รีวิวฉบับที่ 798 สวัสดีค่ะ วันนี้เราจะพาไปดูคอนโดใหม่ในย่านชานเมือง กับโครงการ The Niche id เสรีไทย ตั้งอยู่บนถนนเสรีไทย ซอยเสรีไทย 81/2 อยู่ใกล้กับสวนสยามทะเลกรุงเทพ และห้างสรรพสินค้า Fashion Island โดยโครงการเป็นคอนโด Low Rise 8 ชั้น 2 อาคาร จำนวน 455 ยูนิต บนที่ดินสามไร่กว่าๆ เริ่มสตาร์ทด้วยราคาเบาๆที่ 1.1 ล้านบาท นับว่าเป็นราคาสบายๆที่จับต้องได้ เราไปดูโครงการพร้อมๆกันเลยดีกว่าค่า^^
Fact @ 17 March 2015
- The Niche id Serithai (เดอะนิช ไอดี เสรีไทย)
- บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน)
- ECONOMY CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
- โครงการตั้งอยู่ ซอยเสรีไทย 81/2 ถนนเสรีไทย เขตคันนายาว กรุงเทพมหานคร (สุขาภิบาล 2)
- คอนโด Low Rise 8 ชั้น 2 อาคาร จำนวน 455 ยูนิต A 224 ยูนิต, อาคาร B 231 ยูนิต
- ที่จอดรถประมาณ 32 % รวมจอดซ้อนคัน 39% , ที่จอดรถจักรยานยนต์ 18 คันในช่องจอด
- ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 32 ยูนิต
- ที่ดินประมาณ 3-2-97.5 ไร่
- 1 Bedroom ขนาด 28 ตารางเมตร มีให้เลือก 2 Type คือ Type A และ Type B
- ฝ้าเพดานสูง 2.4 เมตร ห้องครัวสูง 2.3 เมตร และห้องน้ำสูง 2.2 เมตร
- ราคาเริ่มต้น 1.1 -1.7 ล้านบาทหรือประมาณ 49,000 บาทต่อตารางเมตร
- อัพเดทข้อมูลจากทางโครงการ ราคาเริ่มต้น 1.5 ล้านบาท (11/05/2016)
- ปีที่เริ่มก่อสร้าง ไตรมาสที่ 2 พ.ศ.2558
- คาดว่าจะแล้วเสร็จ เดือนพฤษภาคม 2559
- อัพเดทข้อมูลจากโครงการ คาดว่าจะแล้วเสร็จ เดือนตุลาคม 2559 (11/05/2016)
- EIA(การประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม) : กำลังดำเนินการ
- EIA(การประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม) : ผ่านความเห็นชอบแล้ว (11/05/2016)
- Website : http://www.thenichecondo.com/register/serithai/
- ลงทะเบียน : http://www.sena.co.th/form/thenicheid-serithai
- โทร 1775 กด 35
เพียงแค่การกด Like ก็เท่ากับการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจาก Think of Living แล้วค่ะ
สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างนะ
พิกัด : 13.798292, 100.694843
แผนที่จากทางโครงการค่ะ ตัวโครงการตั้งอยู่บนถนนเสรีไทย ใกล้สวนสยาม, Fashion Island โรงพยาบาลและสิ่งอำนวยความสะดวกอีกมาก นอกจากนี้โครงการยังอยู่ใกล้รถไฟฟ้าสายสีชมพู แคราย-มีนบุรี และรถไฟฟ้าสายสีส้ม ตลิ่งชัน-มีนบุรี ซึ่งเป็นรถไฟฟ้าสายอนาคต
The Niche id เสรีไทย เป็นโครงการที่ตั้งอยู่ บนถนนเสรีไทย ซอยเสรีไทย 81/2 ซึ่งเป็นถนนเสรีไทยช่วงปลายๆใกล้ถึงมีนบุรีแล้วค่ะ ถ้าพูดถึงตัวถนนเสรีไทยเองเป็นถนนที่ไม่มีความพิเศษอะไรมากนัก สถานที่ๆเป็น Landmark ใกล้โครงการที่สุดคือ สวนสยาม สวนสนุกที่หลายๆคนคงรู้จักกันดี ใกล้ๆก็มี Amorini ที่เป็น Lifestyle mall ที่มีร้านอาหารและของให้ Shopping อยู่บ้าง และห่างไปหน่อยทางถนนรามอินทราก็เป็น Fashion Island, ตลาดมีนบุรี และนิคมอุตสาหกรรมบางชัน จึงทำให้ย่านนี้มีคนอยู่ค่อนข้างเยอะ ดังนั้นบริบทโดยรอบโครงการจึงจะเป็นบ้านพักอาศัย หอพัก และอาคารพาณิชย์ซะเป็นส่วนใหญ่ค่ะ
เนื่องจากตัวโครงการเป็นพื้นที่ย่านชานเมืองที่ไม่มีจุดเด่นเป็นพิเศษ แต่มีทางที่เชื่อมกับถนนหลายสาย เราจึงจะลองวิเคราะห์ถนนโดยรอบโครงการไปด้วยนะคะ เริ่มตั้งแต่ถนนลาดพร้าว ที่เป็นย่านของอาคารสำนักงาน ไล่ตั้งแต่แยกนิด้าลงไป จะมีทั้ง แฮปปี้แลนด์, ตะวันนา, The Mall บางกะปิ เลย Big C ลาดพร้าวไปหน่อยก็จะสามารถแยกไปถนนประดิษฐ์มนูธรรม หรือถนนเลียบทางด่วนรามอินทราได้ซึ่งมีทั้ง CDC (Cystal Design Center), Cystal park ซึ่งใครที่ต้องการขึ้นทางด่วนก็สามารถไปขึ้นทางด่วนรามอินทรา-อาจณรงค์ ได้ที่ถนนประดิษฐ์มนูธรรมนี้ได้ค่ะ แต่ถ้าตรงไปทางเส้นลาดพร้าวก็จะผ่านตลาดโชคชัย 4 ตรงไปก็จะมีอาคารสำนักงานต่างๆมากมาย และสามารถไปขึ้นรถไฟฟ้า MRT สถานีลาดพร้าวได้ เลยไปอีกจนถึงห้าแยกลาดพร้าวก็จะเจอเซ็นทรัลลาดพร้าว ยูเนี่ยนมอล สถานที่ Shopping เสื้อผ้าของหนุ่มๆสาวๆ และด้วยความที่ถนนเส้นนี้มีความเจริญ มีอาคารสำนักงานมาก รถจึงผ่านเยอะมากกก หากใครจะมาเส้นลาดพร้าวนี้ก็ต้องเตรียมใจกับรถติด ที่ติดแบบมากๆกันด้วยนะคะ โดยเฉพาะในชั่วโมง Office Hour
ส่วนอีกด้านของถนนเสรีไทย จะเป็น แยกเมืองมีน ซึ่งเป็นจุดตัดของถนน 4 เส้น คือ ถนนเสรีไทย ถนนรามอินทรา ถนนสุวิทวงศ์ และถนนสีหบุรานุกิจ ซึ่งเลยสี่แยกเมืองมีนนี้ไปก็จะเข้าเขตมีนบุรี ที่เป็นย่านชานเมืองแล้วค่ะ บรรยากาศก็จะตรงข้ามกับเส้นลาดพร้าวโดยสิ้นเชิง สภาพแวดล้อมจะเป็นบ้านพักอาศัย อาคารพาณิชย์ ตลาด ซะเป็นส่วนใหญ่ โดยเลยแยกเมืองมีนไปนิดเดียวจะเป็นตลาดนัดจตุจักร 2 หรือตลาดมีนบุรี ซึ่งเป็นตลาดที่ค่อนข้างใหญ่เลยทีเดียว
ส่วนถนนอีกเส้นหนึ่งที่จะไม่พูดถึงคงไม่ได้ คือ ถนนรามคำแหง ซึ่งเป็นถนนเส้นคู่ขนานกับถนนเสรีไทย แต่ความเจริญค่อนข้างจะเยอะกว่าค่ะ เพราะถนนเส้นนี้เป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัยรามคำแหงซึ่งหลายๆคนคงรู้จักกันดี นอกจากนี้ยังมีสนามราชมังคลากีฬาสถาน ซึ่งเป็นสนามที่มีการจัดการแข่งขันกีฬาระดับประเทศบ่อยครั้ง จึงทำให้ถนนเส้นนี้ค่อนข้างคึกคัก ดังนั้นด้วยความที่เป็นย่านสถานศึกษา และใกล้สนามกีฬาขนาดใหญ่ด้วยแล้ว ความอุดมสมบูรณ์ต่างๆจึงตามมา มีทั้งร้านขายอาหาร, เครื่องอุปโภค-บริโภคอยู่เรื่อยๆตลอดทั้งสาย มีรถเมลล์ผ่านหลายสายและรถก็ติดตลอดทั้งสายด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ยังมีสถานี Airport Rail Link เชื่อมต่อไปยังสุวรรณภูมิ และอนาคตจะมีการสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้ม ตลิ่งชัน-มีนบุรี บนถนนเส้นนี้ด้วยค่ะ ดังนั้นในอนาคตหากใครเป็นลูกบ้านของโครงการ ก็สามารถมาขึ้นรถไฟฟ้าที่ถนนรามคำแหงได้ค่ะ
ถัดมาเป็นถนนคู่ขนานอีกเส้นหนึ่ง คือ ถนนรามอินทรา ค่ะ สภาพแวดล้อมส่วนใหญ่จะเป็นที่พักอาศัย มีห้างสรรพสินค้าใหญ่ๆอยุ่ 2 ที่ คือ Central รามอินทรา, Fashion Island และมี The Promenade (เดอะ พรอมานาด) ซึ่งเป็น Lifestyle mall สไตล์คลาสสิคที่เพิ่งเปิดได้ไม่นานค่ะ อนาคตถนนเส้นนี้จะมีการสร้างรถไฟฟ้าสายสีชมพู แคราย-มีนบุรี หากใครเป็นลูกบ้านของโครงการก็สามารถมาขึ้นรถไฟฟ้าที่ถนนรามอินทราได้ค่ะ
การเดินทางด้วยรถยนต์ : เนื่องจากโครงการไม่ได้อยู่ติดกับถนนใหญ่ ทางเข้าหลักจึงเป็นการเข้าทางซอยเสรีไทย 81/2 และซอยสวนสยาม 11 ซึ่ง 2 ซอยนี้ทะลุถึงกันได้ การมาโครงการสามารถเข้า-ออกได้ เส้นทาง ทั้งจากทางเส้นถนนลาดพร้าว, ถนนกาญจนาภิเษก, ถนนรามอินทรา และจากทางแยกเมืองมีน(มีนบุรี) เรามาดูการเดินทางเข้าโครงการกันนะคะ
หากใครที่มาจากทางลาดพร้าวหรือจากถนนกาญจนาภิเษก ผ่านแยกต่างระดับเสรีไทยแล้ว สามารถตรงมาเรื่อยๆ ผ่านแยกสวนสยาม เลี้ยวซ้ายเช้าซอยเสรีไทย 81/2 และเลี้ยวขวาอีกทีเพื่อเข้าโครงการได้เลยค่ะ
โดยหากใครที่ต้องการไปขึ้น-ลง ทางด่วนรามอินทรา-อาจณรงค์ สามารถวิ่งไปบนถนนลาดพร้าว แยกไปถนนประดิษฐ์มนูธรรม หรือถนนเลียบทางด่วนรามอินทรา แล้วไปขึ้นทางด่วนได้เลยค่ะ
ส่วนใครที่ต้องการไปขี้น-ลงวงแหวนรอบนอก ก็สามารถวิ่งไปขึ้นที่ถนนกาญจนาภิเษกได้ค่ะ
หากใครมาจากมีนบุรี ผ่านแยกเมืองมีน เข้าทางเส้นถนนเสรีไทย จะไม่มีทางเลี้ยวเข้าซอยเสรีไทย 81/2 โดยตรงนะคะ แต่จะต้องขับตรงไปจนถึงแยกสวนสยาม แล้วเลี้ยวขวาเข้าถนนสวนสยาม แล้ววนขวาเข้าซอยสวนสยาม 11 เพื่อทะลุเข้าซอยเสรีไทย 81/2 ได้โดยโครงการจะอยุ่ทางซ้ายมือค่ะ หรือ ถ้าไม่อยากเลี้ยวเข้าทางแยกสวนสยาม ก็สามารถขับเลยแยกไปข้างหน้าแล้วจะมียูเทิร์นเพื่อกลับรถ แล้วขับตรงมาเข้าทางหน้าซอยเสรีไทย 81/2 ได้ค่ะ
หากใครมาจากถนนรามอินทรา ทั้งฝั่งที่มาจาก Fashion Island หรือฝั่งที่มาจากมีนบุรี สามารถเข้าโครงการได้โดยเข้าทางถนนสวนสยามค่ะ สังเกตได้ง่ายๆคือ จะเป็นทางสามแยก ที่มี Amorimi mall อยู่ตรงหัวมุม เลี้ยวเข้ามาที่ถนนสวนสยาม ขับตรงมาเรื่อยๆ แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าซอยสวนสยาม 11 จะเป็นบ้านพักอาศัยทั้งสองฝั่งค่ะ ขับมาเรื่อยๆก็จะสามารถทะลุมาที่ซอยเสรีไทย 81/2 ทางเข้าโครงการจะอยู่ทางซ้ายมือค่ะ
การเดินทางโดยไม่ใช้รถ : มีพี่วินมอเตอร์ไซด์ในละแวกใกล้โครงการ และมีรถประจำทางสาย 27, 151 และ 191 ค่ะ
เส้นทางในอนาคต : ในอนาคตถนนใกล้เคียงกับโครงการจะมีรถไฟฟ้าเกิดขึ้น ซึ่งคาดว่าจะสร้างเสร็จพร้อมเปิดให้ได้ใช้กันในปี พ.ศ. 2563 ค่ะ โดยรถไฟฟ้าสายอนาคตนี้มี 2 สาย คือ
รถไฟฟ้าสายสีชมพู แคราย-มีนบุรี บนถนนรามอินทรา ซึ่งจากโครงการเราสามารถไปขึ้นรถไฟฟ้าได้โดยขับจากโครงการไปทางซอยสวนสยาม 11 ทะลุออกถนนสวนสยาม แล้วเลี้ยวไปถนนรามอินทรา ก็จะสามารถไปขึ้นรถไฟฟ้าสถานีนพรัตน์ราชชนนี ซึ่งเป็นสถานีที่ใกล้ที่สุดได้ค่ะ
รถไฟฟ้าสายสีส้ม ตลิ่งชัน-มีนบุรี บนถนนรามคำแหง จากโครงการสามารถไปขึ้นรถไฟฟ้าได้โดยออกจากถนนเสรีไทย เลี้ยวเข้าเส้นถนนกาญจนาภิเษก แล้วทะลุเข้าถนนรามคำแหง โดยสถานีที่ใกล้ที่สุดคือ สถานีน้อมเกล้า ค่ะ
**รูปนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของเส้นทางรถไฟฟ้ารอบโครงการแบบคร่าวๆไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการได้นะคะ
สำหรับใครที่อยากไปเยี่ยมชมโครงการ เส้นทางแรกเราจะพาไปที่สำนักงานขายกันก่อนนะคะ เพราะตอนนี้โครงการยังไม่ได้เริ่มก่อสร้าง โดยเราจะสตาร์ทกันที่แยกลาดพร้าว 86 ซึ่งเป็นแยกทีเป็นจุดตัดระหว่างถนนเส้นลาดพร้าว กับถนนเส้นเลียบทางด่วนรามอินทรา ผ่านแยกบางกะปิ วิ่งไปบนถนนเสรีไทย จนผ่านหน้าซอยเสรีไทย 81/2(ซอยทางเข้าโครงการ) แล้วยูเทิร์นกลับมาที่สำนักงานขายค่ะ
มาเริ่มกันที่แยกลาดพร้าว 86 กันนะคะ แยกนี้เป็นแยกค่อนข้างใหญ่ ด้านบนที่เห็นสะพานนั้นเป็นทางด่วนรามอินทรา-อาจณรงค์ หากเลี้ยวซ้ายไปจะเป็นถนนประดิษฐ์มนูธรรม หรือที่รู้จักกันในชื่อว่าถนนเลียบทางด่วนรามอินทราค่ะ เราจะตรงไปเพื่อผ่านแยกบางกะปิกันก่อนค่ะ
เลยแยกลาดพร้าว 86 มาเราจะเจอ Big C ลาดพร้าว ซึ่งเป็นห้างสรรพสินค้าที่สร้างมานานแล้ว แต่เดิมเป็นห้างอิมพีเรียล เวิร์ล ลาดพร้าว ค่ะ
ถัดไปก็จะเป็น FOODLAND ที่ห่างออกไปไม่ไกลนักคือ โรงพยาบาลลาดพร้าวค่ะ ขับมาถึงตรงนี้จะเห็นว่ารถฝั่งตรงข้าม ที่ขับไปทางลาดพร้าว-จตุจักรค่อนข้างหนาแน่นขึ้นเรื่อยๆ
ขับต่อไปจะเห็นทางเข้าซอยลาดพร้าว 101 ซึ่งซอยนี้ค่อนข้างใหญ่ มีคนพักอาศัยอยุ่มาก ค่อนข้างอุดมสมบูรณ์ค่ะ
เลยมาอีกนิดจะเจอทางขึ้นสะพาน เป็นสะพานยกระดับถนนลาดพร้าวค่ะ โดยจะไปข้ามแยกบางกะปิ เดี๋ยวเราจะชิดขวาเพื่อขึ้นสะพานกันนะคะ (จริงๆแล้วจะเบี่ยงซ้ายไม่ขึ้นสะพานก็ได้ แต่เราอยากจะไปกันเร็วๆไม่อยากไปรถติดตรงแยกบางกะปิด้านล่างสะพาน จึงเลือกขึ้นสะพานข้ามไปเลยดีกว่าค่ะ)
ขึ้นสะพานมา มองไปขวามือจะเห็น The Mall บางกะปิ และตะวันนา ตอนนี้เรากำลังจะผ่านแยกบางกะปิกันแล้ว
ขับไปอีกนิด มองไปทางซ้ายมือจะเห็นพันธุ์ทิพย์ พลาซ่า บางกะปิ
ลงจากสะพาน มองไปทางซ้ายมือจะเจอโรงเรียนบางกะปิ และทางขวามือเป็น NIDA ค่ะ
ตรงไปอีกนิดจะเจอแยกนิด้า ซึ่งตัดผ่านด้วยถนนศรีบูรพา หากเลี้ยวซ้ายจะทะลุไปถนนนวมินทร์ได้ แต่หากเลี้ยวขวาจะไปรามคำแหงได้ ซึ่งผ่านแยกนี้ไปเราก็จะเข้าสู่เสรีกันแล้วว ถนนเสรีไทย..
ผ่านลุมพินี คอนโด ทาวน์ สีเหลืองเด่นขนาบทั้งสองข้างทาง วันนี้ถนนข้างหน้าโล่งๆดีค่ะ แต่ถนนเลนฝั่งขาเข้าลาดพร้าวรถยังหนาแน่นเรื่อยๆ
ตรงไปเรื่อยๆ จะเจอป้ายเข้าเขตคันนายาว
ขับไปอีกจะเจอโรงงาน Panasonic ถ้าเลี้ยวซ้ายจะไปถนนกาญจนาภิเษกค่ะ เราจะตรงไปกันนะคะ
ตรงช่วงใต้สะพาน จะมีแยกซึ่งถ้าเลี้ยวขวาไปจะสามารถไปทะลุถนนรามคำแหงได้ สำหรับใครที่ต้องการไปต่างประเทศหากเลี้ยวขวาทางนี้สามารถไปสุวรรณภูมิได้ หรือจะไปขึ้น Airport link ที่ถนนรามคำแหงก็ได้ค่ะ สำหรับเราที่จะไปถนนเสรีไทย ก็ยังคงจะตรงไปนะคะ ^^
ระหว่างทางขับไปก็จะเห็นอาคารพาณิชย์เรื่อยๆทั้งสองข้างทาง
ขับมาอีกนิดเดียว มองไปทางขวามือ ด้านถนนฝั่งตรงข้ามถนน ก็จะเห็นสำนักงานขายของโครงการ The Niche id เสรีไทย ค่ะ
ถัดมาเราจะเจอแยกสวนสยาม หากเลี้ยวซ้ายไปก็จะเป็นถนนสวนสยามที่สามารถไปสวนสยามได้ หากเลี้ยวขวามือจะเป็นถนนเสรีไทยซอย 50 ซึ่งเดี๋ยวเราจะไปผ่านหน้าซอย 81/2 ซึ่งเป้นซอยทางเข้าโครงการให้ดูกันก่อนเข้าสำนักงานขายนะคะ
ขับมานิดเดียวเท่านั้น ก็จะเจอซอยเสรีไทย 81/2 ซึ่งจุดสังเกตง่ายๆคือ หน้าซอยจะมี 7Eleven และป้ายบอกทางเข้าหมู่บ้านอื่นๆแปะอยู่หน้าซอยเต็มเลยค่ะ เดี๋ยวเราจะตรงไปก่อนนะคะ
ถัดมาเราจะเจอสะพานลอยคนข้าม เดี๋ยวเราจะกลับรถข้างหน้ากัน
ระหว่างกลับรถ เรามองไปข้างหน้าทางซ้ายมือ จะเห็นป้ายที่ตั้งโครงการ The Niche id เสรีไทย ซึ่งที่ดินที่ตั้งป้ายนั้นเป็นที่ดินของทางเสนาดีเวลลอปเม้นท์ สำหรับรอการพัฒนาเป็นโครงการอื่น ส่วนที่ดินที่จะก่อสร้างโครงการ The Niche id เสรีไทย จะอยู่ด้านหลังป้าย ซึ่งไม่ติดกับถนนเสรีไทยค่ะ
เรากลับรถมาก็จะเห็นร้านรับซ่อมโซฟา ข้างหน้าเป็นอาคารพาณิชย์ซะส่วนใหญ่ เราขับตามคุณป้าซาเล้งไปเรื่อยๆนะคะ
คุณป้าเลี้ยวทางอื่นไปแล้ว แต่เรายังตรงไปต่อ ตรงนี้เป็นแยกสวนสยามที่เราได้ผ่านมาตอนแรก
มาถึงกันแล้ววว เลี้ยวซ้ายเข้าสำนักงานขาย The Niche id เสรีไทย ได้เลยค่ะ ^^
เดี๋ยวเราจะมาจะลองพาไปดูรอบๆโครงการกันก่อนเข้าไปเนื้อโครงการนะคะ เริ่มจากหน้าซอยเสรีไทย 81/2 ไปดูทางเข้าโครงการ ที่หมู่บ้านเกษรา คลาสสิคโฮม เสร็จแล้วออกมาขับไปบนซอยเสรีไทย 81/2 ทะลุซอยสวนสยาม 11 แล้วไปออกถนนสวนสยาม เพื่อไปจุดสุดท้ายที่ Amorini ซึ่งเป็น Lifestyle mall ที่อยู่ไม่ไกลจากโครงการค่ะ
มาเริ่มกันที่หน้าซอยเสรีไทย 81/2 ซึ่งเป็นทางเข้าโครงการกันนะคะ เราจะเลี้ยวซ้ายเข้าซอยกันค่ะ
เลี้ยวเข้ามาจะเจอป้ายหมู่บ้านเกษรา คลาสสิคโฮม และป้ายโฆษณาร้านสปา ร้านนวด เต็มหน้าซอย ซึ่งบรรยากาศต้นซอยจะเต็มไปด้วยร้านอาหารแบบกางเต้นท์ค่ะ โดยทางเข้าโครงการจะอยู่ทางขวามือก่อนถึงทางเข้าหมู่บ้านเกษรา ซึ่งทางเข้าช่วงแรกจะเป็นที่ดินภาระจำยอมค่ะ แต่เนื่องจากตอนนี้โครงการยังไม่ได้เคลียร์ทางเข้า เราจึงจะเข้าทางหมู่บ้านเกษรากันก่อนนะคะ
ถ้าตรงไปทางนี้จะสามารถทะลุไปถนนสวนสยามได้ค่ะ แต่เดี๋ยวเราจะเลี้ยวขวาเข้าหมุ่บ้านเกษรากันนะคะ
ตรงหน้าหมู่บ้านจะเป็นป้อมยาม และมีร้านก๋วยเตี๋ยวอยู่ทีหัวมุม
เข้าหมู่บ้านเกษรามาปุ๊บ มองไปทางขวามือจะเห็นพื้นที่ดินว่างเปล่า ทางเข้าหมู่บ้านเราจะอยู่ตรงเส้นสีน้ำเงิน ซึ่งเป็นที่ดินภาระจำยอมค่ะ อนาคตจะทำเป็นทางเข้าโครงการ The Niche id เสรีไทย
ตรงไปที่อีกนิด ทางซ้ายมือจะเป็นสนามเด็กเล่น มองตรงไปจะเห็นสโมสรของหมู่บ้านเกษรา และข้างๆกันเป็นทาวน์เฮาส์ 3 ชั้นครึ่ง ซึ่งพื้นที่ส่วนนี้จะติดกับโครงการของเราเลยค่ะ ถ้าขับตรงไปอีกก็จะเป็นอาณาเขตของหมู่บ้านเกษราแล้ว เดี๋ยวเราจะกลับรถออกจากหมู่บ้านกันนะคะ
กลับรถมาเพื่อออกจากหมู่บ้านกัน อนาคตถ้าโครงการสร้างขึ้น ทางเข้าโครงการก็จะอยู่ข้างๆเราเลยค่ะ เดี๋ยวเราจะตรงไปเพื่อออกจากหมู่บ้าน ตามพี่สามล้อจักรยานข้างหน้าไปเลยนะคะ
ออกจากหมู่บ้านมาที่ซอยเสรีไทย 81/2 ซึ่งขับไปเรื่อยๆจะไปเชื่อมต่อกับซอยสวนสยาม 11 สองข้างทางจะเป็นบ้านพักอาศัยยาวเลยค่ะ
ขับตรงไปเรื่อยๆจะเจอทางแยก ให้ชิดซ้ายเพื่อไปทะลุถนนสวนสยามค่ะ
พอชิดซ้ายมา จะเป็นบ้านพักอาศัย ลานกีฬา ซึ่งจะเจอทางแยกซ้าย-ขวา เราจะตรงไปกันนะคะ
ตรงไปเรื่อยๆจนสุดซอยจะเจอทางแยกมาออกถนนสวนสยาม ซึ่งต้นซอยมีป้ายเขียนบอกชื่อซอยสวนสยาม 11 ทางเดินรถจะบังคับให้เลี้ยวซ้ายนะคะ
ออกมาวิ่งบนถนนสวนสยาม จะเป็นถนน 3 เลน วิ่งรถทางเดียว บรรยากาศประมาณนี้ ให้ชิดขวาไว้นะคะ เพราะเดี๋ยวเราจะหาทางยูเทิร์นข้างหน้าเพื่อกลับรถ
มาถึงทางยูเทิร์น เราจะกลับรถกันค่ะ
บรรยากาศนี้ รถไม่เยอะมาก ไม่คึกคัก วิ่งสบายๆค่ะ
ขับตรงมาเรื่อยๆเราจะเริ่มเห็นรถเมล์สีชมพูหวานแหววเต็มท้องถนน ซึ่งเป็นรถเมล์สาย 115 สวนสยาม-สาธร ค่ะ มองไปทางซ้ายมือจะเห็นป้ายพื้นที่สวนสยามแล้ว
ถ้าใครอยากไปเล่นน้ำทะเลกรุงเทพ หรือไปสนุกกับเครื่องเล่นในสวนสยามก็เลี้ยวขวาเข้าสวนสยามได้เลยนะคะ แต่เราจะตรงไปข้างหน้ากัน
เลยสวนสยามมา สองข้างทางจะเป็นอาคารพาณิชย์เต็มสองข้างทาง รถไม่เยอะมาก
ตรงมาเรื่อยๆ เราจะเจอทางแยก ซึ่งถนนข้างหน้าเป็นถนนรามอินทรา แยกขวาไปจะสามารถไป Fashion Island ได้ ส่วนถ้าแยกขวาไปจะสามารถวิ่งไปมีนบุรีได้ ส่วนเราจะกลับรถกันนะคะ
กลับรถมาปุ๊บ เราจะเห็นอาคารที่เป็นสีส้มๆข้างหน้า นั่นคือ Amorini ที่เป็น Lifestyle Mall ที่เราจะไปดูกันนะคะ เดี๋ยวตรงไปหาทางเข้ากันก่อน
เลี้ยวซ้ายตรงป้าย Tops Market นี้จะเป็นทางเข้าด้านหลังของ Amorini ค่ะ
เลี้ยวเข้ามาปุ๊บ จะมีทางขึ้นลานจอดรถ แต่เดี๋ยวเราพาไปดูกันว่าข้างหน้า Amorini จะหน้าตาเป็นอย่างไร
มาถึงข้างหน้ากันแล้ว ตรงนี้เป็นทางเข้า Amorini ทางด้านหน้าจากถนนรามอินทราค่ะ รถจอดแน่นค่อนข้างคึกคักทีเดียว จากตรงนี้เดี๋ยวคงต้องลงไปหาของอร่อยๆกินก่อนแล้วละค่า ^^
สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น
- นิคมอุตสาหกรรมบางชัน ~1.7 กม.
- Amorini ~2.2 กม.
- โรงพยาบาลเสรีรักษ์ ~3.1 กม.
- สวนสยาม ~ 3.3 กม.
- Fashion Island ~ 4 กม.
- ตลาดมีนบุรี ~4 กม.
- โรงพยาบาลนพรัตน์ราชธานี ~6 กม.
- รถไฟฟ้าในอนาคต : รถไฟฟ้าสายสีชมพู สถานีนพรัตน์ราชชนนี และรถไฟฟ้าสายสีส้ม สถานีน้อมเกล้า
ตัวโครงการอยู่บนถนนเสรีไทย เข้าซอยเสรีไทย 81/2 ประมาณ 40 เมตร หน้าปากซอยมี 7 eleven และร้านขายอาหารอยู่พอสมควรค่ะ โดยซอยเสรีไทย 81/2 จะเชื่อมต่อกับซอยสวนสยาม 11 ซึ่งจะไปทะลุถนนสวนสยามได้ค่ะ
บริบทโดยรอบโครงการส่วนใหญ่จะเป็นบ้านพักอาศัยและอาคารพาณิชย์ โดยทิศเหนือของโครงการจะติดกับทาวน์เฮาส์ 3 ชั้นครึ่งของหมู่บ้านเกษราและที่ดินเปล่าของบุคคลอื่นซึ่งเป็นที่ดินตาบอดค่ะ คนที่อยู่ด้านนี้ก็จะเห็นหลังคาบ้านพักอาศัยเป็นทิวแถว ต่อมาทางฝั่งทิศตะวันออกจะเป็นที่ดินว่างเปล่าของบุคคลอื่นเช่นกัน ซึ่งตอนนี้ยังเป็นพื้นที่ป่าว่างๆโล่งๆ ด้านทิศใต้ จะติดกับที่ดินของเสนาค่ะ ที่จะพัฒนาเป็นโครงการในอนาคต และส่วนทิศตะวันตกจะเป็นทางเข้าโครงการ และติดกับสโมสรของหมู่บ้านเกษรา
ซึ่งทั้งหมดทั้งมวล บ้านพักอาศัยโดยรอบอาคารจะมีความสูงที่สูงสุดอยู่ที 3 ชั้นครึ่ง ดังนั้นคนที่อยู่อาศัยตั้งแต่ชั้น 4 ขึ้นไปก็ไม่ต้องกังวลเรื่องแออัดโดนบังวิวค่ะ ยกเว้นคนที่อยู่ยูนิตด้านในอาคารที่ต้องจ้องตากับคนตึกตรงข้ามในโครงการเดียวกันอยู่แล้ว และด้านทิศใต้ที่เป็นที่ดินติดกับที่ดินของเสนาที่รอการพัฒนา เราก็ต้องมารอลุ้นกันต่อไปว่าอนาคตตรงนี้จะเป็นอย่างไร
**รูปนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการแบบคร่าวๆไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการได้นะคะ
ตัวอาคารมีการใช้สีเทา เป็นหลัก มีการเล่นลายของตึกโดยการทาสีเทาสลับขาวในส่วนด้านกว้าง ส่วนด้านยาวของอาคารใช้การก่อปูนยื่นออกมาแล้วทาสีเทา-เขียว-ขาว เล่นจังหวะให้อาคารดูมีลวดลายไม่น่าเบื่อ ตัวอาคารมี 2 ตึก คือตึก A และตึก B วางแบบ Interlock กันอยู่ โดยมีส่วนกลางที่ใช้ร่วมกันอยู่ตรงกลาง ที่จอดรถอยู่ที่ใต้อาคารสำหรับรถยนต์มีให้ทั้งหมด 32% รวมจอดซ้อนคัน 39% รถจักรยานยนต์ 18 คันในช่องจอด และมีที่จอดรถภายนอกอาคารให้ส่วนหนึ่ง
ด้านหน้าโครงการจะอยู่ติดกับซอยเสรีไทย 81/2 ซึ่งทางเข้าโครงการจะแบ่งเป็น 2 ช่วง คือ ถนนทางเข้า ซึ่งจะมีป้ายโครงการชัดเจน ยาวมาจนถึงช่วงที่ 2 คือ ป้อมยาม แล้วจึงจะเข้าไปสู่โครงการค่ะ
ซึ่งเหตุที่ทางเข้ายาวเหยียดขนาดนี้ เป็นเพราะว่า ทางเข้าช่วงแรกของโครงการเป็นที่ดินภาระจำยอม ซึ่งที่ดินผืนนี้ก็เป็นของเสนาเหมือนกันซึ่งเป็นที่ดินของโครงการในอนาคต แต่แบ่งเป็นทางเข้าของโครงการค่ะ โดยที่ดินของโครงการจริงๆแล้วจะเริ่มตั้งแต่เขตป้อมยามเป็นต้นไปจนถึงตัวโครงการ
มาสตาร์ทกันที่หน้าโครงการจะเป็นมุมนี้นะคะ จะเห็นป้ายโครงการชัดเจนเลยหากขับเข้ามาทางซอยเสรีไทย 81/2 สองข้างทางของถนนทางเข้าที่เป็นที่ดินภาระจำยอมนี้จะเป็น Green Wall ปลูกต้นไม้ทั้งสองข้างทาง ถนนโครงการกว้าง 8 เมตรค่ะ
ทางเข้าช่วงที่ 2 จะเริ่มที่ป้อมยามซึ่งในโมเดลจะตั้งอยู่ 1 ป้อมด้านทางเข้า โดยรถเข้า-ออกจะใช้ระบบคีย์การ์ด สแกนระยะใกล้ และมีไม้กระดกด้วยค่ะ
ในส่วนของถนนทางเข้าส่วนนี้จะเป็นกำแพงปูนยาวไปจนถึงตัวโครงการ ซึ่งกำแพงปูนนี้ก็เป็นส่วนหนึ่งของกำแพงรั้วขอบเขตโครงการด้วย
มาถึงหน้าโครงการ จะมีทั้งหมด 2 ตึกค่ะคือตึก A และตึก B โดยมีพื้นที่จอดรถรอบโครงการให้ด้วยค่ะ นอกนั้นส่วนที่จอดรถหลักจะเป็นที่จอดรถใต้อาคาร
เข้ามาในโครงการจะเจอส่วนกลางซึ่งอยู่ตรงกลางของหมุ่ตึก มีที่จอดรถให้ตรงทางเข้า โดยเข้ามาจะเป็น Fitness และส่วน Clubhouse ซึ่งต่อเนื่องกับส่วนของสระว่ายน้ำซึ่งมีให้ทั้งสระเด็กและสระผู้ใหญ่ นอกจากนี้ยังมีสวนให้เดินเล่นด้วยค่ะ
มาดูหน้าตาอาคารแต่ละด้านกันบ้าง เริ่มจากทิศใต้ ของโครงการที่อยู่ด้านถนนเสรีไทย และที่ดินเปล่ารอการพัฒนา มุมมองจากถนนจะเห็นป้ายชื่อโครงการของตึก A และเห็นตัวอาคารตีก B
ส่วนทางทิศตะวันตกของโครงการจะติดกับสโมสรของหมู่บ้านเกษรา และทาวน์เฮาส์ 3 ชั้นครึ่งของหมู่บ้านเกษราเช่นกัน มุมมองด้านนี้จะติดกับตึก A เต็มๆ
ด้านทิศเหนือ จะติดกับที่ดินของบุคคลอื่น และทาวน์เฮาส์ 3 ชั้นครึ่งของหมุ่บ้านเกษรา คนที่อยุ่อาคาร A ตั้งแต่ ชั้น 1-3 จะมองออกมาจ๊ะเอ๋กับทาวน์เฮาส์ 3 ชั้นครึ่งอยู่บ้าง ส่วนคนที่พักอาศัยตั้งแต่ชั้น 4-8 ก็มองออกมาสบายๆไม่มีตึกบังแล้วค่ะ ส่วนอาคาร B จะหันตึกด้านที่เป็นส่วนของบันไดหนีไฟและหน้าต่างทางเดินจึงไม่มีผลกับวิวของตึก B ในด้านนี้มากนัก
ทางด้านทิศตะวันออกของโครงการจะเป็นตึก B ซึ่งติดกับที่ดินบุคคลอื่น ในปัจจุบันเป็นที่ดินโล่งๆค่ะ
มาดูภาพ render จากทางโครงการกันนะคะ เริ่มจากเข้าโครงการมาจะเจอ Fitness ขนาดมินิ ซึ่งใช้ผนังกระจก สามารถออกกำลังกายแล้วมองวิวสวนที่อยู่รอบๆได้ ข้างหลังที่เห็นเป็นผนังทึบนั้นคือห้องน้ำ ที่ทางโครงการมีไว้ให้ใช้ด้วย
ถัดมาจะเป็นส่วนของ Clubhouse ที่สามารถให้เพื่อนมานั่งรอหรือเราจะมานั่งเล่น มองวิวสระว่ายน้ำชิวๆได้
ส่วนของ Clubhouse จะมีชานที่เป็น semi-outdoor เป็นส่วน Reading garden ไว้นั่งอ่านหนังสือหรือมองวิวสวนได้
มาดูที่ผังอาคารกันบ้างค่ะ เริ่มตั้งแต่เข้าโครงการมาจะมีที่จอดรถภายนอกอาคารให้ทั้งเลียบกำแพงทางเข้าโครงการ และส่วนทางเข้า Clubhouse ซึ่งเป็นส่วนกลางที่โอบล้อมด้วยตึก ประกอบด้วย Fitness, ห้องน้ำส่วนกลาง, Clubhouse, สระว่ายน้ำแยกสระเด็กและสระผู้ใหญ่และสวน
ตัวโครงการจะมี 2 อาคาร คือ อาคาร A และ อาคาร B ตัวอาคารเป็นรูปตัว L วางแบบ Interlock กันอยู่ ผังของอาคารทั้งสองจะวางเหมือนกันต่างกันเพียงแค่กลับด้านเท่านั้น ซึ่งผังอาคารในชั้น G จะเป็นที่จอดรถเต็มชั้น โครงการมีลิฟต์ให้ 2 ตัว บันไดหนีไฟ 3 ตัวเริ่มตั้งแต่ชั้นนี้เป็นต้นไป การจัดพื้นที่จอดรถใต้อาคารเป็นแนวยาวจนสุดอาคาร ถือว่าสามารถขับรถเข้า-ออกได้สะดวกดีค่ะ ส่วนที่จอดรถจักรยานยนต์มีให้ประมาณ 18 คัน (ในช่องจอด)จัดไว้ให้ที่มุมตึกของอาคาร A ส่วนของอาคาร B ไม่มีนะคะ ซึ่งที่จอด 18 ช่อง เทียบกับ 455 ยูนิต (เพราะตึก B ไม่มี)ก็ถือว่าน้อยไปหน่อย เพราะลักษณะของคนที่ซื้อคอนโดในระดับราคานี้ และทำเลชานเมืองในย่านพักอาศัยแบบนี้ ก็น่าจะใช้รถมอเตอร์ไซค์กันอยู่ไม่น้อย จึงรู้สึกว่าน่าจะมีพื้นที่ให้จอดรถมอร์เตอร์ไซค์เพิ่มอีกสักหน่อย ไม่งั้นคงเบียดกันแย่
ในส่วนชั้น 1 ของโครงการ จะเป็นชั้นของยูนิตที่พักอาศัย วางอาคารเป็นรูปตัว L เหมือนกันทั้งตึก A และตึก B อาคารทั้ง 2 วางแบบ Interlock กัน โดยมี Facilities อยู่ตรงกลาง ซึ่งข้อดีของการวางอาคารแบบนี้คือประหยัดพื้นที่ และคนในอาคารสามารถมาใช้พื้นที่ตรงกลางร่วมกันได้รวมทั้งยังมีร่มเงาของตึกมาช่วยบังแดด แต่ข้อเสียคือ คนที่อาศัยอยู่ห้องยูนิตชั้นใน ถ้าเปิดหน้าต่างมาจะได้จ้ะเอ๋กับห้องที่อยู่ตึกฝั่งตรงข้ามแน่ๆ ซึ่งจะทำให้เสียความเป็นส่วนตัวไปในด้านมุมมองค่ะ
ในส่วนภายในอาคารจะมีลิฟต์ให้ 2 ตัว สำหรับอาคาร A คิดเป็นอัตราส่วน 112:1 และอาคาร B คิดเป็นอัตราส่วน 115 : 1 ซึ่งถือว่าหนาแน่นมากทีเดียว ในชั่วโมงเร่งด่วนอย่างตอนเช้าที่ทุกคนออกไปทำงาน การใช้งานลิฟต์ค่อนข้างหนาแน่น คาดว่าคนในชั้นนี้น่าจะมีการใช้บันไดหนีไฟเดินลงตึกกันบ้างละ เพราะลงแค่ชั้นเดียวเท่านั้น ในส่วนของบันไดหนีไฟมีให้ 3 จุด โดยอยู่ที่ปลายของอาคารทั้งสองด้าน และตรงกลางของอาคารใกล้กับลิฟต์โดยสาร หากเกิดเหตุการไฟไหม้ก็วิ่งหนีกันได้ทันไม่แออัดมาก
อย่างหนึ่งที่เป็นจุดสังเกต คือ อาคารไม่มีลิฟต์ Service ให้ ดังนั้นหากแม่บ้านนำขยะจากห้องเก็บขยะชั้นบนลงมาทิ้ง ก็ต้องใช้ลิฟต์โดยสารนี้เช่นเดียวกันค่ะ
เรานำตัวอย่างผังชั้น 2,4,6,8 ของตึก A มาให้ดูกันนะคะเพราะตอนนี้โครงการกำลังเปิดขายอยู่แค่ตึก A โดยชั้น 2,4,6,8 มีการวางผังเหมือนกับชั้น 1 ดูจากผังจะเห็นว่าตรงสุดปลายทางเดินของอาคารทั้งสามด้านจะมีช่องเปิดให้แสงเข้า ซึ่งเป็นสิ่งที่ดีแสงธรรมชาติจะเข้าทำให้อาคารไม่มืดทึบ
ทางทิศเหนือและทิศตะวันตกของอาคารจะวางห้อง Type A ซึ่งคนในห้องทิศนี้ก็จะเห็น วิวอาคารบ้านพักอาศัยที่อยู่ภายนอกโครงการ ส่วนฝั่งทิศใต้ และทิศตะวันออกจะะเป็นตึก Type B ซึ่งหันหน้าเข้าโครงการ ก็จะมองเห็นวิวส่วนกลาง ที่เป็น Clubhouse , สวน, สระว่ายน้ำของโครงการ และที่แน่ๆจะได้มองจ้องตาจ้ะเอ๋กับคนตึกฝั่งตรงข้ามกันแน่นอนค่ะ
ส่วนของชั้น 3,5,7 ก็จะวางห้องแบบตรงข้ามกันกับชั้น 2,4,6,8 คือทางทิศเหนือกับทิศตะวันตกจะเป็นห้อง Type B ส่วนทิศใต้กับทิศตะวันออกจะเป็นห้อง Type A
สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก
- สระว่ายน้ำ 1 สระ ระบบเกลือ ขนาด 6 x 21 เมตร สระผู้ใหญ่ลึก 1.2 เมตร แบ่งสระเด็ก เป็นขนาด 6 x 4.5 ลึก 0.35 เมตร
- ห้องออกกำลังกาย 1 ห้อง
- สวนหย่อมรอบโครงการ
- Mail Box
- ลิฟท์โดยสาร 2 ตัวต่อ/อาคาร
- อัตราส่วนลิฟต์รวมทั้งโครงการ 114 : 1
- อัตราส่วนลิฟท์ตึก A 112 : 1
- อัตราส่วนลิฟท์ตึก B 115 : 1
- ที่จอดรถประมาณ 32 % รวมจอดซ้อนคันคิดเป็น 39 %, ที่จอดรถจักรยานยนต์ 18 คันในช่องจอด
- ระบบ CCTV / Access Card
- ยามรักษาความปลอดภัย 24 ชม.
โครงการจะมีห้องขนาด 28 ตารางเมตร เพียงขนาดเดียวค่ะ แต่จะจัดขนาดห้องให้ 2 แบบ Fully Furnished เราจึงนำห้องตัวอย่างของทั้ง 2 แบบมาให้ดูกันค่ะ
มาเริ่มกันที่ห้องแบบแรก Type A ห้อง 1 Bedroom 1 Bathroom ขนาด 28 ตารางเมตร ขนาด 5 x 5.4 ตารางเมตร ความสูงฝ้าเพดาน 2.4 เมตร ขายแบบ Fully Furnished หิ้วกะเป๋าเข้าอยู่ได้เลย ซึ่งประกอบด้วย ชุดโซฟา 2 ที่นั่ง, ชั้นวางทีวี, เตียงนอน(ไม่รวมฟูก), ตู้เสื้อผ้า, โต๊ะรับประทานอาหาร(เก้าอี้ 2 ตัว),ชุดครัว Built-in, ซิงค์ล้างจาน, โถสุขภัณฑ์, อ่างล้างหน้า และชุดฝักบัวอาบน้ำ
โดยเข้าห้องไปปุ๊บสิ่งแรกที่เจอคือห้องรับแขกที่โครงการวางพื้นที่ให้เผื่อวางโต๊ะเขียนหนังสือไว้ให้ด้วย ถัดไปเป็นห้องนอนที่ถูกกั้นด้วยประตูบานเลื่อน ซึ่งในห้องนอนโครงการจะ Built-in ตู้เสื้อผ้ามาให้ ถัดมาจะเป็นครัวเปิดซึ่งเป็นพื้นที่แยกสัดส่วนออกไป ตรงนี้สามารถต่อเติมประตูเองเพื่อกั้นให้เป็นครัวปิดได้ค่ะ ซึ่งห้องครัวจะมีมุมสำหรับวางโต๊ะทานข้าวให้สำหรับ 2 ที่นั่ง มีเคาน์เตอร์ครัวและพื้นที่วางตู้เย็น ถัดไปเป็นระเบียงซึ่งมีพื้นที่วางคอมเพลสเซอร์แอร์ และส่วนที่เชื่อมต่อกับครัวอีกส่วนคือห้องน้ำซึ่งแยกส่วนเปียกส่วนแห้งไว้ให้ชัดเจนค่ะ
ในส่วนของห้องตัวอย่างจะยังไม่มีบานประตูให้ดูนะคะ แต่ของจริงจะเป็นบานประตูสำเร็จรูป HDF เปิดเข้าห้องมาสิ่งแรกที่เจอคือห้องนั่งเล่นขนาด 2.725 x 2.80 เมตร ฝ้าเพดานยิปซั่มบอร์ดฉาบเรียบทาสี ความสูงฝ้าเพดาน 2.4 เมตร โดยห้องรับแขกนี้จะเชื่อมต่อกับห้องนอนด้วยค่ะ
พื้นห้องเป็นพื้นไม้ลามิเนตหนา 8 มม. เฟอร์นิเจอร์ที่ให้ในห้องนี้มี ชุดโซฟา 2 ที่นั่งพร้อมตัวกลาง และชั้นวางทีวีเฉพาะส่วนตั้งทีวี
หากมองจากโซฟาจะเห็นว่า ห้องรับแขกนอกจากจะเชื่อมต่อกับห้องนอนแล้ว ยังเชื่อมต่อไปที่ห้องครัวด้วย
ลองมองกลับไปที่หน้าห้องนอนก็จะได้มุมประมาณนี้ ระยะดูทีวีจากโซฟาถึงโต๊ะวางทีวี ประมาณ 1.60 เมตร ตรงไฟทางเข้าห้องมีสวิตซ์ไฟให้ 1 สวิตซ์
เปิดสวิตซ์ไฟปุ๊บ ไฟดาวน์ไลท์ 2 ดวงในห้องรับแขกก็จะติดให้ทันที
ส่วนของชุดวางทีวี โครงการ Built-in มาให้แบบนี้เป็นตัวอย่าง แต่ส่วนที่แถมให้จริงๆจะมีตัวเดียวคือชั้นที่วางทีวีค่ะ โดยระยะการดูทีวีคือ 1.60 เมตร
ตัวชั้นวางทีวี ของ SB Furniture มีช่องวางของแบ่งเป็น 3 ชั้น ซึ่งตอนกลางของตู้มีลิ้นชักเปิด-ปิดได้
ผนังส่วนที่ติดกับชั้นวางทีวี โครงการให้เต้ารับ และเต้าเสียบสายเคเบิลไว้ให้พร้อม ยกทีวีมาเสียบดูได้เลย
ในส่วนมุมนั่งเล่น โครงการให้โซฟา 2 ที่นั่ง เป็นเบาะผ้าสีเทา ของ SB Furniture ค่ะ ซึ่งพื้นที่ส่วนนี้หากวางโซฟาไปชิดมุมใดมุมหนึ่ง ก็จะเหลือพื้นที่สำหรับวางโต๊ะเขียนหนังสือได้อีกนะคะ แต่ถ้าใครชอบให้เหลือที่โล่งๆวางโซฟาสบายๆก็ได้แล้วแต่ความชอบ
ถ้าวางโซฟาไว้กลางห้อง ตรงนี้จะมีพื้นที่พอสมควรเลยค่ะ ซึ่งตรงมุมห้องจะมีเต้ารับไว้ให้ สามารถวางโคมไฟ หรือโต๊ะเล็กๆ เผื่อวางโทรศัพท์ชาร์ทแบตก็ได้
อีกด้านหนึ่งของของโซฟาจะเชื่อมต่อกับห้องนอน ซึ่งมีประตูกระจกบานเลื่อนกั้นอยู่ ระยะจากโซฟาไปถึงตัวกั้นประมาณ 0.60 ซม. ซึ่งระยะจากประตูบานเลื่อนถึงเตียงก็ประมาณ 0.60 ซม. เช่นกัน
ซึ่งเมื่อมองจากโซฟาผ่านประตูกระจกเข้าไปแล้ว ก็จะเห็นระยะห่างรวมประมาณ 1.20 ซึ่งเป็นระยะที่ไม่ชิดกันมาก ประตูบานเลื่อนห้องนอนเป็นประตูบานเลื่อนแบบเลื่อน 3 บาน ข้อดีของการเลื่อน 3 บานคือ เวลาที่เราเลื่อนไปจนสุดชิดมุมห้องแล้ว จะสามารถเหลือพื้นที่ มากขึ้นเป็น 2 ใน 3 ของช่องเปิดทั้งหมดค่ะ
ลองเปิดบานเลื่อนออกมาให้ดู จะเห็นว่าพื้นที่ช่องเปิดของบานประตูกว้างดีค่ะ ลดความอึดอัดของห้องขนาดมินิไปได้หน่อย ตรงส่วนของพื้นของห้องรับแขกกับห้องนอนที่เป็นพื้นไม้ลามิเนต หนา 8 มม.เหมือนกัน ก็จะถูกแบ่งด้วยรางเลื่อนของบานประตูไปโดยปริยาย เดินไม่ระวังเผลอเตะก็เจ็บได้นะคะ
เข้ามาดูที่ห้องนอนกันบ้าง ห้องนี้มีขนาด 2.7 x 3.4 เมตร ฝ้าเพดานสูง 2.4 เมตรโครงการจัดเตียง Queen Size 5 ฟุต ของ SB Furniture มาให้แบบนี้เลย ไม่รวมฟูก
มองไปที่ปลายเตียงจะส่วนของเป็นตู้เสื้อผ้า ซึ่งโครงการ Built-in ตู้เสื้อผ้าขนาด 1.50 เมตร มาให้ ตรงส่วนของด้านข้างตู้จะเป็นผนังเรียบ โครงการติดกระจกมาให้ดูเป็นตัวอย่างเพื่อให้ห้องดูกว้างขึ้น ซึ่งเปรียบเทียบตู้เสื้อผ้าเมื่อเปิดและปิดแล้วจะได้รูปแบบตามภาพเลยค่ะ
ที่บานประตูตู้เสื้อผ้า มีกระจกส่องตัวให้ด้วย เผื่อคุณสาวๆจะส่องกระจก หรือยืนแต่งหน้าตรงนี้ได้
ที่เปิดบานตู้เสื้อผ้าเป็นแบบนี้ค่ะ
มองไปข้างบนตู้เสื้อผ้าไม่ได้ Built-in ให้สุดจรดฝ้าเพดานนะคะ แต่จะเหลือพื้นที่บนตู้ไว้ให้เก็บกระเป๋าเดินทางใหญ่ๆ หรือวางกล่องใส่ของได้ ซึ่งส่วนตรงนี้ต้องคอยทำความสะอาดอยู่บ่อยๆนะ เพราะจะเป็นส่วนที่กักเก็บฝุ่นชั้นดีทีเดียว
มาดูระยะปลายเตียงเมื่อเปิดตู้กันบ้าง จะเห็นว่าค่อนข้างประชิด ถ้าจะเปิดปิดตู้ต้องเบี่ยงตัวเปิด – ปิด กันสักเล็กน้อยค่ะ เพราะขาติดเตียงเลยทีเดียว เพราะระยะจากเตียงถึงตู้แค่ 0.56 เมตรเท่านั้น
แต่ส่วนระยะข้างเตียง สามารถเดินไปปิด-เปิด หน้าต่างหรือเลื่อนผ้าม่านได้สบายๆค่ะ
มาดูที่ส่วนหน้าต่างห้องนอนเป็นช่องเปิดกระจกเต็มบาน ทำให้แสงเข้าค่อนข้างดี หน้าต่างเป็นกรอบ UPVC สีขาว กระจกใสสีเขียวตัดแสง หนา 6 มม. หน้าต่างสไลด์ด้านเดียวนะคะ นอกนั้นเป็นบาน Fix ตัวล็อกประตูตามภาพเลยค่ะ
ถ้าปิดม่านก็จะได้ Feel นี้ ที่หัวเตียงมีเต้ารับให้สามารถเสียบโคมไฟ เผื่อใครชอบอ่านหนังสือก่อนนอน หรือเผื่อวางโทรศัพท์ชาร์ทแบตได้
ห้องนอนมีไฟดาวน์ไลท์ให้ 2 ตัวค่ะ
ถัดจากห้องนอนไปก็เป็นห้องครัวค่ะ โดยครัวที่ให้จะแยกออกไปเป็นสัดส่วน ตรงช่องทางเข้านี้กว้างประมาณ 1.02 เมตร โครงการไม่ได้มีประตูให้ ซึ่งเราสามารถติดตั้งประตูเอง เพื่อทำให้เป็นครัวแบบปิดได้ เพื่อป้องกันกลิ่นที่เกิดจากอาหารเข้ามาในห้องนอนและห้องนั่งเล่น
พื้นจากห้องนั่งเล่นไปห้องครัวจะแตกต่างกัน โดยพื้นห้องครัวเป็นกระเบื้องเซรามิคสีขาว ขนาด 30 x 30 ซม. มีการปิดคิ้วและติดที่กันลื่นมาให้ด้วย
ห้องครัวจะมีขนาด 2.525 x 1.65 เมตร ฝ้าเพดานสูง 2.3 เมตร มีไฟดาวน์ไลท์ให้ 1 ดวงโดยโครงการมีโต๊ะกินข้าวพร้อมเก้าอี้ให้ 2 ตัว, ชุดครัว Built-inให้ทั้งบนและล่าง แต่ในส่วนของตู้เย็นไม่ได้แถมให้นะคะ
ชุดครัว Built-in จาก SB Furniture ขนาด 1.2 x 0.75 เมตร สูงประมาณ 1 เมตร มีซิงค์ล้างจานและก็อกน้ำ รวมทั้งมีช่องเผื่อไว้สำหรับวางไมโครเวฟให้ (ตัวไมโครเวฟไม่ได้ให้ค่ะ)
ลักษณะของชุดครัว Built-in เมื่อเปิดตู้ออกมาค่ะ ตู้ด้านบนจะเป็นบานเปิด มีชั้นวางของให้ 2 ชั้น ส่วนด้านข้างเป็นชั้นวางของอเนกประวงค์ ส่วนชั้นล่างใต้ซิ้งค์ล้างจาน มีช่องไว้เก็บน้ำยาล้างจาน ผงซักฟอก หรือของใช้ในครัวได้
เปิดลิ้นชักมาจะให้ช่องวางช้อนมานะคะ และมือจับตู้ตามภาพเลย
การวางซิงค์น้ำ ค่อนข้างจะชิดผนังด้านขวา ตอนล้างอาจจะรู้สึกแขนติดๆบ้างนะคะสำหรับคนตัวใหญ่ เพราะไม่มีระยะให้งอแขนเท่าไหร่นัก และผนังของจริงจะเป็นปูนสีขาวนะคะ ไม่มีกระเบื้องปิดตรงผนังส่วนท็อปเคาน์เตอร์ให้ ดังนั้นอาจจะต้องหาอะไรมาติด หรือปิดด้วยกระเบื้องเพื่อกันคราบสกปรกที่จะเกิดขึ้นแน่ๆ
ก็อกน้ำเป็นแบบหัวโค้ง ลูกบิดแบบนี้ใช้งานสะดวกดี ถึงเวลามือเปื้อนน้ำยาล้างจานลื่นๆก็บิดได้ไม่มีปัญหา ส่วนตัวซิ้งค์ เป็นทรงสี่เหลี่ยมขนาดกลางๆไม่ใหญ่ไม่เล็กค่ะ
ถ้าสังเกตดีๆจะเห็นว่า พื้นที่หลังซิ้งค์ครังจะมีการ Set ระยะออกไปเล็กน้อย ทำให้พื้นที่ตรงนี้สามารถวางน้ำยาล้างจาน และ ฟองน้ำล้างจานได้พอดีค่ะ
มาดูพื้นที่วางตู้เย็นกันบ้าง หากวางตู้เย็น Size นี้ตามโครงการ จะเหลือพื้นที่ระหว่างเคาน์เตอร์ครัวกับตู้เย็นประมาณ 0.45 เมตรค่ะ เป็นพื้นที่ที่สามารถวางถังขยะชิดผนังได้ เพราะในครัวต้องใช้แน่นอน
อีกด้านของตู้เย็นจะติดกับประตูระเบียงตรงนี้ก็มีพื้นที่เล็กน้องประมาณ 0.30 เมตร ให้ไว้เลื่อนประตูปิดเปิด และให้ตู้เย็นระบายความร้อนได้
ในส่วนของโต๊ะทานข้าว ของ SB Furniture เช่นกัน ขนาด 1.2 x 0.5 เมตร ตัวโต๊ะจะเป็นขาสีขาวท็อปโต๊ะเป็นลายไม้สีอ่อน ส่วนเก้าอี้ให้มา 2 ตัว เป็นสีดำ ด้วยพื้นที่ประมาณนี้ นั่งกินข้าวกระหนุงกระหนิงกับคุณแฟน 2 คนน่าจะกำลังดี แต่ถ้ามีเพื่อนมาเป็น 3 ต้องให้เพื่อนไปนั่งกินข้าวที่ห้องรับแขกแล้วละคะ ไม่งั้นจะมี กขค. เอ้ยย ไม่งั้นเบียดเกิน 😀
มองจากห้องครัวออกไป ระยะจากโต๊ะกินข้าว ถึงเคาน์เตอร์ครัวประมาณ 1.02 เมตร ซึ่งเป็นระยะที่เดินได้พอดีๆค่ะ มองตรงไปจะเห็นส่วนของระเบียงที่มีการยกพื้นประมาณ 10 ซม. บานประตูกระจกเป็นบานเลื่อนเดียว กรอบเป็นอลูมิเนียมสีธรรมชาติ
ออกมาดูที่ระเบียงกันบ้าง ในส่วนของราวกันตกใช้ราวเหล็กทาสี สูงประมาณ 1 เมตร มีที่วางคอมเพลสเซอร์แอร์อยู่ด้านบน พัดลมหันเข้าผนังอาคาร ข้อเสียคือร้อน ถ้าออกไปนอกระเบียงขณะเปิดแอร์ แต่ข้อดีคือตากผ้าแห้งแม้จะซักผ้าดึกๆก็ตาม ตื่นเช้ามาใช้ผ้าได้เลย
พื้นระเบียงป็นกระเบื้องเซรามิคสีขาว ขนาด 30 x 30 ซม. มีช่องระบายน้ำให้
นอกจากนี้ยังมีเต้ารับไว้ให้ เผื่อใครจะเสียบเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ระเบียง ซึ่งเป็นเต้ารับที่มีฝาปิดให้พร้อม รวมทั้งมีก็อกน้ำให้ด้วย ของ SANWA
มองไปที่ฝ้าเพดานส่วนระเบียง โครงการจะให้ไฟซาลาเปามา 1 ดวงนะคะ
ส่วนที่เชื่อมต่อกับครัวอีกส่วน คือห้องน้ำค่ะ โดยแยกส่วนเปียกส่วนแห้งชัดเจน ฝ้าเพดานห้องน้ำสูง 2.2 เมตร
พื้นจากห้องนอน ลดระดับลงมาประมาณ 5 ซม. แต่จากส่วนอาบน้ำมีการยกธรณีขึ้น 5 ซม.เพื่อกั้นส่วนเปียกและส่วนแห้งค่ะ พื้นห้องน้ำเป็นกระเบื้องขนาด 30 x 30 ซม.
มีสุขภัณฑ์ให้ครบทั้งอ่างล้างหน้า โถชักโครก สายฉีดชำระ ที่แขวนทิชชู่ และมีกระจกเงาแบบเจียปรีให้ที่ผนังอ่างล้างหน้าด้วย
ก็อกน้ำลูกบิดลักษณะนี้ใช้งานได้ง่ายดีค่ะ ถ้าระหว่างล้างถ้าหน้ามือเปื้อนโฟมล้างหน้าลื่นๆ ก็ยังสามารถบิด ปิด -เปิดน้ำได้ง่าย ตัวอ่างล้างหน้าเป็นทรงโค้ง ขนาดไม่ใหญ่มาก ทั้งก็อกและอ่างล้างหน้าเป็นของ Cotto หรือเทียบเท่านะคะ
พื้นที่ในส่วนนั่งส้วมกว้างประมาณ 90 ซม. เป็นระยะที่ไม่อึดอัดมากค่ะ ผนังหลังโถส้วมมีการตกแต่งลวดลายผนังเป็น Element เดียวกับลายอาคารด้วย ส่วนของตัวโถสุขภัณฑ์ สายชำระและที่แขวนกระดาษทิชชู่เป็นของ Cotto ค่ะ
พื้นที่ห้องอาบน้ำประมาณ 0.9 x 1.6 เมตร ค่ะ โครงการมีราวแขวนผ้าและชุดฝักบัวของ Prema ให้ แต่ส่วนราวและผ้าม่านไม่ได้ให้นะคะ
ฝักบัวจับแบบกำลังพอดีมือ
ในห้องน้ำมีไฟดาวน์ไลท์ให้ 2 ดวงค่ะ คือวางตรงจุดส่วนเปียก และส่วนแห้ง รวมทั้งมีพัดลมดูดอากาศให้ด้วย
มาต่อกันที่ห้องแบบที่สอง Type B ห้อง 1 Bedroom 1 Bathroom ขนาด 28 ตารางเมตร ขนาด 5 x 5.4 ตารางเมตร ความสูงฝ้าเพดาน 2.4 เมตร ขายแบบ Fully Furnished ให้เหมือนกับห้อง type A โดยประกอบด้วย ชุดโซฟา 2 ที่นั่ง, ชั้นวางทีวี, เตียงนอน(ไม่รวมฟูก), ตู้เสื้อผ้า, ชุดครัว Built-in, ซิงค์ล้างจาน, โถสุขภัณฑ์, อ่างล้างหน้า และชุดฝักบัวอาบน้ำ โดยสิ่งที่แตกต่างกันกับห้อง Type A คือ ห้อง Type นี้จะไม่มีชุดโต๊ะรับประทานอาหารให้ แต่จะได้ตู้เสื้อผ้าที่ใหญ่ขึ้นค่ะ โดยห้อง Type A จะให้ตู้เสื้อผ้าขนาด 1.5 เมตร แต่ห้อง Type นี้จะให้ตู้เสื้อผ้า ขนาด 2 เมตรค่ะ
โดยเข้าห้องมาจะเจอห้องรับแขก ที่ในผังโครงการจะจัดเผื่อให้วางโต๊ะรับประทานอาหารสำหรับ 2 ที่ได้ค่ะ ถัดไปเป็นห้องนอน ที่มีตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่กว่า Type แรก และเผื่อพื้นที่ให้วางโต๊ะเขียนหนังสือ ต่อไปเป็นห้องครัวที่แยกออกไปเป็นสัดส่วน แนะนำให้กั้นเป็นครัวปิดค่ะกลิ่นจะได้ไม่เข้ามารบกวนห้องข้างใน โดยครัวนี้จะมีครัว Built-in ให้และเว้นที่ไว้ให้วางตู้เย็น ถัดไปก็เป็นระเบียงที่วางคอมเพลสเซอร์แอร์ได้ 1 ตัว อีกส่วนคือห้องน้ำที่มีการแยกส่วนเปียกส่วนแห้งชัดเจน เราลองไปดูห้องตัวอย่างกันดีกว่าค่ะ
เข้ามาปุ๊บจะเจอห้องรับแขกขนาด 2.725 x 2.8 เมตร ที่เชื่อมต่อกับห้องนอน เหมือน Type แรก แต่ได้บรรยากาศที่ต่างกัน พื้นห้องเป็นพื้นไม้ลามิเนตหนา 8 มม. ฝ้าเพดานสูง 2.4 เมตร
มองจากมุมโซฟา จะเห็นชุดวางทีวีเหมือนห้อง Type A ถัดไปจะเห็นว่ามีทางที่สามารถเชื่อมต่อไปยังห้องครัวได้ด้วย โดยช่องทางเดินนี้สามารถติดตั้งประตูได้เพื่อให้เป็นสัดส่วนมากขึ้นค่ะ และถัดไปก็เป็นห้องนอน
ชั้นวางทีวีที่เราจะได้คือตัวนี้นะคะ เหมือนกับห้อง Type A ส่วนตัวชั้นลอยที่ติดผนังจะไม่ได้
ยืนมองออกไปหน้าห้องจะเห็นส่วนห้องนั่งเล่นทั้งห้อง โดยระยะดูทีวีอยู่ที่ประมาณ 1.60 เมตร เฟอร์นิเจอร์ที่ให้ จะมีโซฟาเบาะผ้าสีเทา และชั้นวางที่ทีวี ของ SB Furniture ส่วนของโต๊ะกลางและของตกแต่งอื่นๆจะไม่ได้ให้นะคะ
การวางโซฟาของห้องนี้ จะวางโซฟาด้าน 2 ที่นั่งติดผนัง และโซฟาตัวที่วางเป็นโต๊ะกลางของห้อง Type A ถูกนำมาวางเรียงกันเป็นแนวยาว ดังนั้นในห้องนี้พื้นที่ระหว่างโซฟากับประตูบานเลื่อนคือ 0.50 เมตร และพื้นที่จากประตูบานเลื่อนถึงเตียงคือ 0.60 เมตร รวมระยะจากโซฟาถึงเตียงนอนเท่ากับ 1.1 เมตร ซึ่งจริงๆแล้วโซฟาตัวสี่เหลี่ยมนี้เราสามารถนำมาวางเป็นโต๊ะกลาง แล้วเปลี่ยนพื้นที่ตรงนี้ให้เป็นส่วนนั่งรับประทานอาหารก็ได้ค่ะ เพราะห้องนี้ไม่มีส่วนรับประทานอาหาร
มุมมองจากโซฟาห้องรับแขกผ่านประตูกระจกเข้าไป ก็จะเห็นระยะห่างของโซฟากับเตียง รวมประมาณ 1.1 เมตร ทางเดินจากห้องรับแขกเชื่อมไปห้องนอนมีพื้นที่ว่างกำลังดีไม่อึดอัดค่ะ
ประตูบานเลื่อนห้องนอนเป็นประตูบานเลื่อนแบบเลื่อน 3 บาน เช่นเดียวกับห้อง Type A พอเปิดแล้วห้องก็ดูกว้างขึ้น
เข้ามาดูห้องนอนกันค่ะ ห้องนี้มีขนาด 2.7 x 3.4 เมตร โครงการจัดเตียงขนาด Queen Size ขนาด 5 ฟุต จาก SB Furniture ไม่รวมฟูกและชุดเครื่องนอนมาให้เช่นกัน ความสูงฝ้าเพดาน 2.4 เมตรค่ะ หัวเตียงติดกระจกมาให้ดูเป็นตัวอย่างเพื่อให้ห้องดูกว้างขึ้น ซึ่งกระจกนี้ไม่ได้ให้นะคะ
มองไปที่ปลายเตียงจะเห็นตู้เสื้อผ้าขนาด 2 เมตร ซึ่งใหญ่กว่าห้อง type A ประตูด้านขวามือด้านในสุดจะติดกระจกมาให้ด้วยเช่นกัน ซึ่งตู้นี้โครงการ Built-in มาให้ไม่จรดฝ้าเพดานนะคะ สามารถเก็บกระเป๋าเดินทางหรือของใหญ่ๆได้ แต่ต้องคอยทำความสะอาดเรื่อยๆเพื่อป้องกันฝุ่น
พื้นที่ข้างตู้เสื้อผ้า เหลือประมาณ 0.60 เมตร เป็นพื้นที่อเนกประสงค์ที่สามารถวางที่แขวนกระเป๋าแบบนี้ก็ได้ จะทำโต๊ะเครื่องแป้งก็ดี หรือจะทำเป็นโต๊ะเขียนหนังสือก็โอเค แล้วแต่ความชอบและ Lifestyle ค่ะ
จากตู้เสื้อผ้าถึงปลายเตียง จะเหลือพื้นที่ 0.56 เมตร ซึ่งพอเราเปิดตู้เสื้อผ้าออกมาแล้วจะเหลือพื้นที่ยืนค่อนข้างน้อย ต้องเอียงตัวเปิดตู้กันบ้างนะคะ
พื้นที่ข้างเตียงถึงหน้าต่างห้อง ประมาณ 0.55 เมตร เป็นระยะที่พอวางโต๊ะหัวเตียงได้ 1 อันพอดีและมีพื้นที่พอเดินได้ค่ะ
มองจากปลายเตียงออกไปยังห้องรับแขก
ไฟในห้องนอนจะมีไฟดาวน์ไลท์ให้ 2 ดวง และห้องรับแขกก็มีให้ 2 ดวงเช่นกันค่ะ
มุมมองจากเตียงนอน ไปที่ห้องนั่งเล่นจะเห็นทีวีแบบพอดีๆ ถ้าวันไหนขี้เกียจนอนโซฟาแต่อยากนอนเล่นบนเตียงแล้วดูทีวีไปด้วยก็สามารถทำได้ค่ะ ถัดมาจะเป็นทางเข้าห้องครัว ที่เห็นห้องน้ำด้วยพอดิบพอดี มองจากตรงนี้เราจะเห็นว่าห้องนอนกับห้องครัวใกล้กันมาก ถ้าใครทำอาหารหนักๆรับรองว่ากลิ่นเข้าห้องนอนแน่ๆถ้าไม่ปิดประตู เดี๋ยวเราเดินไปดูที่ห้องครัวกันค่ะ
พื้นห้องครัวเป็นกระเบื้องสีขาว ขนาด 30 x 30 เมตร มีการปิดคิ้วและที่กันลื่นไว้ให้ด้วย
ชุดครัว Built-in เป็นแบบเดียวกับ Type A ค่ะ แต่ส่วนตู้ชั้นบนโครงการวางต้นไม้เล็กๆน่ารักตกแต่งไว้ให้ดูเป็นตัวอย่าง ลิ้นชักและช่องเปิดตามภาพ ส่วนผนังหลังท็อปเคาน์เตอร์ครัวเป็นผนังปูนทาสีขาวธรรมดา ไม่มีการติดกระเบื้องให้นะคะ แนะนำให้ติดกระเบื้องหรือพลาสติกเพื่อกันคราบสกปรกที่ทำความสะอาดได้ยาก
ตัวซิ้งค์ล้างจานทรงสี่เหลี่ยมขนาดปานกลาง และก็อกน้ำลูกบิดพอดีมือ เป็นแบบเดียวกับห้อง Type A มีพื้นที่เล็กน้อยหลังก็อกน้ำไว้ให้วางน้ำยาล้างจานและฟองน้ำล้างจานค่ะ
พื้นที่วางตู้เย็นค่ะ
ส่วนผนังด้านตรงข้ามกับเคาน์เตอร์ครัวเป็นผนังเรียบ โครงการจึงแขวนที่วางเครื่องปรุง และแขวนกระถางต้นไม่น่ารักให้เป็นไอเดียตัวอย่าง ซึ่งตรงนี้เป็นพื้นที่ที่เราจะแขวนหรือจัดอะไรก็ได้ตามความชอบค่ะ
ภาพรวมเมื่อมองจากครัวออกไปยังนอกระเบียง ถ้าจัดวางต้นไม้ตกแต่งให้สวยงามก็จะได้ครัวที่มีมุมมองที่ดี ประตูห้องครัวเป็นประตูกระจกบานเลื่อนเดี่ยว กรอบอลูมิเนียมสีธรรมชาติค่ะ
พื้นที่ระเบียงขนาด 1.175 x 1.650 เมตร มีการยกระดับธรณีประตูกันน้ำเข้า ประมาณ 10 ซม.พื้นเป็นกระเบื้องสีขาว ขนาด 30 x 30 ซม.
ออกมานอกระเบียงมีที่วางคอมเพลสเซอร์แอร์ 1 ตัวหันเข้าผนัง ราวระเบียงเป็นเหล็กทาสีโปร่ง สูงประมาณ 1 เมตร
ที่ระเบียงมีเต้ารับกันน้ำ และก็อกน้ำของ SANWA ให้ เหมือนห้อง type A
โดยส่วนของระเบียงจะมีโคมไฟซาลาเปาให้ 1 ตัวค่ะ
จากระเบียงมองเข้าไปในครัว จะเห็นห้องครัวทั้งห้องซึ่งขนาดค่อนข้างเล็กค่ะ ห้องครัวมีไฟดาวน์ไลท์ให้ 1 ดวง มองไปสุดทางจะเป็นห้องน้ำ
เข้ามาในห้องน้ำ มีการจัดพื้นที่แยกส่วนเปียกส่วนแห้งชัดเจน
ให้สุขภัณฑ์ ก็อกน้ำ, อ่างล้างหน้า, โถสุขภัณฑ์, สายชำระ และที่แขวนทิชชู่ เป็นของ Cotto หรือเทียบเท่านะคะ รวมทั้งมีกระจกเงาเจียปรีมาให้ด้วย ส่วนถังขยะนั้นทางโครงการไม่ได้ให้ค่ะ
พื้นจากห้องนอน ลดระดับลงมาประมาณ 5 ซม. แต่จากส่วนอาบน้ำมีการยกธรณีขึ้น 5 ซม.เพื่อกั้นส่วนเปียกและส่วนแห้งค่ะ พื้นห้องน้ำเป็นกระเบื้องขนาด 30 x 30 ซม.
ในส่วนพื้นที่อาบน้ำ ขนาด 1.5 x 0.8 เมตร มีราวแขวนผ้าและชุดฝักบัวของ Prema ให้เช่นเดียวกับห้อง Type A ค่ะ
ในส่วนของห้องน้ำจะมีไฟดาวน์ไลท์ให้ 2 จุด คือ ส่วนเปียกและส่วนแห้ง รวมทั้งมีพัดลมดูดอากาศให้ค่ะ
แบบเฟอร์นิเจอร์ที่แถมสำหรับห้อง Type A
แบบเฟอร์นิเจอร์ที่แถมสำหรับห้อง Type B
**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ
ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 17 March 2015
- 1 Bedroom อาคาร A ชั้น 2 ห้อง A209 เนื้อที่ 28 ตร.ม.ราคา 1,181,600 บาท หรือ 42,200 บาท/ตร.ม.
- 1 Bedroom อาคาร B ชั้น 3 ห้อง A315 เนื้อที่ 28 ตร.ม.ราคา 1,194,200 บาท หรือ 42,650 บาท/ตร.ม.
- 1 Bedroom อาคาร B ชั้น 4 ห้อง A424 เนื้อที่ 28 ตร.ม.ราคา 1,481,200 บาท หรือ 52,900 บาท/ตร.ม.
- 1 Bedroom อาคาร A ชั้น 5 ห้อง A505 เนื้อที่ 28 ตร.ม.ราคา 1,449,000 บาท หรือ 51,750 บาท/ตร.ม.
- 1 Bedroom อาคาร A ชั้น 6 ห้อง A608 เนื้อที่ 28 ตร.ม.ราคา 1,467,200 บาท หรือ 52,400 บาท/ตร.ม.
- 1 Bedroom อาคาร A ชั้น 8 ห้อง A803 เนื้อที่ 28 ตร.ม.ราคา 1,454,600 บาท หรือ 51,950 บาท/ตร.ม.
- ** โปรโมชั่นตอนนี้ จองปุ๊บรับทันที ทองคำหนัก 1 บาท มูลค่า 19,000 บาท ระยะเวลามีผลใช้ตั้งแต่วันที่ 1-31 มีนาคม 2558
- อัพเดทข้อมูลจากทางโครงการ 1 Bedroom อาคาร A เนื้อที่ 28 ตร.ม.ราคาเริ่มต้น 1,500,000 บาท หรือ 53,572 บาท/ตร.ม. (11/05/2016)
- Fully Furnished (เตียงไม่รวมฟูก, ตู้เสื้อผ้า, โต๊ะรับประทานอาหาร+เก้าอี้ 2 ตัว, โซฟา, ชุดครัว Built-in, สุขภัณฑ์ในห้องน้ำ)
- ฝ้าเพดานสูง 2.4 เมตร ห้องครัวสูง 2.3 เมตร และห้องน้ำสูง 2.2 เมตร
- จอง 5,000 บาท
- ทำสัญญา 25,000 บาท
- ดาวน์ 9% ผ่อนดาวน์ 14 งวด
- ค่ากองทุน 500 บาทต่อตารางเมตร
- ค่าส่วนกลาง 38 บาทต่อตารางเมตรต่อเดือน จัดเก็บล่วงหน้า 1 ปี
- ค่าใช้จ่ายในการขอวงเงินกู้กับสถาบันการเงิน และค่าจดจำนอง 1% ของเงินกู้ ผู้จะซื้อเป็นผู้ชำระ
- ค่าใช้จ่า ค่าอากรแสตมป์และค่าธรรมเนียมในการโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุด 2 % ผู้ซื้อและผู้ขายจะเป็นฝ่ายชำระคนละครึ่ง
- ค่าธรรมเนียมการขอและค่าประกันมิเตอร์ไฟฟ้า 15 แอมป์ ผู้จะซื้อเป็นผู้ชำระ
- ค่าบำรุงรักษามาตรน้ำประปา 30 บาท/ห้องชุด/เดือน จัดเก็บล่วงหน้า 1 ปี
- จัดเก็บค่าน้ำประปา 20 บาท/หน่วย
- กรณีเปลี่ยนแปลงชื่อผู้จะซื้อก่อนโอนกรรมสิทธิ์ ค่าดำเนินการครั้งละ 20,000 บาท
**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ครับ
ทำเลของโครงการ The Niche id เสรีไทย เป็นทำเลชานเมืองที่เชื่อมต่อกับถนนหลายสาย โดยมีสถานที่ใกล้เคียงที่เป็นจุดเด่นคือ สวนสยาม, Fashion Island และใกล้นิคมอุตสาหกรรมบางชัน จึงทำให้มีคนพักอาศัยอยู่เยอะจึงทำให้สภาพแวดล้อมโดยรอบจะเป็นอาคารพาณิชย์และบ้านพักอาศัยซะเป็นส่วนใหญ่ อาหารการกินถือว่ามีความอุดมสมบูรณ์และอยู่ไม่ไกลจากตลาดจตุจักร 2 หรือตลาดมีนบุรีมากนัก ซึ่งถ้าจะให้พูดถึงตัวทำเลโครงการจริงๆก็ไม่มีจุดเด่นอะไรมาก แต่สิ่งที่ดีอย่างหนึ่งคือถนนเสรีไทย เป็นถนนชานเมืองที่เชื่อมต่อกับถนนที่จะเข้าเมืองได้หลายสายทั้งถนนเส้นลาดพร้าวที่มีอาคารสำนักงาน ห้างสรรพสินค้า ตลาด โรงพยาบาล เป็นถนนเส้นที่มีความอุดมสมบูรณ์มาก ใกล้ถนนรามคำแหงที่มีทางขึ้น Airport Link ใกล้ถนนรามอินทราที่ไปยังห้าง Fashion Islandได้ ทำให้แม้บริเวณโครงการจะไม่มีอะไรให้ไปมาก แต่ก็ไม่ยากถ้าจะขับรถออกไปยังถนนเส้นอื่นได้ค่ะ
การเดินทางโดยใช้รถ หากใครมาจากเมือง สามารถเข้า-ออกจากทางถนนลาดพร้าวได้ ซึ่งถนนเส้นนี้ค่อนข้างจะติดมากในชั่วโมง Office hour ทั้งเช้าและเย็น ซึ่งหากใครต้องการขึ้นทางด่วน ถนนลาดพร้าวมีทางแยกไปถนนประดิษฐ์มนูธรรม(ถนนเลียบทางด่วนรามอินทรา)ที่จะสามารถไปขึ้นทางด่วนรามอินทรา-อาจณรงค์ได้ แต่สำหรับใครที่ต้องการขึ้นวงแหวนรอบนอก ก็สามารถไปขึ้นที่ถนนกาญจนาภิเษกได้ ซึ่งหากเลี้ยวจากถนนเสรีไทยเข้าถนนกาญจนาภิเษกจะสามารถทะลุไปถนนรามคำแหง เพื่อไปขึ้น Airport Link ไปสุวรรณภูมิได้ ส่วนใครมาจากมีนบุรีก็สามารถมาได้ทั้งจากถนนสุวินทวงศ์และถนนสีหบุรานุกิจ ผ่านแยกเมืองมีนขับมาที่ถนนเสรีไทย ก็สามารถมาที่โครงการได้เลยค่ะ
ส่วนการเดินทางโดยไม่ใช้รถมีรถประจำทางสาย 27,151 และ 191 ขับผ่าน และมีวินมอเตอร์ไซค์ในละแวกโครงการหลายจุด ส่วนในอนาคตจะมีโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม สถานีน้อมเกล้า(บนถนนรามคำแหง) และรถไฟฟ้าสายสีชมพู สถานีนพรัตน์ราชชนนี(บนถนนรามอินทรา) ซึ่งเป็นสถานีที่ใกล้ที่สุดค่ะ
วัสดุของโครงการ ตั้งแต่พื้นห้อง Living room และห้องนอนให้มาเป็นลามิเนตหนา 8 มม. พื้นห้องครัวและพื้นระเบียงเป็นกระเบื้องสีขาวขนาด 30 x 30 ซม.ผนังห้องฉาบเรียบทาสี ฝ้าเพดานเป็นยิปซั่มบอร์ดฉาบเรียบทาสีเช่นกัน ไฟที่ให้ในส่วนภายในจะเป็นไฟดาวน์ไลท์ทั้งหมด ส่วนไฟระเบียงจะเป็นไฟซาลาเปา สุขภัณฑ์ในห้องน้ำทั้งตัวก็อกน้ำ, อ่างล้างหน้า, โถสุขภัณฑ์, สายชำระและที่แขวนทิชชู่จะเป็นของ Cotto หรือเทียบเท่า ส่วนชุดฝักบัวจะเป็นของ Prema ในส่วนของเฟอร์นิเจอร์ในห้องจะมีชุดครัว Built-inให้, ตู้เสื้อผ้า, โซฟา2 ที่นั่ง, โต๊ะกินข้าว+เก้าอี้ 2 ตัว, เตียงนอนไม่รวมฟุก และชั้นวางทีวี โดยเฟอร์นิเจอร์ทั้งหมดที่ให้เป็นของ SB Furniture ค่ะ
การออกแบบเริ่มตั้งแต่ตัวอาคารที่มีการออกแบบให้เป็นสีเทา-ขาว มีการเล่นลวดลายบนอาคารให้ดูไม่น่าเบื่อค่อนข้างเข้ากันดี ทั้งในส่วนลวดลายบนผิวอาคาร ลวดลายบนสวน ไปจนถึงลวดลายของฝาผนังในห้องน้ำที่เล่น Element เดียวกัน ทำให้รู้สึกว่าการออกแบบค่อนข้างโอเคสำหรับคอนโด Low Rise ราคาระดับนี้ ส่วนการออกแบบการวางอาคารที่หันหน้าเข้าหากัน โดยมีคอร์ท Facilities อยู่ตรงกลาง เป็นข้อดีตรงที่ทุกคนในโครงการสามารถใช้ส่วนกลางร่วมกันได้ แต่ข้อเสียคือคนที่อยู่ตึกฝั่งตรงข้ามกันก็จะเปิดหน้าต่างออกมามองตากันปิ๊งๆ ซึ่งบางคนก็ไม่ชอบ เพราะจะทำให้เสียความเป็นส่วนตัว
ส่วนการออกแบบห้องพักขนาด 28 ตร.ม. ที่มีให้ขนาดเดียว แต่แบ่งเป็น 2 type ซึ่งมีความแตกต่างกันที่ขนาดของตู้เสื้อผ้า และโต๊ะทานข้าว โดยห้องที่ได้ตู้เสื้อผ้าเล็กจะได้โต๊ะทานข้าว ส่วนถ้าห้องที่ตู้เสื้อผ้าใหญ่ ก็จะไม่ได้โต๊ะทานข้าว อันนี้ก็แล้วแต่ความชอบของแต่ละคนว่าอยากได้พื้นที่แบบไหน ข้อดีของแบบห้องของที่นี่คือ แม้แบบห้องจะขนาดมินิ แต่ก็ออกแบบให้มีครัวแยก ที่เราสามารถไปติดตั้งประตูให้เป็นครัวปิดเองได้ และห้องน้ำก็แยกส่วนเปียกส่วนแห้งให้ด้วย ถือว่าทำออกมาได้ลงตัวดีค่ะ
สำหรับสาธารณูปโภคส่วนกลาง โครงการจะให้สระว่ายน้ำแยกสระเด็กและผู้ใหญ่,ห้องฟิตเนส, Clubhouse ที่มีส่วนภายใน และชานภายนอกที่นั่งมองสวนและเห็นวิวสระว่ายน้ำ มีให้สวนแบบ Vertical Garden ซึ่งสำหรับ 455 ยูนิต ถือว่าไม่ได้เยอะมาก ลิฟต์อัตราส่วน 114 : 1 ซึ่งค่อนข้างจะหนาแน่นในชั่วโมงเร่งด่วน แต่สำหรับคอนโด Low Rise ก็ไม่ค่อยเป็นปัญหา เพราะสามารถเดินลงบันไดหนีไฟได้ แต่ชั้นสูงๆนี่จะเดินก็เหนื่อย คงต้องเสียเวลารอลิฟต์พอสมควรค่ะ ส่วนที่จอดรถที่มีให้ 39% รวมจอดซ้อนคันและมีที่จอดรถจักรยานยนต์รองรับไว้ให้ 18 คันในช่องจอด ก็แสดงว่าคงคิดเผื่อสำหรับคนที่ซื้อคอนโดราคานี้ น่าจะมีการใช้มอเตอร์ไซค์อยู่พอสมควร แต่ที่จอดรถโดยรวมแล้วก็ยังถือว่ายังน้อยไปหน่อยนะคะ
Judgement
การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้
ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%
เทียบกับราคา 49.000 บาทต่อตารางเมตร, 17 March, 2015
- ทำเล 7.5/10 -ถนนเสรีไทย ช่วงปลายๆใกล้ถึงมีนบุรี ไม่ติดถนนใหญ่ แต่ยังมีทางเชื่อมเข้า-ออก ได้หลายเส้นทางก็ยังถือว่าโอเค
- เดินทางด้วยรถ 7.5/10 -สามารถขับรถเข้าเมืองได้หลายทาง แต่ที่จอดรถน้อยไปหน่อย
- ไม่ใช้รถ 7.5/10 -มีรถเมล์ผ่านโดยสามารถเดินออกจากซอย 81/2 ไปขึ้นรถเมล์ที่ป้ายรถเมล์หน้าซอยได้ แต่ติดที่ทางเข้าออกค่อนข้างไกล เพราะไม่ได้ติดถนนใหญ่ ถ้าเดินออกมาขึ้นรถก็ค่อนข้างเหนื่อยพอดู
- วัสดุ 7.25/10 -วัสดุให้มาตรฐานสำหรับโครงการระดับนี้
- แบบ 7.75/10 -แบบค่อนข้างโอเคกับราคา การออกแบบพื้นที่ใช้สอยค่อนข้างลงตัวกับขนาดห้อง
- สาธารณูปโภค 7.75/10 -ส่วนกลางมีให้มาครบทั้งสระว่ายน้ำ, Fitness, Clubhouse แต่ค่อนข้างน้อยสำหรับยูนิตขนาดนี้ แต่ถ้าเทียบกับราคาแล้วถือว่าสมน้ำสมเนื้อ
- SUPER ECONOMY CLASS
- 7.51/ 10.00
BOTTOM LINE
โครงการ The Niche id เสรีไทย เป็นโครงการที่เหมาะกับคนที่มองหาคอนโดย่านชานเมืองราคาเบาๆ หิ้วกระเป๋าเข้าอยุ่ได้เลย สามารถเข้า-ออกได้หลายเส้นทาง ชอบส่วนกลางครบแต่ไม่เน้นใช้บ่อย มีงบประมาณ 1-2 ล้านบาท หรือมีกำลังผ่อนประมาณ 7,000-14,000 บาท/เดือน
ถ้าเห็นว่ารีวิวนี้มีประโยชน์ ช่วยกด LIKE ให้หน่อยนะคะจะได้มีกำลังใจทำรีวิวถัดๆไป