Reflection-Cover

รีวิวฉบับที่ 818 … สวัสดีครับในช่วงวันหยุดยาวที่ผ่านมีใครไปเที่ยวทะเลกันมาบ้างรึเปล่าครับ วันนี้ผมมีรีวิวคอนโดมิเนียมตากอากาศ Reflection Jomtien Beach Pattaya ติดหาดนาจอมเทียนมาฝาก เป็นคอนโดตึกคู่ที่สร้างเสร็จแล้วถ้าใครไปแถวนั้นก็จะเห็นตึกนี้ตั้งเด่นอยู่เลย แต่หลายคนที่ผ่านไปมาและยังไม่เคยเข้าไปอาจจะไม่รู้ว่าภายในโครงการนั้นเค้ามีส่วนกลางที่จัดว่าเยอะและทำออกมาแบบไหน เนื่องจากโครงการมีทั้ง Point of View และ รายการคิดเรื่องอยู่ให้ดู ผมเลยขอหยิบภาพมาใช้บ้างนะครับ

Fact @ 13 March 2015

  • Reflection Jomtien Beach Pattaya (รีเฟล็คชั่น จอมเทียน บีช พัทยา )
  • บริษัทเมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน)
  • LUXURY (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
  • โครงการตั้งอยู่ในเขต : เลียบหาดจอมเทียน เขต สัตหีบ
  • คอนโด High Rise 2 อาคาร 55 ชั้นและ 42 ชั้น 334 ยูนิต
  • อาคารจอดรถ 3 ชั้น 1 อาคาร
  • ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 7 ยูนิตที่อาคาร B
  • ที่จอดรถประมาณ 263 คันคิดเป็น 78% รวมจอดซ้อนคัน 296 คัน คิดเป็น 88%
  • ที่ดินประมาณ 8-0-89 ไร่
  • 1 Bedroom 60.21 – 62.60 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 5.9 ล้านบาท
  • 2 Bedrooms 102.93 – 116.04 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 10.1 ล้านบาท
  • 3 Bedrooms 217.55 – 217.85 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 22.7 ล้านบาท
  • Duplex 135.64 – 240.5 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 13.2 ล้านบาท
  • Penthouse 305.12 – 859.29 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 40 ล้านบาท
  • ฝ้าเพดานสูง 3 เมตร
  • ราคาเริ่มต้นประมาณ 5.9 ล้านบาทหรือประมาณ 97,990 บาท/ตร.ม.
  • www.mde.co.th/reflectionpattaya
  • สำนักงานขาย : 038-233-111

เพียงแค่การกด Like ก็เท่ากับการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจาก Think of Living แล้วครับ

สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างครับ


เจาะลึกเรื่องทำเลที่ตั้ง

พิกัด : 12.864392, 100.893654

ReflectionPattaya_EN_01_resize

ทำเลโครงการนี้อยู่ในช่วงหาดจอมเทียน ซึ่งสภาพแวดล้อมแถวๆนี้จะไม่เหมือนพัทยาซะทีเดียว แถวๆนี้มีความสงบมากกว่าเยอะ ยิ่งช่วงกลางคืนจะเห็นได้ชัดว่าต่างกันมากเพราะไม่ได้มีสถานบันเถิงเยอะเหมือนโซนพัทยา ส่วนร้านอาหารต่างๆจะเป็นร้านเล็กซะเป็นส่วนมาก ไม่ได้มีห้างใหญ่ๆเหมือนเส้นเลียบหาดพัทยา

การเดินทางรอบๆโครงการใช้เส้นสุขุมวิทเป็นหลักอยู่แล้ว แต่เส้นที่เพิ่งตัดใหม่คือถนนจอมเทียนสาย 2 จะเริ่มจากทัพพระยายาวมาสุดที่สุขุมวิท การมาโครงการสามารถเข้าได้หลายเส้นทาง ทั้งทางชัยพฤกษ์ และ เส้นนาจอมเทียน 2 ทีนี้ถ้าพูดถึงการเดินทางไปเส้นพัทยาก็วิ่งสุดถนนเลียบหาดเข้าทัพพระยาก็ถึงแล้ว แต่ถ้าอยากไปเที่ยวถนนคนเดินแบบไม่ต้องขับรถไปก็นั่ง 2 แถวได้นะครับ มีวิ่งวนไปเส้นพัทยา 10 บาทต่อคนเท่านั้นเอง

**รูปนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการแบบคร่าวๆไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการได้นะครับ

 

สภาพแวดล้อมรอบโครงการนอกจากเป็นโรงแรมริมหาดแล้ว จะเป็นร้านอาหารซะเป็นส่วนใหญ่ จากในรูปจะเห็นว่ามียังมีพื้นที่เหลือรอบๆโครงการอยู่พอสมควรทำให้บรรยากาศจะสงบกว่าช่วงต้นๆของถนนเส้นนี้ ด้านหลังคอนโดติดกับโรงแรมเซนทรามาลิส ซึ่งเป็นอาคารแบบ Low Rise เลยไม่ได้บังวิวอะไร

**รูปนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการแบบคร่าวๆไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการได้นะครับ

ชิ้นที่ดินโครงการจะมีพื้นที่ยาวๆ เค้าเลยสร้างเป็นตึกคู่ โดยอาคาร A จะสูงกว่าอาคาร B ประมาณ 10 ชั้น และมีระยะห่างกันประมาณ 50 ม.

ReflectionPattaya_RouteMap

การเดินทางมาโครงการก็วิ่งตามเส้นสุขุมวิทมาเลี้ยวเข้าที่แยกที่ตัดกับถนนชัยพฤกษ์ ตรงมาสุดถนนเลียบหาดก็เจอแล้วครับ

จากกทม.วิ่งเส้นสุขุมวิทยาวๆมาจนเจอป้ายเลี้ยวขวาไปหาดจอมเทียนให้ชิดขวาไว้เลยครับ

พอเลี้ยวเข้าถนนชัยพฤกษ์แล้วจะเจอโซนอาคารพาณิชย์ที่ด้านหน้า

ตรงมาเรื่อยๆจนเจอจุดตัดกับถนนจอมเทียนสายสองให้ตรงไปอีกครับ

พอข้ามมาแล้วความคึกคักจะเริ่มมีเยอะขึ้นมีร้านค้าต่างๆตั้งอยู่ริมทางเกือบตลอดเส้นทาง

วิ่งมาสุดทางเจอถนนเลียบหาดหรือถนนจอมเทียนสายหนึ่งให้เลี้ยวซ้าย

ถนนเส้นนี้จะมีข้อดีกว่าเส้นเลียบหาดพัทยาตรงที่เป็น Two-Way วิ่งสวนกันได้ไม่ต้องอ้อมไกลๆ ฝั่งริมหาดจะมีที่จอดรถเป็นจุดๆมีบางช่วงกว้างก็จอดแบบเข้าซองบางช่วงแคบก็จอดแบบขนานฟุตบาทไป

ขับมาได้ไม่ไกลเริ่มจะเห็นตัวตึกของโครงการอยู่ไม่ไกลแล้ว

ก่อนถึงโครงการจะมีจุดสังเกตคือร้านอาหารสุดทางรักที่อยู่ติดกับโครงการเลย

เลยร้านอาหารมาก็เจอป้ายทางเข้าโครงการแล้วครับ

ถ่ายรูปชายหาดช่วงหน้าโครงการมาให้ดูว่ามีพื้นที่พอให้เล่นได้เยอะอยู่เหมือนกัน ในรูปนี้เป็นช่วงบ่ายๆเย็นๆน้ำลงไปพอสมควรแล้ว ถ้าจะเดินลงไปเล่นที่หาดเค้าจะมีบันไดทางลงให้นะไม่ต้องเดินเหยียบหินลงไปให้เจ็บเท้า

แต่ถ้าเป็นช่วงเช้าๆถึงสายๆน้ำก็จะขึ้นมาเยอะอย่างที่เห็นนี่แหละครับ

สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น

  • Tesco lotus – 6.1 กม.
  • Big C พัทยาใต้ – 7.1 กม.
  • Central Festival – 10.4 กม.
  • ตลาดน้ำ 4 ภาค – 4.8 กม.

 


เจาะลึกตัวโครงการ

มาดูผังโครงการกันดีกว่าครับ ถนนของโครงการนี้จะอยู่ชิดด้านนึงของที่ดินตลอดแนวและมีอาคารจอดรถ 3 ชั้นอยู่ด้านหลัง ตัวอาคารแบ่งเป็น 2 ตึกอยู่ตรงกลางและคั่นด้วย Facility ต่างๆ โครงการนี้ผมขออธิบายส่วนของ Facility เยอะหน่อยนะครับ เพราะเป็นจุดเด่นของนี่เลย โดยผมจะไล่อธิบายแต่ละส่วนจากหน้าโครงการไปด้านในนะครับ

ด้านหน้าสุดมีสระว่ายน้ำมาให้ 2 สระและเป็นสระที่ยาวตามมาตรฐานโอลิมปิกคือยาว 50 ม.ทั้งคู่แต่จะต่างกันตรงที่มีหน้ากว้างของสระ สระที่แคบกว่าจะกว้างประมาณ  8 เมตรเป็นสระที่เรียกว่า Lap Pool คือเอาไว้ว่ายน้ำออกกำลังกายอย่างจริงจังได้ สำหรับสระถัดมาจะมีระยะหน้ากว้างที่มากกว่า เอาไว้ว่ายเล่นหรือจะนอนอาบแดดก็ได้เพราะเค้ามีส่วนที่เรียกว่า In-water Sun Lounger ด้านข้างตัวสระจะมี Cigar Lounge อยู่ติดกับสระด้วยเอาไว้จัด Party ริมสระก็ได้

ส่วนถัดมาคือ Reflective Pond ที่หน้าอาคาร A เป็นตัวเชื่อมพื้นที่สระกับพื้นที่ใต้อาคาร ภายในอาคาร A ชั้นล่างสุดจะมีห้อง Sauna แยกชายหญิง ที่ชั้น M จะมี Kid’s Club, ห้อง Aerobic & Yoga และห้อง Fitness ที่ชั้น 26 มี Relaxation Room, Sky BBQ Terrace & Lounge, Sky Multi-Purpose Room และ Multi-Purpose Room

ตรงกลางระหว่างตึก A และ B จะเป็น Lobby Pavilion ที่ออกแบบให้มีบ่อน้ำรอบๆพร้อมกับการเล่นระดับถัดมาทางด้านล่างของภาพจะเป็นสระว่ายน้ำอีกส่วนที่เรียกว่า Social Pool สระว่ายน้ำตรงนี้จะพิเศษกว่าส่วนแรกตรงที่มีของเล่นให้เล่นเยอะทั้ง Slider, อุโมงค์น้ำและ Water Cave เอาไว้ให้เด็กๆเล่นกันอย่างสนุกสนาน ส่วนผู้ใหญ่ก็ไปนั่งเฝ้าแบบไม่ร้อนได้นะครับเพราะมีศาลาให้นั่งเล่นอยู่ใกล้ๆ

อาคาร B จะมี Facility หลักๆเหมือนกับอาคาร A คือ ที่ชั้น M จะมี โต๊ะพูล, ห้องเครื่องซักผ้า, ห้อง Aerobic & Yoga และห้อง Fitness สำหรับส่วนกลางชั้นสูงๆจะไม่ได้อยู่ที่ชั้น 26 แต่ลงมาอยู่ที่ชั้น 22 แทนมี Sky BBQ Terrace, Sky Lounge & Garden และ ห้องอเนกประสงค์พร้อมครัว สุดท้ายคือสนามเทนนิสชั้นบนสุดของอาคารจอดรถ

มาดูตัวตึกของที่นี่บ้าง การที่สร้างตึกสูงประมาณ 40 กว่าชั้นขึ้นไปทั้ง 2 ตึกมาอยู่คู่กันอาจมีเรื่องของการบังวิวเป็นปรกติ แต่ที่นี่เค้าทำการบ้านมาดีเหมือนกันตรงที่ การออกแบบตัวตึกให้เป็น 3 เหลี่ยมหลบมุมที่จะต้องปะทะกันตรงๆและช่วยให้ได้ทุกยูนิตได้เห็นวิวทะเลเหมือนกัน ในอนาคตสำหรับอาคาร A ไม่มีปัญหาเรื่องการบังวิวแน่นนอนแต่อาคาร B ไม่ได้การันตีนะครับ เพราะถ้ามีโครงการตึกสูงขึ้นข้างๆก็อาจจะบังวิวไปบ้าง

เอาความสูงของทั้ง 2 ตึกมาให้ดูว่าต่างกันประมาณไหน และ Facility ที่อธิบายไปเมื่อกี้อยู่ตรงไหนของตึกบ้าง สำหรับจำนวนยูนิตจะเห็นว่าตึก A นั้นเค้าออกแบบให้มีแค่ 2 ห้องต่อชั้นเท่านั้น ส่วนตึก B จะมี 7 ยูนิตต่อชั้นและมีบางยูนิตที่เป็น Double Volume ส่วนชั้นบนสุดจะเป็นห้องแบบ Penthouse

เอาหละครับเรามาดูของจริงกันดีกว่า หน้าตาอาคารตึก A ที่อยู่ด้านหน้าจะเน้นช่องเปิดรับวิวทั้งหมด และมีระเบียงอยู่ตรงกลางของแต่ละยูนิต รูปลักษณ์เลยออกมาเป็นแบบนี้ครับ

ตัวระเบียงจะออกแบบให้มีส่วนโค้งส่วนเว้าสลับกัน สำหรับชั้นที่เป็นส่วนกลางจะมีราวระเบียงสีดำแบบตรงกลางภาพ

ที่มุมของอาคารทั้ง 2 ด้านจะเป็นผนังกระจกที่ยื่นออกมาจากตัวอาคารตรงนี้จะเป็นห้องนอน ช่วยให้ได้วิวที่กว้างขึ้นและบรรยากาศที่ต่างออกไป หน้าต่างแบบนี้จะมีแค่ตึก A เท่านั้น ส่วนตึก B ถ้าทำแบบนี้ก็จะไม่ได้ความรู้สึกเหมือนตึก A เพราะตัวอาคารอยู่ด้านหลัง

ทางเข้าโครงการก็ใหญ่โตมากมีสวนกันได้ 4 คัน ก่อนจะไปดูส่วนต่างๆของโครงการขออธิบายก่อนว่าผมจะเล่าจากท้ายโครงการมาด้านหน้าตาม flow ของลูกบ้านนะครับ

ที่จอดรถจะมี 2 จุด คือถ้าอยู่ตึก A สามารถจอดรถใต้สระว่ายน้ำได้ แต่ถ้าอยู่ตึก B ก็ไปจอดที่ตึกจอดรถด้านหลัง

พาเข้ามาดูที่จอดรถของตึก A จากตรงนี้จะมีทางขึ้นไปสระส่วนกลางหน้าตึก A พอดี

ตรงเข้ามาเรื่อยๆจะเห็นตึก B แล้ว อาคารชั้นเดียวด้านขวามือคือ Lobby Pavilion เดี๋ยวเราตรงไปก่อนนะครับ

ขยาย Master Plan ซะหน่อย ผมจะพาไปดูตึกจอดรถและ Facility ที่ตึก B ก่อนนะครับ

ตึกจอดรถที่อยู่ด้านหลังจะมี 3 ชั้น และที่จอดรถรวมทั้งโครงการ 88% ถือว่ามีมาให้เยอะเพราะเป็นโครงการแบบตากอากาศถ้าไม่ได้เป็นช่วงเทศกาลก็จอดกันสบายๆครับ

ด้านหลังที่จอดรถติดกับโรงแรมที่ Major เป็นคนทำแต่ไม่ได้มีอะไรที่ต้องเกี่ยวข้องกันนะครับ ต่างคนต่างดูแล

ด้านบนของที่จอดรถมีสนามเทนนิสให้ 2 สนาม พอดีเค้าซ่อมบำรุงอยู่เลยขึ้นไปถ่ายไม่ได้เอารูปที่ถ่ายจากบนตึก B มาให้ดูแทน

ตัวอาคารโรงแรมด้านหลังเป็นแบบ Low Rise หมด

วันที่ไปเก็บข้อมูลเป็นวันศุกร์ ที่จอดรถก็ยังโล่งๆอยู่นะครับ ขึ้นไปครึ่งชั้นก็มีที่จอดแล้ว

 

ถ้าจะขึ้นไปเล่นเทนนิสก็ใช้ลิฟท์ได้เลยครับ

จากที่จอดรถจะมีทางเดินพร้อมหลังคาคลุมไปยังตึก B

ตัวตึกจะยกสูงขึ้นมาประมาณ 1 ม.และมีทางลาดมาให้ ลูกบ้านก็สะดวกหน่อยเวลาลากกระเป๋าเดินทาง

Office ของสำนักงานขายและนิติบุคคลจะอยู่ด้านหลังตึก B นี่แหละครับ

เดินเลาะออกมาที่โถงทางเข้าตึก B ประตูซ้ายมือเป็นโถงลิฟท์ เดี๋ยวเราขึ้นไปดูชั้น M กัน

ชั้นนี้จะมีห้อง Aerobic & Yoga ถัดไปเป็นห้อง โต๊ะพูล และ ห้องครัวกับห้องน้ำจะอยู่ด้วยกันที่ปลายตึก

โถงลิฟท์จะปูกระเบื้องโทนสีดำมาให้ดูสวยทันสมัยแต่เวลาเดินก็จะเลอะง่าย ซึ่งทางโครงการก็มีแม่บ้านคอยเช็ดถูให้ตลอดเพราะโครงการใหญ่มากกว่าจะถูเสร็จไปถึงด้านหน้าด้านหลังก็เลอะหมดแล้ว เรียกว่าเห็นเค้าถูกันตลอดเลยครับ

ตัวตึกจะออกแบบให้โถงลิฟท์ส่วนนี้เป็นแบบ Out door ด้วยซึ่งลมแรงมาก เวลาฝนตกนี่น่าจะมีฝนกระเด็นมาบ้าง

ห้องแรกเป็นห้อง Aerobic & Yoga

โถงทางเดินของโซนก็กว้างพอให้ใส่ที่นั่งรอได้อีกจุดเลย

ห้องโต๊ะพูลได้โต๊ะเป็น Size ใหญ่เลย

ตัวไม้ก็แขวนอยู่ที่ผนังอีกด้าน

ห้องสุดท้ายคือห้องที่มีเครื่องซักผ้าและอบผ้า

มาดูห้อง Fitness อีกฝั่ง

ห้องนี้ก็ใหญ่พอให้ใส่เครื่องได้ประมาณ 15 เครื่อง

วิวที่ได้จะเป็นสระว่ายน้ำตรงกลาง

ห้องนี้จะมีบางส่วนที่ไม่ได้เห็นวิวสระนะเพราะไปอยู่ด้านข้างของตึก

มาดูที่ชั้น 22 กันต่อ ชั้นนี้จะมี Facility และห้องพักอย่างละครึ่งซึ่งแบ่งทางเข้าออกแยกกันอย่างชัดเจน ดังนั้นคนที่มาใช้งานส่วนกลางก็ไม่ต้องเดินเข้าไปในส่วนพักอาศัย Facility ชั้นนี้จะเน้นพวกห้องประชุมและโซน BBQ

เดินออกทางโถงลิฟท์มาจะเจอห้องอเนกประสงค์ที่มีห้องครัวให้ด้วยแต่ห้องครัวจะไม่มีทางเชื่อมต่อโดยตรงกับห้องนี้นะ ต้องเดินไปทางขวา

ห้องครัวจะอยู่ตรงข้ามกับห้องน้ำพอดี

ภายในจะมีแค่ Pantry มาให้ 1 ชุด เอาไว้เตรียมอาหารง่ายๆมากกว่า เพระไม่สามารถปรุงอาหารสดที่นี่ได้

ถึงจะเป็นห้องครัวก็ยังได้วิวดีอยู่นะเรียกว่าเตรียมอาหารกันเพลินเลย

บรรยากาศภายในห้องน้ำ

กลับมาดูที่ห้องอเนกประสงค์กันต่อ ห้องนี้จะได้ประตูเป็นบานสวิงแบบนี้และผนังเป็นกระจกทั้งหมด

เฟอร์นิเจอร์ภายในห้อง

เดินมาอีกด้านจะมีโซฟาให้นั่งเล่น พื้นที่ตรงนี้ลูกบ้านเอาไว้จัด Private Party ได้สบายๆเพราะ…

มีลานเตรียมอาหารมาให้พร้อม

ส่วนครัวจะอยู่ริมสุดของตึก

สำหรับคนที่ได้รับหน้าที่ทำอาหารก็เพลินอยู่นะครับเพราะได้วิวด้านหน้าเลย

เครื่องครัวที่ให้มาก็เป็นแบบจริงจังนะครับปิ้งกันมันเลย

มาเดินดูกันต่อนะครับจากจุด B ใต้ตึกมาที่เลข 35 Library เดินมาสนามเด็กเล่นเบอร์ 31 และเดินผ่านสระว่ายน้ำที่เรียกว่า Social Pool ไปจุด D ที่เป็นลาน BBQ และเดินไปทางเข้าตึก A

ออกมาจากโถงลิฟท์จะเจอกับห้อง Library

ภายในมีทั้งที่นั่งเล่นนั่งทำงาน

และด้านในเป็นโซฟาไว้อ่านหนังสือเพลินๆ

ทางเดินจากตึก B ไปตึก A จะมีให้เลือก 2 ทางคือผ่าน Lobby Pavilion ที่เห็นในรูปหรือจะเดินผ่านทาง Social Pool ก็ได้

ข้างๆทางเดินมีสนามพัตกอล์ฟเล็กๆแอบอยู่ด้วย

สิ่งนึงที่ผมชอบการออกแบบส่วนกลางของที่นี่คือมีการเล่น Landscape และเล่นระดับทั่วทั้งโครงการเลย แถมยังมีทางลาดมาให้ทุกจุดด้วยจะพาเด็กอ่อนหรือผู้สูงอายุมาเดินก็ไม่ลำบากครับ

ทางเดินไปยังสระว่ายน้ำจะมีส่วนของบ่อบัวคั่นอยู่ บ่อบัวจะเชื่อมต่อพื้นที่รอบๆ Lobby และมีน้ำตกเล่นระดับมาให้ด้วย

เดินมาหน้าตึก B จะเห็นส่วนของสนามเด็กเล่นและศาลาพักผ่อน

จากจุดที่ยืนอยู่เป็นตำแหน่งระหว่าง 2 ตึกพอดีเลยแหงนหน้าถ่ายมาให้ดูว่า ตัวตึกมีการออกแบบเป็นสามเหลี่ยมหันเข้าหากันเพื่อเพิ่มมุมมองให้กับแต่ละยูนิต

มุมสนามเด็กเล่น มีให้เล่นต่อเนื่องตั้งแต่บนบกยันลงน้ำเลยครับ

พื้นที่ต่อเนท่องจากสระเด็กจะเป็นศาลาและที่นั่งพักผ่อนของผู้ใหญ่เอาไว้ให้ผู้ปกครองดูเด็กๆได้ใกล้ชิดหน่อย

ตรงนี้มีไว้สำหรับเด็กๆโดยเฉพาะเลยครับ เป็นอุโมงค์น้ำ กับ สไลเดอร์ที่อยู่ด้านหลัง เห็นแล้วอยากไปเล่นบ้าง

ถัดจากส่วนเครื่องเล่นก็จะเป็นสระว่ายน้ำสำหรับผู้ใหญ่แล้ว สระนี้จะดีตรงที่อยู่ภายในโครงการมีความเป็นส่วนตัวมากขึ้น

ที่นั่งด้านข้างสระไม่ได้มีแค่โต๊ะกับเก้าอี้นะ มีที่ศาลาเอาไว้นอนได้ด้วย

กำแพงด้านหลังที่นั่งจะเป็นส่วนอาบน้ำที่แอบอยู่ กำแพงนี้ไม่ใช่นึกจะสร้างเก๋ๆก็สร้างนะครับ แต่มันมีหน้าที่ในการบดบังสายตาจากส่วนของ Lobby ด้วย

เดินมาสุดทางด้านซ้ายมือเป็นโซน BBQ อีกจุดนะครับ

พื้นที่เป็นลักษณะลานกว้างไม่เหมือนกับโซนที่อยู่บนตึกนะ

Pantry ครัวนี่จัดงานเลี้ยงได้สบายๆ

ฝั่งตรงข้ามลาน BBQ เป็นทางเข้า Lobby Pavilion และ ตึก A

ผมขอพาไปดู Lobby Pavilion ก่อนไปดูตึก A นะ

ตัว Lobby จะสามารถเข้าจากถนนหลักได้โดยตรงเลยเป็นเสมือนกับจุด Drop-off ในตัว

ด้านข้างของ Lobby จะมีพื้นที่จอดจักรยานไว้ให้ด้วย

ภายใน Lobby เอาไว้ต้อนรับแขกหรือให้ลูกบ้านมานั่งรอได้ ผนังของอาคารจะเป็นบานเปิดได้ตลอดแนวกำแพง เอาไว้รับลมซึ่งลมที่นี่แรงมากๆครับ บอกเลย

ถ่ายย้อนกลับไปที่ตึก B เห็นน้ำตกที่ไหลมาจากบ่อบัวไหม๊ครับ ระบบน้ำตรงนี้เค้าไม่สามารถเปิดได้ตลอดเวลาเพราะว่าบางช่วงที่ลมแรงมากๆน้ำจะโดนลมพัดไปเลอะเทอะในส่วนของ Lobby ได้เลย

ทางเดินไปตึก A

พื้นที่ด้านข้างทางเดินมีที่นั่งให้นั่งเล่นได้และแน่นอนครับมีบ่อน้ำที่เชื่อมต่อมาจากบ่อบัวเมื่อกี้ด้วย

จากจุด E จะพาไปดูส่วนกลางของตึก A (จุด F) และเดินต่อมาดูส่วนกลางชั้นล่างที่จุด G และ H

จาก Lobby เดินตรงมาจะเห็นโถงทางเข้าตึก A ที่เป็นแบบฝ้าเพดานสูง จุดนี้แหละครับที่เป็นช่องลมหรือจุดเริ่มต้นของลมที่ไหลไปยัง Lobby และ ตึก B ถ้าใครอยากรู้ว่าแรงแค่ไหนลองมายืนที่ตรงนี้ดูครับตัวแทบปลิว

หันมาด้านซ้ายจะเจอโถงทางเข้าตึก A แหละ

ไปดูชั้น M ของอาคาร A กันก่อนนะครับ ชั้นนี้จะมีส่วนกลางครึ่งนึง เป็นห้อง Fitness, ห้องสำหรับเด็ก และห้อง Aerobic

ห้องสำหรับเด็กเล็กมีของเล่นมาให้เยอะเหมือนกันทั้งสนามลูกบอลและที่นั่งแบบ Scale เด็ก

ห้อง Fitness จะใหญ่กว่าตึก B นิดหน่อยและวิวก็ได้วิวสระว่ายน้ำด้านหน้าโครงการ

ห้อง Aerobic

ที่ชั้น 26 จะเป็น Facility ครึ่งนึงและงานระบบอีกครึ่งนึง ฟังก์ชันที่เค้าออกแบบให้อยู่ชั้นบนๆเพราะต้องการให้เป็นพื้นที่แบบ Private Zone ได้ห้องอเนกประสงค์ 3 ห้อง มีทั้งแบบวิวเมืองกับวิวทะเล มีห้อง Relaxation 2 ห้อง ห้องนี้เค้าจะจัดมาแนวนั่งกินลมชมวิวครับเพราะได้วิวทะเลเต็มๆ ฟังก์ชันสุดท้ายก็คือ BBQ Terrace ซึ่งวิวดีมากกกก ลูกบ้านของตึกนี่จึงชอบมาจัด Party กันที่ชั้นนี้มากกว่าที่ลานกว้าง เดี๋ยวเราไปดูซีกบนกันก่อนแล้วค่อยตามด้วยซีกล่างครับ

ห้อง Sky Multi-Purpose ห้องแรกจะอยู่ด้านซ้ายมือก่อนเข้าส่วนกลาง ห้องนี้เป็นห้องที่ได้วิวทะเลไม่เหมือนห้องด้านใน เค้าเลยใส่คำว่า Sky เข้าไปด้วย

ภายในห้องนี้จะมีโต๊ะที่นั่งมาให้พร้อม และมี Pantry เล็กๆมาให้ด้วย

พอเดินเข้ามาพื้นที่ตรงกลางจะเป็นแบบ Out Door รูปนี้ผมถ่ายจากพื้นที่ BBQ ย้อนไปยังทางเข้านะ

ห้อง Multi-Purpose Room อีกห้อง ห้องนี้จะกว้างกว่าห้องเมื่อกี้แต่ไม่มีชุด Pantry มาให้

หันมาดูส่วนของ BBQ กันบ้าง เป็นไงครับวิวที่ได้เปิดโล่งสบายๆเลย แต่ถ้าจะจัด Party ก็ต้องช่วงเย็นๆค่ำๆหละนะเพราะแดดจะได้ไม่แรงมาก

ที่นั่งจะมีมาให้ไม่เยอะเรียกว่าเป็น Mini Party จะดีกว่าเพราะรองรับคนได้ประมาณ 6 – 10 เท่านั้นเอง

เคาน์เตอร์ครัวจะได้เป็นหินแกรนิต

ห้องที่อยู่ริมสุดจะเรียกว่า Relaxation Room

ภายในจะจัดวางเป็นที่นั่งแนว Sofa Bed มากกว่า

วิวฝั่งนี้จะเป็นวิวฝั่งพัทยา

เราไปดูอีกฝั่งของตึกกันต่อนะครับการวางผังของฝั่งนี้จะวางเหมือนฝั่งเมื่อกี้แต่จะต่างกันตรงที่ไม่มีห้องอเนกประสงค์วิวเมือง

บรรยากาศภายในห้องจะวางเฟอร์นิเจอร์ไว้คล้ายๆกัน

เข้ามาในส่วนของ BBQ ตรงนี้จะมีพื้นที่เล็กกว่าอีกฝั่งอยู่หน่อยเพราะต้องแบ่งพื้นที่ไปเป็นงานระบบ

ห้อง Relaxation จะเล็กลงอย่างเห็นได้ชัด เหลือเฟอร์นิเจอร์แค่ไม่กี่ชิ้น

วิวที่ได้จะเป็นฝั่งสัตหีบ

กลับลงมาที่ชั้นล่างต่อนะครับ เป็นยังบ้างหมดแรงกันรึยัง ส่วนกลางของที่นี่ยังไม่หมดนะครับยังเหลือไฮไลท์อีกอย่างคือโซนสระว่ายน้ำหน้าโครงการ

ทางเดินตรงนี้จะเป็นแบบลอยน้ำเช่นกัน ด้านซ้ายมือเป็นทางเข้าไปส่วนของ Sauna ตรงไปส่วนสระว่ายน้ำ

ด้านขวามือเป็นทางเดินไปส่วนที่นั่งเล่น

เราเข้าไปดู Sauna ก่อนนะ

ภายในห้องน้ำเป็นแบบฝ้าเพดานสูง

ภายในมีทั้งห้องอาบน้ำและห้องสุขามาให้พร้อม

ห้อง Sauna จะอยู่ติดกับตู้ล็อกเกอร์

เดินออกมาสุดทางก่อนไปดูสระว่ายน้ำมาดูพื้นที่ข้างๆที่เป็นทางรถกอล์ฟไปยังด้านหลังโครงการได้

ระยะทางตรงนี้ค่อนข้างยาวเกือบๆ 200 เมตรถ้าใครอยากวิ่งออกกำลังแบบจริงจังก็พอได้นะ

มาถึงส่วนสุดท้ายแล้วครับส่วนนี้จะเป็นสระว่ายน้ำ 2 สระและ Cigar Lounge

เผื่อใครมองไม่ออกว่าหน้าตาสระโดยรวมเป็นอย่างไร ผมเลยขึ้นไปถ่ายจากบนตึก A มาให้ดูว่าเป็นแบบไหน

พื้นที่ส่วนนี้ต้องขอชมว่าออกแบบมาได้สวยดีครับ ทั้งตัวฟังก์ชั่นและสัดส่วนของ Hardscape และ Landscape ต่างๆ

พื้นที่สระจะยกสูงขึ้นมาจากพื้นบริเวณหน้าตึก A อีกประมาณ 1 เมตร

ขึ้นมาจะมีทางเดินไปสระทั้ง 2 สระและด้านซ้ายมือเป็นศาลาไว้นั่งเล่น

ฝักบัวอาบน้ำถูกออกแบบให้กลืนเป็นส่วนหนึ่งของสระเลย

สระแรกจะเป็นสระที่มีความลึกต่างกัน โดยมีส่วนตื้นค่อนข้างเยอะหน่อยเอาไว้ให้นอนอาบแดดได้ และมีส่วนลึกถัดจากแนวศาลาไปความยาวเลยเหลือแค่ 35 เมตร

เดินไปดูอีกสระกันดีกว่า

สระนี้จะถูกยกสูงขึ้นมาอีกระดับและระหว่าง 2 สระจะมีแนวต้นไม้ขวางอยู่

ความยาวของสระนี้จะได้ความยาวแบบโอลิมปิกเลย

ช่วงเย็นๆก็จะมีลูกบ้านมานั่งนอนชิวๆ ที่ปลายสุดของสระแบบนี้แหละครับ บรรยากาศแบบนี้คือ Infinity edge pool แท้ๆเลยครับ ผิวน้ำสระนี่ดูเหมือนต่อกับทะเลเลย

เดินกลับไปดูปลายสระกันดีกว่า

ระหว่างทางเดินไป Cigar Lounge แวะดูพื้นที่ที่เหลืออีกหน่อย

พื้นที่นั่งเล่นริมสระจะใช้วัสดุและเฟอร์นิเจอร์ที่ทนน้ำนะครับ ยกเว้นเบาะนะเวลาฝนตกก็ต้องเก็บเข้าด้านในเป็นเรื่องปรกติอยู่แล้ว

ด้านข้างมีลู่วิ่งต่างระดับให้อีกหน่อย

ริมสระยังมีเก้าอี้ให้นั่งเล่นนอนเล่นได้อีกหลายชุด

อาคาร Cigar Lounge ถูกออกแบบให้อยู่บนผิวสระว่ายน้ำและผนังจะสามารถเปิดออกได้หมดเลย

ภายในก็มีโซฟาให้นั่งตามเรื่องตามราวเป็นปรกติ

แต่สิ่งที่พิเศษกว่าที่อื่นคือบานประตูแบบบานเฟี้ยมที่เปิดออกได้หมดเลยนอกจากจะรับลมแล้วยังเอาไว้นั่งเอาเท้าแช่น้ำได้เลย

พื้นที่ตรงนี้เอาไว้จัดงานเลี้ยงจัด Party ได้ดีเลยนะครับ โดดน้ำเล่นกันได้สนุกเลย

ขึ้นมาดูชั้นสองยังมีพื้นที่ให้นั่งดูดาวได้อีกจุด

มุมมองย้อนกลับไปสระว่ายน้ำ

ตัวสระว่ายน้ำที่ยาว 50 เมตรปลายสระจะเป็นสระแบบตื้นเอาไว้นั่งแบบนี้ได้

สระว่ายน้ำด้านหน้าทั้งหมดเห็นใหญ่ๆแบบนี้แต่มีความเป็นส่วนตัวระดับนึงเลยนะ เพราะยกสูงกว่าระดับถนนหน้าโครงการ 1 ชั้นเต็มๆ

สำหรับผังตึกไม่ได้มีเป็นแบบมาตรฐานมาให้ดู เพราะมีหลายๆชั้นที่ห้องเป็นแบบ Duplex และตำแหน่งสลับกัน ผมเลยเอา Key Plan มาลงผังห้องคร่าวๆให้ดูกัน แต่จริงๆมีแบบห้องที่เยอะกว่านี้อีกนะ ห้องพักที่วิวสวยๆเห็นทะเลจะต้องยอมแลกกับความแรงของแดดหน่อยเพราะหันทางทิศตะวันตกพอดี

ขอเอาผังส่วนกลางมายืมใช้งานก่อนนะ จะได้อธิบายแล้วไม่งง สำหรับตึก A จะมีห้องพักแค่ 2 ห้องต่อชั้นและลิฟท์ก็แยกของใครของมันแบบ Private Lift ถ้าขึ้นผิดนี่เข้าห้องไม่ได้นะครับเพราะเป็นลิฟท์ล็อกชั้น

ส่วนลิฟท์ของตึก B จะมีมาให้ 3 ตัวและมีลิฟท์ Service แยกมาให้อีกตัว โถงลิฟท์จะไม่ได้แยกแบบตึก A และจะเป็นโถงลิฟท์รวม ตำแหน่งลิฟท์อยู่ตรงกลางของตึกพอดี แต่ละยูนิตที่อยู่ปลายตึกก็มีระยะเดินที่ไม่ต่างกันมากนัก

 

สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก

  • สระว่ายน้ำ 3 สระ ระบบเกลือ ขนาด 8 x 50 เมตร 12 x 35 เมตรและ Social Pool 12 x 20 เมตรพร้อมโซนของเล่น
  • ห้องออกกำลังกาย 1 ห้องขนาด N/A ใส่เครื่องออกกำลังกายประมาณ 15 เครื่อง ทั้งตึก A และ B
  • ห้อง Aerobic ทั้งตึก A และ B
  • ห้องเด็กเล็กที่ตึก A
  • ห้องโต๊ะพูลที่ตึก B
  • ห้องอเนกประสงค์และลาน BBQ ที่ชั้น 26 ตึก A
  • ห้องอเนกประสงค์และลาน BBQ ที่ชั้น 22 ตึก B
  • สวนหย่อมรอบโครงการ
  • Lobby Pavilion
  • Cigar Lounge
  • ลิฟท์โดยสารทั้งโครงการ 5 ตัว, อาคาร A 2 ตัว, อาคาร B 3 ตัว
  • อัตราส่วนลิฟท์รวมทั้งโครงการ 66.8 : 1
  • ลิฟท์ล็อกชั้น
  • Service Lift 2 ตัว
  • ที่จอดรถประมาณ 263 คันคิดเป็น 78% รวมจอดซ้อนคัน 296 คัน คิดเป็น 88%
  • Access Card

 


Product Walkthrough

ห้องตัวอย่างแรกที่จะพาไปดูอยู่ตึก B เป็นห้องแบบ 1 Bed 1 Bath ขนาด 61.39 ตร.ม. ขนาดของห้องต้องเรียกว่าใหญ่กว่าห้อง 1 Bed ปรกติสำหรับในกทม. หรือจะบอกว่าเป็นขนาด 2 Bed เลยก็ว่าได้ ข้อดีของห้องใหญ่แบบนี้คือจะจัดเฟอร์นิเจอร์ตรงไหนก็ทำได้ไม่ยาก เพราะมีพื้นที่เหลือแต่ข้อเสียก็คือราคารวมของห้องจะค่อนข้างสูงขนาดห้องเล็กสุดยังเริ่มที่ 5.9 ล้านบาท เพราะฉะนั้นถ้าใครที่ชอบห้องกว้างมีงบประมาณเพียงพอก็ลองดูเป็นตัวเลือกได้ครับ

ตัวห้องแบ่งถูกออกแบบเป็น 2 ส่วน ส่วนแรกคือโซนห้องครัวกับห้องนั่งเล่นที่อยู่ต่อเนื่องกัน ส่วนที่สองคือห้องนอนกับห้องน้ำและ Walk-in Closet ที่อยู่ติดกัน การแบ่งห้องแบบนี้ทำให้มีพื้นที่เปล่าเหลือเยอะอยู่เหมือนกัน อย่างตรงบริเวณโต๊ะกินข้าวถ้าจะวางโต๊ะที่ใหญ่กว่านี้ก็ยังทำได้อยู่หรือจะขยายขนาดโซฟาแทนก็ได้ สำหรับพื้นที่ระเบียงต้องบอกว่าให้มาใหญ่สมเป็นโครงการแนวตากอากาศจริงๆ แถมใหญ่พอที่จะวางโต๊ะกินข้าวแบบ 2 ที่นั่งได้เลย การขายจะเป็นแบบ Fully Fitted นะครับ

โถงลิฟท์และทางเดินกว้างประมาณ 1.8 เมตร ขนเฟอร์นิเจอร์ใหญ่ๆได้สบาย

เวลาขึ้นลิฟท์มาจะต้องใช้ Key Card แตะก่อนแล้วค่อยกดชั้นของตัวเองนะ ยูนิตแบบชั้น Penthouse แทบจะได้ปุ่มลิฟท์เป็นของตัวเองเลยครับ อย่างชั้น 41 หรือ 42 ได้ปุ่มใหญ่กว่าเพื่อนเลย

ตรงช่วงหักมุมของตึกจะมีช่องแสงและช่องระบายลม ช่วยให้ในตัวตึกมีการไหลเวียนของลมที่ดีขึ้น

กลอนประตูห้องเป็นแบบมือจับก้านโยก

พื้นห้องเป็นกระเบื้องนำเข้าสีขาวและระดับพื้นห้องเกือบจะเท่าๆกับโถงทางเดินเลยห่างกันไม่ถึงซม.

เปิดประตูมาเจอส่วนครัวก่อนและถัดไปเป็นห้องนั่งเล่น ซึ่งจากหน้าห้องนี่สามารถเห็นทะเลได้เลยนะครับ เพราะได้บานประตูระเบียงแบบกระจกเต็มแนวระยะกำแพง

เข้ามาในห้องแล้วหันกลับไปดูประตูจะเห็นตัวประตูแบ่งเป็น 2 บาท มีบานใหญ่ที่เราใช้งานกันปรกติส่วนบานเล็กไม่ได้เอาไว้เปิดให้ทางเข้าห้องใหญ่ขึ้นนะครับ

…แต่เป็นช่องระแนงเอาไว้ระบายลม ผมลองเปิดดูแล้วก็ได้ผลดีครับลมพัดเข้ามาพอสมควร เหมาะสำหรับช่วงเวลาที่อยากสัมผัสอากาศภายนอกโดยไม่ต้องเปิดแอร์

แอร์ที่ได้จะเป็นแบบซ่อนฝ้ามาให้หรือที่เรียกว่า Ceiling-Concealed Cassette ส่วนพื้นที่ครัวถ้าใครอยากได้เป็นครัวปิดก็ทำฉากกั้นขึ้นมาได้ไม่ยากเพราะมีแนวกำแพงเป็น Guide Line ให้อยู่แล้ว

สำหรับตู้ด้านขวาที่เห็นนี่ทางโครงการทเพิ่มเติมนะครับ

ของจริงตู้ด้านซ้ายเป็นตู้หลอกปิดกำแพงให้ดูสวยงานเท่านั้น ส่วนตู้ด้านขวาเป็นตู้คอนซูมเมอร์ยูนิต (Consumer Unit)

ส่วนครัวตรงนี้จะไม่ได้แถมหน้าบานมาให้แบบห้องตัวอย่างนะครับ ห้อง Standard จะมีให้เลือก 2 แบบคือแบบหน้าบานสีเข้มกับสีอ่อน ส่วนการแบ่งช่องเก็บของต่างๆจะเหมือนกันหมด

Top เคาน์เตอร์เป็นหินแกรนิตและติดตั้งในส่วน Back Splash มาให้ด้วย

การแบ่งช่องเก็บของต่างๆในส่วนของหน้าบานทุกบานจะมี Soft Close มาให้

เตาไฟฟ้าที่แถวเป็นของ Electrolux แบบ 2 หัวพร้อมเครื่องดูดควัน ตัวอ่างและก๊อกน้ำล้างจานเป็นของ Hafele

มาดูที่ห้องนั่งเล่นกันต่อ ส่วนนี้จะมีพื้นที่ให้วางโซฟา 3 ที่นั่งขนาดใหญ่ได้

ระยะดูทีวีมีเหลือๆประมาณ 3 เมตรใส่ทีวีขนาด 60 นิ้วได้สบายๆ

ตัวบานประตูจะได้เป็นบานอลูมิเนียม Powder Coating สีขาว ตัวบานประตูเลือกใช้แบบที่แข็งแรงดีเพราะต้องรับแรงลมค่อนข้างเยอะ แต่มีข้อด้อยตรงที่ตัวบานจะหนักมากเวลาเลื่อนทีต้องออกแรงเยอะหน่อย

ตัวบานและรางเลื่อนจะมีซีลสักหลาดกันฝุ่นมาให้ด้วน พื้นระเบียงจะลดระดับลงมาประมาณ 10 ซม.

ตัวระเบียงจะกว้างประมาณ 1.5 เมตรและมีความยาวเต็มหน้ากว้างห้องเลย

จะระเบียงห้องมองลงไปด้านล่างจะได้วิวแบบนี้

วิวจากตึกจะมีข้อด้อยอยู่หน่อยตรงที่มีตึก A บังไปบางส่วน แต่ด้วยการวางผังตึกให้หลบมุมกันก็ช่วยได้เยอะนะวิวโดยรวมยังพอได้อยู่ (กดที่รูปเพื่อดูภาพขนาดใหญ่ได้)

มาดูในห้องนอนกันต่อ พื้นที่ภายในห้องวางเตียง 6.5 ฟุตแล้วพื้นที่รอบๆยังมีเหลือให้เดินอีกเยอะ ในห้องนอนจะได้พื้นเป็น Engineering Wood

ถ่ายที่พื้นมาให้ดูระยะปลายเตียงนี่ขนาดมีโต๊ะทำงานวางไว้แล้วนะ

ระยะข้างเตียงฝั่งหน้าต่าง

สวิทช์และปลั๊กไฟใช้ของ bticino

โต๊ะทำงานที่โครงการวางไว้เป็นตัวอย่างจะลึกประมาณ 60 ซม.เอาไว้นั่งเล่น Notebook ได้

บานหน้าต่างยังคงเป็นแบบเต็มระยะกำแพง ทำให้ได้รับวิวเยอะขึ้น

อีกฝั่งของห้องด้านซ้ายจะเป็น Walk-in Closet ด้านขวาเป็นห้องน้ำประตูที่ได้เป็นแบบบานเลื่อนอย่างนี้เลย ความสูงห้องนี่สูง 3 เมตรนะครับเพราะฉะนั้นบานประตูเลื่อนที่เห็นนี่สูงกว่าปรกติ(2เมตร)นะ ประมาณ 2.4 เมตร

รางเลื่อนจะมีเฉพาะด้านบนอย่างเดียวและทำฝ้าซ่อนรางมาให้ด้วย

ตู้เสื้อผ้าด้านในจะแบ่งเป็น 3 ช่วงมีขนาดใหญ่พอให้ใส่เสื้อผ้าอยู่ได้เป็นอาทิตย์เลยครับ

การแย่งช่องเก็บของต่างๆ น่าเสียดายที่บานลิ้นชักส่วนนี้ไม่ได้ติด Soft Close มาให้ และตรงโต๊ะเครื่องแป้งแอบมีมุมใช้งานยากอยู่หน่อย

ในห้องน้ำแยกโซนเปียกกับแห้งพร้อมมีฉากกระจกกั้นมาให้เลย

อ่างล้างหน้าจะอยู่ด้นขวามือของห้องน้ำจะได้อ่างพร้อมเคาน์เตอร์แบบและกระจกแบบนี้เลย

ตัวอ่างเป็นหินสังเคราะห์และก๊อกน้ำใช้ของ KASCH

โถสุขภัณฑ์ใช้ของ American Standard แบบชิ้นเดียวและเป็นรุ่นที่มีขนาดใหญ่กำลังดีนั่งสบาย

ในส่วนอาบน้ำบานเปิดจะเปิดเข้าด้านในทำให้น้ำไม่หยดเลอะเทอะออกมาด้านนอก

ชุดฝักบัวใช้ของ KASCH เหมือนกัน ขนาดหัวฝักบัวเล็กไปหน่อย

ผนังด้านในของห้องน้ำจะติดเป็นกระเบื้องโมเสคทั้งหมดเลยถ่ายลายกระเบื้องมาให้ดูใกล้ๆ

พื้นห้องน้ำลดระดับตามมาตรฐาน

ReflectionPattaya_3Bed_01

มาดูห้องขนาด 3 Bed 4 Bath ขนาด217.85 ตร.ม.ที่ตึก A กันบ้าง ห้องนี้ถือว่าเป็นห้องมาตรฐานของตึกนี้เลยเพราะชั้นนึงจะมีแต่ 2 ห้อง สำหรับรูปร่างของห้องจะมีหน้าตาแปลกอยู่ในหลายๆมุมเพราะเป็นผลจากการพยายามหลบมุมให้กับตึก B แบบนี้จะมีห้องนอน 2 ห้องที่ได้วิวจากทะเลตรงๆ และห้องนอนเล็กที่อยู่อีกด้านจะได้วิวฝั่งพัทยา ตัวระเบียงจะเป็นแบบโค้งตามผังและทำมุมเฉียงกับห้องนอนทั้ง 2 ห้อง การทำแบบนี้จะช่วยให้ห้องนอนได้รับแสงและเห็นวิวมากขึ้น แต่ข้อเสียของการวางผังเฉียงๆคือจะมีเส้นพื้นที่ 3 เหลี่ยมเกิดขึ้นหลายจุด ยากต่อการวางเฟอร์นิเจอร์ถ้าจะทำก็ต้องเป็น Built-in ไปเลย

ฟังก์ชันของห้องแบบนี้จะมีห้องนั่งเล่นมาให้ 2 จุด ห้องนอนทุกห้องจะมีห้องน้ำในตัวและพื้นที่ส่วนกลางจะมีห้องน้ำแบบ Powder มาให้ อีกฟังก์ชันที่คอนโดไม่ค่อยมีคือมีห้องครัวมาให้ 2 จุด มีทั้งครัวไทยและครัวฝรั่ง แถมมีห้องแม่บ้านมาให้ด้วย

พอก้าวเท้าออกจากลิฟท์ก็เป็นห้องของเราแล้วครับ พื้นที่ห้องจะเริ่มตั้งแต่งตรงนี้เลยคือมีโถงลิฟท์เป็นของตัวเองด้วย

หันกลับไปอีกด้านจะเป็นบันไดหนีไฟตรงช่วงกลางๆตึก

เปิดประตูเข้ามาจะเจอห้องนั่งเล่นขนาดใหญ่ห้องนี้จะพิเศษกว่าห้องที่ขายแบบมาตรฐานอยู่คือขายแบบ Fully Furnished ได้เฟอร์นิเจอร์ไปด้วย

หันกลับไปด้านหน้าห้องจะเห็นประตูทางเข้าที่ต่างกับแบบ 1 Bed เพราะเป็นบานเปิดคู่แล้ว

ห้องเก็บของจะมีรูปร่างแปลกหน่อย รูปอาจจะดูยากไปหน่อยนะครับเพราะฝ้าเพดานเค้าสูงประมาณ 3 เมตรระยะในการเก็บรูปในที่แคบเลยไม่พอถึงฝ้าเพดาน

มาดูห้องนอนแรกกันก่อนห้องนี้จะมีส่วนแคบในช่วงหน้าห้องหรือจะเรียกว่าเป็นทางเดินก็ได้

พื้นห้องนอนจะได้เป็น Engineering Wood ทุกห้อง

ภายในห้องนอนวางเตียง 6 ฟุตได้สบายๆ

ถ่ายมาให้ดูช่องแสงทั้ง 2 ด้าน ประตูด้านขวามือจะเชื่อมต่อกับระเบียง

ลองเปิดหน้าต่างดู เจอลมแรงใช้ได้เลยครับ ม่านแบบ 2 ชั้นนี่ยังปลิวเลย

ตู้เสื้อผ้าจะมีช่องใส่ Built-in มาให้อยู่แล้ว

ห้องน้ำจะมีส่วนเปียกและแห้งแยกมาให้ และส่วนอ่างล้างหน้าก็แยกไปอีกจุดนึง

ตัวสุขภัณฑ์จะใช้แบบเดียวกันหมดยกเว้นโถสุขภัณฑ์ที่เปลี่ยนเป็นรุ่นเล็กลงและเป็นแบบ 2 ชิ้น

กลับมาที่ห้องนั่งเล่นกันต่อ พื้นที่ตรงนี้จะเชื่อมต่อโซนทานอาหารแต่ฝ้าจะ Drop ลงมาหน่อยแต่ยังได้แอร์แบบซ่อนในฝ้าเหมือนเดิม

ระยะดูทีวีประมาณ 3 เมตร ใส่ทีวี 60 นิ้วสบายๆ โซฟาจะวางแบบตัว L ตัว U ก็ได้หมดครับ

โซนทานอาหารที่เห็นนี่ถือว่าจัดโต๊ะทานข้าวมาเล็กไปนะครับ ถ้าจะวางให้เต็มพื้นที่นี่วางโต๊ะกลมแบบ 10 ที่นั่งสบายๆ

พื้นที่ทานอาหารจะได้บานกระจกขนาดใหญ่วิวเมืองพัทยาแบบนี้

ถัดมาเป็นห้องน้ำกับส่วนครัว

จาดรูปด้านบน ห้องน้ำคือประตูด้านขวามือนะครับ

ห้องน้ำสำหรับส่วนกลางจะไม่มีส่วนอาบน้ำมาให้เป็นห้องแบบ Powder Room

ส่วนครัวฝรั่งจะมีเคาน์เตอร์มุมเฉียงๆแบบนี้มาให้พร้อมตู้เก็บของเต็มพื้นที่

ตัวเคาน์เตอร์จะได้เป็นหินแกรนิตเหมือนกัน

และได้อ่างล้างจานแบบมีที่พักจานมาให้

เวลาทำอาหารก็ได้ชมวิวไปด้วยในตัวนะครับ

วิวที่ได้ก็ประมาณนี้และขอย้ำอีกทีว่านี่วิวจากส่วนครัว เห็นแล้วการทำครัวน่าจะสนุกขึ้นอีกนะ

การแบ่งช่องเก็บของต่างๆ

ด้านหลังจะมีเคาน์เตอร์ที่ได้ท๊อปและ Back Splash หิเป็นแกรนิตมาด้วย

การแบ่งช่องเก็บของต่างๆ

ด้านข้างจะเว้นช่องไว้ให้ สำหรับใส่ตู้เย็น ในห้องตัวอย่างใส่ขนาด 15.5 คิวบิกฟุตมาให้ดูครับ

ทางไปห้องครัวไทยจะเป็นประตูบานเลื่อน

พื้นห้องจะเปลี่ยนเป็นกระเบื้องเซรามิคธรรมดาแล้ว

ตอนนี้เข้ามาในห้องครัวแล้วหันออกไปห้องครัวฝรั่งจะเห็นแผงควบคุมไฟด้านซ้ายมือซ่อนอยู่ในตู้อีกที

ครัวไทยตรงนี้จะมีไว้ให้แม่บ้านทำกับข้าวแยกส่วนต่างหาก แต่ยังคงใช้ได้แค่เตาไฟฟ้านะครับ

เดินทะลุมาอีกหน่อยจะเป็นพื้นที่เปิดโล่ง ก่อนเข้าห้องนอนแม่บ้านและทางไป Service Lift

ตำแหน่งวางคอมเพรสเซอร์แอร์จะรวมอยู่ที่ด้านนี้หมด และมีระแนงกั้นมาให้เวลาดูจากภายนอกยังดูเรียบร้อยอยู่

ถ่ายของตึก B มาให้ดูว่าพอซ่อนคอมเพรสเซอร์แอร์ไปแล้วหน้าตาตึกก็ดูดีและเรียบร้อยขึ้นเยอะ

ทางไป Service Lift มีเอาไว้ให้แม่บ้านใช้เข้าออกได้โดยที่ไม่ต้องเข้าไปยุ่งกับส่วนของลูกบ้านเลย

กลับมาที่โซนนั่งเล่นส่วนที่ 2 ส่วนนี้มีความสำคัญตรงที่เวลามากันหลายๆทุกคนทุกวัยก็สนุกได้โดยไม่ต้องแย่งใช้พื้นที่กัน ครอบครัวผู้ใหญ่ก็ใช้ห้องนั่งเล่นหลักไป ส่วนเด็กๆก็ใช้งานห้องนั่งเล่นรองไปจะจับกลุ่มเล่นเกม หรือเล่นอะไรก็ว่าไป

เดินออกมาดูระเบียงซะหน่อย ส่วนที่กว้างที่สุดนี่กว้างประมาณ 2 เมตรนิดๆนะเอาโซฟามานั่งชิวๆยังได้เลย

POV-Reflection-74

วิวที่ได้ก็ประมาณนี้ครับ (กดที่รูปเผื่อดูภาพใหญ่ได้)

เดี๋ยวเราไปดูห้องนอน 2 กันต่อ

ห้องนี้จะเป็นห้องนอนที่เล็กที่สุดและได้วิวฝั่งพัทยากับอาคาร B

ถึงแม้ว่าจะเป็นห้องนอนที่เล็กที่สุดของแบบนี้ แต่ก็ยังมีพื้นที่ให้วางเตียง 6 ฟุตได้บายๆ

ตู้เสื้อผ้าจะอยู่อีกด้านของห้องซึ่งเค้าทำ Built-in ตามร่องที่เว้นไว้ให้อยู่แล้ว

เข้ามาในห้องน้ำจะเป็น ส่วนที่เป็นอ่างล้างหน้าจะถูกแยกออกไปไกลหน่อย

ส่วนโถสุขภัณฑ์กับห้องอาบน้ำจะแยกมาอยู่อีกด้าน ห้องอาบน้ำจะแอบ Sexy นิดส์ๆ เพราะมีช่องแสงทรงสูงมาให้

มาดูห้องนอนใหญ่ห้องสุดท้ายกันครับ โซนแรกของห้องนอนใหญ่ยังคงเป็นโถงทางเดินแคบๆอยู่

ด้านซ้ายมือที่เป็น Walk-in Closet ถือว่าไม่ใหญ่มากและรูปร่างของห้องจะเป็นสามเหลี่ยมพื้นที่ใช้งานเลยแปลกๆหน่อย

ภายในจะมีช่องใส่เสื้อผ้าและลิ้นชักให้ตามปรกติ

ห้องน้ำจะพิเศษกว่าห้องอื่นๆตรงที่ได้อ่างอาบน้ำมาด้วย

วิวที่ได้ก็ประมาณนี้ครับ

มีอ่างล่างหน้าแบบ His & Her ส่วนอาบน้ำยังมีฉากกระจกกั้นมาให้เหมือนเดิม โถสุขภัณฑ์จะได้ขนาดใหญ่แล้ว

พื้นที่อาบน้ำจะได้ Rain Shower เพิ่มขึ้นมา

ชั้นวางของภายในห้องก็ได้ใหญ่ขึ้น

กลับมาดูที่ห้องนอนที่เป็นส่วนสำคัญของแบบนี้เลย จุดเด่นของห้องนี้อยู่ที่ตัวหน้าต่างแบบ Bay window ทำให้ได้รับวิวในมุมมองที่กว้างขึ้น แถมตัวกระจกตรงกลางยังยื่นออกไปจากแนวพื้นห้องทำให้การดูวิวเพลิดเพลินขึ้นไปอีก คือเวลาเดินเข้ามาจะเห็นแค่ท้องฟ้ากับทะเลเท่านั้นเอง ถ้าอยากเห็นริมหาดก็ต้องไปยืนใกล้ๆหน้าต่างหน่อยนะ

วิวอีกฝั่งจะเป็นเมืองพัทยา

อีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ห้องนี้ได้วิวสวยคือการเอียงผนังหัวเตียงให้เฉียงเพื่อรับกับมุมมองในการชมวิว ถ้าท่านผู้อ่านยังจำได้จะเห็นว่าห้องแต่งตัวถูกวางกำแพงเป็นเฉียงเพื่อวิวแบบนี้แหละครับ

ReflectionPattaya_3BR_66_WM_resize

ก่อนไปดูส่วนราคาและสรุปขอนำรูปจาก Point of View มาปิดท้ายนะครับเป็นวิวจากห้องตัวอย่างชั้น 45 ครับ

**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะครับ

 

ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 13 March 2015

  • 1 Bed 61.39 ตร.ม. ราคา 6,181,973 บาทหรือ 100,700 บาท/ตร.ม.
  • 2 Bed 102.93 ตร.ม. ราคา 10,159,191 บาทหรือ 98,700 บาท/ตร.ม.
  • 3 Bed 217.55 ตร.ม. ราคา 22,755,600 บาทหรือ 104,455 บาท/ตร.ม.
  • 3 Bed – Duplex 212.39 ตร.ม. 27,304,200 บาทหรือ 128,557 บาท/ตร.ม.
  • Fully Fitted
  • ฝ้าเพดานสูง 3 เมตร
  • Kitchen & Sink
  • Hob & Hood
  • จอง 50,000 – 100,000 บาท
  • ทำสัญญา 10%
  • ค่ากองทุน 750 บาท/ตร.ม. (จ่ายครั้งเดียว)
  • ค่าส่วนกลาง 50 บาท/ตร.ม./เดือน (จ่ายล่วงหน้า 18 เดือน)

**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ครับ

 


เจาะลึกรวบยอด

โครงการ Reflection Jomtien Beach Pattaya อยู่ในบนถนนจอมเทียนสายหรือถนนเลียบหาด เป็นทำเลที่หลายๆคนน่าจะรู้จักดีอยู่ว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวของชาวต่างชาติหลายประเทศ ถึงแม้แถวๆนี้จะอยู่ใกล้ตัวเมืองพัทยาแต่ก็ไม่ได้คึกคักแบบพัทยาเลย ยังพอมีความเงียบสงบอยู่พอสมควร จะมีตลาดค้าขายบ้างในตอนกลางเมืองในช่องต้นๆซอย และเป็นตลาดที่ขายอาหารการกินขายเสื้อผ้าอารมณ์คล้ายๆตลาดนัดในกทม.นี่แหละครับ

ร้านรวงต่างๆ บนถนนเส้นนี้จะมีเกือบตลอดเส้นทางเลยโดยไล่ยาวตั้งแต่ต้นสายที่เป็นจุดเชื่อมต่อกับถนนทัพพระยามาจนถึงถนนชัยพฤกษ์ เลยจากส่วนนี้ไปถึงโครงการจะเริ่มเบาบางลงแล้ว ส่วนร้านสถานบันเทิงต่างๆก็มีบ้างแต่จัดว่าน้อยมากถ้าเทียบกับบนเส้นพัทยา ใกล้โครงการจะเป็นร้านอาหารฝั่งนึงอีกฝั่งก็จะเป็นโรงแรมและอาคารพาณิชย์ที่มี Family Mart ตั้งอยู่ ของกินทั่วๆไปก็หาได้ไม่ยากวิ่งเลาะตามเส้นริมหาดไปมีให้เลือกมากมาย แต่ราคาค่อนข้างสูงอยู่เหมือนเพราะมีชาวต่างชาติมาอาศัยกันอยู่เยอะ

เรื่องของหาดจะมีถนนคั่นอยู่ตลอดแนวซึ่งบรรยากาศจะแตกต่างจากหาดที่ไม่มีถนนคั่น ทำให้ตลอดแนวหาดมีความคึกคัก วุ่นวายสูงกว่า ความเป็นส่วนตัวลดลง แต่จะได้บรรยากาศที่สนุกสนานมาแทน หาดแถวนี้เวลาน้ำลงมีพื้นที่ให้ทำกิจกรรมได้เยอะนะแต่เวลาน้ำขึ้นจะขึ้นสูงเลยไม่ค่อยเหลือพื้นที่หาดแบบแห้งซักเท่าไหร่

วิวรอบๆโครงการถือว่ายังคงโล่งอยู่พอสมควร สาเหตุนึงเป็นเพราะตัวโครงการตั้งอยู่ค่อนข้างห่างจากแหล่งชุมนหรือโรงแรมที่หนาแน่นมาอยู่ในช่วงที่โล่งๆหน่อยแล้วตึกสูงที่ใกล้ๆก็เป็นของ LPN แต่ก็อยู่ในระยะที่ไกลไม่ได้มีผลต่อวิวโดยตรงนัก วิวด้านหน้าถือว่าปลอดภัยและดีสุดเพราะติดกับทะเลเลยแต่ต้องทนรับกับแดดจากทิศตะวันตกด้วยนะ ส่วนวิวด้านข้างก็ต้องลุ้นว่าในอนาคตจะมีอะไรมาขึ้นรึเปล่า ถ้าไม่มีหรือมีแต่เป็นอาคาร Low Rise ก็สบายตัวไป ส่วนวิวด้านหลังโครงการในระยะประชิดนี่รอดแน่นอนเพราะหลังโครงการเป็นพื้นที่ของโรงแรมแบบ Low Rise

การเดินทางหลักๆของโครงการต้องใช้เส้นสุขุมวิทกับจอมเทียนสายหนึ่งอยู่แล้ว แต่ถ้าจะไปทางลัดซอยนาจอมเทียน 2 ก็ได้เหมือนกัน ถ้าจะไปแถวพัทยาก็วิ่งไปสุดทางแล้วเข้าทัพพระยาเลาะไปอีกนิดก็พัทยาใต้แล้ว หรือถ้าอยากไปถนนคนเดินแล้วขี้เกียจหาที่จอดก็นั่งรถสองแถวไปได้ราคาต่อหัวต่อเที่ยวครั้งละ 10 บาทเอง ข้อสำคัญอีกจุดที่เป็นข้อดีของถนนจอมเทียนสายหนึ่งคือเป็นถนนแบบ Two-Way การเดินทางด้วยรถจึงสะดวกกว่าจะกลับรถก็ไม่ต้องวิ่งอ้อมไปอ้อมมาแบบเส้นพัทยาที่เป็น One-Way ส่วนที่จอดรถของโครงการถ้านับรวมซ้อนคันแล้วมีมาให้ถึง 88% เรียกว่าจอดได้เหลือเฟือเลยครับ

การออกแบบตัวโครงการจะนำตัวตึกทั้ง 2 ตึกไปไว้ด้านในและตรงกลาง ตึกด้านหน้าที่เรียกว่า Oceanfront(ตึกA) จะสูงประมาณ 55 ชั้น ส่วนตึก Oceanview(ตึกB) จะสูงแค่ 42 ชั้น ตึก A จะได้รับวิวทะเลเต็มๆ ส่วนตึก B ก็ยังได้อยู่เหมือนกันถึงแม้จะไม่เท่าตึก A โครงการนี้พยายามวางผังอาคารและตำแหน่งห้องให้ได้เห็นวิวทะเล โดยทำตัวตึให้เป็นเหมือนสามเหลี่ยมหันปลายแหลมเข้าหากัน

สำหรับแบบห้องก็มีหลายแบบให้เลือกตั้งแต่ 1 Bed, 2 Bed, 3 Bed, 3 Bed Duplex และห้อง Penthouse อาคาร A จะเป็นห้องแบบ 3 Bed ทั้งหมดเลยความหนาแน่จะต่อหน่อยเพราะชั้นนึงมีแค่ 2 ห้องมีลิฟท์แยกส่วนใครส่วนมัน แต่อาคาร B ยังคงใช้โถงลิฟท์แบบรวมอยู่จำนวนยูนิตต่อชั้นอยู่ที่ 7 ยูนิต ตัวห้องจะเริ่มต้นด้วยขนาดที่ใหญ่ในแต่ละแบบ ได้ฝ้าเพดานสูง 3 เมตร ได้ระเบียงขนาดใหญ่ ห้องแบบ 3 Bed ที่ตึก A จะได้หน้าต่าง Bay Window ที่ช่วยให้ได้วิวทะเลที่สวยขึ้นไปอีก

วัสดุที่ให้มาเป็นแบบ Fully Fitted ให้มาถือว่าให้มาสมราคาใช้ของดีแต่ให้มาน้อยไปนิด พื้นห้องได้พื้นกระเบื้องเซรามิคนำเข้า ส่วนห้องนอนทุกห้องได้พื้นไม้ Engineering Wood บานประตูหน้าต่างจัดมาแข็งแรงและใหญ่ดีเอาไว้รองรับแรงลมจากทะเล แต่เวลาใช้งานจะหนักหน่อยนะ แอร์แบบซ่อนในฝ้า ส่วนครัวได้ทั้งเคาน์เตอร์ได้ท็อปเป็นหนแกรนิต อ่างล้างหน้าได้หินสังเคราะห์ ก๊อกน้ำฝักบัวได้ KASCH โถสุขภัณฑ์ได้แบบชิ้นเดียวขนาดใหญ่ของ American Standard หน้าบานส่วนครัวติดตั้ง Soft Close มาให้ทั้งหมด

สำหรับ Facilities ต้องเรียกว่าจะเต็มมาให้ครบเลยไม่ว่าลูกบ้านจะอยู่ตึกไหนก็มีส่วนกลางให้ใช้งานได้อย่างเต็มที่ ทุกอาคารมีห้อง Fitness และห้อง Aerobic & Yoga อาคาร B มีห้องโต๊ะพูล และอาคาร A มีห้อง Kid’s Club ส่วนชั้น 22 อาคาร B และชั้น 26 อาคาร A จะเป็นฟังก์ชันประเภท Sky BBQ Terrace & Lounge และ Sky Multi-Purpose Room ที่ชั้นล่างสุดของตึก A มีห้อง Sauna แยกชายหญิง ตึก B มีห้อง Steam แยกชายหญิง การออกแบบส่วนกลางต่างๆก็ทำมาได้ดีมีการเล่น Landscape กับ Hardscape ทั้งโครงการ ฟังก์ชันที่ชั้นบนๆอย่างชั้น 22 และ 26 จัดเป็น Private โซนที่ให้ลูกบ้านมาจัด Party ได้สะดวกและน่าใช้งานบวกกับได้วิวดีๆด้วย

 

JUDGEMENT

สำหรับที่อยู่อาศัยแบบตากอากาศนี้ ความคุ้มค่าทางอารมณ์ และความพึงพอใจส่วนบุคคลมีผลต่อการตัดสินใจซื้อ ดังนั้นทางทีมงานเห็นว่าจะไม่มีการให้คะแนนในโครงการลักษณะนี้ครับ

 

BOTTOM LINE

โครงการ Reflection Jomtien Beach Pattaya เป็นโครงการที่เหมาะสำหรับคนที่ชอบบรรยากาศแบบพัทยาคือมีแหล่งท่องเที่ยวเยอะ แต่อยากได้ความสงบระดับนึงไม่ถึงกับต้องคึกคักแบบพัทยา อยากได้บรรยากาศใกล้หาดวิวสวยๆเดินไปเล่นน้ำได้ไม่ไกลและชอบใช้ส่วนกลางเยอะๆ ชอบห้องขนาดใหญ่ และมีงบประมาณเพียงพอตั้งแต่ 6 – 40 ล้านบาทหรือมีกำลังผ่อนต่อเดือนประมาณ 43,000 – 320,000

 

ถ้าเห็นว่ารีวิวนี้มีประโยชน์ ช่วยกด LIKE ให้ผมหน่อยนะครับ จะได้มีกำลังใจทำรีวิวถัดๆไปครับ

สมัครสมาชิกพร้อมรับข่าวสารเพิ่มเติม (คลิกที่นี่ )