทางฝั่งขวามือตัวพื้นจะถูกยกสูงเป็นบันไดสเต็ป และแบ่งโซนเป็นพื้นที่ Poolbed เอาไว้นอนเล่นชมวิวอาบแดด โซนนี้เราจะเห็นส่วนของต้นลีลาวดีเยอะหน่อยโอบล้อมทางเดินเอาไว้
ส่วนแรกของสระบริเวณนี้เป็นของสระเด็กนั่นเอง ซึ่งก็ใหญ่แล้วนะเนี่ย ขนาดประมาณ 6 x 7 เมตรครับ
ส่วนถัดมาเป็นสระผู้ใหญ่ ซึ่งสามารถลงไปได้หลายจุดครับ ข้างๆสระจริงๆแล้วสามารถเปิดน้ำพุเล็กๆตกแต่งเวลามาใช้งานได้
สระว่ายน้ำผู้ใหญ่ขนาดประมาณ 30 x 7 เมตร เรียกว่าว่ายกันสะใจเลยครับ เพราะเลย half olympic size pool ไปหน่อยแล้วด้วย สามารถออกกำลังกายได้จริงจัง
ส่วนสุดปลายสระ ก็สามารถมาเกาะขอบสระดูวิว Lake ตรงนี้ได้ และที่เราเห็นทางขวาสุดทางเดินจะเจอกับศาลาเล็กอีกจุดนึง
ศาลาเรือนไทยเล็กได้อารมณ์แบบในละคร พี่มารอที่ท่าน้ำทุกวันเลย
โดยด้านในจะเป็นฟังก์ชันของ จากุชชี่ขนาด 3.2 x 3.2 เมตร นั่งได้ 3 ทิศทางนั่นเองครับ และไม่ต้องกลัวแดดกลางวันยังสามารถมาใช้งานได้เพราะมีบังแดด แต่ว่าก็ยังสามารถชมวิว Lake ได้เต็มๆตามแบบนี้ มองบ้านสวยของแปลงอื่นไปเพลินๆ
ในส่วนของพื้นที่ The Royal Club จะมีทางเข้าออกอีกฝั่งนึงตรงข้ามกัน แต่เป็นส่วนของประตูทางคนเดินแบบนี้นะ
โดยถ้าเราจะไปส่วนอื่นๆก็มีรถกอล์ฟจอดไว้ให้ลูกบ้านใช้งานอยู่ตรงส่วนนี้ด้วย
สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก
- สวนหย่อมด้านหน้าโครงการ (ติดกับ Sale Gallery)
- ระบบสายไฟร้อยท่อลงใต้ดินถนนภายในโครงการ
- The Royal Club ที่ดินกว่า 5 ไร่ และ พื้นที่ใช้สอย 3,000 ตร.ม.
- Locker Room, Jacuzzi, Sauna
- อาคาร Recreation มีห้องรับรอง
- Fitness ห้องออกกำลังกายขนาดใหญ่มีเครื่องเล่นประมาณ 9 เครื่อง
- อาคาร Co-Working Spcae
- สนามเด็กเล่นพร้อมเครื่องเล่น
- สระว่ายน้ำเด็กขนาด 6 x 7 เมตร (แยกส่วน)
- สระว่ายน้ำผู้ใหญ่ขนาด 7 x 30 เมตร ระบบคลอลีน
- Jacuzzi จุดชมวิวที่ Pavillion
- ระบบ CCTV ที่ Main Gate และภายในโครงการ 40 จุด
- รั้วรอบโครงการสูง 3.80 ม.
- ที่ดินโครงการยกสูงกว่าถนนซอยด้านหน้าประมาณ 1.50 เมตร
- Access ประตูหลักและประตูเข้าบ้านด้วยรีโมท
- เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย 24 ชั่วโมง
- ถนนหลักกว้าง 20, 16 ม. และถนนภายในกว้าง 6-9 ม.
บ้านเดี่ยวของโครงการ (ในเฟส 2) มีทั้งหมด 5 แบบ ได้แก่
- I : เนื้อที่เริ่มต้น 160 ตารางวา พื้นที่ 399 ตร.ม. 4 ห้องนอน 5 ห้องน้ำ 2 จอดรถ
- G1 : เนื้อที่เริ่มต้น 160 ตารางวา พื้นที่ 450 ตร.ม. 5 ห้องนอน 6 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ
- G2 : เนื้อที่เริ่มต้น 160 ตารางวา พื้นที่ 485 ตร.ม. 5 ห้องนอน 6 ห้องน้ำ 3 ที่จอดรถ
- H : เนื้อที่เริ่มต้น 220 ตารางวา พื้นที่ 533 ตร.ม. 5 ห้องนอน 6 ห้องน้ำ 3 ที่จอดรถ
- L : เนื้อที่เริ่มต้น 280 ตารางวา พื้นที่ 841 ตร.ม. 6 ห้องนอน 7 ห้องน้ำ 4 ที่จอดรถ
โดยบ้านที่เราสามารถพอเข้าไปดูได้คือส่วนของบ้านในเฟส 2 ที่ตอนนี้เหลือขายเพียง 5 แปลง ซึ่งหลังที่เราเข้าไปเป็น Type H ขนาด 533 ตร.ม. บนเนื้อที่ดินประมาณ 1 ไร่ มีจำนวน 4+1 ห้องนอน 6 ห้องน้ำ 3 ที่จอดรถ (ส่วนฟังก์ชันอื่นๆดูจากด้านบนทางขวามือได้ครับ)
ส่วนในเรื่องของวัสดุบ้านเฟส 2 เนื่องจากเป็นบ้านขนาดใหญ่เลยมีแบบละเอียดให้โหลดไปดูได้ด้วย “คลิกที่นี่”
ด้านนอกเป็นส่วนของอาคารจอดรถก่อนสามารถจอดรถในร่มได้ 3 คัน โดยขนาดกว้างยาวอยู่ที่ 5.5 x 9.2 เมตร แต่ด้วยสเกลพื้นที่ดินของบ้านส่วนใหญ่จะเริ่มที่ 160 ตร.วาขึ้นไป ถ้าใครมีรถมากกว่า 3 คันก็จอดกลางแจ้งได้สบาย
ส่วนด้านหน้าบ้านจะมีทางเข้าออกแยกกัน 3 ส่วนที่มีทั้ง Main Entrance, ทางเข้ารองที่มีเฉลียงด้านหน้าก่อนเข้า, และทางเข้าออกส่วนของแม่บ้านแยกไปเลย ด้านในบ้านโถงกลางจะเป็น Void ที่เป็นแบบ Double Volume ซึ่งให้ความโอโถ่ในบ้านระดับใหญ่ ฟังก์ชันหลักๆชั้นล่างจะเป็นส่วนรับแขกและรับประทานอาหาร มีการแยกพื้นที่ครัวฝรั่งและครัวไทยปิดไว้ให้ ส่วนของแม่บ้านแยกส่วนการจัดการและอยู่อาศัยชัดเจนไม่มาปะปนกับคนในครอบครัวรองรับแม่บ้านไว้ให้ 2 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ ที่ชั้นล่างยังมีการแบ่งพื้นที่ของห้องนอนผู้สูงอายุมาไว้ด้วย โดยด้านในขนาดกว้างขวาง มีห้องน้ำและพื้นที่แต่งตัวในตัว
พื้นที่ชั้น 2 ขึ้นมาจะเป็นส่วนของ โถงบันไดทางเดินเดี่ยว Single Corridor โดยจะแจกทางไปยังห้องต่างๆอาทิเช่น ห้องพระ, ห้องนอนอีก 4 ห้อง ซึ่งทุกห้องมีพื้นที่ที่มีฟังก์ชันกว้างขวาง แต่งตัว ห้องน้ำในตัวทั้งหมด แต่ว่าส่วนของ Master Bedroom จะมีความใหญ่พิเศษหน่อย เพิ่มระเบียงด้านหน้าเข้ามา และห้องน้ำก็มีการแยก His&Her รวมถึงมีอ่างอาบน้ำมาให้
บ้าน_5
ด้านบนเป็นส่วนของรูปบ้านตัวอย่างมาตรฐาน ที่พร้อมเตรียมขาย Type H แปลงที่ 19 (แปลงริม) มีเนื้อที่ดินภายในเยอะพิเศษหน่อย วัสดุก็มีทั้งปุพื้นกระเบื้อง, หินอ่อน, ไม่มะค่า มีทำครัวไทยให้, ความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดานอยู่ที่ 3.20 – 3.40 เมตรครับ ซึ่งบ้านเฟส 2 อย่างที่บอกไปตอนแรกว่าเป็น Contemporary Series (มีทั้งหมด 5 แบบ) จริงๆแล้วก็คือสไตล์ โคโลเนียลนะครับ แต่ดักแปลงดีไซน์จากเฟสแรกมาให้ร่วมสมัยหน่อย
สไตล์โคโลเนียล (Colonial Style) เป็นศิลปะแบบตะวันตกที่เข้ามาในประเทศไทยตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5-6 ซึ่งอยู่ในยุคล่าอาณานิคม ชาวตะวันตกจะมีการปลูกสร้างอาคารต่างๆ ในเมืองขึ้นของตน รูปแบบอาคารสมัยนั้นจึงมีการผสมระหว่างความเป็นตะวันตกกับความเป็นพื้นถิ่นของประเทศนั้นๆ ซึ่งผู้คนสมัยนั้นเรียกสถาปัตยกรรมแบบนี้ติดปากว่า “ตึกฝรั่ง”
ลักษณะเด่นของรูปทรงอาคารโคโลเนียล คือ มีระเบียงกว้างที่มีเสามารองรับชายคาเรียงตัวกันเป็นจังหวะ ตัวบ้านนิยมใช้โทนสีอ่อนหรือสีพาสเทล อย่างเช่นสีขาว สีครีมงาช้าง เขียวอ่อน ชมพูอ่อน และฟ้าอ่อน ผนังส่วนใหญ่เป็น “ผนังไม้ตีซ้อนเกล็ด” สลับกับผนังปูน อาจมีการประดับตกแต่งด้วยบัวปูนปั้นรอบชายคา และองค์ประกอบของเสาที่บางครั้งก็มีการลดทอนจากเสาโรมัน รั้วนอกบ้านและราวระเบียงนิยมใช้ไม้ทาสีขาวมาเรียงกันเป็นจังหวะที่เรียบง่าย
ประตูและหน้าต่างถูกจัดวางอย่างเป็นระเบียบในแนวเดียวกัน นิยมใช้ทั้งทรงสี่เหลี่ยมและทรงโค้งรูปเกือกม้า มักเพิ่มรายละเอียดด้วยเส้นประดับลูกฟักเพื่อแบ่งช่องประตูและหน้าต่างให้ดูน่าสนใจ อาจประดับตกแต่งด้วยบัวปูนปั้นรอบกรอบหน้าต่าง หรือเพิ่มความอ่อนช้อยด้วยไม้ฉลุลายด้านบน และเปิดรับความสดชื่นนอกหน้าต่างด้วยกระบะดอกไม้สีสันสดใส เชื่อมโยงกับสวนภายนอกบ้านที่พัฒนาจากสวนสไตล์คลาสสิก แต่ลดทอนความเป็นทางการและความสมมาตรให้น้อยลง ดูรื่นรมย์เป็นธรรมชาติ (ขอบคุณที่มาข้อมูลจาก SCG Building ที่นี่ ด้วยครับ)
และที่บอกว่าซีรีย์เฟส 2 มีการดัดแปลงมานิดหน่อยคือส่วนของหลังคา ซึ่งไม่ได้เลือกใช้หลังคารูปทรงจั่วผสมปั้นหยา ที่นิยมใช้กัน แต่จะเปลี่ยนเป็นแบบ Contemporary ให้ร่วมสมัยขึ้นหน่อยนั่นเอง
***สามารถไปชมแบบบ้านอื่นๆในโครงการทั้งหมด ได้โดย “คลิกที่นี่”
ส่วนบ้านอีกแปลงนึงที่เราเข้าไปเก็บภาพบรรยากาศมาได้ เป็นบ้านตัวอย่างหลังสุดท้ายของ เฟส 1 ที่อยู่ใน Oriental Victorian Series (มีทั้งหมด 6 แบบ) โดยหลังนี้จะเป็นแบบ Royal Baron (Type B) แปลงที่ 28 (แปลงมุมติดถนนเมน)
บ้าน_41
ซึ่งบ้านหลังนี้จะมีเงื่อนไขพิเศษหน่อย คือขายพร้อมตกแต่งแบบในบ้านตัวอย่างเลย ได้เฟอร์นิเจอร์ตามรูป ทางเซลล์แจ้งว่าสามารถเข้ามาสอบถามรายละเอียดเกี่ยวกับวัสดุได้โดยตรงเพราะมีหลากหลายมาก ทั้งเฟอร์ลอย เฟอร์ Built-In เราเลยเก็บภาพบรรยากาศส่วนต่างๆในบ้านมาให้ชมอย่างเดียว
จะเห็นว่าซีรีย์เฟสแรก มีความเป็นโคโลเนียล มากกว่าหน่อยที่บอกว่าแม้กระทั้งหลังคา ที่สไตล์นี้จะเน้นหลังคารูปทรงจั่วผสมปั้นหยา ที่นิยมใช้ “กระเบื้องหลังคาหางว่าว” หรือ “กระเบื้องว่าว” ซึ่งเป็นเอกลักษณ์คู่บ้านเรือนไทยด้วยรูปทรง “สี่เหลี่ยมข้าวหลามตัด” ที่นำมาเรียงตัวต่อเนื่องในแนวเส้นทะแยงมุมอย่างเป็นระเบียบสวยงาม สอดคล้องกับรูปลักษณ์และรายละเอียดการตกแต่งภายนอกได้เป็นอย่างดี ถือเป็นการผสมผสานระหว่างวัฒนธรรมไทยและศิลปะตะวันตกจนแทบจะเรียกได้ว่าหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกันได้อย่างลงตัว
ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 14 August 2018
- บ้าน G2 ที่ดิน 200 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 489 ตร.ม. 4+1 ห้องนอน 6 ห้องน้ำ 3 ที่จอดรถ เริ่ม 69 ล้านบาท
- บ้าน H ที่ดิน 200 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 533 ตร.ม. 4+1 ห้องนอน 6 ห้องน้ำ 3 ที่จอดรถ เริ่ม 82.5 ล้านบาท
- บ้าน C ที่ดิน 268 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 711 ตร.ม. 4+1 ห้องนอน 6 ห้องน้ำ 3-6 ที่จอดรถ เริ่ม 100 ล้านบาท
- บ้าน D ที่ดิน 405 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 960 ตร.ม. 5+1 ห้องนอน 7 ห้องน้ำ 6 ที่จอดรถ เริ่ม 157 ล้านบาท
- เพดานชั้น 1 สูง 3.2 เมตร, ชั้น 2 สูง 3.4 เมตร
- ค่าส่วนกลาง 45 บาท/ตร.วา/เดือน จัดเก็บล่วงหน้า 3 ปี
- ค่าจดจำนอง ผู้ซื้อเป็นผู้ชำระ
- ค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายในการโอนกรรมสิทธิ์ ผู้ซื้อแล้วผู้ขายชำระฝ่ายละครึ่ง
- ค่าประกัน มิเตอร์ไฟฟ้า ประปา ผู้ซื้อเป็นผู้ชำระ
**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ครับ
ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง – โครงการอยู่ในย่านเกษตร–นวมินทร์ (หรือถนนประเสริฐมนูญกิจ) เข้าไปในซอยสุคนธสวัสดิ์ 27 นิดเดียวทำเลนี้จัดเป็นทำเลย่านบ้านหลังใหญ่ในกรุงเทพฯ ที่หลายๆคนที่มีฐานะนิยมชมชอบก็ว่าได้ครับ เพราะถ้าสังเกตดีๆจะเห็นได้ว่าในย่านนี้จะมีโครงการบ้านเดี่ยวราคาหลักสิบล้านขึ้นไปให้เห็นค่อนข้างเยอะยันไปถึงทะลุร้อยล้านก็มี สิ่งที่ทำให้ราคาหมู่บ้านในย่านนี้ราคาสูงก็เนื่องมากจากทำเล ที่สามารถเข้า–ออกเมืองได้สะดวก และเชื่อมต่อถนนใหญ่ได้หลายเส้นทาง ขึ้น–ลงทางด่วนได้ง่าย มีตัวเลือกในการเดินทางได้ และด้วยความที่เป็นถนนตัดใหม่ เส้นทางต่างๆถนนหนทางจึงกว้างขวางใช้งานสะดวก อีกทั้งตรงนี้ถือว่าใกล้เมืองแต่ว่ายังมีที่ดินให้พัฒนาได้ เลยเกิดเป็นรูปแบบโครงการบ้านต่างๆหลากหลายนั่นเอง
นอกจากการเดินทางแล้ว ในเรื่องของความอุดมสมบูรณ์ ตรงข้ามทางเข้าโครงการจะมี Community Mall อย่าง Nawamin City Avenue ที่จริงๆแล้วด้านในก็ถือว่ามี ร้านครบเครื่องอยู่นะ (ทั้งร้านอาหาร, วิลล่ามาร์เก็ต, ธนาคาร) ขยับมาถนนหลักด้านหน้ายังมี The Walk กับตลาดหัวมุมให้เปลี่ยนบรรยากาศ ย่านนี้จะขึ้นชื่อเรื่องมีแหล่งช็อปปิ้งและสถานที่ Hang out ให้เลือกหลากหลาย นอกจากนี้ยังมีห้างดังๆที่อยู่บนเส้นเลียบด่วนเอกมัยรามอินทราเช่น The Cystal, CDC, Central East Ville บนถนนเลียบทางด่วนรามอินทรา, Big C, Tesco Lotus ส่วนร้านนั่งชิลก็มีให้เลือกไม่ไกลจากโครงการจะมี Waterside resort and restaurant และร้านนั่งชิลล์อื่นๆอีกเพียบ
ความปลอดภัย – ระบบทางเข้าออกจะเป็น Remote + รปภ. และรั้วไม้กั้นกระดก ซึ่งปัจจุบันเปิดใช้งานแค่. Main Gate เท่านั้น แต่ Gate ที่สองนั้นรอปรับปรุงอยู่ไม่ได้ใช้ RFID แล้ว ภายในโครงการและด้านหน้ามี CCTV รวมกว่า 40 จุด มีป้อมรปภ.ตามโต้งมุมต่างๆ รั้วภายในโครงการสูงประมาณ 3.80 เมตรครับ และในส่วนของตัวบ้านจะมีกันขโมยระบบ Motion Sensor, Magnetic Sensor และ VDO Door Phone ที่เชื่อมต่อกับระบบ Home Automation มาให้
การออกแบบและพื้นที่ใช้สอย – แบบบ้านที่นี่ชัดเจนครับ สไตล์โคโลเนียล (Colonial Style) เป็นศิลปะแบบตะวันตกที่เข้ามาในประเทศไทยตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5-6 ซึ่งอยู่ในยุคล่าอาณานิคม ชาวตะวันตกจะมีการปลูกสร้างอาคารต่างๆ ในเมืองขึ้นของตน รูปแบบอาคารสมัยนั้นจึงมีการผสมระหว่างความเป็นตะวันตกกับความเป็นพื้นถิ่นของประเทศนั้นๆ ซึ่งผู้คนสมัยนั้นเรียกสถาปัตยกรรมแบบนี้ติดปากว่า “ตึกฝรั่ง” ซึ่งคนที่เลือกไปก็ต้องมีความชื่นชอบในดีไซน์นี้ด้วย
ส่วนของพื้นที่ใช้สอยภายใน โครงการนี้เป็นบ้านที่เน้นทั้งตัวที่ดินรอบบ้าน รวมไปถึงพื้นที่ใช้สอยในบ้านอยู่แล้ว มีตั้งแต่ 399 ตร.ม. ไปจนถึง 960 ตร.ม. เรียกว่าเหมาะกับครอบครัวขนาดใหญ่ ตั้งแต่อยู่กันได้ 2 Gen ไปจนถึง 4 Gen เลย (ปู่ย่า พ่อแม่ ลูก หลาน) และที่สำคัญมีการแยกส่วนของแม่บ้านในทุกแบบให้ไม่ปะปนไปกับส่วนทางเดินและเข้าออกร่วมกับสมาชิกในบ้านด้วย
วัสดุ – ในส่วนของวัสดุที่นี่ นับเฉพาะส่วนพื้นที่บ้านเฟส 2 ที่เข้าไปเห็นด้วยตา ระบบก่อสร้างเป็นก่ออิญ คอนกรีตทั้งหมด ลงเสาเข็มหลักๆทุกพื้นที่ที่รองรับการต่อเติม ตัวพื้นบ้านมีทั้งหินอ่อน กระเบื้องพอร์ชเลน ไม้มะค่า ตัวเพดานสูงมาก 3.2-3.4 เมตร ภายในบ้านเน้นช่องแสงเยอะพิเศษ ฝ้าเพดานเล่นระดับ พร้อมแอร์ฝังฝ้า 4 ทิศทางทุกพื้นที่, ในส่วนครัวไทยก็บิวท์อินมาให้เลยมีทั้งเคาน์เตอร์ท๊อปหินสังเคราะห์เตาและที่ดูควัน ชุดตู้ต่างๆ และในห้องน้ำส่วนใหญ่เป็นของ Kohler
พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ – จุดแรกคือสวนหย่อมที่อยู่บริเวณศาลพระพหรมด้านหน้าจัด Landscape ได้สวยมาก ถนนหลักภายในโครงการกว้างและปูด้วยคอนกรีตพิมพ์ลายทั้งหมด โครงการระดับนี้สายไฟลงใต้ดินทั้งหมด อีกทั้งบางส่วนทำเกาะกลางที่ปูต้นหูกระจกเอาไว้โอบล้อมถนนภายใน จะเห็นต้นไม้ขนาดกลางและขนาดใหญ่ตลอดตามถนนและริมรั้วกำแพงโครงการ
สาธารณูปโภค – ส่วนกลางหลักของที่นี่มีชื่อว่า The Royal Club โดยได้รับการออกแบบจากสถาปนิกชื่อดังระดับโลก Bill Bensley ที่มีผลงานโดดเด่นทั้ง Landscape และ Architecture โดยโจทย์นั้นคือเนรมิตพื้นกว่า 5 ไร่ส่วนนี้มาเป็นพื้นที่ส่วนกลางที่มีพื้นที่ใช้สอยกว่า 3,000 ตารางเมตร ที่สำคัญคืออารมณ์เวลาเราเดินเข้าไปใช้งานมันคือรีสอร์ทเรือนไทยที่เล่นลูกผสมกับสไตล์ของโคโลเนียลได้ลงตัวมาก และฟังก์ชันของส่วนกลางค่อนข้างหลากหลาย และมีพื้นที่ใหญ่ในแต่และจุดดูหรูหราเวลามาใช้งาน
Judgement
ราคาของบ้านโครงการนี้ถือเป็นระดับ SUPER LUXURY CLASS ที่นับราคาเริ่มต้นเกิน 30ล้าน++ขึ้นไป ซึ่งความคุ้มค่าด้านราคาไม่ใช่ปัจจัยหลักเพียงอย่างเดียวในการตัดสินใจซื้อแล้ว ยังมีเรื่องความคุ้มค่าด้านอารมณ์ Emotional ส่วนบุคคลที่มาเป็นปัจจัยหลักอีกอย่างหนึ่ง ซึ่งตราบเท่าที่ทางเรายังไม่สามารถวัดค่ามาตรฐานทางอารมณ์ได้ ทาง Think of Living ขอไม่ให้คะแนนฟันธงในรีวิวเจาะลึกนะครับ เพราะเป็นสินค้าประเภท Unique Item และเราก็เชื่อว่าลูกค้าที่พร้อมจะซื้อบ้านระดับนี้ ไม่ตัดสินง่ายๆด้วยคะแนนแน่นอน
BOTTOM LINE
โครงการ The Royal Residence เหมาะกับคนที่มองหาบ้านในย่านเกษตรนวมินทร์ เข้า-ออกเมืองสะดวก เน้นใช้รถส่วนตัวใกล้ทางด่วน ไม่ไกลจากแหล่งธุรกิจและย่านช็อปปิ้ง โครงการมีความ Private ยูนิตไม่มาก เหมาะกับครอบครัวใหญ่อยู่กันได้ทีเดียว 3-4 Gen และชื่นชอบการออกแบบธีมโครงการให้เป็นไปในทิศทางเดียวกันทั้งหมดอย่าง Colonial & Tropical สไตล์ และไม่มีข้อจำกัดในงบการเงินแบบคนทั่วไป