รีวิวฉบับที่ 1117 สวัสดีค่ะวันนี้เราจะพาไปชมโครงการ The Politan Breeze คอนโด Low Rise 8 ชั้น 4 อาคาร พร้อมอาคารจอดรถ 7 ชั้น และส่วนกลางกว่า 3 ไร่ ตัวใหม่จาก Everland ตั้งอยู่บนที่ดินผืนใหญ่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาโดยโครงการนี้ถือเป็นเฟสที่ 2 ถัดจากโครงการที่เปิดตัวไปเมื่อต้นปี ทำเลตั้งอยู่ในซอยนนทบุรี 15 บนถนนสนามบินน้ำ ใกล้รถไฟฟ้าสายสีม่วง สถานีพระนั่งเกล้า ราคาเริ่มต้น 1.65 ล้านบาท ตามไปชมพร้อมๆ กันเลยค่ะ
Fact @ 29 June 2016
- The Politan Breeze (เดอะ โพลิแทน บรีซ)
- บริษัท เอเวอร์แลนด์ จำกัด (มหาชน)
- ECONOMY CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
- โครงการตั้งอยู่ : ซอย นนทบุรี 15 ถนน สนามบินน้ำ อำเภอ เมือง ตำบล บางกระสอ จังหวัด นนทบุรี
- คอนโด Low Rise 8 ชั้น 4 อาคาร 587 ยูนิต และ 3 ร้านค้า
- ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 23 ยูนิต ที่ชั้น 3 – 8 อาคาร C , D
- อาคารจอดรถ 1 อาคาร 7 ชั้น
- ที่จอดรถประมาณ 343 คันคิดเป็น 58% รวมจอดซ้อนคัน
- ที่ดินประมาณ 7-2-85 ไร่
- เริ่มก่อสร้าง : ไตรมาส 1 ของปี 2560
- คาดว่าจะแล้วเสร็จ : ไตรสาม 3 ของปี 2561
- 1 Bedroom 29 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 1.65 ล้านบาท
- 2 Bedrooms 43 – 60 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น n/a ล้านบาท
- ฝ้าเพดานสูง ในส่วนห้องพัก 2.55 เมตร ส่วนห้องน้ำและห้องครัว 2.30 เมตร
- ราคาห้องเริ่มต้น 1.65 ล้านบาท
- ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรเริ่มต้น 57,000 บาท/ตร.ม.
- EIA (การประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม) : ได้รับอนุมัติแล้ว
- เพิ่มเติมข้อมูลทำเลรอบๆ รถไฟฟ้าสถานีพระนั่งเกล้า ได้ที่: พาชมทำเลรถไฟฟ้าสายสีม่วง
- เวปไซต์โครงการ : http://www.thepolitancondo.com/breeze/
- โทร : 02-002-2222
เพียงแค่การกด Like ก็เท่ากับการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจาก Think of Living แล้วค่ะ
สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างนะ
พิกัด : 13.873938, 100.479922
จากแผนที่โครงการ The Politan Breeze ตั้งอยู่ในซอยนนทบุรี 15 บนถนนสนามบินน้ำ เข้าซอยไปประมาณ 260 เมตร ใกล้สถานีพระนั่งเกล้า รถไฟฟ้าสายสีม่วง
ทำเลของโครงการ The Politan Breeze ตั้งอยู่ในจ.นนทบุรี บนถนนสนามบินน้ำ อยู่ระหว่างย่านบางใหญ่และย่านแคราย -งามวงศ์วาน จุดเด่นของโครงการนี้คือเป็นคอนโดริมแม่น้ำที่สามารถเดินไปขึ้นรถไฟฟ้าได้ ถ้ามองภาพรวมในย่านนี้ถือเป็นชุมชนที่อยู่อาศัยที่มีการพัฒนาและเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เริ่มมีการก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าขึ้นมา จะเห็นว่ามีโครงการคอนโด High Rise ขึ้นบริเวณริมถนนรัตนาธิเบศร์ให้ตลอดทั้ง 2 ฝั่งยาวไปจนถึงย่านบางใหญ่ เพื่อรองรับคนที่จะเข้ามาอยู่อาศัยใกล้ระบบรางที่กำลังจะเปิดให้ใช้บริการ ส่วนในซอยจะเป็นที่พักอาศัยแนวราบของคนในพื้นที่ที่อยู่อาศัยกันมานาน ถ้ามาดูบนถนนสนามบินน้ำ สภาพแวดล้อมส่วนใหญ่จะเป็นบ้านเรือน ชุมชนเก่าแก่ที่อยู่อาศัยกันมานาน ถนนเส้นนี้มีความสำคัญก็คือเป็นที่ตั้งของกระทรวงพาณิชย์ สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลและสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ทำให้บริเวณใกล้ๆกับถนนติวานนท์นั้นค่อนข้างคึกคัก มีร้านค้า ร้านอาหาร รวมไปถึงตลาดสำหรับพนักงาน ข้าราชการ และคนในแถบนั้นด้วย
การเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวถ้าใครใช้ชีวิตหรือทำงานในละแวกนี้ถือว่าสะดวกทีเดียวค่ะ เนื่องจากถนนสนามบินน้ำเป็นถนนที่เชื่อมถนนหลักอย่างระหว่างถนนรัตนาธิเบศร์และถนนติวานนท์ สำหรับถนนติวานนท์ ที่ตัดผ่านถนนรัตนาธิเบศร์ที่แยกแคราย ในแนวเหนือ-ใต้ เชื่อมไปยังถนนนครอินทร์ ไปสะพานพระราม 5 ได้ในทิศใต้ และเชื่อมไปถนนแจ้งวัฒนะ มุ่งหน้าห้าแยกปากเกร็ดในทิศเหนือ เป็นอีกหนึ่งเส้นทางคมนาคมที่สำคัญของโซนนนทบุรีนี้ค่ะ สำหรับถนนรัตนาธิเบศร์นั้นสามารถวิ่งข้ามสะพานไปถนนราชพฤกษ์ได้ หรือจะวิ่งเข้าเมืองโดยผ่านแยกแครายก็จะเข้าสู่ถนนงามวงศ์วาน ที่จะเป็นถนนเส้นเดียวกัน มีทางขึ้น-ลงทางด่วนงามวงศ์วานให้ใช้ และมีสิ่งอำนวยความสะดวกเยอะเหมือนกันค่ะ ทั้งนี้ทั้งนั้นเนื่องจากถนนรัตนาธิเบศร์นี้เป็นถนนหลักที่ใช้ในการเดินทางเข้าออกเมืองของคนในย่านนี้จึงอาจจะต้องเผื่อเวลาในการเดินทางมากๆหน่อยนะคะโดยเฉพาะในช่วงเวลาเร่งด่วน
การเข้าถึงโครงการหลักๆแล้วสามารถเข้าถึงได้ 3 เส้นทางดังนี้
- เส้นทางที่ 1 – เดินทางมาจากเส้นแคราย หรือทางพิเศษศรีรัช ทางด่วนขั้นที่ 2 ให้เลี้ยวซ้ายเข้าสู่ถนนงามวงศ์วาน วิ่งตรงตามถนนรัตนาธิเบศร์ ก่อนถึงสะพานพระนั่งเกล้าให้เบี่ยงซ้ายเข้าทางคู่ขนานเพื่อที่จะกลับรถแล้ว แล้วมาเลี้ยวซ้ายเข้าซอยรัตนาธิเบศร์ 42 (ซอยวัดน้อยนอก) หรือเลี้ยวเข้าถนน สนามบินน้ำเพื่อเข้าซอย นนทบุรี 15 ตรงเข้าซอยมาซักระยะก็จะถึงทางเข้าโครงการ โดยโครงการจะอยู่ทางฝั่งซ้าย
- เส้นทางที่ 2 – เดินทางมาจากถนนแจ้งวัฒนะ วิ่งจากถนนติวานนท์เลี้ยวขวาเข้าถนนสนามบินน้ำ ผ่านสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลและกระทรวงพาณิชย์ ตรงมาเรื่อยๆ แล้วเลี้ยวขวาเข้าซอยนนทบุรี 15
- เส้นทางที่ 3 – เดินทางมาจากบางใหญ่ ตรงมาตามถนนรัตนาธิเบศร์ข้ามสะพานพระนั่งเกล้า (สะพานเดิม) มาแล้วเลี้ยวซ้ายเข้าซอยรัตนาธิเบศ 42 หรือเลี้ยวซ้ายเข้าถนนสนามบินน้ำและเลี้ยวซ้ายเข้าซอยนนทบุรี 15 ค่ะ
ส่วนการเดินทางโดยไม่ใช้รถ เราก็สามารถเรียกรถสาธารณะทั้งแท็กซี่ และ มอเตอร์ไซค์ได้สะดวก จากโครงการเดินออกมาหน่อยก็จะถึงถนนสนามบินน้ำซึ่งเป็นถนนที่ใช้ลัดออกไปติวานนท์ได้เพราะฉะนั้นจะมีรถวิ่งอยู่ตลอดเวลา หรือจะใช้ซอยรัตนาธิเบศร์ 42 เดินออกมาเรียกรถที่ถนน รัตนาธิเบศร์ก็ได้ สำหรับการเดินทางโดยระบบรางจะมีรถไฟฟ้าสายสีม่วงที่จะเปิดให้ใช้บริการในวันที่ 6 สิงหาคม 59 นี้ สถานีที่ใกล้ที่สุดคือสถานีพระนั่งเกล้า ตัวสถานีจะอยู่บริเวณจุดตัดของถนนรัตนาธิเบศร์และถนนสนามบินน้ำ แต่ตอนนี้ทางขึ้น – ลงสถานีจะมีอยู่แค่ฝั่งตรงข้าม ซึ่งในอนาคตคาดว่าน่าจะมีการทำทางเชื่อมมาลงบริเวณหน้าปากซอยรัตนาธิเบศร์ 42 แต่ยังไม่ทราบตำแหน่งอย่างเป็นทางการนะคะ เราต้องรอดูกันต่อไป โดยจากโครงการมาถึงหน้าปากซอยรัตนาธิเบศร์ 42 จะมีระยะประมาณ 400 เมตร ดังนั้นตอนนี้เราต้องเดินข้ามสะพานลอยที่อยู่บริเวณหน้าปากซอย นนทบุรี 15 เพื่อไปขึ้นรถไฟฟ้าฝั่งตรงข้ามไปก่อน กินระยะทางประมาณ 740 เมตร สถานีสะพานพระนั่งเกล้ามีทางขึ้นสู่สถานีทั้งหมด 3 ทางด้วยกันคือ (ข้อมูลจาก http://www.mrta-purpleline.com/)
- ทางขึ้น-ลง A – ตั้งอยู่บริเวณด้านทิศตะวันตกของสถานีบนถนนรัตนาธิเบศร์ฝั่งขาออกใต้สะพานพระนั่งเกล้า
- ทางขึ้น-ลง B – ตั้งอยู่บริเวณด้านทิศตะวันออกของสถานีบนถนนรัตนาธิเบศร์ฝั่งขาออก ใกล้แยกสนามบินน้ำ
- ทางขึ้น-ลง C – อยู่บริเวณด้านทิศตะวันออกของของสถานีบนถนนรัตนาธิเบศร์ จะอยู่ฝั่งขาออกเช่นเดียวกับทางขึ้น-ลง A และ B ใกล้แยกสนามบินน้ำ
อีกหนึ่งการเดินทางในอนาคตที่มีอยู่ในแผนคือการสร้างจุดเชื่อมต่อเรือด่วนเจ้าพระยา เพื่อรองรับผู้คนที่ใช้บริการรถไฟฟ้าสายสีม่วงและผู้คนในพื้นที่นี้ให้มีทางเลือกในการเดินทางมากขึ้น เมื่อดำเนินการแล้วเสร็จพื้นที่บริเวณนี้จะเป็นอีกจุดที่มีการเชื่อมต่อในการเดินทางเปรียบเสมือนสถานีรถไฟฟ้าตากสิน ที่มีจุดเด่นในด้านการเชื่อมเส้นทางการคมนาคมระบบรางและการคมนาคมทางน้ำ โดยท่าเรือนี้สามารถเดินทางไปถึงสาทรได้เลยค่ะ
ในเรื่องของความอุดมสมบูรณ์บนถนนสนามบินน้ำก็มีทั้งร้านอาหาร ร้านรถเข็นอยู่เป็นระยะๆ รวมไปถึงตลาดสนามบินน้ำที่อยู่ตรงข้ามสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลสามารถหาของกินได้ง่ายไม่ไกลมากนักสำหรับระยะการขับรถนะคะ แต่หากเป็นระยะเดินนั้นก็อาจจะเดินไกลหน่อย หรือจะออกไปทานร้านอาหารที่อยู่บนถนนรัตนาธิเบศร์ก็ได้ค่ะ สำหรับห้างที่อยู่ใกล้ที่สุดก็คือ Central รัตนาธิเบศร์ ห้างดังห้างใหญ่ประจำถนนสายนี้ สามารถวิ่งลัดเข้าถนนเลี่ยงเมืองนนทบุรีเข้าสู่ตัวห้างได้ไม่ต้องเผชิญรถติดบนถนนรัตนาธิเบศร์ ส่วนห้างที่ไกลออกไปหน่อยก็จะมี Central West Gate แถบบางใหญ่กับอีกฝั่งบนถนนงามวงศ์วานอย่าง Esplanade แครายและ The Mall งามวงศ์วานให้เลือกไปช็อปปิ้งกัน โดยรวมแล้วสิ่งอำนวยความสะดวกและความอุดมสมบูรณ์ในรัศมีไม่เกิน 10 กม. ก็ถือว่าค่อนข้างครบครันค่ะ จุดเด่นของโครงการที่อยู่ทางฝั่งนี้คือ ติดแม่น้ำเจ้าพระยาโดยตัวโครงการถึงแม้ว่าจะต้องเดินเข้าซอยไปหน่อย แต่ด้านหลังของโครงการจะติดกับแม่น้ำเจ้าพระยาเลย ทำให้เราได้สัมผัสวิวแม่น้ำแบบเต็มๆ
สำหรับการเดินทางของเราในวันนี้ จะเริ่มต้นจากบริเวณสี่แยกแคราย ตรงมาตามถนนรัตนาธิเบศร์ ตรงมาเรื่อยๆจนผ่าน Central รัตนาธิเบศร์ ก่อนขึ้นสะพานพระนั่งเกล้าให้เบี่ยงซ้ายออกทางขนานเพื่อไปกลับรถที่ใต้สะพาน จากนั้นให้เลี้ยวซ้ายเข้าถนนสนามบินน้ำ เข้าซอยนนทบุรี 15 ลึกประมาณ 260 ม.ก็ถึงหน้าปากทางเข้าโครงการ ส่วนสำนักงานขายจะอยู่ริมแม่น้ำต้องเข้าขับไปอีกหน่อยค่ะ
การเดินทางในวันนี้เริ่มจากบริเวณสี่แยกแคราย ตรงไปตามถนน รัตนาธิเบศร์ พอเริ่มเข้าถนนนี้มาทางด้านซ้ายจะผ่านโครงการ U delight รัตนาธิเบศร์ และ เอเวอรี่มอลล์ มอลล์เล็กๆที่กำลังทำการรีโนเวทอยู่ (Hobby Lobby เก่า) ส่วนทางฝั่งขวาจะเป็นเอสพลานาด งามวงศ์วาน – แคราย และ Tesco Lotus รัตนาธิเบศร์
ขับตรงมาซักระยะจะเจอกับ สถานีแรกบนถนนรัตนาธิเบศร์ คือ สถานีศูนย์ราชการนนทบุรี ทางฝั่งซ้ายเป็นบริษัท ไทยคม จำกัด มหาชน ส่วนทางด้านขวาเป็น อุทยานมกุฏรมยสราญ และ ศูนย์ราชการจังหวัดนนทบุรี
ตรงมาอีก ทางฝั่งซ้ายจะเป็น Big C รัตนาธิเบศร์ ซึ่งมีทางขึ้นลงสถานี บางกระสออยู่ด้านหน้าเลย ใครจะมาจับจ่ายใช้สอยก็สามารถนั่งรถไฟฟ้ามาลงได้
ถัดมาจะเจอเซ็นทรัล รัตนาธิเบศร์ ห้างใหญ่ของคนย่านนี้ อยู่ทางฝั่งขวาซึ่งจะตรงกับสถานี นนทบุรี 1
ขับตรงมาอีกหน่อยจะเห็นป้ายบอกทางไปยังถนนสนามบินน้ำ (กระทรวงพาณิชย์) โดยให้เริ่มเบี่ยงซ้ายออกทางขนาน
เราจะเบี่ยงซ้ายออกทางขนานค่ะ ตรงจุดนี้ต้องระวังนิดนึงเพราะถ้าเลยตรงนี้ไปจะถูกบังคับให้ขึ้นสะพานพระนั่งเกล้าเลยค่ะ
จากนั้นจะต้องขับตรงไปกลับรถใต้สะพาน ส่วนสะพานลอยนี้จะเป็นสะพานที่เราเดินออกมาจากถนนสนามบินน้ำ แล้วใช้ข้ามมาขึ้นรถไฟฟ้าสถานีพระนั่งเกล้าค่ะ
พอขับเลยสะพานลอยมาจะเห็น ทางขึ้นรถไฟฟ้าสถานีพระนั่งเกล้า โดยถนนสนามบินน้ำจะอยู่ฝั่งตรงข้าม ช่วงกลางถนนจะมี barrier กั้นทางอยู่
พอข้ามแยกมาจะมีทางขึ้นสถานีรถไฟฟ้าอยู่อีกจุดหนึ่ง เราจะตรงต่อไปเพื่อกลับรถค่ะ
จุดกลับรถจะอยู่บริเวณใต้สะพานพระนั่งเกล้า ซึ่งพื้นที่ตรงนี้ในอนาคตจะมีการสร้างจุดเชื่อมต่อเรือด่วนเจ้าพระยาค่ะ
พอกลับรถมาเราจะเจอกับซอย รัตนาธิเบศร์ 42 ซึ่งใช้เป็นซอยลัดเข้าโครงการได้ และในอนาคตคาดว่าจะมีการ Sky walk มาลงบริเวณนี้แต่ยังไม่รู้ตำแหน่งที่แน่ชัด เราจะตรงต่อไปเข้าทางถนนสนามบินน้ำค่ะ
จากซอย รัตนาธิเบศร์ 42 ขับตรงมาอีกหน่อยก็จะเจอกับถนนสนามบินน้ำ เราจะเลี้ยวเข้าซอยนี้ไปค่ะ
ภายในถนนสนามบินน้ำเป็นถนนสี่เลน มีเกาะกลางที่มีโคมไฟประดับตรงช่วงกลางถนน บริเวณต้นถนนสนามบินน้ำสังเกตว่าจะมีคอนโด High Rise ขึ้นมาให้เห็นบ้างทั้ง 2 ฝั่งถนน โดยฝั่งซ้ายเป็นคอนโด ธารารินทร์ เจ้าพระยา ทางฝั่งขวาเป็นศุภาลัย ซิตี้รีสอร์ท
พอตรงมาจนถึงซอย นนทบุรี 15 ให้เลี้ยวซ้ายเข้าไปค่ะ ภายในซอยนี้เป็นซอยภาระจำยอมที่ใช้ร่วมกับเพื่อนบ้านร่วมซอยด้านข้าง
เข้าซอยมาจะเห็นที่ล้อมรั้วไว้คือไซต์ก่อสร้างโครงการ The Politan Rive ค่ะ ส่วนทางด้านขวาจะเป็นทางไปโครงการ The Politan Breeze
เลี้ยวเข้ามาหน่อยก็จะเจอกับทางเข้าโครงการ The Politan Breeze อยู่ข้างๆโครงการ The Politan Rive ส่วนสำนักงานขายจะอยู่ริมแม่น้ำ ต้องขับรถเข้าไปอีกประมาณ 200 เมตรค่ะ
สำนักงานขายจะอยู่ที่เดียวกับ Clubhouse โครงการ The Politan Rive ค่ะ
บรรยากาศภายในสำนักงานขาย ชั้นล่างจะเป็นห้องตัวอย่างของโครงการ The Politan Rive ส่วนห้องตัวอย่างของ The Politan Breeze จะอยู่ด้านบนค่ะ
โครงการ The Politan Breeze ตั้งอยู่บนพื้นที่ 7-2-85 ไร่ ริมแม่น้ำเจ้าพระยา สำหรับพื้นที่รอบๆโครงการที่อยู่อาศัยส่วนใหญ่จะเป็นบ้านเรือนแนวราบ ชุมชนริมแม่น้ำ มีตึกสูงอยู่บ้างบริเวณริมถนนสนามบินน้ำ ตัวโครงการเป็นเฟสที่สองบนที่ดินผืนใหญ่ เรามาดูแต่ละด้านกันว่าอยู่ติดกับอะไรบ้าง
- ทิศเหนือ – อยู่ติดกับคลองบางสร้อยทอง ถัดจากคลองไปเป็นพื้นที่ในเฟสถัดไปของโครงการ ซึ่งยังไม่สามารถระบุได้แน่นอนว่าจะทำออกมาในรูปแบบไหนค่ะ
- ทิศตะวันออก – อยู่ติดกับถนนทางเข้าโครงการ และที่ดินเปล่ารอการพัฒนา โดยบริเวณที่อยู่ใกล้ถนน สนามบินน้ำจะมีอพาร์ทเม้นท์ 8 ชั้นอยู่
- ทิศใต้ – อยู่ติดกับโครงการ The Politan Rive ซึ่งเป็นคอนโดสูง 56 ชั้น โดยมีระยะระหว่างตัวอาคารห่างกันประมาณ 20 เมตร
- ทิศตะวันตก – เป็นทิศที่วิวค่อนข้างดี อยู่ติดริมแม่น้ำเจ้าพระยา ฝั่งตรงข้ามส่วนใหญ่เป็นบ้านพักอาศัยแบบแนวราบ
ถ่ายจากสระว่ายน้ำด้านบนของ Club House จะเห็นว่า ทิศเหนือ อยู่ติดกับคลองบางสร้อยทอง ถัดจากคลองไปเป็นพื้นที่ในเฟสถัดไปของโครงการ ตอนนี้เป็นที่ดินเปล่ารอการพัฒนา
คลองบางสร้อยทองเป็นคลองที่รับน้ำมาจากแม่น้ำเจ้าพระยายาวไปจนถึงถนนสนามบินน้ำ เป็นคลองน้ำใส ไม่มีกลิ่น
ทิศตะวันออก อยู่ติดกับถนนภาระจำยอมที่ตัดเข้ามาเพื่อใช้เป็นทางเข้า ฝั่งตรงข้ามเป็นที่ดินเปล่า
ทิศใต้ อยู่ติดกับโครงการ The Politan Rive คอนโดสูง 56 ชั้น ซึ่งตอนนี้ล้อมรั้วกำลังดำเนินการก่อสร้างอยู่
ส่วนทิศตะวันตก จะอยู่ติดริมแม่น้ำเจ้าพระยา ฝั่งตรงข้ามจะเป็นชุมชนที่พักอาศัยริมน้ำ
มาดูวิวกันต่อค่ะ เนื่องจากโครงการเป็น Low Rise อาจจะไม่เน้นในเรื่องของวิวมากนัก เว้นแต่ห้องที่อยู่ในชั้นสูงๆ ทางทิศเหนือหรือฝั่งที่อยู่ติดกับที่ดินเปล่ารอการพัฒนาโครงการในอนาคต จะเห็นวิวโค้งแม่น้ำเจ้าพระยาทอดยาวไปไกลแบบนี้
ส่วนทิศตะวันออกจะได้วิวเป็น City View หันไปทางฝั่งแยกแคราย นอกจากจะเห็นวิวของตึกแล้วยังได้วิวจากรถไฟฟ้าสายสีม่วงด้วย
ทิศใต้เป็นอีกทิศที่ได้วิวสวยเช่นเดียวกับทิศเหนือ เพราะวิวที่ได้เป็นวิวของแม่น้ำเจ้าพระยาทอดไปได้ไกลเช่นเดียวกัน รวมไปถึงวิวของสะพานพระนั่งเกล้าด้วย
สุดท้ายทิศตะวันตกจะได้วิวฝั่งตรงข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา บรรยากาศที่ได้จะเห็นเป็นชุมชนที่อยู่อาศัย ทิศนี้จะค่อนข้างโล่งไม่มีอะไรมาบดบังค่ะ
สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น
- วัดน้อยนอก ~ 240 ม.
- โรงเรียนธัมมสิริศึกษา ~350 ม.
- กระทรวงพาณิชย์ ~1.1 กม.
- เซ็นทรัล รัตนาธิเบศร์ ~2.4 กม.
- สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ~3.7 กม.
- สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ~3.8 กม.
- ตลาดสนามบินน้ำ Market Park ~4.1 กม.
- บิ๊กซี รัตนาธิเบศร์ 2 ~ 4.3 กม.
- Esplanade แคราย ~4.8 กม.
- Tesco Lotus แคราย ~4.9 กม.
- โรงพยาบาลทรวงอก ~5.5 กม.
- โรงพยาบาลศรีธัญญา ~8.6 กม.
- โรงพยาบาลนนทเวช ~7.6 กม.
- เดอะมอลล์ งามวงศ์วาน ~7.7 กม.
- Central West Gate ~12.6 กม.
โครงการ The Politan Breeze เป็นคอนโด Low Rise 8 ชั้น 587 ยูนิต 3 ร้านค้า มีอาคารพักอาศัยทั้งหมด 4 อาคาร และ อาคารจอดรถ 7 ชั้นอีก 1 อาคาร การวางผังจะวางอาคารหันหน้าเข้าหากันเป็นคู่ๆทอดตัวยาวตามไปแปลงที่ดิน อาคาร A , B จะอยู่ฝั่งริมแม่น้ำ ส่วนอาคาร C , D จะอยู่ฝั่งที่ใกล้กับทางเข้าโครงการ ซึ่งการวางห้องพักของอาคารฝั่งริมน้ำกับฝั่งถนนจะไม่เหมือนกันนะคะ เดี๋ยวเราจะค่อยพาไปดูว่าต่างกันยังไง กลับมาดูสภาพแวดล้อมทางฝั่งซ้ายของโครงการเป็นคลองบางสร้อยทองคลองที่รับน้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยายาวไปจนถึงถนนสนามบินน้ำ ตรงกลางระหว่าง 4 อาคารเป็นพื้นที่ส่วนกลางประมาณ 3 ไร่ ประกอบด้วยสระว่ายน้ำ , สวนหย่อม , Jogging track , The river breeze pond ส่วนฟิตเนส และห้องสมุดจะอยู่ชั้นล่างของอาคาร B แต่ละอาคารจะมี Lobby แยกเป็นของตัวเอง ที่จอดรถสามารถจอดได้ทั้งรอบๆอาคารและบนอาคารจอดรถ 7 ชั้น ห้องพักจะเริ่มที่ชั้น 1 ไปจนถึงชั้น 8
ตัวโครงการตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ติดกับโครงการ The Politan Rive คอนโด High Rise ซึ่งดูจากโมเดลจะเห็นว่ามีบางส่วนถูกบดบังวิวแต่เนื่องจากเป็นโครงการ Low Rise จึงไม่เน้นเรื่องวิวมากนัก ฝั่งที่ติดกับโครงการข้างเคียงจะมีระยะห่างประมาณ 20 เมตร ซึ่งเป็นระยะห่างที่ทำให้มองออกไปด้านนอกแล้วรู้สึกไม่อึดอัด ที่ตั้งโครงการจะใกล้กับรถไฟฟ้าสายสีม่วงสถานีพระนั่งเกล้า และจุดเชื่อมต่อเรือด่วนเจ้าพระยาในอนาคต
มาดูต่อกันที่โมเดลโครงการค่ะ ซึ่งเค้าทำมาให้เห็นเฉพาะอาคาร B และ C เพื่อเปิดให้เห็น Facilities ที่อยู่ตรงกลาง ตัวโครงการเป็นคอนโด Low Rise อาคาร A , B จะอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาโดยห้องที่หันออกไปหาแม่น้ำเต็มๆคือห้องที่อยู่ทางทิศตะวันตกของทั้งสองอาคารนี้ ซึ่งเป็นห้อง 2 ห้องนอน สังเกตุจากโมเดลจะเห็นว่าในห้อง 2 ห้องนอนทางโครงการจะออกแบบให้มีระเบียงขนาดค่อนข้างยาว สามารถออกมายืนสูดอากาศดูวิวแม่น้ำได้เต็มที่
ทางเข้าโครงการมีอยู่ทางเดียว พอเข้ามาก็จะเจอกับอาคารจอดรถก่อน
อาคารจอดรถเป็นอาคาร 7 ชั้น แต่ในโมเดลตัดมาให้ดูแค่ชั้นเดียวเพื่อให้เห็นพื้นที่ภายในอาคาร ส่วนใหญ่เราจะไม่ค่อยเห็นโครงการ Low Rise ทำอาคารจอดรถกันซักเท่าไหร่ ซึ่งพอมีแล้วก็ทำให้ได้พื้นที่จอดรถเพิ่มมากขึ้น โดยจอดแบบรวมจอดซ้อนคันได้ประมาณ 343 คันหรือคิดเป็น 58% แต่อาจจะต้องเดินไกลหน่อย ซึ่งถ้าใครไม่อยากเดินไกลก็สามารถวนรถไปจอดได้บริเวณใต้อาคารได้ค่ะ
จากอาคารจอดรถเดินเข้ามาก็จะเจอกับพื้นที่ส่วนกลาง ซึ่งที่นี่จะจัดพื้นที่ส่วนกลางมาให้พอสมควร ส่วนแรกคือสวนหย่อมยาวเข้าไปตามแนวอาคาร C , D ระยะหว่าง 2 อาคารตรงช่วงต้นจะค่อนข้างกระชั้นแต่พอมองลงมาก็จะได้วิวสวนค่ะ
ถัดจากสวนมาจะเป็น The river breeze pond ให้ลงมานั่งพักผ่อน ด้านหลังคืออาคาร B ซึ่งอาคารนี้จะต่างจากอาคารอื่นๆตรงที่จะมี Facilities คือฟิตเนส และห้องสมุดอยู่บริเวณใต้อาคารด้วยซึ่งคนที่อยู่อาคารอื่นถ้าจะเข้าไปใช้งานต้องเข้าจากทางด้านนอกอาคารเท่านั้น เพื่อความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวของคนที่อยู่อาคาร B
ระยะระหว่างอาคารห่างกันไม่มาก แต่ทางโครงการก็ไม่ได้วางให้ห้องพักหันหน้าเข้าหากันตรงช่องว่างระหว่างอาคาร สังเกตจากโมเดลอาคารที่อยู่ริมน้ำ ( A , B) จะมีแต่ห้อง 2 ห้องนอนซึ่งจะได้ระเบียงที่ยาวต่อเนื่องกัน ส่วนอาคารที่อยู่ทางฝั่งถนน ( C , D) จะมีแค่ห้อง 1 ห้องนอน แต่ห้องหนึ่งก็จะได้ 2 ระเบียง
พื้นที่ส่วนกลางถัดมาคือสระว่ายน้ำ จะอยู่ฝั่งริมแม่น้ำเจ้าพระยามีทั้งสระเด็ก ลึก 0.60 เมตร และสระผู้ใหญ่ ขนาด 8.2 x 30 เมตร ลึก 1.4 เมตรเป็นสระระบบเกลือ มีส่วนที่เป็น Bubble pool หรือ จากุชชี่อยู่ด้วย
ด้านหลังโครงการจะอยู่ติดกับแม่น้ำเจ้าพระยา โดยมีระยะห่างจากอาคารถึงแม่น้ำประมาณ 15 เมตร ด้านหลังโครงการจะมีปลูกสวนหย่อมและทำเขื่อนเพื่อกันน้ำขึ้นมาเซาะริมฟุตบาท
มาดูภาพจำลองบรรยากาศบริเวณสวนหย่อมด้านหน้าโครงการ ซึ่งจะมีการทำ pavilion วางชุดที่นั่งพักผ่อนเป็นระยะๆสลับกับการจัดสวน
ต่อมาคือภาพจำลองบรรยากาศของ Lobby โครงการ ตกแต่งออกมาได้สวยทีเดียว โดยโซนนี้จะเป็นฝ้าเพดานสูง Double Space
ส่วนห้องสมุดที่อยู่ชั้นล่างของอาคาร B ก็จะเป็น Double Space เช่นเดียวกัน มีบันไดวนขึ้นไปที่ชั้นลอย ทางฝั่งซ้ายเป็นหน้าต่างมองออกไปเห็นวิวเป็น The river breeze pond
ฟิตเนสขนาด 120 ตร.ม. ถ้าดูจากในแปลนสามารถวางเครื่องออกกำลังกายได้ประมาณ 15 เครื่อง ผนังตกอต่งด้วยหินอ่อนสีน้ำตาลผนังโดยรอบเป็นหน้าต่าง และ กระจกเงาทำให้ห้องดูโปร่ง ถ้ามองออกจากห้องไปจะเห็นเป็นวิวของสระเด็ก
จากผังรวมของโครงการพอเข้าโครงการมาก็จะเจอกับอาคารจอดรถ 7 ชั้น 1 อาคาร ซึ่งพอขับรถเข้ามาเราจะเอารถขึ้นไปจอดบนอาคารก็ได้หรือถ้าไม่อยากเดินไกลจะเอารถไปจอดบริเวณใต้อาคารก็ได้โดยสามารถจอดแบบซ้อนคันได้ 58% ซึ่งการทำพื้นที่ตรงนี้เป็นที่จอดรถนอกจากจะทำให้จอดรถได้มากขึ้นแล้ว ยังช่วยให้นิติบุคคลสามารถบริเวณจัดการให้ผู้มาติดต่อจอดบริเวณนี้ไม่เข้าไปรบกวนลูกบ้านด้านใน และช่วยให้รถไม่เข้าไปจอดด้านในอาคารจนแออัดกันเกินไป เดินถัดเข้ามาจะเจอกับอาคาร C , D ก่อน ถัดไปเป็นอาคาร A , B อาคารทั้ง 4 หันหน้าเข้าหากันฝั่งละ 2 อาคารในแนวเหนือ – ใต้ซึ่งเป็นทิศที่ห้องจะไม่ได้รับแดดในตอนบ่ายทำให้ไม่ร้อน ตรงกลางเป็นพื้นที่ส่วนกลางสำหรับให้ลูกบ้านมาใช้ร่วมกัน ดังนั้นภายในตัวอาคารจึงค่อนข้างเป็นส่วนตัว เดี๋ยวเราจะพาไปดูเจาะแต่ละอาคารกัน
อาคารจอดรถอยู่ด้านหน้าของโครงการ มีพื้นที่สำหรับจอดทั้งมอเตอร์ไซค์และรถยนต์ โดยสิทธิ์ในการจอดจะให้ 1 ห้องนอนต่อ 1 คัน 2 ห้องนอนจะให้แบบ 2 คัน ไม่ Fix ช่องจอด ทางเข้าอาคารจอดรถจะมีไม้กระดกกั้นอยู่อีกจุดหนึ่ง
ถัดจากอาคารจอดรถเข้ามาจะเป็นอาคาร C , D ซึ่งเป็นอาคารที่ไม่ติดแม่น้ำ แปลนของทุกอาคารจะไม่เหมือนกันซะทีเดียวนะคะ จะมีรายละเอียดต่างกันเล็กๆน้อยๆ ทุกอาคารจะมี Main Lobby และ Lift Lobby เป็นของตัวเอง อาคาร C ชั้นล่างจะเป็นที่จอดรถ ส่วนอาคาร D จะเริ่มมีส่วนของห้องพักตั้งแต่ชั้น 1 เลยทำให้ทางเดินเป็น Single Corridor
ส่วนอาคาร A และ B (อาคารฝั่งริมแม่น้ำ) มี Main Lobby , Lift Lobby , ที่จอดรถ และเริ่มมีห้องพักตั้งแต่ชั้น 1 แต่อาคาร B จะพิเศษหน่อยตรงที่ชั้นล่างจะมีส่วนกลางคือ ฟิตเนส และ ห้องสมุดด้วย ซึ่งถ้าให้ชอบใช้ส่วนกลางอยู่อาคารนี้ก็ไม่ต้องเดินไกล ถ้าจะเข้าใช้บริการต้องเดินเข้าจากทางด้านนอก ทำให้เวลาคนจากอาคารอื่นมาใช้ก็ไม่ต้องเดินผ่านในอาคาร B ให้เสียความเป็นส่วนตัวค่ะ
การวางห้องพักของอาคารที่อยู่ฝั่งริมแม่น้ำกับฝั่งถนนจะไม่เหมือนกันนะคะ โดยอาคารฝั่งริมน้ำทางโครงการวางเป็นห้อง 2 ห้องนอนทั้งหมด ซึ่งมีขนาดตั้งแต่ 43 ตร.ม.ไปจนถึง 60 ตร.ม. เนื่องจากห้องในอาคารฝั่งนี้มีขนาดใหญ่ความหนาแน่นของห้องจึงไม่มากนักเมื่อเทียบกับอาคารฝั่งไม่ติดแม่น้ำ ห้องที่ระเบียงหันออกด้านนอกฝั่งทางทิศเหนือและใต้จะได้วิวแม่น้ำ ส่วนห้องที่อยู่ด้านในก็จะเห็นวิวพื้นที่ส่วนกลาง ห้องที่อยู่ใกล้แม่น้ำที่สุดเป็นห้องใหญ่ 60 ตร.ม.ที่มีระเบียงค่อนข้างยาวสามารถออกมายืนชมวิวได้ ส่วนลิฟต์จะมีให้อาคารละ 2 ตัว เป็นลิฟต์ล็อคชั้นอัตราส่วนรวมเท่ากับ 74 ห้องต่อลิฟต์ 1 ตัวถือว่าอยู่ในระดับที่โอเค
อาคาร B คล้ายกับอาคาร A แต่ชั้นล่างจะมีพื้นที่ส่วนกลางอยู่ แต่ทางโครงการทำทางเข้าอยู่ด้านนอกทำให้ไม่มีผลกับห้องพักที่อยู่ในอาคาร บริเวณ Lobby กับห้องสมุดจะเป็น Double Space ฝ้าเพดานสูงทำให้ในชั้น 2 จะมีจำนวนห้องพักน้อยกว่าชั้น 3 – 8ค่ะ
มาดูอาคารทางฝั่งที่ไม่ติดริมน้ำกันบ้าง ฝั่งนี้ห้องพักจะเป็นแบบ 1 ห้องนอน 29 ตร.ม.ทั้งหมด จึงมีจำนวนยูนิตต่อชั้นมากกว่าอาคารฝั่งริมน้ำโดยมียูนิตสูงสุด 23 ห้องต่อชั้น อาคารฝั่งนี้เหมาะกับคนที่ไม่เน้นเรื่องวิวมากนักแต่อยากได้ห้องพักขนาดเล็ก ราคาย่อมเยากว่าโดยอาคาร C จะเป็นอาคารเดียวที่ชั้นล่างไม่มีห้องพักแต่จะเป็นที่จอดรถใต้อาคาร
อาคาร D คล้ายๆกับอาคาร C แต่จะเริ่มมีห้องพักตั้งแต่ชั้น 1 เลยซึ่งก่อนเข้ามาในโซนห้องพักจะมีประตูกั้นซึ่งต้องใช้คีย์การ์ดในการผ่านเข้าไปเป็นการเพิ่มความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยค่ะ
สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก
- Lobby
-
Bubble pool
-
Pool deck
-
Shallow pool
- Kid pool
- Waterfront pavilion พื้นที่พักผ่อนริมน้ำ
- Waterfront deck
- Jogging track
- Library + Multipurpose room
- Fitness ใส่เครื่องออกกำลังกายประมาณ 15 เครื่อง
- Politan garden with pavilion
- ลิฟต์โดยสาร 2 ตัว/อาคาร อัตราส่วนลิฟต์รวม 74:1
- อัตราส่วนลิฟท์ตึก A 66:1 , B 65:1 , C 80:1 , D 84:1
- ที่จอดรถ 343 คันคิดเป็น 58% รวมจอดซ้อนคัน
- ระบบรักษาความปลอดภัย 24 ชั่วโมง
- ระบบ CCTV / Access Card
ในส่วนของห้องพักทางโครงการทำมาให้ดู 2 แบบคือ 1 ห้องนอน 29 ตร.ม. และ 2 ห้องนอน 43 ตร.ม. เฟอร์นิเจอร์โครงการแถมให้เป็นแบบ Fully-Fitted คือให้ชุดครัว สุขภัณฑ์ ฉากกั้นอาบน้ำ แอร์ และ Wallpaper
มาดูที่ห้อง 1 ห้องนอน 29 ตร.ม.กันก่อน ห้องนี้จะอยู่ในอาคาร C , D ฝั่งที่ไม่ติดริมน้ำ เข้าห้องมาจะเจอกับห้องนั่งเล่นก่อน วางโซฟาได้ 2 ที่นั่ง ถัดไปเป็นห้องครัวปิดกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน สามารถทำอาหารได้โดยไม่ต้องกังวลว่ากลิ่นจะออกไปห้องอื่นๆ ในครัวมีเคาน์เตอร์ขนาดกะทัดรัดเหมาะกับการใช้งานในห้อง 1 ห้องนอน และมีทางออกไประเบียงได้ อีกฝั่งเป็นห้องนอนที่มีห้องน้ำในตัว ในห้องน้ำแยกส่วนเปียกส่วนแห้งมาให้ ในห้องนอนปลายเตียงมีพื้นที่สำหรับวางโต๊ะเครื่องแป้งและตู้เสื้อผ้า ห้องนี้จะมีระเบียงให้อีกจุดหนึ่งเอาไว้ให้ออกไปยืนสูดอากาศ รับวิวแม่น้ำ
เข้ามาในห้องจะเจอกับห้องนั่งเล่น ในห้องตัวอย่างวางเป็นโซฟายาวตลอดแนวของห้อง มีระยะดูทีวีประมาณ 2.50 เมตร พื้นบริเวณนี้เป็นพื้นไม้ลามิเนตหนา 8 มม.นำเข้าจากเยอรมัน ฝ้าเพดานสูง 2.55 เมตร ถัดไปเป็นห้องครัว และ ห้องนอน สำหรับแอร์ห้องนี้จะได้ 2 ตัวของ Toshiba ส่วนผนังโครงการจะแถม Wallpaper ด้วยค่ะ
ถัดจากชุดโซฟาจะเป็นทางไปห้องครัว ซึ่งกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน
ครัวเป็นครัวปิดเพราะฉะนั้นสามารถทำอาหารได้อย่างสบายใจ ไม่ต้องกังวลเรื่องกลิ่นค่ะ ชุดครัวที่เราเห็นในห้องตัวอย่างทำมาเพื่อตกแต่งเท่านั้นนะคะ แต่ของจริงที่จะได้จะเป็นอีกแบบหนึ่งซึ่งเดี๋ยวจะพาไปชมกันค่ะ
มือจับและตัวล็อคเป็นตามภาพค่ะ
ระหว่างพื้นห้องนั่งเล่นและห้องครัว มียกระดับขึ้นมาเล็กน้อยเพื่อให้สะดวกในกรณีที่มีการเช็ดถูทำความสะอาด พื้นในส่วนของครัวจะเป็นกระเบื้องเซรามิคสีเทาขนาด 30 x 30 cm.
ครัวของห้อง 1 ห้องนอน 29 ตร.ม. เคาน์เตอร์ครัวยาว 1.45 เมตรเป็นแบบ Soft Close มีอ่างล้างจานมาให้ แต่จะไม่มีเตาไฟฟ้า เครื่องดูดควันและเตาอบด้านล่างมาให้ ในห้องตัวอย่างส่วนครัวจะตกแต่งแค่จำลองบรรยากาศส่วนวัสดุที่ได้จะเป็นอีกแบบหนึ่งเดี๋ยวจะพาไปดูค่ะ
ฝั่งตรงข้ามเคาน์เตอร์มีพื้นที่สำหรับวางตู้เย็น
ครัวที่ได้จริงวัสดุจะเป็นแบบนี้ค่ะโดยทางโครงการแยกทำ Mock up เอาไว้ให้อีกห้องหนึ่ง เป็นของยี่ห้อ Starmark / Modernform หรือเทียบเท่า วัสดุเป็นโครงไม้ปิดผิวด้วยลามิเนตลายหนังสีน้ำตาล Top เป็นหินสังเคราะห์สีขาว
อ่างล้านจานของ Teka / Franke หรือเทียบเท่า เป็นแบบหลุมเดียวไม่มีขอบ Topเป็นหินสังเคราะห์สีขาววางอยู่ด้านบน
ถัดจากครัวไปเป็นพื้นที่ระเบียงกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน
ระเบียงมีขนาด 1.00 x 1.50 เมตร สามารถวางเครื่องซักผ้าและพอออกมายืนสูดอากาศหรือซักล้างได้ ปูพื้นด้วยกระเบื้องเซรามิคสีเทาขนาด 30 x 30 cm. มีรั้วกันตกและระแนงบังสายตาจากคอมเพรสเซอร์แอร์
ระหว่างพื้นครัวและระเบียงจะมีธรณียกสูงกันน้ำกรณีซักล้างและกันฝนประมาณ 10 cm.
คอมเพรสเซอร์แขวนเก็บเรียบร้อยเป่าลมออกด้านข้างแบบนี้
ถัดไปฝั่งที่ติดกับห้องครัวเป็นห้องนอน
ในห้องนอนห้องตัวอย่างวางเตียงแบบ Queen Size ปลายเตียงมีพื้นที่วางตู้เสื้อผ้าและโต๊ะเครื่องแป้ง ห้องนี้จะมีประตูออกไประเบียงอีกจุดหนึ่งด้วย
ฝั่งข้างเตียงเป็นประตูทางออกไปที่ระเบียง โดยจะเป็นบานเลื่อน 2 บาน ส่วนบานทางฝั่งขวาสุดเป็นบาน Fix
ระเบียงตรงห้องนอนจะเล็กกว่าระเบียงห้องครัวหน่อย มีขนาด 1.50 x 0.60 เมตร ใช้ออกไปยืนสูดอากาศหรือชมวิวได้
พื้นระเบียงตรงส่วนนี้มีธรณียกสูงขึ้นมาสำหรับกันฝนและกันน้ำเวลาซักล้างเช่นกัน
ทางฝั่งซ้ายของเตียงมีระยะเหลือ 40 cm. ส่วนทางฝั่งขวามีระยะเหลือค่อนข้างเยอะวางโต๊ะข้างเตียงได้สบายๆ
ระยะระหว่างเตียงถึงตู้เสื้อผ้าเท่ากับ 95 cm. มีระยะเพียงพอสำหรับเดินผ่านไปมาและพอสำหรับเปิดบานตู้เสื้อผ้าโดยไม่ติดกับปลายเตียง
ปลายเตียงมีพื้นที่สำหรับวางตู้เสื้อผ้าและโต๊ะเครื่องแป้งแต่ชุดนี้ไม่ได้แถมให้นะคะ ถ้าใครอยากวางแต่ตู้เสื้อผ้าอย่างเดียวก็วางเต็มแนวผนังนี้ได้เลย
ฝั่งตรงข้ามเตียงเป็นทางไปห้องน้ำ
ทางเข้าห้องน้ำมีการยกธรณีสูงขึ้นมาประมาณ 7 cm. ปิดผิวด้วยหินอ่อนทราโวทีน
ในห้องน้ำแยกเป็นส่วนแห้ง ส่วนเปียก พื้นและผนังเป็นกระเบื้องแกรนิตโต้ขนาด 60 x 60 cm. ด้านบนโถสุขภัณฑ์มีติดพัดลมดูดอากาศ กระจกส่องหน้าเราจะได้เต็มบานแบบในห้องตัวอย่างนี้เลย
อ่างล้างหน้าของ Cristina เป็นแบบที่มีตู้ด้านล่างเปิดออกมาเก็บของได้
อ่างเป็นทรงสี่เหลี่ยมวางอยู่บน Top หินสังเคราะห์สีขาว
ก๊อกน้ำทรงเหลี่ยมดูสวยและทันสมัย ด้านบนมีขอบ Top หินอ่อนยื่นออกมา สามารถวางของเล็กๆน้อยๆพวกสบู่ แชมพู หรือของตกแต่งได้
โถสุขภัณฑ์เป็นของ Cristina เช่นกันค่ะ ที่แขวนทิชชู่วางอยู่ด้านหน้าหยิบจับใช้งานได้สะดวก
พื้นที่อาบน้ำกั้นด้วยฉากกั้นอาบน้ำกระจกนิรภัย ซึ่งทางโครงการก็มีแถมให้ค่ะ
พื้นที่อาบน้ำมีขนาดโดยประมาณ 0.85 x 0.93 cm. ปูเป็นกระเบื้องแกรนิตโต้ขนาด 60 x 60 cm. มีการลดระดับลงมาจากส่วนแห้งเล็กน้อยเพื่อกันน้ำไหลไปโดนส่วนอื่นๆ
ในส่วนพื้นที่อาบน้ำมีให้ทั้งฝักบัว และ Rain Shower ผนังด้านหลังก็จะได้เป็นโมเสคหินอ่อนแบบนี้ด้วยค่ะ
หน้าตาฝักบัวจะเป็นทรงกระบอกแบบนี้ ข้างๆเป็นที่วางสบู่ทำจากหินอ่อน
สวิทซ์และปลั๊กได้ของ Siemens ค่ะ
ต่อมาคือห้อง 2 ห้องนอน 43 ตร.ม. ห้องนี้เข้ามาทางฝั่งซ้ายจะเจอกับพื้นที่ของครัวก่อน เป็นครัวเปิดเหมาะกับการเตรียมอาหารที่ไม่มีกลิ่นมากนัก ด้านข้างมีชุดโต๊ะทานข้าวเล็กๆ 2 แบบที่นั่ง ซึ่งตอนที่เราไม่นั่งก็อาจจะเอาไว้ใช้วางของตอนทำอาหารก็ได้ ฝั่งขวาเป็นห้องน้ำซึ่งมีพื้นที่อาบน้ำกั้นด้วยฉากกั้นอาบน้ำ ถัดไปตรงกลางเป็นห้องนั่งเล่นที่มีทางออกไประเบียง ระเบียงห้องนี้จะค่อนข้างยาวสามารถออกไปชมวิวได้ทั้งจากห้องนั่งเล่นและห้องนอนใหญ่ มีพื้นที่สำหรับวางคอมเพรสเซอร์แอร์แยกต่างหาก สำหรับห้อง 2 ห้องนอนของโครงการนี้ทุกห้องเค้าจะจัดระเบียงมาให้ค่อนข้างยาว เพราะอยู่ในอาคารที่เป็นฝั่งริมน้ำสามารถออกมายืนดูวิวได้ ห้องนอนมี 2 ห้องห้องนอนเล็กและห้องนอนใหญ่ ห้องนอนเล็กมีพื้นที่วางโต๊ะเครื่องแป้งกับตู้เสื้อผ้าแต่จะวางเตียงได้ขนาด 3.5 ฟุตชิดติดริมผนังห้อง
เข้าห้องมาทางฝั่งซ้ายจะเจอกับส่วนของครัวและโต๊ะทานข้าว ทางด้านขวาเป็นทางไปห้องน้ำ ตรงกลางเป็นห้องนั่งเล่นซึ่งถัดไปก็จะเป็นระเบียง ส่วนห้องนอนจะมีอยู่ 2 ห้องทางฝั่งซ้ายและขวา
ระหว่างพื้นนอกห้องและพื้นโถงภายนอกของจริงจะยกสูงจากพื้นทางเดิน 3 cm. เพื่อกันฝุ่นผงจากการกวาดทำความสะอาด
มุมมองถ่ายย้อนกลับไปทางหน้าห้องค่ะ
จะเห็นว่าพื้นบริเวณครัวจะเป็นกระเบื้องแกรนิตโต้ขนาด 60 x 60 cm. ดีตรงที่สามารถทำความสะอาดได้ง่าย พอเข้ามาในโซนห้องนั่งเล่นจะเป็นพื้นไม้ลามิเนต ระหว่างรอยต่อของกระเบื้องกับไม้กั้นด้วยคิ้วไม้ตามภาพ
ชุดครัวที่โชว์ในห้องตัวอย่าง วัสดุจะที่เราได้จะไม่ใช่แบบนี้นะคะ ต้องไปดูตัว Mock up ครัวอีกห้องหนึ่งเช่นกัน ส่วนฟังก์ชั่นการใช้งานต่างๆก็ตามนี้เลย ครัวห้องนี้เป็นครัวเปิดเพราะฉะนั้นจึงเหมาะกับทำอาหารเบาๆ หรือซื้อกลับมาทานมากกว่า ฝ้าเพดานตรงด้านบนเคาน์เตอร์ครัวจะมีระยะ Drop ลงเล็กน้อยเพื่อใช้เดินงานระบบท่อจากที่ดูดควันออกไปนอกอาคาร ระยะจากพื้นถึงฝ้าส่วนครัวเท่ากับ 2.30 เมตร
โต๊ะทานข้าวจะอยู่ด้านข้างเคาน์เตอร์ครัว ทางฝั่งหน้าห้องซึ่งเวลาดึงเก้าอี้ออกมาจะกินระยะบริเวณประตูทางเข้าห้องเล็กน้อย
ครัวที่ได้จริงจะเป็นของยี่ห้อ Starmark / Modernform หรือเทียบเท่า วัสดุเป็นโครงไม้ปิดผิวด้วยลามิเนตลายหนังสีน้ำตาล Top เป็นหินสังเคราะห์สีขาว มีชุดโต๊ะทานข้าว เตาไฟฟ้าแบบ 2 หัว เครื่องดูดควัน และ อ่างล้างจานมาให้
เตาไฟฟ้าที่ได้จะเป็นแบบ 2 หัว ยี่ห้อ Teka / Franke หรือเทียบเท่า
อ่างล้างจานห้องนี้เป็นของ Teka / Franke หรือเทียบเท่าแบบหลุมเดียว วางอยู่ด้านล่าง Top หินสังเคราะห์สีขาว
ฝั่งตรงข้ามครัวเป็นห้องน้ำ
ภายในห้องน้ำการตกแต่งและวัสดุเหมือนกับห้อง 1 ห้องนอน กั้นพื้นที่แยกเป็นส่วนแห้งและส่วนเปียก
ทางเข้าห้องน้ำยกธรณีสูงขึ้นมาประมาณ 7 cm. ปิดผิวด้วยหินอ่อนทราโวทีนเหมือนกับห้อง 1 ห้องนอน
สุขภัณฑ์ในห้องน้ำเป็นของ Cristina รูปแบบเดียวกันกับของ 1 ห้องนอน ผนังบริเวณกระจะมีทำบ่าออกมาวางของเล็กๆน้อยๆได้ด้านบนปิดด้วยหินอ่อน
ในส่วนของที่แขวนทิชชู่ห้องนี้ก็วางอยู่ด้านข้างหยิบใช้งานได้สะดวก
พื้นที่อาบน้ำกั้นด้วยฉากกั้นอาบน้ำกระจกนิรภัย ชุดฝักบัวเป็นแบบเดียวกับห้อง 1 ห้องนอนคือมีทั้งฝักบัวทั้ง Rain Shower
พื้นที่อาบน้ำห้องนี้มีขนาด 87 x 120 cm. ปูด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้ผิวด้านสีเทาขนาด 60 x 60 cm.
เดินถัดเข้ามาจะเจอกับประตูทางเข้าห้องนอนเล็กและห้องนอนใหญ่อยู่ตรงข้ามกัน ถัดไปอีกเป็นห้องนั่งเล่นที่อยู่ติดกับระเบียง ห้องนี้วางโซฟาได้ประมาณ 2 ที่นั่ง
มีระยะดูทีวีประมาณ 1.35 เมตร ผนังด้านหลังติดตั้งแอร์ให้ 1 ตัว
สำหรับ 2 ห้องนอนทุก Type จะได้แอร์ของ Toshiba ทั้งหมด 3 ตัวค่ะ
ถัดไปเป็นทางไปที่ระเบียง กั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน
ระเบียงของห้อง 2 ห้องนอนจะค่อนข้างยาว ออกแบบมาเพื่อให้เดินออกมารับลมชมวิวหรือออกมาสูดอากาศได้ อย่างห้องนี้ระเบียงยาวประมาณ 5.6 เมตร ยาวต่อเนื่องตั้งแต่ห้องนั่งเล่นไปจนถึงห้องนอน พื้นปูด้วยกระเบื้องเซรามิคขนาด 30 x 30 cm.
คอมเพรสเซอร์แอร์แขวนด้านบน 2 ตัว ตั้งอยู่ด้านล่าง 1 ตัว หันเป่าลมออกด้านนอกทำให้ลมร้อนไม่ออกมารบกวนเวลาเราไปอยู่ที่ระเบียง มีระแนงกั้นบังสายตา
ห้องนอนใหญ่ ห้องตัวอย่างวางเป็นเตียง Queen Size ด้านข้างเตียงมีพื้นที่วางตู้เสื้อผ้ากับโต๊ะเครื่องแป้ง
ทางด้านซ้ายมีพื้นที่เหลือ 60 cm. สามารถวางโต๊ะข้างเตียงได้ ส่วนทางฝั่งขวามีระยะระหว่างเตียงกับตู้เสื้อผ้าประมาณ 85 cm.
จากปลายเตียงถึงตู้มีระยะ 65 cm. ถ้าอยากติดตั้งทีวีแนะนำให้แขวนจะประหยัดพื้นที่กว่าค่ะ
ฝั่งขวาของเตียงมีพื้นที่ทำเป็นตู้เสื้อผ้า ห้องตัวอย่างทำมาเป็นบานกระจกซึ่งทำให้ห้องดูกว้างขึ้นเพราะไม่ปิดเป็นผนังทึบ
ส่วนอีกฝั่งเป็นทางออกไประเบียงเป็นหน้าต่างแบบเข้ามุม ส่วนอีก 2 บานเป็นบานเลื่อน
ห้องสุดท้ายคือห้องนอนเล็ก ห้องนี้จะวางเตียงได้แบบ 3.5 ฟุต ชิดผนังเข้ามุมไปเลยแบบนี้
เตียงจะวางชิดผนังไปเลย ทำให้ไม่มีระยะปลายเตียง
พอดันเตียงชิดผนังไปทำให้เหลือพื้นที่ข้างเตียง ฝั่งหัวเตียงมีพื้นที่วางตู้เสื้อผ้าและโต๊ะเครื่องแป้ง
แปลนอีกห้องที่อยากเอามาให้ชมกันก็คือ 2 ห้องนอน 60 ตร.ม. หรือห้องที่อยู่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ห้องนี้จะมีระเบียงที่ยาวมากๆ กินพื้นที่ทั้งสองด้านของผนังอ้อมมาเป็นรูปตัว L เพราะเป็นห้องมุม สามารถออกมารับวิวได้ทั้งสองฝั่ง การจัดโซนจะคล้ายๆกับห้อง 43 ตร.ม. เข้ามาในห้องจะเจอกับครัวเปิดก่อน มีห้องน้ำอยู่ฝั่งตรงข้าม ถัดไปเป็นห้องนั่งเล่น มีห้องนอนอยู่ปีกซ้ายขวาทั้งสองฝั่ง แต่พื้นที่ในแต่ละโซนของห้องนี้ใหญ่และดูเป็นสัดส่วนกว่า ห้องนอนใหญ่จะได้กระจกแบบเข้ามุมและมีห้องน้ำในตัว ส่วนห้องนอนเล็กดูจากแปลนแล้วน่าจะวางเตียง Queen Size ได้
สำหรับครัวของห้อง 2 ห้องนอน 60 ตร.ม. หรือห้องที่มีขนาดใหญ่ที่สุด ครัวจะได้อ่างล้างจาน 2 หลุม เตาไฟฟ้าแบบ 4 หัว เครื่องดูดควัน เตาอบ built-in แบบ Combi คือเป็นทั้งเตาอบและไมโครเวฟค่ะ
**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ
โครงการ The Politan Breeze จะเปิดPre – Sales ในวันที่ 23 – 24 กค. 2559 ที่สำนักงานขาย สามารถลงทะเบียนเพื่อรับสิทธิพิเศษเพิ่มเติมได้ที่หน้าเว็บไซต์ค่ะ
ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 29 June 2016
- 1 ห้องนอน อาคาร C , D เนื้อที่ 29 ตร.ม. ราคา 1.65 ล้านบาท หรือ 56,896 บาท/ตร.ม.
- 2 ห้องนอน อาคาร A , B เนื้อที่ 43 – 60 ตร.ม. ราคา n/a ล้านบาท หรือ n/a บาท/ตร.ม. (รอ Update ราคาหลังวัน Pre-sales)
- Fully – Fitted
- ฝ้าเพดานสูง ในส่วนห้องพัก 2.55 เมตร ส่วนห้องน้ำและห้องครัว 2.30 เมตร
- Kitchen & Sink
- Hob & Hood
- เงินจอง + เงินทำสัญญา
- 1 bedroom 40,000 บาท
- 2 Bedroom 43 – 48 sq.m. = 60,000 บาท
- 2 Bedroom 50 sq.m. = 80,000 บาท
- 2 Bedroom 60 sq.m. = 100,000 บาท
- ดาวน์ 15% ผ่อนดาวน์ 24 งวด
- ค่ากองทุน 520 บาทต่อตารางเมตร
- ค่าส่วนกลาง 60 บาทต่อตารางเมตรต่อเดือน
**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ
ทำเลที่ตั้งของ The Politan Breeze มีลักษณะเฉพาะตัวตรงที่เป็นคอนโดใกล้รถไฟฟ้าที่อยู่ริมแม่น้ำ ซึ่งถ้าดูในละแวกใกล้เคียงที่มีบริบทเดียวกันก็จะมีโครงการของ Developer เจ้าเดียวกันแต่เป็นคอนโด High Rise อยู่ในซอยนนทบุรี 15 ถนน สนามบินน้ำเหมือนกัน แต่วิธีการคิด Product และการตั้งราคาจะต่างกัน ตึกสูงจะได้เรื่องของวิว ส่วนตึกเตี้ยจะเป็นเรื่องของความเป็นส่วนตัวและราคาที่ย่อมเยากว่า ส่วนโครงการอื่นๆบนถนนสนามบินน้ำถ้าอยู่ฝั่งตรงข้ามก็จะไม่ได้วิวแม่น้ำในระยะประชิด หรือ ถ้าอยู่ลึกเข้าไปในซอยก็จะอิงกับสถานที่ราชการอย่าง กระทรวงพาณิชย์ สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลและสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ สำหรับสภาพแวดล้อมบริเวณถนนสนามบินน้ำถือเป็นชุมชนเก่า ซึ่งมีความเจริญและความอุดมสมบูรณ์อยู่พอสมควร มีร้านค้า ร้านอาคารสามารถพึ่งพิงได้ บ้านเรือนส่วนใหญ่เป็นแนวราบ หลังจากที่รถไฟฟ้าสายสีม่วงเริ่มมาหา ก็ได้มีการเปลี่ยนแปลงโดยเริ่มมีคอนโด High Rise เกิดขึ้นตามแนวรถไฟฟ้า มีการลงทุนสร้างสาธารณูปโภคต่างๆ มีการสร้างศูนย์การค้าขนาดใหญ่อย่าง Central รัตนาธิเบศร์ และ Central West Gate แถบบางใหญ่
ในเรื่องของการเดินทางโดยใช้รถ ก็ถือว่าค่อนข้างจะสะดวกเนื่องจากถนนสนามบินน้ำเป็นถนนที่เชื่อมถนนหลักอย่างระหว่างถนนรัตนาธิเบศร์และถนนติวานนท์ และสามารถใช้เส้นทางเชื่อมต่อไปยังพื้นที่ใกล้เคียงได้สะดวกเหมาะกับคนที่ทำงานหรือใช้ชีวิตอยู่ในละแวกนี้ การเข้าถึงโครงการสามารถมาได้จากหลายทาง และเข้าได้จากซอย นนทบุรี 15 หรือ ซอยรัตนาธิเบศร์ 42 ก็ได้ ติดอยู่ตรงที่การจราจรในช่วงเวลาเร่งด่วนอาจจะติดขัดหน่อยเพราะทำเลเป็นพื้นที่ที่มีคนอยู่ค่อนข้างเยอะ สำหรับที่จอดรถในโครงการมีทำอาคารจอดรถ 7 ชั้นให้ 1 อาคารซึ่งเราจะไม่ค่อยเห็นโครงการ Low Rise ทำเท่าไหร่นัก ทำให้สามารถจอดแบบซ้อนคันได้ 58%
ส่วนถ้าไม่ใช้รถ เนื่องจากโครงการอยู่ไม่ไกลจากถนนใหญ่จึงเดินออกไปเรียกแท็กซี่ หรือ มอเตอร์ไซค์ได้ และในวันที่ 6 สิงหาคม 59 ที่จะถึงนี้ รถไฟฟ้าสายสีม่วงจะเปิดให้ใช้บริการซึ่งจะช่วยเรื่องการเดินทางเข้าเมืองของคนในย่านนี้ได้เป็นอย่างมาก สถานีที่ใกล้ที่สุดคือสถานีพระนั่งเกล้าแต่ตอนนี้ทางขึ้น – ลงสถานีจะมีอยู่แค่ฝั่งตรงข้ามต้องเดินข้ามสะพานลอยบริเวณหน้าปากซอย นนทบุรี 15 เพื่อไปขึ้นรถไฟฟ้า แต่ในอนาคตมีการทำทางเชื่อมมาลงบริเวณหน้าปากซอยรัตนาธิเบศร์ 42 ระยะทางจากโครงการมาถึงทางเชื่อมนี้ประมาณ 400 เมตร และบริเวณใต้สะพานพระนั่งเกล้า จะมีการสร้างจุดเชื่อมต่อเรือด่วนเจ้าพระยาสามารถเดินทางไปถึงสาทรได้
วัสดุที่โครงการให้จะเป็นไปตามมาตรฐานทั่วไปค่อนข้างไปทางดี จุดที่ให้ค่อนข้างดีคือชุดครัวแบรนด์ Star Mark / Modernform ที่ปิดผิวด้วยลามิเนตลายหนัง และ Top หินสังเคราะห์ , สุขภัณฑ์ Cristina , ปิดผิวธรณีด้วยหินทราโวทีน และได้ผนังหลังพื้นที่อาบน้ำเป็นโมเสค
การออกแบบมีการวางผังตัวอาคารในแนวเหนือ – ใต้ทำให้ไม่ได้รับแดดร้อนในตอนบ่าย ตรงกลางจัดเป็นพื้นที่ส่วนกลางให้ใช้ร่วมกัน ในส่วนของฟิตเนสและห้องสมุดที่อยู่ใต้อาคาร B ก็ต้องเดินออกมาเข้าทางด้านนอก ทำให้ห้องพักอาศัยในอาคารค่อนข้างเป็นส่วนตัว ชอบการวางตำแหน่งของห้องพักที่วางห้องใหญ่หรือห้อง 2 ห้องนอนเอาไว้ทางฝั่งที่เห็นวิวแม่น้ำ ส่วนห้องเล็กจะอยู่ฝั่งที่ไม่เห็นวิวแม่น้ำแต่ได้ราคาที่ย่อมเยากว่า พื้นที่ส่วนกลางดีไซน์มาได้สวย น่าใช้ Lobby และ ห้องสมุดเป็น Double Space ทำให้ดูโปร่ง การออกแบบภายในห้องจัดพื้นที่ใช้สอยได้ค่อนข้างลงตัว ในห้อง 1 ห้องนอนมีให้ระเบียงมา 2 ระเบียงมีระเบียงสำหรับซักล้าง และ ชมวิว ส่วนแบบ 2 อาคารจะเป็นระเบียงที่ยาวต่อเนื่องกันซึ่งค่อนข้างเหมาะกับคอนโดริมแม่น้ำ
ถึงแม้ว่าจะเป็น Low Rise แต่สาธารณูปโภคจัดมาให้ครบทั้ง สระว่ายน้ำ , สวนหย่อม , Jogging track , Shallow pool , ฟิตเนส และห้องสมุด อยู่ตรงกลางให้ลูกบ้านใช้ร่วมกัน ซึ่งก็น่าจะพอเพียงต่อความต้องการ ค่าส่วนกลางเก็บอยู่ที่ 60 บาทต่อตารางเมตร ถือว่าค่อนข้างสูงก็ต้องลองพิจารณาดูว่า ถ้าแลกมากับการบริหารจัดการที่ดี ก็เป็นสิ่งจำเป็นและต้องยอมเพื่อดูแลรักษา Facility เหล่านี้ให้คงสภาพดีน่าใช้งาน เพราะถ้าปล่อยปละละเลยเวลามีการชำรุด การซ่อมแซมต้องใช้ทุนที่ค่อนข้างสูงค่ะ
Judgement
การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้
ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%
เทียบกับราคา 57,000 บาท/ตร.ม., 29 June 2016
- ทำเล 8/10 – ติดริมแม่น้ำเจ้าพระยา ใกล้รถไฟฟ้าสถานีพระนั่งเกล้าในระยะที่เดินถึง
- เดินทางด้วยรถ 7.5/10 – ทะลุออกถนนใหญ่สายหลักได้ มีทางเลี่ยงรถติด ใกล้สะพานข้ามไปขึ้นถนนวงแหวนได้ ข้อเสียคือรถติดในช่วงเวลาเร่งด่วน
- ไม่ใช้รถ 8/10 – ใกล้รถไฟฟ้าสถานีพระนั่งเกล้า เรียกแท็กซี่และมอเตอร์ไซค์ได้ง่าย
- วัสดุ 7.5/10 – วัสดุอยู่ในระดับมาตรฐานค่อนข้างไปทางดี
- แบบ 7.5/10 – ออกแบบและวางผังได้ดี ค่อนข้างลงตัว ให้ระเบียงค่อนข้างกว้าง
- สาธารณูปโภค 7.75/10 – จัดมาให้เยอะพอสมควร น่าจะเพียงพอต่อการใช้งาน
เนื่องจากยังไม่ทราบราคาในส่วนของ 2 ห้องนอน คะแนนจึงคิดตามราคาของห้อง 1 ห้องนอนไปก่อนนะคะหากได้ข้อมูลครบถ้วนแล้วจะมา Update อีกครั้งค่ะ
- ECONOMY CLASS
- 7.78 / 10.00
BOTTOM LINE
The Politan Breeze เหมาะกับคนที่ทำงาน ใช้ชีวิตอยู่ในย่านนี้ หรือ อยากได้คอนโด Low Rise ระหว่างย่านบางใหญ่และย่านแคราย – งามวงศ์วานเดินทางสะดวก ใกล้แนวรถไฟฟ้าสายสีม่วง ชอบบรรยากาศริมแม่น้ำเจ้าพระยา อยากได้พื้นที่ส่วนกลางที่ครบ ครัน มีงบประมาณตั้งแต่ 1.65 ล้านบาทขึ้นไป หรือมีกำลังผ่อนต่อเดือนประมาณ 12,000 บาทขึ้นไป
ถ้ามีความเห็นว่ารีวิวตัวนี้มีประโยชน์ ช่วยกด LIKE ให้หน่อยนะคะ จะได้มีกำลังใจในการทำรีวิวต่อไป
สมัครสมาชิกพร้อมรับข่าวสารเพิ่มเติม (คลิกที่นี่ )