รีวิวฉบับที่ 1473 … สวัสดีค่ะ หลังจากเปิดตัว The ESSE at Singha Complex ไปไม่นานนัก ทาง Singha Estate ก็ได้เปิดตัวโครงการใหม่ส่งท้ายปีภายใต้แบรนด์ The ESSE Sukhumvit 36 คอนโด High Rise หรูติดถนนสุขุมวิท ใกล้กับซอยสุขุมวิท 36 ห่างจาก BTS ประมาณ 20 ม. เท่านั้น โดยโครงการนี้มีการร่วมทุนกับทาง Hongkong Land บริษัทด้านการลงทุนการจัดการและพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำธุรกิจในฮ่องกงด้วย จะเป็นอย่างไรไปอ่านกันค่ะ

 

Fact @ 07 November 2017

  • The Esse Sukhumvit 36 Condominium (ดิ เอส สุขุมวิท 36 คอนโดมิเนียม)
  • บริษัท เอส36 พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด
  • ULTIMATE CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
  • โครงการตั้งอยู่ : ถนนสุขุมวิท (ใกล้ซอยสุขุมวิท 36) แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา
  • คอนโด High Rise 43 ชั้น 1 อาคาร 338 ยูนิต
  • ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 12 ยูนิต
  • ช่องจอดรถ(ชั้นจอดรถปกติ+Automatic Parking) ประมาณ 301 คันคิดเป็น 89% รวมจอดซ้อนคัน เป็น 100%
  • ที่ดินประมาณ 2-2-0 ไร่
  • เริ่มก่อสร้าง : มกราคม 2018
  • คาดว่าจะแล้วเสร็จ : ตุลาคม 2020
  • ห้องพักอาศัย

  • 1 Bedroom 38.50 – 43.25 ตร.ม.
  • 2 Bedroom 73.50 – 77 ตร.ม.
  • 3 Bedroom 116.75 – 124.25 ตร.ม.
  • Penthouse 252 ตร.ม.

  • ฝ้าเพดานสูง 3 เมตร
  • ราคาห้องเริ่มต้น 12 ล้านบาท
  • ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรทั้งโครงการ 330,000 บาท/ตร.ม.
  • เพิ่มเติมข้อมูลทำเลรอบๆ BTS ทองหล่อ ได้ที่: มองหาทำเลน่าอยู่ใกล้รถไฟฟ้า: BTS ทองหล่อ
  • เวปไซต์โครงการ : คลิกที่นี่
  • Call Center : 1221
  • เพียงแค่การกด Like ก็เท่ากับการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจาก Think of Living แล้วครับ

    สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างครับ


    เจาะลึกเรื่องทำเลที่ตั้ง

    พิกัด : 13.724639, 100.577719

    แผนที่จากทางโครงการนะคะ ตัวโครงการอยู่ติดกับถนนสุขุมวิทเลย ใกล้ๆกับบริเวณปากซอยสุขุมวิท 36 อยู่ห่างจากบันไดทางขึ้นลง BTS ทองหล่อ เพียง 20 เมตรเท่านั้น พื้นที่นี้ถือเป็นใจกลางเมืองที่ล้อมรอบไปด้วยความอุดมสมบูรณ์สูงมาก อยู่ใกล้กับแหล่งร้านอาหารเก๋ คอมมูนิตี้มอลล์ ซูเปอร์มาร์เก็ตโรงแรม และห้างสรรพสินค้าสุดหรูต่างๆ มากมาย รวมไปถึงสถานศึกษานานาชาติ และโรงพยาบาลเอกชนอย่างสมิติเวชและคามิลเลียน เป็นต้น

    ทำเลโครงการตั้งอยู่ในย่านทองหล่อฝั่งเลขคู่ แต่ไม่ได้อยู่ในซอยเหมือนชื่อโครงการนะคะ ทางเข้า-ออกโครงการจริงๆ จะอยู่ติดถนนสุขุมวิทเลย แต่อยู่ใกล้กับซอยสุขุมวิท 36 เท่านั้นเอง จัดเป็นทำเลโครงการ High Rise ใหม่ในปัจจุบันที่หาได้ไม่มากแล้วนะที่จะอยู่ติดถนนสุขุมวิทในย่านทองหล่อนี้ เดิมทีที่ดินผืนนี้เคยเป็นของทาง Fragrant ที่ได้แบ่งพื้นที่มาประมาณ 2 ไร่กว่าขายต่อให้ทาง Singha Estate ตัวทำเลนี้เองจัดว่าสะดวกในการเดินทางดีมากสำหรับการเดินทางเข้าเมือง ใช้ถนนสุขุมวิทเป็นเส้นทางหลักได้เลยค่ะ หรือจะใช้ซอยสุขุมวิท 36 ก็ง่ายออกจากโครงการแล้วก็สามารถเลี้ยวเข้าซอยได้เลย สามารถเลาะไปออกถนนพระราม 4 บริเวณแยกนภาศัพท์เยื้องกับโรงพยาบาลเทพธารินทร์ได้ รวมทั้งใครที่วิ่งมาจากเส้นพระราม 4 ก็สามารถไปทะลุออกซอยสุขุมวิท 38 แล้วค่อยเลี้ยวเข้าโครงการอีกทีก็ไม่ยาก ไม่ต้องกลับด้วยค่ะ

    ส่วนจุดเด่นของทำเลโครงการเลยคืออยู่ใกล้ BTS ทองหล่อ ในระยะเดินประมาณ 20 ม. ก็จะถึงทางขึ้น-ลงสถานีแล้วค่ะ สำหรับใครที่เน้นใช้รถไฟฟ้าในการเดินทางต่างๆ นั้นถือว่าสะดวกมากทีเดียวค่ะ ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนเมืองที่มีตัวเลือกในการเดินทางได้หลากหลาย จะใช้รถก็ง่ายอยู่ติดถนนสุขุมวิท จะใช้รถไฟฟ้าก็เดินไปไม่ไกล ค่อนข้างคล่องตัวดีทีเดียว และหากพูดถึงในแง่ของโครงการระดับ Ultimate Class ในย่านทองหล่อที่ยังมีการเปิดขายอยู่นั้นโครงการนี้ก็เป็นโครงการเดียวที่อยู่ติดถนนสุขุมวิทและใกล้กับ BTS ทองหล่อมากที่สุดเช่นกันค่ะ

    ทำเลย่านทองหล่อเรื่องความอุดมสมบูรณ์ส่วนใหญ่จะอยู่ในซอยทองหล่อ หรือสุขุมวิท 55 เป็นส่วนใหญ่นะคะ ซึ่งจะมีทั้งร้านค้าร้านอาหารหรู มีชื่อเสียงและ Community Mall ค่อนข้างหลากหลาย รวมไปถึงสถานที่ Hangout ในตอนกลางคืนอีกเช่นกัน จัดเป็นโซนที่ใกล้กับโครงการ ไปได้ง่ายมาก ขับรถออกจากโครงการไปได้ไม่ไกลเลย แม้ตัวโครงการจะไม่ได้อยู่ในซอยทองหล่อเลยก็ตาม อาจจะเป็นรองในเรื่องความอุดมสมบูรณ์อยู่บ้างเมื่อเทียบกับโครงการที่อยู่ในซอยทองหล่อเลยแท้จริง แต่ก็แลกมากับความสงบที่มากขึ้นมาหน่อย และได้เปรียบในเรื่องของการเดินทางที่มากกว่า ทั้งติดถนนสุขุมวิท และใกล้กับรถไฟฟ้า

    ส่วนอีกหนึ่งย่านที่เป็นตัวเลือกในการไปช็อปปิ้งต่างๆ และอยู่ใกล้ๆ เดินทางง่ายมากจะขับรถก็ใกล้ หรือจะนั่งรถไฟฟ้าก็เพียงสถานีเดียวเท่านั้นเองค่ะ ซึ่งนั่นก็คือย่านพร้อมพงษ์ The EmDistrict ที่ปัจจุบันประกอบไปด้วยห้างใหญ่ระดับหรูอย่าง The Emporium, The EmQuartier ค่ะ

    วันนี้การเดินทางของเราจะไม่มีอะไรมากนะคะ โดยเราจะเริ่มกันที่ทางลงสถานีรถไฟฟ้าทองหล่อกันเลย สำหรับทางลงที่ใกล้กับโครงการที่สุดนั้นจะเป็นทางออกที่ 2 ค่ะ ซึ่งตรงไปอีกหน่อยเดียวก็ถึงโครงการแล้ว

    เราเดินไปตามฟุตบาท มุ่งหน้าไปทางซอยสุขุมวิท 36 นะคะ

    ซึ่งก่อนจะถึงซอยสุขุมวิท 36 ก็จะเห็นที่ตั้งโครงการ The ESSE สุขุมวิท 36 แล้วค่ะ โดยปัจจุบันเป็นที่ตั้ง Sale Office โครงการนะคะ

    เลยจากโครงการมาหน่อย จะเป็นที่ดินของทาง Fragrant นะคะ ก่อนที่จะถึงซอยสุขุมวิท 36 ซึ่งบริเวณนี้มีพี่วินมอเตอร์ไซค์คอบให้บริการอยู่ด้วยค่ะ

    ถัดมาก็จะเป็นทางเข้าซอยสุขุมวิท 36 ค่ะ หน้าปากซอยฝั่งตรงข้ามก็จะเป็นโครงการคอนโดเพื่อนบ้านอย่าง Noble Remix ค่ะ

    **รูปนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการแบบคร่าวๆไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการได้นะคะ

    ในส่วนที่ดินโครงการลักษณะจะเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า แนวหน้าแคบลึกเข้าไปขนานกับซอยสุขุมวิท 36 มีระยะที่ดินห่างจากซอยสุขุมวิท 36 ประมาณ 12-13 ม. ถัดจากซอยสุขุมวิท 36 ไปจะเป็นโครงการ Noble Remix ซึ่งเป็นอาคารตึกสูงที่ส่งผลต่อวิวของโครงการเช่นกัน ดังนั้นการวางตัวอาคารของโครงการจึงมีการออกแบบที่แก้ปัญหาการถูกบล็อกวิวจากโครงการข้างเคียงด้วยการร่นตัวอาคารส่วน tower ที่เป็นส่วนของห้องพักอาศัยร่นเข้าไปจากหน้าถนนสุขุมวิทลึกไปอีกประมาณ 84 ม. ซึ่งก็จะตรงกับส่วนอาคารด้านหลังของ Noble Remix ที่มีความสูง 11 ชั้นแทน ทำให้ชั้นพักอาศัยในชั้นที่สูงกว่าชั้น 11 ไม่ถูกบล็อกวิวระยะใกล้นะคะ (ชั้นพักอาศัยเริ่มต้นที่ชั้น 9) และข้อดีอีกเรื่องในการร่นระยะห้องพักอาศัยเข้ามา 84 ม.เลยก็คือเรื่องความเป็นส่วนตัวที่มากขึ้นจากเสียงรถราต่างๆ บนถนนสุขุมวิทค่ะหากพูดถึงในเรื่องวิว ทิศที่ได้วิวโปร่งโล่งเลยก็จะมีอยู่ 3 ทิศด้วยกัน คือทิศเหนือ ทิศตะวันออก และทิศตะวันตก (ในชั้นสูงเกินชั้น 11 ของอาคารข้างเคียง) นะคะ ส่วนทิศใต้นี้อาจจะยังไม่สามารถการันตีวิวในอนาคตได้นะ เพราะยังมีที่ดินว่างติดกับโครงการที่สามารถเกิดโครงการในอนาคตได้เช่นกันค่ะทิศเหนือ : ติดกับถนนสุขุมวิท, สถานีรถไฟฟ้าทองหล่อ
    ทิศตะวันออก : บ้านและที่ดินส่วนบุคคล
    ทิศใต้ : ที่ดินส่วนบุคคล
    ทิศตะวันตก : ที่ดินส่วนบุคคล, ซอยสุขุมวิท 36 และ Noble Remix
     

    สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น

    Lifestyle

    • Rain Hill – 550 m.
    • Gateway Ekkamai – 1.1 km.
    • Market Place – 1.4 km.
    • The EM District – 1.4 km.
    • Suanplearn Market – 1.8 km.
    • Seenspace – 2 km.
    • J Avenue – 2.1 km.
    • K Village – 2.2 km.
    • Terminal 21 – 3.2 km.
    • Singha Complex – 3.6 km.
    • Makkasan Mega Project – 4 km.

    Education 

    • Bangkok Prep International School – 120 m.
    • Trinity International School – 450 m.
    • มหาวิทยาลัยกรุงเทพ – 2.2 km.
    • มหาวิทยาลัยศรีนครินทร์วิโรฒ (ประสานมิตร) – 3.2 km.
    • โรงเรียนวัฒนาวิทยาลัย – 3.2 km.
    • Ekkamai International School – 3.2 km.

    Health & Wellness

    • โรงพยาบาลสุขุมวิท – 1.2 km.
    • โรงพยาบาลสมิติเวช สุขุมวิท – 1.3 km.
    • โรงพยาบาลคามิลเลียน – 2.6 km.
    • โรงพยาบาลรัตนิน – 3.3 km.
    • โรงพยาบาลกรุงเทพ – 3.9 km.
    • โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ – 4 km.

     


    เจาะลึกตัวโครงการ

    โครงการ The Esse สุขุมวิท 36 คอนโด High Rise ระดับ Ultimate Class ในย่านทองหล่อ ติดถนนสุขุมวิทใกล้ BTS ทองหล่อ บนเนื้อที่ดินทั้งหมด 2-2-0 ไร่ ด้วยจำนวนยูนิต 338 ยูนิต และเป็นโครงการที่ทาง Singha Estate มีการจับมือร่วมกันกับ Hongkong Land เป็นบริษัทด้านการลงทุนการจัดการและพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำธุรกิจในฮ่องกง ซึ่งเป็นเจ้าของและบริหารจัดการพื้นที่เกือบ 800,000 ตารางเมตร ของทำเลที่ตั้งสำนักงานใหญ่และศูนย์การค้าสุดหรูในเมืองสำคัญของเอเชียโดยเฉพาะในฮ่องกงและสิงคโปร์ อสังหาริมทรัพย์ของฮ่องกงแลนด์ดึงดูด บริษัทชั้นนำของโลกและแบรนด์หรูต่างๆมากมายซึ่ง Hongkong Land Holdings Limited จัดตั้งขึ้นในเบอร์มิวดา มีรายชื่ออยู่ในตลาดหลักทรัพย์ลอนดอน รวมไปถึงในเบอร์มิวดาและสิงคโปร์อีกด้วย

    งานออกแบบโครงการ ใช้ทีมออกแบบระดับโลกในด้านต่างๆ เป็นผู้ออกแบบทั้งหมดค่ะ สำหรับด้านสถาปัตยกรรม Tandem บริษัทออกแบบสัญชาติไทยที่มีประสบการณ์กว้างขวางในโครงการต่างๆ อาทิเช่น โรงแรมรีสอร์ท รีสอร์ท อาคารชุดพักอาศัย อาคารสำนักงาน และอยู่อาศัยส่วนตัว มาทำงานร่วมกับที่ปรึกษาซึ่งเป็นสถาปนิกชื่อดังระดับโลกอย่าง SOM Skidmore, Owings and Merrill (ThailandCoLtd บริษัทสถาปนิกชื่อดังจากฝั่งอเมริกา ที่ฝากฝีมือไว้กับสถาปัตยกรรมระดับแลนด์มาร์คของโลกไว้มากมายหลายแห่ง เป็นหนึ่งในบริษัทที่มีความชำนาญในด้านการออกแบบอาคารพาณิชย์ อาคารสูง พวกเขาสร้างสรรค์ตึกที่สูงที่สุดในโลกหลายตึก อย่างเช่น จอห์นแฮนคอค์กเซนเตอร์ (1969 สูงที่สุดอันดับ 2 เมื่อสร้าง), เซียรส์ทาวเวอร์ (1973 ตึกสูงที่สุดในโลกนานกว่า 20 ปี), บูร์จคาลิฟา (2010 ตึกที่สูงที่สุดในโลก ปัจจุบัน)  วันเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์แมริออทเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ (ทรีเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ อาคารชุดแรก), เซเว่นเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์จินเหมาทาวเวอร์สำนักงานใหญ่นาโต้อาคารผู้โดยสาร 4 ท่าอากาศยานนานาชาติจอห์น เอฟเคนเนดี   SOM ได้รับรางวัลด้านคุณภาพและการคิดค้นกว่า 1,400 รางวัล

    ในส่วนงานภูมิสภาปัตยกรรมก็ใช้ “shma” เป็น บริษัทภูมิสถาปนิกไทยที่ทำงานในระดับสากล และงานสถาปัตยกรรมภายในหรือ  Interior ทางโครงการใช้ “dwp” หรือ Design Worldwide Partnership ผู้มีชื่อเสียงด้านการออกแบบ มีประสบการณ์กับโครงการระดับสุดหรูต่างๆในประเทศไทยและต่างประเทศมามากมาย

    ตัวโครงการออกแบบมาภายใต้แนวความคิด “The Essence of Luxurious Living is A HARMONY OF CONTRAST” หมายถึงแก่นแท้ของการอยู่อาศัยอย่างหรูหรา คือ ความกลมกลืนในความแตกต่าง ซึ่งภายใต้แนวคิดนี้ได้แตกเป็นการออกแบบในหลายรูปแบบนะคะ เริ่มต้นจากทำเลที่ดินก่อนที่ตรงกับแนวความคิดนี้ค่ะ ด้วยความที่อยู่ใจกลางเมืองในย่านทองหล่อแท้จริง แต่ก็มีความสงบเหมาะกับการอยู่อาศัย เพราะตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามซอยทองหล่อที่มีความคึกคัก รวมทั้งตัว Tower พักอาศัยเองที่มีการ Set Back จากหน้าถนนสุขุมวิทไปประมาณ 84 ม.

    ในส่วนของงานดีไซน์อาคารนั้นเน้นการออกแบบที่มีกลิ่นอายความเป็นไทยเพิ่มเข้าไปด้วยเป็น Gimmick หรือรายละเอียดที่ทำให้เกิดความแตกต่างจนกลายเป็นเอกลักษณ์ของโครงการ ทั้งรูปแบบงานสถาปัตยกรรม งานภูมิสถาปัตยกรรม Interior ภายใน ฟังก์ชันต่างๆ ภายในโครงการ รวมไปถึงการออกแบบตามสภาพภูมิอากาศของประเทศอีกด้วยค่ะ สำหรับรายละเอียดที่ทางทีมออกแบบโครงการได้มีการใส่เข้ามาจะมีอะไรบ้าง เดี๋ยวเราจะขอค่อยๆ อธิบายไปนะคะ

    อย่างในส่วนของ Facade โครงการที่มีส่วนโค้งเหมือนคลื่นแนวนอนนั้น ก็ถูกถอดแบบมาจากความโค้งของหลังคาเรือนไทย ซึ่งความโค้งมนต่างๆ นี้ เป็นเอกลักษณ์ความอ่อนช้อยของไทย

    นอกจากนี้ในส่วนต่างๆ ของโครงการก็จะมีการตกแต่งโดยนำลวดลายของไทยมาลดทอนในเหลือดีเทลน้อยลงมาหน่อย ไม่เยอะจนเกินไป มาใส่ในการตกแต่งอาคารส่วนต่างๆ ค่ะ ซึ่งรายละเอียดความเป็นไทยนั้นจะไม่มีแค่นี้นะคะ จะมีอยู่ในการวาง Master Plan และการจัดวาง  Floor Plan ที่ใช้เอกลักษณ์ของเรือนไทยที่มีจุดเด่นในเรื่องของการออกแบบตามภูมิอากาศของประเทศไทย รวมถึงสไตล์การจัดแปลนที่เหมือนหมู่เรือนไทยค่ะ ซึ่งเดี๋ยวเราจะอธิบายเพิ่มเติมในส่วนนี้อีกทีเมื่ออธิบายส่วนแปลนกันนะคะ

    ตัวอาคารแบ่งเป็น 4 ส่วนหลักๆ นะคะ เริ่มจากชั้น 1 ที่เป็นชั้น Lobby ขึ้นมาที่ชั้น 2-6 นั้นจะเป็นส่วน Podium ที่ทางโครงการจัดให้เป็นส่วนที่จอดรถทั้งหมด ชั้นบนของ Podium ก่อนเริ่มชั้นพักอาศัยคือชั้น 7-8 เป็นชั้น Main Facilities ค่ะ จากนั้นชั้น 9 ไปจนถึงชั้น 40 เป็นชั้นพักอาศัยทั้งหมดค่ะ ซึ่งชั้นพักอาศัยนี้จะย่อยมาเป็นชั้น 9-35 ที่เป็นชั้น Typical Floor Plan ส่วนชั้นบนนั้นวางให้เป็นชั้นห้องพักอาศัยขนาดใหญ่ขึ้น มีจำนวนยูนิตน้อยลง และส่วนสุดท้ายคือชั้น Roof top ซึ่งมีทั้งหมด 2 ชั้นด้วยกันที่ทางโครงการจัดมาให้เป็นส่วน Facilities ที่สามารถชมวิวมุมสูงได้ค่ะ

    จากทางเข้าโครงการมาแบ่งเป็นทางเข้ารถยนต์และทางเดินเท้าชัดเจนนะคะ เมื่อเข้ามาแล้วจะเจอกับพื้นที่สีเขียวก่อน ซึ่งบริเวณนี้มีการจัด Landscape ให้เป็นฟังก์ชันการใช้งานอยู่ด้วย คือเป็น Sunken Lawn หรือพื้นที่นั่งเล่นในสวนแบบลดระดับพื้นลงเป็นเล็กน้อย เพื่อสามารถสัมผัสกับบรรยากาศสวนได้มากขึ้น เห็นต้นไม้ใบหญ้าในระดับสายตา ถัดเข้ามาเราจะยังไม่เจอส่วนที่เป็น Indoor เลยนะคะ แต่จะเป็นลักษณะ Semi-Outdoor เป็นทางเดินทอดยาวเข้าสู่ Lobby ด้านใน เพื่อปรับบรรยากาศ อารมณ์ต่างๆ ด้วย Water Feature ซึ่งบริเวณ Semi-Outdoor เองจะเป็นพื้นที่ของช่องลมด้วยเช่นกัน เสมือนกับพื้นที่ใต้ถุนของเรือนไทย ทำให้ลมบริเวณนี้พัดผ่านได้ดี ทางโครงการจึงมีการวางฟังก์ชันพื้นที่นั่งเล่นอย่าง Sunken Seating Area และยังมี Library Room ด้วยที่อยู่อีกฝั่งนึงของอาคาร

    บรรยากาศบริเวณหน้าโครงการ จะเห็นว่าส่วนพื้นที่สีเขียวหน้าโครงการออกแบบให้เป็นต้นไม้ขนาดใหญ่ค่อนข้างเยอะทีเดียว นอกจากให้ความร่มรื่นภายในโครงการแล้ว ต้นไม้ใหญ่ยังสามารถทำหน้าที่เป็น Buffer เรื่องเสียงและมลพิษต่างๆ บนท้องถนนได้ดีเช่นเดียวกัน ส่งผลถึงความเป็นส่วนตัวของภายในโครงการที่มากขึ้นด้วยนะคะ โดยระยะของสวนด้านหน้าก่อนจะถึงอาคารเลยจะอยู่ที่ประมาณ 35 ม.

    มุมภายในบริเวณ Sunken Lawn และพื้นที่ Sunken Seating Area ที่ติดกับ Library Room ซึ่งถูกห้อมล้อมไปด้วยต้นไม้ใหญ่ รวมไปถึงการออกแบบ Landscape ที่มีแฝงกลิ่นอายของความเป็นไทยด้วยการจัดสวนมาในรูปแบบนาขั้นบันได และสร้างบรรยากาศที่มากขึ้นด้วย Water Feature ให้ความรู้สึกผ่อนคลายด้วยความเย็นและเสียงของน้ำ

    ในส่วน Library จัดมาให้ขนาดใหญ่พอสมควร ภายในโอ่โถงด้วยฝ้าเพดานแบบ Double Volume ผนวกกับความโปร่งโล่งด้วยการออกแบบให้กระจกสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดาน และสามารถเสพบรรยากาศธรรมชาติจากพื้นที่สวนภายนอกได้ดี สำหรับภายใน Library วางเฟอร์นิเจอร์ให้ทั้งแบบเป็นเก้าอี้โซฟา ไว้นั่งอ่านหนังสือชิลๆ หรือพูดคุยงานกันได้ มีบางส่วนที่หันออกไปยังพื้นที่สวนภายนอกด้วย และจัดเคาน์เตอร์บาร์สำหรับนั่งทำงานเดี่ยว มีปลั๊กไฟและ Wifi รองรับเพื่ออำนวยความสะดวกในการทำงานมากขึ้น

    บริเวณส่วน Semi-Outdoor ก่อนเข้าสู่ Lobby ที่พูดถึงไปในส่วนของ Model นะคะ โดยเมื่อเดินผ่านส่วน Sunken Seating Area และ Library มาแล้วก็จะเป็นส่วน Drop-Off ค่ะ ซึ่งบริเวณนี้จะมี Lift สำหรับจอดรถในชั้น Auto Parking ด้วยเพื่อความสะดวกกับลูกบ้านสูงสุด คือจอดรถบริเวณนี้แล้วเข้าสู่ Lobby ได้เลย ไม่ต้องเดินไกล

    มาที่ภายในส่วน Lobby โครงการ ลักษณะเป็นตัวโถงยาว ออกแบบมาในรูปแบบ Symmetry ให้ความหรูหราอลังการมากขึ้น ประกอบกับฝ้าเพดานสูงแบบ Double Volume และการตกแต่งภายในที่ใช้โทนสีน้ำตาลทองมาเล่น ภายในวางชุดโซฟาใหญ่ให้หลายชุดด้วยกัน ไว้สำหรับต้อนรับลูกบ้านและ Visitor ที่เข้ามาติดต่อลูกบ้านและโครงการเอง

    ขึ้นมาที่ชั้น Main Facilities ซึ่งอยู่ที่ชั้น 7 กันนะคะ สำหรับชั้นนี้จะแบ่งเป็น 2 ส่วนด้วยกัน คือพื้นที่ส่วน Outdoor และ Indoor นะคะ สำหรับส่วน Outdoor นี้จะเป็นส่วนสระว่ายน้ำและพื้นที่สวน ประกอบด้วยสระว่ายน้ำ, Jacuzzi, Lounge Area, Kid’s Pool และ Sunken Lawn ซึ่งตำแหน่ง Outdoor นี้จะหันหน้าไปทางถนนสุขุมวิท ซึ่งความสูงของชั้น 7 นี้มีความสูงเลยรางรถไฟฟ้าไปแล้วนะคะ ก็จะมีความเป็นส่วนตัวมากขึ้น สำหรับวิวที่จะได้จากส่วนสระว่ายน้ำนี้จะเป็นฝั่งถนนสุขุมวิทและฝั่งทิศตะวันออกที่ติดกับบ้านส่วนบุคคลค่ะ ฝั่งที่ใกล้กับซอยสุขุมวิท 36 นั้นจะอยู่ใกล้กับ Noble Remix ซึ่งความสูงเท่านี้จะถูกบล็อกวิวไปโดยปริยายนะคะ ซึ่งทางโครงการเองก็ได้จัด Landscape สำหรับฝั่งทิศตะวันตกที่ใกล้กับ Noble Remix ด้วยการปลูกต้นไม้ใหญ่เพื่อเพิ่มความเป็นส่วนตัวมากขึ้น และสร้างความร่มรื่นให้กับส่วน Facilities ทดแทนวิวที่ถูกบล็อกไปนะคะ

    สระว่ายน้ำที่นี่ให้ความยาวถึง Half Olympic โดยยาวถึง 25 ม. และกว้างอยู่ที่ 6 ม. ค่ะ ให้ว่ายน้ำออกกำลังกายได้เต็มที่ ด้านข้างมีพื้นที่สำหรับแช่สระผ่อนคลายด้วย Jacuzzi และส่วน Lounge Area เป็นที่วาง Day Bed ใต้ร่มไม้ ไม่โดนแดดโดยตรง

    วิวจากส่วนสระว่ายน้ำ ได้วิวมุมกว้างจากสระแบบ Infinity Eadge Pool สามารถ Take View ระยะไกลได้ดีทีเดียวค่ะ

    มาที่อีกจุด Hi-Light ในส่วน Facilities โครงการ คือ ออนเซ็น ค่ะที่นี่ออกแบบฟังก์ชันนี้มาเพื่อตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าชาวต่างชาติในทำเลนี้ที่ส่วนใหญ่จะเป็นชาวญี่ปุ่นอยู่มากนะคะ หรือจะเป็นคนไทยก็นิยมออนเซ็นกันพอสมควร เป็นอีกพื้นที่สำหรับผ่อนคลาย ไม่จำเป็นต้องไปสปา หรือออนเซ็นที่อื่นเลยค่ะ โดยภายในออนเซ็นนี้มีการแบ่งระดับความร้อนในบ่อต่างๆ ตามแบบฉบับของญี่ปุ่นโดยเฉพาะ และมีห้อง Steam ภายในนี้ด้วยนะคะ

    ถัดมาเป็นห้อง Kid’s Room ค่ะ ภายในตกแต่งบรรยากาศน่ารักสดใส มีมุมของเล่น และซุ้มเล็กๆ ไว้ให้เด็กๆ ได้เล่นกัน รอบข้างเป็นกระจกใสทั้งหมดทำให้ตัวห้องดูโปร่งโล่งทีเดียวค่ะ ส่วนด้านข้างของห้องมีพื้นที่ Seating Area ไว้รองรับผู้ปกครองมานั่งรอเด็กๆ เล่นได้ด้วยนะคะ

    ขึ้นมาอีกชั้น จะเป็นส่วนห้องฟิตเนส, Vitual Bike และ Golf Simulator สำหรับภายในห้องฟิจเนสนี้ดูโอ่โถงด้วยฝ้าเพดานแบบ Double Volume และกระจกสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดานรอบทิศทาง ให้คุณได้ออกกำลังกายพร้อมเสพวิวภายนอกไปในตัว

    อีกชั้นของ Facilities จะอยู่บนชั้น Roof top แล้วนะคะ ซึ่งจะแบ่งเป็น 2 ชั้นด้วยกัน โดยชั้นล่างคือชั้น 41 แบ่งเป็นโซน Outdoor และ Indoor เช่นเดียวกับชั้น Main Facilities นะคะ สำหรับส่วน Outdoor ประกอบไปด้วย Rock Garden Terrace, BBQ Deck, Step Lawn ซึ่งเน้นไปที่การทำกิจกรรมกลางแจ้งร่วมกัน พร้อม Take View มุมสูงไปด้วย ในส่วน Indoor ของชั้นนี้อยู่อีกฝั่งนึงของอาคารประกอบไปด้วย Sky Lounge, The Residence Lounge และ Sky Theater ซึ่งจะอธิบายแต่ละห้องในภาพ Perspective ของแต่ละห้องในลำดับถัดไปนะคะ

    ถัดขึ้นมาที่ชั้น 43 เป็นชั้นที่มีฟังก์ชันพิเศษแตกต่างจากโครงการอื่นๆ เลย คือการให้พื้นที่สำหรับปลูกต้นไม้ของตัวเองได้ โดยทางโครงการจะจัดกระถางให้ลูกบ้านในทุกยูนิต ให้มีกระถางของตัวเองในการปลูกต้นไม้ต่างๆ ได้ตามใจชอบ สำหรับใครที่อยากปลูกต้นไม้ มีสวนเล็กๆ ของตนเอง แต่ถูกข้อจำกัดของการอยู่อาศัยในแนวสูงที่ไม่มีพื้นที่เพียงพอสำหรับการปลูกต้นไม้ หรือสวนเล็กๆ ของตัวเองเหมือนการอยู่บ้าน โครงการนี้ก็ตอบโจทย์ในส่วนนี้ได้เลย และชอบที่มีการแบ่งกระถางแต่ละยูนิตชัดเจนเลยนะคะ ตัดปัญหาการจัดสรรพื้นที่ได้ดี

    ภาพบรรยากาศวิวชั้นบนที่ได้จากชั้น Roof top ด้วยความที่ตัวอาคารมีความสูงถึง 43 ชั้นจึงสามารถมองเห็นวิวได้ไกลทีเดียวค่ะ

    ภาพบรรยากาศบริเวณส่วน BBQ Deck มีการจัดเคาน์เตอร์และชุดเก้าอี้ต่างๆ ไว้ให้เรียบร้อยสำหรับการจัดปาร์ตี้ หรือกิจกรรมเล็กๆ ของลูกบ้านได้ค่ะ ส่วนถัดมาหน่อยจะเป็น Step Lawn ซึ่งทางโครงการตั้งใจออกแบบไว้ตามแนวความคิดนาขั้นบันไดของไทยด้วยนะคะ

    สำหรับส่วน Sky Lounge ที่นี่ตกแต่งได้หรูหราทีเดียวค่ะ ภายในออกแบบให้เป็นพื้นที่พักผ่อนสำหรับลูกบ้าน มีเคาน์เตอร์บาร์สำหรับจัดเตรียมเครื่องดื่มต่างๆ มีชุดโซฟารองรับสำหรับมานั่งเสพบรรยากาศวิวมุมสูง พร้อมทั้งมีโต๊ะพลูไว้ให้เล่นได้ด้วยนะคะ สำหรับวิวที่ได้จากห้องนี้จะได้เป็นวิวมุมกว้างทั้งหมด 2 ทิศด้วยกัน คือทิศใต้และทิศตะวันตก

    สำหรับลูกบ้านท่านไหนที่ต้องการจัดปาร์ตี้หรือจัดกิจกรรมต่างๆแบบส่วนตัว  ทางโครงการก็มีห้อง The Residence Lounge ไว้รองรับ ซึ่งลูกบ้านสามารถจองคิวผ่านทางนิติบุคคลเพื่อใช้งานได้ค่ะ ภายในห้องนี้มีเตรียมเคาน์เตอร์สำหรับเตรียมอาหารต่างๆ พร้อมโต๊ะยาวแบบที่เห็นในรูป Perspective เลยค่ะ

    และสุดท้ายคือห้อง Sky Theater ที่ออกแบบมาได้สวยมากๆ ภายในออกแบบให้ความรู้สึกเสมือนนั่งเล่นอยู่ในห้องนั่งเล่นเพื่อดูหนังชิลๆ มากกว่าเป็นโรงหนังที่ชัดเจนนะคะ ดังนั้นจึงดูมีความผ่อนคลายกว่าพอสมควร ซึ่งหากไม่ดูหนังก็มานั่งชม City View มุมสูงได้เช่นกัน

    มาดูที่ส่วน Master Plan กันค่ะ รูปแบบการออกแบบแปลนนี้แบ่งเป็น 2 โซนด้วยกัน เริ่มจากด้านหน้าโครงการจะเป็นพื้นที่ Outdoor – Semi-Outdoor ก่อนเข้าสู่ส่วน Indoor (Lobby) ตามลำดับ ค่อยๆ ปรับเปลี่ยนอารมณ์ บรรยากาศไปเส้นทางเดินที่ตกแต่งด้วย Water Feature ซึ่งเป็นหนึ่งในรูปแบบของบ้านเรือนไทยสมัยก่อนที่มักจะมีชานหน้าบ้านปรับเปลี่ยนบรรยากาศก่อนเข้าสู่ภายในบ้านนะคะ

    สำหรับลิฟต์ Automatic Parking จะมีอยู่ 2 จุดด้วยกันคือส่วนบริเวณ Drop-Off ที่เราได้อธิบายกันไปก่อนหน้าแล้ว และอีกจุดคือส่วนด้านหลังอาคาร ทั้งนี้เมื่อจอดรถเสร็จหรือจะรอรับรถนั้นทางโครงการก็มีการออกแบบ Waiting Area ไว้ให้เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับลูกบ้านด้วยค่ะ นอกจากนี้ก็มีพื้นที่จอดมอเตอร์ไซค์และจักรยานให้ประมาณ 8 คันด้วยกัน

    ชั้น 2 – 4 เป็นชั้นที่จอดรถทั้งหมด ทั้ง 3 ชั้นนี้เป็นที่จอดรถทั่วไปนะคะ มีช่องจอดทั้งหมด 70 ช่องจอด คิดเป็นประมาณ 20.71%

    ส่วนที่เหลือจะเป็นที่จอดรถแบบ Automatic Parking ทั้งหมด คิดเป็นช่องจอดรวมทั้งหมด (ชั้นจอดรถปกติ+Automatic Parking) ประมาณ 89% หากรวมซ้อนคันก็จะอยู่ที่ 100% ค่ะ ซึ่งถือว่าให้มาน้อยกว่าโครงการระดับ Ultimate Class ในย่านทองหล่อเหมือนกันนะคะ พูดถึงในเชิงการใช้งานที่จอดรถนั้นจะเน้นไปที่ Automatic Parking เป็นส่วนใหญ่นะคะ การใช้งาน Automatic Parking นี้ก็มีทั้งความสะดวกและไม่สะดวกเช่นเดียวกัน ในเรื่องความสะดวกนั้นคือเราไม่ต้องไปเสียเวลาวนหาที่จอดรถ ส่วนความไม่สะดวกสำหรับบางคนคือเรื่องการมารอลิฟต์ส่งรถ ซึ่งอาจจะต้องมีการต่อแถวรอกับเพื่อนบ้านบ้าง ในช่วงเวลาเร่งด่วน ไม่สามารถเดินไปที่รถแล้วสตาร์ทรถออกได้เลยเหมือนที่จอดรถปกติ ซึ่งทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับความชอบในการใช้งานของแต่ละคนนะคะ แต่ละคนมีความสะดวกและความชอบในการใช้งานที่แตกต่างกัน

    ชั้น 7 จัดเป็นชั้น Facilities หลักของโครงการ จากโถงลิฟต์ออกมาจะเป็นส่วน Semi-Outdoor ทางเดินทางเชื่อมไปยังส่วน ออนเซ็นแยกชายและหญิงทั้ง 2 ฝั่ง มีห้อง Private Spa Room และห้อง Kid’s Room ด้านข้าง จากนั้นส่วน Outdoor จะเป็นพื้นที่สวนและสระว่ายน้ำทั้งหมดค่ะ

    ชั้น 8 แบ่งเป็นครึ่งนึงของอาคารเนื่องจากด้านหลังนั้นเป็นพื้นที่ของส่วน ออนเซ็นที่มีความสูงฝ้าแบบ Double Volume ในฝั่งที่ได้วิวสระว่ายน้ำจะเป็นพื้นที่ Fitness ขนาดใหญ่ และภายในห้อง Fitness นี้จะมีแยกห้อง Virtual Bike และ Golf Simulator ให้ได้เปลี่ยนบรรยากาศในการออกกำลังกายที่หลากหลายมากขึ้น

    ชั้น 9 เป็นชั้นที่เริ่มห้องพักอาศัยนะคะ ซึ่งชั้นนี้แม้จะอยู่ในชั้นล่างสุดของอาคาร อาจจะเสียเปรียบในเรื่องของวิวมุมสูงมากกว่าห้องพักอาศัยในชั้นสูงขึ้นไป แต่ได้เปรียบในเรื่องความเป็นส่วนตัวสูงทีเดียวค่ะ เพราะชั้นนี้มีจำนวนยูนิตเพียง 4 ยูนิตเท่านั้น ทำให้ทุกห้องในชั้นนี้มีเพียงผนังด้านเดียวเท่านั้นที่ติดกับห้องข้างเคียง

    ชั้น 10-35 เป็นชั้น Typical Floor Plan ลักษณะการจัดวางแปลนที่นี่ทำออกมาได้น่าสนใจนะคะ โดยการวางโถงลิฟต์อยู่ตรงกลาง ทำให้การเข้าถึงลิฟต์นั้นง่ายสำหรับทุกห้อง ส่วนโถงทางเดินออกแบบให้เป็น Single Corridor พร้อมทั้งจำนวนยูนิตต่อชั้นสูงสุดเพียง 12 ยูนิตเท่านั้นจึงค่อนข้างเป็นส่วนตัวดีทีเดียวค่ะ และนอกจากนี้มีการทำช่องลม/ช่องแสงตรงกับส่วนโถงลิฟต์ไว้ 2 ฝั่งด้วยกัน ช่วยในเรื่องของแสงสว่างเข้าถึงภายในได้ดีแล้วยังช่วยเรื่อง Ventilation ภายในอาคารด้วยนะคะ ส่วนห้องมุมที่เป็นห้อง 2 Bedroomนั้นจะได้ อนิสงค์จากส่วนช่องแสง/ช่องลมนี้ด้วย เพราะทำให้ผนังฝั่งนึงแทนที่จะติดกับห้องพักอาศัยข้างเคียงนั้นมาติดกับช่องลมแทน เพิ่มความเป็นส่วนตัวมากขึ้นรวมทั้งได้ช่องแสงเพิ่มมากขึ้นด้วยค่ะ ส่วนอัตราส่วนลิฟต์ของโครงการอยู่ที่ 84.5 : 1 จัดว่ามีความหนาแน่นน้อยนะคะ ไม่ต้องรอลิฟต์กันนาน

    ชั้น 36-38 จำนวนยูนิตจะน้อยลงมาอยู่ที่ 6 ยูนิตต่อชั้น เนื่องจากห้องถูกรวบเป็นห้องขนาดใหญ่ขึ้น มีเพียงห้อง 2 Bedroom และห้อง 3 Bedroom ค่ะ

    ชั้น 39 เป็นห้อง Penthouse ทั้งหมด จำนวน 4 ยูนิตต่อชั้น สำหรับ Penthouse ทุกห้องจะได้เป็นห้องมุมทั้งหมด มีความเป็นส่วนตัว และ Take View ได้ในมุมกว้างเลยค่ะ

    ชั้น 40 เป็นชั้นบนของห้อง Penthouse นะคะ ลักษณะของห้อง Penthouse ที่นี่เรียกได้ว่าเป็นห้อง Duplex ขนาดใหญ่ถึง 252 ตร.ม. โดยจะมีเพียง 4 ยูนิตเท่านั้นค่ะ

    ชั้น 41 เป็นอีกชั้นที่ได้ Facilities เต็มชั้น ออกแบบให้เป็นชั้นที่เน้นในเรื่องการทำกิจกรรมร่วมกัน โดยฝั่งทิศตะวันออกจะเป็นส่วนกิจกรรมในรูปแบบ Outdoor ที่ประกอบไปด้วย Rock Garden Terrace, BBQ Deck และ Step Lawn ส่วนฝั่งทิศตะวันตกเป็นพื้นที่ Indoor ที่แบ่งเป็น 2 ส่วนคือแบบส่วนรวมอย่าง Sky Lounge ที่มีพื้นที่ให้ทำกิจกรรมต่างๆ ภายในร่วมกัน พร้อมเสพวิวในมุมสูงได้ ตามที่เราเห็นกันในรูป Perspective ก่อนหน้านี้นะคะ ส่วนอีกฝั่งเป็นพื้นที่ทำกิจกรรมแบบส่วนตัวสามารถใช้ The Residence Lounge ได้เลยค่ะ และสุดท้ายคือมุมที่ได้วิวระยะไกลได้ดีเลยคือห้อง Sky theater ซึ่งนอกจากจะเป็นห้องไว้ดูหนังแล้วยังเป็นห้องที่สามารถมานั่งเล่นชิลๆ ชมวิวเพลินๆ ได้เช่นกัน

    ชั้น 42 เป็นชั้นงานระบบทั้งหมดค่ะ ไม่มีฟังก์ชันใช้งาน

    ชั้น 43 หรือชั้น Roof top (Roof Orchard) เป็นอีกชั้นที่ออกแบบไว้สำหรับทำกิจกรรมเล็กๆ ภายในโครงการ โดยมีพื้นที่ Workshop Area ให้รวมทั้งกระถางต้นไม้ที่แบ่งไว้เป็นสัดส่วนมีครบทุกยูนิต ให้ลูกบ้านได้มาปลูกต้นไม้ของตัวเองได้

    มาดูวิวจากที่ตั้งโครงการในชั้นที่ 35 หรือความสูง 138 ม. กันนะคะ สำหรับด้านหน้าโครงการที่อยู่ติดถนนสุขุมวิทจะได้วิวที่โปร่งโล่งทีเดียวค่ะ มองเห็นบรรยากาศในซอยทองหล่อได้ชัดเจนเลย

    ทิศตะวันออกก็เป็นอีกทิศที่ได้วิวระยะไกลเลยทีเดียวค่ะ วิวที่ได้จะเป็นวิวฝั่งเอกมัยนะคะ

    ในส่วนของทิศใต้ปัจจุบันยังเป็นวิวที่สามารถมองในระยะไกลได้ดีค่ะ จะมีห้องในชั้นล่างๆ ที่ได้วิวเป็นคอนโดมิเนียมในซอยสุขุมวิท 36 นะคะ แต่ในชั้นบนๆ เลยชั้นที่ 25 ขึ้นไปนั้นจะสามารถมองเห็นวิวในระยะไกลได้สบายค่ะ อย่างชั้นที่ 35 ขึ้นไปสามารถมองเห็นแม่น้ำเจ้าพระยาได้เลยนะ

    ทิศตะวันตกในชั้นสูงๆ จะได้วิวระยะไกลหันไปทางพร้อมพงษ์และเลยไปถึงย่านอโศกเลยค่ะ เป็นฝั่ง City View ที่สวยทีเดียว

     

    สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก

    Amenities

    • Lobby
    • Parking Space
    • Mailbox & Storage Space
    • Sunken Lawn Garden on 1st Floor
    • Water Garden on 7th Floor
    • Rice Field Garden on 41th Floor
    • Roof Orchard on 43th Floor and Rooftop
    • The Reading Lounge
    • Swimming Pool with Separate Kid’s Pool ขนาด 25 x 6 ม. ลึก 1.2 ม. ระบบเกลือ
    • Fitness
    • Virtual Bike
    • Golf Simulator
    • Steam Room
    • Onsen
    • Treatment Room
    • Kids Room
    • Sky lounge
    • The Residence Lounge, Space for Private Parties
    • Sky  Theater
    • BBQ Deck
    • ลิฟท์โดยสาร 4 ตัว/อาคาร
    • อัตราส่วนลิฟท์รวมทั้งโครงการ 84.5 : 1
    • Service Lift 1 ตัว
    • ช่องจอดรถประมาณ 301 คันคิดเป็น 89% ไม่รวมจอดซ้อนคัน และ 100 % รวมจอดซ้อนคัน
    • ระบบ CCTV / Access Card

    Service

    • 24-Hour Security by guard service
    • Wifi internet at public area on 1st, 7th, 8th, 41st, 43rd Floor and Rooftop

     


    Product Walkthrough

    สำหรับโครงการ The Esse สุขุมวิท 36 นี้มีส่วนออกแบบที่แตกต่างจาก The Esse ตัวหน้า มีทั้งการพัฒนาแบบตัวห้องและการออกแบบที่แตกต่างจากโครงการก่อนเลย เพื่อให้มีเอกลักษณ์เฉพาะโครงการค่ะ สำหรับห้องพักอาศัยของโครงการนี้สิ่งที่ได้มามาตรฐานจะเป็นการตกแต่งแบบ Fully Fitted ซึ่งจะได้อะไรบ้าง เดี๋ยวเราจะพาไปชมรายละเอียดภายในตัวห้องกันค่ะ

    เริ่มต้นจากห้อง 1 Bedroom ขนาด 38.5 ตร.ม. ตำแหน่งของห้องจะอยู่บริเวณตรงกลางของแปลนอาคาร ลักษณะของแปลนเป็นรูปสี่เหลี่ยมจตุรัส แบ่งเป็นสัดส่วนชัดเจน โดยให้ความสำคัญกับห้อง Master Bedroom เป็นหลัก เห็นได้จากขนาดของห้องนอนกินพื้นที่ถึงครึ่งนึงของตัวห้องทั้งหมดค่ะ นอกจากนี้จุดเด่นของห้องโครงการนี้เลยคือ ทุกห้องจะได้ Walk through Closet (Walk in Closet) และห้องน้ำในห้อง Master Bedroom จะได้อ่างอาบน้ำเป็นมาตรฐานในทุกห้องค่ะ

    สำหรับแปลนนี้จากทางเข้าห้องมาจะเป็นส่วนครัวก่อนนะคะ ซึ่งส่วนครัวนี้เป็นลักษณะครัวเปิดนะคะ วางเคาน์เตอร์ครัวในรูปตัว L เชื่อมกับส่วนรับประทานอาหารสำหรับ 2 ที่นั่ง ถัดมาเป็นส่วนนั่งเล่นที่ดันให้อยู่ติดกับระเบียงทำให้บริเวณพื้นที่นั่งเล่นดูโปร่งโล่งมากยิ่งขึ้น เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่แสงสว่างภายนอกเข้าถึงได้ดี และสามารถมองเห็นวิวภายนอกได้ ในส่วนของระเบียงนั้นออกแบบไว้ให้เป็นสัดส่วนดีทีเดียว มีการแยกพื้นที่ระหว่างระเบียงและพื้นที่วาง CDU เครื่องปรับอากาศ โดยการใช้แผงกั้นปิดเป็นสัดส่วน สามารถบังสายตาได้ด้วยส่วนนึง

    ถัดมาในส่วนห้องนอน ภายในห้องได้ขนาดพื้นที่ค่อนข้างมากทีเดียวใครที่ชอบพื้นที่ห้องนอนขนาดใหญ่น่าจะชอบทีเดียวค่ะ สำหรับส่วนเตียงนอนสามารถวางเตียง King size (6 ฟุต) ได้เลย ถัดมาคือส่วน Hi-light คือ Walk through Closet หรือ Walk in Closet ที่ออกแบบให้เป็นเสมือนตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่ที่เราสามารถเดินเข้าไปเลือกเสื้อผ้าได้หลังจากอาบน้ำเสร็จ ถัดมาที่ห้องน้ำภายในห้องนอนขนาดใหญ่ที่มาพร้อมกับอ่างอาบน้ำ และพื้นที่อาบน้ำขนาดใหญ่

    เริ่มจากประตูทางเข้าห้องเป็นขนาดใหญ่แบบ Oversize โดยใช้วัสดุเป็นไม้อัดกรุผิวลามิเนต ลักษณะของบานประตูนั้นมีการเซทเข้าไปด้านในระดับนึงตามความกว้างของวงกบไม้ที่ได้มาค่อนข้างหนาทีเดียวค่ะ จึงช่วยในเรื่องความเป็นส่วนตัวมากขึ้นหน่อยเวลาเข้า-ออกห้อง เสมือนมี Foyer เล็กๆ เหมือนกัน

    Digital Door Lock ที่ได้จาก Samsung ซึ่งสามารถใช้ได้ทั้งแบบการใช้ Password และ สามารถ สแกนลายนิ้วมือเพื่อเข้าห้องได้เช่นกันค่ะ

    ลักษณะการใช้งานส่วน Digital Door Lock ในรูปแบบสแกนนิ้วมือเข้า นับว่าใช้งานได้สะดวกดีทีเดียวเลยค่ะ

    เข้ามาภายในห้องจะเจอในส่วนพื้นที่ครัวก่อนนะคะ โดยพื้นครัวนี้ในห้องมาตรฐานจะได้เป็นกระเบื้องสีขาวอมครีม ขนาด 60×60 ซม. ซึ่งจัดเป็นพื้นที่เหมาะกับการทำอาหารได้ดี มีความคงทนในเรื่องของความชื้น สิ่งสกปรกต่างๆ และทำความสะอาดได้ง่าย

    ในส่วนของครัวจะเป็นลักษณะของครัวเปิด เชื่อมพื้นที่กับส่วนนั่งเล่นเพื่อให้ส่วน Common Area มีความโปร่งโล่งและกว้างขวางมากขึ้น แต่จะมีการแบ่งพื้นที่ให้สัดส่วนมากขึ้นด้วยการ Drop ฝ้าเพดานลงเล็กน้อยบริเวณส่วนครัวจึงเกิดเป็นกรอบของพื้นที่มากขึ้น รวมไปถึงการเปลี่ยนวัสดุพื้น จากกระเบื้องไปเป็น Engineering Wood (ส่วนพื้นที่นั่งเล่น)

    ชุดครัวทั้งหมดจาก Kuppersbusch แบรนด์ชุดครัวชื่อดังจากเยอรมัน โดยวัสดุของหน้าบานเป็นกระจกชาทอง ซึ่งเนื้อวัสดุจะมาจากตัวไม้เมลามีนปิดผิวด้วยกระจกสีทองแดงผสมกับทองเหลือง (copper bronze mirror surface with wooden melamine body) ลักษณะของวัสดุนี้จะมีความสะท้อนเหมือนกระจกเงานะคะ ซึ่งช่วยส่งเสริมให้ตัวห้องดูกว้างมากขึ้น

    สำหรับฝั่งซ้ายสุดเป็นชั้นวางรองเท้าในส่วนล่าง ส่วนบนเป็นชั้นเก็บของโดยตัวตู้ Built-in ทั้งหมดจะสูงทั้งแต่พื้นถึงฝ้าเพดานเลยทีเดียว

    ส่วนตู้เย็นจาก Kuppersbusch เช่นกันค่ะ ซึ่งจะเป็นตู้เย็นแบบ Built-in ฝังเป็นส่วนนึงของชุดครัวทั้งหมด ส่วนด้านบนเป็นชั้นเก็บของค่ะ

    ลักษณะเคาน์เตอร์เป็นรูปตัว L ล้อมกั้นเป็นพื้นที่ชัดเจน มีความกว้างของพื้นที่กำลังพอดีแบบกะทัดรัดนะคะ เมื่อเปิดบานเปิดต่างๆ มาแล้วก็อาจจะมีพื้นที่ทางเดินน้อยลงมาหน่อยนะคะ

    ข้อดีของชุดครัวที่ได้นี้คือทุกส่วนของพื้นที่ออกแบบให้สามารถใช้งานได้ทั้งหมด เช่นส่วนที่อยู่ใกล้กับเตาอบนั้นก็จะทำส่วนลิ้นชักเก็บของให้แบบนี้ด้วยค่ะ

    เตาอบแบบฝังเคาน์เตอร์ที่ได้จาก Kuppersbusch เช่นกันค่ะ หน้าตาสวยงามและแข็งแรง ด้านหน้าเป็นส่วนกระจกและหน้าจอเป็นแบบ Digital

    อีกฝั่งมีบานเปิดซึ่งด้านในได้ถังขยะขนาดกะทัดรัดเป็นมาตรฐาน ถัดมาเป็นลิ้นชักเก็บอุปกรณ์ทำอาหารต่างๆ ทั้งหมด 3 ชั้น

    ในส่วนที่เป็นจุดพิเศษของห้องพักอาศัยโครงการ The Esse สุขุมวิท 36 นี้โดยเฉพาะ เป็นการเพิ่มเติมวัสดุมาจากโครงการก่อน คือได้บานเปิดส่วน Hood ที่เป็นระบบเปิด-ปิดอัตโนมัติ เพียงกดปุ่มบานนี้ก็จะเปิดอัตโนมัติ รวมถึงการปิดก็เพียงแต่กดปุ่มเพื่อปิดเช่นเดียวกัน ตอบโจทย์การใช้งานที่สะดวกสบายมากขึ้น และเหมาะกับตู้ Built-in ชั้นบนที่มีความสูงค่อนข้างมากแบบนี้

    เราได้อัดคลิปสั้นๆ สำหรับแสดงลักษณะการเปิด-ปิดหน้าบานส่วน Hood แบบอัตโนมัติค่ะ จะเห็นว่าใช้งานได้ง่ายมาก เป็นรายละเอียดที่ทางโครงการใส่ใจทำมาให้ในทุกห้องเป็นแบบมาตรฐานเลย

    เมื่อเปิดแล้วภายในจะมีหลอดไฟส่องสว่างให้ ซึ่งจะเปิดไฟโดยอัติโนมัติ

    ส่วนของท็อปเคาน์เตอร์ใช้วัสดุเป็นหินควอทส์สีดำลายขาว เชื่อมตั้งแต่ท็อปครัวขึ้นไปถึงผนังกันเปื้อนด้านหลังดูเป็นเนื้อเดียวกัน ด้านบนติดหลอดไฟซ่อนไว้ให้ด้วย ทำให้บริเวณมุมด้านในสว่าง ไม่มืดทึบค่ะ พื้นที่ส่วนครัวนี้จัดมาให้เหมาะสมอยู่ค่ะ เพราะมีบริเวณด้านข้างของเตาที่ให้พื้นที่มาพอสมควรสำหรับวางขวดซอสต่างๆ มีพื้นที่ไว้เตรียมอาหาร

    เตาเซรามิกแบบ 2 หัวจาก Kuppersbusch เช่นเดิมค่ะ

    ส่วน Sink ล้างมือหลุมเดี่ยวอยู่บริเวณเคาน์เตอร์ที่หันไปทางพื้นที่นั่งเล่นนะคะ จาก Franke

    ส่วนโต๊ะรับประทานอาหารเป็นเนื้อเดียวกับชุดเคาน์เตอร์ครัวเลยค่ะ ลักษณะจะเป็นการรับประทานอาหารเหมือนนั่งเคาน์เตอร์บาร์หันหน้าไปทางครัวค่ะ ทำให้รูปแบบการกินจะเป็นอารมณ์ Easy Meal มากกว่าการนั่งรับประทานแบบหันหน้าเข้าหากัน ด้วยขนาดพื้นที่ส่วนนี้ที่จำกัดลงมาเพื่อเปิดพื้นที่ให้ส่วนนั่งเล่นมีพื้นที่ได้เต็มที่ เพราะการอยู่อาศัยจริงๆ นั้นส่วนใหญ่เรามักจะใช้เวลาไปกับการนั่งเล่นพักผ่อนบริเวณพื้นที่นั่งเล่นมากกว่าพื้นที่รับประทานอาหาร

    ติดกับพื้นที่รับประทานอาหารมีชุด Built-in เพิ่มเติมมาสำหรับเก็บของขนาดใหญ่ต่างๆ ได้ เช่นในห้องตัวอย่างจัดให้เป็นที่วางเครื่องซักผ้าค่ะ และด้านบนสามารถวางของเพิ่มเติมได้อีกหน่อย สเป็คหน้าบานคือส่วนเดียวกับชุดครัวเลยนะคะ

    ถัดจากพื้นครัวมีการเก็บขอบด้วยอลูมิเนียมดูเนี้ยบและสวยงามดีค่ะ ถัดมาเป็นพื้นห้องหลักเลยใช้เป็น Engineering Wood สี Dark Oak วางแบบ Herring Bone Pattern หรือแบบลายก้างปลา สวยงามทีเดียวค่ะ ซึ่งจัดว่าเป็นอีกหนึ่งรายละเอียดที่ทางโครงการให้มาเป็นมาตรฐานนะคะ

    ด้านบนได้เครื่องปรับอากาศแบบ Conceal หรือฝังฝ้า สวยงามและเรียบร้อยค่ะ ซึ่งจะได้แบบนี้เป็นมาตรฐานในทุกห้องนะคะ รวมไปถึงเครื่องปรับอากาศนี้สามารถควบคุมผ่าน Application จาก Smartphone ได้ด้วย เป็นส่วนนึงของระบบ Home Automation จาก Schneider ที่ทางโครงการให้มาเป็นมาตรฐานเช่นเดียวกัน

    ถัดมาที่พื้นที่นั่งเล่นในส่วนนี้จะมีความสูงฝ้าถึง 3 ม.เลยค่ะ ช่วยส่งเสริมให้ตัวห้องดูโปร่งโล่งมากขึ้น จากปริมาตรของตัวห้องที่มีมากกว่าห้องพักอาศัยปกติทั่วไป และทำให้ได้ปริมาณของแสงสว่างจากภายนอกเข้ามาได้มากขึ้นด้วยเช่นกันค่ะ สำหรับพื้นที่นั่งเล่นนี้ทางโครงการได้มีการให้ผนังส่วนด้านหลังทีวีเป็นหินอ่อนนำเข้าจากต่างประเทศลาย White Marmara หรือเทียบเท่าค่ะ ซึ่งลายนี้จะได้เฉพาะห้อง 1 Bedroom Type นี้เท่านั้นนะคะ ส่วนห้อง Type อื่นๆ จะได้ผนังหินอ่อนนำเข้าเช่นกันค่ะ แต่คนละสีกันไป

    สำหรับพื้นที่นั่งเล่นมีขนาดพอประมาณ เหมาะกับการวางโซฟาขนาดประมาณ 2 ที่นั่งกำลังดีค่ะ จะวางโต๊ะกลางก็สบาย เพราะมีระยะระหว่างโซฟาและทีวีพอสมควรเลยค่ะ

    ถัดมาจะเป็นส่วนระเบียงภายนอกนะคะ ซึ่งก่อนที่เราจะไปดูระเบียงกันจะเพิ่มเติมว่าระบบ Home Automation ของทางโครงการนี้ได้ครอบคลุมถึงการเปิด-ปิดม่านด้วยนะคะ และทางโครงการจะให้ม่านแบบ Black Out (ม่านทึบ ไม่รวมม่านโปร่ง) สีน้ำตาลเหลือบเทา จากทาง Jim Thomson ที่ออกแบบให้ทางโครงการโดยเฉพาะเป็นมาตรฐานในทุกห้องเลยค่ะ

    ส่วน Wallpaper ก็เช่นกันนะคะ ทางโครงการได้ให้ทาง Jim Thomson ออกแบบเช่นกัน สีก็จะตามห้องตัวอย่าง 1 Bedroom Type นี้เลยค่ะ เป็นสีน้ำตาลอมเทา

    ระเบียงที่ให้จะเป็นพื้นที่ค่อนข้างกะทัดรัดนะคะ โดยตั้งใจออกแบบให้เป็นเสมือนพื้นที่ไว้ดูยืนสูดอากาศภายนอก ดูวิวเป็นครั้งคราว ไม่ได้เน้นประโยชน์ใช้สอยเป็นสำคัญค่ะ หากใครที่ชอบปลูกต้นไม้เล็กๆ ก็สามารถจัดชั้นเล็กๆ ปลูกต้นไม้ได้นะคะ สำหรับพื้นระเบียงใช้เป็นกระเบื้องลายไม้ ส่วนราวกันตกใช้วัสดุเป็นกระจกลามิเนตมีความแข็งแรงพอสมควร

    ฝั่งขวาของระเบียงมีการกั้นพื้นที่สำหรับเป็นพื้นที่ CDU เครื่องปรับอากาศเป็นสัดส่วน โดยการกั้นด้วยแผงเหล็กตามแบบห้องตัวอย่างเลยค่ะ การเปิด-ปิดเมื่อจำเป็นต้องมีการซ่อมแซมหรือทำความสะอาดต่างๆ ก็เข้า-ออกได้ง่ายเพราะแผงเหล็กนี้เป็นบานเปิดด้วยในตัว

     

    ถัดมาที่ห้องนอนกันต่อนะคะ สำหรับห้องนอนในแปลนนี้ได้ขนาดใหญ่พอสมควรเลยค่ะ สามารถวางเตียง King Size ได้สบายมาก พร้อมกับด้านข้างสามารถจัดโต๊ะเครื่องแป้ง รวมทั้งวางตู้โชว์ต่างๆ เพิ่มเติมได้เลย

    ชอบส่วนหน้าต่างที่นี่มาก แม้จะไม่ได้เป็นกระจกที่สูงจากพื้นถึงฝ้าเพดาน แต่ก็เรียกได้ว่ามีขนาดใหญ่มาก โดยเฉพาะหน้าต่างบานกระทุ้งที่มีขนาดใหญ่ตามขนาดของเฟรมกระจกเลยค่ะ เวลาเปิดจึงสามารถระบายอากาศต่างๆ ได้ดีทีเดียว แตกต่างจากโครงการทั่วไปที่ถึงแม้จะให้กระจกบานใหญ่แต่ก็จะมีหน้าต่างบานกระทุ้งให้เป็นขนาดเล็ก

    ส่วนผนังปลายเตียงนี้ในห้องมาตรฐานจะเป็นแบบฉาบเรียบติด Wallpaper มาตรฐานโครงการจาก Jim Thomson นะคะ จะมีเฉพาะผนังฝั่งทีวีเท่านั้นที่ได้ผนังตกแต่งด้วยหินอ่อนแท้นำเข้าจากต่างประเทศค่ะ

    อีกฝั่งทำเป็น Walk through Closet ที่เป็นฟังก์ชันพิเศษของโครงการนี้ ซึ่งจะมีให้กับทุกห้องเป็นมาตรฐาน ตอบโจทย์กลุ่มคนให้ความสำคัญกับพื้นที่สำหรับเสื้อผ้า มีพื้นที่ให้แต่งตัวชัดเจนเป็นสัดส่วน ซึ่งหาได้ค่อนข้างยากนะกับห้องพักอาศัยแบบ 1 Bedroom ที่จะได้พื้นที่แต่งตัวขนาดนี้ค่ะ ส่วน Walk through Closet นี้จะกั้นด้วยกระจกบานเลื่อนเพื่อให้แยกสัดส่วนพื้นที่ชัดเจนค่ะ แต่ก็ไม่ทำให้ห้องดูทึบลง เพราะด้วยความที่เป็นกระจกจึงได้แสงสว่างภายนอกด้วย

    ภายใน Walk through Closet จะได้ชั้น Built-in สำหรับแขวนเสื้อผ้าและลิ้นชักสำหรับเก็บเสื้อผ้าและเครื่องประดับต่างๆ ได้ค่ะ

    หน้าตาสวิชต์ไฟภายในห้อง ใช้ของ Schneider ทั้งหมด

    มาที่ส่วนห้องน้ำกันนะคะ สำหรับพื้นห้องน้ำจะลดระดับลงเล็กน้อยเพื่อกันน้ำไหลย้อนได้ดี

    ตัวพื้นห้องน้ำและผนังปูด้วยกระเบื้องลายหินอ่อนสวยงาม ซึ่งจะได้ลวดลายตามจริงเหมือนในห้องตัวอย่างเลยค่ะ ถัดมาพูดถึงส่วนฟังก์ชันกันบ้างนะคะ เมื่อเข้ามาภายในห้องน้ำจะเจอส่วนแห้งก่อน ฝั่งขวาเป็นอ่างอาบน้ำที่ทางโครงการให้เป็นมาตรฐาน และฝั่งซ้ายเป็นพื้นที่อาบน้ำค่ะ

    ส่วนของท็อปเคาน์เตอร์ รวมไปถึงท็อปของ Low Wall นั้นจะกรุด้วยหินอ่อนนำเข้าจากต่างประเทศ เป็นสี Laurent Brown ซึ่งจะได้โทนสีนี้เฉพาะห้องน้ำ Master Bedroom เท่านั้นนะคะ ในส่วนของอ่างล้างมือด้านล่าง Built-in เป็นตู้เก็บของได้พอสมควรเลยค่ะ ซึ่งหน้าบานจะปิดผิวด้วยไม้วีเนียร์สีน้ำตาลค่ะ

    อ่างล้างมือจาก Toto มีขนาดพอสมควรใช้งานได้ดีค่ะ ส่วนพื้นที่ข้างอ่างมีขนาดพอสมควรให้สามารถวางครีมหรือสบู่ต่างๆ ได้ดีเลย ในส่วนก็อกน้ำและอุปกรณ์ห้องน้ำทั้งหมดทางโครงการจใช้ของ Gessi นะคะ

    ถัดมาสำหรับโถสุขภัณฑ์ที่นี่ให้เป็นโถชิ้นเดียวแบบลอยตัว ฝังติดกับเคาน์เตอร์เลยค่ะ ซึ่งนอกจากเรื่องของความหรูหราสวยงามแล้วอีกข้อดีคือสามารถทำความสะอาดพื้นห้องน้ำได้ทั่วถึงได้ด้วยค่ะ และพิเศษเฉพาะห้องน้ำในห้องนอนใหญ่เท่านั้นที่จะได้ฝาอัตโนมัติ Toto Washlet นะคะ

    ถัดมาคือส่วนอ่างอาบน้ำขนาดจะกะทัดรัดตามพื้นที่นะคะ มีความยาวประมาณ 1.5 ม. ไว้นั่งยืดตัวแช่ได้ชิลๆ ชอบด้านบนฝ้าเพดานที่ส่วนนี้มีการซ่อนไฟรูปแบบ Indirect Light และเล่นฝ้าเพดานเล็กน้อย แต่ช่วยส่งเสริมให้ห้องน้ำดูมีรายละเอียดมากขึ้น และสวยงามทีเดียวค่ะ

    อ่างอาบน้ำที่ได้จะเป็นของ Toto นะคะ รวมไปถึงสุขภัณฑ์ทั้งชิ้นภายในห้องน้ำเลย ยกเว้นหัวก็อกหรืออุปกณ์ตกแต่งห้องน้ำที่จะใช้ยี่ห้อ Gessi ทั้งหมดค่ะ

    ส่วนของตู้กระจกนี้สามารถเปิดออกมาเป็นพื้นที่วางของเล็กๆ เช่นแปรงสีฟัน, ยาสีฟันต่างๆ ได้

    ถัดมาที่พื้นที่อาบน้ำได้ฉากกั้นกระจกที่สูงจากพื้นห้องไปถึงฝ้าเพดานเลยดีทีเดียวค่ะ ส่วนวงกบเป็นอลูมิเนียมสีทองแบบ Powder Coated

    สำหรับพื้นห้องน้ำมีการลดระดับพื้นลงเล็กน้อยเพื่อกันน้ำไหลย้อนได้ดีมากขึ้นค่ะ วัสดุปูพื้นใช้เหมือนกับพื้นห้องน้ำส่วนแห้งเลยนะคะ ที่ชอบคือดีเทล Floor Drain ที่ทำมาเป็นรางน้ำปิดด้วยกระเบื้องเช่นเดิมดูสวยงามเรียบร้อยดีค่ะ

    สำหรับผนังพื้นที่อาบน้ำด้านข้างฝักบัวฝั่งซ้าย ฝั่งเดียวที่สามารถมองเห็นได้ชัดที่สุดจะถูกกรุด้วยหินอ่อนนำเข้าสี Laurent Brown เป็นชนิดเดียวกับที่นำมาทำท็อปเคาน์เตอร์ส่วนอ่างล้างมือและ Low Wall ค่ะ

    ส่วนฝักบัวที่ได้จะมีทั้งแบบ Rain Shower และฝักบัวสายอ่อน ทั้งหมดเดินท่อฝังผนัง มีระบบทำน้ำร้อนรองรับ จาก Gessi ส่วนด้านข้างเซทพื้นที่เข้าไปด้านในเพื่อให้เป็นพื้นที่สำหรับวางครีม วางสบู่ต่างๆ ได้

    มาดูห้องตัวอย่างกันอีกห้องนะคะ คือห้อง 2 Bedroom ขนาด 73.5 ตร.ม. ตำแหน่งของห้องนี้อยู่บริเวณมุมอาคารทั้ง 4 มุมเลย แปลนห้องนี้จัดมาได้ลงตัวดีทีเดียวและมีการวางโซนนิ่งที่เป็นสัดส่วนชัดเจน แบ่งเป็น 2 ส่วนใหญ่ๆ ด้วยกันคือ ส่วน Common Area (พื้นที่ครัว รับประทานอาหาร และพื้นที่นั่งเล่น) ส่วน Private ที่จะถูกคั่นด้วยโถงทางเดินจากส่วน Common Area มาก่อน เพิ่มความเป็นส่วนตัวมากยิ่งขึ้นค่ะ

    เราจะมาเจาะรายละเอียดจากแปลนทีละส่วนนะคะ เริ่มจากทางเข้าห้องเข้ามาเจอส่วนครัวก่อนเช่นเดิม ซึ่งครัวนี้มีขนาดใหญ่มากขึ้น เป็นทั้งพื้นที่เคาน์เตอร์ครัว ทำอาหาร พื้นที่รับประทานอาหารสำหรับ 4 ที่นั่ง ถัดมาเป็นส่วนพื้นที่นั่งเล่นที่ได้ระเบียงขนาดใหญ่และสามารถใช้เป็นพื้นที่นั่งเล่นชมวิวได้จริง ไม่ได้ใช้เป็นฟังก์ชัน Service หรือซักล้างต่างๆ แต่อย่างใด เพราะทางโครงการออกแบบให้มีตู้เก็บเครื่องซักผ้าเรียบร้อย รวมไปถึงทำที่วาง CDU เครื่องปรับอากาศแยกออกมาอยู่ภายนอกห้องเลย ทำให้ระเบียงนี้สามารถใช้งานได้เต็มที่ที่แท้จริงค่ะ สำหรับใครที่กังวลตำแหน่งของ CDU เครื่องปรับอากาศว่าหากมีการซ่อมแซมต่างๆ นั้นจะทำอย่างไร ก็ไม่ต้องกังวลนะคะ หากดูจากแปลนอาคารแล้วฝั่งที่วาง CDU เครื่องปรับอากาศ ทางโครงการจะออกแบบให้เป็นช่องลมเข้าในส่วน Corridor อาคาร จึงมีพื้นที่สำหรับให้ช่างเข้ามา Service ได้ค่ะ

    ถัดมาที่โซน Private ถูกแบ่งให้เป็น 3 ห้องด้วยกัน คือห้อง Master Bedroom เป็นห้องมุมที่สามารถนอนบนเตียงแล้วชมวิวในมุมกว้างได้เลยและเป็นห้องที่ได้อ่างอาบน้ำติดกระจกชมวิวเสพบรรยากาศระหว่างอาบน้ำได้ รวมไปถึงได้อ่างอาบน้ำแบบ His & Her ด้วยนะคะ อีกห้องเป็นห้องนอนเล็กลงมาที่ขนาดไม่ได้เล็กตามชื่อนะคะ เป็นห้องนอนที่สามารถวางเตียง King Size ได้เช่นกัน แต่จะไม่ได้มีห้องน้ำในตัวเหมือนห้อง Master Bedroom จะมีให้ใช้ร่วมกับห้องน้ำส่วน Common Area ค่ะ ซึ่งตำแหน่งนั้นจะอยู่ติดกับห้องนอนเลย ใช้งานได้สะดวกเช่นกัน

    เริ่มจากทางเข้าห้องกันนะคะ สำหรับห้องนี้จะมีทางเข้าเป็น Corridor ให้ความรู้สึกเสมือนเป็นโถงต้อนรับ

    ลักษณะจะเป็น Foyer ขนาดเล็ก เมื่อเปิดประตูเข้ามา Welcome Light จะเปิดโดยอัตโนมัติ เป็นดีเทลที่ทางโครงการตั้งใจออกแบบไว้ให้ลูกบ้านเพื่อความสะดวกสบายในการอยู่อาศัยมากขึ้น ไม่ต้องมานั่งหาสวิชต์ไฟ เวลากลับบ้านมามืดๆ มองอะไรไม่เห็น หรือต้องมาเปิด Application เพื่อเปิดไฟจากมือถือค่ะ

    ด้านข้าง Built-in ชั้นวางรองเท้าและชั้นเก็บของไว้ให้ค่ะ ซึ่งตำแหน่งที่วางเครื่องซักผ้าก็จะอยู่บริเวณนี้ด้วยนะคะ

    ในส่วนครัวของห้องนี้ใช้ชุดครัวจาก Kuppersbusch สเป็คเดียวกับห้อง 1 Bedroom ที่ผ่านมาเลยค่ะ แตกต่างที่มีขนาดใหญ่กว่า และได้ Island เพิ่มเติมขึ้นมาเป็นมาตรฐานสำหรับห้อง 2 Bedroom โดยเฉพาะ

    วัสดุของ Island นี้จะกรุด้วยหินควอทส์สีดำลายขาวทั้งหมด เป็นสเป็คเดียวกับเคาน์เตอร์ครัวและผนังกันเปื้อน (Back Splash)

    ส่วนตู้เย็นมีขนาดใหญ่มากขึ้นนะคะ ได้เป็นตู้เย็นแบบบานเปิดคู่เลย จาก Kuppersbusch เช่นเดิม

    มาที่ส่วนเคาน์เตอร์ครัวลักษณะเป็น I – Shape คือเป็นเคาน์เตอร์ยาว ซึ่งเหมาะกับการทำอาหารมากขึ้น เพราะมีพื้นที่ทางเดินพอสมควรจะค่อนข้างคล่องตัวมากกว่าค่ะ และที่ได้มากขึ้นคืออ่างล้างจาน (Sink) ได้เป็นแบบ 2 หลุม และเตาเซรามิกแบบ 4 หัวเตา ส่วนยี่ห้อจะเหมือนกับห้อง 1 Bedroom นะคะ การที่ให้ขนาดอ่างและเตามากขึ้นก็ทำให้สามารถใช้งานได้มากขึ้น แต่ก็จะมีพื้นที่ด้านข้างสำหรับเตรียมอาหารต่างๆ ที่มีพื้นที่น้อยลงเมื่อเทียบกับห้อง 1 Bedroom นะคะ ต้องขยับมาเตรียมตรงส่วน Island แทน

    อ่างล้างจานแบบ 2 หลุมจาก Franke สามารถจุจานได้มากขึ้น และการใช้งานก็สามารถใช้อ่างนึงเป็นส่วนล้างฟองสบู่ และอีกอ่างเป็นส่วนฟอกสบู่

    หน้าตาเตาเซรามิกขนาด 4 หัวค่ะ สามารถปรุงอาหารได้มากขึ้นในเวลาเดียวกัน

    อีกมุมของส่วนครัว ติดกับ Island จะเป็นพื้นที่รับประทานอาหาร ซึ่งชุดโต๊ะนั้นจะไม่ได้เชื่อมกับ Island นะคะ ดังนั้นในห้องมาตรฐานส่วนโต๊ะนี้จะไม่ได้นะ ลูกบ้านต้องซื้อมาเอง จะไม่เหมือนกับห้อง 1 Bedroom

    ขนาดโต๊ะที่เหมาะสมคือโต๊ะสำหรับ 4 ที่นั่งค่ะ ซึ่งจะกำลังพอดีกับพื้นที่เลย ด้านข้างทั้ง 2 ฝั่งมีพื้นที่ระดับนึงสำหรับเป็นระยะเลื่อนเก้าอี้เข้า-ออกได้ค่ะ แต่ก็จะไปกินพื้นที่ทางเดินอยู่บางส่วนนะคะ

    ก่อนจะเข้าสู่พื้นที่นั่งเล่นฝั่งซ้ายมือจะเห็นว่ามีบานกระจกบานใหญ่อยู่ ซึ่งอยู่ตำแหน่งติดกับส่วนช่องลมบริเวณ Corridor ตัวอาคาร ช่วยให้ตัวห้องได้แสงธรรมชาติเข้ามาได้อีกส่วนนึง ห้องดูโปร่งโล่งมากขึ้น

    ถัดมาที่พื้นที่นั่งเล่นกันต่อ ห้องนี้ได้ขนาดพื้นที่นั่งเล่นเป็นสัดส่วนมากขึ้นและมีขนาดใหญ่สามารถรองรับชุดโซฟาขนาด 3 ที่นั่งพร้อมเก้าอี้โซฟาได้ บริเวณนี้สามารถรับวิวได้เต็มที่เพราะได้ประตูบานเลื่อนกระจกขนาดใหญ่สูงถึงฝ้าเพดานทีเดียว

    ผนังส่วนทีวีสำหรับห้องนี้จะได้เป็นหินอ่อนนำเข้าลาย Atlantic Grey เป็นมาตรฐานค่ะ ทั้งนี้เบื้องต้นทางโครงการจะเป็นผู้ Fix ให้เลยว่า Type ห้องไหนได้ลายไหนนะคะ

    สำหรับส่วนระเบียงมีขนาดใหญ่เลย สามารถจัดพื้นที่ให้เป็นระเบียงนั่งชมวิวเสพบรรยากาศทองหล่อได้เต็มที่ ราวกันตกให้มาดีทีเดียวค่ะเป็นกระจกลามิเนตมีความสูงพอสมควรเลยนะคะ

    ถัดมายังโซน Private กันนะคะ โดยจะมีการเปลี่ยนผ่านจากโซน Common Area มาเป็นโซน Private ผ่านโถงทางเดินนี้ค่ะ ตัวโถงทางเดินเองจะทำหน้าที่เชื่อมไปยังห้องต่างๆ เริ่มจากห้องฝั่งขวามือแรกเป็นห้องน้ำที่ใช้ร่วมระหว่างส่วน Common Area และห้องนอนเล็ก ตำแหน่งของห้องนอนเล็กอยู่ตรงกลางของโถง และฝั่งซ้ายเป็นทางเข้าห้องนอนใหญ่ค่ะ

    สำหรับห้องน้ำภายนอก (Typical Bathroom) จะมีขนาดเล็กลงมาหน่อยเพราะตัดส่วนอ่างอาบน้ำออกนะคะ และมีวัสดุบางส่วนที่แตกต่างจากห้องน้ำในห้อง Master Bedrom เริ่มจากส่วนท็อปของเคาน์เตอร์อ่างล้างมือและ Low Wall จะเปลี่ยนจากหินอ่อนลาย Laurent Brown เป็นลาย Black Marquina ลายเดียวกับเคาน์เตอร์ครัวค่ะ

    ส่วนโถสุขภัณฑ์ได้เหมือนเดิมนะคะ เพียงแต่ตัดฝาอัตโนมัติของ Toto Washlet ออก ซึ่งลูกบ้านสามารถซื้อมาติดตั้งเพิ่มเองได้นะคะ ทางโครงการมีการเดินไฟให้ พร้อมมีปลั๊กไฟกันน้ำติดตั้งด้านข้างไว้รองรับเรียบร้อย

    ส่วนพื้นที่อาบน้ำได้เหมือนเดิมหมดค่ะ ยกเว้นส่วนที่แตกต่างคือผนังที่กรุหินจากที่เป็น Laurent Brown (สำหรับห้อง Master Bedroom) เปลี่ยนเป็น Black Marquina เพื่อให้สอดคล้องกับท็อปของอ่างล้างมือ

    ภายในห้องนอนเล็ก จัดว่ามีขนาดกว้างขวางสามารถวางเตียง King Size ได้เลยค่ะ ส่วนปลายเตียงสามารถแขวนทีวีได้ แต่ไม่แนะนำให้ Built-in ชั้นวางทีวีหนามากนะคะ เพราะจะไปกินพื้นที่ทางเดินปลายเตียงให้เหลือความกว้างทางเดินน้อยลง ส่วนหน้าต่างและกระจกให้มาใหญ่เช่นเดียวกับห้อง 1 Bedroom เลยค่ะ ช่วยให้ตัวห้องโปร่งโล่งดีมากๆ และได้วิวจากเตียงนอนเลย

    อีกด้านของเตียงสามารถวางโต๊ะเครื่องแป้งหรือโต๊ะทำงานขนาดกะทัดรัดได้ ติดกับโต๊ะจะได้ตู้เสื้อผ้าแบบ Built-in ค่ะ

    ตู้เสื้อผ้าเป็นแบบบานเลื่อนเพื่อไม่กินพื้นที่ทางเดิน สามารถใช้พื้นที่ห้องได้มากขึ้นค่ะ บานเปิดใช้เป็นกระจกสีชาทอง เดี๋ยวเราจะอธิบายลักษณะของกระจกชาทองนี้ในห้อง Master Bedroom นะคะ

    สำหรับห้อง Master Bedroom ของแปลนนี้จัดฟังก์ชันภายในได้น่าสนใจมาก เริ่มจากทางเข้าจัดให้เป็น Corridor ยาวๆ เสมือนเป็น Foyer อีกทอดก่อนแยกฝั่งขวาเป็นส่วนเตียงนอนและฝั่งซ้ายเป็นห้องน้ำภายในห้องนอน แต่จริงๆ แล้วส่วนนี้จะเป็นพื้นที่ Walk through Closet นั้นเอง ทำให้ได้ความรู้สึกเหมือนได้ทั้ง 2 ฟังก์ชันเลย คือเป็นทั้ง Foyer และ Walk through Closet สุดปลายทางมีกระจกให้ช่วยให้พื้นที่นี้ไม่ดูแคบ เพราะได้แสงสว่างจากภายนอกส่องเข้าถึงภายในได้ดี จึงช่วยเพิ่มความโปร่งโล่งได้ระดับนึงเลย

    ฝั่งขวานี้เป็นตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่ 2 ฝั่งเลยค่ะ

    กระจกชาทองที่พูดถึงนี้มีความน่าสนใจมากทีเดียวนะคะ คือเมื่อปิดตู้ (ปิดไฟ) คุณสมบัติจะเป็นเหมือนกระจกเงาเลย แต่เมื่อเปิดไฟนั้นกระจกนี้จะกลายเป็นกระจกใสที่สามารถมองเห็นไปถึงส่วนเตียงนอนได้เลยค่ะ ให้ความรู้สึกว่าเป็นพื้นที่กึ่งโปร่งโล่งไม่ทึบได้ด้วย

    ถัดมาที่บริเวณเตียงนอนมีขนาดใหญ่ วางเตียง King Size ได้ การวางเตียงจะวางหันออกไปยังภายนอก เพื่อสามารถเสพวิวได้เต็มที่

    และนี่คือจุดเด่นของห้องนี้เลยทีเดียวคือกระจกเข้ามุมของห้องนอนที่สามารถรับวิวในมุมกว้างได้อย่างเต็มที่เลยค่ะ

    หากดูจากรูปจะเห็นว่าเฟรมกระจกและหน้าต่างหนาและแข็งแรงมากๆ ให้ Fitting มาดีสมราคาระดับ Ultimate Class

    หันกลับมาอีกมุมจะเห็นว่าด้านหลังของตู้เสื้อผ้าก็ได้เป็นกระจกสีชาทองเช่นกันนะคะ ทำให้สามารถมองทะลุไปยังส่วน Walk through Closet ได้เลย รวมทั้งมีคุณสมบัติเป็นกระจกเงา ก็ส่งเสริมให้บริเวณเตียงนอนดูกว้างขวางมากขึ้น

    ถัดมาที่ห้องน้ำในห้องนอนใหญ่กันนะคะ เราไปดูกันว่าห้องน้ำของ 2 Bedroom มีอะไรที่แตกต่างจากห้อง Type อื่นๆ กันบ้าง

    เริ่มจากอ่างล้างมือที่ได้เป็นแบบ His & Her จัดเป็นอีกหนึ่ง Signature ของทาง Singha Estate ที่มักจะให้อ่างล้างมือแบบ His & Her กับห้อง 2 Bedroom ตลอดค่ะ ส่วนสเป็ควัสดุจะเหมือนกับห้องน้ำในห้องนอนของห้อง 1 Bedroom นะคะ

    ขนาดอ่างให้มากำลังดี ตรงกลางและด้านข้างอ่างมีพื้นที่พอสมควรไว้วางของใช้ ครีม หรือสบู่ต่างๆได้ดีเลยค่ะ

    ถัดมาที่ส่วนอ่างอาบน้ำจุดพิเศษเลยคือบริเวณอ่างอาบน้ำจะอยู่ติดกับหน้าต่างบานใหญ่ ได้อาบน้ำเสพบรรยากาศวิวภายนอกชิลๆ ส่วนหน้าต่างบานกระทุ้งนี้ก็ช่วยในเรื่องระบายความชื้นและอากาศได้ดีทีเดียวค่ะ สำหรับใครที่กังวลเรื่องความเป็นส่วนตัว ก็เพียงติดม่านก็เพียงพอแล้วค่ะ วันไหนอยากนอนอาบน้ำดูวิวก็เปิดม่าน วันทั่วไปก็ปิดม่านปกติได้เลย

    อีกฝั่งเป็นส่วนพื้นที่อาบน้ำและโถสุขภัณฑ์นะคะ ซึ่งรายละเอียด ทั้งสเป็ค ดีเทลต่างๆ จะได้เหมือนห้องน้ำในห้องนอนของ Type 1 Bedroom เลยค่ะ

    **รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ

     

    ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 07 November 2017

    • 1 Bedroom ขนาด 38.5 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 12 ล้านบาท หรือประมาณ 311,688 บาท/ตร.ม.

    • ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรทั้งโครงการ 330,000 บาท/ตร.ม.
    • Fully Fitted
    • ฝ้าเพดานสูง 3 เมตร
    • Kitchen & Sink
    • Hob & Hood
    • จอง

    • 1 Bedroom 100,000 บาท
    • 2 Bedroom 200,000 บาท
    • 3 Bedroom 300,000 บาท
    • Penthouse 500,000 บาท

  • ทำสัญญา 3%
  • ค่ากองทุน 1,000 บาท/ตร.ม.
  • ค่าส่วนกลาง 100 บาท/ตร.ม./เดือน
  • เปิดให้ชมห้องตัวอย่าง 13 พฤศจิกายน 2560
  • Pre-Sale 18-19 พฤศจิกายน 2560
  • **ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ


    เจาะลึกรวบยอด

    โครงการ The Esse สุขุมวิท 36 จัดเป็นโครงการใหม่ระดับ Ultimate Class โครงการเดียวในปัจจุบันที่ตั้งอยู่ติดถนนใหญ่สุขุมวิท และใกล้ BTS ทองหล่อมากที่สุด มีระยะห่างจากโครงการไปเพียง 20 ม. เท่านั้น ซึ่งถือเป็นโครงการที่ตอบโจทย์ในเรื่องการเดินทางได้ดีทั้งการเดินทางด้วยรถยนต์และการเดินทางด้วยรถไฟฟ้า ในส่วนของห้องพักอาศัยของโครงการเน้นขายห้องขนาด 1 Bedroom ขนาด 38.50 ตร.ม. ซึ่งเมื่อมองในแง่ของราคาแพ็กเกจรวม (Total Package) แล้วอยู่ที่ประมาณ 12-13 ล้านบาท เจาะกลุ่มคนที่มองหาคอนโดระดับ Ultimate Class มีความหรูหราในราคาที่ไม่สูงมากเกินไป ซึ่งแน่นอนว่าเมื่อมีห้องขนาดเล็กค่อนข้างมากก็ย่อมแลกมากับความหนาแน่นที่มากกว่าโครงการระดับเดียวกันเช่นเดียวกันด้วยนะคะ

    ทำเล – ที่ตั้งโครงการจัดว่าเป็นทำเลที่ดีมากในย่านทองหล่อนะคะ ได้เปรียบในเรื่องการเดินทางเป็นหลักเลยค่ะ สำหรับใครที่เดินทางด้วยรถยนต์ก็ง่ายใช้ถนนสุขุมวิทในการเดินทางเข้าเมืองได้สะดวก หรือจะไปออกถนนพระราม 4 ก็ไม่ยากเพราะสามารถเลี้ยวเข้าถนนสุขุมวิท 36 ได้เลย ขากลับก็ไม่ต้องวนรถไกลเพราะซอยสุขุมวิท 36 สามารถทะลุออกถนนสุขุมวิท 38 ได้ จากนั้นก็เลี้ยวรถเข้าโครงการได้ง่ายแล้วค่ะ สำหรับอีกตัวเลือกในการเดินทางที่สะดวกมากเช่นกันคือ BTS ทองหล่อค่ะ ด้วยระยะเพียง 20 ม. ทำให้เดินทางไปไหนด้วยรถไฟฟ้าได้ง่ายเลย

    ความอุดมสมบูรณ์ในย่านทองหล่อนั้นก็อย่างที่รู้กันว่ามีความอุดมสมบูรณ์สูง แวดล้อมไปด้วย Community Mall ร้านอาหารชื่อดัง และสถานบันเทิงที่คึกคักตั้งแต่กลางวันไปจนถึงกลางคืน ส่วนใหญ่จะอยู่ในซอยทองหล่อ (สุขุมวิท 55) เป็นหลัก ซึ่งที่ตั้งโครงการอยู่ฝั่งตรงข้ามเยื้องๆ กับซอยทองหล่อเท่านั้นเองค่ะ แม้จะไม่ได้ใกล้เหมือนโครงการระดับเดียวกันที่ส่วนใหญ่จะตั้งอยู่ในซอยทองหล่อเลย แต่ก็สามารถขับรถไปไม่ไกลนะคะ แลกมากับความเป็นส่วนตัวที่มากขึ้นและทำเลที่เดินทางสะดวกกว่า นอกจากนี้แม้ในย่านทองหล่อจะไม่มีห้างใหญ่ในช็อปปิ้งได้ แต่ในระยะไม่ไกลถัดไปเพียงสถานีรถไฟฟ้าเดียวก็จะมีห้างใหญ่ทั้ง 2 ห้างอย่าง The Emporium และ Emquartier ให้เดินช็อปปิ้งได้สบายๆ ค่ะ

    การออกแบบ – มีการออกแบบที่น่าสนใจและโดดเด่น ด้วยผลงานของเหล่า Designer ชื่อดังในสาขาต่างๆ ทั้งหมด จึงเกิดเป็นรูปลักษณ์โครงการเกิดขึ้นที่มีแรงบันดาลใจในการออกแบบให้สอดคล้องกับทำเลและความเป็นไทย มีเอกลักษณ์ที่แตกต่างจากที่อื่น รวมไปถึงเหมาะสมในการอยู่อาศัยจริง ชอบการจัดผังที่เน้นพื้นที่ Semi-Outdoor และการออกแบบตามภูมิอากาศของประเทศ ทำให้เกิดช่องลมต่างๆ ที่เย็นสบาย และมีความหนาแน่นน้อย ตกจำนวนยูนิตต่อชั้นสูงสุดอยู่ที่ 12 ยูนิตและอัตราส่วนลิฟต์อยู่ที่ 84.5 : 1 เท่านั้น

    ส่วนภายในตัวห้องออกแบบมาได้น่าสนใจ มีการพัฒนาจากโครงการก่อนหน้าและเพิ่มเติมเอกลักษณ์เฉพาะของโครงการเข้าไป โดยรวมแล้วทุก Type ห้องจะให้ความสำคัญกับ Master Bedroom เป็นหลักด้วยขนาดของพื้นที่และฟังก์ชันพิเศษอย่าง Walk through Closet ที่ไม่เหมือนใคร ซึ่งจะมีให้ในทุก Type รวมไปถึงห้องน้ำขนาดใหญ่ที่มีอ่างอาบน้ำให้เป็นมาตรฐานค่ะ สำหรับห้อง 2 Bedroom ชอบภายในห้องนอน Master Bedroom เป็นพิเศษ ที่มีการออกแบบโดยการทำ Walk through Closet เป็นเสมือน Foyer ภายในห้องนอนด้วยในตัว เชื่อมพื้นที่เตียงนอนและห้องน้ำไว้ด้วยกัน ส่วนพื้นที่เตียงนอนนี้ได้ตำแหน่งมุมของอาคาร สามารถนอนวิวภายนอกในมุมกว้างได้ดีมาก ส่วนห้องน้ำในห้องนอนใหญ่จะได้อ่างอาบน้ำที่ติดกับกระจก สำหรับแช่อ่างชมวิวมุมสูงเพลินๆ เป็นพื้นที่พักผ่อนอีกจุดของห้องได้เลยค่ะ

    วัสดุ – ให้มาสมราคานะคะ โดยที่นี่จะขายในรูปแบบ Fully Fitted ซึ่งจะได้ชุดครัวทั้งหมดจาก Kuppersbusch เป็นมาตรฐาน ท็อปเคาน์เตอร์เป็นหินควอทส์ลาย Black Marquina พร้อมเครื่องใช้ไฟฟ้าอย่างตู้เย็นและเตาอบ ส่วนอ่างล้างจานจาก Franke ที่พิเศษในส่วนของครัวจะเป็นบานเปิดบริเวณ Hood ที่สามารถเปิด-ปิดแบบอัตโนมัติได้ ถัดมาคือบริเวณส่วนนั่งเล่นที่ได้ผนังหินอ่อนแท้นำเข้าจากต่างประเทศเป็นมาตรฐานในทุกห้อง ซึ่งแต่ละ Type ห้องจะได้ลายหินแตกต่างกันไปนะคะ ในส่วนของพื้นทำมาได้สวยมากเป็น Engineering Wood วางแบบลายก้างปลา หรือ Hearring bone สี Dark Oak ส่วนสุขภัณฑ์จาก Toto และอุปกรณ์ห้องน้ำทั้งหมดจาก Gessi ภายในห้องน้ำให้ท็อปเป็นหินเช่นกันค่ะ (Master Bedroom ลาย Laurent Brown, ห้องน้ำ Typical ลาย Black Marquina) นอกจากนี้ยังได้ม่าน Black – out และ Wallpaper ที่ทาง Jim thomson เลือกมาให้เป็นพิเศษสำหรับโครงการ รวมทั้งระบบ Home Automation ที่ครอบคลุมคำสั่งส่วนแสงสว่าง, เครื่องปรับอากาศ และม่านไฟฟ้าค่ะ

    สาธารณูปโภค – ที่นี่จัด Facilities มาให้เยอะและหลากหลายมากทีเดียวนะคะ ที่เด่นๆ เลยคือออนเซ็นแยกชายหญิงขนาดใหญ่ สระว่ายน้ำแบบ Half Olympic The Residence Lounge สำหรับจัดงานปาร์ตี้ส่วนตัวโดยเฉพาะ และการให้พื้นที่สำหรับปลูกต้นไม้แก่ลูกบ้านในทุกยูนิตบนชั้นดาดฟ้า ซึ่งหากเทียบกับโครงการในระดับเดียวกันแล้วถือว่าให้มาเยอะพอสมควรนะคะ ซึ่งเป็นไปตามจำนวนยูนิตที่มากกว่าโครงการอื่นเช่นกัน แอบเสียดายที่ชั้น Main Facilities ไม่ได้ดันขึ้นไปอยู่ชั้นดาดฟ้า

     

    Judgement

    ราคาของคอนโดนี้ถือเป็นระดับ ULTIMATE CLASS ซึ่งความคุ้มค่าด้านราคาไม่ใช่ปัจจัยหลักเพียงอย่างเดียวในการตัดสินใจซื้อ ความคุ้มค่าด้านอารมณ์คือปัจจัยหลักอีกอย่างหนึ่ง ซึ่งตราบเท่าที่ทางเรายังไม่สามารถวัดค่ามาตรฐานทางอารมณ์ได้ ทาง Think of Living ขอไม่ให้คะแนนฟันธงในรีวิวเจาะลึกนะคะ เพราะมีตัวเปรียบเทียบน้อย เนื่องจากเป็นสินค้าประเภท Unique เสียส่วนใหญ่

    BOTTOM LINE

    โครงการ The Esse สุขุมวิท 36 เหมาะสำหรับคนที่มองหาคอนโดหรูในย่านทองหล่อ ติดถนนใหญ่ ใกล้ BTS เน้นเดินทางสะดวกเป็นสำคัญ ชอบการออกแบบและสไตล์ของโครงการ ได้ Facilities ที่หลากหลาย ชอบตัวห้องที่มีการนำเทคโนโลยีต่างๆ เข้ามาใช้เพื่อตอบโจทย์การใช้ชีวิตที่สะดวกสบายมากยิ่งขึ้น และชอบห้องที่ได้ฟังก์ชันอย่าง Walk through Closet, อ่างอาบน้ำ มีขนาดห้องขนาดเล็กขาย ในราคา Total Package ที่ไม่สูงมากสำหรับคนที่มีงบประมาณนึงที่ต้องการอยู่ในโครงการระดับ Ultimate Class