รีวิวฉบับที่ 382 เป็นบทสรุปรีวิวของโครงการ The Editor (ดิ เอดิเตอร์) จากค่ายพฤกษาเรียลเอสเตท ที่เปิดขายไปแล้ว ขายหมดไปแล้วภายในวันสองวันแรกที่มีการเปิดให้จอง แต่ด้วยความที่หลายๆคนจองไปก่อน ก็อาจจะยังไม่เคยเห็นห้องตัวอย่าง ยังไม่เคยเห็นว่าได้วัสดุอะไรอย่างไรบ้าง รวมไปถึงการวิเคราะห์โครงการในภาพรวม วันนี้ผมจะหยิบโครงการ The Editor ขึ้นมาให้ชมกันครับ

Fact @ 8 July 2013

  • The Editor (ดิ เอดิเตอร์) 
  • บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน)
  • LUXURY CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
  • คอนโด High Rise 23 ชั้น 1 อาคาร 240 ยูนิต
  • ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 15 ยูนิต
  • ที่จอดรถรวมจอดซ้อนคัน คิดเป็น 55%
  • ที่ดินประมาณ 1-1-73 ไร่
  • คาดว่าจะแล้วเสร็จปี 2558
  • Studio 27 – 28 ตารางเมตร
  • 1 Bedroom 34 – 45 ตารางเมตร
  • 2 Bedrooms 52 ตารางเมตร
  • 3 Bedrooms+ ไม่มี
  • ราคาเริ่มต้นประมาณ 3.89 ล้านบาท
  • ราคาต่อตารางเมตรประมาณ 150,000 บาท
  • เพิ่มเติมข้อมูลทำเลรอบๆ BTS สะพานควาย ได้ที่: มองหาทำเลน่าอยู่ใกล้รถไฟฟ้า: BTS สะพานควาย
  • http://www.stylishresidences.com
  • โทร 1739

เพียงแค่การกด Like ก็เท่ากับการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจาก Think of Living แล้วครับ

เจาะลึกเรื่องทำเลที่ตั้ง

fianl.folder3.out.embed

แผนที่ของโครงการ The Editor ตั้งอยู่ติดถนนใหญ่พหลโยธิน ใกล้รถไฟฟ้าสถานีสะพานควาย

หน้าตาที่ดินแต่เดิมเป็นปั๊มน้ำมัน

ปลายที่ดินห่างจากจุดขึ้นลง BTS นิดเดียว เดินออกมาก็ขึ้นรถไฟฟ้าได้เลย

ภาพถ่ายจากด้านในสำนักงานขายจะเห็นว่าติดรถไฟฟ้าในระยะประชิด ดังนั้นอนาคตอาจจะมีเรื่องเสียงจากรถไฟฟ้าเข้ามากวนใจบ้าง

จากหน้าสำนักงานขายมองออกไปด้านหน้าถนนใหญ่

เราเข้าไปดูสภาพที่ดินจริงๆกันดีกว่า

ที่ดินโดยรอบในระยะประชิดไม่มีตึกสูง จะมีก็แค่ไปรษณีย์สามเสนในตึกนี้แต่ก็จะอยู่เลยสายตาของห้องพักไปหมดแล้ว

ทิศใต้มองไปทาง Onyx ซึ่งอนาคตอาจจะมีโปรเจคใหม่ของพฤกษา Urbano มาขึ้น

ทิศอื่นๆส่วนใหญ่ก็เป็นตึกเตี้ยๆ

รถไฟฟ้าสูงพอสมควร แต่ที่พักที่ชั้น 7 ขึ้นไป ก็น่าจะเลยรถไฟฟ้าไปแล้ว หรือเต็มที่ก็จะปริ่มๆกับหลังคาชานชาลาด้านบนสุด

map4-1 copy

แผนที่ของโครงการ The Editor และโครงการเพื่อนบ้านโดยรอบ

เรื่องของวิวที่เซฟสำหรับโครงการนี้คงจะเป็นแค่ทิศตะวันตกเพียงทิศเดียวนะครับ เพราะทำเลทองติดถนนใหญ่พหลโยธิน ไม่ว่าจะเป็นแปลงข้างๆ แปลงติดกัน หรือแปลงฝั่งตรงข้าม อย่างไรก็สามารถขึ้นตึกสูงได้ ดังนั้นถ้าจะเอาชัวร์ ก็มีแค่ทิศตะวันตกเท่านั้น แต่ก็ต้องแลกกับแดดหน่อยนะ

เจาะลึกตัวโครงการ

เรามาดูตัวโครงการและสำนักงานขายกันบ้าง แปลกดีที่ผมไม่เห็น Model อาคารของโครงการนี้ตั้งอยู่ในสำนักงานขาย ดังนั้นก็คงจะทำได้แค่เล่าให้ฟังว่าเป็นอย่างไร

ตัวสำนักงานขายทำล้อกันมากับภาพห้องสมุดในโครงการ ก็คือรูปด้านล่างนะครับ

คอนเซปท์ของโครงการนี้คือ Classic with a Twist ซึ่งจะออกแนว Classic สมัยใหม่

ทางโครงการมีห้องสมุดให้ Facility โดยรวมจะอยู่ที่ชั้น 23

ห้องฟิตเนสชั้น 23

สระว่ายน้ำชั้น 23

มองมุมตรงจากสระว่ายน้ำ มีจุดที่เผื่อไว้ให้นั่งพักผ่อนหลายที่

ด้านซ้ายคือ Sky Lounge

Master Plan ชั้นล่างสุดนะครับ ที่ดินเป็น Shape สี่เหลี่ยมเกือบๆจะผืนผ้า มีส่วนที่เป็นสวนอยู่ด้านหน้าโครงการเล็กน้อย

การเดินรถสามารถวนเข้าจากถนนพหลโยธินได้ มีที่จอดรถชั้นล่างนิดหน่อย เน้นการวนรถขึ้นไปจอดด้านบนอาคารมากกว่า

ที่จอดรถเตรียมมาประมาณ 55% ของจำนวนยูนิต ซึ่งหากเทียบกับราคา 150,000 บาทต่อตารางเมตร ก็ต้องบอกว่ามีไม่มาก เพราะคนที่ซื้อคอนโดมิเนียมในระดับราคา 4 – 8 ล้าน น่าจะมีรถกันเกือบหมดทุกห้อง ดีที่โครงการนี้ใช้รถไฟฟ้าได้สะดวกมาก ความกดดันเรื่องที่จอดรถไม่พออาจจะลดลงไป

Floor Plan เป็นรูปตัว O คือมีห้องที่หันไปยังทุกทิศทุกทาง ชั้นหนึ่งมี 15 ห้อง

ตัว Floorplan จัดให้มีช่องแสงช่องลมบริเวณโถงทางเดินด้านหน้าและด้านหลังของตึก ทำให้ลมและแสงธรรมชาติสามารถส่องทะลุเข้าไปยังตัวตึกได้ ตรงนี้จัดว่าดี เพราะจะช่วยระบายอากาศในหลายๆส่วน

ชั้น 23 จัดเป็นส่วนกลางทั้งชั้น ตามภาพที่เราแสดงให้เห็นไปแล้วเบื้องต้น

ที่แปลกก็คือมีห้อง Squash ด้วย

ชั้น 24 ก็จะเป็นลานต่างๆ

ห้อง Size เล็กสุด Studio 27 – 28 ตารางเมตร ทางโครงการทำห้องตัวอย่าง 27 ตารางเมตรไว้ให้ดู เดี๋ยวผมจะพาไปดู

เรามาวิเคราะห์ห้อง 28 ตารางเมตรกันก่อน

ข้อดีของห้องนี้คือมีประตูเลื่อนกั้นส่วนที่สามารถกั้นส่วนครัวออกจากห้องนอนได้ เพิ่มความเป็นส่วนตัวมากขึ้น และมีส่วนของห้องแต่งตัว Walk-in Closet เล็กๆอยู่ก่อนที่จะเข้าไปยังห้องน้ำและห้องอาบน้ำ สำหรับคนที่ชอบห้องเก็บของ ตรงนี้ก็จะเหมาะ

แต่ห้องนี้ถูกออกแบบมาคล้ายๆกับ Studio ตามโรงแรม ที่ไม่มีห้องรับแขกแยกส่วน​ เน้นความสำคัญของห้องนอนเป็นหลัก โซฟาต่างๆ โต๊ะกินข้าวทั้งหมดก็จะอยู่ในห้องนอนนี้แหละ โดยจะตัดเอาพื้นที่ริมหน้าต่างบางส่วนมาทำโซฟา Built-in แผงโต๊ะยาวๆเอาไว้วางทีวีและทำงานไปด้วย

สุดท้ายก็คือระเบียงจะมีขนาดเล็กกว่าห้อง 27 ตารางเมตร ตรงนี้อาจจะมีผลเรื่องซักผ้าตากผ้าในอนาคต แต่ถ้าคุณเลือกที่จะอยู่ห้อง 28 ตารางเมตรแบบนี้แล้ว ก็ต้องมีการ Trade Off กันไป

สรุป ห้อง 28 ตารางเมตร มีความเป็นสัดส่วนน้อยกว่าห้อง 27 ตารางเมตร เหมาะสำหรับคนที่ให้ความสำคัญกับห้องนอนและห้องแต่งตัว ใช้อยู่คนเดียวหรือสองคน ไม่ต้องต้อนรับแขกใดๆในห้อง

ห้อง Size กลาง 1 Bedroom 34 – 36 ตารางเมตร ทั้งสองแบบนี้ในห้องตัวอย่างไม่มีให้ดู

แบบ 34 ตารางเมตร เป็นห้องหน้ากว้างเข้ามุม ที่ไม่มีระเบียง มีแต่ลานซักล้างด้านหลังที่ติดกับห้องน้ำ ข้อดีคือจะได้วิวห้องหน้ากว้างทั้งห้องนั่งเล่นและห้องนอน

แบบ 36 ตารางเมตร เป็นห้องทรง 4 เหลี่ยม หน้าค่อนข้างกว้าง เข้ามุมเช่นกัน ดูพื้นที่ใช้สอยต่างๆจะอยู่สบายมากกว่าห้อง 34 ตารางเมตร ห้องน้ำจะไม่อึดอัด มีลานซักล้านให้ด้านหลัง และมีระเบียงสั้นๆให้เช่นกัน

ห้อง Size ใหญ่ จะเป็น 1 Bedroom 46 ตารางเมตรและ 2 Bedroom 52 ตารางเมตร

เดี๋ยวเราไปดูห้องตัวอย่างกันต่อดีกว่า

สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก

  • สระว่ายน้ำชั้น 23F พร้อม Jacuzzi
  • ห้องออกกำลังกายชั้น 23F
  • Lobby ชั้น G และชั้น 23F
  • สวนหย่อมรอบโครงการ
  • ลิฟท์โดยสาร 2 ตัว ต่อหนึ่งอาคาร อัตราส่วนลิฟท์ 1:120
  • Service Lift 1 ตัว
  • ที่จอดรถ 55% รวมจอดซ้อนคัน
  • ห้อง Squash
  • Steam แยกชายหญิง
  • Library ชั้น 23F
  • ระบบ CCTV / Access Card

Product Walkthrough

ห้องแรกที่เราจะไปดูคือห้องตัวอย่างขนาด 27.21 ตารางเมตร เป็นห้อง Studio (แต่โครงการเรียกว่า 1 Bed Modernist) ซึ่งเราก็ยอมรับว่าเป็นห้อง Studio ที่ออกแบบได้ดีมากห้องหนึ่ง

ที่นี่ให้ห้องแบบ Fully Furnished นะครับ ผมจะไม่ได้เจาะลงไปว่าชิ้นไหนได้บ้าง ไม่ได้บ้าง แต่ให้เดาๆไว้ก่อนเลยว่า ชิ้นที่เป็นสีเทา หน้าตาดูคลาสสิกหน่อย พวกนั้นจะได้ทุกชิ้น

ภาพจากด้านหน้าประตู พอเปิดเข้าไปแล้วปุ๊บจะเป็นแบบนี้ เราจะเห็นวิวที่ตรงกับระเบียงพอดี แต่ด้านข้างจะเป็นส่วนของครัวก่อน

ส่วนของครัวเป็นครัวแบบเข้ามุม ซึ่งโดยปกติแล้วห้อง Studio จะไม่ให้ความสำคัญกับ Function นี้ จะใช้เป็นครัวขนาดเล็กๆ เมตรเศษๆ วางอยู่ชิดริมกำแพง พยายามทำพื้นที่โดยรวมให้ใหญ่เข้าไว้ ไม่ได้กั้นครัวแยกเป็นสัดส่วนแบบนี้

พื้นของโครงการเป็นลามิเนตหน้าตาแบบนี้

มาดูชุดครัวอีกครั้ง ด้านบนติดตู้แขวนโดยรอบ

ผนังปูกระเบื้องสีขาวลายคลาสสิกให้อย่างที่เห็น

เตาไฟฟ้าใช้ของ MEX เป็นแบบ Ceramic 2 หัว

ท๊อปเป็นหินสังเคราะห์สีขาว

ซิงก์สแตนเลสฝัง

เครื่องดูดควันออกไปปล่อยข้างนอก มีชั้นวางของต่างๆทำให้แล้ว

เก๊ะทั้งสามชิ้น มือจับต่างๆก็หน้าตาเข้ากับ Theme โครงการดีนะ

พื้นที่ตรงนี้ถ้าอยากจะกั้นไปทำครัวปิดก็ทำได้ จะกั้นตรงผนังห้องน้ำพอดี แต่ผมไม่แนะนำนะ เพราะจะทำให้ห้องที่เล็กอยู่แล้ว ดูแคบลงไปอีกเยอะมาก

ด้านข้างของครัวเป็นห้องน้ำและตู้เก็บของ กรอบวงกบสีเทาบริเวณประตูห้องน้ำทางโครงการก็ทำให้

ในห้องน้ำใช้สุขภัณฑ์ของ Kohler

จุดเด่นอยู่ตรงการเล่นลวดลายบนผนัง กระเบื้องและรอยต่อ ดึงความเป็น Classic ออกมาได้พอควร

ซิงก์นี้อาจจะเล็กไปนิดนึงนะ แต่ที่วางของโดยรอบทำออกมาได้ใหญ่เหมาะสม

ห้องอาบน้ำขนาดพอประมาณ ใช้งานได้โอเค มีกระจกนิรภัยกั้นแยกส่วนเปียกส่วนแห้งชัดเจน

หัวฝักบัวผมชอบครับ 😀 แปลกตา สวยดี

Floor Drain และกระเบื้องพื้น

แต่ชิ้นนี้ .. Kohler ก็จริง แต่ถ้าเลือก Kohler แล้วได้หน้าตาแบบนี้ ผมไปเอา Cotto สวยๆดีกว่ามั้ย

สรุปห้องน้ำดูดีแต่ชิ้นนี้ไม่เข้าพวกครับ

เพดานสูง 2.65 เมตร ทำ Built-in ตู้เก็บของให้เลย ได้ใช้พื้นที่เต็ม ครบทุกส่วน อันนี้ดีมากครับ

บานตู้เป็นแบบนี้ ลวดตาข่ายสาน มันสวยนะครับ ผมชอบ เข้ากับ Classic Theme ด้วย

แต่ด้วยวัสดุแบบนี้มันก็จะอมฝุ่น ของต่างๆที่เก็บในตู้ด้านบนที่มีหน้าบานเป็นลวดตาข่ายก็จะต้องใส่กล่องให้เรียบร้อย แบบกล่องสีดำด้านใน

เรามาดูมุม Highlight ของห้องนี้กันบ้าง เป็นมุมที่ผมชอบที่สุดสำหรับห้อง Studio ของ The Editor … มุมห้องนั่งเล่นอเนกประสงค์นั่นเอง

มุมนี้ยอมรับว่าออกแบบมาดีมาก สามารถประยุกต์ใช้ได้หลายอย่าง ทั้งการนั่งทำงาน ทำการบ้าน กินข้าว ดูทีวี เหมาะสำหรับการใช้ชีวิตอยู่ในห้อง Studio

เวลาเรานั่งดูทีวีบนโซฟา ก็จะได้พื้นที่ค่อนข้าง OK โต๊ะก็ไม่บังสายตา ทีวีสามารถจัดใหญ่กว่านี้ได้ ส่วนชั้นที่บังสายตาอาจจะเป็นชั้นไม้ด้านขวานั่น ซึ่งทางโครงการไม่ได้ให้มาด้วยนะครับ

ถ้าจะกินข้าว เราก็สามารถเอาเก้าอี้เลื่อนมาแบบนี้ เอาไว้นั่งกินข้าวกันได้สองคนสบายๆ หรือถ้าอยาจะนั่ง 3 คน ก็สามารถหาเก้าอี้มาวางหัวโต๊ะได้อีกตัว … ถ้าจะนั่ง 4 คน ผมว่าออกไปกินข้าวนอกบ้านจะดีกว่านะ นี่มันห้อง Studio 😛

ห้องนอนจัดมาเป็นแบบนี้ ด้านซ้ายบนเป็นแอร์ Wall Type ด้านขวาเป็นตู้เสื้อผ้า

เตียงและหัวนอนจัดมาให้แบบนี้เลย

มองจากห้องนอนออกไปด้านนอกได้

ตู้เสื้อผ้าได้บานใหญ่ 3 บาน พร้อมหน้าบานกระจก ผมว่าโอเคมาก แต่อยากให้กระจกบานใดบานหนึ่งทำเป็นกระจกบานเต็ม  เพราะคุณผู้หญิงหลายๆท่านจะได้ส่องกระจกเต็มๆได้ตรงนี้เลย

โต๊ะเครื่องแป้งอยู่ใต้แอร์ ไม่มีเก้าอี้มาให้นะครับ ต้องหาเอง

เรามาดูระเบียงกันบ้าง ที่นี่ให้ระเบียงใหญ่ ผิดกับห้อง Studio ทั่วไป

กรอบกระจกฟิตติ้งเป็นอลูมิเนียมสีดำ

Slide ออกมาก็จะเจอระเบียง ซึ่งจะได้แบบนี้เลย

ที่วางคอมพ์แอร์แยกส่วน ทำให้พื้นที่ระเบียงใช้ได้จริง มีกริลปิดเรียบร้อย

ความกว้าง ตากผ้าสบาย

ไฟด้านบน

มาเก็บรายละเอียดในห้องอีกนิดนึง

โต๊ะตัวนี้ Built-in จากผนังถึงผนัง ทำให้ใช้พื้นที่ได้เต็มทุกตารางนิ้ว ไม่มีขาโต๊ะมาเกะกะกวนใจ

วงกบสีเทา ทางโครงการทำให้แบบนี้

เปิดประตูตู้เสื้อผ้ากันออกมา วางของได้เยอะอยู่นะ

ฉากดำๆหลังหน้าบานที่เห็นในภาพนั่น ของจริงจะไม่มีนะครับ

รางม่านและม่านสองชุด ทำให้แบบนี้ ซ่อนไว้ในหลืบเรียบร้อย

เรามาดูห้องแบบ 2 Bedrooms กันบ้าง ขนาด 52.19 ตารางเมตร

เชื่อไหมว่าทั้งโครงการมีห้อง 2 Bedrooms เพียงแบบเดียว แค่ชั้นละ 1 ห้องเท่านั้น ทำให้ทั้งตึก The Editor มีห้อง 2 Bedrooms เพียง 16 ห้อง จาก 240 ห้อง ซึ่งเป็นอัตราส่วนที่แปลกมากสำหรับคอนโดระดับ 150,000 บาทต่อตารางเมตร

ห้อง 52 ตารางเมตร จะให้ความสำคัญกับห้องนั่งเล่นมาก จัดเป็น Open Space ชิ้นใหญ่

ช่องเก็บรองเท้าด้านล่าง ด้านบนคือช่องชาฟท์

ตู้เก็บของในลักษณะเดียวกันกับห้องแรก แผงครัวยาวชุดใหญ่

ฟังก์ชั่นตรงนี้ทำออกมาได้สวยงามดีครับ จัดโต๊ะทานข้าวให้อยู่เป็นฟังก์ชั่นเดียวกับโซฟาและชั้นวางทีวี

จริงอยู่ถ้าห้องกว้างกว่านี้ วางสองฟังก์ชั่นแยกกันไปเลยก็จะดูดีกว่า แต่ถ้าห้องขนาด 52 ตารางเมตร ผมว่าวางแบบนี้ก็เหมาะสมแล้ว

ระยะดูทีวีทั้งชุดโซฟาและโต๊ะทานข้าวนั้นก็สามารถดูได้สะดวกทั้งคู่ ผนังที่จัดเอาไว้วางทีวีก็สามารถติดตั้งได้ถึง 50-60″

แต่ที่จะต้องปรับปรุงหน่อยก็คือขนาดโต๊ะ จะเห็นว่าโต๊ะนี้มันนั่ง 4 คนแบบนี้ไม่ได้ ขนาดเล็กเกินไป เก้าอี้ ล้นออกมาสองตัว และบนโต๊ะนั้นจะวางจานชามช้อนส้อมก็ไม่พออยู่แล้ว เป็นไปไม่ได้เลยที่จะนั่งกินข้าวกัน 4 คนได้อย่างสะดวกๆ

ในขณะที่พื้นที่ด้านหลัง จากมุมนี้จะเห็นว่ายังเหลืออยู่ เปลี่ยนเป็นโต๊ะตัวใหญ่ ให้นั่งสบายๆดีกว่าครับ พื้นที่ยังเหลือพอที่จะขยายได้ ส่วนโต๊ะตัวที่แถมมา ก็เอาไปทำอย่างอื่นจะเหมาะสมกว่า

เรามาดูแผงครัวข้างหลังกันบ้าง วัสดุต่างๆเหมือนกับห้อง Studio เลย เพียงแต่ขยายขนาดให้ใหญ่ขึ้น เก็บของได้มากขึ้น มีบานตู้เยอะขึ้น

ซิงตัวนี้

เตาและเครื่องดูดควัน

Type 2 Bedrooms ส่วนใหญ่จะให้เป็น 4 หัว แต่ที่นี่ให้ 2 หัว เหมือนห้อง 1 Bedroom นะครับ

ระยะดูทีวีจากโซฟา

จุดเด่นของห้องนี้อีกจุดคือระเบียง ที่กว้าง พอให้ใช้งานได้จริงจัง

วางเก้าอี้แล้วยังเหลือพื้นที่ ด้านหลังเก้าอี้วาง Washer ก็ได้นะครับ

คอมแอร์เก็บมิดชิด

Finishing เหมือนห้อง Studio

หลืบม่านเช่นกัน

ฟังก์ชั่นห้องน้ำเป็นแบบ 2 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ ดังนั้นถ้าคนอยู่เยอะๆ มากกว่า 2 คน ก็ต้องหาทางหนีทีไล่ให้ดี

บังเอิญว่ามีคนอาบน้ำอยู่แล้วเราโดนข้าศึกบุก ก็ต้องรีบกดลิฟท์ไปชั้น 23F เพื่อใช้ห้องน้ำส่วนกลาง

Counter ของห้องน้ำนี้ยาวมาก ยาวไปจนถึงโถสุขภัณฑ์เลย ต่างจากห้องแบบ 1 Bedroom มาก

ที่เก็บของเพียบ

อ่างน้ำอันเล็กเท่าเดิม -_-; น่าจะขยายหน่อยนะ พื้นที่เหลือเยอะขนาดนี้

ห้องนอนใหญ่กับห้องนอนเล็กของที่นี่ขนาดพอๆกันนะครับ ต่างกันตรงที่ห้องนอนใหญ่สามารถวางเตียง King Size 6 ฟุตได้ ส่วนห้องนอนเล็กถูกออกแบบมาให้วางเตียง Queen Size 5 ฟุตเท่านั้น

ทั้งสองห้องนอนไม่มีห้องน้ำในตัวนะครับ ต้องแบ่งๆกันใช้กับห้องน้ำด้านนอก

ห้องนอนใหญ่ จัดไฟสวยงาม

เตียง 6 ฟุตมันก็กว้างอะครับ นั่งๆนอนๆสบายกว่า 5 ฟุตเยอะ

ด้านข้างมีกระจกบานใหญ่ให้บานนึงด้วย สองฟากวางโต๊ะข้างเตียงได้ทั้งคู่

มีตู้เสื้อผ้าพร้อมโต๊ะเครื่องแป้ง/โต๊ะทำงานให้เรียบร้อย

ถ้าใครชอบนอนดูทีวีก็อาจจะเอียงๆนิดนึง เพราะจะต้องแขวนทีวีตรงนี้นะครับ

ถ้าใครไม่อยากให้เอียง ก็ต้องเอาโต๊ะข้างเตียงฝั่งชิดหน้าต่างออก แล้วก็เลื่อนเตียงไปให้ Center กับโต๊ะทำงานตัวนี้ ซึ่งทำได้ครับ

โต๊ะทำงานไม่มีขา ผมชอบมาก ไม่เกะกะ

มุมโต๊ะจริงๆแล้ว Built-in จากผนังจรดผนัง ไม่ได้เหลือขอบลอยๆแบบนี้

ห้องนอนเล็ก … เล็กกว่าห้องนอนใหญ่พอควรเลย

ตู้เสื้อผ้าไม่ลดขนาดลง

โต๊ะ Built-in สไตล์เดิม

เตียงแบบ 5 ฟุต เล็กลงแต่ก็ยังนอน 2 คนได้อยู่

ได้หน้าต่างทั้งห้องนอนเล็ก , ใหญ่ และห้องนั่งเล่น

จบด้วยพื้นที่บริเวณโซฟาห้องนั่งเล่นครับ

ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 08/07/2013

  • SOLD OUT
  • Studio 27 – 28 ตารางเมตร ราคา 3.89 – 4.4 ล้านบาท หรือ 144,000 – 165,000 บาทต่อตารางเมตร
  • 1 Bedroom 34 – 46 ตารางเมตร ราคา 5 – 7.5 ล้านบาท หรือ 149,000 – 166,000 บาทต่อตารางเมตร
  • 2 Bedrooms 52 ตารางเมตร ราคา 7.8 – 8.7 ล้านบาท หรือ 150,000 – 167,000 บาทต่อตารางเมตร

  • Fully Furnished
  • เพดานสูง 2.65 เมตร
  • ค่ากองทุน 500 บาทต่อตารางเมตร
  • ค่าส่วนกลาง 60 บาทต่อตารางเมตรต่อเดือน

เจาะลึกรวบยอด

ทำเลของ The Editor นั้นจัดว่าเป็นทำเลที่ดีมาก อยู่ติดถนนใหญ่พหลโยธิน ติดสถานีรถไฟฟ้า BTS สถานีสะพานควาย ด้วยทำเลที่ดีเป็นฐานการจะทำสินค้าประเภท Luxury ถือว่ายังพอที่จะสามารถทำได้ แต่ผมก็ต้องบอกไว้ก่อนเลยว่าทำเลสะพานควายนั้นไม่สามารถเอาไปเทียบกับทำเลอารีย์ได้นะครับ เนื่องจากเป็นคนละอารมณ์ คนชอบที่จะอยู่อาศัยก็เป็นคนละคนกัน หากเราเดินเข้าไปในซอยอารีย์กลางๆซอยก็จะได้ความสงบ เป็นแหล่งบ้านเรือน บ้านหลังใหญ่ๆ เป็นที่พักอาศัยโดยรอบ มีร้านฮิปๆแตกต่างจากแหล่งสะพานควาย ที่เป็นย่านการค้า จอแจจ่อกแจก ตลาดพ่อค้าแม่ค้า มีความวุ่นวาย มีความเป็นแหล่งชุมชนมากกว่าฝั่งอารีย์ หากเทียบจากศูนย์การค้าอย่าง Big C เทียบกับ La Villa ก็พอที่จะเข้าใจได้คร่าวๆแล้วว่าสองย่านนี้แตกต่างกันอยู่พอสมควร

วิวของ The Editor นั้นต้องบอกว่าไม่การันตี 3 ทิศ ก็คือทิศเหนือ-ใต้ ที่เลียบถนนใหญ่พหลโยธิน ซึ่งต่อไปสามารถขึ้นเป็นคอนโดมิเนียม อาคารสำนักงานหรือโรงแรมตึกสูงได้ ในปัจจุบันอาจจะโดนบังแค่ในส่วนทิศใต้ฝั่ง Onyx แต่อนาคตนั้นก็ไม่มีใครทราบได้ ฝั่งตรงข้ามทิศตะวันออกเองก็เช่นกัน ติดถนนใหญ่พหลโยธินเหมือนกัน สามารถสร้างตึกสูงได้ เช่น IDEO Mix พหลโยธิน ที่อยู่เยื้องๆไปหน่อย หรืออย่างอาคารโรงพยาบาลเปาโล วิวฝั่งที่เซฟนั้นจึงมีอยู่เพียงฝั่งเดียวคือทิศตะวันตก ที่หันเข้าไปในซอย ซึ่งไม่สามารถขึ้นตึกสูงได้ แต่ก็ต้องแลกกับแสงแดด ความร้อน จากทิศตะวันตกนะครับ

ราคาขายของพฤกษาที่ตั้งขึ้นมาตอนแรกก็ทำช็อควงการไปเหมือนกัน ที่ตั้งแถวๆ 144000 – 166000 บาทต่อตารางเมตร จัดว่าเป็นคอนโดที่แพงที่สุดในย่านอารีย์-สะพานควาย แต่ด้วยทำเลติดรถไฟฟ้า อัตราผ่อนดาวน์ต่ำ เป็นตึกสูง และมีจำนวนยูนิตไม่มากที่ 240 ยูนิต ก็ทำให้ขายหมดในเวลารวดเร็ว สอบถามจากพนักงานขาย ได้ข้อมูลว่าเป็นผู้ที่มาซื้ออาศัยอยู่เองและนักเก็งกำไรในอัตราส่วนใกล้เคียงกันที่ 50-50

การเดินทางโดยใช้รถยนต์นั้นทำได้สะดวก เพราะติดถนนใหญ่ สามารถเข้าออกได้หลายเส้นทาง ทั้งถนนพหลโยธิน ถนนสุทธิสาร ถนนประดิพัทธ์ หรือแม้แต่ถนนกำแพงเพชร แต่ที่ต้องกังวลนิดหน่อยคงจะหนีไม่พ้นเรื่องที่จอดรถ ที่มีให้เพียง 55% ซึ่งจัดว่าน้อยไปมากสำหรับคอนโดในระดับนี้ ด้วยเหตุที่ซอยห้องเล็ก เป็น Studio 27 – 28 ตารางเมตรจำนวนมาก จึงไม่สามารถทำให้ที่จอดรถได้มากกว่านี้ได้ อนาคตก็ต้องดูไปนะครับว่าจะเป็นอย่างไรหลังตึกเสร็จ แต่ลึกๆก็หวังว่าด้วยทำเลที่ติดรถไฟฟ้าขนาดนี้ ลูกบ้านส่วนใหญ่ก็น่าจะใช้รถไฟฟ้าเป็นพาหนะหลัก การเดินทางโดยไม่ใช้รถยนต์จึงเหมาะสมมากกว่า สำหรับโครงการ The Editor นะครับ

แบบห้องนั้นทำออกมาได้ดี ตรงนี้ต้องขอชมเชยกับแบบห้อง Studio 27 ตารางเมตร ที่ออกแบบพื้นที่ใช้สอยมาได้ลงตัวมากสำหรับห้อง Studio และแบบห้อง 36 ตารางเมตรกับ 52 ตารางเมตร ก็จัดว่าดีไม่ได้ด้อยไปกว่ากัน ข้อสังเกตคือตึกนี้ไม่มีห้องไหนเลยที่มี 2 ห้องน้ำในยูนิตเดียว หากเป็นความต้องการที่จะอยู่อาศัยจริงจัง 4 คนขึ้นไป การที่มีห้องน้ำเพียงห้องเดียวผมคิดว่าไม่พอนะครับ  ดังนั้นครอบครัวที่ตัดสินใจเลือกที่นี่ ควรจะมีสมาชิกไม่มาก ราวๆ 2 หรืออย่างมากก็แค่ 3 คนครับ

ตัวตึกนั้นทำออกมาได้สวยงามเช่นกัน มีคอนเซปท์และสไตล์ส่วนตัว ที่ดึงเอาความเป็น Luxury ออกมาได้จากคำว่า Classic ซึ่งสะท้อนไปอยู่ในห้องตัวอย่าง เฟอร์นิเจอร์ที่แถมให้ แต่ความหนาแน่นนั้นจัดว่าต่ำกว่ามาตรฐานของคอนโดในเกรด 150,000 บาทต่อตารางเมตรไปบ้าง ที่ทำจำนวนยูนิต 15 ยูนิตต่อชั้น และอัตราส่วนลิฟท์ที่ 1:120 เกินจากอัตราส่วนที่เหมาะสมมาหน่อยครับ

วัสดุต่างๆที่แถมมาให้แบบ Fully Furnished นั้นสะท้อนความเป็นคลาสสิก ใช้สีเทาเป็นหลัก ดูคลาสสิกแต่ดูไม่โบราณ สิ่งที่ชอบมากที่สุดคงจะหนีไม่พ้นเรื่องครัวและเฟอร์นิเจอร์ Built-in ที่ทำออกมาดี ทั้งตู้ครัว ท๊อปหินสังเคราะห์ ตู้เสื้อผ้า เตียง โต๊ะหัวเตียง กระจกและโต๊ะทำงานที่ช่วยให้พื้นที่ซอกหลืบมีประโยชน์ใช้สอยมากขึ้น ทำให้การออกแบบของห้องนั้นๆสมบูรณ์มากขึ้น ผนังต่างๆในห้องน้ำก็ทำออกมาได้สวย รวมไปถึงกรอบประตูและลวดลายต่างๆ แต่ที่ยังไม่ชอบก็คือแอร์ที่ให้เป็น Wall Type พื้นลามิเนตที่น่าจะได้หนาสัก 12 มม. วงกบหน้าต่างที่เรียบเกินไป และโถสุขภัณฑ์ที่ยังไม่สวยเท่าไร

ชั้นส่วนกลางที่ชั้น 23F ให้พื้นที่เต็มฟลอร์ และมีส่วนกลางพิเศษที่โครงการอื่นไม่มี นั่นก็คือห้อง Squash ส่วนสาธารณูปโภคต่างๆหากจะขายในราคา 150,000 บาทต่อตารางเมตร ก็ควรจะมีให้ตามที่เห็นครับ

Judgement

การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้

ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%

เทียบกับราคา 155,000 บาทต่อตารางเมตร, 06/07/2012

  • ทำเล 8/10 – สะพานควายไม่ใช่อารีย์ ติดถนนใหญ่ เด่น
  • เดินทางด้วยรถ 6.5/10 – เดินทางสะดวก แต่ที่จอดรถน้อยไปนะครับ
  • ไม่ใช้รถ 8.5/10 – ติดรถไฟฟ้า BTS สะพานควาย
  • วัสดุ 7.5/10 – Fully Furnished คุณภาพโอเค แต่บางอย่างก็ต้องปรับเช่น พื้นและแอร์
  • แบบ 8.5/10 – สวย เป็นจุดเด่นของโครงการนี้
  • สาธารณูปโภค 8/10 – เต็มฟลอร์ ชั้น 23F มีห้องสควอชด้วย

  • LUXURY CLASS
  • 7.83 / 10.00

BOTTOM LINE

The Editor เหมาะสำหรับคนที่ชอบทำเลสะพานควาย อยากได้คอนโดติดรถไฟฟ้า ในงบประมาณที่สูงหน่อย เน้นยูนิตเล็ก ไม่ได้อยู่เป็นครอบครัวขนาดใหญ่

ถ้าเห็นว่ารีวิวนี้มีประโยชน์ ช่วยกด LIKE ให้ผมหน่อยนะครับ จะได้มีกำลังใจทำรีวิวถัดๆไปครับ