รีวิวฉบับที่ 813 … หลังจากที่ได้พาไปชมบ้านหลังแรกในตอนที่หนึ่งไปแล้ว วันนี้ผมจะพาไปดูบ้านอีก 2 หลังที่เหลือซึ่งมีส่วนเหมือนและแตกต่างกันอยู่ ผมจะไม่ขอพูดถึงเรื่องทำเลกับส่วนกลางแล้วนะถ้าใครยังไม่ได้อ่าน ลองเข้าไปอ่านได้ที่นี่ครับ ถ้าพร้อมแล้วไปชมพร้อมๆกันเลยครับ
Fact @ 29 January 2015
- Parc Priva (พาร์ค พรีว่า)
- บริษัท นารายณ์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด
- Segment : Super Luxury (อ่านรายละเอียดของ Segment บ้านได้ที่นี่)
- โครงการตั้งอยู่ใน: ถนน เทียมร่วมมิตร เขต ห้วยขวาง
- เนื้อที่โครงการ 17 ไร่
- บ้านเดี่ยว 3 ชั้น 60 หลัง
- ASPEN: ที่ดิน 72-102 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 462 ตร.ม.
- BANYAN: ที่ดิน 62-74 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 380 ตร.ม.
- CEDAR: ที่ดิน 57-73 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 296 ตร.ม.
- ขนาดที่ดินเริ่มต้น 57-102 ตร.วา
- ราคาเริ่มต้น 34-60 ล้าน
- เริ่มก่อสร้าง: ปี 2558
- ก่อสร้างแล้วเสร็จ: ปี 2559
- www.parcpriva.com
- Tel: 02-121-1212
ช่วยกันคอมเม้นท์ แบ่งปันข้อมูลกับเพื่อนๆที่กำลังหาบ้านหน่อยนะครับ
Product Walkthrough
บ้านขนาดกลาง BANYAN 380 ตร.ม. 4 Bedrooms 4 Bathrooms 3 Parkings แบบบ้านจะคล้ายๆกับแบบ Aspen แต่มีหน้ากว้างที่กว้างกว่าเลยจอดได้ 3 คัน แต่ก็แปลกตรงที่ว่าเค้าออกแบบให้ห้องครัวไทยกับห้องแม่บ้านมาคั่นระหว่างที่จอด ทำให้ที่จอดรถอีกด้านแคบหน่อยรถที่จะมาจอดก็ต้องเป็นคันเล็ก
ข้อดีของแบบนี้คือแยกโซนการทำงานของแม่บ้านออกไปอย่างชัดเจน เวลาเราไม่อยู่บ้านปิดทางเข้าบ้านทั้งหมดแม่บ้านก็ยังสามารถใช้ชีวิตได้ตามปรกติ หรือเวลาให้แม่บ้านล้างรถก็เลื่อนรถมาที่ด้านนี้ได้โดยไม่ต้องห่วงว่าจะทำพื้นลานจอดรถเปียกไปทั้งหมด ข้อเสียหลักๆก็คือถ้าแม่บ้านเป็นคนไม่มีระเบียบวินัยพอวางเกะกะหน้าบ้านก็จะดูไม่ค่อยสวยเท่าไหร่
เอาหละครับเราไปดูบ้านจริงกันเลยดีกว่าแต่บอกไว้ก่อนว่าแปลนบ้านับบ้านตัวอย่างจะกลับด้านกันอยู่อาจจะงงๆหน่อยนะครับ
หน้าตาตัวบ้านของแบบ BANYAN จะแตกต่างจากแบบแรกไม่มากนัก
แต่จะมีระแนงปิดหน้าต่างเพิ่มมาให้
โซนหน้าบ้านส่วนที่แตกต่างกันคือส่วนที่จอดรถ เพราะเค้าขยับห้องครัวไทยออกมาจากกำแพงบ้านให้เป็นที่จอดรถอีกคัน ถ้าไม่ได้จอดรถเองก็ประมาณว่าเป็นที่จอดรถมอเตอร์ไซด์ของแม่บ้าน เวลาไปจ่ายตลาดกลับมาก็ทำอาหารตามเรื่องตามราวของเค้าไปไม่ต้องวุ่นวายกับที่จอดรถของสมาชิกในบ้าน แต่ข้อเสียก็คือต้องยอมเสียสละพื้นที่ไปเยอะพอสมควร
ห้องแม่บ้านกับห้องน้ำแม่บ้านก็จะแยกส่วนอยู่ด้านนี้ทั้งหมด ประตูด้านซ้ายมือเป็นห้องครัว
พอเข้ามาก็จะได้เคาน์เตอร์ครัวชุดนี้เลย ตัวเตาเป็นแบบหัวแก๊ส
ภายในห้องนี้จะเป็นพื้นที่ใส่เครื่องซักผ้าและเก็บข้าวของได้อีกนิดหน่อย
กลับมาต่อกันที่ส่วนหลักของบ้าน
ห้องเก็บของและทางเข้าสวนยังคงเหมือนกันแต่บ้านหลังนี้จะแต่งให้มีทางเข้าสวนได้แค่ด้านเดียว
เพราะอีกด้านทำเป็นบ่อน้ำไป
สวนบ้านหลังนี้จะดูดีกว่าหลัง Cedar เพราะได้ต้นไม้ใหญ่และมีบ่อน้ำบรรยากาศจะสดชื่นกว่า
มุมด้านในตกแต่งเป็นที่นั่งพักผ่อนด้วยเก้าอี้ปูน ส่วนเบาะรองนั่งถ้าไม่ใช้ก็เก็บขึ้นได้
บ้านหลังนี้ยังคงเน้นวิวสวน หรือวิวภายใน Court เช่นเดิม ได้วิวกันทุกห้องทุกชั้น
ชั้นแรกเปลี่ยนกำแพงทึบเป็นช่องแสงทั้งหมด ลองสังเกตดูนะครับถึงแม้ว่าจะมีพื้นของชั้น 2 มาช่วยบังแดดให้แล้วแต่ผมก็ยังอยากแนะนำให้มีต้นไม่ใหญ่ไว้สักหน่อย ไม่อย่างนั้นแดดจะเข้าชั้น 1 เยอะและร้อนมาก
มาต่อกันที่ทางเข้าบ้าน ประตูหลักยังคงเป็นแบบเดิมแต่ถ่ายฝ้าเพดานมาให้ดูว่ามี Motion Detector สำหรับไฟส่องสว่างมาให้ด้วย
ห้องรับแขกชั้นแรกของบ้าน
หันกลับไปถ่ายทางเข้ามาให้ดูว่ามีทางเข้าจากห้องครัวมาด้วย เวลาแม่บ้านทำกับข้าวเสร็จจะมาเสิร์ฟก็เดินเข้ามาได้เลย แต่ต้องยกขึ้นไปชั้น 2 นะ
ห้องด้านในถูกเปลี่ยนเป็นห้องทำงานแทนห้องนอน
แต่ภายในยังคงมีห้องน้ำมาให้เหมือนเดิม
ตำแหน่งบันไดอยู่ตรงกลางชิดกำแพงด้านนึงของตัวบ้าน และชานพักช่วงแรกจะอยู่ที่ขั้น 2
และเป็นทางเดินขึ้นบันไดยาวๆไป
ขึ้นมาถึงชั้นสองวัสดุปูพื้นจะไม่ใช่ Engineered Wood แล้วแต่เป็นกระเบื้อง Imported Homogeneous ขนาด 60 x 60 ซม.
ชั้น 2 จะเน้นเป็นฟังก์ชันส่วนกลางของบ้าน ได้ห้องนั่งเล่นเชื่อมต่อกับครัวฝรั่ง แต่คราวนี้ห้องทานอาหารจะแยกเป็นอีกห้องไปเลยไม่ได้อยู่ติดกับส่วนครัวเหมือน Type Cedar ส่วนห้องนอนยังคงอยู่ตำแหน่งท้ายบ้านเหมือนเดิม สิ่งที่เพิ่มขึ้นมาและควรจะมีก็คือห้องน้ำรวมที่แยกออกจากห้องนอน เพราะแบบ Cedar มีห้องน้ำแค่ห้องเดียวบนชั้น 2
ที่พื้นเป็นกระเบื้องก็เพราะบันไดอยู่ติดกับห้องครัว ส่วนด้านขวามือเป็นห้องนั่งเล่น
ส่วนครัวผมอาจจะไม่ได้ลงรายละเอียดมากนักเพราะไม่ได้ต่างจากแบบแรกสักเท่าไหร่ หลักตัว island จะเล็กกว่าแต่ได้ครัวเป็นตัว U
ฝ้าที่ดรอปและซ่อนไฟจะไม่ได้แถมมาด้วยนะครับ
เดินเข้ามาดูในห้องทานอาหารกันต่อ ในห้องนี้วางโต๊ะทานอาหารแบบ 6 – 8 ที่นั่งได้สบายๆ จะเห็นว่าห้องนี้ได้แสงธรรมชาติเยอะเพราะเป็นกระจกทั้ง 2 ด้าน ด้านซ้ายจะเป็นหน้าบ้านมีระแนงติดมาให้
ส่วนด้านขวาเป็นระเบียงที่ติดกับ Court ภายในบ้าน พอบ้านหลังนี้มีต้นไม้ใหญ่ชั้นนี้เลยได้วิวเขียวๆสบายตาแบบนี้ครับ
กลับมาที่ห้องนั่งเล่น ห้องนี้จะได้พื้นที่หน้ากว้างมากพอที่จะแยกส่วนวางโซฟาดูทีวีออกจากทางเดินไม่เหมือนบ้านแบบ Cedar ที่ต้องเดินผ่าตรงกลางห้องนั่งเล่นไป
พื้นที่ Double Space ที่ใหญ่ขึ้นช่วยให้บรรยากาศที่ได้แตกต่างกันค่อนข้างมาก ถ้าใครที่ได้มาดูโครงการจะรู้ได้เลยว่าแบบนี้ดูดีและน่าใช้งานกว่า
ถ่ายย้อนกลับมาให้ดูว่าตำแหน่งโซฟายังสามารถเลื่อนเข้ามาใกล้ทีวีได้อีกเพราะระยะตรงนี้ยาวประมาณ 6 ม. สามารถทำ Built-in ตู้เก็บของด้านหลังโซฟาได้อีกชุดเลยครับ
ห้องน้ำสำหรับส่วนรวมจะเป็นแบบ Powder Room ไม่มีส่วนอาบน้ำมาให้
และพื้นที่ห้องไม่ใหญ่นัก มีแค่อ่างล้างหน้ากับชุดโถสุขภัณฑ์
เข้ามาดูห้องนอนด้านในสุด ห้องนี้จะใส่เตียงขนาด 6 ฟุตได้สบายๆ
พื้นห้องนอนจะได้เป็น Engineered Wood
ห้องน้ำของห้องนี้จะอยู่ด้านใน
ได้เคาน์เตอร์อ่างล้างหน้าเต็มผนังระหว่างกำแพงพอดี
พื้นที่อาบน้ำพอให้อาบได้กำลังดีประมาณ 1 x 1 เมตร
ชุดโถสุขภัณฑ์จะอยู่ติดกับอ่างล้างหน้าพื้นที่ตรงนี้จะเล็กหน่อยแต่ดีที่มีช่องแสงมาให้เลยไม่รู้สึกทึบเท่าไหร่
ทางเดินขึ้นชั้น 3 จะมีช่องแสงด้านบนสุดจากหลังคามาให้ ทำให้โถงบันไดสว่างกว่าชั้นอื่นๆ
ชั้นสามจะเป็นห้องนอน 2 ห้องโดยห้อง Master Bedroom จะมีขนาดใหญ่มากทำ Walk-in Closet แยกมาได้เป็นสัดส่วน และในห้องนอนยังมีพื้นทีให้ใส่ฟังก์ชันได้อีกอย่าง ในผังจัดไว้เป็นห้องนั่งเล่นแต่บ้านตัวอย่างจะใส่เป็นโต๊ะทำงานไป ส่วนห้องน้ำจะได้อ่างอาบน้ำ และอ่างล้างหน้าแบบ His & Her มาด้วย
เดินขึ้นบันไดมาจะเจอห้อง Master Bedroom ก่อน
ฝั่งที่เป็นห้อง Walk-in Closet มีพื้นที่ใส่เสื้อผ้าได้เยอะตามในภาพเลยครับ
ห้องน้ำได้พื้นที่ใหญ่เกือบๆจะเท่าห้องนอนเลย
อ่างอาบน้ำจะอยู่คนละฝั่งกับฟังก์ชันอื่นๆ และดีตรงที่ตัวฐานวางเคาน์เตอร์ได้วัสดุปิดผิวเป็นหินสังเคราะห์และมีพื้นที่ให้วางข้าวของได้เยอะ
อ่างแบบ His & Her พร้อมเคาน์เตอร์ขนาดใหญ่
ห้องอาบน้ำและห้องสุขาจะอยู่แยกจากกันแล้ว
ชุดสุขภัณฑ์ยังคงเหมือนเดิม
ส่วนพื้นที่อาบน้ำจะได้ Low Wall ด้านข้างมาให้
หันกลับไปดูพื้นที่รวมๆอีกสักรอบ
เข้ามาดูในห้องนอนกันต่อ ในห้องนี้มีพื้นที่เหลือให้ใส่ตู้เสื้อผ้าได้อีกนะถ้าใครคิดว่าแค่ห้อง Walk-in Closet เมื่อกี้ยังไม่พอ
พื้นที่ปลายเตียงจัดเป็นโต๊ะทำงานหรือชั้นวางทีวีก็ได้แต่ต้องติดม่านกันย้อยแสงหน่อย และต้องติดทั้งสองด้านนะครับ
ถ่ายวิวจากชั้น 3 มาให้ดูต้นไม้ที่ลงไว้สูงแค่ 2 ชั้น ชั้นนี้เลยดูโล่งๆหน่อยถ้าอยากได้วิวเขียวๆกับเค้าด้วยก็ต้องเลือกพรรณไม้ที่มีความสูงเยอะหน่อยและมีทรงที่ไม่แผ่ขยายก้านไกลนัก
เดี๋ยวเราเดินไปดูห้องสุดท้ายของบ้านนี้กัน จะเดินจากห้องนอนใหญ่ไปก็ต้องผ่านโถงกลางที่เชื่อมต่อกับห้องนั่งเล่นครับ
แอบมองลงไปดูด้านล่างซะหน่อย
ภายในห้องนี้เค้าตกแต่งเป็นห้องเด็กวัยรุ่นเลยวางเตียง 3.5 ไว้ 2 เตียง พื้นที่เหลือปลายเตียงก็มีเยอะพอให้ทำโต๊ะเขียนหนังสือได้ เอาไว้ให้เด็กๆทำการบ้านได้พอดี
ห้องน้ำที่อยู่ภายในห้องจะมีพื้นที่ให้ทำตู้เสื้อผ้าได้ทั้ง 2 ด้านของกำแพง
ฟังก์ชันในห้องน้ำมีมาให้ครบ
ระยะโถสุขภัณฑ์จะมีเยอะขึ้นใช้งานสะดวกสบายขึ้น พร้อมมีช่องแสงจากด้านข้างด้วย
และแล้วเราก็มาถึงแบบบ้านหลังใหญ่สุดของที่นี่ แบบ Aspen พื้นที่ใช้สอย 462 ตร.ม. 5 Bedrooms 5 Bathrooms 4 Parkings แบบนี้ถึงแม้จะจอดรถได้ 4 คันแต่ก็เป็นการจอดรถที่แปลกๆหน่อยเพราะมี 1 คันที่ไปจอดแนวขวางและ 2 คนที่จอดต่อท้ายกันทำให้เวลาคันในจะออกคันนอกก็ต้องขยับด้วย ตัวบ้านชั้นล่างจะเอาส่วนห้องพักและห้องน้ำแม่บ้านไว้ด้านหน้าและครัวไทยไว้ตรงกลาง ห้องที่ได้เพิ่มขึ้นมาคือห้องเบอร์ 9 เป็นห้องเก็บรองเท้าโดยเฉพาะและห้องเบอร์ 10 ห้องเก็บของที่สามารถทำเป็นลิฟต์ได้ แต่เป็น Option ที่ต้องเสียเงินเพิ่มนะครับ
หน้าตาบ้านดูจะมีช่องแสงเยอะกว่าเพื่อนแต่ส่วนหลังคาดูเรียบไปหน่อย ทางเข้าบ้านหลังนี้ก็แปลกใหม่อีกเช่นกันเพราะด้านขวาของตัวบ้านที่เห็นบันไดนั่นเอาไว้ขึ้นไปห้องนั่งเล่นชั้น 2 ได้โดยตรงเลย
ถ่ายที่จอดรถมาให้ดูว่าระยะกว้างไม่ได้เป็นปัญหาเท่าไหร่แต่ความลึกถ้าเอาจริงแล้วคันที่ 2 ที่จอดต่อท้ายถ้าเป็นรถขนาด C Segment ทั้งคู่นี่ท้ายรถมียื่นออกไปจากชายคาบ้านแน่นอน ส่วนกำแพงด้านข้างจะทำเป็นที่จอดจักรยานเก๋ๆแบบบ้านตัวอย่างก็ได้ครับ
ก่อนเข้าไปดูในบ้านขอพาเดินวนรอบๆบ้านก่อนนะครับ
ด้านข้างตรงนี้ที่เป็นสระว่ายน้ำจะเป็นส่วนที่ตกแต่งเพิ่มเติมไม่ได้มีแถมมาให้ครับ พอดีบ้านตัวอย่างหลังนี้มีพื้นที่เหลือด้านข้างเยอะพอให้ทำสระว่ายน้ำได้ เค้าเลยทำไว้เป็นไอเดียให้ลูกค้าดู
บ้านแบบนี้จะมีพื้นที่ใช้สอยเยอะกว่าแบบอื่นเพราะไม่มีพื้นที่แบบ Double Space
ส่วนที่เป็นระเบียงของห้องนั่งเล่นมีการออกแบบให้ได้ร่มเงาจากพื้นชั้น 3 ที่ยื่นออกมา
ทางเข้าบ้านสามารถเข้าจากด้านนี้ได้เหมือนกัน ของจริงพื้นไม่ได้ต่างระดับนะครับ
ถึงแม้จะเป็นบ้านแบบใหญ่สุดแต่ประตูทางเข้าบ้านก็ยังขนาดเท่าเดิมนะ
ส่วนแรกของบ้านเป็นโถงทางเดินส่วนด้านซ้ายมือจะเป็นลิฟต์ ที่ไม่ได้ให้มาแต่เป็น Option ให้ลูกบ้านสั่งเพิ่มได้ แต่ก็ต้องบวกเงินเพิ่มเข้าไปด้วยนะครับ เดินตรงเข้าไปด้านในขวามือเป็นห้องเก็บรองเท้า
ตัวลิฟต์ถ้าใครอยากได้ก็ต้องเพิ่มเงินเองนะครับ ขนาดลิฟต์ก็เล็กๆใช้งานได้ 3 คนรับน้ำหนักได้ 200 กก.
ด้านข้างจะเป็นห้องเก็บของใต้บันได
ถ่ายรูปห้องเก็บรองเท้ามาให้ดูว่ามีพื้นที่เยอะมากครับ ใส่ตู้ Built-in ได้ทั้งสองด้านเลย สาวๆคงถูกใจแน่นอน
ห้องด้านซ้ายมือเป็นห้องครัวไทยที่เข้าจากด้านนอกได้ ส่วนด้านขวามือเป็นห้องนอนเล็กซึ่งในบ้านตัวอย่างเค้าทุบกำแพงออกแล้วทำเป็นห้องทำอ่านหนังสือแทน
เรามาดูในห้องครัวกันก่อนนะครับ ห้องนี้มีพื้นที่ไม่เยอะหนักแต่ก็เพียงพอให้ทำกับข้าวกับปลาได้อยู่
พื้นห้องนี้จะลดระดับลงมาเยอะหน่อยประมาณ 10 ซม. เพราะห้องนี้ต้องเจอคราบมันหนักๆจากการทำอาหารเวลาล้างพื้นก็ไม่ต้องกลัวว่าจะเลอะเทอะไปห้องอื่น
การแบ่งช่องเก็บของชุดล่าง
อ่างได้เป็นแบบสี่เหลี่ยมของ Hafele
ตัวเตาได้แบบเตาแก๊ส 4 หัว พร้อมเครื่องดูดควัน
การแบ่งช่องชุดบน
ประตูแบบนี้ของจริงไม่มีนะครับเป็นแค่กำแพงทึบธรรมดา
ห้องนอนห้องนี้ถ้าไม่มีผู้สูงอายุแปลงเป็นห้องทำงาน หรือห้องอ่านหนังสืออย่างนี้จะดูเหมาะกว่าเพราะอยู่ชั้นล่างสุดติดสวนเลย
ภายในห้องน้ำ
วิวที่ได้ก็ประมาณนี้ครับ
ขึ้นไปดูชั้นสองกันต่อ บันไดของหลังนี้จะไม่ได้เป็นแบบ 2 หลังแรกเพราะชานพักจะไปอยู่ตรงกลางพอดี
พื้นบันไดเป็นหินอ่อนสังเคราะห์ (Compressed Mable) ส่วนพื้นชั้น 2 เป็น Engineered Wood
ชั้น 2 ห้องนั่งเล่นกับห้องครัวถูกแยกกันแล้วครับ โดยห้องครัวกับห้องทานอาหารจะถูกโยกไปไว้ด้านหลังบ้านด้วยกัน ส่วนด้านหน้าจะเป็นห้องนอนกับห้องนั่งเล่น ส่วนห้องน้ำรวมจะอยู่ที่ห้องทานอาหาร
พื้นที่บริเวณโถงลิฟต์จะได้โล่งๆแบบนี้เลย
แอร์ที่ทางโครงการแถมให้เป็นแอร์แบบซ่อนในฝ้า (Ceiling Concealed Type)
มาดูห้องครัวกันก่อน พื้นที่ห้องครัวจะถูกกันด้วยผนังที่เห็นเป็นตู้เก็บไวน์นี่ไม่ได้ให้นะ มีทางเดินเข้าออกได้ 2 ด้าน และพื้นส่วนนี้เปลี่ยนเป็นกระเบื้อง Imported Homogeneous ขนาด 60 x 60 ซม.
เคาน์เตอร์ครัวได้เป็นตัว L พร้อม island
อีกด้านเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้ากับตู้เก็บที่เก็บได้เหลือเฟือ
พื้นที่ตรงนี้จะสว่างกว่าตรงโถงลิฟต์เพราะมีช่องแสงมาให้
ถ้าเปิดม่านวิวที่ได้ก็ประมาณนี้ครับ
ถัดมาเป็นห้องทานอาหารที่อยู่ติดกันวางโต๊ะได้ 6 – 8 ที่นั่ง
ห้องน้ำจะอยู่ด้านในสุด
เป็นห้องแบบ Powder Room ไม่มีส่วนอาบน้ำ
กลับมาที่โถงบันไดใหม่นะครับ คราวนี้จะพาไปดูห้องนั่งเล่นอีกด้าน
ห้องนี้จะมีขนาดประมาณ 4.5 x 6 เมตร และมีช่องแสงเข้าจากด้านข้างทั้ง 2 ด้าน
ผนังติดตั้งทีวีก็เลือกได้ทั้ง 2 ด้านแล้วแต่ว่าอยากจะติดด้านไหน
ตัวระเบียงมีขนาดกว้างประมาณ 2.6 x 7.2 สามารถเอาโซฟาไปนั่งชิวๆกันได้สบายๆ แถมราวระเบียงเป็นกระจก(นิรภัย)เลยไม่บังวิวสวน
ถ้าจะมานั่งเล่นก็ต้องเป็นเย็นๆหน่อยนะ หรือถ้ามีต้นไม้ใหญ่ก็จะช่วยให้ร่มเงาได้ดีเลยครับ
ห้องนอนที่อยู่ติดกับห้องนั่งเล่นในห้องตัวอย่างทำเป็น Home Theater
มีระยะดูทีวีประมาณ 5 เมตร
ห้องนี้จะมีห้องน้ำภายในตัวด้วยแต่โซนอาบน้ำจะแคบกว่าห้องอื่นๆเลย
ชั้นบนสุด หรือชั้น 3 จะเป็นห้องนอนทั้งหมด จุดเด่นอยู่ที่ห้อง Master Bedroom เพราะได้ Walk-in Closet ถึง 2 ห้องครับ และมีห้องนั่งเล่นที่ชั้นนี้เพิ่มมาให้อีกชุด
บันไดทั้งหมดจะได้ชานพักแบบสี่เหลี่ยมผืนผ้า
และมีช่องแสงด้านข้างาให้หนึ่งบาน
โถงบันไดชั้นนี้จะมีพื้นที่ให้ทำตู้วางของโชว์ได้ด้วย
เรามาดูห้องนอนฝั่งที่ติดกับห้องนอนใหญ่กันก่อนนะครับ ห้องนี้จะหันไปทางหน้าบ้านมีขนาดประมาณ 4 x 5 เมตร
ตู้เสื้อผ้าจะแบ่งออกเป็น 2 ชุดฝั่งที่ติดกับชั้นวางทีวี
และอีกด้านคือหน้าทางเข้าห้องน้ำ
ห้องน้ำเป็นแบบชั้นที่ 2 เลยครับได้โซนอาบน้ำเล็กเหมือนเดิม
ห้องนอนใหญ่เป็นห้องนอนเดียวที่มีโถงทางเดินเป็นของตัวเอง จากในรูปซ้ายมือเป็นห้องแต่งตัว ขวามือเป็นห้องน้ำ ตรงไปเข้าส่วนห้องนอน
ห้องแรกจะเป็นห้องแตกตัวมากกว่า ตู้เสื้อผ้าเพราะอยู่ใกล้กับห้องน้ำเวลาใช้งานจะสะดวกกว่า
ห้องน้ำก็กว้างขวางครับวิ่งเล่นได้สบาย พื้นห้องน้ำห้องนี้จะพิเศษกว่าห้องอื่นๆเพราะเป็นหินอ่อนทั้งหมด (Marble) ขนาด 60 x 60 ซม.
อ่างล้างหน้าแบบ His & Her
อ่างอาบน้ำของ DM Home ก๊อกน้ำของ Hansgrohe
ห้องอาบน้ำกับห้องสุขาจะอยู่ติดกันถูกกั้นด้วยกระจกใส ชุดฝักบัวได้ทั้งแบบธรรมดาและ Rain Shower น่าเสียดายที่ชุดโถสุขภัณฑ์เป็นแบบเดียวกับห้องอื่นๆ
ตรงเข้ามาดูภายในห้องนอนจะเห็นว่ามีพื้นที่รอบเตียงเหลือเฟือครับ
หน้าต่างของห้องนี้จะได้วิวสวนด้านในด้วยเช่นกัน
ห้องแต่งตัวจะอยู่อีกด้าน
ใหญ่ขนาดนี้สามารถทำ island ตรงกลางได้อีกนะขนาดห้องนี้ก็ประมาณ 3.2 x 3.4 เมตรเลยนะ
กลับมาดูโซนด้านหลังบ้านบ้าง
ห้องนั่งเล่นที่ชั้น 3 จะช่วยให้สมาชิกภายในบ้านมีจุดไว้ผ่อนคลายได้หลายจุด เพราะเป็นบ้านหลังใหญ่อาจจะมีสมาชิกเยอะถ้าอยากดูทีวีพร้อมๆกันจะได้ไม่ต้องแย่งกันครับ
ลองถ่ายวิวที่ได้จากห้องนี้
มาถึงห้องนอนสุดท้ายของบ้านหลังนี้ ห้องนี้จะมีขนาดเล็กกว่าห้องอื่นๆในชั้นเดียวกัน แต่ก็ยังใส่เตียง 6 ฟุตแล้วมีพื้นที่เหลือให้เดินรอบๆได้สบายอยู่ดี
ตู้เสื้อผ้าจะอยู่ติดกับห้องน้ำ
ผนังกระจกเงาที่เห็นในรูปของจริงเป็นผนังปูนติด Wallpaper ให้นะครับ
ห้องน้ำจะใหญ่กว่าห้องนอนเล็กอีกห้องและได้ไฟซ่อนใต้ฝ้ามาให้ด้วย
**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะครับ
ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 29 January 2015
- Cedar พื้นที่ใช้สอย 296 ตร.ม. ที่ดิน 57.50 ตร.วา ราคา 35.2 ล้านบาทหรือ 612,200 บาท/ตร.วา
- Banyan พื้นที่ใช้สอย 380 ตร.ม. ที่ดิน 87.80 ตร.วา ราคา 52.3 ล้านบาทหรือ 595,700 บาท/ตร.วา
- Aspen พื้นที่ใช้สอย 462 ตร.ม. ที่ดิน 80.20 ตร.วา ราคา 61.5 ล้านบาทหรือ 766,800 บาท/ตร.วา
- จอง 300,000 บาท
- ทำสัญญา 1.5 – 2.5 ล้านบาท
- ดาวน์ 14 – 22 งวด
- ที่ดินเพิ่มลด ราคาตารางวาละ 350,000 บาท
- ค่าส่วนกลาง 110 บาท/ตร.วา/เดือน จัดเก็บล่วงหน้า 2 ปี
- เงินกองทุนสำรอง 2,500 บาท/ตร.วา ชำระครั้งเดียว
**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ครับ
โครงการ PARC PRIVA อยู่ในทำเลที่เรียกว่าใกล้ใจกลางเมืองพอสมควร และในอนาคตมีโอกาสเป็น New CBD มีตึกอาคารสำนักงานขึ้นกันมากมายทั้งบนบนเส้นรัชดาภิเษกและเส้นเพชรบุรี แถมจะมีว่าที่ตึกสูงที่สุดในประเทศชื่อว่า Super Tower สูงถึง 615 เมตร มีทั้งหมด 125 ชั้น แถมยังมีเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีส้มมาเพิ่มด้วยแต่สถานีกับเส้นทางนี่ก็ยังเห็นปรับกันอยู่ ก็ต้องรอดูกันต่อไปว่าสิ่งต่างๆเหล่านี้จะช่วยให้พื้นที่แถวนี้พัฒนาไปอีกไกลแค่ไหน
สำหรับสภาพแวดล้อมรอบๆข้างในระยะเดินได้ต้องบอกว่าค่อนข้างลำบากเพราะไม่มีห้างร้านอะไรที่เหมาะกับการอยู่อาศัยมาเปิดสักเท่าไหร่ แต่เนื่องจากโครงการนี้เป็นโครงการแนวราบจึงเน้นการใช้รถเป็นสำคัญมากกว่า ซึ่งถ้าดูในระยะที่ขับรถหรือขี่จักรยานได้ก็จะมีห้างใหญ่ๆบนเส้นรัชดา ทั้ง เซ็นทรัลพระราม 9, Esplanade, และ Fortune Town ในอนาคตมีโครงการ The Street รัชดา ที่จะมาขึ้นแทนห้างโรบินสัน รัชดาอันเก่า หรือมีอีกทางเลือกคือไปแถวแยกเหม่งจ๋ายจะมีร้านอาหารให้เลือกอีกเพียบเลยครับ
มาถึงเรื่องเส้นทางกันบ้าง เรื่องนี้ดูจะเป็นข้อด้อยหลักๆของโครงการนี้เพราะถนนหน้าโครงการเป็นถนนวันเวย์แถวต้องวนไกลพอสมควร ถนนเทียมร่วมมิตรถ้าวนครบรอบสามเหลี่ยมจะมีระยะประมาณ 3.2 กม. เวลาจะไปไหนมาไหนก็ต้องวนรอบนี้และครับส่วนระยะทางจะมากหรือน้อยก็ขึ้นอยู่กับว่าเรามาจากทางไหนเท่านั้นเอง ทีนี้มาดูข้อดีของทำเลตรงนี้บ้างทำเลนี้มีข้อดีตรงที่สามารถเข้าออกได้หลายเส้นทาง เส้นทางหลักจะมาจาก เส้นรัชดาภิเษก และ พระราม 9 ส่วนเส้นทางรองสามารถคือ ถนนประดิษฐ์มนูธรรม เข้าเส้นประชาอุทิศผ่านแยกเหม่งจ๋ายมาโครการได้
ถนนหลักภายในโครงการกว้าง 12 ม. และลึกเข้าไปด้านในความกว้างจะเหลือ 6 ม. แต่ถนนหน้าบ้านไม่ได้แคบไปด้วยนะครับ ถนนหน้าบ้านทั้งหมดจะกว้าง 9 ม. และในแต่ละซอยจะมีบ้านแค่ 6 หลังเท่านั้น นอกจากนี้ยังมีระบบ Internet Fiber Obtic แบบ Docsis ความเร็ว 200 MB ให้ทั้งโครงการ CCTV ที่ประตูทางเข้าและทั้งโครงการ 35 จุด รั้วรอบโครงการสูง 3 เมตรและต่อรั้วทึบอีก 2 เมตร
สาธารณูปโภคของโครงการถือว่าให้มาครบแต่ก็ไม่ใหญ่มากตามขนาดของโครงการ ได้สวนหย่อมไว้เดินเล่น สระว่ายน้ำ ระบบเกลือ ขนาด 25 x 10 เมตร แบ่งสระเด็กลึก 0.6 เมตร สระผู้ใหญ่ลึก 1.3 เมตร มี Fitness ที่น่าสนใจคือเค้าเอาสระว่ายน้ำและ ห้อง Fitness ไปไว้ที่ชั้น 2 ของ Club House ส่วนชั้นล่างจะเป็นห้องทำงานของนิติบุคคล การที่เอาสระว่ายน้ำไว้ชั้น 2 ทำให้มีความเป็นส่วนตัวมากขึ้นเพราะไม่ได้อยู่ระดับเดียวกับพื้นถนนภายนอก(ตัว Club House อยู่ติดถนน) แต่จะลำบากหน่อยตรงที่ต้องเดินขึ้นบันไปทุกครั้งที่จะใช้งาน
สุดท้ายเรื่องการออกแบบบ้านที่ต้องบอกว่าเอาใจคนรักสไตล์ Modern Minimal และชอบชมสวนพอสมควร เพราะบ้านทุกหลังออกแบบมาให้มีหน้าหน้าเรียบๆทรงกล่องไม่เห็นหลังคาปั้นหยา หรือหลังคาจั่วซักนิ๊ดดดเลย ตัวบ้านจะไม่เน้นช่องเปิดสู่ภายนอกมากนักเพราะเค้าเน้นวิวภายในบ้านมากกว่า การออกแบบให้ทุกแบบมี Private Courtyard ซึ่งสอดคล้องกับการวางผังโครงการที่ตัวบ้านของเพื่อนบ้านเราจะไม่มีช่องหน้าต่างมาตรงกับสวนของเรา ทำให้ลูกบ้านสามารถใช้งานได้อย่างสบายใจขึ้น
แบบบ้านทั้ง 3 แบบจะใช้แนวคิดในการออกแบบที่เหมือนกันคือ การเอาพื้นที่ส่วนกลางของบ้านไว้ชั้น 2 ทั้งห้องนั่งเล่น โซนทานอาหาร และห้องครัว ซึ่งแน่นอนว่าหลายคนอาจจะไม่คุ้นชินเพราะเวลาเข้าบ้านต้องเดินขึ้นไปชั้น 2 ถึงจะใช้งานได้ ส่วนชั้นแรกจะเป็นห้องอเนกประสงค์ที่เอาไว้ทำห้องรับแขกโดยเฉพาะก็ได้เวลารับแขกก็ไม่ต้องไปรบกวนคนในบ้านที่ชั้น 2 อีกเรื่องนึงที่สำคัญสำหรับคนที่ซื้อบ้านนี้คือต้องชอบสวน หรือมีใจรักต้นไม้พอสมควร เพราะพื้นที่บ้านส่วนนึงถูกเอาไปทำเป็นสวนแถมยังเน้นช่องเปิดจากทุกห้องให้เห็นวิวด้านนี้ด้วย ถ้าทำสวนออกมาสวยทุกห้องก็ได้ใช้ประโยชน์คุ้มเลย บ้านแบบที่ 2 หรือ BANYAN ดูจะสวยที่สุดเพราะมีขนาดใช้งานที่เหมาะสมและ Double Space ที่พอเหมาะกับวิวสวนด้านข้าง
Judgement
ราคาของคอนโดระดับ SUPER LUXURY ความคุ้มค่าด้านราคาไม่ใช่ปัจจัยหลักเพียงอย่างเดียวในการตัดสินใจซื้อ ความคุ้มค่าด้านอารมณ์คือปัจจัยหลักอีกอย่างหนึ่ง ซึ่งตราบเท่าที่ทางเรายังไม่สามารถวัดค่ามาตรฐานทางอารมณ์ได้ จึงมิอาจให้คะแนนได้ครับ
BOTTOM LINE
โครงการนี้เหมาะกับคนที่ต้องการหาบ้านที่อยู่ไม่ไกลจากตัวเมือง หรือทำงานย่านรัชดา พระราม 9 ชอบทำเลที่สงบไม่พลุกพล่าน ไม่มีปัญหากับการขับรถแบบวันเวย์ของถนนหน้าโครงการ ชอบบ้านสไตล์ Modern Minimal เรียบๆทรงกล่องเหลี่ยมๆ ชอบฟังก์ชันพื้นที่ส่วนกลางที่ชั้น 2 และ…ไม่มีปัญหาเรื่องงบประมาณ ครับ
ช่วยกันคอมเม้นท์ แบ่งปันข้อมูลกับเพื่อนๆที่กำลังหาบ้านหน่อยนะครับ
สมัครสมาชิกพร้อมรับข่าวสารเพิ่มเติม (คลิกที่นี่ )