รีวิวฉบับที่ 1359 … สวัสดีค่ะ วันนี้จะพาไปชมโครงการบ้านเดี่ยว บนถนนรามคำแหง กับโครงการ Parkway@Ease โครงการบ้านใหม่ล่าสุดจาก ธารารมณ์ ที่ออกแบบบ้านมาตอบโจทย์ครอบครัวที่มีผู้สูงอายุด้วยการทำฟังก์ชันห้องอเนกประสงค์ในชั้นล่างที่สามารถปรับเปลี่ยนเป็นห้องนอนผู้สูงอายุได้ รวมไปถึงการจัดฟังก์ชันห้องนอนให้สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามไลฟ์สไตล์ของเราเองด้วยการทำ Connection Room ที่จะกั้นเป็นห้องนอนเพิ่มหรือขยายพื้นที่ห้องนอนก็ได้เช่นกันค่ะ ส่วนรายละเอียดอื่นๆ จะเป็นอย่างไร เราไปอ่านรีวิวกัน
Fact @ 12 May 2017
- Parkway @ Ease (พาร์คเวย์ แอทอีซ)
- โครงการในกลุ่ม บมจ. ธารารมณ์ เอ็นเตอร์ไพรส์
- UPPER CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment บ้านได้ที่นี่)
- โครงการตั้งอยู่ในเขต : มีนบุรี ถนน รามคำแหง ซอยรามคำแหง 190/1
- บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ที่ดินมาตรฐาน 50 ตร.วา ทั้งหมด 70 ยูนิต
- Momento พื้นที่ใช้สอย 183 ตร.ม. 4 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ ราคาเริ่มต้น 6.5 ล้านบาท
- Marlow พื้นที่ใช้สอย 152 ตร.ม. 3 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ ราคาเริ่มต้น 5.99 ล้านบาท
ช่วยกันคอมเม้นท์ แบ่งปันข้อมูลกับเพื่อนๆที่กำลังหาบ้านหน่อยนะคะ
NEW! เพื่อนๆสามารถเลือกอ่านตามหัวข้อได้โดยกดปุ่มไปยังหัวข้อที่สนใจได้นะคะ
พิกัด : 13.792563, 100.732388
ทำเลโครงการตั้งอยู่บนถนนรามคำแหงช่วงปลายที่ตัดเข้ากับถนนร่มเกล้า ใกล้แยกเมืองมีน ซึ่งเป็นแยกสำคัญในย่านที่เป็นจุดต่อรถและแหล่งชุมชนที่พักอาศัยขนาดใหญ่ทำให้ย่านนี้เป็นอีกจุดศูนย์กลางหนึ่งของเส้นรามคำแหงที่มีความอุดมสมบูรณ์พอสมควรค่ะ จะเห็นได้ว่าบริเวณหน้าปากซอยโครงการอยู่ติดกับ Hyper Market ขนาดใหญ่ อย่าง Big C สุขาภิบาล 3 และ Tesco Lotus สุขาภิบาล 3 ส่วนใครที่จะซื้ออุปกรณ์ต่างๆ ในบ้านก็มาจับจ่ายได้ที่ HomePro ได้เลย สาขานี้ขนาดใหญ่ทีเดียวค่ะ เรียกได้ว่าขับรถออกมาหน้าหมู่บ้านแล้วเดินข้ามสะพานลอยไปซื้อของได้ไม่ยาก ส่วนเลยไปอีกหน่อยที่แยกเมืองมีนนั้นจะมีตลาดมีนบุรี เป็นตลาดขนาดใหญ่ในย่านนี้ ใครหาซื้อของสด ของกินราคาย่อมเยาก็ขับรถไปได้ไม่ไกลค่ะ
ส่วนทางเข้าของโครงการนั้นจะอยู่ในซอยรามคำแหง 190/1 เป็นซอยส่วนบุคคลที่แชร์ร่วมกัน (ภาระจำยอม) กับโครงการหมู่บ้านในเครือธารารมณ์ด้วยกัน รวมทั้งหมด 3 หมู่บ้านนะคะ โดยหน้าทางเข้าโครงการจะอยู่ลึกเข้าไปประมาณ 1.6 ม. จัดเป็นระยะที่เดินออกมาถนนใหญ่เหนื่อยทีเดียว เน้นขับรถเสียมากกว่านะคะ ส่วนสภาพบรรยากาศภายในซอยหมู่บ้านนี้จะเป็นอย่างไรเดี๋ยวพาไปชมกันต่อค่ะ
มาดูที่การเดินทางของโครงการ จัดว่าสะดวกสำหรับคนใช้รถส่วนตัว เพราะเป็นซอยส่วนบุคคลที่ติดกับถนนใหญ่อย่างรามคำแหง ไม่ได้เป็นซอยที่คนภายนอกใช้เป็นทางลัดต่างๆ ดังนั้นการสัญจรภายในซอยหมู่บ้านนั้นจะไม่ได้ติดขัดมากนัก และการที่ติดกับถนนใหญ่อย่างรามคำแหงนั้นก็มีตัวเลือกในการเดินทางหลากหลายเส้นทางค่ะ ตอบโจทย์กลุ่มคนเหล่านี้
- คนที่ทำงานในนิคมอุตสาหกรรมบางชัน – นิคมลาดกระบัง : สำหรับใครที่ไม่อยากอยู่ในบริเวณแหล่งอุตสาหกรรมที่มีความวุ่นวายและรถใหญ่เยอะ อยากอยู่ในแหล่งชุมชนที่อยู่อาศัยแต่ยังเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวไปทำงานที่นิคมสะดวก
- คนที่ทำงานที่สนามบินสุวรรณภูมิ : สำหรับคนที่ทำงานที่สนามบินสุวรรณภูมินั้นทำเลนี้ก็เป็นอีกตัวเลือกนึงที่น่าสนใจ เนื่องจากเดินทางง่ายและมีระยะทางประมาณ 18 กิโลเมตร ขับเข้าเส้นร่มเกล้าตรงยาวๆ ก็ถึงสนามบินแล้วค่ะ
- คนที่ทำงานเข้า-ออกเมือง : สำหรับใครที่ทำงานเข้า-ออกเมืองบ่อยๆ ก็เป็นอีกตัวเลือกนึง เพราะอยู่ไม่ไกลจากถนนกาญจนาภิเษก (วงแหวนรอบนอกฝั่งตะวันออก) ให้วิ่งไปยังรวมทั้งอยู่ไม่ไกลจากจุดตัดกับถนนสุวินทวงศ์เป็นถนนสายสำคัญที่วิ่งไปทางฉะเชิงเทรา
การเดินทางในวันนี้เราจะเริ่มต้นจากถนนรามคำแหงบริเวณ The Paseo Town สุขาภิบาล 3 ขับตรงมาเรื่อยๆ ผ่านวงแหวนรอบนอก และขับตรงขึ้นสะพานยกระดับมาจากนั้นขับตรงมาอีกจนเจอกับ Big C แล้วให้เบี่ยงซ้ายเตรียมกลับรถใต้สะพาน เมื่อกลับรถแล้วให้เริ่มชิดซ้าย เตรียมเลี้ยวซ้ายเข้าซ.รามคำแหง 190/1 จากนั้นตรงเข้ามาอีกประมาณ 1.6 กม. ก็จะเจอกับหน้าทางเข้าโครงการแล้วค่ะ
เริ่มต้นจากบนถนนรามคำแหง บริเวณ The Paseo Town ซึ่งเป็น Community Mall ในย่านนี้มีร้านอาหารแบรนด์ต่างๆ ทั้ง Mcdonald KFC Starbucks MK ให้เลือกมาฝากท้องกันได้ นอกจากนี้ก็มี Supermarket ด้านล่างอย่าง Villa Market และตลาดน้ำด้านหลังอีกด้วยค่ะ เรียกได้ว่าใครไม่อยากไปกินข้าวนอกบ้านไกลๆ ก็มาฝากท้องกันได้
ถัดจาก The Paseo Town แล้ว ติดๆ กันจะเป็น Tops Market ไว้ให้มาซื้อของใช้ ของสดกันได้เช่นกันค่ะ
ถัดมาอีกหน่อยก็มี Community Mall อย่าง Pure Place มาให้เดินเล่นกันได้เช่นเดียวค่ะ จะเห็นว่าแถบนี้ Community Mall เพียบเลย จัดว่าค่อนข้างมากเลยทีเดียว
ถัดมาอีกหน่อยเป็น Golden Place ร้านขายปลีกของประเทศไทย หนึ่งในโครงการพระราชาดำริ ส่วนใหญ่จะขายอาหารสุขภาพเป็นหลักค่ะ
จากนั้นเราจะขับตรงไปยาวๆ มุ่งหน้าไปทางมีนบุรีกันต่อนะคะ
เมื่อตรงมาสักระยะนึงแล้วจะมีสะพานลอยข้ามแยกที่ตัดกับถนนมีนพัฒนาซึ่งเป็นถนนที่เชื่อมเข้าถนนเสรีไทยค่ะ โดยเราจะมุ่งหน้าไปทางสุวินทวงศ์นะคะ
ลงสะพานลอยมาแล้ว ขับตรงมาอีกสักหน่อย จะเห็นป้าย Tesco Lotus และ Big C ขนาดใหญ่แล้ว เป็นสัญญาณให้เตรียมกลับรถได้แล้วค่ะ โดยเราควรเริ่มเบี่ยงซ้ายเพื่อไปกลับรถใต้สะพานกัน
ผ่าน Big C มาแล้วก็กลับรถได้เลยค่ะ
เมื่อกลับรถมาแล้วนะคะ ให้เบี่ยงเข้าเลนซ้ายตลอด เพราะว่าที่ตั้งโครงการอยู่ฝั่งตรงข้าม Big C เลย ดังนั้นกลับรถมาแล้วตรงมาอีกสักหน่อยก็เจอแล้วค่ะ
เดี๋ยวเราพาเข้าไปดูบรรยากาศภายในซอยธารารมณ์ หรือซอยรามคำแหง 190/1 กันนะคะ จากที่เราได้อธิบายไปก่อนหน้านี้ว่าเป็นซอยส่วนบุคคลของธารารมณ์ เนื่องจากทางธารารมณ์ได้ซื้อที่ดินไว้และทำเป็นถนนสัญจรภายใน โดยภายในซอยนี้จะมี Sport & Spa by Tararom ของด้านหน้าซอย ซึ่งเป็น Sport Club ขนาดใหญ่ที่บริหารโดยธารารมณ์เอง ไม่ได้เป็นการดูแลภายในของนิติบุคคลของโครงการ โดยนอกจากจะเปิดให้ลูกบ้านในโครงการธารารมณ์ทั้งหมดได้ใช้แล้ว (มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม) ก็จะเปิดให้คนภายนอกได้ใช้เช่นกันค่ะ
นอกจาก Sport Club ด้านหน้าแล้ว เข้ามาภายในซอยลึกอีกหน่อย จะประกอบไปด้วย โครงการทั้งหมด 3 โครงการ คือ Parkway Chalet เป็นโครงการบ้านโครงการแรกของธารารมณ์ที่ปิดการขายไปแล้ว อายุของโครงการก็ประมาณ 10 กว่าปีผ่านมาแล้วนะคะ และอีกโครงการคือ Parkway A Liv เป็นโครงการบ้านเดี่ยว 2 ชั้นเช่นเดียวกัน ซึ่งเปิดยังมีเปิดขายอยู่ สไตล์จะเป็น Modern แตกต่างจากตัวโครงการที่เราจะพาไปดูคือ Parkway@Ease ที่ออกแบบมาในสไตล์ Modern Contemporary ตำแหน่งของที่ดินโครงการนี้จะอยู่ท้ายซอยเลยค่ะ มีความลึกจากปากซอยประมาณ 1.6 กม.
ฝั่งตรงข้ามหน้าทางเข้าโครงการจะเป็น Big C, HomePro และ Tesco Lotus แต่ไม่สามารถข้ามถนนไปได้เลยนะ ต้องเดินไปขึ้นสะพานลอยอีกหน่อยไม่ไกลมากค่ะ
ฟุตบาลริมถนนกว้างขวางมากเดินได้ง่าย
บริเวณทางเข้าหน้าปากซอยกว้างขวาง เป็นถนนภาระจำยอมที่ใช้ร่วมกันทั้ง Sport Club และโครงการอีก 3 โครงการภายใน
ถัดจากหน้าปากซอยมาหน่อยก็จะเป็น Sport & Spa by Tararom จัดเป็น Sport Club ขนาดใหญ่ทีเดียวนะคะ โดยลูกบ้านที่ซื้อโครงการนั้นจะได้เป็นสมาชิกรายปีฟรี 3 ปี (ไม่รวมค่าบำรุง) โดยคิดเป็นเงินปีละ 15,000 บาท ซึ่ง 1 สิทธิ์นี้ สามารถใช้ได้ถึง 5 คน (สมาชิกในบ้าน) เสมือนเป็น Facilities ขนาดใหญ่ที่ทางโครงการให้มาโดยเราไม่จำเป็นต้องเข้ามาดูแลเอง แต่ในอนาคตเมื่อเลย 3 ปีแล้ว ใครอยากใช้ต่อก็ต้องเสียเงินค่าสมาชิกและค่าบำรุงกันต่อ แต่ถ้าใครไม่ได้ชอบใช้ Facilities อยู่แล้วก็ไม่จำเป็นต้องเสียเงินส่วนนี้ ถือว่าประหยัดค่าส่วนกลางไปเยอะนะคะ เพราะถ้าภายในโครงการเรามี Club House และเราไม่ใช้งาน อย่างไรก็ตามเราก็ต้องเสียค่าส่วนกลางในส่วนของ Club House ตลอดไปแม้เราเองจะไม่ได้ใช้งานก็ตาม
ภายใน Sport Club บริเวณด้านหน้าเค้าจะทำพื้นที่ใช้เช่น ซึ่งก็จะมีร้านค้าปลีก ร้านสะดวกซื้อ ร้านทำผม และสถาบันกวดวิชา โดยรวมค่อนข้างคึกคักนะคะ แต่บรรยากาศจะค่อนข้างเก่าหน่อย ไปตามเวลาอยู่เหมือนกัน เพราะตัว Sport Club นี้ก็อายุอานามกว่า 10 ปี พอๆ กับโครงการ Parkway Chalet โครงการแรกของธารารมณ์ที่มาเปิดในซอยนี้
อีกฝั่งเป็นโรงเรียนดนตรี ให้เด็กๆมาเรียนได้ ไม่ได้เดินทางไกล เพราะอยู่แค่หน้าปากซอยหมู่บ้านเองค่ะ
บริเวณทางเข้าส่วน Sport Club
เข้ามาภายในจะเป็นพื้นที่ Reception ด้านข้างมีที่นั่งสำหรับสมัครเรียนกีฬาต่างๆ
ถัดมาจะเป็นพื้นที่นั่งเล่น ซึ่งเค้าจะจัดชุดโซฟาและที่นั่งไว้ให้ค่ะ
ด้านข้างมีร้านอาหาร My Resort และพื้นที่ด้านหน้าเป็นร้านคาเฟ่เล็กๆ รับรองสมาชิกที่มาใช้งานส่วน Sport Club นี้ด้วยนะคะ
ถัดมาเป็น Spa ของที่นี่ บริหารโดยบริษัทในเครือของธารารมณ์เช่นเดียวกัน บรรยากาศภายในค่อนข้างดีทีเดียวค่ะ ใครอยากผ่อนคลายร่างกายก็มาใช้บริการที่นี่ได้นะ
ส่วนพื้นที่กลางแจ้งที่ติดกับ Spa นั้นจะเป็นพื้นที่สระว่ายน้ำนั่นเองค่ะ ขอบอกว่าที่นี่จัดเต็มกับสระว่ายน้ำมากๆ ฝั่งที่เป็นรูปหันเข้าไปทางด้านใน Sport Club ซึ่งจะเห็นสระว่ายน้ำเด็กที่เป็นรูป Free form ของ
หันมาอีกฝั่งเป็นสระว่ายน้ำแข่ง มีทั้งหมด 8 ลู่ด้วยกัน เป็นขนาดสระโอลิมปิกเลยค่ะ ใช้ออกกำลังกายได้ดีมากๆ ส่วนด้านข้างนั้นจะเป็นพื้นที่นั่งเล่น มีวางเก้าอี้แบบ Day Bed ไว้ให้ และอีกฝั่งจัดให้เป็น Stadium สำหรับให้ผู้ชมการแข่งขันว่ายน้ำได้ ประมาณนั้นเลย เพราะที่นี่เค้ารับจัดกิจกรรมการแข่งขันด้วยนะ
นอกจากนี้ก็มีคอร์ทแบดมินตันทั้งหมด 6 คอร์ท
และคอร์ทเทนนิสอีก 6 คอร์ทเช่นกัน ใหญ่มากจริงๆ
ขึ้นมาที่ชั้น 2 กันต่อนะคะ โดยพื้นที่ชั้น 2 ส่วนใหญ่จะเป็นพื้นที่ส่วน Fitness
เข้ามาภายในจะเจอพื้นที่ส่วนนั่งเล่นกันก่อน
ลึกเข้าไปเป็นส่วน Fitness ซึ่งมีเครื่องออกกำลังกายเยอะมากทีเดียวค่ะ
ถัดมาจะเป็นห้องสำหรับเล่นแอโรบิคและเล่นโยคะ
ภายในค่อนข้างกว้างขวางทีเดียว สามารถจุคนได้เกิน 10 คนเลยค่ะ โดยรอบติดกระจกให้ด้วย จะได้สามารถเช็คท่าทางตัวเองได้ด้วย
ภายในห้องน้ำมีพื้นที่แต่งตัวพร้อม Lockers เรียบร้อย
ห้องซาวน่าและห้องสตรีมก็มีเช่นกันนะคะ
ภายในห้องน้ำและห้องอาบน้ำให้มาเยอะทีเดียวนะคะ สามารถรับรองจำนวนคนที่มาใช้บริการได้พอสมควรเลย
ติดกับห้องน้ำนั้นจะเป็นห้องสควอชค่ะ
ภายในเป็นห้องสควอชขนาดมาตรฐาน โดยมีให้จำนวน 1 คอร์ท
ขึ้นมาที่ชั้น 3 นั้นจะเป็นสนามมวยค่ะ โดยจะใช้พื้นเป็นพื้นยาง ลดแรงกระแทกได้ระดับนึง
และสุดท้ายเป็นห้อง Cycling Studio ค่ะ
ถัดจาก Sport Club ด้านหน้าแล้ว ตรงเข้ามาอีกหน่อยก็จะมีซุ้มทางเข้าโครงการทั้ง 3 โครงการใช้ทางเข้า-ออกร่วมกันนะคะ โดยการเข้าออกนั้นจะใช้รูปแบบ Sticker ติดหน้ารถ หากไม่มี Sticker หรือเป็น Visitor มาเยี่ยมลูกบ้านนั้น รปภ.จะให้บัตรประทับตราจากลูกบ้านค่ะ
เข้ามาจะเห็นว่าบรรยากาศภายในโครงการนั้นค่อนข้างร่มรื่นทีเดียว และค่อนข้างเงียบสงบพอสมควร สำหรับถนนหลักในซอยนี้จะเป็นถนน 4 เลน มีเกาะกลางแบ่งเลนขาเข้าและขาออกเรียบร้อยดีทีเดียวค่ะ
สำหรับถนนหลักในซอยนี้จะผ่านหมู่บ้าน Parkway Chalet เข้าไปด้านในนะคะ
ขึ้นสะพานข้ามคลองกัน
ตรงมาอีกหน่อยเกือบจะถึงโครงการแล้ว จะเห็นโครงการ Parkway A Liv อยู่ฝั่งขวามือก่อน
และเข้ามาในสุดเลยเราก็จะถึงโครงการ Parkway@Ease แล้วค่ะ
สภาพแวดล้อมโดยรอบโครงการค่อนข้างเงียบสงบ เนื่องจากรายล้อมด้วยหมู่บ้านจัดสรรที่อยู่กันมานานนะคะ ส่วนด้านหลังโครงการนั้นจะยังเป็นแปลงที่ดินเปล่าส่วนบุคคลที่ยังไม่ได้พัฒนาที่ดินเป็นอะไร แต่หากจะมีการพัฒนาก็คงจะเป็นโครงการแนวราบต่อไปค่ะ
- ทิศเหนือ : โครงการบ้านเดี่ยว 2 ชั้น Parkway Chalet
- ทิศตะวันออก : คลองสอง
- ทิศใต้ : ที่ดินเปล่าส่วนบุคคล
- ทิศตะวันตก : ที่ดินเปล่าส่วนบุคคล
สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น
สถานศึกษา
- โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาน้อมเกล้า
- โรงเรียนนานาชาติร่วมฤดี
- โรงเรียนสารสาสน์วิเทศร่มเกล้า
- มหาวิทยาลัยเกษมบัณฑิต วิทยาเขตร่มเกล้า
- สถาบันพัฒนบริหารศาสตร์ (NIDA)
โรงพยาบาล
- โรงพยาบาลการุญเวช
- โรงพยาบาลเวชธานี
- โรงพยาบาลสินแพทย์
- โรงพยาบาลนวมินทร์
ห้างสรรพสินค้า, Hyper Market, Community Mall
- Tesco Lotus สุขาภิบาล 3
- HomPro สุขาภิบาล 3
- Big C สุขาภิบาล 3
- Tesco Lotus มีนบุรี
- Big C ร่มเกล้า
- Golden Place
- Pure Place
- The Paseo Town
- Fashion Island
- The Promenade
- Amorini
Parkway@Ease โครงการบ้านเดี่ยว 2 ชั้น จำนวน 70 ยูนิต บนเนื้อที่ดินโครงการทั้งหมดประมาณ 15 ไร่ โดยลักษณะการวางผังโครงการจะค่อนข้างเรียบง่าย โดยใช้วิธีการจัดวางผังแบบ Main Ring Road หรือถนนหลักวนรอบโครงการ ไม่มีซอยย่อย เพื่อให้การจัดวางบ้านติดถนนหลักทุกหลัง และการสัญจรภายในคล่องตัว ดูแลความปลอดภัยได้ง่ายมากขึ้น ส่วนพื้นที่ส่วนกลางนั้นจะอยู่ติดคลองสอง เป็นสวนหย่อมขนาด 208.2 ตร.วา สำหรับให้เด็กไปวิ่งเล่นกันได้ หรือจะพาน้องหมาออกมาเดินเล่นได้เช่นกันค่ะ
ตำแหน่งของทิศทางหน้าบ้านนั้นถูกวางอยู่ในทิศตะวันตกเฉียงเหนือและทิศตะวันออกเฉียงใต้ โดยข้อดีของบ้านที่หันค่อนไปทางทิศเหนือนั้นคือเรื่องของแดด ที่หน้าบ้านนั้นจะไม่โดนแดดในช่วงบ่ายซึ่งเป็นแดดแรงเท่าไหร่นัก ส่วนบ้านที่หันหน้าค่อนไปทางทิศใต้นั้น ข้อดีคือทิศทางลมที่พัดผ่านเข้าบริเวณหน้าบ้านได้ดีนั่นเองค่ะ ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับลูกบ้านว่าพิจารณาเรื่องแดดหรือลมเป็นสำคัญนะคะ
บริเวณหน้าโครงการ จะแบ่งออกเป็น 2 ฝั่งแยกทางเข้าและทางออก ด้วยป้อมรปภ.ตรงกลาง เพื่อที่จะสามารถดูแลรถได้ทั้ง 2 ฝั่ง โดยในโครงการจะใช้ระบบเข้า-ออก แบบ Sticker เช่นเดียวกับทางเข้า-ออกหลักด้านหน้าสุดนะคะ การที่ทำทางเข้า-ออกโครงการอีกชั้นแบบนี้ จะเสมือนกับได้ Double Gate โดยประตูแรกนั้นจะกรองลูกบ้านเฉพาะใน 3 โครงการนี้ และประตูถัดมาที่เป็นประตูโครงการก็จะกรองเฉพาะลูกบ้านในโครงการเท่านั้น
เข้ามาภายในแบ่งออกเป็น 2 ถนนหลักภายใน ซึ่งมีความกว้างประมาณ 9 ม. แบ่งเป็น 2 เลนสวนกันได้สบาย รวมทั้งให้รถถอยเข้า-ออกได้ง่ายด้วยค่ะ
หากขับตรงไปแล้วเลี้ยวซ้ายก็จะเป็นถนนหลักอีกเส้นที่เป็นคู่ขนานกัน แต่ตอนนี้ยังอยู่ในระหว่างก่อสร้าง ดังนั้นเราจะพาเดินแค่บางส่วนนะคะ
ถนนหลักเป็นถนนคอนกรีตเสริมเหล็กมาตรฐาน ส่วนด้านข้างมีทำฟุตบาทให้กว้างพอสมควร สามารถเดินได้จริง และปลูกหญ้าเล็กๆ บริเวณหน้าบ้านในเป็นมาตรฐานทุกหลัง ดูมีพื้นที่สีเขียวเพิ่มขึ้น
อีกมุมมองหนึ่งภายในโครงการค่ะ
สิ่งอำนวยความสะดวก
- สวนสาธารณะ ขนาด 208.2 ตร.วา
- ระบบ CCTV รอบโครงการ
- รั้วรอบโครงการสูง 2 ม.
- เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย 24 ชั่วโมง
- ถนนหลักกว้าง 12 ม. และถนนภายในกว้าง 9 ม.
บ้านตัวอย่างที่เราจะพาไปดูวันนี้คือบ้าน Momento พื้นที่ใช้สอย 183 ตร.ม. ภายในประกอบไปด้วย 4 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ และ 2 ที่จอดรถ จัดเป็นบ้านขนาดกลางที่สามารถรองรับสมาชิกในบ้านได้ถึง 5 คน ลักษณะของตัวบ้านออกแบบมาในสไตล์ Modern Contemporary เป็นรูปแบบผสมผสานระหว่างรูปแบบสมัยใหม่ที่เน้นใช้โทนสีเรียบง่าย อย่างครีม-น้ำตาล-เทา และเน้นกระจกค่อนข้างเยอะเพื่อให้ตัวบ้านดูโปร่งโล่ง ผสมกับ Contemporary หรือรูปแบบเก่าที่เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมของประเทศไทย อย่างหลังคาทรง Hip หรือเป็นหลังคายกสูง เพื่อให้ตัวบ้านเย็นขึ้น เพราะมีพื้นที่ว่างของหลังคามากขึ้น ทำให้สามารถระบายอากาศได้ดีกว่าหลังคาชนิดอื่นๆ เช่น Flat หรือ Lean
มาดูแปลนบ้านกันก่อนที่จะเข้าสู่ภายในตัวบ้านกันนะคะ สำหรับชั้นล่างเริ่มจากพื้นที่จอดรถสามารถจอดได้ 2 คัน แบบพอดีๆ นะคะ ด้วยความกว้างอยู่ที่ 5 ม. ประตูทางเข้าบ้านบริเวณหน้าบ้านจะมี 2 ทาง คือจากที่จอดรถเลย กับประตูทางเข้าส่วนพื้นที่รับแขกค่ะ เมื่อเข้ามาภายในบ้านจะเป็นพื้นที่ Common Area ก่อน ซึ่งจะเป็นพื้นที่ส่วนรับแขก/นั่งเล่นที่เชื่อมต่อกับพื้นที่รับประทานอาหาร ส่วนอีกฝั่งนึงภายในบ้านที่ติดกับพื้นที่จอดรถนั้นจะเป็นห้องอเนกประสงค์ค่ะ ซึ่งลูกบ้านสามารถจัดห้องนี้เป็นห้องนอนผู้สูงอายุได้ ซึ่งข้อดีคือผู้สูงอายุไม่จ้องเดินขึ้น-ลงชั้นบน ซึ่งเดินค่อนข้างลำบาก หรือครอบครัวไหนไม่มีสมาชิกในบ้านเป็นผู้สูงอายุก็สามารถจัดเป็นห้องอื่นๆ ได้ เช่น ห้องทำงาน
โซนด้านหลังบ้านจะเป็นส่วนครัว ซึ่งมีการกั้นพื้นที่ด้วยประตูบานเลื่อนกระจกให้เรียบร้อย สามารถทำอาหารหนักได้ดี ไม่มีกลิ่นอาหารฟุ้งมารบกวนภายในบ้าน และอีกด้านติดกับห้องนอนผู้สูงอายุจะเป็นส่วนของห้องน้ำในชั้นล่างที่มีพื้นที่อาบน้ำให้เรียบร้อยรวมทั้งถูกออกแบบให้เป็นห้องน้ำที่ไม่ลดระดับพื้น เพื่อที่ผู้สูงอายุสามารถเดินได้ง่ายไม่สะดุด
ประตูหน้าบ้านใช้เป็นประตูบานเลื่อนเหล็กพ่นสีดำมาตรฐาน ความสูง 2 ม. ด้านข้างติดตั้งกริ่งให้เรียบร้อยค่ะ
บริเวณหน้าบ้านฝั่งซ้ายจะเป็นทางเข้าไปยังส่วนพื้นที่รับแขก/นั่งเล่น และฝั่งขวาเป็นพื้นที่จอดรถค่ะ ก่อนจะเข้าสู่ภายในตัวบ้านเดี๋ยวเราไปดูพื้นที่รอบข้างบ้านกันก่อนนะคะ
ด้านข้างบ้านนั้นจะมีพื้นที่ดินเหลือไม่มากนักนะคะ เนื่องจากโครงการเน้นการออกแบบตัวบ้านแบบคับที่ดิน เพื่อให้ได้ใช้พื้นที่ใช้สอยภายในบ้านให้ได้มากที่สุด ดังนั้นก็จะเหลือพื้นที่ด้านข้างไม่มากเท่าไหร่นะคะ
ด้านข้างบ้าน บริเวณห้องอเนกประสงค์/ห้องนอนผู้สูงอายุ จะมีเฉลียงให้ออกมานั่งเล่นได้ เป็นพื้นที่ Outdoor เล็กๆ สามารถวางโต๊ะเก้าอี้แบบ Outdoor มานั่งเล่นชิบชากาแฟชิลๆ ได้
ด้านหลังบ้านจะมีพื้นที่ส่วนลานซักล้างที่ได้เป็นพื้นคอนกรีตเสริมเหล็ก นอกนั้นจะปูหญ้าให้เป็นมาตรฐานทุกหลังค่ะ
ส่วนรอบรั้วตัวบ้านนั้นสูง 2 ม. จัดว่าไม่สูงมากนัก
อีกฝั่งหนึ่งมีความกว้างของพื้นที่ใกล้เคียงกับฝั่งตรงข้าม สามารถทำพื้นที่ Outdoor เล็กๆ ได้เช่นกัน
มาที่บริเวณหน้าบ้านทำเฉลียงขนาดกะทัดรัดพร้อมกับทำกันสาดไว้ด้านบนเฉลียงแบบนี้เพื่อช่วยกันแดดกันฝนได้ระดับนึง ด้านข้างมี Low Wall เล็กๆ ใช้เป็นที่นั่งใส่รองเท้าได้ ส่วนประตูทางเข้าบ้านใช้วัสดุเป็นไม้จริง ลักษณะเป็นประตูบานใหญ่ด้านนึงและบานเล็กอีกด้านนึง การใช้งานเข้า-ออกปกติสามารถเปิดประตูบานใหญ่บานเดียวได้เลย เฉพาะบางครั้งที่ต้องขนของขนาดใหญ่ค่อยเปินบานเล็กเพื่อให้ความกว้างของประตูกว้างเพิ่ม
บริเวณพื้นที่จอดรถมีขนาด 5 x 3.8 ม. สามารถจอดรถได้ 2 คันแบบพอดีๆ โดยโครงสร้างพื้นของที่จอดรถจะใช้เป็นพื้น Slab on Beam หรือพื้นคอนกรีตเสริมเหล็กที่มีฐานรากอยู่ด้านล่าง ข้อดีคือเรื่องของความแข็งแรง รับน้ำหนักรถได้ดี ไม่ทรุดตัวเท่ากับพื้นคอนกรีตเสริมเหล็กที่ไม่มีฐานรากอยู่ด้านล่าง (Slab on Ground)
ส่วนประตูทางเข้าบ้านจากบริเวณพื้นที่จอดรถนั้นจะเป็นประตูสำเร็จรูปมาตรฐานค่ะ และมีขั้นบันไดยกขึ้นมาให้ขั้นนึงเนื่องจากระดับพื้นภายในบ้านถูกยกสูงจากพื้นที่จอดรถขึ้นมาพอสมควร ซึ่งข้อดีคือเวลาน้ำท่วมหรือน้ำขังก็ยังไม่เข้าสู่ตัวบ้าน
เข้ามายังภายในบ้านจากส่วนที่จอดรถนะคะ จะเจอส่วน Common Area ก่อน โดยพื้นชั้นล่างนี้จะปูด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้ขนาด 30 x 30 ซม. ทั้งหมดค่ะ
หันมาทางซ้ายจะเป็นพื้นที่รับประทานอาหารที่เชื่อมต่อพื้นที่นั่งเล่น/รับแขกบริเวณหน้าบ้าน โดยพื้นที่รับประทานอาหารนี้มีขนาดประมาณ 5 x 2.4 ม. สามารถวางโต๊ะรับประทานอาหารขนาด 4 ที่นั่งได้กำลังดี ด้านข้างได้ประตูบานเลื่อนกระจกช่วยให้แสงธรรมชาติเข้ามาด้านในได้ดี ทำให้ภายในดูโปร่งโล่งมากขึ้น แล้วยังสามารถเชื่อมกับบริเวณพื้นที่ Outdoor ด้านนอกได้
ถัดมาเป็นพื้นที่นั่งเล่น/รับแขก ที่อยู่บริเวณหน้าบ้านนะคะ ขนาดพื้นที่อยู่ที่ประมาณ 3.6 x 3.1 ม. สามารถวางชุดโซฟาขนาดใหญ่ 3 ที่นั่งได้สบาย ด้านข้างบ้านและหน้าบ้านได้หน้าต่างบานเลื่อนขนาดใหญ่ ช่วยให้ภายในบ้านโปร่งโล่งมากขึ้น เพราะได้แสงสว่างจากภายนอกเข้ามาได้ดี
บริเวณที่ติดกับหน้าต่างหน้าบ้านนั้นจะได้เป็นกระจกเข้ามุมด้วยนะคะ เพิ่มช่องแสงให้แสงเข้ามาได้ดีขึ้น และมีพื้นที่เล็กๆ ที่สามารถเพิ่มพื้นที่โซฟาให้เยอะมากขึ้นได้ เผื่อใครอยากนอนอ่านหนังสือเล่นๆ ได้อีกเช่นกัน
ฝั่งตรงข้ามเป็นผนังสำหรับแขวนทีวีค่ะ ซึ่งระยะห่างระหว่างทีวีและโซฟาอยู่ที่ประมาณ 2.7 ม. เหมาะกับแขวนทีวีขนาดประมาณ 50″-60″ นิ้วได้กำลังดีกับระยะสายตา
หันกลับไปบริเวณพื้นที่รับประทานอาหารกันอีกรอบนะคะ บริเวณด้านหลังของพื้นที่รับประทานอาหารนั้นจะเป็นส่วนครัวค่ะ เดี๋ยวเราไปดูกัน
พื้นที่ส่วนครัวนี้ถูกกั้นด้วยประตูบานเลื่อนกระจกแบบ 2 ตอน ซึ่งจะได้เป็นมาตรฐานของบ้าน Type Memoto ทุกหลังนะคะ ข้อดีคือพื้นที่ครัวเป็นสัดส่วนชัดเจน สามารถทำอาหารหนักได้ดี ไม่มีกลิ่นอาหารฟุ้งเข้ามาภายในตัวบ้าน
บริเวณพื้นที่ครัวนั้นมีขนาดประมาณ 3 x 2.8 ตร.ม. ซึ่งในบ้านมาตรฐานจะไม่ได้ให้ชุดครัวภายในมานะคะ เพียงแต่มีการเดินท่อ และระบบไฟให้เรียบร้อย ลูกบ้านสามารถออกแบบชุดครัวต่างๆ เองได้ตามไลฟ์สไตล์ของตัวเองเลย
อย่างบ้านตัวอย่างนั้นมีการจัด Pantry ไว้ให้ดูเป็นตัวอย่าง
อย่างด้านข้างของส่วนครัวนั้นจะได้หน้าต่างบานเลื่อน เพื่อให้สามารถระบายอากาศภายในครัวได้ เหมาะกับการวางตำแหน่ง Sink ล้างจานเนื่องจากเป็นบริเวณที่มีความชื้นมากกว่าพื้นที่อื่นๆ หากอยู่ติดกับส่วนหน้าต่างนั้นจะช่วยให้สามารถระบายความชื้นได้ดีมากขึ้นค่ะ
อีกฝั่งหนึ่งนั้นจะเหมาะกับการวางตู้เย็นและเป็นพื้นที่เตาซึ่งติดกับหน้าต่างบานเลื่อนส่วนหลังบ้าน ในส่วนที่เป็นพื้นที่เตานั้น แนะนำให้กรุกระจกหรือกระเบื้องบริเวณผนังด้วยนะคะ เพื่อที่จะสามารถทำความสะอาดได้ง่ายขึ้น เพราะเป็นตำแหน่งที่เลอะอาหารหรือน้ำมันได้ง่าย หากไม่กรุกระเบื้องหรือกระจกนั้นจะทำให้ผนังที่ทาสีฉาบเรียบปกติเป็นคราบง่ายและทำความสะอาดค่อนข้างยาก
มาที่ด้านหลังบ้านกันบ้างนะคะ บริเวณนี้จะมีประตูออกไปยังลานซักล้างด้านหลังที่เราพาไปเดินรอบบ้านดูกันมาแล้ว
ถัดมาอีกด้านของบ้านจะเป็นส่วนห้องอเนกประสงค์และห้องน้ำในชั้นล่างค่ะ
ภายในห้องอเนกประสงค์นี้มีขนาดพื้นที่ประมาณ 2.7 x 3.6 ม. ซึ่งสามารถจัดวางฟังก์ชันได้หลากหลาย เพราะขนาดพื้นที่ไม่ได้เล็กมากนัก ซึ่งทางโครงการออกแบบให้ห้องนี้สามารถปรับเป็นห้องนอนผู้สูงอายุได้ หรือจะทำเป็นห้องนอนเด็ก หรือห้องทำงานก็ได้เช่นกันนะคะ
ภายในห้องได้หน้าต่างและประตูบานเลื่อนกระจกขนาดใหญ่ทำให้ภายในตัวห้องโปร่งโล่งมากขึ้นและระบายอากาศวภายในห้องนอนได้ดี
อีกฝั่งที่อยู่ภายในบ้านก็ได้กระจกบาน Fixed เช่นเดียวกัน ซึ่งอย่างที่บอกว่าข้อดีคือความโปร่งโล่งเพราะมีช่องเปิดรับพื้นที่แสงเยอะ แต่ในขณะเดียวกันนั้นก็แลกมากับความเป็นส่วนตัวภายในห้องนี้เช่นเดียวกัน ซึ่งหากใช้เป็นห้องทำงานนั้นก็ไม่ได้ต้องการพื้นที่ส่วนตัวเท่าไหร่ แต่หากเป็นห้องนอนนั้นอาจจะต้องติดม่านเพิ่มเติมเพื่อเพิ่มความเป็นส่วนตัวให้กับเจ้าของห้องนะคะ
ในห้องเดียวกันนี้มีการจัดพื้นที่ให้ดูว่าสามารถจัดได้หลายฟังก์ชัน ซึ่งสามารถจัดเป็นห้องนอนผู้สูงอายุได้ โดยสามารถวางเตียงขนาด Single Bed และยังเหลือพื้นที่ด้านข้างให้วางโต๊ะขนาดเล็กได้
ส่วนห้องน้ำในชั้นล่างนี้จะได้เป็นห้องน้ำที่มีพื้นที่อาบน้ำด้วยเพื่อรองรับคนที่อยู่ห้องนอนชั้นล่าง
ระดับพื้นห้องน้ำอยู่ในระดับที่เท่ากับพื้นด้านนอกเลย ซึ่งจะค่อนข้างแตกต่างกับบ้านทั่วไปที่จะมีการลดระดับพื้นห้องน้ำลงมาเล็กน้อยเพื่อกันน้ำไหลย้อนแบบปกติ แต่ที่นี่ใช้พื้นระดับเดียวกัน เพราะออกแบบให้ผู้สูงอายุใช้งานได้ง่ายมากขึ้น โดยใช้หลัก Universal Design ให้การออกแบบ และตอบโจทย์ปัญหาเรื่องการระบายน้ำสำหรับระดับพื้นที่เท่ากัน ไม่ให้น้ำไหลออกมาด้านนอกด้วยวิธี ติดรางระบายน้ำอยู่บริเวณหน้าทางเข้าห้องน้ำอีกหนึ่งจุด
บริเวณพื้นที่อ่างล้างมือมีการทำ Low Wall ให้วางของได้และติดกระจกเงาให้เรียบร้อยค่ะ ขนาดของอ่างล้างมือกำลังดีในการใช้งาน ไม่เล็กจนเกินไป
ถัดมาเป็นพื้นที่ของโถสุขภัณฑ์ จากยี่ห้อ American Standard
และด้านในเป็นพื้นที่อาบน้ำค่ะ ซึ่งจะให้ฉากกั้นกระจกมาในบ้านมาตรฐานทุกหลัง หน้าตาตามบ้านตัวอย่างเลย ทำให้กั้นพื้นที่โซนเปียกและโซนแห้งได้เป็นสัดส่วนมากขึ้น
พื้นบริเวณพื้นที่อาบน้ำนั้นจะถูกลดระดับลงมาเล็กน้อย ซึ่งจริงๆ แล้วถ้าออกแบบให้เป็นห้องน้ำสำหรับผู้สูงอายุเลย ก็ควรจะได้ไม่มีพื้นที่ส่วนไหนในห้องน้ำมีพื้นต่างระดับเลยนะคะ จะได้ใช้งานได้ง่ายจริงๆ ส่วนในเรื่องของขนาดพื้นที่ถือว่าให้มาเยอะพอสมควรนะ อาบน้ำได้สบายเลยค่ะ
ได้ฝักบัวสายอ่อนจาก American Standard พร้อมที่วางสบู่ด้านข้าง ส่วนด้านบนนั้นมีการเจรียมงานระบบท่อต่างๆ ไว้ให้รองรับการติดเครื่องทำน้ำอุ่นเรียบร้อยค่ะ
หน้าฝักบัวได้ขนาดใหญ่พอสมควร มือจับแข็งแรงและจับได้ถนัดมือดีค่ะ
ถัดมาที่ส่วนโถงบันไดนั้น จะมีพื้นที่เก็บของอยู่ด้านใต้โถงบันไดด้วยนะคะ เพื่อให้สามารถใช้พื้นที่ใช้สอยได้เต็มที่ทั้งหมด
ส่วนลักษณะบันไดเป็นบันไดแบบพับผ้า หรือรูปตัว U พื้นลูกนอนใช้วัสดุเป็นไม้แท้ประสานแล้วปิดผิวด้วยสีย้อมไม้มาตรฐานถือว่าให้วัสดุมาดีระดับนึงนะคะ ส่วนข้อด้อยของบันไดของบ้าน Type นี้จะเป็นส่วนของชานพัก ที่ไม่ได้มีชานพักชัดเจน แต่จะหั่นออกมาเป็นขั้นบันได 3 เหลี่ยม ทำให้เดินได้ลำบากขึ้นมาอีกหน่อย เพราะไม่มีพื้นที่ให้พักเท้า แต่ด้วยความสูงของฝ้าเพดานในชั้นบนที่ให้มาไม่เตี้ยมาก จึงทำให้ต้องมีการเพิ่มขั้นบันไดมากขึ้นตามไปด้วยนั่นเองค่ะ
ส่วนบริเวณโถงบันไดค่อนข้างสว่างทีเดียวเนื่องจากได้กระจกและหน้าต่างบานกระทุ้งนั่นเอง ถือเป็นข้อดีทีเดียวค่ะ
ขึ้นมาที่ชั้น 2 จะเป็นส่วนโถงทางเดินแจกไปยังห้องต่างๆ โดยในชั้นบนนี้จะประกอบไปด้วยห้องนอนเล็ก ห้องนอนกลาง ห้องน้ำใช้ร่วมกัน และห้อง Master Bedroom ที่มีห้องน้ำภายในตัว
มาที่ห้องนอนเล็กกันก่อนนะคะ ขนาดห้องนอนอยู่ที่ประมาณ 3 x 3.2 ม. สามารถวางเตียงขนาด 3.5 ฟุตได้กำลังดี หรือใครชอบขนาดเตียงใหญ่ไว้นอนกลิ้งๆ ได้ก็สามารถวางเตียงขนาด 5 ฟุตได้นะคะ แต่ก็ต้องแลกมากับพื้นที่ด้านข้างเตียงที่หายไปนะ
หาวางเตียงขนาด 3.5 ฟุต นั้นก็จะมีพื้นที่ด้านข้างติดกับหน้าต่างบานกระทุ้ง ไว้สำหรับวางโต๊ะเครื่องสำอางค์หรือโต๊ะทำงานเล็กๆ ได้ค่ะ
บริเวณปลายเตียงเป็นพื้นที่สำหรับวางตู้เสื้อผ้า
มาดูที่ห้องน้ำที่ใช้ร่วมกัน ระหว่างห้องนอนเล็กและห้องนอนกลางกันนะคะ พื้นที่ภายในมีการจัดวางสุขภัณฑ์เหมือนกับห้องน้ำในชั้นล่างเลยค่ะ และแยกส่วนเปียกและส่วนแห้งเป็นสัดส่วนเช่นเดียวกัน
บริเวณอ่างล้างมือได้ Low Wall ด้านหลังอ่างเช่นเดิม สำหรับวางของได้
บริเวณพื้นที่โถสุขภัณฑ์มีความกว้างประมาณ 1.2 ม. ถือว่ากว้างพอสมควรนะคะ นั่งได้สบายๆ ด้านข้างสามารถวางชั้นวางเล็กๆ ได้
ถัดมาคือพื้นที่อาบน้ำนะคะ บริเวณนี้มีหน้าต่างบานกระทุ้งด้านบนให้ระบายอากาศและความชื้นได้ดีทีเดียวค่ะ
เข้ามาส่วนห้องนอนใหญ่ หรือ Master Bedroom กันต่อนะคะ โดยตำแหน่งของห้อง Master Bedroom นี้จะอยู่บริเวณหน้าบ้านค่ะ ขนาดพื้นที่ 6 x 3.9 ม. ถือว่ากว้างขวางพอสมควรเลยทีเดียว
ภายในสามารถแบ่งพื้นที่ได้ทั้งหมด 3 โซนด้วยกัน เริ่มจากพื้นที่เตียงนอนกันก่อน สามารถวางเตียงขนาดใหญ่ 5 – 6 ฟุตได้สบายๆ ด้านข้างก็ยังเหลือพื้นที่ให้จัดฟังก์ชันเป็นโต๊ะทำงานได้ด้วยนะ
อีกฝั่งของเตียงมีพื้นที่ติดหน้าต่างบานเลื่อนให้สามารถจัดมุมโซฟาเล็กๆ ไว้นอนอ่านหนังสือ หรือจะวางโต๊ะทำงานขนาดเล็กก็ได้เช่นกัน
ถัดมาบริเวณกลางห้อง ด้วยความที่พื้นที่เหลือค่อนข้างเยอะเลย เพราะตัวห้องยาวพอสมควร จึงสามารถจัดพื้นที่นั่งเล่นดูทีวีได้ด้วยเช่นกัน สามารถวางชุดโซฟาขนาด 2 ที่นั่งได้เลยค่ะ
ด้านข้างมีประตูบานเลื่อนกระจกออกไปยังระเบียงหน้าบ้านนะคะ
ขนาดพื้นที่ระเบียงอยู่ที่ 4.9 x 1 ม. ด้วยความกว้างไม่มากนักก็จึงสามารถใช้ฟังก์ชันระเบียงเป็นพื้นที่ยืนชมวิวได้เล็กน้อย ส่วนใหญ่นั้นออกแบบมาเพื่อให้สามารถจัดไม้กระถางเล็กๆ ได้ หรือมายืนรับลมเล่นๆ แต่ไม่สามารถวางเก้าอี้แบบ Outdoor ออกมานั่งเล่นได้ขนาดนั้นนะคะ
ราวกันตกใช้เป็นกระจกนิรภัยด้วย ดูสวยงามทีเดียวค่ะ
ถัดมาเป็นโซน Walk in Closet ซึ่งมีขนาดประมาณ 1.9 x 1.6 ม. ซึ่งสามารถ Built-in ตู้เสื้อผ้าได้ถึง 2 ตู้นะคะ หรือจะทำเหมือนบ้านตัวอย่างก็ได้คือ Built-in ตู้เสื้อผ้า 1 และวางโต๊ะเครื่องแป้งอีก 1 จุด
ด้านข้างโต๊ะเครื่องแป้งเป็นประตูบานเลื่อนที่เชื่อมกับห้องนอนกลางนะคะ เรียกว่าเป็น Connect Room ได้เช่นเดียวกัน ซึ่งข้อดีของห้อง Connect Room แบบนี้คือ หากเรามีสมาชิกในบ้านไม่มากนัก เราสามารถปรับพื้นที่ห้องนอนเล็กนี้เป็นพื้นที่อเนกประสงค์เพิ่มเติมที่เชื่อมกับห้องนอนใหญ่ได้เลย เช่น สาวๆ คนไหนชอบแต่งตัว ก็สามารถจัดเป็นห้องแต่งตัวขนาดใหญ่ได้เลย หรือจะจัดเป็นห้องทำงานขนาดใหญ่ได้เช่นกันค่ะ และเป็นอีกตัวเลือกสำหรับทำห้องนอนกลางเป็นห้องนอนของลูกๆ ตัวเล็กๆ การได้ห้องแบบ Connect Room ก็ทำให้เข้าถึงเด็กๆ ได้ง่ายมากขึ้นเช่นกันค่ะ
ขนาดพื้นที่ห้องนอนกลางอยู่ที่ 2.7 x 4.3 ม. สามารถวางเตียงขนาด Single Bed ได้กำลังดีค่ะ
ส่วนด้านข้างนั้นเป็นประตูที่เชื่อมกับส่วนโถงทางเดินด้านนอกค่ะ
มาดูที่ห้องน้ำในห้อง Master Bedroom กันต่อนะคะ ลักษณะการจัดวางเหมือนห้องน้ำทั้ง 2 ห้องที่ผ่านมาเลย
มีแตกต่างเล็กน้อยตรงบริเวณอ่างล้างมือและด้านหลังโถสุขภัณฑ์ที่ได้พื้นที่เชื่อมต่อกัน สามารถวางของได้พอสมควรเลยค่ะ ^^
**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ
และแบบบ้านใหม่ของโครงการที่อยู่ในระหว่างการก่อสร้างทั้งบ้านตัวอย่างและบ้านมาตรฐาน กำลังจะเปิดขายในเร็วๆ นี้คือ บ้าน Type Marlow มีขนาดกะทัดรัดมากขึ้นจากบ้าน Type Memoto นะคะ โดยมีขนาดพื้นที่ใช้สอยอยู่ที่ 153 ตร.ม. ประกอบด้วย 3 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถค่ะ เหมาะกับครอบครัวขนาดเล็ก มีสมาชิกในบ้านประมาณ 3-4 คน
ชั้นล่าง : ได้ฟังก์ชันต่างๆ ครบครัน ทั้งพื้นที่นั่งเล่น พื้นที่รับประทานอาหารสำหรับ 4-6 ที่นั่ง พร้อมกับเชื่อมต่อกับเฉลียง Outdoor ภายนอก รวมทั้งด้านข้างมีครัวปิดเรียบร้อยให้ทำอาหารหนักได้ดี แต่จะแตกต่างจากบ้านหลังแรกตรงที่ไม่มีห้องอเนกประสงค์ สำหรับจัดเป็นห้องนอนผู้สูงอายุแล้ว
ชั้นบน : เป็นชั้นห้องนอนทั้ง 3 ห้อง โดยตำแหน่งห้องนอนใหญ่จะอยู่บริเวณหน้าบ้านยาวไปถึงด้านหลังบ้าน แบ่งเป็น 2 โซนคือพื้นที่เตียงนอนและ Walk in Closet แต่ไม่ได้มีห้องน้ำในตัวเหมือนบ้านหลังแรกนะคะ จะให้ห้องน้ำร่วมกับห้องนอนเล็กอีก 2 ห้อง ส่วนห้องนอนเล็กอีก 2 ห้องนั้นมีขนาดกะทัดรัด เหมาะกับวางเตียงขนาด 3.5 ฟุต (Single Bed) จะกำลังพอดีกับขนาดห้องค่ะ
ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 12 May 2017
- Momento แปลง P36 พื้นที่ใช้สอย 183 ตร.ม. ที่ดิน 50.6 ตร.วา ราคา 6.904 ล้านบาท (ราคาพิเศษ 6.5 ล้านบาท)
- Momento แปลง P5 พื้นที่ใช้สอย 183 ตร.ม. ที่ดิน 52.1 ตร.วา ราคา 6.989 ล้านบาท (ราคาพิเศษ 6.58 ล้านบาท)
- จอง 20,000 บาท
- ทำสัญญา 5% ของราคาบ้าน
- ค่าส่วนกลาง 40 บาท/ตร.วา/เดือน จัดเก็บล่วงหน้า 3 ปี
- ค่าจดจำนอง ผู้ซื้อเป็นผู้ชำระ
- ค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายในการโอนกรรมสิทธิ์ ผู้ซื้อแล้วผู้ขายชำระฝ่ายละครึ่ง
- ค่าประกัน มิเตอร์ไฟฟ้า ประปา ผู้ซื้อเป็นผู้ชำระ
- ฟรี ค่าธรรมเนียมสมาชิก VIP Sports & Spa นาน 3 ปี (ชำระรายเดือนตามเงื่อนไขของ Sport Club)
**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ
โครงการ Parkway@Ease เป็นโครงบ้านเดี่ยว 2 ชั้น จากธารารมณ์ ที่ตั้งอยู่ภายในซอยรามคำแหง 190/1 ซึ่งจัดอยู่ในช่วงตอนปลายของถนนรามคำแหง ใกล้แยกมีนบุรี จุดตัดกับถนนร่มเกล้า รามอินทรา เสรีไทย เป็นทำเลที่ตอบโจทย์กลุ่มครอบครัวที่ทำงานแถบนิคมอุตสหกรรมทั้งแถวลาดกระบังและบางชัน ไม่ต้องการอยู่ในย่านอุตสาหกรรม รถใหญ่วิ่งเยอะ แต่ต้องการอยู่ในย่านใกล้กับที่ทำงาน เดินทางสะดวก และอยู่ในแหล่งความอุดมสมบูรณ์ หรือทำงานแถบย่านสนามบินสุวรรณภูมิก็เดินทางสะดวกเช่นกัน
ทำเล – ทำเลโครงการจัดว่าอยู่ในโซนที่มีความคึกคักและความอุดมสมบูรณ์ของถนนรามคำแหงช่วงปลาย โดยอยู่ฝั่งตรงข้ามกับ Big C, HomePro, Tesco Lotus Hyper Market ขนาดใหญ่ และไม่ไกลกับตลาดมีนบุรี ตลาดขนาดใหญ่ในย่านนี้ ส่วนที่ตั้งโครงการนั้นอยู่ในซอยรามคำแหง 190/1 ซึ่งเป็นถนนภาระจำยอมใช้ร่วมกับโครงการหมู่บ้านในเครือธารารมณ์อีก 2 โครงการ ทำให้ความเป็นส่วนตัวในโครงการเลยนั้นจะลดน้อยลงไป แต่โดยรวมแล้วบรรยากาศภายในซอยนี้ถือว่ามีความเงียบสงบพอสมควร เสมือนหมู่บ้านปิดทั่วไปนะคะ ส่วนหน้าโครงการเลยนั้นจะอยู่ลึกจากหน้าปากศอยรามคำแหง 190/1 ไปประมาณ 1.6 กม. จัดว่าลึกพอสมควร จำเป็นต้องพึ่งพารถยนต์
โครงการ – ตัวโครงการจัดเป็นโครงการขนาดกลางค่อนไปทางเล็ก ด้วยจำนวนยูนิต 70 ยูนิต ให้ความเป็นส่วนตัว ไม่วุ่นวาย การวางผังจัดออกมาเรียบง่าย ด้วยการวางถนนหลักรอบโครงการ และวางยูนิตเรียงยาวไปตามรูปร่างของที่ดินเลย ไม่มีซอยย่อย ทำให้ตัวบ้านทุกหลังติดกับถนนใหญ่ทั้งหมด และทำให้การสัญจรภายในคล่องตัว รวมทั้งดูแลความปลอดภัยได้ง่ายมากขึ้น
การออกแบบและพื้นที่ใช้สอย – สำหรับบ้าน Type Momento จัดว่าจัดฟังก์ชันโดยรวมออกมาได้ดี ในพื้นที่ดินมาตรฐานเริ่มต้นที่ 50 ตร.วา เน้นสร้างบ้านเต็มพื้นที่ดิน เพื่อให้สามารถใช้พื้นที่ใช้สอยภายในบ้านได้เต็มที่ ภายในบ้านมีจุดเด่นหลายจุด อย่างแรกคือการออกแบบห้องอเนกประสงค์ชั้นล่างเพื่อตอบโจทย์ครอบครัวที่มีผู้สูงอายุ สามารถจัดห้องนี้เป็นห้องนอนผู้สูงอายุได้ หรือจะปรับเป็นห้องอื่นๆ อย่างห้องทำงาน หรือห้องเด็กเล็กได้เช่นกันค่ะ รวมทั้งห้องน้ำในชั้นล่างก็มีการออกแบบบางจุดตอบโจทย์การใช้งานสำหรับผู้สูงอายุ เช่น ทำพื้นห้องน้ำเสมอกับพื้นด้านนอก สามารถเข็น Wheel Chair เข้ามาได้สะดวกหรือเดินได้ง่ายมากขึ้นเพราะไม่มีการลดระดับพื้น แต่ก็มีจุดที่ควรจะปรับอย่างพื้นที่อาบน้ำชั้นล่างก็ควรจะไม่ลดระดับพื้นเช่นเดียวกันนะคะ
ชั้นบนนั้นออกแบบมาค่อนข้างเน้นพื้นที่ใช้สอยภายใน Master Bedroom นอกจากจะได้พื้นที่ใช้สอยเยอะแล้ว จะออกแบบให้ห้องนอนกลางเป็นห้อง Connection Room กับ Master Bedroom อีกด้วย เพื่อที่จะสามารถปรับเปลี่ยนฟังก์ชันภายในบ้านได้หลากหลายมากขึ้น เช่นครอบครัวไหนมีจำนวนสมาชิกไม่มาก เราก็สามารถจัดห้องนอนกลางเป็นส่วนหนึ่งของ Master Bedroom ได้ โดยเปลี่ยนจากห้องนอนกลางเป็น Walk in Closet ของ Master Bedroom ได้ ถือว่าออกแบบฟังก์ชันมาได้น่าสนใจดีค่ะ
วัสดุ – วัสดุที่ได้มาค่อนข้างมาตรฐาน เหมาะสมกับราคาที่จ่าย พื้นชั้น 1 เป็นพื้นแกรนิตโต้ 60 x 60 ซม. พื้นห้องน้ำและพื้นครัวใช้กระเบื้องเซรามิก ส่วนชั้น 2 ใช้ลามิเนตทั้งหมด ส่วนสุขภัณฑ์ใช้ยี่ห้อ American Standard ส่วนชุดครัวนั้นจะไม่ได้ให้มานะคะ ต้องมาติดตั้งเอง
สาธารณูปโภค – ตัวโครงการไม่เน้นเรื่องสาธารณูปโภคเท่าไหร่ เนื่องจากมี Sport Club ขนาดใหญ่อยู่หน้าปากซอยรามคำแหง 190/1 คอยรองรับลูกบ้านที่ชอบใช้ Facilities อยู่แล้ว โดยภายในโครงการจะมีเพียงสวนหย่อมขนาด 208.2 ตร.วา อยู่บริเวณด้านในโครงการเท่านั้นค่ะ ข้อดีคือทำให้ตัวโครงการเหมาะกับคนที่ไม่เน้นใช้ Facilities อยู่แล้วจะได้ไม่ต้องรับภาระเรื่องค่าส่วนกลางที่แพงเพราะต้องใช้ในการดูแลส่วน Club House ด้วย และยังตอบโจทย์กลุ่มคนอีกกลุ่มคือคนที่ชอบใช้ Facilities เพราะก็มี Sport Club รองรับอยู่หน้าปากซอยออกไปใช้งานได้ง่ายเช่นกัน
ส่วนความปลอดภัยจัดมาให้ในระดับทั่วไป คือมี CCTV รปภ. 24 ชม. แต่เสียที่ไม่ได้ให้ Key Card Access และรอบรั้วโครงการค่อนข้างเตี้ยไปหน่อยสูงที่ 2 ม.
Judgement
ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง 40%, ความปลอดภัย 15%, การออกแบบและพื้นที่ใช้สอย 15%, วัสดุ 10%, พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ 10%, และสาธารณูปโภค 10%
เทียบกับแพคเกจ 6.5 ล้านบาท, 12 May 2017
- ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง 7/10 – อยู่ในย่านที่มีความคึกคักและอุดมสมบูรณ์ แต่อยู่ในซอยลึก 1.6 กม.
- ความปลอดภัย 7/10 – รั้วกั้นไม้กระดก รปภ.หน้าหมู่บ้าน CCTV
- การออกแบบและพื้นที่ใช้สอย 8/10 – ออกแบบฟังก์ชันการใช้งานได้ดี เสียตรงพื้นที่อาบน้ำลดระดับไม่ตอบโจทย์ผู้สูงอายุจริง
- วัสดุ 7/10 – มาตรฐานของระดับนี้
- พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ 7/10 – สภาพโครงการเรียบร้อย แต่พื้นที่สีเขียวจัดมาให้ไม่มาก (ไม่รวมสวน)
- สาธารณูปโภค 6/10 – มีเพียงสวนหย่อมขนาด 208.2 ตร.วา
- 7.05 / 10.00
BOTTOM LINE
โครงการ Parkway@Ease เหมาะกับครอบครัวที่มองหาบ้านเดี่ยว 2 ชั้น ในย่านรามคำแหงใกล้แยกเมืองมีน เดินทางไปย่านนิคมอุตสาหกรรม สนามบินสุวรรณภูมิ หรือเน้นเดินทางด้วยวงแหวนรอบนอกสะดวก ตัวบ้านมีการออกแบบสำหรับผู้สูงอายุ และออกแบบเพื่อสำหรับการปรับเปลี่ยนฟังก์ชันได้น่าสนใจ ไม่เน้นใช้ Facilities แต่อยู่ใกล้กับ Sport Club ขนาดใหญ่ มีงบประมาณ (Type Momento) 6.5 ล้านบาท หรือมีกำลังผ่อนต่อเดือนประมาณ 45,500 – 52,000 บาท
ช่วยกันคอมเม้นท์ แบ่งปันข้อมูลกับเพื่อนๆที่กำลังหาบ้านหน่อยนะคะ
สมัครสมาชิกพร้อมรับข่าวสารเพิ่มเติม (คลิกที่นี่)