รีวิวฉบับที่ 1169 สวัสดีค่ะ วันนี้จะพาไปชมโครงการระดับ Super Economy Class กับ The Escape Condominium จาก Sand and Stone ในเครือพรไพลิน เป็นกลุ่มคอนโด Low Rise 8 ชั้น 6 อาคาร ทำเลอยู่ในซอยสุขุมวิท 101/1 (ซอยวชิรธรรมสาธิต) ที่มีทางออกไปทะลุทั้งถนนศรีนครินทร์, อ่อนนุช และอุดมสุขได้ โครงการอยู่ห่างจากสถานี BTS ปุณณวิถี 3.2 กิโลเมตร สำหรับใครที่มองหาคอนโดสร้างเสร็จพร้อมเข้าอยู่ย่านสุขุมวิทตอนปลาย ราคาหยิบจับง่าย ไปชมโครงการพร้อมๆ กันเลยค่ะ
Fact @ 12 September 2016
- The Escape Condominium (ดิ เอสเคป คอนโดมิเนียม)
- บริษัท แซนด์ แอนด์ สโตน จำกัด (ในเครือพรไพลิน)
- Super Economy CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
- โครงการตั้งอยู่ในเขต : พระโขนง
- คอนโด Low Rise 6 อาคาร สูง 8 ชั้น รวม 794 ยูนิต และร้านค้า 12 ยูนิต
- อาคารจอดรถ 2 อาคาร สูง 9 ชั้น
- ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 17 ยูนิตที่ชั้น 2-8 อาคาร A B C D และ F
- ที่จอดรถประมาณ 560 คันคิดเป็น 70% แบ่งออกเป็นที่จอดรในอาคาร 310 คัน และที่จอดกลางแจ้ง 250 คัน
- ที่ดินประมาณ : 10-3-95 ไร่
- คาดว่าจะแล้วเสร็จ : ปลายปี 2560
- 1 Bedroom-S 32.5 – 34.5 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 1.33 ล้านบาท
- 1 Bedroom 41.5 – 45.5 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 1.63 ล้านบาท
- 2 Bedrooms 51.2 – 60.99 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 2.11 ล้านบาท
- ฝ้าเพดานสูง 2.4 เมตร
- ราคาห้องเริ่มต้น 1.33 ล้านบาท
- ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรทั้งโครงการประมาณ 40,000 บาท/ตร.ม.
- ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรต่ำสุด-สูงสุด 38,000-44,000 บาท/ตร.ม.
- เวปไซต์โครงการ : คลิกที่นี่
- โทร : 02-397-0244-6
เพียงแค่การกด Like ก็เท่ากับการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจาก Think of Living แล้วนะคะ
สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างค่ะ
พิกัด : 13.687734, 100.634779
แผนที่จากทางโครงการจะเห็นว่าตัวโครงการอยู่ในซอยสุขุมวิท 101/1 หรือวชิรธรรมสาธิต ที่สามารถเชื่อมต่อไปได้หลายเส้นทางทั้งถนนสุขุมวิท ถนนศรีนครินทร์ ถนนอุดมสุข หรือจะไปอ่อนนุชก็ง่าย ความอุดมสมบูรณ์รอบๆมีทั้งห้างใหญ่ๆบนเส้นบางนาใกล้สุดจะเป็น เซ็นทรัล กับ Big C ส่วน Bangkok Mall ที่จะมาเปิดตรงแยกบางนานี่ต้องรอถึงปี 2560 นะคะถึงจะไปเดินเล่นกันได้ ไกลไปอีกหน่อยก็ Mega บางนา ส่วนเส้นศรีนครินทร์จะมีห้าง Seacon Square, Paradise Park และ สวนหลวงร. 9 สำหรับ Tesco Lotus ตรงสถานีอ่อนนุชก็ไปได้ไม่ไกลค่ะ แต่ปัญหาคือช่วงเวลาเร่งด่วนอาจต้องไปร่วมรถติดกับรถที่จะเข้าซอยอ่อนนุช ซึ่งติดสุดๆเลย
โครงการ The Escape Condo อยู่ในซอยสุขุมวิท 101/1 หรือที่เรียกว่าซอยวชิรธรรมสาธิต ถึงแม้ว่าจะเป็นที่ตั้งที่อยู่บริเวณสุขุมวิทตอนปลายๆ แต่การเดินทางเข้าสู่ตัวเมืองได้ไม่ยากโดยใช้เส้นทางสุขุมวิทเข้าไปอโศกได้ ถ้าจะออกเมืองไปทางชลบุรีก็สะดวกสบายใช้ทางด่วนสายบางนา-ชลบุรี หรือจะไปทางศรีนครินทร์ ซีคอนก็ทะลุไปทางด้านหลังซอยได้เลย ตัวโครงการเข้าซอยห่างจากถนนใหญ่สุขุมวิทประมาณ 2.7 กิโลเมตร หรือถ้านับจากสถานี BTS ปุณณวิถีก็จะต้องเดินอีก 500 ม. ซึ่งรวมๆแล้วจะอยู่ที่ 3.2 กม. เป็นระยะที่เกินระยะเดิน (500ม.) แล้วนะคะ แต่ก็มีตัวช่วยในการเดินทางโดยรถสาธารณะอย่างพี่วิน รถสองแถว รถกระป๋อง หรืออาจจะเป็นแท๊กซี่ในวันที่ฝนตกสำหรับคนที่เดินทางด้วย BTS รถสองแถวหรือรถกระป๊อที่วิ่งเข้า-ออกซอยสุขุมวิท 101/1
ความอุดมสมบูรณ์ภายในซอยส่วนใหญ่จะเป็นอาคารพาณิชย์และตึกแถวที่มีการค้าขายภายใต้อาคาร ทั้งร้านอาหาร ร้านทำผม ร้านซ่อมแอร์ ซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้า ร้านขายน้ำปั่น ร้านสะดวกซื้อ อย่าง CP Fresh Mart ซึ่งตรงนั้นก็มีร้านอาหารเล็กๆตกแต่งน่ารักๆให้เลือกกันได้ นอกจากอาคารพาณิชย์ยังเป็นซอยที่ย่านพักอาศัยทั้งแบบคอนโดฯและหมู่บ้าน ซึ่งมีทั้งหมู่บ้านจัดสรรและที่ดินปลูกสร้างอาคารเอง ช่วงต้นซอยสุขุมวิท 101/1 จะค่อนข้างคึกคักมาก เนื่องจากจะมีตลาดมหาสิน วัดธรรมมงคล ทำให้มีร้านค้าขายของ ขายอาหาร ดูคึกคักหน่อยในช่วงนี้ ถัดเข้าไปกลางๆซอยจะเป็นสิ่งปลูกสร้างแบบอาคารพาณิชย์ที่แปลงเป็นที่ตั้งของสำนักงาน home office หรือโรงแรม เน้นทำร้านค้าที่เป็นหน้าร้าน เช่น ร้านกาแฟ ร้านอาหาร ร้านเสื้อผ้า ร้านขายสินค้าและบริการต่างๆที่มีหน้าร้านได้สบายๆ ส่วนแถวที่ตั้งโครงการจะอยู่ด้านในซอย มีความสงบกว่าในช่วงต้นซอย ก็ทำให้ความอุดมสมบูรณ์รอบโครงการน้อยลงไปด้วย แต่ที่โครงการก็นำ Max Value ทันใจมาเปิดเป็นที่พึ่งพึงของลูกบ้านในโครงการได้ค่ะ
การเดินทางโดยรถยนต์ส่วนตัว : เนื่องจากซอยสุขุมวิท 101/1 เป็นซอยที่เข้าออกได้หลายเส้นทาง สามารถไปออกถนนศรีนครินทร์ ถนนอ่อนนุช และมีทางลัดไปออกอุดมสุขที่เชื่อมไปถนนบางนา-ตราดได้สะดวกดี ดังนี้
- การเดินทางหลักๆคือมาจากถนนสุขุมวิท เลี้ยวซ้ายเข้าซอยสุขุมวิท 101/1 ขับเข้ามา 2.8 กม. ก็จะถึงโครงการ
- ถ้ามาจากถนนศรีนครินทร์ สามารถเข้าทางซอยศรีนครินทร์ 42 ได้ (จริงๆ มีหลายซอยนะคะเชื่อมกันเยอะมาก)
- ถ้ามาจากซอยอุดมสุข ให้เข้าทางซอยอุดมสุข 51(ซอยประวิทย์และเพื่อน) ก็ได้
- ถ้ามาจากทางอ่อนนุช ก็สามารถใช้ซอยอ่อนนุช 46 เข้ามายังโครงการได้
ส่วนใครที่ต้องการไปใช้ทางด่วน มีให้เลือกใช้ 2 ด่านเลยค่ะ คือตรงทางด่วนซอยสุขุมวิท 62 และทางด่วนบางนา แล้วแต่จะเลือกใช้
การเดินทางในวันนี้เราจะเริ่มจาก BTS ปุณณวิถี ทางออกที่ 3 เดินไปทางฝั่งสุขุมวิทขาออก เดินดูบรรยากาศบนถนนสุขุมวิทจนถึงถนนสุขุมวิท 101/1 หรือซอยวชิรธรรมสาธิต แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าซอย จากนั้นเดินไปเรื่อยๆจนถึงโครงการ The Escape Condominium ค่ะ
เรามาเริ่มกันที่ BTS ปุณณวิถีประตูทางออกที่ 3
ลงจาก BTS มาจะเจอสะพานลอยสามารถข้ามไปยังซอยฝั่งตรงข้ามคือซอยสุขุมวิท 64 ที่มีโรงเรียนนานาชาติ Anglo Singapore อยู่หน้าปากซอย
ถัดจากสะพานลอยมาเจอกับร้านอาหารตามสั่ง ที่มีให้เลือกทั้ง ก๋วยเตี๋ยวหมูตุ๋น เนื้อตุ๋น และอาหารไทย อาหารฝรั่ง สปาเก็ตตี้ปลาเค็มก็มี รสชาติพอใช้ได้อยู่
ถัดมาเป็นโชว์รูม Nissan สภาพทางเดินถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดีเลยค่ะ กว้างและไม่มีสิ่งกีดขวางเดินง่าย แต่ต้นไม้ใหญ่ไม่ค่อยมี กลางวันก็จะร้อนๆหน่อย
ถัดจาก NISSAN ก็เจอพี่ TOYOTA อยู่ติดๆกันเลย
มีร้านบ้านกรองน้ำขนาดใหญ่ ที่ขายเครื่องกรองน้ำ ถัดไปเป็นร้านขายรถจักรยานยนต์คาวาซากิ
ใกล้ๆกันมี Piyarom Place ที่อนาคตอาจจะเปลี่ยนไป เพราะการมาของโครงการใหม่ Whizdom 101 เป็นโครงการ Mixed use ขนาดใหญ่จาก MQDC (แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น) ที่มีสำนักงานขายตั้งอยู่ข้างๆกัน ซึ่งถ้าสร้างเสร็จแล้วพื้นที่ตรงนี้จะเป็นแหล่งความอุดมสมบูรณ์ที่โดดเด่นอีกจุกของย่านนี้ด้วยค่ะ
สำนักงานขายของ Whizdom 101 จะอยู่ฝั่งตรงข้ามซอยปิยะบุตร์ 1 ค่ะ
มองเข้าไปภายในซอยปิยะบุตร์ 1 จะเห็นพื้นที่ตอนนี้กำลังดำเนินการก่อสร้าง Whizdom 101 อยู่ทางซ้ายมือ โดยโครงการนี้เป็น Mixed use ขนาดใหญ่มูลค่ากว่า 30,000 ล้านบาท โดยภายในจะมีทั้งพื้นที่สวนสาธารณะขนาดใหญ่, คอนโด และ Community Mall บนเนื้อที่กว่า 43 ไร่ ซึ่งซื้อต่อมาจากเจ้าของเดิมคือ “ปิยรมย์” นั่นเอง
ถัดมาจะเจอวินมอเตอร์ไซค์ จอดรออยู่ด้านหน้าอาคารพาณิชย์ ซึ่งมีร้านเสริมสวย ร้านถ่ายเอกสาร มองไปข้างหน้าจะเป็นทางเข้า Site ก่อสร้าง Whizdom 101 อีกจุดหนึ่ง
ราคาค่าโดยสารพี่วินปิยะรมย์สปอร์ตคลับ สำหรับราคาพี่วินไปโครงการสนน.ราคาอยู่ที่ 30 บาทค่ะ
ตรงนี้มีคลีนิคทำฟัน ร้านขายยาติดกัน 2 ร้าน
ถัดมามีร้านเบเกอรี่ ซึ่งข้างๆกันจะมีสะพานลอย..
โดยใต้สะพานลอยตรงนี้จะมีร้านขายข้าวแกงช่วงเที่ยงมีคนต่อแถวกันเยอะค่ะ
ติดกันเป็นร้านแว่นท็อปเจริญที่อยู่หน้าปากซอยวชิรธรรมสาธิต (สุขุมวิท 101/1)
โดยตรงปากซอยจะมีป้ายวัดวชิรธรรมสาธิตแบบนี้ค่ะ รถวิ่งกันพลุกพล่านพอสมควรเนื่องจากเป็นซอยไปเชื่อมออกได้หลายเส้นทางทั้งสุขุมวิท 101 , อ่อนนุช, อุดมสุข, และเป็นเส้นทางที่คนใช้ลัดไป Seacon Square และ สวนหลวงร.9 ได้ค่ะ
เดินเข้ามาในซอยก็ยังมีทางเท้าให้เดินต่อค่ะ ถนนในซอยนี้มีขนาด 4 เลน ช่วงต้นซอยจะมีร้านอาหารทั้งฝั่งซ้ายและขวา
ริมทางเท้ามีร้านอาหารตามสั่งตอนที่ไปถ่ายนี่ยังเป็นตอนสายๆอยู่ แต่ถ้าเป็นช่วงเที่ยงนี่แถวนี้จะคึกคักกว่านี้มาก
มองตรงไปจะเห็นรถสองแถวที่จะวิ่งไปจนถึงศรีนครินทร์ ถ้าจะไปห้าง Seacon แบบไม่ใช้รถก็นั่งไปได้ค่ะ
ถัดมาเจอร้านก๋วยเตี๋ยว น้ำปั่น และมีพี่วินมอเตอร์ไซค์อยู่ด้านหน้าด้วย ถ้าเดินช้อปปิ้งซื้อของมาเรื่อยๆ ก็มาขึ้นพี่วินตรงนี้ก็ได้ค่ะ
ร้าน 101 Restaurant ขายอาหารจำพวกแฮมเบอร์เกอร์ สลัด สเต็ก
มีคลีนิคโรคทั่วไป เผื่อเจ็บป่วยไข้ก็มาได้ใกล้ๆ
จากนั้นจะเจอ CP Fresh Mart ที่มี Community Mall เล็กๆอยู่ด้านหลัง
มีร้านอาหาร ร้านขนม และมีที่จอดรถด้านในค่ะ
ร้านค้าประมาณนี้ค่ะ ตรงกลางเป็นสวนหย่อมเล็กๆ
ถัดไปมีร้านกาแฟ และร้านอาหารญี่ปุ่นด้วย ร้านเล็กๆน่ารักดี
ไม่ไกลกันจะเจอโรงแรม Golden Pearl
เดินมาถึงวชิรธรรมสาธิต 1 ปากซอยมีร้านขายของชำและร้านขายเครื่องมือช่าง
ถัดมาเป็นซอยวชิรธรรมสาธิต 3 มี 7-11 อยู่ใต้โรงแรม Marsi ซ้ายมือ
เลยมาอีกหน่อยช่วงชอยวชิรธรรมสาธิต 13 เริ่มมีร้านขายของทั้งสองฝั่งทาง
ถัดมาจะเริ่มมีตลาดสดมีของขายหลายอย่างค่ะ
ติดกันมีซอยที่สามารถไปทะลุออกอุดมสุขได้(ซอยขวามือ) ซึ่งบางช่วงของซอยจะเป็น One Way ตอนจะเข้า-ออกก็ดูดีๆก่อนนะคะ
ตรงนี้ขวามือเป็นตลาดมหาสิน ช่วงตอนเย็นๆแถวนี้จะคึกคักมากนะคะเนื่องจากเป็นตลาดสด มีทั้งของคาว ของหวาน และผลไม้ขายเพียบ
ดูจากสภาพ นี่ขนาดตอนเที่ยงยังหาของกินง่ายเลย ถามแม่ค้าแถวนี้ เค้าบอกตอนเย็นนี่พลุกพล่านสุดๆไปเลย
พอพ้นตลาดมาหน่อยนึง จะเจอกับสามแยกที่ถ้าเลี้ยวขวาจะสามารถทะลุไปซอยสุขุมวิท 103 (อุดมสุข 29) ได้นะ
มาอีกหน่อยจะเจอ 7-11 อยู่หัวมุมขวามือ ติดกับรวมหมอ Plaza ค่ะ
ถัดจากช่วงต้นซอยเข้ามาบรรยากาศด้านในจะเริ่มสงบขึ้นแล้วนะคะ อาคารพาณิชย์ที่ถัดเข้าไปจากนี้หลายๆห้องที่เป็นบ้านพักอาศัยก็จะปิดชั้นล่างไว้ ซึ่งก็จะมีที่เปิดเป็นร้านค้าติดๆกันให้ได้คึกคักเป็นบางช่วงเท่านั้น
ฝั่งซ้ายจะมี Lotus Express และ 7-11 ให้พอพึ่งพึงได้
อาคารพาณิชย์บางช่วงที่เป็นร้านค้าก็จะมีรถมาจอดซื้อของกัน ทำให้ถนนช่วงที่เป็น 2 เลนรถจะติดขัดหน่อยเพราะสวนกันค่อนข้างยากค่ะ
ตรงเข้ามาอีกหน่อยจะเจอปั๊ม Shell ทางฝั่งซ้าย เป็นความสะดวกสบายของผู้ใช้รถยนต์ส่วนตัวนะคะ ที่มีปั๊มอยู่ในซอยเดียวกับโครงการเลย
ตรงมาอีกหน่อยจะเจอ 3 แยก ถ้าเลี้ยวซ้ายเข้าซอยวชิรธรรมสาธิต 57 สามารถไปทะลุซอยสุขุมวิท 77 (อ่อนนุช)ได้ค่ะ สำหรับทางไปโครงการเราจะตรงข้ามแยกไปค่ะ
ข้ามแยกมานิดเดียวจะเจออีก 3 แยกหนึ่ง ถ้าเลี้ยวซ้ายเข้าซอยวัดทุ่งจะเป็นทางไปโครงการ ซอยอ่อนนุช 46 และสะพานกลับรถเข้าห้าง Seacon Square ศรีนครินทร์ ถ้าเลี้ยวขวาไปทางซอยประวิทย์และเพื่อนจะทะลุไปออกอุดมสุข 51 ได้ค่ะ
จาก 3 แยกเลี้ยวซ้ายเข้ามา ฝั่งซ้ายจะเป็นที่ตั้งโครงการแล้วค่ะ โครงการยังไม่แล้วเสร็จทั้งหมดนะคะ มีอาคาร E และ F อีก 2 อาคารที่กำลังก่อสร้างอยู่ค่ะ
ตรงมาจะผ่านทางเข้าออกโครงการทางแรก ซึ่งทางนี้ทำเป็นแบบชั่วคราว ด้วยโครงการมีจำนวนหลายตึกมีการก่อสร้างที่ไม่พร้อมกัน ทางโครงการจึงเปิดทางเข้าออกชั่วคราวไว้ใช้เฉพาะในช่วงที่ยังขายโครงการเท่านั้น เพื่อแยกลูกค้าที่มาเยี่ยมชมโครงการและทางช่างก่อสร้างออกจากทางเข้าหลักที่ใช้สำหรับโซนพักอาศัยของอาคาร A-D ที่มีลูกบ้านอยู่อาศัยกันแล้ว
ระหว่างทางเข้าชั่วคราวและทางเข้าหลักจะมี Max Value ทันใจ อยู่ระหว่างทางเข้าออก 2 ฝั่ง
ด้านหน้าทางเข้าออกหลักของโครงการค่ะ
เรามาดูสภาพแวดล้อมที่ติดกับที่ดินของโครงการกันนะคะ ภายในเส้นประสีเหลืองเป็นพื้นที่ของโครงการ The Escape เป็นส่วนที่กำลังก่อสร้างอยู่ของอาคาร E และ F ซึ่งทางซ้ายที่ติดกับโครงการคือที่ดินเปล่าของบุคคลอื่นค่ะ
อีกฝั่งหนึ่งขอบเขตของโครงการคือเส้นประสีเหลืองด้านซ้าย ส่วนแปลงที่ดินที่ติดกันฝั่งขวาของโครงการเป็นอาคารพาณิชย์ 2 ชั้น
ฝั่งตรงข้าม จะเป็นหมู่บ้านพรไพลิน ซึ่งเป็นโครงการในเครือพรไพลินเช่นเดียวกัน
โดยจะเป็นรั้วโครงการหมู่บ้านยาวขนานไปกับโครงการ The Escape เลยค่ะ ทำให้ในช่วงนี้จะค่อยข้างสงบ ไม่มีร้านค้าโดยรอบ ก็จะมี Max Value ทันใจ ในโครงการนี่แหละค่ะ ที่ไว้ใช้พึ่งพิงได้
สภาพแวดล้อมรอบโครงการโดยรอบนับว่าไม่มีอาคารบังวิว บังลมในระยะประชิดประคะ ทิศตะวันออกนับว่าเป็นทิศที่ดีที่สุดของโครงการ เนื่องจากจะตรงกับหมู่บ้านพรไพลิน ซึ่งเป็นหมู่บ้านใหญ่ ที่มีความร่มรื่น บ้านในโครงการสูงเพียง 2 ชั้น ทำให้ในมุมนี้ได้วิวที่ดี และเป็นหมู่บ้านทำให้ยากต่อการขายเพื่อพัฒนาเป็นโครงการใหม่ๆในอนาคต อีกทิศหนึ่งทีวิวดีรองลงมาคือทางทิศเหนือเป็นกลุ่มที่พักอาศัย มีทั้งที่เป็นบ้าน อาคาร 2-3 ชั้น บางหลังก็เปิดชั้นล่างเป็นร้านค้า ร้านซ่อมมอเตอร์ไซค์ ร้านอาหาร ตั้งเป็นรถเข็นแผงลอยบ้าง ซึ่งก็ยากต่อการพัฒนาเป็นโครงการคอนโดใหม่ๆเพราะจะต้องรวมแปลงย่อยๆจำนวนมาก ฝั่งทิศตะวันตกจะติดกับกลุ่มอาคารพาณิชย์และบ้าน 2-3 ชั้น โดยทางทิศนี้จะหันหน้าออกไปทางฝั่งถนนสุขุมวิท ก็จะมีตึกสูงฝั่งหน้าปากคอยบังวิวในระยะไกล ส่วนทิศใต้ของโครงการจะติดซอยสุขุมวิท 101/1 ซึ่งฝั่งตรงข้ามจะมีคอนโดสูงเท่าๆกันอย่าง The Log ตั้งบังวิวอยู่ทางทิศใต้ค่ะ
สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น
- วัดธรรมะมงคล ~ 3.2 กม.
- Digital Ture Park ~ 2.9 กม. (ภายในพื้นที่ของโครงการ Whizdom 101)
- Bangkok Mall ~ 4 กม.
- Central Bangna ~ 2.6 กม.
- Big C Bangna ~ 2.8 กม.
- Paradise Park ~ 1.9 กม.
- Secon Square ~ 2 กม.
- Bitec Bangna ~ 4.2 กม.
- Mega Bangna ~ 8.5 กม.
- ตลาดรถไฟศรีนครินทร์ ~ 2.4 กม.
- สวนหลวงร.9 ~ 5 กม.
- โรงพยาบาลไทยนครินทร์ ~ 3.1 กม.
เริ่มจากดู Master Plan แบบชัดๆก่อน ที่ดินเป็นรูปสี่เหลี่ยมคางหมูหน้าตาประมาณนี้ ปัจจุบันมีทางเข้าออก 2 ทางเป็นทางเข้าชั่วคราวทางนึงที่อยู่ทางฝั่งสำนักงานขายและ Max Value ซึ่งในอนาคตจะปิดเหลือทางเข้าหลักทางเดียวค่ะ ส่วนด้านหน้าโครงการมีความยาวติดถนนประมาณ 195 ม. เป็นระยะที่มากทีเดียวทำให้เวลาขับรถมาโครงการทำให้สังเกตเห็นได้ง่าย ส่วนความลึกของที่ดินนั้นไม่มาก ลึกสุดประมาณ 110 ม. ทำให้ระยะเดินจากหน้าโครงการไปยังที่จอดรถรอบอาคารด้านหลังเป็นระยะที่เดินได้สบายๆ
ส่วนพื้นที่จอดรถโดยรวมทั้งที่จอดรอบอาคารและที่จอดบนอาคารจอดรถมีช่องจอด 560 คันคิดเป็น 70 % สัดส่วนค่อนข้างมากทีเดียวถ้าเทียบกับโครงการโดยรอบในระดับราคานี้ ซึ่งถ้าเป็นห้องแบบ 1 Bedroom และ 2 Bedroom จะได้ช่องจอดแบบ Fix ส่วนห้อง 1 Bedroom S เป็นแบบไม่ Fix ช่องจอดนะคะ เส้นทางเดินรถในโครงการเข้ามาจะเจอวงเวียนด้านหน้า ลูกบ้านของอาคาร A,B เลี้ยวขวาตามวงเวียนมาก็ถึงอาคารแล้ว ส่วนอาคาร C,D เมื่อเจอวงเวียนแล้วเลี้ยวซ้ายจะถึงอาคารเช่นกันค่ะ เส้นทางเดินรถสามารถขับวนรอบโครงการได้นะคะ แต่ตอนนี้โครงการยังไม่ก่อสร้างไม่เสร็จทั้งหมดจึงสามารถขับไปสุดที่อาคาร D เท่านั้นค่ะ
ภาพรวมของโครงการ The Escape Condominium เป็นกลุ่มคอนโด 8 อาคาร 794 ยูนิต แบ่งเป็นอาคารพักอาศัย 8 ชั้น 6 อาคาร และอาคารจอดรถ 9 ชั้น 2 อาคาร การจัดวางตึกเรียกว่าใส่ลงไปเต็มที่ของขนาดที่ดินเลย ทำให้การจัดวางของตึกทั้ง 8 อยู่ชิดกันพอสมควร การเรียงตัวแบบนี้ของอาคารจะเน้นวิวภายในเป็นหลักคือวิวสวนและสระว่ายน้ำที่คั่นอยู่ระหว่างตึกทุกตึก สำหรับวิวภายนอกจะมีเพียงอาคาร A และอาคาร F ฝั่งที่หันออกนอกโครงการ และห้องมุมของแต่ละอาคารเท่านั้นที่จะได้วิวภายนอกโครงการ ส่วนของอาคารพักอาศัยจับเป็นคู่ๆ ดังนี้
- อาคาร A และ B เป็นอาคารพักอาศัยอาคาร 135 ยูนิต โดยจะมีสระว่าน้ำอยู่ตรงกลางระหว่างทั้ง 2 อาคาร ทำให้ลูกบ้านทั้ง 2 อาคารสามารถมาใช้งานได้สะดวก ห้องพักฝั่งที่หันหน้าเข้าหากันของตึก A,B จะได้วิวสระ ส่วนห้องพักที่อยู่อีกฝั่งหนึ่ง สำหรับตึก B จะได้วิวสวน ส่วนตึก A จะได้วิวภายนอกโครงการ
- อาคาร C และ D จะเหมือนกับคู่ของอาคาร A,B เลย ต่างกันที่ห้องพักฝั่งที่ไม่ได้หันหน้าเข้าหาสระ สำหรับอาคาร C,D จะได้วิวสวนทั้งคู่ เพราะถูกขนาบด้วยอาคารภายในโครงการ
- อาคาร E และ F ก็จะเหมือนคู่อื่นเช่นกัน สำหรับห้องที่ไม่ได้หันหน้าเข้าหาสระ อาคาร E จะได้วิวสวน ส่วนอาคาร F จะได้วิวภายนอกโครงการซึ่งถูกบล็อกวิวด้วย The Log ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามถนน ก็ยังดีที่ไม่ได้ถูกบังวิวในระยะประชิดทำให้ไม่อึดอัดนักค่ะ โดยรวมแล้วการออกแบบโครงการไม่ได้เน้นเรื่องวิวนักนะคะ คงเน้นเป็นอยู่อาศัยธรรมดามากกว่า
สำหรับ Facilities ส่วนกลางจะมีสระว่ายน้ำ 3 สระ ที่อยู่ระหว่างอาคารแต่ละคู่ ส่วน Fitness จะแยกออกจากอาคารพักอาศัยมาดูด้านหน้าโครงการติดกับ Max Value สำหรับที่จอดรถจะมีอาคารที่จอดรถแยกสูง 9 ชั้น 2 อาคารคืออาคาร PA และ PB สำหรับอาคาร PA รองรับลูกบ้านอาคาร A,B,C ส่วนอาคาร PB รองรับลูกบ้านอาคาร D,E,F
ทางเข้าโครงการตอนนี้จะมี 2 ทางนะคะ คือทางเข้าชั่วคราวฝั่งสนง.ขาย และทางเข้าหลักที่เป็นทางเข้าของลูกบ้านสำหรับนำรถเข้าไปจอดในโครงการค่ะ ซึ่งเข้าชั่วคราวนี้ในอนาคตหลังจากขายหมดแล้วก็จะปิดให้เหลือทางเข้าหลักเพียงทางเดียวเส้นทางเดินรถในโครงการจะเป็นจะเป็นเส้นทางเดินรถแบบสวนทางกัน สามารถขับวนรอบโครงการได้ แต่เนื่องจากโครงการยังก่อสร้างไม่เสร็จจึงวนไปถึงแค่อาคาร D นะคะ
ต่อไปจะพาไปชมด้านในโครงการกันนะคะ โดยเริ่มจากบริเวณหน้าทางเข้าชั่วคราว แล้วเดินมาหน้าทางเข้าหลัก จากนั้นจะพาเข้าไปในโครงการโดยวนขวาตามวงเวียนไปจะเจออาคารจอดรถ PA ที่อยู่ด้านหน้าโครงการ เราจะแวะที่อาคารนี้เป็นอาคารแรกค่ะ
มาดูทางเข้าชั่วคราวกันก่อนนะคะ ฝั่งซ้ายของทางเข้าเป็นสนง.ขายของโครงการ ฝั่งตรงข้ามสนง.ขายเป็น Max Value ทันใจ เปิด 24 ชั่วโมง จึงเป็นที่พึ่งพิงของลูกบ้านได้ตลอดเวลา ด้านในมีที่จอดรถได้ 7-8 คัน สำหรับผู้มาเยี่ยมชมโครงการและผู้ที่มาช้อปปิ้งที่ Max Value ค่ะ
ภายใน Max Value มีให้เลือกทั้งอาหารปรุงสำเร็จ ผลไม้ ขนม น้ำ และของใช้ภายในบ้าน ครบครันเลยทีเดียว
มาดูฝั่งทางเข้าหลักโครงการกันบ้าง ด้านหน้าของโครงการด้านที่ติดกับถนนซอยวัดทุ่ง ซึ่งเป็นทางเข้า 1 เลน ออก 1 เลน มีป้อมยามอยู่ตรงกลางเพื่อแยกฝั่งถนนเข้าออกนะคะ ระดับพื้นในโครงการจะยกขึ้นเหนือระดับถนนหน้าโครงการประมาณ 60 ซม. เพื่อช่วยในการระบายน้ำและป้องกันน้ำไหลเข้าโครงการได้ในระดับนึงที่ฝนตกหนักและระบายน้ำไม่ทัน จากมุมนี้จะเห็นตึก B,C ของโครงการค่ะ เป็นตึกที่อยู่ใกล้ทางเข้าที่สุดมีระยะห่างจากทางเข้าประมาณ 30 ม. ถ้าใครชอบอยู่ด้านหน้าโครงการเข้าออกสะดวกก็เลือกตึกใกล้ๆแบบนี้ค่ะ ส่วนตึกอื่นๆจะต้องเดินเข้าไปอีกหน่อย แต่ก็แลกมากับความสงบที่มากขึ้น
ทางเข้าโครงการเป็นไม้กระดกเปิดปิดด้วยระบบ Key Card มี ร.ป.ภ รักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมงและกล้อง CCTV บริเวณป้อมยามทางเข้า – ออกโครงการนะคะ ส่วนคนเดินจะมีทางเท้ายกระดับขึ้นมาให้ ไม่ต้องแสกนบัตร สามารถเดินเข้ามาถึง Lobby โครงการได้เลย
เข้ามาด้านในโครงการจะเจอวงเวียนด้านหน้าบังคับให้วนรถทางขวา บรรยากาศภายในโครงการค่อนข้างร่มรื่น เนื่องจากเป็นโครงการที่ค่อยๆก่อสร้างและขายไปทีละอาคาร จึงเป็นโครงการที่เปิดมาหลายปีพอสมควร พวกต้นไม้ใหญ่ก็จะเป็นต้นที่สมบูรณ์ให้ร่มเงาเต็มที่ค่ะ
เข้ามาในโครงการแล้วมองกลับไปทางฝั่งซ้าย จะเป็นตำแหน่งของห้อง Fitness สำหรับลูกบ้านที่ต้องการใช้บริการต้องเสียค่าบริการ เดือนละ 500 บาทค่ะ
การเข้าออกห้อง Fitness จะต้องใช้ Key Card นะคะ และด้านหน้าทางเข้าจะมีตู้ Locker ไว้บริการ ขนาดไม่ใหญ่นัก พอจะเก็บกระเป๋า รองเท้าได้
บรรยากาศภายในห้อง Fitness ค่ะ ภายในมีเครื่องออกกำลังกายประมาณ 10 ชิ้น
ออกมาจากห้อง Fitness เราก็ไปดูส่วนอื่นๆในโครงการกันต่อ โดยจะวนตามวงเวียนไปดูฝั่งขวาของโครงการกันก่อน
เลี้ยวขวาเข้าสู่ถนนภายในโครงการ เป็นถนน 2 เลน รถสวนกันได้ สองข้างทางเป็นที่จอดรถ ฝั่งหน้าอาคาร A, B เป็นช่องจอดแบบเข้าซอง ส่วนฝั่งหน้าอาคารจอดรถเป็นแบบจอดเทียบ ซึ่งที่จอดรถรอบโครงการนี้จะเป็นที่จอดรถกลางแจ้งนะคะ ไม่มีที่กันแดดกันฝน ถ้าต้องการจอดในร่มก็สามารถจอดได้บนอาคารค่ะ สำหรับห้อง Type 1 Bedroom และ 2 Bedroom จะมีที่จอดรถในอาคารแบบ Fix ที่ให้นะคะ ส่วนห้อง Type 1 Bedroom S สามารถจอดรอบโครงการได้ ถ้าต้องการจอดในอาคารจะต้องเสียค่าเช่าที่จอดรถรายเดือน เดือนละ 500 บาทค่ะ
อาคารจอดรถ PA ที่อยู่ด้านหน้าโครงการเป็นอาคารที่จอดรถ 9 ชั้น ชั้น 1-6 เป็นชั้นจอดรถแบบ Fix ที่สำหรับห้อง Type 1 Bedroom และ 2 Bedrooms ส่วนชั้น 7-9 เป็นชั้นจอดรถแบบไม่ Fix ที่ ลูกบ้านสามารถเช่าจอดได้
ทางเข้าอาคารที่จอดรถจะแยกกันระหว่างทางเข้าคนเดินและทางเข้ารถ ซึ่งมีลิฟท์ 1 ตัวไว้ให้บริการ ด้านข้างมีประตูทางเข้าบันไดหนีไฟค่ะ
ขนาดภายในลิฟต์พอจะยืนได้สัก 2-3 คน มีความสว่างพอสมควรนะคะ ปุ่มกดภายในลิฟท์จะเป็นแบบชั้นเว้นชั้นค่ะ ถ้าจอดชั้น 3 ก็กดลิฟท์ไปที่ชั้น 4 แล้วเดินบันไดลงมาชั้นนึงค่ะ
ส่วนบันไดหนีไฟจะเป็นบันไดคอนกรีตขัดเรียบ ทางซ้ายมีประตูเข้าอาคารจอดรถค่ะ
ส่วนทางเข้าออกอาคารจอดรถมีทางเข้าออกทางเดียว เป็นระบบไม้กั้น ผ่านไม้กั้นด้วย Key Card และติดตั้ง CCTV บริเวณทางเข้าออก 2 ฝั่ง
ลานจอดรถ สูงประมาณ 2.3 ม. มีสัดส่วนที่จอดรถรวม 2 อาคารอยู่ที่ 39 % ไม่รวมที่จอดกลางแจ้ง ถ้ารวมที่จอดรถกลางแจ้งรอบโครงการอีกจะมีสัดส่วนที่จอดรถที่ 70% ถือว่ามากทีเดียวเมื่อเทียบกับโครงการโดยรอบในระดับราคาเดียวกัน
ภายในชั้นจอดรถมีลูกศรบอกแนวการเดินรถไว้ให้เรียบร้อย ส่วนด้านข้างอาคารมีประตูทางออกไปเชื่อมไปยังลิฟต์ของอาคารจอดรถได้ค่ะ
ออกมาจากอาคารจอดรถฝั่งตรงข้ามเป็นอาคาร A และ B ซึ่งเป็นอาคารพักอาศัยแรกที่สร้างเลยนะคะ ตอนนี้ห้องพักมีลูกบ้านเข้าพักอาศัยแล้วจำนวนมาก เพื่อความเป็นส่วนตัวของลูกบ้านเราจึงจะพาไปดูแค่รอบๆอาคารนะคะ
อาคารพักอาศัย 8 ชั้น หน้าตาอาคารเหมือนๆกันเลยนะคะ โดยจะตั้งขนานกันเป็นคู่เพื่อแชร์พื้นที่ส่วนกลางร่วมกัน แนวคิดนี้มีข้อดีที่ช่วยเพิ่มความเป็นส่วนตัวในการอยู่อาศัยของโครงการที่มียูนิตเยอะๆแบบนี้ เนื่องจากผู้ที่จะมาใช้งานสระว่ายน้ำระหว่างอาคารก็จะเป็นเฉพาะผู้ที่อาศัยอยู่ในอาคารที่ขนาบสระว่ายน้ำ 2 ฝั่งเท่านั้น เราจะไม่ต้องแชร์ส่วนกลางตรงนี้ร่วมกับคนทั้งโครงการค่ะ
ด้านหน้าสุดของอาคาร A เป็นตำแหน่งของห้องเปล่า 2 ห้องเป็นห้องให้เช่าเปิดเป็นร้านค้า หรือบริษัทได้ค่ะ
ระหว่าง 2 อาคารจะมีพื้นที่ส่วนกลางซึ่งทางเข้าอาคารทั้ง 2 ก็จะเข้าจากทางพื้นที่ส่วนกลางตรงนี้ด้วย พื้นที่ระหว่างอาคารมีระยะประมาณ 8 ม. ตรงกลางเป็นที่ตั้งของสระว่ายน้ำ ส่วนทางเข้าของแต่ละอาคารจะอยู่ตรงข้ามสระว่ายน้ำค่ะ
ทางเข้าอาคารที่อยู่ติดกับสระว่ายน้ำ จะเป็นโถงทางเดินเล็กๆเข้าไปในอาคาร ทำให้บริเวณหน้าประตูทางเข้าโครงการมีพื้นที่ไว้สำหรับยืนหลบแดดหลบฝนได้ ส่วนด้านข้างทางเข้าเป็นห้องสนง.นิติ ที่มีแยกไปของแต่ละอาคารเลยค่ะ
บริเวณหน้าทางเข้าด้านบนติดกล้องวงจรปิดเพื่อช่วยรักษาความปลอดภัยให้กับผู้อยู่อาศัยค่ะ
มาดูที่ด้านหน้าอาคาร B กันบ้าง ตัวอาคารเหมือนกับอาคาร A เลยนะคะ แปลนก็เหมือนๆกันค่ะ ที่ตำแหน่งของห้องเช่าหน้าอาคาร ปัจจุบันห้องฝั่งด้านในที่ติดสระว่ายน้ำเปิดเป็นร้านซักรีดนะคะ ส่วนห้องอีกฝั่งหนึ่งมีคนเช่าไปเช่นกันแต่ไม่ได้เปิดร้านค้านะคะ
พื้นที่ระหว่าง B และ C จะเป็นสวนระหว่างอาคารนะคะ ทำให้ห้องพักที่อยู่ฝั่งด้านนอกอาคารจะได้เป็นวิวสวนแทนค่ะ
บรรยากาศภายในสวนดูร่มรื่นดีด้วยต้นไม้ใหญ่และไม้พุ่ม มีทางเดินและสนามหญ้าให้สามารถมาใช้งาน เดินพักผ่อนหรือออกกำลังกายเล็กๆน้อยๆได้ ด้านข้างมีติดไฟสนามไว้ให้ ทำให้เวลาเย็นๆก็ยังสามารถมาใช้งานได้ค่ะ
เห็นบรรยากาศคร่าวๆของอาคาร A-B แล้วเราจะพาไปเดินดูรอบๆโครงการกันต่อ เดินตรงผ่านอาคาร A มาตามทางวนรถในโครงการนะคะ จะมาสุดที่กำแพงโครงการสูง 3 ม. พร้อมต้นสนตลอดแนวกำแพง ทำให้โครงการดูร่มรื่นค่ะ ตรงหัวมุมนี้จะมีพี่ รปภ. คอยรักษาความปลอดภัยอยู่ด้วย เดี๋ยวเราจะพาเดินชมรอบๆโครงการไปตามทางวนรถก่อนนะคะ
ตามทางมาเรื่อยๆ ฝั่งขวาเป็นแนวกำแพงของโครงการ ส่วนฝั่งซ้ายคืออาคาร A โดยพื้นที่ข้างอาคารเป็นอีกตำแหน่งหนึ่งลูกบ้านนิยมมาจอดรถกันนะคะ โดยจะจอดได้ทั้ง 2 ฝั่งเลยค่ะ
ช่องจอดรถด้านข้างอาคาร A เป็นช่องจอดเทียบนะคะ ถ้าลูกบ้านอาคาร A ที่พักอยู่ชั้น 1 ก็สามารถจอดเทียบตรงนี้แล้วเดินเข้าห้องได้สบายๆเลยค่ะ
เดินมาอีกนิดเดียวก็สุดกำแพงด้านหลังของโครงการแล้วนะคะ ที่มุมกำแพงติดกล้อง CCTV ไว้ช่วยรักษาความปลอดภัยให้กับลูกบ้าน
ด้านหลังอาคาร เป็นทางเดินรถรอบโครงการค่ะ ส่วนฝั่งริมกำแพงยังสามารถจอดรถได้ในกรณีที่จอดรถในอาคารเต็มนะคะ จากมุมนี้ก็จะเห็นอาคารพักอาศัยครบทั้ง 4 อาคาร A-D เลย ส่วนอีก 2 อาคารยังไม่เสร็จนะคะ กำลังก่อสร้างอยู่ค่ะ
เดินผ่านอาคาร A,B,C,D มาจนสุดทางคอนกรีต จะพบพื้นที่ว่างเปล่าข้างหน้าเป็นพื้นที่ก่อสร้างของอาคาร E,F ซึ่งปัจจุบันกำลังก่อสร้างอยู่นะคะ และเนื่องจากทั้ง 2 อาคารยังสร้างไม่เสร็จทำให้ทางเดินรถรอบโครงการมาหยุดที่ตึก D อยู่ ถ้าก่อสร้างเสร็จแล้วจะสามารถเดินรถได้รอบโครงการค่ะ
จากหลังโครงการเราจะเดินผ่านสวนระหว่างอาคารจอดรถ PB และอาคาร D มายังด้านหน้าของโครงการอาคารค่ะ
จากด้านหลังโครงการจะมีทางเดินด้านข้างอาคารของแต่ละอาคารให้สามารถทะลุออกไปด้านหน้าได้ เราจะเดินระหว่างอาคาร D และอาคารที่จอดรถ PB เพื่อออกไปยังด้านหน้าโครงการเพื่อดูพื้นที่รอบโครงการกันต่อนะคะ
เดินมาจนถึงด้านหน้าแล้วมองไปฝั่งขวาทางอาคารจอดรถ PB เป็นอาคารจอดรถ 9 ชั้น เป็นที่จอดรถสำหรับลูกบ้านอาคาร D-E-F มีทางเข้าออกแยกกันระหว่างทางเข้ารถและทางเข้าคนเดิน และมีลิฟท์ขึ้นอาคารเช่นเดียวกับอาคารจอดรถ PA ค่ะ ส่วนด้านหลังที่เป็นพื้นที่โล่งมีรั้วสังกะสีล้อมไว้นั่นคือพื้นที่ของอาคาร E และ F ในอนาคต ส่วนฝั่งซ้ายตรงข้ามกับอาคารจอดรถ PB เป็นพื้นที่ของสนง.ขายค่ะ
สำนักงานขายจะอยู่ติดกับถนนด้านหน้าโครงการ จากอาคาร A-D จะเดินไปสนง.ขายจะต้องเดินลงบันไดไป เพราะระดับพื้นของฝั่งอาคาร A-D ถูกยกระดับขึ้นให้สูงกว่าระดับพื้นปกติ 60 ซม. เพื่อช่วยระบายน้ำออกจากโครงการเวลาฝนตก ซึ่งในอนาคตถนนในโครงการจะถูกปรับระดับให้สูงขึ้นเท่ากันค่ะ
จากรูปเมื่อกี้ที่หันหลังกลับมาจะเป็นบริเวณหน้าโครงการฝั่งอาคาร A-D กันแล้วนะคะ ต่อไปเราจะไปเจาะลึกรายละเอียดตึก C-D ที่เพิ่งเปิดขายล่าสุดกันค่ะ ว่าจะมีพื้นที่ส่วนกลางและพื้นที่ภายในอาคารอย่างไร เนื่องจากการวางผังอาคารจะวางอาคารเป็นคู่ๆ โดยวางสระว่ายน้ำไว้ตรงกลางระหว่างแต่ละคู่อาคาร จึงจะพาไปชมพร้อมๆกันทั้งอาคาร C และ D นะคะ
สำหรับอาคาร C และ D กันบ้างค่ะ หน้าตาอาคารรวมถึงแปลนจะเหมือนๆกับกับอาคาร A และ B เลยนะคะ ต่างกันที่สีและตำแหน่งของอาคารนิดหน่อย
เรามาค่อยๆดู Floor Plan ไปทีละชั้นนะคะ เริ่มจาก ชั้น 1 ทางเข้าอาคารมีทางเข้าทางเดียวคือทางด้านข้างฝั่งสระว่ายน้ำ ห้องพักจะเริ่มจากชั้นนี้ขึ้นไปเลยนะคะ โดยมีห้องพักในชั้นนี้มีอาคารละ 14 ยูนิต ส่วนใหญ่จะเป็นแบบ 1 Bedroom S มี 8 ยูนิต, แบบ 1 Bedroom จำนวน 5 ยูนิต และแบบ 2 Bedroom อีก 1 ยูนิต ที่ชั้นนี้จะมี Shop ด้านหน้าอาคาร 2 ยูนิต ซึ่งโครงการยังไม่ได้ระบุว่าจะเป็นร้านอะไรค่ะ
จากทางเข้าอาคารฝั่งซ้ายจะเป็น Mail Box ตรงไปจะเป็นโถงลิฟท์ซึ่งอยู่หลังประตูบันไดหนีไฟ สำหรับความปลอดภัยนั้นจะเริ่มใช้ Key Card ตั้งแต่ประตูทางเข้าอาคารนะคะ ส่วนแขกของลูกบ้านสามารถมานั่งรอในส่วนของ Lobby ได้ ซึ่ง Lobby จะไม่ได้มีแยกแต่ละอาคารนะคะ จะใช้รวมกันได้ที่อาคาร C ค่ะ
- ประตูทางเข้าอาคาร —>ใช้ Key Card แขกของลูกบ้านต้องรอลูกบ้านมารับขึ้นส่วนพักอาศัยเท่านั้นค่ะ
- ลิฟท์ —>ไม่ใช้ Key Card เป็นแบบไม่ล็อกชั้น
- ประตู Lobby —>ไม่ใช้ Key Card แขกของลูกบ้านสามารถเข้าไปนั่งรอได้ค่ะ
การจัดเรียงห้องพักเป็นรูปตัว I แบบ Double Corridor ตามแนวตึก โถงลิฟท์โถงลิฟท์ตำแหน่งเดียวค่อนมาทางด้านหน้าของตัวอาคาร ซึ่งการจัดตำแหน่งไว้ด้านหน้าทำให้ห้องที่อยู่ท้ายของอาคารจะต้องเดินไกลกว่าห้องอื่นๆ ลิฟท์มีทั้งหมด 2 ตัว รองรับลูกบ้านตึก A ทั้งหมด 136 ยูนิต มีอัตราส่วนลิฟท์ประมาณ 68:1 ก็จัดว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดีค่ะ ส่วนอาคารจะมีบันไดหนีไฟ 2 ตำแหน่งกระจายตัวอยู่ทั้งฝั่งซ้ายขวาของอาคาร พื้นที่ระหว่างอาคารในชั้นนี้จะเป็นพื้นที่สระว่ายน้ำ ซึ่งลูกบ้านในชั้น 1 ที่อยู่ฝั่งติดสระว่ายน้ำก็สามารถเดินจากทางระเบียงออกมาที่สระเลยนะคะ
ชั้น 1 ของอาคาร C ที่ห้องเช่าด้านหน้าอาคารถูกจัดไว้เป็น Lobby ให้กับแขกของลูกบ้านสามารถมานั่งรอ หรือลูกบ้านสามารถมานั่งเล่นพักผ่อนในนี้ได้นะคะ
ภายใน Lobby บรรยากาศดูสบายๆ จะมีชุดโซฟารับแขกไว้ 1 ชุดไว้สำหรับนั่งเล่นพักผ่อน ในส่วนนี้ได้กระจกบานใหญ่ทำให้ได้แสงธรรมชาติเข้ามาในอาคารห้องดูโปร่งโล่งและอบอุ่นขึ้น ส่วนทางซ้ายมือเป็นห้องน้ำไว้รับรองไม่ได้ชายหญิงนะคะ
ภายในห้องน้ำมีขนาดกว้างพอสมควร มีสุขภัณฑ์ให้ครบนะคะ
ชั้น 1 ของอาคาร D บริเวณที่เป็นห้องเช่าฝั่งหนึ่งยังเป็นห้องเปล่า อีกฝั่งหนึ่งปัจจุบันใช้เป็นออฟฟิตของโครงการค่ะ
ระหว่าง 2 อาคารจะมีพื้นที่ส่วนกลางซึ่งทางเข้าอาคารทั้ง 2 ก็จะเข้าจากทางพื้นที่ส่วนนี้นะคะ
บรรยากาศภายในพื้นที่ส่วนกลางจะมีสระว่ายน้ำ ขนาดกว้างยาว 6×25 ม. ภายในแยกสระเด็ก ขนาดพอใช้ว่ายออกกำลังกายได้แต่ก็ไม่ได้มีขนาดใหญ่เมื่อเทียบกับจำนวนยูนิต 270 ยูนิตของ 2 อาคารนี้ค่ะ
ห้องพักอาศัยที่อยู่ฝั่งด้านในก็จะได้รับวิวสระแบบนี้นะคะ ถ้าอยู่ชั้น 1 ก็สามารถใช้งานสระได้สะดวกคือสามารถเดินออกทางระเบียงได้เลย ถ้าชอบวิวสระว่ายน้ำในระยะใกล้ๆ ก็เลือกห้องวิวสระที่ชั้น 2,3 นะคะ แต่ก็มีข้อเสียเหมือนกันที่ความ Private ในห้องจะลดลงและอาจจะได้ยินเสียงของผู้มาใช้บริการสระว่ายน้ำดังเข้ามาในห้องค่ะ
เดินริมสระมาทางหลังโครงการ ฝั่งซ้ายจะมีฉากกั้นเป็นพื้นที่ Semi – Private เอาไว้
หลังฉากกั้นเป็นที่อาบน้ำก่อนลงสระและห้องน้ำส่วนกลางค่ะ
มาดูบริเวณทางเดินรอบสระว่ายน้ำกันหน่อยริมสระทั้ง 2 ฝั่งจะเป็นห้องพักอาศัยนะคะ ซึ่งการวางตำแหน่งสระว่ายน้ำตรงกลางอาคารมีข้อดีที่อาคารทั้ง 2 ฝั่งจะช่วยบังแดดให้กับสระว่ายน้ำ และห้องพักทุกห้องที่หันเข้าด้านในอาคารยังได้วิวสระน้ำด้วยค่ะ
ห้องพักที่ชั้น 1 จะมีฝั่งหนึ่งที่ติดกับสระว่ายน้ำ โดยสามารถเดินออกจากห้องทางระเบียงมายังสระว่ายน้ำได้เลย สำหรับคนที่ชอบว่ายน้ำก็มาใช้งานได้ง่าย แต่ก็ทำให้ความปลอดภัยในการอยู่ห้องริมสระลดลง ก็ควรติดลูกกรงเหล็กและอย่าลืมล๊อกประตูห้องประตูระเบียงนะคะ
หรือถ้าชอบวิวสระว่ายน้ำในระยะใกล้ๆ ก็เลือกห้องวิวสระที่ชั้น 2,3 นะคะ แต่ก็มีข้อเสียเหมือนกันที่ความ Private ในห้องจะลดลงและอาจจะได้ยินเสียงของผู้มาใช้บริการสระว่ายน้ำดังเข้ามาในห้องค่ะ
ทางเข้าอาคารก็จะอยู่ริมสระน้ำ มีพื้นที่ให้หลบแดดหลบฝนด้านหน้าประตูทางเข้า
และห้องข้างประตูคือ สนง.นิติค่ะ พื้นที่ทางเดินภายในอาคาร C และ D จะเหมือนกับที่พาชมของอาคาร A และ B เลยนะคะ
เริ่มใช้ Key Card ตั้งแต่ประตูเข้าอาคารนะคะ เพื่อความปลอดภัยของผู้อยู่อาศัย ผู้ที่ไม่มีบัตรจะเข้าอาคารไม่ได้ค่ะ
เข้ามาในอาคารจะเจอประตูกั้นในส่วนของ Lift ที่จะใช้ขึ้นไปชั้นบนค่ะ
หันมาทางฝั่งซ้ายจะเป็นส่วนของตู้ Mail Box โดยจะเป็นช่องใส่จดหมายเล็กๆ หน้าตู้จะแยกออกเป็น 2 สี แต่ไม่ได้มีความแตกต่างกันนะคะ ทำเพื่อให้สามารถหาช่องใส่จดหมายได้ง่ายขึ้นเท่านั้นค่ะ
เข้ามาเป็นโถงลิฟท์ของอาคารจะมีโถงลิฟท์ตำแหน่งเดียวค่อนมาทางด้านหน้าของตัวอาคาร มีลิฟท์ทั้งหมด 2 ตัว ซึ่งการจัดตำแหน่งไว้ด้านหน้าทำให้ห้องที่อยู่ท้ายของอาคารจะต้องเดินไกลกว่าห้องอื่นๆ บริเวณหน้าลิฟท์จะมีป้ายบอกชั้นติดไว้เรียบร้อย ส่วนด้านในสุดจะมีหน้าต่างบานใหญ่ นอกจากจะเป็นช่องรับแสงธรรมชาติเข้ามายังโถงลิฟท์ ทำให้เวลากลางวันก็ไม่ต้องเปิดไฟก็ยังมองเห็นได้ยังช่วยประหยัดค่าส่วนกลางในการดูแลรักษาด้วย ส่วนด้านข้างหน้าต่างเป็นบันไดหนีไฟของอาคารค่ะ
บริเวณบันไดหนีไฟจะติดตั้งชุดดับเพลิงไว้ ตัวบันไดปูกระเบื้องไว้เรียบร้อย มีความกว้างค่อนข้างมากและมีราวกันตกตลอดแนวค่ะ
ตัวลิฟท์จะแยกออกเป็นลิฟท์โดยสารและลิฟท์ขนของนะคะ บริเวณหน้าลิฟท์จะมีป้ายบอกชั้น และแผงปุ่มกดลิฟท์ชั้นล่าง ด้านบนมีโทรศัพท์ติดตั้งไว้เรียบร้อยค่ะ
ภายในลิฟต์สว่างพอสมควรทีเดียวทำให้บรรยากาศภายในลิฟท์ดูกว้างขึ้นไม่อึดอัด ปุ่มกดไม่ได้เป็นแบบล็อกชั้นนะคะ
บรรยากาศโถงทางเดินภายในอาคารเป็นแบบ Double Corridor คือมีห้องพักทั้ง 2 ฝั่งทางเดิน ส่วนช่องแสงของทางเดินจะมี 2 ตำแหน่งคือบริเวณปลายทางเดินทั้ง 2 ฝั่ง ทำให้ทางเดินช่วงกลางๆจะมืดนิดหน่อยเพราะอยู่ห่างจากหน้าต่างค่ะ ผนังของโถงทางเดินทาสีขาว พื้นปูด้วยกระเบื้องเรียบร้อยดีค่ะ
ตั้งแต่ชั้น 2-8 จะเป็นห้องพักอาศัยทั้งชั้นแล้วนะคะ แปลนจะคล้ายๆที่ชั้นแรกเลยจะต่างกันที่ชั้นนี้จะได้ห้องพักอาศัยเพิ่มมาอีก 3 ห้อง คือ แบบ 1 Bedroom S ที่เพิ่มมาอีก 1 ห้อง และแบบ 2 Bedroom ที่เพิ่มมาอีก 2 ห้อง
เรื่องวิวของอาคารคงไม่ได้มีอะไรมากเพราะ โดนอาคาร C และ อาคารจอดรถ PB บล๊อกไว้ 2 ฝั่งแล้วและด้วยความสูงเพียง 8 ชั้น จึงไม่ใช่คอนโดที่เน้นวิวเป็นหลัก ห้องพักที่นี่จะหันออก 2 ฝั่ง คือ ฝั่งนึงหันไปทางทิศตะวันตกเฉียงมาทางเหนือมากหน่อย ขอเรียกรวมๆว่าเป็นทิศเหนือแล้วกัน ส่วนอีกฝั่งหนึ่งเป็นทิศตรงข้ามกันขอเรียกรวมๆว่าเป็นทิศใต้ ส่วนทางทิศตะวันออกและตะวันตกจะมีแค่ห้องมุมของอาคารชั้นละ 4 ห้องที่ติด 2 ทิศนี้ค่ะ
- ทิศเหนือ สำหรับอาคาร C จะได้วิวสวน ซึ่งถ้าชอบสวนในระยะใกล้แบบที่ยังได้บรรยากาศร่มรื่นก็เลือกชั้น 2-4 ถ้าชั้นสูงขึ้นมาหน่อยจะเป็นสวนในมุมสูงแล้วค่ะ ส่วนอาคาร D จะได้เป็นวิวสระ ซึ่งห้องเหล่านี้จะมีข้อดีที่ได้รับวิวที่ดีแต่ก็มีข้อเสียที่จะเสียเรื่องความเป็นส่วนตัวไปเหมือนกัน
- ทิศใต้ จะสลับกันกับทิศเหนือคืออาคาร C จะได้วิวสระแทน ส่วนอาคาร D จะได้วิวสวน
- ทิศตะวันตก จะหันออกด้านหลังของโครงการ ซึ่งที่ดินด้านนี้ติดกับกลุ่มบ้านพักอาศัยและอาคารพาณิชย์ 2 ชั้น ซึ่งยังไม่มีอาคารสูงในระยะประชิด ส่วนในระยะไกลมีหลายอาคารเลยนะคะ เพราะเป็นฝั่งที่หันไปทางถนนสุขุมวิท ถ้าเลือกให้พ้นจากกลุ่มที่อยู่อาศัยโดยรอบก็แนะนำตั้งแต่ชั้น 4 ขึ้นไป
- ทิศตะวันออก นับว่าเป็นทิศที่ดีที่สุดของโครงการ เนื่องจากจะตรงกับหมู่บ้านพรไพลิน ซึ่งเป็นหมู่บ้านใหญ่ ที่มีความร่มรื่น บ้านในโครงการสูงเพียง 2 ชั้น ทำให้ในมุมนี้ได้วิวที่ดี แนะนำห้องตั้งแต่ชั้น 3 ขึ้นไป จะพ้นหลังคาของหมูบ้านทำให้ได้วิวที่โล่งขึ้นค่ะ
สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก
- สระว่ายน้ำ 3 สระ ขนาด 25 x 6 เมตร แบ่งสระเด็กลึก 0.6 เมตร สระผู้ใหญ่ลึก 1.2 เมตร
- ห้องออกกำลังกาย 1 ห้องใส่เครื่องออกกำลังกายประมาณ 10 เครื่อง (ต้องเสียค่าบริการเพิ่ม)
- สวนหย่อมรอบโครงการ
- ลิฟท์โดยสาร 2 ตัวต่อ/อาคาร
- อัตราส่วนลิฟท์รวมทั้งโครงการ 66: 1
- อัตราส่วนลิฟท์ตึก C 68 : 1
- อัตราส่วนลิฟท์ตึก D 68 : 1
- ที่จอดรถรวมจอดในอาคารและกลางแจ้งคิดเป็น 70 %
- ระบบ CCTV / Access Card
ห้องตัวอย่างมีทั้ง 3 แบบคือแบบ 1 bedroom(S) ขนาด 32-34.5 ตร.ม. และ 1 bedroom ขนาด 41.5-45.5 ตร.ม. ส่วน 2 Bedroom ขนาด 51.19-60.99 ตร.ม. ขายแบบ Fully Furnished วันนี้จะพาไปชมห้องตัวอย่างแบบ 1 bedroom(S) และ 1 bedroom นะคะ ตามไปชมเลยค่ะ
แบบแรกคือห้อง 1-Bedroom(s) size นี้จะขนาดคร่าวๆประมาณ 32.5-34.5 ตร.ม. ประกอบด้วย 1 ห้องนอน 1 ห้องน้ำและ 1 ห้องครัว ระยะพื้นถึงฝ้าในห้องสูง 2.4 ม.นะคะ ดูจากแปลนห้องจะเห็นว่าเป็นห้อง 1-Bedroom ที่มีของแปลกคือ โถงทางเข้าหน้าห้องที่เราไม่ค่อยจะได้เห็นกันเพราะการออกแบบลักษณะนี้ส่วนใหญ่จะเป็นพวกโรงแรมซะมากกว่าโดยฟังก์ชันนี้จะได้ความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยขณะเปิดประตูเข้า-ออกห้องหรือตอนเราของเยอะๆในมือแล้วต้องไขกลอนประตู แถมมีห้องเก็บของเล็กๆให้ด้วยสำหรับเก็บพวกรองเท้าจะได้แยกส่วนกันไปเลย
เป็นแบบที่รวมห้องนอนและห้องนั่งเล่นไว้ด้วยกันเพื่อเน้นพื้นที่พักผ่อนให้มีขนาดกว้าง เหมาะกับผู้ที่ไม่เน้นรับแขก โดยจัดห้องนอนไว้ด้านในฝั่งติดหน้าต่างและระเบียงของห้องทำให้มีช่องรับแสงธรรมชาติเข้ามาภายในพื้นที่พักอาศัยได้
ส่วนครัวจัดตำแหน่งมาไว้หน้าห้องมีประตูกั้นระหว่างห้องครัวกับห้องนอนด้านใน ทำให้ได้เป็นลักษณะครัวปิดกลิ่นจากห้องครัวก็จะไม่รบกวนเข้าไปในพื้นที่พักผ่อน ซึ่งมีขนาดพอสมควรให้ใช้งานได้แต่ไม่มีหน้าต่าง ต้องระบายกลิ่นออกทางที่ดูดควันเท่านั้น ส่วนห้องน้ำจะอยู่ตรงข้ามห้องครัวไม่ได้อยู่ในห้องนอน ภายในห้องน้ำจัดพื้นที่แยกส่วนเปียกและส่วนแห้งชัดเจน แต่ด้วยตำแหน่งที่อยู่ด้านในของอาคารจึงไม่มีช่องระบายอากาศ ทำให้ต้องพึ่งพาระบบของอาคารล้วนๆค่ะ
เริ่มจากทางเข้ามีโถงหน้าห้องเล็กๆ เป็นพื้นคอนกรีตขัดมันตกแต่งด้วยกระเบื้อง ซึ่งข้อดีของโถงหน้าห้องจะช่วยให้เกิด Privacy มากขึ้นในการอยู่อาศัย ประตูเป็นบานไม้สำเร็จรูป ด้านหน้าห้องมีติดป้ายบอกเลขห้องไว้เรียบร้อยค่ะ
ข้างประตูมีตู้อเนกประสงค์ หน้าบานมีช่องระบายอากาศ สามารถ Built-in เป็นตู้สำหรับเก็บรองเท้าหรือเก็บไม้กวาดได้ค่ะ
พื้นห้องมีการยกระดับขึ้นมาเล็กน้อย ซึ่งเวลาแม่บ้านทำความสะอาดโถงทางเดิน กวาดฝุ่นผงก็จะช่วยไม่ให้ฝุ่นเข้ามาในห้อง
กลอนล็อกห้องมี 2 อันคือ ลูกบิดหัวกลมธรรมดาและกลอนล็อกจากด้านในโดยวิธีบิดปุ่มล็อก คลายล็อกด้วยการใช้ลูกกุญแจไขจากปุ่มด้านนอกค่ะ
เปิดประตูเข้ามาจะเจอพื้นที่ครัวเป็นอันดับแรก ส่วนห้องนอนจะถัดเข้าไปด้านในกั้นด้วยประตูบานเลื่อน
จากประตูเข้ามาภายในห้องฝั่งขวาจะเป็นตำแหน่งของห้องครัว การจัดวางพื้นที่ภายในห้องครัว ชุดครัวแบบขนาน ทางเดินภายในห้องครัวมีความกว้างประมาณ 1.2 ม. พอให้ยืนทำครัวได้ไม่อึกอัดนัก ฝั่งหนึ่งจะเป็นเคาน์เตอร์สำหรับเตรียมอาหารจะมีซิงค์ล้างจาน และตำแหน่งสำหรับวางตู้เย็น ส่วนอีกฝั่งหนึ่งเป็นส่วนทำอาคารมีเตาไฟฟ้าและพื้นที่สำหรับวางไมโครเวฟค่ะ
มาดูรายละเอียดในห้องครัวกันค่ะ เคาน์เตอร์ครัวฝั่งหนึ่งให้ช่องเคาน์เตอร์มา 2 ช่องนะคะ ช่องหนึ่งเป็นเตาไฟฟ้า ถ้าชอบทำอาหารที่มีกลิ่นแรงหน่อยจะต้องติดเครื่องดูควันเพิ่มเองนะคะ อีกช่องเป็นเคาน์เตอร์โล่งไว้ให้เป็นพื้นที่เตรียมอาหารหรือจะเอาไว้วางไมโครเวฟก็ได้ค่ะ Top เป็นเมลามีนส่วน Backsplash ด้านหลังจะเป็นผนังฉาบเรียบทาสีขาว ไม่ได้ติดกระเบื้องไว้ให้ทำให้เวลาปรุงอาหารแล้วกระเด็นก็สามารถเช็ดทำความสะอาดได้ยาก ถ้าทำอาหารหนักๆคงต้องติดเพิ่มเองค่ะ
ด้านล่างมีตู้เก็บของเป็นตู้บานเปิดปิดและลิ้นชัก หน้าบานปิดผิวเมลามีน ตู้หนึ่งเป็นลิ้นชักไว้เก็บช้อนส้อม เก็บจาน ด้านล่างเป็นตู้เปิดปิดไว้ใส่ของใช้ในห้องครัว อีกตู้หนึ่งเปิดตู้บานเปิด 2 ฝั่ง ภายในแบ่งเป็นชั้นวางของ 2 ชั้น ตัวบานพับเปิดปิดเป็นแบบธรรมดา ก็ระวังหน้าบานกระแทกนิดนึงค่ะ
อีกฝั่งหนึ่งเป็นเคาน์เตอร์ฝังอ่างล้างจานมาให้ ซิงค์ล้างจานได้ของ Hafele มีขนาดพอจะใส่จานใส่แก้วได้ และมีความลึกพอสมควรที่จะล้างแล้วน้ำไม่กระเด็นออกมา ด้านข้างมีพื้นที่สำหรับตากจานหลังล้านเสร็จ ด้านล่างมีตู้เก็บของไว้ใช้เก็บของเล็กๆน้อยๆได้แต่ใส่ของเต็มไม่ได้นะคะเพราะต้องเว้นพื้นที่เผื่อซ่อมแซมอ่างล้างจานค่ะ
ห้องครัวด้านหน้านี้มีหน้าต่าง 1 ตำแหน่งอยู่ตรงกับซิงค์ล้างจานนะคะ หน้าต่างนี้ไม่ได้ติดกับนอกอาคารโดยตรง แสงธรรมชาติที่ส่องเข้ามาจะต้องผ่านห้องนอนมาอีกที
ด้านข้างซิงค์ล้างจานมีพื้นที่เส้นไว้สำหรับวางตู้เย็นมีความกว้างของช่อง 1 ม. ลึก 0.7 ม. ค่อนข้างกว้างทีเดียว ถ้าจะซื้อตู้เย็นมาใส่ก็ต้องดูขนาดให้พอดีนะคะ
อีกฝั่งหนึ่งตรงข้ามห้องครัวเป็นทางเข้าห้องน้ำ เป็นบานประตูบานไม้สำเร็จรูป เช่นเดียวกับประตูทางเข้าหน้าห้อง ส่วนมือจับเป็นลูกบิดหัวกลมธรรมดาค่ะ
พื้นห้องน้ำลดระดับลงมาจากพื้นห้องนั่งเล่นประมาณ 3 ซม. เพื่อกันน้ำจากภายในห้องน้ำไหลออกไปส่วนอยู่อาศัยอื่นๆค่ะ
ภายในห้องน้ำจัดแบ่งการใช้งานส่วนเปียกและส่วนแห้ง วัสดุปูพื้นเป็นกระเบื้องเซรามิค ขนาด 60×60 ซม. และส่วนผนังเป็นกระเบื้องแกรนิตโต้ ให้ชุดสุขภัณฑ์พร้อมอุปกรณ์ต่างๆภายในห้องน้ำครบถ้วนค่ะ
อ่างล้างมือได้ของ Nahm ขนาดใหญ่พอสมควร ส่วนก๊อกน้ำของ Cotto ด้านข้างก๊อกมีพื้นที่เล็กน้อยสามารถวางครีมหรือสบู่ล้างมือได้
ติดกันเป็น Shower Box นี้ได้ตามห้องตัวอย่างเลยนะคะ ลักษณะเป็นประตูบานเลื่อนเข้ามุม มือจับอลูมิเนียมจับได้ถนัดมือ พื้นที่อาบน้ำมีระดับเท่ากันกับห้องน้ำส่วนแห้ง มีขอบวงกบของ Shower Box ที่สูงขึ้นมาเล็กน้อยกันน้ำไหลออกได้ระดับนึง ส่วนพื้นที่อาบน้ำมีขนาดประมาณ 0.8 x 0.8 ม. ถือเป็นขนาดพื้นที่อาบน้ำกะทัดรัด พอดีตัว
ผนังในพื้นที่อาบน้ำติดตั้งฝักบัวพร้อมที่วางสบู่ของ Nahm ให้เรียบร้อย ด้านบนซ้ายทางห้องตัวอย่างติดเครื่องทำน้ำอุ่นไว้ดูเป็นตัวอย่าง ซึ่งห้องที่ส่งมอบให้ลูกบ้านจะติดตั้งระบบสำหรับเครื่องทำน้ำอุ่นไว้เท่านั้นนะคะ
หน้าตาฝักบัวตามมาตรฐานโครงการ ขนาดกะทัดรัด จับได้ถนัดมือดี
สุขภัณฑ์เป็นโถแบบสองชิ้นยี่ห้อ Nahm หรือเทียบเท่า มากับสายฉีดชำระของ Cotto และที่แขวนกระดาษชำระได้ของ Nahm ด้านข้างพื้นที่อาบน้ำเป็นตำแหน่งวางโถสุขภัณฑ์ค่ะ มีความกว้างด้านข้างให้ไม่อึดอัดมากนัก แต่ตำแหน่งของที่แขวนกระดาษต้องเอื้อมไปหยิบสักนิดนะคะ
ติดกันกับประตูห้องน้ำเป็นทางเข้าห้องนอน ประตูเป็นบานเลื่อนบานทึบสีขาวค่ะ
ขอบบัวไม้สำเร็จรูปตรงประตูเว้นร่องไว้ทำให้ประตูบานเลื่อนปิดได้สนิทดีค่ะ
เข้ามาในส่วนพื้นที่พักผ่อนซึ่งรวมพื้นที่วางเตียงนอน พื้นที่นั่งเล่น และ พื้นที่ทานข้าวไว้ในห้องเดียวกัน มีข้อดีคือทำให้ได้พื้นที่พักผ่อนรวมกันเป็นพื้นที่ใหญ่ แต่ก็มีข้อเสียที่ทำให้ไม่ได้ห้องนอนที่เป็นส่วนตัวนะคะ ห้องนี้จึงเหมาะสำหรับผู้ที่ไม่ได้มีแขกมาบ่อยๆเพราะไม่มีพื้นที่รับแขกเป็นสัดส่วน อาจจะเปลี่ยนเป็นนัดพบที่ Lobby แทนค่ะ ภายในห้องกว้างขวางมีความยาวตลอดแนวผนังฝั่งที่ติดกับระเบียงและหน้าต่าง ทำให้ห้องนี้ได้รับแสงธรรมชาติโดยตรงค่ะ
ภายในห้องนอนใหญ่เป็นผนังฉาบเรียบทาสีขาว ฝั่งหนึ่งของห้องเป็นตำแหน่งสำหรับวางเตียงนอน ซึ่งทางโครงการจัดเป็นเตียงขนาด 5 ฟุตไว้ให้พร้อมโต๊ะหัวเตียงฝั่งหนึ่ง ข้างเตียงฝั่งซ้ายเป็นตู้เสื้อผ้า Built-in ที่โครงการให้ ส่วนข้างเตียงฝั่งที่ติดกับหน้าต่างเป็นตำแหน่งของโต๊ะเขียนหนังสือ ซึ่งโต๊ะตัวนี้ทางโครงการไม่ได้แถมให้นะคะ
ปลายเตียงมีพื้นที่สำหรับวางโซฟา เป็นโซฟาขนาด 1-2 ที่นั่ง แบบนั่ง 2 คนจะใกล้ชิดกันนิดนึงงง ><”
พื้นที่ด้านข้างของเตียงฝั่งซ้ายมีความกว้างประมาณ 0.7 ม. ให้สามารถเดินขึ้นเตียงได้สะดวก แต่ด้านในสุดเป็นตำแหน่งของตู้เสื้อผ้าซึ่งเป็นบานเปิดปิด จึงจะไม่สามารถวางโต๊ะหัวเตียงที่ฝั่งนี้ได้นะคะ
ตู้เสื้อผ้าบานเปิดถูก Built-in ไว้เต็มความสูงของฝ้า Builtไว้เป็นระนาบเดียวกับผนังเลย ทำให้ดูเรียบร้อยดี ขนาดตู้เสื้อผ้าไม่ใหญ่มาก ถ้าเป็นคุณผู้หญิงที่มีเสื้อผ้าเยอะก็คงต้องหาตู้มาใส่เพิ่มนะคะ ผนังด้านข้างตู้มีพื้นที่สำหรับติดกระจกเพื่อเช็คความเรียบร้อยเวลาแต่งตัวค่ะ
หัวเตียงทางฝั่งขวาจะมีโต๊ะหัวเตียงให้ ส่วนด้านข้างของเตียงเป็นตำแหน่งของโต๊ะเขียนหนังสือติดหน้าต่าง ถ้าเป็นคุณผู้หญิงก็อาจจะเปลี่ยนเป็นวางเครื่องแป้งแทน
โต๊ะหัวเตียงแบบมีลิ้นชัก ขนาดไม่ใหญ่มาก แต่ก็สามารถใช้เก็บของได้พอสมควรเลย
ส่วนโต๊ะเขียนหนังสือจะติดกับหน้าต่าง ซึ่งเป็นหน้าต่างบานผสมฝั่งหนึ่งเป็นบาน Fix ส่วนอีกฝั่งหนึ่งเป็นบานกระทุ้ง มีขนาดเล็กสำหรับเปิดรับลมได้นิดหน่อยค่ะ
พื้นที่ปลายเตียงมีพอสมควร พอให้เดินผ่านได้ไม่ลำบาก โครงการจะแถมชั้นวางทีวี โต๊ะเครื่องแป้ง และโต๊ะทานอาหารมาให้ มาดูกันทีละส่วนนะคะ
ชุดโต๊ะเก้าอี้วางชิดผนัง ได้โต๊ะทานอาหารแบบ 2 ที่นั่ง จากขนาดโต๊ะดูจะเล็กไปซะหน่อย ถ้าวางจานกับข้าวหลายๆอย่างด้วยก็คงไม่พอ ห้องไหนอยู่อาศัย 2 คนควรเปลี่ยนเป็นโต๊ะทานอาหารที่สามารถขยายแบบพับเก็บได้ค่ะ จะทำให้มีพื้นที่ให้วางจานอาหารเพิ่มขึ้น
ชั้นวางทีวีที่ได้ของ Index มาเป็นชุดกับชั้นวางของด้านข้างแบบติดผนัง 3 ชั้น, ชั้นวางของเหนือทีวี และโต๊ะอเนกประสงค์พร้อมเก้าอี้ สามารถทำเป็นโต๊ะเครื่องแป้งหรือโต๊ะทำงานก็ได้ ขึ้นอยู่กับไลฟ์สไตล์ลูกบ้านเลย ห้องจริงก็จะได้เฟอร์นิเจอร์ตามห้องตัวอย่างเลยค่ะ
ติดกับโต๊ะอเนกประสงค์เป็นประตูกระจกบานเลื่อนเพื่อเปิดออกไประเบียง นอกจากจะเป็นประตูออกไปด้านนอกได้แล้วยังเป็นช่องแสงธรรมชาติที่รับแสงเข้าห้อง ถ้าอยู่ห้องตอนกลางวันเป็นประจำต้องติดม่านช่วยนะคะ ทั้งลดความร้อนและเพิ่มความเป็นส่วนตัวในห้องค่ะ
มือจับของประตูบานสไลด์จะเป็นแบบฝังลงไปกับกรอบประตูนะคะ ถ้าอยากเพิ่มความปลอดภัยก็สามารถติดตัวล็อกแบบก้นหอยเพิ่มอีกชั้นหนึ่งค่ะ
ตัวรางของประตูถูกกดให้มีระดับที่เท่ากับพื้นกระเบื้องด้านในตัวบ้าน จึงไม่ต้องกังวลเรื่องสะดุดบานประตูนะคะ พื้นระเบียงจะลดระดับลงจากพื้นบ้านประมาณ 2 ซม. ช่วยกันไม่ให้น้ำจากระเบียงไหลเข้าภายในห้อง
เนื่องจากห้องตัวอย่างอยู่ที่ชั้น 1 ดังนั้นพื้นที่ระเบียงของห้องพักที่อยู่ในชั้น 1 จะเชื่อมต่อกับพื้นที่ภายนอกได้นะคะ สามารถเดินออกจากห้องพักทางนี้ก็ไค้ แต่ก็อย่าลืมล็อกประตูทั้ง 2 ฝั่ง ส่วนราวกันตกเป็นลูกกรงเหล็กทาสีดำติดกับลูกกรงมีพื้นที่สำหรับปลูกต้นไม้ช่วยทำให้บรรยากาศของระเบียงร่มรื่น
พื้นที่ปลูกต้นไม้และรั้วเล็กๆ ตรงนี้จะเป็นกรรมสิทธิ์ของห้องพักเลยนะคะ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการอยู่คอนโดและอยากมีพื้นที่สำหรับปลูกต้นไม้เป็นส่วนตัว ซึ่งก็หาได้ยากในปัจจุบัน สำหรับลูกกรงมีกั้นไว้เตี้ยๆไม่ได้เอาไว้กันขโมยนะคะ เอาไว้แสดงอาณาเขตของห้องพัก สามารถเปิดได้เวลาที่เราต้องการขนของใหญ่ๆอย่างเฟอร์นิเจอร์เข้าห้องก็สามารถเข้าทางระเบียงได้
พื้นที่ใช้งานระเบียงมีขนาดประมาณ 1 x 2 ม. ฝั่งติดผนังเป็นพื้นที่สำหรับวางเครื่องซักผ้า โดยมีการเดินท่อน้ำ ติดตั้งก๊อกน้ำและสวิตซ์ไฟแบบมีฝาครอบไว้เรียบร้อย ส่วนพื้นที่ที่เหลือสำหรับใช้วางราวตากผ้าหรือถ้าใครชอบบรรยากาศแบบนั่งเล่นในสวนก็สามารถวางชุดโต๊ะเล็กๆตรงนี้เหมือนในห้องตัวอย่างได้ ขอบระเบียงถูกกั้นราวกันตกไว้เรียบร้อย วัสดุเป็นเหล็กทาสีดำไว้ค่ะ
ด้านขวาของระเบียงจะเป็นที่ตั้งของ CDU แอร์ ซึ่งเป็นแบบแขวน มีระแนงบังไว้เวลามองจากภายนอกอาคารเข้ามาจะดูเรียบร้อยดี โดย CDU ถูกหันด้านที่เป่าลมเข้าหาระเบียง ผู้อยู่อาศัยน่าจะติดกิลเป่าลมออกด้านนอกเพิ่มอีกหน่อยจะช่วยระบายความร้อนออกจากระเบียงได้ค่ะ
ต่อไปมาดูแบบห้อง 1-Bedroom นะคะ มีขนาด 41.5 – 45.5 ตร.ม.ใหญ่ขึ้นมาจากห้องแรก โดยห้องนี้จะได้ห้องนอนที่แยกจาห้องนั่งเล่นเป็นสัดส่วนขึ้น ประกอบด้วย 1 ห้องนอน 1 ห้องนั่งเล่น 1 ห้องน้ำ และ 1 ห้องครัว ระยะพื้นถึงฝ้าในห้องสูง 2.4 ม.ค่ะ
จาก Layout ห้องมีการแบ่งพื้นที่ใช้สอยภายในห้องให้เป็นสัดส่วนมากขึ้น โดยห้องนั่งเล่นและส่วนทานข้าวจะแยกออกจากห้องนอนชัดเจนและต้องการเน้นแบบบรรยากาศแบบห้องโปร่งอยู่สบายๆ จึงวางห้องนอนและห้องนั่งเล่นติดผนังฝั่งที่มีหน้าต่าง ทำให้มีช่องรับแสงธรรมชาติเข้ามาภายในพื้นที่พักอาศัยได้ ส่วนห้องครัวจะอยู่ติดกับทางเข้าหน้าห้อง ซึ่งมีตำแหน่งอยู่ฝั่งด้านในอาคารเหมือนกับแบบห้องแรกทำให้ต้องพึ่งพาระบบของอาคารล้วนๆ ได้มาเป็นครัวเปิด ซึ่งสามารถทำประตูกั้นเพิ่มขึ้นมาได้ไม่ยาก ส่วนห้องน้ำจะอยู่ด้านในห้องครัวอีกทีหนึ่งซึ่งจะเข้าจากทางห้องนอนไม่ได้นะคะ
หน้าห้องจะมีโถงเล็กๆ ช่วยเพิ่มความเป็นส่วนตัวในการอยู่อาศัย และมีตู้อเนกประสงค์ด้านข้างเหมือนห้องพักแบบแรกเลยนะคะ
พื้นหน้าห้องยกระดับขึ้นมาเล็กน้อย ซึ่งเวลาแม่บ้านทำความสะอาดโถงทางเดิน กวาดฝุ่งผงก็จะช่วยไม่ให้ฝุ่นเข้ามาในห้อง
จากประตูห้องเปิดเข้ามาจะพบส่วนโต๊ะทานข้าวขนาด 2 ที่นั่งที่อยู่ติดกับครัว มองตรงไปจะเป็นส่วน Living มีชุดโซฟาสำหรับนั่งเล่น ดูทีวี ที่เชื่อมต่อไประเบียงของตัวห้องได้ ส่วนห้องนั่งเล่นจะใช้วัสดุพื้นเป็นพื้นลามิเนต ผนังห้องฉาบเรียบทาสีขาว ระยะความสูงจากพื้นถึงฝ้า 2.4 ม. ติดดวงไฟแบบโคมซาลาเปาค่ะ
เข้ามาด้านในขวามือที่ติดกับโต๊ะทานข้าวจะเป็นพื้นที่ส่วนครัว มองเข้าไปด้านในสุดของห้องครัวจะเป็นตำแหน่งของห้องน้ำค่ะ
พื้นในห้องครัวจะเป็นพื้นลามิเนตต่อเชื่อมมากับพื้นที่นั่งเล่นส่วนอื่นในห้องนะคะ
ตำแหน่งการจัดวางเคาน์เตอร์จะจัดเป็นครัวขนานเช่นเดียวกับแบบห้องแรก แต่พื้นที่ห้องจะกว้างกว่าทำให้ทางเดินภายในห้องครัวดูกว้างขึ้น มีความกว้างประมาณ 1.6 ม. หากต้องการเดินเข้าห้องน้ำ เวลาที่คุณแม่บ้านทำครัวอยู่ก็เดินสวนกันได้ค่ะ
เคาน์เตอร์ฝั่งซ้ายฝังอ่างล้างจานมาให้ สเปคของตู้และซิงค์ล้างจานจะได้เหมือนแบบห้องแรกและมีหน้าต่างตรงกับซิงค์ล้างจานเช่นเดียวกัน หน้าต่างนี้ไม่ได้ติดกับนอกอาคารโดยตรง ทำให้แสงธรรมชาติที่ส่องเข้ามาจะต้องผ่านห้องนอนมาเช่นกัน
จากภายในห้องครัวมองกลับออกมา บริเวณทางเข้าห้องครัวจะเป็นช่องทางเดินแบบเปิดโล่ง ถ้าเป็นคนที่ชอบทำอาหารบ่อยๆจะทำประตูเพิ่มตรงนี้ก็ได้ จะช่วยเรื่องกลิ่นและควันที่จะไม่ไปรบกวนส่วนอื่นๆในห้องพักค่ะ
ด้านข้างระหว่างเคาน์เตอร์กับผนัง ทางโครงการเว้นพื้นที่ไว้ให้เรียบร้อยสำหรับลูกบ้านที่ต้องการทำประตูบานเลื่อนปิดห้องครัวนะคะ
ส่วนของเคาน์เตอร์ที่ให้มาจะได้สเปคเหมือนกับห้องแรกเลย ต่างกันที่ขนาดจะได้เคาน์เตอร์ที่ใหญ่ขึ้น ตู้เก็บของด้านล่างก็มีเพิ่มมาตู้หนึ่งค่ะ ส่วนตู้ลอยสำหรับเก็บของด้านบนจะได้เฉพาะห้องนี้นะคะ ห้องแบบแรกจะไม่ได้ เป็นตู้บานเปิด 2 ตู้ ภายในแบ่งเป็นช่องเก็บของพร้อมตู้ช่องโล่ง 1 ช่อง
โครงการให้เตาไฟฟ้าขดลวดแบบ 2 หัวของ Teka มาค่ะ ซึ่งเตาไฟฟ้าขดลวดเป็นเตาที่ค่อนข้างจะกินไฟมาก การให้ความร้อนค่อนข้างช้า มีข้อแนะนำเวลาใช้คือให้ดับไฟตอนใกล้ๆจะทำอาหารเสร็จเพื่อประหยัดไฟ เพราะความร้อนจะยังคงอยู่กับเตาอีกนาน แล้วเมื่อทำอาหารเสร็จก็ระวังมือไปโดนด้วยนะคะ ถ้ากลัวเปลืองไฟให้ใช้เตาแม่เหล็กไฟฟ้าแทนซึ่งกินไฟน้อยกว่าแต่ก็มีราคาเตาที่แพงกว่าค่ะ สำหรับห้อง Type นี้จะได้มาเป็น Set พร้อมพัดลมดูดควัน ซึ่งต่อท่อระบายออกไปด้านนอกให้ค่ะ
ในพื้นที่ห้องครัวก็จะมีห้องน้ำอยู่ด้านในเป็นประตูบานไม้สำเร็จรูปเช่นเดียวกับประตูบานอื่นๆ เป็นแบบเปิดเข้าค่ะ
พื้นถูกลดระดับลงไปเล็กน้อยประมาณ 3 ซม. เพื่อกันน้ำจากห้องน้ำไหลออกมายังห้องครัว ภายในปูด้วยกระเบื้องเซรามิค
ภายในจัดแบ่งการใช้งานส่วนเปียกและส่วนแห้ง ให้ชุดอ่างล้างหน้าพร้อมกระจกเงาแบบเดียวกับห้องน้ำของแบบแรก และสุขภัณฑ์พร้อมอุปกรณ์ต่างๆภายในห้องน้ำครบถ้วนค่ะ ทั้งหมดจาก Nahm และ Cotto ค่ะ
โต๊ะทานอาหารแบบ 2 ที่นั่งจะวางอยู่ติดกับผนังห้องครัวนะคะ ซึ่งการวางโต๊ะจะวางชิดผนังฝั่งหนึ่งไว้เพื่อให้ไม่เปลืองพื้นที่ ส่วนพื้นที่ด้านข้างโต๊ะทานข้าว เหลือพื้นที่พอให้สามารถดึงเก้าอี้ออกมานั่งทานข้าวได้สบายๆ
ถัดเข้ามาในห้องนั่งเล่นถูกออกแบบให้มีขนาดกว้างจัดวางชุดโซฟาแล้วยังมีพื้นที่ทางเดินกว้างพอสมควร ห้องนี้จะติดกับประตูกระจกบานใหญ่ทำให้ได้แสงธรรมชาติ สามารถมองเห็นวิวภายนอกและเปิดระบายอากาศได้ดี ห้องจึงดูโปร่งไม่อึดอัด
พื้นที่นั่งเล่นในห้องตัวอย่างจัดวางชุดโซฟาไว้มีขนาด 2 ที่นั่ง ระยะดูทีวีของห้องนั่งเล่น มีระยะห่างประมาณ 2.8 เมตร มีขนาดทีวีที่เหมาะสมอยู่ที่ 52 นิ้ว ด้วยขนาดห้องที่กว้างทำให้สามารถเลือกได้ว่าจะตั้งทีวีบนชั้นหรือจะแขวนบนกำแพงก็ได้ทั้ง 2 แบบค่ะ
หน้าตาของโซฟาที่ให้มาพร้อมห้องเป็นโซฟาผ้า ขนาด 2 ที่นั่ง ถ้าใครชอบนั่งทำงานหรือเล่นคอมฯหน้าทีวีคงจะชอบโต๊ะด้านข้างนี้ เป็นโต๊ะอเนกประสงค์ที่สามารถสอดขาโต๊ะเข้าไปใต้โซฟาทำเป็นโต๊ะเขียนหนังสือหรือนั่งเล่นคอมได้
ถ้าใครชอบโซฟาตัวใหญ่ๆก็ย้ายโต๊ะข้างไปไว้อีกฝั่งหนึ่ง จะทำให้พื้นที่ตรงนี้มีที่เหลือให้ตั้งโซฟาขนาด 3 ที่นั่งหรือวาง Sofabed ได้เลย
ชั้นวางทีวีที่ได้ของ Index มาเป็นชุดกับชั้นวางของด้านข้างแบบติดผนัง 3 ชั้น ห้องจริงก็จะได้ตู้แบบนี้ตามห้องตัวอย่างเลยค่ะ
ติดกับกับห้องรับแขกเป็นประตูกระจกบานเลื่อนเพื่อเปิดออกไประเบียง ได้กรอบอลูมิเนียมสีธรรมชาติ
ตัวรางของประตูถูกกดให้มีระดับที่เท่ากับพื้นกระเบื้องด้านในตัวบ้าน ส่วนพื้นหลังบ้านจะลดระดับลงจากพื้นบ้านประมาณ 2 ซม. พื้นระเบียงปูด้วยกระเบื้องเซรามิค ขนาด 30 x 30 ซม. ซึ่งทำให้ทำความสะอาดง่ายค่ะ ขนาดระเบียงก็ให้มาใหญ่มากกกก ใช้งานได้ตามสะดวกเรียกว่าตากผ้าได้สบายๆเลย
พื้นที่ระเบียงที่ได้เป็นที่เปล่าไม่ได้แถมเครื่องซักผ้าให้ ที่พื้นได้เดินท่อระบายน้ำไว้ให้ในกรณีฝนตก หรือตากผ้าแล้วทำระเบียงเปียกก็สามารถระบายน้ำลงไปทางท่อได้ค่ะ มีตำแหน่งของปลั๊กไฟแบบมีฝาครอบติดตั้งไว้เรียบร้อย ผนังด้านบนเป็นตำแหน่งสำหรับแขวน CDU แอร์ ซึ่งหันด้านเป่าลมมาทางระเบียง แก้ด้วยการติดตะแกรงเบี่ยงทิศทางลมออกด้านนอกเพิ่มอีกหน่อยจะช่วยระบายความร้อนออกจากระเบียงได้ค่ะ
สำหรับห้องพักในชั้น 1 จะมีทางเดินจากระเบียงออกไปด้านอาคารได้ และมีพื้นที่สำหรับปลูกต้นไม้ของแต่ละห้องได้ด้วย
จากระเบียงภายนอกมองกลับเข้ามาในห้องจะมีประตูทางเข้าห้องนอนอยู่ระหว่างผนังแขวนวางทีวีและหน้าต่างห้องครัวค่ะ
ส่วนพื้นของห้องนอนจะเป็นพื้นลามิเนตปูยาวจากห้องนั่งเล่นเข้าไปเลยนะคะ ไม่ได้มีขอบธรณีกั้นค่ะ เวลากวาดพื้นทางเดินก็ระวังฝุ่นเข้าห้องนอนด้วยนะคะ
ด้านในห้องนอนจัด Furniture มาให้ ได้แก่ เตียงขนาด 5 ฟุต เหลือพื้นที่ข้างเตียงให้สามารถเดินขึ้นเตียงได้โดยรอบ ถ้าต้องการวางเตียงขนาด 6 ฟุตก็ทำได้นะคะ แต่จะต้องเลื่อนเตียงออกมานิดนึงเพราะจะติดกับเสา ทำให้พื้นที่ทางเดินปลายเตียงจะแคบลงนิดหน่อย
ฝั่งขวาของห้องได้ตู้เสื้อผ้า Built-in เต็มความสูงของห้อง เป็นตู้บานเปิด 3 ตู้ ตู้หนึ่งกรุกระจกไว้เพื่อใช้เช็คความเรียบร้อยก่อนออกจากห้องนะคะ ภายในยังมีราวแขวนผ้า ซึ่งแขวนได้ทั้งแบบเสื้อผ้าตัวสั้นและตัวยาวนะคะ และมีลิ้นชักเก็บของ
ระยะเปิดตู้จะไม่สามารถเปิดสุดได้นะคะเพราะจะติดเตียง ซึ่งห้องมีความกว้างพอสมควรสามารถขยับเตียงออกมาได้ ก็จะมีพื้นที่ข้างเตียงมากขึ้นค่ะ
ฝั่งหัวเตียงห้องตัวอย่างจะ Built-in ตู้โชว์และม่านมาให้ดูเป็นไอเดียในการตกแต่งนะคะ ซึ่งของจริงที่ได้จะมีแค่เตียงและตู้หัวเตียงเท่านั้น
พื้นที่ด้านข้างเตียงอีกฝั่งหนึ่งเป็นพื้นที่โล่ง สามารถทำโต๊ะยาวติดผนังสำหรับเป็นโต๊ะเครื่องแป้งหรือเป็นโต๊ะทำงานได้ โดยฝั่งนี้ก็จะมีหน้าต่างขนาดกระทัดรัดให้มีช่องแสงธรรมชาติเข้ามายังห้องนอนได้
**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ
ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 12 September 2016
- 1 Bedroom-S ขนาด 32.5 – 34.5 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 1.33 ล้านบาท
- 1 Bedroom ขนาด 41.5 – 45.5 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 1.63 ล้านบาท
- 2 Bedrooms ขนาด 51.2 – 60.99 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 2.11 ล้านบาท
- Fully Furnished
- ฝ้าเพดานสูง 2.4 เมตร
- Kitchen & Sink
- Hob & Hood (เฉพาะห้อง 1 Bedroom-S ไม่ได้ Hood)
- จอง 5,000 บาท
- ทำสัญญา 60,000 บาท
- ดาวน์ 15 % ผ่อนดาวน์ 5 งวด
- ค่ากองทุน 300 บาท/ตร.ม.
- ค่าส่วนกลางประมาณ 25 บาท/ตร.ม./เดือน (ชำระล่วงหน้า 1 ปี)
- โปรโมชั่น อาคาร C มีส่วนลด 200,000 บาท ส่วนอาคาร D มีส่วนลด 150,000 บาท
**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้คะ
ทำเล – ทำเลโดยรอบโครงการ The Escape Condominium เน้นกลุ่มคนทำงานที่ไม่จำเป็นต้องใช้รถไฟฟ้ามากนัก หรือถ้าจะใช้ก็เป็นแบบต่อรถอีก 1 ต่อ ตัวโครงการอยู่ในซอยสุขุมวิท 101/1 ติดถนนวัดทุ่ง ความอุดมสมบูรณ์ ภายในซอยจะเป็นอาคารพาณิชย์และตึกแถวที่มีการค้าขายภายใต้อาคาร ทั้งร้านอาหาร ร้านทำผม ร้านซ่อมแอร์ ซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้า ร้านขายน้ำปั่น ร้านสะดวกซื้อ นอกจากอาคารพาณิชย์ยังเป็นซอยที่ย่านพักอาศัยทั้งแบบคอนโดฯและหมู่บ้าน ซึ่งมีทั้งหมู่บ้านจัดสรรและที่ดินปลูกสร้างอาคารเอง ในช่วงต้นซอยจะค่อนข้างคึกคักมากเพราะมีตลาดมหาสิน วัดธรรมมงคล ทำให้มีร้านค้าขายของ ขายอาหาร ดูคึกคักหน่อย ส่วนแถวที่ตั้งโครงการจะอยู่ด้านในซอย มีความสงบกว่าในช่วงต้นซอย ก็ทำให้ความอุดมสมบูรณ์รอบโครงการน้อยลงไปด้วย แต่ที่โครงการก็นำ Max Value ทันใจมาเปิดเป็นที่พึ่งพึงของลูกบ้านในโครงการได้ค่ะ
การเดินทางด้วยรถ – ส่วนการเดินทางด้วยรถยนต์ถือว่าสะดวกเพราะมีทางลัดไปทะลุได้หลายเส้นทาง หลักๆคือมาจากถนนสุขุมวิทแล้วเข้าทางถนนสุขุมวิท 101/1 ตรงมาจนสุดจะเจอสามแยกให้เลี้ยวซ้ายมาทางซอยวัดทุ่ง ก็จะถึงโครงการ มีระยะจากหน้าปากซอยประมาณ 2.7 กม. ถ้ามาจากทางทางศรีนครินทร์ ซีคอนก็ทะลุเข้าซอยตรงข้ามซีคอนได้เลย หรือถ้ามาจากทางอุดมสุขก็สามารถเข้าทางซอยอุดมสุข 51 (ซอยประวิทย์และเพื่อน) ก็มาถึงโครงการได้ นอกจากนี้ยังไม่ไกลจากจุดขึ้นลงทางด่วนมากนักทำให้เดินทางเข้าออกเมืองได้สะดวก แต่รถอาจจะติดบ้างในช่วงเช้าและช่วงเย็นเพราะซอยสุขุมวิท 101/1 เป็นซอยที่สามารถทะลุไปยังอ่อนนุช หรือถนนศรีนครินทร์ได้ ดังนั้นรถที่ใช้ทางนี้เป็นทางลัดก็เยอะ ปริมาณรถจึงมากหน่อยในบางช่วงของวัน
การเดินทางโดยไม่ใช้รถ – ถึงแม้ว่าจะเป็นที่ตั้งที่อยู่บริเวณสุขุมวิทตอนปลายๆ แต่การเดินทางเข้าสู่ตัวเมืองได้ไม่ยาก สามารถเดินทางเข้าเมืองด้วย BTS สายสุขุมวิท(สีเขียว) การเดินทางมาโครงการสามารถลงได้ 2 สถานี คือ สถานีปุณณวิถีและสถานีอุดมสุข มีห่างจากโครงการพอๆกันประมาณ 3.2 กม. เป็นระยะที่เกินระยะเดินไปแล้ว สำหรับผู้ที่เดินทางด้วยรถสาธารณะก็สะดวกเพราะในซอยมีรถสาธารณะให้เลือกอยู่มากทั้งมอร์เตอร์ไซค์รับจ้าง รถกระป๋อง หรือรถสองแถว ก็มีครบ แต่ถ้าต้องเดินทางเวลากลางคืนหรือเช้ามืดจะลำบากหน่อย ต้องโบกพี่แท็กซี่แทนค่ะ สำหรับที่จอดรถนั้นถือว่าให้มาพอเพียงรวมที่จอดรถภายในอาคารและกลางแจ้ง 70% ซึ่งเราจะไม่ค่อยได้เห็นบ่อยนักในระดับราคานี้
วัสดุ – วัสดุและเฟอร์นิเจอร์โครงการถือว่าได้มาตามมาตรฐานค่อนไปทางดีถ้าเทียบกับราคาที่จ่ายนะคะ ด้วยรูปแบบการขาย Fully Furnished ทำให้คนซื้อเตรียมแค่เครื่องใช้ไฟฟ้ากับข้างของจำเป็นอีกหน่อยก็เข้าอยู่ได้เลย ห้องมีความสูงจากฝ้าถึงเพดานที่ 2.4 ม. ฝ้าเป็นยิปซั่มบอร์ดฉาบเรียบทาสีปกติ พื้นห้องได้ลามิเนตพร้อมบัวไม้สำเร็จรูป พื้นห้องน้ำเป็นพื้นกระเบื้องเซรามิค ได้ชุดครัวจาก Index เคาน์เตอร์ครัว Top ลามิเนต อ่างล้างจานของ Hafele เตาไฟฟ้าแบบขดลวด 2 หัวพร้อมเครื่องดูดควัน ชุดสุขภัณฑ์และอุปกรณ์ในห้องน้ำจาก Nahm และ Cotto และได้เครื่องปรับอากาศขนาด 12,000 BTU ในห้องนอน
เฟอร์นิเจอร์อื่นๆในห้องได้ทั้งที่เป็นBuilt-in และเฟอร์นิเจอร์ลอยตัวจาก Index ได้แก่ โซฟา 2 ที่นั่ง, ชั้นวางทีวีพร้อมชั้นวางของติดผนัง, เตียงนอน, ตู้เสื้อผ้าและโต๊ะทานอาคาร 2 ที่นั่งค่ะ
การออกแบบ – โครงการสร้างเต็มที่ดินโครงการเกือบ 11 ไร่ มีอาคารพักอาศัยจำนวน 6 อาคาร โดยโครงการมีการวางตึกแบบจัดเป็นคู่ๆ เป็นอาคารรูปตัว I ขนานกัน แต่ละคู่จะมีสระว่ายน้ำอยู่ตรงกลาง ทำให้ผู้อยู่อาศัยแต่ละอาคารสามารถมาใช้งานสระว่ายน้ำได้สะดวก ส่วนที่จอดรถถูกแยกอาคารออกมาอีก 2 อาคารทำให้เป็นโครงการที่มีสัดส่วนที่จอดรถสูงคือ 70% แต่ก็การใช้งานก็จะลำบากหน่อยเวลาที่ฝนตกแล้วต้องเดินจากอาคารที่จอดรถมายังอาคารพักอาศัย เพราะไม่มีเส้นทางในร่มให้เดินเชื่อมได้ ส่วนห้อง Fitness ,ห้องเช่า และร้านค้าถูกแยกออกมาจากส่วนพักอาศัยมาอยู่ทางด้านหน้าโครงการ ช่วยรักษาความเป็นส่วนตัวในพื้นที่พักอาศัยค่ะ
ส่วนการออกแบบภายในห้องพักเน้นห้องนอนและห้องรับแขกเป็นหลัก โดยจัดตำแหน่งไว้ฝั่งที่ติดกับระเบียงและหน้าต่างทั้งหมด ทำให้ห้องครัวและห้องน้ำถูกดันไปไว้ติดกับประตูหน้าห้องจึงไม่มีช่องระบายอากาศ ทำให้ต้องพึ่งพาระบบของอาคารล้วนๆค่ะ การออกแบบห้องทั้ง 2 แบบต่างกันชัดเจน แบบห้องหนึ่งจัดออกมาให้กับคนโสดหรือนักศึกษาที่พักอาศัยเพียงคนเดียว ก็จะรวมพื้นที่ห้องนอน ห้องรับแขก และพื้นที่ทานข้าวเข้าด้วยกัน ทำให้ได้เป็นห้องใหญ่ มีพื้นที่กว้าง และต้องการห้องครัวที่แยกเป็นสัดส่วนเพื่อป้องกันเรื่องกลิ่นและควัน อีกแบบหนึ่งสำหรับคนที่อยู่กันเป็น ที่ต้องการห้องที่เป็นสัดส่วนชัดเจน แยกพื้นที่ห้องนอนออกจากห้องนั่งเล่น ส่วนพื้นที่ห้องครัวสามารถทำประตูเพิ่มกั้นปิดได้ ทำให้สามารถใช้งานครัวได้จริง โดยที่กลิ่นควันไม่เข้ามารบกวนพื้นที่ส่วนอื่นๆในห้อง โดยพื้นที่ห้องค่อนข้างกว้างและใช้งานได้สบายๆไม่เหมือนคอนโดที่เน้นฟังก์ชันเยอะแต่เล็ก จุดเด่นอีกอย่างที่เราไม่ค่อยได้เห็นคือการออกให้มีโถงระเบียงหน้าห้องถือว่าได้ความเป็นส่วนตัวและปลอดภัยมากขึ้นอีกหน่อย สาวๆจะได้ไม่ต้องกังวลว่าใครจะมาคอยจ้องเวลาเราไขประตูห้องนะคะ
สาธารณูปโภค – ถือว่าจัดมาให้ครบทุกตึก โดยให้สระว่ายน้ำขนาด 25 x 6 ม. ให้มา 3 สระอยู่ระหว่างแต่ละคู่อาคารถือว่าเพียงพอนะในระดับราคานี้ ส่วน Fitness นั้นให้มาเล็กไปหน่อย มีห้องเดียวและมีเครื่องออกกำลังการประมาณ 10 ชิ้น ซึ่งการใช้งานจะต้องเสียเงินเพิ่มเป็นรายเดือน เดือนละ 500 บาท ระบบความปลอดภัยจะมีการใช้ Key Card ตั้งแต่ในส่วนของทางเข้าโครงการและตัวอาคารค่ะ
Judgement
การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้
ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%
เทียบกับราคา 40,000 บาท/ตร.ม., 12 September 2016
- ทำเล 7.5/10 – ทำเลปุณณวิถี ปลายๆ สุขุมวิท แต่เข้าไปในซอยลึกพอสมควร
- เดินทางด้วยรถ 8.0/10 – ซอยลัดเยอะ ออกได้หลายทาง แต่รถติดพอสมควร
- ไม่ใช้รถ 7.5/10 – ห่างรถไฟฟ้า 3.2 กม.ต้องนั่งรถเข้าซอย แต่ก็มีรถสาธารณะให้เลือกเยอะ
- วัสดุ 8.0/10 – มาตรฐานของระดับนี้
- แบบ 7.75/10 – เหมาะกับคนที่เน้นการใช้งานห้องนั่งเล่นและห้องนอน ครัวได้เป็นครัวปิดหรือในห้อง 1-Bedroom ก็เว้นช่องให้สามารถกั้นประตูเพิ่มได้
- สาธารณูปโภค 7.5/10 – ให้สระว่ายน้ำและที่จอดรถมาพอเพียง ส่วน Fitness เล็กไปหน่อย
- SUPER ECONOMY CLASS
- 7.67 / 10.00
BOTTOM LINE
The Escape Condominium เหมาะกับคนโสดหรือคู่แต่งงานใหม่ที่มองหาคอนโดพร้อมเข้าอยู่ในเมือง ทำงานหรือเรียนในย่านบางนา ศรีนครินทร์ หรือติดสถานีรถไฟฟ้า ต้องการคอนโดที่ไม่จำเป็นต้องอยู่ติดรถไฟฟ้า แต่ก็ยังสามารถเดินทางมาใช้ได้ง่าย ขนาดห้องไม่ใหญ่นักแต่ได้พื้นที่การใช้งานครบ มีงบประมาณระดับ 1.3-2.8 ล้าน หรือมีกำลังผ่อนประมาณ 9,000 – 20,000 บาท/เดือน
ถ้าเห็นว่ารีวิวนี้มีประโยชน์ ช่วยกด LIKE ให้ผมหน่อยนะคะ จะได้มีกำลังใจทำรีวิวถัดๆไปคะ
สมัครสมาชิกพร้อมรับข่าวสารเพิ่มเติม (คลิกที่นี่ )