รีวิวฉบับที่ 1369 … สวัสดีค่ะ วันนี้จะพาไปรีวิวโครงการ MAXXI Condominium จากบริษัท แม็กซิมัส เอสเตท จำกัด ร่วมกับ บจก.อาร์เคพลัส เอสเตท จำกัด เป็นคอนโด Low Rise 8 ชั้น พร้อมอาคารคลับเฮ้าส์ ออกแบบโดยใช้แนวคิด Live it to the MAX ตั้งอยู่ในซอยพหลโยธิน34 สามารถใช้ทางลัดไป เกษตร-นวมินทร์ หรือ ลาดพร้าววังหิน-โชคชัย4ได้ ใกล้ม.เกษตร อนาคตจะมีรถไฟฟ้าสายสีเขียวเป็นตัวเลือกในการเดินทาง ราคาเริ่มต้น 1.29 ล้านบาท รายละเอียดจะเป็นอย่างไร ติดตามได้เลยค่ะ
Fact @ 8 June 2017
- MAXXI Condominium (แมกซ์ซี่ คอนโดมิเนียม)
- บริษัท แม็กซิมัส เอสเตท จำกัด ร่วมกับ บจก.อาร์เคพลัส เอสเตท จำกัด
- ECONOMY CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
- โครงการตั้งอยู่ใน : ซอย พหลโยธิน34 เขต จตุจักร
- คอนโด Low rise 8 ชั้น 1 อาคาร 249 ยูนิต
- อาคารคลับเฮ้าส์ 1 อาคาร
- ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 34 ยูนิตที่ชั้น 2-8
- ที่จอดรถประมาณ 79 คัน ประมาณ 32% (ไม่รวมจอดซ้อนคัน)
- ที่ดินประมาณ 2-0-31 ไร่
- เริ่มก่อสร้าง : ไตรมาศ 1 ปี 2561
- คาดว่าจะแล้วเสร็จ : ไตรมาศ 2 ปี 2562
- Studio ขนาด 22 ตร.ม
- One Bedroom ขนาด 26-30 ตร.ม.
- Two Bedroom ขนาด 34-37 ตร.ม.
- ฝ้าเพดานสูง 2.40 เมตร
- ราคาห้องเริ่มต้น 1.29 ล้านบาท
- ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรเริ่มต้นประมาณ 59,000 บาท/ตร.ม.
- ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรต่ำสุด-สูงสุด n/a บาท/ตร.ม.
- EIA (การประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม) : อยู่ระหว่างดำเนินการ
- เวปไซต์โครงการ : คลิกที่นี่
- โทร : 099-269-9588
- วันเปิดตัวโครงการ Pre-sale 24-25 มิถุนายน 2560
เพียงแค่การกด Like ก็เท่ากับการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจาก Think of Living แล้วค่ะ
สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างค่ะ
พิกัด : 13.837362, 100.583723
แผนที่จากทางโครงการค่ะ
โครงการ MAXXI CONDO ตั้งอยู่ในซอยพหลโยธิน34 หรือ ซอยเสนานิคม2 ใกล้ม.เกษตร เข้าซอยมา (จากฝั่งถนนพหลโยธิน) ประมาณ 1.1 กิโลเมตร ทำเลนี้มีจุดเด่นตรงที่สามารถใช้เส้นทางลัดเลาะออกไปถนนหลักอื่นๆได้หลายสาย ทั้งถนนพหลโยธิน ถนนประเสริฐมนูกิจ(ถนนเกษตรนวมินทร์) และ ถนนลาดพร้าว-วังหิน,ถนนโชคชัย4 สำหรับทางด่วนต้องมาขึ้นที่ถนนวิภาวดีรังสิต หรือ ถนนประดิษฐ์มนูธรรม(เลียบทางด่วนรามอินทรา) การเดินทางโดยใช้รถรวมๆแล้วถือว่าสะดวกสำหรับคนที่ใช้เส้นทางในย่านนี้ค่ะ แต่ในช่วงเวลาเร่งด่วนก็จะต้องเจอกับปริมาณรถยนต์ที่หนาแน่นบ้างเป็นธรรมดาของกรุงเทพฯ การเดินทางโดยไม่ใช้รถนั้นก็ถือว่าค่อนข้างสะดวกเช่นกัน เพราะภายในซอยมีมอเตอร์ไซค์รับจ้างใกล้ๆ กับโครงการ และเมื่อออกไปบริเวณปากซอยก็จะมีป้ายรถเมล์อยู่ห่างออกไปประมาณ 200 ม. ระหว่างโรงพยาบาลเปาโล(เมโย)และตลาดบางเขน รถเมล์ในย่านนี้มีหลายสายค่ะ รวมถึงมีรถตู้โดยสารเข้าเมืองและออกนอกเมือง ทั้งไปหมอชิต อนุสาวรีย์ฯ สยาม ลาดพร้าว ปากเกร็ด สะพานใหม่ รังสิต มีนบุรี รามอินทรา โบกขึ้นได้ตรงหน้าปากซอยพหลโยธิน 32 นอกจากนี้ยังมีสะพานลอยตรงหน้าปากซอยทำให้ปลอดภัยในการข้ามถนนค่ะ ส่วนแท็กซี่ก็เรียกใช้ได้ตั้งแต่ในซอยพหลโยธิน 32 และ 34 เลย จะเดินทางไปไหนก็สะดวก นอกจากนั้นทางโครงการมี Shuttle Bus รับส่งระหว่างโครงการ-หน้าปากซอยพหลโยธิน34 ค่ะ ซึ่งในอนาคตจะมีรถไฟฟ้าสายสีเขียว ทางขึ้นสถานีอยู่บริเวณหน้าปากซอย ทำให้การเดินทางเชื่อมต่อเข้าเมืองสะดวกขึ้นไปอีก
ทำเลนี้ถือว่ามีความอุดมสมบูรณ์พอสมควร ทั้งแหล่งอาหาร แหล่ง Shopping โรงพยาบาล และสถานศึกษา ใกล้กับโครงการในระยะไม่เกิน 200 ม.เรียกว่าครบครันเลย มีทั้งตลาดนัดในช่วงเย็น , 7 -11 , Lotus Express และตลาดศรีเสนา หรือบริเวณหน้าปากซอยพหลโยธิน 34 ก็จะมีตลาดบางเขน ถ้าอยากหาของกินนอกเหนือจากนี้ก็ไปตรงแถวม.เกษตรก็ได้มีให้เลือกอีกเยอะ หากเป็นห้างสรรพสินค้าที่ใหญ่ขึ้นมาหน่อยก็จะเป็น เสนาเซ็นเตอร์ หรือ Major Cineplex รัชโยธิน , Avenue Ratchayothin , Central ลาดพร้าว Union Mall ที่อยู่ในรัศมีการเดินทางไม่เกิน 5 กม. ใกล้โรงพยาบาลเมโย , โรงพยาบาลวิภาวดี นอกจากนี้ยังใกล้สถานศึกษาอย่างมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ , มหาวิทยาลัยราชภัฏจันทรเกษม และโรงเรียนหอวัง
อย่างที่บอกไปว่าทำเลที่ตั้งของโครงการ สามารถใช้เส้นทางได้หลากหลายทั้ง ถนนพหลโยธิน ถนนประเสริฐมนูกิจ(ถนนเกษตรนวมินทร์) และ ถนนลาดพร้าว-วังหิน,ถนนโชคชัย4 เราจึงได้ทำรูปแบบการเดินทางโดยเริ่มจากแยกต่าง ๆ มายังโครงการ ดังนี้ค่ะ
- เริ่มต้นจากอุโมงค์ลอดแยกเกษตรฝั่งมุ่งหน้าถนนประดิษฐ์มนูธรรมเข้าสู่โครงการ (เส้นสีแดง) – ระยะทางประมาณ 2.8 กม.
- เส้นทางนี้เหมาะสำหรับคนที่เดินทางมาจากถนนงามวงศ์วานฝั่งมุ่งหน้าเกษตร – นวมินทร์ (จริง ๆ สามารถเลี้ยวขวาบริเวณแยกได้ แต่ปัจจุบันยังมีการสร้างรถไฟฟ้าอยู่ จึงปิดบริเวณแยกนี้ไป) และคนที่เดินทางมาจากนวมินทร์และประดิษฐ์มนูธรรมค่ะ เริ่มต้นบริเวณอุโมงค์ลอดแยกเกษตร มุ่งหน้าแยกลาดปลาเค้าจากนั้นเมื่อข้ามสะพานข้ามคลองให้ชิดซ้ายก่อนถึงแยกตัดลาดปลาเค้าเพื่อเตรียมกลับรถ เมื่อกลับรถมาแล้วให้วิ่งตรงไปประมาณ 1.3 กม. ให้เลี้ยวซ้ายบริเวณซอย ประเสริฐมนูกิจ 2 (ตอม่อเบอร์ 9) เข้าซอยมาประมาณ 340 ม. จะเจอกับสามแยกเลี้ยวซ้ายและตรงต่อไปประมาณ 90 ม. ก็จะถึงตัวโครงการค่ะ
- เส้นทางนี้สำหรับคนที่มาจากย่านลาดพร้าว , ลาดพร้าววังหิน หรือโชคชัย 4 ค่ะ เริ่มต้นที่แยกวังหินมุ่งหน้าแยกเสนานิคม ลักษณะถนนเป็น 4 ช่องจราจรไม่มีเกาะกลาง วิ่งได้สะดวก ตรงมาประมาณ 1 กม. เลี้ยวขวาบริเวณ เสนานิคม 1 ซอย 11 เป็นซอยย่อย แบ่งสวนทางกัน ตรงเข้าไปจนถึง 3 แยกที่บรรจบกับซอยพหลโยธิน 34 และเลี้ยวขวาไปค่ะ
- เส้นทางนี้สำหรับคนที่ทำงานอยู่ในแนวถนนพหลโยธินที่เลยจากแยกเสนา หรือมาจากพหลโยธินฝั่งมุ่งหน้าแยกรัชโยธินครับ เริ่มต้นจากปากซอยพหลโยธิน 34 มุ่งหน้าเข้าโครงการ จะมีระยะทางประมาณ 1.1 กม. ลักษณะเส้นทางภายในซอย สวนทางกันคึกคักพอสมควร
- เส้นทางนี้สำหรับคนที่เดินทางมาจาก 5 แยกลาดพร้าว , แยกรัชโยธิน โดยเริ่มต้นบริเวณ 3 แยกเสนานิคมเลี้ยวขวาเพื่อเข้าซอย ลักษณะถนนเป็น 4 ช่องจราจรไม่มีเกาะกลางวิ่งได้สะดวก ไปตามเส้นทางประมาณ 1.1 กม. เตรียมเลี้ยวซ้ายที่ เสนานิคม 1 ซอย 11 ที่เป็นซอยเดียวกันกับที่มาจากสี่แยกวังหินค่ะ จากนั้นใช้เส้นทางเดียวกับเส้นสีเหลืองจนถึงโครงการ
ในอนาคตจะมีรถไฟฟ้าสายสีเขียวผ่านบริเวณหน้าซอยพหลโยธิน 32 โดยสถานีที่ใกล้โครงการที่สุดคือสถานีเสนานิคม (คาดว่าจะเสร็จ2562) ซึ่งสายสีเขียวส่วนต่อขยายนี้เป็นสายที่เชื่อมต่อกับรถไฟฟ้ามหานคร สายเฉลิมมงคล สถานีหมอชิต เพลินจิตได้อดใจรอกันอีกหน่อยค่ะ ส่วนตอนนี้ถ้าอยากใช้รถไฟฟ้าก็ต้องนั่งรถไปลงที่เซ็นทรัลลาดพร้าวใช้ MRT สถานีพหลโยธิน หรือจะไปลงที่จตุจักรก็สามารถใช้ได้ทั้ง BTS และ MRT เลยค่ะ
การเดินทางในวันนี้จะเริ่มจากบริเวณหน้าศูนย์การค้าเซ็นทรัลลาดพร้าว ซึ่งในอนาคตจะมีสถานีห้าแยกลาดพร้าว สถานีแรกที่เชื่อมต่อกับรถไฟฟ้ามหานคร สายเฉลิมมงคล สถานีสวนจตุจักร วิ่งตรงมาตามถนนพหลโยธิน ผ่ายแยกรัชโยธิน ตรงมาเข้าซอยพหลโยธิน34 เข้าซอยมาประมาณ 1.1 กิโลเมตร ก็จะถึงโครงการค่ะ
การเดินทางในวันนี้จะเริ่มจากบริเวณหน้าศูนย์การค้าเซ็นทรัลลาดพร้าว ซึ่งในอนาคตจะมีสถานีห้าแยกลาดพร้าว สถานีแรกที่เชื่อมต่อกับรถไฟฟ้ามหานคร สายเฉลิมมงคล สถานีสวนจตุจักร ถ้ารถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสร้างเสร็จเราก็นั่งมาเดินเล่นช้อปปิ้งที่นี่ได้
ถัดจากเซ็นทรัลลาดพร้าวมา ทางฝั่งซ้ายคือโรงเรียนหอวัง โรงเรียนชื่อดังในย่านนี้ ฝั่งขวามี Tesco Lotus เราจะตรงตามถนนพหลโยธินไปเรื่อยๆค่ะ ตอนนี้ถนนเส้นนี้ก็กำลังก่อสร้างรถไฟฟ้ากันอย่างต่อเนื่อง
ตรงมาจนถึงแยกรัชโยธิน ในอนาคตจะมีสถานีรัชโยธินอยู่ จากโครงการนั่งมาเดินเมเจอร์รัชโยธินเก๋ๆได้ เมื่อก่อนบริเวณแยกนี้มีสะพานข้ามแยกนะ แต่ตอนนี้รื้อไปเรียบร้อยเพื่อเคลียร์พื้นที่ทำรถไฟฟ้านั่นเอง รถติดทีเดียว ภายหลังโครงการแล้วเสร็จสมบูรณ์ที่บริเวณแยกนี้ จะมีทั้งสะพานลอยข้ามแยกตามแนวถนนพหลโยธินและอุโมงค์ทางลอดแนวถนนรัชดาภิเษก ช่วยให้การจราจรผ่านแยกได้สะดวกและคล่องตัวมากยิ่งขึ้น
จากนั้นตรงมาเรื่อยๆค่ะ จนถึงซอยพหลโยธิน32 บริเวณนี้จะเป็นที่ตั้งของสถานีเสนานิคม เราสามารถเข้าถึงโครงการจากซอยนี้ก็ได้นะคะ แต่เราจะตรงไปก่อน เดี๋ยวพาไปเข้าทางซอยพหลโยธิน34
ตรงต่อมา ตามทางที่มุ่งหน้าไปมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ จะผ่านโรงพยาบาลเปาโล(เมโย)
เราหาที่กลับรถค่ะ
กลับรถมาก็เตรียมชิดซ้ายเอาไว้ เพื่อเลี้ยวซอยพหลโยธิน34หรือซอยเสนานิคม2
ช่วงต้นซอยมีพี่วินมอเตอร์ไซค์คอยให้บริการรับ-ส่ง ที่อยู่อาศัยส่วนใหญ่เป็นบ้าน ตึกแถว และ อาคารพาณิชย์
ตรงต่อมาจะเจอทางเข้าที่จอดรถของโรงพยาบาลเปาโล(เมโย)
ช่วงกลางๆซอยมีต้นไม้ใหญ่ให้ร่มเงาทั้งสองฝั่งค่อนข้างร่มรื่นค่ะ
ถัดเข้ามาจะเริ่มเจอกับคอนโดมิเนียม Low Rise กันแล้ว เราจะตรงต่อไปค่ะ
ใกล้ๆกับโครงการสภาพแวดล้อมจะเป็นตึกแถวที่ชั้นล่างเปิดเป็นร้านค้า ร้านอาหาร อุดมสมบูรณ์ใช้ได้
ตรงมาจะเห็นซอยพหลโยธิน34แยก16 หรือ ซอยเสนานิคม1-11 ซอยนี้เป็นเส้นทางลัดไปถนนลาดพร้าววังหิน , ถนนโชคชัย4 บริเวณนี้จะมีวินมอเตอร์ไซค์อยู่อีกจุดหนึ่ง สังเกตร้านค้าร้านอาหารทางฝั่งขวาก็จะเยอะขึ้นด้วย
ถัดมาทางฝั่งซ้ายจะเจอกับซอยประเสริฐมนูกิจ2 ใช้เป็นทางไปถนนประเสริฐมนูกิจหรือเกษตรนวมินทร์ได้ค่ะ บริเวณนี้จะมี 7-11 ใกล้ถึงโครงการแล้วค่ะ
มีของกินของใช้ขายเยอะ มีทั้งแบบที่เป็นร้านมีที่นั่ง และ แบบรถเข็น อุดมสมบูรณ์หาของกินง่ายทีเดียว
ตรงมาอีกหน่อยจะผ่านโครงการ D’Mura ซึ่งจะอยู่ติดกับโครงการเราเลยค่ะ
ถึงแล้วค่ะ โครงการ MAXXI CONDO
สภาพแวดล้อมรอบๆโครงการ MAXXI CONDO ค่อนข้างมีความอุดมสมบูรณ์เพราะมีร้านค้า ร้านอาหาร ตลาดอยู่เยอะ สำหรับที่อยู่อาศัยส่วนใหญ่จะเป็นชุมชนแนวราบมีทั้งบ้านเดี่ยว ทาวน์โฮม ตึกแถว และ อาคารพาณิชย์ มีคอนโดมิเนียม Low Rise แทรกอยู่บ้าง รอบๆไม่มีอาคารสูงมาบดบังวิว เว้นแต่ทางฝั่งทิศตะวันตกซึ่งมีคอนโดมิเนียมสูง 8 ชั้นตั้งอยู่ข้างๆกัน โดยทางโครงการ MAXXI CONDO ได้ออกแบบวางผังเอา Clubhouse มาไว้ทางทิศนี้ ดันตัวอาคารไปไว้อีกฝั่งหนึ่ง จึงทำให้มีระยะห่างกับอาคารข้างเคียงพอสมควรเลยค่ะ ด้านหลังโครงการติดกับหมู่บ้านซื่อตรงแกรนด์โฮม จากภาพแสดงตำแหน่งของอาคารข้างเคียงที่ติดกับโครงการ ดังนี้
- ทิศเหนือ – ติดกับถนนซอยพหลโยธิน34 ฝั่งตรงข้ามเป็นที่อยู่อาศัยแนวราบและโกดังเก็บสินค้า
- ทิศตะวันออก – ติดกับชุมชนที่อยู่อาศัยแนวราบสูง 2-3 ชั้น
- ทิศใต้ – ติดกับโครงการซื่อตรงแกรนด์โฮม
- ทิศตะวันตก – ติดกับคอนโด D’Mura เป็น Low Rise สูง 8 ชั้น
ทิศเหนือ ติดกับถนนซอยพหลโยธิน34 ซึ่งเป็นถนนกว้างประมาณ 8 เมตรฝั่งตรงข้ามเป็นที่อยู่อาศัยแนวราบและโกดังเก็บสินค้า
ทิศตะวันออก ติดกับชุมชนที่อยู่อาศัยแนวราบสูง 2-3 ชั้น
ทิศใต้ ติดกับโครงการซื่อตรงแกรนด์โฮม เป็นทาวน์โฮมสูง 3 ชั้น
ทิศตะวันตก ติดกับคอนโดโครงการ D’Mura เป็น Low Rise สูง 8 ชั้น
สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น
- BTS เสนานิคม (คาดว่าจะเสร็จ2562) ปากซอย
- 7-11 ประมาณ 50 m.
- Lotus Express ประมาณ 70 m.
- ตลาดบางเขน ประมาณ 1.3 m.
- ป้ายรถเมล์หน้าซอยเสนานิคม 1 ประมาณ 1.4 m.
- เมเจอร์รัชโยธิน ประมาณ 2.4 km.
- โลตัสลาดพร้าว ประมาณ 2.3 km.
- เซ็นทรัลลาดพร้าว ประมาณ 3.8 km.
- ยูเนี่ยนมอลล์ ประมาณ 2.7 km.
- โรงพยาบาลเปาโล(เมโย) ประมาณ 1 km.
- โรงพยาบาลวิภาวดี ประมาณ 2.7 km.
- มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ประมาณ 1.2 km.
- มหาวิทยาลัยราชภัฏจันทรเกษม ประมาณ 3.7 km.
- โรงเรียนหอวัง ประมาณ 3.6 km.
- สวนจตุจักร ประมาณ 6.9 km.
- รถไฟฟ้า MRT สถานีพหลโยธินประมาณ 3.8 km.
- รถไฟฟ้า BTS สถานีหมอชิตประมาณ 5.4 km.
โครงการ MAXXI CONDO เป็นคอนโด Low Rise 8 ชั้น จำนวน 249 ยูนิต พร้อมอาคารคลับเฮ้าส์ 1 อาคาร ตั้งอยู่บนพื้นที่ประมาณ 2-0-31 ไร่ ออกแบบด้วยแนวความคิด Live it to the MAX ด้วยทางผู้พัฒนาโครงการต้องการสร้างคุณภาพชีวิตที่ดี ทันสมัยและตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ จึงออกแบบให้มีพื้นที่ที่สามารถทำกิจกรรมที่ชื่นชอบได้ โดยชื่อโครงการ “MAXXI” นั้น มาจากชื่อของพิพิธภัณฑ์ที่มีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่งของอิตาลี ที่ได้รับรางวัลการออกแบบมากมาย และยังออกแบบให้โครงการ MAX ในทุกๆด้านนั่นเองค่ะ
Concept ความ MAX ของโครงการ เดี๋ยวค่อยๆเล่าให้ฟังนะคะ
มาดูโมเดลกันค่ะ ทางเข้า-ออกของโครงการมีอยู่ทางเดียวติดกับถนนซอยพหลโยธิน34 หน้าโครงการมีซุ้มโครงการที่ดีไซน์สวยงามพร้อมป้อมรปภ.และระบบรักษาความปลอดภัย 24 ชั่วโมงด้วยระบบ RFID Car Access (Easy pass ไม่ต้องเปิดกระจกรถ) และ CCTV ถัดเข้ามาด้านในเป็นที่จอดรถซึ่งจอดได้ทั้งรอบๆอาคารและในอาคาร มีอาคารคลับเฮ้าส์สูง 2 ชั้น แยกออกมาต่างหาก ซึ่งข้อดีคือจะทำให้ภายในอาคารพักอาศัยเป็นส่วนตัวมากขึ้น ไม่มีชั้นที่มี Facilities ปน และสามารถนัดญาติ เพื่อน มาพบปะสังสรรค์บริเวณคลับเฮ้าส์ได้โดยไม่ต้องไปยุ่งกับส่วนพักอาศัยนั่นเอง แต่มันต้องเดินออกมาใช้ไกลหน่อย สำหรับตัวคอนโดเป็น Low Rise สูง 8 ชั้น รูปตัวแอล มีแบบห้องให้เลือกตั้งแต่ Studio – 2 Bedroom
ที่จอดรถจอดได้ทั้งรอบๆอาคารและในอาคาร ประมาณ 79 คัน ประมาณ 32% (ไม่รวมจอดซ้อนคัน) อาคารคลับเฮ้าส์วางอยู่ฝั่งที่ติดกับคอนโดโครงการข้างเคียง จึงทำให้มีระยะห่างระหว่างโครงการเราเยอะพอสมควรค่ะ
อีกฝั่งหนึ่งของอาคารดีไซน์คล้ายๆกัน เป็นสไตล์โมเดิร์น ใช้โทนสีเทา-ขาวในการตกแต่ง โดยทาสลับกันทำให้ตัวอาคารดูมีมิติมากขึ้น
ถ่ายซูมจากในโมเดลให้เห็นทางเข้าอาคาร บริเวณด้านหน้าทางเข้าอาคารมีจัดสวนหย่อมด้วยค่ะ
คลับเฮ้าส์ หรือ ที่โครงการเรียกว่า Co-happy space เป็นอาคาร 2 ชั้น ดีไซน์ดูโมเดิร์นเข้ากับตัวอาคารพักอาศัย ภายในประกอบด้วย Co- kitchen space , Fitness , Yoga Area , Boxing corner , Pool table , Library corner , Swimming Jet pool และ Roof Garden
สำหรับใครที่รอลุ้นว่าคลับเฮ้าส์ทำออกมาจะเหมือนในโมเดลมั้ย ก็ไม่ต้องลุ้นค่ะ เพราะโครงการทำเสร็จบางส่วนแล้ว ใช้เป็นสำนักงานขายในตอนนี้ด้วย เข้าไปดูกันเลย
ในคลับเฮ้าส์ชั้นเข้ามาด้านในจะเจอกับพื้นที่ Double Space ฝ้าเพดานสูง ซึ่งชั้น 1 จะเป็น Co- kitchen space พื้นที่สำหรับให้ลูกบ้านมาทำอาหารร่วมกัน โดยทางโครงการได้เตรียมฟังก์ชั่นการใช้งานให้ครบทั้ง Island ขนาดใหญ่ อุปกรณ์ครัว และพื้นที่นั่งทานอาหาร ส่วนชั้นที่เห็นในภาพ 2 จะเป็น Library corner กับ Pool table ค่ะ
ภาพบรรยากาศจริงภายในโซน Co- kitchen space ในอาคารคลับเฮ้าส์ ลูกบ้านมาใช้ทำงานได้ หรือ จะใช้พื้นที่บริเวณนี้จัดเลี้ยงสังสรรค์ก็ได้ค่ะ
Island ขนาดใหญ่ อุปกรณ์ครัว และพื้นที่นั่งทานอาหาร ทางโครงการจัดไว้ได้น่ารักดีค่ะ
ขึ้นไปดูที่ชั้นบนกันต่อ
เข้าไปดูที่ชั้น 2 กัน ซึ่งในชั้นนี้จะมี Fitness , Yoga Area , Boxing corner , Pool table , Library corner และ Swimming Jet pool ส่วน Roof Garden จะอยู่ที่ชั้นดาดฟ้า ค่ะ
จากประตูบริเวณโถงบันไดเข้ามาจะเป็นโซน Library corner และ Pool table ค่ะ บริเวณนี้มีผนังด้านหนึ่งเป็นราวกันตกกระจกเชื่อมต่อกับพื้นที่ชั้น 1 ด้วยค่ะ
ในโซนนี้จะมีตู้หนังสือและชุดที่นั่งให้ลูกบ้านลงมานั่งอ่านหรือทำงานแบบชิลๆ อีกฝั่งมีโต๊ะพูลพร้อมที่นั่งเล่นพักผ่อน
มุมมองทางฝั่งด้านหน้าที่มีพื้นที่เชื่อมต่อกับชั้นล่างค่ะ บริเวณนี้มีช่องแสงเยอะ บรรยากาศดูโปร่งเหมาะแก่การพักผ่อนดีค่ะ
ที่นั่งพักผ่อนเป็น bean bag สีม่วงสดใส นั่งเล่นกันแบบชิลๆ
ให้ดูอีกมุมหนึ่งค่ะ เดี๋ยวเราจะเข้าไปดู Facilities ส่วนอื่นที่อยู่ถัดจากประตูกระจกอะลูมิเนียมที่อยู่ด้านหลังกัน
เดินผ่านมาอีกโซนจะเจอโถงทางเดิน ทางฝั่งซ้ายเป็นห้องฟิตเนส ส่วนทางฝั่งขวาเป็นห้องน้ำค่ะ
บรรยากาศภายในห้องฟิตเนสค่ะ มีมุมสำหรับต่อยมวยกีฬายอดฮิตในตอนนี้ด้วย อุปกรณ์มีมาให้พร้อมทั้งนวม กระสอบทราบ และ Fitball
นอกจากนั้นยังมีลู่วิ่ง เครื่องปั่นจักรยานสำหรับการออกกำลังกายแบบ Cardio และ อุปกรณ์สำหรับเล่นเวทด้วยค่ะ ผนังโดยรอบเป็นกระจกสามารถออกกำลังกายไปชมวิวไปได้ มีฝั่งหนึ่งเป็นกระจกเอาไว้จัดท่าทางค่ะ
ส่วนฟิตเนสตอนนี้สร้างเสร็จเรียบร้อยแต่เป็นพื้นที่โล่งๆอยู่ กำลังรอเครื่องออกกำลังกายมาลงค่ะ
ฝั่งตรงข้ามฟิตเนสเป็นห้องน้ำ มีให้ทั้งห้องน้ำชายและหญิง ตรงกลางเป็นอ่างล้างหน้าค่ะ
บรรยากาศภายในห้องน้ำ หญิง-ชาย ดีไซน์คล้ายๆกัน
ส่วนสระว่ายน้ำจะอยู่ถัดจากโซนฟิตเนสไป ตอนนี้ยังสร้างไม่เสร็จนะคะเลยเอาภาพจำลองบรรยากาศมาให้ชมกันก่อน โดยสระว่ายน้ำใช้โมเสคสีม่วงเข้ากับ Concept โครงการ เป็นสระแบบ Jet Pool คือว่ายทวนกระแสค่ะ
ชั้นดาดฟ้าเป็น Roof Garden สำหรับออกมาเดินเล่นพักผ่อนหย่อนใจค่ะ
Masterplan เข้ามาจะเป็นที่จอดรถค่ะ จอดได้ทั้งรอบๆอาคารและในอาคาร ประมาณ 79 คัน ประมาณ 32% (ไม่รวมจอดซ้อนคัน) มีจัดสวนอยู่รอบๆโครงการ ในอาคารคลับเฮ้าส์ชั้น 1 จะเป็นพื้นที่ของ Co- kitchen space ส่วนในอาคารพักอาศัยจะเริ่มมีห้องพักอยู่ชั้นนี้เลยค่ะ โดยจะมีประตูกั้นเป็นสัดส่วน ถ้าจะผ่านเข้าไปต้องใช้ Finger Scan ก่อนเข้าโซนพักอาศัยค่ะ
ขึ้นมาชั้น 2 ในอาคารคลับเฮ้าส์เป็น Library ฟิตเนส และ สระว่ายน้ำ ในอาคารพักอาศัยเป็นห้องพักทั้งชั้นค่ะ มีจำนวนห้องพัก 34 ห้องต่อชั้น ตัวอาคารเป็นรูปตัวแอล มีลิฟต์โดยสาร 2 ตัว อัตราส่วนลิฟต์เท่ากับ 125 : 1 มีบันไดหนีไฟ 2 จุด การจัดวางห้องพักทางทิศตะวันออกที่เป็นวิวพักอาศัยโล่งๆเป็นห้อง 1 ห้องนอน 26 ตารางเมตร ส่วนทางทิศอื่นๆส่วนใหญ่เป็นห้อง 1 ห้องนอน+ห้องเอนกประสงค์ 30 ตารางเมตร ห้อง Studio 22 ตารางเมตรอยู่ทางทิศตะวันตกเห็นวิวเป็นพื้นที่ส่วนกลาง ส่วนห้อง 2 ห้องนอน 34-38 ตารางเมตร อยู่บริเวณมุมของอาคารค่ะ
ขึ้นมาชั้น 3 แปลนในส่วนของอาคารพักอาศัยเหมือนกันกับชั้น 2 ส่วนในอาคารคลับเฮ้าส์เป็น Roof Garden ค่ะ
ชั้น 4-8 เป็นห้องพักอาศัยล้วนๆเลย แปลนเหมือนๆกันค่ะ
ปิดท้ายด้วย VDO จากทางโครงการค่ะ
สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก
- Co-happy space (Clubhouse)
- Co- kitchen space
- Fitness
- Yoga Area
- Boxing corner
- Pool table
- Library corner
- Swimming Jet pool (ว่ายทวนกระแส)
- Roof Garden
สำหรับห้องตัวอย่างเรามีมาให้ชม 2 แบบนะคะ คือ 1 Bedroom Plus 30 ตารางเมตร และ 1 Bedroom 26 ตารางเมตร
และนอกจากนั้นยังให้ระบบ Home Automation System เราสามารถควบคุมการเปิดปิดไฟและเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในห้อง สามารถเชื่อมต่อกับโทรศัพท์มือถือเพื่อควบคุมการสั่งการได้
เรามาเริ่มกันที่ห้อง 1 Bedroom Plus 30 ตารางเมตรกันค่ะ ห้องนี้เข้ามาจะเจอกับพื้นที่นั่งเล่นและรับประทานอาหารก่อน ถัดเข้าไปเป็นห้องนอน มีห้องเอนกประสงค์อยู่ข้างๆกัน สามารถที่จะจัดเป็นห้องนอนเล็ก, ห้องทำงานหรือห้องแต่งตัว ก็แล้วแต่ไลฟ์สไตล์ของผู้อยู่อาศัยเลย ในห้องเอนกประสงค์จะมีระเบียงด้วย ห้องครัวอยู่ระหว่างห้องเอนกประสงค์และห้องน้ำ เป็นครัวเปิด จากขนาด การใช้งานจะเหมาะกับการอุ่นอาหารหรือเตรียมอาหารทานเองง่ายๆมากกว่าทำอาหารเอง ห้องน้ำแยกส่วนเปียกส่วนแห้งให้เป็นสัดส่วนค่ะ
ประตูทางเข้าห้องพักเป็นบานเปิดเดี่ยว ลายไม้ ขนาด2.00 x 0.90 เมตร พร้อม Digital Door Lock
Digital Door Lock เราได้แบบนี้เลย ใช้ได้ทั้งรหัส กุญแจ และคีย์การ์ด
เข้ามาข้างในเป็นพื้นที่นั่งเล่นและทานข้าว ถัดไปที่กั้นด้วยประตูบานเลื่อนคือห้องนอน มีห้องเอนกประสงค์อยู่ข้างๆกัน ห้องน้ำและครัวอยู่ด้านใน สำหรับวัสดุที่ให้ ผนังเป็นฉาบเรียบติด Wallpaper พื้นไม้ลามิเนตหนา 12 มม. ไฟเป็น LED สวิตช์ ปลั๊กของ Bticino หรือเทียบเท่า เฟอร์นิเจอร์ให้แบบ Fully Furnished นะคะ
ในส่วนของห้องนั่งเล่นจะได้โซฟาแบบ 2-3 ที่นั่ง 1 ตัว พร้อมชั้นวางทีวี และโต๊ะอาหาร ระยะดูทีวีประมาณ 2.40 เมตร สามารถติดทีวีที่มีขนาด 55 นิ้วได้
มุมด้านบนของประตูเป็นตำแหน่งของตู้ควบคุมงานระบบไฟ
โซฟาและโต๊ะกลางเราได้ตามนี้ค่ะ
ชั้นวางทีวีสามารถเปิดออกมาเก็บของเล็กๆน้อยๆได้
ระหว่างชั้นวางทีวีกับทางเข้าห้องนอนมีพื้นที่สำหรับวางโต๊ะทานข้าว
โดยชุดรับประทานอาหารนี้ ทางโครงการแถมให้แค่โต๊ะค่ะ เป็นโต๊ะที่สามาระพับขาเก็บในกรณีที่ต้องการใช้พื้นที่เพิ่มเติมได้
โต๊ะทานข้าวที่โครงการให้มา พับเก็บได้แบบนี้ค่ะ สามารถเพิ่มพื้นที่ใช้สอยเวลาที่เราไม่ใช้งานได้
ด้านบนโต๊ะเป็นแอร์ Daikin จำนวน BTU ขึ้นอยู่กับขนาดของห้องนะคะ
ห้องนอนกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน กรอบบานอะลูมิเนียมสีดำ
ภายในห้องนอนจัดวางเตียงขนาดใหญ่พร้อม Built-in ตู้เสื้อผ้าไว้ โดยปลายเตียงจะมีการเดินปลั๊กไฟไว้ให้สำหรับตั้งทีวีแบบติดผนัง ซึ่งจะประหยัดพื้นที่กว่า
ข้างเตียงมีหน้าต่างบานใหญ่ ส่วนบนเป็นบานเลื่อนไว้เปิดระบายอากาศและรับลม ส่วนข้างล่างเป็นแบบบาน Fix
ข้างเตียงมีตู้เสื้อผ้าเป็นแบบบานเลื่อน Built-in สูงถึงฝ้าเพดาน แบ่งช่องมาให้ครบทุกฟังก์ชั่น ทั้งราวแขวนเสื้อทั้งแบบเสื้อเชิ้ตและเดรสยาว มีลิ้นชักสำหรับพับเก็บเสื้อผ้าหรือของใช้ส่วนตัว ชั้นด้านบนเอาไว้เก็บของที่ไม่ค่อยได้ใช้ค่ะ
เตียงได้เป็น 5 ฟุต ไม่รวมฟูกและของตกแต่ง
ทางฝั่งซ้ายของเตียงติดกับตู้เสื้อผ้า ส่วนทางฝั่งขวาวางเกือบชิดผนังเหลือที่ให้ผ้าม่านวิ่งผ่านเล็กน้อย
ปลายเตียงเหลือประมาณ 50 ซม.ค่ะ
เดินถัดเข้ามาด้านในตัวห้อง ทางฝั่งซ้ายคือห้องเอนกประสงค์ ส่วนทางฝั่งขวาเป็นห้องน้ำ มีครัวอยู่ตรงกลาง
ส่วนห้องอเนกประสงค์ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามห้องน้ำ ภายในมีพื้นที่ให้สามารถจัดเป็นห้องนอนเล็กๆ ได้ หรือจะจัดเป็นห้องทำงาน ห้องนั่งเล่น ก็แล้วแต่ไลฟ์สไตล์ของผู้อยู่อาศัยเลยค่ะ ประตูจะได้เป็นบานเลื่อนแบบ 2 ตอน
พื้นที่ภายในห้องอเนกประสงค์มีขนาดประมาณ 2.00 x 2.25 เมตร พื้นปูด้วยลามิเนตหนา 12 มม. เช่นเดียวกับพื้นที่ส่วนกลาง
ด้านในสุดเป็นประตูบานเลื่อนแบบเปิดได้ทั้งสองด้านออกไปยังระเบียงด้านนอก
ระเบียงมีขนาดประมาณ 0.86 x 2.30 เมตร จึงมีพื้นที่พอให้วางราวตากผ้าได้ ส่วนพื้นปูด้วยกระเบื้องเซรามิค ผิวด้าน ช่วยกันลื่นได้ดีกว่ากระเบื้องทั่วไปค่ะ
Condensing Unit ของแอร์แขวนเป่าลมร้อนออกด้านนอกอาคาร มีติดตั้งระแนงบังตาเพื่อความเรียบร้อยมาให้
มีงานระบบต่างๆเตรียมให้พร้อม สำหรับวางเครื่องซักผ้าค่ะ
มาดูพื้นที่อีกฝั่งหนึ่งของห้อง ออกแบบมาให้เป็นพื้นที่ครัวแบบเปิดโล่ง ฝั่งซ้ายเป็นห้องอเนกประสงค์ ส่วนฝั่งขวาเป็นห้องน้ำค่ะ โดยพื้นที่ตรงนี้ครัวเปิดตรงนี้จะได้เคาน์เตอร์ครัวตามแบบในห้องตัวอย่างนี้เลย วัสดุเป็นโครงไม้ปิดผิวด้วยเมลามีน
อ่างล้างจานได้แบบหลุมเดียว
เตาไฟฟ้า 2 หัว ของ Tecno หรือเทียบเท่า
เครื่องดูดควัน ของ Tecno หรือเทียบเท่า
ข้างๆทางเข้าห้องน้ำมีช่องโล่ง สำหรับวางตู้เย็น อยู่ในระยะที่เอื้อมมาหยิบจับ เอาของได้สะดวก
ห้องน้ำแบ่งเป็นพื้นที่ส่วนเปียกส่วนแห้งไว้เรียบร้อย พื้นเป็นกระเบื้องขนาด 30 X 60 ซม. ลายหินอ่อนสีขาว(ด้าน)
ทางเข้าห้องน้ำมีธรณียกสูงขึ้นมาประมาณ 5 ซม. เพื่อความสะดวกในการซักล้าง ทำความสะอาด กันน้ำไม่ให้ไหลไปโดนส่วนอื่นๆ
ชุดอ่างล้างหน้าได้แบบนี้เลยทั้งอ่างและกระจกติดผนัง
อ่างล้างหน้าได้ของ American Standard หรือเทียบเท่า
สุขภัณฑ์ของ American Standard เช่นเดียวกัน
พื้นที่อาบน้ำไม่ได้ให้ฉากกั้นอาบน้ำมาให้ ซึ่งเราสามารถไปหาซื้อมาติดตั้งเพิ่มเติมได้นะ ผนังหลังฝักบัวได้เป็นกระเบื้องลายโมเสคแบบนี้เลย
ระหว่างส่วนแห้งและส่วนเปียกก็มีธรณียกสูงขึ้นมาค่ะ พื้นที่อาบน้ำประมาณ 1.00 x 0.70 เมตร
ซูมหน้าตาฝักบัวค่ะ ของ American Standard เช่นเดียวกัน
อีกห้องหนึ่งเป็น 1 ห้องนอน 26 ตร.ม. เข้าห้องมาจะเจอกับพื้นที่ที่เชื่อมต่อกันระหว่าง ครัว และ นั่งเล่น ข้างๆโซฟาเป็นทางออกไปที่ระเบียง ระเบียงห้องนี้เป็นแบบ Double skin คือสามารถใช้เป็นระเบียง หรือ เป็นพื้นที่ใช้สอยภายในห้องก็ได้ ระหว่างห้องนั่งเล่นและห้องนอนจะมีประตูบานเลื่อนสามารถกั้นแยกพื้นที่ให้เป็นสัดส่วนและเป็นส่วนตัวได้ แต่ถ้าเปิดประตูก็จะเป็นพื้นที่ที่เชื่อมต่อถึงกันค่ะ ข้างๆเตียงมีพื้นที่สำหรับวางโต๊ะทำงานด้วย ส่วนห้องน้ำต้องเดินมาเข้าจากทางห้องนอน หน้าห้องน้ำเป็นตู้เสื้อผ้า พออาบเสร็จก็ออกมาแต่งตัวได้สะดวก
เข้าห้องมาจะเจอกับครัวก่อน ห้องนี้เป็นครัวเปิด ถัดเข้าไปเป็นห้องนั่งเล่นที่เชื่อมต่อกับระเบียงแบบ Double skin ทางฝั่งขวาเป็นทางไปห้องนอนและห้องน้ำ วัสดุและอุปกรณ์ต่างๆเหมือนกับห้องก่อนหน้าค่ะ
ครัวห้องนี้อยู่บริเวณหน้าห้องค่ะ เป็นสัดส่วนากขึ้น ฝั่งตรงข้ามมีพื้นที่สำหรับวางตู้เย็น
ครัวได้หน้าตาแบบนี้เลยค่ะ วัสดุเป็นโครงไม้ปิดผิวด้วยเมลามีนลายไม้
ครัวได้ทั้งตู้ล่างและบน สามารถเปิดออกมาเก็บของได้แบบนี้เลยค่ะ
อุปกรณ์ต่างๆได้เหมือนกับห้องก่อนหน้าทั้งอ่างล้างจาน เตาไฟฟ้า เครื่องดูดควัน ช่องใส่ไมโครเวฟ (ไมโครเวฟไม่ได้แถมนะ)
ช่องสำหรับวางตู้เย็นค่ะ
ถัดเข้ามาด้านในเป็นพื้นที่นั่งเล่นที่เชื่อมต่อกับห้องนอน ระยะดูทีวีประมาณ 2.10 เมตร ตั้งอยู่ติดกับทางออกไประเบียง ด้านหลังเป็นประตูบานเลื่อนสามารถเลื่อนมากั้นเพื่อให้มีความเป็นส่วนตัวมากขึ้นได้ แต่ถ้าอยากได้พื้นที่เปิดโล่งเชื่อมต่อถึงกันก็เลื่อนเปิดประตูออกค่ะ
ประตูที่กั้นระหว่างระเบียงกับห้องนั่งเล่นเป็นบานเลื่อนกระจกแบบ 2 ตอน
บริเวณระเบียง ทางโครงการออกแบบมาให้ใช้งานได้ทั้งเป็นระเบียงถ้าปิดประตูห้องนั่งเล่นแล้วเปิดหน้าต่าง แต่ถ้าอยากใช้เป็นพื้นที่ใช้สอยในห้องก็ให้เลื่อนประตูออก พื้นที่จะเชื่อมต่อกับห้องนั่งเล่น
ผนังด้านในสุดเป็นกระจกสามารถเลื่อนเปิด-ปิดได้
ที่ระเบียงจะมีประตูเล็กๆ ซึ่งพอเปิดเข้าไปด้านในเป็นพื้นที่วางCondensing Unit ของแอร์
ด้านในคือพื้นที่ซ่อน Condensing Unit ของแอร์ หันเป่าลมออกนอกอาคาร เป็นระเบียบเรียบร้อยไม่มากระทบการใช้งานบริเวณระเบียง
ด้านล่างมี Drain ระบายน้ำมาให้เรียบร้อย พื้นบริเวณนี้ของจริงจะเป็นพื้นขัดมันค่ะ
บริเวณระเบียง ในห้องตัวอย่างจัดให้ดูเป็นมุมนั่งเล่นพักผ่อน ซึ่งพอเป็นระเบียงแบบ Double เราก็สามารถมาใช้พื้นที่ทำกิจกรรม เช่น นั่งเล่น ปลูกต้นไม้ได้โดยไม่ต้องกลัวร้อน
พื้นที่โซฟาจะเชื่อมต่อกับห้องนอนแบบนี้
ด้านหลังโซฟาเป็นประตูบานเลื่อนสามารถเลื่อนมากั้นเพื่อให้มีความเป็นส่วนตัวมากขึ้นได้ แต่ถ้าอยากได้พื้นที่เปิดโล่งเชื่อมต่อถึงกันก็เลื่อนเปิดประตูออกค่ะ
พื้นที่ระหว่างห้องนอนและนั่งเล่นจะเชื่อมต่อกันประมาณนี้ เราสามารถนอนดูทีวีได้เลย ถ้าเราจะหลับหรืออยากได้ความเป็นส่วนตัวก็เลื่อนบานเลื่อนมาปิดค่ะ
ข้างเตียงมีหน้าต่างช่วยให้แสงธรรมชาติเข้ามาในห้องได้ดี มีพื้นที่สามารถวางโต๊ะทำงานได้
ข้างเตียงมีช่องสำหรับวางโต๊ะข้างเตียงได้แบบนี้ นั่งทำงานไปดูวิวไปได้
ข้างเตียงทั้งสองฝั่งมีระยะเหลือ วางโต๊ะทำงานหรือโต๊ะข้างเตียงได้สบายๆ
ส่วนปลายเตียงมีระยะห่างระหว่างเตียงและโซฟาประมาณ 55 ซม. สามารถเดินผ่านได้สะดวก
อีกฝั่งเป็นทางไปห้องน้ำ หน้าห้องน้ำเป็นตำแหน่งของตู้เสื้อผ้า
ตู้เสื้อผ้าอยู่ตรงข้ามกับทางเข้าห้องน้ำเลย
ตู้เสื้อผ้าที่เราจะได้หน้าตาจะเป็นประมาณนี้ค่ะ ขนาดไม่ใหญ่เท่าไหร่แต่ก็มีฟังก์ชั่นครบ หน้าบานเป็นเมลามีนลายไม้ ข้างในมีครบทั้งลิ้นชักและราวแขวนผ้า
ห้องน้ำแบ่งออกเป็นส่วนแห้งและส่วนเปียกเป็นสัดส่วน วัสดุและอุปกรณ์ต่างๆเหมือนกันห้องก่อนหน้าค่ะ
ชุดอ่างล้างหน้าได้เหมือนเดิม อ่างเป็นของ American Standard
โถสุขภัณฑ์ก็เช่นกันของ American Standard
พื้นที่อาบน้ำมีขนาดประมาณ 1.05 x 0.80 เมตร ฝักบัวและอุปกรณ์ให้เหมือนห้องก่อนหน้าค่ะ
ทั้งส่วนของทางเข้าห้องน้ำและพื้นที่อาบน้ำ มีธรณียกสูงขึ้นมาสำหรับกันน้ำค่ะ
สำหรับห้องที่ไม่มีห้องตัวอย่าง Studio 22 ตารางเมตร เข้ามาจะเจอครัวก่อน ฝั่งตรงข้ามครัวเป็นตู้เสื้อผ้าและห้องน้ำ ถัดเข้าไปด้านในเป็นพื้นที่นั่งทานข้าว และเตียงนอน พื้นที่ด้านข้างเตียงวางโซฟาประมาณ 2-3 ที่นั่งได้ ระเบียงอยู่ติดกับพื้นที่วางโซฟาออกมายืนสูดอาศได้
ส่วนห้อง 2 ห้องนอนมีให้เลือก 3 แบบ แต่การจัดวางผังต่างๆคล้ายกัน (ต่างกันที่ขนาดพื้นที่) ผังวางให้มีพื้นที่เชื่อมต่อกันระหว่างห้องนั่งเล่นและโต๊ะอาหาร ด้านในเป็นห้องนอน 2 ห้อง มีห้องน้ำห้องเดียวต้องใช้แชร์กันค่ะ
**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ
ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 8 June 2017
- Studio ชั้น5 ห้อง 515 เนื้อที่ 22.98 ราคา 1.68 ล้านบาท หรือ 73,107 บาท/ตร.ม.
- 1Bedroom ชั้น 6 ห้อง 625 เนื้อที่ 26.58 ตร.ม. ราคา 1.94 ล้านบาท หรือ 72,987 บาท/ตร.ม.
- 1Bedroom Plus ชั้น4 ห้อง 401 เนื้อที่ 30.10 ราคา 2.22 ล้านบาท หรือ 73,854 บาท/ตร.ม.
- 2Bedroom ชั้น 6 ห้อง 602 เนื้อที่ 34.69 ราคา 2.62 ล้านบาท หรือ 75,526 บาท/ตร.ม.
- 2Bedroom ชั้น6 ห้อง 629 เนื้อที่ 36.53 ราคา 2.55 ล้านบาท หรือ 69,806 บาท/ตร.ม.
- 2Bedroom ชั้น5ห้อง 516 ราคา 2.59 ล้านบาท หรือ 68,374 บาท/ตร.ม
- Fully Furnished
- ฝ้าเพดานสูง 2.4 เมตร
- Kitchen & Sink
- Hob & Hood
- Shuttle Bus ไปกลับหน้าปากซอย พหลโยธิน34
- จอง 15,000 บาท
- ทำสัญญา 35,000 บาท
- ดาวน์ 18 งวด
- ค่ากองทุน 500 บาท/ตร.ม.
- ค่าส่วนกลาง 50 บาท/ตร.ม./เดือน
**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ
โครงการ MAXXI CONDO เป็นโครงการแรกของ บริษัท แม็กซิมัส เอสเตท จำกัด ร่วมกับ บจก.อาร์เคพลัส เอสเตททายาทรุ่นที่ 3 ของกลุ่มอสังหา RK Group ร่วมทุนกับเพื่อนจากหลายธุรกิจเช่น การเงิน ก่อสร้าง การตลาด ตั้งอยู่ในซอยพหลโยธิน34 หรือ ซอยเสนานิคม2 ใกล้ม.เกษตร เข้าซอยมา (จากฝั่งถนนพหลโยธิน) ประมาณ 1.1 กิโลเมตร ทำเล นี้ถือว่ามีความอุดมสมบูรณ์พอสมควร ทั้งแหล่งอาหาร แหล่ง Shopping โรงพยาบาล และสถานศึกษา ใกล้กับโครงการในระยะไม่เกิน 200 ม.เรียกว่าครบครันเลย มีทั้งตลาดนัดในช่วงเย็น , 7 -11 , Lotus Express และตลาดศรีเสนา หรือบริเวณหน้าปากซอยพหลโยธิน 34 ก็จะมีตลาดบางเขน ถ้าอยากหาของกินนอกเหนือจากนี้ก็ไปตรงแถวม.เกษตรก็ได้มีให้เลือกอีกเยอะ หากเป็นห้างสรรพสินค้าที่ใหญ่ขึ้นมาหน่อยก็จะเป็น เสนาเซ็นเตอร์ หรือ Major Cineplex รัชโยธิน , Avenue Ratchayothin , Central ลาดพร้าว Union Mall ที่อยู่ในรัศมีการเดินทางไม่เกิน 5 กม. ใกล้โรงพยาบาลเปาโล(เมโย) , โรงพยาบาลวิภาวดี นอกจากนี้ยังใกล้สถานศึกษาอย่างมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ , มหาวิทยาลัยราชภัฏจันทรเกษม และโรงเรียนหอวัง สำหรับการอยู่อาศัยที่มีครบ สภาพแวดล้อมส่วนใหญ่เป็นพื้นที่พักอาศัยที่บางส่วนถูกพัฒนาเป็น Condo Low Rise และหมู่บ้าน ทำให้พื้นที่ในย่านนี้เหมาะกับคนที่กำลังมองหาคอนโดในแหล่งพักอาศัยที่ใกล้กับสถานศึกษา โรงพยาบาล และสิ่งอำนวยความสะดวกที่หลากหลายพร้อมด้วยการเดินทางที่สะดวกค่ะ
การเดินทางโดยใช้ ถือว่าสะดวกสำหรับคนที่ใช้เส้นทางในย่านนี้เพราะสามารถใช้เส้นทางลัดเลาะออกไปถนนหลักอื่นๆได้หลายสาย ทั้งถนนพหลโยธิน ถนนประเสริฐมนูกิจ(ถนนเกษตรนวมินทร์) และ ถนนลาดพร้าว-วังหิน,ถนนโชคชัย4 สำหรับทางด่วนต้องมาขึ้นที่ถนนวิภาวดีรังสิต หรือ ถนนประดิษฐ์มนูธรรม(เลียบทางด่วนรามอินทรา) แต่ในช่วงเวลาเร่งด่วนก็จะต้องเจอกับปริมาณรถยนต์ที่หนาแน่นบ้างเป็นธรรมดาของกรุงเทพฯ
การเดินทางโดยไม่ใช้รถนั้นก็ถือว่าค่อนข้างสะดวกเช่นกัน เพราะภายในซอยมีมอเตอร์ไซค์รับจ้างใกล้ๆ กับโครงการ และเมื่อออกไปบริเวณปากซอยก็จะมีป้ายรถเมล์อยู่ห่างออกไปประมาณ 200 ม. ระหว่างโรงพยาบาลเมโยและตลาดบางเขน รถเมล์ในย่านนี้มีหลายสายค่ะ รวมถึงมีรถตู้โดยสารเข้าเมืองและออกนอกเมือง ทั้งไปหมอชิต อนุสาวรีย์ฯ สยาม ลาดพร้าว ปากเกร็ด สะพานใหม่ รังสิต มีนบุรี รามอินทรา โบกขึ้นได้ตรงหน้าปากซอยพหลโยธิน 32 นอกจากนี้ยังมีสะพานลอยตรงหน้าปากซอยทำให้ปลอดภัยในการข้ามถนนค่ะ ส่วนแท็กซี่ก็เรียกใช้ได้ตั้งแต่ในซอยพหลโยธิน 32 และ 34 เลย จะเดินทางไปไหนก็สะดวก นอกจากนั้นทางโครงการมี Shuttle Bus รับส่งระหว่างโครงการ-หน้าปากซอยพหลโยธิน34 ค่ะ ซึ่งในอนาคตจะมีรถไฟฟ้าสายสีเขียว ทางขึ้นสถานีอยู่บริเวณหน้าปากซอย ทำให้การเดินทางเชื่อมต่อเข้าเมืองสะดวกขึ้นไปอีก
วัสดุ ของโครงการเป็นแบบ Fully Furnished ให้เฟอร์นิเจอร์ครบชุด , Digital Door Lock , เครื่องปรับอากาศของ daikin , Built-in ครัว , สุขภัณฑ์ของ American Standard ห้องน้ำที่แบ่งส่วนเปียกส่วนแห้ง พื้นภายในห้องเป็นลามิเนตหนา 12 มม. คุณภาพของวัสดุและอุปกรณ์ที่ใช้ถือว่ามีคุณภาพดีเมื่อเทียบกับราคา ให้มาเยอะและมีทางเลือกในการตกแต่ง เหลือเพียงซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าเพิ่ม ก็ลากกระเป๋าเข้าอยู่ได้เลยค่ะ
การออกแบบ ออกแบบด้วยแนวความคิด Live it to the MAX ด้วยทางผู้พัฒนาโครงการต้องการสร้างคุณภาพชีวิตที่ดี ทันสมัยและตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ จึงออกแบบให้มีพื้นที่ที่สามารถทำกิจกรรมที่ชื่นชอบได้ โดยชื่อโครงการ “MAXXI” นั้น มาจากชื่อของพิพิธภัณฑ์ที่มีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่งของอิตาลี ที่ได้รับรางวัลการออกแบบมากมาย และยังออกแบบให้โครงการ MAX ในทุกๆด้านนั่นเองค่ะ
สาธารณูปโภค ค่อนข้างครบครัว ออกแบบได้สวนน่าใช้ มีคลับเฮ้าส์ หรือ ที่โครงการเรียกว่า Co-happy space เป็นอาคาร 2 ชั้นแยกออกมาต่างห่าง ข้อดีคือจะทำให้ภายในอาคารพักอาศัยเป็นส่วนตัวมากขึ้นดีไซน์ดูโมเดิร์นเข้ากับตัวอาคารพักอาศัย ภายในประกอบด้วย Co- kitchen space พื้นที่สำหรับให้ลูกบ้านมาทำอาหารร่วมกัน , Fitness , Yoga Area , Boxing corner , Pool table , Library corner , Swimming Jet pool และ Roof Garden และระบบรักษาความปลอดภัย 24 ชั่วโมงด้วยระบบ RFID Car Access (Easy pass ไม่ต้องเปิดกระจกรถ) และ CCTV
Judgement
การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้
ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%
เทียบกับราคา 65,000-69,000 บาท/ตร.ม., 8 June 2017
- ทำเล 7.5/10 – เดินทางสะดวกหาของกินง่าย ใกล้ม.เกษตร
- เดินทางด้วยรถ 8/10 – ทางลัดเยอะ มีทางเลือกในการเดินทาง
- ไม่ใช้รถ 7.75/10 – เรียกรถง่ายเพราะเป็นซอยทางลัดมีรถวิ่งผ่านตลอด อนาคตมีสถานีรถไฟฟ้าสายสีเขียวเป็นทางเลือกในการเดินทาง มีรถ Shuttle Bus
- วัสดุ 7.5/10 – ตามมาตรฐานค่อนข้างไปทางดี ได้เฟอร์แบบ Fully Furnished + Home Automation System
- แบบ 7.75/10 – ออกแบบได้ดี โดยเฉพาะห้องพักที่เป็นแบบห้องหน้ากว้าง โปร่ง โล่ง
- สาธารณูปโภค 7.5/10 – ส่วนกลางแยกอาคาร ให้มาสมน้ำสมเนื้อ ดีไซน์สวยน่าใช้งาน
- ECONOMY CLASS
- 7.64 / 10.00
BOTTOM LINE
โครงการ MAXXI CONDO เหมาะกับคนที่กำลังมองหาคอนโดย่านพหลโยธิน ที่อยู่ใกล้ ม.เกษตร แต่ขยับเข้ามาในซอย เน้นใช้รถยนต์เดินทางสะดวกและมีทางเลือกในการเดินทางที่หลากหลาย อนาคตมีรถไฟฟ้าผ่าน เน้นพื้นที่ Facilities ที่ใหญ่แยกเป็นอีกอาคาร มีงบประมาณ 1.29 – 2.62 ล้านบาท หรือผ่อนต่อเดือนอยู่ที่ 9,000 – 18,000 บาท
ถ้าเห็นว่ารีวิวนี้มีประโยชน์ ช่วยกด LIKE ให้หน่อยนะคะ จะได้มีกำลังใจทำรีวิวถัดๆไปค่ะ
สมัครสมาชิกพร้อมรับข่าวสารเพิ่มเติม (คลิกที่นี่ )