รีวิวฉบับที่ 960 … Maestro 03 Ratchada (มาเอสโตร 03 รัชดา) ทุกครั้งที่ผมพามาเยี่ยมชมโครงการ Maestro จากค่าย Major Development โครงการก็จะเป็นตึก 8 ชั้น ขึ้นเดี่ยวๆในที่ดินแปลงเล็กๆเสมอ ครั้งนี้เป็นครั้งแรกของโครงการ Maestro ที่มีตึกเป็นจำนวน 3 ตึกอยู่ในโครงการเดียวกัน มีจำนวนยูนิต 320 ยูนิต บนพื้นที่ราว 3 ไร่เศษ ใหญ่เป็น 2-3 เท่าของโครงการก่อนๆที่เคยทำมาและเป็นครั้งแรกอีกเช่นกันที่ทางเมเจอร์ได้หยิบแบรนด์นี้มาวางบนทำเลรัชดาภิเษก ส่วนจะเป็นอย่างไรนั้น ไปติดตามกันดูได้เลยครับ
Fact @ 11 November 2015
- Maestro 03 Ratchada (มาเอสโตร 03 รัชดา)
- บริษัท เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ เอสเตท จำกัด
- HIGH CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
- โครงการตั้งอยู่ในเขต : ดินแดง
- คอนโด Low Rise 8 ชั้น 3 อาคาร 320 ยูนิต
- อาคารจอดรถใต้ดิน 2 ชั้น ทั้ง 3 อาคาร
- ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 16 ยูนิต ที่อาคาร C
- ที่จอดรถประมาณ 55% รวมจอดซ้อนคัน ที่ชั้น B1 และ B2
- ที่ดินประมาณ 3-0-18 ไร่
- เริ่มก่อสร้าง : มกราคม 2559
- คาดว่าจะแล้วเสร็จ : กุมภาพันธ์ 2561
- 1 Bedroom 29 – 41 ตารางเมตร
- 2 Bedrooms 50 – 74 ตารางเมตร
- ฝ้าเพดานสูง 2.45 เมตร ดรอป 2.2 เมตร
- ราคาห้องเริ่มต้น 3.7 ล้านบาท
- EIA (การประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม) : ผ่านแล้ว
- เวปไซต์โครงการ : คลิกที่นี่
- โทร : 02-2465522
เพียงแค่การกด Like ก็เท่ากับการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจาก Think of Living แล้วครับ
สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างครับ
พิกัด : 13.762830, 100.564577
คอนโดมาเอสโตร 03 นั้นมีชื่อเรียกมาจากรัชดาภิเษกซอย 3 หรือซอยสถานทูตจีนนั่นเอง ซอยนี้มีจุดเด่นตรงที่มีทางลัดเลาะหลายทาง สามารถเข้าออกได้ทั้งถนนดินแดง ถนนประชาสงเคราะห์และถนนรัชดาภิเษก ภายในซอยเนื่องจากเป็นซอยทางลัดหลักจึงมีชุมชนมากมาย อาหารการกินเยอะแยะ อุดมสมบูรณ์ ซึ่งเป็นข้อดีเมื่อเทียบกับคอนโดติดถนนใหญ่ในโซนรัชดา-พระราม 9 อีกหลายๆแห่งครับ
ช่วงถนนรัชดาภิเษกค่อนไปทางพระราม 9 นั้นกำลังอยู่ในระหว่างการพัฒนาจากย่านการค้าไปเป็นย่านธุรกิจแห่งใหม่ หรือที่เรียกกันว่า New CBD (Central Business District) โดยเริ่มตั้งแต่การเข้าถึงของ MRT ในสมัยก่อน ตามด้วย ตลาดหลักทรัพย์, AIA, ตึก G, ตึก Unilever, C-Asean ตลอดจนคอนโดมิเนียม High Rise หลายโปรเจค ช่วยกันผลักดันทำเลนี้
ภาพเดิมๆที่คนมักจะเปรียบเปรยว่า รัชดา=แหล่งเที่ยวกลางคืน ก็ค่อยๆจางหายไป แต่จากสภาพในปัจจุบัน โซนรัชดา-พระราม 9 ก็ยังคงต้องใช้เวลาอีกสักพักในการพัฒนา กว่าจะขึ้นไปเทียบชั้นกับ CBD ในปัจจุบันอย่างสาทร เพลินจิต หรืออโศก
คอนโดที่เรากำลังจะไปชมนั้นเป็นคอนโดที่อยู่ในซอย ด้านหลังสถานทูตจีนที่เราเห็นเป็นแปลงต้นไม้เขียวชอุ่มอยู่ในภาพ
โดยซอยนี้จะเป็นเส้นทางลัดหลักไปยังถนนประชาสงเคราะห์ได้ด้วย
ปากซอยทางลัดแบบนี้ ต้องมีวินมอเตอร์ไซค์ตามระเบียบ ซึ่งก็ใช้งานกันเป็นประจำสำหรับคนแถวนี้
สถานทูตใจกลางเมืองเปรียบเสมือนโอเอซิสสีเขียวที่เต็มไปด้วยต้นไม้ใหญ่แต่แวดล้อมไปด้วยตึกสูงๆเต็มบ้านเต็มเมืองไปหมด เราจะพบเห็นกันได้ในเมืองใหญ่ที่สถานทูตมีการจับจองพื้นที่มานาน ก่อนที่เมืองจะพัฒนาจากแนวราบสู่แนวสูง ซึ่งพบเห็นกันได้ทั่วไปในกรุงเทพมหานคร
ความอุดมสมบูรณ์ของรัชดาซอย 3 นี้ไม่เป็นสองรองใคร ด้านในมีทุกอย่างในราคาย่อมเยา ไม่ต้องเดินห้างกินแพงแบบพื้นที่ริมถนนใหญ่ และด้วยความคึกคักแบบนี้ส่งผลให้ช่วงเวลาหัวค่ำซอยก็จะไม่เปลี่ยว เดินหาของกินได้สบายๆครับ
จากปากซอยเดินเข้ามาราวๆ 230 เมตร ก็จะถึงทางโค้งสั้นๆ ซึ่งเป็นที่ตั้งของโครงการมาเอสโตร 03 รัชดานี้ ห่างจาก 7-11 ไปราวๆ 20 เมตร
ตัวโครงการเป็นที่ดินติดถนนซอยหลัก เห็นเด่นชัด ไม่น่าเป็นห่วงในเรื่องหลงทางหรือหาโครงการไม่เจอ เพราะในสมัยก่อนเป็นที่ตั้งของโรงแรมรัชดา รีสอร์ทและสปา นั่นเอง
จับระยะจาก Google Map ไปยังปากซอยได้ 233 เมตรนะครับ
ส่วนถ้าวิ่งทะลุไปสุดก็จะไปโผล่ถนนประชาสงเคราะห์บริเวณซอย 2 ตามภาพจาก Google Street View ครับ
ส่วนนี่เป็นทางเข้าจากถนนดินแดงนะครับ ใช้ซอยโพธิ์ปั้น ซึ่งอาจจะแคบหน่อย แต่ก็สามารถวิ่งตรงไปออกหน้าโครงการได้เลย หรือจะตรงไปอีกนิด ใช้ซอยเลิศแก้ว ซอยอยู่เจริญ ซอยเกียรติชัย ก็ลัดไปออกซอยสถานทูตจีนได้เช่นกันครับ
วิวและสภาพแวดล้อม
ต่อไปเราจะพาไปดูสภาพแวดล้อมรอบๆแปลงที่ดิน ซึ่งฝั่งตรงข้ามก็จะเป็นตึกแถว ร้านแว่น ร้านขายยา สูงไม่เกิน 4 ชั้น มองข้ามสบายๆ
ทิศตะวันออก (ตึก C) จะมองไปยังพื้นที่สีเขียวของสถานทูตจีน วิวนี้ค่อนข้างดีนะครับแต่ก็ต้องเล็งนิดนึงเพราะด้านหลังมีตึกสูงอยู่ อาจจะบังกันเฉียดๆได้
ทิศเหนือโล่งสบาย ไม่ค่อยมีปัญหาเท่าไร ส่วนใหญ่จึงเป็นห้องใหญ่ ของตึก B และ C
ตึกตะวันตกร้อนหน่อย แต่ก็ค่อนข้างโล่ง มองได้จากตึก B
ทิศใต้หันมาจากตึก A เป็นทางเข้าโครงการพอดี ถ้าเลือกชั้น 5 ขึ้นไปก็จะสามารถมองข้ามดาดฟ้าของตึกแถวบริเวณนี้ได้
ยกเว้นช่วงปลายๆของตัวตึกที่เป็นห้อง 29 ตารางเมตร ก็จะถูกบังด้วยแมนชั่นสีเขียวๆนี้นะครับ
สำหรับคนที่ชอบเดินในระยะ 600-700 เมตร ก็สามารถเดินไปยังสถานีรถไฟฟ้า MRT พระราม 9 ได้ หรือถ้าเดินไม่ไหวก็เรียกพี่วินได้เสมอในเวลารีบๆ ส่วนใครที่ไม่รีบแว๊นขนาดนั้นก็สามารถเรียกใช้บริการรถ Shuttle Service ของโครงการ ให้ไปส่งที่สถานีรถไฟฟ้าได้ครับ
โดยซอยที่แนะนำในการเดินช่วงเวลากลางวันก็คือซอยนี้ เดินตัดไปออกข้างๆ Lotus ได้เลยไม่ต้องอ้อมผ่านถนนใหญ่ ย่นระยะทางได้นิดหน่อย
ออกมาก็จะถึง Tesco Lotus พอดี ช้อปปิ้งถ้าไม่หนักมากก็เดินหิ้วของกลับบ้านได้ชิลๆ
ฝั่งตรงข้ามเป็น Centralplaza พระราม 9 ครับ
สถานที่ใกล้เคียง
โรงพยาบาล: โรงพยาบาลกรุงเทพ, โรงพยาบาลพระรามเก้า, โรงพยาบาลปิยะเวท
สถานศึกษา: โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ รัชดา, มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ, มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย
ห้างสรรพสินค้า: เซ็นทรัลพระราม9, เอสพลานาดรัชดา, ฟอร์จูนทาวน์
สถานทูต: สถานทูตจีน, สถานทูตเกาหลี
โรงแรม: แกรนด์ เมอร์เคียว ฟอร์จูน, สวิสโซเทล เลอ คองคอร์ด, ดิ เอมเมอรัลด์
ซูเปอร์มาร์เก็ต: เทสโก้ โลตัส, บิ๊กซี, ท็อปส์
จากโมเดลโครงการเราจะเห็นว่าทางเข้าโครงการปัจจุบันตั้งอยู่บริเวณสำนักงานขายนะครับ โดยจะเป็นทางรถวิ่ง เข้าสู่ลานจอดรถชั้นใต้ดินที่บริเวณชั้น B1 และ B2 ซึ่งแต่ละตึกก็จะมีทางขึ้นทางลงที่จอดรถของใครของมัน แยกจากกันทั้ง 3 ตึก และลูกบ้านสามารถกดลิฟท์จากชั้นลานจอดรถขึ้นไปยังห้องพักได้เลยโดยไม่ต้องผ่านมาที่ Lobby ของตึกใดตึกหนึ่งครับ
หน้าตามุมตรงตามภาพจำลองก็จะเป็นแบบนี้ หากเทียบกับ Maestro โครงการอื่นก็จะเห็นว่าลดความคลาสสิกลง แต่เพิ่มความ Modern ให้มากขึ้น
นี่เป็น Master Plan ของโครงการ Maestro 03 รัชดานะครับ ฝั่งที่ติดถนนซอยคือทางซ้ายมือของภาพ ซึ่งเป็นทิศใต้ โดยโครงการมาเอสโตร 03 นี้มีด้วยกัน 3 ตึก ดังนี้
- ตึก A อยู่ติดกับถนนซอย ชั้นล่างเป็น Lobby และเป็นที่ตั้งของนิติบุคคล มีลานจอด Super Bike อยู่บริเวณทางเข้า
- ตึก B ด้านนอกโครงการหันไปทางทิศตะวันตก (ท้ายซอย-ประชาสงเคราะห์) ด้านในโครงการอยู่ติดกับพื้นที่ส่วนกลาง
- ตึก C ด้านนอกโครงการหันไปทางทิศตะวันออก (ต้นซอย-สถานทูตจีน) ด้านในโครงการอยู่ติดกับพื้นที่ส่วนกลาง
- พื้นที่ส่วนกลางเป็น Courtyard ที่ถูกล้อมด้วยตึก A, B และ C พื้นที่หลักๆประกอบด้วยสระว่ายน้ำ ฟิตเนส ลานสวนหมากรุก และทางวิ่งรอบโครงการ
ระยะห่างระหว่างตึก B กับ C บริเวณช่องกลางนี้อยู่ที่ 19 เมตร ดูในโมเดลอาจจะไม่ชัด แต่จริงๆแล้วมีพื้นที่ห่างกันพอสมควรนะครับ และส่วนกลางทั้งหมดนั้นจะจัดวางอยู่ที่บริเวณชั้น G ไม่ได้ทำส่วนกลางบน Rooftop เหมือนกับ Maestro โครงการอื่นๆแล้ว
ปลายสุดของส่วนกลางก็จะเป็นส่วนของสวน ซึ่งจัดขึ้นเป็นแนว Formal Garden มีลานหมากรุกดังภาพ
พื้นที่ส่วนใหญ่จัดเป็นสระว่ายน้ำและ Deck สำหรับพักผ่อน โดยมีความกว้างสระว่ายน้ำอยู่ที่ 8×16 เมตร รวมสระเด็ก
ที่นี่จะแปลกนิดนึงตรงที่สระว่ายน้ำมีบางส่วนอยู่ใต้ Fitness Center เป็นสระว่ายน้ำในร่ม
ขนาดของฟิตเนสก็อยู่ประมาณนี้
มุมมองของตึก C จากฟิตเนสนะครับ
ปลายสุดของส่วนกลางมาเชื่อมต่อกับลู่วิ่งรอบอาคาร
ทำเป็นทางเดินรอบ รถเข้าไม่ได้นะครับ
มองจากภายนอกอาจจะไม่ค่อยสวยเท่าไร เพราะย้ายเอาส่วนที่เป็นส่วนกลางไปไว้ข้างในให้หมด จะได้มีความเป็นส่วนตัวสำหรับลูกบ้านเท่านั้น
สุดท้ายมาดูแผนผังห้องนะครับ ทิศทางและวิวทั้งหมดก็ได้บอกไปแล้วในหัวข้อสภาพแวดล้อมกับทำเล ที่เหลือก็แล้วแต่ว่าจะเลือกห้องไหนกัน
สิ่งอำนวยความสะดวก
ชั้น Ground Floor
- จุดจอดรับส่ง (Drop off)
- ป้อมรักษาความปลอดภัย (Guardhouse)
- ล็อบบี้ (Elegant Lobby)
- กล่องจดหมายส่วนตัว (Secure Postbox)
- ห้องซักรีด (Laundry Room)
- แร็คจอดจักรยาน (Bike Rack)
- ลานจอดซูเปอร์ไบค์ (Superbike Parking)
- ฟิตเนสบนชั้นลอย (Mezzanine Fitness Arena)
- ห้องสตีม (Steam Room)
- ห้องซาวน่า (Sauna Room)
- สระว่ายน้ำกึ่งในร่ม (Semi Indoor Pool)
- สระว่ายน้ำสไตล์ยุโรป (Reflecting Pool)
- ผนังตกแต่ง (Feature Wall)
- ที่นั่งพักผ่อนริมสระ (Pool Deck)
- เก้าอี้ริมสระ (Pool Seat)
- ซุ้มอ่านหนังสือ (Reading Cabin)
- ซุ้มทำอาหาร (Gourmet Cabin)
- ลานบาร์บีคิว (BBQ Patio)
- ซุ้มคนรักสัตว์เลี้ยง (Pet-Lover’s Cabin)
- สวนหินเพื่อความผ่อนคลาย (Reflexology garden)
- ทางวิ่งจ๊อกกิ้ง (Jogging Trail)
- ที่จอดรถชั้นใต้ดิน (Basement Parking)
- อินเตอร์เน็ตไร้สาย 24 ชม. (24/7 Wireless Internet)
- ระบบรักษาความปลอดภัย 24 ชม. (24/7 Security Service)
- บริการรถรับส่ง (SHUTTLE SERVICE)
สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก
- สระว่ายน้ำ 1 สระ ระบบเกลือ ขนาด 8 x 16 เมตร แบ่งสระเด็กลึก 0.4 เมตร สระผู้ใหญ่ลึก 1.2 เมตร
- ห้องออกกำลังกาย 1 ห้องขนาด 5 x 15 ใส่เครื่องออกกำลังกายประมาณ 10 เครื่อง
- สวนหย่อมรอบโครงการ
- ลิฟท์โดยสาร 2 ตัวต่อ 1 อาคาร รวม 6 ตัว
- อัตราส่วนลิฟท์รวมทั้งโครงการ 54 : 1
- Service Lift ไม่มีแยกต่างหาก
- ที่จอดรถประมาณ คิดรวมจอดซ้อนคันที่ 55%
- ระบบ CCTV / Access Card
มาถึงห้องตัวอย่างกันแล้ว โครงการมาเอสโตร 03 รัชดานี้มีห้องตัวอย่างด้วยกันทั้งหมด 2 ห้อง เป็นแบบ 1 ห้องนอนขนาด 29 ตารางเมตร และแบบ 2 ห้องนอนขนาด 65 ตารางเมตร เราไปดูห้องแรกกันก่อนนะครับ
29 ตารางเมตรเป็นขนาดที่เล็กที่สุดของโครงการนี้ โดยเปิดราคามาอยู่ที่ 3.64 ล้านบาท ตัวห้องเป็นห้องหน้าแคบที่แยกสัดส่วนชัดเจนระหว่างโซนนั่งเล่นและครัว ออกจากห้องนอนและห้องน้ำ เชื่อมต่อกันด้วยบานเปิด ไม่ใช่บานเลื่อนแบบห้อง 1 ห้องนอนกึ่ง Studio นะครับ
เปิดประตูเข้าไปก็จะพบกับส่วนที่เป็นโซนของครัวและห้องนั่งเล่นก่อนเลย โดยส่วนของครัวจะปูพื้นด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้และส่วนของห้องนั่งเล่นจะใช้พื้นลามิเนต
มือจับประตูที่นี่เป็นมือจับเขาควายและ Deadbolt ตามปกติ ไม่ใช้ Digital Doorlock นะครับ
ด้านข้างประตูเป็นตู้ Built-in ที่สร้างไว้ให้พร้อมแล้ว มีช่องเก็บรองเท้า ที่ใส่เครื่องซักผ้า และชั้นวางผ้า อุปกรณ์ทำความสะอาดบ้าน ร่ม ฯลฯ ครบครัน
ฝั่งตรงข้ามเป็นครัวและ Cabinet ต่างๆ โดยมีโต๊ะกินข้าวพับได้ที่เปิดออกมาจากบานตู้ครัว เอาไว้ใช้งานชั่วครั้งชั่วคราวหรือจะพับเก็บเพื่อไม่ให้เกะกะทางเดินก็ทำได้
ขนาดของโต๊ะกินข้าวที่ทำจากบานตู้ก็ต้องเล็กนิดนึงเป็นธรรมดา แต่มีข้อดีตรงที่เราสามารถใช้ท๊อปครัวเป็นส่วนต่อขยายในการวางของ เช่นขวดน้ำ โถข้าว หรือกับข้าวบางอย่าง ก็ยังพอได้ครับ
ให้ดูขาตู้จุดที่เป็นรอยต่อและการรับน้ำหนัก
ครัว Standard ให้มาทั้งชุดแบบนี้ หินสังเคราะห์สีขาว ซิงก์ของ MEX และเตาไฟฟ้า 2 หัว ปูกระเบื้องด้านหลังเรียบร้อย
ความสูงของฝ้าเพดานอยู่ที่ 2.45 เมตร จุดที่ดรอปลงมาอยู่ที่ 2.2 เมตร เป็นข้อจำกัดของคอนโดตึกเตี้ย 8 ชั้น ที่สู้พวก High Rise ไม่ได้ แต่ถ้าเทียบราคาต่อตารางเมตรในคอนโดเกรดเดียวกันแล้ว Low Rise ก็ขายถูกกว่าเช่นกันนะครับ
ห้องนั่งเล่นจะเล็กนิดหนึ่งนะครับ เพราะทางโครงการตัดสินใจขยายผนังห้องนอนให้ล้ำมาทางห้องนั่งเล่น ให้ความสำคัญกับห้องนอนใหญ่มากกว่า พื้นที่ของห้องนั่งเล่นจึงถูกลดทอนความสำคัญลง แต่ก็ยังพอใช้ได้อยู่นะ
ระยะห่างระหว่างทีวีกับโซฟาประมาณนี้ นั่งดูทีวีขนาดจอไม่ควรเกิน 42 นิ้ว
มองย้อนกลับไปที่ประตูทางเข้า ให้เห็นพื้นที่ทั้งหมดของส่วนห้องนั่งเล่น โต๊ะกินข้าวและครัว
Space โดยรวมจะเน้นไปในแนวลึกมากกว่าแนวกว้าง
ถัดมาเป็นส่วนของระเบียงที่อยู่ติดกับห้องนั่งเล่นี้
ขนาดของระเบียงนั้นไม่ใหญ่มาก แต่ดีตรงที่มีความลึกพอควร ใครจะตากผ้าก็ยังพอทำได้อยู่
ข้างๆเป็นช่องวาง Air Compressor ที่มีกริลเป็นรูปตัว Z ช่วยดันลมออกไปเฉียงๆ ไม่ให้พื้นที่ระเบียงนั้นร้อนจนเกินไป
หน้าตากริลตัว Z ถ่ายภาพมาให้ดูนะครับว่าดีเทลการดันลมนั้นช่วยได้จริงๆ เพราะมีปีกด้านหัวและท้ายมากันลมร้อน ดีกว่าพวกกริลเฉียงๆเยอะ
และเมื่อระเบียงไม่กว้างมาก ที่นี่จึงจัดทำบานกระจกเป็นบานจูง 3 ตอน เพื่อให้เปิดประตูไปยังระเบียงได้กว้าง ตากผ้าง่ายขึ้น
ส่วนของห้องนอนและห้องนั่งเล่นจะเชื่อมกันด้วยประตูบานเปิด แต่ไม่ได้ติดตั้งไว้ในห้องตัวอย่างนะครับจึงไม่มีประตูเปิดปิดให้เห็นในภาพ โดยพื้นห้องนอนเป็นพื้นลามิเนตและพื้นห้องน้ำเป็นพื้นกระเบื้องครับ
เนื่องจากห้องนอนดันผนังปลายเตียงไปทางฝั่งห้องนั่งเล่นจึงทำให้ห้องนั้นกว้างขวางกว่ากันเยอะเลย แต่ถึงกระนั้นก็ยังไม่สามารถตั้งชั้นวางทีวีปลายเตียงได้ ต้องใช้ทีวีแขวนผนังดังภาพ ส่วนสำหรับใครที่ไม่นิยมดูทีวีแล้ว ผมว่าทีวีในห้องนอนก็ไม่ค่อยจำเป็นสำหรับยุคสมัยนี้ ที่มี iPad, Tablet ต่างๆ สามารถยกขึ้นมาดูและวางเก็บที่โต๊ะข้างเตียงได้สบายๆ ปลายเตียงจะได้ไม่ต้องมาติดทีวีให้เกะกะทางเดินนะครับ
ข้างเตียงเป็นพื้นที่ทำงาน หรือจะเป็นโต๊ะเครื่องแป้งก็ได้ ประยุกต์ตามใจชอบ เพราะเฟอร์นิเจอร์เกือบทั้งหมดนี้ทางโครงการได้รวมเอาไว้ให้แล้ว ถ้าจองตอนตึกยังไม่สร้าง ลูกบ้านก็สามารถเลือกเซ็ตเฟอร์นิเจอร์ได้ โดยจะมีโทนสีสองสี คือ Malvyn เข้มๆหน่อย หรือ Monet อ่อนๆหน่อย ตามห้องตัวอย่างทั้งสองแบบที่เราเข้าไปเก็บรีวิวกันมานะครับ
เตียงนอนขนาด 5 ฟุต ตามมาตรฐานห้องสมัยนี้
โต๊ะแบบนี้เปิดขึ้นมาเป็นกระจกได้และพอปิดก็จะเป็นโต๊ะราบสำหรับวางคอมพ์ ตั้งใจให้มี 2 Functions ในตัว แต่เอาจริงๆมันก็ใช้งานยากอยู่นะ … ตาม Layout ห้องนี้ แค่เบือนหน้าไปหาบานกระจกที่ตู้เสื้อผ้าน่าจะง่ายกว่านะ
ตู้เสื้อผ้าขนาดพอประมาณวางอยู่ก่อนจะเข้าห้องน้ำ
โดยด้านหน้ามีบานกระจกเงาเต็มตัวให้บานหนึ่ง
ห้องน้ำที่ Maestro 03 นี้ทำได้ค่อนข้างสวยและสมบูรณ์ แม้ว่าจะเป็นห้องเล็ก แต่ก็ไม่ได้ลดขนาดของห้องน้ำให้ใช้อึดอัดและงานได้ยาก
ซิงก์นี้โอเคเลย พื้นที่เยอะ แต่ที่ขัดใจก็คือโครงการจะเว้นที่ข้างๆไว้ทำไม ถ้าไม่ลำบากโครงการมากนักทำเป็น Counter วางของให้เต็มจากผนังไปจรดเสาก็จะช่วยลูกบ้านในการวางของได้อีกมาก ไม่อย่างนั้นลูกบ้านก็ต้องไปหาทาง DIY กันเอง เพราะไม่รู้จะไปวางแปรงสีฟัน ยาสีฟัน ของแต่งหน้าที่ไหนนะครับ
สุขภัณฑ์ก็โอเค ชิ้นนี้สวยงาม อุปกรณ์ครบ
ฝักบัวอาบน้ำก๊อกผสม มีช่องวางสบู่แชมพูให้แล้ว กระเบื้องที่ปูผนังก็ดูดี มีการตัดบางแผ่นมาทำลวดลายด้วย
ห้องน้ำมีการแยกส่วนเปียกส่วนแห้งด้วยฉากกั้นอาบน้ำกระจก Tempered Glass
ห้องน้ำทุกห้องมีการติดตั้งระบบพัดลมดูดอากาศเอาไว้ให้เรียบร้อย
และเนื่องจากโครงการไม่ต้องการให้เพดานดรอปลงมาเยอะไป จึงต้องใช้ไฟ Downlight แบบที่มีปล่องลงมา แบบนี้นะครับ
สวิทช์ไฟต่างๆเป็นสวิทช์ขนาดใหญ่ของ Siemens สีทองแดง ก็ดูเก๋ๆไปอีกแบบ
ห้องตัวอย่างถัดมาเป็น 2 ห้องนอน แบบ 65.5 ตารางเมตร แต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์อีกรูปแบบหนึ่ง
แปลนของ 2 Bedrooms ห้องนี้ออกแบบมาได้ดี มีห้องนอนสองห้องอยู่สองฟาก เชื่อมกันด้วยส่วนของห้องนั่งเล่นและครัว โดยห้องนอนเล็กกับห้องนั่งเล่นนั้นใช้ห้องน้ำร่วมกัน เข้าออกได้ 2 ด้านครับ
เนื่องจากพื้นที่ตรงกลางเชื่อมต่อกันได้ดี แถมยังใส่เฟอร์นิเจอร์โทนสีขาว (Monet) ลงไปด้วย จึงทำให้ห้องนี้รู้สึกว่าใหญ่เลยล่ะ
ด้านหน้าห้องเช่นเดิมยังประกอบด้วยตู้เก็บของ ใส่รองเท้าในบริเวณที่เป็นพื้นกระเบื้องครัว เชื่อมต่อไปยังห้องน้ำ
ส่วนของครัวและโต๊ะทานข้าวอยู่ด้วยกัน ปรับให้โต๊ะทานข้าวเป็นคล้ายๆ Island ไปเลยนะเนี่ย
ด้านหลังเป็นครัวสีขาวล้วนๆรูปตัว L วางเข้ามุมอยู่
เปิดตู้เก็บของออกมาก็ใช้ได้นะครับ พื้นที่มากมาย
โต๊ะทานข้าวถ้าต้องการพื้นที่เพิ่มก็สามารถดึงขึ้นมาได้แบบนี้ วางของเพิ่มได้เวลาทานกันจริงจัง
ชุดเตาเป็นของ Electrolux แบบ 4 หัว
ในขณะที่ซิงก์เป็นของ MEX ขนาดเท่าเดิม ผมว่าควรจะขยายหน่อย หรือทำที่วางจานเพิ่มก็ดีนะครับ
ส่วนของพื้นที่นั่งเล่นช่างแตกต่างกับห้องขนาด 29 ตารางเมตรนัก ห้องนั้นวางทีวีเกิน 40 นิ้วก็คงปวดตา แต่ห้องนี้วาง 60 นิ้ว น่าจะยังชิลๆ
เพราะระยะห่างระหว่างโซฟากับทีวีก็มีพอสมควรเลย
ระเบีงใหญ่กว่าห้อง 29 ตารางเมตรเกือบๆ 2 เท่า ถ้าเราลองนับกระเบื้องดูก็จะเห็นว่ามีกระเบื้องแนวยาวราวๆ 8-9 แผ่น ล้อมด้วยกริลรูปตัว Z ที่ช่วยดันลมจากคอยล์ร้อนให้ออกไปด้านนอกนะครับ
ประตูกระจกที่ระเบียงนี้ได้เป็นกระจกบานใหญ่สองบาน สูงจากพื้นจรดฝ้าให้รับวิวรับลมได้เต็มที่ แต่จะไม่ใช่บานจูง 3 ตอนเหมือนกับห้อง 1 ห้องนอน
ถัดมาเป็นห้องนอนเล็กของที่นี่ ซึ่งบอกตรงๆว่าใหญ่กว่าห้องนอนของห้อง 29 ตารางเมตรมาก ตัวห้องดูโปร่งและมีพื้นที่เหลือเฟือ ด้านข้างติดด้วยกระจกบานใหญ่จากพื้นถึงฝ้าเช่นกัน
ที่สำคัญเลยคือมีตู้เสื้อผ้าให้ 2 ตู้ … แหม่ แทบไม่เคยเห็นโครงการไหนให้แบบนี้ในห้องนอนเล็กเลยนะเนี่ย
ปลายเตียงเหลือพื้นที่เยอะแยะ วางชั้นยาวเก็บของได้สบาย
แต่ความกว้างอาจจะถูกบีบห้องหน่อย ทำให้เหลือที่วางของข้างเตียงเพียงชุดเดียว
จากเตียงระยะดูทีวีก็ไม่มีปัญหานะครับ
ห้องน้ำเล็กเชื่อมต่อได้จากทั้งห้องครัวและห้องนอน สะดวกทั้งสองฝ่าย
ขนาดต่างๆก็โอเค ยังติดที่ที่วางของบริเวณซิงก์เหมือนเดิม
ห้องอาบน้ำใหญ่กว่าห้องน้ำ 1 Bedroom อีก
ที่ผนังด้านขวานี้เป็นจุดวางเครื่องซักผ้า เชื่อมต่อจากห้องน้ำพอดี ฟังก์ชั่นเหมาะสม
เราไปดูห้องนอนใหญ่กันบ้าง ก็รู้สึกว่าใหญ่สมใจเลยละครับ ฟังก์ชั่นเหลือจนต้องเอา Daybed 1 ตัวมาวางไว้ เพื่อไม่ให้ดูโล่งจนเกินไป
ห้องนี้จัดเต็มได้ทุกอย่าง ถ้าเอา Daybed ออก ก็สามารถวางโต๊ะเครื่องแป้งพร้อมกับโต๊ะคอมได้อย่างละตัวเลย
Daybed ตัวนี้ทำหน้าที่เป็นเตียงเสริมได้ด้วยนะ หรือถ้าใครที่มีลูกอ่อนก็คงจะเป็นตำแหน่งวางเตียงเด็กได้ไม่ยาก
ดูจากปริมาณช่องแสง พบว่าแสงจากกระจกนั้นเพียงพอแน่นอน แต่มีดีก็มีเสีย ถ้าใครอยู่ทิศตะวันออก เช้าๆแสงก็จะแยงตาได้รุนแรงมาก ควรจะหาผ้าม่านที่มี Blackout มาเสริมนะครับ
ทีเด็ดของที่นี่อยู่ที่ตู้เสื้อผ้า … ห้องนอนเล็กมีให้ 2 ตู้ ห้องนอนใหญ่จัดไป 4 ตู้ !
มันต้องพอละน่า สามี 1 ตู้ ภรรยา 3 ตู้ เป็นคำตอบสุดท้าย
เนื่องจากพื้นที่ถูดตัดเอาไปทำตู้เสื้อผ้าหมด ห้องน้ำในห้องนอนใหญ่จึงไม่ได้ทำให้ใหญ่กว่าห้องน้ำอื่นๆเลย เป็นห้องน้ำขนาดมาตรฐาน ที่มีฟังก์ชั่นเหมือนปกตินะครับ
ห้องอาบน้ำจริงๆใหญ่นะ แต่มันไปยาวในแนวลึกไม่ใช่แนวกว้าง เวลาอาบจริงๆอาจจะรู้สึกบีบๆนิดหน่อย แต่ก็ไม่มีปัญหาใดๆ
ปิดรีวิวฉบับนี้ด้วยภาพจากมุมต่างๆ ให้เห็นมิติของห้อง 2 Bedroom ได้ครบถ้วนนะครับ
นี่คือจากห้องนอนใหญ่มองไปยังห้องนั่งเล่น
และจากโต๊ะทานข้าว เวลาจะนั่งกินไปดูทีวีไป ก็ยังพอทำได้นะ
สำหรับห้องอื่นๆ นั้นไม่มีห้องตัวอย่างนะครับ ห้องขนาด 32.5 ตารางเมตรนั้น Layout แทบจะเหมือนกับห้อง 29 ตารางเมตรเลย แตกต่างกันตรงที่ห้องนั่งเล่นนี้ไม่ถูกบีบด้วยผนังห้องนอน ทำให้ไม่อึดอัดเหมือนกับห้อง 29 ตารางเมตร
ห้องขนาดใหญ่ที่สุด 74 ตารางเมตร เป็นห้อง 2 Bedroom ที่ขนาดห้องนอนใหญ่นั้นใหญ่มาก และพื้นที่ครัวใช้งานได้สะดวก เหมาะสำหรับครอบครัวที่ชอบทำกับข้าวด้วยล่ะ
**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะครับ
ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 11 November 2015
- 1 Bedroom 29 ตารางเมตร เริ่ม 3.64 ล้านบาท
- 1 Bedroom 30 – 33.5 ตารางเมตร เริ่ม 3.8 ล้านบาท
- 1 Bedroom 41 ตารางเมตร เริ่ม 5.07 ล้านบาท
- 2 Bedrooms 50 – 57.5 ตารางเมตร เริ่ม 6.48 ล้านบาท
- 2 Bedrooms 65.5 – 74 ตารางเมตร เริ่ม 8.165 ล้านบาท
- Fully Furnished
- ฝ้าเพดานสูง 2.45 เมตร
- Kitchen & Sink
- Hob & Hood
- Shuttle Bus ไปกลับ MRT พระราม 9
- จอง 50,000 บาท
- ทำสัญญา 5% ของราคาขาย
- ดาวน์ 10% ผ่อนดาวน์ 21 งวด
- ค่ากองทุน 650 บาท/ตร.ม.
- ค่าส่วนกลาง 65 บาท/ตร.ม./เดือน
**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ครับ
ทำเลของ Maestro 03 รัชดานั้นเรียกว่าอยู่บริเวณ New CBD ย่านรัชดา – พระราม 9 ที่ปัจจุบันก็กำลังอยู่ระหว่างการพัฒนาไปเป็นย่านธุรกิจที่สำคัญในอนาคต ตัวโครงการอยู่ในซอยสถานทูตจีนที่มีชุมชนดั้งเดิมอยู่อาศัย มีความคึกคักและอุดมสมบูรณ์อยู่แล้ว และด้วยตัวโครงการอยู่ช่วงต้นซอยห่างจากถนนใหญ่รัชดาภิเษกเพียง 200 เมตร ติดถนนซอยหลัก ก็ทำให้เป็นทำเลที่เด่น ไปไหนมาไหนสะดวก เดินได้รอบๆ เพราะมีร้านค้ารายล้อมอยู่แทบทุกทิศทุกทาง
วิวของโครงการตึกเตี้ยโดยส่วนใหญ่แล้วก็จะไม่มีอะไรมากเพราะโดนบังแทบทุกด้าน แต่ที่ Maestro 03 นี้จัดว่าตั้งอยู่บนทำเลที่ไม่ค่อยโดนบล็อควิวเท่าไร และยังมีไฮไลท์ที่ทิศตะวันออกสามารถมองไปยังพื้นที่สีเขียวบริเวณสถานทูตจีนได้ สภาพแวดล้อมรอบๆส่วนใหญ่เป็นตึกแถว 3-4 ชั้น ถ้าเลือกชั้นสูงก็สามารถมองข้ามไปได้อยู่แล้ว แต่ก็จะมีตึกสูง 8 ชั้นอยู่บางมุม ถ้าใครไม่สนใจเรื่องวิวเลือกมุมพวกนี้ไปก็ไม่น่าจะติดอะไรนะครับ
การเดินทางด้วยรถของที่นี่ทำได้สะดวก มีทางหนีทีไล่เยอะ เข้าออกได้ 3 ถนนหลักคือรัชดาภิเษก ประชาสงเคราะห์และดินแดง โดยมีซอยทางลัดหลายซอยเข้าออกได้ตามใจชอบ แต่โดยส่วนใหญ่มักจะเป็นซอยเล็กๆ รถวิ่งสวนได้กันพอดี ส่วนเรื่องที่จอดรถก็มีให้พอประมาณ อยู่ที่ 55% เมื่อเทียบกับจำนวนยูนิต โดยจะจอดอยู่ชั้น B1 และ B2 ทั้งหมด สามารถขึ้นลิฟท์ยิงตรงไปยังห้องพักของแต่ละตึกได้โดยไม่ต้องผ่าน Lobby เพื่อเปลี่ยนลิฟท์อีก
การเดินทางแบบไม่ใช้รถก็ทำได้สะดวกเช่นกัน ถ้าใครเดิน 600-700 เมตรไหวก็สามารถเดินไปถึง MRT พระราม 9 ได้เลย ฟังดูไกลแต่จริงๆแล้วเดินค่อนข้างง่าย เพราะมีซอยลัดไปออกที่ Tesco และหลังจากนั้นก็เดินสบายๆแล้ว แต่ถ้าใครไม่อยากเดินก็เลือกใช้ Shuttle Service ของทางโครงการเองก็ได้ หรือจะมอเตอร์ไซค์ก็ได้ ไม่มีปัญหาเช่นกัน โดยสามารถเดินไปห้างใหญ่ๆอย่าง Tesco, Fortune หรือ Central พระราม 9 ช้อปปิ้งแล้วเดินกลับบ้านได้เลย
วัสดุทั้งหมดให้มาค่อนข้างมาตรฐาน มีการใส่เฟอร์นิเจอร์ให้เยอะ เลือกสไตล์ได้ 2 แบบ เกรดของวัสดุไม่ได้หนีไปจากโครงการที่ขายในราคาใกล้เคียง และมีการใส่ใจในรายละเอียดมากขึ้น เช่นโต๊ะกินข้าวที่พับเก็บได้ กริลแอร์ที่ช่วยเรื่องความร้อน กระจกบานใหญ่จากพื้นถึงฝ้า โต๊ะกินข้าวที่ขยายได้ เป็นต้น
การออกแบบของแบรนด์มาเอสโตรยังคงความเป็น Modern Classic แต่ปรับให้ดู Modern มากกว่าคลาสสิกสำหรับโครงการนี้ รูปแบบห้องของ 2 Bedrooms นั้นจัดวางได้ดีมาก พื้นที่ใช้สอย 65 ตารางเมตรทำออกมาได้ดี โดยเฉพาะตู้เสื้อผ้าที่ให้เยอะขนาด 2-4 ตู้ ในขณะที่ 1 Bedroom นั้นทำออกมาได้ตามมาตรฐาน
ตัวตึก 3 ตึกที่หันเข้าหากันล้อมส่วนกลางเอาไว้ตรงกลางเหมือนเป็นไข่แดงนั้นก็เป็นการออกแบบที่นิยมทำกัน มีข้อดีคือเรื่องของความเป็นส่วนตัวของลูกบ้านเองที่ล้อมสระว่ายน้ำตรงกลางไว้ ไม่ให้คนภายนอกสามารถมองเห็น ฟังก์ชั่นต่างๆก็จะรวมกันอยู่ต่อเนื่องกันหมดตั้งแต่ชั้น G ของตึก A ที่เป็นตำแหน่งของ Lobby ไล่ไปจนถึงสระว่ายน้ำ ฟิตเนส สวนหมากรุก จนถึงปลายตึก B/C ที่เป็นลู่วิ่งรอบโครงการ จัดมาให้เยอะอยู่นะครับ
Judgement
การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้
ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%
เทียบกับราคา 130,000 บาท/ตร.ม. 11 พฤศจิกายน 2558
- ทำเล 8/10 – รัชดาตอนต้น ซอยสถานทูตจีน ย่านชุมชน
- เดินทางด้วยรถ 8/10 – เข้าออกหลายทาง ทางหนีทีไล่เยอะ ที่จอดรถพอประมาณ
- ไม่ใช้รถ 8.5/10 – เดินไปไหนมาไหนสะดวก ไปรถไฟฟ้าไกลหน่อยแต่มี Shuttle Service
- วัสดุ 7.5/10 – แต่งครบ เลือกได้ 2 สี วัสดุมาตรฐาน
- แบบ 7.5/10 – ทำได้ดีสมมาตรฐาน
- สาธารณูปโภค 9/10 – จัดมาค่อนข้างเยอะและคาดว่าสวยงาม
- HIGH CLASS
- 8.05 / 10.00
BOTTOM LINE
Maestro 03 รัชดา เหมาะสำหรับคนที่ใช้ MRT และ/หรือ ทำงานอยู่ในย่านรัชดา พระราม 9 เลือกคอนโดตึกเตี้ยในซอยที่อุดมสมบูรณ์มากกว่าตึกสูงริมถนน ในงบประมาณ 3-5 ล้านบาทสำหรับ 1 ห้องนอน หรือ 6-9 ล้านบาทสำหรับ 2 ห้องนอน
ถ้าเห็นว่ารีวิวนี้มีประโยชน์ ช่วยกด LIKE ให้ผมหน่อยนะครับ จะได้มีกำลังใจทำรีวิวถัดๆไปครับ
สมัครสมาชิกพร้อมรับข่าวสารเพิ่มเติม (คลิกที่นี่ )