fb-cover2-3-4-v2-mourning-nara

รีวิวฉบับที่ 1278 …โครงการ Nara Botanic ศรีนครินทร์ เฟส 3 จาก Narai ที่ตั้งโครงการอยู่ใกล้แยกศรีลาซาล ในแปลงที่ดินขนาดใหญ่ที่ทางนารายณ์ซื้อไว้ แล้วค่อยๆ ทำโครงการบ้านและคอนโดฯ มาขาย ภายในพื้นที่ของนารายณ์มีคอมมูนิตี้มอลล์ที่โครงการทำไว้เพื่อความสะดวกสบายในการอยู่อาศัยของลูกบ้าน แบบบ้านเป็นบ้านเดี่ยว 2 ชั้น จัดฟังก์ชันมาได้ลงตัว ภายในโครงการมีความร่มรื่นสมกับชื่อโครงการว่า Botanic จะเป็นอย่างไรไปชมกันเลยค่ะ 😀

Fact @ 8 February 2017

  • NARA Botanic Srinakarin (นาราโบทานิค ศรีนครินทร์)
  • นารายณ์ พร็อพเพอร์ตี้ (บริษัท นารายา จำกัด)
  • HIGH-LUXURY CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment บ้านได้ที่นี่)
  • โครงการตั้งอยู่ใน : เขตบางพลี สมุทรปราการ
  • เนื้อที่โครงการ 37-0-68 ไร่ จำนวน 127 ยูนิต
  • Nara Botanic พื้นที่ใช้สอย 169 ตร.ม. 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ (Sold Out)
  • Nara Botia พื้นที่ใช้สอย 186 ตร.ม. 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ (Sold Out)
  • Nara Botar พื้นที่ใช้สอย 230 ตร.ม. 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ (Sold Out)
  • Nara Botany พื้นที่ใช้สอย 264 ตร.ม. 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 3 ที่จอดรถ(Sold Out)
  • Nara Botree ที่ดิน 60-93 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 230 ตร.ม. 3 ห้องนอน 4 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ ราคาเริ่มต้น 14.08 ล้านบาท
  • Nara Bonito ที่ดิน 70-98 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 280 ตร.ม. 4 ห้องนอน 4 ห้องน้ำ 3 ที่จอดรถ ราคาเริ่มต้น 15.99 ล้านบาท
  • เพดานชั้น 1 สูง 3 เมตร, ชั้น 2 สูง 2.7 เมตร
  • ที่ดินเพิ่มลดตารางวาละ 90,000 บาท
  • โครงการเริ่มก่อสร้าง : ปี 2556
  • คาดว่าแล้วเสร็จทั้งโครงการ : กลางปี 2560
  • เวปไซต์โครงการ : คลิกที่นี่
  • Call Center : 02-758-8008

ช่วยกันคอมเม้นท์ แบ่งปันข้อมูลกับเพื่อนๆที่กำลังหาบ้านหน่อยนะคะ

NEW! เพื่อนๆสามารถเลือกอ่านตามหัวข้อได้โดยกดปุ่มไปยังหัวข้อที่สนใจได้นะคะ


เจาะลึกเรื่องทำเลที่ตั้ง

พิกัด : 13.653457, 100.645208

แผนที่จากทางโครงการ Nara Botanic ศรีนครินทร์ อยู่ในซอยลาซาลก่อนถึงโรงพยาบาลศิครินทร์ ในอนาคตถนนศรีนครินทร์ เป็นเส้นทางของรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ซึ่งสถานีที่ใกล้โครงการมากที่สุดคือสถานีศรีลาซาลค่ะ

โครงการ Nara Botanic ศรีนครินทร์ ตั้งอยู่ในซอยลาซาลฝั่งขวา จากแยกศรีลาซาลเข้ามาประมาณ 200 เมตร อยู่ใกล้กับโรงพยาบาลศิครินทร์ ในอดีตซอยลาซาลเป็นซอยตันที่เชื่อมกันเป็นเส้นเดียว ก่อนที่จะถูกถนนศรีนครินทร์มาตัดแยก (ที่แยกศรีลาซาล) ทำให้ซอยลาซาลถูกแยกออกเป็น 2 ฝั่ง มีความแตกต่างกันคือ ซอยลาซาลฝั่งซ้ายจะเป็นซอยทะลุเชื่อมถนนสุขุมวิทกับถนนศรีนครินทร์ มี ร.ร. นานาชาติบางกอกพัฒนากับร.ร.ลาซาล และหมู่บ้าน คอนโด หลายแห่งตั้งอยู่ในซอย ก็จะมีการจราจรที่ค่อนข้างหนาแน่นมากกว่าซอยลาซาลฝั่งขวาที่เป็นซอยตันสั้นๆ ที่แม้ว่าจะมีคอนโด หมู่บ้าน และโรงพยาบาลตั้งอยู่เช่นกัน แต่มีจำนวนน้อยกว่า ทำให้ซอยฝั่งขวานี้การจราจรมีความหนาแน่นน้อยกว่า รถไม่ค่อยติด

ข้อดีของทำเลที่ตั้งโครงการอีกอย่างหนึ่งคือ การที่อยู่ในซอยลาซาลอิงกับถนนศรีนครินทร์ จึงอยู่ในช่วงต้นของถนนศรีนครินทร์ที่แยกออกมาจากถนนบางนา – ตราด จะได้เปรียบในเรื่องของการเดินทางที่สามารถเข้าออกถนนบางนา – ตราด ได้ง่าย ไม่ต้องใช้เวลารถติดบนเส้นศรีนครินทร์นานๆ ซึ่งเส้นศรีนครินทร์นี้ขึ้นชื่อว่ารถติดมากทีเดียวในช่วงเวลาเร่งด่วนนะคะ

สำหรับคนไม่ใช้รถ ก็เดินทางไม่ยากเพราะหน้าโครงการบนถนนลาซาลก็มีพี่วินมาจอดรอรับอยู่แล้ว ถ้าใครนั่ง BTS มาลงแบริ่งก็เดินมาขึ้นรถ 2 แถวในซอยลาซาล จะมีอู่รถสองแถวอยู่ฝั่งขวามือค่ะ เป็นวินรถแดงที่ใหญ่กว่ารถสองแถวทั่วไป เป็นรถ 6 ล้อ และ บ้างทีก็เป็นรถ mini bus สีแดงค่ะ วิ่งสุดซอยลาซาล 7 บาทตลอดสาย (นี่ก็ส่งถึงหน้าโครงการเลยค่ะ ประหยัดดี) 

ความอุดมสมบูรณ์เรื่องอาหารการกินสำหรับโครงการ Nara Botanic ศรีนครินทร์ จะมีความพิเศษที่มีคอมมูนิตี้มอลล์ของนารายณ์อยู่ในที่ดินเดียวกันกับโครงการเลย ทำให้ลูกบ้านสามารถเดินออกมาทานข้าวที่คอมมูนิตี้ได้ โดยไม่ต้องเดินออกมาหน้าซอยลาซาลด้วยซ้ำ เป็นจุดเด่นของโครงการที่ทำให้ลูกบ้านอยู่ในโครงการได้อย่างสบายๆ แต่ถ้าอยากจะออกมาทานข้างนอกโครงการหน่อยก็มีให้เลือกเยอะเช่นกันค่ะ ในซอยลาซาลบริเวณใกล้ๆโครงการก็จะมีให้เห็นอยู่หลายร้านมากเลยนะคะ ส่วนใหญ่เป็นร้านเล็กๆ ริมทางที่ตกแต่งไว้น่านั่ง แต่ถ้าจะหาแบบที่เป็นคอมมูนิตี้มอลล์บนถนนศรีนครินทร์ก็มีให้เลือกอยู่เยอะเช่นกัน เช่น Premier Place ศรีนครินทร์, Jas Urban ที่พึ่งเปิดใหม่ ถ้าจะช้อปปิ้งของใช้เข้าบ้านก็จะมี Makro ศรีนครินทร์, Big C สำโรง, Foodland ศรีนครินทร์ ให้เลือก สำหรับศูนย์การค้าใหญ่ส่วนใหญ่จะตั้งอยู่บนถนนบางนา-ตราด และถนนศรีนครินทร์ฝั่งสวนหลวง ร.9 ก็จะมี Central บางนา, Mega Bangna, Paradise Park, Seacon Square ศรีนครินทร์

นอกจากนี้ในอนาคตถนนศรีนครินทร์ยังมีแผนของรถไฟฟ้าสายสีเหลืองในอนาคตจาก MRTA ซึ่งคาดว่าสถานีที่ใกล้กับโครงการที่สุดคือสถานีศรีลาซาล

 การเดินทางมาโครงการสามารถเดินทางมาได้หลายเส้นทาง ถ้ามาจากเส้นทางหลักอย่างถนนบางนา-ตราด และถนนศรีนครินทร์ก็มีเส้นทาง ดังนี้ค่ะ

  • เส้นทางที่ 1 ถ้ามาจากทางด่วนลงบางนา วิ่งบางนาตราดแล้ววนเกือกม้ามุ่งหน้าเทพารักษ์จะวนมาเข้าศรีนครินทร์ขับมานิดเดียวก็จะเจอแยกลาซาล มีป้ายบอกไปโรงพยบาลศิครินทร์อยู่ เราก็เลี้ยวซ้ายเข้าไปเลย โครงการอยู่ขวามือ
  • เส้นทางที่ 2 วิ่งจาก Mega Bangna มายังโครงการ ก็วิ่งทางขู่ขนานถนนบางนา – ตราดมาเรื่อยๆ แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าถนนศรีนครินทร์ จะมีป้ายบอกทางไปโครงการนาราโบทานิคเลย
  • เส้นทางที่ 3 วิ่งมาจากถนนศรีนครินทร์ฝั่งเข้าเมืองก็มาเลี้ยวขวาเข้าถนนลาซาลที่แยกศรีลาซาล เลี้ยวเข้าซอยลาซาลประมาณ 200 ม. โครงการจะอยู่ทางขวาค่ะ

สำหรับการเดินทางในวันนี้จะใช้เส้นทางที่ 2 วิ่งตามถนนบางนา – ตราดไปเรื่อยๆ จาก Mega Bangna ไปยังโครงการ ถ้าวันหยุดมาเดินเล่น Mega Bangna ก็เดินกลับเส้นทางนี้ได้สะดวกเลยค่ะ

เริ่มเดินทางบนถนนคู่ขนานบางนา – ตราด บริเวณหน้า Mega Bangna ซึ่งจัดเป็นศูนย์การค้าใหญ่ ที่มีความครบครันมากแห่งหนึ่งในย่านนี้ ภายในมีทั้ง IKEA, โรงหนัง, Homepro, Big C, Sephora, Eve and Boy พร้อมร้านอาหารและร้านค้าชั้นนำก็มีให้เลือกมากมาย

ตรงมาเรื่อยๆ จะผ่านอาคารสำนักงาน Interlink Tower เป็นแหล่งงานอีกแห่งหนึ่งของคนทำงานในย่านนี้ ซึ่งด้านข้างอาคารก็จะมีตลาดขายอาหาร เพื่อรองรับพนักงานค่ะ

ตรงมาอีกไม่ไกลก็มีป้ายให้เลี้ยวซ้ายเข้าถนนศรีนครินทร์

ตามทางมาเรื่อยๆ ถนนช่วงนี้เป็นทางวนใต้สะพานข้ามแยกถนนศรีนครินทร์ บรรยากาศก็จะเงียบๆหน่อย ไม่เหมือนบนถนนศรีนครินทร์ที่มีความคึกคักมากทีเดียวนะคะ

ตามทางมาเรื่อยๆก็ถึงทางบังคับให้เลี้ยวซ้ายเข้าถนนศรีนครินทร์แล้ว บรรยากาศของถนนก็เปลี่ยนไปจะเริ่มเห็นอาคารใหญ่

เข้ามาบนถนนศรีนครินทร์จะเห็นป้ายบอกทางไปโครงการ นารา โบทานิค ชัดเจนเลย ก็ชิดซ้ายไว้ ไม่ขึ้นสะพานนะคะ

ผ่านปั๊ม ปตท. ก็สามารถแวะเติมน้ำมันก่อนกลับบ้านที่นี่ได้เลย สะดวกดีค่ะ

ผ่านปั๊มมาไม่ไกลก็จะถึงแยกศรีลาซาล เราจะเลี้ยวซ้ายเข้าซอยลาซาล (ซ.สุขุมวิท 105) ไปนะคะ ซึ่งบริเวณหัวมุมมีจุดสังเกตุคือป้ายร้านหัวปลาช่องนนทรี สาขา ศรีนครินทร์

เข้ามาในซอยลาซาลเป็นถนน 4 เลน ซึ่งขอบทางทั้ง 2 ฝั่ง มักจะมีรถจอดอยู่เสมอ ทำให้เหลือถนนวิ่งฝั่งละเลน แต่ในซอยนี้รถก็ไม่ค่อยติดเท่าไหร่ พอวิ่งกันไปได้เรื่อยๆนะคะ จากแยกศรีลาซาลเข้ามาประมาณ 200 ม.ก็จะถึงโครงการแล้ว ด้านข้างโครงการติดกับ Collection House รวมร้านอาหาร 4 ภาค ที่ภายในเปิดเป็นร้านขายอาหาร มีหลายร้านให้เลือก

ถึงหน้าโครงการแล้วก็เลี้ยวขวาเข้าโครงการได้เลย

มาดูรอบๆที่ดินของนารายณ์กันก่อนนะ ทางเข้าออกที่ติดกับซอยลาซาลเป็นถนนที่เข้าออกได้ทางเดียว ถนนข้างทางเข้าโครงการฝั่งทิศตะวันออกเป็นคอนโด 8 ชั้น ถัดไปเป็นโรงพยาบาลศิครินทร์ ส่วนฝั่งทิศตะวันตกเป็น Collection House ที่รวมร้านอาหาร 4 ภาค ภายในมีร้านค้า ขายอาหาร ขายกาแฟ อยู่หลายร้าน

เข้ามาดูบริบทโดยรอบของตัวโครงการกัน แปลงที่ดินทางทิศตะวันตกและทิศใต้จะติดกับโครงการอื่นๆภายในที่ดินของนารายณ์ ส่วนทางทิศตะวันออกและทิศเหนือจะติดกับที่ดินภายนอกของบุคคลื่น ซึ่งก็มีทั้งที่เป็นโรงพยาบาลและโกดัง ดังนี้

  • ด้านทิศเหนือ จะติดกับโรงพยาบาลศิครินทร์
  • ด้านทิศใต้ ติดกับโครงการคอนโด Parkland Lakeside ของนารายณ์
  • ด้านทิศตะวันออก ติดกับโกดังเนสเล่
  • ด้านทิศตะวันตก ติดกับพื้นที่ถนนส่วนกลางของนารายณ์

เรามาดูสภาพแวดล้อมที่ติดกับที่ดินของนารายณ์ตั้งแต่ทางเข้ากันนะคะ ภายในเส้นประสีเหลืองเป็นพื้นที่ของนารายณ์ค่ะ ถัดไปคือคอนโดบ้านสวนลาซาล 8 ชั้น

อีกฝั่งหนึ่งขอบเขตของโครงการคือเส้นประสีเหลืองด้านซ้าย ส่วนแปลงที่ดินที่ติดกันฝั่งขวาของโครงการเป็น Collection House

ภายในพื้นที่ของ Collection House ร้านอาหาร 4 ภาค เปิดเป็นร้านอาหาร คาเฟ่ ร้านค้าขายของต่างๆ ซึ่งตรงนี้ก็ที่ฝากท้องในยามหิวได้อีกที่หนึ่ง ซึ่งอยู่ติดกับรั้วของนารายณ์เลย

ภายในพื้นที่ของ Collection House มีลานจอดรถไว้ให้เรียบร้อย

ฝั่งตรงข้ามทางเข้าหลักโครงการที่ติดกับซอยลาซาลเป็นหมู่บ้านพิชญาค่ะ

สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น

  • โรงพยาบาลศิครินทร์ 450 ม.
  • Premier Place 1 กม.
  • Makro 1.1 กม.
  • Big C ศรีนครินทร์ 1.3 กม.
  • โรงเรียนบางกอกพัฒนา 2.7 กม.
  • JAS Urban ศรีนครินทร์ 3.1 กม.
  • Paradise Park 3.9 กม.
  • เซ็นทรัลบางนา 4.8 กม.
  • Big C บางนา 4.8 กม.
  • Seacon Square 4.8 กม.
  • โรงพยาบาลไทยนครินทร์ 4.9 กม.
  • Mega Bangna 7.5 กม.
  • สนามบินสุวรรณภูมิ 25 กม.

 


เจาะลึกตัวโครงการ

โครงการ Nara Botanic ศรีนครินทร์ คือเส้นขาวๆที่ลากเนื้อที่โครงการให้ดูคร่าวๆนะคะ ไม่เป๊ะ โครงการอยู่ถัดลึกเข้าไปต่อจากโครงการ Parkland ศรีนครินทร์อีกที ใช้ทางเข้าออกด้านหน้าร่วมกัน ข้างในโครงการมีคอมมูนิตี้มอลล์ 2 ชั้น เพื่อสร้างความสะดวกให้กับลูกบ้าน ตรงนี้มีร้านค้า 7-11 ร้านอาหาร ร้านกาแฟ ชาบู ร้านโยคะ ร้านขายยา ก็พอจะช่วยได้บ้าง จากโครงการ Nara Botanic เดินออกมาไม่ไกล

สำหรับพื้นที่ดินของนารายณ์ในตอนนี้จะมีโครงการขึ้นอยู่ 3 โครงการคือ คอนโด Parkland ศรีนครินทร์, คอนโด Parkland Lakeside และหมู่บ้าน Nara Botanic นอกจากนี้ยังมีที่ดินเปล่ารอการพัฒนาในอนาคตอยู่อีกผืนหนึ่ง ซึ่งก็คงต้องรอดูกันต่อไปว่าจะถูกพัฒนาเป็นอะไรกันต่อไป

ทางเข้าโครงการที่ติดกับถนนซอยลาซาล เป็นทางเข้าที่ไม่ได้มีไม้กระดกกั้น สามารถผ่านเข้าไปได้เลย ซึ่งก็จะเข้าไปถึงได้แค่ส่วนของคอมมูนิตี้มอลล์นะคะ สำหรับโครงการคอนโดและหมู่บ้านด้านในจะมีไม้กระดกกั้นแยกแต่ละโครงการไว้อีกทีหนึ่ง เข้าไปดูด้านในกันเลย

จากทางเข้าโครงการเข้ามาจะเป็นถนน 4 เลนไปกลับ มีเกาะกลางกั้นตรงกลาง ซึ่งทางโครงการลงต้นไม้ใหญ่ไว้ค่อนข้างแน่นมาก ทำให้บรรยากาศดูร่มรื่น ฝั่งซ้ายมือเป็นที่ตั้งของคอมมูนิตี้มอลล์ของนารายณ์ ส่วนตึกสูงทางขวาคือคอนโด Parkland ศรีนครินทร์ ที่เปิดมานานประมาณ 9- 10 ปีแล้ว ลูกบ้านเข้าอยู่กันเรียบร้อย ทำให้พื้นที่ส่วนกลางบริเวณหน้าทางเข้านี้จะมีความคึกคักของผู้อยู่อาศัยที่เห็นได้อยู่สม่ำเสมอ

คอมมูนิตี้มอลล์ของนารายณ์ที่ทำไว้รองรับลูกบ้าน จะมีรถจอดข้างทางบริเวณหน้าคอมมูนิตี้มอลล์ตลอด ส่วนใหญ่ก็เป็นลูกบ้านมาจอดทานข้าว ซื้อของกันนี่แหละค่ะ

ภายในคอมมูนิตี้มอลล์ก็จะมีทั้งร้านอาหาร, 7-11, ซัก อบ รีด, ร้านขายยา, ที่เล่นโยคะ, ร้านตัดผม, ร้านชาบู มากมายไว้อำนวยความสะดวกแก่ลูกบ้าน

คอมมูนิตี้มอลล์นี้มี 2 ชั้นนะคะ ชั้นบนก็แบ่งเป็นร้านต่างๆ เช่นกัน

ผ่านคอมมูนิตี้มอลล์เข้ามาในโครงการจะเจอวงเวียนแยกเข้าโครงการต่างๆ ซึ่งช่วยทำให้การเดินรถง่ายขึ้น ทั้งคนที่แยกเข้าไปโครงการ Parkland ศรีนครินทร์ Lakeside ด้านใน หรือถ้าไปหมู่บ้าน Nara Botanic ก็แยกออกไปทางซ้ายได้เลยค่ะ

บริเวณหน้าโครงการทำซุ้มป้ายชื่อไว้สวยงาม มีการประดับด้วยไม้พุ่มและไม้ใหญ่แสดงถึงความร่มรื่น ส่วนซุ้มทางเข้าอยู่ทางซ้ายมือ

บรรยากาศบริเวณหน้าทางเข้าโครงการ ที่นอกจากจะร่มรื่นด้วยต้นไม้สีเขียวแล้ว ยังมีน้ำโอบล้อมโครงการไว้ฝั่งหนึ่งค่ะ

มาดูผังโครงการ Nara Botanic ศรีนครินทร์ เป็นโครงการบ้านเดี่ยว 2 ชั้น 127 ยูนิต บนเนื้อที่โครงการ 37-0-68 ไร่ ซึ่งโครงการนี้เริ่มขายเฟส 1 ตั้งแต่ปี 2556 จึงก่อสร้างแล้วเสร็จ โอน และมีลูกบ้านเข้าอยู่แล้วส่วนหนึ่ง สำหรับตอนนี้โครงการเปิดขายถึงเฟส 3 (เป็นเฟสสุดท้าย) มีกำหนดสร้างเสร็จและโอนได้ทั้งหมดภายในกลางปีนี้ค่ะ แบบบ้านในเฟส 3 มีการปรับแบบให้มีขนาดใหญ่ขึ้น มีพื้นที่ใช้สอยเพิ่มขึ้นจากเฟส 1,2 ซึ่งปัจจุบันบ้านตัวอย่างทั้ง 2 แบบสร้างเสร็จแล้วสามารถเข้าไปเยี่ยมชมได้ สำหรับพื้นที่ส่วนกลางพร้อมใช้งานแล้วค่ะ

ภาพรวมของโครงการทำมาได้มีความร่มรื่นสมกับชื่อโครงการที่ว่า Nara Botanic เราจะเห็นพื้นที่สีเขียวที่ทางโครงการให้เป็นพื้นที่ส่วนกลางหลักๆอยู่ 2 ตำแหน่ง ได้แก่ สวนส่วนกลางที่บริเวณหน้าโครงการและทางเดินริมน้ำซึ่งโอบล้อมด้านหนึ่งของโครงการเอาไว้ ยาวตั้งแต่หน้าโครงการถึงด้านในโครงการ รวมถึงบรรยากาศริมถนนภายในโครงการที่ลงต้นไม้ใหญ่ไว้ให้ตลอดแนว ก็ทำให้เกิดร่มเงาทั้งบนถนนหลักและถนนซอยค่ะ

จากถนนหลักตรงเข้ามาในโครงการฝั่งขวาจะเป็นบล็อกบ้านที่หันหน้าเข้าถนนหลัก ส่วนฝั่งซ้ายจะผ่านสวนส่วนกลางและคลับเฮ้าส์ของโครงการซึ่งเป็นที่ตั้งของสระว่ายน้ำและ Fitness ซึ่งการจัดคลับเฮ้าส์ไว้ใกล้ทางเข้าโครงการมีข้อดีตรงที่ในกรณีที่ลูกบ้านไม่อยากรับแขกที่บ้านก็สามารถใช้พื้นที่สโมสรในการต้อนรับแขกได้สะดวก จากสโมสรตรงไปเรื่อยๆจะเจอวงเวียนซึ่งเป็นจุดที่แจกถนนออกเป็นซอยย่อย สำหรับซอยย่อยส่วนใหญ่จะเป็นซอยที่สามารถวนถึงกันได้ มีแค่ไม่กี่ซอยที่เป็นซอยตัน สำหรับซอยที่สามารถวนถึงกันได้ก็มีข้อดีที่มีเส้นทางเข้าออกบ้านได้หลากหลาย แต่ก็จะเสียความเป็นส่วนตัวไปเหมือนกัน สำหรับซอยตันจะเข้าถูกบังคับทางเข้าบ้านได้เส้นทางเดียว แต่ก็แลกมากับความไม่พลุกพล่านในการอยู่อาศัย ถนนหลักโครงการจากซุ้มทางเข้ามีความกว้าง 12 ม. ส่วนถนนซอยจะมีความกว้าง 9 ม. ถ้ามีบ้านไหนจอดรถหน้าบ้านก็คงจะใช้งานกันลำบากหน่อย ซึ่งทางโครงการแจ้งว่าลูกบ้านเดิมของเฟส 1,2 ก็มีข้อตกลงร่วมกันถึงการไม่จอดรถหน้าบ้าน อันนี้พูดยากเพราะขึ้นอยู่กับความร่วมมือของลูกบ้านในโครงการด้วยค่ะ

การวางตัวของบ้านแต่ละหลัง จะหันหน้าเข้าหาถนนภายในโครงการ มีทั้งที่หันเข้าถนนหลักและถนนซอย ส่วนการเลือกตำแหน่งของบ้านก็จะขึ้นอยู่กับความชอบส่วนบุคคล สำหรับลูกบ้านที่ชอบความสงบแนะนำให้เลือกหลังที่อยู่ท้ายโครงการก็จะได้ความเป็นส่วนตัวมากกว่า เพราะจะไม่มีเพื่อนบ้านผ่านเข้าออกเยอะ ส่วนผู้ที่เน้นเข้าออกสะดวก ก็เหมาะจะเลือกหลังที่อยู่ด้านหน้าโครงการค่ะ

สำหรับทิศของบ้านในโครงการส่วนใหญ่จะหันไปทางทิศเหนือและทิศใต้ ซึ่งเป็นทิศยอดนิยมในการเลือกบ้านเลยทีเดียว บ้านที่หันไปทางเหนือแน่นอนว่าก็จะได้แสงที่ธรรมชาติหน่อย ไม่ค่อยแรงมาก ส่วนบ้านที่หันไปทางทิศใต้จะได้แสงที่แรงกว่าและลมที่แรงกว่าด้วย แบบบ้านของโครงการตอนนี้มีให้เลืออยู่ 2 แบบ แต่ละแบบจะมีฟังก์ชันที่เพิ่มขึ้นตามขนาดของบ้าน การเลือกบ้านก็ขึ้นอยู่กับความต้องการในการใช้สอยและความชอบ สำหรับผู้ที่ต้องการพื้นที่มีพื้นที่สวนรอบบ้านกว้างๆและมีงบประมาณเพิ่มขึ้นได้อีกหน่อยก็เลือกบ้านหลังมุมก็ได้

ซุ้มประตูหลักของโครงการออกแบบมาให้มีขนาดใหญ่ทำให้ตัวโครงการดูพรีเมี่ยม ซุ้มทางเข้าเป็นแบบมีหลังคาไว้หลบฝนหลบแดดได้ ทางเข้าโครงการเป็นคอนกรีตแสตมป์ถูกยกพื้นให้มีระดับที่สูงกว่าถนนส่วนกลางของนารายณ์ เพื่อช่วยในการระบายน้ำและป้องกันน้ำไหลเข้าโครงการได้ ซุ้มประตูของโครงการจะมีป้อม รปภ.จะอยู่บริเวณเกาะกลางเพื่อแยกฝั่งรถเข้า-ออกโครงการ ด้านข้างมีฟุตบาททางเดิน 2 ฝั่ง เพื่อแยกทางเท้าออกจากทางรถยนต์ ทำให้เกิดความปลอดภัยมากขึ้น

ระบบรักษาความปลอดภัยจะเป็นไม้กระดกกั้น ด้านข้างป้อมพี่รปภ.มีกล้อง CCTV ส่องคนขับในระยะใกล้พร้อมเครื่องสแกนบัตรสำหรับลูกบ้าน ส่วนผู้มาติดต่อก็จะต้องทำการแลกบัตรกับพี่ รปภ. แล้วก็จะได้ใบกระดาษมาเพื่อจะต้องแสตมป์และยื่นให้พี่ยามในขาออก

ผ่านซุ้มโครงการเข้ามาที่ถนนหลักภายในโครงการ เป็นถนนที่มีความกว้าง 12 ม. ด้านซ้ายเป็นสวนส่วนกลางของโครงการ ส่วนด้านขวาเป็นแนวของบ้านอยู่อาศัย ซึ่งทางโครงการทำหลังแรกไว้เป็นสำนักงานขายในปัจจุบันอยู่

ภาพรวมของสวนจะเป็นสนามหญ้าโล่งๆ ล้อมรอบด้วยต้นไม้ใหญ่ที่ให้ความร่มรื่นและไม้พุ่มเพื่อตกแต่งสวน มีพื้นที่ร่มใต้ชายคาไว้สำหรับนั่งเล่นในสวน และมีอุปกรณ์ของเล่นเด็กติดตั้งไว้ด้วย

ภายในสนามเด็กเล่นมีเครื่องเล่นเด็กติดตั้งไว้ให้ตามนี้

พื้นที่สวนที่ติดกับถนนหลักจะถูกทำเป็นเส้นทางเดินใต้ร่มไม้ใหญ่ยาวไปจากคลับเฮ้าส์จนถึงหน้าโคงการ

ถัดเข้ามาด้านในจะเจอสนามบาสฯ เป็นแบบ 3 คนเล่น ส่วนอาคาร 2 ชั้นด้านหลังที่อยู่หลังแนวต้นไม้คือคลับเฮาส์ ซึ่งสระว่ายน้ำก็จะอยู่ที่ชั้นล่างของคลับเฮ้าส์ด้วย ทำให้เกิดความเป็นสัดส่วนของพื้นที่สระว่ายน้ำนะคะ

ทางขึ้น Clubhouse จะอยู่ติดกับถนนหลัก ก่อนถึงวงเวียนด้านในค่ะ

บรรยากาศชั้นล่างของคลับเฮ้าส์ ถูกจัดไว้เป็นที่นั่งเล่นแบบกึ่ง Outdoor สามารถมานั่งรับลมในตอนเย็น หรือมาเฝ้าลูกหลานเล่นน้ำได้ค่ะ

สระว่ายน้ำเป็นระบบเกลือ ขนาด 7 x 20 ม. ลึก 1.2 ม. สระเด็ก แบ่งเป็นสระเด็กที่อยู่ในกรอบเส้นเหลืองขนาดประมาณ 3.5 x 6 ม. ลึก 0.5 ม. ซึ่งสระเด็กจะอยู่ในร่มและมีพื้นที่ด้านข้างสระเด็กให้ผู้ปกครองสามารถดูแลลูกหลานได้ใกล้ชิดค่ะ

ด้านข้างสระว่ายน้ำมีฝักบัวให้ล้างตัวก่อนลงสระ

สำหรับสระผู้ใหญ่จะเป็นแบบเปิดโล่ง จึงเหมาะที่จะมาใช้งานในตอนเย็นๆที่แดดร่มลมตกแล้วนะคะ บรรยากาศโดยรอบของสระให้บรรยากาศที่ร่มรื่นด้วยต้นปาล์ม ได้อารมณ์รีสอร์ท ส่วนด้านข้างจัดเป็นที่นั่งเล่นริมสระไว้ เผื่อคนที่ไม่ได้ชอบว่ายน้ำหนักๆ ก็มานั่งเล่นริมสระ เปลี่ยนบรรยากาศได้

คลับเฮ้าส์ชั้น 2 จะมีบันไดทางขึ้นอยู่ด้านหลัง

ขึ้นมาบนชั้น 2 จะถูกแบ่งพื้นที่ออกเป็น 2 ส่วนหลักๆคือ สำนักงานนิติฯ ที่อยู่ติดกับบันไดเลย อีกห้องหนึ่งเป็นห้อง Fitness ซึ่งเป็นห้องที่อยู่ด้านหน้าได้วิวสระว่ายน้ำ และสวนในชั้นล่าง

บรรยากาศในห้องฟิตเนส เป็นห้องที่ล้อมด้วยกระจก 3 ด้าน ทำให้สามารถรับแสงธรรมชาติเข้ามาภายในห้องได้ และทำให้บรรยากาศดูโปร่งด้วยค่ะ

ภายในมีเครื่องออกกำลังกายประมาณ 8 ชิ้น

วิวจากห้อง Fitness หากมาใช้บริการในเวลากลางวันก็จะได้วิวของสระว่ายน้ำและสวนส่วนกลางของโครงการนะคะ

นอกจากนี้ยังมีพื้นที่ทางเดินโดยรอบบนชั้น 2 ให้ออกมาเดินเล่นได้ด้วย จากพื้นที่ทางเดินก็จะมองออกมาได้วิวของสระว่ายน้ำและสวนส่วนกลางของโครงการเช่นกันค่ะ

ด้านข้างของอาคารคลับเฮ้าส์จะมีที่จอดรถสำหรับลูกบ้านที่ไม่อยากเดินมาใช้งาน ก็ขับรถมาจอดตรงนี้ได้ 3 คันค่ะ

จากคลับเฮ้าส์เดินเข้ามาด้านในโครงการจะเจอวงเวียน ให้ขับรถวนตามเข็มนาฬิกาเพื่อแยกเข้าซอยต่างๆ ไปนะคะ

บรรยากาศของถนนหลักในโครงการ ร่มรื่นด้วยต้นไม้ใหญ่และไม้พุ่ม ที่ทางโครงการทำบรรยากาศออกมาได้น่าอยู่อาศัย

บรรยากาศในซอยย่อยก็มีต้นไม้ใหญ่ริม 2 ข้างทางเช่นกัน

กลับมาที่ Sale Gallery ที่อยู่ติดกับทางเข้าโครงการ เพื่อจะพาไปชมพื้นที่ส่วนกลางอีกตำแหน่งหนึ่ง มีทางเข้าอยู่ด้านข้าง Sale Gallery นี้ค่ะ

เดินตามทางมาเรื่อยๆ จะมาถึงทางลงเพื่อไปยังเส้นทางเดินริมน้ำ

เป็นทางเดินคอนกรีตขนาดเดินคนเดียวกำลังเหมาะ หรือจะใช้เป็นเส้นทางในการวิ่ง Jogging ก็ได้บรรยากาศริมน้ำที่สดชื่นดี

ทางเดินจะเลาะไปตามริมน้ำตลอดแนวตั้งแต่ด้านหน้าโครงการถึงด้านในเลยค่ะ ถ้าลูกบ้านที่อยู่ในซอยด้านในจะมาเดินเล่น ก็สามารถเดินเข้าจากด้านในโครงการได้ ไม่ต้องไปอ้อมเข้าจากหน้าโครงการทางเดียวนะคะ

 

สิ่งอำนวยความสะดวก

  • สระว่ายน้ำ 1 สระ ระบบเกลือ ขนาด 7 x 20 ม. สระเด็ก ขนาด 3.5 x 6 ม.
  • ห้องออกกำลังกาย 1 ห้อง
  • สวนสาธารณะ 6-0-44 ไร่
  • ระบบ CCTV ที่ Main Gate และภายในโครงการ
  • รั้วรอบโครงการสูง 6 ม.
  • Key Card Access ระยะใกล้
  • เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย 24 ชั่วโมง
  • ประตูรั้วโครงการแบบ รั้วกั้นไม้กระดก
  • ถนนหลักกว้าง 12 ม. และถนนภายในกว้าง 9 ม.

 

โครงสร้าง


Product Walkthrough

แบบบ้านในโครงการมี 2 แบบ ซึ่งจะพาไปดูทั้ง 2 แบบพร้อมเทียบกับบ้านมาตรฐานให้ดูกันเลย จะได้ดูไปด้วยว่าบ้านเปล่าที่ได้ ให้อะไรไม่ให้อะไรบ้าง พร้อมแล้วก็ไปกันเลยค่ะ

แปลนบ้านแบบ Nara Botree พื้นที่ใช้สอย 230 ตร.ม. 3 ห้องนอน 4 ห้องน้ำ ที่จอดรถ 2 คัน พร้อมห้องแม่บ้าน จุดที่น่าสังเกตคือการจัดตำแหน่งของโซนแม่บ้านไว้อยู่ด้านหลังบ้านติดกับครัวไทยแบบเปิดโล่ง การเข้าออกของโซนแม่บ้านถูกแยกออกจากทางเข้าออกบ้านให้เป็นอีกทางหนึ่ง ทำให้แบ่งพื้นที่เป็นสัดส่วน และเกิดความเป็นส่วนตัวของผู้อยู่อาศัยในบ้าน พื้นที่ในชั้นล่างเปิดเชื่อมกันจากห้องนั่งเล่นถึงพื้นที่ทานอาหาร และเชื่อมมายังห้องครัว ชั้นบนแบ่งพื้นที่เป็นห้องนอนอีก 3 ห้องพร้อมห้องน้ำในตัวทุกห้อง และมีพื้นที่นั่งเล่นอีกตำแหน่งหนึ่ง เผื่อชั้นล่างมีแขก สมาชิกคนอื่นก็สามารถมานั่งเล่นที่ชั้นบนได้ค่ะ

ภายนอกของบ้านแบบ Botree ถูกดีไซน์ออกมาในไสตล์โมเดิร์น เรียบง่าย โดยรวมของบ้านถูกตกแต่งด้วยสีโทนขาว-เทา ช่องแสงเป็นบานกระจกเขียวตัดแสง ส่วนหลังคาของตัวบ้านเป็นหลังคากระเบื้องแผ่นเรียบเหมาะกับบ้านสไตล์โมเดิร์น หลังคามีความยาวยื่นออกมาพอสมควร ทำให้บังแดดหรือฝนได้ พื้นที่โดยรอบบ้านจะปลูกต้นไม้ไว้ให้แต่จะไม่ได้ฟูเต็มแบบนี้นะคะ สำหรับบ้านจริงที่ได้พื้นที่รอบบ้านจะปูหญ้าไว้ให้ ลงต้นไม้ใหญ่ไว้ 2 ต้น และไม้พุ่มรอบรั้วบ้าน

ด้านหน้ามีประตูเล็กเข้า-ออกสำหรับคนเดิน ทางขวาของประตูรั้วบ้านจะมีตู้ไปรษณีย์สีเงิน เลขที่บ้าน และกริ่ง ส่วนที่ทิ้งขยะจะอยู่ในรั้วบ้านสามารถทิ้งจากด้านในได้เลยไม่ต้องเดินออกมาค่ะ

มาดูด้านข้างของตัวบ้าน รอบตัวบ้านจะเหลือพื้นที่เท่าไหร่ก็ขึ้นอยู่กับแปลงที่ดินที่เลือก แต่ละแปลงจะได้ไม่เท่ากันนะคะ อย่างบ้านตัวอย่างจะเหลือพื้นที่มากหน่อย ก็จะมีพื้นที่ให้ปลูกต้นไม้ใหญ่ได้และเหลือพื้นที่ปูแผ่นคอนกรีตเป็นทางเดินเล่นได้อีกด้วย บ้านจริงที่ได้ก็จะปูหญ้ามาให้เรียบๆนะคะ

พื้นที่ด้านหลังของตัวบ้านจะมีพื้นที่เหลือพอให้ปลูกต้นไม้อีกเช่นกัน ซึ่งทางโครงการจะปลูกเป็นต้นไม้ริมรั้วเหมือนแบบบ้านตัวอย่างเลยนะคะ

บริเวณด้านข้างอีกฝั่งของบ้านจะเหลือพื้นที่ไว้ปลูกต้นไม้ได้อีกเช่นกัน ซึ่งบ้านจริงก็จะปลูกต้นไม้ริมรั้วและปูหญ้ามาให้แล้ว ส่วนฝั่งซ้ายมีบันไดทางเข้าส่วนของแม่บ้าน ซึ่งจะแยกทางเข้าออกจากตัวบ้าน ทำให้แบ่งพื้นที่ระหว่างผู้อยู่อาศัยในบ้านกับส่วนของแม่บ้านได้อย่างชัดเจน

พื้นที่ของแม่บ้านเป็นพื้นที่ที่ถูกแยกออกมาจะเชื่อมกับตัวบ้านที่ประตูเข้าบ้านด้านหลัง ซึ่งก็จะเชื่อมกับส่วนของห้องครัวในตัวบ้าน ซึ่งข้อดีคือเวลาที่เจ้าของไม่อยู่บ้านก็สามารถปิดประตูบ้านได้ทั้งหมด ส่วนแม่บ้านก็จะอยู่เฉพาะในพื้นที่ของเค้าที่ด้านหลังบ้าน ที่มีพื้นที่ครัวไทย เป็นครัวเปิดโล่งด้านหลังบ้าน บ้านจริงที่ได้ก็จะได้เคาน์เตอร์ครัวมาแบบนี้เลย ส่วนห้องทางฝั่งขวาจะเป็นห้องนอนแม่บ้าน และห้องน้ำแม่บ้านที่แยกไว้เป็นสัดส่วน

ห้องนอนแม่บ้านแม่บ้านมีขนาดไม่ใหญ่นัก แต่พอจะตั้งเตียงเดี่ยวและตู้เสื้อผ้าได้ ภาบในมีหน้าต่างเพื่อเปิดระบายอากาศได้ ส่วนห้องน้ำก็จะได้แบบนี้เลย มีสุขภัณฑ์และอุปกรณ์อาบน้ำครบถ้วน

จากพื้นที่ส่วนของแม่บ้านวนออกมาถึงโรงรถด้านหน้าบ้าน พื้นลานจอดรถลงเสาเข็มไว้เช่นเดียวกับตัวบ้าน ไม่ต้องกลัวเวลาดินทรุดแล้วโรงจอดรถเกิดแยกออกจากตัวบ้าน ตัวลานจอดรถเทคอนกรีตเสริมเหล็กปู Stamped Concrete ไว้ ส่วนหลังคาบ้านจะคลุมที่จอดรถได้ 2 คันนะคะ

ประตูเข้าบ้านฝั่งโรงรถจะเป็นประตูไม้บานเปิด-ปิดที่ยกขึ้นสูงจากพื้นหน้าบ้านเช่นกัน โดยมีเฉลียงเล็กๆด้านหน้าที่มีระดับพื้นที่ยกขึ้นจากพื้นโรงจอดรถสำหรับตั้งม้านั่งหรือทำตู้เก็บรองเท้าได้ตลอดแนวเลย ประตูฝั่งที่จอดรถนี้เป็นประตูบานเปิดปิด ด้านข้างประตูมีปลั๊กไฟพร้อมฝาครอบกันน้ำ ติดให้ 1 ตำแหน่ง ซึ่งข้อดีของการมีปลั๊กไฟฝั่งที่จอดรถทำให้สามารถเสียบปลั๊กไฟเพื่อใช้เครื่องดูดฝุ่นทำความสะอาดรถได้สะดวก และติดไว้อยู่ฝั่งที่มีกันสาดจากด้านบนยาวกว่าอีกฝั่ง ช่วยป้องกันน้ำเข้าปลั๊กไฟได้ค่ะ

ห้องเก็บของจะอยู่ด้านหน้าบ้านฝั่งโรงจอดรถเช่นกัน เป็นห้องมีประตูปิดเรียบร้อย เอาไว้เก็บของใช้นอกบ้าน อย่างอุปกรณ์ทำสวน ซ่อมรถยนต์ อะไรแบบนี้

วนมาทางประตูหน้าบ้านอีกฝั่งหนึ่งเป็นทางเข้าหลักหน้าบ้าน ซึ่งเป็นประตูกระจกบานเลื่อนอยู่บนพื้นเฉลียงที่ถูกยกระดับพื้นขึ้นมาจากพื้นในโรงจอดรถ พื้นที่หน้าประตูทางเข้ามีกันสาดและฝ้าบริเวณเฉลียงก็ติดไฟไว้ให้เรียบร้อย

พื้นเฉลียงหน้าประตูบ้านถูกยกระดับขึ้นจากพื้นลานจอดรถขึ้นมาสูงทีเดียว เพื่อแยกเป็นส่วนถอดรองเท้าหน้าบ้าน ปูด้วยกระเบื้องผสมทรายล้าง มีข้อดีคือช่วยกันลื่นได้ดี ส่วนพื้นในตัวบ้านก็ยกระดับจากพื้นหน้าประตูอีกระดับหนึ่ง

ส่วนประตูกระจกบานเลื่อนหน้าบ้านเป็นบาน Fix ผสมบานเลื่อน จึงเป็นช่องแสงธรรมชาติให้แก่ตัวบ้าน ทำให้มีช่องแสงธรรมชาติที่มาก ตัวบานเลื่อนเป็นแบบเปิดตรงกลาง 2 ด้าน ทำให้ช่องทางเดินเข้าบ้านกว้างประมาณ 1.4 ม. ซึ่งดีกว่าแบบประตูบานเลื่อนที่เปิดได้ทีละข้าง ตัวรางของประตูถูกกดให้มีระดับที่เท่ากับพื้นกระเบื้องด้านในตัวบ้าน จึงไม่ต้องกังวลเรื่องสะดุดบานประตูนะคะ พื้นภายในบ้านจะยกระดับสูงขึ้นจากเฉลียงประมาณ 5 ซม. ปูด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้สีครีมขนาด 60 ซม.ค่ะ

ลักษณะของมือจับบานประตูหน้าบ้านมีพื้นที่ให้จับได้พอดีมือค่ะ ประตูเป็นแบบล็อก 2 ชั้นคือ ตัวล็อกที่มือจับประตูและตัวล็อกก้นหอย 2 ฝั่งของประตูอีกชั้นนึงค่ะ

เข้ามาด้านในส่วนแรกจะเป็นพื้นที่ห้องนั่งเล่น ถัดไปด้านในเป็นพื้นที่รับประทานอาหาร ที่ชั้น 1 จะมีความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดานสูง 3 เมตรก็ถือว่าให้มาสูงโปร่งทีเดียว ผนังในบ้านตัวอย่างจะติด Wallpaper และวัสดุตกแต่งไว้ ซึ่งบ้านจริงจะได้เป็นผนังฉาบเรียบทาสีขาวธรรมดานะคะ ส่วนดวงไฟในบ้านตัวอย่างจะติดไฟดาวน์ไลท์และโคมไฟแขวน ส่วนบ้านจริงจะให้เฉพาะไฟดาวน์ไลท์นะคะ

มาดูรายละเอียดทีละห้องกัน เริ่มจากห้องนั่งเล่นที่อยู่หน้าสุดของตัวบ้าน โซฟาที่จัดไว้เป็นตัวอย่างเป็นโซฟา 5 ที่นั่ง ซึ่งหากมีสมาชิกมากกว่านี้ พื้นที่ตรงนี้ก็สามารถวางชุดโซฟาที่ใหญ่กว่านี้ได้ เพราะยังมีพื้นที่เหลือให้วางเป็นโซฟาเบดได้

ส่วนพื้นที่ผนังสำหรับติดทีวีมีความกว้างประมาณ 3 ม. สามารถ Built-in เป็นชั้นวางทีวีและตู้เก็บของแบบเต็มผนังได้เลย พื้นที่นี้มีระยะระหว่างโซฟาถึงทีวีกว้าง 4.1 ม. จึงสามารถติดทีวีขนาดที่ใหญ่ถึง 60 นิ้วหรือใหญ่กว่านี้อีกก็ได้ค่ะ

ถัดเข้าไปเป็นพื้นที่รับประทานอาหารในบ้านตัวอย่างวางโต๊ะทานข้าวขนาด 6 ที่นั่ง ด้านหลังโต๊ะอาหารมีช่องแสงทั้ง 2 ฝั่งของตัวบ้านที่รับแสงธรรมชาติเข้ามา ทำให้เวลานั่งทานข้าวเวลากลางวันจะร้อนสักนิดต้องติดม่านช่วย แต่ถ้าทำสวนรอบๆ และมีต้นไม้ใหญ่ให้ร่มเงาจะช่วยสร้างบรรยากาศได้ดี ส่วนระยะโดยรอบโต๊ะทานข้าวมีระยะให้ดึงเก้าอี้ออกมานั่งได้พอสมควร หรือจะปรับเป็นโต๊ะทานข้าวขนาด 8 ที่นั่งก็มีพื้นที่พอค่ะ

ช่องแสงทั้ง 2 ฝั่งของผนังเป็นประตูบานเลื่อนให้เชื่อมต่อออกไปบริเวณรอบบ้านได้ โดยสเปคของประตูบานเลื่อนข้างบ้านเป็นประตูบานเลื่อนแบบเปิด 2 ข้างเหมือนแบบประตูหน้าบ้าน ขอบวงกบประตูบานเลื่อนจะถูกฝังให้อยู่ระดับเดียวกับพื้นบ้าน จึงใช้งานได้ง่าย ถ้าต่อเติมเฉลียงออกไปด้านนอกก็ต้องลดระดับพื้นเฉลียงลงไม่ให้เท่ากับพื้นในตัวบ้านนะคะ เพื่อให้น้ำจากภายนอกไม่ไหลเข้าสู่ตัวบ้าน

ลักษณะของมือจับบานประตูข้างบ้านเป็นแบบฝังกับประตู เป็นแบบล็อก 2 ชั้นคือ ตัวล็อกที่มือจับประตูและตัวล็อกก้นหอยที่อยู่ตรงกลางอีกชั้นนึงค่ะ

ด้านหลังโต๊ะทานข้างจะเป็นพื้นที่ของห้องครัว สำหรับบ้านตัวอย่างจะตกแต่งไว้เป็นห้องครัวแบบเปิดไม่ได้มีประตูกั้นให้ ซึ่งบ้านเปล่าที่ได้จะได้เป็นครัวปิด เป็นกำแพงทึบเลยนะคะ ถ้าใครชอบครัวเปิดโล่งๆแบบบ้านตัวอย่างที่จัดไว้ ก็สามารถหาช่างมาทำได้เพราะโครงการสร้างบ้านเป็นแบบก่ออิฐฉาบปูน ไม่ได้เป็นแบบ Precast จึงทุบกำแพง/ต่อเติมบ้านได้

ภายในห้องครัวที่ได้จริงจะได้แบบรูปล่างนะคะ เป็นห้องเปล่าที่เดินท่อน้ำ ระบบไฟรอไว้ให้ มีหน้าต่างบานเลื่อน 2 บานและบาน Fix 1 บาน สามารถเปิดเพื่อระบายกลิ่นและอากาศจากการทำอาหารภายในห้องครัวได้ ส่วนประตูทางซ้ายคือทางออกด้านหลังบ้าน ก็ถือว่าจัดตำแหน่งมาได้ดี ให้อยู่ติดกับห้องแม่บ้านเลยค่ะ

จากโต๊ะทานข้าวมองมาทางฝั่งห้องครัวก็จะเห็นพื้นที่ใช้สอยอีกฝั่งหนึ่งของบ้าน คือห้องครัวที่อยู่ทางขวา แต่บ้านจริงที่ได้จะได้ครัวเป็นครัวปิด ได้ผนังทึบเต็มเส้นเหลือง ตรงกลางเป็นทางไปห้องน้ำกับห้องเก็บของซึ่งพื้นจะลดระดับลงไปหน่อย ส่วนด้านซ้ายสุดเป็นบันไดขึ้นชั้นบนของตัวบ้าน

พื้นที่ใต้บันไดที่เป็นห้องน้ำส่วนกลางและห้องเก็บของ ระดับพื้นทางไปห้องน้ำและห้องเก็บของจะถูกกดลดลงไป 2 ขั้นบันได การลดระดับพื้นตรงนี้เป็นเพราะตำแหน่งของห้องน้ำที่อยู่ใต้บันไดจึงต้องการความสูงของพื้นถึงฝ้าที่เพิ่มขึ้นนะคะ

พื้นที่ใต้บันไดฝั่งซ้ายจะเป็นห้องเก็บของ ส่วนห้องที่ตรงกับทางเดินเป็นห้องน้ำชั้นล่าง

พื้นที่ภายในห้องเก็บของปูกระเบื้องไว้ให้เรียบร้อย การเข้าไปเก็บของจะต้องก้มตัวลงสักหน่อยเพราะเป็นห้องเก็บของใต้บันได

บานประตูห้องน้ำเป็นบานสำเร็จรูปมือจับประตูเป็นแบบก้านโยกเช่นเดียวกับมือจับของประตูหลังบ้าน อาจจะเคยเห็นประตูห้องน้ำมีเกล็ดระบายอากาศกัน แต่สำหรับห้องนี้คือทางโครงการออกแบบมาให้มีหน้าต่างระบายอากาศอยู่ด้านในอยู่แล้ว ประตูจึงไม่จำเป็นต้องใช้แบบมีเกล็ดก็ได้ค่ะ

ห้องน้ำชั้น 1 จะเป็นห้องน้ำแบบ Powder Room คือไม่ได้มีพื้นที่อาบน้ำในห้องนี้นะคะ ภายในมีสุขภัณฑ์และอุปกรณ์ครบถ้วนนะคะ ได้แก่ อ่างล้างมือ กระจกเงา และสุขภัณฑ์ ผนังหน้องน้ำจะกรุกระเบื้องทุกด้าน และมีหน้าต่างระบายอากาศ

อ่างล้างมือของ American Standard มีขนาดกลางๆใช้งานได้สะดวก ส่วนขอบเคาน์เตอร์รอบอ่างมีพื้นที่ให้พอวางอุปกรณ์ที่ใช้ในห้องน้ำได้เยอะพอสมควรเลย ส่วนก๊อกน้ำได้ของ American Standard เช่นกันค่ะ

ตัวเคาน์เตอร์ด้านล่างอ่างล้างหน้าเป็นตู้แบบมีบานปิดนะคะ ภายในเป็นช่องเก็บของมีขนาดไม่ใหญ่มาก สามารถใส่ผ้าผืนเล็กๆได้ แต่ก็อย่าลืมเผื่อพื้นที่ไว้สำหรับซ่อมท่อน้ำด้วย

โถสุขภัณฑ์เป็นโถแบบสองชิ้นยี่ห้อ American Standard หรือเทียบเท่า มาเป็นเซตกับสายฉีดชำระ,ที่แขวนกระดาษชำระและ ที่แขวนผ้าเช็ดมือ พื้นที่รอบโถสุขภัณฑ์มีการเว้นพื้นที่ไว้นิดหน่อยสำหรับการหยิบทิชชู่

ขนาดพื้นที่ใช้สอยในห้องน้ำประมาณ 2.4 x 2 ม. กว้างพอสมควรสำหรับการเป็น Powder Room ซึ่งห้องน้ำชั้นล่างในบ้านหลังนี้ก็ไม่ได้จำเป็นต้องมีพื้นที่ส่วนเปียกสำหรับอาบน้ำก็ได้ เพราะทุกห้องนอนในบ้านหลังนี้ มีห้องน้ำทุกห้องอยู่แล้ว

ต่อมาที่บันไดขึ้นชั้น 2 ตัวบันไดเป็นปูน ระยะลูกตั้งและนอนได้มาตรฐานดี ใช้งานได้สะดวก

วัสดุพื้นของบันไดเป็นไม้สำเร็จรูป ความกว้างของพื้นที่เดินอยู่ที่ประมาณ 90 ซม. ราวกันตกเป็นลูกกรงเหล็กทาสีขาวตกแต่งด้วยแผ่นไม้สำเร็จรูป บันไดจะมีราวกันตกอยู่ตลอด

ราวกันตกของบันไดบ้านแม้ว่าจะไม่ได้เชื่อมต่อกัน แต่ก็ดีที่มีให้ตลอดแนว

ชานพักบันไดเป็นขั้นสี่เหลี่ยมเต็มขั้น มีขนาดกว้างยืนได้สะดวกดีค่ะ

ช่องแสงของบันไดจะจัดไว้ตรงกลางโถงบันได ทำให้ตัวโถงบันไดไม่มืดจนเกินไป ซึ่งส่วนใหญ่แล้วหน้าต่างของโถงบันไดจะหันไปตรงกับหน้าต่างของบ้านตรงข้าม ซึ่งทางโครงการก็ทำระแนงมาให้เรียบร้อยเพื่อไม่ให้เสียความเป็นส่วนตัวในการอยู่อาศัยในตัวบ้านแต่ยังได้แสงธรรมชาติเข้ามาอยู่ค่ะ

ขึ้นมายังชั้น 2 จะพบพื้นที่อเนกประสงค์เป็น Family Area ที่ติดกับห้องนอนใหญ่ ฝ้าในชั้นนี้มีความสูง 2.7 ม. วัสดุพื้นชั้นบนของบ้านหลังนี้จะได้เป็นพื้นลามิเนตค่ะ

บ้านตัวอย่างจัดพื้นที่อเนกประสงค์ชั้นบนไว้เป็นพื้นที่นั่งเล่นอีกตำแหน่งหนึ่งในบ้าน เผื่อเวลาที่ชั้นล่างมีแขก สมาชิกที่เหลือก็สามารถขึ้นมานั่งเล่นบนนี้ได้ สำหรับบ้านจริงเป็นพื้นที่เปล่า ผู้อยู่อาศัยสามารถจัดฟังก์ชันได้ตามไลฟ์สไตล์ของผู้อยู่อาศัยเลย

บ้านตัวอย่างจัดพื้นที่อเนกประสงค์อีกฝั่งหนึ่งให้เป็นพื้นที่สำหรับตั้งโต๊ะทำงานหรือโต๊ะอ่านหนังสือของเด็กในบ้าน ส่วนประตูห้องที่ติดกันเป็นทางเข้าห้องนอนใหญ่

Master Bedroom เป็นห้องนอนที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในบ้าน มีครบทุกฟังก์ชัน ได้แก่ ห้องน้ำในตัว พื้นที่สำหรับทำ Walk-in Closet และระเบียง ภายในห้องมีช่องหน้าต่างและประตูกระจกบานเลื่อนช่วยให้แสงธรรมชาติจากด้านนอกผ่านเข้ามาได้มาก ทำให้บรรยากาศค่อนข้างโปร่งและอบอุ่น

พื้นที่ด้านข้างของเตียงทั้งฝั่งซ้ายขวาและปลายเตียงเหลือพื้นที่ให้เดินรอบเตียงได้สะดวก ด้านในสุดเป็นตำแหน่งของโต๊ะหัวเตียง ซึ่งด้านหลังโต๊ะหัวเตียงติดตั้งปลั๊กไฟสำหรับเสียบชาร์ตแบตโทรศัพท์ หรือเสียบปลั๊กโคมไฟไว้ให้เรียบร้อย

ห้องตัวอย่าง Built-in พื้นที่ด้านปลายเตียงให้เป็นชั้นวางของ ถ้าต้องการติดทีวีก็สามารถติดแบบแขวนผนังหรือ Built-in ตู้เก็บของแบบเต็มผนังแล้วเว้นช่องให้แขวนทีวีได้

ประตูระเบียงห้องนอน ได้เสปคประตูเหมือนกับประตูบานเลื่อนชั้นล่าง คือเป็นวงกบอลูมิเนียมอบสีขาวและบานหน้าต่างเป็นหน้าต่างสีเขียวตัดแสง

พื้นที่ระเบียงมีขนาด 0.9 x 4.3 ม. โดยพื้นที่ระเบียงนี้จะได้ร่มเงาจากหลังคาด้านบนช่วยกันฝนได้ ทำให้พื้นที่ระเบียงตรงนี้สามารถนำเก้าอี้มาตั้ง เพื่อนั่งเล่นเปลี่ยนบรรยากาศได้

ระเบียงปูพื้นด้วยกระเบื้องเซรามิกช่วยกันลื่นได้ดีกว่ากระเบื้องแกรนิตโต้ ส่วนราวกันตกได้เป็นกระจกสีเขียวตัดแสง ทำให้เวลาอยู่ในห้องนอนก็สามารถได้วิวด้านนอกโดยไม่มีราวลูกกรงกันตกมาบัง สำหรับพื้นระเบียงจะถูกลดระดับลงมาจากพื้นห้องนอนเพื่อกันไม่ให้น้ำฝนไหลเข้ามาในตัวห้องได้

จากระเบียงมองกลับเข้ามาในห้องฝั่งปลายเตียง พื้นที่สำหรับทำ Walk-in closet ถูกจัดไว้อย่างเป็นสัดส่วนอยู่บริเวณหน้าห้องน้ำ

ภายในพื้นที่ Walk-in closet มีข้อดีคือสามารถ Built-in ตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่เต็มผนังฝั่ง 2 ฝั่งได้ ส่วนฝั่งขวาเป็นห้องน้ำในตัวของห้องนอนใหญ่ค่ะ

ห้องน้ำในตัวเป็นแบบแยกส่วนเปียกส่วนแห้ง พื้นและผนังห้องทั้งหมดปูด้วยกระเบื้อง

สำหรับสุขภัณฑ์และวัสดุอุปกรณ์ในห้องที่ให้ก็ครบถ้วนเช่นเดียวกับห้องน้ำชั้นล่าง ต่างกันที่สเปคของวัสดุอย่างเคาน์เตอร์ใต้อ่างล้างมือที่ได้ขนาดใหญ่ขึ้น

ส่วนอ่างล้างหน้าในห้องนอนใหญ่ได้เป็นแบบฝังลงบนเคาน์เตอร์ มีขนาดใหญ่กว่าอ่างล้างหน้าของห้องน้ำชั้นล่าง ก๊อกน้ำได้เป็นแบบแยกน้ำร้อนน้ำเย็น แต่ทั้งหมดก็ยังได้ของ American Standard ค่ะ

ส่วนโถสุขภัณฑ์จะอยู่อีกฝั่งหนึ่งของประตู และได้สเปคเป็นแบบสุขภัณฑ์ชิ้นเดียว ข้อดีคือมีรอยต่อของท่อที่น้อยกว่าสุขภัณฑ์แบบ 2 ชิ้น จึงมีความเสี่ยงของปัญหาเรื่องรอยต่อท่อน้อยกว่า

สำหรับพื้นที่ส่วนเปียกภายในห้องน้ำจะมีฉากกั้นอาบน้ำเป็นประตูบานกระจกใส ส่วนด้านในติดตั้งฝักบัวอาบน้ำไว้เรียบร้อย ทั้งที่เป็นแบบ Rain Shower และฝักบัวอาบน้ำแบบจับอาบได้

อุปกรณ์อาบน้ำ ได้แก่ ฝักบัวของ และก๊อกเปิดปิดแบบแยกน้ำร้อนน้ำเย็นของ American Standard มีขนาดจับได้ถนัดมือดีค่ะ

พื้นที่อาบน้ำมีขนาดให้ใช้งานได้สบาย กว้างประมาณ 1 x 2.1 เมตร วัสดุพื้นปูเป็นกระเบื้องผิวด้าน เหมือนกระเบื้องในส่วนแห้งค่ะ

พื้นห้องน้ำถูกลดระดับจากพื้นที่อาศัยส่วนอื่นๆลงมาประมาณ 5 ซม. และพื้นห้องน้ำในส่วนเปียกจะลดระดับลงจากพื้นที่ส่วนแห้งอีก 7 ซม. เพื่อให้เกิดความเป็นสัดส่วนในห้องน้ำและป้องกันน้ำจากภายในห้องน้ำไหลออกไปส่วนอยู่อาศัยอื่นๆค่ะ

ออกมาจากห้องนอนใหญ่จะเชื่อมต่อกับโถงทางเดินบนชั้น 2 ที่เชื่อมไปยังห้องนอนอีก 2 ห้องที่อยู่ฝั่งหลังบ้าน

มาดูห้องนอน 1 ทางฝั่งซ้ายก่อน ด้านในห้องนอนมีพื้นที่กว้างพอสมควรสำหรับห้องนอนขนาดเล็ก มีระยะพื้นถึงฟ้า 2.7 ม.จึงทำให้ค่อนข้างโปร่ง ส่วนพื้นปูด้วยลามิเนตเช่นเดียวกับพื้นในห้องนั่งเล่น ภายในมีหน้าต่างรับแสงธรรมชาติเข้ามา ทำให้ห้องไม่อึดอัด ห้องตัวอย่างถูกจัดวาง Furniture ต่างๆไว้เป็นไอเดียในการตกแต่ง ได้แก่ เตียงขนาด 5 ฟุต ด้านข้างวางโต๊ะหัวเตียงไว้ทั้ง 2 ฝั่งและตู้เสื้อผ้าที่ Built-in ไว้เต็มผนังฝั่งที่ติดกับประตู และพื้นที่ปลายเตียงมีพื้นที่พอทำชั้นวางทีวีได้ค่ะ สำหรับบ้านจริงจะไม่ได้ให้ Furniture นะคะ จะเป็นห้องเปล่าค่ะ

พื้นที่รอบเตียงทั้ง 3 ด้านมีพื้นที่เหลือให้สามารถเดินขึ้นเตียงได้อย่างสบาย ส่วนหัวเตียงด้านในก็มีพื้นที่ให้วางโต๊ะหัวเตียงได้ทั้งเช่นกัน

ห้องตัวอย่างตกแต่งพื้นที่ปลายเตียงเป็นโต๊ะเขียนหนังสือ ถ้าต้องการติดตั้งทีวีก็สามารถใช้เป็นทีวีแบบแขวนผนังได้

อีกฝั่งหนึ่งที่ติดกับประตูเป็นห้องน้ำในตัว ซึ่งด้านหน้าของห้องน้ำมีพื้นที่ให้สามารถวางตู้เสื้อผ้า หรือจะ Built-in ตู้เสื้อผ้าให้เต็มถึงผนังแบบในบ้านตัวอย่างเลยก็ได้ แต่มุมนี้แนะนำให้ทำเป็นตู้บานสไลด์นะคะ เพราะจะทำให้ประหยัดพื้นที่ด้านหน้าตัวตู้ ไม่ต้องเผื่อระยะเปิดตู้ค่ะ

ภายในห้องน้ำจะถูกแยกส่วนเปียกและส่วนแห้งชัดเจนด้วยระดับพื้นที่ต่างกัน นอกจากนี้มีหน้าต่างให้ 1 ตำแหน่ง ทำให้มีช่องถ่ายเทอากาศภายในห้องน้ำ

ภายในจะติดตั้งสุขภัณฑ์และอุปกรณ์ในห้องน้ำไว้ครบนะคะ โถสุขภัณฑ์ได้แบบ 2 ชิ้นเหมือนห้องน้ำในชั้นล่าง พร้อมที่แขวนกระดาษชำระและสายฉีดชำระ ซึ่งในบ้านจริงก็จะให้ลายกระเบื้องและสุขภัณฑ์ตรงตามแบบนี้นะคะ ผนังด้านหลังอ่างล้างหน้าในส่วนแห้งมีข้อดีที่สามารถติดกระจกได้เต็มบานช่วยให้ห้องน้ำดูกว้างขึ้นค่ะ

พื้นที่อาบน้ำมีขนาดกว้างประมาณ 0.85 x 1.4 เมตร สามารถใช้งานได้สะดวก

ภายในพื้นที่อาบน้ำติดตั้งฝักบัวอาบน้ำไว้เรียบร้อย ผนังด้านข้างถูกเซาะร่องเป็นชั้นวางอุปกรณ์อาบน้ำ

อุปกรณ์อาบน้ำ ได้แก่ ฝักบัวของ American Standard ขนาดจับได้ถนัดมือดี และก๊อกเปิดปิดของยี่ห้อเดียวกัน

ต่อไปมาดูห้องนอน 2 เป็นห้องที่มีขนาดใหญ่ขึ้นมากว่าห้องที่แล้ว หรือเรียกได้ว่าเป็นห้องนอนลูกคนโปรด ซึ่งจะมีพื้นที่ด้านหน้าประตูเพิ่มขึ้นมาจากห้องนอนเล็ก เป็นโถงทางเดินเข้าห้องซึ่งจะมีห้องน้ำในตัวอยู่ทางซ้ายมือของประตูห้องเลย มีข้อดีที่ทำให้พื้นที่ภายในห้องดูเป็นสัดส่วนมากขึ้นค่ะ

สำหรับห้องน้ำจะมีขนาดและวัสดุ อุปกรณ์ในห้องน้ำเหมือนกับห้องน้ำในห้องนอน 1 เลย แบ่งพื้นที่ใช้งานออกเป็นส่วนเปียกส่วนแห้ง จึงใช้งานได้เป็นสัดส่วนดี

ส่วนด้านในจะเป็นพื้นที่สำหรับวางเตียง ขนาดของห้องสามารถวางเตียงขนาด 5 ฟุตได้แต่ทางบ้านตัวอย่างจัดไว้ให้ดูเป็นเตียงเดี่ยว ซึ่งถ้าวางเตียง 5 ฟุตก็ต้องแลกกับพื้นที่วางโต๊ะหัวเตียงนะคะ ห้องนี้มีข้อดีที่เป็นห้องมุมทำให้มีหน้าต่างหลายด้านนะคะ นอกจากจะได้วิวภายนอกแล้ว ยังเป็นช่องแสงธรรมชาติของห้องด้วยค่ะ

พื้นที่รอบเตียงทั้ง 3 ด้านมีพื้นที่เหลือให้สามารถเดินขึ้นเตียงได้อย่างสบาย ส่วนหัวเตียงด้านในก็มีพื้นที่ให้วางโต๊ะหัวเตียงได้เช่นกัน

ห้องตัวอย่างตกแต่งพื้นที่ปลายเตียงเป็นชั้นวางทีวีแบบไม่เต็มพื้นที่ ซึ่งถ้าต้องการพื้นที่เก็บของเยอะๆ ก็สามารถ Built-in เป็นชั้นวางของเต็มพื้นที่แล้วเว้นช่องไว้ติดตั้งทีวีแบบแขวนผนังก็ได้

อีกฝั่งหนึ่งของเตียงเป็นตำแหน่งสำหรับวางตู้เสื้อผ้า ถ้าไม่ได้ Built-in เป็นตู้เสื้อผ้าเต็มผนังก็สามารถแบ่งพื้นที่ทำเป็นโต๊ะเครื่องแป้งได้เหมือนแบบในบ้านตัวอย่าง ทางเดินทางซ้ายเป็นทางเดินเข้าออกห้อง ซึ่งจะมีห้องน้ำอยู่ทางขวาของประตูห้องค่ะ

มาดูบ้านอีก Type ที่มีขนาดใหญ่สุดในโครงการคือ แบบ Nara Bonito พื้นที่ใช้สอย 280 ตร.ม. 4 ห้องนอน 4 ห้องน้ำ ที่จอดรถ 3 คัน พร้อมห้องแม่บ้าน ซึ่งแบบนี้ถือว่าออกแบบมาได้ดี ลงตัวและสามารถปรับฟังก์ชันให้เหมาะสมกับฟังก์ชันการใช้งานของแต่ละครอบครัวได้

มาดูที่ผังชั้นล่างกันก่อนจะสามารถแยกพื้นที่ใช้สอยหลักๆออกมาได้เป็น 3 ส่วน ดังนี้ ส่วนแรกคือพื้นที่ห้องนั่งเล่น พื้นที่ทานข้าวและส่วนครัวแบบ Pantry ที่อยู่ติดกัน โดยพื้นที่ตรงนี้เป็นพื้นที่ใช้สอยหลักของบ้านที่สมาชิกทุกคนในบ้านจะได้มาพบปะกัน จึงทำเป็นพื้นที่โล่งๆ เชื่อมต่อ ไม่ให้เกิดการแบ่งเป็นห้องเล็กๆ ซึ่งจะทำให้อึดอัด ส่วนที่ 2 คือห้องนอนและห้องน้ำชั้นล่างที่จัดตำแหน่งมาไว้ตรงข้ามกัน ตอบโจทย์ผู้ที่ต้องการห้องนอนในชั้นล่างให้ผู้สูงอายุหรือใช้เป็นห้องนอนสำหรับแขก ก็สามารถกั้นประตูเพิ่ม เพื่อให้เป็นห้องนอนที่มีห้องน้ำในตัวได้ ส่วนที่ 3 คือโซนแม่บ้าน ที่ถูกออกแบบให้มีทางเข้าออกของตัวเองจากนอกบ้าน ทำให้เวลาที่ผู้อยู่อาศัยในบ้านไม่อยู่ก็สามารถล็อกประตูบ้านได้หมด และโซนแม่บ้านถูกจัดตำแหน่งให้อยู่ติดกับครัวไทย จึงเข้ามาใช้งานได้สะดวก ไม่ต้องเดินผ่านส่วนอื่นๆของตัวบ้านเลยค่ะ

สำหรับพื้นที่ชั้น 2 จะคล้ายๆกับบ้านหลังแรกแต่มีความแตกต่างที่ Master Bedroom ของบ้าน Type นี้ได้พื้นที่ฝั่งหน้าบ้านเต็มๆ ฮุบรวมพื้นที่ Family Area บนชั้น 2 เข้ามาอยู่ในห้องนอนด้วย ซึ่งถ้าบ้านไหนต้องการพื้นที่นั่งเล่นบนชั้น 2 ก็สามารถกั้นห้องนั่งเล่นกับห้องนอนใหญ่ให้แยกจากกันก็สามารถทำได้

 

ภายนอกของบ้านแบบ Nara Bonito ถูกดีไซน์ออกมาสไตล์เดียวกับบ้านหลังแรก ตกแต่งด้วยสีเทา – ขาว คล้ายๆกัน ช่องแสงเป็นบานกระจกเขียวตัดแสง ส่วนหลังคาของตัวบ้านเป็นหลังคากระเบื้องแผ่นเรียบ มีความยาวยื่นออกมาจากตัวบ้านเพื่อบังแดดหรือฝนได้พอสมควร หน้าบ้านตัวอย่างเป็นพื้นที่เปิดโล่งไม่ได้ติดตั้งรั้วไว้ ซึ่งบ้านจริงที่ได้ก็จะมีรั้วมาให้เหมือนที่พาไปดูของบ้านแบบแรกเลยค่ะ

ด้านข้างของตัวบ้านในโครงการนี้จะมีพื้นที่กว้างกว่าพื้นที่ด้านหน้าและด้านหลัง ซึ่งทางผู้ออกแบบก็คำนึงถึงโดยการออกแบบประตูบานเลื่อนไว้ในตำแหน่งข้างบ้าน ถ้าหากต้องการต่อเติมเฉลียงนั่งเล่นข้างบ้านก็สามารถทำได้

ถ้าอยากให้มีพื้นที่สีเขียวสำหรับเดินเล่น นั่งเล่นรอบนอกตัวบ้านเยอะๆก็เลือกแปลงมุมจะมีพื้นที่รอบบ้านที่กว้างขึ้น บ้านจริงที่ได้ทางโครงการก็จะปูหญ้าไว้ ให้ต้นไม้ใหญ่ 2 ต้น และไม้พุ่มรอบรั้วบ้าน

พื้นที่ด้านหลังของตัวบ้านจะได้มาเป็นแบบนี้ มีแนวต้นไม้รอบรั้วบ้าน

บริเวณด้านข้างอีกฝั่งของบ้านจะเป็นโซนแม่บ้าน ที่ถูกแยกทางเข้าไว้ให้เข้าจากภายนอกตัวบ้านได้ โดยห้องนอนและห้องน้ำของแม่บ้านจะอยู่ติดกับพื้นที่ซักล้างหลังบ้าน ที่ทางโครงการทำมาไว้อยู่ใต้ชายคา

เดินวนมาถึงฝั่งโรงรถเป็นพื้นที่โล่งสำหรับจอดรถ รายละเอียดจะเหมือนหน้าบ้านของหลังแรกเลยต่างกันที่ขนาดซึ่งบ้านหลังนี้จอดรถได้ 3 คัน ด้านข้างมีทางแยกเดินเข้าโซนแม่บ้านเป็นสัดส่วน

ห้องน้ำแม่บ้าน และห้องนอนแม่บ้านสามารถเข้าจากด้านนอกตัวบ้านได้จากตรงนี้นะคะ

เดินกลับมาที่ประตูหลักของบ้านเป็นประตูกระจกบานเลื่อนเช่นเดียวกับประตูทางเข้าของบ้านหลังแรก สเปควัสดุและขนาดที่ได้ก็เท่ากันค่ะ

เข้ามาด้านในส่วนแรกจะเป็นพื้นที่ห้องนั่งเล่น เปิดโล่งเชื่อมกับพื้นที่ด้านในที่เป็นพื้นที่สำหรับวางโต๊ะทานอาหารและครัวแบบ Pantry ที่เป็นครัวเปิด พื้นที่ชั้น 1 มีความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดานชั้นล่างสูง 3 เมตรเช่นเดียวกับแบบแรก ผนังที่ให้จะเป็นผนังฉาบเรียบทาสีขาว ส่วนดวงไฟจะให้เฉพาะไฟดาวน์ไลท์นะคะ

มาดูรายละเอียดทีละห้องกันนะคะ เริ่มจากห้องนั่งเล่นที่อยู่หน้าสุดของตัวบ้าน โซฟาที่จัดไว้ในบ้านตัวอย่างเป็นโซฟา 5 ที่นั่ง ด้านหลังโซฟาจะมีประตูกระจกแบบบานเลื่อนเปิดได้ทั้ง 2 ฝั่ง เผื่อใครต้องการต่อเติมให้พื้นที่นั่งเล่นเชื่อกับพื้นที่สวนรอบบ้าน ซึ่งช่องแสงในพื้นที่นั่งเล่นให้มาค่อนข้างเยอะ จึงได้รับแสงธรรมชาติเข้ามาในห้องนั่งเล่นมาก แต่จากตำแหน่งของหน้าต่างก็มีข้อเสียที่สามารถมองจากข้างบ้านเข้ามาได้ง่าย ทำให้เสียความเป็นส่วนตัวภายในบ้านไปได้ จึงควรติดม่าน 2 ชั้นให้ด้านในเป็นผ้าโปร่งที่แสงสามารถส่องผ่านเข้ามาได้ และกันสายตาจากบ้านข้างเคียงได้ค่ะ

พื้นที่นั่เล่นมีระยะระหว่างโซฟาถึงทีวีกว้าง 4.3 ม. พอๆกับบ้านหลังแรก สามารถติดทีวีขนาดที่ใหญ่ถึง 60 นิ้ว ได้ บ้านจริงที่ได้จะไม่มีชั้นวางทีวีและฉากกั้นกระจกให้ แต่ก็สามารถเก็บไว้เป็นไอเดียในการตกแต่งได้

เข้ามาดูพื้นที่ทานอาหารและห้องครัวแบบ Pantry ที่เชื่อมเป็นห้องเดียวกันกับห้องนั่งเล่น ทำให้ห้องดูโล่งน่าอยู่อาศัย พื้นที่ฝั่งซ้ายเป็นห้องที่จะจัดเป็นนอนหรือห้องทำงานที่ชั้นล่างก็ได้ ก็เหมาะสมดีเพราะอยู่ติดกับห้องน้ำเลย ส่วนพื้นที่ฝั่งขวาจะมีประตูออกไปห้องครัวไทย ซึ่งก็จะเชื่อมต่อไปโซนแม่บ้านด้านนอกได้

พื้นที่รับประทานอาหารในบ้านตัวอย่างวางโต๊ะทานข้าวขนาด 6 ที่นั่ง ซึ่งก็พอเหมาะกับจำนวนสมาชิกในบ้านขนาด 4 ห้องนอน การจัดโต๊ะทานข้าวในบ้านตัวอย่างนี้เป็นการจัดพื้นที่โต๊ะทานอาหารเชื่อมกับ Pantry ครัว ทำให้พื้นที่ในการใช้งานกว้างขึ้น เวลาทำครัวเสร็จแล้วเริ่มทานข้าว ตัว Pantry ครัวยังสามารถใช้วางน้ำหรือเครื่องปรุงได้ ทำให้ใช้ประโยชน์ทั้งตอนทำครัวและตอนทานข้าวเลยทีเดียว

พื้นที่ติดกับโต๊ะทานอาหารที่บ้านตัวอย่างจัดไว้เป็นครัวแบบ Pantry ไว้เตรียมอาหารเล็กๆน้อยๆก็สะดวกดีไม่ต้องเดินไปใช้ห้องครัวก็ได้ ซึ่งบ้านจริงเป็นบ้านเปล่า ผู้อยู่อาศัยก็สามารถออกแบบฟังก์ชันให้เข้ากับไลฟ์ไสตล์ของตัวเองได้เลย ด้านข้างมีประตูสำหรับออกไปห้องครัวไทยแบบปิด

ภายในห้องครัวไทย พื้นจะปูพื้นด้วยกระเบื้องสีครีมต่อเนื่องกับพื้นในส่วนครัว Pantry ในตัวบ้าน ส่วนผนังเป็นผนังปูนฉาบเรียบทาสีค่ะ บ้านจริงที่ได้จะให้เคาน์เตอร์ครัวมาแบบนี้เลย ด้านซ้ายมีประตูหลังบ้านออกไปยังโซนแม่บ้าน

จากห้องครัวไทยมองมาอีกฝั่งหนึ่งของตัวบ้านเป็นตำแหน่งสำหรับห้องนอนชั้นล่างหรือจะใช้เป็นห้องทำงานก็ได้ ซึ่งมีตำแหน่งอยู่ตรงข้ามกับห้องน้ำเลย ถ้าใครจะทำเป็นห้องนอนแบบมีห้องน้ำในตัวก็สามารถทำได้

ห้องนอนที่ชั้นล่างมีอยู่หลายจุดประสงค์ เช่น เพื่อใช้เป็นห้องนอนของผู้สูงอายุ เพราะจะให้เดินขึ้นบันไดไปชั้น 2 ก็คงจะไม่ไหว หรือจะจัดเป็นห้องนอนสำหรับแขกก็เหมาะสมเช่นกัน เพราะอยู่ชั้นล่างไม่ต้องขึ้นไปชั้น 2 ของบ้านที่จะมีห้องส่วนตัวของสมาชิกคนอื่นภายในบ้านค่ะ หรือบ้านไหนยังไม่มีผู้สูงอายุก็สามารถจัดเป็นห้องทำงานที่ชั้นล่างก็ได้

สำหรับการจัดเป็นห้องนอน ถ้าวางเตียงขนาด 5 ฟุตในห้อง จะเหลือพื้นที่ให้สามารถเดินขึ้นเตียงได้โดยรอบ ส่วนโต๊ะหัวเตียงจะวางได้ฝั่งเดียว เพราะอีกฝั่งหนึ่งเป็นพื้นที่สำหรับยืนเลือกเสื้อผ้าหน้าตู้

จากภายในห้องนอนมองออกไปทางประตูจะเห็นห้องน้ำที่อยู่ฝั่งตรงข้าม

เนื่องจากบ้าน Type นี้มีห้องนอนที่ชั้นล่าง ห้องน้ำจึงทำมาเป็นแบบแยกพื้นที่ส่วนเปียกส่วนแห้ง มีพื้นที่สำหรับอาบน้ำ อ่างล้างหน้าและชุดสุขภัณฑ์ได้สเปคเดียวกับห้องนอน 1, 2 ในบ้านหลังแรกเลย ส่วนพื้นที่อาบน้ำมีฉากกั้นอาบน้ำกระจกติดตั้งมาให้เรียบร้อย

พื้นที่อาบน้ำมีขนาดประมาณ 2.2 x 1 ม. เป็นขนาดที่กว้างพอสมควร

ภายในติดตั้งฝักบัวไว้เรียบร้อยของ American Standard มีพื้นที่นั่งอาบน้ำสำหรับผู้สูงอายุมาใช้งานได้สะดวกและมีชั้นวางอุปกรณ์อาบน้ำมาให้เหมือนห้องน้ำของบ้านหลังแรก

ออกจากห้องน้ำจะพาไปชมพื้นที่ใช้สอยในชั้นบนกันต่อ บันไดจะอยู่ระหว่างห้องเก็บของและประตูเข้าบ้านฝั่งโรงจอดรถ

โดยห้องเก็บของสำหรับบ้าน Type นี้ มีขนาดใหญ่ และสูง เก็บของที่มีความใหญ่ได้ ไม่ได้เป็นห้องเก็บของใต้บันไดเหมือนบ้านแบบแรกแล้วนะคะ

บันไดใช้วัสดุของตัวบันไดที่เหมือนกับบ้านหลังแรกเลย

ชานพักบันไดได้เป็นขั้นสี่เหลี่ยมเต็มขั้น ทำให้ยืนพักได้สะดวก โถงบันไดจะมีช่องแสงเข้ามาจากผนังด้านข้างบ้านทำให้บันไดไม่มืดนะคะ

ขึ้นมาที่โถงทางเดินชั้นบน แบ่งง่ายๆออกเป็นห้องนอนฝั่งหน้าบ้านจะเป็นห้องนอนใหญ่ตลอดแนวหน้าบ้านเลยนะคะ ส่วนด้านหลังบ้านจะแบ่งพื้นที่ด้านหลังเป็นห้องนอน 2 ห้องซ้ายขวา สำหรับวัสดุปูพื้นชั้น 2 ของบ้าน Type นี้จะใช้เป็นพื้นEngineering Wood ซึ่งได้สเปคที่ดีกว่าบ้านหลังแรกนะคะ

มาดูห้องนอน 1 กันก่อน ผังห้องจะเหมือนกับห้องนอน 1 ของบ้านหลังแรกเลย ซึ่ง Lay Out นี้ก็จัดมาได้ลงตัวดี บรรยากาศโดยรวมในห้องค่อนข้างโปร่งโล่งจากแสงธรรมชาติที่ผ่านเข้ามาทางช่องหน้าต่างที่มีทั้ง 2 ฝั่ง มีพื้นที่สำหรับวางเตียงนอนขนาด 5 ฟุต โดยมีพื้นที่ทางเดินเหลือทั้ง 2 ฝั่ง

 

ภายในห้องมีห้องน้ำในตัว ซึ่งด้านหน้าของห้องน้ำมีพื้นที่ให้สามารถวางตู้เสื้อผ้า หรือจะ Built-in ตู้เสื้อผ้าให้เต็มถึงผนังแบบในบ้านตัวอย่างเลยก็ได้ แต่มุมนี้แนะนำให้ทำเป็นตู้บานสไลด์นะคะ เพราะจะทำให้ประหยัดพื้นที่ด้านหน้าตัวตู้ ไม่ต้องเผื่อระยะเปิดตู้ค่ะ

ห้องน้ำภายในห้องน้ำจะปูกระเบื้อง ส่วนผนังจะเป็นผนังกรุกระเบื้อง แบ่งพื้นที่การใช้งานเป็นโซนเปียกและโซนแห้ง มีหน้าต่างให้ 1 ตำแหน่ง ทำให้มีช่องถ่ายเทอากาศภายในห้องน้ำได้ ทำให้ห้องน้ำไม่อับค่ะ สุขภัณฑ์และอุปกรณ์ต่างๆจะเหมือนกับแบบห้องนอน 1 ของบ้านหลังแรกเช่นกัน

มาดูห้องนอน 2 กันก่อน Lay Out ห้องจัดออกมาเหมือนห้องนอน 2 ในบ้านหลังแรกเช่นกัน จึงมีพื้นที่ใช้สอยที่มากกว่าห้องนอน 1 และมีความเป็นสัดส่วนด้วยประตูห้องน้ำที่หันออกทางโถงทางเดินเข้าห้องแทน จึงดูเป็นสัดส่วนมากขึ้น

ส่วนด้านในจะเป็นพื้นที่สำหรับวางเตียง บ้านตัวอย่างจัดมาเป็นเตียงเดี่ยว ซึ่งจริงๆแล้วขนาดของห้องสามารถวางเตียงขนาด 5 ฟุตได้ นะ แต่ก็จะเหลือพื้นที่ทางเดินในห้องลดลง ห้องนี้จะได้หน้าต่าง 2 ฝั่งเช่นเดียวกับห้องนอน 1 ทำให้ห้องดูโปร่งจากแสงธรรมชาติที่เข้ามาได้มาก

อีกฝั่งหนึ่งของเตียงเป็นตำแหน่งสำหรับวางตู้เสื้อผ้า ถ้าไม่ได้ Built-in เป็นตู้เสื้อผ้าเต็มผนังก็สามารถแบ่งพื้นที่ทำเป็นโต๊ะเครื่องแป้งได้เหมือนแบบในบ้านตัวอย่าง ทางเดินทางซ้ายเป็นทางเดินเข้าออกห้อง ซึ่งจะมีห้องน้ำอยู่ทางขวาของประตูห้องค่ะ

ห้องน้ำในตัวเป็นแบบแยกส่วนเปียกส่วนแห้งเหมือนกับห้องน้ำในห้องนอน 1 พื้นและผนังห้องทั้งหมดปูด้วยกระเบื้องเหมือนกัน รวมถึงวัสดุอุปกรณ์ในห้องที่ให้และขนาดพื้นที่อาบน้ำในส่วนเปียกก็เหมือนกันด้วย

มาต่อกันที่พื้นที่อยู่อาศัยอีกฝั่งหนึ่งของบ้าน ซึ่งฝั่งนี้จะเป็นพื้นที่ของ Master Bedroom ตลอดทั้งแนวตั้งแต่หน้าบ้านถึงหลังบ้าน จึงเป็นห้องที่มีขนาดใหญ่ประมาณครึ่งหนึ่งของพื้นที่อยู่อาศัยในชั้น 2 เลย ผนังห้องฝั่งหนึ่งที่ได้เป็นผนังกระจก ซึ่งตรงนี้เองที่หากทำบ้านไหนต้องการทำเป็น Family Area ที่ชั้น 2 ก็สามารถกั้นห้องแบ่งกับห้องนอนได้

ภายใน Master Bedroom กัน ภายในห้องมีขนาดใหญ่จัดฟังก์ชันครบ และได้พื้นที่ในแต่ละฟังก์ชันใหญ่เต็มเม็ดเต็มหน่วยคือมีห้องน้ำในตัว, มี Walk-in Closet, มีระเบียงและมีพื้นที่นั่งเล่นพักผ่อนที่สามารถกั้นแบ่งห้องไปเป็น Family Area ของครอบครัวที่ชั้น 2 ได้ ระยะพื้นถึงฝ้าสูงเท่ากับห้องนอนชั้น 2 ห้องอื่นที่ 2.7 ม.ค่ะ

พื้นที่นั่งเล่นดูทีวีที่ถูกแบ่งออกเป็นสัดส่วน ได้แสงธรรมชาติจากประตูกระจกบานเลื่อนสำหรับเปิดออกไประเบียง

ซึ่งสเปคของวัสดุและระยะขอบวงกบด้านล่างจะเหมือนระเบียงใน Master Bedroom ของบ้านหลังแรกเลยนะคะ

ระเบียงในห้องนี้มีขนาด 1 x 3.6 ม. เป็นพื้นที่ใต้ชายคา มีหลังคาคลุมกันฝนไว้เรียบร้อย ทำให้พื้นที่ระเบียงตรงนี้สามารถนำเก้าอี้มาตั้ง เพื่อนั่งเล่นเปลี่ยนบรรยากาศได้

 

ตำแหน่งสำหรับวางเตียงนอนอยู่อีกฝั่งหนึ่งของห้อง ภายในมีมีพื้นที่ค่อนข้างกว้างตั้งเตียงขนาด 6 ฟุต ได้และเหลือพื้นที่เดินรอบเตียงได้สบาย หน้าต่างภายในห้องได้มาเยอะเกือบเต็มผนังด้านหน้าของตัวบ้าน ทำให้ห้องได้แสงธรรมชาติเข้ามามาก จึงดูโปร่งโล่ง น่าอยู่อาศัย

ถ้าต้องการความเป็นส่วนตัวเฉพาะห้องนอนก็ทำฉากกั้นแบ่งห้องเพิ่มขึ้นมาได้ เผื่อเวลาที่คุณผู้หญิงจะนอนก่อนส่วนคุณผู้ชายยังดูทีวีอยู่ก็ปิดฉากกั้นแบ่งพื้นที่ได้ หรือถ้าทำเป็น Family Area ก็กั้นห้องนอนแยกออกมาเลยได้

 

ด้านข้างของเตียงจะมีพื้นที่ใช้สอยอีกฝั่งหนึ่งของห้องที่เป็นพื้นที่ Walk-in Closet และห้องน้ำ

ภายในพื้นที่ Walk-in closet สามารถ Built-in ตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่เต็มผนังฝั่งขวาที่ติดกำแพง ส่วนพื้นที่ด้านหน้าคงถูกใจคุณผู้หญิงเป็นพิเศษเพราะสามารถวางโต๊ะเครื่องแป้งได้สบายๆ ส่วนฝั่งซ้ายเป็นห้องน้ำในตัวของ Master Bedroom

ห้องน้ำของห้องนอนใหญ่ จัดพื้นที่มากว้างพอสมควร พื้นและผนังห้องน้ำกรุกระเบื้องลายหินอ่อน โดยแบ่งพื้นที่ใช้งานไว้หลายแบบตามแต่ผู้ใช้งานจะเลือกใช้ ได้แก่พื้นที่อาบน้ำแบบ Shower และแบบอ่างอาบน้ำ

หน้าตาของอ่างอาบน้ำที่ได้ ตัวอ่างจะยกพื้นสูงจากพื้นประมาณ 30 ซม

ด้านในเป็นห้องอาบน้ำมีฉากกั้นประตูกระจกมาให้เป็นบานเปลือยกระจกนิรภัยใสพร้อมอุปกรณ์สแตนเลส ภายในจะมีฝักบัวและ Rain Shower ของ American Standard มาให้สเปคเดียวกับฝักบัวใน Master Bedroom ของบ้านหลังแรก

พื้นที่อาบน้ำในห้องนี้มีขนาดประมาณ 2.1 x 1 ม. กว้างดี ใช้งานได้สะดวก

หน้าตาปลั๊กและสวิทซ์ตามมาตรฐานโครงการค่ะ

**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ

 

ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 8 February 2017

  • แบบ Botree ที่ดิน 84 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 230 ตร.ม. ราคา 14.08 ล้านบาท
  • แบบ Bonito ที่ดิน 85.1 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 280 ตร.ม. ราคา 15.99 ล้านบาท

  • จองและทำสัญญา 250,000 บาท
  • ดาวน์ 20% ผ่อนดาวน์ 4-5 งวด
  • ที่ดินเพิ่มลด ราคาตร.วาละ 90,000 บาท
  • ค่าส่วนกลาง 30 บาท/ตร.วา/เดือน จัดเก็บล่วงหน้า 1 ปี
  • ค่าจดจำนอง ผู้ซื้อเป็นผู้ชำระ
  • ค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายในการโอนกรรมสิทธิ์ ผู้ซื้อแล้วผู้ขายชำระฝ่ายละครึ่ง
  • ค่าประกัน มิเตอร์ไฟฟ้า ประปา ผู้ซื้อเป็นผู้ชำระ

**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ


เจาะลึกรวบยอด

ทำเล – Nara Botanic ศรีนครินทร์  เป็นโครงการที่ตั้งอยู่ในซอยลาซาล(สุขุมวิท 105) ในช่วงท้ายซอยที่เลยจากแยกศรีลาซาลมาประมาณ  200 ม. จึงมีข้อดีของการอยู่ใกล้แยศรีลาซาล คือ จะได้เปรียบในเรื่องของการเดินทางที่สามารถเข้าออกถนนบางนา – ตราด ได้ง่าย ไม่ต้องใช้เวลารถติดบนเส้นศรีนครินทร์หรือในซอยลาซาลนานๆ สามารถตัดออกไปบางนา-ตราด ขึ้นทางด่วนได้เลย ประหยัดเวลาไปได้เยอะ ส่วนการเดินทางสำหรับคนไม่ใช้รถ ก็เดินทางไม่ยากเพราะหน้าโครงการบนถนนลาซาลก็มีพี่วินมาจอดรอรับอยู่แล้ว ถ้าใครนั่ง BTS มาลงแบริ่งก็เดินมาขึ้นรถ 2 แถวในซอยลาซาล จะมีอู่รถสองแถวอยู่ฝั่งขวามือค่ะ เป็นวินรถแดงที่ใหญ่กว่ารถสองแถวทั่วไป เป็นรถ 6 ล้อ และ บ้างทีก็เป็นรถ mini bus สีแดงค่ะ วิ่งสุดซอยลาซาล 7 บาทตลอดสาย (นี่ก็ส่งถึงหน้าโครงการเลยค่ะ ประหยัดดี) 

ความอุดมสมบูรณ์ – เรื่องอาหารการกินโดยรอบโครงกาก็จะมีกระจายอยู่ทั่วซอย ที่อยู่ใกล้โครงการที่สุดก็คือคอมมูนิตี้มอลล์ของนารายณ์เองที่ทำไว้ในพื้นที่ส่วนกลางดด้านหน้าก่อนถึงทางเข้าโครงการเลย ถัดมาที่ริมถนนซอยก็จะมี Collection House ศูนย์รวมอาาร 4 ภาค และมีร้านอาหารอยู่หลายร้าน ส่วนตรงหัวมุมสี่แยกศรีลาซาลก็จะมีร้านหัวปลาช่องนนทรี ถ้าบนเส้นศรีนครินทร์ก็จะมีพวกคอมมูนิตี้มอลล์, Hypermarketและศูนย์การค้าใหญ่ให้เลือกอยู่หลายแห่ง หรือถ้าออกไปทางบางนา – ตราดก็จะมีศูนย์การค้าอีกเช่นกันทั้ง Central, Seacon Square, Paradise Park ซึ่งทั้งหมดอยู่ในระยะที่ห่างจากโครงการไม่เกิน 5 กม.

ความปลอดภัย – โครงการนี้ถือว่าให้มาอยู่ในมาตรฐาน มีรั้วกั้นไม้กระดก รปภ.หน้าหมู่บ้าน และใช้ Key Card Access, CCTV ติดตั้งที่ด้านหน้าทางเข้าและทั่วทั้งโครงการ ส่วนรั้วรอบโครงการสูง 6 เมตรไม่ได้แค่เพื่อความปลอดภัยอย่างเดียว ความสูงระดับนี้จะสูงเท่ากับบ้าน 2 ชั้น ซึ่งช่วงบังวิวโรงพยาบาล, โกดังเก็บของที่อยู่ทางทิศเหนือและตะวันออกของโครงการด้วย สำหรับโครงการเฟส  3 ที่มีระดับราคาบ้าน 10++ ถึง 18 ล้าน น่าจะแถมสัญญาณกันขโมยให้อีกหน่อยก็น่าจะสมกับราคาดีนะคะ

วัสดุ – โครงการนี้ให้วัสดุส่วนใหญ่มาตามมาตรฐานของราคา พื้นชั้นล่างเป็นแกรนิตโต้, พื้นชั้นบนของบ้าน Type Botree เป็นลามิเนต ส่วนพื้นชั้นบนของบ้าน Type Bonito เป็นพื้นเอ็นจิเนียริ่ง, ตัวบันไดเป็นไม้มะค่า, วงกบอลูมิเนียมอบสีขาว, ไฟเป็นดาวน์ไลท์ทั้งหมด ส่วนห้องครัวได้ชุด Built-in เคาน์เตอร์ครัว (เฉพาะครัวไทย) ห้องน้ำได้ชุดสุขภัณฑ์ของ American Standard ครบชุด พร้อมฉากกั้นอาบน้ำ ส่วนห้องน้ำใน Master Bedroom แบบบ้านหลังใหญ่สุดจะได้อ่างอาบน้ำมาด้วย

การออกแบบ – การวางผังโครงการออกแบบมาให้มีความร่มรื่นจากต้นไม้ใหญ่ค่อนข้างมากเห็นได้จากแนวต้นไม้ใหญ่ ที่มีอยู่ตลอดทางทั้งบนถนนหลักและในซอยย่อย การแบ่งบ้านออกเป็นซอยย่อยๆ มียูนิตไม่เยอะ ทำให้การอยู่อาศัยไม่อึดอัด ส่วนการออกแบบบ้านจัดวางฟังก์ชันได้ดี แยกโซนแม่บ้านเป็นสัดส่วน และตัวบ้านปรับฟังก์ชันให้เหมาะกับการใช้งานของผู้อยู่อาศัยได้ เช่นห้องนอนในชั้นล่างที่ติดกับห้องน้ำ สามารถกั้นเป็นห้องน้ำในตัวเลยได้ หรือห้องนั่งเล่นในห้องนอนใหญ่ที่ปรับเป็น Family Area ที่ชั้นบนได้

พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ – จัดมาให้เยอะทั้งสวน ทางเดินริมน้ำ ภายในโครงการร่มรื่นด้วยต้นไม้ใหญ่ มีการดูแลจัดการที่ดี มีคนสวน แม่บ้านทำความสะอาดตลอด คุ้มกับค่าส่วนกลาง 30 บาท/ตร.ม.

สาธารณูปโภคห้มาทั้งทางเดินริมน้ำ สวน Clubhouse Fitness สระว่ายน้ำ ซึ่งน่าจะพอกับจำนวนลูกบ้านที่มีเพียง 127 หลัง 

Judgement

ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง 40%, ความปลอดภัย 15%, การออกแบบและพื้นที่ใช้สอย 15%, วัสดุ 10%, พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ 10%,  และสาธารณูปโภค 10%

เทียบกับแพคเกจ 14-18 ล้านบาท, 8 February 2017

  • ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง 8.5/10 – อยู่ในซอยลาซาล อิงถนนศรีนครินทร์ ใกล้แหล่งความอุดมสมบูรณ์ หาของกินง่าย ในโครงการมีคอมมูนิตี้มอลล์ ในอนาคตมีรถไฟฟ้าสายสีเหลือง
  • ความปลอดภัย 7.75/10 – รั้วกั้นไม้กระดก, รปภ.หน้าหมู่บ้านและในพื้นที่ส่วนกลางของนารายณ์, รั้วรอบโครงการ 6 ม. และ CCTV รอบโครงการ
  • การออกแบบและพื้นที่ใช้สอย 8.5/10 – แบบบ้านดี นำมาปรับฟังก์ชันให้เข้ากับผู้อยู่อาศัยได้
  • วัสดุ 7.5/10 – วัสดุส่วนใหญ่ตามมาตรฐานของบ้านในระดับราคานี้
  • พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ 8.5/10 – ให้พื้นที่สีเขียวมาเยอะ และดูแลได้ดี
  • สาธารณูปโภค 8/10 – ให้สวน Clubhouse Fitness สระว่ายน้ำ และทางเดินริมน้ำ
  • 8.24 / 10.00

BOTTOM LINE

Nara Botanic ศรีนครินทร์ เป็นตัวเลือกที่เหมาะกับครอบครัวขนาดกลาง หรือครบครัวขยายที่มองหาที่อยู่อาศัยในทำเลลาซาล – ศรีนครินทร์ ที่สามารถเดินทางเข้าออกถนนบางนา-ตราดได้สะดวก ต้องการโครงการที่มีของกินครบอยู่ภายในพื้นที่ของโครงการ มีงบประมาณ 14-18 ล้าน มีความสามารถในการผ่อนเดือนละ 99,000 – 130,000 บาท

ช่วยกันคอมเม้นท์ แบ่งปันข้อมูลกับเพื่อนๆที่กำลังหาบ้านหน่อยนะคะ

สมัครสมาชิกพร้อมรับข่าวสารเพิ่มเติม (คลิกที่นี่ )