แม้ว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์ในไทยจะยังอยู่ในช่วงทรงตัว ทางออกของบริษัทรายใหญ่คือการ Road Show นำโครงการไปขายที่ต่างประเทศซึ่งแสนสิริก็เป็นหนึ่งในนั้น

Sansiri บุกตลาดต่างชาติมาเกือบ 2-3 ปี โดยเน้นหนักไปทางจีน และ ฮ่องกง ซึ่งปัจจุบันกวาดยอดขายรวมไปได้เกือบ 7,000 ลบ. ล่าสุดบริษัทได้จับมือเป็นพันธมิตรธุรกิจ (Strategic Partner) กับ Luen Thai Group Limited กลุ่มบรรษัทข้ามชาติซึ่งมีฐานการดำเนินธุรกิจอยู่ในฮ่องกง โดยประกอบกิจการในธุรกิจค้าปลีก อสังหาริมทรัพย์ การประมง การท่องเที่ยว โลจิสติกส์และซัพพลายเชน ในตลาดประเทศจีน เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ซึ่งนับเป็นการสร้างความร่วมมือในระยะยาวเพื่อส่งเสริมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของประเทศไทยในตลาดจีน เครือข่ายทางธุรกิจในประเทศจีนที่เข้มแข็ง รวมไปถึงความเชี่ยวชาญในธุรกิจโรงแรมและอสังหาริมทรัพย์ของ Luen Thai (ลุนไทย) ซึ่งจะช่วยให้แสนสิริสามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าชาวจีนได้มากขึ้น ในขณะเดียวกัน Luen Thai ก็จะได้รับประโยชน์จากประสบการณ์องค์ความรู้ในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่มีมาตรฐานในระดับสากลที่ได้รับการยอมรับในระดับภูมิภาคและระดับโลกของแสนสิริ เพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจอสังหาของกลุ่ม Luen Thai มากยิ่งขึ้นเช่นกัน

 

การเป็นพันธมิตรทางธุรกิจในครั้งนี้เป็นการร่วมลงทุน (Joint Venture) 50:50 เพื่อขยายธุรกิจการขายอสังหาริมทรัพย์ไทยในประเทศจีน โดยเริ่มจากการตั้งสำนักงานในจีนเพิ่มอีก 3 แห่ง ได้แก่ เซี่ยงไฮ้ เสินเจิ้น และกวางโจว จากเดิมที่มีสาขาตั้งอยู่ในปักกิ่ง ทั้งนี้ สำนักงานในประเทศจีนของแสนสิริทั้ง 4 แห่ง จะเป็นศูนย์กลางในการในการประสานงานธุรกิจกับตัวแทนจำหน่ายอสังหาริมทรัพย์ท้องถิ่น ( Local Property Agents) ในแต่ละเมือง รวมถึงการสนับสนุนกิจกรรมโรดโชว์ ที่จะจัดขึ้นทุกเดือนเพื่อนำเสนอศักยภาพและความหลากหลายของอสังหาริมทรัพย์ในกรุงเทพฯ ภูเก็ต และเชียงใหม่ ให้กับกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย โดยกลยุทธ์ทางการตลาดจะแตกต่างกันไปในแต่ละเมือง ตัวอย่างเช่น ปักกิ่ง เมืองหลวงของจีน จะมีฐานลูกค้าระดับกลางและระดับบน

ในกลุ่มนักลงทุนและผู้ต้องการบ้านพักตากอากาศระดับไฮเอนด์ ส่วนเซี่ยงไฮ้ นับ เป็นศูนย์กลางธุรกิจที่สำคัญของจีนที่มีดีมานต์ความต้องการอสังหาฯ ไทยอยู่อีกจำนวนมาก ขณะที่กวางโจว และเสินเจิ้น เป็นเมืองที่มีทำเลไม่ไกลจากฮ่องกง มีการใช้ภาษาและวัฒนธรรมใกล้เคียงกับฮ่องกง ซึ่งแสนสิรินับว่ามีประสบการณ์ และประสบความสำเร็จจากการทำตลาดที่ฮ่องกงมาแล้ว จึงสามารถนำประสบการณ์มาทำตลาดเพื่อเข้าถึงกลุ่มลูกค้าในกวางโจวและเสินเจิ้นได้ไม่ยาก

นอกจากการซื้ออสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุนแล้ว กลุ่มลูกค้าในประเทศจีนยังมองหาบ้านพักตากอากาศ โดยเฉพาะในเมืองท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงอย่างภูเก็ต เชียงใหม่ และพัทยา เป็นต้น

ขณะเดียวกันบริษัทยังมองเห็นความต้องการซื้อที่เพิ่มขึ้นของนักลงทุนชาวจีน สำหรับคอนโดมิเนียมในกรุงเทพฯ เนื่องจากราคาขายที่ต่ำกว่าในประเทศจีน 2-4 เท่าตัว รวมทั้งยังได้รับผลตอบแทนจากการปล่อยเช่าที่สูงกว่า โดยมีผลตอบแทนเฉลี่ยสูงถึง 5-7% บริษัทจึงให้ความสำคัญกับการโปรโมทโครงการคอนโดมีเนียมผ่านกิจกรรมโรดโชว์ โดยเฉพาะคอนโดมีเนียมที่ตั้งในศูนย์กลางธุรกิจของกรุงเทพฯ เช่น ย่านสาทร ถนนวิทยุ และทองหล่อ เป็นต้น นอกจากนี้ เพื่อเป็นการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ดียิ่งขึ้น บริษัทยังเตรียมกระตุ้นการสื่อสารผ่านช่องทางออนไลน์ ทั้งเว็บไซต์ภาษาจีน www.sansirithailand.cn รวมไปถึงแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียที่ได้รับความนิยมในประเทศจีนอย่าง WeChat  และYouKu  อีกด้วย

บริษัทคาดว่าจะสามารถสร้างยอดขายจากตลาดจีนในปีนี้ได้ถึง 3,500 ล้านบาท ซึ่งจะช่วยผลักดันยอดขายรวมตลาดต่างชาติในปีนี้เป็น 9,000 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 25% จากเป้ายอดขายรวม 40,000 ล้านบาท ที่ตั้งไว้ในปีนี้ซึ่งนับเป็นสัดส่วนที่สูง ทั้งนี้บริษัทยังได้ตั้งเป้าหมายยอดขายต่างชาติในปีหน้าเพิ่มขึ้นเป็น  12,000  ล้านบาท โดยวางเป้าหมายกลุ่มลูกค้าจีนขึ้นสู่อันดับหนึ่งของยอดขายตลาดต่างชาติ เนื่องจากมองว่าศักยภาพความต้องการอสังหาฯ ไทยในตลาดจีนยังโตได้อีกมาก ตามด้วยกลุ่มลูกค้าในตลาดฮ่องกง ทั้งนี้การจับมือเป็นพันธมิตรทางกลยุทธ์กับ Luen Thai (ลุนไทย) จะทำให้แสนสิริมีฐานข้อมูลลูกค้าที่แข็งแกร่ง สามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ ที่มีศักยภาพ รวมถึงในกลุ่มลูกค้าผู้จัดการกองทุนและนักลงทุนรายได้สูง ซึ่งหากผลตอบรับจากการเปิดสำนักงานใน 4 เมืองประสบความสำเร็จ บริษัทยังมีแผนขยายการเปิดสำนักงานในหัวเมืองอื่นๆ เพิ่มเติมมากขึ้นอีกด้วย