รีวิวฉบับที่ 911 สวัสดีค่ะ วันนี้เราจะพาไปชมคอนโดสร้างเสร็จพร้อมอยู่ในย่านชานเมืองราคาน่ารักน่าคบ กับโครงการ The Kith ติวานนท์ จาก Sena Development คอนโด Low Rise สูง 7 ชั้น 11 อาคาร โครงการระดับ Super Economy จับกลุ่มตลาดห้องชุดราคาถูก ในราคาเริ่มต้น 940,000 บาทหรือ 33,691 บาทต่อตารางเมตร เหมาะกับคนที่อยากเป็นเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ราคาเบาๆ ในย่านติวานนท์ ปากเกร็ด ซึ่งตอนนี้คอนโดสร้างเสร็จพร้อมเข้าอยู่แล้ว หน้าตาโครงการจะเป็นอย่างไรไปดูพร้อมๆกันเลยค่ะ
Fact @ 1 Sep 2015
- THE KITH TIWANON (เดอะ คิทท์ ติวานนท์)
- บริษัท เสนา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน)
- SUPER ECONOMY (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
- โครงการตั้งอยู่ใน: ซ.ติวานนท์-ปากเกร็ด 17 ถ.ติวานนท์ ต.ปากเกร็ด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี
- ที่ดินประมาณ 14-1-58.8 ไร่
- คอนโด Low Rise 7 ชั้น 11 อาคาร
- จำนวนห้องพักอาศัยทั้งโครงการ 869 ยูนิต แบ่งเป็นยูนิตพักอาศัย 851 ยูนิต และยูนิตร้านค้า 18 ยูนิต
- มีจำนวนห้องพัก 79 ยูนิตต่ออาคาร
- Type A แบบ 1 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ ขนาด 27.90-29 ตร.ม.
- Type B แบบ 2 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ ขนาด 54-56 ตร.ม.
- Type C แบบ 2 ห้องนอน 1ห้องน้ำ ขนาด 58-59 ตร.ม.
- ราคาเริ่มต้นประมาณ 940,000-2,500,000 ล้านบาท
- ราคาเริ่มต้นเฉลี่ยต่อตารางเมตรประมาณ 33,691 บาท
- เริ่มก่อสร้าง: เมษายน ปี 2556
- คาดว่าจะแล้วเสร็จ: ธันวาคม ปี 2557
- www.thekithcondo.com
- Tel: 1775 #2
เพียงแค่การกด Like ก็เท่ากับการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจาก Think of Living แล้วค่ะ
สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างนะ
พิกัด : 13.913493, 100.506540
แผนที่จากทางโครงการค่ะ จะเห็นว่าโครงการ The Kith ติวานนท์ ตั้งอยู่ในซอยติวานนท์-ปากเกร็ด 17 ใกล้กับห้าแยกปากเกร็ด โดยในแผนที่จะแสดงให้เห็นว่าโครงการอยู่ใกล้กับสถานที่สำคัญหลายแห่ง เช่น โรงเรียนสวนกุหลาบ วิทยาลัยนนทบุรี, Big C-Homepro-Central แจ้งวัฒนะ, โรงพยาบาลเจ้าพระยา, Hallywood , เมืองทองธานี, The Mall, Tesco Lotus ฯลฯ
โครงการ The Kith ติวานนท์ ตั้งอยู่ในซอยติวานนท์-ปากเกร็ด 17 ห่างจากถนนติวานนท์ประมาณ 300 เมตร และอยู่ใกล้กับห้าแยกปากเกร็ด ซึ่งเป็นบริเวณที่มีการจราจรหนาแน่นพอสมควรในช่วงเวลาเร่งด่วนเนื่องจากเป็นพื้นที่อยู่อาศัยแนวราบเป็นส่วนมาก โดยเฉพาะบริเวณห้าแยกปากเกร็ดที่การจราจรหนาแน่นเป็นพิเศษ ซึ่งเราสามารถเลี่ยงไปใช้ทางเลี่ยงเมืองที่อยู่ไม่ไกลจากโครงการเพื่อหนีรถติดได้ค่ะ
จากโครงการหากต้องการเข้าเมือง สามารถวิ่งเส้นแจ้งวัฒนะแล้วไปออกวิภาวดีเพื่อเข้าสู่ในเมือง หรือจะขึ้นทางด่วนศรีรัชก็ได้ นอกจากนี้ยังสามารถวิ่งมาเรื่อยๆบนเส้นติวานนท์ผ่านงามวงศ์วาน ม.เกษตรและทะลุออกเส้นพหลโยธินได้อีกด้วย ส่วนออกนอกเมืองก็จะไปโซนปทุมธานี และนนทบุรีค่ะ
บริเวณพื้นที่ใกล้เคียงโครงการถือว่าย่านนี้มีความอุดมสมบูรณ์พอสมควร เพราะมีสถานที่สำคัญหลายแห่งอยู่ใกล้ๆ ขออธิบายแบ่งเป็นโซนตามขอบเขตถนนนะคะ โซนแรกจะเริ่มจากห้าแยกปากเกร็ดไปทางแม่น้ำเจ้าพระยา (เส้นสีเขียว) จากโครงการอยู่ใกล้กับ Major Hallywood ประมาณ 1.1 กิโลเมตร บริเวณหน้า Major มีทั้งของกินของใช้ขาย เลย Major ก็มีร้านอาหาร ร้านขายเสื้อผ้า คลินิก ยาวไปจนเกือบถึงริมแม่น้ำเจ้าพระยา
สำหรับคนที่ชอบทำอาหาร ตลาดสดที่ใกล้โครงการมี ตลาดสดศรีปากเกร็ด และตลาดสดพิชัย อยู่ใกล้ๆกันบริเวณใต้สะพานพระราม 4 และยังใกล้กับสถานที่ท่องเที่ยวเกาะเกร็ดด้วย ถ้าอยากเที่ยวก็ไปได้ไม่ยากเลยค่ะ โดยนั่งเรือข้ามฝั่งไปก็ถึงแล้ว โซนที่ 2 จะเป็นฝั่งถนนแจ้งวัฒนะ(เส้นสีแดง) บนเส้นนี้จะมีห้างร้านต่างๆอยู่ไม่ไกลจากโครงการมากนัก จะมี Big C Extra, Home Pro อยู่ห่างประมาณ 1.6 กิโลเมตร และห่างจากเซ็นทรัลแจ้งวัฒนะประมาณ 3.2 กิโลเมตร
ท่าเรือด่วนเจ้าพระยาที่ใกล้โครงการมีอยู่ 2 ท่าค่ะ คือท่าเรือปากเกร็ด อยู่ห่างประมาณ 2.3 กิโลเมตร เป็นท่าเรือที่มีเรือด่วนเจ้าพระยาหลายสายมาจอด เนื่องจากเป็นจุดเชื่อมต่อการคมนาคมระหว่าง อำเภอปากเกร็ด อำเภอเมืองนนทบุรี และกรุงเทพมหานคร และยังเป็นท่าเรือปลายทางของเรือด่วนเจ้าพระยาอีกด้วย และท่าเรือวัดกลางเกร็ด อยู่ห่างประมาณ 2.4 กิโลเมตร สามารถเดินทางเข้าเขตพระนคร และสาทรได้สะดวกไม่ต้องกลัวรถติด ป้ายรถเมล์ที่ใกล้โครงการจะอยู่ตรงหน้าโครงการเลย โดยจะมีรถประจำทางสาย 33 และ 90 วิ่งผ่าน นอกจากนี้ในอนาคตจะมีรถไฟฟ้า MRT สายสีชมพูมาสร้าง โดยสถานีที่ใกล้คือสถานีปากเกร็ด ห่างจากโครงการประมาณ 500 เมตร ยิ่งเพิ่มความสะดวกสบายมากขึ้น แต่คงต้องรออีกหลายปีหน่อยค่ะ
โดยเส้นทางที่เราจะพาไปในวันนี้ จะเริ่มจากถนนวิภาวดีรังสิต เลี้ยวเข้าถนนแจ้งวัฒนะ ผ่านห้าแยกปากเกร็ด แล้วก็เลี้ยวขวาเข้าถนนติวานนท์ เพื่อไปโครงการที่ซอยติวานนท์-ปากเกร็ด 17 ค่ะ
จากเส้นวิภาวดีมุ่งหน้าไปรังสิต เจอป้าย อ.ปากเกร็ด แล้วชิดซ้ายเลยค่ะ
เราจะเลี้ยวซ้ายข้ามทางรถไฟเพื่อเข้าถนนแจ้งวัฒนะ ถ้าตรงไปดอนเมืองค่ะ
ข้ามทางรถไฟมาจะเจอ TOT อยู่ทางซ้ายมือ ตอนที่ไปทำรีวิววันพุธเวลาประมาณ 9 โมงเกือบ 10 โมงตอนนี้ถนนโล่งแล้วเพราะเลยเวลาเร่งด่วนมาแล้ว ถ้าเป็นช่วงพีคนี่ไม่ต้องพูดกันเลย ติดยาวไปจนถึงปากเกร็ดเลยค่ะ
ตรงมาจะเจอ กสท ค่ะ
ตรงมาเรื่อยๆ จะเจอศาลปกครอง และศูนย์ราชการทางซ้ายมือ
เราจะตามป้ายไปปากเกร็ดค่ะ
เราจะขึ้นสะพานข้ามแยกข้างหน้า สังเกตขวามือมีทั้ง Big C, The Avenue, Lotus
เลยมาก็จะเจอ Makro ทางซ้ายมือค่ะ
เราจะตรงไปปากเกร็ดค่ะ ทางซ้ายมือไปได้หลายที่ตามป้ายเลยค่ะทั้งทางด่วนและทางปกติ
เราจะขึ้นสะพานตรงไปค่ะ ถ้าใครจะไปเมืองทองก็ชิดซ้ายไปเลย
ลงสะพานมาจะเจอกับ สถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ อยู่ซ้ายมือ
ตรงมาก็จะเจอเซ็นทรัลแจ้งวัฒนะคะ
เลย Central มาซ้ายมือจะเจอโรงพยาบาลเวิลด์เมดิคอลเซ็นเตอร์ ขวามือเป็นปั้มบางจาก
ตรงมาอีกสักพักจะเจอ Home Pro และ Big C ติดกันเลยค่ะ
เห็นป้ายนี้แล้วชิดซ้ายเพื่อตรงไปห้าแยกปากเกร็ด เลนขวามือจะขึ้นสะพานข้ามห้าแยกปากเกร็ดไปออกราชพฤกษ์ค่ะ
พอถึงห้าแยกปากเกร็ด เราจะเลี้ยวขวาตามทางสีแดงเข้าถนนติวานนท์ไปทางปทุมธานี เพื่อไปยังโครงการกันนะคะ
พอเลี้ยวเข้ามาบนถนนติวานนท์ บรรยากาศก็จะเป็นอาคารพาณิชย์ บ้านพักอาศัย และอาคารสำนักงานซะเป็นส่วนใหญ่ ด้านขวามือเราที่เห็นเป็นราวกันตกนั่นคืออุโมงค์ใต้ดินค่ะ เพื่อข้ามแยกปากเกร็ดรับรถจากถนนติวานนท์ เส้นทางนนทบุรี-ปทุมธานี ช่วยลดภาระรถติดไปได้พอสมควรเลย
ตรงเข้ามานิดหน่อย ทางซ้ายมือเราจะเจอปั๊ม ปตท.ที่มี 7 Eleven ด้วย
บนถนนเส้นนี้ จะมีอาคารพาณิชย์ที่ใช้อยู่อาศัยและประกอบอาชีพค่อนข้างเยอะ ทั้งสองข้างทางเลย
ขับมาจนเห็นอาคารชั้นเดียวสีเหลืองๆเป็นร้านขายหินมงคลหินนำโชค ซึ่งถัดไปก็เป็นโครงการ The Kith ติวานนท์แล้วค่ะ
โดยหน้าทางเข้าโครงการ The Kith ติวานนท์ จะมีสะพานลอย และป้ายรถเมล์ สามารถเดินมาขึ้นรถประจำทางได้ง่าย
ซึ่งป้ายรถเมล์นี้ก็จะรองรับเด็กจากโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย ที่เดินสะพานลอยมาขึ้นรถเมล์ฝั่งนี้ด้วยค่ะ ถัดจากป้ายรถเมล์ไป ก็จะเป็นสำนักงานขายของโครงการ The Kith ติวานนท์แล้ว เดี๋ยวเราพาเข้าไปดูโครงการกันเลยดีกว่าค่ะ
บริบทโดยรอบโครงการ ทิศเหนือ ติดกับคอนโดมิเนียมเอื้ออาทร ความสูง 5 ชั้น ทิศตะวันตก ติดกับที่ดินว่างเปล่าของบุคคลอื่น ทางทิศใต้ ติดกับที่ดินว่างเปล่าของบุคคลอื่นและซอยติวานนท์-ปากเกร็ด 17 ซึ่งเป็นทางเข้า-ออก หลักของโครงการ หากออกไปประมาณ 300 เมตรจะเจอกับถนนติวานนท์ซึ่งเป็นถนนใหญ่ ซึ่งความเจริญและสาธารณูปโภคส่วนใหญ่จะเกาะอยู่ที่ถนนเส้นนี้ ทั้งปั๊ม PTT NGV และโรงพยาบาลกรุงไทย ส่วนฝั่งตรงข้ามโครงการจะมี Amway และโรงเรียนสวนกุหลาบ วิทยาลัยนนทบุรี ส่วนทางทิศตะวันออก จะติดกับบ้านแฝดและบ้านเดี่ยว ความสูง 2 ชั้น
สถานที่แวดล้อมโครงการ:
- โรงเรียนสวนกุหลาบ นนทบุรี ฝั่งตรงข้ามโครงการ
- บิ๊กซี เอ็กซ์ตร้า สาขาแจ้งวัฒนะ ~1.6 กม.
- Homepro ~1.6 กม.
- อาคารจัสมิน ทาวน์เวอร์ ~2.3 กม.
- อาคารซอฟแวร์ปาร์ค ~3.2 กม.
- เมืองทองธานี ~3.2 กม.
- ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลแจ้งวัฒนะ 3.2 กม.
ก่อนเข้าไปในโครงการ เรามาดู Master Plan กันก่อนค่ะ ที่ดินของโครงการเป็น Shape สี่เหลี่ยมผืนผ้าเกือบๆจะคางหมู รอบๆโครงการมีการจัดสวนและสอดแทรกพื้นที่สีเขียวระหว่างอาคารตลอดแนว ถนนหลักภายในโครงการกว้าง 10 เมตร ส่วนถนนย่อยกว้าง 6 เมตร โดยโครงการจะมีทั้งหมด 11 อาคาร แบ่งซอยย่อยเป็น 6 ซอย ซอยละ 2 อาคาร มีเพียงซอยที่ 4 เท่านั้นที่มี 1 อาคาร เพราะอีก 1 อาคารถูกแทนที่ด้วย Clubhouse ที่ประกอบด้วย สระว่ายน้ำระบบเกลือ ขนาด 15 x 22 เมตร แบ่งสระเด็กและผู้ใหญ่, ห้องฟิตเนส, ห้องโยคะ และส่วนของนิติบุคคล
ซึ่งในแต่ละซอยของยูนิตพักอาศัยจะมีรปภ.ดูแลตรงทางเข้า-ออก ตรงกลางซอยจะมีจุดพักขยะและสวนที่นั่งเล่นให้ระหว่างตึก ส่วนที่จอดรถจะจอดหน้าอาคาร ซึ่งมีที่จอดให้ทั้งหมด 308 คัน คิดเป็น 37% แบ่งเป็นจอดในร่ม 176 คัน และแบ่งเป็นจอดกลางแจ้ง 132 คัน รวมทั้งที่จอดรถจักรยานยนต์ 264 คัน ถือว่าค่อนข้างน้อยนะคะ ถ้าจอดไม่พอนี่อาจจะต้องล้นออกมาจอดที่ซอยหน้าโครงการกันบ้าง
ทางเข้าโครงการเด่นด้วยป้าย “The Kith Tiwanon” สีเทา-ฟ้าขนาดใหญ่ เรียบง่ายสไตล์ Minimal ประตูทางเข้าเป็นรั้วกั้นไม้กระดกตอนเดียว ป้อม รปภ.ค่อนข้างเล็กอยู่ข้างๆป้ายโครงการและมีที่นั่งเล็กๆและร่มกันแดดให้ รปภ.นั่งควบคุมไม้กระดก ด้านหน้าสุดฝั่งติดถนนมีไฟเรียกแท๊กซี่ให้ในกรณีที่ลูกบ้านต้องการขึ้นแท๊กซี่ค่ะ
เราเดินเข้ามาด้านในแล้วมองไปทางขวามือจะเห็นสำนักงานขายของโครงการ The Kith ติวานนท์ และลานจอดรถสำหรับลูกค้า ซึ่งในส่วนของสำนักงานขายเดี๋ยวเราจะพาไปดูในช่วงท้ายนะคะ
ซึ่งตัวโครงการเองอยู่ในซอยติวานนท์-ปากเกร็ด 17 ที่ทางเข้าโครงการทั้งสองข้างยังคงเป็นที่ดินว่างเปล่า ทางเข้าตรงนี้โครงการจึงทำการล้อมรั้วด้วยป้ายโฆษณาโครงการชัดมาก เดี๋ยวเราเดินไปอีกหน่อยประมาณ 300 เมตรก็ถึงโครงการแล้วค่ะ
ระหว่างทาง เราจะเจอถนนสองเลน กว้างประมาณ 6 เมตร สองข้างทางเป็นที่ดินว่างเปล่าของบุคคลอื่น มองตรงไปจะเห็นอาคารทั้ง 11 อาคารของ The Kith ติวานนท์แล้ว
เมื่อเดินเข้ามาในโครงการ มองไปทางซ้ายมือ จะเป็นศาลพระภูมิเจ้าที่ และทางเข้าอาคาร A1, A2 ในซอยที่ 1 รั้วโครงการรวมต่อระแนงเพิ่มแล้ว สูงประมาณ 3 เมตร
พอหันมาทางขวามือ เราก็จะเห็นถนนหลักของโครงการ กว้าง 10 เมตร และเห็นอาคารพักอาศัยยาวเรียงหน้ากระดานเลย
ทางเข้าอาคารในแต่ละซอย จะเป็นรั้วโปร่ง ไม่มีประตูเปิด-ปิด แต่จะมีตัวกั้นที่เป็นล้อเลื่อนตั้งไว้เพื่อให้หยุดตรวจแลกบัตรค่ะ
ทางซ้ายมือจะมีที่นั่งให้พี่ รปภ. ดูแลรักษาความปลอดภัยและคอยแลกบัตรจุดละ 2 คน เสียดาย น่าจะทำป้อมให้พี่เค้าซักหน่อยนะจะได้ดูเรียบร้อย
ฝั่งตรงข้ามที่พี่ยามนั่งจะเป็นพื้นที่ข้างตึก ที่จะมีการจัดสวน ทางเดิน และปลูกต้นไม้ให้โดยรอบแบบนี้ ค่อนข้างร่มรื่น
พอเข้ามาด้านใน เราะเห็นทางซ้ายมือเป็นที่จอดรถในร่ม และทางขวามือเป็นที่จอดรถกลางแจ้งอยู่หน้าอาคาร ซึ่งแต่ละซอยจะมีประกอบด้วยอาคาร 2 อาคาร
โดยพื้นที่ใต้อาคารแรก จะเป็นพื้นที่ Shop เพื่อทำการค้าทั้งหมด ซึ่งในอนาคตหากมีร้านค้า สาธารณูปโภคต่างๆมาเปิด ลูกบ้านก็สามารถมาใช้บริการร้านค้าเหล่านี้ได้ค่ะ
ซึ่งในตอนนี้ยังไม่มีร้าน เพราะกำลังอยู่ในช่วงขายนะ
พื้นที่ระหว่างอาคาร ทางซ้ายมือจะเป็นจุดทิ้งขยะ ส่วนทางขวามือจะเป็นสวนนั่งเล่นเล็กๆ
พื้นที่พักขยะ จะมีระแนงสีขาวกั้นสายตาให้ และมีประตูพับเก็บด้านใน ปิด-เปิดให้ เพื่อกั้นสายตาค่ะ
อีกฝั่งหนึ่งเป็นสวนเล็กๆระหว่างโครงการ สามารถนั่งเล่นพักผ่อนได้
ถัดมาเป็นอาคารที่สอง พื้นที่ใต้อาคารจะเป็นยูนิตพักอาศัยในชั้น 1 ซึ่งเป็นส่วนที่ติดกับที่จอดรถเลย โครงการจึงปลูกไม้พุ่มมาให้เป็น Buffer ตลอดแนว เพื่อป้องกันฝุ่นละอองและเพิ่มความเป็นส่วนตัวให้ส่วนหนึ่ง
ก่อนเข้าอาคารเรามาดูที่ผังชั้น 1 กันก่อนนะคะ โดยเมื่อเราเข้าอาคารมาจะเจอส่วนของโถงทางเข้า ที่มีห้อง CCTV โถงลิฟต์และบันไดหนีไฟ โดยลิฟต์โดยสารมีให้ 1 ตัว อัตราส่วน 79 : 1 ไม่หนาแน่นเท่าไหร่ ส่วนบันไดหนีไฟ 2 จุด ตรงข้างโถงลิฟต์และภายนอกอาคาร ในชั้นนี้จะมีห้องพักทั้งหมด 11 ยูนิต โดยมีห้อง Type A เยอะที่สุด จำนวน 8 ห้อง ห้อง Type B จำนวน 3 ห้อง ส่วนห้อง Type C จะไม่มีในชั้นนี้
ทางเข้าอาคารมีทั้งทางขึ้นที่เป็นบันไดและทางลาด มีหลังคากันแดดและฝนตรงทางเข้าให้ ประตูทางเข้าเป็นกระจกเต็มบาน
การเข้า-ออก อาคารจะใช้ Keycard ทาบที่จุดทาบบัตร (ภาพซ้ายมือ) ส่วนหากจะออกอาคารก็ให้กดปุ่ม Exit (ภาพขวามือ)
เข้ามาในอาคารจะเจอโถงค่อนข้างกว้าง ที่มีตู้จดหมาย และโถงลิฟต์ที่อยู่ด้านหน้า
ทางด้านขวามือเป็นห้อง CCTV
ส่วนทางซ้ายมือเป็น Mail Box
ถัดมาเป็นทางเดินภายในอาคารของห้องในชั้น 1 ซึ่งตรงต้นทางมีกล้อง CCTV ให้ 1 ตัว, Fire Alarm และ Manual Pull Station ไว้ใช้ในยามฉุกเฉินเมื่อเกิดเหตุไฟไหม้
ถัดไปเป็นส่วนของโถงลิฟต์ ประตูด้านซ้ายมือเป็นทางเข้าบันไดหนีไฟค่ะ
บริเวณโถงลิฟต์จะมีป้ายบอกชั้น และบอร์ดสำหรับติดข่าวประชาสัมพันธ์ต่างๆ
ลิฟต์ของโครงการมีให้อาคารละ 1 ตัว หน้าตาภายในและภายนอกเป็นแบบนี้เลยค่ะ
ปุ่มกดด้านในลิฟต์
ออกจากลิฟต์ เราลองเปิดประตูออกไปดูทางบันไดหนีไฟกันบ้าง โดยทางขวามือจะเป็นห้องงานระบบ ส่วนทางซ้ายมือเป็นห้องน้ำแม่บ้าน
ภายในห้องน้ำแม่บ้าน (หรือลูกบ้านก็ใช้ได้ในยามฉุกเฉินจริงๆแบบวิ่งขึ้นห้องไม่ทัน) จะมีส่วนโถสุขภัณฑ์และอ่างล้างหน้าให้ค่ะ
ข้างๆห้องน้ำเป็นบันไดหนีไฟ ระหว่างชานพักจะมีหน้าต่างช่องแสงค่อนข้างกว้างจึงทำให้แสงธรรมชาติเข้าได้ดี โถงบันไดค่อนข้างโปร่งและไม่อับค่ะ
ส่วนผังอาคารในชั้น 7 จะเหมือนกัน มีห้องทั้งหมด 8 ยูนิตต่อชั้น ความหนาแน่นค่อนข้างน้อย เพราะห้องพักส่วนใหญ่เป็น Type ขนาดใหญ่ โดยมีห้อง Type B มากที่สุด จำนวน 5 ห้อง, ห้อง Type C 2 ห้อง และห้อง Type A 1 ห้อง
ออกจากตัวอาคารเราจะพาไปดูที่ Facilities อื่นๆของโครงการกันต่อนะคะ
ต่อไปเป็นส่วนของ Clubhouse ที่มีจุดเดียวในโครงการ จะประกอบด้วย สระว่ายน้ำ, ห้องฟิตเนส, ห้องโยคะ, นิติบุคคล, ห้องน้ำรวมที่มีห้อง Sauna ให้ในตัว
ทางเดินเข้า Clubhouse เป็นบันไดทางขึ้นแบบนี้ค่ะ
พอขึ้นมา เราจะเจอกับ Clubhouse ทางซ้ายมือ และสระว่ายน้ำทางขวามือ ส่วนด้านหน้าเป็น Day Bed สำหรับนั่งเล่นริมสระว่ายน้ำค่ะ
โดยสระว่ายน้ำมีจำนวน 1 สระ ระบบเกลือ ขนาด 8 x 22 เมตร ลึก 1.3 เมตร แบ่งสระเด็กและสระผู้ใหญ่ โดยสระเด็กจะมีราวเหล็กกั้นเหนือน้ำให้แบบนี้ด้วย เพื่อความปลอดภัยในขณะว่ายน้ำค่ะ
ในขณะที่ว่ายน้ำ บรรยากาศโดยรอบจะรู้สึกถูกโอบล้อมด้วยตึก และต้นไม้สีเขียว
ขอบรอบๆสระว่ายน้ำเป็นทรายล้างกันลื่น ในขณะที่ Pool Deck ทางด้านซ้ายของสระว่ายน้ำเป็นพื้นไม้ที่โครงการวาง Day Bed และชุดโต๊ะ-เก้าอี้ให้สามารถนั่งเล่นคุยกันได้ ส่วนถ้ามองตรงไปเราจะเห็น Clubhouse สูง 2 ชั้น ซึ่งพื้นที่หน้า Clubhouse ก็มี Day Bed ให้นั่งเล่นริมสระอีกจุดด้วย
พื้นที่ด้านล่างของ Clubhouse จะเป็นห้องนิติบุคคล
ข้างๆกันเป็นโถงทางเดินไปห้องน้ำรวมที่มีห้องซาวน่าในตัว
ห้องน้ำรวมจะแบ่งเป็นห้องน้ำหญิงและห้องนำ้ชาย ติดป้ายหน้าห้องไว้ว่า “Sauna” เดี๋ยวเราจะพาไปดูด้านในกันค่ะ
อ่านระเบียบการใช้ห้องซาวน่ากันสักเล็กน้อย
เข้ามาในห้องน้ำ จะแบ่งเป็นโซนอ่างล้างมือ ห้องซาวน่า ห้องอาบน้ำและห้องส้วม
อ่างล้างมือมีจำนวน 2 อ่าง ท็อปเป็นหินสีดำ กระจกติดผนังเต็มบาน
ห้องซาวน่าจำนวน 1 ห้อง
ด้านหน้ามีปุ่มควบคุมและ Control พร้อมป้ายบอกวิธีใช้ค่ะ
ด้านในห้องซาวน่า
ห้องอาบน้ำ จำนวน 1 ห้อง
ห้องส้วมจำนวน 1 ห้อง
ถัดไปเราจะพาขึ้นไปดูที่ชั้น 2 ของ Clubhouse กันนะคะ
ขึ้นมาที่ชั้น 2 จะเป็นห้องฟิตเนสและห้องโยคะ
ห้องฟิตเนส เป็นห้องกว้างๆค่อนข้างสว่าง เพราะมีหน้าต่างกระจกโดยรอบเลย ตอนกลางวันถ้าใครมาออกกำลังกายก็แทบไม่ต้องเปิดไฟเลยค่ะ
ในขณะที่วิ่งออกกำลังกายก็สามารถมองวิวด้านนอกได้
โดยจะเห็นวิวสระว่ายน้ำผ่านระแนงแบบนี้
ออกจากห้องออกกำลังกายก็มีอีกห้องที่อยู่ข้างๆกันนั่นคือห้องโยคะ
โดยห้องโยคะ จะเป็นห้องโล่งๆ พื้นปูด้วยลามิเนตลายไม้แบบนี้ค่ะ
ออกจาก Clubhouse มาก็จะเป็นอาคารที่อยู่ในซอยเดียวกัน ทางเข้าด้านหน้าก็จะมีทั้งจุดพักขยะ และป้อม รปภ.ที่ดูแลให้ เหมือนกับอาคารในซอยอื่นๆค่ะ
จากตรงนี้เดี๋ยวเราจะพาไปดูห้องตัวอย่างที่สำนักงานขายที่อยู่ด้านหน้าโครงการกันนะคะ
สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก
- สระว่ายน้ำ 1 สระ ระบบเกลือ ขนาด 8 x 22 เมตร ลึก 1.3 เมตร แบ่งสระเด็กและสระผู้ใหญ่
- ห้องออกกำลังกาย 1 ห้อง
- สวนหย่อมรอบโครงการ
- ลิฟท์โดยสาร 1 ตัวต่อหนึ่งอาคาร อัตราส่วนลิฟท์รวมทั้งโครงการ 79 : 1
- ที่จอดรถ 308 คัน คิดเป็น 37% แบ่งเป็นจอดในร่ม 176 คัน และจอดกลางแจ้ง 132 คัน รวมทั้งที่จอดรถจักรยานยนต์ 264 คัน
- ระบบรักษาความปลอดภัยใช้สติ๊กเกอร์ และ Keycard ในการเข้าอาคาร
- รปภ.รักษาความปลอดภัย 24 ชั่วโมง
ในโครงการจะประกอบด้วยห้องพักทั้งหมด 3 Type คือ
- Type A แบบ 1 ห้องนอน ขนาด 27.25-29 ตร.ม.
- Type B แบบ 2 ห้องนอน ขนาด 56-56.7 ตร.ม.
- Type C แบบ 2 ห้องนอน ขนาด 59 ตร.ม.
ซึ่งห้องที่เราจะพาไปรีวิวแบบเจาะลึก คือ ห้อง Type A และ Type B ส่วนห้อง Type C เราจะเก็บภาพรวมๆมาให้ดู ซึ่งใครที่สนใจก็สามารถเข้าไปดูที่โครงการได้ค่ะ
มาเริ่มกันที่ห้องแบบแรก Type A ห้อง 1 Bedroom 1 Bathroom พื้นที่ 27.90-29 ตารางเมตร ความสูงฝ้าเพดาน 2.6 เมตร โดยโครงการขายแบบ Fully Furnished เฟอร์นิเจอร์ที่มีในห้องตัวอย่างจะให้แบบนี้ทั้งหมดยกเว้น Prop และ Buit-in ตกแต่ง
เมื่อเข้าห้องไปปุ๊บสิ่งแรกที่เจอคือห้องรับแขกที่สามารถวางโต๊ะรับประทานอาหารได้ ถัดไปเป็นห้องนอนที่ถูกกั้นด้วยประตูบานเลื่อน ซึ่งในห้องนอนโครงการจะ Built-in ตู้เสื้อผ้ามาให้ ถัดมาจะเป็นครัวเปิดซึ่งเป็นพื้นที่แยกสัดส่วนออกไป ตรงนี้สามารถต่อเติมประตูเองเพื่อกั้นให้เป็นครัวปิดได้ค่ะ โดยห้องครัวจะประกอบด้วยเคาน์เตอร์ครัวและพื้นที่ว่างให้วางตู้เย็น ถัดไปเป็นระเบียงซึ่งมีพื้นที่วางคอมเพลสเซอร์แอร์ และส่วนที่เชื่อมต่อกับครัวอีกส่วนคือห้องน้ำซึ่งแยกส่วนเปียกส่วนแห้งไว้ให้ชัดเจนค่ะ
โครงการขายแบบ Fully Furnished หิ้วกะเป๋าเข้าอยู่ได้เลย โดยรายการวัสดุที่โครงการให้จะประกอบด้วยเตียงนอน 1 ตัว, ชั้นวางทีวี 1 ตัว, ตู้เสื้อผ้า 1 ตัว, โต๊ะรับประทานอาหารพร้อมเก้าอี้รับประทานอาหาร 2 ตัว, โซฟา 1 ตัวพร้อมโต๊ะกลาง และชุดเคาท์เตอร์ครัวพร้อมซิงค์ 1 ตัว
ในส่วนของห้องตัวอย่างจะยังไม่มีบานประตูให้ดูนะคะ แต่ของจริงจะเป็นบานประตูสำเร็จรูป HDF
พื้นห้องปูด้วยลามิเนตลายไม้หนา 8 มิลลิเมตร ตรงธรณีประตูยื่นขึ้นมาเล็กน้อย มีการปิดผิวด้วยวัสดุกันลื่นและปิดคิ้วรอบต่อเรียบร้อย
เปิดเข้าห้องมาสิ่งแรกที่เจอคือห้องนั่งเล่นขนาด 3.40 x 2.80 เมตร ฝ้าเพดานยิปซั่มบอร์ดฉาบเรียบทาสี ความสูงฝ้าเพดาน 2.6 เมตร โดยห้องรับแขกนี้จะเชื่อมต่อกับห้องนอนด้วย โดยห้องนั่งเล่นจะประกอบด้วยโซฟา โต๊ะกลาง และชั้นวางทีวีที่โครงการแถมให้ ระยะดูทีวีประมาณ 2.20 เมตร เหมาะกับการวางทีวีขนาด 46″-52″ จะเป็นระยะที่พอกับสายตาค่ะ
โซฟาสีครีม 2 ที่นั่ง ขนาด 0.70 x 1.50 เมตร พร้อมโต๊ะกลาง ขนาด 0.60 x 0.60 เมตร โครงการให้มาแบบนี้เลยค่ะ
ตรงข้ามกันของจริงจะเป็นผนังฉาบเรียบทาสีขาว สามารถจัดเป็นชุดตู้ Built-in สำหรับวางทีวีได้แบบนี้ ซึ่งโครงการจะแถมตัวตู้ที่วางทีวีให้เพียงชิ้นเดียวเท่านั้นนะคะ ส่วน Built-in ทั้งหมดจะเป็นตัวตกแต่งเท่านั้น
ตู้วางทีวีที่โครงการแถมให้ เป็นสีขาว ขนาด 0.40 x 1.10 เมตร มีช่องใส่ของให้และมีลิ้นชักเปิด-ปิด ให้เก็บของได้เล็กน้อย
หลังทีวีมีเต้ารับและรูเสียบสายเคเบิลให้
มองกลับไปยังประตูห้อง จะเห็นว่ามีพื้นที่สามารถวางโต๊ะรับประทานอาหารได้
ซึ่งชุดโต๊ะรับประทานอาหารนี้โครงการจะแถมให้ด้วยนะคะ เป็นโต๊ะขนาด 0.80 x 0.80 เมตร พร้อมเก้าอี้ 2 ตัว
โดยเมื่อเราลองเอาเก้าอี้ออกมาจากโต๊ะรับประทานในระยะที่นั่ง ก็จะเหลือพื้นที่ว่างระหว่างเก้าอี้กับโซฟาประมาณ 0.60 เมตร ดังนั้นพื้นที่ตรงนี้จึงเหลือพอที่เราจะวางโต๊ะวางของเล็กๆขนาด 0.50 เมตรสักตัว เพื่อให้สามารถวางของและวางโคมไฟตั้งโต๊ะได้ด้วย เพราะมีเต้ารับสำหรับเสียบเครื่องใช้ไฟฟ้าให้
ห้องนั่งเล่นมีไฟดาวน์ไลท์ให้ทั้งหมด 2 ตัว เป็นสี Warm write สว่างปานกลาง
ถัดไปเป็นห้องนอน ซึ่งถูกกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อนเดี่ยว เลื่อนได้ทางเดียวคือบานทางซ้ายมือ ส่วนทางขวามือเป็นบาน Fix ซึ่งข้อเสียของการทำบานเลื่อนเดี่ยวแบบนี้เป็นบานกั้นห้องคือช่องทางเดินจะเหลือที่น้อย เหลือแค่ครึ่งเดียวของช่องเปิดเท่านั้น
ตัวล็อกประตูได้หน้าตาแบบนี้
ติดตั้งรางเลื่อนประตูที่พื้น พร้อมปิดคิ้วรอยต่อให้เรียบร้อย ภายในห้องนอนปูพื้นด้วยลามิเนตลายไม้เหมือนกับห้องนั่งเล่นค่ะ
เข้ามาในห้องนอน ขนาด 2.70 x 2.80 เมตร เป็นห้องนอนขนาดไม่ใหญ่มาก มีช่องเปิดให้ 1 บานค่อนข้างกว้าง แสงธรรมชาติเข้าดีค่ะ
โดยช่องเปิดเป็นหน้าต่างบานเลื่อนเดี่ยวผสมกับบาน Fix เฟรมเป็นอลูมิเนียมสีธรรมชาติ กระจกใสเขียวตัดแสง กรองแดดได้ส่วนหนึ่งแต่ทางที่ดีหาผ้าม่านมากรองด้วย จะช่วยได้ดีกว่า เพราะช่องเปิดค่อนข้างกว้าง
โครงการแถมเตียงมาให้ เป็น Queen Size ขนาด 5 ฟุต ไม่รวมฟูก
ผนังหัวเตียงและรอบห้องของจริงจะเป็นผนังฉาบปูนทาสีขาว สามารถติดวอลเปเปอร์หรือติดสติ๊กเกอร์ตกแต่งแบบห้องตัวอย่างได้ค่ะ พื้นที่ข้างเตียงโครงการวางตู้เสื้อผ้าที่แถมมาให้ ซึ่งแค่วางตู้เสื้อผ้าก็แน่นแล้วไม่มีพื้นที่พอจะวางโต๊ะวางของหัวเตียงได้
โดยตู้เสื้อผ้าที่โครงการแถมให้จะมีขนาด 0.60 x 1.50 เมตร เป็นตู้บานเปิดคู่ หน้าบานเป็นกระจกเงาใช้ส่องดูความเรียบร้อยขณะแต่งตัวได้ พื้นที่ด้านในใส่ของได้ตามภาพเลยค่ะ
มือจับตู้เสื้อผ้า สลิมบางเฉียบ
พื้นที่ปลายเตียงถึงผนังมีระยะ 0.70 เมตร ซึ่งมีพื้นที่เหลือไม่มากนัก หากจะติดตั้งทีวีในห้องนอนแนะนำให้เป็นทีวีแขวนผนังค่ะ เพราะระยะเหลือค่อนข้างน้อย หากวางตู้วางทีวีไปอีกพื้นที่จะยิ่งแคบแทบไม่เหลือที่เดิน
มองขึ้นไปบนฝ้าเพดานจะติดตั้งไฟดาวน์ไลท์ทรงกลมมาให้ 1 ดวง ซึ่งไม่มีผลมากในตอนกลางวัน เพราะมีแสงธรรมชาติจากทางหน้ามาช่วย แต่ในตอนกลางคืนจะออกสลัวๆเหมาะกับคนชอบแสงไฟน้อยๆ หากใครชอบบรรยากาศห้องสว่างๆคงต้องหาโคมไฟมาติดเพิ่มนะคะ
เรามาต่อกันที่ห้องครัว เป็นห้องที่เชื่อมต่อกับห้องนั่งเล่นและห้องนอน
พื้นห้องครัวปูด้วยกระเบื้องเซรามิคสีเทา ตรงธรณีประตูยื่นขึ้นมาเล็กน้อย มีการปิดผิวด้วยวัสดุกันลื่นและปิดคิ้วรอบต่อเรียบร้อย
มองตรงไปจะเจอกับพื้นที่วางตู้เย็นและถังขยะที่โครงการไม่ได้ให้ ของจริงจะเป็นแค่พื้นที่ว่างประมาณ 1.05 เมตร ที่เว้นไว้ให้สำหรับวางตู้เย็นนะคะ
ถัดไปเป็นชุดครัว Built-in ที่โครงการติดตั้งมาให้ทั้งชุดแบบนี้เลย ที่เคาท์เตอร์ด้านบนและด้านล่าง โดยไมโครเวฟด้านล่างวางไว้ให้ดูเป็นตัวอย่างเฉยๆ โครงการไม่ได้ให้นะคะ ท็อปเคาท์เตอร์ครัวและวัสดุปิดผิวชั้นเก็บของทั้งหมดเป็น HLP
ผนังที่ติดกับเคาท์เตอร์ครัวเป็นผนังฉาบเรียบทาสีขาวเฉยๆ ซึ่งอนาคตถ้าเราล้างจานตรงนี้อาจจะทำให้ผนังชื้นและขึ้นรา หรือเกิดคราบสะสม ทำความสะอาดได้ยาก จึงแนะนำให้ปูกระเบื้องหรือติดพลาสติกกันเปื้อน เพื่อทำให้ง่ายและสะดวกต่อการทำความสะอาดมากขึ้น ทางซ้ายมือมีเต้ารับเสียบเครื่องใช้ไฟฟ้าเตรียมไว้ให้ รองรับการเสียบกาน้ำร้อน หรือเตาไฟฟ้าเล็กๆเผื่อทำอาหารได้
อ่างล้างมือทรงสี่เหลี่ยมของ Hafele ขนาดไม่ใหญ่มาก
ก็อกน้ำสแตนเลสทรงโค้ง สามารถหมุนได้ซ้าย-ขวา
พื้นที่ว่างข้างๆตู้เป็นซอกเล็กๆ โครงการเว้นไว้ให้เผื่อเราติดตั้งผ้าม่าน จะได้มีร่องเก็บตรงนี้ค่ะ
ถัดจากห้องครัวเป็นพื้นที่ระเบียง ที่ถูกกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อนเดี่ยว
พื้นมีการยกธรณีขึ้นมา รวมกับรางเลื่อนประตูรวมแล้วประมาณ 17 เมตร เพื่อกันน้ำไหลเข้ามาในห้อง พื้นที่ระเบียงกว้าง 1.30 x 1.50 เมตร ปูด้วยกระเบื้องเซรามิคสีเทาชนิดเดียวกับห้องครัว
ราวระเบียงเป็นเหล็กโปร่งสูง 1 เมตร ด้านข้างเป็นระแนงเหล็กสูงจรดฝ้าเพดาน ส่วนผนังทางซ้ายมือมีเต้ารับแบบกันน้ำให้ รวมทั้งก๊อกน้ำเผื่อล้างระเบียง ส่วนผนังด้านบนสามารถติดตั้ง Compressor แอร์แบบนี้ได้ค่ะ
มองขึ้นไปบนฝ้าเพดานมีการติดตั้งไฟดาวน์ไลท์ให้ 1 ดวง
ห้องน้ำมีขนาด 1.10 x 2.40 เมตร มีพื้นที่อ่างล้างหน้า โถสุขภัณฑ์และพื้นที่อาบน้ำ แยกส่วนเปียกส่วนแห้งชัดเจน
พื้นห้องน้ำปูกระเบื้องสีดำ พื้นมีการลดระดับจากห้องครัวเล็กน้อย
ผนังปูด้วยกระเบื้องเซรามิคสีขาว ทางด้านซ้ายมือมีการติดตั้งราวแขวนผ้าไว้ให้
อ่างล้างหน้าเป็นอ่างลอย แต่ผนังด้านหลังอ่างจะ Drop ลงไปให้เพื่อใช้วางของ พร้อมทั้งติดตั้งกระจกเงาแบบเรียบๆให้
อ่างล้างหน้าทรงกลมของ Cotto ขนาดใหญ่ดี
ก็อกน้ำสแตนเลสของ Cotto เช่นกัน
โถสุขภัณฑ์ให้ของ Cotto หน้าตาแบบนี้เลยค่ะ
มีที่แขวนกระดาษทิชชู่และสายชำระติดใว้ให้ในด้านเดียวกัน
ถัดไปเป็นส่วนอาบน้ำขนาด 0.90 x 1.10 เมตร เป็นพื้นที่อาบน้ำที่ค่อนข้างกว้าง อาบได้สบายๆค่ะ ตรงพื้นมีการยกธรณีประตูแต่ไม่มีฉากกั้นอาบน้ำให้ แนะนำให้หาฉากหรือผ้าม่านมาติดตั้ง เผื่อเวลาที่เราอาบน้ำจะได้ไม่กระเด็นไปเปียกส่วนแห้ง และพื้นที่อื่นๆ
ส่วนอาบน้ำติดตั้งชุดฝักบัวและที่วางสบู่ให้
ฝักบัวขนาดไม่ใหญ่มาก
มองขึ้นไปบนฝ้าเพดานมีการติดตั้งพัดลมดูดอากาศ และไฟดาวน์ไลท์ทรงกลมให้ 1 ดวงตรงกลางห้องค่ะ
สวิตซ์ไฟของห้องทุกห้องจะใช้หน้าตาแบบนี้นะคะ
ต่อมาเป็นห้อง Type B ห้อง 2 Bedroom 1 Bathroom พื้นที่ 54-56 ตารางเมตร ความสูงฝ้าเพดาน 2.6 เมตร โดยโครงการขายแบบ Fully Furnished เฟอร์นิเจอร์ที่มีในห้องตัวอย่างจะให้แบบนี้ทั้งหมดยกเว้น Prop และ Buit-in ตกแต่ง
โดยห้องนี้จะมีขนาดใหญ่กว่าห้อง Type A กว่าเท่าตัว ห้องทางซีกขวาจะมีผังเหมือนกับห้อง Type A ทุกประการเลย เมื่อเปิดประตูไปจะเจอห้องโถงที่จัดฟังก์ชั่นให้เป็นห้องรับประทานอาหาร ถัดไปเป็นห้องนอนที่ถูกกั้นด้วยประตูบานเลื่อน ถัดมาจะเป็นครัวเปิด ระเบียงและห้องน้ำซึ่งแยกส่วนเปียกส่วนแห้งไว้ให้ชัดเจนเหมือนห้อง Type A เลยค่ะ ส่วนซีกซ้ายจะเป็นส่วนที่เพิ่มขึ้นมา คือพื้นที่ของห้องนั่งเล่นที่ค่อนข้างกว้าง สามารถวางชุดโซฟา โต๊ะกลางและชั้นวางทีวีได้ รวมทั้งยังมีพื้นที่เหลือให้ Built-in ชั้นวางของหรือวางหนังสือติดผนังได้อีก ที่ติดกันเป็นห้องนอนใหญ่ที่มีระเบียงให้ในตัว
ห้อง Type B นี้ก็ขายแบบ Fully Furnished หิ้วกะเป๋าเข้าอยู่ได้เลย โดยรายการวัสดุที่โครงการให้จะประกอบด้วยเตียงนอนขนาด 5 ฟุต 1 ตัวและเตียงนอนขนาด 3.5 ฟุตอีก 1 ตัว, ชั้นวางทีวีขนาด 1.5 เมตร 1 ตัวและชั้นวางทีวีขนาด 1.1 เมตร 1 ตัว, ตู้เสื้อผ้าขนาด 1.5 เมตร 1 ตัวและตู้เสื้อผ้าขนาด 0.9 เมตร 1 ตัว, โต๊ะรับประทานอาหาร ขนาด 4 ที่นั่ง 1 ตัวพร้อมเก้าอี้รับประทานอาหาร 4 ตัว, โซฟาขนาด 3 ที่นั่ง จำนวน 1 ตัวพร้อมโต๊ะกลาง และชุดเคาท์เตอร์ครัวพร้อมซิงค์ 1 ตัว
เข้าห้องมาจะเจอกับห้องโถงใหญ่ ขนาด 3.40 x 2.80 เมตร ความสูงฝ้าเพดาน 2.6 เมตร ขนาดเท่ากับห้อง Type B แต่โครงการวางฟังก์ชั่นให้เป็นห้องรับประทานอาหาร มีพื้นที่เชื่อมต่อกับห้องนอน ห้องครัว และห้องนั่งเล่น
ชุดรับประทานอาหารที่โครงการแถมให้ เป็นโต๊ะขนาด 4 ที่นั่ง ขนาด 0.40 x 0.80 เมตร พร้อมเก้าอี้ 4 ตัว
โดยห้องโถงนี้จะมีพื้นที่เชื่อมต่อกับห้องครัวและห้องนอน ซึ่งฟังก์ชั่นและวัสดุเหมือนกับ Type A ทุกอย่างเลยค่ะ เดี๋ยวเราจะพาไปดูห้องครัวก่อนและกละบมาที่ห้องนอนนะคะ
เมื่อเดินไปที่ห้องครัว ส่วนแรกที่เจอคือ พื้นที่ว่างสำหรับวางตู้เย็น
เข้ามาจะเจอเคาท์เตอร์ครัว Built-in ที่โครงการแถมมาให้ ฟังก์ชั่นและสเปคเหมือนห้อง Type A
พื้นที่ระเบียงกว้าง 1.30 x 1.50 เมตร ราวระเบียงเป็นเหล็กโปร่งสูง 1 เมตร ด้านข้างเป็นระแนงเหล็กสูงจรดฝ้าเพดาน ส่วนผนังทางซ้ายมือมีเต้ารับแบบกันน้ำให้ รวมทั้งก๊อกน้ำเผื่อล้างระเบียง ส่วนผนังด้านบนสามารถติดตั้ง Compressor แอร์แบบนี้ได้ค่ะ ส่วนฝ้าเพดานมีไฟดาวน์ไลท์ทรงกลมให้ 1 ดวง
จากระเบียงมองกลับไปด้านในจะเห็นห้องครัวทั้งห้อง สุดทางเป็นห้องน้ำ
ห้องน้ำมีขนาด 1.15 x 2.40 เมตร มีพื้นที่อ่างล้างหน้า โถสุขภัณฑ์และพื้นที่อาบน้ำ แยกส่วนเปียกส่วนแห้งชัดเจน วัสดุและสเปคสุขภัณฑ์ในห้องน้ำเหมือนห้อง Type A ทุกประการ
ถัดไปเป็นห้องนอน ซึ่งถูกกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อนเดี่ยว เลื่อนได้ทางเดียวคือบานทางซ้ายมือ ส่วนทางขวามือเป็นบาน Fix ซึ่งข้อเสียของการทำบานเลื่อนเดี่ยวแบบนี้เป็นบานกั้นห้องคือช่องทางเดินจะเหลือที่น้อย มีการติดตั้งรางเลื่อนประตูที่พื้นพร้อมปิดคิ้วรอยต่อให้เรียบร้อย ภายในห้องนอนปูพื้นด้วยลามิเนตลายไม้เหมือนกับห้องรับประทานอาหารค่ะ
เข้ามาในห้องนอน ขนาด 2.70 x 2.80 เมตร เป็นห้องนอนที่เหมือนกับห้อง Type A ทุกประการ ขนาดไม่ใหญ่มาก มีช่องเปิดให้ 1 บานค่อนข้างกว้าง แสงธรรมชาติเข้าค่อนข้างดี
แต่ที่ต่างกับห้อง Type A คือห้องนี้จะแถมเตียงขนาด 3.5 ฟุตให้ ไม่รวมฟูก ในขณะที่ห้อง Type A แถมเตียง 5 ฟุต ซึ่งใหญ่กว่าเพราะมีแค่ห้องนอนเดียว
ผนังหัวเตียงและรอบห้องของจริงจะเป็นผนังฉาบปูนทาสีขาว พื้นที่ข้างเตียงโครงการวางตู้เสื้อผ้าที่แถมมาให้ เหมือนกับห้อง Type A แต่เนื่องจากห้องนี้แถมเตียงขนาด 3.5 ฟุต ที่มีขนาดเล็กกว่า จึงมีพื้นที่เหลือเล็กน้อยให้สามารถวางโคมไฟตั้งพื้นที่หัวเตียงได้
พื้นที่ปลายเตียงเหลือ 0.60 เมตร ซึ่งเป็นพื้นที่ค่อนข้างน้อย เหมาะกับจะติดตั้งทีวีติดผนัง หรือชั้น Built-in เล็กๆระยะยื่นไม่เกิน 20-30ตารางเมตร
ถัดจากห้องนอนจะเป็นพื้นที่ห้องนั่งเล่นที่โครงการได้ก่อผนังกั้นพื้นที่เป็นสัดส่วนไว้ให้ แต่ไม่ได้มีประตูกั้นค่ะ
โดยพื้นที่ห้องนั่งเล่นมีขนาด 2.75 x 4.45 เมตร ขนาดค่อนข้างกว้างสบายๆโครงการได้จัดให้เป็นพื้นที่นั่งเล่นดูทีวี
ลองมองย้อนกลับไปจะเห็นว่า พื้นที่นั่งเล่นค่อนข้างกว้าง ระยะดูทีวีประมาณ 2.20 เมตร เหมาะสำหรับการวางทีวีขนาด 42″-56″ จะเป็นขนาดที่พอดีกับสายตาค่ะ โดยในห้องนี้โครงการจะแถมโซฟาขนาด 3 ที่นั่งพร้อมโต๊ะกลาง และชั้นวางทีวีให้
โครงการแถมโซฟาขนาด 3 ที่นั่งให้พร้อมโต๊ะกลาง หน้าตาแบบนี้เลยค่ะ
ตู้วางทีวีที่โครงการแถมให้ เป็นสีขาว ขนาด 0.40 x 1.50 เมตร มีช่องใส่ของให้และมีลิ้นชักเปิด-ปิด ให้เก็บของได้เล็กน้อย
พื้นที่ข้างโซฟาเหลือที่ว่างประมาณ 1.50 เมตร เป็นพื้นที่ค่อนข้างเยอะทีเดียว ซึ่งของจริงจะเป็นผนังฉาบปูนทาสีขาว สามารถ Built-in ตู้เก็บของหรือชั้นวางหนังสือได้ค่ะ
ถัดไปเป็น Master Bedroom ซึ่งถูกกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อนเดี่ยว เลื่อนได้ทางเดียวคือบานทางซ้ายมือ ส่วนทางขวามือเป็นบาน Fix เหมือนกับห้องนอนแรก
ห้อง Master Bedroom มีขนาด 3.35 x 4.45 เมตร ขนาดห้องค่อนข้างกว้าง โครงการแถมเตียง Queen Size ขนาด 5 ฟุตมาให้หน้าตาแบบนี้เลยค่ะ พื้นที่หัวเตียงของจริงจะเป็นผนังฉาบเรียบทาสีขาว ไม่มีกระจกเงาตกแต่งให้นะคะ
พื้นที่ข้างเตียงโครงการแถมตู้เสื้อผ้ามาให้ ขนาด 1.50 เมตร มี 3 ประตู
เมื่อเปิดตู้ออกมา จะได้ฟังก์ชั่นการใช้งานแบบนี้เลย
ด้วยระยะจากตู้เสื้อผ้าถึงข้างเตียงมีระยะ 1.10 เมตร ซึ่งเป็นพื้นที่ค่อนข้างกว้าง ทำให้แม้เราจะเปิดตู้เสื้อผ้าออกมาก็ยังเหลือพื้นที่ให้เดินหรือยืนแต่งตัวได้อีก ไม่อึดอัดค่ะ
ผนังอีกด้านหนึ่งจะเป็นช่องเปิดบานกระจกทั้งประตูและหน้าต่าง ทำให้แสงธรรมชาติเข้าค่อนข้างดีมาก ทั้งในตอนปิดและเปิดม่าน แนะนำให้หาผ้าม่าน 2 ชั้นมาติดตั้งหมือนในห้องตัวอย่างในคะ จะได้แสงที่หลากหลายในระหว่างวัน อย่างเช่น หากต้องการแสงธรรมชาติก็เปิดม่าน หากต้องการแสงสว่างอยู่แต่อยากกรองความร้อนหน่อยก็ใช้ม่านโปร่ง หรือหากต้องการความเป็นส่วนตัว ก็ปิดม่านทึบไปเลย
พื้นที่ปลายเตียงมีขนาด 1.85 x 2.25 เมตร เป็นพื้นที่อเนกประสงค์ที่ค่อนข้างกว้าง โครงการแถมโต๊ะวางทีวีไว้ให้ด้วย ซึ่งพื้นที่ตรงนี้สามารถเป็นพื้นที่ใช้งานอเนกประสงค์ที่แสงเข้าดี ปรับเปลี่ยนการใช้งานได้หลากหลาย เช่น สามารถนำโต๊ะญี่ปุ่นมาวางเป็นที่นั่งทำงานได้, สามารถนำ Air Bag มานั่งเล่นดูทีวี หรือจะนำเปลเด็กเล็กมาวางตรงนี้ได้สำหรับบ้านที่เพิ่งมีลูกก็ได้ เป็นต้น
โต๊ะวางทีวีขนาด 0.40 x 1.10 เมตร ที่โครงการแถมให้
พื้นมีการลดระดับลงเล็กน้อย เพื่อกันน้ำไหลเข้ามาในห้อง พื้นที่ระเบียงกว้าง 1.30 x 1.85 เมตร ปูด้วยกระเบื้องเซรามิคสีเทาเหมือนกับระเบียงห้องครัว
ราวระเบียงเป็นเหล็กโปร่งสูง 1 เมตร ด้านข้างเป็นระแนงเหล็กสูงจรดฝ้าเพดาน ส่วนผนังทางซ้ายมือมีเต้ารับแบบกันน้ำให้ รวมทั้งก๊อกน้ำเผื่อล้างระเบียง ส่วนผนังด้านบนสามารถติดตั้ง Compressor แอร์แบบนี้ได้ รวมทั้งติดตั้งไฟดาวน์ไลท์มาให้ 1 ดวงค่ะ
ส่วนผนังอีกด้านจะเป็นระแนงเหล็กโปร่งเข้ามุมแบบนี้ด้วย ทำให้มุมมองจากระเบียงค่อนข้างโปร่ง ไม่ทึบสายตา
ต่อมาเป็นห้อง Type C ห้อง 2 Bedroom 1 Bathroom พื้นที่ 58-59 ตารางเมตร ความสูงฝ้าเพดาน 2.6 เมตร โดยโครงการขายแบบ Fully Furnished เฟอร์นิเจอร์ที่มีในห้องตัวอย่างจะให้แบบนี้ทั้งหมดยกเว้น Prop และ Buit-in ตกแต่ง โดยห้องนี้เป็น Type ห้องที่มีขนาดใหญ่ที่สุด เมื่อเข้าห้องมาจะเจอโถงที่จัดให้เป็นส่วนของห้องรับประทานอาหารและพื้นที่นั่งเล่นที่มีหน้าต่างบานใหญ่ให้มองวิวด้านนอกได้ โดยโถงนี้จะเชื่อมต่อกับห้องนอนทั้ง 2 ห้อง และส่วน Service อย่างห้องครัวและห้องน้ำ ทุกห้องมีระเบียงแต่ไม่มีห้องน้ำในตัว จะต้องมาเข้าห้องน้ำรวมกันที่ห้องครัวซี่งเป็นแบบแยกส่วนเปียกส่วนแห้งให้
ซึ่งห้องนี้เราจะเก็บภาพมาให้ดูกันพอเป็นน้ำจิ้มนะคะ หากใครสนใจก็สามารถไปดูห้องตัวอย่างที่โครงการได้ค่ะ^^
ห้อง Type C นี้ก็ขายแบบ Fully Furnished หิ้วกะเป๋าเข้าอยู่ได้เลย โดยรายการวัสดุที่โครงการให้จะประกอบด้วยเตียงนอนขนาด 5 ฟุต 1 ตัว, ชั้นวางทีวีขนาด 1.5 เมตร 1 ตัว, ตู้เสื้อผ้าขนาด 1.5 เมตร 1 ตัวและตู้เสื้อผ้าขนาด 0.9 เมตร 1 ตัว, โต๊ะรับประทานอาหาร ขนาด 4 ที่นั่ง 1 ตัวพร้อมเก้าอี้รับประทานอาหาร 4 ตัว, โซฟาขนาด 3 ที่นั่ง จำนวน 1 ตัวพร้อมโต๊ะกลาง และชุดเคาท์เตอร์ครัวพร้อมซิงค์ 1 ตัว
เปิดประตูมาจะเจอกับโถงขนาด 2.70 x 6.30 เมตร พื้นที่ค่อนข้าางกว้างทีเดียว สามารถจัดฟังก์ชั่นให้เป็นห้องรับประทานอาหารและห้องนั่งเล่นได้ โดยโถงนี้จะเชื่อมต่อกับห้องครัวที่อยู่ทางขวามือ ส่วนทางซ้ายมือเป็นห้องนอนค่ะ
โครงการแถมโต๊ะรับประทานอาหารขนาด 4 ที่นั่ง พร้อมเก้าอี้อีก 4 ตัว
ห้องนั่งเล่น มีพื้นที่ประมาณ 2.70 x 3.35 เมตร พื้นที่ปานกลาง นั่งเล่นได้สบายๆ มีหน้าต่างกระจกบานใหญ่ทำให้แสงธรรมชาติเข้าค่อนข้างดี โดยส่วนนี้โครงการจะแถมโซฟาขนาด 3 ที่นั่ง พร้อมโตีะกลาง และชั้นวางทีวีขนาด 1.5 เมตรให้ค่ะ
ถัดไปเป็นพื้นที่ครัวที่เชื่อมต่อกับห้องน้ำรวมทางขวามือและระเบียงห้องที่อยู่ทางซ้ายมือ
ออกจากห้องครัวมาเราจะเห็นประตูทางเข้าห้องนอนทั้งสองห้อง
ห้อง Master Bedroom มีขนาด 3.35 x 4.55 เมตร พื้นที่ค่อนข้างกว้างสามารถจัดให้เป็นทั้งห้องนอนและวางโต๊ะทำงานได้เต็มพื้นที่ รวมทั้งยังมีระเบียงให้ในตัว โครงการแถมเตียงนอนขนาด 5 ฟุตและตู้เสื้อผ้าขนาด 1.5 เมตรให้
ห้องนอนเล็ก มีขนาด 2.35 x 4.55 เมตร พื้นที่ใช้สอยเล็กลงมา สามารถวางเตียงนอนขนาด 5 ฟุตได้สบายๆแต่โครงการไม่ได้แถมให้นะคะ แต่จะแถมให้เพียงตู้เสื้อผ้าขนาด 0.9 เมตรเท่านั้น ห้องนี้ก็มีระเบียงในตัวให้เหมือนกับห้อง Master Bedroom
**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ
ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 1 Sep 2015
ตึก 1 ชั้น 1 ห้อง 110 แบบ A ขนาด 27.88 ตร.ม. ราคา 1,081,200 เมตร หรือ 38,781 บาท/ตร.ม. (ราคาพิเศษ 982,900 ตร.ม.)
ตึก 1 ชั้น 7 ห้อง 705 แบบ C ขนาด 58.78 ตร.ม. ราคา 2,613,500 เมตร หรือ 44,463 บาท/ตร.ม. (ราคาพิเศษ 2.375,900 ตร.ม.)
ตึก 4 ชั้น 1 ห้อง 106 แบบ B ขนาด 54.98 ตร.ม. ราคา 1,914,000 เมตร หรือ 34,813 บาท/ตร.ม. (ราคาพิเศษ 1,740,000 ตร.ม.)
ตึก 4 ชั้น 6 ห้อง 611 แบบ A ขนาด 28.04 ตร.ม. ราคา 1,123,000 เมตร หรือ 40,050 บาท/ตร.ม. (ราคาพิเศษ 1,021,000 ตร.ม.)
ตึก 5 ชั้น 1 ห้อง 107 แบบ C ขนาด 58.00 ตร.ม. ราคา 2,140,900 เมตร หรือ 36,912 บาท/ตร.ม. (ราคาพิเศษ 1,946,300 ตร.ม.)
ตึก 5 ชั้น 7 ห้อง 702 แบบ B ขนาด 55.82 ตร.ม. ราคา 2,172,100 เมตร หรือ 38,913 บาท/ตร.ม. (ราคาพิเศษ 1,974,600 ตร.ม.)
ตึก 6 ชั้น 1 ห้อง 103 แบบ A ขนาด 27.97 ตร.ม. ราคา 1,028,500 เมตร หรือ 36,772 บาท/ตร.ม. (ราคาพิเศษ 935,000 ตร.ม.)
- Fully Furnished
- เพดานสูง 2.6 เมตร
- Kitchen & Sink
- Hob & Hood
- จอง 5,000 บาท
- ทำสัญญา 10,000 บาท
- ค่ากองทุน 350 บาทต่อตารางเมตร โดยผู้ซื้อจะเป็นผู้ขำระ ณ วันโอนกรรมสิทธิ์
- ค่าส่วนกลาง 36 บาทต่อตารางเมตรต่อเดือน และค่ารักษามาตรน้ำ 30 บาท/เดือน โดยผู้ซื้อจะเป็นผู้ขำระ ณ วันโอนกรรมสิทธิ์
- โปรโมชั่น : ฟรี ค่าใช้จ่ายวันโอนกรรมสิทธิ์ และ ฟรี เฟอร์นิเจอร์พร้อมชุดครัว
**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ
ทำเลที่ตั้งของ The Kith ติวานนท์ อยู่ในซอยติวานนท์-ปากเกร็ด 17 ห่างจากถนนติวานนท์ 17 ประมาณ 300 เมตร ใกล้กับห้าแยกปากเกร็ด ซึ่งถือว่าเป็นจุดเด่นอย่างหนึ่งของโครงการค่ะ เนื่องจากในบริเวณพื้นที่ใกล้เคียงโครงการมีความอุดมสมบูรณ์พอสมควร หาของกินได้ง่าย และมีสถานที่สำคัญหลายที่อยู่ใกล้โครงการ จากโครงการอยู่ไม่ไกลจาก Major Hollywood บริเวณหน้า Major มีทั้งของกินของใช้ขาย เลย Major ก็มีร้านอาหาร ร้านขายเสื้อผ้า คลินิก ยาวไปจนเกือบถึงริมแม่น้ำเจ้าพระยา มีตลาดสดที่ใกล้โครงการ 2 แห่ง คือตลาดสดศรีปากเกร็ด และตลาดสดพิชัยและยังใกล้กับสถานที่ท่องเที่ยวคือ เกาะเกร็ด โดยนั่งเรือข้ามฝั่งไปได้ นอกจากนี้ยังไม่ไกลจากห้างสรรพสินค้า โรงพยาบาล และโรงเรียนอีกหลายแห่ง โดยเฉพาะโรงเรียนสวนกุหลาบ วิทยาลัยนนทบุรีที่อยู่ตรงข้ามกับโครงการเลย
แต่ถ้าเทียบกับโครงการใกล้เคียงอย่างลุมพินีวิลล์ ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามเมเจอร์ฮอลลีวูดจะสะดวกกว่า เพราะใกล้ร้านค้า ร้านอาหาร ตลาดสด ทั้งหมดยาวไปจนถึงริมแม่น้ำเจ้าพระยา แต่ก็ต้องแลกกับความพลุกพล่าน ส่วนศุภาลัย วิสต้าที่อยู่บนถนนแจ้งวัฒนะใกล้กับปั๊ม ปตท.ก็ดูจะสะดวกกว่าอีกเหมือนกันเพราะในอนาคต MRT สายสีชมพูจะผ่านหน้าโครงการเลย รวมทั้งบนถนนแจ้งวัฒนะจะมีรถเมล์ผ่านค่อนข้างหลายสายกว่า สะดวกสำหรับคนที่ไม่ใช้รถ แต่ก็อย่างว่า ถ้าเทียบกับราคาแล้ว ทำเลเราด้อยกว่านิดเดียวแต่ราคาก็ถูกกว่ากันเกือบ 20,000 บาทต่อตารางเมตร ก็ไม่ต้องคิดอะไรมากแล้ว
การเดินทางโดยใช้รถสามารถวิ่งเข้าเมือง และออกนอกเมืองได้ โดยเข้าเมืองสามารถใช้เส้นแจ้งวัฒนะ กับเส้นติวานนท์ได้ มีทางด่วนศรีรัชอยู่ไม่ไกลจากตัวโครงการ หรือจะไปออกถนนวิภาวดีเพื่อเข้าสู่ในเมือง ส่วนออกนอกเมืองก็จะไปปทุมธานี และนนทบุรีค่ะ แต่ปัญหาคือรถติดมากโดยเฉพาะบริเวณห้าแยกปากเกร็ด แต่ก็อยู่ไม่ไกลจากทางเลี่ยงเมืองให้สามารถเลี่ยงรถติดไปได้บ้าง แต่ทางโครงการมีที่จอดรถแค่ 37% จาก 869 ยูนิต รวมร้านค้า ซึ่งในอนาคตน่าจะมีปัญหาเรื่องที่จอดรถไม่พอ
การเดินทางโดยไม่ใช้รถก็สะดวกค่ะ มีท่าเรือด่วนเจ้าพระยาที่ใกล้โครงการ 2 ท่า คือท่าเรือปากเกร็ด เป็นท่าเรือที่มีเรือด่วนเจ้าพระยาหลายสายมาจอด และท่าเรือวัดกลางเกร็ด สามารถเดินทางเข้าเขตพระนคร และสาทรได้สะดวกไม่ต้องกลัวรถติด ป้ายรถเมล์ที่ใกล้โครงการจะอยู่ตรงหน้าโครงการเลย โดยจะมีรถประจำทางสาย 33 และ 90 วิ่งผ่าน นอกจากนี้ในอนาคตจะมีรถไฟฟ้า MRT สายสีชมพูมาสร้าง โดยสถานีที่ใกล้คือสถานีปากเกร็ด ห่างจากโครงการประมาณ 500 เมตร ยิ่งเพิ่มความสะดวกสบายมากขึ้น แต่คงต้องรออีกหลายปีหน่อยค่ะ
วัสดุอุปกรณ์ของที่ให้มาโดยรวม ทั้งตัววัสดุพื้นฐาน Built-in ครัว, ซิงค์ล้างจานของ Hafele, สุขภัณฑ์ของ Cotto รวมทั้งเฟอร์นิเจอร์ที่แถมให้ครบทั้งเตียงนอน, ชั้นวางทีวี, ตู้เสื้อผ้า, โต๊ะรับประทานอาหารพร้อมเก้าอี้รับประทานอาหาร, โซฟา 1 ตัวพร้อมโต๊ะกลาง และชุดเคาท์เตอร์ครัว เรียกได้ว่าพร้อมหิ้วกระเป๋าเข้าอยู่ได้ในราคานี้ ก็ถือว่าคุ้มแล้วละคะ
การออกแบบโครงการค่อนข้างเรียบง่ายสไตล์ Minimal เน้นสีฟ้า- เทา ซึ่งจริงๆแล้วก็คือตึกทรงเหลี่ยมที่มีการตกแต่งหน้าตาทาสีมีดีไซน์ ด้วยจำนวนอาคารที่มากถึง 11 อาคาร วางเรียงเป็นแถวๆทำให้ภาพรวมทั้งโครงการจะคล้ายๆกับหอพักนักศึกษาที่มี Clubhouse มาเพิ่มให้ 1 จุดเท่านั้นเอง
ส่วนการออกแบบห้อง จะมี Type A เป็นฟังก์ชั่นหลัก มีการจัดพื้นที่เหมือนคอนโดทั่วๆไป ที่เอากระจกบานเลื่อนมากั้นห้องนอนกับห้องนั่งเล่น แล้วก็กลายเป็นห้อง 1 Bedroom ส่วนครัวจะเชื่อมต่อกับห้องน้ำ และมีประตูเปิดออกไปสู่ระเบียงด้านนอกได้ ส่วนห้อง Type B ก็เอาห้อง Type A มาวางแล้วเพิ่มห้องนั่งเล่นกับห้องนอนที่มีระเบียงเข้าไปให้ ส่วนห้อง type C แบบใหญ่ที่สุด พื้นที่ค่อนข้างใหญ่ดี จัดฟังก์เป็นสัดส่วน และห้องทุกห้องสามารถรับแสงธรรมชาติได้ สำหรับ Type นี้ถือว่าทำออกมาได้โอเคแต่จะติดตรงที่ขนาดมี 2 ห้องนอนแล้ว แต่ยังต้องใช้ห้องน้ำร่วมกันนี้จึงยังทำออกมาได้ยังไม่สุดเท่าไหร่ และการออกแบบให้ประตูและหน้าต่างทุกบานเป็นบานเลื่อนเดี่ยวหมดเลย ไม่มีบานเลื่อนคู่ ทำให้ช่องเปิดประตูค่อนข้างแคบ ระยะที่คนเดินเข้าออกจะรู้สึกไม่โปร่งสบายนัก เช่นเดียวกับบานหน้าต่างที่เป็นบานเลื่อนเดี่ยวเช่นกัน หากจะเปิดหน้าต่างรับลมก็รับได้แค่ครึ่งเดียวอีกเช่นกัน
Facilities ประกอบด้วยสระว่ายน้ำ 1 สระ ระบบเกลือ ขนาด 8 x 22 เมตร ลึก 1.3 เมตร แบ่งสระเด็กและสระผู้ใหญ่ ห้องออกกำลังกาย 1 ห้องและห้องโยคะ 1 ห้อง ซึ่งเทียบจริงๆแล้ว 869 ยูนิตกับสระว่ายน้ำและที่ออกกำลังกายเท่านี้ไม่น่าพออยู่แล้ว แต่ถ้าเทียบราคากับห้องที่เราได้ก็ถือว่ายังอยู่คุ้มอยู่ค่ะ รอบๆโครงการมีสวนหย่อม แลปลูกต้นไม้ให้ในทุกมุมที่ว่าง มีลิฟท์โดยสาร 1 ตัวต่อหนึ่งอาคาร อัตราส่วนลิฟท์รวมทั้งโครงการ 79 : 1 ถือว่าไม่หนาแน่นมากเท่าไหร่ ที่จอดรถ 308 คัน คิดเป็น 37% แบ่งเป็นจอดในร่ม 176 คัน และแบ่งเป็นจอดกลางแดด 132 คัน รวมทั้งที่จอดรถจักรยานยนต์ 264 คัน ซึ่งถือว่ามีให้ค่อนข้างน้อย อนาคตเข้าอยู่แล้วอาจจะมีล้นออกไปจอดในซอยหน้าโครงการกันบ้างหละ หรือคิดอีกแง่คือคนในย่านนี้อาจจะถนัดขับมอร์เตอร์ไซค์กันซะมากกว่า จึงเทน้ำหนักไปให้พื้นที่จอดมอร์เตอร์ไซค์พอสมควร ซึ่งสิทธิ์จอดรถจะเช็คโดยใช้สติ๊กเกอร์ค่ะ ส่วนระบบรักษาความปลอดภัยจะใช้ Keycard ในการเข้าอาคาร และมีรปภ.รักษาความปลอดภัย 24 ชั่วโมง ซึ่งจะมีพี่ยามเฝ้าให้หน้าซอย ซอยละ 1-2 คน
Judgement
การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้
ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%
เทียบกับราคา 33,691 บาท/ตร.ม., 1 Sep 2015
- ทำเล 7.5/10 -อยู่บนถนนติวานนท์ ใกล้แหล่งอาหาร ห้างสรรพสินค้า โรงเรียน โรงพยาบาล และสถานที่ราชการ
- เดินทางด้วยรถ 7.5/10 -เข้า-ออก ได้หลายเส้นทาง แต่การจราจรหนาแน่นในช่วงเวลาเร่งด่วน โดยเฉพาะบริเวณห้าแยกปากเกร็ด แต่ก็หนีไปใช้ทางเลี่ยงเมืองได้
- ไม่ใช้รถ 7.25/10 – ป้ายรถเมล์อยู่หน้าโครงการ สามารถใช้บริการรถเมล์ แท๊กซี่ ท่าเรือด่วนเจ้าพระยา และในอนาคตมีโครงการรถไฟฟ้า MRT สายสีชมพู ที่ตัวสถานีไม่ไกลจากโครงการมากนัก
- วัสดุ 7.5/10 -วัสดุและเฟอร์นิเจอร์ที่แถมมาให้ค่อนข้างคุ้มค่ากับราคา
- แบบ 7.5/10 -เรียบๆธรรมดา ไม่หวือหวา แต่ได้ห้องที่ค่อนข้างใหญ่และฟังก์ชั่นครบ ถ้าเทียบกับงบที่จ่ายไป
- สาธารณูปโภค 7/10 -มีครบทั้งสระว่ายน้ำ ฟิตเนส โยคะ แต่ให้มาน้อยถ้าเทียบกับจำนวนยูนิต
- SUPER ECONOMY CLASS
- 7.41 / 10.00
BOTTOM LINE
The Kith ติวานนท์ เหมาะกับคนที่มองหาคอนโดพร้อมอยู่ราคาเบาๆในย่านติวานนท์ ปากเกร็ด ชอบการอยู่อาศัยในห้องเป็นหลัก ไม่เน้นหนักเรื่อง Facilities เดินทางโดยสารรถประจำทางบ้างแต่เน้นเดินทางด้วยรถส่วนตัวเป็นหลัก ซื้อของตามความต้องการและเน้นคุ้มค่า ไม่ยึดติดกับแบรนด์ มีงบประมาณ 940,000 -2,500,000 ล้านบาท หรือมีกำลังผ่อนประมาณ 6,580-17,500 บาท/เดือน ซึ่งพอๆกับราคาเช่าคอนโดบางแห่ง เหมาะกับคนที่ต้องการเปลี่ยนค่าเช่ามาซื้อห้องที่เราเองได้เป็นเจ้าของเองค่ะ
ถ้ามีความเห็นว่ารีวิวตัวนี้มีประโยชน์ ช่วยกด LIKE ให้หน่อยนะคะ จะได้มีกำลังใจในการทำรีวิวต่อไป
สมัครสมาชิกพร้อมรับข่าวสารเพิ่มเติม (คลิกที่นี่ )