รีวิวฉบับที่ 1412 … มาตามสัญญากับรีวิวฉบับเต็มของโครงการ Knightsbridge Prime Ratchayothin ซึ่งตัวนี้ทาง Origin ได้ทำเลที่ไม่ธรรมดาเพราะอยู่ใกล้ทั้งสถานีรถไฟฟ้าพหลฯ 24 ใกล้ SCB และใกล้ Major รัชโยธิน ในแบบที่สามารถเดินไปได้ จึงตัดสินใจทำโครงการ Segment บนออกมา โดยเน้นพื้นที่ส่วนกลางที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของคนระดับบนพร้อมความเป็นเป็นส่วนตัวในการอยู่อาศัยเพียง 333 ยูนิต สำหรับราคา Package ของห้องจะมีราคาที่ไม่สูงนัก เพราะโครงการแบ่งห้องขนาดไม่ใหญ่ ราคาห้องจึงจับต้องง่ายใน Facility แบบ Premium ค่ะ
Fact @ 24 August 2017
- Knightsbridge Prime Ratchayothin
- บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน)
- HIGH – LUXURY CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
- โครงการตั้งอยู่ในเขต : จตุจักร
- คอนโด High Rise 35 ชั้น 1 อาคาร 333 ยูนิต
- อาคารจอดรถ 11 ชั้น
- ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 19 ยูนิต
- ที่จอดรถประมาณ 70 %
- ที่ดินประมาณ 2-0-3 ไร่
- เริ่มก่อสร้าง : n/a
- คาดว่าจะแล้วเสร็จ : n/a
- Studio ขนาด 22.4 ตร.ม.
- 1-Bedroom ขนาด 26.1 – 34.5 ตร.ม.
- 1-Bedroom Plus 30.6 – 33 ตร.ม.
- 2-Bedroom 53.7 – 54.5 ตร.ม.
- ฝ้าเพดานสูง 3 เมตร
- ราคาห้องเริ่มต้น 3.33 ล้านบาท
- ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรทั้งโครงการ n/a บาท/ตร.ม.
- ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรต่ำสุด-สูงสุด 148,660 – n/a บาท/ตร.ม.
- EIA (การประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม) : อยู่ระหว่างดำเนินการ
- เวปไซต์โครงการ : คลิกที่นี่
- Call Center : 065-520-0080
เพียงแค่การกด Like ก็เท่ากับการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจาก Think of Living แล้วค่ะ
สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างค่ะ
พิกัด : 13.825218, 100.566891
จากแผนที่ของโครงการทำเลนี้ถือว่าอยู่ใกล้รถไฟฟ้าสายสีเขียวสถานีพหลโยธิน 24 ประมาณ 100 เมตร ซึ่งเป็นสถานีที่เชื่อมต่อสายสีเหลืองในอนาคต และนั่งเพียง 1 สถานีก็สามารถมาเชื่อมต่อกับสายสีน้ำเงินที่สถานีพหลโยธินได้ด้วย ซึ่งทางทีมงานได้เคยทำบทความทำเลของโครงการนี้ไว้แล้ว ใครอยากรู้ว่าคือแปลงไหนก็คลิกอ่านที่นี่เลย พาชมทำเล Knightsbridge Prime Ratchayothin
ตอนนี้ทางโครงการตั้งสำนักงานขายเรียบร้อยแล้ว ซึ่งตั้งอยู่บนที่ดินของโครงการเลย จากด้านหน้าที่ดินสามารถมองผ่านเข้าไปเห็นอาคาร SCB Park ที่มีระยะห่างจากโครงการไปประมาณ 400 ม. เท่านั้นเองค่ะ
บรรยากาศภายในที่ดินโครงการ ณ ปัจจุบัน ยังไม่ได้รื้ออาคารเดิมออก แต่เราจะพามาดูอาคารโดยรอบซะหน่อย ว่าติดกับอาคารไหนบ้างนะ
ฝั่งซ้ายโครงการจะติดกับอาคาร 2 ชั้น ปัจจุบันเป็นอาคารสำนักงานอยู่ มองไปไกลๆ หน่อยก็จะได้วิวโล่งๆ ยกเว้นอาคารสูง 3 อาคารไกลๆ นั่นคือคอนโดศุภาลัย ปาร์ค พหลโยธิน
มองมาทางฝั่งขวาในระยะประชิดจะติดกับอาคารพักอาศัย 1-2 ชั้น จึงไม่มีตึกบล๊อกวิวในระยะประชิดนะ ถ้ามองไปไกลหน่อยก็จะเห็นอาคาร SCB Park ค่ะ
จากในที่ดินโครงการมองออกไปด้านหน้าถนนจะเห็นตึกช้างที่อยู่ตรงข้ามพอดี ซึ่งทางโครงการออกแบบอาคารมาไม่ให้มีห้องพักที่หันออกทางฝั่งนี้ เพื่อเลี่ยงการบล๊อกวิวนะคะ
สรุปสภาพแวดล้อมโดยรอบโครงการพื้นที่โดยรอบส่วนใหญ่เป็นอาคารที่ไม่สูงนักมีทั้งบ้านเดี่ยว อาคารสำนักงาน โกดัง แต่บรรยากาศส่วนใหญ่ก็ดูเงียบสงบดี ซึ่งห้องพักส่วนใหญ่จะหันทางทิศเหนือใต้ก็ไม่ได้มีอาคารสูงมาบล๊อกวิวในทั้ง 2 ทิศเลยนะคะ
- ทิศเหนือ : ที่ดินเปล่าและบ้านพักอาศัย 2 ชั้น
- ทิศตะวันออก : ถนนพหลโยธิน ฝั่งตรงข้ามเป็นตึกช้างสูง 32 ชั้น
- ทิศใต้ : โกดังและอาคารสำนักงานสูง ~ 2 ชั้น
- ทิศตะวันตก : ที่ดินเปล่า
สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น
- Major รัชโยธิน ~ 300 ม.
- SCB Park ~ 400 ม.
- โรงเรียนหอวัง ~ 1.2 กม.
- Tesco Lotus ~ 1.5 กม.
- ยูเนียน มอลล์ + MRT พหลโยธิน ~ 2.2 กม.
- โรงเรียนเซนต์จอห์น ~ 2.4 กม.
- Central Plaza ลาดพร้าว ~ 2.8 กม.
- สวนรถไฟ + สวนจตุจักร ~ 5 กม.
- ตลาด อ.ต.ก. + ตลาดนัดจตุจักร ~ 5.7 กม.
ต่อไปจะพาเข้าไปชมภายในสำนักงานขาย ซึ่งก็จะมีโมเดลและห้องตัวอย่าง โครงการจะมีรายละเอียดอย่างไรไปชมกันค่ะ
ภาพจำลองโครงการ Knightsbridge Prime Ratchayothin ออกแบบด้วยคอนเซปต์ Vertical Architecture เน้นเส้นตั้งทำให้อาคารดูสูงเด่น เป็นรูปแบบที่เมื่อสร้างเสร็จแล้วน่าจะเป็นอาคารที่ดูสะดุดตาอีกอาคารหนึ่งในย่านนี้
มาดูภาพรวมของโครงการกันก่อนนะคะ Knightsbridge Prime Ratchayothin เป็นคอนโดใหม่บนถนนพหลโยธิน ซึ่งเป็นทำเลที่น่าจับตามองมากในอนาคต เพราะโครงการจะเกาะตามเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีเขียวที่จะเชื่อมเข้ากับรถไฟฟ้าสายหลักในปัจจุบัน มีความสูง 35 ชั้น 1 อาคาร โครงการนี้ทาง Origin ตั้งใจออกแบบมาให้ตอบโจทย์กลุ่มตลาดบนมากที่สุด โดยจะแยกชั้นที่เป็น Facility ออกจากชั้นพักอาศัยอย่างชัดเจนทำให้เกิดความเป็นส่วนตัวในการอยู่อาศัย เน้นภาพลักษณ์ที่หรูหราตั้งแต่ Grand Hall Lobby ในชั้นล่าง ส่วนชั้นที่พักอาศัยจะเริ่มที่ชั้น 14 และจะยกพื้นที่ส่วนกลางหลักๆ ไปไว้บนชั้น 29 เพื่อให้ได้วิวเมืองโดยรอบ นอกจากนี้จุดชมวิวบนชั้น Roof Floor ที่มีความพิเศษคือบริเวณพื้นจะเป็นกระจกด้วยค่ะ
พื้นที่โดยรอบของโครงการส่วนใหญ่เป็นอาคารสูงไม่เกิน 2 ชั้น ทำให้ไม่มีอาคารสูงบังวิวในระยะประชิด
เส้นทางการเดินรถยนต์ในโครงการเข้าใจง่ายคือเข้าไปแล้ววนซ้ายผ่าน Drop-Off บริเวณหน้าทางเข้า Grand Hall Lobby หรือหากลูกบ้านต้องการเข้าไปจอดรถด้านในอาคารก็ขับตรงเข้าไปด้านในค่ะ
ภาพจำลองบรรยากาศภายใน Grand Hall Lobby ที่เน้นความโอ่โถง หรูหราด้วย Double Volume Space และตกแต่งในดีไซน์ Gold & Grey Decor
ภายใน Grand Hall Lobby จะมีส่วนของ Private Urban Meeting Room เป็นห้องประชุมส่วนตัว ตอบสนองไลฟ์สไตล์ของนักธุรกิจเพื่อให้มีความสะดวกในการทำงานอยู่ตลอดเวลา
ขับรถผ่าน Drop-Off เข้ามาด้านใน จะมีทางเข้าที่จอดรถแบบ Automatic Car Park ซึ่งโครงการมีอัตราส่วนที่จอดรถถึง 70% ถือว่ามากทีเดียวเมื่อเทียบกับโครงการ Segment เดียวกันบนทำเลนี้ ไม่ไกลจากที่จอดรถจะมี Lobby อีกตำแหน่งหนึ่งคือ Exclusive Relax Lobby ที่มีความเป็นส่วนตัวมากขึ้นกว่า Grand Hall Lobby ด้านหน้า
ภาพจำลองบรรยากาศบริเวณ Exclusive Relax Lobby ที่ให้บรรยากาศโปร่งสบายด้วยฝ้าเพดานแบบ Double Space และใช้ผนังกระจกบานใหญ่ทำให้ได้วิวของสวนภายนอกอย่างเต็มที่
ด้านหลังโครงการที่ต่อเชื่อมกับ Exclusive Relax Lobby จะถูกจัดไว้เป็น Urban Retreat Garden
ภาพจำลองบรรยากาศพื้นที่สวนแบบ Urban Retreat Garden ที่มีการออกแบบเน้นเส้นสายให้เชื่อมต่อกับอาคารพร้อมการออกแบบแสงไฟบริเวณพื้นทางเดินทำให้มีเอกลักษณ์
ขึ้นมาที่ชั้น 29 เป็น Facility หลักของโครงการแบบเต็มชั้น ในส่วนของส่วนกลาง Outdoor ถูกจัดไว้เป็นโซนสระว่ายน้ำและ Jacuzzi เน้นการออกแบบให้แต่ละฟังก์ชันได้มุมมองที่เห็นวิวเมืองมุมสูง สำหรับพื้นที่ส่วนกลางภายในอาคารก็จะมีทั้ง Sky Iconic Lounge, Private Dining Room, Semi-Outdoor Garden, Urban Panoramic Steam Room, Active Fitness Club, Private Massage and Spa จะเห็นว่าหลายๆ ฟังก์ชันจะเน้นความเป็นส่วนตัวมากกว่าคอนโดทั่วไป เช่น Private Dining Room และ Private Massage and Spa ที่มักจะพบในคอนโดระดับบนๆ เพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์ของกลุ่มคนระดับนี้ ที่มักจะมีการจัดปาร์ตี้ส่วนตัวอยู่บ่อยๆ มีช่างทำสปา และหมอนวดส่วนตัวก็สามารถจองห้องส่วนกลางบนชั้นนี้ได้
ภาพจำลองบรรยากาศพื้นที่ของ Sky Iconic Lounge ที่อยู่ชั้นบนของอาคาร ที่มีการจัดตำแหน่งของชุดโซฟาต่างๆ ให้เกิดความเป็นส่วนตัวของแต่ละกรุ๊ปมากที่สุด
พื้นที่บริเวณ Private Dining Room สำหรับจัดปาร์ตี้เล็กๆ พร้อมชมวิวเมืองมุมสูงได้
ส่วนของ Active Fitness Club ได้พื้นที่รวมกว่า 100 ตร.ม. มีขนาดค่อนข้างใหญ่เมื่อเทียบกับจำนวนผู้อยู่อาศัยเพียง 333 ยูนิต สามารถมาออกกำลังกายพร้อมชมวิวเมืองได้อีกเช่นกัน
ภายในพื้นที่ของห้องอาบน้ำก็จะมี Urban Panoramic Steam Room ที่ออกแบบมาให้เห็นวิวเมืองแบบ 180 องศา
นอกจากนี้ก็จะมีห้อง Private Massage & Spa เป็นห้องนวดส่วนตัวที่ลูกบ้านสามารถเรียกช่างทำสปาและหมอนวดส่วนตัวเข้ามาให้บริการได้ ภายในห้องดูโปร่งด้วยผนังกระจกเปิดให้เห็นวิวด้านนอก
ภาพจำลองบรรยากาศบริเวณพื้นที่ส่วนกลางแบบ Outdoor บนชั้น 29 ฝั่งขวาเป็นสระว่ายน้ำแบบ Star Light Infinity Lap Pool ที่ออกแบบให้เหมือนมีแสงดาวอยู่ใต้น้ำ ส่วนฝั่งซ้ายจะมี Panoramic Jacuzzi และ Sky Sunken View Point ให้คนที่ไม่ได้ชอบว่ายน้ำหนักๆ มานั่งเล่นชมวิวใน 2 ส่วนนี้แทนได้ค่ะ
Master Plan ของโครงการ Knightsbridge Prime Ratchayothin บนชั้น Ground Floor ซึ่งจะเป็นพื้นที่ต้อนรับส่วนแรก ประกอบด้วย Lobby หลักที่อยู่บริเวณด้านหน้าของโครงการ และ Exclusive Relax Lobby จะอยู่ด้านในให้ความเป็นส่วนตัวกับลูกบ้านมากขึ้นและเชื่อมกับ Urban Retreat Garden ทางด้านหลัง
ในชั้นนี้พื้นที่นอกอาคารส่วนใหญ่จะเป็นทางเดินรถ โดยมีทางเข้าออกโครงการทางเดียวคือทางถนนพหลโยธิน สำหรับที่จอดรถทางโครงการรองรับด้วยที่จอดรถแบบ Automatic Car Park รวมที่จอดรถคิดเป็น 70% จัดว่าให้มาเยอะเมื่อเทียบกับคอนโดระดับเดียวกันในละแวกนี้ ถ้าใครเข้ามาส่งลูกบ้านก็จะมี Drop-Off ด้านหน้าให้แวะรับ-ส่งได้สะดวก ส่วน Lift ของโครงการจะมีทั้งหมด 3 ตัวและ Service Lift อีก 1 ตัว มีอัตราส่วนลิฟท์เฉลี่ยทั้งโครงการอยู่ที่ 111 : 1 ถือว่าไม่มากนะเมื่อเทียบกับคอนโดในเมืองในยุคนี้
ชั้น 2 เป็นพื้นที่ส่วนกลางที่เชื่อมต่อขึ้นมาจาก Lobby ในชั้นล่าง ซึ่งจัดฟังก์ชันหลักๆ เป็น Living Room, ร้านค้า และห้องนิติฯ โดยสามารถขึ้นมาจากทางบันไดทาง Grand Hall Lobby และ Exclusive Relax Lobby หรือจะขึ้นโดยใช้ Lift ที่ Exclusive Relax Lobby ก็ได้ค่ะ
ห้องพักอาศัยจะเริ่มตั้งแต่ชั้น 14 จัดเป็นห้องพักอาศัยทั้งชั้น โดยผังอาคารก็จะเหมือนๆ กันไปจนถึงชั้น 28 เลย มีทั้งหมด 19 ยูนิต ดังนี้
- ห้อง Studio ขนาด 22.4 ตร.ม. 4 ห้อง
- ห้อง 1 Bedroom ขนาด 26.1 – 34.5 ตร.ม. 9 ห้อง ซึ่งเป็นแบบที่มีจำนวนยูนิตมากที่สุดในชั้น
- ห้อง 1 Bedroom Plus ขนาด 30.6 – 33 ตร.ม. 6 ห้อง
สำหรับห้องพักของโครงการนี้ ออกแบบมาให้มีห้องพักเพียง 2 ทิศหลักคือห้องทางฝั่งทิศเหนือและทิศใต้ ซึ่งเป็นทิศยอดนิยมที่คนมักจะมองหากัน เพราะห้องทางทิศเหนือจะได้แดดเช้าและร่มในตอนบ่าย ส่วนห้องทางทิศใต้แม้จะโดนแดดบ้างในช่วงบ่ายแต่ก็เป็นทิศที่ได้ลมดีที่สุด ส่วนวิวจะไม่มีอาคารสูงบล๊อกวิวในระยะประชิดเพราะที่ดินโดยรอบส่วนใหญ่เป็นอาคารสูงไม่เกิน 2 ชั้น แต่จะได้วิวตึกสูงในระยะไกลหน่อยค่ะ
ขึ้นมาที่ชั้น 29 จัดเป็นชั้น Facility ของโครงการเต็มชั้น เมื่อเปรียบเทียบกับโครงการระดับเดียวกันในทำเลนี้ถือว่าโครงการนี้ให้มาเยอะทีเดียว และยังแชร์กับลูกบ้านเพียง 333 ยูนิตด้วย ส่วนกลางที่จัดไว้ให้ ได้แก่ Star Light Infinity Lap Pool ขนาดประมาณ 22 x 9 ม. ที่ออกแบบให้เหมือนมีแสงดาวอยู่ใต้น้ำ สำหรับใครที่อาจไม่ได้ชอบว่ายน้ำหนักๆ จะมี Panoramic Jacuzzi ให้นั่งแช่น้ำ นวดตัว ชมวิวได้สบายๆ และยังมี Sky Sunken View Point ให้นั่งเล่นได้อีกตำแหน่งหนึ่ง ส่วนกลางภายในอาคารก็จัดไว้หลากหลาย ได้แก่ Sky Iconic Lounge, Semi-Outdoor Garden, Urban Panoramic Steam Room, Active Fitness Club และยังมี Facility ที่ตอบสนองไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของคนระดับบนอย่าง Private Dining Room ที่มีไว้รองรับการจัดปาร์ตี้เล็กๆ และห้อง Private Massage and Spa ที่มีไว้รองรับการเรียกใช้บริการช่างสปาและหมอนวดส่วนตัวค่ะ
ขึ้นมาบนชั้น 30-34 จะเป็นห้องพักอาศัยทั้งชั้นผังของห้องพักอาศัยเหมือนกับแบบของชั้น 14-28 นะคะ แต่จะมีจำนวนยูนิตน้อยลงที่ 8 ยูนิตต่อชั้น และจะแบ่งเป็นห้องที่มีขนาดใหญ่ขึ้นด้วย ดังนี้
- ห้อง 1 Bedroom ขนาด 26.1 – 34.5 ตร.ม. 3 ห้อง
- ห้อง 1 Bedroom Plus ขนาด 31.4 – 31.7 ตร.ม. 2 ห้อง
- ห้อง 2 Bedroom ขนาด 53.7 – 54.5 ตร.ม. 3 ห้อง
วิวโดยรวมของห้องพักก็จะเหมือนชั้น 14-28 เลยนะคะ ต่างกันที่ห้องพักในชั้นที่สูงขึ้นก็จะได้วิวในมุมสูงขึ้นไปด้วย
สำหรับชั้นบนสุดของอาคารจะเป็น Roof Floor ซึ่งสามารถขึ้นมาถึงจากทางบันไดหนีไฟ ซึ่งพื้นที่ส่วนกลางบนชั้นนี้จัดเป็นลักษณะของ Sky Terrace แบบ Open Air มีมุมต่างๆ ให้นั่งชมวิว นั่งพักผ่อน ส่วนที่เป็น Highlight ที่สุดคือจุดชมวิวที่ยื่นออกไปจากตัวอาคาร บริเวณพื้นทำเป็นกระจก เพื่อให้ความรู้สึกเหมือนลอยอยู่บนท้องฟ้าค่ะ นอกจากพื้นที่บนนี้จะใช้เป็น Facilities ที่ชั้นบนสุดแล้ว Roof Floor ยังมีข้อดีที่ช่วยป้องกันความร้อนจากบนหลังคาให้แก่ห้องพักบนชั้น 34 ได้เป็นอย่างดีอีกด้วยค่ะ
ภาพวิวมุมสูงจากโครงการในช่วงเย็นๆ เป็น City View จะเปิดโล่งในทิศเหนือที่ได้วิวบริเวณแยกรัชโยธินค่ะ
สิ่งอำนวยความสะดวก
- Grand Hall Lobby
- Urban Meeting Room
- Car Waiting Area
- Nature Entrance Retreat
- Mail Box
- Exclusive Relax Lobby
- Urban Retreat Garden
- Sky Iconic Lounge
- Private Dining Room
- Semi-Outdoor Garden
- Urban Panoramic Steam Room
- Active Fitness Club
- Private Massage and Spa
- Sky Sunken View Point
- Panoramic Jacuzzi
- Star Light Infinity Lap Pool
- ลิฟท์โดยสาร 3 ตัว/อาคาร
- อัตราส่วนลิฟท์รวมทั้งโครงการ 111 : 1
- Service Lift 1 ตัว
- ที่จอดรถประมาณ 70%
- ระบบ CCTV / Access Card
ดูจากภาพรวมของโครงการและ Facility แล้ว ถือว่าโครงการนี้เป็นคอนโดที่ทาง Origin ตั้งใจทำออกมาให้ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของกลุ่มลูกค้าระดับบน แต่เพื่อให้ราคาห้องจับต้องง่ายขึ้นจึงออกแบบขนาดห้องให้ออกมาไม่ใหญ่นักเริ่มต้นที่ 22 ตร.ม. โดยห้องส่วนใหญ่ของโครงการจะมีขนาดอยู่ที่ 22-33 ตร.ม. ซึ่งแตกต่างจากโครงการระดับเดียวกันในทำเลนี้ที่มักจะทำห้องกว้างๆ ทำให้โครงการนี้มีส่วนกลางแบบคอนโดระดับบน แต่ด้วยพื้นที่ห้องไม่ใหญ่นักจึงมีราคา Package ต่อห้องที่ยังไม่สูงเท่าโครงการระดับเดียวกันในทำเลนี้
วันนี้จะพาไปชมห้องตัวอย่าง 2 แบบ คือห้อง Type B1 เป็นสตูดิโอแบบ 22 ตร.ม. และห้อง Type BP1 เป็นห้องแบบ 1 Bedroom Plus 31 ตร.ม. ซึ่งเป็นแบบห้องที่เป็นยูนิตส่วนใหญ่ของโครงการ โดยโครงการนี้จะขายแบบ Fully Fitted เฟอร์นิเจอร์ต่างๆ ที่จัดไว้ จึงแค่ให้ดูเป็นตัวอย่างการจัดวางเท่านั้นนะคะ ไม่ได้ให้ทั้งหมด ส่วนเฟอร์นิเจอร์และวัสดุอุปกรณ์ที่จะได้เหมือนแบบในห้องตัวอย่างคือ Pantry ครัว, ตู้เสื้อผ้า และ วัสดุภายในห้องน้ำค่ะ
ห้องแบบ Studio ขนาด 22 ตร.ม. มีขนาดพื้นที่ใช้สอยที่จัดมาได้ลงตัว ลักษณะห้องเป็นสไตล์หน้าแคบลึกและวางฟังก์ชันของพื้นที่ครัวและห้องน้ำให้อยู่ด้านหน้าห้อง (ในอาคาร) เพื่อให้พื้นที่ส่วนเตียงนอนและพื้นที่นั่งเล่นได้วิวและแสงจากภายนอกได้ดี ทำให้ห้องดูโปร่งโล่งขึ้นมามากกว่าการวางฟังก์ชันครัวและห้องน้ำอยู่ด้านนอก แลกมาประสิทธิภาพใช้งานครัวและห้องน้ำที่ลดลง เพราะครัวและห้องน้ำจะต้องพึ่งพาระบบระบายอากาศของตัวอาคารล้วนๆ แต่ถ้าให้เลือกเราก็เลือกการวางแปลนแบบนี้นะ เพราะเราไม่ได้เน้นทำครัวเยอะ ส่วนใหญ่ก็ใช้พื้นที่นั่งเล่นและพื้นที่เตียงนอนเป็นหลัก จึงอยากให้แสงเข้าห้องมายังพื้นที่นั่งเล่นมากกว่า อย่างไรก็ตามแบบห้องจะเหมาะหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับไลฟ์สไตล์ของผู้อยู่นะคะ
เข้ามาในห้องจะเจอกับเคาน์เตอร์ครัวทางฝั่งซ้าย ฝั่งขวาป็นห้องน้ำ ถัดเข้าไปเป็นโซนพักผ่อนทั้งนอนและนั่งเล่นที่รวมไว้ในพื้นที่เดียวกัน
มาดูรายละเอียดส่วนของเคาน์เตอร์ครัวเป็นตำแหน่งแรก ขนาดเคาน์เตอร์พอเหมาะกับการใช้งานในคอนโดแบบ Studio เฟอร์นิเจอร์ที่ได้ก็จะมีชุดครัวที่เว้นตำแหน่งสำหรับวางตู้เย็นและเครื่องซักผ้าไว้ให้ โดยพวกเครื่องใช้ไฟฟ้าอย่างเครื่องซักผ้า, ไมโครเวฟ จะไม่ได้ให้มานะคะ
เคาน์เตอร์ครัวด้านล่างมีตู้เก็บของเป็นตู้บานเปิดปิดและลิ้นชัก ซึ่งบานพับจะเป็นแบบ Soft close เสียดายอยู่หน่อยที่วัสดุหน้าบานได้เป็นไม้ลามิเนต ก็ถือว่าแลกมากับตำแหน่งที่ตั้งของโครงการและความเป็นส่วนตัวเพียง 333 ยูนิตแล้วกัน ส่วนของในห้องที่ได้ ถ้าใครอยากได้สเปกดีกว่านี้ก็ยังสามารถมาตกแต่งเพิ่มกันได้
มือจับตู้ลิ้นชักถูกออกแบบให้ขอบด้านบนถูกเฉือนเป็นสามเหลี่ยม เพื่อให้เกิดช่องสำหรับสอดมือไปดึงลิ้นชักออกได้ ซึ่งแบบนี้มีข้อดีที่ไม่ต้องกลัวมือจับตู้หลุดอีกต่อไปค่ะ
มาดูส่วนบนของเคาน์เตอร์ครัวกันบ้าง ให้ช่องเคาน์เตอร์มา 3 ช่องนะคะ ช่องหนึ่งเป็นซิงค์ล้างจาน อีกช่องเป็นเตาไฟฟ้าพร้อมเครื่องดูดควัน อีกช่องเป็นเคาน์เตอร์โล่งไว้ให้เป็นพื้นที่เตรียมอาหาร Top เป็นหินสังเคราะห์ ส่วน Backsplash ด้านหลังจะไม่ได้ให้มาแบบห้องตัวอย่างเลยนะคะ ถ้าติดเพิ่มสักหน่อยเวลาปรุงอาหารแล้วกระเด็นก็สามารถเช็ดทำความสะอาดได้ง่าย
ถัดไปเป็นซิงค์ล้างจานและก๊อกน้ำตามมตรฐานโครงการ มีขนาดพอจะใส่จานใส่แก้วได้ และมีความลึกพอสมควรที่จะล้างแล้วน้ำไม่กระเด็นออกมา
เตาไฟฟ้าแบบ 2 หัวของ Hafele จะใช้อุ่นอาหารเล็กๆ น้อยๆ หรือ ทำอาหารทานกันในห้องก็ได้ มาพร้อมเครื่องดูดควันแบบหมุนเวียนนะคะ
ตู้ลอยสำหรับเก็บของด้านบนเป็นตู้บานเปิด 3 ตู้ ภายในแบ่งเป็นช่องเก็บของ ตัวบานพับเปิดปิดเป็นแบบ Soft Close เช่นเดียวกับตู้ใต้เคาน์เตอร์ครัว รวมถึงมีตู้ช่องโล่งสำหรับวางไมโครเวฟ พร้อมที่ตากจานด้วยค่ะ
สำหรับห้องครัวของห้อง Type นี้จะได้มาเป็นครัวปิดด้วยประตูบานเลื่อน 3 ตอน ทำให้เวลาเปิดประตูแล้ว เราจะได้พื้นที่ทางเดินที่กว้าง จึงดูไม่อึดอัด
ขอบประตูบานเลื่อนจะถูกฝังลงไปกับพื้นห้อง ทำให้ไม่สะดุดเวลาเดินเข้า – ออก นะคะ
ฝั่งตรงข้ามชุดครัวเป็นประตูทางเข้าห้องน้ำแบบ Oversize ที่มีความสูงมากกว่าปกติ โดยสูงประมาณ 2.35 ม.
ภายในห้องน้ำจัดฟังก์ชันมาครบทั้งส่วนเปียก ส่วนแห้ง ในส่วนของสุขภัณฑ์และอุปกรณ์ต่างๆ ที่ได้ ก็จะได้ครบตามอย่างห้องตัวอย่างเลย ผนังด้านหลังอ่างล้างหน้าติดกระจกไว้เป็นบานใหญ่กว้างเกือบเต็มผนัง ทำให้บรรยากาศภายในห้องน้ำดูโปร่ง
ภายในแบ่งพื้นที่ 2 ส่วนด้วยขอบธรณีกั้น เพื่อกันน้ำจากพื้นที่ส่วนเปียกไหลไปส่วนแห้ง ทำให้ได้การใช้งานที่เป็นสัดส่วน
อ่างล้างหน้าของ Cotto หรือเทียบเท่า มีขนาดพอสมควรกับการใช้งาน มีขอบอ่างสำหรับวางของได้นิดหน่อย ด้านล่างอ่างล้างมือมีช่องโล่งสำหรับวางของได้อีกเล็กน้อย ถือว่ายังให้มาไม่สมกับราคาเท่าไหร่นะ
โถสุขภัณฑ์แบบชิ้นเดียวของยี่ห้อ Cotto หรือเทียบเท่า พร้อมสายฉีดชำระและแกนใส่กระดาษทิชชู่ตามมาตรฐานโครงการ
ต่อไปมาดูพื้นที่อาบน้ำกันบ้าง จะถูกกั้นด้วยฉากกั้นอาบน้ำเป็นกระจกนิรภัย ซึ่งเป็นแบบบานเปิดปิด มีมือจับสามารถจับเปิดได้สะดวก ช่วยกันไม่ให้น้ำจากพื้นที่ส่วนเปียกกระเด็นออกมาในพื้นที่ส่วนแห้งค่ะ
ด้านหลังมือจับจะติด Door Stopper ไว้ให้กันกระแทก ส่วนขอบประตูกระจกทางโครงการเก็บรายละเอียดมาเรียบร้อย ด้วยการติดพลาสติกกันกระแทกตรงขอบประตูกระจก เพื่อป้องกันอุบัติเหตุค่ะ
พื้นที่อาบน้ำขนาดประมาณ 1 x 0.8 ม. ปูพื้นด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้ผิวด้านกันลื่น
ภายในพื้นที่อาบน้ำจะมีพื้นที่เล็กๆ ขนาดประมาณ 0.4 x 0.3 ม. เผื่อไว้ให้ตกแต่งเป็นชั้นวางของเพิ่มเติมได้ค่ะ
ภายในพื้นที่อาบน้ำก็มีการติดตั้งอุปกร์อาบน้ำไว้เรียบร้อย โดยจะได้ทั้งฝักบัวและ Rain Shower
หน้าตาของฝักบัวที่ได้รับ มีขนาดจับได้ถนัดมือดี
ถัดมามาดูพื้นที่ภายในโซนพักผ่อนกันบ้าง มีจุดเด่นอยู่ที่ฝ้าเพดานที่สูงถึง 3 ม. ซึ่งห้อง Studio แบบนี้ก็เหมาะจะอยู่คนเดียวมากกว่า และไม่ได้มีแขกมาเยี่ยมบ่อยๆ เพราะไม่มีแยกโซนห้องนอนกับห้องนั่งเล่นออกจากกันอย่างชัดเจนเลยนะ พื้นที่ตรงนี้มีข้อดีที่จะได้แสงธรรมชาติเข้ามาจากทางกระจกด้านในเต็มๆ ซึ่งจะเป็นส่วนที่โปร่งโล่ง น่าอยู่ ที่สุดในห้อง
ห้องตัวอย่างจัดโซนนั่งเล่นด้วยโซฟาตัวยาวแบบ 2-3 ที่นั่งและชั้นดูทีวีไว้ อย่างที่บอกไปว่าโครงการขายแบบ Fully Fitted ทำให้เฟอร์นิเจอร์ต่างๆ ในห้องนี่เราจะต้องหามาเพิ่มเอง ในห้องนี้จะได้เฉพาะชั้นวางทีวี Built-in เหมือนในห้องตัวอย่างค่ะ
ระยะดูทีวีในห้องนั่งเล่นอยู่ที่ประมาณราวๆ 2.9 เมตร มีขนาดทีวีที่เหมาะสมอยู่ที่ 60 นิ้วค่ะ
มาดูชั้นวางทีวีกันจะได้ Built-in เป็นตู้ยาวเป็นชิ้นเดียวกับโต๊ะเครื่องแป้งด้วยหรือจะใช้เป็นโต๊ะเขียนหนังสือก็ได้ วัสดุเป็นตู้ไม้ลามิเนตเช่นเดียวกับเคาน์เตอร์ครัว ลายไม้เก็บขอบด้วยสีทองตามแบบในห้องตัวอย่าง
ชั้นวางทีวีที่ได้ภายในจะแบ่งเป็นช่องใส่ของไว้หลายช่อง มีทั้งที่เป็นบานปิดและแบบตู้ช่องโล่ง
โต๊ะเครื่องแป้งที่ได้จะมีลิ้นชักมาให้ด้วย ที่จะไม่ได้คือเก้าอี้สตูลอย่างเดียว
ตืดกันกับโต๊ะเครื่องแป้งเป็นตู้เสื้อผ้าที่ทางโครงการจะ Built-in ไว้ให้ สูงเกือบถึงฝ้าเพดานเลย ทำให้สามารถใช้พื้นที่ของห้องได้เต็มความสูง ตัวตู้เป็นแบบบานเปิด มีบางตู้ที่ได้เป็นบานกระจกให้สามารถส่องได้แบบเต็มตัว ภายในตู้จะแบ่งช่องออกเป็นพื้นที่แขวนเสื้อทั้งตัวยาวตัวสั้น ด้านบนแบ่งเป็นชั้นวางของไว้เก็บพวกเครื่องนอนหรือของใช้ที่อาจจะไม่ได้หยิบใช้บ่อยๆ
ถัดเข้ามาด้านในเป็นตำแหน่งสำหรับวางเตียงนอน ซึ่งทางโครงการไม่ได้ให้เตียงมา เจ้าของห้องจะเลือกไซส์ 5 ฟุต หรือ 6 ฟุต ก็มีพื้นที่ให้วางได้ทั้งคู่ และยังเหลือพื้นที่ให้สามารถเดินขึ้นเตียงได้โดยรอบ
ถัดเข้ามายังพื้นที่ข้างเตียงฝั่งที่ติดกับหน้าต่างจะมีมุมพื้นที่ใช้สอยเล็กๆ ซึ่งห้องจริงจะไม่ได้โซฟามานะคะเป็นพื้นที่โล่งๆ จึงสามารถปรับเป็นมุมโต๊ะทำงานหรืออ่านหนังสือก็ได้แล้วแต่ไลฟ์สไตล์ของผู้อยู่อาศัยเลยค่ะ
มุมโซฟาก็จะได้ติดกับหน้าต่างแบบนี้เลยนะคะ เป็นหน้าต่างบาน Fix ผสมบานกระทุ้ง ทำให้สามารถชมวิวได้จากมุมนี้และยังเปิดหน้าต่างระบายอากาศภายในห้องได้ด้วย
ถัดมายังพื้นที่ใช้สอยส่วนสุดท้ายในห้องคือส่วนของระเบียง ถูกกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน ตัวเฟรมวงกบเป็นอลูมิเนียม ส่วนตัวบานเป็นกระจกตัดแสง จึงรับแสงธรรมชาติได้และยังช่วยกันความร้อนเข้ามาในห้อง
ตัวล็อกจะเป็นตัวล็อกแบบฝังกับประตูแบบทั่วไป
พื้นระเบียงปูด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้แบบผิวด้านกันลื่น ซึ่งทำให้ทำความสะอาดง่าย มีขนาด 1.2 x 0.6 ม. เป็นพื้นที่ไว้สำหรับวางราวตากผ้าขนาดเล็ก หรือตั้งต้นไม้กระถางได้
คอมเพลสเซอร์แอร์จะแขวนอยู่ด้านบนและปล่อยลมร้อนออกนอกอาคาร ทำให้ความร้อนไม่สะสมอยู่ที่ระเบียง จึงสามารถใช้พื้นที่ระเบียงได้เต็มที่
ห้องตัวอย่างอีกห้องหนึ่งเป็นแบบ 1 Bedroom Plus ขนาด 31 ตร.ม. คือเป็นห้องแบบ 1 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ และ 1 ห้องเอนกประสงค์ มีขนาดพื้นที่ใช้สอยมากขึ้นมาจากห้องแรก แต่ห้องนี้จะไม่ได้ครัวปิดเหมือนแบบที่แล้วจึงเหมาะกับคนที่ไม่ได้ชอบทำครัวหนักๆ แต่จะได้ห้องอเนกประสงค์เพิ่มมาอีก 1 ห้อง ซึ่งสามารถที่จะจัดเป็นห้องนอนเล็ก, ห้องทำงานหรือห้องแต่งตัว ก็แล้วแต่ไลฟ์สไตล์ของผู้อยู่อาศัยเลยค่ะ
ส่วนแรกจากทางเข้าคือห้องนั่งเล่น ซึ่งห้องนี้จะมีความกว้างที่มากกว่าห้องแรก ทำให้บรรยากาศดูโล่งขึ้น ส่วนด้านในเป็นประตูกระจกบานเลื่อนกั้นห้องนอน พื้นห้องได้ลามิเนต 12 มม. ผนังฉาบเรียบทาสีขาวเช่นเดียวกับห้องแรก สำหรับเฟอร์นิเจอร์ได้แบบ Fully Fitted จะได้ชิ้นไหนบ้าง เดี๋ยวก็จะบอกเป็นชิ้นๆ ไปนะคะ
ในส่วนของห้องนั่งเล่นมีพื้นที่วางโซฟาขนาด 2-3 ที่นั่ง พร้อมชั้นวางทีวีที่ได้มาเป็นแบบตู้ลอย ซึ่งทางโครงการจะ Built-in มาให้เฉพาะตู้ ส่วนเฟอร์นิเจอร์ลอยตัวอย่างโซฟาจะไม่ได้ให้มาด้วย ทางเจ้าของห้องก็สามารถเลือกเก้าอี้แบบที่ชอบได้เลย
ระยะดูทีวีของห้องนี้มีความกว้างอยู่ที่ประมาณ 2.5 เมตร จึงสามารถติดทีวีที่มีขนาดใหญ่ได้ถึง 55 นิ้วเลย
หน้าตาของตู้ Built-in ที่ได้จะเป็นเซตชั้นวางทีวีกับตู้ใส่รองเท้า วัสดุเป็นตู้ไม้ลามิเนตตกแต่งด้วยขอบสีทองเหมือนกับตู้ในห้องแบบแรก
ภายในตู้แบ่งเป็นชั้นย่อยๆ สำหรับเก็บของใช้และเป็นชั้นวางรองเท้า
เข้ามาด้านในของห้องข้างตำแหน่งโซฟา จะมีตู้ Built-in อีกฝั่งหนึ่งซึ่งเว้นพื้นที่ไว้วางตู้เย็นขนาด 7.7 คิว จะวางได้พอดีตามห้องตัวอย่าง หรือถ้าอยากซื้อขนาดใหญ่กว่านี้ก็ต้องดูพื้นที่ด้วยนะคะ
ฟังก์ชันของตู้ Built-in มุมนี้เป็นบานพับ สามารถดึงขึ้นมาเป็นโต๊ะสำหรับใช้เป็นพื้นที่เตรียมอาหารหรือทานอาหารได้ ช่วยให้ประหยัดพื้นที่ใช้สอย แต่เสียดายอยู่หน่อยที่นั่งฝั่งเดียวกับตู้เย็นไม่สะดวก ทำให้ใช้งานโต๊ะได้ไม่เต็มที่
ผ่านห้องนั่งเล่นเข้ามาด้านในมีประตูกระจกบานเลื่อน 3 ตอน ซึ่งกั้นพื้นที่ห้องนอนไว้ ส่วนทางซ้ายมือเป็นห้องอเนกประสงค์ค่ะ
เนื่องจากประตูห้องนอนเป็นแบบ 3 ตอน พอเปิดจนสุดแล้วก็ค่อนข้างกว้างทีเดียวทำให้เดินผ่านได้สบาย
รางประตูบานเลื่อนจะถูกฝังลงไปกับพื้นห้อง ทำให้พื้นที่เชื่อมต่อกันไม่ต้องกลัวสะดุด
ภายในห้องนอนจัดวางเตียงขนาดใหญ่ไว้ชิดหน้างต่าง ทำให้เหลือพื้นที่ข้างเตียงอีกฝั่งหนึ่งสำหรับ Built-in ตู้เสื้อผ้า ส่วนช่องแสงภายในห้องเหมือนห้องที่แล้วเป๊ะ คือเป็นแบบบาน Fix ผสมบานกระทุ้ง สำหรับรับลมและระบายอากาศได้ แต่น่าเสียดายที่น่าจะได้หน้าต่างบานใหญ่พิเศษให้เข้ากับความสูงฝ้าเพดานที่สูงถึง 3 ม.
ปลายเตียงเหลือพื้นที่ไม่มากนัก แค่พอสำหรับเดินผ่าน สำหรับใครที่อยากจะติดทีวีก็ให้เลือกติดแบบแขวนผนัง ซึ่งทางโครงการก็จะมีการเดินปลั๊กไฟไว้ให้เรียบร้อยแล้วด้วย
ตู้เสื้อผ้าที่ได้มาจะเป็นตู้ Built-in สูงถึงฝ้าเพดานเหมือนกับห้องแรกที่พาไปชมเลย ภายในก็เหมือนๆ กัน
พื้นที่สำหรับยืนเลือกเสื้อผ้าด้านข้างเตียงกว้างยาวประมาณ 1.3 x 1.8 ม. ให้สามารถยืนแต่งตัวได้สบายๆ
มาดูพื้นที่อีกฝั่งหนึ่งของห้อง เป็นโซนของพื้นที่ครัวแบบเปิดโล่งและจะได้เคาน์เตอร์ครัวตามแบบในห้องตัวอย่างนี้เลย ห้องทางขวาเป็นห้องอเนกประสงค์ ส่วนฝั่งซ้ายเป็นห้องน้ำค่ะ
เคาน์เตอร์ครัวของห้อง Type นี้ จัดมาให้ได้ฟังก์ชันครบเหมือนแบบในห้องแรกแต่ขนาดจะลดลงเหลือ 2 ตู้ แบ่งเป็นตู้บานเปิด ลิ้นชักใส่ช้อนส้อม และตู้ช่องโล่งสำหรับวางไมโครเวฟ ส่วนพื้ที่เตรียมอาหารจะแยกไปอยู่อีกเคาน์เตอร์หนึ่งที่ข้างโซฟา ทำให้พื้นที่ใช้สอยส่วนครัวจะใช้งานยากกว่าแบบแรก
บนเคาน์เตอร์ครัวให้วัสดุอุปกรณ์ต่างๆ จะได้สเปคเดียวกับห้องแบบแรก ทั้งเตาไฟฟ้า ที่ดูดควันและซิงค์ล้างจาน
ส่วนตู้ลอยด้านบนเป็นตู้บานปิดมาพร้อมกับที่ตากจานเหมือนในห้องแบบแรกค่ะ
มาต่อกันที่ห้องน้ำที่อยู่ข้างๆ ภายในจัดเหมือนกับห้องน้ำในห้องแบบแรก
ภายในห้องน้ำจัดฟังก์ชันมาครบทั้งส่วนเปียก ส่วนแห้ง และติดตั้งสุขภัณฑ์และอุปกรณ์ต่างๆ ไว้เรียบร้อย หลักๆ จะได้ยี่ห้อ Cotto
พื้นที่ส่วนเปียกแห้งถูกแบ่งด้วยขอบธรณีกั้น เพื่อกันน้ำจากพื้นที่ส่วนเปียกไหลไปส่วนแห้ง ทำให้ได้การใช้งานที่เป็นสัดส่วน
พื้นที่อาบน้ำมีขนาดที่ใหญ่ขึ้นมาจากห้องแรกหน่อยประมาณ 1.2 x 0.8 ม. ปูพื้นด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้ผิวด้านกันลื่นเช่นกัน
มาดูที่สุดท้ายเป็นห้องอเนกประสงค์ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามห้องน้ำ ประตูจะได้เป็นบานเลื่อนแบบ 3 ตอน อีกเช่นกัน
ภายในมีพื้นที่ให้สามารถจัดเป็นห้องนอนเล็กๆ ได้ หรือจะจัดเป็นห้องทำงาน ห้องนั่งเล่น ก็แล้วแต่ไลฟ์สไตล์ของผู้อยู่อาศัยเลย ห้องนี้จะได้เป็นห้องโล่งๆ ไม่มีเฟอร์นิเจอร์นะคะ
พื้นที่ในห้องนี้มีขนาดประมาณ 1.75 x 2.15 ม. พื้นปูด้วยลามิเนตหนา 12 มม. เช่นเดียวกับพื้นที่ส่วนกลาง
ด้านในสุดเป็นประตูบานเลื่อนแบบ 3 ตอน สำหรับเปิดออกไปยังระเบียงด้านนอก
โดยพื้นที่ระเบียงมีขนาดประมาณ 1 x 1.75 ม. จึงมีพื้นที่พอให้วางเครื่องซักผ้าและราวตากผ้าได้ ส่วนพื้นปูด้วยกระเบื้องเซรามิก ช่วยกันลื่นได้ดีกว่ากระเบื้องทั่วไปค่ะ
ด้านข้างเป็นที่วาง Compressor แอร์ 3 ตัว แบบแขวนผนัง โดย Compressor จะเป่าลมร้อนเข้าพื้นที่ระเบียงเต็มๆ ต้องรอดูว่าจะมี Grill ปรับทิศทางลมร้อนให้ระบายออกด้านนอกไหมนะคะ
**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ
ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 24 August 2017
- Studio เนื้อที่ 22.4 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 3.33 ล้านบาท หรือ 148,660 บาท/ตร.ม.
- 1 Bedroom เนื้อที่ 26.1 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 4.03 ล้านบาท หรือ 154,406 บาท/ตร.ม.
- 1 Bedroom Plus เนื้อที่ 30.6 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 4.81 ล้านบาท หรือ 157,190 บาท/ตร.ม.
- Fully Fitted
- ฝ้าเพดานสูง 3 เมตร
- Kitchen & Sink
- Hob & Hood
- จอง 10,000 – 20,000 บาท
- ทำสัญญา 50,000 – 60,000 บาท
- ดาวน์ 10% ผ่อนดาวน์ 32 งวด
- ค่ากองทุน 600 บาท/ตร.ม.
- ค่าส่วนกลาง 60 บาท/ตร.ม./เดือน (ชำระล่วงหน้า 1 ปี)
**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ
ภาพรวมทำเล – ของ Knightsbridge Prime Ratchayothin จะอยู่ระหว่างห้าแยกลาดพร้าวและแยกรัชโยธิน อยู่ติดกับย่านจตุจักร-บางซื่อ ซึ่งเป็นทำเลที่มีศักยภาพในอนาคต โดยพื้นที่บริเวณบางซื่อ-จตุจักร นั้นจะกลายเป็น Hub (ศูนย์รวม) ของการเปลี่ยนถ่ายเส้นทางการเดินทางของรถไฟฟ้าหลายสาย และยังมีแผนที่จะพัฒนาพื้นที่โดยรอบสถานีกลางบางซื่อ รวม 305.5 ไร่ ให้เป็นเชิงพาณิชย์หรือคอมเพล็กซ์ซิตี้ อาทิ สำนักงาน ห้างสรรพสินค้า ที่พักอาศัย และพื้นที่นันทนาการ วงเงินประมาณ 68,000 ล้านบาท ส่วนทาง BTS ก็มีแผนจะพัฒนาที่ดินเยื้องแดนเนรมิตเก่า ทำโครงการมิกซ์ยูสคอมเพลกซ์ทั้งร้านค้า สำนักงาน โรงแรมและที่อยู่อาศัย ซึ่งคาดว่าจะเริ่มดำเนินการปลายปี 2560 ทำให้ที่ดินบริเวณจตุจักร – รัชโยธินนี้จะมีความคึกคักอย่างมากในอนาคต
มาดูพื้นที่โดยรอบโครงการ Knightsbridge Prime Ratchayothin ในระยะใกล้กันบ้าง ตัวโครงการอยู่ติดกับถนนพหลโยธิน ใกล้แยกรัชโยธิน ซึ่งเป็นทำเลอยู่ใกล้ SCB Park และ ใกล้เมเจอร์รัชโยธินแบบที่สามารถเดินไปได้ ถ้าพูดถึงความอุดมสมบูรณ์ที่ใกล้โครงการที่สุดก็ต้องยกให้เมเจอร์รัชโยธิน แต่ถ้าอยากขยับมาหาศูนย์การค้าที่ใหญ่ขึ้นมาก็มี Central ลาดพร้าวที่อยู่ไม่ไกลอีกเช่นกัน แต่จะไม่สามารถเดินไปได้นะคะ จะต้องขับรถไปสักหน่อย
การเดินทางโดยใช้รถส่วนตัว – โครงการนั้นอยู่ใกล้กับบริเวณแยกรัชโยธิน จึงเป็นจุดตัดทางเชื่อมกับถนนหลักสำคัญอย่างถนนรัชดาภิเษกและถนนพหลโยธิน โดยถนนรัชดาภิเษกเป็นถนนสำคัญในเมืองที่จะไปเชื่อมออกเส้นวิภาวดีรังสิตขาออกที่มุ่งหน้าไปดอนเมือง-รังสิต หรือจะเข้าเมืองก็จะวิ่งมาถึงย่านพระราม 9, อโศก ได้สะดวก ส่วนเส้นพหลโยธินก็เป็นถนนหลักที่เชื่อมกับเมืองทางอารีย์ อนุสาวรีย์ชัยฯ หรือจะวิ่งขึ้นเหนือไปทางมหาวิทยาลัยเกษตรฯ ไปรังสิตก็สะดวกเช่นกัน ซึ่งทางโครงการให้ที่จอดรถมาถึง 70% ทำให้สะดวกกับคนที่ใช้รถยนต์ส่วนตัวเป็นหลักมากทีเดียว แต่อย่างไรก็ตามในช่วงที่มีการก่อสร้างรถไฟฟ้าอยู่นี้จะมีการจราจรที่ติดขัดเป็นพิเศษสักหน่อย ซึ่งก็คาดว่าเมื่อโครงการสร้างเสร็จ รถไฟฟ้าก็น่าจะเสร็จหรือใกล้เสร็จเช่นเดียวกัน ก็จะทำให้การจราจรดีขึ้น ไม่ติดขัดเท่าปัจจุบันนะคะ
การเดินทางโดยไม่ใช้รถส่วนตัว – ค่อนข้างสะดวกมาก เพราะติดถนนใหญ่ เรียกรถง่าย มี Taxi ผ่านตลอด และเดินไปแค่ประมาณ 100 เมตร ก็ขึ้นรถไฟฟ้าสถานีพหลฯ 24 ได้ ซึ่งเป็นรถไฟฟ้าสายสีเขียวที่เชื่อมเข้ากับรถไฟฟ้าสายหลักที่วิ่งเข้าสยามฯ อยู่ในปัจจุบัน ใครที่เข้าเมืองก็นั่งยาวๆ ไปได้เลย และนั่งเพียง 1 สถานีก็สามารถมาเชื่อมต่อกับสายสีน้ำเงินที่สถานีพหลโยธินได้ด้วย
มาดูด้านราคาของคอนโดติด BTS ในทำเลนี้กันบ้าง ไล่มาตั้งแต่ย่านสะพานควาย-จตุจักร ที่ตอนนี้ทำราคาเฉลี่ยขึ้นไปอยู่ที่ 15x,xxx -19x,xxx บาท/ตร.ม. กันแล้ว ซึ่งต้องยอมรับว่าเป็นทำเลที่อยู่ในเมืองมากกว่าและอยู่ติดรถไฟฟ้าที่เปิดใช้อยู่แล้วในปัจจุบัน ส่วนราคาของ Knightsbridge Prime Ratchayothin เปิดตัวมาอยู่ที่ประมาณ 148,xxx บาท/ตร.ม. ด้วยทำเลที่กระเถิบออกจากจตุจักรมาหน่อยก็ถือว่าเป็นราคาที่แรงพอสมควรแต่ก็ต้องเทียบกับห้องพักของโครงการอื่นๆ บนชั้น 14 เช่นกัน ราคานี้จัดเป็นการซื้ออนาคตของทำเลที่คาดว่าเมื่อมีการพัฒนาตามแผนทั้งหมดของ รฟท. และ BTS แล้ว ราคาในทำเลนี้คงจะพุ่งไปอีกแน่นอน
การออกแบบ – โครงการถูกออกแบบมาให้ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าระดับบน เห็นได้จากฟังก์ชันของ Facility ที่โครงการเลือกนำมาให้ลูกค้าใช้ มีการออกแบให้เกิดความเป็นส่วนตัวในการอยู่อาศัยด้วยการแยกชั้น Facility กับชั้น Residence ออกจากกันอย่างชัดเจน พื้นที่ส่วนกลางถูกวางไว้บนชั้น 29 จึงมีความน่าใช้งาน เพราะพื้นที่ส่วนกลางแต่ละฟังก์ชันจะเห็นวิวเมืองโดยรอบในมุมสูง แต่เพื่อให้ราคาห้องจับต้องง่ายขึ้นจึงออกแบบขนาดห้องให้ออกมาไม่ใหญ่นักเริ่มต้นที่ 22 ตร.ม. โดยห้องส่วนใหญ่ของโครงการจะมีขนาดอยู่ที่ 22-33 ตร.ม. ซึ่งแตกต่างจากโครงการระดับเดียวกันในทำเลนี้ที่มักจะทำห้องกว้างๆ ทำให้โครงการนี้มีส่วนกลางแบบคอนโดระดับบน แต่ด้วยพื้นที่ห้องไม่ใหญ่นักจึงมีราคา Package ต่อห้องที่ยังไม่สูงเท่าโครงการระดับเดียวกันในทำเลนี้
วัสดุ – วัสดุที่โครงการให้มาเมื่อเทียบกับโครงการระดับเดียวกันที่อยู่ในทำเลนี้ คิดว่าน่าจะให้มาดีกว่านี้หน่อย โดยจะได้พื้นไม้ลามิเนต ผนังฉาบเรียบทาสีขาว เคาน์เตอร์ครัวและหน้าบานเป็นไม้ลามิเนต Top เคาน์เตอร์เป็นหินสังเคราะห์ สุขภัณฑ์และอุปกรณ์ของ Cotto ส่วนตัวคิดว่าสเปคของจะด้อยกว่าโครงการระดับเดียวกันในทำเลนี้ แต่ก็แลกมากับฝ้าเพดานที่สูงถึง 3 ม. ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่ต่อเติมเพิ่มเองไม่ได้นะ แต่พวกเฟอร์นิเจอร์สามารถไปตกแต่งเพิ่มเองในอนาคตได้ โครงการขายแบบ Fully Fitted ก็เหมือนกับโครงการส่วนใหญ่ของทำเลนี้ที่เพิ่มเปิดตัวในช่วงนี้นะ
สาธารณูปโภค – Facility ถือเป็นจุดเด่นของโครงการนี้ที่ทาง Origin ตั้งใจทำออกมาให้ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของกลุ่มลูกค้าระดับบน จัดเต็มมามาก พอเปรียบเทียบกับโครงการใกล้ๆ แล้วสรุปได้ว่าโครงการนี้ให้มาเยอะกว่า และยังแชร์กับลูกบ้านไม่มากนักคือแค่ 333 ยูนิตเท่านั้น แต่โครงการก็เก็บค่าส่วนกลาง 60 บาท/ตร.ม. ซึ่งสูงกว่าโครงการโดยรอบเช่นเดียวกัน ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะมีพื้นที่ส่วนกลางที่เยอะและลูกบ้านที่ร่วมดูแลรับผิดชอบน้อย ก็ต้องเป็นไปตามสัดส่วนนะคะ
Judgement
การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้
ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%
เทียบกับราคาเริ่มต้นประมาณ 148,xxx บาท/ตร.ม., 24 August 2017
- ทำเล 8.5/10 – ใกล้แหล่งความอุดมสมบูรณ์ทั้ง Major รัชโยธิน, SCB แบบเดินไปได้ และมีศักยภาพในอนาคต
- เดินทางด้วยรถ 8/10 – เดินทางสะดวกอยู่ใกล้แยกรัชโยธิน ตอนนี้อาจจะรถติดหน่อย แต่อีก 2-3 ปีพอก่อสร้างรถไฟฟ้าเสร็จก็จะดีขึ้น และโครงการยังให้ที่จอดรถมาถึง 70%
- ไม่ใช้รถ 8.5/10 – มีให้เลือกใช้หลายทางทั้งแท็กซี่ พี่วิน ห่างจากทางขึ้นลงสถานีประมาณ 100 ม. ก็เดินได้สบาย
- วัสดุ 7/10 – ให้มาแบบ Fully Fitted วัสดุน่าจะได้ดีกว่านี้
- แบบ 8/10 – ออกแบบโครงการและพื้นที่ส่วนกลางได้ดี แต่แบบห้องยังมีบางส่วนที่ไม่ลงตัว
- สาธารณูปโภค 9/10 – ให้มาเยอะและฟังก์ชันตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าระดับบน
- HIGH – LUXURY CLASS
- 8.2 / 10.00
BOTTOM LINE
Knightsbridge Prime Ratchayothin เหมาะกับคนที่มองหาคอนโดย่านรัชโยธิน ที่หวังพึ่งพิงเมเจอร์รัชโยธิน, Central ลาดพร้าว และรถไฟฟ้าสายสีเขียวในอนาคต ชอบโครงการที่มีความ Private สูง เพื่อนบ้านน้อยๆ มีพื้นที่ส่วนกลางให้เลือกใช้ได้เยอะและมีฟังก์ชันที่ตอบโจทย์ความเป็นส่วนตัว แชร์กับลูกบ้านไม่มากนัก มีงบประมาณระดับ 3.43 – 10 ล้าน หรือมีกำลังผ่อนประมาณ 23,000 – 70,000 บาท/เดือน