รีวิวโครงการ

METRIS Ladprao (เมทริส ลาดพร้าว) คอนโด High Rise 29 ชั้น ห่างจาก MRT พหลโยธิน และ Union Mall ประมาณ 290 เมตร จาก Major Development [Walk-in Review]

15 ตุลาคม 2020

อ่านรีวิวล่าสุด

รีวิวฉบับที่ 1449 … วันนี้จะพาไปรีวิว 1 ใน 3 ของคอนโดแบรนด์น้องใหม่ METRIS ลาดพร้าว จาก Major จุดเด่นของโครงการนี้คือทำเลที่อยู่ใกล้แหล่งความสมบูรณ์ทั้ง Union Mall ในระยะเดินได้ ถ้าขยันเดินหน่อยก็ข้ามฝั่งไป Central ลาดพร้าวได้เลยโดยไม่ต้องใช้รถ แถมยังอยู่ห่าง MRT พหลโยธิน ในระยะเดินสบายเพียง 290 ม. ตัวโครงการมีทางเข้าออก 2 ทางคือทางถนนลาดพร้าวและซอยลาดพร้าว 8 ซึ่งเป็นทางลัดใช้ไปออกถนนวิภาวดีฯ และถนนรัชดาฯ ได้ อาคารออกแบบมาในสไตล์ Mid-Century Modern คาดว่าเมื่อสร้างเสร็จคงเป็นที่สะดุดในย่านนี้ ส่วนห้องพักค่อนข้างกว้างมีให้เลือกทั้งแบบ 1,2 Bedroomโดยจะเริ่มต้นที่ 30 ตร.ม. ในราคาเริ่มต้น 3.8 ล้านบาท

Fact @ 11 October 2017

  • METRIS Ladprao (เมทริส ลาดพร้าว)
  • Major Development
  • HIGH CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
  • โครงการตั้งอยู่ใน : ถนนลาดพร้าว เขตจตุจักร
  • คอนโด High Rise 29 ชั้น 1 อาคาร 193 ยูนิต
  • ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 11 ยูนิต
  • ที่จอดรถประมาณ 58 % (Automatic Parking)
  • ที่ดินประมาณ 1-0-78.1 ไร่
  • เริ่มก่อสร้าง : เดือน กุมภาพันธ์ 2561
  • คาดว่าจะแล้วเสร็จ : เดือน พฤษภาคม 2563
  • 1 Bedroom 1 Bathroom 30 – 31 ตร.ม.
  • 2 Bedrooms 1 Bathroom 44 – 52.5 ตร.ม.
  • 2 Bedrooms 2 Bathroom 51 – 61 ตร.ม.
  • ฝ้าเพดานสูง 2.6 เมตร
  • ราคาห้องเริ่มต้น 3.8 ล้านบาท
  • ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรทั้งโครงการ n/a บาท/ตร.ม.
  • EIA (การประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม) : ผ่านแล้ว
  • เวปไซต์โครงการ : คลิกที่นี่
  • โทร  : 02-116-1111

เพียงแค่การกด Like ก็เท่ากับการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจาก Think of Living แล้วครับ

สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างครับ


เจาะลึกเรื่องทำเลที่ตั้ง

ที่ตั้งโครงการ METRIS ลาดพร้าว ถือว่าดีนะคะ ติดถนนใหญ่ ใกล้ห้าแยกลาดพร้าว สามารถเดินไป MRT พหลโยธิน ได้ในระยะประมาณ 290 เมตรและเดินข้ามฝั่งไป Union Mall ต่อได้แบบสบายๆ ซอยข้างๆ โครงการจะเป็นซอย ลาดพร้าว 8 ซึ่งซอยนี้ถือเป็นจุดเด่นโครงการที่เอาไว้เป็นเส้นทางลัดไปเข้าออกถนนวิภาวดีรังสิต ถนนรัชกาภิเษกและซอยโชคชัยร่วมมิตรได้ ช่วยหลีกเลี่ยงรถติดบนถนนลาดพร้าวในช่วงเวลาเร่งด่วนได้ดีค่ะ

ทำเลโครงการ METRIS ลาดพร้าว ตั้งอยู่ติดถนนหลักลาดพร้าวและติดหน้าซอยลาดพร้าว 8 ด้วย เป็นทำเลลาดพร้าวช่วงต้น ระหว่างห้าแยกลาดพร้าว กับ แยกรัชดาฯ-ลาดพร้าว ซึ่งใครเคยผ่านไปมาตรงนี้ช่วงเลิกงานจะรู้เลยว่า “รถติดโคตรๆ” แต่ข้อดีของลาดพร้าวฝั่งเลขคู่ก็คือมีซอยลัดเลาะและสามารถใช้เส้นทางไปออกถนนวิภาวดีรังสิตหรือถนนพหลโยธิน และถนนรัชดาฯ ได้นั่นเอง

ความอุดมสมบูรณ์หลักในละแวกนี้ โครงการถูกขนาบด้วยห้าง 3 อันหลักได้แก่ 1) ยูเนียนมอลล์ 2) Central Plaza ลาดพร้าว 3) BigC Extra+Hompro ด้วยระยะทางที่เดินเท้าไปได้ ถ้าเขยิบออกไปหน่อยก็จะมี Tesco Lotus, เมเจอร์ รัชโยธิน อีกทั้งยังมีตลาดเดินช้อปให้เลือกอีกคือสวนจตุจักร, ตลาด อ.ต.ก., บอง มาร์เช่ และสวนลุมไนท์ฯรัชดาที่พึ่งจะเปิดตัวไปไม่นานนี้มีร้านอาหารมาเพิ่มอีก รวมๆถือว่าอุดมสมบูรณ์ใช้ได้ นอกจากนี้ในซอยย่อยๆ ของลาดพร้าวก็ถือเป็นแหล่ง Hang Out ของคนทำงานในย่านนี้ ซึ่งจะมีร้านอาหาร ร้านเหล้า เปิดให้บริการกันอยู่หลายแห่งทีเดียว

โครงการในอนาคต จากที่ตั้งโครงการที่อยู่ใกล้ห้าแยกลาดพร้าวและใกล้จตุจักร ทำให้มีผลพลอยได้จากโครงการในอนาคตของพื้นที่บริเวณบางซื่อ-จตุจักร ซึ่งจะกลายเป็น Hub (ศูนย์รวม) ของการเปลี่ยนถ่ายเส้นทางการเดินทาง โดยมีแผนของโครงการรถไฟฟ้าและโครงการรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายบริเวณรอบบางซื่อ-จตุจักร ซึ่งจะมีรถไฟฟ้าสายสีแดง สายสีแดงอ่อน และสายสีน้ำเงิน มา Interchange (เชื่อมต่อกับสายอื่นๆ) ที่บริเวณสถานีกลางบางซื่อ และบริเวณที่สายสีเขียวและสายน้ำเงิน Interchange กันที่สถานีหมอชิตและจตุจักรในปัจจุบัน และมีการต่อขยายสายสีเขียวออกไปยาวถึงคูคตตามเส้นทางของถนนพหลโยธิน ทำให้ MRT สถานีพหลโยธินจะกลายเป็นสถานี Interchange กับ BTS สายสีเขียวสถานีห้าแยกลาดพร้าวค่ะ

นอกจากนี้การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ยังมีแผนที่จะพัฒนาพื้นที่โดยรอบสถานีกลางบางซื่อ รวม 305.5 ไร่ ให้เป็นเชิงพาณิชย์หรือคอมเพล็กซ์ซิตี้ อาทิ สำนักงาน ห้างสรรพสินค้า ที่พักอาศัย และพื้นที่นันทนาการ วงเงินประมาณ 68,000 ล้านบาท โดยแบ่งออกเป็น 3 โซน ได้แก่

  • โซน A สมาร์ท บิสซิเนส คอมเพล็กซ์ เนื้อที่ 35 ไร่ วงเงินประมาณ 10,000 ล้านบาท
  • โซน B เอเชี่ยน คอมเมอร์เชียล แอนด์ บิสซิเนส ฮับ เนื้อที่ 78 ไร่ วงเงินประมาณ 24,000 ล้านบาท
  • โซน C สมาร์ท เฮลตี้ แอนด์ ไวเบรนท์ (Vibrant) ทาวน์ เนื้อที่ 105 ไร่
  • โซน D เนื้อที่ 87.5 ไร่ เป็นพื้นที่ที่สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) อยู่ระหว่างการศึกษาและออกแบบถึงศักยภาพในการพัฒนาเป็นจุดเปลี่ยนถ่ายและศูนย์กลางเชื่อมต่อการเดินทาง ภายใต้แนวคิด เวิลด์ รีเนาด์ (Renowned) การ์เด้น อินเตอร์เชนจ์ พลาซ่า

ถ้าแผนพัฒนานี้สำเร็จเมื่อไหร่ ส่วนตัว..ก็คาดการณ์ว่าพื้นที่ในย่านนี้จะกลายเป็นแหล่งงานที่สำคัญแห่งหนึ่งในอนาคต เป็น Hub สำหรับติดต่อธุรกิจ เพราะพื้นที่นี้ในอนาคตจะมีความสะดวกสบายในการเดินทางด้วยรถไฟฟ้าสายต่างๆ หลายเส้นทางที่มาบรรจบกันได้ที่นี่ จึงน่าจะกลายเป็นพื้นที่นัดพบของนักธุรกิจจากหลายพื้นที่ในกรุงเทพฯ และจะทำให้ความต้องการของที่อยู่อาศัยในบริเวณนี้เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆค่ะ

การเดินทางโดยไม่ใช้รถสามารถเดินไปขึ้น MRT สถานีพหลโยธิน ได้ระยะทางประมาณ 290 เมตร ระยะเดินง่ายค่ะ ติดถนนใหญ่ด้วย ระหว่างทางมีร้านค้าตามริมฟุตบาทอยู่บ้าง จะมาเงียบๆหน่อยแถวหน้าบริษัทโอลันที่อยู่ติดกับโครงการนี่เอง

  • ในอนาคต ที่สถานีพหลโยธิน จะกลายเป็น Interchange กับ BTS สายสีเขียวส่วนต่อขยาย “หมอชิต-สะพานใหม่-คูคต” ที่เริ่มมีการก่อสร้างแล้ว แผนเสร็จในปี 2562 และเปิดให้บริการในปี 2563 (ซึ่งผมว่าไม่ทันแผนอยู่แล้ว ส่วนตัวคิดว่าอาจจะได้ใช้ประมาณปลายปี 64) วิ่งผ่านบนถนนพหลโยธิน สถานีที่ใกล้ที่สุดคือสถานีห้าแยกลาดพร้าว
  • นอกจากนั้นถ้าใครติดตามข่าวสารประมูลล่าสุด ซึ่งเห็นว่าผู้ชนะเป็นทางฝั่ง BTS ชนะ สายสีเหลือง “ลาดพร้าว-สำโรง” น่าจะเตรียมตัวเริ่มก่อสร้างประมาณปีหน้า จะทำให้ MRT สถานีลาดพร้าวกลายเป็น Interchange อีกเช่นกัน ตั้งอยู่ช่วงหน้าอาคารจอดแล้วจรบนถนนรัชดาภิเษก
  • ส่วนการเดินทางอื่นๆ สามารถพึ่งพาพี่วินมอเตอร์ไซค์ แท็กซี่ และรถเมล์บนถนนลาดพร้าวได้เลย เรียกรถง่ายไม่ต้องกังวลเพราะโครงการอยู่ติดกับถนนใหญ่ 

มาดูสภาพตลาดคอนโดบนถนนลาดพร้าวช่วงต้น หรือ ช่วงที่เลขซอยน้อยๆ ตั้งแต่ห้าแยกลาดพร้าวมาจนถึงแยกรัชดาฯ-ลาดพร้าวนั้น ตลอดแนวถนนใหญ่ก็มีโครงการคอนโดต่างๆมาจับจองพื้นที่ขึ้นโครงการกันอยู่เรื่อยๆ มีโครงการที่สร้างมานานแล้วรุ่นบุกเบิกอย่าง The Zest, The Light, IDEO ลาดพร้าว 17 , Life@ลาดพร้าว 18, IDEO ลาดพร้าว 5  ซึ่งราคารวมๆโครงการกล่าวถึงในยุคก่อนนี้ (ประมาณ 5-6 ปีก่อน) ราคาอยู่ประมาณ 5-7 หมื่นบาท/ตร.ม. เท่านั้นเอง แต่ปัจจุบันก็มีการปรับราคามือสองขึ้นไปตามราคาที่ดินตามเวลาที่ผ่านไป

ส่วนโครงการที่เพิ่งสร้างเสร็จกันไปบนย่านนี้อย่าง Chapter one midtown ลาดพร้าว24 , Whizdom Avenue รัชดา-ลาดพร้าว ราคาเฉลี่ยปรับตัวสูงขึ้นจนเกิน 130,000-150,000++บาท/ตารางเมตรกันแล้ว ถัดมาที่โครงการเปิดใหม่อย่าง Life ลาดพร้าว ก็มีราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 140,000บาท/ตารางเมตร สำหรับโครงการใหม่ล่าสุดบนย่านนี้อย่าง METRIS ลาดพร้าว เปิดตัวมาด้วยราคา 126,xxx บาท/ตารางเมตร ซึ่งราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรทั้งโครงการกำลังรอคอนเฟิมจากทางโครงการอยู่นะคะ แต่ก็คาดว่าน่าจะเกาะกลุ่มกับโครงการบนทำเลนี้เช่นเดียวกันค่ะ

การเดินทางในวันนี้ผมเดินทางด้วย MRT มาลงสถานีพหลโยธินค่ะ ระยะเดินประมาณ 290 เมตร เป็นระยะที่เดินสบายๆ เดินง่ายๆ เลยคือตรงอย่างเดียว เพราะตัวโครงการติดถนนใหญ่เลยไม่ต้องเข้าซอยซิกแซกอะไร สถานีพหลโยธิน มีประตูทางออกอยู่ทั้งหมด 5 ประตู

  • ประตู 1 : ปากซอยลาดพร้าวซอย 4 (เราใช้ทางประตูนี้นะคะ)
  • ประตู 2 : หน้ามหาวิทยาลัยเซนต์จอห์นเก่า
  • ประตู 3 : เซ็นทรัล ลาดพร้าว หน้าสวนสมเด็จย่า
  • ประตู 4 : บริเวณห้าแยกลาดพร้าว
  • ประตู 5 : หน้ายูเนี่ยนมอลล์  ปากซอยลาดพร้าวซอย 1

การเดินทางวันนี้มาเริ่มต้นจาก สถานีรถไฟฟ้า MRT พหลโยธิน บริเวณทางออกที่ 1 ก็คือฝั่งที่ตรงข้ามกับ Union Mall นั่นเอง

ออกจากสถานีมาแล้วมองไปฝั่งตรงข้ามจะเห็น Union Mall เด่นเป็นสง่าอยู่แบบนี้ ถ้าเราอยากไปเดินเที่ยวก็ง่ายๆ จะข้ามถนนโดยเดินผ่านใต้ MRT ไปขึ้นทางออก 5 ค่ะ

จากสถานีก็เดินตรงมาตามทางเท้าริมถนนลาดพร้าว จะเห็นป้ายโรงเรียนเซนต์จอห์นทางซ้าย ถือว่าเป็นโรงเรียนดังในย่านนี้ที่อยู่ใกล้กับโครงการมากๆ ประมาณ 300 ม. เท่านั้นค่ะ

เดินตรงมาเรื่อยๆ ตลอดแนวจะเป็นตึกแถวที่เปิดชั้นล่างเป็นร้านค้า ร้านอาหาร 7-11 อย่างด้านหน้าเปิดเป็นร้านขายหม้อไฟญี่ปุ่น ซึ่งช่วงเย็นๆ ก็จะเห็นคนในย่านนี้ออกมานั่งตามร้านอาหาร ออกมาหาของกินกันคึกคักค่ะ

มองไปฝั่งตรงข้ามอีกที ซอยที่ติดกับ Union Mall คือซอยลาดพร้าว 1 ซอยนี้เป็นอีกแหล่งความอุดมสมบูรณ์ ภายในมีร้านอาหารเปิดกันคึกคัก รวมถึงร้านในตึกแถวที่ติดกับถนนลาดพร้าวในช่วงนี้ก็จะเปิดขายของ ขายอาหารกันอย่างคึกคักเช่นเดียวกัน

ใครที่อยากแวะซื้ออาหารก่อนกลับโครงการแนะนำเดินฝั่ง Union ก่อนแล้วค่อยข้ามสะพานลอยกลับมาฝั่งเลขคู่ก็ได้ เพราะถัดไปไม่ไกลก็มีสะพานลอยอยู่นะคะ

เดินตรงต่อมา จะผ่านเป็นป้ายรถเมล์ และเป็นจุดที่มี 7-11 ที่เราจะต้องเดินผ่านก่อนถึงโครงการนะคะ

ถัดมาเป็นธนาคาร TMB จุดนี้กลางคืนน่าจะเงียบๆ หน่อย แต่ก็เห็นมีพี่ รปภ. คอยดูแลอยู่ด้วยนะคะ

มองไปฝั่งตรงข้ามอีกทีจะเห็นอาคารสูงประมาณ 17 ชั้น เป็นสำนักงานพร้อมพันธ์ 2-3 ที่เปิดให้เช่า ตึกนี้ก็จะบังวิวระยะไกลทางทิศเหนือไปบางส่วนนะคะ

เดินตรงมาอีกนิดจะเป็นรั้วเขียวขาวยาวๆ เป็นเขตที่ดินของบริษัทโอลัน ก็จะมีแค่ช่วงนี้แหละค่ะ ที่ดูเงียบๆ จริงๆ แต่ที่ตั้งโครงการก็อยู่แปลงถัดไปนี้เองค่ะ

ถึงแล้วนะคะ สำนักงานขายโครงการ METRIS มีการตกแต่งด้วยคอนเซปต์เดียวกับโครงการ

มองไปบนถนนลาดพร้าวต่ออีกสักนิด จะเห็นตึกสูง 2 อาคารขนาบ 2 ฝั่งถนนเลยนะคะ ซึ่งจะมาบังวิวระยะไกลทางทิศตะวันออกค่ะ

ติดกับหน้าโครงการจะเป็นตำแหน่งของป้ายรถเมลล์ ก็ถือว่าสะดวกทีเดียว ถ้าวันไหนไม่อยากเดินหรือนั่งพี่วินไปสถานีรถไฟฟ้า รถเมลล์ก็เป็นตัวเลือกที่ไม่เลวนะคะ

ฝั่งตรงข้ามโครงการเป็นอาคารพร้อมพันธ์ ซึ่งอาคารนี้ไม่สูงนักแค่ประมาณ 5 ชั้น จึงไม่ได้บังวิวห้องพักของโครงการแต่อย่างใด เพราะห้องพักโครงการนี้จะเริ่มต้นที่ชั้น 9 ค่ะ

เดินต่อมาอีกนิดตามรั้วสีแดงๆ ของโครงการ ก็จะถึงซอยลาดพร้าว 8 ซึ่งโครงการเป็นแปลงหัวมุมทำให้มีทางเข้าออก 2 ทาง ทั้งทางถนนลาดพร้าว และซอยลาดพร้าว 8 ค่ะ

บรรยากาศภายในซอยส่วนใหญ่เป็นที่อยู่อาศัย อย่างบ้าน 1-2 ชั้นเป็นส่วนใหญ่ จะมีไม่กี่อาคารที่เป็นอาคารสูงค่ะ

อย่างที่เกริ่นไปเรื่องการเดินทางตอนแรกว่า ลาดพร้าวช่วงนี้และฝั่งเลขคี่ ตอนเลิกงานนั้นติดโคตรๆ จึงเอาภาพบรรยากาศมาฝากกัน มุมที่ยืนนี้คือบนสะพานลอยจะเห็นว่าช่วงกลางวันการจราจรคล่องตัวสบายๆ  พอดีวันที่ไปถ่ายรูปผมอยู่แถวนี้จนถึงหัวค่ำเลยมีรูปการจราจรช่วงเลิกงาน 19.00 น. ครับ ฉายาแยกนี้ “แยกรัชดาลาดพร้าว ลงเดินเท้าไปไวกว่า” เวลาใครจะกลับบ้านก็ต้องกะเรื่องเวลากันหน่อย

**รูปนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการแบบคร่าวๆไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการได้นะคะ

บริบทโดยรอบของโครงการถ้าตามริมถนนลาดพร้าวส่วนใหญ่จะเป็นแนวอาคารพาณิชย์ร้านค้า อาคารสำนักงาน คอนโดมิเนียม ประมาณนี้ ไม่มีอาคารสูงมาประชิดเท่าไร ส่วนพื้นที่ในซอยก็จะเป็นบ้านพักอาศัยเป็นหลัก มีอาคารสำนักงานบ้างแต่ส่วนใหญ่จะไม่เกิน 5-6 ชั้น โดยห้องพักของโครงการเริ่มต้นที่ชั้น 9 ก็พ้นจากอาคารที่ติดกันโดยรอบทั้งหมด แต่ก็หนีไม่พ้นอาคารสูงที่คอยบังวิวอยู่ในระยะไกล ก็เป็นเรื่องปกติของคอนโดในเมืองแบบนี้นะคะ ขอสรุปวิวในแต่ละทิศ ดังนี้

ทิศเหนือ : เป็นทิศที่คิดว่าได้วิวดีสุด แม้จะมีตึกสูงบังวิวในระยะไกล เช่นอาคารพร้อมพันธ์ 3 ที่สูง 17 ชั้น และถัดไปก็เป็นแนวคอนโดสูงๆ ที่ติดกับถนนพหลโยธินอย่าง M ลาดพร้าว ในอนาคตก็จะมี Life ลาดพร้าวอีกตัว แต่ก็ไม่ได้บล๊อกวิวตรงๆ นะคะ

ทิศใต้ : เป็นอีกทิศที่ได้วิวโอเคเพราะหันเข้าด้านในซอยจึงไม่ค่อยมีอาคารบล๊อกวิว แต่ก็จะมีคอนโดเลิศอุบลสกายไลฟ์ทาวเวอร์สูง 15 ชั้น บังวิวในฝั่งนี้อยู่นิดหน่อย

ทิศตะวันออก : จะโดนบล๊อกวิวระยะไกลด้วยคอนโดสูงริมถนนลาดพร้าวไปตลอดแนว

ทิศตะวันตก : โดนบล๊อกวิวระยะไกลด้วยคอนโดวิภาวดีสวีท สูง 20 ชั้น และในระยะที่ไกลอีกหน่อยมีคอนโด The Saint ที่เป็นกำแพงกั้นวิวสวนจตุจักรอยู่นะคะ แต่ก็จะมียูนิตหน้าสุดตรงหัวมุมที่อาจจะได้วิวสวนจตุจักรอยู่บ้างนิดหน่อยค่ะ

 

สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น

  • ยูเนียน มอลล์ + MRT พหลโยธิน ~ 290 เมตร
  • โรงเรียนเซนต์จอห์น ~ 300 ม.
  • Big C Super Center ลาดพร้าว 2 ~ 550 ม.
  • Central Plaza ลาดพร้าว ~ 750 เมตร
  • โรงเรียนหอวัง ~ 1.2 กม.
  • Tesco Lotus ~ 1.3 กม.
  • สวนลุมไนท์บาซาร์ รัชดาภิเษก ~ 1.4 กม.
  • สวนรถไฟ + สวนจตุจักร ~ 1.8 กม.
  • Major รัชโยธิน ~ 2.4 กม.
  • SCB Park ~ 2.6 กม.
  • ตลาด อ.ต.ก. + ตลาดนัดจตุจักร ~ 3.4 กม.

 


เจาะลึกตัวโครงการ

ภาพจำลองโครงการ METRIS ลาดพร้าว จะใช้แนวคิด Remaster The Modern DNA แนวคิดการออกแบบสไตล์ Mid Century Modern (MCM) ซึ่งเป็นการผสมผสานของ “Retro-Modernist” เน้นการลดทอนการออกแบบให้เรียบง่ายและที่โดดเด่นและสะดุดมากที่สุดเห็นจะเป็นเรื่องของสีตึกที่เป็นสีเขียว.. เป็นโทนสีที่เราไม่ค่อยได้เห็นว่าใช้กับอาคารสักเท่าไหร่ ทำให้ดูเท่ไปอีกแบบ เมื่อสร้างเสร็จแล้วน่าจะเป็นอาคารที่ดูสะดุดตาอีกอาคารหนึ่งในย่านนี้ ..เชื่อว่าหลายคนคงอยากเห็นตึกจริงๆ แล้วว่าจะออกมาเป็นสีเขียวเฉดไหน ^^ การออกแบบอาคารจะไปมีลูกเล่นบนชั้นสูงๆ ที่ทำเป็น Step ที่ลดหลั่นไปก็ช่วยลดทอนความทึบตันของอาคารได้เป็นอย่างดีนะคะ

มาดูภาพรวมของโครงการกันก่อนนะคะ METRIS ลาดพร้าว เป็นคอนโดใหม่ของถนนลาดพร้าวตอนต้น ในบริเวณใกล้ห้าแยกลาดพร้าว ซึ่งเป็นทำเลที่น่าจับตามองมากในอนาคต เพราะบริเวณนี้จะมีการพัฒนาของโครงการจากทางภาครัฐและเอกชนอีกหลายโครงการตามที่ได้อธิบายไปในส่วนของทำเล โครงการมีความสูง 29 ชั้น 1 อาคาร ที่ถูกออกแบบมาให้มีมีความ Privacy เป็นพิเศษจากจำนวนยูนิตไม่มากเพียง 193 ยูนิต เทียบกับโครงการใหม่ๆ ในทำเลนี้แล้วถือว่าอยู่กันแบบสงบๆ ได้เลยทีเดียว ส่วนชั้นที่พักอาศัยจะเริ่มที่ชั้น 9 และจะยกพื้นที่ส่วนกลางหลักๆ ไปไว้บนชั้น 24 เพื่อให้ได้วิวเมืองโดยรอบ สำหรับห้องพักก็เลือกมาขนาดมาให้อยู่ได้สบาย โดยจะเริ่มต้นที่ 30 ตร.ม. และความพิเศษของห้องพักคือจะมียูนิตที่เป็นห้องพร้อม Private Garden ส่วนใหญ่ก็จะอยู่ชั้นบนๆ ในส่วนที่เป็น Step ขึ้นไป (ซึ่งห้องที่มี Private Garden เหล่านี้ Sold Out ไปหมดแล้วนะคะ)

โครงการมีทางเข้าออก 2 ทาง โดยมีทางเข้าออกหลักอยู่บนถนนลาดพร้าว และมีทางเข้าออกรองอยู่ในซอยลาดพร้าว 8 จุดนี้ถือเป็นข้อดีมากๆ ของที่ตั้งโครงการ เพราะลาดพร้าวซอย 8 นี้ จะสามารถลัดไปออกถนนวิภาวดีรังสิต, ถนนรัชดาภิเษก ได้ โดยไม่ต้องผ่านเส้นลาดพร้าว จึงเป็นตัวช่วยในการเลี่ยงเวลารถติดบนถนนลาดพร้าวได้ดี

พื้นที่โดยรอบของโครงการส่วนใหญ่เป็นอาคารสูงไม่เกิน 5 ชั้น ซึ่งห้องพักอาศัยจะเริ่มต้นที่ชั้น 9 ทำให้ไม่มีอาคารสูงบังวิวในระยะประชิด แต่ในระยะที่ไกลออกไปนั้นมีแน่นอน ก็เป็นเรื่องปกติของคอนโดใจกลางเมืองแบบนี้นะคะ

เส้นทางการเดินรถยนต์ในโครงการเข้าใจง่ายคือเป็นถนน One-Way เข้าไปแล้วชิดขวาวนมาผ่าน Drop-Off บริเวณหน้าทางเข้าอาคารก่อน หรือหากลูกบ้านต้องการเข้าไปที่จอดรถ Auto-Parking ก็ขับตรงเข้าไปด้านในค่ะ

ตามทางเดินรถมาจะเห็นพื้นที่ด้านข้างที่ทางโครงการจัดฟังก์ชันภายในสวนไว้ให้ตลอดเส้นทาง ไล่เข้ามาตั้งแต่หน้าโครงการก็จะมี BBQ Garden ถัดมาเป็น Outdoor Co-Working Space ซึ่งตำแหน่งจะอยู่ตรงกับ Co-Working Space ภายในอาคาร เผื่ออยากเปลี่ยนบรรยากาศออกมานั่งในสวนบ้างก็สามารถเดินเชื่อมออกมาได้ง่าย ถัดมาเป็น Garden Area และส่วน Highlight ที่โครงการนี้มีให้คือ Pet Zone สำหรับพาสัตว์เลี้ยงมาวิ่งเล่นได้ในบริเวณนี้ ซึ่งจะกั้นเป็นสัดส่วนจากถนนทำให้สัตว์เลี้ยงสามารถวิ่งเล่นได้อย่างปลอดภัย ภายในมีการออกแบบ Landform ที่มีฟังก์ชั่นเอาไว้ เช่นอุโมงค์ พื้นที่วิ่งปีนป่ายต่างๆ

ภาพบรรยากาศจำลองภายใน Co-working Space

ภาพจำลองบรรยากาศบริเวณ Outdoor Co-Working Space ที่มีการยกระดับพื้นขึ้นให้สูงกว่าบริเวณถนนเล็กน้อยเพื่อแบ่งพื้นที่ออกมาให้ชัด และจัดชุดโต๊ะเก้าอี้ให้สามารถมานั่งทำงานในบรรยากาศที่รายล้อมด้วยต้นไม้ได้

วนมาตามทางเดินรถในโครงการ ผ่านทางเข้าออกรองมาก็จะเจอกับทางเข้าที่จอดรถ Auto-Parking ซึ่งโครงการมีอัตราส่วนที่จอดรถถึง 58% ถือว่าเยอะทีเดียวนะคะ ถ้าเทียบกับคอนโดในระยะใกล้รถไฟฟ้านะคะ

ขึ้นมาที่ชั้น 24 เป็นชั้น Facility หลักของโครงการ ในส่วนของส่วนกลาง Outdoor ถูกจัดไว้เป็นโซนสระว่ายน้ำและ Shallow Pool การออกแบบมาให้มีการเล่นระดับ มีพื้นที่ Platform ให้สามารถวาง Daybed ริมสระได้ ทำให้ผู้ที่ไม่ได้ชอบว่ายน้ำหนักๆ ก็สามารถมานั่งเล่น ชมวิวมืองได้ และด้วยการออกแบบตัวสระที่ยกระดับขอบสระขึ้นในลักษณะของสระแบบ Overflow ทำให้พื้นที่ Sky Terrace ที่อยู่ติดกันจะได้มุมมองที่เหมือนอยู่ในสระน้ำ และได้ยินเหมือนเสียงน้ำตก ช่วยสร้างบรรยากาศที่ผ่อนคลายเพิ่มขึ้น ส่วนพื้นที่ส่วนกลางแบบ Indoor ก็จะมีห้อง Dynamic Fitness Center และ Sauna & Steam

ห้องพักในเส้นประสีแดงเป็นห้องพักที่มี Private Garden ถือเป็นห้องที่มี Value พิเศษมากทีเดียว ซึ่งได้รับการตอบรับดีจน Sold Out ไปก่อนห้อง Type อื่นๆ นะคะ ชั้นบนสุดของอาคารจะเป็นชั้น Facility อีกเช่นกัน โดยจัดเป็น Sky Terrace Garden ให้ขึ้นมานั่งเล่น ชมวิว ได้อีกชั้นค่ะ

ภาพจำลองบรรยากาศบริเวณสระว่ายน้ำบนชั้น 24  ก็จะมี Swimming Pool และ Shallow Pool เชื่อมต่อกัน ส่วนทางขวาเป็นพื้นที่ Sky Terrace สำหรับนั่งเล่น ชมวิวบนชั้นนี้

ภาพบรรยากาศจำลองบริเวณ Dynamic Fitness Center ที่อยู่ชั้น 24 ของอาคารช่วยให้ได้วิวที่โล่งและสบายตา

ภาพบรรยากาศจำลองบนชั้น Rooftop ที่จัดเป็น Sky Terrace Garden และ View Point Deck ใครที่ห้องพักอยู่ในชั้นไม่สูงมาก ก็สามารถขึ้นมาชมวิวมุมสูงจากโครงการในช่วงเย็นๆ เป็น City View ในทิศเหนือค่ะ

มาดู Master Plan ของโครงการ METRIS ลาดพร้าว กันต่อนะคะ ดูจากรูปของที่ดินจะเป็นแปลงสามเหลี่ยม มีทางเข้าออก 2 ทางคือทางถนนลาดพร้าวเป็นทางเข้าออกหลัก และทางซอยลาดพร้าว 8 เป็นทางเข้าออกรอง พื้นที่ Lobby ที่เป็นส่วนต้อนรับลำดับแรกจะไม่ได้อยู่ตรงหน้าทางเข้าเลยนะคะ จะถูกวางหลบมาทางด้านข้าง ซึ่งการวางแบบนี้มีข้อดีที่ทำให้เกิด Privacy เพิ่มขึ้นอีกระดับ ช่วยหลบความวุ่นวายและมลภาวะจากถนนลาดพร้าวได้เป็นอย่างดี โครงการนี้จะเน้นเรื่องความปลอดภัยโดยต้องใช้ Key Card ในการเข้าออกอาคารตั้งแต่หน้าทางเข้า Main Lobby เลย ถ้าแขกของลูกบ้านมาหาก็คงต้องให้นั่งรอบริเวณสวนด้านหน้าอาคารไปก่อนนะคะ ส่วนตัวรู้สึกชอบกับระบบแบบนี้เพราะได้รู้สึกปลอดภัยดีค่ะ

ในชั้นนี้พื้นที่นอกอาคารส่วนใหญ่จะเป็นทางเดินรถ สำหรับที่จอดรถทางโครงการรองรับด้วยที่จอดรถแบบ Automatic Car Park รวมที่จอดรถคิดเป็น 58% ส่วน Lift ของโครงการจะมีทั้งหมด 2 ตัว ตัวหนึ่งเป็นลิฟต์โดยสารโดยเฉพาะ อีกตัวหนึ่งเป็น Service Lift ดังนั้นอัตราส่วนลิฟท์จะอยู่ที่ 193 :1 แต่เนื่องจากโครงการทำลิฟท์ Service ให้ใช้งานได้เหมือนลิฟท์โดยสาร อัตราส่วนลิฟท์จะถูกหาร 2 เป็น 96.5 แต่เวลาแม่บ้านใช้งานก็ต้องใช้ลิฟท์ไป 1 ตัวนะคะ

ชั้น 2-8 เป็นชั้น Auto Parking ทั้งชั้นค่ะ

ห้องพักอาศัยจะเริ่มตั้งแต่ชั้น 9 จัดเป็นห้องพักอาศัยทั้งชั้น มีทั้งหมด 10 ยูนิต โดยห้องทางทิศเหนือจะเป็นห้องแบบ 2 Bedroom ทั้งหมด  ส่วนห้องในทิศอื่นๆ จะเป็นห้องแบบ 1 Bedroom ซึ่งห้องในชั้นนี้ก็จะมียูนิตพิเศษที่เป็นห้อง 1 Bedroom + Private Garden ทั้งหมด 3 ห้องนะคะ

สำหรับห้องพักของโครงการนี้ ออกแบบมาให้มีห้องพักทั้ง 4 ทิศเลย ก็จะได้วิวที่ต่างกัน ห้องพักในชั้นนี้ก็จะพ้นอาคารโดยรอบที่ส่วนใหญ่สูง 2-5 ชั้นขึ้นมาแล้ว จึงไม่โดนบล๊อกลมด้วยอาคารในระยะประชิด แต่ระยะไกลในแต่ละทิศจะมีตึกสูงมาบังวิวอยู่บ้าง ก็เป็นเรื่องปกติของคอนโดในเมืองแบบนี้นนะคะ ทิศที่คิดว่าดีได้วิวดีสุดก็จะเป็นห้องทางทิศเหนือและใต้ ถือเป็นทิศยอดฮิตที่คนนิยมเลือกกัน ส่วนห้องทางทิศตะวันออกจะโดนบังวิวระยะไกลด้วยบรรดาคอนโดสูงบนเส้นลาดพร้าว ส่วนทิศตะวันตกมีห้องตรงหัวมุมที่มองตรงๆ ไปน่าจะเห็นสีเขียวๆ ของสวนจตุจักรได้บ้าง แต่ห้องส่วนใหญ่จะถูกบังวิวระยะไกลด้วย คอนโด The Saint ที่ตั้งอยู่บนเส้นวิภาวดีรังสิตนะคะ

ขึ้นมาบนชั้น 10 จะเป็นห้องพักอาศัยทั้งชั้นผังของห้องพักอาศัยเหมือนกับแบบของชั้น 9 นะคะ โดยผังอาคารก็จะเหมือนๆ กันไปจนถึงชั้น 23 เลย สำหรับห้องพักส่วนใหญ่บนชั้นนี้เป็นห้องแบบ 1 Bedroom ก็มีให้เลือกทั้งทิศตะวันออก ทิศตะวันตกและทิศใต้ ส่วนห้อง 2 Bedroom จะได้วิวฝั่งทิศเหนือไปทั้งหมดนะคะ ในเรื่องของวิวก็จะเหมือนๆ กับห้องพักบนชั้น 9 ต่างกันที่พอห้องพักอยู่บนชั้นที่สูงขึ้นก็จะได้วิวในมุมมองที่กว้างขึ้นด้วย

ขึ้นมาที่ชั้น 24 จัดเป็นชั้น Facility หลักของโครงการ ถ้าเทียบจากจำนวนยูนิตของโครงการที่ไม่มากนัก ก็ถือว่าให้มาสมน้ำสมเนื้อ แชร์กันได้สบายๆ ส่วนกลางที่จัดไว้ให้ ได้แก่ Swimming Pool ขนาดประมาณ 20 x 4 ม. ที่ออกแบบให้มีส่วนของ Shallow Pool แบบเล่นระดับ สำหรับใครที่อาจไม่ได้ชอบว่ายน้ำหนักๆ ก็จะมีพื้นที่ให้นั่งเล่น ชิมวิวได้สบายๆ และยังมี Sky Terrace Garden ให้นั่งเล่นได้อีกตำแหน่งหนึ่ง ส่วนกลางภายในอาคารก็จัดไว้หลากหลาย ได้แก่ Dynamic Fitness Center และ Sauna/Steam ที่อยู่ใน Changing Room ค่ะ

การออกแบบพื้นที่ในชั้นนี้ถือว่าทำออกมาได้ดีระดับหนึ่งเลย เนื่องจากในโซนห้องพักอาศัยก็จะมีประตูกั้นอีกชั้นหนึ่ง ทำให้ยังคงรักษาความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยของผู้ที่พักอาศัยในชั้นนี้ไว้ได้ แต่จะมีห้องทางทิศใต้ที่อยู่ติด Lift Lobby น่าจะมีผลจากคนที่เดินผ่านไปมาหน้าห้องพอสมควร

ขึ้นมาที่ชั้น 25 ผังและวิวจะคล้ายๆ ชั้นที่ผ่านมานะคะ แต่จำนวนยูนิตในชั้นนี้จะลดลงอยู่ที่ 6 ยูนิตเท่านั้น ใครที่ชอบให้จำนวนยูนิตต่อชั้นน้อยๆ ก็ต้องเลือกชั้นสูงๆ ขึ้นมานะคะ

ขึ้นมาที่ชั้น 27 ชั้นนี้จะมียูนิตพิเศษคือห้องพักที่มี Private Garden อยู่ 2 ห้อง ถือว่าเป็นห้องที่มี Value สูงของโครงการ  อ้อ! บอกก่อนเลยว่ายูนิตพิเศษแบบนี้ Sold Out แล้วนะคะ ข้อดีของห้องแบบนี้คือทำให้ผู้อยู่อาศัยมีพื้นที่สวนในห้องกว้างๆ แต่ก็ต้องแลกมากับค่าส่วนกลางที่สูงกว่าห้องทั่วไป เพราะมีพื้นที่ใช้สอยที่เยอะกว่า (ส่วนรายละเอียดว่าจะคิดอย่างไร ต้องสอบถามจากทางโครงการนะคะ)

ขึ้นมาที่ชั้น 28 จะเหลือห้องพักอยู่ 4 ยูนิต เป็นห้อง Private Garden 2 ยูนิต ค่ะ

ขึ้นมาที่ชั้น 29 จะเหลือห้องพักอยู่ 3 ยูนิต เป็นห้อง Private Garden 2 ยูนิต

สำหรับชั้นบนสุดของอาคารจะเป็น Roof Floor ซึ่งพื้นที่ส่วนกลางบนชั้นนี้จัดเป็นลักษณะของ Sky Terrace แบบ Open Air มีมุมต่างๆ ให้นั่งชมวิว นั่งพักผ่อน และมีส่วนที่เป็น View Point Deck ไว้ให้ชมวิวทางทิศตะวันตกและทางทิศใต้ด้วยค่ะ นอกจากพื้นที่บนนี้จะใช้เป็น Facilities ที่ชั้นบนสุดแล้ว Roof Floor ยังมีข้อดีที่ช่วยป้องกันความร้อนจากบนหลังคาให้แก่ห้องพักบนชั้น 29 ได้เป็นอย่างดีอีกด้วยค่ะ

 

สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก

  • ชั้น G

  • โถงต้อนรับ
  • ห้องสันทนาการ
  • โค-เวิร์คกิ้ง สเปซ
  • ห้องจดหมาย
  • พื้นที่ทำบาร์บีคิวในสวน
  • พื้นที่สำหรับสัตว์เลี้ยง
  • สวนพักผ่อน
  • พื้นที่ล้างรถ
  • ห้องซักผ้า

  • ชั้น 2-8
    • ที่จอดรถอัตโนมัติประมาณ 58 % ไม่รวมจอดซ้อนคัน

  • ชั้น 9-23
    • ห้องพักอาศัย

  • ชั้น 24
    • ห้องพักอาศัย
    • ห้องออกกำลังกาย
    • Steam and Sauna
    • สระว่ายน้ำ 1 สระ ระบบเกลือ ขนาด 4 x 20 เมตร ลึก 1.2 เมตร และ ที่พักผ่อนริมสระ

  • ชั้น 25-26
    • ห้องพักอาศัย

  • ชั้น 27-29
    • ห้องพักอาศัยพร้อมสวนส่วนตัว

  • ชั้นดาดฟ้า
    • สวนพักผ่อนดาดฟ้า

  • อื่นๆ
    • ระบบรักษาความปลอดภัย 24 ชม.
    • กล้องวงจรปิด 24 ชม.
    • Shuttle Service
    • อินเตอร์เน็ตไร้สายบริเวณส่วนกลางและโถงต้อนรับ
    • ลิฟท์ 1 ตัว/อาคาร
    • Service Lift 1 ตัว
    • อัตราส่วนลิฟท์จะอยู่ที่ 193 :1 (แต่เนื่องจากโครงการทำ Service Lift ให้ใช้งานได้เหมือนลิฟท์โดยสาร อัตรส่วนลิฟท์จะถูกหาร 2 เป็น 96.5 แต่เวลาแม่บ้านใช้งานก็ต้องใช้ลิฟท์ไป 1 ตัวนะคะ
    • ระบบ CCTV / Access Card


    Product Walkthrough

    ห้องพักอาศัยของโครงการ มีให้เลือกตั้งแต่แบบ 1 Bedroom ขนาด 30 – 31 ตร.ม., 2 Bedroom ขนาด 44 – 61 ตร.ม. รูปแบบการขายของที่นี่จะเป็นแบบ Fully Fitted คือ ให้ให้เฟอร์ฯ มาบางส่วน เช่น เคาน์เตอร์ครัว Hob&Hood, วัสดุอุปกรณ์ในห้องน้ำ และ Digital Door Lock ของ Hafele ซึ่งก็เป็นรูปแบบการขายส่วนใหญ่ของโครงการระดับเดียวกันในทำเลนี้นะคะ

    วันนี้จะพาไปชมห้องตัวอย่างของโครงการ ซึ่งจะมีอยู่แบบเดียวเป็นห้องแบบ 2 Bedroom 1 Bathroom ขนาด 47 ตร.ม. จัดมาเป็นห้องหน้ากว้างที่ได้ช่องแสงเยอะ ทำให้ทั้งห้องนอนและพื้นที่ Common Area มีช่องแสงเป็นของแต่ละห้องเองเลย ห้องจึงดูโปร่งโล่ง และมีพื้นที่ใช้สอยค่อนข้างใหญ่ทำให้สามารถจัดแบ่งแต่ละฟังก์ชันได้ชัดเจน ..จากประตูทางเข้าส่วนแรกที่เจอเลยคือพื้นที่ Common Area ที่จะจัดส่วนครัวและพื้นที่นั่งเล่นไว้เชื่อมต่อเป็นพื้นที่เดียวกัน ทำให้พื้นที่ในส่วนนี้ดูกว้าง ใช้งานสะดวก แต่ก็แลกมากับครัวแบบเปิดโล่ง จึงไม่เหมาะกับคนที่ชอบทำอาหารไทยหนักๆ มีกลิ่นแรงๆ นะคะ ส่วนโซนด้านในถูกออกแบบมาให้เป็นโซน Private ชัดเจน โดยจัดให้เป็นพื้นที่ของ Master Bedroom และ Bedroom 2 ส่วนห้องน้ำจะมีอยู่ตำแหน่งเดียว ใช้แชร์ร่วมกันทั้ง 2 ห้องนอน ซึ่งอยู่ด้านในอาคาร ไม่มีหน้าต่าง จึงต้องพึ่งระบบระบายอากาศของอาคารล้วนๆ นะคะ

    จากประตูทางเข้าห้องที่นี่ใช้ประตูขนาดมาตรฐาน 0.8 x 2 ม. วัสดุเป็นไม้ปิดผิวด้วยลามิเนต มีความหนาและแข็งแรงดี มาพร้อม Digital Doorlock ของ Hafele ค่ะ

     Digital Door Lock ที่ติดตั้งมาให้ของ Hafele เป็นแบบใช้ได้ทั้ง Key Card และกดรหัส

    เปิดเข้ามาในห้องพื้นที่ภายในจะแบ่งพื้นที่ต่างๆ ออกเป็นสัดส่วน โดยพื้นที่ส่วนแรกที่เราจะเจอเลยคือ พื้นที่กว้างๆ ของ Common Area ประกอบด้วยส่วนของ Pantry ครัว, พื้นที่ทานอาหาร และพื้นที่นั่งเล่นดูทีวี เพราะพื้นที่ภายในห้องเชื่อมต่อกันเป็นพื้นที่ใหญ่ ทำให้ดูโปร่งโล่ง ไม่อึดอัด ได้แสงธรรมชาติจากประตูบานเลื่อนกระจกสำหรับเปิดออกไประเบียง ส่วนหนึ่งที่ห้องตัวอย่างดูโปร่งก็มาจากฝ้าเพดานที่สูงเกือบ 3 ม. แต่ห้องจริงที่ได้จะสูง 2.6 ม. ก็จะลดระดับลงมาจากนี้อีกหน่อย พื้นปูด้วยไม้ลามิเนต 8 มม. ก็จัดว่าได้ตามมาตรฐานค่ะ

    เข้ามาในห้องแล้วหันกลับมาที่ประตูทางเข้า ในส่วนของประตูนั้นก็มี Door Stopper ติดไว้ให้ด้านหลังประตู ช่วยกันไม่ให้ประตูกระแทกกับ Pantry ครัวนะคะ พื้นที่ส่วนแรกของห้องที่เปิดประตูเข้ามาก็เจอก่อนเลยจะเป็นพื้นที่ทำครัวและตำแหน่งวางโต๊ะรับประทานอาหาร ก็ดูมีพื้นที่กว้างพอให้ใช้งานแต่ละส่วนได้สะดวกดีนะคะ

    มาดูชุดครัวกันก่อน ชุดครัวของห้องนี้จะได้มาเป็นแบบครัวตัว I คือได้เคาน์เตอร์ 3 ช่อง ส่วนหน้าตาของวัสดุอุปกรณ์จะได้ตามแบบที่เห็นนี้เลย รวมถึง Backsplash ด้านหลังเคาน์เตอร์ด้วย ยกเว้นแค่เครื่องใช้ไฟฟ้าอย่างตู้เย็น เครื่องซักผ้า และไมโครเวฟ ที่จะไม่ได้ให้มานะคะ

    Pantry ครัวที่ได้เป็นเคาน์เตอร์ครัว Built-in วัสดุเป็นโครงไม้ลามิเนต บานพับแบบ Soft Close ของ Furnamic ส่วน Top เป็นหิน Quartz ภายในตู้แบ่งเป็นช่องเก็บของเล็กๆ น้อยๆ มีตู้ลิ้นชักสำหรับใส่ช้อนส้อม จานชาม และมีช่องสำหรับวางไมโครเวฟ ส่วนตู้ถัดมาเป็นช่องโล่งไว้ให้ติดตั้งเครื่องซักผ้า ถ้าตามขนาดในห้องตัวอย่างก็เป็นเครื่องซักผ้าแบบ 7 กก. ก็ใส่ได้พอดีนะคะ ถัดมาอีกตู้หนึ่งเป็นตู้บานเปิดปิดใต้อ่างล้างจาน ไว้ใช้เก็บของเล็กๆ น้อยๆ ได้ แต่ใส่ของเต็มไม่ได้นะคะเพราะต้องเว้นพื้นที่เผื่อซ่อมแซมอ่างล้างจานไว้ด้วยค่ะ

    มือจับตู้ลิ้นชักถูกออกแบบให้มีการเฉือนด้านบนเป็นสามเหลี่ยมเพื่อให้แทรกมือมาจับได้ง่าย ซึ่งแบบนี้มีข้อดีที่ไม่ต้องกลัวมือจับตู้หลุดอีกต่อไปค่ะ

    มาดูส่วนบนของเคาน์เตอร์ครัวกันบ้าง ให้พื้นที่เคาน์เตอร์มาเยอะดี คือ มีครบทั้งพื้นที่เตรียมอาหาร ปรุงอาหาร และซิงค์ล้างจาน โดยรวมมีพื้นที่พอให้วางเครื่องปรุง ส่วนผสม สำหรับปรุงอาหารได้

    ซิงค์ล้างจาน 1 หลุมที่ให้มามีขนาดและความลึกพอสมควรที่จะล้างแล้วน้ำไม่กระเด็นออกมา

    เตาไฟฟ้าได้แบบ 2 หัวของ Hafele มาพร้อมกับเครื่องดูดอากาศของยี่ห้อเดียวกัน เป็นระบบดูดอากาศแบบต่อท่อไปปล่อยออกด้านนอก ก็จะดูดควันและกลิ่นได้ดีกว่าท่อระะหมุนเวียนนะคะ

    ตู้ลอยสำหรับเก็บของด้านบนเป็นตู้บานเปิด 3 ตู้ ภายในแบ่งเป็นช่องเก็บของย่อยๆ

    ฝั่งตรงข้าม Pantry ครัวเป็นโต๊ะทานอาหารแบบ 4 ที่นั่ง ดูจากการจัดห้องตัวอย่างแล้วจะเห็นว่ามีพื้นที่บริเวณผนังด้านหลังฝั่งที่ติดกับประตู ที่สามารถจะ Built-in  เป็นตู้สำหรับเก็บของใช้ ของตั้งโชว์ต่างๆ ได้เต็มผนังด้านนี้เลย ก็จะช่วยให้มีชั้นเก็บของได้อีกเยอะนะคะ

    โต๊ะทานอาหารที่วางได้มีขนาด 4 ที่นั่ง ถือว่าใช้งานได้สะดวกดีเพราะจะเหลือพื้นที่ด้านหลังให้สามารถดึงเก้าอี้อกมาใช้งานได้สะดวก ซึ่งโต๊ะนี้ไม่ได้แถมมาให้ ผู้อยู่อาศัยก็สามารถเลือกแบบที่ชอบได้เลยค่ะ

    จากมุมที่ตั้งโต๊ะทานอาหารก็จะอยู่ในบริเวณเดียวกับโซนนั่งเล่น จึงสามารถนั่งทานอาหารไป ดูทีวีไป คุยกับสมาชิกในบ้านที่อาจจะนั่งดูทีวีอยู่บนโซฟาไปด้วยได้ พื้นที่บริเวณนี้จึงเป็นพื้นที่หลักสำหรับการพักผ่อน พื้นที่นั่งเล่นจะดูโปร่งอีกเช่นกัน เพราะได้แสงธรรมชาติเข้ามาจากประตูกระจกบานใหญ่ด้านข้าง

    ภายในพื้นที่ Living ของห้องตัวอย่างจะจัดวางโซฟาไว้ขนาด 2 ที่นั่ง และ เก้าอี้เดี่ยวอีก 1 ตัว ซึ่งเฟอร์ฯ ในส่วนนี้ทางโครงการไม่ได้แถมให้ จึงสามารถไปเลือกซื้อโซฟา ชั้นวางทีวี และโต๊ะกลางในแบบที่ชอบได้เลยนะคะ

    ระยะดูทีวีจะให้มาตามมาตรฐาน โดยมีระยะประมาณ 2.3 ม. จึงมีขนาดทีวีที่เหมาะสมคือ 50 นิ้ว มีพื้นที่ให้วางโต๊ะกลางได้หลายขนาด เมื่อวางโต๊ะกลางแล้วก็ยังพอมีพื้นที่เหลือให้เดินผ่านเข้าไปยังระเบียงได้ค่ะ

    ในบริเวณพื้นที่นั่งเล่นก็จะมีประตูกระจกบานเลื่อนเพื่อเปิดออกไประเบียง ทำให้ภายในห้องได้แสงธรรมชาติที่ส่องผ่านกระจกเข้ามา และยังสามารถใช้เปิดระบายอากาศภายในห้องได้ด้วยนะคะ

    ตัวล็อกจะเป็นตัวล็อกแบบฝังกับประตูแบบทั่วไป เก็บรายละเอียดเส้นกำมะหยี่เพื่อไว้ใช้กันเสียง กันฝุ่นจากภายนอกได้ดีขึ้น

    ขอบธรณีประตูจะยกขึ้นให้สูงขึ้นมาเพื่อป้องกันน้ำจากระเบียงไหลเข้ามาในห้อง เวลาเดินผ่านก็ระวังสะดุดนิดนึง ส่วนรางประตูจะถูกยกมาไว้บนขอบปูนอีกทีหนึ่งค่ะ

    พื้นที่ระเบียงของห้องนี้มีความน่าใช้งาน ด้วยขนาดประมาณ 1.1 x 2.65 ม. จึงค่อนข้างกว้างและใช้งานได้จริง ราวกันตกเลือกใช้เป็นราวเหล็กทาสีดำ

    จากระเบียงก็มีช่องขนาดใหญ่พอสมควรให้ชมวิว โดยสามารถมองผ่านราวกันตกไปได้ ส่วนพื้นที่ระเบียงหลักๆ ก็จะใช้สำหรับตากผ้า ถ้าราวไม่ใหญ่มากก้ยังสามารถวางกระถางต้นไม้ได้อีก เพราะไม่ต้องเผื่อพื้นที่สำหรับวางเครื่องซักผ้าแล้วนะคะ

    ส่วนที่ดีของระเบียงนี้คือ มีการจัดวางตำแหน่งของ Condensing Unit ไว้อยู่หลังผนัง ทำให้เวลามองจากห้องพักออกมา เราจะไม่มองไม่เห็น Condensing Unit เลย แนะนำให้ติด Condensing Unit แบบแขวนเพื่อให้เหลือพื้นที่ด้านล่างสำหรับวางของได้อีก แล้วให้วางด้านที่ปล่อยลมร้อนออกนอกอาคารจะทำให้ความร้อนไม่สะสมอยู่ที่ระเบียง จึงสามารถใช้พื้นที่ระเบียงได้เต็มที่นะคะ

    กลับเข้ามาภายในห้องจะพาไปชมห้องต่างๆ ตามโถงทางเดินนะคะ เริ่มจากฝั่งขวาห้องแรกเป็น Bedroom 2 เยื้องๆ กันเป็นห้องน้ำ ส่วน Master Bedroom จะอยู่สุดทางเดินค่ะ

    มาดู Bedroom 2 กันต่อนะคะ พื้นห้องนอนจะเชื่อมต่อกับห้องนั่งเล่นด้วยวัสดุเดียวกันเลย

    ห้องที่ส่งมอบจะได้เป็นห้องเปล่า ไม่มีเฟอร์ฯ นะคะ ส่วนห้องตัวอย่างจัดวางเตียงขนาด 3.5 ฟุต พร้อมตู้เสื้อผ้าให้ดูเป็นตัวอย่างว่าพื้นที่ขนาดนี้จะสามารถวางอะไรได้บ้าง

    พอวางเตียงขนาด 3.5 ฟุต ไว้ชิดผนังฝั่งหนึ่งแล้วก็จะเหลือพื้นที่ให้วางโต๊ะหัวเตียงได้ และมีพื้นที่ข้างเตียงให้สามารถเดินขึ้นได้สะดวก

    ภายในห้องมีช่องแสงเป็นกระจกบาน Fix ผสมบานกระทุ้งให้สามารถเปิดระบายอากาศได้ และทำให้สามารถนอนชมวิวจากบนเตียงได้เลย แต่น่าเสียดายที่บานกระจกที่ไห้มาน่าจะใหญ่กว่านี้หน่อยนะคะ

    ส่วนของหน้าต่างบานกระทุ้งแบบนี้ก็จะเปิดได้กว้างแค่ประมาณนึง พอให้ลมผ่านเข้าออกเพื่อระบายอากาศได้

    มือจับก็ดูแข็งแรงดี ใช้งานได้สะดวก

    พื้นที่ใช้สอยอีกฝั่งหนึ่งที่ติดกับประตูห้อง ทางโครงการได้ Built-in ตู้เสื้อผ้าไว้ให้ดูเป็นตัวอย่างว่าสามารถทำเป็นตู้บานเปิดแบบ 3 บานก็ได้ แต่ถ้าห้องขนาดนี้แนะนำทำเป็นตู้บานเลื่อนน่าจะประหยัดพื้นที่มากกว่าค่ะ

    ปลายเตียงจะไม่เหลือพื้นที่มากนัก ถ้าต้องการติดทีวัแนะนำให้ติดแบบแขวนผนังนะคะ

    ต่อไปมาดูห้องน้ำกันค่ะ Mood&Tone ที่ได้จะมาในแนวขาวดำดูคลาสสิค ไม่น่าเบื่อง่าย แต่ก็เป็นเรื่องที่ขึ้นอยู่กับความชอบส่วนบุคคลนะคะ ภายในก็จะให้อุปกรณ์มาครบ ให้มาแทบจะเหมือนกับในห้องตัวอย่างเลยค่ะ

    ภายในห้องน้ำจะถูกแยกส่วนเปียกและส่วนแห้งชัดเจนด้วยฉากกั้นอาบน้ำกระจกและขอบธรณี ผนังและพื้นโดยรอบเป็นกระเบื้องทั้งหมด

    อ่างล้างหน้าที่ได้ของ Lavenz  มาพร้อมกระจกเงาตามแบบในห้องตัวอย่าง แต่จะไม่ได้ให้โคมไฟมาแค่นั้นค่ะ

    อ่างล้างหน้ามีความกว้างและความลึกของตัวอ่างพอสมควรจึงใช้งานได้สะดวก ส่วนใต้อ่างจะมีช่องสำหรับวางของใช้ได้อีกนิดหน่อยค่ะ

    โถสุขภัณฑ์ยี่ห้อ Hafele มาเป็น Set มากับที่แขวนกระดาษชำระ และสายฉีดชำระของ โดยรอบโถสุขภัณฑ์มีการเว้นพื้นที่ไว้พอสมควรเพื่อให้สะดวกในการหยิบทิชชู่และสายฉีดชำระ

    ส่วนของห้องอาบน้ำที่ทางโครงการแยกไว้เป็นสัดส่วนด้วยฉากกั้นกระจกบานเลื่อน ซึ่งมีการออกแบบพิเศษ ก็จะได้ตามแบบในห้องตัวอย่างเลยนะคะ

    ฉากกั้นกระจกทำออกมาเป็นแบบ 3 ตอน ทำให้สามารถเปิดออกได้กว้าง

    พื้นที่อาบน้ำมีขนาดประมาณ 0.95 x 1.2 เมตร เป็นระยะที่สามารถใช้งานได้จริง ไม่กว้างและแคบจนเกินไป

    ระหว่างพื้นที่ส่วนเปียกและส่วนแห้งก็จะมีการยกขอบธรณีขึ้นมากั้น ทำให้เกิดการใช้งานที่เป็นสัดส่วน

    ภายในพื้นที่อาบน้ำจะติดตั้งฝักบัวและอุปกรณ์อาบน้ำไว้เรียบร้อย ได้ของ Hafele อีกเช่นกัน ด้านข้างมีการเซาะร่องทำเป็นชั้นวางของใช้ วางสบู่ ยาสระผม ได้สะดวก แต่น่าเสียดายที่ราคานี้ไม่ได้ให้ Rain Shower มาด้วยนะคะ

    หน้าตาของฝักบัว Hafele มีขนาดจับได้ถนัดมือดี

    ดูจากตำแหน่งของห้องน้ำจะอยู่ด้านในอาคาร ทำให้ต้องอาศัยระบบระบายอากาศของอาคารล้วนๆ แต่ก็ทำให้ห้องนอนได้อยู่ฝั่งที่เห็นวิวภายนอกทั้งหมดค่ะ

    มาดูที่ Masterbedroom กันต่อ ห้องนี้เป็นห้องนอนใหญ่ได้พื้นที่ใช้สอยที่กว้างพอสมควร ดูแล้วอยู่ได้ไม่อึดอัดนะคะ

    ภายในห้องตัวอย่างจะวางเตียงนอนขนาด 5 ฟุต ไว้ให้ดูเป็นตัวอย่างก็จะเหลือพื้นที่ 2 ฝั่งของเตียงให้วางโต๊ะเขียนหนังสือ โต๊ะหัวเตียงและตู้เสื้อผ้าค่ะ ซึ่งจริงๆ จะวางเตียงขนาด 6 ฟุตก็ได้ แต่ก็จะมีพื้นที่ข้างเตียงที่ลดลงนะคะ

    ติดกับเตียงนอนจะมีหน้าต่างไว้รับแสงธรรมชาติและเปิดระบายอากาศ เป็นแบบเดียวกับที่ Bedroom 2 เลย ทำให้สามารถนอนชมวิวจากบนเตียงได้

    ถ้าอยากติดทีวีในห้องนี้แนะนำเป็นติดแบบแขวนจะประหยัดพื้นที่มากกว่าค่ะ

    อีกฝั่งหนึ่งของห้องเป็นตำแหน่งสำหรับวางตู้เสื้อผ้า

    ปลั๊กและสวิตซ์ไฟฟ้าที่ได้ มีหน้าตาแบบนี้ ของ Siemens ค่ะ

    **รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ

     

    ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 11 October 2017

    • 1 Bedroom ชั้น 9 เนื้อที่ 30 ตร.ม. ราคา 3,800,000 ล้านบาท หรือ 126,667 บาท/ตร.ม.
    • 2 Bedroom ชั้น 9 เนื้อที่ 47 ตร.ม. ราคา 6,225,526 บาท หรือ 132,458 บาท/ตร.ม.

    • Fully Fitted
    • ฝ้าเพดานสูง 2.6 เมตร
    • Kitchen & Sink
    • Hob & Hood
    • Shuttle Service รับส่งที่ MRT สถานีพหลโยธิน
    • จอง 50,000 บาท
    • ทำสัญญา 5%
    • ดาวน์ n/a% ผ่อนดาวน์ n/a งวด
    • ค่ากองทุน 650 บาท/ตร.ม.
    • ค่าส่วนกลาง 70 บาท/ตร.ม./เดือน

    **ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ


    เจาะลึกรวบยอด

    สรุปโดยรวมโครงการ METRIS ลาดพร้าว เป็นโครงการที่ได้ทำเลดีอีกโครงการหนึ่งของ Major จุดเด่นของโครงการคือตัวทำเลทำเลที่อยู่ในช่วงลาดพร้าวตอนต้น ใกล้แหล่งความอุดมสมบูรณ์แบบเดินไปได้ เช่น Union Mall ร้านค้าร้านอาหารแถวลาดพร้าวซอย 1 และจาก Union Mall ถ้าขยันเดินหน่อยก็สามารถเดินลัดตึก แล้วข้ามสะพานลอยเชื่อมไปถึง Central ลาดพร้าวได้เลย นอกจากนี้ยังเดินทางสะดวกด้วยรถยนต์ส่วนตัว เพราะโครงการตั้งอยู่ฝั่งซอยเลขคู่จึงมีทางลัดไปออกได้หลายเส้นทาง ส่วนการเดินทางด้วยรถไฟฟ้าก็จะมี MRT สถานีพหลโยธินที่ห่างเพียง 290 ม. หรือรถแท็กซี่ก็เรียกได้สะดวกเพราะติดถนนใหญ่ รถเมลล์ก็มีป้ายอยู่หน้าโครงการเลย

    เทียบกับคู่แข่งแล้วโครงการนี้จะมีจุดเด่นอีกอย่างคือจำนวนยูนิตของโครงการนี้ที่มีเพียง 193 ยูนิต ถือว่าเป็นโครงการที่มีเพื่อนบ้านไม่มากในทำเลนี้ ให้วัสดุในห้องมาดีอย่างเช่นวัสดุอุปกรณ์ต่างๆ ของ Hafele และ Lavenz ในราคาที่เปิดตัวมาไม่ต่างจากโครงการคู่แข่งบนเส้นลาดพร้าวนี้ จึงเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ สำหรับใครที่มองหาโครงการในทำเลที่เดินไป Union Mall ได้แบบนี้ อย่างไรก็ตามด้วยความที่ตัวโครงการโครงการมีขนาดกลางๆ สูง 30 ชั้น จัดชั้น Facility มาที่ชั้น 24 ก็จะไม่ได้มี Facility อยู่บนชั้น 40 กว่าเหมือนโครงการใหญ่ๆ ในทำเลนี้ ก็แลกมากับความเป็นส่วนตัวที่มากขึ้น เพราะแชร์กับลูกบ้านจำนวนไม่มาก และอีกจุดเด่นหนึ่งของโครงการคืออนุญาตให้เลี้ยงสัตว์ได้ มีการจัดเตรียมพื้นที่สวนสำหรับสัตว์เลี้ยงโดยเฉพาะ ก็เอาใจคนอยากเลี้ยงน้องหมา แมว แต่ก็ต้องคำนึงเรื่องความสะอาด เรื่องกลิ่นกันสักหน่อย เพื่อไม่ให้เป็นการรบกวนเพื่อนบ้านค่ะ

    ทำเล METRIS ลาดพร้าว อยู่ไม่ไกลจากห้าแยกลาดพร้าว ซึ่งติดกับย่านจตุจักร-บางซื่อ ย่านนี้เป็นทำเลที่มีศักยภาพในอนาคต โดยพื้นที่บริเวณบางซื่อ-จตุจักร นั้นจะกลายเป็น Hub (ศูนย์รวม) ของการเปลี่ยนถ่ายเส้นทางการเดินทางของรถไฟฟ้าหลายสาย และยังมีแผนที่จะพัฒนาพื้นที่โดยรอบสถานีกลางบางซื่อ รวม 305.5 ไร่ ให้เป็นเชิงพาณิชย์หรือคอมเพล็กซ์ซิตี้ อาทิ สำนักงาน ห้างสรรพสินค้า ที่พักอาศัย และพื้นที่นันทนาการ วงเงินประมาณ 68,000 ล้านบาท ส่วนทาง BTS ก็มีแผนจะพัฒนาที่ดินเยื้องแดนเนรมิตเก่า ทำโครงการมิกซ์ยูสคอมเพลกซ์ทั้งร้านค้า สำนักงาน โรงแรมและที่อยู่อาศัย ซึ่งคาดว่าจะเริ่มดำเนินการปลายปี 2560 ทำให้ที่ดินบริเวณจตุจักร – ห้าแยกลาดพร้าวนี้จะมีความคึกคักอย่างมากในอนาคต

    มาดูพื้นที่โดยรอบโครงการกันบ้าง METRIS ลาดพร้าว เป็นแปลงหัวมุมอยู่ติดถนนลาดพร้าวและซอยลาดพร้าว 8 ตรงข้ามอาคารพร้อมพันธ์ โดยมีระยะห่างจากสถานีรถไฟใต้ดินที่ใกล้ที่สุดคือสถานีพหลโยธิน ทางออกที่ 1 ราว 290 เมตร ถือว่าอยู่ในระยะเดินไปจุดขึ้นลงรถไฟใต้ดินได้สบายๆ ซึ่งสถานีนี้เป็นที่รู้ๆ กันว่าจะมีความคึกคักเป็นพิเศษเพราะคนส่วนหนึ่งที่ขึ้นสถานีนี้ก็จะมา Union Mall และ เซ็นทรัล ลาดพร้าว ที่จัดเป็นแหล่งความอุดมสมบูรณ์หลักในละแวกนี้ หรือถ้าอยากได้ร้านอาหารริมทางที่แถวๆ ซอยลาดพร้าว 1 ก็จะมีความอุดมสมบูรณ์เช่นเดียวกัน แต่จากสถานีพหลโยธินต้องเลือกทางออก 5 แทนนะคะ มีร้านให้ช้อปตลอดแนวแถวหน้า Union ก็เดินช้อปมาได้เรื่อยๆ พอซื้ออาหารเสร็จค่อยข้ามสะพานลอยกลับมาฝั่งซอยลาดพร้าวเลขคู่ก็ได้ ถ้าเขยิบมาหน่อยบนเส้นลาดพร้าวก็จะมี BigC Extra+Hompro ด้วยระยะทางที่เดินเท้าได้อีกเช่นกัน หรือถ้ามองออกไปไกลอีกหน่อยที่สถานีถัดๆ ไปก็จะมี เมเจอร์ รัชโยธิน อีกทั้งยังมีตลาดเดินช้อปให้เลือกอีกคือสวนจตุจักร, ตลาด อ.ต.ก., บอง มาร์เช่ และสวนลุมไนท์ฯรัชดาที่พึ่งจะเปิดตัวไปไม่นานนี้ โดยในทำเลใกล้ห้าแยกลาดพร้าว และบนเส้นลาดพร้าวเองก็จะมีโครงการคอนโดต่างๆ มาจับจองพื้นที่ขึ้นโครงการกันค่อนข้างเยอะ ราคาเฉลี่ยปรับตัวสูงขึ้นเรื่อยๆ

    การเดินทางโดยใช้รถ – ค่อนข้างสะดวก มีซอยลัดและสามารถใช้เส้นทางไปออกถนนวิภาวดีรังสิต (ซอย 22) และถนนรัชดาภิเษก (ซอย 19) ได้ ดังนั้นการเดินทางโดยรถยนต์จึงมีทางเลือกมาก เพราะหากลาดพร้าวรถติด ก็สามารถเลี่ยงใช้ซอย 8 ได้ทั้งขาไปและขากลับ เพราะซอยลัดลาดพร้าว 8 เป็นทางแบบสวนกันได้ไปกลับ อัตราส่วนที่จอดรถให้มา 58% (Auto Parking) ถือว่าให้มาเยอะพอสมควร สำหรับโครงการที่อยู่ใกล้รถไฟฟ้าแบบนี้นะคะ

    การเดินทางโดยไม่ใช้รถ – สามารถเดินไปขึ้น MRT สถานีลาดพร้าวคือ Exit 1 ระยะทางประมาณ 290 เมตร ก็สามารถเดินได้สบายๆ ซึ่งในอนาคตที่สถานีพหลโยธิน จะกลายเป็น Interchange กับ BTS สายสีเขียวส่วนต่อขยาย “หมอชิต-สะพานใหม่-คูคต” ที่เริ่มมีการก่อสร้างแล้ว แผนเสร็จในปี 2562 และเปิดให้บริการในปี 2563  สถานีของสายสีเขียวที่ใกล้ที่สุดคือสถานีห้าแยกลาดพร้าว หากถัดมาอีก 1 สถานีที่สถานีลาดพร้าว ในอนาคตก็จะมี MRT สายสีเหลืองสาย “ลาดพร้าว-สำโรง” มาทำให้สถานีนี้กลายเป็นสถานี Interchange อีกเช่นกัน ส่วนการเดินทางอื่นๆ สามารถพึ่งพาพี่วินมอเตอร์ไซค์ แท็กซี่ และรถเมล์บนถนนลาดพร้าวได้เลย เรียกรถง่ายไม่ต้องกังวลเพราะโครงการอยู่ติดกับถนนใหญ่

    วัสดุ – บางส่วนให้มาดีกว่ามาตรฐาน เช่น ชุดครัว Hob&Hoodของ Hafele, Top หิน Quartz , สุขภัณฑ์ Lavenz และฉากกั้นอาบน้ำที่มีการ Design เป็นพิเศษ และวัสดุบางส่วนให้มาตามมาตรฐาน ได้แก่ พื้นไม้ลามิเนต 8 มม. กระเบื้องเซรามิค แต่เสียดายที่หน้าต่างในห้องให้มาบานเล็กไปหน่อยนะ โครงการขายแบบ Fully Fitted ทำให้ต้องมาตกแต่งเพิ่มเติมต่อเอง ใครที่ชอบตกแต่งแบบเลือกเองก็เหมาะเลยค่ะ

    การออกแบบ – ตกแต่งในสไตล์ Mid-Century Modern (MCM) งานสถาปัตยกรรมในยุคนี้ที่มีเสน่ห์จากความงามของสัดส่วนและวัสดุที่ไม่ได้เกิดจากการปรุงแต่ง จึงจะเห็น Facade ที่ใช้แนวเส้นตรง ซ้ำๆ กัน ไม่หวือหวา เน้นความเรียบง่ายเป็นหลัก เรื่องความสวยงามของการออกแบบและสีของโครงการเป็นเรื่องที่แล้วแต่ความชอบส่วนบุคคล จึงไม่สามารถตัดสินได้ จะขอคอมเมนท์ในส่วนของผังอาคารแล้วกันนะคะ แปลนอาคารออกแบบมาได้ดี เข้าใจง่าย ไม่ซับซ้อน ออกแบบโดยเน้นความเป็นส่วนตัวของการอยู่อาศัย เช่น บนชั้น 24 ที่มี Facility หลักก็จะมีประตูกั้นในส่วนของห้องพักอีกชั้นหนึ่ง เพื่อไม่ให้รบกวน Privacy ของผู้อยู่อาศัยบนชั้นนี้ และด้วยความที่ขนาดที่ดินเพียงไร่เศษๆ จึงจัดที่จอดรถมาเป็น Auto Parking ถือว่าใช้พื้นที่ได้คุ้มค่าดี การวางผังห้องพักเริ่มต้นที่ขนาด 30 ตร.ม. ถือว่าเป็นขนาดห้องพักเริ่มต้นที่ใหญ่พอสมควร ส่วนตัวห้องแต่ละแบบจัดฟังก์ชันให้ลงตัวดี ใช้งานได้จริง แต่บางจุดอย่างหน้าต่างในห้องนอนน่าจะให้ใหญ่กว่านี้หน่อยนะ นอกจากนี้ก็จะมีของแปลกเป็นห้องยูนิตพิเศษที่มี Private Garden ด้วย (ซึ่งห้องพิเศษนี้ Sold Out ไปหมดแล้วค่ะ)

    สาธารณูปโภค – ให้มาครบ สมราคา โดยหลักๆ จะมีส่วนกลางที่ชั้น 1 อย่าง Co-Working Space, พื้นที่ทำบาร์บีคิวในสวน, สวนพักผ่อน และมีฟังก์ชันพิเศษของโครงการนี้อย่างพื้นที่สำหรับสัตว์เลี้ยง ถัดมาที่ชั้น 24 เป็น Main Facility ก็จะมี สระว่ายน้ำ, ห้อง Sauna & Steam และมีสวนพักผ่อนบนชั้น Rooftop อีกตำแหน่งหนึ่ง ลิฟท์ให้มาทั้งหมด 2 ตัว ตัวหนึ่งเป็นลิฟต์โดยสารโดยเฉพาะ อีกตัวหนึ่งเป็น Service Lift ดังนั้นอัตราส่วนลิฟท์จะอยู่ที่ 193 :1 แต่เนื่องจากโครงการทำลิฟท์ Service ให้ใช้งานได้เหมือนลิฟท์โดยสาร อัตรส่วนลิฟท์จะถูกหาร 2 เป็น 96.5 แต่เวลาแม่บ้านใช้งานก็ต้องใช้ลิฟท์ไป 1 ตัวนะคะ อีกเรื่องของคอนโดยูนิตน้อยที่มักจะต้องเจอคือ ค่าส่วนกลางที่มักจะสูงขึ้นมาหน่อย โดยโครงการนี้อยู่ที่ 70 บาท/ตร.ม. ก็แลกมากับปริมาณคนใช้งานที่ไม่มากนักนะคะ

     

    Judgement

    การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้

    ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%

    เทียบกับราคา เริ่มต้น 126,xxx บาท/ตร.ม., 11 October 2017

    • ทำเล 8.25/10 – ทำเลดี ใกล้ความอุดมสมบูรณ์แบบเดินไปได้ ใกล้พื้นที่จตุจักร และห้าแยกลาดพร้าวที่มีแนวโน้มการพัฒนาในอนาคต
    • เดินทางด้วยรถ 8/10 – สะดวก มีทางลัดทำให้เข้าออกได้ทั้งทางถนนวิภาวดีฯและถนนรัชดาฯ
    • ไม่ใช้รถ 8/10 – เดินไปขึ้นรถไฟฟ้าได้สะดวก โครงการติดถนนใหญ่เรียกรถสาธารณะง่าย
    • วัสดุ 7.5/10 – ขายแบบ Fully Fitted วัสดุที่ให้เลือกมาดี แต่ให้น้อยไปหน่อย
    • แบบ 8/10 – จำนวนยูนิตน้อย ได้ Privacy มาก แบบห้องดูดี ไม่อึดอัด จัดฟังก์ชันลงตัว
    • สาธารณูปโภค 7.75/10 – จัดมาได้สมน้ำสมเนื้อ เพราะแชร์กับลูกบ้านไม่เยอะ แต่ก็ไม่ได้มีให้หลากหลายเหมือนโครงการใหญ่ๆ

    • HIGH CLASS
    • 7.99 / 10.00

     

    BOTTOM LINE

    METRIS ลาดพร้าว เหมาะกับคนที่มองหาคอนโดในย่านลาดพร้าวตอนต้น ซึ่งเป็นทำเลที่มีแนวโน้มการพัฒนาอย่างมากในอนาคต อยู่ใกล้ความอุดมสมบูรณ์ในระยะที่เดินไปได้สะดวก มีความ Private สูง เพราะเพื่อนบ้านไม่เยอะ สามารถเดินทางได้สะดวกทั้งแบบที่ใช้รถส่วนตัวเป็นหลักและแบบที่ใช้รถไฟฟ้า เป็นคนชอบแต่งบ้านและเลือกของที่ความพอใจของตัวมากกว่า มีงบประมาณระดับ 3.8-10.5 ล้าน หรือมีกำลังผ่อนประมาณ 27,000 – 74,000 บาท/เดือน