รีวิวฉบับที่ 1216 …วันนี้จะพาไปชมโครงการ The Connect วงแหวน-รามอินทรา 2 จากพฤกษา ทาวน์โฮม 2 ชั้นในย่านรามอินทรา ตัวโครงการตั้งอยู่บนถนนเลียบวงแหวนกาญจนาฯ จุดเด่นโครงการคือทำเลที่ห่างจากทางด่วนเพียง 3 กม. สำหรับใครที่มองหาทาวน์โฮมหลังเล็ก ราคาหยิบจับง่าย ไปชมโครงการพร้อมๆ กันเลยค่ะ
Fact @ 14 November 2016
- The Connect Wongwaen-Raminthra 2 (เดอะ คอนเนค วงแหวน-รามอินทรา 2)
- บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน)
- ECONOMY CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
- โครงการตั้งอยู่ใน : เขตบางเขน
- เนื้อที่โครงการ 19-3-33.9 ไร่ จำนวน 207 ยูนิต
- Type 1 ที่ดิน 18.20 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 96.50 ตร.ม. หน้ากว้าง 5.7 ม. 3 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ 1 ที่จอดรถ
- Type 2 ที่ดิน 20.40 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 113.50 ตร.ม. หน้ากว้าง 5.7 ม. 3 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ
- เพดานชั้น 1 สูง 2.8 เมตร, ชั้น 2 สูง 2.5 เมตร
- ราคาเริ่มต้น 2.16 ล้านบาท
- ที่ดินเพิ่มลดตารางวาละ 50,000 บาท
- โครงการเริ่มก่อสร้าง : พฤษภาคม ปี 2559
- คาดว่าแล้วเสร็จทั้งโครงการ : ปลายปี 2560
- เวปไซต์โครงการ : คลิกที่นี่
- Call Center : 1739
ช่วยกันคอมเม้นท์ แบ่งปันข้อมูลกับเพื่อนๆที่กำลังหาบ้านหน่อยนะคะ
NEW! เพื่อนๆสามารถเลือกอ่านตามหัวข้อได้โดยกดปุ่มไปยังหัวข้อที่สนใจได้นะคะ
พิกัด : 13.869645, 100.678351
จากแผนที่โครงการ ที่ตั้งของโครงการ The Connect วงแหวน-รามอินทรา 2 ตั้งอยู่บนถนนคู่ขนานวงแหวนกาญจนาภิเษก มีจุดเด่นของที่ตั้งคือมีระยะห่างจากจุดขึ้นทางด่วนเพียง 3 กม. นอกจากนี้ในอนาคตยังมีแผนการก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู โดยสถานีที่ใกล้ที่สุดกับโครงการ คือ สถานีแฟชั่นไอส์แลนด์ ที่ตั้งอยู่บริเวณหน้าศูนย์การค้าแฟชั่นไอส์แลนด์ สำหรับรถไฟฟ้าสายสีชมพูนี้คงต้องรอกันอีกหลายปีอยู่ถึงจะสร้างเสร็จ ซึ่งตามกำหนดการจะสร้างเสร็จปี 2563 แต่ถ้ามีความไม่แน่นอนทางการเมืองหรือเหตุปัจจัยอื่นๆมากระทบตัวโครงการก็อาจต้องเลื่อนไปอีก คนย่านนี้คงต้องอดใจรอกันไปก่อนนะคะ
โครงการ The Connect วงแหวน-รามอินทรา 2 ตั้งอยู่ติดถนนเลียบวงแหวนกาญจนาฯ แม้ว่าที่ตั้งจะอยู่ในย่านชานเมืองตอนบนฝั่งตะวันออกของกรุงเทพมหานครแต่ก็ไม่ไกลจากถนนสำคัญอย่าง “ถนนรามอินทรา” ซึ่งที่เป็นที่ตั้งของแหล่งความเจริญทั้งศูนย์การค้าและแหล่งงานในย่านนี้ การเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวนั้นค่อนข้างสะดวกทีเดียวค่ะ เพราะสามารถเลือกใช้เส้นทางในการเดินทางได้หลากหลาย โดยถนนรามอินทราที่เป็นถนนเส้นหลักในการเข้าถึงของโครงการนั้นเชื่อมกับถนนสำคัญๆได้หลายสาย เช่น ถนนวิภาวดี – รังสิต, ถนนพหลโยธิน, ถนนลาดปลาเค้า, ถนนวัชรพล, ถนนนวมินทร์ รวมทั้งทางด่วนทั้ง 2 สายอย่างรามอินทรา – อาจณรงค์ และถนนกาญจนภิเษก
สำหรับการเดินทางโดยไม่ใช้รถยนต์ส่วนตัวนั้นจะลำบากสักหน่อย เนื่องจากถนนคู่ขนานวงแหวนกาญจนาฯไม่ได้มีรถเมล์วิ่งผ่าน แต่ก็ยังมีรถสองแถวและแท็กซี่ที่ผ่านหน้าโครงการให้เรียกใช้บริการได้
ทำเลของโครงการในย่านนี้ เรียกได้ว่าเป็นทำเลยอดฮิตของโครงการแนวราบ เป็นแหล่งที่อยู่อาศัยขนาดใหญ่ตอนบนฝั่งตะวันออกของกรุงเทพมหานคร โครงการส่วนใหญ่จะเป็นหมู่บ้านเดี่ยวจัดสรร, ไม่จัดสรร และทาวน์โฮม ซึ่งในระยะหลังๆ มานี้จึงเริ่มเห็นคอนโด Low Rise มาขึ้นตามแนวรถไฟฟ้าสายสีชมพูบ้าง โดยการมาของรถไฟฟ้าสายสีชมพูนี้ทำให้พื้นที่ในย่านรามอินทรามีความอุดมสมบูรณ์และความเจริญมากขึ้นตามไปด้วย ถ้าจะหาของกินของใช้ในย่านนี้นั้นมีความสะดวกสบาย และอุดมสมบูรณ์มากๆ เพราะมีทั้งตลาดและร้านค้าต่างๆมากมาย มี Hyper market อย่าง Big C, Tesco Lotus, Food Land คอมมูนิตี้ มอลล์อย่าง The Walk และศูนย์การค้าอย่าง Fashion Island, The Promenade และเซ็นทรัล รามอินทรา ให้คนย่านนี้ได้เดินเล่นช้อปปิ้งกัน นอกจากนี้ยังมีโรงพยาบาลสินแพทย์, โรงพยาบาลพญาไทนวมินทร์, โรงเรียนอยู่ในละแวกนี้ด้วยค่ะ
ทำเลโครงการนี้จะสะดวกมากสำหรับคนที่เดินทางด้วยทางด่วนเป็นหลัก เพราะอยู่ไม่ไกลจากจุดขึ้นลงทางด่วนรามอินทรา-อาจณรงค์ โดยมีระยะห่างเพียง 3 กม. สามารถใช้เป็นตัวช่วยในการเดินทางเข้าเมืองได้สะดวก
นอกจากนี้ยังมีตัวช่วยในการเดินทางอย่างวงแหวนกาญจนาภิเษก เป็นเส้นทางที่วิ่งเชื่อมรอบนอกของกรุงเทพฯ ได้สะดวก โดยทางขึ้นอยู่ห่างจากโครงการประมาณ 5 กม.
การเดินทางไปโครงการในวันนี้จะพาไปดูบรรยากาศของชุมชนใกล้ๆที่ตั้งโครงการ โดยจะเริ่มต้นจากวงแหวนกาญจนาภิเษก >> เข้าถนนรามอินทรา >> เลี้ยวขวาเข้าถนนคู้บอน >> เลี้ยวซ้ายเข้าถนนคู่ขนานวงแหวนกาญจนาฯ >> ตรงไปประมาณ 2 กม. โครงการจะอยู่ทางฝั่งซ้ายค่ะ
เริ่มต้นจากทางออกวงแหวนกาญจนาภิเษกไปทางซ้ายตามป้ายหลักสี่ ถ้าตรงไปตามป้ายมีนบุรีก็สามารถไปได้เหมือนกันแต่ต้องไปกลับรถใต้ถนนวงแหวนฯค่ะ
ตามป้ายหลักสี่มาแล้วก็วิ่งมาตามเส้นทางเรื่อยๆ เส้นทางนี้จะเชื่อมไปยังถนนรามอินทราค่ะ
เลี้ยวมาตามเส้นทางก็เข้ามายังถนนรามอินทรากันแล้ว ซึ่งถนนรามอินทราเป็นถนนหลักที่สำคัญในย่านนี้ บรรยากาศโดยรอบส่วนใหญ่จะเป็นอาคารพาณิชย์ ส่วนฝั่งซ้ายจะผ่านปั๊มแก๊ส LPG ถ้าใครขับรถแก๊สก็สามารถแวะเติมได้
ตรงมาเรื่อยๆบรรยากาศบนถนนรามอินทราจะค่อนข้างคึกคักขึ้นเนื่องจากเป็นฝั่งที่วิ่งเข้าหาตัวเมือง เริ่มมีอาคารสำนักงาน โชว์รูมรถยนต์ ให้เห็นมากขึ้น
นอกจากอาคารพาณิชย์และอาคารสำนักงานแล้วบนถนนรามอินทรายังมีโครงการคอนโดมิเนียมอีกด้วย ก็เนื่องมาจากว่าถนนเส้นนี้เป็นเส้นทางของรถไฟฟ้าสายสีชมพูในอนาคตนั่นเอง ถนนเส้นนี้จะมีรถสาธารณะวิ่งผ่านหลากหลายทั้งรถเมล์และรถสองแถว โดยจุดขึ้นรถหลักๆจะอยู่ที่ศูนย์การค้าแฟชั่นไอส์แลนด์
ผ่านหน้าโครงการคอนโดลุมพินีมาแล้วให้อยู่ 2 เลนฝั่งซ้ายไม่ขึ้นสะพานข้ามแยกไปนะคะ
ตรงมาเรื่อยๆผ่านแยกนวมินทร์ไปแล้วชิดเลนขวาไว้ บรรยากาศบริเวณแยกตรงนี้จะมีความเป็นชุมชนสูง ลักษณะเป็นอาคารพาณิชย์เก่าแก่ ชั้นล่างเปิดเป็นร้านค้า ร้านอาหาร ร้านทำผมและร้านขายของ
ข้ามแยกนวมินทร์มาแล้วก็ออกขวาไปตามป้ายถนนคู้บอน ซึ่งรถที่ชิดขวาเข้าถนนคู้บอนนี้มีจำนวนค่อนข้างมากทีเดียว เพราะเป็นถนนซอยใหญ่ที่เป็นที่ตั้งของโครงการแนวราบหลายโครงการและภายในซอยยังมีซอยย่อยเล็กๆซึ่งส่วนใหญ่เป็นซอยของบ้านอยู่อาศัยอีกจำนวนมาก จึงมีปริมาณรถที่ใช้ถนนเส้นนี้ค่อนข้างเยอะ
ตรงตามป้ายมาเรื่อยๆจะมาติดแยกไฟเขียวไฟแดงซึ่งติดค่อนข้างนานหน่อย พอได้สัญญาณไฟเขียวก็เลี้ยวขวาเข้าถนนคู้บอนกันเลย
เลี้ยวขวาเข้าถนนคู้บอนมาเป็นถนน 4 เลนแบบสวนกันจะเห็นปริมาณรถที่มากทีเดียว เวลาเร่งด่วนจึงไม่แนะนำให้มาใช้ถนนเส้นนี้เลยนะคะ นอกจากถนนเส้นนี้จะเป็นที่ตั้งของโครงการหมู่บ้านแนวราบแล้ว ยังเป็นที่ตั้งของตลาด ซุปเปอร์มาเก็ต สำหรับรองรับผู้อยู่อาศัยในบริเวณนี้ จึงเป็นถนนที่มีความอุดมสมบูรณ์อีกเส้นหนึ่งที่อยู่ใกล้กับที่ตั้งของโครงการที่สุด แต่ถ้าต้องการไปเดินช้อปปิ้งในศูนย์การค้าที่ใกล้สุดคือแฟชั่นไอส์แลนด์บนถนนรามอินทราค่ะ
ตรงไปเรื่อยๆตามถนนคู้บอน บรรยากาศจะเป็นอาคารพาณิชย์ที่ชั้นล่างเปิดเป็นร้านค้า ร้านอาหาร ธนาคาร ค่อนข้างหลากหลาย ถ้าใครต้องการไปธนาคารหรือทานข้าวแล้วไม่อยากไปศูนย์การค้า ถนนคู้บอนก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งค่ะ
ตรงมาบนถนนคู้บอนสักพักฝั่งซ้ายจะผ่าน Big C คู้บอน เป็นแหล่งซื้ออาหารและของใช้เข้าบ้าน ส่วนฝั่งขวาจะผ่านตลาดนัดรถยนต์ เป็นร้านขายมอเตอร์ไซค์
บนถนนคู้บอนไม่มีรถเมล์วิ่งผ่านนะคะ แต่ก็ยังมีรถสาธารณะอย่างรถสองแถว พี่วิน และแท็กซี่คอยให้บริการ
ตรงมาเรื่อยๆฝั่งซ้ายจะผ่านร้านอาหารตังค์เต็มกุ้งย่าง
ตรงมาเรื่อยๆจนถึงสามแยกถ้าเลี้ยวซ้ายจะเข้าซอยคู้บอน 27 ซึ่งทางไปโครงการต้องตรงข้ามแยกไปค่ะ
ข้ามแยกมาแล้วบรรยากาศก็ยังเป็นตึกแถวเป็นส่วนใหญ่หลายๆอาคารเปิดเป็นร้านค้าร้านอาหาร แม้ว่าจะไปไม่ได้เป็น Hyper Market เหมือนช่วงต้นซอยแต่ก็ยังมีร้านค้าเล็กๆ น้อยๆ ให้พึ่งพิงได้บ้าง
ตรงไปตามทางเรื่อยๆ จะเห็นวัดคู้บอนอยู่ข้างหน้าก็แปลว่าใกล้สุดถนนคู้บอนแล้ว จะต้องเตรียมเลี้ยวซ้ายเข้าถนนเลียบวงแหวนกาญจนาฯ ค่ะ
สุดถนนคู้บอนแล้วก็เลี้ยวซ้ายเข้าถนนเลียบวงแหวนกาญจนาฯกันเลย
เลี้ยวเข้ามาแล้วก็ตรงไปเรื่อยๆ เป็นเส้นทางเดียวกับโครงการ ดิเอ็กซ์คลูซีฟ ค่ะ ก็ให้ตรงไปตามป้าย ซึ่งถนนในช่วงนี้จะผ่านโรงเรียนคู้บอนด้วย เวลาขับรถก็ระวังเด็กๆ หน่อยนะคะ
ตรงมาเรื่อยๆบนถนนคู่ขนานวงแหวนกาญจนาฯ บรรยากาศจะโดยรอบฝั่งซ้ายจะเป็นพื้นที่โล่งเป็นส่วนใหญ่ ฝั่งขวาจะเป็นถนนวงแหวนกาญจนาฯ ไปตลอดแนว จึงตอบโจทย์สำหรับผู้ที่เดินทางโดยรถยนต์ส่วนตัวมากกว่า
แม้ว่าถนนเส้นนี้จะไม่ได้มีความอุดมสมบูรณ์เหมือนเส้นทางในซอยคู้บอน แต่ก็มีหมูบ้านเกิดขึ้นหลายโครงการ เพราะการเดินทางเข้าเมืองโดยใช้เส้นทางด่วนนั้นค่อนข้างสะดวกค่ะ
ตรงมาสักพักโครงการ The Connect วงแหวน-รามอินทรา 2 จะอยู่ทางซ้ายือค่ะ
เรามาดูสภาพแวดล้อมที่ติดกับที่ดินของโครงการกันนะคะ ภายในเส้นประสีเหลืองเป็นพื้นที่ของ The Connect วงแหวน-รามอินทรา 2 ถัดไปจากโครงการคือบ่อน้ำสำหรับเล่น Jet Ski ค่ะ
อีกฝั่งหนึ่งขอบเขตของโครงการคือเส้นประสีเหลืองด้านขวา ส่วนฝั่งซ้ายของโครงการจะติดกับที่ดินเปล่าค่ะ
ฝั่งตรงข้ามโครงการเป็นถนนวงแหวนกาญจนาฯตลอดแนวค่ะ
สภาพแวดล้อมรอบๆโครงการ The Connect วงแหวน-รามอินทรา 2 ถูกล้อมรอบด้วยที่ดินเปล่าและบ่อนน้ำทั้ง 3 ด้าน ทำให้บรรยากาศโดยรอบโครงการเปิดโล่ง ไม่อึดอัด แต่ก็ต้องแลกมากับความอุดมสมบูรณ์โดยรอบโครงการที่ไม่มีอยุ่ใกล้ๆ จะต้องอาศัยรถในการเดินทางไปเท่านั้น สามารถสรุปมีพื้นที่ที่ติดต่อกับโครงการคือ
- ด้านทิศเหนือ ติดกับบ่อ Jet Ski
- ด้านทิศใต้ ติดที่ดินเปล่า
- ด้านทิศตะวันออก ติดกับถนนคู่ขนานกาญจนาภิเษก
- ด้านทิศตะวันตก ติดกับที่ดินเปล่า
สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น
- Big C คู้บอน ~ 4.5 กิโลเมตร
- Fashion Island ~ 6 กิโลเมตร
- เดอะ พรอมานาด ~ 6.1 กิโลเมตร
- โรงพยาบาลพญาไท นวมินทร์ ~ 6.5 กิโลเมตร
- โรงพยาบาลสินแพทย์ ~ 7.1 กิโลเมตร
- ตลาดสดถนอมมิตร ~ 8.5 กิโลเมตร
- The Walk เกษตรนวมินทร์ ~ 11 กิโลเมตร
- Plearnary Mall ~ 11.7 กิโลเมตร
- Foodland ~ 14.2 กิโลเมตร
- เซ็นทรัลรามอินทรา ~ 17.5 กิโลเมตร
มาดูที่ตัวโครงการ The Connect วงแหวน-รามอินทรา 2 เป็นโครงการทาวน์โฮม 2 ชั้น 207 ยูนิต บนเนื้อที่โครงการประมาณ 19-3-34 ไร่ ซึ่งโครงการเพิ่งเปิดตัวไปเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา โดยมีกำหนดจะเสร็จทั้งโครงการประมาณปลายปี 2560 ค่ะ ซึ่งปัจจุบันตัวบ้านตัวอย่างและบ้านบางส่วนได้เสร็จแล้ว ส่วนพื้นที่สีเขียวส่วนกลางเสร็จเรียบร้อยพร้อมใช้งานแล้วนะคะ
ที่ดินของตัวโครงการรูปร่างเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้าโดยรวมดูดีทีเดียว เพราะมีระยะจากด้านหน้าโครงการถึงท้ายสุดโครงการประมาณ 300 ม. เป็นระยะที่บ้านหลังในสุดสามารถเดินมาทางยังสวนส่วนกลางที่อยู่บริเวณทางเข้าโครงการได้ ทางเข้าออกของโครงการจะเข้าจากถนนคู่ขนานกาญจนาภิเษกได้ทางเดียว เข้ามาในโครงการจะเป็นถนนหลักกว้าง 9 ม. วิ่งตรงไปด้านหลังโครงการ ทั้ง 2 ฝั่งซ้ายขวาแยกออกเป็นซอยอยู่อาศัยย่อยแต่ละซอยมีบ้านไม่เท่ากัน ถ้าซอยด้านขวาจะมีจำนวนยูนิตในซอยเยอะหน่อยและไม่ได้เป็นซอยแบบปลายตันจึงมีความเป็นส่วนตัวน้อยกว่าซอยย่อยทางฝั่งซ้ายที่เป็นซอยตันเล็กๆ แต่ละซอยมีจำนวนบ้านไม่เกิน 12 หลัง โครงการวางสวนส่วนกลางไว้ทางด้านหน้าโครงการทำให้บริเวณหน้าโครงการดูร่มรื่น
การวางตัวของบ้านแต่ละหลังมีทั้งบ้านที่หันเข้าหาซอยหลักและซอยย่อย ซึ่งบ้านที่หันหน้าเข้าหาถนนซอยย่อยภายในโครงการก็จะมีความเป็นส่วนตัวสำหรับการพักอาศัยที่ดีกว่า โครงการออกแบบจำนวนยูนิตในแต่ละซอยไม่เท่ากัน บางซอยย่อยมีจำนวนบ้านไม่เกิน 12 หลังจึงค่อนข้างจะน่าอยู่ทีเดียว แต่บางซอยก็เยอะถึง 80-90 ยูนิตก็จะแน่นๆหน่อยสำหรับซอยถนนซอยที่กว้าง 9 ม. เพราะหากมีรถของบ้านใดบ้านหนึ่งจอดหน้าบ้านแล้ว การเดินรถสวนกันก็จะทำได้ลำบากค่ะ ส่วนการเลือกตำแหน่งของบ้านก็จะขึ้นอยู่กับความชอบส่วนบุคคล สำหรับลูกบ้านที่ชอบความสงบแนะนำให้เลือกหลังที่อยู่ท้ายโครงการก็จะได้ความเป็นส่วนตัวมากกว่า เพราะจะไม่มีเพื่อนบ้านผ่านเข้าออกเยอะ ส่วนผู้ที่เน้นเข้าออกสะดวก ก็เหมาะจะเลือกหลังที่อยู่ด้านหน้าโครงการค่ะ
สำหรับทิศของบ้านในโครงการส่วนใหญ่จะหันไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือและทิศตะวันออกเฉียงใต้ แต่ก็มีหลังที่อยุ่ในซอยย่อยเล็กๆทางฝั่งซ้ายของโครงการที่จะหันไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือและตะวันตกเฉียงใต้ บ้านที่หันไปทางเหนือแน่นอนว่าก็จะได้แสงที่ธรรมชาติหน่อย ไม่ค่อยแรงมาก ส่วนบ้านที่หันไปทางทิศใต้จะได้แสงที่จ้ากว่าและลมที่แรงกว่าด้วย แบบบ้านของโครงการมีแบบเดียว แต่จะมีให้เลือกที่เป็นแปลงตรงกลางและแปลงมุม การเลือกบ้านขึ้นอยู่กับความต้องการในการใช้สอยและความชอบ หากเลือกแปลงมาตรฐานคือแปลงที่อยู่ตรงกลางจะไม่มีพื้นที่สวนด้านข้าง พื้นที่นอกบ้านจะมีพื้นที่จอดรถด้านหน้าบ้านและพื้นที่ด้านหลังบ้านเท่านั้นแต่ราคาก็จะถูกกว่าแปลงมุม สำหรับผู้ที่อยากมีสวนเล็กๆส่วนตัวในบ้านและมีงบประมาณเพิ่มขึ้นได้อีกหน่อยก็เลือกแปลงมุมได้
ซุ้มประตูหลักของโครงการที่เข้าจากถนนคู่ขนานกาญจนาภิเษกจะอยู่ลึกเข้าไปด้านใน ช่วยให้การจราจรด้านหน้าสะดวกมากขึ้น โดยเป็นโครงแบบมีหลังคาไว้หลบฝนหลบแดดได้ ทางเข้าโครงการเป็นคอนกรีตแสตมป์ โดยมีความกว้างถนนบริเวณหน้าซุ้มประตูประมาณ 22 ม. แบ่งเป็นทางเข้าออกฝั่งละ 9 ม., เกาะกลาง 2 ม. ซึ่งป้อม รปภ.จะอยู่บริเวณเกาะกลางเพื่อแยกฝั่งรถเข้า-ออกโครงการ ฟุตบาททางเดิน 2 ฝั่งมีระยะฝั่งละ 1 ม.
ทางเข้าสู่โครงการจะรักษาความปลอดภัยด้วยไม้กระดกกั้น สามารถใช้ Keycard Access ระยะใกล้ผ่านเข้าออกได้เลย สำหรับผู้ที่ไม่มีบัตร ต้องติดต่อแลกบัตรเข้า-ออก ก็จะต้องทำการแลกบัตรกับพี่ รปภ. แล้วก็จะได้ใบกระดาษมาเพื่อจะต้องแสตมป์และยื่นให้พี่ยามในขาออก และมีทางเดินเท้าสำหรับคนเดินแยกไว้ต่างหากอีกทางหนึ่ง ด้านข้างป้อมพี่รปภ.มีกล้อง CCTV 2 ตำแหน่งส่องคนขับในระยะใกล้และส่องเลขทะเบียนค่ะ
ผ่านซุ้มโครงการเข้ามาที่ถนนหลักภายในโครงการซึ่งมีความกว้าง 9 ม. เท่ากับถนนซอยในโครงการ ถ้าเป็นช่วงด้านหน้าโครงการก็เป็นขนาดถนนที่สามารถใช้ประโยชน์ได้เหมาะสมเพราะจะมีบ้านแค่เพียงฝั่งเดียวอีกฝั่งหนึ่งเป็นสวนส่วนกลาง ทำให้การจอดรถหน้าบ้านจะมีเพียงฝั่งเดียว ก็เหลือพื้นที่ให้สามารถเดินรถสวนกันได้สะดวก
จากทางเข้าโครงการ ฝั่งขวาของทางเข้าจะมีทางแยกไปซอยอยู่อาศัยย่อยซึ่งกำลังอยู่ในช่วงก่อสร้างอยู่ ยังเข้าชมไม่ได้นะคะ
ส่วนฝั่งซ้ายของทางเข้าโครงการจะติดกับสวนส่วนกลางของโครงการ ซึ่งโครงการลงต้นไม้ไว้ให้ทั้งไม้ยืนต้นและไม้พุ่ม แต่ต้องรออีกหน่อยถึงจะให้ร่มเงาได้เยอะกว่านี้ซึ่งเป็นเรื่องปกติของโครงการเปิดใหม่นะคะ
มาดูภายในพื้นที่สวนกันนะคะ ภาพรวมของสวนจะเป็นต้นไม้ใหญ่สลับกับไม้พุ่มเตี้ยๆ ภายในสวนจะทำเป็นทางเดินไว้ ให้ลูกบ้านสามารถมาเดินเล่นได้
สวนเป็นแบบเปิดโล่งเข้าได้จากหลายๆด้านของสวน ภายในสวนนอกจากต้นไม้และทางเดินแล้ว ยังมีเครื่องเล่นเด็กและเครื่องออกกำลังกายติดตั้งให้ด้วย
มีสนามเด็กเล่นพร้อมเครื่องเล่นเด็กพร้อมชิงช้า และไม้ลื่น
มีมุมสำหรับนั่งเล่น ประชุม หรือสันทนาการกันของคนในหมู่บ้าน
เดินเข้ามาด้านในจะมีมุมนั่งเล่นในร่มเป็นแบบกึ่ง Outdoor ให้สามารถมานั่งเล่นในตอนเย็นๆได้ค่ะ
พื้นที่นั่งเล่นนี้จะยกระดับขึ้นจากพื้นทางเดินในสวนเล็กน้อย เป็นการเปิดมุมมองในการนั่งชมสวนให้สามารถรับวิวได้กว้างขึ้น
ภายในจัดชุดโต๊ะเก้าอี้รับแขกไว้ 6 ที่นั่ง
นอกจากที่พื้นที่นั่งเล่นในร่มแบบกึ่ง Outdoor แล้วก็ยังมีมุมพื้นที่นั่งเล่น Outdoor อีกมุมหนึ่งเป็นบรรยากาศที่ใกล้ชิดกับธรรมชาติมากขึ้นภายในจัดม้านั่งไว้ให้หลายตัวทีเดียว มุมนี้จะเหมาะมาใช้งานในเวลาเย็นๆที่แดดร่มแล้วนะคะ
จากพื้นที่สวนส่วนกลางเข้ามาด้านในโครงการจะเป็นพื้นที่ของบล็อกบ้านทางน์โฮม ซึ่งตอนนี้จะยังสร้างไม่เสร็จจึงยังไม่เห็นบรรยากาศด้านในนะคะ
สิ่งอำนวยความสะดวก
- สวนสาธารณะ
- ระบบ CCTV ที่ Main Gate และภายในโครงการ
- รั้วรอบโครงการสูง 2.5 ม.
- Key Card Access ระยะใกล้
- เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย 24 ชั่วโมง
- ประตูรั้วโครงการแบบรั้วกั้นไม้กระดก
- ถนนหลักและถนนภายในกว้าง 9 ม.
โครงสร้าง
- ระบบ Pre-casting และ Tunnelling โดยเอาแผ่นคอนกรีตสำเร็จรูปมาประกอบกันเป็นตัวบ้าน
โครงการ The Connect วงแหวน-รามอินทรา 2 เป็นบ้านทาวน์โฮม 2 ชั้น มีจำนวนบ้านในโครงการทั้งหมด 207 หลัง แบ่งเป็น 2 แบบดังนี้ค่ะ
- ทาวน์เฮ้าส์ 2 ชั้นแบบ 1 จอด – HX 1.5 ที่ดินมาตรฐาน 18.20 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 96.50 ตร.ม. หน้ากว้าง 5.7 ม. 3 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ 1 ที่จอดรถ
- ทาวน์เฮ้าส์ 2 ชั้นแบบ 2 จอด – HX 2 ที่ดินมาตรฐาน 20.40 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 113.50 ตร.ม. หน้ากว้าง 5.7 ม. 3 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ
วันนี้จะพาไปชมบ้านตัวอย่างทั้ง 2 แบบเทียบกับบ้านเปล่าด้วยนะคะ จะได้เห็นว่าบ้านจริงที่ลูกบ้านจะได้นั้นเป็นแบบไหน โดยแบบแรกที่จะพาชมคือแบบ HX 1.5 ค่ะ
แบบ HX 1 เป็นทาวน์โฮมแบบที่จอดรถ 1 คัน หน้ากว้าง 5.7 ม. เช่นเดียวกับแบบแรก แต่มีความลึกน้อยกว่าทั้งขนาดเล็กกว่าทั้งขนาดที่ดินและและพื้นที่ใช้สอย ผ่านรั้วบ้านเข้ามาจะเป็นพื้นที่สำหรับจอดรถ 1 คัน จากผังสามารถเข้าถึงในบ้านได้จากทางหลักด้านหน้าเท่านั้น คือบานประตูเลื่อนหน้าบ้านตรงห้องรับแขก โดยจะมีพื้นยกระดับจากพื้นที่จอดรถเป็นเฉลียงหน้าบ้านก่อนเข้าสู่ตัวบ้านด้านใน และมีห้องสำหรับเก็บของอยู่ใต้บันไดสามารถเปิดจากทางโรงจอดรถได้เท่านั้น
บ้านชั้นล่างวางผังในลักษณะรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า เป็นทางยาวเข้าไปจนสุดตัวบ้านด้านใน เมื่อเข้ามาจะเจอกับส่วนรับแขกซึ่งจะเชื่อมต่อกับพื้นที่ส่วนรับประทานอาหาร พื้นที่ทั้งสองตำแหน่งนี้ถูกออกแบบให้มีประตูทางเข้าและประตูด้านหลังที่ออกสู่หลังบ้านได้ เป็นบานกระจกขนาดใหญ่เพื่อรับแสงธรรมชาติและสามารถถ่ายเทอากาศได้ดี ฝั่งตรงข้ามกับส่วนทานอาหารจะเป็นพื้นที่ห้องครัวแบบครัวฝรั่ง ลักษณะเป็นครัวเปิด สามารถทำประตูบานเลื่อนกั้นพื้นที่ระหว่างครัวเพิ่มเพื่อการใช้งานครัวได้ดีและเป็นสัดส่วนมากขึ้น ติดกันกับครัวจะเป็นห้องน้ำที่มีขนาดเล็กแบบ Powder Room แต่ติดฝักบัวมาให้อาบน้ำได้ จะได้ไม่ต้องแย่งกันอาบน้ำที่ห้องน้ำด้านบนห้องเดียว
ชั้น 2 เมื่อเดินขึ้นมาจะเจอพื้นที่ชั้น 2 จะมีโถงบันไดเพื่อแยกพื้นที่ไปยังส่วนห้องนอนต่างๆ ที่ชั้น 2 จะมีห้องนอนทั้งหมด 3 ห้อง มีห้องน้ำ 1 ห้องใช้ร่วมกัน ห้องนอนใหญ่จะอยู่ตำแหน่งของหน้าบ้าน ส่วนห้องนอนเล็กอีก 2 ห้องจะอยู่ตำแหน่งด้านหลังของตัวบ้าน
การตกแต่งบ้านภายนอกออกมาเรียบง่ายในสไตล์ Modern เน้นใช้สีขาว-น้ำตาล ได้กระจกบานใหญ่ทำให้ตัวบ้านดูค่อนข้างโปร่งโล่ง มีระแนงด้านข้างสามารถบังสายตาส่วน CDU แอร์ได้
ภายนอกของบ้านมีที่จอดรถ 1 คันอยู่ส่วนหน้าบ้าน ประตูบานเปิดปิดหน้าบ้านเป็นทางเข้าหลัก บนชั้นสองส่วนหน้าบ้านเป็นห้องนอนใหญ่ที่ได้กระจกบานใหญ่ทางซ้ายมือ ส่วนหลังคาของตัวบ้านเป็นเพิงแหงนเข้าหาหน้าบ้าน ความยาวยื่นออกมาไม่เยอะ ทำให้บังแดดหรือฝนไม่ค่อยได้
ตัดภาพมาดูบ้านจริงกันบ้างบริเวณที่จอดรถในบ้านทำเป็นพื้นคอนกรีตให้เรียบร้อย ลักษณะเป็นที่จอดรถแบบกลางแจ้งไม่มีหลังคาคลุม ลูกบ้านสามารถติดตั้งผ้าใบยื่นออกมากันแดดกันฝนส่วนที่จอดรถได้นะคะ และเวลาฝนตกออกจากรถจะเข้าบ้านก็จะได้ไม่เปียกฝนด้วย
ในส่วนของสวนด้านหน้าและด้านข้าง (สำหรับแปลงมุม) จะให้เป็นพื้นที่ดินเปล่าๆ เลย โดยเจ้าของบ้านสามารถไปจัดสวนเองได้ หรือจะปูเป็นพื้นปูนกรุกระเบื้องนั่งเล่นหน้าบ้านก็แล้วแต่ไลฟ์สไตล์ของผู้อยู่อาศัยเลย หน้ารั้วบ้านมีโคมไฟตรงบริเวณเสาพร้อมกริ่งกดให้เรียบร้อย
รั้วด้านหน้าเป็นรั้วโปร่งเหล็กพ่นสีดำแบบบานเลื่อน ซึ่งจะใช้งานสะดวกกว่ารั้วแบบบานพับที่มักจะเห็นในโครงการทั่วไป น้ำหนักของรั้วค่อนข้างเบาเปิดง่าย แต่บริเวณหน้าบ้านไม่มีที่ทิ้งขยะทำไว้ให้ลูกบ้านต้องวางถังขยะไว้หน้าบ้านกันเอง
ประตูทางเข้าเป็นบานเลื่อนบานคู่ วงกบอลูมิเนียมสีดำ พร้อมมือจับ ตัวล็อกภายนอกและภายในบ้านพร้อมกระจกสีเขียวตัดแสง หนา 6 มม. ด้านหน้าจะติดไฟแบบซาลาเปาไว้ให้ ส่วนฝั่งซ้ายด้านในของที่จอดรถจะเห็นประตูเล็กๆ ด้านในทำเป็นห้องเก็บของค่ะ สามารถเก็บอุปกรณ์ทำสวน ทำความสะอาดได้พอสมควร
ที่เก็บของจะมีช่องเปิดจากหน้าบ้านเป็นแบบดึงเปิดธรรมดา หน้าบ้านมีช่องระบายอากาศได้เล็กน้อย และไม่มีตัวล็อกไว้ใช้เก็บเครื่องมือทำสวน อุปกรณ์ล้างรถรวมถึงอุปกรณ์ทำความสะอาดได้
พื้นที่เข้าหน้าบ้านจะมีการยกระดับทางขึ้นเป็นระเบียงด้านหน้าปูด้วยกระเบื้อง
ประตูทางเข้าหน้าบ้านเป็นบานเลื่อนที่เลื่อนได้ทั้งสองฝั่ง กรอบอลูมิเนียมอบสีดำ บานกระจกแบบตัดแสงสีเขียว ด้านหน้าเป็นเฉลียงหน้าบ้านกว้าง 1.2 เมตร ปูด้วยกระเบื้องเซรามิกสีเข้มขนาด 30 x 30 เซนติเมตร ส่วนพื้นบ้านยกระดับขึ้นมาจากทางเข้าเล็กน้อย ภายในปูด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้ขนาด 60 x 60 ซม.
ทางเข้าจะมีประตูบานเลื่อนแบบ 2 ตอน เป็นบานอลูมิเนียมสีดำ พร้อมตัวล็อกก้นหอย ด้านหลังประตูติดที่กันประตูกระแทกเวลาเลื่อนเปิดปิด
เข้ามาด้านในส่วนแรกจะเจอกับพื้นที่นั่งเล่นรับแขกก่อนนะคะ ความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดานชั้นล่าง 2.8 เมตร และประตูกระจกที่มีขนาดใหญ่ทำให้บ้านดูโปร่งโล่งดี ถัดไปเป็นพื้นที่สำหรับรับประทานอาหาร พื้นที่ครัวและห้องน้ำอยู่ด้านซ้าย สำหรับบ้านมาตรฐานจะได้เป็นบ้านเปล่าๆ เป็นผนังฉาบเรียบทาสีไม่มีเฟอร์นิเจอร์ตกแต่งนะคะ
มองย้อนกลับไปทางด้านหน้าบ้านส่วนพื้นที่นั่งเล่น ฝ้าเพดานด้านบนของบ้านมาตรฐานจะได้เป็นไฟซาลาเปาแบบนี้นะคะ
เข้ามาส่วนพื้นที่นั่งเล่นสามารถวางชุดโซฟาแบบ 2-3 ที่นั่ง และโต๊ะกลางเล็กๆ ได้โดยไม่เกะกะทางเดิน ส่วนระยะดูทีวีค่อนข้างกว้างประมาณ 1.8 เมตร โดยขนาดทีวีที่เหมาะกับระยะสายตาอยู่ที่ขนาด 40″-42″ ค่ะ
ฝั่งตรงข้ามกับโซฟาก็จะเป็นชั้นวางทีวี ที่ผนังจะทำเป็นกระจกเพื่อตกแต่งและทำให้บ้านดูกว้างขึ้น สามารถ Built-in ชั้นวางของแบบเต็มผนังได้ หรือจะแค่ทำชั้นวางทีวีอย่างในบ้านตัวอย่างก็ได้
ระหว่างพื้นที่นั่งเล่นและพื้นที่รับประทานอาหารมีพื้นที่ว่างประมาณ 1.5 ม. หากบ้านไหนสมาชิกน้อย จะเปลี่ยนตำแหน่งวางโซฟาเดี่ยวตรงนี้เป็นโต๊ะทำงานตัวเล็กๆ หรือ Built-in ชั้นวางของสวยๆ ใส่ของโชว์ก็ได้ แล้วแต่งานอดิเรกหรือไลฟ์สไตล์ของเราเลยค่ะ
ตำแหน่งวางโต๊ะรับประทานอาหาร สามารถตั้งโต๊ะทานอาหารแบบ 4-6 ที่นั่ง ได้สบายๆค่ะ และยังมีพื้นเหลือเดินรอบๆได้แบบไม่อึดอัด ประตูกระจกด้านหลังบานใหญ่ระบายอากาศและรับแสงธรรมชาติได้ดี
ด้านหลังโต๊ะอาหารมีหน้าต่างของตัวบ้านเป็นช่องแสงธรรมชาติที่รับแสงเข้ามาจากด้านหลัง ทำให้เวลานั่งทานข้าวเวลากลางวันจะร้อนสักนิด ต้องติดม่านช่วย วัสดุประตูเป็นบานเลื่อนอลูมิเนียมสีดำกระจกใสสีเขียว ช่วยสะท้อนแสงที่ส่องเข้ามาในบ้านได้ระดับนึง
ตัวรางของประตูถูกกดให้มีระดับที่เท่ากับพื้นกระเบื้องด้านในตัวบ้านทำให้เวลาเดินผ่านไม่ต้องกลัวสะดุดค่ะ
พื้นที่หลังบ้านจะมีงานระบบทั่วไปมารอไว้อยู่แล้ว ซึ่งบ้านตัวอย่างต่อเติมครัวไว้จนเต็มพื้นที่หลังบ้านแต่บ้านจริงทางโครงการจะเทปูนขัดเรียบไว้ให้ ขนาดของพื้นที่หลังบ้านถูกออกแบบให้กว้าง 2 ม. เป็นระยะมาตรฐานทั่วไป ซึ่งขนาดพอทำครัวไทยขนาดเล็ก-กลางได้ สำหรับการต่อเติมก็อย่าลืมระวังเรื่องกฎหมายด้วยนะคะ
ลานซักล้างอีกฝั่งหนึ่งก็จะได้เป็นพื้นที่แบบโล่งๆเช่นกันและจะมีปลั๊กไฟแบบมีฝาครอบ ติดตั้งไว้ให้ 1 ตำแหน่ง ส่วนรั้วรอบบ้านนี้มีความสูงประมาณ 1.8 ม.ค่ะ
จากหลังบ้านเราจะกลับเข้ามาดูในบ้านกันต่อ ติดกับโต๊ะทานข้าวจะเป็นพื้นที่สำหรับทำครัวในบ้าน ถ้าบ้านไหนมีผู้สูงอายุก็สามารถทำเป็นห้องนอนผู้สูงอายุแทนได้
ห้องครัวที่ได้เป็นห้องเปล่าๆ สามารถกั้นประตูบานเลื่อนเป็นครัวปิดได้เพื่อให้เหมาะกับการทำอาหารหนักมากขึ้น
ตำแหน่งการจัดวาง Pantry ของบ้านตัวอย่างจัดให้ดูเป็นไอเดียนะคะ โดยตำแหน่งของ Sink ควรจะใกล้หน้าต่างและ Hob & Hood ก็ไม่ควรอยู่ใกล้กับเครื่องใช้ไฟฟ้าอย่างตู้เย็นด้วยนะคะ เนื่องจากความร้อนของเตาอาจทำให้เครื่องใช้ไฟฟ้าเสียหายได้ ห้องที่ได้จริงเป็นห้องเปล่าลูกบ้านสามารถปรับตำแหน่งฟังก์ชันต่างๆในห้องครัวใหม่ได้
มีหน้าต่างบานเลื่อนตรงบริเวณครัว จะอยู่ตรงกับอ่างล้างจาน เป็นกระจกบานเลื่อน บานเดี่ยว วงกบอลูมิเนียมสีดำ พร้อมตัวล็อค หน้าต่างในตำแหน่งนี้จะสามารถช่วยเรื่องระบายอากาศและความชื้นจากบริเวณอ่างล้างจานได้ค่ะ
ฝั่งตรงข้าม Pantry เป็นห้องน้ำของชั้นล่าง บ้านตัวอย่างไม่ได้ติดตั้งประตูไว้ ทางทีมงานจึงไปถ่ายที่บ้านจริงมาให้ดูนะ ประตูเป็นบานสำเร็จรูปมีช่องระบายอากาศด้านล่างเล็กๆ ประตูเป็นแบบเปิดเข้า
พื้นห้องน้ำถูกลดระดับลงไปเล็กน้อยเพื่อกันน้ำจากห้องน้ำไหลออกมายังห้องครัว
ห้องน้ำชั้นล่างเป็นห้องน้ำที่มีพื้นที่สำหรับอาบน้ำแต่ไม่ได้กั้นส่วนเปียกแห้งไว้นะคะ ภายในจัดเป็นห้องน้ำแบบ 3 ฟังก์ชั่น ไล่ไปตั้งแต่อ่างล้างหน้ามาพร้อมกระจกส่องหน้าด้านบน โถสุขภัณฑ์พร้อมที่ใส่ทิชชูและสายชำระ ด้านในจะมีฝักบัวติดอยู่ที่ผนังอีกฝั่งหนึ่ง แต่พื้นทั้งหมดของห้องน้ำนี้จะไม่มีการลดระดับสำหรับการอาบน้ำ ดังนั้นการใช้งานจริงอาจจะยากหน่อย เพราะจะเลอะกันไปทั้งห้อง น่าจะเป็นการใช้งานแบบครั้งคราวมากกว่า
พื้นที่ห้องมีขนาด 1.7 x 1.3 เมตร ภายในปูด้วยกระเบื้องเซรามิกขนาด 30 x 30 ซม. กันลื่นได้ดีกว่ากระเบื้องแกรนิตโต้จึงนิยมใช้ในห้องน้ำ
อ่างล้างมือขนาดกะทัดรัดจาก Kohler
โถสุขภัณฑ์และอุปกรณ์ห้องน้ำจาก Kohler เช่นเดิม ด้านข้างโถมีความกว้างพอสมควรนั่งได้ไม่คับแคบไป
ส่วนพื้นที่อาบน้ำคือพื้นที่ทางเดินปลายโถสุขภัณฑ์ มีขนาดเล็กและไม่เป็นสัดส่วนเท่าไหร่ แต่ก็สามารถใช้งานได้นะคะ ดีกว่าต้องรอใช้ห้องอาบน้ำชั้นบนห้องเดียว ในเวลาเร่งด่วนอย่างช่วงเช้าๆ ที่รีบไปเรียนไปทำงานก็จะทำให้เสียเวลาได้
ติดตั้งฝักบัวไว้เรียบร้อย ยี่ห้อ Englefield ขนาดฝักบัวกะทัดรัด จับได้ถนัดมือดีค่ะ
ตำแหน่งของห้องน้ำอยู่ด้านในตัวบ้านไม่มีหน้าต่างระบายอากาศ จึงติดตั้งที่ระบายอากาศไว้ด้านบนฝ้า
กลับมาที่บันไดขึ้นชั้นบนจะมีพื้นที่ด้านข้างโล่งๆ สามารถ Built-in ตู้โชว์หรือตู้เก็บของก็จะเพิ่มพื้นที่สำหรับเก็บของในบ้านได้
บันไดเพื่อขึ้นไปชั้นบนบ้าน ตัวบันไดเป็นโครงสร้างคอนกรีตกว้างประมาณ 90 ซม. ปิดผิวด้วยไม้ยางพาราประสาน ทำสีไม้จริง
ราวบันไดแม้ไม่ได้มีตลอดแนวเพราะบางช่วงติดผนังทั้ง 2 ฝั่ง แต่บันไดช่วงด้านบนก็มีราวกันตกให้เรียบร้อย
ลักษณะบันไดเป็นบันไดรูปตัว U หรือแบบพับผ้า มีชานพักเล็กๆ ฝั่งขวาเป็นชานพักรูปสี่เหลี่ยมจึงเป็นจุดยืนพักได้สะดวก
ขึ้นมาด้านบนจะเจอกับโถงทางเดินเพื่อแยกไปยังห้องต่างๆค่ะ ประกอบด้วย 3 ห้องนอน ได้แก่ ห้องนอนใหญ่ ห้องนอนเล็ก 2 ห้องและห้องน้ำ
มาที่ห้องนอนเล็กติดกับโถงบันได ห้องนอนนี้สามารถวางเตียงขนาด 3.5 ฟุตได้พอดี ด้านข้างมีหน้าต่างอลูมิเนียมสามารถเปิดรับแสงและระบายอากาศให้ 1 ตำแหน่ง ในห้องตัวอย่างผนังห้องจะติด wall paper ไว้ให้แต่ห้องจริงจะเป็นผนังฉาบเรียบทาสีขาวค่ะ
ส่วนพื้นของห้องนอนจะเป็นพื้นลามิเนตหนา 8 มม. ปูยาวจากโถงทางเดินเข้าไปเลยนะคะ ไม่ได้มีขอบธรณีกั้นค่ะ เวลากวาดพื้นทางเดินก็ระวังฝุ่นเข้าห้องนอนด้วยนะคะ
พอเปิดประตูมาประมาณ 150 องศาก็จะมี Doorstop ให้ก่อนที่ลูกบิดจะไปกระแทกกับผนังอีกฝั่งหนึ่ง ตัว Doorstop นี้มีติดตั้งให้ทุกๆห้องนอนทั้งเล็กและใหญ่
พื้นที่ด้านข้างของเตียงฝั่งซ้ายที่ติดกับตู้เสื้อผ้ามีพื้นที่กว้างประมาณ 55 ซม. สามารถเดินขึ้นเตียงได้สะดวก ด้านในสุดจริงๆเป็นตำแหน่งวางโต๊ะหัวเตียง แต่ด้วยขนาดห้องและหน้าบานตู้แบบบานเปิดจึงไม่เหมาะจะวางโต๊ะหัวเตียง
ส่วนปลายเตียงเหลือพื้นที่ประมาณ 50 ซม. ค่อนข้างแคบแต่ก็สามารถ Built-in เป็นตู้เก็บของและเว้นช่องไว้ติดทีวีแบบแขวนผนัง ก็ทำให้มีช่องเก็บของเพิ่มขึ้นได้ค่ะ
ฝั่งผนังที่ติดกับประตู บ้านตัวอย่างจัดไว้ให้ดูเป็นตู้บานเปิด 2 บาน ซึ่งในขนาดพื้นที่ห้องที่ไม่ใหญ่มากแนะนำให้ใช้บานประตูของตู้เป็นบานสไลด์จะช่วยประหยัดพื้นที่ใช้สอยได้ดีกว่า ส่วนบริเวณหัวเตียงทางบ้านตัวอย่าง Built-in มาให้แบบเป็นชิ้นเดียวกันตั้งแต่หัวเตียงถึงตู้เสื้อผ้าเลยทำให้ประหยัดพื้นที่ใชสอย การตกแต่งในบ้านตัวอย่างนี้สามารถเก็บไปเป็นไอเดียในการแต่งบ้านได้อีกเช่นกันนะคะ เพราะบ้านจริงจะไม่ได้มีมาให้ค่ะ
ติดกันกับตู้เสื้อผ้าเป็นตำแหน่งสำหรับวางโต๊ะเครื่องแป้งตัวเล็กๆได้
มาดูห้องนอนเล็กอีกห้องกันค่ะ สำหรับห้องนี้มีขนาดพอๆกับห้องที่แล้ว โดยเหมาะกับการวางเตียงขนาด 3.5 ฟุตเช่นเดียวกัน ส่วนหน้าต่างบานเลื่อน 2 บาน ในห้องนอนห้องนี้จะมีเฉพาะบ้านแปลงมุมนะคะ ถ้าบ้านแปลงอื่นๆ จะมีเพียงบานเดียวมองไปทางด้านหลังบ้าน ส่วนอีกบานด้านข้างจะเป็นผนังฉาบเรียบ ตามรูปด้านล่างเลย
ห้องตัวอย่างวางเตียงเดี่ยวชิดผนังเลยนะคะ ทำให้เหลือพื้นที่ใช้สอยส่วนอื่นในห้องพอสมควร พื้นที่ด้านข้างของเตียงฝั่งขวาที่ติดกับตู้เสื้อผ้ามีพื้นที่กว้างประมาณ 1 ม. สามารถเดินขึ้นเตียงได้สะดวก ส่วนปลายเตียงเหลือพื้นที่ประมาณ 20 ซม. ไม่สามารถวางชั้นวางทีวีได้ ถ้าต้องการติดทีวีแนะนำเป็นแบบแขวนผนังค่ะ
ผนังฝั่งติดประตูห้อง มีพื้นที่ด้านข้างสำหรับวางโต๊ะเครื่องสำอางและตู้เสื้อผ้าขนาดกะทัดรัดได้ค่ะ
ต่อไปคือห้องน้ำชั้น 2 ภายในจัดแบ่งการใช้งานส่วนเปียกและส่วนแห้ง วัสดุปูพื้นเป็นกระเบื้องเซรามิกและส่วนผนังเป็นกระเบื้องแกรนิตโต้ ให้ชุดอ่างล้างหน้าพร้อมกระจกเงาแบบเดียวกับห้องน้ำชั้น 2 ของบ้านหลังแรก และสุขภัณฑ์พร้อมอุปกรณ์ต่างๆภายในห้องน้ำครบถ้วนค่ะ ทั้งหมดจาก Kohler และ Engfield ค่ะ
พื้นห้องน้ำลดระดับลงไป 4.5 ซม. จบขอบด้วยกระเบื้องสีดำเหมาะสมกับการใช้งานกับห้องน้ำ เพราะไม่บวมน้ำ และมีความคงทนต่อการใช้งานดี
อ่างล้างมือขนาดกะทัดรัด ด้านข้างก๊อกน้ำมีพื้นที่เล็กน้อยสามารถวางครีมหรือสบู่ล้างมือได้
ด้านล่างของอ่างล้างมือ Built-in เป็นตู้บานเปิดแบ่งเป็นช่องสามารถเก็บของใช้ภายในห้องน้ำได้เล็กน้อยค่ะ
Shower Box นี้ได้ตามห้องตัวอย่างเลยนะคะ ลักษณะเป็นประตูบานเลื่อนเข้ามุม มือจับอลูมิเนียมจับได้ถนัดมือ พื้นที่อาบน้ำมีระดับเท่ากันกับห้องน้ำส่วนแห้ง มีขอบวงกบของ Shower Box ที่สูงขึ้นมาเล็กน้อยกันน้ำไหลออกได้ระดับนึง
ส่วนพื้นที่อาบน้ำมีขนาดประมาณ 0.9 x 0.9 ม. ถือเป็นขนาดพื้นที่อาบน้ำกะทัดรัด พอดีตัว
ฝั่งตรงข้ามพื้นที่อาบน้ำเป็นที่วางโถสุขภัณฑ์
พื้นที่รอบสุขภัณฑ์มีความกว้างด้านข้างประมาณ 0.9 ม. ถือว่าเป็นพื้นที่นั่งได้สบายๆ ไม่อึดอัดมากนัก
ด้านบนติดระบบดูดอากาศให้เรียบร้อย
มาต่อกันที่ห้องนอนใหญ่ของบ้านอยู่ในตำแหน่งหน้าบ้าน ได้พื้นที่ใช้สอยด้านหน้าบ้านตลอดแนว ประตูห้องเป็นบานทึบมาพร้อมลูกบิดแบบธรรมดา
มาที่ห้องนอนใหญ่กันบ้างค่ะ ตำแหน่งของห้องนอนใหญ่จะอยู่ด้านหน้าบ้าน ลักษณะเป็นห้องนอนยาวตามความกว้างของหน้าบ้านเช่นเดียวกับบ้านหลังแรก รวมทั้งมีลักษณะการจัดวางแบ่งเป็นส่วนเตียงนอนและส่วน Walk in Closet เช่นเดียวกันค่ะ
ภายในห้องนอนใหญ่เป็นผนังฉาบเรียบทาสีขาว ติดไฟแบบดาวน์ไลท์ และระดับพื้นถึงฝ้าสูง 2.5 ม. สามารถวางเตียงขนาด 5 ฟุต หรือ Queen Size ได้สบายๆ ด้านข้างเตียงหรือหน้าบ้านได้ประตูบานเลื่อนกระจกขนาดใหญ่สามารถรับแสงธรรมชาติและระบายอากาศได้ดีค่ะ และเฉพาะบ้านแปลงมุมเท่านั้นที่จะได้หน้าต่างบริเวณข้างหัวเตียง ส่วนพื้นของชั้น 2 ทั้งหมดปูพื้นด้วยด้วยลามิเนต ลายไม้หนา 8 มม.
พื้นที่ด้านข้างของเตียงฝั่งซ้ายและขวามีความกว้างประมาณข้างละ 0.6 ม. สามารถเดินขึ้นเตียงได้สะดวกด้านในสุดเป็นตำแหน่งของโต๊ะหัวเตียง ซึ่งด้านหลังโต๊ะหัวเตียงติดตั้งปลั๊กไฟสำหรับเสียบชาร์ตแบตโทรศัพท์ หรือเสียบปลั๊กโคมไฟได้สะดวก
พื้นที่ปลายเตียงระหว่างเตียงนอนกับชั้นวางทีวีเหลือเป็นพื้นที่ทางเดินประมาณ 1.1 เมตร สามารถเดินผ่านได้สบายๆค่ะ
ด้านในสุดของห้องเป็นหน้าต่างบานเลื่อน ทำให้ภายในห้องมีช่องให้แสงธรรมชาติเข้ามายังห้องนอนได้เพียงพอ
ขอบวงกบระหว่างห้องนอนกับระเบียงถูกพื้นขึ้นมาประมาณ 17 ซม. เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำฝนจากภายนอกไหลเข้ามาในห้องได้
จากหน้าต่างบานใหญ่เปิดออกไปจะมีพื้นที่ด้านนอก ตรงนี้ไม่ได้ทำเพื่อไว้ใช้งานเหมือนระเบียงทั่วๆไปนะคะ จริงๆจะไม่ทำก็ได้นะคะ แต่ในการออกแบบนั้นเพื่อให้ได้ช่องแสงขนาดใหญ่ ที่สามารถเปิดรับลมได้ก็จำเป็นต้องมีราวกันตกไว้เพื่อความปลอดภัยค่ะ
เปิดออกมาถ่ายให้เห็นชัดๆเป็นพื้นที่กว้างประมาณ 45 ซม. ส่วนราวกันตกเป็นลูกกรงเหล็กทาสีดำค่ะ
ฝั่งปลายเตียงเป็นส่วน Walk in Closet สามารถกั้นฉากให้เรียบร้อยเหมือนห้องตัวอย่างได้ค่ะ ซึ่งก็จะสามารถแขวนทีวีได้ด้วย ด้านข้างมีหน้าต่างบานเล็กให้
ขนาดพื้นที่ส่วน Walk-in Closet ค่อนข้างกว้างทีเดียว เนื่องจากตำแหน่งของประตูทางเข้าห้องที่อยู่ตรงกลางตัวบ้าน ทำให้ได้พื้นที่ Walk in Closet ที่กว้างในส่วน
พื้นที่ Walk – in Closet นี้มีขนาดพอสมควรเลย
สามารถ Built – in ตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่ได้ และวางโต๊ะเครื่องสำอางได้สบายค่ะ
แบบ HX 2 เริ่มจากพื้นที่จอดรถที่สามารถจอดรถได้ 2 คัน ด้วยหน้ากว้าง 5.7 ม. ถือเป็นความกว้างที่สามารถจอดรถได้สบายและพอมีพื้นที่ทางเดินด้านข้าง ส่วนภายในบ้านเปิดประตูเข้ามาจะเจอกับโถงเล็กๆหน้าบ้าน และออกแบบบันได้ไปติดด้านข้างบ้านเป็นแนวยาว ทำให้พื้นที่นั่งเล่นชั้นล่างได้เป็นพื้นที่โล่งๆ แบบที่สามารถวางโซฟาเข้ามุมได้ แต่ในส่วนพื้นที่นั่งเล่นนี้จะค่อนข้างดูทีวีลำบากหน่อยเพราะต้องหันไปทางด้านข้าง ซึ่งถ้าใครชอบใช้พื้นที่นั่งเล่นนี้นั่งดูทีวีบ่อยๆ ก็สามารถสลับพื้นที่กับพื้นที่รับประทานอาหารได้นะคะ แต่ก็จะแลกกับความรู้สึกแปลกๆ หน่อยที่มีพื้นที่รับประทานอาหารอยู่ส่วนหน้าบ้าน ส่วนถัดไปคือพื้นที่รับประทานอาหารได้ขนาดยาวขึ้นมาอีกหน่อยวางโต๊ะขนาด 4-6 ที่นั่งได้
ถัดมาคือส่วนครัวและห้องน้ำในชั้นล่าง ซึ่งภายในมีการกั้นพื้นที่อาบน้ำเป็นสัดส่วน เวลาเร่งด่วนยามเช้าก็สามารถแบ่งสมาชิกในบ้านลงมาอาบในห้องชั้นล่างได้อีกห้องหนึ่ง ส่วนพื้นที่ครัวนี้ก็สามารถปรับเปลี่ยนเป็นห้องนอนสำหรับผู้สูงอายุได้และดันส่วนครัวไปยังด้านหลังบ้านได้ค่ะ ชั้น 2 แบ่งเป็นห้องนอน 3 ห้อง และห้องน้ำที่ใช้ร่วมกัน 1 ห้อง โดยห้องนอนเล็ก 2 ห้องจะอยู่ฝั่งหลังบ้านและห้องนอนใหญ่จะอยู่ฝั่งหน้าบ้านได้พื้นที่ห้องใหญ่เต็มความกว้างบ้านเลยค่ะ
โดยรวมแล้วด้วยขนาดพื้นที่ใช้สอยทำให้ได้ห้องน้ำชั้นล่างที่มีพื้นที่อาบน้ำที่ชัดเจน สมาชิกในครอบครัวสามารถแบ่งปันกันใช้งานได้ แทนที่จะต้องรอห้องน้ำชั้นบนห้องเดียว รวมไปถึงเหมาะกับครอบครัวที่มีผู้สูงอายุในบ้านด้วย เพราะไม่ต้องทุบเพื่อขยายพื้นที่สำหรับห้องนอนและห้องน้ำเพิ่มเติม แค่กั้นผนังติดประตูให้เรียบร้อยตรงส่วนครัวก็จะได้ห้องนอนผู้สูงวัยได้แล้ว ถือเป็นทาวน์โฮมขนาดเล็กที่ปรับเปลี่ยนไม่มากนักก็สามารถตอบโจทย์บ้านที่มีผู้สูงอายุได้แล้ว
รูปลักษณ์ภายนอกบ้านมีการใช้โทนสีและการออกแบบที่ไม่แตกต่างจากบ้านหลังแรกนะคะ คือเน้นบานกระจกขนาดใหญ่ สไตล์โมเดิร์นด้วยโทนสีคลุมโทนอย่างสีขาว-เทา-ดำ ส่วนหลังคาของตัวบ้านเป็นเพิงแหงนเข้าหาหน้าบ้านเช่นเดียวกับแบบแรก ความยาวยื่นออกมาไม่เยอะ ทำให้บังแดดหรือฝนไม่ค่อยได้ค่ะ
ที่จอดรถหน้าบ้านสามารถจอดได้ 2 คัน สบายๆ ด้วยความกว้างของหน้าบ้าน 5.7 ม. และมีพื้นที่ด้านข้างพอดีๆ ให้เดินผ่านหรือเปิดประตูรถได้สะดวก
ส่วนจุดที่แตกต่างคือส่วนรั้วค่ะ เนื่องจากที่จอดรถที่สามารถจอดได้ 2 คัน ทำให้ประตูนั้นต้องใช้เป็นแบบบานพับแทนที่บานเลื่อนแบบบ้านหลังแรกนะคะ ทั้งนี้เพื่อให้สามารถเปิดได้สุดพื้นที่ทั้ง 2 ด้านไม่กินพื้นที่ด้านข้างเหมือนบานเลื่อน แต่ก็แลกกับความสะดวกในการใช้งานที่ไม่ได้ใช้งานได้ง่ายเท่ากับประตูบานเลื่อนค่ะ
ลักษณะหน้าบ้านที่ได้เป็นประตูทึบแบบนี้ก็จะมีความเป็นส่วนตัวมากขึ้นกว่าประตูบานเลื่อนนะคะ ส่วนแสงสว่างก็ยังสามารถเข้าถึงภายในตัวบ้านได้จากหน้าต่างบานเลื่อนด้านข้างที่ได้ขนาดค่อนข้างใหญ่ และยังเปิดเพื่อระบายอากาศได้ดีด้วย ฝั่งซ้ายได้ติดตั้งปลั๊กไฟและ Stoper กันประตูชนกำแพงไว้เรียบร้อยค่ะ
มือจับประตูหน้าบ้านเป็นแบบก้านโยก ขนาดจับพอดีมือมือค่ะ ประตูฝั่งนอกบ้านจะใช้กุญแจเป็นตัวล็อกค่ะ ส่วนด้านในจะเป็นตัวหมุนนะคะ
พื้นหน้าประตูยกระดับขึ้นจากพื้นลานจอดรถเพื่อแยกเป็นส่วนถอดรองเท้าหน้าบ้าน พื้นยกระดับนี้ปูด้วยกระเบื้องเซรามิกผิวด้าน ที่มีความสูงขึ้นมา 8 ซม. มีข้อดีคือช่วยกันลื่นได้ ส่วนทางเข้าในตัวบ้านก็ยกระดับจากพื้นหน้าประตูอีกระดับหนึ่ง
พื้นภายในบ้านจะยกระดับสูงขึ้นจากเฉลียงประมาณ 7 ซม. ปูด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้สีขาวขนาด 60 x 60 ซม. ทั้งหมด
เข้ามาเจอส่วนโถงเล็กๆ ก่อน พื้นที่นี้บ้านตัวอย่างจัดเก้าอี้ตัวเล็กพร้อมกระจกด้านหลังไว้เป็นพื้นที่นั่งคอย หรือไว้เช็คความเรียบร้อยก่อนออกจากบ้าน สำหรับพื้นที่นี้สามารถ Built-in ชั้นวางของโชว์สวยๆ ก็ได้เช่นกัน ส่วนฝั่งขวาเป็นบันไดขึ้นชั้นบนค่ะ
เลี้ยวซ้ายมาจะเป็นพื้นที่นั่งเล่นที่เชื่อมกับโต๊ะรับประทานอาหาร ซึ่งพื้นที่นั่งเล่นนี้นั้นจะไม่ได้หันหน้าไปทางทีวีนะคะ สำหรับใครที่ชอบนั่งเล่นดูทีวีเพลินๆ เป็นหลักก็สามารถสลับพื้นที่กับส่วนรับประทานอาหารได้ ส่วนใครที่เน้นรับแขกบ่อยๆ การวางชุดโซฟาไว้ที่ด้านหน้าบ้านก็เหมาะสมกับการใช้งานดีค่ะ ในส่วนบ้านมาตรฐานที่ได้จะเป็นบ้านเปล่า ด้านบนได้โคมไฟทรงซาลาเปาค่ะ
เข้ามาภายในบ้านแล้วมองกลับไปที่ประตูหน้าบ้านจะเห็นพื้นที่อยู่อาศัยทั้งหมดในชั้น 1 นะคะ ฝั่งซ้ายจะเป็นตำแหน่งของประตูบ้านติดกันเป็นบันไดขึ้นชั้น 2 ส่วนฝั่งขวาไล่จากประตูเข้ามาจะเป็นพื้นที่วางโซฟาของห้องนั่งเล่น ถัดเข้ามาด้านในจะเป็นตำแหน่งสำหรับวางโต๊ะทานข้าวค่ะ
มาดูรายละเอียดทีละจุดนะคะ พื้นที่โถงเล็กๆหน้าบ้าน สำหรับพื้นที่นี้สามารถ Built-in ชั้นวางของโชว์สวยๆ ได้ หรือทำเป็นมุมนั่งเล่นวางโซฟาเล็กๆ ก็ได้เช่นกัน
ด้านข้างโถงหน้าบ้านจะเป็นตำแหน่งของห้องเก็บของ โดยบ้านตัวอย่างจะ Built-in ผนังและประตูห้องเก็บของเพิ่มเติม ในส่วนนี้สามารถเก็บไว้เป็นไอเดียในการตกแต่งบ้านได้
ห้องเก็บของสำหรับบ้านจริงที่ได้จะเป็นบานประตูสำเร็จรูป เปิดปิดด้วยมือจับขนาดกระทัดรัด ส่วนพื้นภายในห้องเก็บของเป็นพื้นเทคอนกรีตธรรมดาค่ะ
พื้นที่นั่งเล่นกว้างประมาณ 2.5 ม. พื้นที่ห้องนั่งเล่นจัดโซฟาขนาด 3 ที่นั่งเข้ามุมไว้ ตรงนี้เป็นข้อดีของแปลนบ้านที่จัดตำแหน่งประตูไว้ด้านข้างจึงมีพื้นที่ให้วางโซฟาเข้ามุมได้ค่ะ แต่ถ้าครอบครัวที่มีสมาชิกเกิน 3 คนก็คงจะไม่พอนั่ง คงต้องหาเก้าอี้สตูลมาเพิ่มสำหรับเวลาที่นั่งดูหนังพร้อมกันทั้งครอบครัวค่ะ
ด้านหลังโซฟาเป็นหน้าต่างบานเลื่อนใหญ่สามารถมองออกไปหน้าบ้านได้และเป็นพื้นที่รับแสงธรรมชาติเข้าบ้านทำให้ภายในบ้านดูสว่างและโปร่งโล่ง ส่วนหน้าต่างด้านข้างนี้จะได้เฉพาะบ้านแปลงมุมเท่านั้นนะคะ
สเปคของหน้าต่างจะเหมือนกับของทาวน์โฮมโครงการอื่นๆที่นิยมใช้ในสมัยนี้คือเป็นกรอบอลูมิเนียมอบสีดำ ตัวกระจกเป็นกระจกเขียวตัดแสงค่ะ ห้องนั่งเล่นก็จะได้แสงธรรมชาติจากหน้าต่างตรงนี้นะคะ
มือจับของหน้าต่างจะเป็นแบบฝังลงไปกับกรอบประตูนะคะ ระบบล็อกแบบ 2 ชั้นคือ ตัวล็อกที่มือจับประตูและตัวล็อกก้นหอยอีกชั้นนึง
จากตำแหน่งของโซฟามองไปยังชั้นวางทีวีจะได้มุมเอียงๆแบบนี้
ติดกันเป็นพื้นที่รับประทานอาหารมีขนาดประมาณ 3 x 2.5 ม. สามารถวางโต๊ะอาหารขนาด 4-6 ที่นั่งได้
ถัดมาฝั่งตรงข้ามห้องครัวก่อนจะถึงส่วนลานซักล้างมีพื้นที่เล็กๆ กว้างประมาณ 1.5 ม. ทำเป็นพื้นที่ทำงานเล็กๆ ได้ค่ะ
ประตูบานเลื่อนออกไปยังส่วนซักล้างด้านหลังบ้านแตกต่างจากบ้านหลังแรกนะคะ เพราะได้เป็นประตูบานเลื่อนเปิดได้ 2 ด้านจากตรงกลางออกด้านข้างและเป็นแบบ 4 ตอน ทำให้ได้ช่องเปิดกว้างขึ้นมาหน่อย มีพื้นที่ทางเดินหลังเปิดประตูแล้วประมาณ 1 ม.
ตัวรางของประตูถูกกดให้มีระดับที่เท่ากับพื้นกระเบื้องด้านในตัวบ้าน จึงไม่ต้องกังวลเรื่องสะดุดบานประตูนะคะ พื้นหลังบ้านจะลดระดับลงจากพื้นบ้านประมาณ 10 ซม.
พื้นที่หลังบ้านจะมีงานระบบทั่วไปมารอไว้เหมือนบ้านหลังแรกเลย สำหรับบ้านตัวอย่างหลังนี้จะต่อเติมพื้นที่ครัวและพื้นที่นั่งเล่นจนเต็มพื้นที่หลังบ้าน ซึ่งการต่อเติมก็อย่าลืมดูเรื่องกฎหมายด้วยนะคะ
พื้นที่หลังบ้านอีกฝั่งหนึ่งก็จะได้เป็นพื้นที่โล่งๆแบบนี้นะคะ จะมีปลั๊กไฟแบบมีฝาครอบ ติดตั้งไว้ให้ 1 ตำแหน่งค่ะ ส่วนรั้วรอบบ้านนี้มีความสูงประมาณ 1.8 ม.
กลับเข้ามาดูพื้นที่ใช้สอยภายในบ้านกันต่อ โดยพื้นที่ใช้สอยที่ติดกับประตูบานเลื่อนออกหลังบ้านจะเป็นพื้นที่ครัว
บ้านจริงจะได้เป็นพื้นที่โล่งๆ ติดตั้งท่อน้ำและปลั๊กไฟไว้เรียบร้อย ด้านข้างมีหน้าต่างให้ สำหรับระบายอากาศและความชื้นภายในครัวได้ดีค่ะ ในส่วนครัวนี้เราสามารถกั้นพื้นที่ด้วยประตูบานเลื่อนเพื่อทำเป็นส่วนครัวปิดได้นะคะ เพื่อให้เหมาะกับการทำครัว ทำอาหารหนักๆ ได้ดี ส่วนใครที่มีผู้สูงอายุในบ้านก็สามารถปรับเปลี่ยนฟังก์ชันส่วนนี้เป็นห้องนอนผู้สูงอายุได้แต่ก็จะไม่ได้พื้นที่ใหญ่มากเหมือนห้องนอนขนาดมาตรฐาน สามารถวางเตียงขนาด Single Bed เล็กๆ ได้ค่ะ ส่วนการกั้นห้องสำหรับห้องนอนผู้สูงอายุนั้นควรทำเป็นประตูบานเลื่อนแบบ 3 ตอน เพราะสามารถเลื่อนเปิดได้กว้าง ผู้สูงอายุใช้งานได้สะดวกกว่าค่ะ
การจัด Pantry แบบตัว L เหมือนกันกับบ้านหลังแรก แต่ตำแหน่งของเตาจะไม่ได้อยู่ติดกับตู้เย็นแล้วจะไปอยู่อีกฝั่งแทน การจัด Pantry ในบ้านแบบที่ 2 จึงเหมาะสมกว่าแบบแรก ซึ่งก็สามารถเก็บไว้เป็นไอเดียในการตกแต่งห้องครัวได้
อ่างล้างจานอยู่ตรงกับตำแหน่งหน้าต่าง ซึ่งเป็นกระจกบานเลื่อน บานเดี่ยว วงกบอลูมิเนียมสีดำ พร้อมตัวล็อค หน้าต่างในตำแหน่งนี้จะสามารถช่วยเรื่องระบายอากาศและความชื้นจากบริเวณอ่างล้างจานได้ค่ะ
ในพื้นที่ห้องครัวก็จะมีประตูห้องน้ำอยู่ด้านในประตูเป็นบานสำเร็จรูป มีช่องระบายอากาศด้านล่างเล็กๆ ประตูเป็นแบบเปิดเข้า
ภายในห้องน้ำแบ่งเป็นส่วนเปียกและแห้งได้เช่นเดียวกับบ้านหลังแรก เข้ามาด้านในจะเป็นอ่างล้างมือพร้อมกระจกเงา ฝั่งตรงข้ามอ่างเป็นส่วนโถสุขภัณฑ์และด้านในเป็นพื้นที่อาบน้ำค่ะ แต่จะไม่ได้ให้ฉากกั้นนะคะ ซึ่งเราสามารถติดตั้งเองได้ไม่ยาก โดยฉากกั้นกระจกที่เหมาะกับพื้นที่ที่มีความกว้างไม่มากคือฉากกั้นบานเลื่อนแบบ 3 ตอน ถ้าจะใช้บานเปิดก็ได้นะคะแต่ควรเช็คระยะบานเปิดหน่อยว่าติดกับฝักบัวหรือผนังไหมเพราะมีขนาดพื้นที่ที่ไม่ใหญ่มากนัก อุปกรณ์ในห้องน้ำเหมือนบ้านแบบแรกเช่นกัน ได้แก่ อ่างล้างมือขนาดกะทัดรัดจาก Kohler และอุปกรณ์ฝักบัวอาบน้ำจาก Englefield
อีกฝั่งหนึ่งของประตูเป็นตำแหน่งของโถสุขภัณฑ์ โถสุขภัณฑ์เป็นโถแบบสองชิ้นยี่ห้อKohler หรือเทียบเท่า
ขนาดพื้นที่อาบน้ำมีขนาดประมาณ 0.9 x 1 ม. กะทัดรัดค่ะ
ส่วนพื้นที่อาบน้ำมีระดับเดียวกันกับพื้นห้องน้ำส่วนแห้งยกธรณีขึ้นเล็กน้อยแยกส่วนเปียกชัดเจนกันน้ำไหลออกมาด้านนอก พื้นห้องน้ำลดระดับลงไปจากพื้นห้องครัว 3 ซม. ภายในปูกระเบื้องเซรามิกขนาด 30 x 30 ซม.
ไปขึ้นชั้น 2 กันต่อนะคะ ทางขึ้นจะอยู่ด้านข้างติดกับหน้าประตูทางเข้าบ้านเลย ด้านข้างติดกระจกบาน Fixed ให้ เพื่อให้แสงสว่างจากภายนอกเข้ามาในส่วนโถงบันได ดูสว่างขึ้นมาหน่อยโดยไม่ต้องเปิดไฟส่วนโถงบันไดในตอนกลางวัน
ช่องแสงของบันไดจะจัดไว้ติดฝั่งผนังด้านหน้าตัวบ้านช่วย เพื่อให้แสงสว่างจากภายนอกเข้ามาในส่วนโถงบันได ดูสว่างขึ้นมาหน่อยโดยไม่ต้องเปิดไฟส่วนโถงบันไดในตอนกลางวัน
บันไดเพื่อขึ้นไปชั้นบนบ้านมีโครงสร้างและวัสดุบันไดเหมือนบ้านแบบแรก ความกว้างของพื้นที่เดินอยู่ที่ประมาณ 1 ม. และเนื่องจากพื้นที่บันไดค่อนข้างแคบลูกตั้งของบันไดที่นี่เลยสูงกว่าปกติเวลาเดินขึ้นต้องระวังหน่อยนะคะ แต่ตัวลูกนอนถือว่าเป็นขนาดมาตรฐาน ด้านข้างมีมือจับกันตกให้ตลอดทาง
ลักษณะของบันไดเป็นรูปตัว U หรือบันไดแบบพับผ้า ส่วนชานพักบันไดเป็นแบบบันไดสามเหลี่ยมเข้ามุมซึ่งจริงๆชานพักควรจะเป็นขั้นสี่เหลี่ยมที่มีขนาดใหญ่พอให้ยืนพักได้ แต่เนื่องจากฝ้าสูงและมีพื้นที่บันไดน้อยจึงต้องยอมเปลี่ยนชานพักเป็นบันไดเข้ามุมแทน ส่วนราวบันไดนี้นั้นเป็นส่วนตกแต่งของบ้านตัวอย่างซึ่งในบ้านจริงจะไม่ได้ให้นะคะ ใครที่มีผู้สูงอายุในบ้านเดินไม่สะดวกมากนักก็แนะนำให้ติดราวบันไดเหมือนบ้านตัวอย่าง เพื่อความปลอดภัยและอาจลดอุบัติเหตุในบ้านได้ด้วยนะ
ขึ้นมาด้านบนจะเจอชานพักด้านหน้า เพื่อแยกไปยังห้องต่างๆค่ะ ประกอบด้วย 3 ห้องนอน ได้แก่ ห้องนอนใหญ่ ห้องนอนเล็ก 2 ห้องและห้องน้ำ 1 ห้อง
มาดูที่ห้องนอนเล็กสุดของบ้านกันก่อน ตำแหน่งห้องนี้อยู่ด้านหลังบ้านนะคะ ขนาดห้องกะทัดรัดเหมาะกับการวางเตียงขนาดเล็ก 3.5 ฟุต เพื่อให้พอมีพื้นที่ทางเดินเดินได้สะดวก ด้านข้างเตียงสามารถวางโต๊ะทำงานเล็กๆ ได้ค่ะ
ด้านข้างมีพื้นที่เหลือสำหรับเดินขึ้นเตียง และเป็นทางเดินในห้องประมาณ 1.65 ม. กว้างพอควรค่ะ ไม่อึดอัด
ภายในมีมุมเล็กๆ สำหรับวางโต๊ะทำงานหรือโต๊ะเครื่องแป้งได้
ห้องนอนเล็กอีกห้องหนึ่งจะมีขนาดใหญ่ขึ้นมาหน่อยจากห้องแรก ตำแหน่งของห้องนี้อยู่ด้านหลังบ้านเช่นกัน ลักษณะของห้องนี้เป็นแนวยาว สามารถวางเตียงขนาด 3.5 – 5 ฟุตได้ สำหรับห้องแปลงมุมจะได้หน้าต่างทั้ง 2 ด้าน ระบายอากาศได้ดี
ส่วนทิศทางการวางตำแหน่งหัวเตียงนั้นจะวางด้านข้างแบบนี้ตามห้องตัวอย่างก็ได้แต่จะมีทางเดินขึ้นเตียงแค่ทางเดียว ด้านข้างเตียงอีกฝั่งและปลายเตียงไม่มีทางเดินแล้ว นอกจากจะ Built-in หรือวางโต๊ะอย่างห้องตัวอย่างค่ะ ใครที่ติดดูทีวีในห้องนอนก็เปลี่ยนเป็นแขวนทีวีเอาแทนจะดีกว่านะคะ หรือจะวางหัวเตียงหันมาอีกทิศติดกับหน้าต่างหลังบ้านฝั่งหลังบ้านก็ได้นะคะ ซึ่งก็จะมีพื้นที่ปลายเตียงขึ้นเดินได้สะดวกขึ้นมาหน่อยค่ะ และสามารถแขวนทีวีที่ผนังปลายเตียงได้เช่นกัน ก็จะได้ระยะดูทีวีไกลขึ้นมาอีกหน่อย ทั้งนี้ต้องเช็คระยะเปิดของประตูเข้าห้องด้วยนะคะ ^^
ผนังฝั่งหนึ่งของห้องมีพื้นที่สำหรับวางตู้เสื้อผ้า ขนาดตู้เสื้อผ้าที่วางได้กว้างประมาณ 1.2 – 1.4 ม. สามารถใช้ตู้เสื้อผ้าแบบบานเปิดได้เพราะมีพื้นที่ทางเดินค่อนข้างกว้าง
พอวงเตียงชิดผนังฝั่งหนึ่ง ทำให้พื้นที่ข้างเตียงอีกฝั่งเหลือค่อนข้างกว้าง สามารถใช้งานได้โดยไม่อึดอัด
สำหรับผนังอีกฝั่งที่ติดประตูที่บ้านตัวอย่าง Built-in เป็นโต๊ะเครื่องแป้งยาวไปกับชั้นวางของปลายเตียง ทำให้ห้องนี้ฟังก์ชันค่อนข้างครบถ้วนในพื้นที่ที่จำกัด
ออกมาที่โถงชั้น 2 เป็นทางเดินไปยังพื้นที่ใช้สอยฝั่งหน้าบ้าน ฝั่งนี้จะมีห้องนอนใหญ่และห้องน้ำ
บริเวณหน้าห้องนอนใหญ่มีพื้นที่ยื่นออกมาเล็กน้อย สามารถวางจัดโต๊ะหมู่บูชาเล็กๆ สำหรับวางพระพุทธรูปได้นะคะ ส่วนพื้นของชั้น 2 ทั้งหมดปูด้วยลามิเนตค่ะ
ต่อมาดูห้องน้ำชั้นบน จะได้บานประตูเป็นบานสำเร็จรูปเหมือนประตูห้องน้ำชั้นล่าง ขนาดห้องน้ำใหญ่กว่าห้องน้ำที่ชั้นล่าง แบ่งเป็นพื้นที่แห้งและเปียกชัดเจน ด้านบนติดเครื่องดูดอากาศให้เรียบร้อย
ส่วนแห้งใช้ชุดสุขภัณฑ์เหมือนห้องน้ำชั้นบนของบ้านแบบแรก
ฉากกั้นอาบน้ำได้เป็นฉากกระจกบานเลื่อนตามห้องตัวอย่างเลยค่ะ
ขนาดพื้นที่ห้องน้ำมีขนาดกว้างอาบน้ำได้สบาย
ระดับพื้นส่วนเปียกจะเท่ากับส่วนแห้ง มีวงกบฉากกั้นยกขึ้นมาเล็กน้อยกั้นพื้นที่ไม่ให้น้ำไหลย้อนออกไปด้านนอก ส่วนพื้นห้องน้ำลดระดับลงไปเล็กน้อย ปิดขอบด้วยกระเบื้องสีดำ ซึ่งเป็นข้อดีกว่าการจบขอบด้วยไม้สำเร็จรูปนะคะ เพราะเวลาทำความสะอาดห้องน้ำก็อาจจะทำให้ตัวจบขอบโดนน้ำไปด้วยถ้าใช้ไม้สำเร็จรูปจบขอบก็สามารถบวมได้
ภายในพื้นที่อาบน้ำติดตั้งฝักบัวไว้เรียบร้อยยี่ห้อ Englefield เช่นเดิม ด้านบนซ้ายติดตั้งระบบสำหรับเครื่องทำน้ำอุ่นไว้ให้
ห้องสุดท้ายคือห้องนอนใหญ่ที่อยู่ทางหน้าบ้าน มีพื้นที่ใช้สอยมากกว่าห้องนอนเล็ก ตัวห้องกว้างขวางจะมีความยาวตลอดแนวหน้าบ้าน ผังของห้องนอนที่มีความยาวตลอดแนวบ้านมีข้อดีนะคะคือสามารถกั้นพื้นที่ตรงกลางทำเป็นพื้นที่แต่งตัวแบบ Walk-in Closet ได้ช่วยให้มีความเป็นสัดส่วนมากขึ้น
เข้ามาเป็นส่วนเตียงนอน สามารถวางเตียงขนาดใหญ่ 5-6 ฟุตได้ ด้านหน้าบ้านได้ประตูบานเลื่อนกระจกขนาดใหญ่ ทำให้ห้องนอนได้รับแสงธรรมชาติเข้ามาได้ดี สำหรับบ้านแปลงมุมจะได้กระจกด้านข้างหัวเตียงเพิ่มมาด้วยค่ะ
พื้นที่ด้านข้างของเตียงฝั่งซ้ายและขวามีพื้นที่กว้างประมาณข้างละ 0.8 ม. จึงสามารถเดินขึ้นเตียงได้สะดวก ด้านในสุดเป็นตำแหน่งของโต๊ะหัวเตียง ซึ่งด้านหลังโต๊ะหัวเตียงติดตั้งปลั๊กไฟสำหรับเสียบชาร์ตแบตโทรศัพท์ หรือเสียบปลั๊กโคมไฟได้สะดวก
พื้นที่ปลายเตียงระหว่างเตียงนอนกับชั้นวางทีวี เหลือเป็นพื้นที่ทางเดินประมาณ 1.65 เมตร สามารถวางโซฟาปลายเตียงได้สบายๆ
ด้านในสุดของห้องเป็นหน้าต่างบานเลื่อน ทำให้ภายในห้องมีช่องให้แสงธรรมชาติเข้ามายังห้องนอนได้เพียงพอ
มีราวกันตกหน้าบ้านเช่นเดียวกับบ้านหลังแรก ทำให้ได้หน้าต่างในห้องนอนเป็นบานใหญ่ที่สามารถเปิดรับลมได้ค่ะ
ฝั่งปลายเตียงเป็นส่วน Walk in Closet สามารถกั้นฉากให้เรียบร้อยเหมือนห้องตัวอย่างได้ค่ะ ซึ่งก็จะสามารถแขวนทีวีได้ด้วย ด้านข้างมีหน้าต่างบานเล็กให้
ขนาดพื้นที่ส่วน Walk-in Closet ไม่ได้ใหญ่เหมือนกับบ้านหลังแรกนะคะ เนื่องจากตำแหน่งของประตูทางเข้าห้องที่อยู่ค่อนมาทางด้านข้างใดข้างนึง ซึ่งทำให้กั้นพื้นที่ Walk in Closet ได้น้อยลง แต่ก็จะได้พื้นที่ส่วนเตียงนอนที่ใหญ่มากขึ้นค่ะ
แม้ขนาดจะเล็กกว่าบ้านแบบแรกแต่ภายในก็มีพื้นที่ให้สามารถ Built – in ตู้เสื้อผ้าและวางโต๊ะเครื่องแป้งได้ค่ะ
ปลั๊กไฟและช่องรับสัญญาณแบบมาตรฐาน จาก Schneider
**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะครับ
ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 14 November 2016
- แบบ HX 1.5 และ HX 2 แปลงมาตรฐาน พื้นที่ใช้สอย 96.5-113.5 ตร.ม. ที่ดิน 18.2-20.4 ตร.วา ราคา 2.16-2.46 ล้านบาท
- จองและทำสัญญา 25,000 บาท
- ที่ดินเพิ่มลด ราคาตร.วาละ 50,000 บาท
- ค่าส่วนกลาง 39 บาท/ตร.วา/เดือน จัดเก็บล่วงหน้า 3 ปี
- ค่าจดจำนอง ผู้ซื้อเป็นผู้ชำระ
- ค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายในการโอนกรรมสิทธิ์ ผู้ซื้อแล้วผู้ขายชำระฝ่ายละครึ่ง
- ค่าประกัน มิเตอร์ไฟฟ้า ประปา ผู้ซื้อเป็นผู้ชำระ
**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ครับ
ทำเล – โครงการ The Connect วงแหวน-รามอินทรา 2 เป็นทำเลย่านชานเมืองตอนบนฝั่งตะวันออก อยู่ติดถนนคู่ขนานกาญจนาภิเษกสภาพแวดล้อมรอบโครงการจะค่อนข้างโล่งเพราะไม่ได้อยู่ในแหล่งชุมชนและไม่ได้ติดหมู่บ้านอื่นๆ โดยพื้นที่รอบข้างจะเป็นที่ดินเปล่าและบ่อ Jet Ski จึงมีความเป็นส่วนตัวค่อนข้างสูงและได้มุมมองที่เปิดโล่ง แต่ก็ต้องแลกมากับแหล่งความอุดมสมบูรณ์ในระยะเดินนั้นไม่มี ที่ใกล้หน่อยก็จะมี Big C และ 7-11 ในซอยคู้บอน และศูนย์การค้าที่ใกล้ที่สุดคือ Fashion Island ก็จะมีแหล่งของกินของใช้ ซึ่งความอุดมสมบูรณ์ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ต้องอาศัยรถยนต์ไป
การเดินทาง – จะเหมาะสำหรับการใช้รถยนต์ส่วนตัวเป็นหลักเพราะทำเลของโครงการอยู่ใกล้จุดขึ้นลงตัวช่วยในการเดินทางทั้งทางด่วนอย่างรามอินทรา – อาจณรงค์ และวงแหวนรอบนอกทำให้มีทางหลีกเลี่ยงการจราจรที่คับคั่งสุดๆของถนนรามอินทราได้ นอกจากนี้ยังไม่ไกลจากถนนรามอินทรา ที่เป็นถนนหลักที่เชื่อมกับถนนสำคัญๆได้หลายสาย เช่น ถนนวิภาวดี – รังสิต, ถนนพหลโยธิน, ถนนลาดปลาเค้า, ถนนวัชรพล, ถนนนวมินทร์
ความปลอดภัย – ตามมาตรฐานของระดับราคานี้ ได้ระบบรักษาความปลอดภัยของโครงการมี รปภ. ดูแลตลอด และมีไม้กระดกกั้น การผ่านเข้า – ออกด้วยระบบ Keycard นอกจากนี้ยังมีระบบ CCTV 2 จุด ที่ Main Gate ส่วนความสูงรั้วรอบโครงการ 2.5 เมตร ซึ่งอยู่ในระดับมาตรฐานของโครงการในระดับราคานี้
การออกแบบโครงการ – โครงการวางผังโครงการมีผู้อยู่อาศัย จำนวน 207 หลัง จัดเป็นโครงการระดับกลางๆ ยังไม่หนาแน่นมากนัก สภาพแวดล้อมภายในโครงการจัดมาให้ตามราคา มีทางเท้าให้เดินได้เฉพาะริมถนนหลักของโครงการ การจัดแบ่งพื้นที่ในโครงการมีความแตกต่างกันของซอยทางฝั่งซ้ายและฝั่งขวา คือในซอยฝั่งซ้ายมีจำนวนยูนิตไม่มาก แต่ละซอยไม่เกิน 12 ยูนิต ทำให้มีความเป็นส่วนตัวและซอยไม่ลึกทำให้ดูแลความปลอดภัยได้ง่ายขึ้น ส่วนซอยฝั่งขวาและซอยกลางมีจำนวนยูนิตที่มากประมาณ 80-90 หลังจึงมีความเป็นส่วนตัวที่ลดลงมาค่ะ
วัสดุ – วัสดุโครงการถือว่าได้มาตามมาตรฐานราคาที่จ่ายนะคะ บ้านมาตรฐานจะได้เป็นบ้านเปล่า ฝ้าเพดานสูง 2.8 ในชั้นล่างและ 2.5 ในชั้นบน ชั้นล่างปูพื้นด้วยแกรนิตโต้ 60 x 60 ซม. และชั้นบนปูพื้นลามิเนตหนา 8 มม. ระเบียงและห้องน้ำเป็นกระเบื้องเซรามิก 30 x 30 ซม. ส่วนลานซักล้างเทพื้นคอนกรีตขัดเรียบให้ ได้ดวงโคมซาลาเปา และสุขภัณฑ์ห้องน้ำจาก Kohler และ Engfield
โครงการภายใต้แบรนด์ The Connect เป็นทาวน์เฮาส์ที่สร้างด้วย ระบบ Pre-casting มีรูปแบบบ้านในโครงการมีให้เลือก 2 แบบ คือแบบ 1 ที่จอดรถ และ 2 ที่จอดรถ ขนาดกะทัดรัด 96.50 และ 113.50 ตร.ม. เหมาะกับผู้อยู่อาศัยครอบครัวขนาดเล็กที่ต้องการห้องนอนตั้งแต่ 2 ห้องนอนขึ้นไป เน้นความ Modern ใช้หน้าต่างกระจกบานใหญ่เพื่อให้รับแสงธรรมชาติและระบายอากาศ ฟังก์ชันภายในค่อนข้างลงตัว คำนึงถึงการใช้งานจริงของสมาชิกในบ้าน อย่างห้องน้ำชั้นล่างที่สามารถอาบน้ำได้ ไม่ต้องแย่งกันอาบน้ำในห้องน้ำชั้นบนห้องเดียว ส่วนครัวให้มาเป็นสัดส่วนสามารถกั้นเป็นครัวปิดและมีขนาดใหญ่พอให้สามารถปรับเป็นห้องนอนผู้สูงอายุได้แต่ก็ต้องดันครัวออกไปด้านหลังบ้านแทน ส่วนห้องนอนใหญ่จะมีความยาวตามหน้ากว้างของบ้านทำให้สามารถแบ่งพื้นที่ส่วนแต่งตัวได้ด้วย
พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ – ซุ้มหน้าโครงการถือว่ามีขนาดใหญ่ดี ถนนหลักที่เป็นทางเข้าโครงการมีความกว้างตามาตรฐาน โดยถนนหลักและถนนซอยในโครงการมีขนาด 9 ม. สภาพภายในสวนโครงการดูร่มรื่นน่าใช้งาน นอกจากนี้มีพื้นที่สีเขียวระหว่างบล็อกบ้าน เป็นทั้งจุดกลับรถ ใช้เป็นส่วนพักผ่อนได้ และสามารถเดินผ่านจากอีกซอยไปอีกซอยได้ค่ะ
สาธารณูปโภค – สาธารณูปโภคที่ได้ตามราคาที่จ่ายไปเช่นกัน สำหรับพื้นที่ส่วนกลางนั้นจะมีไม่เยอะ เหมาะกับคนที่เน้นการอยู่อาศัยมากกว่าเน้นการใช้งาน Facilities โดยมีสวน ที่นั่งพักผ่อน และสนามเด็กเล่นให้ ซุ้มหน้าโครงการถือว่าสวยเข้ากับรูปแบบของโครงการ ทางเข้าออกติดตั้งกล้อง CCTV และระบบ Key Card Access ระยะใกล้ เพื่อความปลอดภัยและความสะดวกในการเข้าออกโครงการ
Judgement
ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง 40%, ความปลอดภัย 15%, การออกแบบและพื้นที่ใช้สอย 15%, วัสดุ 10%, พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ 10%, และสาธารณูปโภค 10%
เทียบกับแพคเกจ 2.1-2.5 ล้านบาท, 14 November 2016
- ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง 7.5/10 –ติดถนนคู่ขนานวงแหวนกาญจนาภิเษก ไปขึ้นทางด่วนได้สะดวก แต่ไม่มีความอุดมสมบูรณ์ในระยะใกล้
- ความปลอดภัย 7/10 – รั้วกั้นไม้กระดก, รปภ.หน้าหมู่บ้าน, Key card Access ระยะใกล้
- การออกแบบและพื้นที่ใช้สอย 8/10 – จัดฟังก์ชันลงตัว สามารถกั้นห้องนอนผู้สูงอายุที่ชั้นล่างได้
- วัสดุ 7/10 – มาตรฐานของระดับนี้
- พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ 7.5/10 -โครงการเล็ก ไม่หนาแน่นมาก สภาพในโครงการดี ได้สวนแนวยาวจึงช่วยให้บรรยากาศดูร่มรื่นพอสมควร
- สาธารณูปโภค 7/10 – ไม่เน้น Facilities มาก จัดสวน ที่นั่งพักผ่อน และสนามเด็กเล่นมาให้
- 7.4 / 10.00
BOTTOM LINE
The Connect วงแหวน-รามอินทรา 2 เหมาะกับครอบครัวขยายขนาดเล็ก ที่ต้องการที่อยู่อาศัยหรือทำงานในย่านรามอินทรา หทัยราษฎร์ หรือต้องการใช้ทางด่วนในการเดินทางเข้าเมืองอยู่เสมอ อยากได้ที่ทาวน์โฮมขนาดกะทัดรัด แต่ได้พื้นที่การใช้งานครบ ไม่เน้นใช้ Facilities ใช้รถยนต์เป็นหลัก มีงบประมาณ 2.1-2.5 ล้านบาท หรือมีกำลังผ่อนต่อเดือนประมาณ 15,000 – 18,000 บาท
ช่วยกันคอมเม้นท์ แบ่งปันข้อมูลกับเพื่อนๆที่กำลังหาบ้านหน่อยนะครับ
สมัครสมาชิกพร้อมรับข่าวสารเพิ่มเติม (คลิกที่นี่ )