cover2 3-4 review

รีวิวฉบับที่ 1000 แล้ว สวัสดีค่ะ วันนี้จะพาไปชมบ้านตัวอย่างของโครงการ SIAMESE blossom @fashion ที่อยู่ซอยรามอินทรา 64 สามารถเข้าได้จากถนนรัชดา-รามอินทรา ที่เป็นถนนตัดใหม่ระหว่างซอยรามอินทรา 62 และ 66 ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากมอเตอร์เวย์สาย 9 หรือถนนกาญจนาภิเษก เป็นโครงการทาวน์โฮมสูง 3 ชั้นครึ่ง มี 3 แบบ คือหน้ากว้าง 4.8, 5.2 และ 5.45 เมตร บนที่ดินเริ่มต้น 18 ตารางวา ในราคาเริ่มต้น 4.686 ล้านบาท 

Facts @ 15 January 2016

  • SIAMESE blossom @fashion (ไซมิส บลอสซั่ม แอท แฟชั่น)
  • Developer : บริษัท ไซมิส แอสเสท จำกัด
  • Architect Firm : บริษัท สถาปนิกสมดุล จำกัด
  • Construction Company : บริษัท ฤทธา จำกัด
  • MAIN – UPPER CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment บ้านได้ที่นี่)
  • โครงการตั้งอยู่ในเขต : คันนายาว กรุงเทพ
  • เนื้อที่โครงการ n/a ไร่ จำนวน 120 ยูนิต
  • ทาวน์โฮม 3 ชั้นครึ่ง หน้ากว้าง 4.8 เมตร ที่ดินเริ่มต้น 18 ตารางวา พื้นที่ใช้สอยเริ่มต้น 187 ตารางเมตร 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ
  • ทาวน์โฮม 3 ชั้นครึ่ง หน้ากว้าง 5.2 เมตร ที่ดินเริ่มต้น 22.1 ตารางวา พื้นที่ใช้สอยเริ่มต้น 226 ตารางเมตร3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ
  • ทาวน์โฮม 3 ชั้นครึ่ง หน้ากว้าง 5.45 เมตร ที่ดินเริ่มต้น 23.2 ตารางวา พื้นที่ใช้สอยเริ่มต้น 233 ตารางเมตร3 ห้องนอน 4 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ
  • ราคาเริ่มต้น 4.686 ล้านบาท หรือ 260,333 บาท/ตร.วา
  • คาดว่าแล้วเสร็จทั้งโครงการ : ต้นปี 2559
  • เวปไซต์โครงการ : คลิกที่นี่
  • โทร : 081-931-1411

 

เพียงแค่การกด Like ก็เท่ากับการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจาก Think of Living แล้วค่ะ

สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างนะ

FB-06-2

เจาะลึกเรื่องทำเลที่ตั้ง

พิกัด : 13.815514, 100.680524

Print

แผนที่โครงการ SIAMESE blossom @fashion ในส่วนที่เป็นทาวน์โฮมที่อยู่ซอยรามอินทรา 64 สามารถเข้าได้จากถนนรามอินทรา เข้าถนนรัชดา-รามอินทราที่อยู่ระหว่างซอยรามอินทรา 62 และ 66 ฝั่งถนนรามอินทราไปวงแหวนรอบนอก

01 map copy

SIAMESE blossom @fashion ตั้งอยู่ในเขตคันนายาว ตอนเหนือของกรุงเทพ ทางเข้าโครงการหลักอยู่ที่ซอยรามอินทรา 64 ต้องเข้าจากถนนรามอินทราฝั่งซอยรามอินทราเลขคู่ ระหว่างซอยรามอินทรา 62 และ 66 ซึ่งจะเจอกับซอยรามอินทรา 66 ก่อนทางซ้ายมือ ก็เตรียมตัวเลี้ยวเข้าถนนรัชดา-รามอินทราได้เลย จากนั้นซอยรามอินทรา 64 จะอยู่ทางซ้ายมืออีกที จากถนนรัชดา-รามอินทราด้านหน้าโครงการยังมีจุดกลับรถใต้สะพานทั้งสองฝั่ง สามารถกลับไปมาได้สบายๆ โดยสะพานด้านบนคือสะพานของถนนรัชดา-รามอินทราที่ข้ามมอเตอร์เวย์หมายเลข9 หรือวงแหวนรอบนอก หรืออีกชื่อคือถนนกาญจนภิเษก ซึ่งพอข้ามสะพานรัชดา-รามอินทราไปแล้วก็จะไปบรรจบกับถนนเกษตร-นวมินทร์พอดี นอกจากนี้ยังและอีกเส้นทางหนึ่งคือจากเส้นมอเตอร์เวย์ฝั่งตะวันออก ซึ่งสามารถมาได้จากแถบรังสิต-ปทุมที่อยู่ทางตอนเหนือ และแถบสมุทรปราการทางใต้ โดยจะมีทางลงที่ถนนรัชดา-รามอินทราที่ฝั่งตรงข้ามโครงการ แล้วก็สามารถไปกลับรถเข้าซอยรามอินทรา 64 ได้พอดี ส่วนทางขึ้น-ลงทางด่วนที่ใกล้ที่สุด คือ ด่านจตุโชติที่ขึ้นทางด่วนรามอินทรา-อาจณรงค์มีจุดเชื่อมต่อไปยังวงแหวนรอบนอกฝั่งตะวันออกได้

02 map (2) copy

สำหรับคนไม่ใช้รถ ในปัจจุบันยังไม่มีเส้นทางที่จะเข้าถึงตัวโครงการได้อย่างเส้นทางรถไฟฟ้าหรือรถใต้ดินต่างๆ แต่ในอนาคตจะมีเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีชมพูตลอดถนนรามอินทรา โดยสถานีใกล้เคียงก็จะมีสถานีนพรัตนราชธานี ที่ปกติแล้วจะมีทางขึ้น-ลงทั้งสองฝั่งคือฝั่งถนนรามอินทราซอยเลขคี่และซอยเลขคู่ ซึ่งเราก็สามารถเดินลงฝั่งที่ใกล้กว่าคือซอยรามอินทราฝั่งเลขคู่แล้วก็เดินเข้าโครงการหรือต่อพี่วิน พี่แท๊กซี่ได้ ระยะทางน่าจะอยู่ที่ประมาณ 1 กิโลเมตรกว่าๆ ส่วนสถานีวงแหวนตะวันออกจะอยู่ใกล้แยกปัญญารามอินทราที่ใกล้กับศูนย์การค้าอย่าง Fashion Island และ Promenade และโรงพยาบาลต่างๆ ส่วนการเรียกรถ Taxi แถวหน้าโครงการก็มีบ้าง แต่ถือว่าไม่ใช่ถนนที่เป็นเส้นทางหลัก แต่ก็เป็นถนนใหญ่ ป้ายรถเมล์ พี่วิน รถตู้ สองแถวจะมีที่ถนนรามอินทรามากกว่าถนนรัชดา-รามอินทรา

ความอุดมสมบูรณ์ของย่านนี้มีพอสมควร ถ้าใกล้ๆเลยอย่างถนนรัชดา-รามอินทราก็จะมีร้านอาหารตามสั่ง ก๋วยเตี๋ยว ร้านกาแฟ อยุ่ก่อนถึงโครงการ แต่ถ้าไกลออกมาหน่อยในระยะขับรถก็จะเกาะกลุ่มกันอยู่ตามแนวถนนรามอินทราสองข้างทาง ร้านอาหารต่างๆให้เห็นเป็นระยะ พอให้เราได้พึ่งพาอาศัยได้ อย่าง The Promenade และ Fashion Island ใกล้กับจุดตัดวงแหวนตะวันออก และยังมีโรงพยาบาลขนาดอย่างโรงพยาบาลนพรัตนราชธานีและโรงพยาบาลสินแพทน์อยู่ในระยะไม่ไกล

03 map copy

ส่วนเส้นทางที่เราจะพาไปกันในวันนี้คือเส้นทางหลักจากถนนรามอินทรา ที่มาจากหลักสี่ ตรงยาวมาเรื่อยๆ ผ่าน Fashion Island แล้วไปกลับรถที่หน้าโรงพยาบาลนพรัตนราชธานีไปฝั่งถนนรามอินทราที่เป็นซอยเลขคู่ ชิดซ้ายเมื่อเห็นซอยรามอินทรา 66 แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าถนนรัชดา-รามอินทรา จากนั้นเลี้ยวซ้ายเข้าซอยรามอินทรา 64 ก็จะเข้าที่ทางด้านหน้าโครงการพอดีเป๊ะ

baan sirinrat location 1

เราเร่ิมต้นการเดินทางกันที่ถนนรามอินทรามุ่งหน้ามีนบุรีเกือบถึงแยกรามอินทรา จะมีป้ายบอกทางคือตรงไปมุ่งหน้ามีนบุรี เลี้ยวซ้ายเข้าถนนวัชรพล ถ้าขึ้นสะพานแล้วเลี้ยวซ้ายจะขึ้นวงแหวนรอบนอกฝั่งตะวันออก และถ้าขึ้นสะพานแล้วแยกขวาไปจะเป็นทางด่วนไปยังพระราม 9-เอกมัย หรือบางนา-ดาวคะนอง

baan sirinrat location 2

ขับมาเรื่อยๆจะถึงทางแยก ซ้ายมือจะเบี่ยงเพื่อเข้าต้นถนนวัชรพล ถ้าเลี้ยวซ้ายจะเข้าซอยรามอินทรา 47 ส่วนเราจะตรงไปตามถนนรามอินทราต่อไป ด้านหน้าจะมีทางขึ้นทางด่วนอยู่ซ้ายมือ

baan sirinrat location 3

ตรงมานิดเดียวทางซ้ายมือจะมีทางขึ้นทางวนรถเพื่อขึ้นทางด่วนรามอินทรา-อาจณรงค์ เดี๋ยวเราจะตรงไปลอดใต้ทางด่วนด้านหน้านะคะ ทางซ้ายมือใกล้ทางด่วนจะมีลานกิจกรรมอย่างสนามกีฬาที่ปูด้วยพื้นยาง

baan sirinrat location 4

ผ่านทางด่วนมาก็ยังอยู่บนถนนรามอินทรากว้าง 10 เลน กั้นการเดินรถด้วยเกาะกลางที่มีไฟถนนและต้นไม้สูง ซอยทางซ้ายมือคือซอยรามอินทรา 57 ด้านหน้าจะมีสะพานลอย ป้ายรถเมล์อยู่เรื่อยๆตามระยะต่างๆ และมีรถสองแถวเดินอยู่ตามความยาวของถนนรามอินทรา

baan sirinrat location 5

ป้ายรถเมล์ตามระยะต่างๆ ซ้ายมือเป็นทางลัดเข้าสุขาภิบาล 5 ที่สามารถแยกออกไปยังถนนวัชรพลและถนนเพิ่มสิน

baan sirinrat location 6

นอกจากนั้น บนถนนรามอินทรายังมีแยกไฟเขียวไฟแดงอยู่เรื่อยๆ อย่างด้านหน้าเป็นทางสามแยก เลี้ยวซ้ายเข้าซอยรามอินทรา 40

ตรงมาเรื่อยๆจะมีป้ายบอกเส้นทางถ้าเบี่ยงซ้ายจะไปออกถนนคู้บอน แต่ถ้าตรงไปจะเข้ามีนบุรีหรือไปเข้าถนนกาญจนาภิเษก

ทีนี้เราจะเจอกับสะพานข้ามแยกอีกอันนึง เป็นสะพานข้ามแยกถนนนวมินทร์ หรือเรียกว่าแยกนวมินทร์กม.8 เราจะเห็นคอนโดลุมพินีทาวน์เด่นอยู่ขวามือ

พอลงสะพานข้ามแยกมาจะเจอกับโรงพยาบาลสินแพทย์อยู่ฝั่งตรงข้าม

หลังจากนั้นจะเจอป้ายบอกทางว่าข้างหน้าทางซ้ายจะเป็นแยกรามอินทรา-กาญจนาภิเษก(วงแหวนรอบนอกตะวันออก) ให้เราอยู่เลนตรงกลางไว้ ซึ่งถ้าเราชิดซ้ายก็จะสามารถไปถนนปัญญาอินทรา หรือมีแยกเข้า Fashion Island หรือ Promenade หรือขึ้นสะพานวนไปทางขวาเข้าวงแหวนรอบนอกได้ด้วยเช่นกัน

พอลอดใต้สะพานเข้าวงแหวนมาแล้วซ้ายมือจะเป็น Promenade และศูนย์การค้า Fashion Island ช้อปปิ้งมอลล์ที่ใหญ่ที่สุดในบริเวณนี้ มีสะพานลอยข้ามมาได้จากฝั่งซ้ายรามอินทราเลขคู่ เราสามารถใช้ได้

พอพ้นห้าง fashion island มาปุ๊ปจะเจอกับศูนย์ Toyota Sure อยู่ทางซ้ายมือ ให้เราเบี่ยงไปเลนซ้ายนิดนึง เพราะถ้าอยู่เลนขวาจะเป็นที่กลับรถ

จุดกลับรถใต้สะพานตรงนี้จะวนไปฝั่งซอยรามอินทราเลขคู่ที่ซอยรามอินทรา 62 ซึ่งยังไม่ถึงตัวโครงการนะคะ เราจะต้องตรงไปก่อนอีกนิดนึงแล้วกลับรถ

ตรงมาอีกหน่อยก็จะเป็นปั้มน้ำมันปตท.สามารถแวะเติมก่อนเข้าโครงการได้

ตรงมาอีกนิดเดียวพอเห็นโรงพยาบาลนพรัตนราชธานีอยู่ทางซ้ายมือ จุดกลับรถก็จะอยู่ใกล้ๆเลย

จุดกลับรถอยู่ด้านหน้า ต้องรอหาจังหวะกันนิดหน่อย

กลับรถมาแล้วก็จะเจอป้ายบอกทาง ว่าถ้าอยู่เลนขวาสุดจะกลับไปหลักสี่ ถ้าอยู่เลนกลางจะสามารถไปขึ้นวงแหวนรอบนอกที่มีการเก็บเงินค่าผ่านทาง มุ่งหน้าไปยังบางปะอิน-บางนาได้ ส่วนเราจะชิดซ้ายเข้าถนนรัชดา-รามอินทราที่สามารถไปเข้าที่เส้นเกษตร-นวมินทร์ได้

ตรงมาก็จะเห็นซอยรามอินทรา 66 อยู่ทางซ้ายมือ เราก็จะเลี้ยวซ้ายตรงนี้เข้าถนนรัชดา-รามอินทรา ซึ่งถ้าเผลอตรงไปก็จะไปอยู่ที่เส้นรามอินทราเหมือนเดิม แต่เลยไปซอย 62 แล้ว

ด้านขวาก็จะมีสะพานเลี้ยวขึ้นวงแหวนอย่างที่บอกไป เราเลี้ยวซ้ายผ่านตลอด

แล้วเราก็มาอยู่ที่ถนนรัชดา-รามอินทรา ซึ่งโครงการจะอยู่ทางซ้ายมือ ไม่เกิน 300 เมตรจากจุดนี้ ส่วนทางซ้ายมือริมถนนก็จะมีรถจอดเรียงอยู่เป็นบริเวณที่ขายต้นไม้กระถางทั้งใหญ่และเล็ก มีร้านอาหารตามสั่ง ก๋วยเตี๋ยว แล้วก็มีร้านกาแฟเล็กๆ

ตรงมาอีกหน่อยจะมีป้ายบอกทาง คือทางขวามือจะมีสะพานเข้าเส้นทางรัชดา-รามอินทราข้ามวงแหวน เมื่อตรงไปเรื่อยๆจะไปบรรจบกับเส้นเกษตร-นวมินทร์ ส่วนทางซ้ายก็ถ้าเบี่ยงซ้ายที่สุดเส้นทางก็จะไปถนนเสรีไทยได้ แต่เราจะชิดเลนซ้ายนิดเดียวเพื่อเข้าหน้าโครงการ

ขวามือคือสะพานข้ามวงแหวน ซ้ายมือที่มีปั้นจั่นคือพื้นที่โครงการคอนโด blossom ภายใต้ SIAMESE Asset เหมือนกัน เราจะชิดซ้ายไปเรื่อยๆ

เลยจากพื้นที่ที่มีปั้นจั่นไปนิดเดียว ซ้ายมือก็จะเป็นทางเข้าโครงการ SIAMESE blossom @fashion

เลี้ยวซ้ายมาก็จะเจอกับซุ้มโครงการต้อนรับอยู่ด้านหน้า

04 map surrounding

เรามาดูเพื่อนบ้านใกล้เคียงกันนะคะ ทางทิศเหนือฝั่งทางเข้าโครงการคือต้นซอยรามอินทรา 64 ที่เป็นซอยสาธารณะ บนถนนรัชดา-รามอินทรา ด้านหน้าจะมีพื้นที่สวนสองฝั่ง ฝั่งตะวันออกคือพื้นที่ก่อสร้างของโครงการ SIAMESE blossom condo ส่วนฝั่งตะวันตกคือพื้นที่รอการพัฒนาของโครงการเอง วิ่งเข้าโครงการมาก็จะเป็นซอยรามอินทรา 64 เช่นกันจนถึงท้ายโครงการ ซึ่งเชื่อมกับซอยสวนสยาม แต่จากฝั่งนั้นจะเข้า-ออกยากกว่า ฝั่งตะวันออกของโครงการคือพื้นที่บ้านอยู่อาศัยแนวราบในซอยรามอินทราแยกต่างๆ ส่วนฝั่งตะวันตกจะเป็นพื้นที่ว่างเปล่าผืนใหญ่

**รูปนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการแบบคร่าวๆไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการได้นะคะ

 

สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น

  • Promenade 2.8 กิโลเมตร
  • Fashion Island 3 กิโลเมตร
  • โรงพยาบาลสินแพทย์ 3.3 กิโลเมตร
  • ปัญญาอินทรา กอล์ฟ คอร์ส 3.6 กิโลเมตร
  • โรงพยาบาลนพรัตน์ราชธานี 4.5 กิโลเมตร
  • โรงพยาบาลเปาโลเมโมเรียล นวมินทร์ 4.7 กิโลเมตร
  • สวนสยามทะเลกรุงเทพ 5.4 กิโลเมตร
  • นวธานี กอล์ฟ คอร์ส 6.8 กิโลเมตร
  • ตลาดนัดสี่แยกพระพรหมคลองสอง 7.4 กิโลเมตร
  • วัดสัมมาธัญญาวาส 7.8 กิโลเมตร
  • ตลาดมีนบุรี 8.9 กิโลเมตร
  • วิทยาลัยบริหารธุรกิจและท่องเที่ยว 9.4 กิโลเมตร
  • วัดพระยาสุเรนทร์ 9.5 กิโลเมตร
  • ซาฟารีเวิล์ด 10 กิโลเมตร
  • สนามกอล์ฟ เดอะ เลกาซี่ กอล์ฟ คลับ 11.5 กิโลเมตร
  • โรงเรียนสารสาสน์ วิเทศนิมิตใหม่ 13.7 กิโลเมตร

 


เจาะลึกตัวโครงการ

05 map master

โครงการ SIAMESE blossom @fashion เป็นโครงการทาวน์โฮม 3 ชั้นครึ่ง รวมจำนวนทั้งหมด 120 ยูนิต บนเนื้อที่โครงการประมาณ n/a ไร่ สามารถเข้าถึงได้จากซอยรามอินทรา 64 เป็นโครงการที่แล้วเสร็จแล้ว 100% มีส่วนหนึ่งที่โอนกรรมสิทธิ์แล้ว มีลูกบ้านเข้าอยู่แล้วจำนวนหนึ่งและกำลังต่อเติมภายในอยู่บางส่วน

การวางผังโครงการคือจากทางเข้าซอยรามอินทรา 64 เป็นทางเข้า-ออกหลัก จะมีป้อมยามอยู่ตรงกลาง เข้า-ออกสองฝั่งของป้อมพี่ยามปกติ โดยระบบรักษาความปลอดภัยคือการติดสติ๊กเกอร์ โดยถ้ามีก็จะเปิดที่กั้นแบบกระดกเปิดผ่าน และมีประตูเลื่อนอีกชั้น แต่เพราะถนนของโครงการเป็นซอยรามอินทรา 64 ที่มีโครงการอยู่ช่วงต้นซอย ซึ่งหลังจากโครงการก็จะมีบ้านพักอาศัยส่วนตัวของบุคคลอื่นๆอยู่ด้วย จากการสอบถามก็จะให้ลูกบ้านในโครงการและผู้อยู่อาศัยภายในซอยติดสติ๊กเกอร์เพื่อเข้า-ออก เมื่อผ่านระบบเข้าไปในโครงการก็จะเป็นถนนกว้าง 19 เมตร โดยเป็นถนนแบบ Boulevard คือมีเกาะกลางกั้น ปลูกต้นไม้ใหญ่ร่มรื่น สองฝั่งเป็นพื้นที่ของโครงการ โดยส่วนหน้ายังเป็นพื้นที่ว่างที่มีการปรับหน้าดินรอการก่อสร้าง แต่ส่วนของ Phase1 จะอยู่ที่ซอย 8 ทางฝั่งขวา หรือฝั่งตะวันตก ไปจนสุดซอย 23 หรือสุดท้ายโครงการ แต่ฝั่งซ้ายของถนนหลักหรือฝั่งตะวันออกก็จะเป็นพื้นที่รอการก่อสร้างเล่นกัน

จากซอย 8-23 ที่เป็นซอยของโครงการ Phase1 ทางขวามือ ก็จะมีถนนย่อยซอยต่างๆกว้าง 9 เมตร โดยมีระบบรักษาความปลอดภัยอีกชั้นคือเป็นแบบรีโมตเลื่อนประตูเปิดอัตโนมัติ ซึ่งรีโมตก็จะมีเหมือนกันทุกหลักภายในซอยๆหนึ่งใช้ร่วมกัน ภายในซอยหนึ่งก็จะมีทาวน์โฮมอยู่ที่ 12 – 14 ยูนิต มีบ้านพักอาศัยเรียงอยู่ทั้งสองฝั่งหันหน้าเข้าหาถนนโครงการ และก็มีประตูเล็กที่เป็นแบบไขกุญแจ หรือถ้าเป็นผู้มาติดต่อหรือเพื่อนลูกบ้านก็จะมี Intercom จากประตูเล็กหน้าบ้าน กดเลขที่บ้าน ไปเรียกเข้าโทรศัพท์ในบ้านนั้นๆ รั้วรอบโครงการ 2 ชั้นกั้นรอบพื้นที่ ชั้นนอกเป็นกำแพงปูนสูง 3 เมตร ส่วนชั้นในเป็นรั้วโครงเหล็กให้ต้นไม้เลื้อยสูง 2.5 เมตร

โครงการนี้มีส่วนกลางเป็นสวนสาธารณะขนาด n/a ตารางวา อยู่ที่หลังโครงการ โดยภายในก็จะเป็นพื้นที่สีเขียวทั้งปลูกหญ้าและต้นไม้ใหญ่ ตรงกลางเป็นสระน้ำปลูกบัว พืชน้ำปกติทั่วไป ไม่มี Clubhouse

การจัดวางตัวบ้านส่วนใหญ่จะหันไปทางเหนือ-ใต้ทั้งหมด แตกต่างกันที่ตำแหน่งของซอย 8-23 ถ้าซอย 8 ก็จะอยู่ตรงกลางโครงการหน่อย แต่ถ้าซอย 23 ก็จะอยู่ที่ท้ายโครงการ ที่มีระบบรักษาความปลอดภัยคล้ายๆกับหน้าโครงการที่ปากซอยรามอินทรา 64 แต่ว่าจะไม่มีซุ้มโครงการใหญ่และอลังการเท่า และไม่มีรั้วเลื่อนโครงการเปิด-ปิด และการตรวจตราของฝั่งหลังโครงการจะเข้มไม่เท่าด้านหน้า

ทางเข้า-ออกหลักของโครงการจะแบ่งซ้าย-ขวาตั้งแต่ด้านหน้า โดยตรงนี้จะเป็นซอยรามอินทรา 64 เราจะวิ่งรถไปทางซ้ายมือปกติ

ฝั่งขวามือของโครงการที่ปัจจุบันเป็นพื้นที่สีเขียวและปักป้ายโครงการก็เป็นพื้นที่ในส่วนของ SIAMESE Asset แต่ไม่ได้นับอยู่ในพื้นที่โครงการ

ส่วนฝั่งซ้ายมือเป็นพื้นที่ของคอนโด SIAMESE blossom ที่กำลังอยู่ในช่วงก่อสร้าง

ขับตรงเข้ามาจากปากซอยรามอินทรา 64 ก็จะเจอซุ้มโครงการสีน้ำตาล-ส้ม ฝั่งซ้ายคือขาเข้า

โดยระบบรักษาความปลอดภัยคือ ถ้าเป็นลูกบ้านของโครงการหรือบุคคลที่อาศัยภายในซอยก็จะมีสติ๊กเกอร์ติดเพื่อผ่านเข้า-ออก โดยพี่ยามก็จะเป็นคนกดไม้กระดกเปิดและประตูเลื่อนอัตโนมัติ

ส่วนกล้อง CCTV ที่ซุ้มหน้าโครงการและภายในซอยต่างๆมีด้วยกัน 13 จุด

ถนนภายในโครงการเรียกเป็นแบบ Boulevard คือมีเกาะกลางปลูกต้นไม้ใหญ่ตลอดทาง ความกว้างของถนนหลักคือ 19 เมตร โดยช่วงต้นของโครงการยังไม่มีการปลูกสร้าง จะเร่ิมที่ฝั่งขวาตั้งแต่ซอย 8 ไปจนถึงซอย 23 ด้านหลังโครงการติดกับสวนสาธารณะและทางเข้า-ออกด้านหลัง

ซอยแรกที่มีการปลูกสร้างของทาวน์โฮม Phase1 เสร็จแล้วทางขวามือคือซอย 8 ไล่ยาวไปเรื่อยๆ

อย่างซ้ายอื่นๆก็จะมีหน้าบ้านของทาวน์โฮม 2 ฝั่งหันหน้าเข้าหากัน เดี๋ยวเราจะพาไปชมรอบๆโครงการกันก่อนแล้วค่อยกลับมาเจาะรายละเอียดระบบรักษาความปลอดภัยอีกชั้นหนึ่งที่หน้าซอยแต่ละซอยนะคะ

ถนนแบบ Boulevard ก็จะกว้าง 19 เมตรไปเรื่อยๆจนสุดโครงการ แต่ก็จะมีจุดให้เลี้ยวขวาเข้าซอยทุกๆซอยเช่นกัน

โดยประมาณกึ่งกลางของความยาวโครงการก็จะมีพี่ยามประจำอยู่อีกจุดหนึ่ง

เดินมาเรื่อยๆจนถึงด้านหลังโครงการ ทางขวามือเป็นสวนสาธารณะที่เราจะเข้าไปกัน ส่วนทางซ้ายเป็นพื้นที่รอการก่อสร้าง ด้านหน้าจะเห็นว่ามีป้อมพี่ยามตั้งอยู่อีกจุด จะไม่ยิ่งใหญ่เท่าฝั่งด้านหน้า แต่ก็จะมีการตรวจตราสติ๊กเกอร์และเปิด-ปิดไม้กระดก แต่ไม่มีประตูเลื่อนอัตโนมัติ

ป้อมด้านหลังก็จะมีพี่ยามนั่งอยู่คอยดูแล

กล้อง CCTV ก็จะมีติดตั้งอยู่เช่นกัน

ออกมาจากพื้นที่โครงการ ด้านหลังของซอยรามอินทรา 64 ก็จะเป็นบ้านพักอาศัยแนวราบส่วนบุคคลยาวไปเรื่อยๆ สลับกับพื้นที่ว่างเปล่า ที่ความจริงจะไปออกซอยสวนสยามได้ แต่จะคดเคี้ยวกว่าเยอะ

หันกลับมาดูสภาพแวดล้อมด้านหลังโครงการ ก็จะดูเงียบกว่าฝั่งด้านหน้า เดี๋ยวเราจะเข้าไปดูสวนสาธารณะของโครงการทางซ้ายมือที่อยู่ใกล้ซอย 23 ที่เป็นซอยสุดท้ายของโครงการ

ทางเข้าของสวนสาธารณะเข้าได้จากถนนใหญ่ อาจจะต้องเปิดประตูนิดหน่อย มองจากภายนอกก็จะเห็นว่ามีต้นไม้ปลูกและปูสนามหญ้า ส่วนทางเดินก็จะเทปูนให้

เดินเข้ามาด้านในก็จะเหมือนเทปูนเป็นทางเดินรอบๆพื้นที่ ตรงกลางเป็นบ่อน้ำ และรอบๆเป็นพื้นที่สีเขียว ต้นไม้มีต้นไม้ใหญ่ แต่อาจจะด้วยพันธุ์หรืออายุ ทำให้ดูร้อนไปหน่อย

ฝั่งขวามือจะเป็นหน้าบ้านของทาวน์โฮมซอย 23 ที่หันหน้าได้วิวสวนสาธารณะพอดี จะมีรั้วโครงเหล็กกั้นและมีไม้เลื้อยพันธุ์บังสายตาอีกที แต่ตอนนี้ยังขึ้นไม่เต็มที่

เดินเข้ามาด้านในก็จะมีมุมคล้ายๆกัน เนื่องจากขนาดสวนไม่ได้ใหญ่มาก หรือมีลูกเล่น เครื่องเล่นใส่เข้ามาให้เยอะ อาจจะมีการตั้งโต๊ะสนามสักหน่อย หรือมีพื้นที่สำหรับเด็กให้ทำกิจกรรมเพิ่มเติม หรือไม่ก็สามารถทำเป็นพื้นที่จ๊อกกิ้ง แต่ช่วงเย็นๆจะเห็นลูกบ้านวิ่งตามความยาวของถนนหลักมากกว่า เพราะระยะจะยาวและตรง

เรากลับมาที่หน้าซอยกลางๆ ที่มีทาวน์โฮมหันหน้าเข้ากันทั้งสองฝั่ง ไม่ว่าจะขับรถมาจากฝั่งด้านหน้าหรือด้านหลังโครงการก็จะสามารถเลี้ยวเข้าซอยได้ เพราะจะมีระยะเว้นเกาะกลางไว้ให้ โดยลูกบ้านแต่ละหลังจะได้รับรีโมทเปิดประตูเลื่อนหน้าซอยของตัวเอง ประมาณบ้านละ 2 เครื่อง

พอกดรีโมท ประตูเลื่อนก็จะเลื่อนไปเก็บทางขวามือ และด้านในก็จะเป็นส่วนของถนนหน้าซอยแต่ละซอยกว้าง 9 เมตร

ส่วนใครเดินมา นั่งพี่วินมา หรือพี่แท๊กมาก็จะสามารถเข้าที่ประตูเล็กข้างๆกับประตูเลื่อนใหญ่ได้

โดยระบบรักษาความปลอดภัยเป็นแบบกุญแจไข ซึ่งแต่ละซอยก็จะมีแบบลูกกุญแจที่แตกต่างกันไป เช่นเดียวกับรีโมท

และหน้าซอยของทุกซอยก็จะมีไฟส่องสว่างตอนกลางคืน มีกล้อง CCTV อยู่หน้าซอย และมี Intercom สำหรับแขกลูกบ้านติดอยู่ที่ข้างๆประตูเล็ก

โดยแขกสามารถกดเข้าไปยังเลขที่บ้านของเพื่อนที่อยู่อาศัยได้ จากนั้นก็จะต่อไปยังโทรศัพท์ด้านในบ้านของเพื่อน เพื่อยืนยันตัวตน โดยโทรศัพท์นี้จะมีการติดให้อยู่แล้วที่ด้านในบ้านชั้น 1 ของทุกหลัง

เดินมาทางฝั่งขวาที่เป็นจุดเก็บของประตูเลื่อนใหญ่ ก็จะมีฟุตบาทยกระดับทั้งสองฝั่ง แต่ก็จะมีการปลูกต้นไม้ ติดป้ายนิดหน่อย ทำให้ไม่ใช่ทางเท้าเดินได้จริงๆ

ตู้จดหมายก็จะแอบอยู่ที่เสาทางขวาของประตูบานเลื่อน เจ้าหน้าที่ก็จะหย่อนจดหมายหรือพัสดุลงไป

ดังนั้นด้านหลังที่ต่อกันก็จะเป็นจุดไขกุญแจเพื่อเอาจดหมายหรือพัสดุใต้ที่บังแดดบังฝนที่เตรียมไว้ให้

เข้ามาดูใกล้ๆก็จะเป็นแบบไขกุญแจจากด้านในเปิดเอาของ มีไฟติดให้เวลากลางคืน

เข้ามาด้านในซอยแต่ละซอยก็จะมีหน้าบ้านของทาวน์โฮมหันหน้าเข้าหากันสองฝั่ง โดยแต่ละซอยก็จะมีจำนวนประมาณ 12-16 ยูนิตต่อซอย ซึ่งเพื่อนบ้านจำนวนนี้ก็จะเป็นคนเดียวกับที่ใช้ระบบรักษาความปลอดภัยในซอยเดียวกันกับเรา

ถนนหน้าบ้านกว้าง 9 เมตร มีร่องการระบายน้ำตามสมควรตรงกลาง แต่หน้าบ้านของแต่ละบ้านจะกว้างไม่เท่ากันตามแบบบาน จอดรถได้ 2 คัน แต่การเทพื้นระหว่างระดับถนนซอยตรงกลาง และพื้นที่จอดรถหน้าบ้าน ดูเหมือนระดับถนนตรงกลางจะสูงกว่าหน่อย ทำให้น้ำฝนอาจจะเทลงไปยังตัวบ้านได้

ความสูงของรั้วโครงการอยู่ที่ 3 เมตรเป็นรั้วปูนรอบแนวโครงการทั้งหมด แต่ก็จะมีรั้วที่ดัดโครงเหล็กให้ไม้เลื้อยเกาะอยู่ที่ 2.5 เมตรด้านในอีกชั้นหนึ่ง

จากถนนที่หน้าบ้านหันหน้าเข้าหากัน มาถึงฝั่งที่หันหลังบ้านเข้าหากัน จากภายนอกถนนใหญ่ก็จะมีที่เก็บขยะของแต่ละซอยๆไป ซึ่งเพื่อนบ้านในแต่ละซอยก็จะต้องเดินออกมาวางขยะตรงนี้เหมือนกัน

ต่อไปเราจะพาไปดูสวนหลังบ้าน โดยจะขอเข้าจากประตูข้างของบ้านหลังมุมนะคะ แต่ความจริงทุกบ้านสามารถเข้าได้จากประตูเลื่อนหลังบ้านของทุกหลังเลย

ประตูบ้านหลังมุมจะมีขนาดที่ดินใหญ่กว่าหลังกลางเหมือนที่รู้ๆกันปกติ จะได้ชิ้นที่ดินที่ไม่มีอาคารด้านข้างมาด้วย ซึ่งเราจะใช้ประตูนี้เดินเลาะไปกัน ประตูนี้ที่จริงแล้วเป็นกรรมสิทธิ์ของเจ้าของบ้านหลังมุม แต่วันนี้ขอยืมแอบดูหน่อยนะคะ

การเปิดปิดเป็นแบบลงกลอน แล้วคล้องกุญแจเกี่ยวเข้าอีกที

เปิดเข้ามาก็จะเป็นพื้นที่สีเขียวข้างบ้านกว้างประมาณ 1.2 เมตร จะเจอประตูด้านหน้าอีกชั้นหนึ่ง

เปิดเข้ามาก็จะเจอกับสวนหลังบ้าน เขียวมากจริงๆ ก็จะเป็นสวนที่อยู่ในที่ดินกรรมสิทธิ์ของส่วนกลาง โดยตอนนี้ทาง Developer ก็จะเป็นผู้ดูแล แต่ในอนาคตก็จะเปลี่ยนมือเป็นนิติบุคคลดูแล สภาพด้านในก็จะปูหญ้า มีต้นไม้ใหญ่บ้าง มีทางเดินตามความกว้าง 2 ฝั่ง แต่ด้านยาวไม่มี

จากหลังบ้านของแต่ละหลังก็จะออกมายังสวนหลังบ้านนี้ได้จากประตูเลื่อน ออกมายัง Deck ไม้ที่สร้างให้เรียบร้อย และเดินบันไดลงมายังพื้นที่ส่วนกลางสวนหลังบ้าน โดยทาง Developer กำหนดไม่ให้ลูกบ้านทำการต่อเติมส่วนของภายนอกอาคารใดๆ ก็ต้องยอมเขานิดนึงเนื่องจากสถาปนิกผู้ออกแบบคือ สถาปนิกสมดุล ที่มีชื่อในการออกแบบอสังหาประเภทที่อยู่อาศัย

เช่นเดียวกันกับทุกหลัง การเข้า-ออกหลังบ้านก็คือเดินลงจาก Deck ไม้มายังสวนหลังบ้าน โดยมีฉากกั้นบังเล็กๆให้ แต่ก็ห้ามต่อเติมมีรั้วปิดแต่อย่างใด อาจจะรบกวนความเป็นส่วนตัวมากหน่อย แต่ก็เพื่อความสวยงามโดยรวม ดังนั้นสิ่งแรกที่ควรทำก่อนเข้าอยู่คือเอาม่านมาติด

สวนด้านหลังยังมีทางเชื่อมไปยังพื้นที่นั่งเล่นตรงกลาง สามารถเอาเก้าอี้สนามมาวางได้ ตรงกลางขุดเป็นบ่อยาวตามความกว้าง ซึ่งอาจจะดูแลความสะอาดยากนิดนึง แต่ในพื้นที่ตรงนี้เป็นพื้นที่ส่วนกลาง ก็ปล่อยให้ Developer ดูแลไปก่อนนะคะ

ส่วนหลังบ้านก็เหมือนเดิมคือมีรั้ว 2 ชั้น คือ 3 เมตรด้านนอก และ 2.5 เมตรที่เป็นโครงเหล็กให้ไม้เลื้อย

 

สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก

  • สวนสาธารณะ n/a ไร่
  • ระบบ CCTV ที่ Main Gate และภายในโครงการ 13 จุด
  • รั้วรอบโครงการสูง 3 เมตร แต่จะมีรั้วไม้เลื่อยสูง 2.5 เมตรด้านในอีกชั้น
  • ระบบรักษาความปลอดภัยชั้นแรก : ที่ซอยรามอินทรา 64 ติดสติ๊กเกอร์ รปภ.เปิด-ปิดที่กั้นไม้กระดก และรั้วเลื่อนอัตโนมัติอีกชั้นหนึ่ง
  • ระบบรักษาความปลอดภัยชั้นสองหน้าซอยย่อย : รีโมทเปิดรั้วเลื่อนไฟฟ้าสำหรับรถเข้า และไขกุญแจสำหรับประตูเล็ก
  • เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย 24 ชั่วโมง
  • สัญญาณกันขโมย ระบบ Motion Sensor ทุกหลัง
  • ถนนหลักกว้าง 19 ม. แบบมีเกาะกลางกั้น และถนนภายในกว้าง 9 ม.

 


Product Walkthrough

house 4.8

ทาวน์โฮมของโครงการมีทั้งหมด 3 แบบ ต่างกันที่หน้ากว้างของตัวบ้าน และแบบภายใน แบบแรกที่เป็นบ้านตัวอย่างคือ หน้ากว้าง 4.8 เมตร ขนาดที่ดินเริ่มต้น 18 ตร.วา มีพื้นที่ใช้สอยเริ่มต้น 187 ตร.ม. 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ ด้านหน้าของแต่ละบ้านจะไม่มีรั้วบ้าน กั้นกับถนนหน้าบ้านกว้าง 9 เมตร จากพื้นที่จอดรถหน้าบ้านก็สามารถเข้าตัวบ้านได้เลย มี Digital Doorlock ติดมาให้ที่ประตูหลักของบ้าน เปิดประตูเข้ามาจะเจอกับ Powder room อยู่ทางซ้ายมือ หรือห้องน้ำที่ไม่มีพื้นที่อาบน้ำ จากนั้นเดินบันไดขึ้น 4-5 ชั้นไปยังห้องนั่งเล่นสูง 4.75 เมตร ด้านหลังบ้านมีประตูบานเลื่อน 3 ตอนที่เปิดได้กว้างออกไปยังพื้นที่หลังบ้านที่ปูเป็น Deck ไม้กว้าง 2 เมตร

จากห้องนั่งเล่นชั้น 1 หันหลังกลับมาจะเจอกับบันไดที่เดินขึ้นไปยังชั้นลอยที่เป็นพื้นที่ทานอาหารและห้องครัวแบบมีประตูกระจกปิด ภายในมีเคาท์เตอร์รูปตัว L แต่ไม่มีบานปิดด้านล่าง และจากห้องทานข้าวก็จะมีระเบียงหน้าบ้านเล็กๆ จากชั้นลอยก็จะมีบันไดรูปตัว L เดินขึ้นไปยังชั้น 2 ที่แบ่งออกเป็นห้องนอน 2 ห้องอยู่หน้าบ้านและหลังบ้าน มีระเบียงในตัวทั้งคู่และห้องน้ำ 1 ห้องตรงกลางโดยที่สมาชิกจะต้องแชร์กันระหว่างสองห้องนอน หรือความจริงจะปรับเปลี่ยนห้องนอนใดห้องนอนหนึ่งเป็นห้องทำงานหรือห้องงานอดิเรกก็ได้ถ้าไม่ได้ใช้พื้นที่ทั้งหมด ชั้น 3 ก็จะเป็นห้องใหญ่ๆห้องเดียวที่มีระเบียงหน้าบ้านวางโต๊ะ-เก้าอี้ได้ มีห้องน้ำในตัว และมีพื้นที่เว้นไว้ให้ทำ Walk-in Closet และมีระเบียงหลังบ้านอีกจุดหนึ่งขนาดไม่ใหญ่

แบบบ้านนี้จะดีตรงที่ใช้พื้นที่ได้คุ้มค่า แต่ลูกเล่นของการออกแบบภายในบ้านก็จะไม่เยอะเท่ากับบ้านอีก 2 แบบที่เหลือ แต่ที่บ้านหลังมุมก็จะมีพื้นที่ช่องแสงข้างบันไดมาให้จากด้านบนเป็นช่องที่รับแสงธรรมชาติ ทำให้บ้านดูมีมิติมากขึ้น ซึ่งบ้านแบบนี้ก็จะเป็นบ้านตัวอย่างที่จะออกรายการ ‘คิดเรื่องอยู่’ เร็วๆนี้ รอติดตามนะคะ

house 5.2

ต่อมาเป็นแบบที่ 2 คือแบบหน้ากว้าง 5.2 เมตร ขนาดที่ดินเริ่มต้น 22.1 ตร.วา มีพื้นที่ใช้สอยเริ่มต้น 226 ตร.ม. 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ ด้านหน้าของแต่ละบ้านไม่มีรั้วบ้านเหมือนเดิม จากพื้นที่จอดรถหน้าบ้านจะมีประตู 3 บาน ทางซ้ายมือคือห้องซักล้าง ไว้วางเครื่องซักผ้าและข้ามของเครื่องใช้ ห้องทางขวาเป็นห้องเครื่องที่วางถังเก็บน้ำและปั้มน้ำ ซึ่งอยู่ในรายการขาย ส่วนประตูบานที่ 3 คือบานเข้าตัวบ้าน มี Digital Doorlock ติดมาให้ เปิดประตูเข้ามาจะเจอกับ พื้นที่ว่างๆก่อนประมาณ 4 ตารางเมตร สำหรับวางชั้นวางรองเท้าหรือเก็บของเล็กๆ มีบันไดเดินขึ้นไปยังห้องนั่งเล่น ทางขวาของห้องนั่งเล่นคือห้องน้ำแบบ Powder room ด้านหลังบ้านมีประตูบานเลื่อน 3 ตอนที่เปิดได้กว้างออกไปยังพื้นที่หลังบ้านที่ปูเป็น Deck ไม้กว้าง 2 เมตร

จากห้องนั่งเล่นชั้น 1 หันหลังกลับมาจะเจอกับบันไดที่เดินขึ้นไปยังชั้นลอยที่การจัดวางเหมือนกับทุกๆแบบ คือพื้นที่ทานอาหารและห้องครัวแบบมีประตูบานเลื่อนปิด ภายในมีเคาท์เตอร์รูปตัว L และจากห้องทานข้าวก็จะมีระเบียงหน้าบ้านเล็กๆ จากชั้นลอยก็จะมีบันไดรูปตัว L เดินขึ้นไปยังชั้น 2 ที่แบ่งออกเป็นห้องนอน 2 ห้องอยู่หน้าบ้านและหลังบ้าน มีระเบียงในตัวทั้งคู่ โดยมีจุดที่เชื่อมกันได้คือ Void กลางบ้านหรือช่องแสงที่เปิดจากด้านบน โดยห้องนอนทั้งสองมีประตูที่สามารถเปิดเข้าถึงได้เป็นช่องแสงและสามารถจัดสนได้ ส่วนห้องน้ำจะอยู่ที่ส่วนหลังของบ้าน มีอ่างล้างมือแยกจากตัวห้องน้ำปิด ที่ชั้น 3 ก็จะเป็นห้องใหญ่ๆห้องเดียวเหมือนกับทุกๆแบบ แต่ตรงกลางจะมีช่องแสงที่เชื่อมจากด้านล่างและด้านบน มีชานยื่นออกมานิดหน่อย มีระเบียงหน้าบ้านและหลังบ้าน มีห้องน้ำในตัว และมีพื้นที่เว้นไว้ให้ทำ Walk-in Closet

แบบบ้านนี้จะดีตรงที่ที่บลูกเล่นดีไซน์เยอะมาก ทำให้เวลาเดินดูภายในบ้านจะให้ความรู้สึกที่ค่อนข้างจากทาวน์โฮมทั่วไป มีแสงธรรมชาติเข้าถึงได้เกือบทุกๆส่วน แต่ถ้าช่วงกลางวันแสงก็จะมาพร้อมกับความร้อนที่เข้าตัวบ้าน ประกอบกับความสูงจากพื้นถึงฝ้าของแต่ละชั้นค่อนข้างสูง ทำให้แอร์แต่ละห้องจะทำงานค่อนข้างหนัก แต่โดยรวมถือว่าแปลกในมุมที่ดี

บริษัทที่รับหน้าที่ในการออกแบบคือ สถาปนิกสมดุล ซึ่งออกแบบทั้งภายในและภายนอกของอาคาร รูปร่างหน้าตาของ Facade ของบ้านก็จะเป็นโทนสีขาว-เทา ที่มีอิฐสีส้มมาตัดอยู่ในกรอบโครงเหล็กทาสีขาว กรอบบานประตูและหน้าต่างเป็นอลูมิเนียมสีธรรมชาติ ลูกฟักเป็นกระจกธรรมดาไม่ได้ติดแบบตัดแสงมาให้ แต่จะติดฟิล์มเพิ่มก็ได้

ที่แปลกกว่าโครงการอื่นๆคือจากส่วนหน้าซอยย่อย จะมีระบบรักษาความปลอดภัยอีกชั้นแล้ว หน้าบ้านของแต่ละหลัง ไม่มีประตูรั้วบ้าน และไม่อนุญาตให้ต่อเติมในส่วนภายนอก รวมถึงรั้วด้วย ดังนั้นเวลาขับรถเข้าบ้าน กดรีโมทเปิดประตูรั้วอัตโนมัติแล้วก็จอดเข้าซองได้เลย ไม่ต้องเปิดประตูรั้วบ้านตัวเองอีกที ซึ่งก็คือว่าเป็นเรื่องของความไว้ใจเพื่อนบ้านในซอยเดียวกันด้วยระดับหนึ่งนะคะ

นอกจากการออกแบบตัวโครงการที่ค่อนข้างซับซ้อนแล้ว การออกแบบตัวบ้านก็ค่อนข้างละเอียดมากทีเดียว

  • เร่ิมจากประเด็นแรก สังเกตความสูงของหลังคาที่ไม่เท่ากันระหว่างบ้าน เกิดจากการต้องการเล่นระดับสูง-ต่ำของสถาปนิกและ Developer ให้มีความแตกต่างจากทาวน์โฮมทั่วไป ทำให้ชั้นบนสุดหรือชั้น 3 ของบ้านมีความสูงพื้นถึงฝ้าที่ไม่เท่ากัน อย่างถ้าเป็นแบบสูงจะสูงขึ้นไปมากกว่าแบบปกติประมาณ 1 เมตร ซึ่งจากการสอบถาม ราคาของแบบสูงกับแบบธรรมดาไม่ได้ต่างกันนะคะ ขึ้นกับว่าใครจองก่อนได้ก่อนค่ะ
  • ประเด็นที่สองที่แค่มองจากรูปถ่ายนี้ก็สังเกตได้คือ ช่องระหว่างบ้านหลังมุมและหลังรองมุม ซึ่งความจริงแล้วช่องว่างนี้ไม่ได้ตัดขาดกันไปซะทีเดียว แต่จะมีส่วนตรงกลางที่เชื่อมกันอยู่ แต่ถ้ามองจากหน้าบ้านหรือหลังบ้านจะเห็นมุม ซึ่งจากการสอบถามอีกเช่นเคย ได้ความว่าเป็นการป้องกันการต่อเติมภายนอก เมื่อมีการซึ้อบ้านสองหลังติดกันคือบ้านหลังมุมและหลังรองมุม ซึ่งการจะทำให้มีร่องแบบนี้ได้ การก่อสร้างก็ต้องเป็นแบบ Conventional หรือการก่ออิฐฉาบปูน ไม่ใช่การยก Panel มาต่อแล้วก็ติดกันเหมือนทั่วไป ซึ่งก็เป็นข้อดีเพราะจะได้ความแข็งแรงของตัวโครงสร้างบ้านได้ดียิ่งขึ้น

ระหว่างบ้านสองหลังข้างๆกันที่ไม่มีประตูรั้วกั้นมาให้ ก็ทำการแบ่งเขตพื้นที่ด้วยการเว้นเนื้อที่ดินปลูกต้นไม่พุ่มเล็ก และต้นไม้ใหญ่ 1 ต้นหน้าบ้าน

มองดีๆระหว่างบ้านหลังมุมและหลังรองมุมด้านในก็จะมีส่วนที่ติดกันอยู่

ช่องว่างนี้ยาวไปถึงด้านบนเลย

ต่อมาเป็นพื้นที่จอดรถ ที่หน้ากว้างแต่ละหลังก็แล้วแต่แบบที่เลือก แบบบ้านตัวอย่างที่พามาชมกันคือหน้ากว้าง 5.2 เมตร สามารถจอดรถได้สองคันพอดีๆ ไม่แน่นมาก ไม่มีหลังคากันแดดกันฝนให้รถมาให้ แต่ในรายละเอียดนั้นบอกว่าสามารถต่อเติมที่บังแดดบังฝนได้ แต่จะต้องเป็นรุ่นที่พับเก็บเปิด-ปิดได้

ที่มุมของบ้านจะมีที่ระบายน้ำและก๊อกน้ำอยู่ สามารถไว้ใช้ล้างรถ หรือรถน้ำต้นไม้ หรือซักล้างต่างๆได้

ระหว่างชั้น 1 และ 2 จะมีการต่อท่อระบายน้ำจากระเบียงลงมาด้านล่าง ซึ่งเป็นแบบเดียวกันในทุกๆจุดที่มีระเบียงทั้งหน้าบ้านและหลังบ้าน โดยถ้ามีรถจอดอยู่หน้าบ้าน ก็จะมีน้ำไหลลงมาโดนเวลาฝนตกนะคะ ดังนั้นแนะนำให้ติดกันสาดแบบพับเก็บได้ตามที่โครงการได้อนุญาตจะเซฟรถมากกว่า

ขยับเข้ามาด้านใน มีประตูด้วยกัน 3 บาน บานทางซ้ายคือเปิดเข้าห้องเก็บของที่ความจริงมีการต่อท่อเครื่องซักผ้าให้ สามารถใส่เครื่องซักผ้าแบบฝาหน้าหรือฝาบนได้ตามใจชอบ ส่วนบานขวาที่เปิดมาห้องจะใหญ่หน่อยไว้สำหรับปั้มน้ำและแท๊งค์น้ำ ที่อยู่ในรายการขายของโครงการ ถือว่าเป็นการเก็บความเรียบร้อยได้มิดชิดและอยู่ในจุดที่ซ่อมแซมได้ง่าย แต่ก็มีคำถามเรื่องการตากผ้าตามมา ว่าถ้าจะตากผ้าหน้าบ้านโดยไม่มีรั้วกั้น ก็ดูจะไม่มีความเป็นส่วนตัว เช่นเดียวกันกับด้านหลังบ้านที่ไม่มีรั้วปิดเช่นกัน หรือจะต้องหิ้วตะกร้าจากชั้น 1 เพื่อไปตากระเบียงชั้นอื่นๆ?

การเปิด-ปิดของประตูทั้งสองบานเป็นแบบลูกบิดทรงกลม มีกุญแจไขล็อก ส่วนด้านบนจะเป็นแบบลงกลอน ค่อนข้างแน่นหนา

ห้องทางซ้าย มีต่อท่อสำหรับเครื่องซักผ้า มีก๊อกน้ำ ปลักไฟ พื้นเป็นแบบเทปูนปกติไม่ขัดมัน ด้านบนมีไฟ 1 หลอดยาว

ส่วนห้องทางขวาก็มีปั้มน้ำและแท๊งค์น้ำอยู่เช่นกัน นอกจากนั้นยังเป็นจุดระบบไฟติดผนังอย่างเบรกเกอร์มาซ่อนอยู่

ต่อไปก็จะเป็นประตูทางเข้าหลักของบ้านที่อยู่หน้าบ้าน แอบอยู่ด้านข้าง ซึ่งสามารถมองภายนอกได้จากหน้าต่างบานเลื่อนข้างๆ ประตูที่ไม่ได้ตั้งอยู่หน้าบ้านโดยตรงก็แล้วแต่คนชอบนะคะ ข้อดีคือดูมีความเป็นส่วนตัว แต่มองอีกทางมันก็คือไม่ค่อยดูยิ่งใหญ่ตามแบบฉบับฮวงจุ้ยเท่าไรนัก

ประตูเป็นแบบดึงออก เป็นบานไม้อัดกันชื่นสีลายไม้

มี Digital Doorlock ติดให้มาเรียบร้อย แต่ไม่ได้เป็นแบบมือบิดในตัวเหมือนอย่างในคอนโด แต่จะเป็นแบบกดรหัสจากด้านนอก แล้วค่อยเอานิ้วเกี่ยวที่เปิดออกอีกที ส่วนด้านในก็จะเป็นแบบบิดเพื่อปิดล็อก ซึ่งความจริงถ้าอัพสเปกให้เป็นแบบมีคันโยกอยู่ในตัว Digital Doorlock เลยก็น่าจะดูเสร็จภายในชิ้นเดียวมากกว่า

พื้นตัวบ้านจะยกขึ้นจากระดับพื้นที่จอดรถเล็กน้อยไม่เกิน 5 เซนติเมตร ขอบยังเป็นปูนอยู่ ส่วนด้านในเป็นพื้นคอนกรีตขัดมันปูด้วยวัสดุลายไม้มีตัวจบระหว่างวัสดุเรียบร้อย ข้อดีของการที่ขอบยังเป็นปูนอยู่ก็เพราะว่าถ้ามีน้ำท่วมขังหรือกระเด็น ก็ยังคงเป็นปูนที่มีการทำความสะอาดได้ง่ายอยู่ ไม่เหมือนกับวัสดุไม้ที่ทนทานน้อยกว่า

เปิดประตูเข้าไปด้านในก็จะเป็นพื้นที่โล่งๆก่อนประมาณ 4 ตารางเมตร โดยสามารถวางตู้เก็บรองเท้า ที่แขวนหมวกหรือสิ่งของจำเป็นก่อนออกจากบ้านตรงนี้ได้

เข้าไปพื้นที่ด้านในก็จะมีบันไดขึ้นไปยังห้องนั่งเล่นชั้น 1

โดยทางซ้ายมือก่อนที่จะขึ้นบันได ก็จะมีโทรศัพท์ที่เชื่อมกับ Intercom ประตูเล็กหน้าซอยย่อยของตัวเอง ถ้าเพื่อนมาเขาก็สามารถจะกดปุ่มเลขที่บ้านเราแล้วรายงานตัว เราก็จะออกไปกดรีโมทเปิดประตูให้เขาเข้ามาได้

จากบันไดที่เดินขึ้นไปยังห้องรับแขก ทางขวามือก็จะมีประตูห้องน้ำที่เป็นแบบ Powder room

ประตูห้องน้ำเป็นไม้อัดกันชื้น ทำสีพ่น มีลูกบิดประตูเปิด-ปิดจากด้านนอกและด้านใน

กั้นระหว่างพื้นที่ด้วยธรณีประตูที่ปูด้วยกระเบื้อง สูงประมาณ 5 เซนติเมตร

ภายในห้องน้ำแบบ Powder room ส่วนใหญ่จะเป็นห้องน้ำภายในห้องรับแขกของคอนโด ที่ไม่มีส่วนเปียกหรือส่วนอาบน้ำ เนื่องจากไม่ค่อยมีความจำเป็น ดังนั้นภายในห้องน้ำนี้ก็จะมีพื้นที่ใช้สอย 2 ส่วนคือโถสุขภัณฑ์และอ่างล้างมือ โดยข้างๆโถสุขภัณฑ์จาก TOTO ก็จะมีที่ใส่ทิชชูและสายฉีดชำระพร้อมจุดระบายน้ำ พื้นและผนังปูด้วยกระเบื้องขนาด 60 x 60 เซนติเมตร สีขาวปกติ

ฝั่งตรงข้ามก็จะเป็นอ่างล้างหน้าแบบไม่มีชั้นวางของหรือตู้เก็บของด้านล่าง จาก TOTO เช่นกัน มาพร้อมกับกระจกขนาดกลาง

แอบเงยหน้าขึ้นไปด้านบนห้องน้ำ ก็จะเห็นส่วนใต้ของบันไดจากชั้นลอยไปยังชั้น 2 ซึ่งจะสังเกตได้ว่าไม่ได้ปิดทึบ

ออกมายังห้องนั่งเล่นที่ชั้น 1 ขนาดตามความกว้างของแบบบ้านคือ 5.2 เมตร วางโซฟาตัวยาวได้สบายๆ โดยฝั่งตรงข้ามก็วางทีวีพร้อมเครื่องเสียงได้เลย

เนื่องจากเป็นทาวน์โฮมสูง 3 ชั้นครึ่ง ความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดานชั้น 1 อยู่ที่ 4.75 เมตร ซึ่งถือว่าทำให้บ้านดูมีความโล่งและโปร่งมาก แต่ที่ตามมาคือจะทำความสะอาดบ้านยังไงให้ง่าย ผนังภายในที่ได้จะเป็นแบบฉาบปูนเรียบทาสีขาวธรรมดาทั้งหมด

ส่วนหลังบ้านมีประตูบานเลื่อน 3 ตอน เปิดเลื่อนไปด้านในด้านหนึ่งได้ รับลมเต็มๆ แต่ก็ต้องระวังฝุ่นที่มาพร้อมกันด้วย ผ้าม่านอาจจะเป็นจุดแรกที่ต้องต่อเติมเข้าไปยังตัวบ้าน เนื่องจากประตูบานเลื่อนมีขนาดใหญ่ และค่อนข้างไม่เป็นส่วนตัวเท่าไร เนื่องจากหลังบ้านไม่มีรั้วกั้น สามารถมองเห็นบ้านตรงข้ามได้ชัดเจน ส่วนแอร์จะมีโปรโมชั่นให้บ้านละ 5 เครื่อง ติดอยู่ตามห้องต่างๆเรียบร้อย

ประตูบานเลื่อนและหน้าต่างจุดต่างๆ ตัวกรอบคืออลูมิเนียมสีธรรมชาติ และลูกฟักคือกระจกใสธรรมดา ไม่ได้เป็นแบบตัดแสง ซึ่งสามารถติดฟิล์มเพิ่มได้ อย่างกรอบหน้าต่างบานเลื่อนนี้ก็จะวางอยู่บนวัสดุพื้น ไม่ได้ฝังลงไปใต้ระดับพื้น

การเปิด-ปิดก็จะเป็นแบบล็อกจากด้านในฝั่งเดียว

มองออกไปหลังบ้าน ก็จะเห็นเป็น Deck ไม้กว้าง 2 เมตร โดยกรรมสิทธิ์ที่ดินที่อยู่ในโฉนดคือพื้นที่บริเวณ Deck ไม้เท่านั้น นอกเหนือจากนั้นจะนับเป็นพื้นที่ส่วนกลางของทางโครงการ การเดินจากห้องนั่งเล่นชั้น 1 ไปยังสวนหลังบ้านจะต้องเดินบันไดลงไป ซึ่งการออกแบบหลังบ้านจะมีด้วยกัน 2 แบบคือแบบนี้ที่เห็นในภาพ และแบบในส่วนโครงการ

แบบส่วนของโครงการจะเป็นแบบนี้ คือระดับ Deck ไม้เสมอกับพื้นห้องนั่งเล่น แล้วมีช่องบันไดลงไปยังสวน พร้อมกับมีฉากกั้นเล็กๆระหว่างบ้าน แบบนั้นจะดูเป็นส่วนตัวขึ้นหน่อย ซึ่ง 2 แบบนี้จะต่างกันแล้วแต่ซอยของบ้าน

มองจากพื้นที่หลังบ้าน Deck ไม้ก็จะอยู่ระดับเดียวกับสวนหลังบ้าน ตรงนี้สามารถปลูกต้นไม้เพิ่มได้ตามใจชอบหรือจะวางเก้าอี้และโต๊ะสนามไว้นั่งเล่นตอนเย็นๆ

ถ้าเปิดประตูบานเลื่อนจนสุดรับลม ก็จะค่อนข้างเปิดเผยไปหน่อย เพราะมองจากบ้านข้างๆและตรงข้ามได้ง่ายมาก

จากพื้นที่หลังบ้าน มองเข้ามายังพื้นที่ในบ้านส่วนที่เป็นบันไดจากชั้น 1 ขึ้นไปยังชั้นลอย

บันไดจากชั้น 1 ไปยังชั้นลอยจะเป็นบันไดเดียวที่ไม่มีลูกตั้ง ทำให้ดูโปร่งโล่งขึ้นหน่อย แต่จุดอื่นๆก็จะมีลูกตั้งและลูกนอนตามปกติ เพราะถ้าไม่มีลูกตั้ง บางคนจะรู้สึกไม่ค่อยปลอดภัยเวลาเดินเท่าไร

วัสดุลูกนอนบันไดและพื้นลายไม้ของชั้นลอยสีแอบต่างกันนิดนึง แต่ลูกนอนมีร่องขีดยาวเป็นสัมผัสช่วยในการกันตกได้ดี

พื้นที่ชั้นลอยส่วนใหญ่จะเป็นพื้นที่ทานข้าว สามารถวางโต๊ะทานข้าวที่ยาวกว่านี้และวางเก้าอี้ได้มากกว่านี้ น่าจะได้ซัก 8 ที่นั่ง

ทางซ้ายมือมีบานประตูเลื่อนเข้าไปยังห้องครัวที่เป็นแบบปิด กรอบอลูมิเนียมสีธรรมชาติเหมือนเดิม เปิดได้ทั้งสองทาง ตัวกรอบวางอยู่บนธรณีสูงขึ้นนิดนึง

ภายในห้องครัว สิ่งที่โครงการจะให้มาคือรูปบน เป็นเคาท์เตอร์ตัว L พร้อมอ่างล้างจานแบบฝัง ไม่มี Hob and Hood ซึ่งจะต้องเอามาติดตั้งเอง หรือถ้าไม่ใช้งานครัวหนักมาก ก็สามารถทำแบบในบ้านตัวอย่างที่ตั้งเตาสำเร็จแบบ 2 ตัวก็สะดวกดี

พื้นที่ทางซ้ายมือสุดเว้นไว้สำหรับวางตู้เย็น กว้างประมาณ 1 เมตร พื้นปูด้วยกระเบื้องขนาด 60x 60 เซนติเมตร สีขาว รวมถึงผนังข้างๆกับอ่างล้างจานก็จะมีกระเบื้องกรุยาว 1 แถวเพื่อการทำความสะอาดที่ง่าย

ช่องลมของห้องครัวจากภายนอก ซึ่งเป็นจุดระบายอากาศไปด้วยในตัวคือเป็นหน้าต่างแบบบานกระทุ้งเปิดข้าง

กลับมาที่ห้องทานข้าว ก็จะมีประตูบานเลื่อน 2 ตอนออกไปยังระเบียงส่วนหน้าบ้านได้เหมือนกัน ด้านบนมีแอร์ตัวที่ 2 ติดอยู่ ซึ่งด้วยการออกแบบทาวน์โฮมให้มีพื้นที่ต่อเนื่องตั้งแต่ทางเข้าบ้านไปจนถึงทางเดินชั้น 3 ทำให้แอร์ตัวนี้และตัวที่ห้องนั่งเล่นจะทำงานค่อนข้างหนัก เนื่องจากพื้นที่อยู่อาศัยเยอะ ไม่ได้กั้นเป็นห้องเล็กๆ

เลื่อนประตูไปก็จะเจอกับระเบียง ที่ปูด้วยทรายล้าง แตกต่างจากโครงการอื่นๆที่ปูด้วยกระเบื้องขนาดต่างๆกัน มีราวกันตกและ Facade ที่เป็นโครงเหล็กทาสีขาวและวางอิฐเข้าไปทำให้เป็นระดับ

มาถึงดีเทลการออกแบบและการก่อสร้าง คือในการเททรายล้างที่บริเวณระเบียง ก็จะมีการเว้นร่องระบายน้ำทั้งจากน้ำฝนและจากการซักล้าง ให้มีจุดที่ไหลลงไปยังหน้าบ้าน ไม่ขังอยู่ที่ระเบียง

นอกจากนี้ยังมีช่องว่างทางซ้ายเล็กๆระหว่างผนังห้องครัวด้านนอกและ Facade หน้าบ้าน

มองขึ้นไปด้านบนใช้ความสูงให้เป็นประโยชน์ด้วยการหลบเอา Compressor แอร์ ไปติดตั้งไว้ ซึ่งเวลาบำรุงรักษาน่าจะต้องอาศัยการปีนบันไดขึ้นไปซ่อมแซม

จากระเบียงมองกลับมาที่ยังพื้นที่ทานข้าวชั้นลอย

บันไดจากชั้นลอยขึ้นไปยังชั้น 2 เป็นรูปตัว C มีชิ้นสามเหลี่ยมที่มุมทั้งสองฝั่ง โดยมีราวบันไดเป็นโครงเหล็กสีดำ และมีราวจับเป็นชิ้นไม้ที่ดีต่อการสัมผัสมากกว่า

โดยการก่อสร้างของบันได จะเป็นการยกโครงเหล็กสำเร็จชิ้นใหญ่ๆเข้ามาเชื่อมกับโครงสร้างคอนกรีตเสริมเหล็กของตัวบ้าน แล้วก็ไม่ได้จบงานร่องระหว่างตัวชิ้นโครงและผนังปูน ซึ่งดีเทลตรงนี้ก็แล้วแต่ความชอบของผู้อยู่อาศัย ถ้าเป็นวัยรุ่นหน่อยก็อาจจะชอบเพราะดูดิบนิดๆ แต่ถ้าเป็นผู้ใหญ่หน่อยก็จะคิดว่าไม่ค่อยเรียบร้อย อันนี้ก็แล้วแต่ความชอบส่วนบุคคลจริงๆ

ซึ่งจากบันได มองเงยขึ้นไปก็จะเห็นเป็นโครงเหล็กของบันไดเชื่อมชั้นด้านบนเหมือนกัน

ขึ้นมาบนชั้น 2 ก็จะมีประตูห้องนอนอยู่ทางขวา 2 ห้อง และด้านหน้าเป็นห้องน้ำ ส่วนทางซ้ายมือเป็นบันไดจากชั้น 2 ขึ้นไปยังชั้น 3

พื้นที่บริเวณชั้น 2 และภายในห้องนอนปูด้วยพื้นลามิเนตสีอ่อน

เปิดประตูเข้ามาก็จะเจอกับตำแหน่งโต๊ะเครื่องแป้งทางซ้ายมือ หรืออาจจะเปลี่ยนเป็นชั้นวางของก็แล้วแต่

จากมุมโต๊ะเครื่องแป้งมองเข้าไปยังห้องนอนทางขวามือ ก็จะเห็นพื้นที่ทางเดินก่อนถึงพื้นที่ห้องนอนด้านใน สุดทางเป็นประตูบานเลื่อนออกไปยังระเบียงหลังบ้าน ส่วนทางซ้ายมือเป็นช่องแสงภายในห้องนอน ที่สามารถเปิดประตูบานเลื่อนออกไปได้ เดี๋ยวเราจะกลับมาที่จุดนี้นะคะ เก็บของดีไว้ก่อนแปปนึง

เดินตรงเข้ามายังพื้นที่ห้องนอนหลังบ้าน ซึ่งอย่างในบ้านตัวอย่างนี้ปรับเปลี่ยนการใช้งานเป็นห้องทำงานแทน ซึ่งก็สามารถทำได้สบายๆ เนื่องจากพื้นที่กว้างพอสมควร

จากมุมด้านนจะเห็นพื้นที่ห้องอย่างชัดเจน มีตรงกลางเป็นช่องแสงจากด้านบนเต็มๆ ซึ่งในแง่การออกแบบถือว่าเป็นความกล้าออกแบบและออกแบบได้แปลก ข้อดีคือช่วยเพิ่มมิติให้กับทาวน์โฮมมายิ่งขึ้น มีแสงธรรมชาติจากภายนอก ลดการใช้ไฟตามปกติ มีพื้นที่สวนตรงกลาง สามารถจัดได้ตามใจ หรือจะเป็นพื้นที่ซักล้างก็ได้ แต่ในอีกแง่ ช่องแสงก็จะมาพร้อมกับความร้อนของแสง ทำให้ห้องอาจจะมีอุณหภูมิสูงขึ้น หรือแอร์ทำงานหนักขึ้นบ้าง

หลังบ้านก็จะมีประตูบานเลื่อนเปิดออกไปยังระเบียงได้

โดยมีดีเทลของการเลือกชิ้นวัสดุมานำเสนอนิดหน่อยคือ ปกติแล้วประตูบานเลื่อน 2 ตอนก็จะมีรางแค่ 2 ช่องปกติ แต่ในประตูบานเลื่อนของโครงการจะมี 3 ช่อง อีกช่องที่เพิ่มเข้ามาคือช่องสำหรับการติดมุ้งลวด ให้วัดขนาดกรอบแล้วไปสั่งตัด และมาติดตั้งได้ภายในกรอบประตูบานเดียวกันไปเลย

เปิดประตูบานเลื่อนมาอยู่ที่ระเบียง ก็จะเททรายล้างเป็นวัสดุพื้น มี Compressor แอร์ตั้งอยู่ด้านหลังของ Facade โครงเหล็ก และด้านบนเป็นวัสดุ Polycarbonate สีชาออกมาบังแดดบังฝนได้นิดหน่อย

จากระเบียงหลังบ้านชั้น 2 ก็จะเห็นสวนหลังบ้านที่ใช้ร่วมกันกับเพื่อนบ้าน

ถ้ามองตรงๆก็จะเห็นหลังบ้านของฝั่งตรงข้าม

มองไปทางซ้ายก็จะเป็นถนนหลักของโครงการ

กลับเข้ามาด้านใน ต่อมาเราจะมาพูดถึงของดีที่เป็น Hi-light ของบ้านแบบหน้ากว้าง 5.2 เมตร เพราะบ้านแบบอื่นๆ เช่น 4.8 ก็จะไม่มีช่องแสงนี้ ส่วนบ้านแบบ 5.45 ก็จะมีช่องแสงแค่ชั้น 3 ในห้องนอนใหญ่เท่านั้น

จากห้องนอนหลังบ้านนี้จะเข้าถึงพื้นที่ช่องแสงได้สองฝั่งคือเป็นประตูบานเลื่อน 2 ตอนทั้งคู่ สามารถเปิดเพื่อระบายอากาศภายในห้อง หรือจะเชื่อมกับห้องนอนด้านหน้าก็ได้ พื้นเทด้วยทรายล้างเหมือนระเบียงทุกจุด มีจุดระบายน้ำให้ปกติ

การเปิด-ปิดเป็นแบบล็อกขึ้น-ลงจากด้านใน

กรอบประตูบานเลื่อนวางอยู่บนปูนก่อเหมือนทุกๆจุด มีบัวลายไม้ปิดในห้องนอน

พื้นเป็นทรายล้าง เพื่อการทำความสะอาดง่ายของพื้นที่ มีก๊อกน้ำและจุดระบายน้ำ สามารถเทกรวดหรือหินก้อนใหญ่ได้ทับอีกรอบได้เหมือนบ้านตัวอย่าง ปลูกต้นไม้กระถ่างหรืออื่นๆตามความชอบ

ซึ่งจากห้องนอนหน้าบ้านและหลังบ้าน สามารถเดินเชื่อมกันได้ แต่จากห้องนอนหน้าบ้านจะเป็นประตูบานเปิด

ด้านบนเป็นช่องแสงแบบไม่มีหลังคากั้นใดๆ ดังนั้นแดดส่องถึงช่วงเที่ยงๆแน่นอน ฝนเข้าถึงแน่นอน ตัวหลังคาเป็นหลังคาเหล็กพร้อมฉนวนกันความร้อน ไม่ได้ใช้หลังคากระเบื้องลอนคู่ ซึ่งจากการสอบถาม สามารถต่อเติมได้ อาจจะเป็นหลังคาแบบโปร่งใส ไม่ให้ฝนเข้าถึงพื้นที่ได้ แต่ปริมาณแสงก็จะลดลง

ต่อมาเป็นห้องนอนฝั่งหน้าบ้าน เป็นประตูบานไม้อัดยางทาสีพ่นแบบผลัก พื้นเป็นลามิเนต

พื้นที่ด้านในของห้องนอนด้านหน้าก็เหมือนปกติ มีตำแหน่งแอร์อยู่ที่หัวเตียง สามารถวางเตียงขนาดใหญ่ได้ มีพื้นที่วางตู้เสื้อผ้า ด้านหน้ามีประตูบานเลื่อน 2 ตอนออกไปยังระเบียงหน้าบ้านได้

ระเบียงหน้าบ้านกว้างไม่เกิน 30 เซนติเมตร เทด้วยทรายล้างเหมือนทุกจุด ซึ่งความกว้างของระเบียงก็อาจจะส่งผลหรือไม่ส่งผลต่อการใช้งาน เพราะปกติแล้วในประเทศไทยก็แทบไม่มีใครออกมานั่งที่ระเบียงเท่าไร นอกจากตากผ้า สูบบุหรี่ หรือวาง Compressor แอร์

จากระเบียงมองเข้ามายังภายในห้องนอนด้านในก็จะเจอกับประตูบานเปิดที่เปิดออกไปยังช่องแสงได้ สามารถเดินเชื่อมกับห้องนอนหลังบ้านได้ด้วย

ประตูเป็นบานอลูมิเนียมที่ไม่ค่อยแข็งแรงมานัก เปิดผลักออกไปก็จะเจอกับพื้นที่ช่องแสงตรงกลาง ซึ่งสามารถมองเห็นห้องนอนชั้น 3 ได้

ต่อมาเป็นห้องน้ำห้องเดียวของชั้น 2 ที่สมาชิกของห้องนอนหน้าบ้านและหลังบ้านต้องใช้ร่วมกัน โดยการใช้งานของห้องน้ำเป็นแบบ 3 ส่วนตามปกติ แต่มีการแยกอ่างล้างมือออกมาไว้ด้านนอก และด้านในห้องน้ำหลังประตูปิดคือโถสุขภัณฑ์และพื้นที่อาบน้ำ

อ่างล้างหน้าจาก TOTO สเปกเดียวกับห้องน้ำชั้น 1 มาพร้อมกระจกและไฟ

เดินเข้ามาในห้องน้ำ ส่วนแรกที่ปูด้วยกระเบื้องสีขาวคือโถสุขภัณฑ์จาก TOTO เช่นกัน มีที่วางทิชชูและสายชำระปกติ

แบ่งพื้นที่อาบน้ำด้วยสีกระเบื้องคือสีดำ มีธรณีกั้นยกสูงนิดหน่อยกันน้ำท่วม

พื้นที่อาบน้ำก็จะมีฝักบัวจาก American Standard หรือ TOTO ข้างๆเป็นที่ติดตั้งเครื่องทำน้ำร้อนที่เดินสายไฟแบบฝังมาให้ ที่ผนังมีการแบ่งช่องเป็นพื้นที่วางข้าวของเครื่องใช้ อย่างวางสบู่ ขวดแชมพูต่างๆ ซึ่งไม่มีฉากกั้นอาบน้ำหรือม่านพลาสติกมาให้ แนะนำว่าติดเพิ่มเติมก็ดีค่ะ จะได้ไม่ยากต่อการทำความสะอาดมากนัก

หัวฝักบัวค่อนข้างเบา และรัศมีไม่กว้างมากตามขนาด

การระบายอากาศของห้องน้ำชั้น 2 แอบโบราณเล็กๆคือเป็นบานเกล็ดแบบมือหมุนเป็นวงๆ เห็นได้ตามห้องครัวบ้านรุ่นเก่าหน่อย แต่ Function ก็เหมือนเดิมคือเปิด-ปิดระบายอากาศได้ดีตามธรรมชาติ แต่ปัจจุบันเขาก็มีแบบที่กดลงนิดเดียวก็เปิดบานเกล็ดแล้วนะ ไม่ต้องมือหมุน

กลับมาที่บันไดจากชั้น 2 ไปยังชั้น 3 ก็จะมีชิ้นสามเหลี่ยมเหมือนเดิม

ด้านบนเป็นช่องแสงปิดด้วยกระเบื้องหลังคาแบบโปร่งแสงให้แสงเข้าถึงภายในบ้านได้

จากบันไดรูปตัว C เดินขึ้นมาก็จะมีพื้นที่เป็นชานพักประมาณ 1 ตารางเมตร แล้วก็มีประตูบานเดียวคือห้องนอน

ประตูห้องนอนเป็นบานไม้อัดยางทำสีพ่น เปิด-ปิดด้วยลูกบิดทรงกลมหมุนแล้วผลักออก

จากประตูห้องนอนเข้ามาด้านใน หันไปทางซ้ายก็จะเป็นทางเดินตรงกลาง ไปยังห้องน้ำ พื้นที่ Walk-in Closet และระเบียงหน้าบ้าน

ส่วนถ้าหันมาทางขวาก็จะเป็นส่วนของห้องนอน ที่มีประตูบานเลื่อนออกไปยังระเบียงหลังบ้านชมสวนได้

พื้นที่วางเตียงสามารถวางเตียงขนาด 6 ฟุตได้ มีพื้นที่ข้างเตียงเหลือทั้งสองฝั่ง ด้านบนเป็นฝ้าแบบเอียงตามองศาของรูปร่างทรงหลังคา มีความสูงอยู่ที่ 3.8 เมตร สำหรับความสูงหลังธรรมดา และ 4.8 เมตรสำหรับหลังที่สูงกว่าปกติ

ส่วนปลายเตียงก็สามารถจัดวางเป็นพื้นที่ทำงาน หรือวางชุดโซฟาไว้นั่งเล่นได้อีกมุมหนึ่ง

ข้างๆเตียงก็จะมีประตูบานเลื่อนเปิดออกไปยังระเบียงส่วนหลังบ้าน อย่างบ้านตัวอย่างเป็นหลังที่สูงกว่าปกติ ก็จะมีหน้าต่างบาน Fix ด้วยอยู่ด้านบน แต่ถ้าเป็นหลังธรรมดาสูง 3.8 เมตรก็จะไม่มี

เปิดประตูบานเลื่อนออกไปก็จะเป็นพื้นที่ระเบียงหลังบ้าน ความกว้างไม่เกิน 1 ไม้บรรทัด

ต่อมาเป็นส่วนช่องแสงที่ต่อเนื่องจากชั้น 2 ระหว่างห้องนอนที่โล่งไปถึงด้านบน เข้าถึงได้จากประตูบานเลื่อน 2 ตอน อีกบานเป็นบาน Fixed และรับลมได้จากหน้าต่างบานเลื่อนข้างเตียง

พื้นที่ตรงกลางเป็นพื้นที่ทางเดิน ที่สามารถวางโต๊ะทำงานได้ตามบ้านตัวอย่าง หรือจะเป็นที่วางกระเป๋าของคุณผู้หญิงหรือชั้นวางหนังสือของคุณผู้ชาย ทำได้ตามสะดวกเลยค่ะ

หันกลับมาอีกฝั่งของทางเดิน ก็จะเป็นประตูบานเลื่อน 2 ตอน เลื่อนได้บานเดียวไปทางขวา

พื้นส่วนระเบียงตรงกลางนี้ก็จะเทด้วยทรายล้างเหมือนทุกจุด มีจุดระบายน้ำ สามารถปลูกต้นไม้ ตากผ้า ทุกอย่างได้ตามสบาย เพราะอยู่ในจุดที่เพื่อนบ้านไม่เห็น มิดชิดมาก มีราวกันตกมาให้พร้อม

มองขึ้นไปด้านบน รูปบนคือบ้านหลังตรงกลาง ส่วนรูปด้านล่างคือหลังมุม จะมีพื้นที่ด้านข้างเปิดออกไปอีก

มายืนตรงระเบียงตรงกลาง มองไปยังห้องนอนชั้น 3 ที่มีหน้าต่างบานเลื่อน สามารถเปิดได้

หรือจะมองไปด้านล่างเป็นห้องนอนหลังบ้านชั้น 2

จากทางเดินเดินมาเรื่อยๆทางขวามือก็จะเป็นพื้นที่เว้นว่างไว้ให้ทำ Walk-in Closet

ของจริงบ้านมาตรฐานจะให้พื้นที่โล่งๆแบบนี้มา เราก็ใส่เองตามใจชอบ จะขนตู้จากบ้านเก่ามา จะจ้าง Built เป็นแบบประตูปิดอย่างดีก็ได้

ทางซ้ายมีประตูห้องน้ำในตัวของห้องนอนใหญ่เป็นแบบบานเปิด

เปิดประตูเข้าไปก็มีพื้นที่การใช้งาน 3 ส่วนตามปกติ ไล่จากซ้ายไปขวาคือ ส่วนโถสุขภัณฑ์ ตรงกลางคืออ่างล้างหน้า ที่มีเคาท์เตอร์ปูนมาให้แต่ไม่มีบานปิดด้านล่างมิดชิด สามารถทำเพิ่มได้ ส่วนทางขวาเป็นพื้นที่ยืนอาบน้ำ

พื้นที่อาบน้ำก็เหมือนกับห้องน้ำชั้น 2 คือปูด้วยกระเบื้องสีดำ มีฝักบัวมือจับอาบน้ำอยู่ทางซ้าย มีการเว้นร่องวางข้าวของเครื่องใช้ ทางขวามีบานเกล็ดระบายอากาศ

กั้นระหว่างพื้นที่อาบน้ำและส่วนแห้งด้วยสีกระเบื้องและมีการก่อปูนขึ้นมากั้นนิดหน่อย สมควรจะติดฉากกั้นอาบน้ำเพิ่ม

ระหว่างห้องน้ำและพื้นที่ Walk-in Closet ก็จะมีประตูบานเปิดออกไปยังระเบียงหน้าบ้าน

ระเบียงกว้างกว้างจุดอื่นๆหน่อย มี Compressor แอร์วางอยู่หลัง Facade

house 5.45

ทาวน์โฮมแบบสุดท้ายแบบหน้ากว้างที่สุดคือ 5.45 เมตร ขนาดที่ดินเริ่มต้น 23.2 ตร.วา มีพื้นที่ใช้สอยเริ่มต้น 233 ตร.ม. 3 ห้องนอน 4 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ ชั้น 1 และชั้นลอยเหมือนกับแบบ 5.2 คือ ด้านหน้าของแต่ละบ้านไม่มีรั้วบ้านเหมือนเดิม จากพื้นที่จอดรถหน้าบ้านจะมีประตู 3 บาน ทางซ้ายมือคือห้องซักล้าง ไว้วางเครื่องซักผ้าและข้าวของเครื่องใช้ ห้องทางขวาเป็นห้องเครื่องที่วางถังเก็บน้ำและปั้มน้ำ ซึ่งอยู่ในรายการขาย ส่วนประตูบานที่ 3 คือบานเข้าตัวบ้าน มี Digital Doorlock ติดมาให้ เปิดประตูเข้ามาจะเจอกับ พื้นที่ว่างๆก่อนประมาณ 4 ตารางเมตร สำหรับวางชั้นวางรองเท้าหรือเก็บของเล็กๆ มีบันไดเดินขึ้นไปยังห้องนั่งเล่น ทางขวาของห้องนั่งเล่นคือห้องน้ำแบบ Powder room ด้านหลังบ้านมีประตูบานเลื่อน 3 ตอนที่เปิดได้กว้างออกไปยังพื้นที่หลังบ้านที่ปูเป็น Deck ไม้กว้าง 2 เมตร

จากห้องนั่งเล่นชั้น 1 หันหลังกลับมาจะเจอกับบันไดที่เดินขึ้นไปยังชั้นลอยที่การจัดวางเหมือนกับทุกๆแบบ คือพื้นที่ทานอาหารและห้องครัวแบบมีประตูบานเลื่อนปิด ภายในมีเคาท์เตอร์รูปตัว L และจากห้องทานข้าวก็จะมีระเบียงหน้าบ้านเล็กๆ จากชั้นลอยก็จะมีบันไดรูปตัว L เดินขึ้นไปยังชั้น 2 ตั้งแต่ชั้น 2 ไป แบบจะแตกต่างนิดนึงคือ ห้องนอนมี 2 ห้องด้านหน้าและหลังบ้าน มีระเบียงเป็นของตัวเอง และมีห้องน้ำภายในห้องด้วย ที่ชั้น 3 ก็จะเป็นห้องใหญ่ๆห้องเดียวเหมือนกับทุกๆแบบ แต่ตรงกลางจะมีช่องแสงจากด้านบน มีระเบียงหน้าบ้านและหลังบ้าน มีห้องน้ำในตัวซึ่งมีอ่างอาบน้ำให้ด้วย และมีพื้นที่เว้นไว้ให้ทำ Walk-in Closet

บ้านแบบนี้ดีที่ Funtion การอยู่อาศัยค่อนข้างครบ คือห้องนอนทุกห้องมีห้องน้ำในตัวเอง ทำให้สะดวกในการอยู่จริง ชั้น 3 ที่เป็นห้องนอนใหญ่ก็จะหวือหวาหน่อยตรงมี Void พอให้แสงเข้าถึงได้ และห้องน้ำแบบ Full function และมีระเบียงในทุกๆจุดที่ทำได้

ภาพ Section หรือรูปตัดของทาวน์โฮมแบบหน้ากว้าง 5.45 เมตร โดยจะสังเกตเห็นถึงความสูงของพื้นถึงฝ้าของแต่ละชั้นที่ไม่เท่ากัน อย่างห้องนั่งเล่นที่ชั้น 1 ที่มีสูงมาก โดยขึ้นบันไดไปจะเป็นห้องทานข้าวที่ชั้นลอย และหลังคาด้านบนที่เป็นแบบทำมุมลาดลงสองฝั่ง ทำให้พอจะบังแดดส่วนระเบียงได้ และ Void ตรงข้างบ้าน ทำให้มีแสงพอผ่านเข้ามาในห้องนอนใหญ่

**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ

 

ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 15 January 2016

  • ทาวน์โฮม 3 ชั้นครึ่ง หน้ากว้าง 4.8 เมตร ที่ดิน 18 ตารางวา ราคา 4.686 ล้านบาท
  • ทาวน์โฮม 3 ชั้นครึ่ง หน้ากว้าง 5.2 เมตร ที่ดิน 22.1 ตารางวา ราคา 5.6 ล้านบาท

  • โปรโมชั่น
  • ส่วนลดวันโอนกรรมสิทธิ์ 200,000 บาท
  • ฟรี ปั้มน้ำ, แทงค์น้ำ, ประตู Digital Doorlock และเครื่องปรับอากาศ 5 เครื่อง

  • จอง 50,000 บาท
  • ทำสัญญา 50,000 บาท ภายใน 7 วันหลังจากวันจอง
  • ไม่มีผ่อนดาวน์
  • ที่ดินเพิ่มลด ราคาตารางวาละ 50,000 บาท
  • ค่าส่วนกลาง 45 บาท/ตร.วา/เดือน จัดเก็บล่วงหน้า 2 ปี
  • ค่ากองทุนส่วนกลาง 400 บาท/ตร.วา
  • ค่าจดจำนอง ผู้ซื้อเป็นผู้ชำระ
  • ค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายในการโอนกรรมสิทธิ์ ผู้ซื้อแล้วผู้ขายชำระฝ่ายละครึ่ง
  • ค่าประกัน มิเตอร์ไฟฟ้า ประปา ผู้ซื้อเป็นผู้ชำระ

**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ


เจาะลึกรวบยอด

SIAMESE blossom @fashion สภาพแวดล้อมส่วนใหญ่ในย่านนี้จะเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยแนวราบซะเป็นส่วนมากในซอยรามอินทราต่างๆ ที่ถนนใหญ่ก็จะเป็นอาคารพาณิชย์สูง 3-4 ชั้น ด้านล่างเปิดเป็นร้านค้าและบริการ แต่ที่เห็นเยอะๆคือเกี่ยวกับอะไหล่รถ และมีสถานที่สำคัญๆหลายแห่งที่อยู่ไม่ไกลจากโครงการ ศูนย์การค้าที่มีให้เดินในระยะใกล้ที่สุดคือ Fashion Island และ Promenade ที่ตอนนี้ตัวห้างพัฒนาไปมากและมีคนเดินเยอะเลย หรือถ้าจะไปเล่นน้ำที่สวนสยาม หรือซาฟารีที่ถนนเลียบคลองสอง แถวนี้สนามกอล์ฟก็เยอะมากเช่นที่ปัญญาอินทรา ส่วน Hyper Market ที่ใกล้สุดจะเป็น Big C ที่อยู่ใน Fashion Island นอกจากนั้นก็ยังมีโรงพยาบาลขนาดกลางใกล้เคียง อย่างรพ นพรัตน์ราชธานี โรงพยาบาลสินแพทย์ และที่กำลังจะเริ่มเข้ามาคือคอนโด High rise เกาะเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีชมพูบนเส้นรามอินทรา

การเดินทางโดยใช้รถ ตั้งอยู่ที่ซอยรามอินทรา 64 บนถนนรัชดา-รามอินทรา ระหว่างซอยรามอินทรา 62 และ 66 โดยถ้ามาจากหลักสี่จะต้องไปกลับรถที่หน้าโรงพยาบาลนพรัตนราชธานีมายังฝั่งซอยรามอินทราฝั่งเลขคู่ เจอซอยรามอินทรา 66 ให้ชิดซ้ายและเลี้ยวซ้ายเข้าถนนรัชดา-รามอินทรา จากนั้นประมาณ 300 เมตรก็จะถึงซอยรามอินทรา 64 ที่เป็นทางเข้าหลักของโครงการ จากโครงการ สามารถเข้าถึงวงแหวนรอบนอกฝั่งตะวันออกได้ง่าย โดยสามารถขึ้นเหนือไปยังรังสิตหรือลงใต้ไปสมุทรปราการได้เลย หรือว่าจะข้ามสะพานเส้นทางรัชดา-รามอินทราไปบรรจบกับถนนเกษตร-นวมินทร์ก็ได้ และตัวถนนรามอินทราเองตลอดทั้งเส้นก็มีแยกต่างๆมากมายไม่ว่าจะไปวัชรพล ลำลูกกา พหลโยธิน หรือเกษตร

การเดินทางโดยไม่ใช้รถ ในปัจจุบันก็คงจะต้องพึ่งพาพี่แท๊กซี่ สองแถว รถเมล์และพี่วินมอเตอร์ไซค์ที่สามารถเรียกได้ที่หน้าโครงการ หรือเดินมาตรงถนนรามอินทราหน่อย ส่วนระบบขนส่งอย่างรถไฟฟ้าก็จะต้องเป็นรถไฟฟ้าสายสีชมพูที่วิ่งทางหลักอยู่บนถนนรามอินทรา สุดที่มีนบุรีพอดี จากโครงการสามารถเลือกขึ้น-ลงได้ที่สถานีวงแหวนตะวันออกหรือสถานีนพรัตน์ราชธานี ก็อยู่ในระยะใกล้เคียงกัน แต่ก็จะต้องรอดูต่อไปว่าจะมีทางลงมายังฝั่งซอยรามอินทราเลขคู่รึเปล่า

วัสดุของโครงการนี้ใช้โครงสร้างคอนกรีตเสริมเหล็กและก่ออิฐมวลเบาที่ผนัง ไม่ใช่แบบ Pre-Cast หรือผนังสำเร็จรูปที่ยกมาติด ผนังเป็นแบบฉาบปูนเรียบทาสีทั้งหลัง ไม่มี Wallpaper พื้นที่ชั้นล่างส่วนใหญ่จะได้เป็นคอนกรีตขัดมัน ปิดด้วยพื้นลายไม้ ส่วนชั้นบนที่ห้องนอนชั้น 2-3 พื้นจะได้พื้นไม้ลามิเนต พื้น-ผนังภายในห้องน้ำและห้องครัวจะได้กระเบื้องเซรามิคขนาด 60 x 60 เซนติเมตร หน้าต่างและประตูบานเลื่อนเป็นกระจกธรรมดา ไม่ใช่แบบตัดแสง กรอบอลูมเนียมสีธรรมชาติ ชุดสุขภัณฑ์ของ American Standard และ TOTO หรือเทียบเท่า ที่แตกต่างจากปกติ อาทิ พื้นระเบียงเทเป็นทรายล้าง มีช่องให้น้ำผ่านได้ กรอบประตูมีช่องเพิ่มสำหรับการวางมุ้งลวด หลังคาเป็นหลังคาเหล็กกันขโมยพร้อมฉนวนกันความร้อน

การออกแบบโครงการ ค่อนข้างแปลก เนื่องจากเป็นพื้นที่ต้นซอยของซอยรามอินทรา 64 ตรงกลางเป็นถนนหลักกว้าง 19 เมตร แล้วเข้ามาเจอซอยย่อยกว้าง 9 เมตรหน้าบ้านมีระบบรักษาความปลอดภัยอีกชั้น ในส่วนของ Phase1 สร้างเสร็จ 100% แล้วคือตั้งแต่ซอย 8 ถึงซอย 23 หลังโครงการ รวม 120 ยูนิต ในแต่ละซอยมีประมาณ 12 – 16 ยูนิต ที่ดินเริ่มต้นอยู่ที่ 18 ตารางเมตร โดยมีพื้นที่ตั้งแต่หน้าบ้านที่จอดรถถึง Deck ไม้หลังบ้าน แล้วก็มีสวนหลังบ้านเป็นพื้นที่ส่วนกลาง ไม่อยู่ในโฉนด โดยผู้ดูแลคือ Developer และนิติบุคคลในอนาคต ซึ่งค่าใช้จ่ายก็มีการเก็บในส่วนของค่าส่วนกลางและค่ากองทุน ที่ปกติแล้วโครงการจัดสรรแนวราบจะไม่ต้องจ่ายค่ากองทุน แต่จากการสอบถามคือจะเอาไปจัดตั้งนิติบุคคลและดูแลในระยะยาว 

ทาวน์โฮม 3 ชั้นครึ่ง มีทั้งหมด 3 แบบ แตกต่างกันที่หน้ากว้าง และพื้นที่ใช้งานภายใน แต่ภายนอกก็หน้าตาคล้ายๆกัน โดยเป็นโทนสีขาว-เทาแซมด้วยอิฐสีส้ม โดยแบบเร่ิมต้นคือ 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ แต่แบบหน้ากว้าง 5.45 เมตร จะมี 4 ห้องน้ำ โดยแบบ 4.8 เมตรจะมีลูกเล่นในบ้านน้อยหน่อย คือพยายามใช้พื้นที่ในบ้านให้คุ้มค่าที่สุด ส่วนแบบ 5.2 เมตรจะมีความหวือหวาที่สุดคือมีช่องแสงจากด้านบนลงมาที่ชั้น 2-3 ทำให้แสงจากภายนอกเข้ามาในตัวบ้าน ทำให้ดูมีมิติและลูกเล่นเพิ่มมากขึ้น ส่วนบ้านแบบ 5.45 เมตร จะมีห้องน้ำในตัวทุกห้องนอน มีช่องแสงที่ชั้น 3 ชั้นเดียว แต่ก็ถือว่าเป็น Function ที่ค่อนข้างครบ *นอกจากนั้นการออกแบบแต่ละบ้านยังมีความสูงไม่เท่ากันในแต่ละหลัง และมีช่องว่างระหว่างบ้านหลังมุมและหลังรองมุม ซึ่งใช้การออกแบบมาแก้ปัญหาพื้นฐานของหมู่บ้านจัดสรรทั่วไปได้แปลก ซึ่งจะถูกใจหรือไม่ก็ขึ้นกับความชอบส่วนตัวจริงๆ

สาธารณูปโภค จากซุ้มหน้าโครงการซอยรามอินทรา 64 ก็จะมีพี่ยามคอยตรวจสติ๊กเกอร์ เพื่อเปิด-ปิดไม้กระดกและประตูเลื่อนอัตโนมัติ เข้ามาก็จะเจอกับถนนหลักของโครงการกว้าง 19 เมตร ยาวไปถึงท้ายโครงการที่จะมีจุดรักษาความปลอดภัยอีกจุดหนึ่ง โครงการนี้ไม่มี Clubhouse ไม่มีสระว่ายน้ำ แต่มีสวนอยู่หลังโครงการ ขนาดกลางๆไม่ใหญ่มาก และในซอยย่อยเข้าบ้านก็จะมีระบบรักษาความปลอดภัยอีกคือใช้รีโมทในการเปิดประตูบานเลื่อนเข้าซอย และไขกุญแจสำหรับประตูเล็ก สำหรับแขกคือมี Intercom เรียกเพื่อนได้จากการกดบ้านเล็กที่ โดยมี CCTV รอบโครงการ 13 จุด มีรั้วรอบโครงการ 2 ชั้น คือ 3 เมตร และ 2.5 เมตร ที่เป็นรั้วโครงเหล็กสำหรับไม้เลื่อย

 

Judgement

ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง 40%, ความปลอดภัย 15%, การออกแบบและพื้นที่ใช้สอย 15%, วัสดุ 10%, พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ 10%,  และสาธารณูปโภค 10%

เทียบกับแพคเกจ 3 – 7 ล้านบาท,  15 January 2016

  • ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง 8.25/10 – ซอยรามอินทรา 64 บนถนนรัชดา-รามอินทรา เลี้ยวได้จากถนนรามอินทราและถนนกาญจนาภิเษก (วงแหวนรอบนอก)
  • ความปลอดภัย 7.5/10 – แบ่งเป็น 2 ส่วนคือที่ซุ้มโครงการที่ซอยรามอินทรา 64 หน้าและหลังโครงการเป็นสติ๊กเกอร์เปิดไม้กระดก และที่ซอยย่อยของตัวเองเป็นรีโมท แต่ไม่มีประตูกั้นแต่ละบ้านทั้งหน้าบ้านและหลังบ้าน มีสัญญาณกันขโมยแบบ Motion Censor รั้ว 2 ชั้นคือ 3 และ 2.5 เมตร
  • การออกแบบและพื้นที่ใช้สอย 9.0/10 – แบบแปลกกว่าทาวน์โฮมทั่วไป แต่ก็สามารถอยู่ได้จริง มี 3 แบบตามความชอบและการใช้งาน
  • วัสดุ 7.75/10 – มาตรฐาน แต่จะมีดีเทลในการเลือกวัสดุบางชิ้นเยอะหน่อย เช่น รางประตูเลื่อนแต่มีรางมุ้งลวดด้วย เทระเบียงด้วยทรายล้าง และหลังคาเหล็กพร้อมฉนวนกันความร้อน
  • พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ 8/10 – โครงการร่มรื่นดี สภาพโดยรวมเรียบร้อย สวนหลังบ้านปลูกได้แน่น แต่บางจุดรกไปนิด ไม่มีทางเดิน
  • สาธารณูปโภค 7.25/10 – มีสวนสาธารณะท้ายโครงการและหลังบ้านของแต่ละหลัง ดูแลในระดับโอเค แต่ขนาดเล็กไปนิด
  • 8.07 / 10.00

BOTTOM LINE

SIAMESE blossom @fashion ถือว่าเป็นโครงการทาวน์โฮมสูง 3 ชั้นครึ่ง ที่เน้นขาย Product ที่ดีไซน์มีความแปลกใหม่ รูปแบบโครงการที่ค่อนข้างปิดจากภายนอกแต่เปิดกับลูกบ้าน เจาะกลุ่มค่อนข้าง Niche เหมาะสำหรับคนในพื้นที่ที่ต้องการขยับขยายครอบครัว หรือคนทำงานในแถบนั้นอยู่แล้ว เดินทางด้วยรถง่าย สำหรับคนที่สนใจต้องมีงบประมาณ 4.5 – 7 ล้านบาท หรือมีกำลังผ่อนต่อเดือนประมาณ 30,000 – 50,000 บาท

ถ้ามีความเห็นว่ารีวิวตัวนี้มีประโยชน์ ช่วยกด LIKE ให้หน่อยนะคะ จะได้มีกำลังใจในการทำรีวิวต่อไป

สมัครสมาชิกพร้อมรับข่าวสารเพิ่มเติม (คลิกที่นี่ )