โรงเรียนเตรียมทหารในปี 2511 (Credit: Noom11)

หลังจากกลุ่มคุณเจริญชนะการประมูลที่ดินโรงเรียนเตรียมทหารเก่าในปี 2556 โดยเริ่มแรกมีแผนที่จะพัฒนาให้เป็น Mixed-Use ขนาดใหญ่ พร้อมขับเคลื่อนอุณหภูมิให้บริเวณพระรามสี่ร้อนแรงขึ้นไปอีก ล่าสุดก็มีความคืบหน้าจากทาง TCC Group ซึ่งยอมเผยรายละเอียดของโครงการ (ที่อาจใหญ่ที่สุดในเมืองไทย) ด้วยมูลค่าสูงถึง 120,000 ลบ. ซึ่งทาง TCC Group  มอบหมายให้ Master Plan (บริษัทในเครือ) ศึกษาเบื้องต้น โดยมีชื่อโครงการว่า ONE BANGKOK เตรียมเปิดให้บริการเฟสแรกปี 2564

วิสัยทัศน์ของเราคือการสร้างสรรค์สถานที่ที่ผู้คนจะตกหลุมรัก และอยากมาใช้เวลาทำกิจกรรมต่างๆ ในที่แห่งนี้ ที่ที่ทำให้ทุกคนในกรุงเทพฯ รู้สึกว่าที่นี่คือส่วนหนึ่งที่ขาดไม่ได้ของกรุงเทพฯ และเมื่อโครงการแล้วเสร็จ จะกลายเป็นแลนด์มาร์คระดับโลกที่ยกระดับภาพลักษณ์ที่ดีงามของกรุงเทพฯ และประเทศไทยให้โดดเด่นเป็นสง่าบนเวทีโลก

นายเจริญ สิริวัฒนภักดี ประธานกรรมการ กลุ่มบริษัท ทีซีซี

บริษัท ทีซีซี แอสเซ็ท (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัท เฟรเซอร์ส  เซ็นเตอร์พอยท์ ลิมิเต็ด (FCL) ได้ผนึกกำลังร่วมกันพลิกโฉมพื้นที่ขนาด 104 ไร่ใจกลางของกรุงเทพฯให้กลายเป็นเมืองที่จะเป็นจุดหมายปลายทางที่ผู้คนจะต้องมาเยี่ยมเยือนให้ได้แห่งหนึ่งของโลกโดยโครงการดังกล่าวนี้จะถูกเนรมิตให้เป็นเมืองแห่งความครบครันเพื่อการใช้ชีวิตที่สมบูรณ์แบบแห่งแรกของประเทศไทยที่สร้างสรรค์ขึ้นโดยมุ่งเน้นให้ความสำคัญในเรื่องคนเป็นศูนย์กลางเรื่องความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อมและการใช้ชีวิตเมืองอย่างชาญฉลาด

โครงการแห่งนี้ใช้ชื่อว่า ‘One Bangkok’ (วัน แบงค็อก) มีมูลค่าการลงทุนมากกว่า 120,000 ล้านบาท จะเป็นโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์โดยภาคเอกชนที่มีขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมาในประเทศไทย และ  จะกลายเป็นแลนด์มาร์คระดับโลกแห่งใหม่ เมื่อส่วนแรกของโครงการเปิดให้บริการในปี พ.. 2564

นายเจริญ สิริวัฒนภักดี ประธานกรรมการ กลุ่มบริษัท ทีซีซี และ FCL กล่าวว่าจุดมุ่งหมายในการวางแผนและออกแบบโครงการ ‘One Bangkok’ (วัน แบงค็อก) คือการยกระดับภาพลักษณ์ของกรุงเทพฯ ในฐานะเมืองที่เป็นประตูเชื่อมโลกกับเอเชีย

‘One Bangkok’ คือเมืองแห่งความครบครันที่เป็นเมืองในเมืองกรุงเทพฯ ประกอบไปด้วยอาคารสำนักงานที่ล้ำยุค โรงแรมหรูที่มุ่งเน้นตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ ร้านค้าและพื้นที่ทำกิจกรรม ที่หลากหลายครบครันซึ่งจัดสรรไว้ในบริเวณต่างๆ ที่มีเอกลักษณ์แตกต่างแต่ผสมผสานกันอย่างลงตัว ที่พักอาศัยระดับอัลตราลักชัวรี่ พื้นที่พักผ่อนหย่อนใจมากมายหลายรูปแบบเพื่อการใช้ชีวิตของผู้คน พื้นที่ศิลปะและวัฒนธรรม รวมไปถึงพื้นที่สีเขียวและพื้นที่เปิดโล่งขนาดรวมกัน 50 ไร่จากพื้นที่ทั้งหมดของโครงการ 104 ไร่ โดยโครงการตั้งอยู่บนที่ดินเช่าจากสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ในทำเลทองบริเวณหัวมุมถนนวิทยุตัดกับถนนพระราม 4 ติดกับสวนลุมพินี เชื่อมต่อโดยตรงกับระบบขนส่งมวลชน พัฒนาโดยกิจการร่วมทุนระหว่างบริษัท ทีซีซี แอสเซ็ท (ประเทศไทย) จำกัด ถือหุ้น 80.1% กับและบริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ โฮลดิ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด (เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้) ถือหุ้น 19.9%

เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ คือ แบรนด์โครงการอสังหาริมทรัพย์ระดับนานาชาติของ FCL ซึ่งเป็นบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่มีชื่อเสียงระดับนานาชาติ และมีความมั่นคงอย่างเต็มเปี่ยม มีสินทรัพย์มูลค่ามากกว่า 17,600 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 605,000 ล้านบาท มีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับด้วยผลงานความสำเร็จในการการพัฒนาโครงการขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นโครงการที่สร้างประโยชน์ให้กับเมืองที่โครงการนั้นๆ ตั้งอยู่

นายปณต สิริวัฒนภักดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร FCL กล่าวว่าการผนึกกำลังในครั้งนี้จะเป็นหลักประกันว่าเราจะมีความสร้างสรรค์ที่ล้ำสมัย ขีดความสามารถที่ไม่มีข้อจำกัด และเงินลงทุนที่พร้อมอย่างเต็มที่สำหรับการเนรมิตโครงการที่ยิ่งใหญ่และน่าตื่นเต้นที่สุดโครงการหนึ่งของเรา

Image 1/2

 “ทีมพัฒนาโครงการ ‘One Bangkok’ (วัน แบงค็อก) นำโดยนางสาวซู หลิน ซูน นักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์มืออาชีพผู้ที่มีชื่อเสียงและประสบการณ์สูง ร่วมกับทีมงานมืออาชีพระดับโลก  อีกมากกว่า 100 คน จากบริษัทชั้นนำของไทยและระดับสากล ผนึกกำลังร่วมกันพัฒนาโครงการนี้

นางสาวซู หลิน ซูน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ‘One Bangkok’ (วัน แบงค็อก) จำกัด กล่าวว่าเรามองว่า การสร้างโครงการที่เป็นเสมือนเมืองระดับโลกใจกลางกรุงเทพฯ ‘One Bangkok’ (วัน แบงค็อก) จะต้องสะท้อนความเป็นไทย และสิ่งที่ขาดไม่ได้ที่จะต้องมีอยู่ในแผนแม่บทของโครงการ คือมาตรฐานคุณภาพที่เหนือกว่าที่เคยมีมา แนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดตามแบบสากล และความหลากหลายในเรื่องของรูปแบบการใช้ประโยชน์และสถาปัตยกรรม ซึ่งแผนแม่บทของโครงการทั้งหมดดูแลโดย Skidmore, Owings & Merrill LLP หรือ SOM* และผนึกกำลังทำงานร่วมกับผู้เชี่ยวชาญแถวหน้าของประเทศไทย ได้แก่  Plan Associates และ A49 ซึ่งเป็นการผสมผสานประสบการณ์จากทั้งในและต่างประเทศ จากบริษัทวางผังเมืองและบริษัทสถาปัตยกรรมที่ทรงอิทธิพลสูงที่สุดในวงการ โดยเราจะเนรมิตสังคมที่เต็มไปด้วยพลังและความมีชีวิตชีวา สะท้อนรูปแบบการใช้ชีวิตของคนในศตวรรษที่ 21”

นางสาวซู หลิน ซูน กล่าวว่าเมื่อองค์ประกอบทั้งหมดของโครงการ ‘One Bangkok’ (วัน แบงค็อก) เสร็จสมบูรณ์ในปี พ.. 2568 จะมีพื้นอาคารรวม (Gross Floor Area) ทั้งหมด 1.83 ล้านตารางเมตร ซึ่งประกอบไปด้วย

  1. อาคารสำนักงานเกรดเอที่สร้างตามมาตรฐาน LEED** และ WELL***
  2. โรงแรมหรูที่มุ่งเน้นตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ 5 โรงแรม
  3. ที่พักอาศัยระดับอัลตราลักชัวรี่ 3 อาคาร
  4. ร้านค้าปลีกและพื้นที่ทำกิจกรรม

โดยแต่ละองค์ประกอบของโครงการและแต่ละอาคารจะมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่โดดเด่น ทำให้โครงการมีความหลากหลายในเชิงของสถาปัตยกรรมอย่างเป็นธรรมชาติ โดยคาดว่าจะมีผู้คนมากกว่า 60,000 คนเข้ามาทำงานและพักอาศัยอยู่ในพื้นที่โครงการ ‘One Bangkok’ 

นางสาวซู หลิน ซูน กล่าวว่า ‘One Bangkok’ (วัน แบงค็อก) เป็นเมืองที่ครบครันแห่งแรกในประเทศไทย   ที่สร้างขึ้นโดยยึดหลักในเรื่องของความยั่งยืนเป็นตัวตั้ง โดยเป็นไปตามมาตรฐานการพัฒนาชุมชนแวดล้อมระดับลีดส์แพลตตินั่ม (LEED for Neighbourhood Development Platinum) และเราได้จัดสรรพื้นที่ภายนอกอาคารขนาดใหญ่ 50 ไร่จากพื้นที่ทั้งหมดของโครงการ 104 ไร่ ให้เป็นพื้นที่สีเขียวและพื้นที่เปิดโล่ง ซึ่งรวมถึงทางเดินขนาดกว้างมากกว่า 40 เมตรที่ร่มรื่นไปด้วยต้นไม้เขียวขจี ซึ่งถูกออกแบบภูมิทัศน์อย่างสวยงาม เลาะรอบโครงการทางฝั่งถนนวิทยุและถนนพระราม 4 โดยให้ความรู้สึกเชื่อมโยงความร่มรื่นเสมือนเป็นส่วนขยายของสวนลุมพินีซึ่งเป็นสวนสาธารณะอันเป็นที่รักของคนกรุงเทพฯ นอกจากนี้ยังได้จัดสรรพื้นที่ขนาด 10,000 ตารางเมตร ใจกลาง ‘One Bangkok’  (วัน แบงค็อก) ให้เป็นพื้นที่กิจกรรมที่   ทุกคนสามารถมาสนุกสนานและเพลิดเพลินไปกับการทำกิจกรรมทางศิลปะและวัฒนธรรมได้ ตลอดจนสามารถใช้เป็นพื้นที่จัดงานนานาชาติ หรือเทศกาลของไทยได้อย่างเหมาะสมลงตัวด้วย

อัพเดทความคืบหน้าของ One Bangkok วันที่ 31 ก.ค. 2562

  • ชูมาตรฐานใหม่ทั้งด้านการออกแบบ คุณภาพ ความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม และการใช้ชีวิตในสมาร์ท ซิตี้ (Smart City Living) พร้อมตั้งเป้าเป็นโครงการแรกในประเทศไทยที่ได้รับ
การรับรองมาตรฐานอาคารระดับสากลอย่าง LEED และ WELL Platinum รวมถึงมาตรฐานการพัฒนาชุมชนแวดล้อม LEED Neighborhood Development Platinum
  • มาสเตอร์แพลนแสดงผังภาพรวมของโครงการ ประกอบด้วย อาคารสำนักงานเกรดเอ 
ที่พักอาศัยระดับลักชัวรี่ พื้นที่ร้านค้าปลีก โรงแรมหรู และพื้นที่ศูนย์กลางสำหรับกิจกรรมทางศิลปะและวัฒนธรรม
  • Signature Tower สูง 430 เมตร จะกลายเป็นหนึ่งในสิบตึกที่สูงที่สุดในอาเซียน พร้อมมอบที่สุดแห่งวิวแบบพาโนราม่าของเส้นขอบฟ้ากรุงเทพฯ

One Bangkok เป็นโครงการอสังหาริมทรัพย์ครบวงจรที่พัฒนาโดยกิจการร่วมทุนระหว่างบริษัท ทีซีซี แอสเซ็ทส์ (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ โฮลดิ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด นับเป็นโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์โดยภาคเอกชนที่มีขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมาในประเทศไทย ชูมาตรฐานใหม่ทั้งด้าน
การออกแบบ ความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม และการใช้ชีวิตในสมาร์ท ซิตี้ (Smart City Living) โดยตั้งเป้าเป็นโครงการแรกในประเทศไทยที่ได้รับการรับรองมาตรฐานการพัฒนาชุมชนแวดล้อมอย่าง LEED Neighborhood Development Platinum พร้อมมุ่งเป็นแลนด์มาร์คครบวงจรระดับโลกแห่งใหม่ เปี่ยมไปด้วยศักยภาพใน
การดึงดูดบริษัทชั้นนำ นักท่องเที่ยว และคนไทย ด้วยอาคารสำนักงานเกรดเอ พื้นที่รีเทลชั้นนำ โรงแรมระดับลักชัวรี่ ที่พักอาศัย และพื้นที่ศูนย์กลางสำหรับกิจกรรมทางศิลปะและวัฒนธรรมที่เชื่อมต่อทั่วถึงกัน
ทั้งโครงการ

มาสเตอร์แพลนแบบมิกซ์ยูสของ วัน แบงค็อก ได้รับการออกแบบเพื่อให้เป็นที่สุดของเมืองแห่งความครบครัน เพียบพร้อมด้วยอาคารสีเขียว และการใช้พื้นที่อย่างมีประสิทธิภาพ เน้นผู้อยู่อาศัยเป็นศูนย์กลาง พื้นที่ในโครงการสามารถปรับเปลี่ยนให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาด พฤติกรรมผู้บริโภคสมัยใหม่ และเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ โดยมาสเตอร์แพลนประกอบด้วย 4 อาณาบริเวณที่เชื่อมต่อถึงกัน โดยมี
ใจกลางของโครงการอยู่ที่ Civic Plaza พื้นที่สันทนาการขนาด 10,000 ตารางเมตร รอบล้อมด้วยพื้นที่รีเทลและพื้นที่ไลฟ์สไตล์บริเวณส่วนล่างของตึก ส่วนพื้นที่สำนักงานและพื้นที่สำหรับที่อยู่อาศัยจะอยู่ส่วนบนของตึก


มาสเตอร์แพลนของ วัน แบงค็อก ยังให้ความสำคัญอันดับแรกๆ กับการเข้าถึงและการเดินทางอย่างสะดวกสบาย ตัวโครงการเชื่อมต่อกับสถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน MRT สายสีน้ำเงิน สถานีลุมพินี สะดวกต่อการเดินเข้าถึงทุกจุดของโครงการ พร้อมทางเข้าออกรอบโครงการถึง 6 จุด จากฝั่งถนนวิทยุ ถนนพระราม 4 รวมถึง
ทางเชื่อมโดยตรงกับทางด่วนซึ่งอยู่ระหว่างขั้นตอนการอนุมัติ ทางเข้าออกเชื่อมต่อโดยตรงกับชั้นใต้ดินซึ่งใช้ระบบบริหารจัดการจราจรอย่างชาญฉลาด ช่วยให้การหมุนเวียนด้านการจราจรภายในสะดวกง่ายดาย ทำให้ถนนหลักภายในโครงการปลอดโปร่งและปลอดภัยสำหรับคนเดินเท้า โดยวัน แบงค็อก มุ่งสร้างเมืองที่เป็นมิตรต่อคนเดินเท้าด้วยการออกแบบให้ถนนทุกสายและทุกซอยเชื่อมต่อกัน เรียงรายด้วยร้านค้า 
ร้านกาแฟ งานศิลปะ และพื้นที่จัดกิจกรรม เชื่อมต่อทุกส่วนประกอบของโครงการเข้าไว้ด้วยกัน ทางเดินในโครงการก็จะร่มรื่นด้วยต้นไม้ใหญ่ตลอดแนวถนน ทำให้การเดินภายนอกท่ามกลางสภาพอากาศของกรุงเทพฯ สบายยิ่งขึ้น ส่วนพื้นที่ในอาคารก็จะมีระบบปรับอากาศแบบประหยัดพลังงาน


ด้วยทำเลทองใจกลางเมือง วัน แบงค็อก มุ่งเป็นที่ตั้งบริษัทที่ทรงคุณค่าและน่าภาคภูมิใจในกรุงเทพฯ และจะเป็นศูนย์กลางด้านเศรษฐกิจแห่งใหม่ ด้วยพื้นที่เช่าสุทธิของอาคารสำนักงานเกรดเอทั้ง 5 อาคารรวมกัน
กว่า 500,000 ตารางเมตร รองรับบุคลากรขององค์กรต่างๆ ทั้งในประเทศและระดับนานาชาติ ได้มากกว่า 50,000 คน ออกแบบตามมาตรฐาน LEED และ WELL ติดตั้งเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ
การทำงานและยกระดับคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้น โดยกำหนดการก่อสร้างเป็นเฟสให้แล้วเสร็จในระหว่างปี พ.ศ. 2566-2569 นอกจากนี้ อาคารสำนักงานทั้ง 5 อาคารยังสอดคล้องกับการใช้พื้นที่รูปแบบมิกซ์ยูส 
ตอบโจทย์คนวัยทำงาน รายล้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกสบายรอบด้าน ที่เชื่อมต่อทุกมิติของ
การใช้ชีวิต ทั้งการทำงาน และการพักผ่อนได้อย่างลงตัว


วัน แบงค็อก ยังได้คำนึงถึงนิยามใหม่ให้กับย่านช้อปปิ้งในกรุงเทพฯ นำเสนอมากกว่าทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับการช้อปปิ้งและร้านอาหาร แต่จะเป็นจุดหมายปลายทางระดับโลกที่มอบความครบครัน พร้อมสรรพด้วยกิจกรรมที่หลากหลายสำหรับผู้มาเยือน ซึ่งจะเนรมิตให้วัน แบงค็อกกลายเป็นสถานที่ที่ไม่หลับใหล นอกจากนี้ ยังเปิดพื้นที่ให้แบรนด์ต่างๆ ได้สร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ด้วยพื้นที่รีเทล 4 โซน ที่มีความแตกต่างกันและเชื่อมต่อ
ถึงกัน พร้อมด้วยร้านค้าและร้านอาหารรวมกันกว่า 450 ร้าน บนพื้นที่ 180,000 ตารางเมตร รังสรรค์ประสบการณ์รีเทลที่แปลกใหม่และแตกต่าง ภายในที่แห่งเดียว ถือเป็นครั้งแรกของกรุงเทพฯ

  • สำหรับโรงแรม 5 แห่งภายใน วัน แบงค็อก ทั้งหมดจะเป็นแบรนด์ใหม่สำหรับกรุงเทพฯ เป็นทางเลือกที่โดดเด่นสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการบริการที่ดีที่สุดรวมถึงสิ่งอำนวยความสะดวกและความสะดวกสบายครบครัน ครอบคลุมตั้งแต่ระดับบูทีคโฮเทล โรงแรมเพื่อธุรกิจ ไปจนถึงระดับซูเปอร์ลักชัวรี่ รวมกว่า 1,100 ห้อง ได้รับออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ความต้องการและไลฟ์สไตล์ของผู้เข้าพักอย่างรอบด้าน โดยโรงแรมลักชัวรี่แห่งแรกคือ The Ritz-Carlton, Bangkok ที่จะพร้อมเปิดให้บริการในปี พ.ศ. 2566
  • ส่วนที่พักอาศัยของ วัน แบงค็อก จะตั้งอยู่บริเวณทิศเหนือของโครงการ เพื่อความสงบและความเป็นส่วนตัวของผู้พักอาศัย เปิดรับวิวทั้งจากฝั่งถนนวิทยุและฝั่งสวนลุมพินี โดยมีอาคารที่พักอาศัยระดับลักชัวรี่ทั้งหมด
3 อาคาร พร้อมมอบเอกสิทธิ์แห่งการใช้ชีวิตที่มองเห็นทิวทัศน์ธรรมชาติของสวนลุมพินี และวิวกรุงเทพฯ แบบพาโนรามาไร้สิ่งบดบัง ซึ่งที่พักอาศัยโครงการแรกจะตั้งอยู่เหนือโรงแรม The Ritz-Carlton, Bangkok ประกอบด้วยห้องที่ตกแต่งอย่างหรูหราขนาด 2-4 ห้องนอน จำนวน 110 ห้อง พื้นที่เริ่มต้นที่ 130 ตารางเมตร พร้อมเปิดตัวช่วงต้นปี พ.ศ. 2563

สิ่งที่ถือเป็นความสำเร็จของ วัน แบงค็อก คือ Signature Tower ที่สูงกว่า 430 เมตร ซึ่งจะเป็นหนึ่งในสิบตึก
ที่สูงที่สุดของอาเซียน โดดเด่นเป็นสง่าเติมเต็มเส้นขอบฟ้าของกรุงเทพฯ ภายในประกอบด้วยพื้นที่สำนักงานและโรงแรมหรูระดับซูเปอร์ลักชัวรี่ พร้อมมอบที่สุดแห่งประสบการณ์การชมวิวแบบพาโนราม่า สวยงามแบบ
ไร้ขอบเขตจากยอดตึก
ศิลปะและวัฒนธรรมเป็นอีกส่วนสำคัญที่มีบทบาทมากขึ้นเรื่อยๆ สำหรับการใช้ชีวิตแบบร่วมสมัยในเมือง โดย
วัน แบงค็อก มุ่งที่จะเป็นเป้าหมายของแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมที่ต้องมาเยือน และสร้างสีสันให้กับชุมชนด้วยศิลปะที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ พื้นที่ทั้งหมดในโครงการจะเชื่อมต่อถึงกันด้วยงานศิลปะตามแนวคิด
พหุประสาทสัมผัส เพื่อให้ผู้มาเยือนสัมผัสกับศิลปะรอบตัว นอกจากนี้ ยังมีฮอลล์เอนกประสงค์สำหรับจัด
การแสดง พิพิธภัณฑ์ หอศิลป์ และงานศิลปะหลากหลายรูปแบบ รวมถึงกิจกรรมศิลปะวัฒนธรรมตลอดทั้งปี

วัน แบงค็อก ได้รับการออกแบบให้มีสภาพแวดล้อมที่เชิญชวน ปลอดภัย และเต็มไปด้วยสีเขียวด้วยพื้นที่สีเขียวถึง 50 ไร่ จากพื้นที่รวม 104 ไร่ ซึ่งได้รับการจัดสรรให้เป็นพื้นที่เปิดโล่งเพื่อให้ผู้คนได้มาใช้เวลาร่วมกันมากขึ้น ซึ่งรวมถึง Civic Plaza ที่มีพื้นที่กว่า 10,000 ตารางเมตร สามารถเป็นศูนย์กลางการจัดงานแสดงระดับนานาชาติและงานเทศกาลต่างๆ ของไทยได้ และสวนรอบโครงการทั้งทางฝั่งถนนวิทยุและถนนพระราม 4 ที่กว้างกว่า 40 เมตร ร่มรื่นด้วยต้นไม้ เปรียบเป็นส่วนต่อขยายของสวนลุมพินี

ทั้งโครงการจะมีระบบโครงสร้างพื้นฐานส่วนกลางสุดล้ำสมัย ซึ่งนับเป็นแห่งแรกของประเทศไทยสำหรับโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์โดยเอกชน ประกอบด้วยระบบทำความเย็น ระบบรักษาความปลอดภัยแบบรวมศูนย์ ระบบการจัดการน้ำและพลังงาน ควบคุมดูแลโดยศูนย์ข้อมูล (District Command Centre) และเซ็นเซอร์อันชาญฉลาดมากกว่า 250,000 ตัว ที่คอยบริหารจัดการทุกระบบได้อย่างมีประสิทธิภาพ การผสานนวัตกรรมเพื่อความยั่งยืนเข้ามาในทุกองค์ประกอบของโครงการ ช่วยให้ทุกคนที่อยู่ในวัน แบงค็อก ไม่ว่าจะเป็นผู้ประกอบการ ผู้มาเยือน และผู้อยู่อาศัย ล้วนได้รับประโยชน์จากการประหยัดพลังงาน สิ่งแวดล้อมที่สะอาด ซึ่งจะส่งผลให้คุณภาพชีวิตดีขึ้น

สำหรับควาบคืบหน้าของการก่อสร้าง งานเสาเข็มของโครงการได้สำเร็จลุล่วงเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา พร้อมเปิดเฟสแรกในปี พ.ศ. 2566 และก่อสร้างแล้วเสร็จทั้งหมดภายในปี พ.ศ. 2569

หนังสือ Think of Living