รีวิวฉบับที่ 1016 สวัสดีค่ะ วันนี้เราจะพาไปชมโครงการติดริมแม่น้ำเจ้าพระยากันค่ะ กับโครงการ The Politan Rive คอนโด High Rise สูง 56 ชั้น จำนวน 2,351 ยูนิต จาก Everland โดยโครงการนี้ถือเป็นเฟสแรกบนที่ดินนี้ ซึ่งในอนาคตจะมีการพัฒนาเป็นโครงการอีก 4 เฟสค่ะ สำหรับที่ตั้งโครงการอยู่ในจ.นนทบุรี บนถนนสนามบินน้ำ ในซอยนนทบุรี 15 ลึกเข้าไปประมาณ 180 ม. และห่างรถไฟฟ้าสถานีพระนั่งเกล้าประมาณ 400 ม. ส่วนตัวโครงการจะเป็นอย่างไรนั้น ตามไปดูพร้อมๆ กันเลยค่ะ
ก่อนหน้านี้ทางทีมงานได้มีโอกาสไปทำรายการเกาะกระแสอสังหาของโครงการนี้ค่ะ สามารถรับชมได้โดย (คลิกที่นี่)
Fact @ 10 February 2016
- The Politan Rive (เดอะ โพลิแทน รีฟ)
- บริษัท เอเวอร์แลนด์ จำกัด (มหาชน)
- MAIN CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
- โครงการตั้งอยู่ในเขต : อ.เมือง จ.นนทบุรี
- คอนโด High Rise 56 ชั้น 2,351 ยูนิต ร้านค้า 8 ยูนิต และ Sky lounge ชั้น 57
- ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 51 ชั้น
- ที่จอดรถประมาณ 1,037 คันคิดเป็น 44% รวมจอดซ้อนคัน คิดเป็น 58%
- ที่ดินประมาณ 9-3-37.6 ไร่
- เริ่มก่อสร้าง : Q1 ปี 2559
- คาดว่าจะแล้วเสร็จ : Q1 ปี 2562
- 1 Bedroom 24.5 – 30.5 ตร.ม.
- 2 Bedrooms 50 – 60 ตร.ม.
- ฝ้าเพดานสูง 2.6 เมตร
- ราคาห้องเริ่มต้น 1.29 ล้านบาท
- ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรต่ำสุด-สูงสุด 52,650-130,000 บาท/ตร.ม.
- เพิ่มเติมข้อมูลทำเลรอบๆ รถไฟฟ้าสถานีพระนั่งเกล้า ได้ที่: พาชมทำเลรถไฟฟ้าสายสีม่วง
- เวปไซต์โครงการ : คลิกที่นี่
- โทร : 02-002-2222
เพียงแค่การกด Like ก็เท่ากับการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจาก Think of Living แล้วค่ะ
สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างนะ
พิกัด : 13.873716, 100.479734
ที่ตั้งโครงการตั้งอยู่บนถนนสนามบินน้ำ ลึกเข้าไปในซอยนนทบุรี 15 ประมาณ 180 ม. อยู่ติดริมแม่น้ำเจ้าพระยา และห่างจากสถานีรถไฟฟ้าพระนั่งเกล้าประมาณ 400 ม.ค่ะ ในส่วนของการเดินทางเข้าถึงโครงการนั้นสามารถเดินทางเข้าได้หลายทาง ดังนี้ค่ะ
1. เดินทางมาจากแคราย คือ วิ่งมาทางสี่แยกแครายตามถนนรัตนาธิเบศร์ ก่อนถึงสะพานพระนั่งเกล้าให้กลับรถแล้วเลี้ยวซ้ายเข้าซอยรัตนาธิเบศร์ 42 ลึกเข้าไปประมาณ 300 ม. ก็จะถึงทางเข้าโครงการแล้วค่ะ
2. เดินทางมาจากถนนแจ้งวัฒนะ โดยวิ่งจากถนนติวานนท์เลี้ยวขวาเข้าถนนสนามบินน้ำ ผ่านสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลและกระทรวงพาณิชย์ ตรงมาเรื่อยๆ แล้วเลี้ยวขวาเข้าซอยนนทบุรี 15 ตรงเข้ามาประมาณ 180 ม.
3. เดินทางมาจากบางใหญ่ ตรงมาตามถนนรัตนาธิเบศร์ข้ามสะพานพระนั่งเกล้ามาแล้วเลี้ยวซ้ายเข้าซอยรัตนาธิเบศ 42 หรือเลี้ยวซ้ายเข้าถนนสนามบินน้ำและเลี้ยวซ้ายเข้าซอยนนทบุรี 15 ค่ะ
ทำเลโครงการ The Politan Rive ตั้งอยู่ในจ.นนทบุรี บนถนนสนามบินน้ำ ซึ่งอยู่ระหว่างย่านบางใหญ่และย่านแคราย งามวงศ์วาน สภาพแวดล้อมในแถบนี้เป็นสภาพแวดล้อมที่อยู่ในระหว่างการพัฒนาและมีการปรับเปลี่ยนไปตั้งแต่เริ่มมีการก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าขึ้น จะเห็นว่ามีโครงการคอนโด High Rise เกิดขึ้นตามริมถนนรัตนาธิเบศร์ให้เห็นเป็นระยะตลอด 2 ฝั่งข้างทางยาวไปจนถึงย่านบางใหญ่ เพื่อรองรับคนที่เข้ามาอยู่อาศัยใกล้ระบบรางที่ใกล้เปิดให้ใช้บริการมากขึ้น และก็ยังคงเห็นที่พักอาศัยแบบแนวราบของคนในพื้นที่ที่อยู่อาศัยกันมานานตามริมถนนและตรอกซอกซอยของถนนรัตนาธิเบศร์
สำหรับทำเลบนถนน สนามบินน้ำ นั้นส่วนใหญ่เป็นที่พักอาศัยแนวราบที่อยู่กันมานาน รวมไปถึงเป็นที่ตั้งของกระทรวงพาณิชย์ สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลและสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ทำให้บริเวณช่วงต้นๆ ใกล้ถนนติวานนท์นั้นค่อนข้างคึกคัก มีร้านค้า ร้านอาหาร รวมไปถึงตลาดสำหรับพนักงาน ข้าราชการ และคนในแถบนั้นด้วย
การเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวถือว่าสะดวก เนื่องจากถนนสนามบินน้ำเป็นถนนที่เชื่อมถนนหลักอย่างระหว่างถนนรัตนาธิเบศร์และถนนติวานนท์ สำหรับถนนติวานนท์ ที่ตัดผ่านถนนรัตนาธิเบศร์ที่แยกแคราย ในแนวเหนือ-ใต้ เชื่อมไปยังถนนนครอินทร์ ไปสะพานพระราม 5 ได้ในทิศใต้ และเชื่อมไปถนนแจ้งวัฒนะ มุ่งหน้าห้าแยกปากเกร็ดในทิศเหนือ เป็นอีกหนึ่งเส้นทางคมนาคมที่สำคัญของโซนนนทบุรีนี้ค่ะ สำหรับถนนรัตนาธิเบศร์นั้นสามารถวิ่งข้ามสะพานไปถนนราชพฤกษ์ได้ หรือจะวิ่งเข้าเมืองโดยผ่านแยกแครายก็จะเข้าสู่ถนนงามวงศ์วาน ที่จะเป็นถนนเส้นเดียวกัน มีทางขึ้น-ลงทางด่วนงามวงศ์วานให้ใช้ และมีสิ่งอำนวยความสะดวกเยอะเหมือนกันค่ะ ทั้งนี้ทั้งนั้นเนื่องจากถนนรัตนาธิเบศร์นี้เป็นถนนหลักที่ใช้ในการเดินทางเข้าออกเมืองของคนในย่านนี้จึงอาจจะต้องเผื่อเวลาในการเดินทางมากๆหน่อยนะคะ โดยเฉพาะในช่วงเวลาเร่งด่วนค่ะ
สำหรับการเดินทางโดยพึ่งพิงระบบสาธารณะนั้นถือว่าสะดวกทีเดียวค่ะ โดยเฉพาะการเดินทางด้วยระบบรางที่ใกล้จะเปิดตัวในเดือนสิงหาคมนี้กับรถไฟฟ้าสายสีม่วง โดยสถานีที่อยู่ใกล้ที่สุดคือสถานีพระนั่งเกล้า ที่ห่างจากโครงการประมาณ 400 ม. ซึ่งตัวสถานีจะอยู่ในฝั่งตรงข้ามถนนนะคะ ในอนาคตคาดว่าจะมีการทำสะพานลอยมาเชื่อมให้เพื่ออำนวยความสะดวกคนใช้บริการในฝั่งตรงข้ามด้วย รวมทั้งทางโครงการก็ได้จัดให้มี Shuttle Service เป็นรถตู้รับ-ส่งโดยวิ่งวนเป็นลูปออกจากโครงการวนออกซอยรัตนาธิเบศร์ 42 จอดรับ-ส่งลูกบ้านที่สถานีรถไฟฟ้าและวิ่งกลับเข้าโครงการทางถนนสนามบินน้ำ ซึ่งรถตู้จะมีให้ใช้บริการอยู่ 3 คัน ผลัดวนรับ-ส่งให้ค่ะ
อีกหนึ่งการเดินทางในอนาคตที่มีอยู่ในแผนคือการสร้างจุดเชื่อมต่อเรือด่วนเจ้าพระยา เพื่อรองรับผู้คนที่ใช้บริการรถไฟฟ้าสายสีม่วงและผู้คนในพื้นที่นี้ให้มีทางเลือกในการเดินทางมากขึ้น เมื่อดำเนินการแล้วเสร็จพื้นที่บริเวณนี้จะเป็นอีกจุดที่มีการเชื่อมต่อในการเดินทางเสมือนสถานี Interchange ในด้านการเชื่อมเส้นทางการคมนาคมระบบรางและการคมนาคมทางน้ำ โดยท่าเรือนี้สามารถเดินทางไปถึงสาทรได้เลยค่ะ
ในเรื่องของความอุดมสมบูรณ์บนถนนสนามบินน้ำก็อย่างที่กล่าวไว้แล้วข้างต้นว่ามีร้านอาหาร ร้านรถเข็น รวมไปถึงตลาดสนามบินน้ำที่อยู่ตรงข้ามสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลสามารถหาของกินได้ง่ายไม่ไกลมากนักสำหรับระยะการขับรถนะคะ แต่หากเป็นระยะเดินนั้นค่อนข้างหาของกินลำบากอยู่เหมือนกัน ซึ่งอาจจะต้องพึ่งพิงร้านค้าในโครงการที่จัดมาให้ 8 ร้านค้าค่ะ ส่วนห้างที่อยู่ใกล้ที่สุดก็คือ Central รัตนาธิเบศร์ ห้างดังห้างใหญ่ประจำถนนสายนี้ สามารถวิ่งลัดเข้าถนนเลี่ยงเมืองนนทบุรีเข้าสู่ตัวห้างได้ไม่ต้องเผชิญรถติดบนถนนรัตนาธิเบศร์ ส่วนห้างที่ไกลออกไปหน่อยก็จะมี Central West Gate แถบบางใหญ่กับอีกฝั่งบนถนนงามวงศ์วานอย่าง Esplanade แครายและ The Mall งามวงศ์วานให้เลือกไปช็อปปิ้งกัน โดยรวมแล้วสิ่งอำนวยความสะดวกและความอุดมสมบูรณ์ในรัศมีไม่เกิน 10 กม. ก็ถือว่าค่อนข้างครบครันค่ะ
สำหรับการเดินทางของเราในวันนี้ จะเริ่มต้นจากถนนงามวงศ์วานบริเวณพันธ์ทิพย์งามวงศ์วาน ที่เลยจาก The Mall งามวงศ์วานไปประมาณ 550 ม. ตรงไปเรื่อยๆ บนถนนรัตนาธิเบศร์ผ่านสี่แยกแคราย และ Central รัตนาธิเบศร์ ตรงมาเรื่อยๆก่อนขึ้นสะพานพระนั่งเกล้าให้กลับรถใต้สะพานแล้วเลี้ยวซ้ายเข้าถนนสนามบินน้ำ จากนั้นเข้าซอยนนทบุรี 15 ลึกประมาณ 180 ม.ก็ถึงหน้าทางเข้าโครงการแล้วค่ะ ^^
เริ่มต้นกันบนถนนงามวงศ์วานเป็นถนนสายหลักที่ใช้ในการเข้า – ออกเมืองสายนึงโดยถนนงามวงศ์วงวานนี้จะเชื่อมเข้าถนนเกษตรนวมินทร์และถนนรัตนาธิเบศร์ การจราจรบนถนนนี้ค่อนข้างหนาแน่นมากๆ ในช่วงเวลาเร่งด่วนโดยเฉพาะช่วงแยกบางเขนจนถึงแยกแคราย ในส่วนจุดที่เราจะเริ่มเดินทางกันนั้นคือบริเวณพันธ์ทิพย์งามวงศ์วานที่เลย The Mall งามวงศ์วานไปประมาณ 500 ม. บริเวณจุดนี้และฝั่งตรงข้าม The Mall งามวงศ์วานนั้นจะมีจุดต่อรถตู้ขนาดย่อมๆ ให้เดินทางออกไปได้หลายจุดด้วยกันค่ะ
ขับตรงมาอีกหน่อยจะเจอกับทางขึ้นทางด่วนศรีรัช
ตรงมาเรื่อยๆ ตามทางไปบางบัวทองค่ะ
จากนั้นเราจะขึ้นสะพานข้ามแยกแครายกัน
เมื่อลงมาจากสะพานข้ามแยกแล้วจะเจอกับรางรถไฟฟ้ากันแล้วค่ะ ซึ่งต่อจากนี้จะเริ่มเป็นถนนรัตนาธิเบศร์แล้วนะคะ สภาพแวดล้อมโดยรอบจะค่อนข้างแตกต่างจากสภาพแวดล้อมข้างถนนงามวงศ์วานอยู่พอสมควรเลย ด้วยขนาดถนนที่มีเลนมากขึ้น และอาคารรอบข้างที่ส่วนใหญ่จะเป็นอาคารสำนักงาน เต้นท์รถ
ขับตรงมาอีกหน่อยจะเจอ Big C รัตนาธิเบศร์ในฝั่งซ้ายมือ
ขับตามถนนรัตนาธิเบศร์มาเรื่อยๆ แล้วเจอป้ายถนนสนามบินน้ำให้เบี่ยงซ้าย หรือจะขับตรงไปก่อนแล้วค่อยเบี่ยงก็ได้ค่ะ
เมื่อขับมาอีกหน่อยจะเห็น Central Plaza รัตนาธิเบศร์ฝั่งขวามือ ซึ่งเป็นห้างใหญ่ประจำถนนรัตนาธิเบศร์ ซึ่งภายในแบ่งเป็น Robinson และ Index Living Mall ด้วยค่ะ
โดยสถานีที่อยู่ใกล้ห้าง Central รัตนาธิเบศร์มากที่สุด สามารถเดินเข้าห้างได้คือสถานีแยกนนทบุรี 1 ค่ะ
ขับตรงมาอีกหน่อยจะเห็นป้ายบอกทางไปยังถนนสนามบินน้ำโดยให้เริ่มเบี่ยงออกถนนฝั่งซ้าย
จุดเบี่ยงเลนจะอยู่ใกล้ๆ คอนโดลุมพินีทาวน์รัตนาธิเบศร์เพื่อให้เป็นจุดสังเกต เพราะห่างเลยจุดเบี่ยงนี้ไปแล้วจะถูกบังคับให้ขึ้นสะพานพระนั่งเกล้าเลยค่ะ
จากนั้นขับตรงไปกลับรถใต้สะพาน
จัดกลับรถจะอยู่ใต้ทางขึ้นสะพานพระนั่งเกล้าเก่า
เมื่อเลี้ยวมาแล้วจะเห็นแขวงทางหลวงนนทบุรีเลย
เมื่อกลับรถมาแล้วให้เบี่ยงซ้ายเตรียมเลี้ยวเข้าสนามบินน้ำ หรือจะเข้าโครงการโดยเข้าทางซอยรัตนาธิเบศร์ 42 ก็ได้นะคะ แต่เดี๋ยวเราจะขับไปดูทางเข้าจากสนามบินน้ำซึ่งเป็นทางเข้าหลักกันค่ะ
ขับมาอีกหน่อยก็เลี้ยวเข้าถนนสนามบินน้ำได้เลย
ภายในถนนสนามบินน้ำเป็นถนนสี่เลน มีเกาะกลางที่มีโคมไฟประดับแบบนี้ บริเวณต้นถนนสนามบินน้ำนี้จะสังเกตว่ามีคอนโด High Rise ขึ้นมาบ้างทั้ง 2 ฝั่งถนน
จากนั้นเมื่อถึงซอยนนทบุรี 15 แล้วให้เลี้ยวซ้ายเข้ามาเลยค่ะ ภายในซอยนนทบุรี 15 นี้เป็นซอยภาระจำยอมที่ใช้ร่วมกับเพื่อนบ้านร่วมซอยด้านข้างด้วยนะคะ
ด้านหน้าที่ล้อมรั้วไว้จะเป็นไซต์โครงการแล้วค่ะ ส่วนซอยด้านข้างนี้คือซอยที่ไปทะลุออกซอยรัตนาธิเบศร์ 42 ได้นะคะ เดี๋ยวเราจะพาไปเดินดูกัน
เลี้ยวขวามาอีกหน่อยจะเห็นป้อมยามขนาดเล็กๆ ซึ่งต่อไปบริเวณนี้จะเป็นทางเข้าหลักของโครงการค่ะ ส่วนถนนทางขวานี้เป็นถนนหลักภายในที่เชื่อมกับโครงการในเฟสอื่นๆ ต่อไป
ก่อนจะไปดูโครงการกันจะขอพาเดินออกมาทางถนนสนามบินน้ำและย้อนเข้าไปในซอยรัตนาธิเบศร์ 42 ชมบรรยากาศข้างทางว่ามีสภาพแวดล้อมเป็นอย่างไร และเดินทางเท้าได้สะดวกไหมกันค่ะ
จริงๆ แล้วการเดินออกมาหน้าโครงการก็ไม่ได้ไกลมากนักเพราะอยู่ห่างจากทางเข้าโครงการประมาณ 180 ม. โดยบริเวณทางเท้านั้นก็มีความกว้างพอสมควรให้เดินได้สบายๆ
เดินมาเรื่อยๆ ข้ามคลองระบายน้ำเล็กๆ แต่ก็ไม่ได้ส่งกลิ่นเหม็นนะคะ ^^
ด้านข้างสะพานเป็นสถานีสูบน้ำคลองบางกระสอ
ระหว่างทางเดินด้านข้างจะเป็นบ้านพักอาศัยของคนในละเเวกนี้ที่อยู่กันมานานแล้ว
สุดทางถนนสนามบินน้ำเป็นสี่แยกที่ตัดกับถนนรัตนาธิเบศร์ โดยฝั่งตรงข้ามจะเป็นจุดขึ้น-ลงสถานีรถไฟฟ้าพระนั่งเกล้า
จากนั้นเดินเลี้ยวตามริมฟุตบาทเพื่อย้อนกลับเข้าไปยังซอยรัตนาธิเบศ 42 กันค่ะ
ด้านข้างเป็นร้านอาหารแวร์ซาย พาเลซซึ่งเป็นร้านอาหารจีนที่มีขาย Buffet ติ๋มซำ และเป็ดย่าง
เดินถัดมาเป็นร้านขายอุปกรณ์ก่อสร้าง
ก่อนถึงซอยรัตนาธิเบศร์ 42 จะเห็นสถานีรถไฟฟ้าพระนั่งเกล้าที่อยู่ฝั่งตรงข้าม ซึ่งในอนาคตจะมีสะพานลอยมาอำนวยความสะดวกผู้ใช้บริการหน้าซอยรัตนาธิเบศร์ 42 ค่ะ
ถัดมาอีกหน่อยเป็นร้านซ่อมรถ เครื่องยนต์เล็กๆ
และแล้วก็ถึงหน้าซอยรัตนาธิเบศร์ 42 แล้วค่ะ
ภายในซอยค่อนข้างเงียบสงบไม่วุ่นวายมากนัก เป็นซอยเล็กๆ สำหรับรถยนต์สวนกัน 2 เลน
ฝั่งซ้ายมือเป็นวัดน้อยนอก
และด้านขวาคือโรงเรียนธัมมสิริศึกษาเป็นโรงเรียนประถมศึกษาที่เปิดสอนตั้งแต่ป.1-ป.6
จากนั้นเดินเลี้ยวขวามาจะเริ่มเห็นความเป็นชุมชนภายในซอยที่มีร้านขายของชำเล็กๆ ส่วนด้านหลังเป็นหอพักสูง 6 ชั้น
เมื่อเลี้ยวขวามาแล้วจะเป็นถนนข้างวัดซึ่งค่อนข้างแคบไปหน่อยสำหรับรถ 2 เลนสวนกัน
ตรงมาอีกหน่อยจะเริ่มเห็นความเป็นชุมชนมากขึ้นโดยส่วนใหญ่เป็นบ้านพักอาศัยสูง 2 ชั้นอยู่กันมานาน
หันไปฝั่งซ้ายมีที่จอดรถอยู่ด้านข้าง และตรงเข้าไปหน่อยจะเป็นทางเข้า-ออกของโรงงานไม้ที่อยู่ใกล้ๆ โครงการค่ะ
เดินตรงมาตามทางกันต่อบ้านรอบๆ ข้างโครงการนอกจากจะใช้อยู่อาศัยแล้วด้านล่างก็มีเปิดเป็นร้านทำผม ร้านขายของชำเล็กๆด้วยนะคะ
ในฝั่งด้านซ้ายมือยังมีซอยเล็กๆ ที่มีบ้านพักอาศัยลึกเข้าไปจนถึงแม่น้ำเจ้าพระยาเลยค่ะ
และแล้วเราก็เดินตรงออกมาจนถึงถนนทางเข้าโครงการแล้วค่ะ แต่ยังต้องเดินเข้าโครงการไปอีกประมาณ 80 ม. นะคะ
มาดูบริเวณรอบๆ โครงการกันค่ะ ทำเลโครงการโดยรอบส่วนใหญ่เป็นที่พักอาศัยแนวราบและจะมีตึกสูงอยู่บ้างริมถนนสนามบินน้ำ ตัวโครงการเป็นเฟสแรกอยู่ติดที่ดินข้างเคียงซึ่งเป็นที่พักแนวราบจึงจะได้เปรียบโครงการเฟสถัดไปที่ตั้งอยู่ตรงกลางของที่ดินในเรื่องของวิวค่ะ
- ทิศเหนือ อยู่ติดกับพื้นที่ของโครงการในเฟสถัดไป ดังนั้นในเรื่องวิวของทิศนี้ยังไม่สามารถระบุได้แน่นอนว่าจะถูกบล็อกวิวหรือไม่นะคะ ต้องรอดูผังของโครงการในเฟสถัดไปอีกทีว่ามีการเยื้องอาคารไม่ให้เกิดการบล็อกวิวกันเองหรือไม่ แต่หากไม่ถูกบล็อกวิวนั้นวิวของทิศเหนือนี้จะถือเป็นวิวที่สวยทีเดียวค่ะเพราะได้เห็นวิวส่วนโค้งแม่น้ำทอดยาวไปไกล
- ทิศตะวันออก ในทิศนี้อยู่ใกล้กับถนนสนามบินน้ำตอนต้นๆ ถนน ซึ่งจะมีคอนโด อพาร์ทเม้นท์สูงตั้งแต่ 8 – 33 ชั้นตั้งอยู่ แต่ถึงแม้ว่าจะมีอาคารสูงเพื่อนบ้านอยู่ใกล้ๆ แต่ด้วยระยะห่างของโครงการมีมากพอสมควร ดังนี้วิวที่ได้ในทิศนี้จะเห็นเป็นแบบ City View มากกว่าถูกบล็อกวิว และยิ่งชั้นสูงๆ ก็จะเห็นเป็น City View ทอดยาวไปได้ไกล
- ทิศใต้ เป็นทิศ Highlight ของโครงการเลยก็ว่าได้ เพราะนอกจากจะไม่มีอาคารมาบล็อกวิวแล้ว ได้วิวริมแม่น้ำ มองเห็นแม่น้ำทอดยาวไปได้ไกลอีกด้วยค่ะ
- ทิศตะวันตก ติดริมแม่น้ำเจ้าพระยา วิวที่เห็นจากชั้นที่พักอาศัยจะเป็นวิวฝั่งตรงข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาที่ส่วนใหญ่เป็นบ้านพักอาศัยแบบแนวราบเห็นไปถึงเส้นขอบฟ้า เพราะความสูงของชั้นพักอาศัยนั้นทำให้ระยะสายตาข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาไปแล้วค่ะ
มาดูวิวจากโดรนกันค่ะ ในทิศนี้คือทิศเหนือค่ะ เมื่อตอนที่ยังไม่มีโครงการเฟสถัดไปขึ้น หรือหากเฟสถัดไปไม่ได้บล็อกวิวโครงการก็จะเห็นวิวโค้งแม่น้ำที่ทอดยาวไปได้ไกลแบบนี้เลยค่ะ ถือเป็นอีกทิศที่ได้วิวแม่น้ำสวยทีเดียวค่ะ
ทิศตะวันออกจะได้วิวเป็น City View หันไปทางฝั่งแยกแคราย นอกจากจะเห็นวิวของตึกแล้วยังได้วิวจากรถไฟฟ้าสายสีม่วงด้วย
ทิศใต้เป็นอีกทิศที่ได้วิวสวยเช่นเดียวกับทิศเหนือ เพราะวิวที่ได้เป็นวิวของแม่น้ำเจ้าพระยาทอดไปได้ไกลเช่นเดียวกันค่ะ รวมไปถึงวิวของสะพานพระนั่งเกล้าด้วย
และทิศตะวันตกจะได้วิวฝั่งตรงข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา บรรยากาศที่ได้จะเป็นบ้านแนวราบเลยไปจนเห็นขอบฟ้าไกลๆ แต่จะไม่ใช่วิวแบบ City View นะคะ อารมณ์จะนิ่งๆ สงบๆ มากกว่า
สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น
- วัดน้อยนอก ~300 ม.
- โรงเรียนธัมมสิริศึกษา ~300 ม.
- กระทรวงพาณิชย์ ~1.4 ม.
- เซ็นทรัล รัตนาธิเบศร์ ~2.2 กม.
- บิ๊กซี รัตนาธิเบศร์ ~3.1 กม.
- สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ~3.5 กม.
- สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ~3.5 กม.
- ตลาดสนามบินน้ำ Market Park ~3.5 กม.
- โรงพยาบาลทรวงอก ~5.5 กม.
- Tesco Lotus แคราย ~5.5 กม.
- Esplanade แคราย ~5.5 กม.
- โรงพยาบาลศรีธัญญา ~7 กม.
- เดอะมอลล์ งามวงศ์วาน ~7.3 กม.
- โรงพยาบาลนนทเวช ~7.4 กม.
- Central West Gate ~8.5 กม.
โครงการ The Politan Rive เป็นคอนโด High Rise ติดริมแม่น้ำเจ้าพระยา สูง 56 ชั้น มีจำนวนยูนิตทั้งหมด 2,351 ยูนิต เป็นโครงการเฟสแรกบนเนื้อที่ 9 ไร่เศษ ที่ถูกแบ่งออกมาจากเนื้อที่ทั้งหมดประมาณ 50 ไร่ จุดเด่นของโครงการนอกจากเป็นโครงการติดริมแม่น้ำและห่างจากรถไฟฟ้าประมาณ 400 ม.แล้ว ตัวโครงการยังจัดเต็มในเรื่องของ Facilities ทั้งชั้นดาดฟ้า, ชั้น 9 และ Club House ด้านล่างเพื่อให้ลูกบ้านในโครงการที่มีจำนวนมากได้ใช้งานได้อย่างเพียงพอ
มาดูที่โมเดลโครงการกันค่ะ จากหน้าทางเข้าหลักโครงการหรือทิศตะวันออกนี้ ทางเข้าของโครงการจะอยู่ในซอยนนทบุรี 15 ลึกเข้าไปประมาณ 180 ม. ลักษณะการวางอาคารจะวางตามแนวขอบเขตที่ดินโดยหันยูนิตส่วนใหญ่ไปทางทิศเหนือ – ใต้ สำหรับห้องพักอาศัยในทิศนี้จะได้วิวในส่วนของ City View ที่หันหน้าไปยังแยกแคราย ส่วนเรื่องของทิศทางแดดนั้นจะได้รับแดดในช่วงเช้าจนถึงสายๆส่องลอดเข้ามาในห้องบ้าง
ในทิศนี้หรือทิศเหนือเป็นทิศที่มียูนิตจำนวนมากหันหน้าเพื่อรับวิวแม่น้ำเจ้าพระยาในทิศนี้นอกจากจะได้วิวแม่น้ำ (หากไม่ถูกบล็อกวิวจากเฟสถัดไป) แล้วในเรื่องของทิศทางแดดก็ยังดีอีกด้วย เพราะแดดที่ได้จะเป็นแดดที่ไม่แรงมากนัก ส่วนตัวโครงการจะแบ่งออกเป็น ส่วนโพเดียม (Podium) ที่ทำเป็นชั้นจอดรถตั้งแต่ชั้น 1-8 และจะเริ่มชั้นพักอาศัยในชั้น 9-56 โดยมีชั้น Facilities หลักๆ อยู่ที่ชั้น 9และชั้นดาดฟ้า ส่วนพื้นที่ริมแม่น้ำได้จัดวางให้เป็นพื้นที่สวนและ Club House
ทิศตะวันตก ด้านหน้าเป็นส่วน Club House ถัดเข้าไปอีกประมาณ 200 ม.จะเป็นคอนโดด้านหลัง สำหรับห้องพักที่หันหน้ามาในทิศนี้ได้มีการเซตระยะห้องลึกเข้าไปอีกเนื่องจากเรื่องของกฎหมาย (Set Back) แล้วยังทำให้มีระยะสายตามองเห็นแม่น้ำเจ้าพระยาได้ แต่ในชั้นบนๆ วิวที่ได้ก็จะข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาไปนะคะ
ทิศใต้เป็นอีกทิศที่ได้วิวแม่น้ำเจ้าพระยาเช่นเดียวกับทิศเหนือ และค่อนข้างแน่นอนว่าจะไม่มีอาคารมาบล็อกวิว ส่วนในเรื่องของแดดในทิศนี้จะด้อยกว่าทิศเหนืออยู่เพราะรับแดดเต็มๆในช่วงบ่ายถึงเย็น เนื่องจากดวงอาทิตย์จะเดินทางแบบอ้อมใต้ ทำให้ห้องพักในทิศนี้ค่อนข้างอมความร้อนมากกว่าทิศเหนืออยู่นะคะ
มาดูโมเดลโครงการกันในแต่ละจุดกันต่อค่ะ เริ่มจากทางเข้าโครงการที่เข้าจากซอยนนทบุรี 15 ซึ่งเป็นซอยทางเข้าหลักที่ใช้ร่วมกับบ้านพักอาศัยและอพาร์ทเม้นท์ในซอยนี้ ตรงเข้ามาอีกประมาณ 150 ม. จะเริ่มเป็นพื้นที่ของโครงการ โดยจะมีจุดวนรถส่วนกลางของโครงการก่อนจะเข้าโครงการ ส่วนด้านข้างนั้นเป็นอีกทางเข้านึงของโครงการโดยเข้ามาจากซอยรัตนาธิเบศ 42 ทะลุเข้าซอยนนทบุรี 15 ได้ และมีทางเดินด้านข้างสามารถเดินเข้าโครงการได้ง่ายไม่ต้องเดินตามขอบทางถนน
ทางเข้าโครงการจะระบบ Key Card Access แยกทางเข้าทางออกคั่นกลางด้วยป้อมยาม ตรงเข้าไปในโครงการจะเจอส่วนของ Drop Off หรือจุดรับ-ส่งรถก่อนเข้าสู่ Lobby จากนั้นวนรถกลับหรือเลี้ยวซ้ายไปส่วนพื้นที่จอดรถในอาคาร
เลี้ยวมาฝั่งซ้ายมือจะเป็นทางเข้าที่จอดรถในอาคาร
ตรงเลยทางเข้าออกที่จอดรถไปจะเป็นจุด Drop Off ของ Lobby อีกฝั่งนึงของโครงการ หากใครอยู่ห้องพักในโซนนี้ก็ลงจุด Drop Off เข้าส่วน Lobby นี้จะใกล้กว่าขึ้น Lobby ด้านหน้า
จากนั้นขับตรงมาอีกจะเป็นโซน Hall กลางเชื่อมทั้ง 2 Lobby โดยจุดนี้สามารถเดินข้ามถนนเข้าไปใช้งานในส่วน Club House ได้ค่ะ ส่วนการเดินรถจะเป็นการเดินรถทางเดียวเพียงออกบริเวณจุดเข้า-ออกหน้าโครงการแล้วค่ะ
ถนนในฝั่งนี้จะเป็นถนนทางออกสู่นอกโครงการ ส่วนด้านข้างจะปลูกไม้ยืนต้นให้ความร่มรื่นโดยพื้นด้านล่างเป็นพื้นที่ทางเดิน หรือ Jogging Track ให้พอวิ่งออกกำลังกายได้บ้าง หรือใครจะลงมาเดินเล่นแล้วเดินเลยไปถึงส่วน Club House ต่อเลยก็ได้ค่ะ แต่จะต้องข้ามถนนหน่อยนะคะ เพราะไม่ได้ทำทางเดินเชื่อมให้
มาดูพื้นที่ Facilities ด้านล่างจะเป็นส่วน Club House และพื้นที่สวนหย่อมให้เดินเล่นชมวิวแม่น้ำเจ้าพระยา
ในส่วนของ Club House นั้นปัจจุบันเป็น Sale Gallery สำหรับโครงการทุกเฟส แต่เจ้าของที่ได้ส่วน Club House นี้คือนิติบุคคลของโครงการ The Politan Rive ค่ะ ภายใน Club Hose จะประกอบด้วย Meeting room, Class room, Library, Sport simulator, Kid room, Co-working lounge, Game room และ Multipurpose room ส่วนในชั้นบนเป็นพื้นที่สำหรับนั่งเล่นชิลๆ ชมวิวแม่น้ำเจ้าพระยาและ Infinity Edge Pool สระไร้ขอบซึ่งเวลามองจะเห็นน้ำของสระว่ายน้ำเป็นผืนเดียวกับแม่น้ำเจ้าพระยา
ขึ้นมาดูชั้น Facilities อีกชั้นจะอยู่ที่ชั้น 9 ค่ะ โดยในชั้นนี้เป็นชั้นที่พักอาศัยและชั้น Facilities ด้วย ในโซนนี้จะเป็นพื้นที่สวนหย่อมหรือเรียกว่า Sky Sphere Garden เป็นพื้นที่สำหรับนั่งเล่น,เดินเล่นรับลมและสามารถชมวิวแม่น้ำเจ้าพระยาได้ด้วยค่ะ
และในชั้นเดียวกันจะมีทางเชื่อมมาอีกฝั่งนึงซึ่งเป็นส่วนสระว่ายน้ำ แบ่งออกเป็นสระว่ายน้ำเด็ก และผู้ใหญ่ ด้านข้างเป็นพื้นที่ทางเดินและสวนริมสุด ช่วยให้มีระยะระหว่างห้องพักและพื้นที่ส่วนกลางได้บ้าง เพื่อเพิ่มความเป็นส่วนตัวให้ลูกบ้านในชั้นนี้มากขึ้น
ในส่วนของชั้นดาดฟ้าและชั้นที่ 57 เป็นชั้น Facilities อีกชั้นที่ทางโครงการจัดมาให้เพื่อให้ลูกบ้านเป็นพื้นที่ผ่อนคลายและพื้นที่ออกกำลังกายขณะที่สามารถชมวิวแม่น้ำเจ้าพระยาได้
สำหรับชั้นบนดาดฟ้าแบ่งออกเป็น 3 ส่วนใหญ่ๆ คือ Sky Lounge, พื้นที่นั่งเล่น และสระว่ายน้ำ
บริเวณพื้นที่นั่งเล่น หรือ Sky Garden เป็นพื้นที่ Outdoor มีโซนให้นั่งเล่นชมวิวและบรรยากาศได้โดยมีที่นั่งให้นั่ง 5 จุด รอบข้างตกแต่งเป็นพื้นที่สีเขียวให้สวยงาม
ถัดมาจะเป็นส่วนของสระว่ายน้ำโดยมีทางเดินเชื่อมถึงกันได้ สำหรับสระว่ายน้ำนี้ตามความยาวของสระว่ายน้ำจะหันหน้าไปยังแม่น้ำเจ้าพระยา ประกอบกับเป็นสระแบบ Infinity Edge Pool ด้วยจึงอาจจะสามารถทำให้ความรู้สึกของการว่ายน้ำในสระว่ายน้ำนั้นเหมือนเป็นหนึ่งเดียวกันกับผืนแม่น้ำด้วย
ในส่วนของ Sky Lounge ในชั้นล่างเป็นส่วนห้อง Fitness และชั้นบนเป็นพื้นที่ Sky Lounge เพื่อให้ลูกบ้านได้มานั่งพักผ่อนชมวิวแม่น้ำเจ้าพระยากันได้ค่ะ
มาดูรูปและบรรยากาศจำลองของโครงการกันค่ะ สำหรับห้อง Game Room นี้จะอยู่ในชั้น 2 หรือชั้นลอยของส่วน Club House นะคะ ภายในห้องนี้จัดให้มีพื้นที่ดูหนัง นั่งเล่นเล็กๆ และโต๊ะสนุกเกอร์
ถัดมาอีกห้องนึงในส่วนของ Club House เช่นเดียวกันคือห้อง Sport Simulator โดยจำลองบรรยากาศของสนามกอล์ฟไว้ให้ผู้เล่นได้เล่นในพื้นที่ที่จำกัดและเป็นแบบ Indoor ด้านข้างจัดเป็นชุดโซฟาขนาดใหญ่ให้รองรับจำนวนคนเล่นได้มากด้วยค่ะ
สำหรับห้องสมุดนั้นตกแต่งเป็นเสมือนห้องทำงานและห้องอ่านหนังสือได้ ภายในจัดพื้นที่โต๊ะทำงานตัวยาวมาให้สามารถทำเป็นพื้นที่ประชุมย่อยๆได้ด้วย รวมทั้งมีชุดโซฟา และโต๊ะยาวพร้อมสตูลให้ค่ะ
ในส่วนของ Lobby โครงการตกแต่งมาให้สวยงาม จัดพื้นที่ชุดโซฟาด้านข้างประมาณ 4 ชุดและโซฟานั่งเล่นตรงบริเวณทางเดิน โดยรวมแล้วก็น่าจะเพียงพอสำหรับเป็นพื้นที่รับแขกของลูกบ้านหรือใช้เป็นพื้นที่นั่งคอยได้ดีค่ะ
ขึ้นมาที่ชั้น 9 ซึ่งเป็นชั้น Facilities อีกชั้นของโครงการ ในชั้นนี้จะมีพื้นที่สวนหย่อมที่มีทางเชื่อมกับสระว่ายว่ายน้ำที่อยู่อีกฝั่งของอาคาร โดยสระในชั้นนี้แบ่งออกเป็นสระเด็กและสระผู้ใหญ่ มีขนาด 50 x 8 ลึก 1.4 ม. เป็นสระ Outdoor แบบ Infinity Edge Pool วิวของสระในชั้นนี้จะเป็นวิวเมือง
ขึ้นมาที่ชั้น 10 ในชั้นนี้จะมีห้อง Yoga Studio แล้วยังมีห้อง Kick Boxing Gym ด้วยนะคะ ภายในห้องโยคะนี้สามารถเล่นโยคะได้ทั้งโยคะปกติ และโยคะ fly ได้ด้วยค่ะ ด้านข้างตกแต่งเป็นกระจก และมีทีวีให้เผื่อใครที่เป็นเทปสอนโยคะแล้วโยคะตามไปด้วยได้
ขึ้นมาต่อที่ชั้น 56 หรือชั้นดาดฟ้า ในชั้นนอกจากจะมีส่วนพื้นที่นั่งเล่นและสระว่ายน้ำแล้ว ยังมีห้อง Fitness ขนาดใหญ่ (270 Hyperfit) สามารถชมวิวได้ 3 ด้านหรือ 270 องศาด้วยกระจกบานใหญ่จากพื้นถึงฝ้าเพดาน
ในชั้น 57 จัดเป็นห้อง Sky Lounge มีชุดโซฟาและโซนบาร์ให้ลูกบ้านได้มานั่งเล่นพักผ่อนชมวิวและบรรยากาศสวยๆ ในชั้นบนสุด
อีกหนึ่งภาพของห้อง Sky Lounge ตกแต่งภายในหรูหรา พร้อมการจัดวางชุดโซฟาให้นั่งเล่นพักผ่อนเป็นโซนๆ ชัดเจน เพื่อให้เกิดความ Privacy ขึ้นหน่อย ภายในห้องนี้สามารถชมวิวได้ 3 ด้านด้วยบานกระจกที่มีความสูงจากพื้นถึงฝ้าเช่นเดียวกับห้อง Fitness ค่ะ
มาดูกันต่อที่ master plan ของโครงการกันค่ะ การจัดวางโครงการคือ วางตัวอาคารพักอาศัยอยู่ด้านหน้
สำหรับส่วนอาคารพักอาศัยในชั้นนี้แบ่งออกเป็น 4 ส่วนใหญ่ๆ คือพื้นที่ Lobby ที่แบ่งเป็น 2 จุดเพื่ออำนวยความสะดวกลูกบ้
ชั้น 2 เป็นชั้นจอดรถชั้นแรก โดยมีช่องจอดทั้งหมดของโครงการ 1,037 คัน คิดเป็น 44% หากรวมจอดซ้อนคันแล้วคิดเป็น 58% ซึ่งเมื่อเทียบกับ segment ราคาแล้วก็ถือว่าให้มาระดับนึ
ชั้น 3-8 เป็นชั้นจอดรถเช่นเดียวกันค่ะ เมื่อจอดรถในชั้นนี้แล้
ชั้น 9 เริ่มเป็นชั้นพักอาศัยและชั้น facilities ค่ะ โดยแบ่งโซนพักอาศัยเป็น 2 โซนชัดเจนเชื่อมด้วยทางเดินหรือ outdoor terrace และคั่นกลางด้วย facilities ที่เป็นพื้นที่สวนหย่อมฝั่งซ้าย และสระว่ายน้ำฝั่งขวา และเนื่องจากในชั้นนี้เป็นชั้
ชั้น 10 มียูนิตพักอาศัยอยู่ที่ 43 ยูนิต บริเวณโถงทางเดินเชื่อมโซนซ้
ชั้น 11-47 จะเป็นชั้นพักอาศัยทั้งหมด มีจำนวนยูนิตทั้งหมด 51 ยูนิต แบ่งตำแหน่งโถงลิฟต์เป็น 2 โซน จึงช่วยลดระยะทางไม่ต้องเดิ
ชั้น 48 จะเหลือห้องพัก 47 ยูนิต โดยลดจำนวนยูนิตฝั่งขวาลงไป
ชั้น 49-55 เหมือนกันกับชั้น 48 แต่ไม่มีหลังคาด้านขวาแล้ว ตำแหน่งห้องแบบ 2 bedroom ส่วนใหญ่จะอยู่ในตำแหน่งฝั่งซ้
ชั้น 56 เป็นชั้นดาดฟ้
ชั้น 57 จะมีเพียงส่วน sky lounge ให้พักผ่อนชมวิวแม่น้ำเจ้
เราจะพาไปดูความคืบหน้
หลังจากเดินเข้ามาจากทางเข้าโครงการแล้
สุดทางจะเป็นริมฝั่งแม่น้ำเจ้
เดินมาสุดริมขอบตลิ่ง บริเวณนี้จะมีการปลูกต้นไม้เล็
ภาพบรรยากาศของแม่น้ำเจ้
หันกลับมาจะเห็น club house ตั้งอยู่เด่นทีเดียวค่ะ โดยหันหน้าไปทางริมแม่น้ำเจ้
ด้านหน้า Club House ทางฝั่งขวามือนั้นมีพื้นที่ทางเดินรอบๆ สวนหย่อมและมีพื้นที่ให้นั่งเล่นบางส่วนด้วยนะคะ เดี๋ยวเราเดินไปดูกันค่ะ
บริเวณทางเดินทำมาให้ค่อนข้างกว้างขวางเดินเล่นได้ ปั่นจักรยานก็ดี ในส่วนของเส้นทางทำมาคดเคี้ยวช่วยให้ภาพลักษณ์ของ Landscape ดูมีมิติและลวดลายมากขึ้น ทั้งนี้ก็ยังช่วยให้คนเดินไม่เบื่อกับเส้นทางเหมือนทางตรงๆ แล้วจะให้ความรู้สึกว่ามีระยะทางไกลมากกว่าทางที่คดเคี้ยวมีลวดวาย และเดินเลยไปอีกหน่อยจะเห็นพื้นที่นั่งเล่นค่ะ
เดินมาอีกหน่อยติดริมขอบรั้วโครงการจะเป็นทางลาด (Ramp) ขึ้นไปในระดับเดียวกันกับส่วนของ Club House
เดินขึ้นทางลาด (Ramp) จะเชื่อมกับทางเดินไปสู่ Club House ได้เลยค่ะ ส่วนด้านข้างทำเป็น Sculpture ขั้นต่างระดับให้เด็กๆ ได้เล่นได้ และด้านหลังจะเป็นที่ตั้งของศาลพระภูมิโครงการค่ะ
เดินมาอีกหน่อยบริเวณสนามหญ้ามีเครื่องเล่นเด็กให้เล่นได้ประมาณ 3 เครื่อง
จากทางเดินลองหันซ้ายไปมองวิวแม่น้ำเจ้าพระยาจะเห็นวิวประมาณนี้ค่ะ
เดินต่อมาอีกหน่อยก็ถึง Club Hose แล้วค่ะ
บริเวณหน้า Club Hose จะมีโซนบ่อบัวอยู่
ซึ่งบ่อบัวนี้ตรงกลางจะทำเป็นทางเดินเข้าไปนั่งด้านเล่นด้านในได้ พร้อมปลูกต้นไม้ไว้ตรงกลางดูเป็นเอกลักษณ์ดีค่ะ
เข้ามาในส่วนของ Club House กันค่ะ โดยบริเวณทางเข้าจะเป็นพื้นที่ Outdoor ในร่ม ยกฝ้าเพดานขึ้นสูงให้ดูเป็นทางเข้าหลักและโอ่โถง
ภายใน Club House ชั้น 1 นี้จะเป็นส่วน Lobby หรือใครจะใช้เป็นพื้นที่ต้อนรับเเขกหรือเพื่อนฝูงก็ได้นะคะ และส่วนด้านซ้ายจะเป็นห้อง Co-working Space, Meeting room, Library และ Multipurpose room
ในฝั่งขวาจัดให้มีชุดโซฟาขนาดใหญ่ประมาณ 6 ชุด ด้านข้างเป็นกระจกสูงถึงฝ้าเพดานเพื่อให้แสงธรรมชาติส่องเข้ามาภายในได้ดี ส่วนด้านข้างกระจกเป็นหน้าต่างบานเปิดรับลมดีทีเดียวค่ะ
บรรยากาศจากบริเวณโซฟาในส่วน Lobby Club House ที่เห็นจะเป็นประมาณนี้ค่ะ คือมองเห็นสระบัวทอดยาวไปจนถึงแม่น้ำเจ้าพระยา
อีกฝั่งเป็นส่วน Reception หรือส่วนต้อนรับ
ประตูติดกับ Reception นี้จะติดกับถนนและเชื่อมกับส่วน Hall ของอาคารพักอาศัย เพื่ออำนวยความสะดวกในการเข้ามาใช้ Club House โครงการได้สะดวกไม่ต้องเดินอ้อมไปอีกทางเข้าที่หันหน้าไปทางแม่น้ำเจ้าพระยา
ภายใน Club Hose จะมีชั้นลอย หรือชั้น 2 ทำเป็นบันไดขึ้นไปยังส่วนทางเดิ
ภายในชั้น 2 ปัจจุบันจัดทำเป็นห้องแสดงเฟอร์
ถัดจากชั้นนี้จะมีทางเดินขึ้
บันไดทางขึ้นไปชั้นดาดฟ้าตกแต่
เมื่อเดินขึ้นมาแล้วก่
ออกมาภายนอกจะเป็นพื้นที่พักผ่อนแบบ Outdoor โดยทำเป็น Day Bed แบบมีเต้นท์ด้านบนช่วยกรองแสงแดดได้ระดับนึงแต่ไม่กันฝนนะ ไว้ให้ลูกบ้านนั่งหรือนอนชิลๆ ดูวิวแม่น้ำเจ้าพระยา ส่วนด้านซ้ายเป็นชุดเก้าอี้โซฟ้าให้นั่งเล่นเช่นกันค่ะ ในส่วนของพื้นบริเวณนี้ทั้งหมดจะเป็นพื้นไม้สังเคราะห์ค่ะ
ลองถ่ายในมุมมองเวลานั่งเล่นนอนเล่นจะเห็นวิวแม่น้ำแบบนี้ค่ะ น่าเสียดายที่รั้วกันตกน่าจะเป็นกระจกทั้งหมดนะจะได้เห็นวิวแม่น้ำกว้างมากขึ้นอีกหน่อย
ด้านข้างเป็นชุดเก้าอี้โซฟาพร้อมโต๊ะกลางประมาณ 3 ชุดไว้ในนั่งเล่น
วิวจากมุมมองคนที่นั่งเล่นตรงชุดเก้าอี้โซฟาค่ะ จะได้มุมต่ำลงมาอีกหน่อยคือเห็นสวนหย่อม สระบัวและแม่น้ำเจ้าพระยาด้วย
เราเดินไปดูด้านข้างทางที่จะตรงไปยังสระว่ายน้ำกันต่อค่ะ
ด้านข้างเป็นส่วนห้องน้ำและห้องอาบน้ำค่ะ
ภายในห้องน้ำบริเวณอ่างล้างมือตกแต่งด้วยหินแกรนิตแท้ดูสวยงามดีค่ะ
อีกด้านนึงตรงข้ามอ่างล้างมือเป็นตู้ Locker และที่นั่งสำหรับเก็บของและใช้แต่งตัวได้บริเวณนี้
ส่วนข้างในแบ่งเป็นห้องๆ โดยมีห้องอาบน้ำ 4 ห้องและห้องส้วมอีก 4 ห้องค่ะ
ภายในห้องอาบน้ำและห้องส้วมดูสะอาดเรียบร้อยน่าใช้งานดีค่ะ
และสุดทางเดินจะเป็นส่วนของสระว่ายน้ำ ด้านข้างเป็น Day Bed ไว้นอนอาบแดดได้ และในสระก็วาง Day Bed ไว้ให้ประมาณ 4 ตัวนอนชมวิวแม่น้ำเจ้าพระยากลางสระเลย
ด้วยความที่สระเป็นแบบ Infinity Edge Pool นั้นจะเห็นว่าน้ำในสระว่ายน้ำดูเป็นหนึ่งเดียวกันกับผืนแม่น้ำเจ้าพระยา เสมือนว่ายน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาไปด้วยเลย ในส่วนของขนาดสระ 30 x 8 ม. นี้อาจจะไม่ได้ใหญ่มากสำหรับว่ายน้ำออกกำลังกายจริงจังได้นะคะ แต่จะเป็นสระแบบให้ว่ายน้ำชิลๆ เสพบรรยากาศริมแม่น้ำมากกว่า
ด้วยสระว่ายน้ำนี้เป็นสระแบบ Outdoor ซึ่งก็คงจะหลีกเลี่ยงเรื่องของแดดไปไม่ได้ แต่ด้วยตำแหน่งของสระอยู่ในทิศตะวันตกนั้น ช่วงกลางวันไปถึงบ่ายๆ ก็อาจจะได้รับร่มเงาเป็นผลพลอยได้จากอาคารพักอาศัยที่มีความสูงค่อนข้างมากนั้นบังแดดได้บ้างค่ะ เนื่องจากดวงอาทิตย์ที่โคจรจะอ้อมมาในทิศใต้
ระเบียบการใช้งานสระค่ะ สระในส่วนของ Club House นี้เปิดให้ลูกบ้านได้ใช้บริการทุกวัน ตั้งแต่ 8:00 – 22:00 น.
และด้านข้างของสระมีพื้นที่ Shower ให้ล้างตัว ซึ่งมีความสูงของ Shower ทั้ง 2 แตกต่างกันด้วยนะคะ สำหรับเด็กๆ หรือสาวๆ คนไหนที่ตัวเล็กๆ ก็เลือกใช้ Shower ที่ต่ำลงมาหน่อย ไม่ต้องเอื้อม
สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก
- Club House
- Meeting Room
- Class Room
- Library
- Multipurpose Room
- Co-working Lounge]
- Kid Room
- Game Room
- Sport Simulator
- สระว่ายน้ำ 1 สระ ระบบเกลือ ขนาด 30 x 8 ม. ลึก 1.4 ม.
- สวนหย่อม (Sky Sphere Garden)
- สระว่ายน้ำ 2 สระ ระบบเกลือ ขนาด 50 x 8 ม. แบ่งสระเด็กลึก 0.6 เมตร สระผู้ใหญ่ลึก 1.4 เมตร
- Yoga Studio
- Kick Boxing Gym
- 270 Hyperfit (Sky Fitness)
- Sky Garden
- สระว่ายน้ำ (Rive Sky Pool) 2 สระ ระบบเกลือ ขนาด 35 x 8 ม. แบ่งสระเด็กลึก 0.6 เมตร สระผู้ใหญ่ลึก 1.4 เมตร
- Sky Lounge
มาดูห้องตัวอย่างห้องแรกกันค่ะ คือห้องแบบ 2 Bedroom ขนาด 60 ตร.ม. ซึ่งจะอยู่บริเวณมุมอาคารที่ใกล้กับแม่น้ำเจ้าพระยา โดยจะสามารถเห็นวิวแม่น้ำเจ้าพระยาได้ทั้ง 2 ด้าน ลักษณะผังห้องเป็นแบบสี่เหลี่ยมผืนผ้าแนวยาว ไม่ลึก เน้นให้ทุกห้องสามารถมองเห็นวิวได้และมีแสงธรรมชาติส่องเข้าถึง ในส่วนจุดเด่นของห้องขนาด 60 ตร.ม. ที่แตกต่างกับห้อง 2 Bedroom ขนาด 50 ตร.ม. นั้นคือระเบียงที่ยาวล้อมรอบตัวห้องซึ่งมีขนาดพื้นที่เพิ่มขึ้นมา 10 ตร.ม. โดยภายในห้องมีแปลนเหมือนกันกับห้องขนาด 50 ตร.ม. เลยค่ะ
ภายในห้อง จะแบ่งออกเป็น 3 ส่วนหลักๆ คือห้องนั่งเล่นที่เชื่อมต่อกับพื้นที่ครัว, ห้องนอนเล็ก และห้องนอนใหญ่ค่ะ สำหรับพื้นที่ส่วนรวมหรือบริเวณห้องนั่งเล่นที่เชื่อมกับพื้นที่ครัวนี้จะอยู่บริเวณกลางห้องซึ่งเมื่อเข้ามาภายในห้องแล้วจะเจอกับพื้นที่ครัวก่อนค่ะ ในส่วนของพื้นที่ครัวเป็นแบบครัวเปิดมี Pantry เชื่อมกับโต๊ะรับประทานอาหารที่สามารถจัดที่นั่งได้สูงสุด 4 ที่นั่ง ครัวเปิดนี้จะมีข้อเสียสำหรับการประกอบอาหารหนักๆ เนื่องจากกลิ่นอาหารที่สามารถฟุ้งทั่วห้องนั่งเล่นได้ แต่ในขณะเดียวกันข้อดีของการจัดวางครัวเปิดแบบนี้หากเป็นคนที่ไม่เน้นเรื่องการเข้าครัวทำอาหารหนักมากนัก ก็สามารถใช้พื้นที่ได้เต็มที่โดยอาจจะใช้โต๊ะรับประทานอาหารทำเป็นบาร์เล็กๆ และใช้พื้นที่นั่งเล่นสำหรับจัดปาร์ตี้ภายในห้องได้
ในส่วนของห้องนอนเล็กนั้นสามารถวางเตียงขนาด 5 ฟุตได้พร้อมโต๊ะเครื่องแป้งและตู้เสื้อผ้า ส่วนห้องน้ำจะเป็นห้องน้ำที่ใช้ร่วมกันกับห้องนั่งเล่นค่ะ สำหรับใครที่ต้องการจะทำห้องนี้เป็นห้องอเนกประสงค์ก็ได้เช่นกันค่ะ อย่างห้องทำงานหรือห้องสะสมงานอดิเรก ถัดมาในห้องนอนใหญ่มีขนาดประมาณ 1/3 ของห้องประกอบไปด้วยส่วนห้องนอนและห้องน้ำในตัว สำหรับห้องนี้นั้นสามารถดูวิวได้ถึง 2 ด้านเลยค่ะ
สำหรับรูปแบบการตกแต่งห้อง 2 Bedroom นั้นจะเป็นรูปแบบ Fully Fitted คือได้ Furniture แบบ Built-in ทั้งหมดแต่จะไม่ได้ Furniture ลอยตัวค่ะ ซึ่งจะแตกต่างจากห้อง 1 Bedroom คือไม่ได้ Furniture แต่จะได้ Pantry และสุขภัณฑ์ภายในห้องน้ำ
โดยห้องแบบ 2 Bedroom จะได้ดังนี้ค่ะ
- Furniture นำเข้ายี่ห้อ Euro creations
- TV cabinet ตู้ใส่ทีวี, ตู้เสื้อหน้าบานกระจก พร้อมไฟอัตโนมัติ
- Headboard หัวเตียง
- Wallpaper
- เครื่องปรับอากาศ 3 เครื่อง ยี่ห้อ Toshiba หรือเทียบเท่า
- Pantry ครัวจาก Euro creations หรือเทียบเท่า
เริ่มจากทางเข้าห้องกันค่ะ ในส่วนของประตูหน้าห้องที่ได้จะทำจากวัสดุ Fiber Cement ซึ่งมีคุณสมบัติที่ดีด้านความคงทน ปลวกไม่กินและทนทานความชื้น รวมทั้งความร้อนได้ดี ส่วนมือจับจะได้เป็นมือจับประตูห้องแบบก้
ขอบพื้นจบด้วยไม้สำเร็จรูป ภายในห้องปูด้วยพื้นไม้ลามิเนตหนา 8 มม. นำเข้าจากเยอรมัน
เข้ามาภายในห้องจะเป็นพื้นที่นั่งเล่นที่เชื่อมต่อกับพื้นที่ครัว ส่วนห้องฝั่งซ้ายมือเป็นห้องนอนเล็ก และห้องทางด้านขวาคือห้องนอนใหญ่ค่ะ ภายในห้องนอนมีความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดานสูง 2.6 ม. ด้วยความสูงมากกว่ามาตรฐานปกติขึ้นมาประมาณ 15 ซม.จาก 2.45 ม. นั้นทำให้ห้องมีปริมาตรมากขึ้นดูโปร่งโล่งมากขึ้นตามไปด้วย
หันกลับมาอีกฝั่งนึงของห้องเป็นส่วน Pantry ครัวด้านซ้ายและห้องน้ำที่อยู่ติดทางเข้าห้องอยู่ด้านขวาค่ะ ไปดูห้องน้ำกันก่อนนะคะ
ธรณีทางเข้าห้องน้ำปูด้วยพื้นกระเบื้องง่ายต่อการทำความสะอาด ส่วนภายในห้องน้ำปูด้วยพื้นเซรามิกแบบผิวด้าน ช่วยเพิ่มความฝืดเท้ามากขึ้นซึ่งจะช่วยลดอุบัติเหตุที่เกิดจากการลื่นล้มได้ด้วยค่ะ
เข้ามาจะเจอกับชุดอ่างล้างมือพร้อมกระจกเงาบานใหญ่สูงถึงฝ้าเพดาน ด้านหลังอ่างล้างมือก่อ Low Wall ให้โดย Top เป็นหินแท้ สามารถวางของเล็กๆ น้อยๆ ได้
อ่างล้างมือจาก Cristina และตู้ใต้อ่
ขนาดความกว้างอ่างกำลังพอดี แต่อ่างจะไม่ได้ลึกมากนักนะคะ เวลาล้างมือล้างหน้าน้ำอาจจะกระเด็นออกมาเหมือนกัน ส่วนด้านข้างทั้ง 2 ข้างมีพื้นที่ให้วางของเพิ่มจาก Low Wall ที่อยู่ด้านหลัง ซึ่งก็เพียงพออยู่นะคะ ถ้าคิดว่าวางแก้วใส่แปรงสีฟัน โฟมล้างหน้า และสบู่ล้างมือ
จากด้านซ้ายของอ่างล้างมือ เป็นส่วนโถสุขภัณฑ์จากยี่ห้อ Cristina เช่นเดียวกัน สำหรับระยะความกว้างของโถนั้นจะอยู่ที่ประมาณ 75 ซม. ถือว่านั่งได้พอดีๆ ค่ะ ไม่แคบหรืออึดอัดไป และด้วยความที่ฝ้าเพดานในห้องน้ำค่อนข้างสูง บริเวณด้านข้างขวาโถด้านบนสามารถติดชั้นวางของแบบติดผนังมาติดตั้งได้เผื่อสำหรับใครที่ใช้วางหนังสือพิมหรืออ่านหนังสือเล่นเพลินๆ ระหว่างเข้าห้องน้ำ
ในฝั่งตรงข้ามโถสุขภัณฑ์เป็นพื้นที่อาบน้ำ ซึ่งฉากกั้นส่วนเปียก-แห้ง ด้วยกระจก Tempered โดยมือจับเปิด-ปิด เป็นอลูมิเนียมไม่เป็นสนิท ภายนอกสามารถแขวนผ้าเช็ดตัวได้ด้วย
มีตัวยางติดที่ผนังกันการกระแทกระหว่างมือจับและกระเบื้องผนังให้
พื้นบริเวณส่วนอาบน้ำลดระดับลงไปนิดหน่อยกันน้ำล้นออกมา ขนาดห้องน้ำประมาณ 1.3 x 0.7 ม. เป็นขนาดกำลังพอดี
ฝักบัวที่ได้คือได้ทั้งแบบ Rain Shower และฝักบัวสายอ่อนจาก Cristina ด้านล่งตกแต่งด้วยกระเบื้องนำเข้า marble mosaic
ฝักบัวสายอ่อนขนาดหัวเล็กไปหน่อย แต่จับได้ถนัดมือ มีที่วางสบู่ให้ด้านข้างเป็นหินอ่อน
หน้าตาสวิตซ์จะเป็นแบบนี้ค่ะ จากยี่ห้อ Siemens หรือเทียบเท่า รวมทั้งส่วนปลั๊กไฟก็ให้ยี่ห้อเดียวกันค่ะ
ถัดมาในพื้นที่ครัวเป็นแบบครัวเปิดที่เชื่อมต่อกับส่วนพื้นที่นั่งเล่น ซึ่งครัวเปิดจะมีข้อเสียอยู่ในเรื่องกลิ่นอาหารที่ลอยฟุ้งไปยังส่วนพื้นที่นั่งเล่นได้จึงอาจจะไม่เหมาะกับการทำอาหารหนักๆ มากนัก รวมไปถึงพื้นลามิเนตนั้นเมื่อเทียบกับพื้นกระเบื้องแล้วจะมีความคงทนและทำความสะอาดยากกว่าจึงไม่เหมาะกับส่วนครัวเท่าไหร่นักค่ะ ในส่วนของ Pantry ทั้งหมดจะได้ตามนี้เลยค่ะ จากยี่ห้อ Euro creations หรือเทียบเท่า
การจัดวาง Pantry และตู้ลอยด้านบนเป็นแบบตัว L หน้าบานใช้วัสดุ High-Gloss พร้อม Soft Closed ทั้งหมด ส่วนด้านหลัง Pantry กรุด้วยกระจกสีชาง่ายต่อการทำความสะอาดและดูเรียบร้อยสวยงามดีค่ะ ส่วน Top เคาน์เตอร์นั้นเป็นหินสังเคราะห์ซึ่งใช้งานได้คงทนและสวยงามกว่า Particle
ส่วน Pantry จะเชื่อมกับโต๊ะกินข้าวด้วย ทำให้มีความกว้างทางเดินบริเวณ Pantry แคบลง แนะนำให้เปลี่ยนตำแหน่งการวางเก้าอี้ออกไปด้านนอกแทนนะคะ จะสะดวกกว่า ประกอบกับพื้นทางเดินด้านนอกมีระยะค่อนข้างกว้างและเดินได้สบาย ดังนั้นการวางเก้าอี้ด้านนอกก็ยังพอเดินได้สะดวกอยู่ค่ะ
ด้วยการจัดวางรูปตัว L แบบนี้จะมีข้อเสียอยู่คือลิ้นชักจะชนกับบานเปิดแบบนี้ต้องเปิดทางใดทางหนึ่ง
ในส่วนของบานเปิดด้านบนติดแผ่นเหล็กให้เปิดได้ง่าย ถนัดมือ
Sink ฝั่งเคาน์เตอร์ จาก Teka ได้เป็น Sink แบบ 2 หลุมซึ่งเหมาะกับการใช้งานดีเลยค่ะ
ส่วน Hob & Hood จาก Teka เช่นเดียวกัน เตาเป็นหัวเซรามิก 4 หัว ใช้ระบบดูดควันแบบ Exhausted หรือแบบต่อท่อออกไปด้านนอก ซึ่งช่วยในเรื่องการระบายควันและกลิ่นอาหารได้ดีเหมาะกับห้องครัวเปิดที่ต้องการการดูดควันออกอย่างรวดเร็ว เพื่อไม่ให้กลิ่นอาหารอบอวลในห้องนั่งเล่นค่ะ
ส่วนด้านข้าง Built-in ให้เป็นที่สำหรับวางตู้เย็น แต่ไม่ได้ให้ตู้เย็นมาด้วยนะคะ สำหรับขนาดตู้เย็นที่วางได้พอดีๆ คือขนาด 13 คิวบิกฟุตค่ะ
ด้านล่าง Pantry มีช่องว่างสำหรับวางเครื่องซักผ้า โดยสามารถวางเครื่องซักผ้าได้ขนาด 7 kg. และยังมีที่เหลืออีกหน่อย ซึ่งเป็นข้อดีนะคะเพราะยังเหลือพื้นที่สำหรับการสั่นของเครื่องซักผ้าเวลาทำงาน หากวางเครื่องได้พอดีๆ กับ Pantry เลยการที่สั่นบ่อยๆ ก็อาจจะทำให้ Pantry เสียหายได้เหมือนกัน
ส่วนที่วาง Micro Wave จะอยู่ด้านล่างของลิ้นชักใส่ช้อนส้อมค่ะ
เนื่องจาก Pantry เชื่อมติดกับโต๊ะกินข้าวทำให้ไม่มีบานเปิดด้านหน้าไป 1 บาน จึงทำเป็นบานเปิดด้านข้างมาให้เก็บของแทนที่บานเปิดด้านหน้าค่ะ
โต๊ะรับประทานอาหารเป็นหินสังเคราะห์ทั้งหมด แข็งแรงและทนทาน ง่ายต่อการทำความสะอาด ส่วนเก้าอี้เป็น Furniture ลอยตัวที่ทางโครงการไม่ได้ให้นะคะ
ในส่วนของห้องนั่งเล่นจะเชื่อมต่อกับพื้นที่กินข้าวและส่วนระเบียงด้านนอก ระยะจากทีวีถึงโซฟาอยู่ที่ประมาณ 1.8 ม.
ชุดโซฟาพร้อมโต๊ะกลางจะไม่ได้นะคะ สำหรับพื้นที่นั่งเล่นนี้สามารถวางโซฟาขนาด 3 ที่นั่งและโต๊ะกลางได้สบายๆ ตามห้องตัวอย่างที่จัดมาให้ดูเลยค่ะ
ส่วนชุด Built-in วางของและทีวีจะได้ตามห้องตัวอย่างเลยค่ะ โดยชุดวางทีวีนี้มีความกว้างให้วางทีวีได้มากสุดขนาด 42 นิ้ว ซึ่งเป็นขนาดที่พอดีกับสายตาในระยะ 1.8 ม.
มาที่ประตูบานเลื่อนไปส่วนระเบียงกันค่ะ บานประตูค่อนข้างหนาและแข็งแรง ตัวกระจกเป็นสีชาสามารถกรองแดดได้ระดับนึง
พื้นระเบียงปูด้วยกระเบื้องเซรามิกสีเทา ขนาด 30×30 เซนติเมตร มีความกว้างตั้งแต่ 60-90 เซนติเมตร ด้วยความกว้างเท่านี้อาจจะกว้างพอที่จะเอาเก้าอี้เล็กๆ หน่อยตรงบริเวณหน้าระเบียงเพื่อมานั่งชมวิวแม่น้ำรับลมเย็นๆ ได้นะคะ ส่วนอื่นๆ ทำได้คือยืนชมวิวแทน ส่วนรั้วระเบียงด้านข้างเป็นรั้วเหล็กสีดำ เสียดายว่ารั้วเหล็กนี้ค่อนข้างบังวิวไปหน่อย น่าจะได้เป็นรั้วกระจกแทนซึ่งทำให้มองเห็นวิวได้กว้างขึ้น และอาจจะสามารถมองวิวจากภายในห้องได้ด้วย
จุดเด่นของห้อง 60 ตร.ม. คือทางเดินส่วนระเบียงที่เดินได้ยาวตั้งแต่ห้องนอนใหญ่มาถึงห้องนอนเล็ก สามารถยืนชมวิวแม่น้ำเจ้าพระยาถึง 2 ด้าน
ส่วนคอมเพรสเซอร์แอร์จะแขวนไว้ด้านบนหันหน้าออกไปด้านนอกเรียบร้อย ไม่โดนลมร้อนเป่าเวลายืนรับลมชิวๆ
กลับเข้ามาภายในห้องกันต่อค่ะ สำหรับห้องนอนเล็กจะอยู่ฝั่งซ้ายของพื้นที่นั่งเล่นนะคะ พื้นห้องนอนเป็นพื้นลามิเนตหนา 8 มม. เป็นผืนทางเดียวกันกับพื้นห้องนั่งเล่นค่ะ
ภายในห้องนอนเล็กสามารถวางเตียงขนาด 5 ฟุต ได้ค่ะ
เตียงและฟูกทางโครงการไม่ได้ให้นะคะ จะได้เป็นส่วนหัวเตียงขนาดสำหรับเตียง 5 ฟุตเท่านั้นค่ะ
พื้นที่ทางเดินรอบเตียงกว้างประมาณ 60 เซนติเมตร สามารถเดินได้ค่ะ
ด้านที่ติดกับประตูทางเข้าห้องได้ชุด Built-in โต๊ะเครื่องแป้งพร้อมกระจกเงาและตู้เสื้อผ้า
โต๊ะเครื่องแป้งด้านล่างเป็นลิ้นชักเล็กๆ ไว้เก็บของหรือเครื่องสำอางค์ได้เล็กน้อย ส่วนเก้าอี้นั้นจะไม่ได้ให้มาด้วยนะคะ ถือเป็น Furniture ลอยตัว
ตู้เสื้อผ้าขนาด 2 บานเปิดภายในมีชั้นวางของ ราวแขวนเสื้อผ้า และลิ้นชักมาให้เรียบร้อย Built-in ตู้เสื้อผ้าให้ถึงฝ้าเพดาน ข้อดีก็คือไม่มีฝุ่นด้านบนตู้ที่ไม่ได้ใช้งาน
มือจับตู้เป็นแผ่นเหล็กยื่นออกมาแบบนี้ จับได้ง่ายดีค่ะ
ข้อเสียของบานเปิดคือปิดพื้นที่ทางเดินแบบนี้ เวลาจะเปิดตู้เสื้อผ้าก็เดินเข้า – ออกลำบากหน่อย
ปลายเตียงได้ชั้นวางทีวี พร้อมชั้นลอยวางของได้ ส่วนขนาดทีวีวางได้ขนาดสูงสุดที่ 36 นิ้ว
ด้านล่างชั้นวางทีวีเป็นตู้เก็บของได้ 2 ช่อง
ในห้องเล็กนี้ได้ Bay Window ไว้ชมวิวจากห้องนอนกว้างขึ้นด้วยนะ ส่วนด้านซ้ายเป็นประตูบานเลื่อนกระจกออกไปยังส่วนระเบียงทางเดินได้ค่ะ
เข้ามาที่ห้องนอนใหญ่กันต่อเลยค่ะ
ภายในห้องนอนใหญ่แบ่งออกเป็น 2 ส่วนใหญ่ๆ คือส่วนเตียงนอนและพื้นที่แต่งตัวกับห้องน้ำภายในห้อง สำหรับในห้องนอนใหญ่นี้สามารถวางเตียงได้ 6 ฟุต ได้ Bay Window ขนาดใหญ่มองวิวได้กว้าง แต่น่าเสียดายที่ด้านนึงเป็นที่ตั้งทีวีบังวิวแม่น้ำไปเยอะอยู่เหมือนกัน ส่วนฝ้าเพดานทำแบบซ่อนให้ด้านข้างสำหรับใส่ผ้าม่านได้ ส่วนไฟส่องสว่างเป็นแบบ down light ทรงสี่เหลี่ยม
มีบานกระทุ้ง 1 บานอยู่ด้านหลังทีวี เปิดระบายอากาศได้เล็กน้อย
ไม่ได้เตียงกับฟูกเช่นเดียวกับห้องนอนเล็ก จะได้หัวเตียงขนาด 6 ฟุตอย่างเดียวค่ะ
ทางเดินรอบเตียงกว้างประมาณ 70 ซม.เดินได้สบายค่ะ
ชั้นวางทีวีที่ได้เป็นแบบ High Gloss มีช่องวางของ 2 ช่องและลิ้นชักอีก 2 ลิ้นชักด้านล่าง สามารถวางของได้เยอะพอสมควรค่ะ
หันมาอีกด้านเป็นพื้นที่แต่งตัว ซึ่งจะได้ทั้งตู้เสื้อผ้า และโต๊ะเครื่องแป้งแบบ Built-in นี้เลยค่ะ
โต๊ะเครื่องแป้งแบบ Built-in ที่ได้พร้อมกระจกเงาบานใหญ่นี้ จะคล้ายๆ กับห้องนอนเล็กค่ะ แต่มีความกว้างโต๊ะมากกว่าหน่อย ส่วนเก้าอี้ไม่ได้เช่นเดียวกัน
ตู้เสื้อผ้าที่ได้เป็นแบบ Built-in สูงถึงฝ้าเพดาน บานเปิดเป็นบานกระจกสีชาสวย มีชั้นเก็บของด้านบน ราวแขวนเสื้อและลิ้นชักให้เรียบร้อย
แต่มือจับเป็นเหล็กยื่นออกมานิดเดียว จับไม่ค่อยถนัดเท่าไหร่ค่ะ
เข้ามาดูในห้องน้ำในห้องนอนใหญ่กันต่อ
มีการยกธรณีสูงปูด้วยกระเบื้องเรียบร้อย พื้นด้านในเป็นเซรามิกแบบด้านเช่นเดียวกับห้องน้ำด้านนอก
ชุดสุขภัณฑ์ทั้งหมดจาก Cristina เหมือนกับห้องนอนเล็ก แต่จะได้พื้นที่บริเวณอ่างล้างมือและกระจกบานใหญ่กว่าค่ะ
ฝั่งขวาของอ่างล้างมือเป็นส่วนโถสุขภัณฑ์ มีระยะข้างโถสุขภัณฑ์กว้างประมาณ 80 ซม. ซึ่งเป็นระยะกว้างที่นั่งได้สบายๆ เลยค่ะ
อีกฝั่งเป็นพื้นที่อาบน้ำกั้นด้วยกระจก Tempered
พื้นอาบน้ำลดระดับลงมานิดหน่อยกันน้ำไหลย้อน พื้นที่อาบน้ำกว้างพอๆ กับห้องน้ำแรก
ฝักบัวแบบ Rain Shower และฝักบัวสายอ่อน จาก Cristina รวมทั้งที่วางสบู่ และกระเบื้องโมเสกหินอ่อนนำเข้าด้านหลังฝักบัวเหมือนกันกับห้องน้ำแรกทั้งหมดค่ะ
มาชมอีกห้องนึงกันต่อค่ะ ห้องนี้เป็นห้อง 1 Bedroom ขนาด 30.5 ตร.ม. ลักษณะผังห้องเป็นแบบสี่เหลี่ยมจัตตุรัส ในเรื่องของจัดวางผังห้องทำมาได้ค่อนข้างดีเป็นสัดส่วน สำหรับห้องนี้ได้ครัวเป็นครัวปิดเหมาะกับการทำอาหารหนักๆ ได้ดี และมีการแยกส่วนของระเบียงที่ติดห้องนอนสำหรับชมวิวได้ กับระเบียงซักล้างที่อยู่ติดกับครัวซึ่งใช้สำหรับเป็นที่วางเครื่องซักผ้าหรือใช้ในการซักล้างต่างๆ รวมทั้งไม่ได้ยื่นระเบียงซักล้างออกมาเท่ากับระเบียงชมวิวด้วย ดังนั้นระเบียงซักล้างจึงไม่บังวิวจากระเบียงชมวิวที่ติดกับห้องนอนค่ะ
สำหรับห้อง 1 Bedroom นี้จะไม่ได้ Furniture นะคะ สิ่งที่ได้คือ
- Pantry ครัว
- สุขภัณฑ์ภายในห้องน้ำ
- Wallpaper
- เครื่องปรับอากาศ 2 เครื่อง ยี่ห้อ Toshiba หรือเทียบเท่า
เข้ามาภายในห้องกันค่ะ พื้นภายในห้องใช้วัสดุเป็นไม้ลามิเนตนำเข้าจากเยอรมัน หนา 8 มม. จบขอบด้วยไม้สำเร็จรูป
เข้ามาด้านในจะเจอกับห้องนั่งเล่นที่เชื่อมกับพื้นที่รับประทานอาหาร ลึกเข้าไปเป็นส่วนห้องนอนกั้นด้วยกระจกบานเลื่อน ส่วนของด้านขวาจะเป็นห้องครัวและห้องน้ำค่ะ ภายในห้องนี้มีความสูงฝ้า 2.6 ม. เช่นเดียวกับห้องแรกได้ฝ้าฉาบเรียบมีซ่อนผ้าม่านให้ด้านข้าง ดวงโคมส่องสว่างที่ได้เป็นแบบ Down Light ทรงสี่เหลี่ยม
หันกลับมาในส่วนของห้องนั่งเล่นจากทีวีถึงโซฟามีระยะประมาณ 2 ม. สามารถวางทีวีได้ถึงขนาด 46 นิ้วที่พอดีกับระยะสายตา
ส่วนด้านข้างที่เป็นพื้นที่สำหรับวางชุดโซฟาและโต๊ะรับประทานอาหาร จากที่ห้องตัวอย่างตกแต่งไว้ให้ดูเป็นตัวอย่างนั้นคือ สามารถวางโซฟาขนาด 3 ที่นั่งและโต๊ะรับประทานอาหารสำหรับ 2 ที่นั่งได้สบายๆ ซึ่งหากใครอยากได้โต๊ะรับประทานอาหารใหญ่หน่อยจะซื้อเป็นแบบ 4 ที่นั่งก็ได้นะคะ แล้วไปลดไซส์โซฟาเหลือ 2 ที่นั่งเอา แต่อย่างไรก็ดีแนะนำให้เช็คความกว้างยาวของเฟอร์นิเจอร์ด้วยนะคะ ^^
ชั้นวางทีวีแบบ Built-in นี้ไม่ได้ให้มานะคะ ทำไว้เพื่อเป็นไอเดียในการตกแต่งห้อง ซึ่งหากใครจะทำชุด Built-in แบบนี้อย่าลืมกะขนาดของทีวีที่ต้องการจะซื้อหรือมีอยู่แล้วก่อนค่อยสั่งทำตู้ Built-in นะคะ เพื่อให้วางได้พอดีไม่ใหญ่จนวางไม่ได้ อย่างในกรณีของชุดชั้นวางทีวีแบบ Built-in ในห้องตัวอย่างนี้สามารถวางขนาดทีวีได้สูงสุดที่ขนาด 42 นิ้วค่ะ
ถัดมาอีกหน่อยจะเห็นว่ามีพื้นที่ทางเดินบริเวณนี้ไปจนถึงห้องนอนรวมๆ แล้วค่อนข้างกว้างพอสมควร ซึ่งหากไม่ได้ใช้งานและเป็นเเค่ทางเดินก็ถือว่าเปลืองไปหน่อย แต่หากใครที่ชอบปาร์ตี้ในห้องกับเพื่อนๆ ก็คงจะได้ใช้พื้นที่นี้เหมือนกันนะ อาจจะวางโต๊ะญี่ปุ่นนั่งกินขนม เล่นเกมส์ หรือจะวางฟูกให้เพื่อนๆ นอนค้างกันชั่วคราวก็ได้ค่ะ
ถัดมาในส่วนของห้องนอนกั้นด้วยประตูบานเลื่อนกระจก 3 ตอนสูงถึงฝ้าเพดาน การกั้นห้องแบบนี้ช่วยให้บริเวณห้องนั่งเล่นที่ไม่ได้ติดกับภายนอกนั้นได้แสงธรรมชาติส่องเข้ามาถึง ดูโปร่งไม่ทึบตัน แต่หากใครที่ต้องการความเป็นส่วนตัวในห้องนอนมากขึ้นนั้นก็สามารถติดฟิล์มฝ้าหรือม่านได้ค่ะ
มือจับมาตรฐาน ส่วนรางค่อนข้างหนา ดูแข็งแรง
ขอบรางบนพื้นติดตั้งเสมอพื้น เดินสะดุดยาก แต่ด้วยขอบรางที่ค่อนข้างหนานั้นเมื่อเหยียบไปโดนอาจจะมีเจ็บเท้าบ้าง
ภายในห้องนอนสามารถวางเตียงขนาด 5 ฟุต โต๊ะเครื่องแป้งและตู้เสื้อผ้าได้ค่ะ โดย Furniture ทั้งหมดในห้องนี้ไม่ได้ให้นะคะ
เมื่อวางเตียงขนาด 5 ฟุตแล้วจะเหลือพื้นที่ด้านข้างให้เดินได้ประมาณ 50 ซม. ขนาดกว้างยังพอเดินได้แต่ไม่ถึงกับเดินได้สบาย
ส่วนอีกฝั่งสามารถวางโต๊ะเครื่องเเป้งและตู้เสื้อผ้าได้ค่ะ โดยตู้เสื้อผ้าที่วางได้จะขนาดเล็กลงมาหน่อยจากห้องแบบ 2 Bedroom นะคะ หากใครที่อยากจะได้ตู้ขนาดใหญ่ก็สามารถ Built-in เพิ่มแล้วตัดโต๊ะเครื่องแป้งออก แต่ต้องเช็คความสูงตู้ด้วยนะคะ เพราะจะติดกับส่วนของแอร์ในห้องนอน
ประตูระเบียงเป็นกระจกสีชาช่วยกรองแสงได้ดี ลักษณะการเปิดเป็นแบบเปิดออกแบบนี้ค่ะ ข้อดีคือได้ดูวิวตรงกลางกว้างๆ มากกว่าเปิดออกข้างใดข้างหนึ่ง
ขนาดระเบียงยาวตามความยาวของเตียง มีความกว้างประมาณ 60 ซม.ให้ยืนชมวิวได้ แต่เอาเก้าอี้สนามออกไปนั่งรับลมไม่ได้นะ
ถัดจากห้องนอนเราจะเข้าไปในส่วนห้องครัวกันต่อค่ะ
ภายในห้องครัวปูพื้นด้วยกระเบื้องเซรามิก 30 x 30 ซม. เหมาะกับการทำความสะอาดและใช้งานในครัว
Pantry ครัวที่ได้สำหรับห้อง 1 Bedroom ขนาด 30.5 ตร.ม.นี้จะไม่ได้แบบชุดครัวนี้นะคะ
Pantry ที่ได้จะได้เป็นแบบนี้จากยี่ห้อ Modernform หรือยี่ห้อ Starmark ค่ะ โดยจะมีให้คือส่วนของ Sink แต่ไม่ได้ให้ Hob&Hood นะคะ
ชั้นวางด้านบนบานเปิดใช้วัสดุเป็น Particle ได้ Soft Close มีช่องสำหรับวางไมโครเวฟได้
ส่วนเคาน์เตอร์ครัว Top เป็นหินแท้ มีลิ้นชักสำหรับใส่อุปกรณ์เล็กๆ อย่างช้อนส้อม ตะเกียบให้ และช่องใส่ของได้ 2 ช่อง ส่วนด้านหลังของเคาน์เตอร์ไม่มีกรุกระจกหรือกระเบื้องให้นะคะ แนะนำว่าให้กรุเองเพิ่มเติมค่ะ จะช่วยให้ง่ายต่อความสะอาดและผนังไม่เป็นคราบน้ำมันด้วย
บานเปิดบาดขอบให้เพื่อเปิด-ปิดได้ง่ายขึ้น
Sink หลุมเดี่ยวจาก Franke
หรืออาจจะได้ Pantry ยี่ห้อ Starmark ค่ะ ซึ่งมีได้สเป็ควัสดุเหมือนกัน ทั้ง Top หินแท้, บานเปิด Particle, Soft Close และขนาดของ Pantry
กลับมาดูที่ความกว้างของทางเดินในครัว กว้างประมาณ 80 ซม. ถือว่ามีพื้นที่สำหรับเดินและใช้งานส่วนครัวได้สะดวกระดับนึง
ถัดจากห้องครัวจะเป็นประตูบานเลื่อนไปยังส่วนซักล้าง
ขนาดพื้นที่ส่วนซักล้างเมื่อวางเครื่องซักผ้าไปแล้วจะเหลือพื้นที่ประมาณ 0.8 x 1 ม. ซึ่งถือว่าเหลือพื้นที่น้อยมากสำหรับใช้ตากผ้าได้นะคะ เราอาจจะแก้ปัญหาโดยการทำราวแขวนติดตั้งระหว่างผนังแทน ส่วนด้านข้างเครื่องซักผ้าจะเป็นก็อกสนามไว้ให้ซักล้างได้ค่ะ
ส่วนด้านบนฝั่งซ้ายมีดวงโคมติดผนังให้แสงสว่างบริเวณพื้นที่ซักล้าง และฝั่งขวานั้นแขวนคอมเพรสเซอร์แอร์ให้เรียบร้อย หากใครไม่ชอบให้ลมร้อนเป่าเข้าผนังอาคาร หรือมีความร้อนอวลอยู่บริเวณนี้ก็ติดกริลเบี่ยงลมร้อนออกไปด้านนอกได้ค่ะ
หันหลังกลับเข้าไปในห้องส่วนห้องน้ำกันค่ะ
หน้าห้องน้ำมีธรณียกสูงขึ้นมานิดหน่อยปูด้วยกระเบื้องเรียบร้อย ภายในใช้พื้นเซรามิกด้านเช่นเดียวกับห้องแรก
ภายในห้องน้ำแบ่งโซนเปียกโซนแห้งชัดเจน สุขภัณฑ์ที่ใช้เหมือนกับห้องแรกทั้งหมดจาก Cristina ด้านหลังสุขภัณฑ์ทำ Low Wall ไว้ให้สามารถวางของเล็กๆ น้อยๆ ได้ และติดกระจกขนาดใหญ่ทั้งผนังและสูงติดฝ้าเพดาน
พื้นที่บริเวณโซนแห้งนี้จะแคบกว่าห้องแรกอยู่หน่อยค่ะ สำหรับพื้นที่ระหว่างโถสุขภัณฑ์นั้นสามารถนั่งได้แบบพอดีๆ แต่คนไหนตัวใหญ่ๆ หน่อยก็คงจะอึดอัดบ้างค่ะ
ถัดมาในโซนเปียกหรือพื้นที่อาบน้ำกั้นด้วยกระจก Tempered เช่นเดียวกับห้องแรก
พื้นที่อาบน้ำลดระดับลงไปนิดหน่อย มีขนาดประมาณ 1.2 x 0.7 ม. เป็นขนาดที่อาบได้พอดีๆ
ฝักบัวทั้ง Rain Shower และฝักบัวสายอ่อน, ที่วางสบู่หินอ่อน และการตกแต่งภายในห้องน้ำที่ตกแต่งแต่งพื้นที่อาบน้ำด้านหลังฝักบัวเป็นกระเบื้องโมเสกหินอ่อนนำเข้าเช่นเดียวกับห้องแรกเลยค่ะ
**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ
ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 10 Febuary 2016
- 2 Bedroom ราคาเริ่มต้น 4.99 ล้านบาท พร้อม Furniture นำเข้า (เฉพาะวันที่ 27-28 ก.พ. 59 รับส่วนลดสูงสุดกว่า 300,000 บาท โดยเงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด)
- Fully Fitted
- เพดานสูง 2.6 เมตร
- Kitchen & Sink
- Hob & Hood (เฉพาะห้อง 2 Bedroom)
- จอง และ สัญญา
- 1 Bedroom 24.5 ตร.ม. 35,000 บาท
- 1 Bedroom 29 ตร.ม. 40,000 บาท
- 1 Bedroom 30.5 ตร.ม. 40,000 บาท
- 2 Bedroom 50 ตร.ม. 80,000 บาท
- 2 Bedroom Corner 60 ตร.ม. 80,000 บาท
**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ
โครงการ The Politan Rive เป็นโครงการเฟสแรกบนที่ดินกว่า 50 ไร่ของ Everland จุดเด่นเรื่องทำเลที่ตั้งของโครงการคือเป็นโครงการติดริมแม่น้ำ ฝั่งนนทบุรี ตัวโครงการตั้งอยู่บนถนนสนามบินน้ำบริเวณต้นๆ ถนนที่เชื่อมกับถนนรัตนาธิเบศร์ โดยอยู่ในซอยนนทบุรี 15 ลึกเข้าไปประมาณ 180 ม. สภาพแวดล้อมโดยรอบโครงการส่วนใหญ่เป็นชุมชนที่อยู่อาศัยกันมานาน ใกล้วัดใกล้ชุมชนริมคลอง แต่ก็พอจะมีคอนโด High Rise ขึ้นตามริมถนนสนามบินน้ำ เกาะตามระบบรางที่กำลังจะสร้างเสร็จอย่างรถไฟฟ้าสายสีม่วง ในอนาคตเชื่อว่าทำเลแถบรัตนาธิเบศร์และถนนสนามบินน้ำเองก็คงจะมีการเปลี่ยนแปลงไปอีกตามความเจริญที่เข้ามาพร้อมกับรถไฟฟ้าที่สร้างเสร็จพร้อมเปิดให้ใช้บริการในช่วงสิงหาคม 59 นี้
สำหรับความอุดมสมบูรณ์นั้นที่อยู่ในระยะเดินใกล้ๆ ถือว่าหาของกินลำบากทีเดียวค่ะ ต้องขับรถออกไปหน่อย อย่างบนถนนสนามบินน้ำเองจะมีร้านค้าร้านอาหารอยู่ใกล้ๆ แถบกระทรวงพาณิชย์ กองสลากกินแบ่ง รวมทั้งมีตลาดสนามบินน้ำที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกับกองสลากให้เดินเลือกซื้อของสดกันได้ หากใครที่ขี้เกียจออกไปไหนไกลนั้นทางโครงการก็ได้จัดให้มีร้านค้า 8 ร้านค้าใต้ตึกบริเวณ Lobby โครงการไว้เปิดให้บริการลูกบ้านจำนวน 2,000 กว่ายูนิตให้ใช้บริการกันได้ ซึ่งร้านค้านั้นยังไม่ได้กำหนดแบรนด์ชัดเจนนะคะ ส่วนห้างสรรพสินค้าที่ใกล้ที่สุดก็คงจะเป็นห้างดังหลักบนถนนรัตนาธิเบศร์อย่าง Central รัตนาธิเบศร์ หรือจะไปห้างเปิดใหม่ไกลออกไปหน่อยประมาณ 8.5 กม. อย่าง Central West Gate ค่ะ
เรื่องวิวเป็นอีกเรื่องที่สำคัญมากกับโครงการที่ติดริมแม่น้ำเจ้าพระยาแบบนี้ สำหรับเฟสแรกของโครงการที่ถูกซอยออกมา 9 ไร่เศษจาก 50 กว่าไร่นี้อยู่ติดขอบเขตที่ดินรวมฝั่งซ้ายหรือทางทิศใต้ ซึ่งตัวโครงการวางอาคารมาให้ห้องส่วนใหญ่หันหน้าไปในทางทิศเหนือ – ใต้ ดังนั้นห้องที่จะได้วิวแม่น้ำเจ้าพระยาและมั่นใจได้ชัวๆ ว่าจะไม่ถูกเฟสถัดไปหรืออาคารสูงข้างเคียงในระยะใกล้บล็อควิวก็คือห้องฝั่งทิศใต้ค่ะ ส่วนของทิศเหนือนั้นหากไม่ถูกบล็อกวิวจากเฟสถัดไปก็จะได้เห็นวิวโค้งแม่น้ำเลยไปถึงเกาะเกร็ดเลย อย่างไรก็ตามต้องคอยดูกันต่อไปค่ะกับวิวในทิศเหนือว่าจะถูกบล็อกวิวหรือไม่ แค่ไหน
การเดินทางด้วยรถยนต์ในโซนนนทบุรีนี้ค่อนข้างสะดวก เนื่องจากถนนสนามบินน้ำเองถึงแม้จะไม่ได้เป็นถนนเส้นหลักแต่ก็เป็นถนนที่เชื่อมเข้ากับถนนเส้นหลักๆ ทั้ง 2 สายของฝั่งนนทบุรีนี้อย่างถนนรัตนาธิเบศร์, ถนนติวานนท์ รวมทั้งยังอยู่ใกล้สะพานพระนั่งเกล้า ข้ามไปฝั่งราชพฤกษ์ ไปถนนวงเแหวนได้ไม่ยาก ส่วนทางด่วนอยู่บนถนนงามวงศ์วาน วิ่งข้ามแยกแครายไปก็จะเจอ อยู่ห่างออกไปหน่อย ข้อเสียของการใช้รถแถวๆนี้ก็คือรถค่อนข้างติดมากโดยเฉพาะแยกแครายที่เป็นแยกใหญ่ค่ะ
การเดินทางโดยไม่ใช่รถนั้นถือเป็นอีกหนึ่งจุดเด่นโครงการคืออยู่ใกล้รถไฟฟ้าสถานีพระนั่งเกล้าประมาณ 400 ม.ถึงทางเข้าโครงการ โดยสามารถลัดออกไปทะลุออกทางซอยรัตนาธิเบศ 42 ได้ ปัจจุบันยังไม่มีการทำสะพานข้ามถนนไปยังสถานีรถไฟฟ้าที่อยู่อีกฝั่ง แต่ในอนาคตจะมีการทำสะพานลอยให้บริเวณซอยรัตนาธิเบศ 42 เพื่ออำนวยความสะดวกให้คนใช้บริการรถไฟฟ้าในฝั่งเดียวกับโครงการมากขึ้น รวมทั้งทางโครงการมีการอำนวยความสะดวกให้กับลูกบ้านในการเดินทางโดยรถไฟฟ้ามากขึ้นโดยการจัด Shuttle Service เป็นรถตู้ 3 คันบริการรับ-ส่งลูกบ้านจากโครงการไปสถานีรถไฟฟ้าพระนั่งเกล้า
การออกแบบโครงการในแง่ของ Master Plan ที่ดินทั้งหมด 50 กว่าไร่นั้นยังไม่สามารถสรุปได้ แต่ในส่วนของโครงการเฟสแรกนี้เป็นโครงการที่ใหญ่มีจำนวนยูนิตในโครงการมาก โดยรวมค่อนข้างหนาแน่นพอสมควรค่ะ สำหรับลิฟต์นั้นมีทั้งหมด 10 ตัว ลิฟต์ Service 1 ตัว เป็นลิฟต์ High Speed ช่วยลดเวลาการรอลิฟต์ได้ดีขึ้น อัตราส่วนของลิฟต์อยู่ที่ 235.1 :1 ซึ่งก็ถือว่าหนาแน่นมากพอสมควรเลยค่ะ การออกแบบโครงการนี้ในเรื่องของแปลนและการจัดเส้นทางสัญจรในทางตั้ง (Verticle Circulation) ทำออกมาได้ดีช่วยแก้ปัญหาเรื่องความหนาแน่นของโครงการได้ โดยแบ่ง Lobby และโถงลิฟต์ แยกออกจากกันเป็น 2 โซนชัดเจน จึงช่วยระบายคนไม่ต้องยืนรอกันในจุดเดียวหรือต้องเดินจากโถงลิฟต์ไปยังห้องของตัวเองไกลมากนัก
การออกแบบห้อง 1 Bedroom ขนาด 30.5 ตร.ม. จัดออกมาได้ลงตัวเป็นสัดส่วนดีเหมาะกับการใช้อยู่อาศัยได้จริง ทั้งเรื่องของครัวที่ทำเป็นแบบปิดให้ และการแยกระเบียงชมวิวและระเบียงซักล้างออกจากกัน ซึ่งเป็นฟังก์ชันที่เหมาะกับโครงการที่ต้องการชมวิวจริงๆ ส่วนห้อง 2 Bedroom ขนาด 60 ตร.ม.นั้นเด่นที่ระเบียงที่มีความยาวล้อมรอบห้องสามารถมองวิวแม่น้ำได้ถึง 2 ด้าน แต่เป็นระเบียงที่ได้เพียงยืนเกาะรั้วชมเท่านั้น เพราะมีความกว้างไม่พอสำหรับวางชุดเก้าอี้สนาม หรือโต๊ะน้ำชาจิบๆชมวิวได้ ถือว่าค่อนข้างหน้าเสียดาย ส่วนภายในห้อง 2 Bedroom นี้จัดผังเป็นแนวยาวเพื่อเน้นให้ห้องทุกห้องมองเห็นวิวทั้งหมดซึ่งนี่เป็นจุดเด่นอีกจุดค่ะ
วัสดุที่ได้นั้นระหว่างห้อง 1 Bedroom และ 2 Bedroom ได้แตกต่างกันนะคะ อย่างห้อง 1 Bedroom จะไม่ได้ Furniture ทั้งหมดแต่จะได้ Pantry ครัวจาก Modernform หรือ Starmark ท็อปเป็นหินแท้, สุขภัณฑ์ภายในห้องน้ำจาก Cristina ทั้งหมด ส่วนห้อง 2 Bedroom ได้ของตามห้องตัวอย่างคือได้ Furniture แบบ Built-in ทั้งหมดจาก Euro Creations Pantry จาก Euro Creations เช่นเดียวกัน Top เป็นหินสังเคราะห์ และบานเปิด Hi Gloss พร้อม Soft Close ทั้งหมด ได้ Hob&Hood แบบต่อท่อออกไปด้านนอก และส่วนที่ได้เหมือนกันทุกห้องคือสุขภัณฑ์จาก Cristina, พื้นลามิเนตนำเข้าจากเยอรมัน หนา 8 มม., Wallpaper และเครื่องปรับอากาศจาก Toshina หรือเทียบเท่า
ส่วนสาธารณูปโภคนั้นให้ค่อนข้างเยอะ ทั้งในส่วนของ Club House, Facilities ชั้น 9 ภายในอาคาร รวมไปถึงชั้นดาดฟ้าที่มีสระว่ายน้ำและชั้น Sky lounge โดยรวมน่าใช้งานและทำมาเพื่อให้ลูกบ้านจำนวนมากได้สามารถใช้งานได้เพียงพอ ส่วนที่จอดรถให้มา 58% รวมซ้อนคัน หากเทียบกับ Segment นี้ก็ถือว่าในระดับมาตรฐาน แต่ในความเป็นจริงอาจจะไม่เพียงพอกับจำนวนรถของลูกบ้านที่อยู่อาศัยในโครงการจำนวนมาก ส่วนเรื่องการบริการที่ได้ก็มีอย่าง Shuttle Service คอยรับ-ส่งลูกบ้านไปยังสถานีรถไฟฟ้าค่ะ
Judgement
การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้
ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%
เทียบกับราคา 52,650 – 130,000 บาท/ตร.ม., 10 February 2016
- ทำเล 8/10 – ติดแม่น้ำเจ้าพระยา อยู่ใกล้ห้างในระยะขับรถ แต่รอบโครงการค่อนข้างแห้งแล้ง
- เดินทางด้วยรถ 7.5/10 – ทะลุออกถนนใหญ่สายหลักได้ มีทางเลี่ยงรถติด ใกล้สะพานข้ามไปขึ้นถนนวงแหวนได้ ข้อเสียคือรถติดมาก
- ไม่ใช้รถ 8/10 – ใกล้รถไฟฟ้าสถานีพระนั่งเกล้า มี Shuttle Service ให้
- วัสดุ 7.5/10 – วัสดุอยู่ในระดับมาตรฐาน
- แบบ 7.5/10 – โครงการมีความหนาแน่นพอสมควร ยูนิตเยอะ แต่แก้ปัญหาเรื่องความหนาแน่นได้ดีระดับนึง
- สาธารณูปโภค 8/10 – ให้เยอะ น่าใช้งาน น่าจะเพียงพอ
- MAIN CLASS
- 7.8 / 10.00
BOTTOM LINE
The Politan Rive เหมาะกับคนอยู่ฝั่งนนทบุรี ชอบคอนโดตึกสูง วิวแม่น้ำเจ้าพระยา คาดหวังว่าจะใช้รถไฟฟ้าในการเข้า-ออกเมือง ชอบโครงการใหญ่ เน้น Facilities เยอะ มีช่วงราคาหลายช่วงให้เลือก มีงบประมาณบางส่วนเผื่อไว้สำหรับการตกแต่งห้องแบบ 1 Bedroom หรือพร้อมแพคกระเป๋าเข้าอยู่ไม่เน้นตกแต่งมากนักสำหรับห้อง 2 Bedroom มีงบประมาณตั้งแต่ 1.3 – 8.5 ล้านบาท หรือมีกำลังผ่อนต่อเดือนประมาณ 9,000 – 68,000 บาท
ถ้ามีความเห็นว่ารีวิวตัวนี้มีประโยชน์ ช่วยกด LIKE ให้หน่อยนะคะ จะได้มีกำลังใจในการทำรีวิวต่อไป
สมัครสมาชิกพร้อมรับข่าวสารเพิ่มเติม (คลิกที่นี่ )