รีวิวฉบับที่ 1642 … หลังจากเปิดตัวไปเมื่อปี 2016 ตอนนี้โครงการ The Politan Breeze หมู่คอนโด Low Rise ริมแม่น้ำเจ้าพระยา พร้อมส่วนกลางร่วม 3 ไร่ ได้สร้างเสร็จพร้อมอยู่เป็นที่เรียบร้อยนะคะ ใครกำลังมองหาคอนโดบรรยากาศริมแม่น้ำเจ้าพระยา เดินทางสะดวกด้วยรถไฟฟ้าสายสีม่วง ในราคาหยิบจับง่ายเริ่ม 1.99 ล้านบาท ติดตามรีวิวโครงการนี้ได้เลยค่ะ

 

Fact @ 26 July 2018

  • The Politan Breeze (เดอะ โพลิแทน บรีซ)
  • บริษัท เอเวอร์แลนด์ จำกัด (มหาชน)
  • ECONOMY CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
  • โครงการตั้งอยู่ : ซอย นนทบุรี 15  ถนน สนามบินน้ำ  อำเภอ เมือง
  • คอนโด Low Rise 8 ชั้น 4 อาคาร 587 ยูนิต และ  3 ร้านค้า
  • อาคารจอดรถ 1 อาคาร 7 ชั้น
  • ที่จอดรถประมาณ 343 คันคิดเป็น 58% รวมจอดซ้อนคัน
  • ที่ดินประมาณ 7-2-85 ไร่
  • เริ่มก่อสร้าง : ไตรมาส 1 ของปี 2560
  • ก่อสร้างแล้วเสร็จ : ไตรสาม 3 ของปี 2561
  • 1 Bedroom 29 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 1,995,200 บาท
  • 2 Bedrooms 43 – 60 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น n/a ล้านบาท
  • ฝ้าเพดานสูง ในส่วนห้องพัก 2.5 เมตร ส่วนห้องน้ำและห้องครัว 2.3 เมตร
  • ราคาต่อตารางเมตรเริ่มต้น 68,800 บาท/ตร.ม.
  • EIA (การประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม) :  ได้รับอนุมัติแล้ว
  • เพิ่มเติมข้อมูลทำเลรอบๆ รถไฟฟ้าสถานีพระนั่งเกล้า ได้ที่: พาชมทำเลรถไฟฟ้าสายสีม่วง
  • เวปไซต์โครงการ : http://www.thepolitancondo.com/breeze/
  • โทร  : 02-002-2222

เพียงแค่การกด Like ก็เท่ากับการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจาก Think of Living แล้วค่ะ

สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างค่ะ


เจาะลึกเรื่องทำเลที่ตั้ง

พิกัด : 13.873938, 100.479922

จากแผนที่โครงการ   The Politan Breeze ตั้งอยู่ในซอยนนทบุรี 15 บนถนนสนามบินน้ำ เข้าซอยไปประมาณ 260 เมตร ใกล้สถานีพระนั่งเกล้า รถไฟฟ้าสายสีม่วง

The Politan Breeze ทำเล

ทำเลของโครงการ The Politan Breeze ตั้งอยู่ในจังหวัดนนทบุรี บนถนนสนามบินน้ำ อยู่ระหว่างย่านบางใหญ่และย่านแคราย -งามวงศ์วาน จุดเด่นของโครงการนี้คือเป็นคอนโดริมแม่น้ำที่สามารถเดินไปขึ้นรถไฟฟ้าได้ ถ้ามองภาพรวมในย่านนี้ถือเป็นชุมชนที่อยู่อาศัยที่มีการพัฒนาและเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เริ่มมีการก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าขึ้นมา จะเห็นว่ามีโครงการคอนโด High Rise ขึ้นบริเวณริมถนนรัตนาธิเบศร์ให้ตลอดทั้ง 2 ฝั่งยาวไปจนถึงย่านบางใหญ่ เพื่อรองรับคนที่จะเข้ามาอยู่อาศัยใกล้ระบบรางที่กำลังจะเปิดให้ใช้บริการ ถ้ามาดูบนถนนสนามบินน้ำ สภาพแวดล้อมส่วนใหญ่จะเป็นบ้านเรือน ชุมชนเก่าแก่ที่อยู่อาศัยกันมานาน ถนนเส้นนี้มีความสำคัญก็คือเป็นที่ตั้งของกระทรวงพาณิชย์ สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลและสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ทำให้บริเวณใกล้ๆกับถนนติวานนท์นั้นค่อนข้างคึกคัก มีร้านค้า ร้านอาหาร รวมไปถึงตลาดสำหรับพนักงาน ข้าราชการ และคนในแถบนั้นด้วย

การเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวถ้าใครใช้ชีวิตหรือทำงานในละแวกนี้ถือว่าสะดวกทีเดียวค่ะ เนื่องจากถนนสนามบินน้ำเป็นถนนที่เชื่อมถนนหลักอย่างระหว่างถนนรัตนาธิเบศร์และถนนติวานนท์ สำหรับถนนติวานนท์ ที่ตัดผ่านถนนรัตนาธิเบศร์ที่แยกแคราย ในแนวเหนือ-ใต้ เชื่อมไปยังถนนนครอินทร์ ไปสะพานพระราม 5 ได้ในทิศใต้ และเชื่อมไปถนนแจ้งวัฒนะ มุ่งหน้าห้าแยกปากเกร็ดในทิศเหนือ เป็นอีกหนึ่งเส้นทางคมนาคมที่สำคัญของโซนนนทบุรีนี้ค่ะ สำหรับถนนรัตนาธิเบศร์นั้นสามารถวิ่งข้ามสะพานไปถนนราชพฤกษ์ได้ หรือจะวิ่งเข้าเมืองโดยผ่านแยกแครายก็จะเข้าสู่ถนนงามวงศ์วาน ที่จะเป็นถนนเส้นเดียวกัน มีทางขึ้น-ลงทางด่วนงามวงศ์วานให้ใช้ และมีสิ่งอำนวยความสะดวกเยอะเหมือนกันค่ะ ทั้งนี้ทั้งนั้นเนื่องจากถนนรัตนาธิเบศร์นี้เป็นถนนหลักที่ใช้ในการเดินทางเข้าออกเมืองของคนในย่านนี้จึงอาจจะต้องเผื่อเวลาในการเดินทางในช่วงเวลาเร่งด่วนหน่อยค่ะ

The Politan Breeze_รวมเส้นทาง

การเข้าถึงโครงการหลักๆแล้วสามารถเข้าถึงได้ 3 เส้นทางดังนี้

  • เส้นทางที่ 1 – เดินทางมาจากเส้นแคราย หรือทางพิเศษศรีรัช ทางด่วนขั้นที่ 2 ให้เลี้ยวซ้ายเข้าสู่ถนนงามวงศ์วาน วิ่งตรงตามถนนรัตนาธิเบศร์ ก่อนถึงสะพานพระนั่งเกล้าให้เบี่ยงซ้ายเข้าทางคู่ขนานเพื่อที่จะกลับรถแล้ว แล้วมาเลี้ยวซ้ายเข้าซอยรัตนาธิเบศร์ 42 (ซอยวัดน้อยนอก) หรือเลี้ยวเข้าถนน สนามบินน้ำเพื่อเข้าซอย นนทบุรี 15 ตรงเข้าซอยมาซักระยะก็จะถึงทางเข้าโครงการ โดยโครงการจะอยู่ทางฝั่งซ้าย
  • เส้นทางที่ 2 – เดินทางมาจากถนนแจ้งวัฒนะ วิ่งจากถนนติวานนท์เลี้ยวขวาเข้าถนนสนามบินน้ำ ผ่านสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลและกระทรวงพาณิชย์ ตรงมาเรื่อยๆ แล้วเลี้ยวขวาเข้าซอยนนทบุรี 15
  • เส้นทางที่ 3 – เดินทางมาจากบางใหญ่ ตรงมาตามถนนรัตนาธิเบศร์ข้ามสะพานพระนั่งเกล้า (สะพานเดิม) มาแล้วเลี้ยวซ้ายเข้าซอยรัตนาธิเบศร์ 42 หรือเลี้ยวซ้ายเข้าถนนสนามบินน้ำและเลี้ยวซ้ายเข้าซอยนนทบุรี 15 ค่ะ

The Politan Breeze ทางขึ้นรถไฟฟ้า4

ส่วนการเดินทางโดยไม่ใช้รถ เราก็สามารถเรียกรถสาธารณะทั้งแท็กซี่และมอเตอร์ไซค์ได้สะดวก จากโครงการเดินออกมาหน่อยก็จะถึงถนนสนามบินน้ำซึ่งเป็นถนนที่ใช้ลัดออกไปติวานนท์ได้ เพราะฉะนั้นจะมีรถวิ่งอยู่ตลอดเวลาหรือจะใช้ซอยรัตนาธิเบศร์ 42 เดินออกมาเรียกรถที่ถนนรัตนาธิเบศร์ก็ได้ สำหรับการเดินทางโดยระบบรางจะมีรถไฟฟ้าสายสีม่วง สถานีที่ใกล้ที่สุดคือสถานีพระนั่งเกล้า ตัวสถานีจะอยู่บริเวณจุดตัดของถนนรัตนาธิเบศร์และถนนสนามบินน้ำ แต่ตอนนี้ทางขึ้น – ลงสถานีจะมีอยู่แค่ฝั่งตรงข้าม ซึ่งในอนาคตจะมีการทำทางเชื่อมมาลงบริเวณหน้าปากซอยรัตนาธิเบศร์ 42 เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้ใช้บริการรถไฟฟ้าฝั่งตรงข้ามให้เดินข้ามถนนสะดวกมากขึ้น ไม่ต้องข้ามถนนใหญ่ด้านล่าง โดยจากโครงการมาถึงหน้าปากซอยรัตนาธิเบศร์ 42 จะมีระยะประมาณ 400 เมตร ดังนั้นตอนนี้เราต้องเดินข้ามสะพานลอยที่อยู่บริเวณหน้าปากซอย นนทบุรี 15 เพื่อไปขึ้นรถไฟฟ้าฝั่งตรงข้ามไปก่อน กินระยะทางประมาณ 740 เมตร สถานีสะพานพระนั่งเกล้ามีทางขึ้นสู่สถานีทั้งหมด 3 ทางด้วยกันคือ (ข้อมูลจาก http://www.mrta-purpleline.com/)

  • ทางขึ้น-ลง A – ตั้งอยู่บริเวณด้านทิศตะวันตกของสถานีบนถนนรัตนาธิเบศร์ฝั่งขาออกใต้สะพานพระนั่งเกล้า
  • ทางขึ้น-ลง B – ตั้งอยู่บริเวณด้านทิศตะวันออกของสถานีบนถนนรัตนาธิเบศร์ฝั่งขาออก ใกล้แยกสนามบินน้ำ
  • ทางขึ้น-ลง C – อยู่บริเวณด้านทิศตะวันออกของของสถานีบนถนนรัตนาธิเบศร์ จะอยู่ฝั่งขาออกเช่นเดียวกับทางขึ้น-ลง  A และ B ใกล้แยกสนามบินน้ำ

อีกหนึ่งการเดินทางในอนาคตที่มีอยู่ในแผนคือการสร้างจุดเชื่อมต่อเรือด่วนเจ้าพระยา เพื่อรองรับผู้คนที่ใช้บริการรถไฟฟ้าสายสีม่วงและผู้คนในพื้นที่นี้ให้มีทางเลือกในการเดินทางมากขึ้น เมื่อดำเนินการแล้วเสร็จพื้นที่บริเวณนี้จะเป็นอีกจุดที่มีการเชื่อมต่อในการเดินทางเปรียบเสมือนสถานีรถไฟฟ้าตากสิน ที่มีจุดเด่นในด้านการเชื่อมเส้นทางการคมนาคมระบบรางและการคมนาคมทางน้ำ โดยท่าเรือนี้สามารถเดินทางไปถึงสาทรได้เลยค่ะ

The Politan Breeze สถานที่

ในเรื่องของความอุดมสมบูรณ์บนถนนสนามบินน้ำก็มีทั้งร้านอาหาร ร้านรถเข็นอยู่เป็นระยะๆ รวมไปถึงตลาดสนามบินน้ำที่อยู่ตรงข้ามสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลสามารถหาของกินได้ง่ายไม่ไกลมากนักสำหรับระยะการขับรถนะคะ แต่หากเป็นระยะเดินนั้นก็อาจจะเดินไกลหน่อย หรือจะออกไปทานร้านอาหารที่อยู่บนถนนรัตนาธิเบศร์ก็ได้ค่ะ สำหรับห้างที่อยู่ใกล้ที่สุดก็คือ Central รัตนาธิเบศร์ ห้างดังห้างใหญ่ประจำถนนสายนี้ สามารถวิ่งลัดเข้าถนนเลี่ยงเมืองนนทบุรีเข้าสู่ตัวห้างได้ไม่ต้องเผชิญรถติดบนถนนรัตนาธิเบศร์ ส่วนห้างที่ไกลออกไปหน่อยก็จะมี Central West Gate แถบบางใหญ่กับอีกฝั่งบนถนนงามวงศ์วานอย่าง Esplanade แครายและ The Mall งามวงศ์วานให้เลือกไปช็อปปิ้งกัน โดยรวมแล้วสิ่งอำนวยความสะดวกและความอุดมสมบูรณ์ในรัศมีไม่เกิน 10 กม. ก็ถือว่าค่อนข้างครบครันค่ะ จุดเด่นของโครงการที่อยู่ทางฝั่งนี้คือ ติดแม่น้ำเจ้าพระยาโดยตัวโครงการถึงแม้ว่าจะต้องเดินเข้าซอยไปหน่อย แต่ด้านหลังของโครงการจะติดกับแม่น้ำเจ้าพระยาเลย ทำให้เราได้สัมผัสวิวแม่น้ำแบบเต็มๆ

The Politan Breeze_เส้นทาง2

สำหรับการเดินทางของเราในวันนี้ จะเริ่มต้นจากบริเวณสี่แยกแคราย ตรงมาตามถนนรัตนาธิเบศร์ ตรงมาเรื่อยๆจนผ่าน Central รัตนาธิเบศร์ ก่อนขึ้นสะพานพระนั่งเกล้าให้เบี่ยงซ้ายออกทางขนานเพื่อไปกลับรถที่ใต้สะพาน จากนั้นให้เลี้ยวซ้ายเข้าถนนสนามบินน้ำ เข้าซอยนนทบุรี 15 ลึกประมาณ 260 ม.ก็ถึงหน้าปากทางเข้าโครงการ

The Politan Breeze_L (1)

การเดินทางในวันนี้เริ่มจากบริเวณสี่แยกแคราย ตรงไปตามถนนรัตนาธิเบศร์  พอเริ่มเข้าถนนนี้มาทางด้านซ้ายจะผ่านเอเวอรี่มอลล์ มอลล์เล็กๆที่กำลังทำการรีโนเวทอยู่ (Hobby Lobby เก่า) ส่วนทางฝั่งขวาจะเป็นเอสพลานาด งามวงศ์วาน – แคราย และ Tesco Lotus รัตนาธิเบศร์

The Politan Breeze_L (2)

ขับตรงมาซักระยะจะเจอกับ สถานีแรกบนถนนรัตนาธิเบศร์ คือ สถานีศูนย์ราชการนนทบุรี ทางฝั่งซ้ายเป็นบริษัท ไทยคม จำกัด มหาชน ส่วนทางด้านขวาเป็น อุทยานมกุฏรมยสราญ และ ศูนย์ราชการจังหวัดนนทบุรี

ตรงมาอีก ทางฝั่งซ้ายจะเป็น Big C รัตนาธิเบศร์ ซึ่งมีทางขึ้นลงสถานี บางกระสออยู่ด้านหน้าเลย ใครจะมาจับจ่ายใช้สอยก็สามารถนั่งรถไฟฟ้ามาลงได้

ถัดมาจะเจอเซ็นทรัลรัตนาธิเบศร์ ห้างใหญ่ของคนย่านนี้ อยู่ทางฝั่งขวาซึ่งจะตรงกับสถานี นนทบุรี 1

The Politan Breeze_L (5)

ขับตรงมาอีกหน่อยจะเห็นป้ายบอกทางไปยังถนนสนามบินน้ำ (กระทรวงพาณิชย์) โดยให้เริ่มเบี่ยงซ้ายออกทางขนาน

The Politan Breeze_L (6)

เราจะเบี่ยงซ้ายออกทางขนานค่ะ ตรงจุดนี้ต้องระวังนิดนึงค่ะเพราะถ้าเลยตรงนี้ไปจะถูกบังคับให้ขึ้นสะพานพระนั่งเกล้าเลยค่ะ

The Politan Breeze_L (7)

จากนั้นจะต้องขับตรงไปกลับรถใต้สะพาน ส่วนสะพานลอยนี้จะเป็นสะพานที่เราเดินออกมาจากถนนสนามบินน้ำ แล้วใช้ข้ามมาขึ้นรถไฟฟ้าสถานีพระนั่งเกล้าค่ะ

พอขับเลยสะพานลอยมาจะเห็น ทางขึ้นรถไฟฟ้าสถานีพระนั่งเกล้า โดยถนนสนามบินน้ำจะอยู่ฝั่งตรงข้าม ช่วงกลางถนนจะมี barrier กั้นทางอยู่

พอข้ามแยกมาจะมีทางขึ้นสถานีรถไฟฟ้าอยู่อีกจุดหนึ่ง เราจะตรงต่อไปเพื่อกลับรถค่ะ

จุดกลับรถจะอยู่บริเวณใต้สะพานพระนั่งเกล้า ซึ่งพื้นที่ตรงนี้ในอนาคตจะมีการสร้างจุดเชื่อมต่อเรือด่วนเจ้าพระยาค่ะ

พอกลับรถมาเราจะเจอกับซอย รัตนาธิเบศร์ 42 ซึ่งใช้เป็นซอยลัดเข้าโครงการได้ และในอนาคตคาดว่าจะมีการ Sky walk มาลงบริเวณนี้แต่ยังไม่รู้ตำแหน่งที่แน่ชัด เราจะตรงต่อไปเข้าทางถนนสนามบินน้ำค่ะ

จากซอย  รัตนาธิเบศร์ 42 ขับตรงมาอีกหน่อยก็จะเจอกับถนนสนามบินน้ำ เราจะเลี้ยวเข้าซอยนี้ไปค่ะ

ภายในถนนสนามบินน้ำเป็นถนนสี่เลน มีเกาะกลางที่มีโคมไฟประดับตรงช่วงกลางถนน บริเวณต้นถนนสนามบินน้ำสังเกตว่าจะมีคอนโด High Rise ขึ้นมาให้เห็นบ้างทั้ง 2 ฝั่งถนน โดยฝั่งซ้ายเป็นคอนโด ธารารินทร์ เจ้าพระยา ทางฝั่งขวาเป็นศุภาลัย ซิตี้รีสอร์ท

พอตรงมาจนถึงซอย นนทบุรี 15 ให้เลี้ยวซ้ายเข้าไปค่ะ

บรรยากาศบริเวณถนนในซอยถูกปรับให้มีความกว้างขวางและสวยงามมากขึ้นจากเดิมค่ะ สำหรับซอยนี้เป็นซอยสาธารณะที่ใช้ร่วมกันกับเพื่อนบ้านข้างเคียง ทั้งบ้านพักอาศัยและอพาร์ทเม้นท์ ส่วนตำแหน่งโครงการจะตรงไปยังด้านในใกล้แม่น้ำเจ้าพระยาค่ะ

ตัวโครงการจะอยู่ฝั่งขวามือของโครงการ The Politan Rive โดยเราจะเห็นทางเข้าอยู่ด้านข้างอาคารจอดรถสูง 7 ชั้นนะคะ

**รูปนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการแบบคร่าวๆไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการได้นะคะ

โครงการ The Politan Breeze ตั้งอยู่บนพื้นที่ 7-2-85 ไร่ ริมแม่น้ำเจ้าพระยา สำหรับพื้นที่รอบๆโครงการที่อยู่อาศัยส่วนใหญ่จะเป็นบ้านเรือนแนวราบ ชุมชนริมแม่น้ำ มีตึกสูงอยู่บ้างบริเวณริมถนนสนามบินน้ำ ตัวโครงการเป็นเฟสที่สองบนที่ดินผืนใหญ่  เรามาดูแต่ละด้านกันว่าอยู่ติดกับอะไรบ้าง

  • ทิศเหนือ – อยู่ติดกับคลองบางสร้อยทอง ถัดจากคลองไปเป็นพื้นที่ในเฟสถัดไปของโครงการ ซึ่งจะเป็นโครงการ Low Rise และถัดไปเป็นโครงการ The Politan Aqua ที่มีความสูง 61 ชั้น
  • ทิศตะวันออก – อยู่ติดกับถนนทางเข้าโครงการ และที่ดินเปล่ารอการพัฒนา โดยบริเวณที่อยู่ใกล้ถนน สนามบินน้ำจะมีอพาร์ทเม้นท์ 8 ชั้นอยู่
  • ทิศใต้ – อยู่ติดกับโครงการ The Politan Rive ซึ่งเป็นคอนโดสูง 56 ชั้น โดยมีระยะระหว่างตัวอาคารห่างกันประมาณ 20 เมตร
  • ทิศตะวันตก – เป็นทิศที่วิวค่อนข้างดี อยู่ติดริมแม่น้ำเจ้าพระยา ฝั่งตรงข้ามส่วนใหญ่เป็นบ้านพักอาศัยแบบแนวราบ

ทิศเหนือ – วิวจากทิศเหนือด้วยความสูง 7 ชั้น เราจะเห็นโครงการ The Politan Aqua ไกลๆ ระยะห่างอยู่ประมาณ 85-86 ม. ติดกับโครงการเข้ามาหน่อยเป็นที่ดินเปล่าที่มีแผนพัฒนาเป็นโครงการในอนาคตของทาง Everland ซึ่งจากที่สอบถามจะทำเป็นโครงการ Low Rise ค่ะ

ทิศตะวันออก – หันออกไปทางสนามบินน้ำ ถ่ายภาพจากชั้นดาดฟ้าของอาคารจอดรถจะได้วิวระยะไกลสามารถมองวิวฝั่ง City View เข้าทางในเมืองได้ ซึ่งห้องที่หันทางทิศนี้และได้วิวนั้นจะเป็นห้องมุมชั้น 8 ทิศตะวันออกในอาคาร B และ C

ทิศใต้ – ซึ่งอยู่ใกล้กับ The Politan Rive คอนโด High Rise สูง 56 ชั้น ด้วยระยะห่าง 20 ม. จึงเป็นวิวที่สูงชะลูดพอสมควรจากการมองในชั้น 7 ของอาคาร ทั้งนี้หากพูดในแง่ของวิวก็อาจจะไม่ได้วิวที่สวยเท่ากับทิศเหนือ-ทิศตะวันออกที่ผ่านมานะคะ แต่พูดในแง่ความเป็นส่วนตัวก็ถือว่าไม่ได้เสียความเป็นส่วนตัว เนื่องจากชั้นสูงสุดของอาคารอยู่ที่ชั้น 8 ซึ่งเป็นชั้นที่จอดรถของ The Politan Rive ทำให้ห้องพักอาศัยในฝั่งนี้ไม่มีห้องพักอาศัยฝั่งตรงข้ามหันหน้ามาเจอกัน

ทิศตะวันตก – เป็นทิศ Highlight ของโครงการ เพราะเป็นทิศที่ได้วิวแม่น้ำเจ้าพระยาแบบเต็มๆ สำหรับคนที่เลือกวิวนี้สามารถเลือกห้องได้ทุกชั้นเลยค่ะ แต่มีบรรยากาศต่างกันไป อย่างชั้นล่างๆ จะได้วิวแม่น้ำเจ้าพระยาที่ใกล้มากขึ้น ได้สัมผัสวิวแม่น้ำในระยะสายตาตัวเอง ส่วนชั้นบนๆ จะได้ทั้งวิวแม่น้ำและวิวบ้านเรือนจากฝั่งตรงข้ามด้วยค่ะ

สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น

  • วัดน้อยนอก ~ 240 ม.
  • โรงเรียนธัมมสิริศึกษา ~350 ม.
  • กระทรวงพาณิชย์ ~1.1 กม.
  • เซ็นทรัล รัตนาธิเบศร์ ~2.4 กม.
  • สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ~3.7 กม.
  • สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ~3.8 กม.
  • ตลาดสนามบินน้ำ Market Park ~4.1 กม.
  • บิ๊กซี รัตนาธิเบศร์ 2 ~ 4.3 กม.
  • Esplanade แคราย ~4.8 กม.
  • Tesco Lotus แคราย ~4.9 กม.
  • โรงพยาบาลทรวงอก ~5.5 กม.
  • โรงพยาบาลศรีธัญญา ~8.6 กม.
  • โรงพยาบาลนนทเวช ~7.6 กม.
  • เดอะมอลล์ งามวงศ์วาน ~7.7 กม.
  • Central West Gate ~12.6 กม.

 


เจาะลึกตัวโครงการ

The Politan Breeze_Master plan

โครงการ The Politan Breeze จัดเป็นหมู่อาคาร Low Rise ทั้งหมด 4 อาคารพักอาศัยและอีก 1 อาคารจอดรถ โดยมีจำนวนยูนิตอยู่ที่ 587 ยูนิต และ  3 ร้านค้า บนเนื้อที่ดิน 7-2-85 ไร่

สำหรับรูปแบบการจัดวางผังโครงการ วางอาคารพักอาศัยฝั่งละ 2 อาคารในแนวเหนือ – ใต้ซึ่งเป็นทิศที่ห้องจะไม่ได้รับแดดในตอนบ่ายทำให้ไม่ร้อน ตรงกลางเป็นพื้นที่ส่วนกลางสำหรับให้ลูกบ้านมาใช้ร่วมกันได้ ดังนั้นภายในตัวอาคารจึงค่อนข้างเป็นส่วนตัว ส่วนอาคารจอดรถวางไว้หน้าโครงการแทนที่อยู่ด้านหลังเหมือนโครงการทั่วไป เนื่องจากด้านหลังโครงการนี้ติดแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งเป็นวิวที่สวยที่สุดในโครงการค่ะ นอกจากนี้เพื่ออำนวยความสะดวกลูกบ้านไม่จำเป็นต้องขับไปจอดรถไกล ช่วยให้นิติบุคคลสามารถบริเวณจัดการให้ผู้มาติดต่อจอดบริเวณนี้ไม่เข้าไปรบกวนลูกบ้านด้านใน และช่วยให้รถไม่เข้าไปจอดด้านในอาคารจนแออัดกันเกินไป เดี๋ยวเราจะพาไปดูเจาะแต่ละอาคารกันค่ะ

The Politan Breeze_Car

สำหรับที่จอดรถโครงการจัดมาให้ทั้งหมด 343 ช่องจอด คิดเป็น 58% เมื่อรวมจอดซ้อนคัน ถือว่าให้มาพอสมควรค่ะ เมื่อเทียบกับทำเลโครงการที่อยู่ไม่ไกลจากรถไฟฟ้ามากนัก สำหรับพื้นที่ในอาคารจอดรถจัดให้มีช่องจอดทั้งมอเตอร์ไซค์และรถยนต์ โดยสิทธิ์ในการจอดจะให้ 1 ห้องนอนต่อ 1 คัน 2 ห้องนอนจะให้แบบ 2 คัน ไม่ Fix ช่องจอด พร้อมเพิ่มความสะดวกสบายโดยการติดตั้งลิฟต์โดยสารให้เรียบร้อย และอีกฝั่งที่อยู่ใกล้กับอาคาร C และ D จัดพื้นที่เป็นร้านค้าทั้งหมด 3 ร้าน โดยทางโครงการจะขายขาดกับร้านค้านั้นๆ ซึ่งปัจจุบันยังไม่มีกำหนดร้านค้า

เริ่มต้นกันที่บริเวณด้านหน้าโครงการ บรรยากาศหน้าโครงการเราจะเห็นอาคารจอดรถก่อน ซึ่งส่วนอาคารจอดรถนี้มีการออกแบบ Facade ให้ดูสวยงามมากขึ้น

รูปแบบการเข้า-ออกโครงการกั้นด้วยไม้กั้นกระดกอัตโนมัติ ด้านข้างมีรปภ.คอยดูแลความปลอดภัยตลอด 24 ชม. และในส่วนถนนโครงการช่วงด้านหน้านี้ใช้วัสดุพื้นเป็น Concrete Stamp ดูสวยงาม

ตรงเข้ามาจะเจอทางแยก ซึ่งหากตรงไปจะเป็นส่วนที่จอดรถใต้อาคารของอาคาร A และ D ค่ะ โดยมีการกั้นพื้นที่แยกเป็นสัดส่วนด้วยไม้กั้นกระดกอัตโนมัติ และก่อนเข้าพื้นที่จอดรถนั้นจะมีบริการ EV Charger สำหรับรถไฟฟ้า และ Hybrid ทั้งหมด 2 จุดด้วยกัน

บริเวณพื้นที่ EV Charger อยู่ในตำแหน่งที่สะดวกสำหรับลูกบ้านในการใช้งาน เพราะตรงเข้ามาก็สามารถเลี้ยวเข้ามาจอดชาร์ตไฟฟ้าได้เลยค่ะ

เลี้ยวขวามากันต่อนะคะ ฝั่งขวามือที่เห็นเป็นห้องกระจกสูงนี้ ในอนาคตจะเป็นพื้นที่ร้านค้าทั้งหมด 3 ร้านด้วยกันค่ะ ส่วนปัจจุบันทางโครงการจัดให้เป็นพื้นที่ Service ลูกค้าต่างๆ โดยจะมีเจ้าหน้าที่และ Sale คอยดูแล และเมื่อตรงไปเลี้ยวซ้ายจัดให้เป็นทางเข้า-ออกที่จอดรถในอาคารจอดรถค่ะ และหากใครต้องการความสะดวกในการเดินเข้าอาคารพักอาศัยก็สามารถเลือกเลี้ยวซ้ายเพื่อจอดรถใต้อาคารได้ มีจัดไว้บริการเช่นกัน

เลี้ยวซ้ายมาแล้วจะเห็นพื้นที่ส่วนที่จอดมอเตอร์ไซค์และทางเข้า-ออกรถค่ะ

กลับมาอีกฝั่งเป็นที่จอดรถใต้อาคาร ยาวเชื่อมไปจากอาคาร C ถึงอาคาร B ค่ะ

พื้นที่ด้านข้างอาคารนี้ออกแบบให้เป็น Jogging Track ที่เชื่อมไปยังพื้นที่นั่งเล่นริมแม่น้ำเจ้าพระยา ด้านข้างปลูกต้นไม้ให้ทั้งฝั่งเพิ่มความร่มรื่นได้ดีทีเดียวค่ะ

ก่อนที่เราจะไปดูบรรยากาศบริเวณริมแม่น้ำเจ้าพระยา จะพาไปดู Facilities ตรงกลางระหว่างอาคารและพาชมภายในอาคารกันก่อนนะคะ จากอาคารจอดรถแล้วเดินตรงเข้ามามีการทำ Pavillion เป็นเสมือน Approach ตรงไปด้านใน

นอกจาก Pavillion นี้จะช่วยให้บรรยากาศทางเดินดูสวยงามน่าสนใจแล้ว ยังช่วยบังแดดได้ระดับนึงด้วยค่ะ

การจัดวาง Pavillion นี้จะมีการวางม้านั่งให้ด้วย ไว้สำหรับนั่งเล่นได้ดีค่ะ ส่วนระแนงด้านหลังก็สามารถบังสายตาของคนที่เดินไปมา เพิ่มความเป็นส่วนตัวให้กับห้องพักอาศัยในชั้น 1 ที่หันเข้าหาพื้นที่ส่วนกลางได้ดีค่ะ

นอกจากนี้ห้องพักอาศัยในชั้นล่างยังได้บรรยากาศสวนร่มรื่น และเพิ่มความเป็นส่วนตัวได้ดีอีกด้วยค่ะ

เดินเข้ามาภายในเจอกับพื้นที่เปิดโล่งมากขึ้น มีการจัด River Breeze Pond หรือสระน้ำตื้นพร้อม Sunken Seat สร้างบรรยากาศให้ดูสวยงามมากขึ้น 2 ฝั่งเป็นโซนอาคาร C และ D

The Politan Breeze_P1

อาคาร C และ D เป็นอาคารโซนด้านในที่ไม่ติดริมแม่น้ำ แปลนของทุกอาคารจะไม่เหมือนกันทั้งหมดนะคะ โดยจะมีรายละเอียดต่างกันเล็กๆน้อยๆ ทุกอาคารจะมี Main Lobby และ Lift Lobby เป็นของตัวเอง อาคาร C ชั้นล่างจะเป็นที่จอดรถทั้งหมด ส่วนอาคาร D จะเริ่มมีส่วนของห้องพักตั้งแต่ชั้น 1 ครึ่งนึง และอีกครึ่งนึงเป็นที่จอดรถ โดยห้องพักอาศัยจะหันเข้าหาพื้นที่ส่วนกลาง ห้องชั้นนี้จะได้ความเป็นส่วนตัวมากขึ้นเนื่องจากทางเดินเป็น Single Corridor และจำนวนยูนิตในชั้นนี้น้อยกว่าชั้นอื่นๆ

สำหรับอาคาร C และ D จะเหมือนกันบริเวณชั้นพักอาศัยตรงที่มีห้อง 1 Bedroom ขนาด 29 ตร.ม. ทั้งหมดค่ะ มีจำนวนยูนิตสูงต่อชั้นที่ 23 ยูนิต การวางผังห้องวางเรียงยาวไปตามรูปร่างของอาคาร ตำแหน่งที่น่าสนใจคือตำแหน่งห้องที่ 8 เพราะเป็นห้องที่ไม่มีผนังฝั่งไหนติดกับเพื่อนบ้านจึงได้ความเป็นส่วนตัวสูง

เรามาดูบรรยากาศจริงภายในอาคาร C และ D ต่อเลยนะคะ โดยเริ่มที่บริเวณด้านหน้าทางเข้าสู่ Lobby อาคาร C มีการเพิ่มความโอ่โถงด้วยกระจกสีชายกสูงแบบ Double Volume

ภายในส่วน Lobby ของอาคาร C นี้ออกแบบให้เป็นรูปแบบ Double Volume ยกฝ้าเพดานสูง ตกแต่งโทนน้ำตาลอ่อน-ทองดูหรูหรา สำหรับชุดเฟอร์นิเจอร์นั่งเล่นและรับรองแขกของลูกบ้านจะมีการจัดวางให้ภายหลังค่ะ เนื่องจากช่วงนี้ทางโครงการอยู่ในช่วงการโอนรับห้องจึงมีการจัดโต๊ะชั่วคราวไว้ ลึกเข้าไปในสุดของพื้นที่นี้จัดเป็นโซน Mail Box สวยงาม

ฝั่งขวามือจากประตูทางเข้าเป็นประตูเข้าส่วนโถงลิฟต์ซึ่งจะต้องใช้ Keycard สแกนเข้าเท่านั้นนะคะ เพื่อความเป็นส่วนตัวของลูกบ้าน

ก่อนไปดูบรรยากาศในอาคาร D จะเห็น River Breeze Pond หรือสระน้ำตื้นพร้อม Sunken Seat ที่อยู่ระหว่างอาคาร นอกจากเพิ่มบรรยากาศและวิวแล้ว ยังช่วยเพิ่มความเย็นในบริเวณนี้ได้ดีด้วยนะคะ

สำหรับอาคาร D นี้ในชั้นล่างส่วน Lobby จะมีขนาดใหญ่กว่าอาคาร D นะคะ ส่วนวัสดุที่ใช้ตกแต่งจะเป็นแบบเดียวกับอาคาร C ค่ะ คือกระจกสีชายกสูงตามความสูงฝ้าเพดาน Double Volume

บรรยากาศภายใน Lobby ของอาคาร D ค่อนข้างโปร่งโล่งดีทีเดียวค่ะ จากพื้นที่ที่มีขนาดใหญ่ขึ้นจากอาคาร C ช่องแสงขนาดใหญ่และเยอะ ซึ่งขนาดที่ใหญ่นี้ก็เพื่อรองรับจำนวนยูนิตที่มากกว่าอาคาร C

มีพื้นที่ชุดโซฟาหลายจุดเพื่อรองรับแขกและเป็นพื้นที่ให้ลูกบ้านลงมานั่งเล่นได้ค่ะ

ก่อนเข้าสู่บริเวณโถงลิฟต์โดยสารนี้ ฝั่งขวามือมีห้องน้ำ 1 ห้องที่ใช้ร่วมกันทั้งหญิง/ชายค่ะ

บรรยากาศภายในห้องน้ำตกแต่งด้วยกระเบื้องลายหินอ่อน พร้อมจัด Lighting ทั้งการซ่อนไฟแบบ Indirect Light และดวงโคมให้ดูสวยงามมากยิ่งขึ้นค่ะ

เข้ามาภายในโถงลิฟต์โดยสารผ่าน Keycard มาแล้วจะแยกเป็น 2 โซนคือลิฟต์โดยสารและฝั่งขวาที่เป็นทางเข้าห้องพักอาศัยในชั้นล่างค่ะ

สำหรับลูกบ้านในชั้นล่างนี้ทางโครงการก็เพิ่มความเป็นส่วนตัวให้อีกระดับโดยการทำ Double Access ให้ เฉพาะลูกบ้านในชั้นนี้เท่านั้นถึงจะสามารถเข้าโซนพื้นที่พักอาศัยได้ ส่วนประตูฝั่งขวามือนี้เป็นประตูทางเข้าโถงลิฟต์จากส่วนที่จอดรถค่ะ ในส่วนนี้ก็ต้องใช้ Keycard Access เช่นกัน

โถงลิฟต์ออกแบบสวยงาม กว้างขวาง จำนวนลิฟต์ต่ออาคารอยู่ที่ 2 ตัวนะคะ ซึ่งเทียบอัตราส่วนของลิฟต์แล้ว อาคาร C อยู่ที่ 80:1 และอาคาร D 84:1 จะเห็นว่าอาคาร C ได้เปรียบในเรื่องความหนาแน่นที่น้อยกว่า แต่ก็แลกมากับส่วน Lobby ที่มีขนาดเล็กลงมา ในขณะที่อาคาร D ได้ Lobby ขนาดใหญ่ โอ่โถง แต่ก็จะมีความหนาแน่นมากขึ้นมาหน่อยค่ะ แต่หากสรุปทั้ง 2 อาคารเลยนั้นถือความมีอัตราส่วนลิฟต์ไม่มากค่ะ ไม่จัดว่าหนาแน่น

ขึ้นมาที่ชั้นพักอาศัยที่บริเวณโถงลิฟต์โดยสารเช่นเดิมจะเห็นบรรยากาศโถงที่สวยงามมีการตกแต่งพอสมควรเลย และเป็นแบบนี้ในทุกชั้นพักอาศัยนะคะ ซึ่งจะแตกต่างจากโครงการทั่วไปพอสมควร ส่วนใหญ่ตกแต่งให้เฉพาะโถงลิฟต์ชั้น 1 เท่านั้นค่ะ

ภายในลิฟต์โดยสารตกแต่งสวยงามและเป็นรูปแบบ ลิฟต์ล็อกชั้น หรือลิฟต์ที่ลูกบ้านต้องสแกนบัตรก่อนกดปุ่มชั้น และจะสามารถขึ้นได้เฉพาะชั้นพักอาศัยของตัวเองและชั้น 1 (Lobby) เท่านั้นค่ะ เพื่อความเป็นส่วนตัวมากขึ้น

ภายในโถงทางเดินกว้างขวางด้วยระยะทางเดินประมาณ 1.5 ม. และมีบรรยากาศโปร่งโล่งพอสมควรเพราะได้ช่องแสงทั้ง 2 ฝั่งของโถงทางเดิน

ถัดมาที่บริเวณหน้าอาคาร A  และ B ซึ่งเป็นอาคารที่ยาวไปจนถึงริมแม่น้ำเจ้าพระยานะคะ การออกแบบส่วนกลางระหว่างอาคารนี้นอกจากจะมี River Breeze Pond หรือสระน้ำตื้นพร้อม Sunken Seat แล้วลึกเข้าไปใกล้แม่น้ำเจ้าพระยาจะมีสระว่ายน้ำรับวิวแม่น้ำเจ้าพระยาด้วยค่ะ เดี๋ยวเราพาไปดูภายในอาคารกันก่อนจะจบที่บริเวณริมแม่น้ำเจ้าพระยานะคะ

The Politan Breeze_P2

ส่วนอาคาร A และ B (อาคารใกล้ริมแม่น้ำ) มี Main Lobby , Lift Lobby , ที่จอดรถ และเริ่มมีห้องพักตั้งแต่ชั้น 1 แต่อาคาร B จะพิเศษหน่อยตรงที่ชั้นล่างจะมีส่วนกลางคือ Fitness และ Library ด้วย ซึ่งถ้าใครที่ชอบใช้ Facilities นี้เลือกอยู่อาคาร B ก็จะตอบโจทย์ค่ะ เพราะเข้าถึงส่วน Facilities ได้ง่ายกว่าอาคารอื่น ถ้าจะเข้าใช้บริการต้องเดินเข้าจากทางด้านนอก ทำให้เวลาคนจากอาคารอื่นมาใช้ก็ไม่ต้องเดินผ่านในอาคาร B ให้เสียความเป็นส่วนตัวค่ะ

การวางห้องพักของอาคารที่อยู่ฝั่งริมแม่น้ำกับฝั่งถนนจะไม่เหมือนกันนะคะ โดยอาคารฝั่งริมน้ำทางโครงการวางเป็นห้อง 2 ห้องนอนทั้งหมด ซึ่งมีขนาดตั้งแต่ 43 ตร.ม.ไปจนถึง 60 ตร.ม. เนื่องจากห้องในอาคารฝั่งนี้มีขนาดใหญ่ความหนาแน่นของห้องจึงไม่มากนักเมื่อเทียบกับอาคาร C และ D

ห้องที่ระเบียงหันออกด้านนอกฝั่งทางทิศเหนือและใต้จะได้วิวแม่น้ำ ส่วนห้องที่อยู่ด้านในก็จะเห็นวิวพื้นที่ส่วนกลาง ห้องที่อยู่ใกล้แม่น้ำที่สุดเป็นห้องใหญ่ 60 ตร.ม.ที่มีระเบียงค่อนข้างยาวสามารถออกมายืนชมวิวได้ ส่วนลิฟต์จะมีให้อาคารละ 2 ตัว เป็นลิฟต์ล็อกชั้น อัตราส่วนรวมเท่ากับ 74 ห้องต่อลิฟต์ 1 ตัวถือว่าอยู่ในระดับที่ไม่หนาแน่นค่ะ

อาคาร B คล้ายกับอาคาร A แต่ชั้นล่างจะมีพื้นที่ส่วนกลางอยู่ในอาคารด้วย แต่ทางโครงการทำทางเข้าอยู่ด้านนอกแทน ทำให้ไม่มีผลกับห้องพักที่อยู่ในอาคารและเพื่อความสะดวกในการใช้งานของลูกบ้านที่มาจากอาคารอื่นๆ มากขึ้น

สำหรับบริเวณ Lobby กับห้องสมุดจะเป็น Double Volume ฝ้าเพดานสูงทำให้ในชั้น 2 จะมีจำนวนห้องพักน้อยกว่าชั้น 3 – 8 ค่ะ

เริ่มกันที่อาคาร B กันก่อนนะคะ เพื่อที่เราจะไปดูส่วน Facilities ในอาคารนี้กันก่อนค่ะ

มาที่ห้อง Library ประตูเข้า-ออกนี้จะอยู่ด้านนอกแยกกับส่วน Lobby ในอาคาร B แต่ทั้งนี้การเข้า-ออกห้อง Library จะต้องสแกนบัตรก่อนเท่านั้นค่ะ เพราะจำกัดเฉพาะลูกบ้านในโครงการเท่านั้น

บรรยากาศภายใน Library ค่อนข้างน่าสนใจทีเดียวค่ะ เพราะด้วยการยกฝ้าเพดานสูงแบบ Double Volume จึงสามารถจัดพื้นที่ได้ถึง 2 ชั้น มีบันไดเวียนสวยงามเชื่อม

โซนแรกเป็นพื้นที่ทำงานริมกระจกสูงแบบ Full Height ได้วิว River Breeze Pond ขณะนั่งทำงานได้ดีทีเดียว

ด้านหลังจัดให้เป็นพื้นที่นั่งเล่นด้วยชุดโซฟา และชุดเก้าอี้ไว้รองรับ ด้านในสุด Built-in ชั้นวางของซึ่งปัจจุบันทางโครงการตกแต่งวางของประดับต่างๆ ในอนาคตเราสามารถจัดให้เป็นชั้นวางหนังสือเพิ่มเติมเข้าไปได้ค่ะ

ลึกเข้ามาหน่อยเป็นมุมภายในที่จัดชุดโซฟาไว้ติดกัน 3 ชุด ตรงกลางติดตั้งทีวีให้ เผื่อสำหรับจัดพื้นที่เป็นห้องดูทีวีต่างๆ ได้ค่ะ

การขึ้นชั้นบนนี้เราจะขึ้นจากบันไดเวียนขนาดใหญ่นะคะ

ด้านบนจะมีความส่วนตัวขึ้นมาจากชั้นล่างหน่อย การจัดพื้นที่เน้นให้เป็นพื้นที่อ่านหนังสือ หรือนั่งคุยงานได้ โดยมีให้ทั้งชุดโซฟาและชุดเก้าอี้นั่งเล่นค่ะ

มาที่ส่วน Lobby อาคาร B กันต่อนะคะ ทางเข้าจะอยู่ถัดจากส่วน Library

ภายใน Lobby อาคาร B มีการจัดพื้นที่ภายในใกล้เคียงกับอาคาร C นะคะ โดยมีพื้นที่นั่งเล่นก่อนจะเป็นส่วน Mail Box ที่อยู่ถัดเข้าไป ทั้งนี้สิ่งที่แตกต่างคือฝ้าเพดานที่มีความสูงมาตรฐาน ไม่ได้เป็น Double Volume ซึ่งหากเทียบกับอาคารอื่นๆ จะด้อยกว่าในส่วนนี้แต่แลกมากับการเป็นอาคารที่อยู่กับ Facilities มากที่สุด

ด้านข้าง Lobby เชื่อมเข้าส่วนโถงลิฟต์โดยสาร ซึ่งต้องใช้ Keycard Access เช่นเดียวกันค่ะ

ถัดมาที่อาคาร A กันต่อนะคะ

ภายใน Lobby อาคาร A นี้จะโอ่โถงมากขึ้นจากฝ้าเพดานแบบ Double Volume และขนาดพื้นที่ใช้สอยขนาดใหญ่มากขึ้น มีพื้นที่สำหรับวางชุดโซฟาใหญ่และเก้าอี้นั่งเล่นได้ดี ด้านในมีจัดพื้นที่สำหรับ Mail Box และห้องน้ำรวมชาย/หญิง 1 ห้อง สำหรับรับรองแขก

ฝั่งขวามือจากประตูทางเข้าเป็นทางเข้าส่วนโถงลิฟต์โดยสารเช่นเดิมค่ะ เพิ่มเติมคือมีการเพิ่มช่องแสงภายในให้แสงธรรมชาติจาก Lobby เข้ามายังโถงลิฟต์โดยสารเพิ่มเติมด้วย

ถัดมาเป็นส่วนห้อง Fitness ค่ะ โดยทางเข้าจะอยู่บริเวณด้านนอกอาคารแยกส่วนกับทางเข้า Lobby อาคาร B ชัดเจนเป็นสัดส่วน

ภายในห้อง Fitness มีพื้นที่ค่อนข้างใหญ่นะคะ โดยรวมแล้วมีเครื่องออกกำลังกายประมาณ 15 เครื่องด้วยกัน โดยแบ่งโซนการใช้งานทั้งโซนเครื่องออกกำลังกายและโซนเวทเทรนนิ่ง

สำหรับเครื่องออกกำลังกายหลักๆ จะตั้งอยู่ริมหน้าต่างซึ่งหันหน้าไปทางสระว่ายน้ำค่ะ สามารถออกกำลังกายพร้อมรับวิวภายนอกได้ดี

โซนเวทเทรนนิ่งเน้นอยู่ด้านในล้อมรอบด้วยกระจกเงาขนาดใหญ่ เพื่อสามารถออกกำลังกายและเช็คท่าทางการออกกำลังกายให้ถูกต้องได้

เข้ามาลึกสุดด้านในของห้อง Fitness จัดให้เป็นโซนห้องน้ำห้องแต่งตัวนะคะ ซึ่งด้านข้างจะมีประตูทางเข้าจากสระว่ายน้ำด้วย เพื่ออำนวยความสะดวกลูกบ้านที่ต้องการว่ายน้ำด้วยเช่นกันค่ะ โดยก่อนแยกไปห้องน้ำชายหรือหญิงจะมี Locker ส่วนกลางไว้เก็บของใช้ต่างๆ

ภายในห้องน้ำแบ่งเป็นห้องอาบน้ำและห้องน้ำ ภายในตกแต่งด้วยกระเบื้องลายหินอ่อนสวยงามค่ะ

อ่างล้างมือขนาดใหญ่สวยงาม

ภายในห้องอาบน้ำจัดให้มีทั้งฝักบัวสายอ่อนและฝักบัวแบบ Rain Shower ส่วนห้องน้ำใช้โถสุขภัณฑ์แบบชิ้นเดียว ดูสวยงามหรูหรามากขึ้นค่ะ

ถัดมาที่ส่วน Highlight โครงการคือสระว่ายน้ำที่สามารถว่ายพร้อมมองวิวแม่น้ำเจ้าพระยาได้ค่ะ เริ่มต้นจะเป็นสระว่ายน้ำเด็กก่อนที่มีความลึกอยู่ที่ 0.6 ม.

เดินขึ้นมาด้านบนเป็นสระว่ายน้ำผู้ใหญ่ ขนาด 8.2 x 30 เมตร เลยทีเดียวค่ะ ถือเป็นความยาวที่มากกว่า Half Olympic Size ไปแล้วนะคะ ความยาวนี้สามารถว่ายน้ำออกกำลังกายได้ดี และมีส่วน Bubble pool หรือ จากุชชี่ให้ได้นั่งแช่น้ำเพื่อพักผ่อนด้วยค่ะ

สำหรับใครที่ต้องการเดินริมแม่น้ำเจ้าพระยาจะไม่สามารถเดินจากสระว่ายน้ำได้นะคะ ให้เดินเข้าส่วนที่จอดรถฝั่งอาคาร C และ B ที่จะมี Jogging Track เชื่อมไปยังส่วนริมแม่น้ำเจ้าพระยา

ส่วน Jogging Track นี้ยาวเชื่อมตั้งแต่ต้นอาคาร C ยาวไปจนถึงริมแม่น้ำเจ้าพระยา บรรยากาศจะเป็นอย่างไรไปชมกันค่ะ

การจัดพื้นที่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาของโครงการจัดได้น่าสนใจและสวยทีเดียวค่ะ โดยทำถนนคอนกรีตขัดมันยาว ริมสวนด้านข้าง

ทางเดินมีการลดระดับลงเล็กน้อยเพื่อเปิดมุมมองวิวแม่น้ำเจ้าพระยาได้ดีมากขึ้นจากสระว่ายน้ำ

มุมมองเมื่อเข้าไปทางอาคารและสระว่ายน้ำ นอกจากจะเปิดรับวิวแม่น้ำเจ้าพระยาได้ดีแล้วยังเป็นช่องรับลมจากแม่น้ำได้ดีอีกด้วย ทำให้อาคารพักอาศัยมีลดพัดผ่านได้ดี ช่วยให้ภายในห้องไม่ร้อน

สระว่ายน้ำเองมีการยกสูงขึ้นและทำเป็นรูปแบบสระ Infinity Edge Pool เพื่อให้สามารถชมวิวแม่น้ำเจ้าพระยาได้ดี

สุดทางเดินของทั้ง 2 ฝั่งริมแม่น้ำจะมีจัดเป็นพื้นที่นั่งเล่นริมแม่น้ำเจ้าพระยาให้เพิ่มเติมอีกด้วยค่ะ

โดยทางเข้าส่วนพื้นที่นั่งเล่นออกแบบให้เป็นทั้งทางลาดเอียงและขั้นบันได เพื่อตอบโจทย์ทุกเพศทุกวัยให้เข้ามาใช้งานในพื้นที่ได้

บริเวณพื้นที่นั่งเล่นวางม้านั่งให้นั่งชมบรรยากาศริมแม่น้ำเจ้าพระยา รวมไปถึงราวกันตกที่ใช้เป็นกระจก Frameless เปิดมุมมองได้กว้างขวาง

 

สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก

  • Lobby (แยกเป็นส่วนตัวทุกอาคาร)
  • Riverfront Swimming Pool
  • Kid Pool
  • Fitness ใส่เครื่องออกกำลังกายประมาณ 15 เครื่อง
  • Library
  • River Breeze Pond
  • Politan garden with pavilion
  • Waterfront pavilion พื้นที่พักผ่อนริมน้ำ
  • Waterfront deck
  • Jogging track
  • ลิฟต์โดยสาร 2 ตัว/อาคาร อัตราส่วนลิฟต์รวม 74:1
  • อัตราส่วนลิฟท์ตึก A 66:1 , B 65:1 , C 80:1 , D 84:1
  • ที่จอดรถ 343 คันคิดเป็น 58% รวมจอดซ้อนคัน
  • ระบบรักษาความปลอดภัย 24 ชั่วโมง
  • ระบบ CCTV / Access Card

 


Product Walkthrough

เริ่มต้นกันที่ห้องตัวอย่างแรก กับห้อง 1 Bedroom ขนาด 29 ตร.ม. จุดเด่นของห้องนี้คือความเป็นส่วนตัว เหมาะกับการอยู่อาศัยได้ 2 คนกำลังดี เนื่องจากการออกแบบผังห้องที่ได้ห้องนอนเป็นสัดส่วนชัดเจน แตกต่างจากห้องที่กั้นด้วยประตูบานเลื่อนกระจก นอกจากนี้สำหรับคนที่ชอบความการทำอาหารก็จะเหมาะกับห้องนี้เช่นกัน เพราะจัดให้เป็นครัวรูปแบบปิด กันกลิ่นอาหารได้ดีค่ะ

ส่วนที่ชอบเพิ่มเติมของผังห้องนี้คือการแยกระเบียงการใช้งานเป็น 2 ส่วน โดยมีทั้งระเบียงไว้สำหรับยืนชมวิวบริเวณติดกับห้องนอน ส่วนอีกระเบียงนึงอยู่ติดกับห้องครัว จัดให้เป็นระเบียงซักล้างไว้สำหรับซักล้าง ตากผ้าต่างๆ ได้

เริ่มต้นจากประตูทางเข้าห้องเป็นประตู HDF ขนาดใหญ่ กลอนประตูเป็นกลอนแบบก้านโยกสแตนเลส

พื้นห้องมีธรณีปูด้วยกระเบื้องสีดำยกขึ้นสูงจากพื้นโถงทางเดินเล็กน้อย เพื่อกันฝุ่นต่างๆ ได้ ส่วนพื้นภายในห้องใช้เป็นลามิเนต หนา 8 มม. นำเข้าจากเยอรมัน

เข้ามาภายในห้องจะเป็นบริเวณพื้นที่นั่งเล่นก่อน ซึ่งถัดไปจะแบ่งเป็นห้องครัว และทางเข้าห้องนอนค่ะ ในส่วนของฝ้าเพดานสูง 2.5 ม. จัดเป็นความสูงฝ้าเพดานที่สูงกว่ามาตรฐาน ทำให้บรรยากาศภายในห้องโปร่งโล่งมากขึ้น สำหรับเครื่องปรับอากาศในห้องนี้จะได้ทั้งหมด 2 เครื่องจาก Toshiba ติดตั้งให้จากพื้นที่นั่งเล่นและห้องนอน

บริเวณพื้นที่นั่งเล่นนี้มีระยะดูทีวีประมาณ 2.5 ม. สามารถวางทีวีขนาด 50″-60″ ได้กำลังดีค่ะ

สำหรับเฟอร์นิเจอร์นี้จะได้ครบทุกอย่างเป็นมาตรฐานนะคะ เนื่องจากโครงการขายในรูปแบบ Fully Furnished ชุดเฟอร์นิเจอร์ที่ได้จะใช้จาก Euro Creation และ Modernform เป็นมาตรฐาน ซึ่งสำหรับห้องนี้จะได้ชุดโซฟาสำหรับ 3 ที่นั่ง ยาวถึง 2 ม. พร้อมโต๊ะกลางกระจกสีชาสวยงามค่ะ

ในฝั่งตรงข้ามชุดโซฟา Built-in ชั้นวางทีวีให้เป็นมาตรฐาน โดยด้านข้างของทีวีเป็นชุดตู้เก็บของสะสมได้ทั้ง 2 ฝั่ง ด้านล่างมีลิ้นชักเก็บของได้พอสมควร และด้านบนสามารถวางของต่างๆ ได้อีก 2 ชั้นค่ะ

ความพิเศษของชั้น Built-in คือในชั้นสำหรับวางของออกแบบให้เป็นชั้นกระจกใสพร้อมไฟส่องสว่างด้านใน เหมาะสำหรับการวางของโชว์ได้ดี

ถัดมาที่บริเวณครัว ติดตั้งด้วยประตูบานเลื่อนกระจกเพื่อให้แสงสว่างจากภายนอกเข้าสู่บริเวณพื้นที่นั่งเล่นได้ดี

สำหรับพื้นบริเวณครัวใช้วัสดุเป็นกระเบื้องเซรามิคสีเทาขนาด 30 x 30 ซม. เพื่อให้เหมาะกับการทำอาหารและคงทนต่อการใช้งานมากขึ้น

ชุดครัวจาก Modernform วัสดุเป็นโครงไม้ปิดผิวด้วยลามิเนตลายหนังสีน้ำตาล Top เป็นหินสังเคราะห์สีขาว ส่วนผนังด้านหลังเคาน์เตอร์ครัวนั้นจะได้เป็นผนังฉาบเรียบมาตรฐาน ซึ่งหากใครที่เน้นทำครัวหนักแนะนำให้กรุกระเบื้องหรือกระจกเป็น Back Splash เพื่อไม่ให้ผนังไม่เลอะเทอะและทำความสะอาดง่าย

บริเวณพื้นที่บนเคาน์เตอร์ติดตั้ง Sink ให้เป็นมาตรฐาน ส่วนด้านข้างเป็นพื้นที่เตรียมอาหารนะคะ ไม่ได้ติดตั้งเตาเซรามิกให้ หากใครต้องการทำกับข้าวเลือกซื้อเตาไฟฟ้าแบบพกพาจะสะดวกสุดค่ะ ส่วนด้านล่างมีลิ้นชักสำหรับวางอุปกรณ์เครื่องใช้ต่างๆ ได้พอสมควร

ด้านบน Built-in ชั้นวางของมีช่องสำหรับวางจานและของใช้ต่างๆ พอสมควรนะคะ ส่วนด้านล่างชั้นวางมีเว้นช่องว่างสำหรับวางไมโครเวฟได้พอดีค่ะ

ฝั่งตรงข้ามเคาน์เตอร์ครัวออกแบบให้เป็นช่องว่างสำหรับวางตู้เย็นขนาด 8.2 คิวบิกฟุตได้กำลังดี และยังเหลือพื้นที่ด้านบนอีกพอประมาณให้สามารถ Built-in ชั้นวางของเพิ่มเติมได้นะคะ

ถัดมาเป็นส่วนระเบียงซักล้างซึ่งกั้นด้วยประตูบานเลื่อนกระจก

ระเบียงมีขนาด 1.00 x 1.50 ม. สามารถวางเครื่องซักผ้าและมีพื้นที่สำหรับซักล้างได้ วัสดุพื้นปูด้วยกระเบื้องเซรามิกสีเทาขนาด 30 x 30 ซม. มีรั้วกันตกและระแนงเหล็กพ่นสีดำบังสายตาจากคอมเพรสเซอร์แอร์

ในส่วนคอมเพรสเซอร์แขวนให้เรียบร้อย โดยหันเข้าหาพื้นที่ซักล้างนะคะ หากใครที่ไม่ต้องการให้ลมร้อนพัดเข้าบริเวณซักล้างแนะนำให้ติดตั้งกริลล์เบี่ยงทิศทางลมเพิ่มเติมค่ะ

เข้ามาในส่วนห้องนอนมีขนาดที่สามารถวางเตียงแบบ Queen Size ได้กำลังดี โดยขนาดเตียงนี้จะได้เป็นมาตรฐานพร้อมห้องค่ะ ปลายเตียงมีพื้นที่วางตู้เสื้อผ้าและโต๊ะเครื่องแป้ง ห้องนี้จะมีประตูออกไประเบียงอีกจุดหนึ่งด้วยค่ะ

ด้านข้างของเตียงมีพื้นที่สามารถวางโต๊ะข้างเตียงได้ทั้ง 2 ฝั่ง ส่วนฝ้าเพดานบริเวณนี้ทำฝ้า Drop ให้พร้อมซ่อนไฟแบบ Indirect Light ดูสวยงาม

ในส่วนปลายเตียงมี Built-in ตู้เสื้อผ้าพร้อมโต๊ะเครื่องแป้งให้เป็นมาตรฐาน ซึ่งถือว่าจัดมาให้ดีทีเดียวค่ะ ส่วนด้านข้างเตียงติดตั้งชุดประตูบานเลื่อนพร้อมกระจกบาน Fixed ขนาดใหญ่ เพิ่มพื้นที่แสงธรรมชาติเข้าสู่ภายในห้องได้ดี ทำให้ห้องโปร่งโล่งมากขึ้น

ระเบียงนี้ออกแบบให้เป็นระเบียงสำหรับยืนชมวิวภายนอกจากส่วนห้องนอน มีขนาด 1.50 x 0.60 ม.

อีกฝั่งของเตียงเชื่อมกับห้องน้ำในห้องนอนค่ะ

ภายในห้องน้ำจัดพื้นที่ได้เป็นสัดส่วน โดยแบ่งแยกโซนแห้งและโซนเปียกออกจากกันด้วยฉากกั้นกระจก

บริเวณด้านหลังสุขภัณฑ์ติดตั้ง Low Wall ท็อปปูด้วยหินอ่อนสวยงาม ส่วนสุขภัณฑ์ที่ใช้ทั้งหมดจาก Cristina

ฉากกั้นกระจกที่นี่ใช้เป็นกระจก Tempered แบบบานเปิด

พื้นที่อาบน้ำมีขนาดโดยประมาณ 0.85 x 0.93 ม. ปูเป็นกระเบื้องแกรนิตโต้ขนาด 60 x 60 ซม. มีการลดระดับลงมาจากส่วนแห้งเล็กน้อยเพื่อกันน้ำไหลย้อน

ในส่วนพื้นที่อาบน้ำมีให้ทั้งฝักบัวและ Rain Shower ผนังด้านหลังก็จะได้เป็นโมเสคหินอ่อนแบบนี้ด้วยค่ะ

สำหรับฝักบัวสายอ่อนลักษณะจะเป็นแบบแท่ง ขนาดจับได้ถนัดมือค่ะ

ถัดมาอีกห้องตัวอย่างเป็นห้อง 2 Bedroom ขนาด 60 ตร.ม. ความพิเศษของห้องนี้ถูกออกแบบมาให้เหมือนกับห้องพักตากอากาศโดยเน้นห้องหน้ากว้างให้ทุกฟังก์ชันภายในห้องได้วิวจากภายนอก ทั้งห้องนอนใหญ่ ห้องนอนเล็ก และพื้นที่นั่งเล่น พร้อมกับล้อมรอบด้วยระเบียงยาวเชื่อมทั้ง 3 ห้องด้วยกัน ทำให้ทั้ง 3 ห้องสามารถออกมายืนรับวิวสูดอากาศได้

ภายในห้องเข้ามาเป็นพื้นที่ครัวเปิดขนาดใหญ่พร้อมพื้นที่รับประทานอาหาร เชื่อมกับพื้นที่นั่งเล่นและระเบียงที่มีความกว้างมากกว่าระเบียงบริเวณห้องนอน เพื่อให้สามารถจัดเป็นพื้นที่นั่งเล่น Outdoor ชมวิวสระและวิวแม่น้ำเจ้าพระยาได้ จากนั้นแบ่งการใช้งานออกเป็น 2 ฝั่ง ทางขวาเป็นห้องนอนเล็กที่ได้กระจกเข้ามุมเปิดวิวมุมกว้างได้ดี และอยู่ใกล้กับห้องน้ำ

สำหรับฝั่งซ้ายเป็นส่วนห้องนอนใหญ่ที่นอกจากมีขนาดพื้นที่ใหญ่สามารถจัดฟังก์ชันเพิ่มเติมได้ เช่น พื้นที่ทำงาน, Walk-in Closet ขนาดใหญ่ (กรณีต้องการ Built-in ตู้เสื้อผ้าเพิ่มเติมได้) มาพร้อมกับห้องน้ำในห้องนอน

สำหรับประตูทางเข้าห้องใช้วัสดุเดียวกับห้อง 1 Bedroom เลยค่ะโดยใช้เป็นบานประตู HDF

เพิ่มเติมสำหรับห้อง 2 Bedroom คือติดตั้ง Digital Door Lock จาก Colt ให้เป็นมาตรฐาน โดยสามารถรองรับการใช้งานได้ทั้งจาก Keycard, Password

เข้ามาภายในห้องจะเป็นพื้นที่นั่งเล่นที่เชื่อมต่อกับพื้นที่ครัว ส่วนห้องฝั่งซ้ายมือเป็นห้องนอนเล็ก และห้องทางด้านขวาคือห้องนอนใหญ่ค่ะ บรรยากาศภายในห้องเมื่อเข้ามาจะรู้สึกโปร่งโล่งเพราะได้ช่องเปิด (ชุดบานหน้าต่าง-ประตู) มากพอสมควร

เริ่มต้นกันที่บริเวณครัว ลักษณะเป็นครัวเปิดขนาดใหญ่เพื่อให้พื้นที่ครัวนี้ได้บรรยากาศโปร่งโล่งเช่นกันค่ะ ซึ่งก็จะเหมาะกับการทำอาหารเบาๆ ง่ายๆ เป็นหลัก

ลักษณะเคาน์เตอร์ครัวเป็นรูปตัว L เชื่อมกับโต๊ะรับประทานอาหาร โดยชุดครัวนี้จาก Modernform หรือ Starmark วัสดุต่างๆ เช่นหน้าบานลามิเนต ท็อปครัวเป็นหินสังเคราะห์เช่นเดียวกับห้อง 1 Bedroom

พื้นที่ทางเดินด้านในมีความกว้างพอสมควรสามารถเดินไปมา สำหรับทำอาหารได้สะดวก ส่วนตำแหน่งของเก้าอี้แนะนำให้วางไว้ด้านนอก ตามทิศทางจานในห้องตัวอย่างเลยค่ะ ซึ่งจะเหมาะสมมากที่สุดเพราะไม่กินพื้นที่ในการใช้งานครัว ประกอบกับพื้นที่ทางเดินด้านนอกมีความกว้างพอสมควรที่จะวางเก้าอี้ได้ดี

Sink ฝั่งเคาน์เตอร์ จาก Teka ได้เป็น Sink แบบ 2 หลุมซึ่งเหมาะกับการใช้งานได้ดี

ส่วน Hob & Hood จาก Teka เช่นเดียวกัน เตาเป็นหัวเซรามิก 4 หัว พร้อมติดตั้ง Hood เพื่อดูดควันอาหารได้ดีมากขึ้นช่วยในเรื่องการระบายควันและกลิ่นอาหารได้ ตอบโจทย์กับครัวเปิดเช่นเดียวกับห้องนี้เพื่อไม่ให้กลิ่นอาหารอบอวลในห้องนั่งเล่นค่ะ

ส่วนด้านล่างติดตั้ง Oven แบบ Built-in ในเคาน์เตอร์ให้เป็นมาตรฐานจาก Teka

ตู้ Built-in ด้านบน Built-in ให้เต็มพื้นที่พร้อมจัดพื้นที่ด้านในด้วยชั้นวางของพอสมควรทำให้สามารถวางเครื่องครัวจานชามได้มากทีเดียวค่ะ

ฝั่งขวาสุดของเคาน์เตอร์ครัวด้านบน Built-in ตู้เก็บของให้เรียบร้อย ส่วนด้านล่างทำช่องว่างไว้สำหรับวางตู้เย็นขนาดกลางได้กำลังดีค่ะ

ถัดมาส่วนที่ติดกับประตูทางเข้าห้องจะเป็นห้องน้ำส่วนกลางที่ออกแบบให้เป็นห้องน้ำต้อนรับแขกจากพื้นที่นั่งเล่น และรองรับการใช้งานของสมาชิกในห้องนอนเล็กอีกด้วยค่ะ

ภายในห้องน้ำแยกโซนการจัดวางได้เป็นสัดส่วน โดยกั้นระหว่างพื้นที่เปียกและแห้งด้วยฉากกั้นกระจก

เข้ามาจะเจอกับชุดอ่างล้างมือพร้อมกระจกเงาบานใหญ่สูงถึงฝ้าเพดาน ด้านหลังอ่างล้างมือก่อ Low Wall ให้โดย Top เป็นหินแท้ สามารถวางของเล็กๆ น้อยๆ ได้ค่ะ

จากด้านซ้ายของอ่างล้างมือ เป็นส่วนโถสุขภัณฑ์จากยี่ห้อ Cristina เช่นเดียวกัน สำหรับระยะความกว้างของโถนั้นจะอยู่ที่ประมาณ 75 ซม. ถือว่านั่งได้พอดีๆ ค่ะ ไม่แคบหรืออึดอัดไป และด้วยความที่ฝ้าเพดานในห้องน้ำค่อนข้างสูง บริเวณด้านข้างขวาโถด้านบนสามารถติดชั้นวางของแบบติดผนังมาติดตั้งได้เผื่อสำหรับใครที่ใช้วางหนังสือพิมหรืออ่านหนังสือเล่นเพลินๆ ระหว่างเข้าห้องน้ำ

สำหรับพื้นที่อาบน้ำจะได้ทั้งฝักบัว Rain Shower และฝักบัวสายอ่อนจาก Cristina ค่ะ และผนังด้านข้างตกแต่งด้วยกระเบื้องนำเข้า Marble Mosaic

ในส่วนของห้องนั่งเล่นจะเชื่อมต่อกับพื้นที่รับประทานอาหารและส่วนระเบียงด้านนอก จึงได้รับวิวและบรรยากาศที่โปร่งโล่งดีทีเดียวค่ะ ในส่วนระยะจากทีวีถึงโซฟาอยู่ที่ประมาณ 1.8 ม.

ส่วนชุด Built-in วางของและทีวีจะได้ตามห้องตัวอย่างเลยค่ะ ซึ่งบานเปิดใช้วัสดุ High Gloss สวยงาม มีชั้นวางที่ออกแบบไว้สำหรับวางของได้หลากหลายขนาด

เก้าอี้พร้อมโต๊ะกลางได้รูปแบบเข้าชุดกัน มีขนาดใหญ่สามารถรองรับการใช้งานได้มากถึง 4 ที่นั่งค่ะ

มาที่ประตูบานเลื่อนไปส่วนระเบียงกันค่ะ บานประตูค่อนข้างหนาและแข็งแรง

ด้วยความที่ตำแหน่งห้องนี้จะเป็นห้องมุมซึ่งเปิดรับทั้งวิวสระว่ายน้ำและแม่น้ำเจ้าพระยา พื้นที่บริเวณระเบียงจะได้วิวสวยตามรูปเลยค่ะ หากเลือกห้องในชั้นล่างหน่อย เช่นเดียวกับห้องตัวอย่างก็จะได้วิวสระว่ายน้ำเต็มที่มากขึ้น

ตัวระเบียงจากเชื่อมตั้งแต่ห้องนอนเล็กไปถึงห้องนอนใหญ่อีกฝั่ง รวมไปถึงเชื่อมไปฝั่งด้านหน้าห้องที่หันหน้าไปทางแม่น้ำเจ้าพระยา

เพื่อให้บรรยากาศระเบียงมีความน่าใช้งานมากขึ้น จึงออกแบบให้มีการใช้งานที่แยกส่วนระหว่างระเบียงนั่งเล่น และส่วน Service ที่วาง Condensing Unit เครื่องปรับอากาศ โดยกั้นด้วยแผงระแนงเหล็ก

รวมไปถึงการวาง Condensing Unit ไว้ด้านบนฝ้าเพดานระเบียงด้วยเพื่อให้ลมร้อนเป่าออกด้านนอก

เข้ามาภายในห้องนอนเล็ก ซึ่งสามารถวางเตียงขนาด 5 ฟุตได้และบรรยากาศโปร่งโล่งด้วยประตูบานเลื่อนกระจกเข้ามุมขนาดใหญ่ ช่วยให้แสงธรรมชาติเข้าสู่ภายในตัวห้องได้ดีค่ะ

ปลายเตียงมีชั้น Built-in สำหรับวางทีวีและของตกแต่งได้

ส่วนด้านข้างเตียงอีกฝั่งเป็นส่วนตู้เสื้อผ้าและโต๊ะเครื่องแป้งแบบ Built-in ซึ่งจะได้ตามมาตรฐาน

เข้ามาในส่วนห้องนอนใหญ่ถือเป็น Highlight ฟังก์ชันในแปลนนี้เลยค่ะ เพราะทั้งการจัดวางตำแหน่งและชุดประตูกระจกเข้ามุมตอบรับวิวสระว่ายน้ำและวิวแม่น้ำเจ้าพระยา ในส่วนพื้นที่ภายในวางเตียงขนาด 5 ฟุต พร้อมชั้นวางทีวีปลายเตียงได้กำลังดีค่ะ

ส่วนอีกด้านข้างของเตียงจัดให้เป็นพื้นที่ Built-in ตู้เสื้อผ้าและโต๊ะเครื่องแป้ง ก่อนเข้าสู่ห้องน้ำภายในห้องนอน

เข้ามาภายในห้องน้ำแบ่งการใช้งานเป็นสัดส่วนโดย ตรงกลางเป็นพื้นที่อ่างล้างมือแบบฝังเคาน์เตอร์มีพื้นที่วางของได้พอสมควรทั้งด้านข้างอ่างและชุดตู้ Built-in ด้านล่าง รวมไปถึง Low Wall ด้านหลังอีกด้วยค่ะ ส่วนฝั่งซ้ายมือจัดให้เป็นพื้นที่อาบน้ำ และฝั่งขวาเป็นพื้นที่โถสุขภัณฑ์

สำหรับบริเวณพื้นที่อาบน้ำนี้นอกจากได้พื้นที่ขนาดใหญ่ ฝักบัว Rain Shower เช่นเดียวกับห้องน้ำด้านนอกแล้ว เพิ่มเติมคือได้หน้าต่างบานกระทุ้งเพื่อระบายอากาศและความชื้นด้านบน

ฝั่งขวามือประตูทางเข้าห้องน้ำเป็นพื้นที่โถสุขภัณฑ์ที่แยกเป็นสัดส่วน สำหรับโถสุขภัณฑ์เป็นสุขภัณฑ์ชิ้นเดียวจาก Cristina

**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ

ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 26 July 2018

**ราคานี้เป็นราคาเริ่มต้นของแต่ละ Type นะคะ สำหรับข้อมูลราคาทั้งหมดติดต่อทางฝ่ายขายได้ที่ 02-002-2222

  • 1 Bedroom อาคาร C (Garden View) พื้นที่ใช้สอย 29 ตร.ม. ราคา 1.9952 ล้านบาท
  • 1 Bedroom อาคาร C (Swimming Pool View) พื้นที่ใช้สอย 29 ตร.ม. ราคา 2.175 ล้านบาท
  • 1 Bedroom อาคาร C (River View) พื้นที่ใช้สอย 29 ตร.ม. ราคา 2.175 ล้านบาท
  • 1 Bedroom อาคาร D (Garden View) พื้นที่ใช้สอย 29 ตร.ม. ราคา 1.9952 ล้านบาท

  • 2 Bedroom อาคาร A (River+Swimming Pool View) พื้นที่ใช้สอย 43-60 ตร.ม. ราคา 3.9775 ล้านบาท
  • 2 Bedroom อาคาร A (River View) พื้นที่ใช้สอย 43-60 ตร.ม. ราคา 3.7883 ล้านบาท
  • 2 Bedroom อาคาร B (River View) พื้นที่ใช้สอย 43-60 ตร.ม. ราคา 3.9001 ล้านบาท
  • 2 Bedroom อาคาร B (River+Swimming Pool View) พื้นที่ใช้สอย 43-60 ตร.ม. ราคา 3.9775 ล้านบาท

 

  • Fully Furnished

  • เครื่องปรับอากาศ
  • Wallpaper
  • ชุดครัวจาก Modernform หรือ Starmark
  • วัสดุ Premium Package

  • ฝ้าเพดานสูง
    • ห้องพักอาศัย 2.5 เมตร
    • ห้องครัวและห้องน้ำ 2.3 เมตร

  • Kitchen & Sink
  • Hob & Hood
  • เงินจอง + เงินทำสัญญา

    •  1 bedroom 20,000 บาท
    • 2 Bedroom 43 – 48 ตร.ม. = 40,000 บาท
    • 2 Bedroom 50 ตร.ม. = 40,000 บาท
    • 2 Bedroom 60 ตร.ม. = 40,000 บาท

  • ค่ากองทุน 520 บาทต่อตารางเมตร
  • ค่าส่วนกลาง 60 บาทต่อตารางเมตรต่อเดือน
  • **ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ


    เจาะลึกรวบยอด

    ทำเล

    โครงการ The Politan Breeze เป็นหนึ่งใน Mega Project ของทาง Everland ซึ่งจัดเป็นโครงการ Low Rise แตกต่างจากโครงการข้างเคียงที่ออกแบบเป็น High Rise จึงได้ความเป็นเอกลักษณะเฉพาะที่แตกต่างออกมาชัดเจนเพื่อตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าอีกประเภทที่ต้องการความเป็นส่วนตัว บรรยากาศที่ร่มรื่นริมแม่น้ำเจ้าพระยา แทนที่วิวมุมสูงค่ะ สำหรับสภาพแวดล้อมบริเวณถนนสนามบินน้ำถือเป็นชุมชนเก่า ซึ่งมีความเจริญและความอุดมสมบูรณ์อยู่พอสมควร มีร้านค้า ร้านอาหาร ในช่วงบริเวณสถานที่ราชการอย่าง กระทรวงพาณิชย์ สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลและสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ จะค่อนข้างคึกคัก หากเป็นบริเวณละแวกที่ดินโครงการในระยะเดินส่วนใหญ่เป็นชุมชนดั้งเดิม ไม่คึกคักมากนักค่ะ

    ตัวโครงการเองสามารถอิงความอุดมสมบูรณ์ในระยะขับรถใกล้ๆ ได้ทั้งจากถนนสนามบินน้ำและถนนรัตนาธิเบศร์ซึ่งเป็นถนนสายหลักของย่านนี้มีศูนย์การค้าขนาดใหญ่อย่าง Central รัตนาธิเบศร์ และ Central West Gate แถบบางใหญ่

    การเดินทางโดยใช้รถ

    ถือว่าสะดวกค่ะ เนื่องจาก ถนนสนามบินน้ำ ซึ่งเป็นทางเข้า-ออกหลักของโครงการเป็นถนนที่เชื่อมถนนหลักอย่าง ถนนรัตนาธิเบศร์และถนนติวานนท์ จึงสามารถใช้เส้นทางเชื่อมต่อไปยังพื้นที่ใกล้เคียงได้สะดวก เหมาะกับคนที่ทำงานหรือใช้ชีวิตอยู่ในละแวกนี้ การเข้าถึงโครงการสามารถมาได้จากหลายทาง และเข้าได้จากซอย นนทบุรี 15 หรือ ซอยรัตนาธิเบศร์ 42 ก็ได้ ติดอยู่ตรงที่การจราจรในช่วงเวลาเร่งด่วนอาจจะติดขัดหน่อยเพราะทำเลเป็นพื้นที่ที่มีคนอยู่ค่อนข้างเยอะ สำหรับที่จอดรถในโครงการมีทำอาคารจอดรถ 7 ชั้นให้ 1 อาคาร โดยคิดที่จอดรถเป็น 58% รวมซ้อนคัน ถือว่าให้มาพอสมควรไม่น้อยไปค่ะ เพื่อตอบโจทย์การเดินทางของลูกบ้านมากขึ้น

    การเดินทางโดยไม่ใช้รถ

    สำหรับใครที่พึ่งพารถสาธารณะนั้นถือว่ามีความสะดวกเช่นเดียวกัน แต่ยังสู้เดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวไม่ได้นะคะ เพราะยังต้องอาศัยเดินไปเรียกรถบริเวณถนนสนามบินน้ำอยู่ ทั้งนี้ทางโครงการมีจัดทางเดินให้เรียบร้อยทำให้เดินง่ายและบรรยากาศในซอยถือว่าไม่เปลี่ยว รวมไปถึงอยู่ในระยะที่เดินได้ง่าย สามารถออกไปเรียกแท็กซี่ หรือ มอเตอร์ไซค์ได้

    นอกจากนี้จุดเด่นของทำเลโครงการนี้คือยังอิงกับรถไฟฟ้าสายสีม่วง โดยสถานีที่ใกล้ที่สุดคือ สถานีพระนั่งเกล้าแต่ตอนนี้ทางขึ้น – ลงสถานีจะมีอยู่แค่ฝั่งตรงข้ามต้องเดินข้ามสะพานลอยบริเวณหน้าปากซอย นนทบุรี 15 เพื่อไปขึ้นรถไฟฟ้า แต่ในอนาคตมีการทำทางเชื่อมมาลงบริเวณหน้าปากซอยรัตนาธิเบศร์ 42 ระยะทางจากโครงการมาถึงทางเชื่อมนี้ประมาณ 400 เมตร และบริเวณใต้สะพานพระนั่งเกล้า จะมีการสร้างจุดเชื่อมต่อเรือด่วนเจ้าพระยาสามารถเดินทางไปถึงสาทรได้อีกด้วยค่ะ

    วัสดุ

    วัสดุที่โครงการที่ได้มีการปรับจาก Fully Fitted เป็น Fully Furnished โดยได้ชุดเฟอร์นิเจอร์ทั้งหมดซึ่งหากเทียบกับราคาแล้วจัดว่าให้มาคุ้มค่าค่ะ จุดที่ให้ค่อนข้างดีคือชุดครัวแบรนด์ Modernform หรือ Starmark ที่ปิดผิวด้วยลามิเนตลายหนัง และ Top หินสังเคราะห์, ชุดสุขภัณฑ์ทั้งหมดจากแบรนด์ Cristina พร้อมปิดผิวธรณีด้วยหินทราโวทีน และได้ผนังหลังพื้นที่อาบน้ำเป็น Mosiac, ชุด Built-in ใช้หน้าบาน Hi-Gloss และตู้เสื้อผ้า ชั้นวางทีวี ใช้กระจกสีชาในการตกแต่ง พร้อมไฟด้านในสวยงาม

    การออกแบบ

    การออกแบบโครงการเน้นบรรยากาศร่มรื่น ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ตัวอาคารวางผังตัวอาคารในแนวเหนือ – ใต้ทำให้ไม่ได้รับแดดร้อนในตอนบ่าย ตรงกลางจัดเป็นพื้นที่ส่วนกลางให้ใช้ร่วมกัน และสร้างวิวให้กับห้องพักอาศัยด้านในได้ดีค่ะ

    และสำหรับอาคารแต่ละอาคารนี้มีความใกล้เคียงและแตกต่างกันในบางจุดนะคะ ดังนี้

    • โซนอาคาร A และ B (อาคารใกล้ริมแม่น้ำเจ้าพระยา) รูปแบบห้องพักอาศัยเป็นห้อง 2 Bedroom ทั้งหมด

    • อาคาร A – เด่นที่พื้นที่ Lobby ขนาดใหญ่โอ่โถง ต้อนรับแขกได้ดีแลกมากับความหนาแน่นภายในอาคารที่มากกว่าอาคาร B เล็กน้อยค่ะ
    • อาคาร B – ใกล้ Facilities อย่างห้อง Library และ Fitness มีความหนาแน่นน้อยกว่าอาคาร A

  • โซนอาคาร C และ D (อาคารด้านในใกล้อาคารจอดรถและทางเข้า-ออกโครงการ) รูปแบบห้องพักอาศัยเป็นห้อง 1 Bedroom 29 ตร.ม. ทั้งหมด
    • อาคาร C – ความหนาแน่นในอาคารน้อยกว่า
    • อาคาร D – Lobby และโถงลิฟต์โดยสารขนาดใหญ่ โอ่โถง

    ห้องพักอาศัย 1 Bedroom ขนาด 29 ตร.ม. จุดเด่นคือเรื่องการจัดวางฟังก์ชันได้เป็นสัดส่วนชัดเจน ได้ห้องครัวปิด เหมาะกับการทำอาหารและการแยกระเบียงตามการใช้งาน แบ่งเป็นระเบียงซักล้างอยู่ติดกับส่วนครัว และระเบียงไว้ยืนชมวิวพักผ่อนอยู่ภายในห้องนอน

    ห้องพักอาศัย 2 Bedroom ขนาด 60 ตร.ม. ออกแบบมาเสมือนห้องพักตากอากาศ โดยเน้นเรื่องช่องเปิดรับวิวได้จากทุกฟังก์ชันในห้อง ระเบียงขนาดใหญ่สามารถออกมานั่งเล่นใช้งานได้ เปิดรับวิวแม่น้ำเจ้าพระยาได้ดี

    สาธารณูปโภค

    จัดมาให้ครบครัน Riverfront Swimming Pool, Politan garden with pavilion, Jogging track, Fitness และ Library อยู่ตรงกลางให้ลูกบ้านใช้ร่วมกัน พร้อมตกแต่งบรรยากาศโครงการให้ร่มรื่นด้วยต้นไม้พร้อม River Breeze Pond + Sunken Seat โดยรวมแล้วพอเพียงต่อการใช้งานค่ะ

     

    Judgement

    การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้

    ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%

    เทียบกับราคา 68,800 บาท/ตร.ม., 26 July 2018

    • ทำเล 8/10 – ติดริมแม่น้ำเจ้าพระยา ใกล้รถไฟฟ้าสถานีพระนั่งเกล้าในระยะที่เดินถึง
    • เดินทางด้วยรถ 7.5/10 – ทะลุออกถนนใหญ่สายหลักได้ มีทางเลี่ยงรถติด ใกล้สะพานข้ามไปขึ้นถนนวงแหวนได้ ข้อเสียคือรถติดในช่วงเวลาเร่งด่วน
    • ไม่ใช้รถ 8/10 – ใกล้รถไฟฟ้าสถานีพระนั่งเกล้า เรียกแท็กซี่และมอเตอร์ไซค์ได้ง่าย
    • วัสดุ 8/10 – Fully Furnished วัสดุเกรดดี
    • แบบ 7.5/10 – ออกแบบและวางผังได้ดีเป็นสัดส่วน
    • สาธารณูปโภค 7.5/10 – จัดมาให้ครบ มาตรฐาน

    • ECONOMY CLASS
    • 7.83 / 10.00

    BOTTOM LINE

    The Politan Breeze เหมาะกับคนที่ทำงาน ใช้ชีวิตอยู่ในย่านนี้ มองหาคอนโด Low Rise ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ชอบความเป็นส่วนตัว ไม่เน้นวิวมุมสูง มีตัวเลือกในการเดินทางด้วยรถไฟฟ้าสายสีม่วงเพื่อเข้าเมือง มีงบประมาณตั้งแต่ 1.99 ล้านบาทขึ้นไป หรือมีกำลังผ่อนต่อเดือนประมาณ 14,000 บาทขึ้นไป