Plum Condo แหลมฉบัง คอนโด 8 ชั้นหน้านิคมฯ ใกล้ Habour Mall จาก พฤกษา [รีวิวฉบับที่ 704]

รีวิวฉบับที่ 704 … สวัสดีครับ วันนี้ผม Mr.Boom จะขอพาออกต่างจังหวัดไปดูคอนโดที่แหลมฉบังกันครับ กับ Plum Condo แหลมฉบัง จาก พฤกษา โครงการนี้เรียกได้ว่าทำออกมากะขายคนทำงานในนิคมเลยแหละ เพราะทำเลตั้งอยู่บนถนนเมืองใหม่กลาง อยู่หน้านิคมเลยครับ และอยู่ใกล้กับห้าง Habour Mall อันเป็นที่พึ่งของชาวแหลมฉบังด้วยโดยจะมีซอยลัดเชื่อมถึงหลังห้างเลย รูปแบบจะทำออกมาแบบไหน เราลองไปดูกัน

Fact @ 3 October 2014

• Plum Condo แหลมฉบัง (พลัม คอนโด แหลมฉบัง)
• Pruksa Real Estate
• SUPER ECONOMY CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
• โครงการตั้งอยู่ใน​ : เทศบาลนครแหลมฉบัง (อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี)
• คอนโด Low Rise 8 ชั้น 2 อาคาร 372 ยูนิต และร้านค้า 6 ยูนิต
• ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 26 ยูนิตที่อาคาร B
• ที่จอดรถประมาณ 79 คันแบบรวมซ้อนคัน คิดเป็นประมาณ 21%
• ที่จอดรถจักรยานยนต์ 38 คัน คิดเป็นประมาณ 10%
• ที่ดินประมาณ 3-1-16 ไร่
• คาดว่าจะแล้วเสร็จปลายปี 2015 – ต้นปี 2016 (ผ่าน EIA แล้ว)
• Studio ขนาด 22.70 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้น 899,000 บาท
• 1 Bedroom ขนาด 28.35 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้น 1.189 ล้านบาท
• 2 Bedrooms ขนาด 70 ตารางเมตร (มี 1 ยูนิต)
• ฝ้าเพดานสูง 2.50 เมตร
• ราคาเริ่มต้น 899,000 บาท หรือ 39,600 บาทต่อตารางเมตร
• http://plum.pruksa.com/5354/พลัมคอนโด-แหลมฉบัง
• Call Center : 1739

ช่วยกันคอมเม้นท์ แบ่งปันข้อมูลกับเพื่อนๆที่กำลังหาบ้านหน่อยนะครับ

NEW! เพื่อนๆสามารถเลือกอ่านตามหัวข้อได้โดยกดปุ่มไปยังหัวข้อที่สนใจได้นะครับ

• ทำเล
• โครงการ
• ห้องตัวอย่าง
• สรุป

เจาะลึกเรื่องทำเลที่ตั้ง

พิกัด : 13.082001, 100.923793

แผนที่จากทางโครงการครับ

ที่ตั้งของ Plum Condo แหลมฉบัง นี่จะอยู่บนถนนเมืองใหม่กลางครับ ซึ่งจะเป็นถนนเส้นรองที่อยู่ในแนวขวาง ขนานกับถนนเลี่ยงเมืองชลบุรี โดยถนนเมืองใหม่กลางจะเป็นเส้นทางที่เชื่อมจากถนนใหญ่สุขุมวิทไปถึงมอเตอร์เวย์ได้ โดยจะผ่านส่วนที่เป็นชุมชนและนิคมอุตสาหรรมของเครือสหพัฒน์ครับ การเดินทางมาที่โครงการ Plum Condo ถ้าเรามาจากมอเตอร์เวย์ เราก็อาจจะใช้ถนนเลี่ยงเมืองชลบุรีเข้ามาทางถนนใหญ่สุขุมวิทก็ได้ หรือใช้ทางลัดเข้ามาทางนิคมสหพัฒน์ฯ แล้วทะลุมาที่ถนนเมืองใหม่กลางเลยก็จะมาถึงที่โครงการได้เหมือนกัน

ถนนเมืองใหม่กลางนี้จะเป็นหนึ่งในถนนเส้นหลักที่คนในชุมชนแถวนี้นิยมใช้มากกว่า ในการจะไปสุขุมวิทหรือมอเตอร์เวย์ เนื่องจากถนนเลี่ยงเมืองชลบุรีจะเป็นเส้นที่รถมักจะติดบ่อยกว่า และมีรถบรรทุกจำนวนมากใช้เส้นทางตลอดเวลา ทำให้ถึงแม้ถนนเลี่ยงเมืองชลบุรีจะกว้างกว่าใหญ่กว่า แต่สภาพผิวจราจรโดนรถบรรทุกทำให้เป็นหลุมเป็นบ่อเยอะครับ (และช่วงนี้ก็ยังมีการก่อสร้างกันอยู่ ทั้งขยายเลนถนน สร้างสะพานกลับรถ สร้างด่านเก็บเงิน ทำเอารถติดหนักเลย) ถนนเส้นรองที่รถบรรทุกผ่านไม่ได้อย่างถนนเมืองใหม่กลางจึงเป็นที่นิยมมากกว่าสำหรับคนทั่วๆไป และมักจะคล่องตัวกว่าด้วย เช่นเดียวกับ ถนนแหลมทอง ที่อยู่ขนานกัน

พูดถึงทำเลแถวๆนิคมฯแหลมฉบังนี่จริงๆแล้วก็เป็นอีกย่านหนึ่งที่มีความต้องการในด้านที่อยู่อาศัยค่อนข้างเยอะทีเดียว และเป็นทำเลที่ออกจะเฉพาะเจาะจงมากๆ คือเป็นย่านแห่งการอุตสาหกรรมของประเทศเลย รอบๆนิคมนี่คือแทบจะไม่มีอะไรเลย แต่ในนิคมนี่วันๆหนึ่งมีคนเข้าไปทำงานเป็นหมื่น แต่เราก็ไม่ค่อยจะมีโอกาสได้เห็นคอนโด “แบรนด์เนม” ไปอยู่แถวๆนั้นกันสักเท่าไหร่ ถ้านอกจากพฤกษาที่มาเปิด Plum Condo อันที่เราจะไปดูกันนี้ ก็จะมี ศุภาลัย Vista ที่เป็นตึก High Rise อีกตึกอยู่ใกล้ๆกัน จับกลุ่มลูกค้าคนละแบบกัน นอกนั้นก็จะเป็นพวกคอนโด, หอพักให้เช่า ที่มักจะเป็นแบรนด์ Local เสียส่วนใหญ่

สำหรับใครที่ไม่รู้ แต่โดยปกติคนในนิคมฯแหลมฉบังจะไม่สามารถอาศัยอยู่ในนั้นได้นะครับ ที่อยู่อาศัยส่วนใหญ่จะอยู่ด้านนอกออกไป รายล้อมอยู่รอบนิคม (บ้านพักชั่วคราวในนิคมอาจจะมีบ้างแต่น้อยมาก) แล้วทุกๆเช้าคนจากรอบๆก็จะแห่กันเข้ามาทำงาน แล้วทุกเย็นก็จะแห่กันออกไป เป็น Routine แบบนี้ทุกวัน ดังนั้นสำหรับ Plum Condo ที่อยู่ตรงนี้ก็ถือว่าเป็นทำเลที่ใกล้ทางเข้านิคมมากแล้ว ค่อนข้างจะได้เปรียบคนที่ต้องอยู่ห่างออกไป (เช่น โซน ม.เกษตร-อ่าวอุดม หรือที่อยู่แถวเก้ากิโล) เพราะไม่ต้องไปรถติดยาวๆเหมือนคนอื่นเขา แต่ถึงบอกว่าใกล้ก็ไม่ใช่ว่าจะเดินได้นะ เพราะในนิคมฯมันกว้างใหญ่มาก พื้นที่ตั้งประมาณ 3500 กว่าไร่ อย่างน้อยๆก็ต้องมีมอเตอร์ไซค์หรือจักรยาน ไม่งั้นเหนื่อยแน่นอน หรือถ้าโรงงานตัวเองมีรถรับส่งนี่จะเวิร์คมาก

การเดินทางไปยังโครงการในครั้งนี้ผมใช้เส้นมอเตอร์เวย์ วิ่งมาจากกรุงเทพฯ มุ่งหน้า “แหลมฉบัง” เลยครับ มีจุดสังเกตเป็นป้ายของนิคมอุตสาหกรรมปิ่นทองสีน้ำเงินๆที่อยู่ในรูป และระหว่างทางจะผ่านร้าน ไทวัสดุ และ HomePro มาก่อนด้วยครับ

เราจะออกซ้ายยึดป้าย “แหลมฉบัง” แล้ววกขวาเพื่อวิ่งมาเข้าถนนเลี่ยงเมืองชลบุรีครับ

ตอนที่ผมไปเค้ายังสร้างด่านเก็บเงินกันอยู่เลย แปลว่าในอนาคตจะเสียตังค์สินะ 😛

ถนนเส้นเลี่ยงเมืองนี้ เป็นถนนที่ใหญ่และกว้างมาก และเป็นเส้นทางสัญจรหลักของรถบรรทุกและรถตู้คอนเทนเนอร์ทั้งหลาย วิ่งกันฝุ่นตลบเลย แถมรถใหญ่ก็วิ่งช้าด้วยเมื่อเทียบกับรถเก๋ง กลายเป็นว่าพอถนนใหญ่มากๆกลับวิ่งไม่สะดวกเท่ากับถนนเส้นเล็กๆแถวนี้ที่รถใหญ่ผ่านไม่ได้ เพราะยังพอซิกแซกได้มากกว่า

ผมวิ่งมาจนเกือบสุดถนนเลี่ยงเมือง แล้วก็ออกซ้ายยึดป้าย “พัทยา” เพื่อเข้าสู่ถนนสุขุมวิทครับ

เข้ามาที่ถนนสุขุมวิทแล้ว ถนนเส้นนี้จะผิดกับเมื่อกี๊เลย เพราะเป็นถนนใหญ่เส้นชุมชนที่ยาวต่อเนื่องมาจากชลบุรี, ศรีราชา ลงไปจนถึงพัทยา ทำให้สองข้างทางจะดูไม่แห้งแล้งเหมือนเส้นเลี่ยงเมือง ถนนกว้าง รถเล็กรถใหญ่ใช้ได้หมด วิ่งสะดวกกว่า

พอขับมาอีกหน่อยจะเห็นป้ายให้ชิดซ้ายเพื่อไปห้างฮาร์เบอร์มอลล์ครับ เราก็ชิดซ้ายไปตามป้าย

ที่แยกข้างหน้านี้ จะเป็นแยกเดียวกันกับที่คนใช้เป็นทางเข้าท่าเรือแหลมฉบังด้วย ดังนั้นรถก็จะติดหน่อย

เราจะมาจอดรถต่อคิวเพื่อเลี้ยวซ้ายที่แยกข้างหน้านี้ ระหว่างทางเราจะเห็นโครงการคอนโดอีกโครงการหนึ่งคือ Supalai Vista ของศุภาลัยเค้าวางอยู่ทางซ้ายมือตรงนี้ก่อนถึงแยก

พอถึงแยกไฟแดงเราก็เลี้ยวซ้ายไปตามทาง มองไปไกลๆจะเห็น Habour Mall อยู่ด้านหน้า ซึ่งถ้าเราจะไปห้างเราต้องตรงข้ามไฟแดงไปนะครับ

พอเราเลี้ยวซ้ายแล้วขับตรงมาอีกหน่อยก็จะเจอกับสี่แยกไฟแดงครับ เราก็ U-Turn ที่สี่แยกไฟแดงนี้เลย

แต่บริเวณไฟแดงตรงนี้ เค้าไม่ได้ทำจุดกลับรถเป็นกิจลักษณะนะครับ วงเลี้ยวจะค่อนข้างแคบ ถ้าเป็นรถเก๋งคันเล็กๆก็ไม่มีปัญหาอะไร แต่ถ้าคันใหญ่ๆหน่อย อาจจะกลับรถลำบากหน่อย แนะนำให้เลี้ยวซ้ายไปกลับรถมาแล้วค่อยมาเลี้ยวขวาที่แยกจะดีกว่า

ติดกับสี่แยกจะเป็นเต๊นท์รถมือสองแห่งหนึ่ง ซึ่งอยู่ติดกับที่ดินของโครงการเฟส 1

พอกลับรถที่แยกเสร็จปุ๊บ ขับตรงมาก็จะเจอกับที่ดินของ Plum Condo อยู่ทางซ้ายมือตรงนี้ครับ เราเลี้ยวเข้าไปดูสำนักงานขายกัน

แนวที่ดินของคอนโดอยู่ตรงนี้เลย หน้ากว้างติดถนนใหญ่เมืองใหม่กลาง

ส่วนอันนี้จะเป็นอาคารสำนักงานขายที่ทำไว้ชั่วคราว

เรามาดูขอบเขตของที่ดินกัน หน้าตาที่ดินเป็นรูปเกือบๆจะสี่เหลี่ยมแบบนี้ ด้านหน้าโครงการติดถนนเมืองใหม่กลาง, แปลงข้างๆทางซ้ายเป็นที่ดินเปล่าของพฤกษาที่อาจจะพัฒนาไปเป็น Plum เฟส 2 แต่คงต้องรอดูผลตอบรับของโครงการนี้ก่อน (ปัจจุบันที่ดินของเฟส 2 เป็นที่ตั้งของสำนักงานขาย) ส่วนติดกันทางขวาจะเป็นเต๊นท์ขายรถมือสองที่อยู่ติดกับสี่แยก, ด้านซ้ายของที่ดินของคอนโดอยู่ติดกับซอยลัดที่จะไปเชื่อมกับด้านหลังของห้าง Habour mall ได้ และถัดจากซอยก็จะเป็นร้านหมูกะทะ, ด้านหลังของที่ดินโครงการเป็นที่ดินโล่งๆมีบ้านคนตั้งอยู่, ส่วนฝั่งตรงข้ามของโครงการมองไปจะเป็นที่ดินเปล่าเหมือนกัน เยื้องๆหน่อยก็จะมีตึกแถวสูงประมาณ 5 ชั้นตั้งอยู่

โดยรวมๆแล้วรอบๆโครงการในระยะเดินเท้าตอนนี้ยังโล่งๆ แห้งแล้งๆหน่อย ไม่อุดมสมบูรณ์เท่าไหร่ แต่ว่าก็มีข้อดีตรงที่ที่ดินรอบๆยังเป็นที่ดินเปล่า ยังไม่มีตึกสูงมาขึ้นให้เกะกะสายตา ถ้าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงก็คือรอบๆก็ยังได้วิวเปิดโล่งอยู่ แต่ก็มีความเสี่ยงที่จะมีคอนโดโครงการอื่นๆมาขึ้นเหมือนกัน

ถนนด้านหน้าโครงการ ด้วยความที่เป็นเส้นที่มุ่งหน้าเข้านิคม และเป็นช่วงถนนที่ใหญ่ ก็ยังมีรถบรรทุกวิ่งอยู่เป็นประจำเหมือนกัน ใครเลือกห้องฝั่งใกล้ถนนใหญ่อาจจะต้องคำนึงถึงเสียงดังรบกวน และมลพิษทางอากาศนิดนึงนะครับ

ฟุตบาทหน้าโครงการกว้างมาก เดินสบาย แต่มีมอเตอร์ไซค์แอบบมาใช้ร่วมด้วยบางครั้ง

ข้างๆโครงการอยู่ติดกับซอยลัดที่จะไปฮาร์เบอร์ มอลล์

รถที่มาจากฮาร์เบอร์มอลล์ก็ใช้ซอยนี้ออกมาที่ถนนเส้นนี้เยอะเหมือนกัน นับว่าเป็นซอยที่มีรถผ่านเข้า-ออกบ่อยๆ

ตัวที่ดินของโครงการ ปัจจุบันยังไม่ได้ทำอะไร ทิ้งไว้เป็นพื้นที่โล่งๆอยู่ ซึ่งเดี๋ยวก็คงจะมีการปรับสภาพที่ดินกันต่อไป

ติดกับซอยข้างๆ อีกฝั่งหนึ่งเป็นร้านหมู่ย่างเกาหลี “นินจา” ออกแนวหมูกระทะหน่อย ร้านใหญ่เหมือนกัน

มองไปฝั่งตรงข้ามโครงการตรงๆ จะยังเห็นพื้นที่ดินเป็นพื้นที่เขียวๆแบบนี้ เป็นที่ดินเปล่าๆยังไม่ได้ทำอะไร

เยื้องๆกันจะมองเห็นอาคารที่เป็นตึกแถว สูงประมาณ 4-5 ชั้น อยู่ห่างๆออกไป

สำหรับเส้นทางที่จะใช้ลัดไป Habour Mall เราสามารถใช้ซอยข้างๆที่อยู่ติดกับโครงการลัดไปได้ เป็นระยะทางประมาณ 400-500 เมตร แล้วแต่ว่าจะวัดจากตรงไหนถึงตรงไหน ถ้าเอาแค่ขอบที่ดินถึงขอบที่ดินนี่ไม่ถึง 400 เมตรเลย แต่ถ้าเอาจากประตูรั้วของโครงการถึงประตูทางเข้าห้าง Habour Mall เลยนี่อาจจะถึง 500 เมตรนะครับ แต่อย่างไรก็ดี นับว่าเป็นระยะที่ยังพอเดินไปได้นะ แต่ผมไม่แนะนำให้เดินเท่าไหร่ เพราะระหว่างทางดูค่อนข้างเปลี่ยวพอสมควร เป็นไปได้อย่างน้อยๆก็ควรจะนั่งมอเตอร์ไซค์หรือปั่นจักรยานไปดีกว่า เพื่อความปลอดภัยครับ เดี๋ยวเราลองไปดูกันว่าไปยังไง

จากหน้าโครงการ เราเลี้ยวซ้ายเข้าซอยข้างๆ

เข้าไปปุ๊บก็ตรงเข้าไปนิดนึง

จากนั้นก็จะเลี้ยวขวาอ้อมหลังแนวตึกแถวที่อยู่ข้างๆมา

ขับตรงต่อมาเรื่อยๆก็จะเจอกับอาคารจอดรถของฮาร์เบอร์มอลล์

ตรงนี้ถ้าขับรถมาจะถูกบังคับเลี้ยวซ้ายนะครับ เป็นวันเวย์

วิ่งอ้อมตึกมาอีกหน่อย แนวตึกแถวทางซ้ายมือมีร้างๆบ้าง แต่ก็มีบางห้องเปิดเป็นร้านขายของ ทางเข้าที่จอดรถจะอยู่ทางขวามือตรงนี้

แล้วพอเลยอาคารจอดรถมา ก็จะมาเจอทางเข้าหลักของห้างตรงนี้ครับ ถ้าใครเดินมาก็จะมาเข้าตรงนี้แหละ ภายในฮาร์เบอร์มอลล์นี่ก็จะมีทั้งซูเปอร์มาร์เก็ต (โลตัส), ร้านค้า, ร้านอาหาร, ธนาคาร รวมถึงสำนักงานด้วยนะครับ

จากตรงนี้ก็จะมีทางให้เราไปออกถนนใหญ่สุขุมวิทได้ ซึ่งก็จะเลยไฟแดงไปแล้ว ถ้าจะมุ่งหน้าไปทางพัทยาก็มาออกตรงนี้ได้ไม่ต้องไปติดไฟแดงนานๆ

สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น

• ห้างสรรพสินค้า Habour Mall
• ทางเข้าท่าเรือแหลมฉบัง
• เทศบาลนครแหลมฉบัง
• สถานีตำรวจภูธรแหลมฉบัง
• โรงเรียนเทศบาลแหลมฉบัง 2
• โรงพยาบาลแหลมฉบังอินเตอร์เนชั่นแนล (รพ.วิภาราม แหลมฉบัง)
• สวนอุตสาหกรรม เครือสหพัฒน์ฯ
• มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตศรีราชา

เจาะลึกตัวโครงการ

รูปแบบของ Plum Condo แหลมฉบังเฟสแรกนี้จะเป็นคอนโดมิเนียมแบบ Low Rise สูง 8 ชั้นครับ มีจำนวน 2 อาคาร คือตึก A ที่อยู่ด้านหน้า และตึก B ที่อยู่ด้านหลัง ตั้งอยู่บนที่ดินขนาดประมาณ 3-1-16 ไร่ เป็นที่ดินรูปทรงคล้ายๆสี่เหลี่ยมเกือบๆจะจัตุรัส (ถ้ารวมเฟส 2 ด้วยจะมีพื้นที่ดินขนาดประมาณ 6 ไร่ แต่สองโครงการนี้แยกนิติบุคคลกัน ถือเป็นคนละโครงการ) เฟสแรกมีจำนวนยูนิตทั้งหมด 372 ยูนิต และมีร้านค้าอีก 6 ร้าน อยู่ที่ชั้น G ของตึก A ครับ

ตัวตึกทั้งสองจะเป็นรูปคล้ายๆ ตัว L สองตัวหันหน้าเข้าชนกันแบบนี้ จัด Facilities ต่างๆไว้ตรงกลาง ตึก A หันหน้าไปทางทิศเหนือ แต่จะค่อนไปทางตะวันตกนิดหน่อย ห้องส่วนใหญ่วางตัวในแนวเหนือ-ใต้ แต่จะมีบางส่วนที่อยู่ทิศตะวันตก-ตะวันออก

รูปแบบ Facade ของตัวตึกก็ไม่มีอะไรมาก ใช้สีเบจอมเทา ตัดกับลายเส้นสีเหลือง

ทางเข้าของโครงการจะอยู่บริเวณมุมด้านหน้าของแปลงที่ดินแบบนี้

ชั้นล่างสุด บริเวณด้านหน้าตึก A จะเป็นยูนิตร้านค้าทั้งหมด 6 ยูนิต หันหน้าออกแบบนี้ บุคคลภายนอกสามารถเข้ามาใช้บริการร้านค้าตรงนี้ได้

บรรยากาศจำลองของร้านค้าด้านหน้าโครงการ

ในบรรดายูนิตร้านค้าทั้งหมด จะมีอยู่หนึ่งยูนิตที่เป็นยูนิตขนาดใหญ่ ซึ่งทางโครงการตั้งใจจะวางไว้ให้เป็นร้านสะดวกซื้อ ซึ่งจะอยู่ติดกับทางเดินเข้าคอนโดเลย

ในโครงการมีที่จอดรถทั้งหมด 79 คันแบบรวมซ้อนคัน คิดเป็นประมาณ 21% ของจำนวนยูนิตเท่านั้นเอง ซึ่งจัดว่าค่อนข้างน้อย เนื่องจากถึงแม้ทำเลตรงนี้จะเป็นทำเลที่อยู่ใกล้นิคมฯ แต่คนก็ยังเน้นการใช้รถส่วนตัวอยู่ ถึงจะมีคนบางส่วนที่ที่ทำงานมีรถรับส่งก็ตาม ส่วนคนที่ใช้รถจักรยาน หรือมอเตอร์ไซค์ ที่นี่จะมีช่องจอดสำหรับรถจักรยานให้อีก 38 คัน แต่จำนวนเท่านี้ก็อาจจะไม่พอได้ ต้องบริหารจัดการดีๆ

ทางเข้าตึก B จะอยู่ด้านข้าง ในขณะที่ตึก A จะอยู่ด้านหน้า

ช่องจอดจักรยาน/มอเตอร์ไซค์จะอยู่ด้านข้างแบบนี้

พื้นที่ตรงกลางระหว่างตึก A กับตึก B นี้จัดเป็นสระว่ายน้ำ และพื้นที่สวนสาธารณะส่วนกลางให้กับลูกบ้าน

ระยะห่างระหว่างตึก A กับ ตึก B ช่วงกว้างอยู่ที่ 22 เมตร ซึ่งก็ถือว่าโอเคในระดับหนึ่ง แต่มันจะมีส่วนที่แคบมากๆด้วย คือระยะห่างกันแค่ 6 เมตร ตรงนี้ก็อาจจะไม่ค่อยเป็นส่วนตัวเท่าไหร่ แต่ถ้าไม่คิดอะไรมากก็ปิดม่านเอาครับ

ตัวสระว่ายน้ำเป็นสระระบบคลอรีน มีขนาดประมาณ 7 x 14 เมตร ลึก 1.20 เมตร ขนาดไม่ได้ถึงกับจะใช้ออกกำลังกายจริงจัง แต่ว่าก็พอว่ายน้ำผ่อนคลายสนุกๆกับเพื่อนๆหรือครอบครัวได้ รอบๆสระจัดเป็น Deck นั่งเล่นได้ มีเก้าอี้ Day-Bed เตรียมไว้ให้ รอบๆล้อมด้วยพื้นที่สวน

ภาพจำลองบรรยากาศของสระว่ายน้ำภายในโครงการ

ภายในสวนสาธารณะของโครงการจะมีส่วนที่เป็นลานเอนกประสงค์ ขนาดประมาณคอร์ทแบตมินตัน ซึ่งลูกบ้านอาจจะมาใช้จัดกิจกรรมบางอย่างตรงนี้ได้

ภาพลำลองบรรยากาศสวนสาธารณะภายในโครงการครับ

ถ้าจินตนาการว่าเรายืนอยู่บนดาดฟ้าของตึก เราก็จะมองเห็นวิวตรงกลางได้ประมาณนี้

Floor Plan ชั้น G ของโครงการหน้าตาแบบนี้ครับ ตึก A จะอยู่ด้านทิศเหนือ และตึก B จะอยู่ด้านทิศใต้

บริเวณชั้นล่างสุดของตึก A จะประกอบด้วยยูนิตที่เป็น Shop ทั้ง 6 ยูนิต รวมถึงร้าน Mini Mart ที่อยู่ด้านหน้าเป็น Shop ใหญ่สุดติดกับทางเข้าเลย พอเดินผ่านร้านค้าต่างๆเข้ามาในตึก A จะเจอกับห้องสำนักงานนิติบุคคลอยู่ทางซ้ายมือก่อนที่จะเข้าไปยังล็อบบี้ใต้ตึก ซึ่งในอนาคตตรงนี้จะใช้เป็นออฟฟิศสำหรับให้บริการซื้อ-ขาย-ปล่อยเช่าให้กับลูกบ้านด้วย,

หลังจากเข้ามายังล็อบบี้ที่อยู่ตรงกลาง ทางซ้ายจะเป็นโถงทางเดินที่เชื่อมต่อไปยังโถงลิฟท์ครับ ตรงข้ามกับลิฟท์จะเป็นห้องทิ้งขยะที่ไม่ได้อยู่ติดกับห้องอื่นๆ, ส่วนที่อยู่ทางขวาของล็อบบี้จะเป็นยูนิตพิเศษ (สีเทาเข้ม) แบบ 2-Bedroom ขนาด 70.38 ตารางเมตร ที่จะมีเพียงยูนิตเดียวในโครงการ อยู่ข้างๆล็อบบี้เลย

จากล็อบบี้จะมีประตูที่อยู่ด้านหลังเพื่อเปิดออกไปยัง Courtyard หรือสวนสาธารณะและสระว่ายน้ำที่อยู่ตรงกลางระหว่าง 2 ตึก จากตรงนี้เราจะสามารถเดินไปใช้งาน Facilities อื่นๆได้ อันได้แก่ ห้อง Fitness และ ห้อง “Movie Room” หรือห้องดูหนังส่วนกลาง, ซึ่งทุกอย่างจะมารวมกันอยู่ตรงกลางนี้ ทำให้ไม่ว่าลูกบ้านจะอยู่ตึก A หรือ B ก็ต้องลงมาที่ชั้นล่างสุด แล้วเดินออกจากล็อบบี้มาที่ Courtyard ตรงกลางนี้ก่อน จึงจะสามารถ Access เข้าสู่ห้องต่างๆตรงนี้ได้ คนที่อยู่ตึก A ก็จะได้เปรียบนิดหน่อยตรงที่อยู่ใกล้กว่าเท่านั้นเอง สะดวกไม่ต่างกันเท่าไร

ส่วนที่ตึก B ชั้นล่างจะไม่ได้มีอะไรมาก เกือบทั้งหมดจะเป็นยูนิตพักอาศัย จากทางเข้าเข้ามาในตึกก็จะมีล็อบบี้เล็กๆ กั้นส่วนของโถงลิฟท์เอาไว้เท่านั้น เพราะล็อบบี้หลักจะอยู่ที่ตึก A อยู่แล้ว แต่ตึก B นี้จะมีส่วนพิเศษคือห้อง Laundry ที่จะอยู่ที่ตึกนี้เท่านั้น สำหรับให้ลูกบ้านลงมาใช้บริการซักผ้าได้ ลูกบ้านตึก A ก็เดินมาใช้ได้เหมือนกัน

บรรยากาศจำลองพื้นที่ส่วน Lobby ของตึก A ที่จะวางชุดโต๊ะเก้าอี้เอาไว้ เผื่อลูกบ้านมานั่งเล่นตรงนี้ ส่วนด้านข้างเป็น Mail Box

ขึ้นมาที่ชั้น 2 ก็จะเป็นชั้นสำหรับที่พักอาศัยแบบจริงๆจังๆแล้ว แต่ที่ตึก A ชั้น 2 นี้จะมีจำนวนยูนิตน้อยหน่อย แค่ 16 ยูนิต เพราะว่ามีพื้นที่บางส่วนที่อยู่โซนทิศเหนือด้านหน้าตึก เป็นพื้นที่ของยูนิตร้านค้า เนื่องจากยูนิตร้านค้าพวกนี้จะมีเพดานยกสูงแบบ Double Volume กินพื้นที่มาถึงชั้น 2 เลย

ส่วนที่ตึก B ชั้นนี้จะเป็นชั้น Typical Floor Plan แล้ว คือจะเป็นยูนิตพักอาศัยล้วนๆ มีอยู่ทั้งหมด 26 ยูนิตต่อชั้น โดยที่ตึก B จะมียูนิตที่อยู่ทางทิศตะวันตกของตึก เป็นยูนิตขนาด 22.70 ตารางเมตร มีเฉพาะที่ตึก B เท่านั้น ตึก A จะเริ่มต้นที่ 28.35 ตารางเมตร

ถัดมาที่ชั้น 3-8 ตึก A ก็จะกลายเป็นชั้นมาตรฐานแล้ว ประกอบด้วยห้องพัก 24 ยูนิต เเป็นห้องขนาด 28.35 ตารางเมตรเกือบทั้งหมด และเป็นอย่างนี้ไปจนถึงชั้น 8 เลย ส่วนตึก B ก็จะเหมือนกับชั้นที่แล้ว รวมทั้ง 8 ชั้น ตึก A จะมีจำนวนยูนิตทั้งหมด 168 ยูนิต และร้านค้าอีก 6 ยูนิต ส่วนตึก B ก็จะมีทั้งหมด 204 ยูนิต ซึ่งเมื่อเทียบจำนวนยูนิตขนาดนี้กับขนาดที่ดินประมาณ 3 ไร่ ก็จัดว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ค่อนข้างโอเคสำหรับคอนโดต่ำล้านระดับ Super Economy แบบนี้

โครงการนี้แต่ละอาคารจะมีลิฟท์อยู่ตึกละ 2 ตัว อัตราส่วนลิฟท์ของตึก A อยู่ที่ 84:1 และตึก B อยู่ที่ 102:1 ซึ่งก็อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน และยิ่งเป็นคอนโด Low Rise ด้วยแล้ว คิดว่าไม่น่าจะมีปัญหาเรื่องรอลิฟท์นานๆ นอกจากนี้ลิฟท์ยังให้เป็นระบบลิฟท์ล็อคชั้นด้วย ซึ่งถึงแม้จะไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่อะไร แต่การที่จะเห็นลิฟท์ล็อคชั้นในคอนโดราคาต่ำล้านถึงล้านต้นๆแบบนี้ ในตึก Low Rise แบบนี้ ก็ถือว่ามีไม่ค่อยเยอะครับ ^^

• สระว่ายน้ำ 1 สระ ระบบคลอรีน ขนาด 7 x 14 เมตร ลึก 1.2 เมตร
• ห้องออกกำลังกาย 1 ห้อง ที่ตึก A
• สวน Courtyard ตรงกลางโครงการ พร้อมลานเอนกประสงค์
• ห้อง Movie Room ส่วนกลางที่ตึก A
• ห้อง Laundry ที่ตึก B
• ลิฟท์โดยสาร 2 ตัวต่อ/อาคาร
• อัตราส่วนลิฟท์ตึก A = 84:1
• อัตราส่วนลิฟท์ตึก B = 102:1
• ที่จอดรถประมาณ  79 คันคิดเป็น  21% รวมจอดซ้อนคัน
• ท่ีจอดจักรยาน/จักรยานยนต์ 38 คัน คิดเป็น 10%
• ระบบ CCTV / Access Card / ลิฟท์ล็อคชั้น

Product Walkthrough

แบบห้องจะมีอยู่ 2 แบบหลักๆ แบบแรกเป็นแบบ Studio ขนาด 22.70 ตารางเมตร เป็นห้องที่มีอยู่ที่ตึก B ฝั่งตะวันตกเท่านั้น และมีแค่ 28 ห้อง ซึ่งแบบนี้จะไม่มีห้องตัวอย่างให้ดูนะครับ

แปลนห้องของ 22.70 ตารางเมตร ด้วยความที่เป็นห้องสตูดิโอ พื้นที่ทุกๆอย่างก็จะอยู่รวมกันหมด เหมาะสำหรับอยู่อาศัยคนเดียว แบ่งฟังก์ชั่นโดยให้ความสำคัญกับพื้นที่ส่วนห้องนอนกับส่วน Living Area เป็นหลัก นำส่วนเตียงนอนไปอยู่ติดหน้าต่างเพื่อรับวิวภายนอกและแสงธรรมชาติ มีตู้เสื้อผ้าอยู่ปลายเตียง การทำแบบนี้จะประหยัดพื้นที่ในการวางตู้ แต่จะไม่สามารถติดทีวีปลายเตียงได้, แต่ห้องนี้ด้วยความที่พื้นที่จำกัดทำให้ไม่มีพื้นที่พอสำหรับวางโต๊ะรับประทานอาหารนะครับ

พื้นที่ครัว, ห้องน้ำ และ ระเบียง จะแยกออกไปอยู่อีกฝั่งหนึ่งของห้อง โดยครัวก็ไม่มีอะไรมาก แค่เว้นพื้นที่ให้วางตู้เย็น กับ Pantry เล็กๆเท่านั้น ไม่มีเตามาให้ เพราะไม่ได้เน้นให้ทำครัวในห้อง, วางห้องน้ำอยู่ฝั่งหน้าห้องติดกับครัว, และวางให้ระเบียงอยู่ติดกับผนังภายนอก เพื่อให้ระบายอากาศในห้องและตากผ้าได้สะดวก เครื่องซักผ้าก็วางไว้ที่นอกระเบียง

ห้องต่อมาเป็นห้องแบบ 1 Bedroom ขนาด 28.35 ตารางเมตร ซึ่งห้องนี้จะเป็นแบบที่มีเยอะที่สุดในโครงการครับ มีมากถึง 343 ยูนิต จาก 372 ยูนิต คือเป็นห้องส่วนใหญ่เลย และห้องนี้ที่สำนักงานขายเค้าจะมีห้องตัวอย่างให้ดูด้วย

เราไปดูห้องตัวอย่างขนาด 28.35 ตารางเมตรกัน ห้องนี้ขายแบบ Fully Furnished ครับ ให้เฟอร์นิเจอร์ในห้องเกือบหมด ยกเว้นพร็อพตกแต่ง และเครื่องใช้ไฟฟ้า แต่จะแถมแอร์ให้ห้องละ 1 ตัวครับ

เดินเข้ามาในห้อง ภาพแรกที่เห็นจะเป็นแบบนี้ ห้องตัวอย่างเค้าไม่ได้ใส่ประตูมาให้ดู แต่ประตูห้องจะเปิดเข้าไปทางฝั่งที่เป็นตำแหน่งวาง TV ดังนั้นอย่าลืมใส่ Door Stopper ตรงนี้นะครับ ไม่งั้นเปิดประตูไปชนทีวีพังแน่

พื้นที่ด้านหน้าห้องจะเป็นส่วนห้องนั่งเล่น จัดออกมาแบบเว้นพื้นที่ให้เดินผ่านสะดวกหน่อย จัดเฟอร์นิเจอร์ไว้ขนาดไม่ใหญ่มาก เพื่อให้ไม่เกะกะทางเข้า-ออกของตัวห้อง, พื้นห้องเป็นพื้นลามิเนตหนา 8 มม., ความสูงพื้นถึงฝ้า อยู่ที่ 2.50 เมตร

โซฟาดูทีวีกับโต๊ะกลาง ให้มาเป็นแบบนี้ ตัวโซฟาเป็นโซฟาขนาด 2 ที่นั่ง ใส่ได้ขนาดเท่านี้แหละ เพราะถ้าใหญ่กว่านี้มันจะไปติดโต๊ะกินข้าวที่อยู่ข้างๆ โต๊ะกลางจะเป้นแบบเลื่อนเปิดมีช่องให้เก็บของจุกจิกได้ (กระจกเงาที่ผนังด้านซ้าย ไม่ได้แถมให้นะครับ)

โต๊ะกินข้าวในห้องนั่งเล่น วางเข้ามุมแบบนี้ วางเก้าอี้ 2 ไว้ลักษณะนี้เพื่อให้มีพื้นที่สำหรับถอยเก้าอี้ได้สะดวก ขนาดก็ถือว่ามาตรฐานครับ

ระยะดูทีวี อยู่ที่ราวๆ 3 เมตร ถือว่าเหมาะสมกับขนาดของทีวี ที่ใส่ได้เต็มที่ประมาณ 50 นิ้ว

เมื่อนั่งอยู่ที่โซฟาเราจะเห็นมุมการดูทีวีประมาณนี้ครับ

เนื่องจากผนังตรงทีวีจะอยู่ติดกับประตูทางเข้าเลย ทำให้ไม่สามารถใส่ตู้วางทีวีหนาๆได้ ไม่งั้นจะเปิดประตูมาชนได้ครับ ทีวีควรจะเอาขึ้นแขวนผนังแบบในห้องตัวอย่างแบบนี้ดีแล้ว และเขาจะแถมตู้เก็บของใต้ทีวีมาให้ด้วยชุดหนึ่ง สำหรับวางพวกเครื่องเกม เครื่องเล่นดีวีดี กล่องทีวีต่างๆ ส่วนตู้ข้างๆที่เป็นตู้แนวตั้งอันนั้นเขาไม่ได้แถมให้ เราจะหามาใส่เองก็ได้ จะใส่ขนาดใหญ่กว่านี้ก็ได้, ส่วนทางด้านบนเหนือทีวี จะเป็นตำแหน่งวางตู้เบรคเกอร์ครับ

ทางเข้าห้องนอนจะเป็นประตูกระจกบานเลื่อนแบบ 4 ชิ้นแบบนี้ เพื่อกั้นห้องนอนออกจากห้องนั่งเล่น ในวันที่เราอยากจะได้ความเป็นส่วนตัว ความเป็นสัดส่วน เราก็อาจจะกั้นประตูนี้แล้วติดม่านเพิ่ม เพื่อให้เกิด Privacy ครับ

เมื่อเราเลื่อนประตูเปิดจนสุด ก็จะทำให้พื้นที่ของห้องนอนก็จะเชื่อมต่อมายังพื้นที่ของห้องนั่งเล่น ซึ่งจะได้ความรู้สึกที่โปร่งโล่งกว่า ส่วนทางขวาในภาพเป็นทางเดินเข้าห้องครัวและห้องน้ำ

ชุดรางประตูบานเลื่อน เป็นแบบรางวางบนพื้นธรรมดา หน้าตาแบบนี้ กรอบวงกบก็จะเป็นอลูมิเนียมสีธรรมชาติ

วางเตียงขนาด 5 ฟุตเอาไว้ ห้องนี้เค้าให้เตียงแถมฟูกด้วย พื้นที่ด้านข้างยังมีเหลือนิดหน่อย วางโต๊ะหัวเตียงได้สองด้าน หรือจะติดโคมไฟแบบในห้องตัวอย่างก็ได้

เตียงที่แถมมาให้ ข้างๆเตียงจะมีช่องสำหรับเก็บของ (หรือซ่อนของ) ที่ใต้เตียงได้ หน้าตาแบบนี้

พื้นที่ปลายเตียงมีพอสมควร พอให้เดินผ่านได้ไม่ลำบาก เค้าจะแถมตู้เสื้อผ้าขนาดเล็กมาหนึ่งบาน ซึ่งขนาดแค่นี้ถ้าไม่พอก็อาจจะต้องหาตู้มาใส่เพิ่ม โดยเฉพาะเวลาอยู่มากกว่า 1 คน

ข้างๆตู้เสื้อผ้าเป็นชุดโต๊ะแต่งตัว, กระจกเงา และเก้าอี้สตูล ซึ่งขนาดเล็กมาก แนะนำให้ติดกระจกบานใหญ่ขึ้นหน่อย และเพิ่มขนาดเคาน์เตอร์ให้ยาวขึ้น จะได้วางของได้เยอะขึ้นหน่อย ไม่งั้นวางของบนพื้นที่แค่นี้ อาจจะปัดตกง่ายๆเลย

ส่วนห้องมาตรฐานนี้จะติดแอร์มาให้ 1 ตัว ตำแหน่งตามที่เห็นในภาพ ถ้าเป็นห้อง Studio จะได้แบบ 12,000 BTU แต่ถ้าเป็นห้อง 1-Bedroom จะได้ขนาด 18,000 BTU

หลอดไฟในห้องจะเป็นหลอดแบบซาลาเปาหน้าตาแบบนี้ครับ ในห้องนอนมีหนึ่งดวง ในห้องนั่งเล่นมีอีกดวง แต่บนเพดานเค้าตีฝ้าไว้แล้ว ถ้าใครไม่ชอบจะเปลี่ยนเป็นไฟแบบดาวน์ไลท์ก็ได้นะครับ

ต่อมาเราเดินเข้าส่วนครัวจากทางห้องนั่งเล่น ทางเข้าครัวนี้จะไม่ได้ใส่ประตูไว้ให้นะครับ ถ้าใครอยากได้ต้องไปใส่เอง ซึ่งก็น่าจะต้องใส่เป็นประตูบานเลื่อนเอา เพราะถ้าเป้นบานสวิงอาจจะเสียพื้นที่ในการเปิดเยอะ

พื้นในห้องครัวจะปูด้วยกระเบื้องขนาด 30×30 ซม. เพื่อให้ทนต่อความชื้นได้ดีกว่า เพราะครัวอยู่หน้าห้องน้ำด้วย และการใช้พื้นกระเบื้องก็จะง่ายต่อการเช็ด ล้าง ทำความสะอาด

พื้นที่ครัวมีให้ประมาณนี้ครับ ไม่กว้างมาก แต่ได้แพนทรี่ยาวเป็นรูปตัว I แบบนี้ เชื่อมไปถึงตู้เย็น และ ระเบียงที่อยู่ด้านหลังสุด

ขนาดของ Pantry ก็ไม่ได้ใหญ่มาก ท้อปครัวเป็นลามิเนต วางอ่างล้างจานเอาไว้อย่างเดียว ไม่มีเตาไฟฟ้า ไม่มีที่ดูดควัน ถ้าใครอยากได้ต้องไปซื้อมาติดเองนะครับ ผนังด้านหลังไม่ได้ปูกระเบื้องนะครับ ให้เป็นผนังปูนฉาบเรียบทาสีขาวแบบปกติ ด้านบนใส่ชั้นวางของ และมีตู้เก็บของมาให้อีกบานหนึ่ง ซึ่งผมแนะนำให้เปลี่ยนชั้นวางของเปลือยๆให้เป็นตู้ให้หมดเลยจะดีกว่า เพราะนอกจากจะเก็บได้เป็นระเบียบเรียบร้อยกว่าแล้ว ยังปลอดภัยกว่าด้วย ไม่ต้องกลัวปัดตก และจะได้ไม่มีฝุ่นจับที่ภาชนะที่เราเก็บไว้ข้างบน

อ่างล้างจานหน้าตาแบบนี้ เป็นอ่าง Stainless แบบมาตรฐาน แต่เป็นแบบไม่มีที่รองภาชนะด้านข้าง ดังนั้นเวลาล้างจานอาจจะต้องไปหาถาดอะไรมาวางคู่กันเพื่อรองภาชนะที่ล้างแล้วนะครับ

ใต้อ่างล้างจานเป็นตู้เก็บของ มีพื้นที่เท่านี้

ช่องเก็บไมโครเวฟวางอยู่ด้านล่าง และมีลิ้นชักเก็บของข้างใต้เพิ่มอีกจุดหนึ่ง

ตำแหน่งวางตู้เย็น อยู่ริมสุดของเคาน์เตอร์เลย ใส่ตู้เย็นได้ขนาดเต็มที่ก็ประมาณเท่านี้แหละ เพราะต้องเว้นระยะด้านข้างให้ตู้เย็นระบายความร้อนได้สะดวกหน่อย ตู้เย็นจะอยู่ติดกับทางเปิดออกไปยังระเบียงพอดี

ทางออกระเบียงถูกกั้นด้วยธรณีก่อ สูงประมาณนี้ เวลาเดินออกไปต้องระวังสะดุดหน่อยนะครับ แต่ว่าแบบนี้ก็มั่นใจได้ว่าจะกันน้ำจากภายนอกไม่ให้ไหลเข้าห้องได้แน่นอน

ระเบียงห้องขนาดไม่ใหญ่มาก พอแค่ให้วางเครื่องซักผ้า แล้วมีพื้นที่เหลือสำหรับตากผ้าได้อีกหน่อย

คอมฯแอร์ แขวนอยู่บนผนัง และเป่าลมร้อนออกมาที่ระเบียง ไม่ได้หันออกไปด้านนอก แบบนี้คงจะทำให้ระเบียงค่อนข้างร้อน ปลูกต้นไม้ไม่ได้ ใจจริงก็อยากจะให้ระเบียงหันออกด้านนอกนะครับ แต่ว่ามันก็จะติดผนังด้านบนที่ยื่นลงมาอีกอยู่ดี ยังไงก็คงต้องแขวนไว้แบบนี้ แต่ก็คิดซะว่าทำให้ผ้าแห้งเร็วขึ้นก็แล้วกันนะครับ

ส่วนสุดท้ายของห้องจะเป็นห้องน้ำ ที่ต้องเข้าจากทางระเบียง ทางเข้าห้องน้ำมีธรณีกั้นเอาไว้ ไม่ให้น้ำจากในห้องน้ำไหลออกมาเลอะเทอะด้านนอก

ในห้องน้ำติดโคมไฟแบบโดนัทหน้าตาแบบนี้มาให้

พื้นที่ห้องน้ำค่อนข้างเล็ก แต่ก็ยัดฟังก์ชั่นมาได้ครบ 3 คืออ่างล้างหน้า โถสุขภัณฑ์ และพื้นที่อาบน้ำ ส่วนยี่ห้อสุขภัณฑ์เป็นของ In-House ทั้งหมด

ขนาดของอ่างล้างหน้าและโถสุขภัณฑ์ค่อนข้างเล็กเลยทีเดียว ถ้าเป็นคนตัวใหญ่ๆอาจจะลำบากหน่อย บริเวณผนังด้านหลังจะมีการก่อเคาน์เตอร์เล็กๆขึ้นมาเพื่อให้วางของใช้ในห้องน้ำได้

กระจกเงาในห้องน้ำติดมาให้แบบนี้ บานไม่ใหญ่มาก แต่ก็พอใช้ได้งานได้โอเค

สุดท้ายคือพื้นที่ส่วนอาบน้ำ ที่มีมาให้พอยืนอาบได้ แต่พื้นที่ไม่พอที่จะติดฉากกั้นอาบน้ำแบบที่เป็นกระจก หรือ อะคริลิค เต็มที่ก็ได้แค่ติดม่านอาบน้ำแค่นั้น

หัวก็อกน้ำของชุดฝักบัว

ที่วางสบู่ ให้มาแค่นี้เอง ใช้วางสบู่ก้อนได้อย่างเดียว

หัวฝักบัวแบบ Hand Shower ขนาดประมาณนี้ หน้าตาแบบนี้

พื้นที่อาบน้ำกั้นด้วยธรณีก่อ และใช้กระเบื้องคนละสีกันตามแบบที่เห็น

**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะครับ

***คลิกเพื่อดูรูปใหญ่ได้***

ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 3 October 2014

• Studio อาคาร B เนื้อที่ 22.70 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้น 899,000 ล้านบาท หรือประมาณ 39,600 บาท/ตร.ม.
• 1 ห้องนอน เนื้อที่ 28.35 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้น 1.189 ล้านบาท หรือประมาณ 41,940 บาท/ตร.ม.

• Fully Furnished (ทางโครงการระบุว่าเป็นโปรโมชั่นช่วง Pre-sale)
• ห้องมาตรฐานติด Wallpaper ในห้องนอนและห้องนั่งเล่น
• ฝ้าเพดานสูง 2.50 เมตร
• ห้อง Studio จอง 2,999 บาท ทำสัญญา 22,000 บาท
• ห้อง 1-Bedroom จอง 4,999 บาท ทำสัญญา 30,000 บาท
• ค่ากองทุน 350 บาทต่อตารางเมตร
• ค่าส่วนกลาง 35 บาทต่อตารางเมตรต่อเดือน

**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ครับ

เจาะลึกรวบยอด

โครงการ Plum Condo แหลมฉบังนี้มีทำเลของโครงการตั้งอยู่บนถนนเมืองใหม่กลาง ซึ่งอยู่ใกล้ทางเข้าตัวนิคมแหลมฉบังมาก ตั้งใจเจาะกลุ่มคนที่อยากจะอยู่ใกล้นิคมจริงๆ อยากจะย่นระยะในการเดินทางไปทำงาน อยู่ในระยะที่อาจจะไม่ต้องขับรถเก๋ง นั่งมอเตอร์ไซค์เข้าไปได้ หรือใช้รถรับส่งจากบริษัทเข้าไปทำงาน และนอกจากจะอยู่ใกล้ทางเข้านิคมแล้ว ก็จะมี Habour Mall เป็นห้างหลักที่อยู่ใกล้ๆ คอยอำนวยความสะดวกให้กับคนที่อาศัยอยู่ในย่านนี้ ซึ่งที่ตั้งของโครงการก็อยู่ในระยะที่สามารถเดินทางไปห้างได้สะดวก

ลักษณะของแปลงที่ดินเป็นคอนโดที่ตั้งอยู่ติดถนนใหญ่ ไม่ต้องเข้าซอยลึก ไม่เปลี่ยว เนื่องจากถนนเมืองใหม่กลางนี่ก็เป็นเส้นทางที่มีคนใช้ตลอดเวลา การเดินออกมาเรียกรถทำได้ไม่ยาก และตัวที่ดินรายล้อมไปด้วยอาคารเตี้ยๆ ทำให้ในปัจจุบันยังไม่มีอะไรขึ้นมาบังวิวของตัวคอนโด นับว่าเป็นคอนโด Low Rise ที่ได้วิวเปิดโล่งพอสมควร แต่อันนี้ถือเป็นโบนัสไป เพราะถ้าเป็นคนที่ซื้อคอนโดเพราะอยากได้วิวจริงๆ ก็ควรจะมองเป็นคอนโด High Rise ตึกสูงๆมากกว่า

ข้อเสียของทำเลตรงนี้คือ เป็นถนนที่มีรถบรรทุกวิ่งผ่านบ่อยมาก และอยู่ใกล้กับแยกไฟแดงถึงสองจุด ทำให้บางทีอาจจะเกิดมลพิษทางเสียงและทางอากาศได้ ถ้าไม่อยากเสียงดังก็ให้เลือกห้องที่อยู่ไกลจากถนนใหญ่หน่อย และจุดกลับรถหน้าโครงการค่อนข้างแคบ กลับรถไม่สะดวก และแยกที่ออกถนนสุขุมวิทรถค่อนข้างติดในช่วง Rush Hour ข้อด้อยอีกอย่างหนึ่งของทำเลตรงนี้คือ ในระยะเดินเท้า ถ้าไม่นับฮาร์เบอร์มอลล์แล้ว รอบๆโครงการจะไม่ค่อยอุดมสมบูรณ์เท่าไหร่ การจะหาร้านค้า ของกิน สิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ อาจจะต้องรอความเจริญให้เข้ามาอีกหน่อย

การเดินทางในทำเลตรงนี้เน้นการใช้นั่งรถเป็นหลัก ไม่ว่าจะขับรถ, ขี่มอเตอร์ไซค์ หรือนั่งรถรับส่งก็ตาม แต่ต้องมีรถ ไม่งั้นเดินทางเองค่อนข้างลำบาก รถประจำทางมีน้อย ส่วนใหญ่เป็นพวกมอเตอร์ไซค์รับจ้างระยะใกล้ๆมากกว่า แต่ถ้ามีรถขับก็ค่อนข้างสะดวก เพราะอยู่ติดถนนใหญ่ และอยู่ไม่ไกลจากถนนสายสำคัญๆ อย่างสุขุมวิท และถนนเมืองใหม่กลางนี่เชื่อมไปถึงมอเตอร์เวย์ได้ด้วย แต่ห่างออกไปประมาณ 8.5 กิโลเมตร ข้อเสียอย่างหนึ่งคือ โครงการให้ที่จอดรถมาน้อยไปหน่อย แค่ 21% รวมที่จอดมอเตอร์ไซค์อีก 10% ก็อาจจะยังไม่พอ ยังไงต้องบริหารจัดการดีๆครับ

ลักษณะของโครงการ Plum Condo เป็นตึก Low Rise 2 ตึก มีจำนวนยูนิต 168 และ 204 ยูนิต รวมแล้ว 372 ยูนิต เมื่อเทียบกับขนาดที่ดินราวๆ 3 ไร่กว่า และราคาของคอนโดที่จัดอยู่ในระดับ Super Economy ถือว่าสัดส่วนนี้ค่อนข้างโอเค ไม่หนาแน่นจนเกินไป แต่ละตึกจัดลิฟท์มาให้อาคารละ 2 ตัวเป็นมาตรฐาน และในหนึ่งชั้น ก็มีห้องอยู่ราวๆ 24-26 ห้อง ไม่ถึง 30 ห้องก็เป็นอันใช้ได้สำหรับคอนโดราคานี้

ด้วยความที่บริเวณรอบๆโครงการค่อนข้างแห้งแล้ง ไม่ได้มีลักษณะของความเป็นชุมชนเท่าไร ในโครงการจึงจัดให้มีร้านค้า 6 ยูนิต เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ลูกบ้าน และการที่มีร้านสะดวกซื้อรวมอยู่ด้วยก็ถือเป็นเรื่องดี แต่ก็ต้องรอดูอีกทีว่าร้านค้าที่จะมาเปิดจะเป็นร้านอะไรบ้างต่อไป

ทางด้านความปลอดภัย โดยส่วนใหญ่จัดมาเป็นมาตรฐาน คือมีกล้องวงจรปิด มีรปภ.รักษาความปลอดภัย มีระบบ Key Card Access แต่จะมีจุดที่ดีคือจะให้ลิฟท์ล็อคชั้นด้วย ซึ่งหายากในคอนโดระดับ Super Economy ก็ถือเป็นโบนัสของลูกบ้านไป

ส่วนสาธารณูปโภคต่างๆในโครงการ ก็คือจัดมาให้พอสมควร มีสระว่ายน้ำระบบคลอรีนขนาด 7×14 มีสวนสาธารณะ มีลานเอนกประสงค์ ห้องดูหนัง ห้องออกกำลังกาย และมีล็อบบี้ส่วนกลางอยู่ที่ตึก A รวมๆแล้วถ้าเทียบกับคอนโดในเกรดเดียวก็ถือว่าเหมาะสมดี ถ้าเป็นคนที่ชอบ Facilities ก็น่าจะคุ้มค่ากับราคา

สุดท้ายคือแบบห้อง จัด Layout ออกมาแบบเน้นพื้นที่ในห้องนอนและห้องนั่งเล่นเป็นหลัก ครัวขนาดค่อนข้างเล็กเพราะไม่ได้เน้นให้ทำอาหารเท่าไหร่ ส่วนห้องน้ำขนาดอาจจะเล็กไปสำหรับบางคนที่ตัวใหญ่ๆ เพราะพื้นที่ห้องนั่งเล่นที่กว้างขึ้นไปบีบให้ห้องน้ำแคบ ห้อง 22.7 ตารางเมตร เป็นห้อง Studio เหมาะกับอยู่อาศัยหนึ่งคนมากกว่า แต่ถ้าอยู่สองคนอาจจะต้องมองเป็นห้อง 1 ห้องนอน เพราะขนาดห้อง และพื้นที่ใช้สอยจะลงตัวมากกว่า

ส่วนวัสดุภายในห้องส่วนใหญ่ก็ตามมาตรฐานคอนโดในเกรดนี้ แต่มีข้อดีตรงที่ให้มาแบบ Fully Furnished แต่งครบเข้าอยู่ได้เลย สำหรับคนที่ขี้เกียจแต่งห้องก็ถือว่าคุ้มค่าครับ

Judgement

การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้

ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%

เทียบกับราคา 40,000 บาทต่อตารางเมตร, November 2014

• ทำเล 8.5/10 – ทำเลติดถนนใหญ่ ใกล้ Habour Mall ใกล้ทางเข้านิคม แต่ไม่ค่อยอุดมสมบูรณ์ รถติด เสียงดังจากรถบรรทุก
• เดินทางด้วยรถ 7/10 – ทำเลติดถนนใหญ่ ใกล้สุขุมวิท ไปมอเตอร์เวย์ง่าย แต่ที่จอดรถมีน้อย
• ไม่ใช้รถ 6/10 – เดินทางโดยไม่มีรถค่อนข้างลำบาก
• วัสดุ 7.75/10 – วัสดุส่วนใหญ่มาตรฐานตามราคา แต่ให้เป็น Fully Furnished
• แบบ 7.75/10 – ตัวคอนโดจัดมาไม่หนาแน่น เทียบกับคอนโดเกรดเดียวกันถือว่าค่อนข้างโอเค ตัวห้องจัดเฟอร์นิเจอร์ได้ค่อนข้างลงตัว แต่ห้องน้ำเล็กไปหน่อย
• สาธารณูปโภค 8/10 – เทียบกับราคานี้ ถือว่าจัดสิ่งอำนวยความสะดวกมาให้หลากหลายดี พอให้มีใช้งานได้ แต่ด้วยจำนวนยูนิตขนาดนี้ ถ้ามีคนอยู่เยอะๆอาจจะต้องแย่งกันใช้หน่อย และมีร้านค้ามาเพิ่มความอุดมสมบูรณ์ให้ด้วย

• SUPER ECONOMY CLASS
• 7.66 / 10.00

BOTTOM LINE

Plum Condo แหลมฉบัง เหมาะกับคนที่ต้องการที่อยู่อาศัยที่อยู่ใกล้กับที่ทำงานในย่านนิคมฯแหลมฉบัง ต้องการความสะดวกในการเดินทางที่มากขึ้น มีห้าง Habour Mall เป็นที่พึ่งพิงหลักในการใช้ชีวิต อาจจะเป็นคนที่มาอยู่คอนโดในช่วงวันทำงานและขับรถกลับบ้านในวันหยุด เน้นอยู่อาศัย 1-2 คน และอยากได้คอนโดที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกเยอะหน่อย มีขนาดห้องที่ไม่ต้องการการดูแลมาก ได้ห้องแต่งครบในราคาไม่เกินล้านต้นๆ 

ถ้าเห็นว่ารีวิวนี้มีประโยชน์ ช่วยกด LIKE ให้ผมหน่อยนะครับ จะได้มีกำลังใจทำรีวิวถัดๆไปครับ