รีวิวฉบับที่ 1420 … สวัสดีค่ะ ช่วงนี้ Origin ออกโครงการภายใต้แบรนด์ Knightsbridge พร้อมกันรัวๆ 4 โครงการเลยนะคะ ซึ่งวันนี้ถึงคราวของ Knightsbridge Collage รามคำแหง ออกโรงรีวิวแล้ว ตัวโครงการนี้จัดเป็นโครงการแรกของ Origin ที่มาเปิดทำเลในย่านใกล้แยกลำสาลี ตั้งอยู่ติดถนนรามคำแหง หน้าปากซอยรามคำแหง 42 ซึ่งอยู่ใกล้ MRT หัวหมากในอนาคต โครงการจะเป็นอย่างไรไปอ่านกัน

 

Fact @ 3 September 2017

  • Knightsbridge Collage Ramkhamhaeng (ไนท์บริดจ์ คอลลาจ รามคำแหง)
  • บริษัท ออริจิ้น รามคำแหง จำกัด
  • MAIN CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment บ้านได้ที่นี่)
  • โครงการตั้งอยู่: หน้าปากซอยรามคำแหง 42 ถนนรามคำแหง เขตบางกะปิ
  • คอนโด High Rise 25 ชั้น 1 อาคาร 682 ยูนิต และอาคารจอดรถ 6 ชั้น
  • ที่จอดรถประมาณ 243 คัน คิดเป็น 35% รวมซ้อนคันคิดเป็น 316 คัน คิดเป็น 46%
  • ที่ดินประมาณ 4-0-11.9 ไร่
  • เริ่มก่อสร้าง : มีนาคม 2561
  • คาดว่าจะแล้วเสร็จ : กันยายน 2563
  • ห้องพักอาศัย

  • 1 Bedroom 22.20 – 22.90 ตร.ม. 318 ยูนิต
  • 1 Bedroom Exclusive 26.40 ตร.ม. 138 ยูนิต
  • 1 Bedroom Plus 31.40 – 32.50 ตร.ม. 180 ยูนิต
  • 2 Bedroom 43.50 46 ยูนิต

  • ฝ้าเพดานสูง 3 เมตร
  • ราคาห้องเริ่มต้น 1.89 ล้านบาท
  • Update @ 3 May 2018 ราคาเริ่มต้น 2.59 ล้านบาท
  • ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรทั้งโครงการ 99,000 บาท/ตร.ม.
  • เวปไซต์โครงการ : คลิกที่นี่ 
  • โทร  : 020-300-000, 0863459049 , 0625953882
  • เพียงแค่การกด Like ก็เท่ากับการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจาก Think of Living แล้วครับ

    สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างครับ


    เจาะลึกเรื่องทำเลที่ตั้ง

    พิกัด : 13.761948, 100.639937

    ที่ตั้งโครงการ Knightsbridge Collage รามคำแหง ตั้งอยู่บนถนนรามคำแหง บริเวณหน้าปากซอยรามคำแหง 42 ใกล้แยกลำสาลี บริเวณโดยรอบอยู่ใกล้โรงพยาบาลรามคำแหง และ ห้างใหญ่ในย่านนี้ย่าน The Mall บางกะปิ ส่วนในอนาคตตัวโครงการจะอยู่ใกล้กับ MRT สายสีส้ม สถานีหัวหมาก อีกด้วยค่ะ

    ทำเล Knightsbridge Collage รามคำแหง ตั้งอยู่ในโซนช่วงตอนกลางของถนนรามคำแหง บริเวณใกล้แยกดังอย่าง แยกลำสาลี ซึ่งเป็นแยกหลักในการเชื่อมระหว่างถนนใหญ่ทั้ง 3 สาย อย่างรามคำแหง ศรีนครินทร์ และลาดพร้าว แต่ทั้งนี้แยกนี้ก็ขึ้นชื่อเรื่องรถที่ติดหนักเช่นเดียวกันนะคะ โดยตำแหน่งที่ตั้งของโครงการเองแม้จะอยู่ใกล้กับแยกลำสาลีก็จริง แต่มีตัวเลือกในการเดินทางไป 3 ถนนใหญ่ โดยไม่ต้องผ่านแยกลำสาลีได้เช่นเดียวกันนะ เพราะอยู่บริเวณหน้าปากซอยรามคำแหง 42 ที่สามารถไปเชื่อมออกด้านหลัง อย่างซอยรามคำแหง 24 ที่เป็นซอยใหญ่มีมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ มหาวิทยาลัยรามคำแหง และสนามราชมังคลา เป็นซอยสำคัญที่สามารถลัดไปออกรามคำแหงบริเวณแยกราม 24-หลังราม, พระราม 9 และศรีนครินทร์ได้ เรียกว่าเป็นซอยที่ช่วยลดทอนเวลาการเดินทางในช่วงเวลาเร่งด่วนได้ดีเหมือนกันค่ะ

    และสำหรับใครที่ต้องการไปทางเส้นลาดพร้าวก็มีอีกทางลัดที่ไม่ต้องผ่านแยกลำสาลี รอไฟแดง คือถนนทางเข้าห้างเดอะมอลล์บางกะปิ และตะวันนา จะมีถนนเลียบห้างไปออกเส้นลาดพร้าวได้เช่นกันค่ะ โดยรวมถือว่าเป็นโครงการที่ติดถนนใหญ่แต่มีตัวเลือกในการเดินทางได้หลากหลาย มีทางลัดเลาะเยอะเพื่อหลบหลีกรถติดบนถนนรามคำแหงค่ะ

    สำหรับการเดินทางโดยไม่ใช่รถถือว่าสะดวกทีเดียวค่ะ จุดชูโรงเลยคืออยู่ใกล้กับรถไฟฟ้าสายสีส้ม สถานีหัวหมาก ในระยะที่เดินได้ง่าย อยู่ที่ประมาณ 100 ม.นะคะ ซึ่งรถไฟฟ้าสายนี้อยู่ในระหว่างการก่อสร้างแล้วโดยช่วงสายศูนย์วัฒนธรรม-สุวินทวงศ์นี้มีกำหนดการณ์ไว้ว่าจะแล้วเสร็จประมาณปี 2566 ซึ่งจะแล้วเสร็จหลังจากโครงการเสร็จแล้วประมาณ 3 ปี ในระหว่างที่รอรถไฟฟ้าเสร็จก็มีตัวเลือกในการเดินทางหลากหลายพอสมควรค่ะ ทั้งรถเมล์, รถตู้, สองแถว และวินมอเตอร์ไซค์ โดยมีป้ายรถเมล์และจุดพี่วินอยู่หน้าปากซอยรามคำแหง 42 นี้เลย ไม่ต้องเดินไกล อีกข้อดีคืออยู่ติดถนนใหญ่ นอกจากเรียกรถง่ายแล้วคือไม่เปลี่ยวอีกด้วย

    สำหรับใครที่จะเลือกคอนโดในทำเลนี้ จะเหมาะกับคนที่อยู่ในย่านนี้ ต้องการขยับเข้ามาใกล้ความอุดมสมบูรณ์ในย่านรามคำแหง-ลาดพร้าวมากขึ้น อยู่ติดถนนใหญ่ หรือทำงานในละแวกนี้ช่วงรามคำแหง-หัวหมาก, ลาดพร้าวตอนปลายและศรีนครินทร์ช่วงต้น คาดหวังการใช้รถไฟฟ้าในอนาคตเพื่อการเดินทางเข้าเมืองได้สะดวกมากขึ้น

    ความอุดมสมบูรณ์ในระยะเดินง่ายนั้นพอมีบ้างพอสมควรค่ะ เพราะอยู่ใกล้กับโรงพยาบาลรามคำแหง ดังนั้นก็พอจะมีร้านค้า ร้านอาหารและรถเข็นอาหารอยู่หน้าโรงพยาบาล และคึกคักมากในช่วงกลางวัน ซึ่งใครที่ขี้เกียจออกไปไหนไกลก็เดินไปซื้อกับข้าวกันได้ แต่โซนใหญ่ๆ ที่มีความคึกคักและความอุดมสมบูรณ์สูงจริงๆ จะอยู่ในโซนหน้า-หลังมหาวิทยาลัยรามคำแหง และอีกโซนคือช่วงลาดพร้าวตอนปลาย โดยทั้ง 2 โซนนี้สามารถขับรถไปสะดวก หรือจะนั่งรถสาธารณะไปก็ง่ายเช่นกัน

    • โซนหน้ารามฯ-หลังรามฯ : เป็นโซนที่คึกคักมาก เพราะเป็นโซนมหาวิทยาลัยทั้งรามคำแหง และอัสสัมชัญ และยังเป็นย่านที่อยู่อาศัยใหญ่เลยมีทั้งตลาดนัด ร้านค้าต่างๆ ทั้งขายอาหาร เสื้อผ้า และโรงเรียนกวดวิชาต่างๆ รวมไปถึงแหล่งรวมห้างต่างๆ ทั้ง Big C, Major และ The Mall รามคำแหง จัดว่าของกิน เสื้อผ้าครบครันมาก ในราคาสบายกระเป๋า โดยย่านนี้จะคึกคักมากทั้งกลางวันและกลางคืนเลย
    • โซนลาดพร้าวตอนปลาย : เป็นอีกใจกลางความอุดมสมบูรณ์นึงที่อยู่ใกล้กับโครงการ ซึ่งย่านนี้ประกอบไปด้วยห้างใหญ่ในย่านอย่าง The Mall บางกะปิ, ตะวันนา ห้างน้อมจิตร (ฝั่งตรงข้าม The Mall บางกะปิ) Makro, Tesco Lotus และตลาดสดอีก 2 ตลาดอย่าง ตลาดบางกะปิและตลาดแฮปปี้แลนด์ เรียกได้ว่าครบครันและคึกคักมากๆ เพราะนอกจากจะเป็นแหล่งความอุดมสมบูรณ์แล้วยังเป็นศูนย์กลางการเดินทางไปยังสถานที่ต่างๆ เพราะมีแหล่งรถตู้ มีท่าเรือ (หลัง The Mall) อีกด้วยค่ะ การเดินทางจากโครงการไปก็ง่าย คือไปกลับรถช่วงก่อนแยกรามคำแหง 26 แล้ววิ่งเข้าทางเข้าส่วนที่จอดรถของห้าง The Mall บางกะปิฝั่งถนนรามคำแหงได้เลย ไม่ต้องผ่านแยกลำสาลีค่ะ

    การเดินทางในวันนี้จะเริ่มต้นจากบริเวณแยกรามคำแหง (รามคำแหง-พระราม9) มุ่งหน้าไปทางบางกะปิ ผ่าน The Mall รามคำแหงแล้วขึ้นสะพานยกระดับ เพื่อข้ามย่านมหาวิทยาลัยรามคำแหงไป ซึ่งเป็นย่านที่รถติดหนักมาก (หากใครที่จะแวะซื้อของกินหรือช็อปปิ้งก็สามารถเลือกเส้นทางด้านล่างได้นะคะ) ลงสะพานยกระดับมาบริเวณหน้าโรงพยาบาลรามคำแหง แล้วเตรียมเบี่ยงซ้ายเพื่อกลับรถก่อนแยกลำสาลี จากนั้นขับรถมาอีกหน่อยที่ตั้งโครงการจะอยู่ก่อนถึงซอยรามคำแหง 42 ค่ะ

    เริ่มต้นจากลงสะพานยกระดับไปยังถนนรามคำแหง

    ลงมาช่วงแยกรามคำแหงที่ตัดกับถนนพระราม 9 นะคะ ช่วงต้นๆ แยกนี้ปัจจุบันก็มีคอนโด High Rise ขึ้นมาคึกคักมากๆ เลยมาหน่อยก็เป็น Foodland และติดกับ Foodland นั้นจะเป็น KFC สาขาใหญ่ที่มีบริการ Drive Thru ด้วย

    ตรงมาอีกหน่อยก็จะเป็น The Mall รามคำแหง ซึ่งจะเป็นห้างที่แบ่งออกเป็น 2 ฝั่งด้วยกันนะคะ เดินเชื่อมกันได้ ต่อไปในอนาคตเหมือน The Mall รามคำแหงนี้จะมีการปรับปรุงใหม่ด้วยนะ จาก The Mall รามคำแหงไปเราจะชิดขวาเพื่อขึ้นสะพานยกระดับข้ามช่วงมหาวิทยาลัยรามคำแหงกันนะคะ เพราะด้านล่างรถจะหนาแน่นมากๆ ยิ่งตอนช่วงเวลาเร่งด่วนไม่ต้องพูดถึงเลย

    ขึ้นสะพานยกระดับมาแล้วจะผ่าน Major Cineplex

    มาอีกหน่อยก็ผ่าน Huamark Town Center ซึ่งภายในอาคารนี้จะมี Big C Supercenter ด้วย

    ผ่านมาอีกหน่อยก็จะเป็น Major Hollywood และฝั่งตรงข้ามเป็นมหาวิทยาลัยรามคำแหงค่ะ เรียกว่ามีห้างเรียงกันติดๆ เลย

    เราขับตรงมาเรื่อยๆ จนถึงช่วงทางลงสะพาน ฝั่งขวามือจะเป็นโรงพยาบาลรามคำแหง ซึ่งเป็นโรงพยาบาลที่ใกล้กับโครงการมากที่สุดค่ะ เรียกว่าอยู่ในระยะที่เดินได้ เลย ซึ่งบริเวณนี้จะค่อนข้างคึกคักพอสมควร ระหว่างทางเดินนี้จะมีทั้งร้านรถเข็นต่างๆ ให้ซื้อเกือบตลอดทาง

    หลังจากที่เราลงสะพานมาแล้วให้เบี่ยงเข้าทางซ้ายเพื่อตรงไปกลับรถก่อนถึงแยกลำสาลีนะคะ ถ้าเราขึ้นสะพานไปอีกจะข้ามแยกลำสาลีไปเลย

    ตรงมาอีกหน่อยเจอสะพานลอยที่ 2 หลังจากลงสะพานมาแล้วก็จะเห็นที่ตั้งโครงการฝั่งขวามือเลยค่ะ โดยเราจะตรงไปเพื่อกลับรถก่อนนะคะ

    ขับมาอีกหน่อยก็จะเจอทางเข้า-ออกเดอะมอลล์บางกะปิและตะวันนา ฝั่งถนนรามคำแหงค่ะ ซึ่งจะเข้าห้างก็เข้าจากตรงนี้ได้นะคะ มันจะวิ่งเข้าไปที่จอดรถเลยไม่ต้องอ้อมไปเข้าทางลาดพร้าว และจริงๆ ก็เป็นอีกทางลัดนึงสำหรับคนที่จะไปทางลาดพร้าวโดยไม่อยากผ่านแยกลำสาลีและแยกที่ตัดกับถนนลาดพร้าวอีกที จะใช้ถนนเส้นนี้เป็นทางลัดก็ได้เช่นกันค่ะ

    จากนั้นเราจะขับตรงมาอีก ตลอดเส้นทางก็จะมีร้านค้าและเต้นท์อาหารอยู่ ค่อนข้างคึกคักทีเดียว ส่วนฝั่งขวานั้นเป็นจุดกลับรถก่อนแยกลำสาลีค่ะ

    หลังจากกลับรถมาแล้วเราก็ตรงไปที่โครงการกันค่ะ ซึ่งอยู่บริเวณหน้าปากซอยรามคำแหง 42 จุดสังเกตคือเมื่อเห็นลุมพินี วิลล์ รามคำแหง 44 แล้วให้เตรียมชิดซ้ายได้เลย

    เมื่อผ่านลุมพินีวิลล์มาแล้ว เตรียมชิดซ้ายเลยค่ะ ก่อนถึงสะพานลอยข้างหน้าจะเป็น ที่ตั้งโครงการแล้วค่ะ

    **รูปนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการแบบคร่าวๆไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการได้นะครับ

    สภาพแวดล้อมโดยรอบโครงการส่วนใหญ่เป็นอพาร์ทเม้นท์และโรงแรมค่อนข้างเยอะทีเดียว เนื่องจากเป็นทำเลที่อยู่ใกล้แหล่งงานใหญ่ เพราะอยู่ใกล้ห้าง ใกล้ตลาด และโรงพยาบาล ทำให้บรรยากาศบริเวณนี้มีความคึกคักอยู่ระดับนึง ไม่ถึงขั้นคนเดินกันขวั่กไขว่มาก แต่ก็มีคนเดินอยู่ตลอดไม่เปลี่ยว ในทำเลโดยรอบนี้โครงการ Knightsbridge Collage รามคำแหง จัดเป็นโครงการใหม่ที่มี Segment สูงกว่าโครงการในละแวก ที่ส่วนใหญ่จะเป็นโครงการระดับ ECONOMY เน้นขายราคาถูก หยิบจับง่าย ซึ่งโครงการนี้จึงตอบโจทย์กลุ่มคนที่มีกำลังทรัพย์ขึ้นมาอีกระดับ ที่มองหาคอนโดในละแวกเช่นเดียวกันค่ะ

    ในส่วนของวิวโครงการจะมีวิวฝั่งทิศตะวันออกเพียงทิศเดียวที่ถูกบล็อกวิวระยะไกลไป เพราะมีคอนโดลุมพินี วิลล์ รามคำแหง 44 ที่มีความสูง 23 ชั้นบังวิวอยู่ โดยมีระยะห่างระหว่างตึกอยู่ที่ประมาณ 60 ม. ซึ่งยังไม่จัดเป็นระยะประชิดจนเสียความเป็นส่วนตัวไปนะ เพียงแต่ไม่ได้วิวระยะไกล ส่วนทิศอื่นๆ ให้ที่เลือกห้องชั้นสูงหน่อย (เพลย์เซฟก็ชั้น 10 ขึ้นไป) ก็จะสูงพ้นจากอพาร์ทเม้นท์และโรงแรมที่อยู่ติดกับโครงการไป ซึ่งหากสูงพ้นแล้วก็ได้วิวระยะไกลได้ในทุกทิศค่ะ

    • ทิศเหนือ : ถนนรามคำแหง, สินธร เสต็กเฮ้าส์
    • ทิศตะวันออก : อพาร์ทเม้นท์สูง 10 ชั้น, ลุมพินี วิลล์ รามคำแหง 44 สูง 23 ชั้น
    • ทิศใต้ : ที่ดินเปล่า, MT Place อพาร์ทเม้นท์ สูง 10 ชั้น
    • ทิศตะวันตก : อพาร์ทเม้นท์และโรงแรม สูง 8-10 ชั้น

    เริ่มจากหน้าโครงการมีฟุตบาทขนาดใหญ่เดินได้สะดวกสบายดีค่ะ และมีสะพานลอยข้ามไปอีกฝั่งได้ง่าย เวลาจะเรียกรถฝั่งตรงข้ามก็แค่เดินข้ามไปเรียก ไม่ต้องเสียเวลาให้รถวิ่งไปกลับรถไกล และใครฟิตหน่อยจะเดินไป The Mall บางกะปิก็ได้นะคะ ระยะทางอยู่ที่ประมาณ 600-700 ม.

    ติดกับที่ดินโครงการคือซอยรามคำแหง 42

    ภายในซอยนี้ช่วงต้นซอยจะเป็นอพาร์ทเม้นท์อยู่ค่อนข้างเยอะ มีจุดพี่วินมอเตอร์ไซค์ด้วย ใครจะเรียกพี่วินแว๊นไปไหนก็มาจุดนี้เลยค่ะ มาพูดถึงเรื่องซอยรามคำแหง 42 กันหน่อย ลักษณะเป็นซอยสวนกัน 2 เลน วิ่งสวนกัน ซอยนี้สามารถไปลัดออกถนนรามคำแหง 24 (หลังม.ราม) ได้ค่ะ

    ข้ามถนนซอยรามคำแหง 42 มาก็จะเจอ 7-11 เลย เป็น 7-11 ที่ใกล้ที่สุด ใครหิวดึกๆ ก็มาพึ่งพาได้นะ ถัดไปก็มีร้านค้าต่างๆ ทั้งร้านนวดและคาเฟ่ด้วยนะ ส่วนบริเวณหน้า 7-11 ก็มีป้ายรถเมล์ค่ะ เป็นป้ายที่ใกล้โครงการมากที่สุด

    ขึ้นมาที่สะพานลอยหน้าโครงการ หันกลับมามองที่ที่ตั้งโครงการอีกรอบ จะเห็นว่าฝั่งซ้ายหรือทางทิศตะวันออกจะถูกอพาร์ทเม้นท์ และลุมพินีวิลล์ รามคำแหง 44 บล็อกวิวระยะไกลไปนะ ยกเว้นใครที่เลือกห้องในชั้นบน 20 ขึ้นไปก็จะสูงพ้นความสูงของลุมพินีไปได้ค่ะ ส่วนฝั่งขวาหรือทิศตะวันตกอยู่ติดกับอพาร์ทเม้นสูง 6-10 ชั้น ซึ่งเลือกห้องสูงกว่าชั้น 10 ก็รอดแล้วค่ะ ได้วิวระยะไกลละ แต่ห้องฝั่งทิศใต้นี้เลือกชั้นล่างๆ ก็ได้วิว Facilities โครงการทดแทนได้อยู่นะคะ

    ส่วนฝั่งตรงข้ามเป็น Show Room Honda เลยไปอีกหน่อยคือโรงแรมอเล็กซานเดอร์ที่มีความสูงประมาณ 15 ชั้น แต่ไม่ได้บล็อกวิวห้องพักอาศัยของโครงการเราแต่อย่างใดนะคะ ใครได้ห้องฝั่งทิศเหนือจะได้วิวโปร่งโล่งไม่มีอาคารสูงมาบังเท่าไหร่ค่ะ แลกมากับการที่อยู่ติดกับถนนใหญ่ เรื่องรถติด มลภาวะทางเสียงและฝุ่นต่างๆ ก็จะมีมากกว่าทิศอื่นๆ แต่ก็มีการ Set Back จากขอบเขตที่ดินเข้าไปประมาณ 30 ม. ให้เพื่อลดมลภาวะจากถนนลงไปอีก

    อีกฝั่งเป็นสินธรสเต็กเฮ้าส์ ร้านเสต็กเจ้าเก่าแก่ในย่านนี้

    กลับมาที่โครงการกันต่อนะคะ สำหรับโครงการปัจจุบันมี Sale Office เรียบร้อยแล้ว ใครที่สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดโครงการ ราคาและดูห้องตัวอย่างได้เลยค่ะ

    Sale Office โครงการออกแบบมาในสไตล์ Modern English เช่นเดียวกับสไตล์ของอาคาร ดูสวยหรู ในความเรียบง่าย

    ภายใน Sale Office เน้นตกแต่งให้ใกล้เคียงกับส่วน Co-Working Space ของโครงการเลยค่ะ เดี๋ยวเรามีภาพ Perspective ให้ดู

    ภายในมีชุดโซฟารับรอง และเข้าไปด้านในจะเป็นห้องตัวอย่างทั้งหมด 3 ห้องด้วยกันค่ะ ใครสนใจโครงการสามารถเข้าไปชมโครงการกันได้แล้วนะคะ

     

    สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น

    • ราชมังคลากีฬาสถาน ~ 1.6 กม.
    • เดอะมอลล์ บางกะปิ ~ 2.5 กม. (ระยะเดิน : 600 ม.)
    • แม็คโคร ~ 2.5 กม. (ระยะเดิน : 600 ม.)
    • เทสโก้ โลตัส ~ 2.5 กม. (ระยะเดิน : 600 ม.)
    • เมเจอร์ ฮอลลีวูด รามคำแหง ~ 2.8 กม.
    • ออฟฟิศเมท ~ 3 กม.
    • บิ๊กซี หัวหมาก ~ 3 กม.
    • พันธุทิพย์ พลาซ่า บางกะปิ ~ 3 กม.
    • The Nine พระราม 9 ~ 4.3 กม.

    • ม.อัสสัมชัญ ~ 2.2 กม.
    • ม.รามคำแหง ~ 2.3 กม.
    • รร.เทพลีลา ~ 2.7 กม.
    • รร.สาธิต ม.รามคำแหง ~ 3.2 กม.
    • รร.บดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) ~ 3.5 กม.
    • รร.นานาชาติ BGIS ~ 3.8 กม.
    • รร.นานาชาติ RAIS ~ 4.3 กม.
    • สถาบันบัณฑิต พัฒนบริหารศาสตร์ (NIDA) ~ 4.8 กม.
    • ลอนดอน สตรีท พัฒนาการ ~ 5 กม.
    • รร.นานาชาติ SISB ~ 6.6 กม.
    • รร.นานาชาติ LFIB ~ 6.6 กม.
    • รร.นานาชาติเดอะรีเจ้นท์ ~ 6.8 กม.
    • ม.เกษมบัณฑิต ~ 6.6 กม

    • รพ.รามคำแหง ~ 400 ม.
    • รพ.สมิติเวช ศรีนครินทร์ ~ 2.2 กม.
    • รพ.เวชธานี ~ 4 กม.
    • รพ.วิภาราม ~ 4 กม.

     


    เจาะลึกตัวโครงการ

    โครงการ Knightsbridge Collage รามคำแหง คอนโด High Rise สูง 25 ชั้น และอาคารจอดรถ 1 อาคาร มีจำนวนยูนิตทั้งหมด 682 ยูนิต บนเนื้อที่ทั้งหมดประมาณ 4 ไร่เศษ เป็นโครงการแรกของ Origin ที่มาเปิดทำเลในย่านรามคำแหงตอนกลาง ช่วงแยกลำสาลี เพื่อตอบโจทย์กลุ่มคนที่มองหาคอนโดในระดับ Main Class ขึ้นไปในย่านนี้ เพราะในละแวกนี้โดยรอบจะเป็นคอนโดระดับ Economy Class ที่เน้นราคาหยิบจับง่ายเป็นส่วนใหญ่

    ตัวโครงการออกแบบมาในสไตล์ที่เป็นเอกลักษณ์ แตกต่างออกไปจากโครงการ Knightsbride อีก 3 ตัวที่ออกมาพร้อมๆ กันนะคะ โดยที่นี่จะใช้สไตล์ Modern English ทันสมัยและมีความหรูหราอยู่ในตัว เน้นตัวอาคารสีเทา-ขาว มี Detail ต่างๆ ในแนวอังกฤษ

    รูปด้านหน้าอาคารที่หันไปทางถนนรามคำแหง ใน 2 ชั้นล่างจะเน้นความโอ่โถงด้วยฝ้าเพดานยกสูง (Double Volume) เพราะเป็นชั้น Facilities หลัก ส่วนชั้นบนตั้งแต่ชั้น 3-25 นั้นจะเป็นอาคารพักอาศัยทั้งหมด โดยชั้นพักอาศัยก็ให้ฝ้าเพดานสูงเช่นกัน โดยมีความสูงถึง 3 ม. ค่ะ สำหรับรูปด้านหน้าอาคารนี้จะเห็นว่าตัวอาคารนั้นตกแต่งเรียบง่ายก็จริงแต่มีแผง Details สไตล์ English ค่อนข้างชัดเจน ในชั้นพักอาศัยมีการยื่น Facade ด้านข้างออกมาเป็นกรอบอาคาร ซึ่งช่วยบังแสงแดดที่จะส่องเข้ามาภายในห้องพักอาศัยได้ระดับนึง

    มาดูที่ Model โครงการกันบ้างนะคะ ตัวโครงการทั้งหมดจะแบ่ง 2 อาคารด้วยกัน ด้านหน้าโครงการเป็นอาคารพักอาศัยสูง 25 ชั้น และด้านหลังอาคารเป็นอาคารจอดรถสูง 6 ชั้น ทั้ง 2 เชื่อมกันด้วยสะพาน โดยจะเชื่อมเข้าสู่อาคารพักอาศัยในชั้น 2 ซึ่งเป็นชั้น Facilities หลักของโครงการค่ะ

    • ชั้น 1 ของโครงการในอาคารพักอาศัย เป็นชั้นส่วนกลางทั้งหมด ประกอบด้วย Lobby, Co-Working Space, Co-Kitchen Space และร้านค้าอีก 2 ยูนิต
    • ชั้น 2 เป็นชั้น Main Facilities ซึ่งทั้งชั้นนี้จะเป็น Facilities ทั้งหมดค่ะ ประกอบด้วย Swimming Pool in the Park, Garden, Living Area และ Fitness ซึ่งทางโครงการตั้งใจนำส่วน Facilities ไว้ด้านล่างเพื่อให้เข้าถึงง่ายทั้งจากส่วน Lobby เอง และจากห้องพักอาศัยในชั้นบน ส่วนสระว่ายน้ำที่นำมาอยู่ในชั้นนี้นั้นก็เพื่อให้ได้ Concept เหมือนการว่ายน้ำในสวนหลังบ้าน มีความเป็นส่วนตัว แต่ก็แอบน่าเสียดายตรงที่ชั้น Facilities ไม่ได้วิวมุมสูง
    • ชั้น 3-25 จัดให้เป็นชั้นพักอาศัยทั้งหมด ซึ่งข้อดีคือความเป็นส่วนตัวของชั้นพักอาศัยในทุกชั้น ไม่มีชั้นใดชั้นนึงที่เป็นชั้นพักอาศัยร่วมกับชั้น Facilities ซึ่งใครที่ต้องการวิวชั้น Facilities แบบใกล้ชิดแทนที่จะเลือกอยู่ชั้น Facilities เลยก็สามารถเลือกชั้นที่สูงขึ้นมาหน่อยอย่างชั้น 3-4 ก็ได้วิว Facilities อยู่ค่ะ
    • ชั้นดาดฟ้า ด้านบนสุดของโครงการมี Facilities คือ Garden และ Sky Jogging Track ให้ลูกบ้านได้ไปสูดอากาศและชมวิวมุมสูงพร้อมสวนสีเขียวได้

    ซูมเข้ามาที่บริเวณด้านหน้าโครงการ ทางเข้า-ออกจะแบ่งเป็น 2 ทางคือทางเข้า-ออกรถยนต์ และทางเข้า-ออกของคนเดินเท้า อย่างชัดเจน ข้อดีคือทำให้การสัญจรภายในเป็นสัดส่วน คนเดินก็เดินง่าย คนขับรถก็ขับง่ายเช่นเดียวกันค่ะ สำหรับรถยนต์ตรงเข้ามาในอาคารหน่อยจะเป็นจุด Drop-Off เข้าสู่ Lobby ด้านใน และด้านข้างของทางเข้า Lobby นี้มีการวางผังไว้ให้เป็นยูนิตร้านค้าทั้งหมด 2 ร้านด้วยกันค่ะ แต่ยังไม่ได้กำหนดวางจะเป็นร้านค้าแบรนด์อะไรที่นำมาลงนะคะ ส่วนชั้นบนของ Lobby และร้านค้านั้น จะเป็นส่วน Fitness ซึ่งวิวที่ได้จาก Fitness นี้ก็จะเป็นวิวหน้าโครงการและส่วนบริเวณถนนรามคำแหง ไม่ได้หวือหวามาก เพียงแต่ภายในเค้าออกแบบให้เป็น Double Volume ก็จะดูโปร่งโล่ง โอ่อ่ามากขึ้น

    เลียบมาด้านข้างฝั่งทิศตะวันออก จะเห็นโซน Greenary Walk Way ที่ไม่ได้ทำเป็นเพียงทางเดินเท่านั้นนะคะ แต่มีการจัดพื้นที่ให้เป็นพื้นที่นั่งเล่น ด้วย บริเวณนี้ออกแบบให้เป็นแบบ Semi-Outdoor คือเป็นพื้นที่ที่อยู่ในร่มแต่ไม่ได้เป็นพื้นที่ปิด บริเวณนี้ได้ฝ้าเพดานยกสูงแบบ Double Volume เช่นกันค่ะ ต้องรอดูว่าเมื่อตึกเสร็จบริเวณนี้จะมีลมพัดผ่านดีไหม

    สำหรับโครงการที่มีการแยกอาคารจอดรถออกจากอาคารพักอาศัยนั้นก็จะมีข้อเสียในเรื่องของความสะดวกในการใช้งานจริงอยู่แล้ว เพราะต้องเดินไป-มาระหว่าง 2 อาคาร ซึ่งทางโครงการเองก็เห็นในความไม่สะดวกนี้จึงออกแบบสะพานเชื่อมเพื่อเพิ่มความสะดวกในการเดินไป-มาระหว่างอาคารของลูกบ้านให้มากขึ้น สามารถกันแดดกันฝนได้ระดับนึงค่ะ

     

    และฝั่งทิศตะวันตก ในชั้น 2 นั้นจะเป็นพื้นที่ส่วนกลางทั้งหมด ประกอบไปด้วย Swimming Pool in the Park หรือสระว่ายน้ำกลางแจ้งล้อมรอบไปด้วยพื้นที่สีเขียวขนาดกะทัดรัด ขนาดของสระอยู่ที่ 9 x 25 ม. เป็นความยาวแบบ Half Olympic สามารถใช้ว่ายน้ำออกกำลังกายได้จริง ระบบสระใช้เป็นระบบเกลือค่ะ สำหรับสระแบบกลางแจ้ง ทิศตะวันตกนี้ก็จะร้อนหน่อยในช่วงบ่ายเป็นต้นไปเพราะเป็นเวลาที่พระอาทิตย์ส่องมาทางนี้พอดี แต่ก็ยังดีที่มีบางส่วนได้ร่มเงาจากอาคารที่ล้อมรอบตัวสระอยู่บ้างค่ะ แต่ในช่วงเช้า-ก่อนเที่ยวนั้นจะดีหน่อยเพราะได้อาคารทั้งหมดเป็นร่มเงาให้

    ส่วนด้านข้างสระจัดเป็นส่วน Terrace ในสวน ฝั่งซ้าย (ของรูป) เป็นห้อง Fitness และฝั่งขวา (ของรูป) ด้านหลัง Terrace จะเป็นทางเข้าส่วน โถงลิฟต์โดยสารและ Living Area ด้านในโครงการค่ะ จริงๆ ในชั้นนี้ยังมี Facilities อีกนะ ก็คือส่วน Laundry และห้องน้ำแยกหญิง/ชาย รองรับลูกบ้านที่มาใช้งานในส่วนที่พักอาศัยค่ะ

    ภาพจำลองบรรยากาศภายในส่วน Visitor Lobby ออกแบบมาในรูปแบบ Double Volume Lobby เน้นกระจกทรงสูง และจัดชุดโซฟา เก้าอี้นั่งเล่นขนาดใหญ่ ดูสวยหรู ไว้สำหรับรองรับแขกของลูกบ้าน

    ภาพจำลองบรรยากาศโครงการ Co-working space & Living Space ที่มีขนาดพื้นที่ภายใน 210 ตร.ม. บรรยากาศภายในดูโปร่งโล่ง เพราะได้ฝ้าเพดานสูงและกระจกขนาดใหญ่ มองเห็นสวนภายนอก และการจัด Interior ภายในให้มีต้นไม้สีเขียวแซมเข้ามาด้วย เช่นการจัดโคมระย้าต้นไม้ เหมือนได้นั่งพักผ่อนหรือนั่งทำงานท่ามกลางพื้นที่สีเขียวดี ส่วนภายในจัดเฟอร์นิเจอร์ให้เป็นทั้งชุดโต๊ะเก้าอี้แบบนั่งคุยกันได้ และโซฟานั่งเล่นชิลๆ

    ภาพจำลองบรรยากาศโครงการ Co-kitchen & Co-pantry space เป็นครัวส่วนกลางในชั้น 1 ขนาดใหญ่ โดยจะเป็นครัวปิดถึง 3 ห้อง ภายในมีพร้อมระบบดูดกลิ่น ดูดควันให้เรียบร้อย เพื่อให้คุณสามารถทำอาหารได้เต็มที่ ซึ่งเหมาะกับคนที่ซื้อห้องแบบครัวเปิด ไม่เหมาะกับการทำอาหารเท่าไหร่ วันไหนอยากทำกับข้าวเองก็ลงมาทำที่พื้นที่ส่วนกลางได้

    ที่นี่มีการออกแบบ Grand Stair ขนาดใหญ่ทรงโค้งที่เชื่อมระหว่างชั้น 1 และชั้น 2 (ส่วน Facilities) ดูสวยงามและเป็นเอกลักษณ์ชัดเจน โดยรอบใช้กระจกทรงสูงทั้งหมดเพื่อเปิดรับมุมมองภายนอก และให้แสงสว่างเข้าได้เต็มที่

    ภาพบรรยากาศจำลองส่วน Swimming Pool in The Park ที่ใช้ขนาดสระความยาว Half Olympic 9 x 25 ม. ด้านข้างเป็นสวนสีเขียวรายล้อมให้ความเป็นส่วนตัวและดูสดชื่น ฝั่งด้านในอาคารจัดให้เป็นส่วน Terrace นั่งเล่นริมสระได้

    ชั้น 1 หรือ Master Plan ด้านหน้าเป็นอาคารพักอาศัย และด้านหลังเป็นอาคารจอดรถ โดยลักษณะการสัญจรรถจะเดินรถแบบเส้นทางเดียวคือเข้ามาแล้วอ้อมหลังอาคารพักอาศัยเข้าสู่อาคารจอดรถ และจากอาคารจอดรถออกมาก็สามารถตรงออกถนนหน้าโครงการได้เลย ซึ่งที่จอดรถทั้งหมดนับทั้งริมอาคารและภายในอาคารจอดรถมีทั้งหมด 46% รวมซ้อนคัน ถือว่าให้มามาตรฐาน คิดว่าน่าจะเพียงพอในการใช้งานเนื่องจากทำเลโครงการที่ใช้รถสาธารณะต่างๆ ค่อนข้างสะดวก และติดกับถนนใหญ่เลย รวมทั้งในอนาคตก็สามารถพึ่งพิงรถไฟฟ้าได้

    ส่วนภายในอาคารพักอาศัย เข้ามาเป็นส่วน Lobby ผ่าน Greenary Walk Way ที่เป็น Semi-Outdoor ติดกันนั้นจะเป็น Co-Working Space ขนาดใหญ่ และเข้าสู่อาคารอีกทีด้านหลัง เจอโถงลิฟต์โดยสารก่อน และด้านหลังสุดจะเป็น Co-Kitchen Spaceค่ะ

    ชั้น 2 ขึ้นมาจะเห็นว่าระหว่างอาคารมีสะพานเชื่อมกันอยู่นะคะ ใครจอดรถไว้ที่อาคารจอดรถก็ลงมาที่ชั้น 2 และเดินไปยังอาคารจอดรถได้ ในส่วนของ Facilities ชั้นนี้ ภายในอาคารจะมี Living Area และ Laundry ที่อยู่ติดกัน ตรงกลางเป็นพื้นที่กลางแจ้งและ Semi-Outdoor คือสระว่ายน้ำและสวนพร้อมพื้นที่นั่งเล่น และส่วนสวนนี้จะเชื่อมกับ Fitness ขนาดใหญ่ที่อยู่บริเวณหน้าโครงการค่ะ

    ชั้นพักอาศัยตั้งแต่ชั้น 3-23 นั้นเป็นชั้น Typical Floor Plan ลักษณะการวางอาคารเป็นรูปคล้ายตัว C กลับด้าน ข้อดีคือมีห้องฝั่งทิศเหนือที่ได้ Single Corridoor บางจุด และมีช่องเปิดส่วนโถงทางเดินค่อนข้างมาก ช่วยให้แสงเข้าสู่โถงได้ดี ประหยัดค่าไฟส่วนกลางที่ต้องเปิดไฟที่โถงในช่วงกลางวันได้บ้าง ส่วนจำนวนยูนิตต่อชั้นมีทั้งหมดประมาณ 30 ยูนิต/ชั้น และจำนวนลิฟต์โดยสารอยู่ที่ 4 ตัว คิดอัตราส่วนลิฟต์อยู่ที่ 170.5 : 1 ซึ่งถือว่ามีความหนาแน่นอยู่พอสมควรนะคะ ในส่วนของตำแหน่งลิฟต์จะวางค่อนมาทางฝั่งทิศใต้ ดังนั้นฝั่งทิศเหนือก็จะเดินไกลกว่าพอสมควรนะ

    ชั้น 24-25 จะมีจำนวนยูนิตน้อยลงมาหน่อยอยู่ที่ 26 ยูนิต/ชั้น ส่วนการจัดวางผังอื่นๆ เหมือนกับ Typical Floor Plan ชั้น 3-23 เลยค่ะ

    สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก

    • ชั้น 1

    • Lobby
    • Greenary Walk Way
    • Co-Working Space 350 ตร.ม.
    • Co-Kitchen Space

  • ชั้น 2
    • Swimming Pool in the Park ระบบคลอรีน ขนาด 9 x 25 เมตร
    • Fitness
    • Living Area
    • Garden
    • Laundry

  • Rooftop
    • Garden
    • Sky Jogging Track

  • ลิฟท์โดยสาร 4 ตัว/อาคาร
  • อัตราส่วนลิฟท์รวม 170.5 :  1
  • Service Lift 1 ตัว
  • ที่จอดรถประมาณ 243 คัน คิดเป็น 35% รวมซ้อนคันคิดเป็น 316 คัน คิดเป็น 46%
  • ระบบ CCTV / Access Card
  •  


    Product Walkthrough

    สำหรับ Product ของโครงการนี้มีแปลนห้องเหมือนกับโครงการ Knightsbridge ที่เปิดใหม่ทั้งหมด 4 โครงการด้วยกันนะคะ โดยจะมีจุดที่แตกต่างกันคือเฟอร์นิเจอร์ Built-in บางส่วนที่ไม่ได้ให้ หรือมีการจัดสรรการวางฟังก์ชันภายในที่ไม่เหมือนกันเท่านั้นค่ะ

    โดยจุดเด่นของห้องคือ ฝ้าเพดานที่สูงถึง 3 ม. ข้อดีของห้องฝ้าเพดานสูงนี้คือความโปร่งโล่งของตัวห้องที่มากขึ้น เมื่อเทียบกับห้องฝ้าเพดานสูงตามมาตรฐานทั่วไป ซึ่งมาจากปริมาตรของห้องที่มากขึ้นนั่นเองค่ะ ในส่วนของประเภทห้องพักอาศัยของโครงการนี้จะเน้นทำห้องขนาดกะทัดรัด โดยเริ่มที่ห้อง Studio ขนาด 22.2 ตร.ม. ไปจนถึงห้อง 2 Bedroom ซึ่งก็มีพื้นที่กะทัดรัดสำหรับห้อง 2 Bedroom เช่นกัน โดยมีพื้นที่ใช้สอยอยู่ที่ประมาณ 43.2-43.3 ตร.ม.

    สำหรับวันนี้จะพาไปชมห้องตัวอย่าง 2 แบบ คือห้อง Studio แบบ 22.2 ตร.ม. และห้อง 1 Bedroom Plus ขนาด 31 ตร.ม. โดยที่นี่จะเน้นขายห้องขนาดเล็กสุด หรือห้อง Studio เป็นหลัก ซึ่งจัดห้อง Type นี้มาให้ 318 ยูนิต ด้วยกัน ในส่วนรูปแบบการขายที่นี่ก็จะเหมือนกับอีก 3 Knightsbridge ที่เปิดใหม่ คือ ขายแบบ Fully Fitted ใช้เฟอร์นิเจอร์ Built-in ต่างๆ Spec เดียวกัน แต่จะมีบางชิ้นในบางแบบห้องที่ถูกตัดทอนเฟอร์นิเจอร์ไปหน่อย เนื่องจากราคาขายที่ถูกกว่าโครงการ Knightsbridge ที่อื่น

    ห้องแบบ Studio ขนาด 22 ตร.ม. มีขนาดพื้นที่ใช้สอยที่จัดมาได้ลงตัว ลักษณะห้องเป็นสไตล์หน้าแคบลึกและวางฟังก์ชันของพื้นที่ครัวและห้องน้ำให้อยู่ด้านหน้าห้อง (ในอาคาร) เพื่อให้พื้นที่ส่วนเตียงนอนและพื้นที่นั่งเล่นได้วิวและแสงจากภายนอกได้ดี ทำให้ห้องดูโปร่งโล่งขึ้นมามากกว่าการวางฟังก์ชันครัวและห้องน้ำอยู่ด้านนอก แลกมาประสิทธิภาพใช้งานครัวและห้องน้ำที่ลดลง เพราะครัวและห้องน้ำจะต้องพึ่งพาระบบระบายอากาศของตัวอาคารล้วนๆ แต่ถ้าให้เลือกเราก็เลือกการวางแปลนแบบนี้นะ เพราะส่วนใหญ่ก็มักใช้เวลาไปกับพื้นที่นั่งเล่นและพื้นที่เตียงนอนเป็นหลักอยู่แล้ว ส่วนครัวเค้าก็จัดออกมาได้เป็นสัดส่วน แม้ขนาดห้องไม่ได้ใหญ่มากแต่ก็ได้เป็นครัวปิดที่เหมาะกับการทำอาหารได้ดี แตกต่างจากห้อง Studio ปกติที่ไม่ได้กั้นประตูส่วนครัวมาให้ ในส่วนพื้นที่ห้องนอนถือว่าจัดมาให้ค่อนข้างใหญ่เมื่อเทียบกับขนาดพื้นที่ทั้งหมดในห้อง ดูกว้างขวางเดินได้รอบเตียง (5 ฟุต ตามห้องตัวอย่าง) ซึ่งดูเหมือนว่าแบบ 6 ฟุตก็ยังได้หากใครที่ต้องการนอนสบายมากขึ้น และมีมุมเล็กๆ ติดหต้าต่างที่สามารถวางโซฟา ทำเป็นมุมนั่งเล่นหรือจะจัดเป็นมุมทำงานก็ได้เช่นกัน ที่น่าเสียดายของแปลนนี้ก็คือไม่มีพื้นที่รับประทานอาหาร แบบวางโต๊ะเก้าอี้ได้เป็นสัดส่วน เนื่องจากขนาดของพื้นที่ใช้สอยที่มีไม่มาก ซึ่งหากใครที่ต้องการพื้นที่รับประทานอาหารจริงจัง ก็อาจจะวางเตียงขนาด 5 ฟุตและขยับเตียงไปใกล้กับโซฟามากขึ้นหน่อย เพื่อให้มีพื้นที่ด้านข้างเตียงอีกฝั่งสามารถวางโต๊ะรับประทานอาหารขนาดเล็กได้

    เริ่มต้นจากหน้าห้องนะคะ เข้ามาภายในจะเจอส่วนครัวก่อน ฝั่งขวาเป็น Pantry ฝั่งซ้ายเป็นห้องน้ำ และตรงไปด้านในจะเป็นโซนพักผ่อน ซึ่งประกอบไปด้วย เตียงนอน มุมโซฟานั่งเล่น และระเบียงค่ะ สำหรับพื้นที่ส่วนนี้จะเป็นครัวปิด ซึ่งเหมาะกับการทำงานอาหารได้ดีกว่าครัวแบบเปิดที่กลิ่นอาหารสามารถลอยไปทั่วห้องได้ ด้วยขนาดพื้นที่ใช้สอยที่จำกัดและห้องแบบหน้าแคบลึก ได้ครัวปิดแบบนี้ถือว่าค่อนข้างดีนะคะ

    ในส่วนบริเวณพื้นที่ครัวนี้จะปูด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้เพื่อให้ง่ายต่อการทำความสะอาด

    มาดูรายละเอียดส่วนของเคาน์เตอร์ครัวเป็นตำแหน่งแรก ขนาดเคาน์เตอร์พอเหมาะกับการใช้งานในคอนโดแบบ Studio เฟอร์นิเจอร์ที่ได้ก็จะมีชุดครัวที่เว้นตำแหน่งสำหรับวางตู้เย็นและเครื่องซักผ้าไว้ให้ โดยพวกเครื่องใช้ไฟฟ้าอย่างเครื่องซักผ้า, ไมโครเวฟ จะไม่ได้ให้มานะคะ

    ตู้ลอยสำหรับเก็บของด้านบนเป็นตู้บานเปิด 3 ตู้ ภายในแบ่งเป็นช่องเก็บของ ตัวบานพับเปิดปิดเป็นแบบ Soft Close เช่นเดียวกับตู้ใต้เคาน์เตอร์ครัว รวมถึงมีตู้ช่องโล่งสำหรับวางไมโครเวฟ พร้อมที่ตากจานด้วยค่ะ

    ที่ชอบคือเค้าดีไซน์ให้มีส่วนที่พักจานอยู่ชั้นบนบริเวณ Sink ล้างจานด้วย ซึ่งเป็นข้อดีมากๆ สำหรับห้องครัวที่มีพื้นที่ไม่มากนัก และมีขนาดความยาวของ Pantry ไม่มากพอที่จะวางที่พักจานด้านล่าง การออกแบบที่พักจานแบบนี้ก็ช่วยตอบโจทย์ปัญหาพื้นที่ที่จำกัดได้ดีค่ะ

    ส่วนผนังด้านหลังบริเวณ Pantry นั้นในห้องมาตรฐานจะได้เป็นผนังฉาบเรียบปกตินะคะ แต่แนะนำว่าควรกรุเป็นกระจกหรือกระเบื้องบริเวณด้านหลัง Pantry เพิ่มเติมเพื่อให้ง่ายต่อการทำความสะอาดและผนังไม่เป็นคราบด้วย

    ถัดไปเป็นซิงค์ล้างจานและก๊อกน้ำตามมตรฐานโครงการ มีขนาดพอจะใส่จานใส่แก้วได้ และมีความลึกพอสมควรที่จะล้างแล้วน้ำไม่กระเด็นออกมา

    เตาไฟฟ้าแบบ 2 หัวของ Hafele จะใช้อุ่นอาหารเล็กๆ น้อยๆ หรือ ทำอาหารทานกันในห้องก็ได้ มาพร้อมเครื่องดูดควันแบบหมุนเวียน

    เคาน์เตอร์ครัวด้านล่างมีตู้เก็บของเป็นตู้บานเปิดปิดและลิ้นชัก และตรงกลางเป็นที่วางเครื่องซักผ้า โดยขนาดของเครื่องซักผ้าที่วางได้พอดีคือ 8 kg. ค่ะมาดูส่วนบนของเคาน์เตอร์ครัวกันบ้าง ให้ช่องเคาน์เตอร์มา 3 ช่องนะคะ ช่องหนึ่งเป็นซิงค์ล้างจาน อีกช่องเป็นเตาไฟฟ้าพร้อมเครื่องดูดควัน อีกช่องเป็นเคาน์เตอร์โล่งไว้ให้เป็นพื้นที่เตรียมอาหาร Top เป็นหินสังเคราะห์ ส่วน Backsplash ด้านหลังจะไม่ได้ให้มาแบบห้องตัวอย่างเลยนะคะ ถ้าติดเพิ่มสักหน่อยเวลาปรุงอาหารแล้วกระเด็นก็สามารถเช็ดทำความสะอาดได้ง่าย

    ด้วยขนาดพื้นที่ใช้สอยไม่มากเลยมีทำลิ้นชักแบบที่เปิดออกเป็นแผ่นไม้เรียบๆ แบบนี้ เพื่อเพิ่มพื้นที่วางของ เตรียมอาหารต่างๆ ให้มากขึ้นได้ แต่ไม่สามารถเก็บของได้นะ เมื่อใช้เสร็จก็เลื่อนเก็บเท่านั้นค่ะ โดยรวมแล้วใช้งานง่ายดีแต่จะวางของหนักได้แค่ไหนอันนี้ต้องลองดู

    ฝั่งตรงข้ามชุดครัวเป็นประตูทางเข้าห้องน้ำแบบ Oversize ที่มีความสูงมากกว่าปกติ โดยสูงประมาณ 2.40 ม.

    บริเวณทางเข้ายกธรณีประตูขึ้นสูงเล็กน้อยกันน้ำไหลย้อน ภายในปูด้วยกระเบื้องเซรามิกสีเทามาตรฐาน แบ่งสัดส่วนการใช้งานชัดเจน โดยแยกเป็นโซนเปียกและแห้ง กั้นส่วนด้วยฉากกั้นกระจก

    ภายในห้องน้ำจัดฟังก์ชันมาครบทั้งส่วนเปียก ส่วนแห้ง ในส่วนของสุขภัณฑ์และอุปกรณ์ต่างๆ ที่ได้ ก็จะได้ครบตามอย่างห้องตัวอย่างเลย ผนังด้านหลังอ่างล้างหน้าติดกระจกไว้เป็นบานใหญ่กว้างเกือบเต็มผนัง ทำให้บรรยากาศภายในห้องน้ำดูโปร่ง

    อ่างล้างหน้าของ Cotto หรือเทียบเท่า มีขนาดพอสมควรกับการใช้งาน มีขอบอ่างสำหรับวางของได้นิดหน่อย ด้านล่างอ่างล้างมือมีช่องโล่งสำหรับวางของได้อีกเล็กน้อย

    โถสุขภัณฑ์แบบชิ้นเดียวของยี่ห้อ Cotto หรือเทียบเท่า พร้อมสายฉีดชำระและแกนใส่กระดาษทิชชู่ตามมาตรฐานโครงการ

    ต่อไปมาดูพื้นที่อาบน้ำกันบ้าง จะถูกกั้นด้วยฉากกั้นอาบน้ำเป็นกระจกนิรภัย ซึ่งเป็นแบบบานเปิดปิด มีมือจับสามารถจับเปิดได้สะดวก ช่วยกันไม่ให้น้ำจากพื้นที่ส่วนเปียกกระเด็นออกมาในพื้นที่ส่วนแห้งค่ะ

    ด้านหลังมือจับจะติด Door Stopper ไว้ให้กันกระแทก ส่วนขอบประตูกระจกทางโครงการเก็บรายละเอียดมาเรียบร้อย ด้วยการติดพลาสติกกันกระแทกตรงขอบประตูกระจก เพื่อป้องกันอุบัติเหตุค่ะ

    ประตูฉากกั้นที่ได้จะเป็นแบบเปิดออกนะคะ เนื่องจากทางโครงการตั้งใจออกแบบไว้ด้านนอกเพื่อความปลอดภัยของลูกบ้านเองเวลาเกิดอุบัติเหตุอะไรจะได้เข้าช่วยเหลือได้ ซึ่งก็แลกมากับเวลาเราอาบน้ำเสร็จหยดน้ำที่ติดกระจกก็อาจจะหยดออกมานอกพื้นที่แห้งได้เหมือนกัน วางพรมไว้มุมนี้หน่อยก็ดีค่ะ

    ภายในพื้นที่อาบน้ำก็มีการติดตั้งอุปกร์อาบน้ำไว้เรียบร้อย โดยจะได้ทั้งฝักบัวและ Rain Shower

    สำหรับฝักบัวสายอ่อนนั้นจะให้ตัววางแบบปรับระดับได้ด้วยนะ โดยกดปุ่มฝั่งตรงข้ามกับฝักบัวแล้วลากขึ้น-ลงให้เหมาะสมกับความสูงและความถนัดของเราได้เลยค่ะ

    ก่อนเข้าสู่พื้นที่ด้านในจะกั้นด้วยประตูบานเลื่อน 3 ตอน ซึ่งจะได้ประตูบานเลื่อนสูง 2.8 ม. ช่วยให้ตัวห้องดูโปร่งโล่งมากขึ้น พอหักลบกับความเป็นห้องหน้าแคบได้บ้าง และข้อดีของประตูบานเลื่อน 3 ตอน คือเวลาเปิดประตูแล้ว เราจะได้พื้นที่ทางเดินที่กว้างเดินได้ง่ายด้วยค่ะ

    พื้นในส่วนห้องนอนจะเป็นพื้นลามิเนต ซึ่งเหมาะกับการเดินด้วยเท้าเปล่ามากกว่ากระเบื้องแกรนิตโต้ ส่วนรางประตูด้านล่างนั้นถ้าทำให้เสมอกับพื้นจะเดินได้ง่ายไม่สะดวก

    ถัดมามาดูพื้นที่ภายในโซนพักผ่อนกันบ้าง จะเป็นโซนเตียงนอนเป็นหลัก และโซนทำงาน/นั่งเล่นเล็กๆ ที่อยู่ติดกับหน้าต่าง จะเรียกว่าเป็นห้องนอนขนาดใหญ่ ที่สามารถจัดพื้นที่นั่งเล่นเล็กๆ หรือพื้นที่ทำงานเล็กๆ ได้จะเหมาะกว่า เพราะพื้นที่ที่ติดระเบียงนั้นวางโซฟาได้จริงแต่ก็ไม่เหมาะกับดูทีวี (ที่ตั้งทีวีอยู่ปลายเตียง) ด้วยความที่ได้พื้นที่มาค่อนข้างจำกัดทำให้ไม่สามารถแบ่งโซนได้เป็นสัดส่วนชัดเจน รูปแบบจึงออกมาเป็นห้อง Studio แต่เมื่อเข้าไปในห้องขนาดเล็กและเป็นห้องหน้าแคบด้วยก็ไม่ได้ให้ความรู้สึกว่าแคบ อึดอัดนะ กลับรู้สึกโปร่งโล่งพอสมควรเลย ซึ่งเหตุผลมาจาก ฝ้าเพดานที่สูงถึง 3 ม. จึงได้ปริมาตรของห้องที่มากขึ้น ประกอบกับมีช่องเปิดมาจากส่วนระเบียงและหน้าต่าง ทำให้แสงธรรมชาติเข้ามาได้ค่อนข้างดี แต่จะดีกว่านี้ขึ้นเยอะถ้าได้กระจกแบบสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดานเลย จะได้บรรยากาศที่โปร่งโล่งแท้จริง สมกับที่ตั้งใจให้ฝ้าเพดานสูง 3 ม.

    สำหรับพื้นที่ภายในนี้สามารถวางเตียงขนาด 5-6 ฟุตได้ค่ะ หากใครวางเตียงขนาด 5 ฟุตก็จะมีพื้นที่เหลือรอบเตียงมากหน่อย สามารถเดินได้สะดวก

    พื้นที่รอบเตียงสำหรับใครที่เลือกวางเตียงแบบ 5 ฟุต ถือว่ามีพื้นที่ให้เดินพอสมควร เดินได้ง่ายค่ะ

    มาดูชั้นวางทีวีกันจะได้ Built-in เป็นตู้ยาวเป็นชิ้นเดียวกับโต๊ะเครื่องแป้งด้วยหรือจะใช้เป็นโต๊ะเขียนหนังสือก็ได้ วัสดุเป็นตู้ไม้ลามิเนตเช่นเดียวกับเคาน์เตอร์ครัว ลายไม้เก็บขอบด้วยสีทองตามแบบในห้องตัวอย่าง

    ชั้นวางทีวีที่ได้ภายในจะแบ่งเป็นช่องใส่ของไว้หลายช่อง มีทั้งที่เป็นบานปิดและแบบตู้ช่องโล่ง

    ติดกันกับโต๊ะเครื่องแป้งเป็นตู้เสื้อผ้าที่ทางโครงการจะ Built-in ไว้ให้ สูงเกือบถึงฝ้าเพดานเลย ทำให้สามารถใช้พื้นที่ของห้องได้เต็มความสูง ตัวตู้เป็นแบบบานเปิด มีบางตู้ที่ได้เป็นบานกระจกให้สามารถส่องได้แบบเต็มตัว ภายในตู้จะแบ่งช่องออกเป็นพื้นที่แขวนเสื้อทั้งตัวยาวตัวสั้น ด้านบนแบ่งเป็นชั้นวางของไว้เก็บพวกเครื่องนอนหรือของใช้ที่อาจจะไม่ได้หยิบใช้บ่อยๆ

    ถัดเข้ามายังพื้นที่ข้างเตียงฝั่งที่ติดกับหน้าต่างจะมีมุมพื้นที่ใช้สอยเล็กๆ ซึ่งห้องจริงจะไม่ได้ให้โซฟามานะคะเป็นพื้นที่โล่งๆ จึงสามารถปรับเป็นมุมนั่งเล่นเหมือนในห้องตัวอย่างหรือจะวางโต๊ะทำงานขนาดเล็กก็ได้แล้วแต่ไลฟ์สไตล์ของผู้อยู่อาศัยเลยค่ะ ส่วนมุมโซฟาก็จะได้ติดกับหน้าต่างแบบนี้เลยนะคะ เป็นหน้าต่างบาน Fix ผสมบานกระทุ้ง ทำให้สามารถชมวิวได้จากมุมนี้และยังเปิดหน้าต่างระบายอากาศภายในห้องได้ด้วย

    สำหรับพื้นที่มุมนี้ถือว่าได้มาพอสมควร สามารถวางโซฟาขนาด Love Seat หรือ 2 ที่นั่งได้กำลังดี

    ติดกับพื้นที่นั่งเล่นนั้นจะเป็นส่วนของระเบียงห้องค่ะ ทางเดินเข้า-ออกเล็กมาก ประตูส่วนระเบียงนี้จะเป็นแบบ 3 ตอนนะคะ เพื่อให้เปิดได้กว้างมากขึ้น

    พื้นระเบียงปูด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้แบบผิวด้านกันลื่น ซึ่งทำให้ทำความสะอาดง่าย มีขนาด 1.2 x 0.6 ม. เป็นพื้นที่ไว้สำหรับวางราวตากผ้าขนาดเล็ก หรือตั้งต้นไม้กระถางได้ ด้านนอกจะได้ราวระเบียงเป็นราวเหล็กพ่นสีดำ

    คอมเพลสเซอร์แอร์จะแขวนอยู่ด้านบนและปล่อยลมร้อนออกนอกอาคาร ทำให้ความร้อนไม่สะสมอยู่ที่ระเบียง จึงสามารถใช้พื้นที่ระเบียงได้เต็มที่ ส่วนด้านข้างผนังติดดวงโคมให้เรียบร้อย

    ห้องตัวอย่างอีกห้องหนึ่งเป็นแบบ 1 Bedroom Plus ขนาด 31 ตร.ม. คือเป็นห้องแบบ 1 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ และ 1 ห้องเอนกประสงค์ มีขนาดพื้นที่ใช้สอยมากขึ้นมาจากห้องแรก แต่ห้องนี้จะไม่ได้ครัวปิดเหมือนแบบที่แล้วจึงเหมาะกับคนที่ไม่ได้ชอบทำครัวหนักๆ แต่จะได้ห้องอเนกประสงค์เพิ่มมาอีก 1 ห้อง ซึ่งสามารถที่จะจัดเป็นห้องนอนเล็ก, ห้องทำงานหรือห้องแต่งตัว ก็แล้วแต่ไลฟ์สไตล์ของผู้อยู่อาศัยเลยค่ะ

    ส่วนแรกจากทางเข้าคือห้องนั่งเล่นและพื้นที่รับประทานอาหาร (ใช้พื้นที่เดียวกัน) ซึ่งห้องนี้จะมีความกว้างที่มากกว่าห้องแรก ทำให้บรรยากาศดูโล่งขึ้น ส่วนด้านในเป็นประตูกระจกบานเลื่อนกั้นห้องนอน พื้นห้องได้ลามิเนตหนา 12 มม. ผนังฉาบเรียบทาสีขาวเช่นเดียวกับห้องแรก สำหรับเฟอร์นิเจอร์ได้แบบ Fully Fitted จะได้ชิ้นไหนบ้าง เดี๋ยวก็จะบอกเป็นชิ้นๆ ไปนะคะ

    ในส่วนของห้องนั่งเล่นมีพื้นที่วางโซฟาขนาด 2-3 ที่นั่ง พร้อมชั้นวางทีวีที่ได้มาเป็นแบบตู้ลอย ซึ่งทางโครงการจะ Built-in มาให้เฉพาะตู้ ส่วนเฟอร์นิเจอร์ลอยตัวอย่างโซฟาจะไม่ได้ให้มาด้วย ทางเจ้าของห้องก็สามารถเลือกเก้าอี้แบบที่ชอบได้เลย

    ระยะดูทีวีของห้องนี้มีความกว้างอยู่ที่ประมาณ 2.5 เมตร จึงสามารถติดทีวีที่มีขนาดใหญ่ได้ถึง 55 นิ้วเลย

    ขนาดของโซฟาถ้าวางแบบ Love Seat หรือ 2 ที่นั่งก็จะกำลังดีกับขนาดพื้นที่ค่ะ

    หน้าตาของตู้ Built-in ที่ได้จะเป็นเซตชั้นวางทีวีกับตู้ใส่รองเท้า วัสดุเป็นตู้ไม้ลามิเนตตกแต่งด้วยขอบสีทองเหมือนกับตู้ในห้องแบบแรก

    สำหรับตู้ Built-in นั้นจะ Built ให้สูงจากพื้นถึงฝ้าเลยค่ะ โดยด้านล่างเป็นชั้นวางรองเท้า ส่วนด้านบนเป็นชั้นวางของใช้ต่างๆ ได้

    ชั้นวางทีวีที่ได้ทำออกมามาตรฐานคือมีช่องเก็บของตรงกลาง ไว้วางเครื่องเล่นต่างๆ ได้ หรือจะวางของจุกจิกก็ได้เช่นกัน ส่วน 2 ฝั่งด้านข้างเป็นช่องเก็บของมีบานเปิด-ปิดเรียบร้อย

    ถัดมาเป็นพื้นที่รับประทานอาหาร ซึ่งบริเวณนี้จะมีจุดสำหรับให้วางตู้เย็นด้วยนะคะ โดยพื้นที่นี้สามารถรองรับโต๊ะรับประทานอาหารและเก้าอี้ได้ประมาณ 2 ที่นั่งจะกำลังดีสุด ไม่เบียดเกินไปค่ะ สำหรับชุดรับประทานอาหารนี้ทางโครงการไม่ได้มีให้นะคะ

    จริงๆ ห้อง Type นี้ถ้าเป็นโครงการ Knightsbridge อีก 3 โครงการใหม่จะได้ส่วน Built-in บริเวณนี้ด้วย แต่ที่นี่จะไม่ได้ให้มานะคะ ซึ่งเป็นไปตามราคาขายที่ถูกกว่าอีก 3 โครงการ

    ถัดมาด้านในเป็นจะกั้นด้วยประตูบานเลื่อนกระจกทรงสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดาน ซึ่งประกอบไปด้วยห้องนอนและห้องอเนกประสงค์ค่ะ เลี้ยวมาฝั่งซ้ายจะเป็นส่วนห้องน้ำ เดี๋ยวเราไปดูห้องน้ำกันก่อนนะคะ

    เลี้ยวมาแล้วสุดทางเดินจะเป็นส่วนพื้นที่ครัวซึ่งลักษณะจะเป็นครัวเปิดและจะได้เคาน์เตอร์ครัวตามแบบในห้องตัวอย่างนี้เลย มีขนาดเล็กกว่าห้องแบบ Studio นะคะ ถ้าเทียบแล้วห้อง Studio เหมาะกับการทำอาหารมากกว่าห้องนี้นะ ทั้งขนาดของ Pantry และครัวแบบปิด แต่ Spec วัสดุทั้งหมดได้เหมือนกัน

    ส่วนห้องทางขวาเป็นห้องอเนกประสงค์ ส่วนฝั่งซ้ายเป็นห้องน้ำค่ะ

    ภายในห้องน้ำจัดฟังก์ชันมาครบทั้งส่วนเปียก ส่วนแห้ง และติดตั้งสุขภัณฑ์และอุปกรณ์ต่างๆ ไว้เรียบร้อย หลักๆ จะได้ยี่ห้อ Cotto เหมือนกับห้อง Studio แต่มีขนาดใหญ่กว่าหน่อย

    มาที่ส่วนห้องนอนกันบ้างนะคะ ภายในห้องนอนจัดวางเตียงขนาดใหญ่ไว้ชิดหน้าต่าง ทำให้เหลือพื้นที่ข้างเตียงอีกฝั่งหนึ่งสำหรับ Built-in ตู้เสื้อผ้า ส่วนช่องแสงภายในห้องเหมือนห้องที่แล้วเป๊ะ คือเป็นแบบบาน Fix ผสมบานกระทุ้ง สำหรับรับลมและระบายอากาศได้ แต่น่าเสียดายที่น่าจะได้หน้าต่างบานใหญ่พิเศษให้เข้ากับความสูงฝ้าเพดานที่สูงถึง 3 ม.

    บริเวณหน้าห้องมีพื้นที่ค่อนข้างมาก เป็นพื้นที่สำหรับเปิด-ปิดตู้เสื้อผ้าสะดวกและจะเดินไปเตียงก็เดินได้ง่ายเลย

    ตู้เสื้อผ้าที่ได้มาจะเป็นตู้ Built-in สูงถึงฝ้าเพดานเหมือนกับห้องแรกที่พาไปชมเลย ภายในก็เหมือนๆ กัน

    เตียงที่เหมาะกับพื้นที่ห้องจริงๆ จะวาง 5 หรือ 6 ฟุตก็ได้เช่นกัน อย่างห้องตัวอย่างเลือกวาง 5 ฟุต ก็จะได้พื้นที่ข้างเตียงสำหรับวางโต๊ะข้างเตียงได้

    มาดูที่สุดท้ายเป็นห้องอเนกประสงค์ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามห้องน้ำ ประตูจะได้เป็นบานเลื่อนแบบ 3 ตอน ภายในมีพื้นที่ให้สามารถจัดเป็นห้องนอนเล็กๆ ได้ หรือจะจัดเป็นห้องทำงาน ห้องนั่งเล่น ก็แล้วแต่ไลฟ์สไตล์ของผู้อยู่อาศัยเลย ห้องนี้จะได้เป็นห้องโล่งๆ ไม่มีเฟอร์นิเจอร์นะคะ

    พื้นที่ในห้องนี้มีขนาดประมาณ 1.75 x 2.15 ม. ซึ่งใครเลือกจะวางเป็นห้องนอนนั้นจะเป็นห้องนอนที่ค่อนข้างเล็กหน่อยนะ แต่สามารถวางเตียงแบบ Single Bed ได้พอดี ซึ่งก็ถือว่าจะทำเป็นห้องนอนก็ยังทำได้ค่ะ

    ด้านในสุดเป็นประตูบานเลื่อนแบบ 3 ตอน สำหรับเปิดออกไปยังระเบียงด้านนอก

    โดยพื้นที่ระเบียงมีขนาดประมาณ 1 x 1.75 ม. จึงมีพื้นที่พอให้วางเครื่องซักผ้าขนาด 7.5 – 8 kg. และราวตากผ้าได้ ส่วนพื้นปูด้วยกระเบื้องเซรามิก ช่วยกันลื่นได้ดีกว่ากระเบื้องทั่วไปค่ะ

    ด้านข้างเป็นที่วาง Compressor แอร์ 3 ตัว แบบแขวนผนัง โดย Compressor จะเป่าลมร้อนเข้าพื้นที่ระเบียงเต็มๆ ต้องรอดูว่าจะมี Grill ปรับทิศทางลมร้อนให้ระบายออกด้านนอกให้ไหม

    **รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ

     

    ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 3 September 2017

    • 1 Bedroom ขนาดพื้นที่ใช้สอย 22.2 – 22.9 ตร.ม. ราคา 1.89 – 2.68 ล้านบาท หรือประมาณ 85,135 – 117,030 บาท/ตร.ม.
    • 1 Bedroom Exclusive ขนาดพื้นที่ใช้สอย 26.4 ตร.ม. ราคา 2.48 – 3.11 ล้านบาท หรือประมาณ 93,939 – 117,803 บาท/ตร.ม.
    • 1 Bedroom Plus ขนาดพื้นที่ใช้สอย 31.4 – 32.5 ตร.ม. ราคา 2.82 – 3.65 ล้านบาท หรือประมาณ 89,808 – 112,307 บาท/ตร.ม.
    • 2 Bedroom ขนาดพื้นที่ใช้สอย 43.2 – 43.3 ตร.ม. ราคา 4.01 – 4.97 ล้านบาท หรือประมาณ 92,824 – 114,780 บาท/ตร.ม.

    • Fully Fitted
    • ฝ้าเพดานสูง 3 เมตร
    • Kitchen & Sink
    • Hob & Hood
    • ค่ากองทุน 500 บาท/ตร.ม.
    • ค่าส่วนกลาง 45 บาท/ตร.ม./เดือน
    • โปรโมชั่น

    • ต่อที่ 1 : ลงทะเบียนใน Website รับส่วนลดพิเศษมูลค่า 100,000 บาท
    • ต่อที่ 2 : เฟอร์นิเจอร์ตกแต่งครบ, ชุดครัว+ซิงค์, เครื่องปรับอากาศ

  • Update @ 3 May 2018  
    • ต่อที่ 1 : ลงทะเบียนใน Website รับส่วนลดสูงสุด 200,000 บาท
    • ต่อที่ 2 : เฟอร์นิเจอร์ตกแต่งครบ, ชุดครัว+ซิงค์, เครื่องปรับอากาศ

    **ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ครับ


    เจาะลึกรวบยอด

    โครงการ Knightsbridge Collage รามคำแหง จัดเป็นโครงการระดับที่สูงขึ้นมาจากโครงการในละแวกส่วนใหญ่ที่จัดอยู่ในเกรด Economy Class ซึ่งตัวโครงการนี้ตอบโจทย์กลุ่มคนในย่านที่มีกำลังทรัพย์ขึ้นมา ต้องการคอนโดที่ไม่ใช่เพียงอยู่อาศัยแต่เรื่องรูปลักษณ์ และ Facilities ที่สวยงามก็เป็นสิ่งที่คำนึงถึงเช่นกัน นอกจากนี้ยังรวมไปถึงกลุ่มคนที่อาศัยหรือทำงานในย่านรามคำแหงช่วงกลาง-ปลาย, ศรีนครินทร์ตอนต้น และลาดพร้าวตอนปลายที่ต้องการอยู่ติดถนนรามคำแหง และคาดหวังการใช้รถไฟฟ้าสายสีส้มในอนาคต เพื่อการเดินทางไปไหนมาไหนที่สะดวก

    ทำเล – โครงการนี้จัดว่าอยู่ในทำเลที่มีความคึกคักระดับนึง เพราะอยู่ระหว่างศูนย์กลางความเจริญระหว่างโซนหน้า-หลังม.รามที่เป็นแหล่งที่อยู่อาศัยและการค้าขนาดใหญ่จุดหนึ่งของรามคำแหงเลย และอีกโซนคือช่วงลาดพร้าวตอนปลายบริเวณเดอะมอลล์บางกะปิก็เป็นอึกจุดที่คึกคักมากเช่นกัน จะเรียกรถไป 2 โซนนี้ไม่ยากและไม่ไกลค่ะ ส่วนใกล้ๆ โครงการเองก็มีของกินในระยะเดินได้ทั้งร้านอาหาร และร้านรถเข็นต่างๆ เพราะอยู่ใกล้กับโรงพยาบาลดังในย่านอย่างโรงพยาบาลรามคำแหง ห่างไปเพียง 400 ม. เท่านั้น ตัวโครงการเองจึงตอบโจทย์คนที่ทำงานโรงพยาบาลหรือต้องการอยู่ใกล้โรงพยาบาลอุ่นใจเช่นกันนะ

    การเดินทางโดยใช้รถ – ถือว่าสะดวกมาก มีตัวเลือกในการเดินทางได้หลากหลายดี และติดถนนใหญ่รามคำแหง ติดซอยรามคำแหง 42 ที่ไปทะลุออกซอยรามคำแหง 24 หลังรามและศรีนครินทร์ได้ ส่วนที่จอดรถให้มา 46% รวมซ้อนก็ถือว่าอยู่ในระดับมาตรฐาน น่าจะเพียงพอเพราะมีตัวเลือกอื่นๆ ในการเดินทางได้สะดวกพอสมควร

    การเดินทางโดยไม่ใช้รถ – สะดวกเช่นกัน ด้วยความที่ตัวโครงการอยู่ติดถนนใหญ่จะเรียกรถแท็กซี่ รอรถเมล์ รถตู้ สองแถวหรือพี่วินมอเตอร์ไซค์ก็ง่าย ไม่เปลี่ยวด้วยค่ะ ที่สำคัญในอนาคตก็จะมีรถไฟฟ้าสายสีส้มผ่าน ซึ่งตัวสถานีที่ใกล้ที่สุดคือสถานีหัวหมาก อยู่บริเวณหน้าโรงพยาบาลรามคำแหง ห่างจากโครงการประมาณ 100 ม. ก็จะเป็นอีกตัวเลือกในการเดินทางนึงของลูกบ้านเช่นกัน แต่ต้องรอยาวนานหน่อยนะคะกว่าจะได้ใช้จริง

    การออกแบบ – รูปแบบโครงการออกมาค่อนข้างสวยและมีเอกลักษณ์ เป็นสไตล์ Modern English ชัดเจนและแตกต่างจากโครงการอื่นๆ ในละแวก ค่อนข้างโดดเด่นพอสมควร ซึ่งใครที่ชอบซื้อรสนิยมหรือชอบสไตล์แบบนี้ก็น่าจะชอบค่ะ ส่วนในเรื่องของการวางผังต่างๆ และอาคารที่แยกเป็น 2 อาคาร พักอาศัยและจอดรถนั้นในแง่ของการใช้งานจริงอาจจะไม่สะดวกเท่ากับคอนโดที่วางชั้นจอดรถไว้ด้านล่างเลย แต่ทางโครงการก็ได้ออกแบบให้มีสะพานเชื่อมแบบกันแดดกันฝนได้ เชื่อมระหว่าง 2 อาคารด้วยกันเพื่อให้ลูกบ้านมีความสะดวกในใช้งานมากขึ้น ส่วนเรื่องความหนาแน่นถือว่ามีพอสมควรนะ อัตราส่วนลิฟต์อยู่ที่ 170.5 : 1 และจำนวนยูนิตต่อชั้นสูงสุดที่ 30 ยูนิต

    ส่วนชั้น Facilities หลักของโครงการที่อยู่บนชั้น 2 นั้นเรามองว่าเสียโอกาสในเรื่องของวิวส่วน Facilities ที่ได้มุมสูงไป ทั้งๆ ที่วิวฝั่งทิศตะวันตกนั้นเปิดโล่งสามารถใช้พื้นที่ส่วนกลางและมองวิวระยะไกลได้ แต่เมื่อวางอยู่ชั้น 2 นั้นเลยค่อนข้างเสียดาย เพราะอาคารข้างเคียงก็มีความสูงอยู่ที่ 8-10 ชั้น ซึ่งบังวิวระยะไกลไป รวมทั้งสามารถใช้พื้นที่ส่วนกลางเราเป็นวิวได้เช่นกัน ก็จะเสียความเป็นส่วนตัวไปบ้าง

    สำหรับห้องพักอาศัยที่นี่จะมีขายเป็นห้อง Studio ไปจนถึงห้อง 2 Bedroom ขนาดพื้นที่ใช้สอย 22.2 – 43.3 ตร.ม. เน้นเป็นห้องขนาดเล็กเป็นหลัก จุดเด่นของภายในห้องพักอาศัยจะเป็นฝ้าเพดานที่ได้สูงถึง 3 ม. ทำให้ภายในตัวห้องดูโปร่งโล่งมากกว่าห้องที่ฝ้าเพดานสูงมาตรฐาน เนื่องจากได้ปริมาตรภายในห้องที่มากกว่า แต่แอบน่าเสียดายตรงที่น่าจะได้หน้าต่างกระจกที่สูงจากพื้นถึงฝ้าเพดาน จะได้บรรยากาศที่โปร่งโล่งแทนจริง สมกับที่ตั้งใจให้ฝ้าเพดานสูง 3 ม. มา

    ห้อง Studio แปลนภายในจัดมาได้ลงตัวดี เป็นห้องที่มีขนาดพื้นที่ใช้สอยไม่มาก แต่สามารถจัดฟังก์ชันให้ได้ครัวปิด เพื่อสามารถทำอาหารได้จริง ส่วนห้อง 1 Bedroom Plus จะเหมาะกับคนที่ต้องการห้องทำงานหรือห้องอเนกประสงค์เพิ่มขึ้นมาอีกห้องนึง มากกว่าอยากได้ 2 ห้องนอนนะคะ ถ้ามองหา 2 ห้องนอนเลือกห้องแบบ 2 Bedroom เลยจะเหมาะกว่า และครัวห้องนี้ถูกดันออกไปอยู่ด้านนอกมีขนาดเล็ก ไม่เหมาะกับการทำอาหารเท่าไหร่นัก เน้นทำอาหารง่ายๆ หรือซื้อมากินมากกว่าเลย เพราะชุดครัวขนาดเล็กกว่า Studio และเป็นครัวเปิด ซึ่งใครเลือกห้องนี้เหมาะมากที่จะลงไปทำอาคารที่ Co-Kitchen Space ที่ทางโครงการจัดไว้ให้

    วัสดุ – ให้มาแบบ Fully Fitted ในเสป็คที่มาตรฐาน เป็น Furniture Built-in บานเปิดปิดผิวลามิเนต และ Soft Close ส่วนชุดครัวใช้ท็อปเป็นหินสังเคราะห์ มี Sink และ Hob & Hood มาพร้อม พื้นห้องใช้ลามิเนต พื้นระเบียง ห้องน้ำใช้กระเบื้องเซรามิกมาตรฐาน ส่วนสุขภัณฑ์ทั้งหมดจาก Cotto ค่ะ

    สาธารณูปโภค – มีหลากหลายดีค่ะ น่าสนใจและดูจาก Perspective ก็ดูสวยงามของจริงถ้าได้แบบใน Perspective จะน่าใช้งานมาก รวมไปถึงพื้นที่ส่วนกลางก็ให้มาพอสมควร เพียงพอกับการใช้งานดี เสียดายแค่ตรงชั้น Facilities อยู่ชั้นเตี้ยไปหน่อย

     

    Judgement

    การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้

    ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%

    เทียบกับราคา 99,000 บาท/ตร.ม., 3 September 2017

    • ทำเล 8/10 – คึกคักหาของกินง่าย อยู่ไม่ไกลจากโซนคึกคักใหญ่ๆ ทั้ง 2 โซนของย่านรามคำแหง
    • เดินทางด้วยรถ 8/10 – ติดถนนใหญ่ ติดซอยลัดไปออกถนนอื่นๆ ได้หลากหลาย
    • ไม่ใช้รถ 8.5/10 – เรียกรถง่าย มีรถผ่านหลากหลาย และในอนาคตอยู่ใกล้รถไฟฟ้า
    • วัสดุ 7/10 – มาตรฐาน ทั้งคุณภาพและปริมาณ
    • แบบ 7.5/10 – การออกแบบโครงการทำออกมามาตรฐานโอเค ส่วนตัวห้องก็จัดเป็นสัดส่วนการใช้งานได้จริง แต่ แต่ละ Type จะมีความแตกต่างในการใช้งานค่อนข้างชัดเจน ซึ่งผู้ซื้อต้องเช็คไลฟ์สไตล์และตอบได้ว่าตัวเองให้ความสำคัญกับฟังก์ชันไหนเป็นหลัก
    • สาธารณูปโภค 7.5/10 – ให้มาเยอะและหลากหลายดี ดูน่าใช้งาน หักที่น่าจะได้ชั้นสูงกว่านี้เพื่อได้วิวมุมสูง

    • MAIN CLASS
    • 7.83 / 10.00

    BOTTOM LINE

    โครงการ Knightsbridge Collage รามคำแหง เหมาะกับคนที่อยู่หรือทำงานในย่านบางกะปิ-รามคำแหงช่วงกลางถึงปลาย ต้องการคอนโดที่มีความสวยงาม รูปลักษณ์ที่เป็นเอกลักษณ์  ทำเลใกล้รถไฟฟ้าในอนาคต ติดถนนใหญ่รามคำแหง ชอบใช้ Facilities หลากหลาย มีงบประมาณตั้งแต่ 1.89 – 4.97 ล้านบาท หรือมีกำลังผ่อนต่อเดือนประมาณ 13,000 – 40,000 บาท