รีวิวฉบับที่ 1118… สวัสดีค่ะ วันนี้จะพาไปทัวร์เกาะรั้ว ม.เกษตร กับโครงการ Kensington Kaset Campus ซึ่งเป็นรุ่นน้องของ Kensington พหล-เกษตร จากพี่ Origin เค้า โครงการนี้เรียกได้ว่าเป็นคอนโดแรกที่บุกเบิกพื้นที่บนถนนตัดใหม่ที่เชื่อมระหว่างถนนวิภาวดีและถนนพหลโยธิน เพราะถนนเส้นนี้เพิ่งสร้างเสร็จได้ไม่นานและอนาคตจะมีการขยายออกเป็น 4 เลนทำให้การเดินทางสะดวกขึ้น จุดน่าสนใจคือโครงการนี้เป็นที่ดินติดรั้ว ม.เกษตรผืนเดียวบนถนนตัดใหม่เส้นนี้ที่สามารถสร้างคอนโดได้ ส่วนหน้าตาโครงการจะเป็นอย่างไร ไปดูพร้อมๆกันเลยค่ะ 🙂
Fact @ 1 July 2016
- Kensington Kaset Campus (เคนซิงตัน เกษตร แคมปัส)
- บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน)
- MAIN CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
- โครงการตั้งอยู่ในเขต : ถนนตัดใหม่ (พหลโยธิน-วิภาวดี) เขตจตุจักร กทม.
- คอนโด High Rise 15 ชั้น 448 ยูนิต ร้านค้า 3 ยูนิต
- ที่จอดรถประมาณ 160 คันคิดเป็น 36% รวม จอดซ้อนคัน คิดเป็น 50%
- ที่ดินประมาณ 4-0-85 ไร่
- เริ่มก่อสร้าง : Q1 2560
- คาดว่าจะแล้วเสร็จ : Q3 2561
- Studio 23.5 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 1.69 ล้านบาท
- 1 Bedroom 24.4-30.7 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น n/a ล้านบาท
- 2 Bedrooms 42-48.8 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น n/a ล้านบาท
- ฝ้าเพดานสูง 2.4 เมตร
- ราคาห้องเริ่มต้น 1.69 ล้านบาท
- ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรเริ่มต้น 71,914 บาท
- เวปไซต์ลงทะเบียน : คลิกที่นี่
- โทร : 062-602-9000
เพียงแค่การกด Like ก็เท่ากับการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจาก Think of Living แล้วค่ะ
สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างนะ
พิกัด :13.856788, 100.576678
โครงการตั้งอยู่บนถนนตัดใหม่ (พหลโยธิน-วิภาวดี) ติดกับรั้ว ม.เกษตร สามารถเชื่อมต่อไปยังรถไฟฟ้าสายสีแดงสถานีบางเขนและสถานีทุ่งสองห้อง บนถนนวิภาวดี รวมทั้งรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายช่วงห้าแยกลาดพร้าว-คูคต สถานีบางบัว บนถนนพหลโยธินได้
ก่อนอื่นต้องขอเล่าเท้าความสักนิดก่อนว่า ตัวโครงการเองตั้งอยู่บนถนนตัดใหม่ ที่เชื่อมระหว่างถนนพหลโยธินและถนนวิภาวดี ซึ่งถนนเส้นนี้อยู่เลียบรั้ว ม.เกษตร ด้วย หากใครเข้าไปดูในแผนที่จาก google ตอนนี้จะยังไม่ถูกอัพเดทด้วยซ้ำนะคะเพราะถนนเพิ่งเสร็จแบบร้อนๆกันมาเลยทีเดียว โดยถนนเส้นนี้เป็นถนน 2 เลน ตัดใหม่จากถนนวิภาวดีขาเข้า บริเวณข้างๆยาคูลท์ ยกระดับข้ามคลองบางบัวประมาณ 500 เมตร ลัดเลาะไปตามแนวคลองบางบัวและเลียบรั้ว ม.เกษตร ไปทะลุยังถนนพหลโยธินขาออกช่วงซอย 49/1 (ซอยการเคหะบางบัว) มีระยะทางทั้งสิ้น 3 กิโลเมตร โดยจุดมุ่งหมายของการสร้างถนนเส้นนี้ก็เพื่อจะเป็นทางลัดช่วยบรรเทารถติดบนถนนพหลโยธินและวิภาวดี ซึ่งขณะนี้กำลังมีการก่อสร้างรถไฟฟ้ากันอยู่
ทำเลของโครงการนี้จึงเป็นทำเลที่ค่อนข้างพิเศษ ถนนเส้นนี้เองอนาคตจะมีการพัฒนาเป็น 4 เลน ในขณะที่สองฝั่งของถนนทางขวามือเป็นที่ดินริมคลองบางบัว ซึ่งมีพื้นที่น้อย พัฒนายาก กับอีกฝั่งทางซ้ายมือของถนนตัดใหม่เป็นพื้นที่ราชการ และพื้นที่ ม.เกษตร ซึ่งเป็นที่ดินของรัฐ โดย Kensington Kaset Campus เป็นที่ดินติดรั้ว ม.เกษตรแปลงเดียวที่สร้างเป็นอาคารพักอาศัยได้ นอกนั้นเป็นพื้นที่ราชการทั้งหมด ยกเว้นที่ดินช่วงต้นซอยพหลโยธิน 49/1 ที่เป็นที่ดินเอกชน สามารถพัฒนาต่อได้ แต่ก็เลยรั้ว ม.เกษตรไปแล้วค่ะ
เพิ่มเติมข้อมูลทำเล : รายการเกาะกระแสอสังหาโครงการ Kensington Kaset Campus
หากดูจากแผนที่จะเห็นว่าคอนโดส่วนใหญ่ (ตัวหนังสือสีส้ม)จะอยู่ฝั่งตรงข้าม ม.เกษตร ทั้ง Premio Vetro, Chapter One ที่อยู่ทางฝั่งตรงข้ามบนถนนงามวงศ์วาน หรือศุภาลัย ปาร์ค และ Kensington พหล-เกษตร ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกันบนถนนพหลโยธิน รวมทั้ง Notting Hill พหล-เกษตร ที่อยู่เลย ม.เกษตร ไปแล้ว โครงการใกล้เคียงเหล่านี้ล้วนแล้วแต่ต้องใช้วิธีกลับรถหรือข้ามถนนเพื่อมายังโครงการ ผ่านถนนรอบๆ ม.เกษตร อย่างถนนงามวงศ์วาน, พหลโยธิน และวิภาวดี ที่การจราจรติดขัด ในขณะที่ตัว Kensington Kaset Campus อยู่ติดรั้ว ม.เกษตร บนถนนตัดใหม่ หากใครมีรถส่วนตัว อย่างจักรยาน มอเตอร์ไซค์ หรือรถยนต์ก็สามารถเข้าออก ม.เกษตร ได้สบายๆไม่ต้องกังวลรถติด
แต่ก็ใช่ว่าจะมีแต่ข้อดีนะคะ ข้อเสียของทำเลตรงนี้ก็มีเหมือนกัน ด้วยความที่เป็นถนนตัดใหม่ จึงทำให้สภาพสองข้างทางบนถนนเส้นนี้ยังเงียบ และไม่ค่อยมีความอุดมสมบูรณ์อะไรนักถ้าเทียบกับถนนเส้นอื่นๆรอบ ม.เกษตร ดังนั้นของกินใกล้โครงการในระยะเดินจึงยังไม่มีในตอนนี้ ต้องอาศัยสถานที่ใกล้เคียงอื่นๆ อย่างร้านค้าร้านอาหารใน ม.เกษตร ที่มีให้เลือกมากมาย รวมทั้งมีสนามกีฬาต่างๆให้ไปเล่นได้ด้วย หากไปทะลุถนนพหลโยธิน ช่วงต้นซอยพหลโยธิน 49/1 ก็มีตลาดบางบัว มีของกินให้เลือกเยอะ หรือจะไปบนถนนพหลโยธินมุ่งหน้าเข้าสู่ห้าแยกลาดพร้าว ระหว่างทางจะเจอ ม.ศรีปทุม เจอสถานที่ราชการอย่างราบ 11 ที่มีพื้นที่ขนาดใหญ่มาก กรมทางหลวง กรมวิทยาศาสตร์ทหารบก ปะปนกับสิ่งปลูกสร้างที่เกื้อกูลในการใช้ชีวิตประจำวันอย่างวัด โรงเรียน ส่วนเรื่องของกินก็จะมีแถวแยกเกษตรเยอะ เลยไปหน่อยจะเจอทั้งเมเจอร์รัชโยธิน, โลตัส, ยูเนียนมอล และเซนทรัลลาดพร้าวให้ไปช็อปปิ้งกันได้ค่ะ
ส่วนในเรื่องของระบบขนส่งสาธารณะก็จะมีรถไฟฟ้าที่กำลังก่อสร้าง คือ สถานีรถไฟฟ้าสายสีแดง สถานีบางเขนและสถานีทุ่งสองห้อง บนถนนวิภาวดีและอีกสายหนึ่งคือสายสีเขียวต่อขยายช่วงห้าแยกลาดพร้าว-คูคต โดยมีสถานีวัดพระศรีมหาธาตุและสถานีวงเวียนหลักสี่เป็นสถานี Interchange ที่เดินเชื่อมต่อกันได้ แต่ไม่ได้ใช้ตัวสถานีเดียวกัน โดยสถานีที่ใกล้โครงการที่สุดคือสถานีบางบัว ช่วงต้นซอยพหลโยธิน 49/1
ตัดกลับมาสถานการณ์ปัจจุบันที่รถไฟฟ้ากำลังอยู่ในระหว่างการก่อสร้าง ตอนนี้เราก็ยังคงจะต้องพึ่งพารถตู้และรถสองแถวที่หาได้ง่ายบนถนนวิภาวดีรังสิต ถนนแจ้งวัฒนะ ถนนพหลโยธิน รวมถึงรถเมล์ แท๊กซี่ และพี่วินที่สามารถเรียกได้ตามถนนใหญ่ค่ะ
การเดินทางในวันนี้เราจะเริ่มจากถนนวิภาวดีฝั่งขาเข้า เลี้ยวซ้ายเข้าถนนตัดใหม่ (พหลโยธิน-วิภาวดี) ตรงโรงงานยาคูล แล้วตรงไปเรื่อยๆดูบรรยากาศสองข้างทางของถนนเส้นนี้ แล้วแวะดูบริเวณรอบๆโครงการ จากนั้นตรงไปบนถนนตัดใหม่จนถึงถนนพหลโยธิน แล้วเลี้ยวซ้ายขึ้นสะพานข้ามคลองบางบัว เมื่อลงสะพานมาจะเจอ Sales Gallery ของโครงการอยู่ทางซ้ายมือค่ะ
เราจะเริ่มจากถนนวิภาวดีรังสิตฝั่งขาเข้า มองไปทางซ้ายมือจะเห็นบริษัทยาคูลท์ให้เตรียมชิดซ้าย
หากตรงไปจะสามารถไปถึงห้าแยกลาดพร้าวได้ค่ะ แต่เราจะเลี้ยวซ้ายเข้าถนนตัดใหม่ (พหลโยธิน-วิภาวดี) กัน
เลี้ยวเข้ามาบนถนนตัดใหม่ (พหลโยธิน-วิภาวดี) โดยถนนเส้นนี้จะเป็นถนนสองเลน ที่อนาคตจะมีการขยายเป็น 4 เลน สองข้างทางของถนนค่อนข้างเงียบ เนื่องจากถนนเพิ่งทำเสร็จจึงยังไม่มีสิ่งปลูกสร้างอะไรใหม่ๆเท่าใดนัก ด้านขวามือจะเป็นพื้นที่ของ ม.เกษตร ส่วนทางซ้ายมือจะเป็นที่ดินว่างเปล่า คลองบางบัว และบ้านพักอาศัย
ขับต่อมาอีกนิด เราจะเจอตึกของคณะสิ่งแวดล้อม ม.เกษตร
สภาพที่ดินส่วนใหญ่ ทางขวามือจะเป็นบ้านพักอาศัยเลียบรั้ว ม.เกษตร โดยบ้านพักอาศัยที่อยู่โซนนี้จะเป็นบ้านขนาดเล็ก ส่วนทางซ้ายมือจะเป็นที่ดินริมคลองบางบัว ขนาดที่ดินค่อนข้างน้อยปลูกบ้านหรือที่พักอาศัยยาก ข้ามฝั่งคลองบางบัวไปจะเป็นบ้านพักอาศัย 2 ชั้นซะเป็นส่วนใหญ่
ทางขวามือจะมีซอยเล็กๆเป็นทางเข้า-ออก ม.เกษตร โดยถนนเส้นนี้จะมีทางทะลุเข้า ม.เกษตรได้หลายซอยเลย
บรรยากาศสองข้างทางค่อนข้างเงียบ มีที่ดินว่างเปล่าเยอะ
ขับตรงมาอีกนิดเดียวก็ถึงโครงการ Kensington Kaset Kampus แล้วค่ะ โดยตัวโครงการอยู่ทางฝั่งขวามือที่ติดกับรั้ว ม.เกษตร เดี๋ยวเราจะแวะพาเดินดูรอบๆโครงการกันก่อนนะคะ
ในปัจจุบัน พื้นที่ดินโครงการมีการล้อมรั้วเพื่อเตรียมการก่อสร้าง โดยติดป้ายโครงการพร้อมเบอร์โทรชัดเจน
ภายในที่ดินโครงการยังคงสภาพเดิมไม่มีการปรับเปลี่ยน โดยรั้วด้านหลังโครงการจะติดกับ ม.เกษตร ตึกสีส้มทางซ้ายมือเป็นตึกของกรมประมงที่อยู่ในพื้นที่ ม.เกษตร
ทางขวามือของโครงการติดกับที่ดินว่างเปล่า พื้นที่กรมประมง
ส่วนทางซ้ายมือของโครงการติดกับบ้านพักอาศัย 2-3 ชั้น
ด้านหน้าโครงการติดกับถนนตัดใหม่ (พหลโยธิน-วิภาวดี) ซึ่งเป็นทางเข้า-ออกหลักของโครงการ ถัดไปเป็นที่ดินว่างเปล่าริมคลองบางบัว และถัดจากคลองบางบัวไปจะเป็นบ้านพักอาศัย 2 ชั้น
คลองบางบัวเป็นคลองเล็กๆที่มีน้ำเป็นสีเหมือนน้ำใบบัวบก ไม่เน่าและไม่เหม็นค่ะ
จากที่ตั้งโครงการ เราขับต่อไปบนถนนตัดใหม่ (พหลโยธิน-วิภาวดี) จากตรงนี้จะเริ่มเห็นอพาร์ทเม้นต์ให้เช่ากันบ้างแล้ว
นอกจากรถยนต์แล้วคนแถวนี้มักจะใช้รถยนต์และรถจักรยานกันเป็นเรื่องปกติ เพราะมีซอยเล็กๆซอยน้อย เข้าออกกันสะดวกกว่า
พอเราเข้ามาถึงใกล้ถนนพหลโยธิน จะเห็นว่าบรรยากาศสองข้างทางและรถผ่านไปผ่านมาค่อนข้างคึกคักกว่าถนนโซนอื่นๆที่ผ่านมา
มีร้านขายต้นไม้ บ้านพักอาศัย และอาคารพาณิชย์ให้ได้เห็นกันแล้ว
ขับมาอีกหน่อยจะเจอทางแยกทางซ้ายมือสามารถไปยังซอยพหลโยธิน 49/1(ซอยการเคหะบางบัว) ได้ โดยช่วงต้นซอยถนนตัดใหม่ (พหลโยธิน-วิภาวดี) ด้านที่ติดกับถนนพหลโยธินนี้ก็เรียกว่าซอยพหลโยธิน 49/1 เช่นกัน
ช่วงซอยพหลโยธิน 49/1(ซอยการเคหะบางบัว) ทางซ้ายมือนี้ค่อนข้างคึกคัก มีตึกแถวที่มีของขายใต้อาคารค่อนข้างเยอะ ตรงไปเรื่อยๆจะเจอโรงเรียนบางบัว และตลาดบางบัวที่มีของกินให้เลือกหลากหลาย
เราตรงมาช่วงต้นซอยกันต่อ ข้างหน้าจะเป็นทางแยกเข้าสู่ถนนพหลโยธิน โดยทางจะบังคับเราเลี้ยวซ้ายซึ่งสามารถไป Sales Gallery ได้ โดยหากไปทางขวามือจะสามารถไปยังห้าแยกลาดพร้าวได้ และยังมี ม.ศรีปทุม ซึ่งเป็นแหล่งการศึกษาที่ค่อนข้างอุดสมบูรณ์อีกด้วย
จากถนนตัดใหม่ (พหลโยธิน-วิภาวดี) เราเลี้ยวซ้ายมาอยู่บนถนนพหลโยธินแล้ว โดยเราจะขึ้นสะพานข้ามคลองบางบัว
และเมื่อลงสะพานมาก็จะเจอ Sales Gallery ของโครงการอยู่ทางซ้ายมือแล้ว โดยใช้ Sales Gallery ที่เดียวกับโครงการ Notthing Hill พหล-เกษตร คอนโดของ Origin เช่นกัน
หน้าตา Sales Gallery จากตรงนี้เดี๋ยวเราจะพาไปดูห้องตัวอย่างกันค่ะ
สภาพแวดล้อมรอบๆโครงการค่อนข้างเงียบ ส่วนใหญ่เป็นบ้านพักอาศัย 1-3 ชั้น และพื้นที่ของ ม.เกษตร โดย
- ทิศเหนือ ติดกับถนนตัดใหม่ ที่เชื่อมระหว่างถนนพหลโยธินและวิภาวดี ซึ่งในปัจจุบันการจราจรยังไม่ติดขัด แต่วิ่งผ่านเรื่อยๆตลอดวัน เพราะคนจะใช้เป็นทางลัดวิภาวดี-พหลโยธิน ฝั่งตรงข้ามถนนเป็นคลองบางบัวและบ้านพักอาศัย
- ทิศตะวันออก ติดกับ บ้านพักอาศัย 2-3 ชั้น ค่อนข้างเงียบสงบ
- ทิศใต้ ติดกับ พื้นที่ ม.เกษตร
- ทิศตะวันตก ติดกับอาคารกรมประมงสูงประมาณ 8 ชั้น โดยอาคารที่อยู่ทางฝั่งทิศตะวันตกเฉียงใต้ตั้งแต่ชั้น 8 ลงมาจะโดนบังวิว แต่ห้องชั้น 9 ขึ้นไปก็จะมองเห็นวิวได้โล่งๆค่ะ
สำหรับโครงการนี้ก็รับประกันได้ในระยะยาวนะคะว่าจะไม่ค่อยโดนบล็อกวิวแน่นอน เนื่องมาจากข้อกำหนดของผังสีที่เป็นสถานที่ราชการแล้ว บางจุดยังอยู่ในโซนที่อยู่อาศัยหนาแน่นน้อยอีกด้วย อย่างวิวทางทิศเหนือ จะเห็นถนนตัดใหม่ (พหลโยธิน-วิภาวดี) ฝั่งตรงข้ามถนนจะเป็นบ้านพักอาศัยซะเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งที่พักอาศัยโซนนี้จะจัดอยู่ในผังสีเหลือง ซึ่งเป็นโซนที่พักอาศัยหนาแน่นน้อย วิวฝั่งนี้จึงมองออกไปสบายตาไม่มีตึกสูงบังวิว
วิวทางทิศตะวันออก จะเห็นวิวทางฝั่งพหลโยธินค่ะ ที่มีบ้านพักอาศัย หน่วยงานราชการต่างๆ สลับกับตึกสูงค่ะ
วิวทางทิศใต้ จะเห็นบรรยากาศของ ม.เกษตร ที่มีอาคารเรียนและตึกสูง ในขณะเดียวกันก็มีเห็นที่สีเขียวภายในมหาวิทยาลัยค่อนข้างเยอะ มองไปไกลๆจะเห็นอาคารบนถนนงามวงศ์วานด้วย
วิวทางทิศตะวันตก จะหันไปทางฝั่งถนนวิภาวดี ที่จะมีตึกสูงค่อนข้างเยอะ รวมทั้งเห็นทางด่วนและเส้นรถไฟฟ้าสายสีแดง.. รถไฟฟ้าจะมาหาแล้วนะเธอ 🙂
สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น
- มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บางเขน ติดรั้วโครงการ
- โรงเรียนสารวิทยา ~1.9 กิโลเมตร
- มหาวิทยาลัยศรีปทุม ~2.4 กิโลเมตร
- โรงพยาบาลวิภาวดี ~2.6 กิโลเมตร
- กรมทหารราบที่ 11 ~3.3 กิโลเมตร
- โรงเรียนบางบัว ~ 3.9 กิโลเมตร
- Major รัชโยธิน ~4.3 กิโลเมตร
- Central ลาดพร้าว ~ 5.7 กิโลเมตร
- Union mall ~6.3 กิโลเมตร
- สำนักงานเขตบางเขน ~ 6.7 กิโลเมตร
ตัวโครงการ Kensington Kaset Campus เป็นคอนโด High Rise 15 ชั้น 2 อาคาร 448 ยูนิต โดยแบ่งเป็นตึกละ 224 ยูนิต ถือว่าหนาแน่นไม่มากนัก โดย Facilities หลักๆอย่าง ร้านค้า 3 ร้าน, Fitness และสระว่ายน้ำ จะมาอยู่ที่หน้าโครงการ ส่วนตัวอาคารทั้ง 2 อาคารจะอยู่ตรงกลาง และด้านหลังเป็นที่จอดรถและสวน จะเห็นว่า Facilities แยกกับตัวอาคารอย่างสิ้นเชิง ซึ่งมีข้อดีคือทำให้อาคารพักอาศัยเป็นส่วนตัวและไม่วุ่นวายเวลามีคนมาใช้ Facilities ส่วนข้อเสียคือเวลาจะใช้งานทีต้องเดินข้ามตึก หน้าตาอาคารโดยรวมค่อนข้างเรียบ ใช้โทนสีขาว-เทา-ดำ
อาคารด้านหน้าทางทิศเหนือจะติดกับถนนตัดใหม่ (พหลโยธิน-วิภาวดี) ซึ่งเป็นทางเข้าออกหลักของโครงการ มีการนำ Facilities หลักมาไว้ด้านหน้า ทำให้ลูกบ้านสามารถเดินมาใช้งาน Facilities ได้จากทางหน้าโครงการเลย
โดยอาคาร Facilities ด้านหน้าโครงการ ประกอบด้วย
- ชั้น 1 ร้านค้า 3 ร้าน ทำให้ลูกบ้านในโครงการหรือบุคคลที่ผ่านไปมาสามารถมาใช้งานร้านค้าด้านล่างได้ เพราะติดถนนหลัก
- ชั้น 2 Fitness มีระบบ Keycard access จำกัดการใช้งานเฉพาะลูกบ้านเท่านั้น
- ชั้นดาดฟ้า เป็นสระว่ายน้ำที่มี Pool Deck และห้องน้ำสาธารณะ
ทางขวามือจะเป็นประตูทางเข้าหลักของโครงการ ที่สามารถเข้า-ออกทางนี้ได้ทางเดียว
ภาพจำลองด้านหน้าอาคาร Facilities
ภาพจำลอง Lobby ของโครงการ ใช้โทนสีขาว ไม้สีอ่อน และใช้ผนังกระจก กรอบอลูมิเนียมสีดำรอบอาคารช่วยให้บรรยากาศดูโปร่ง จากโถงนี้มีบันไดทางขึ้นไปยังห้อง Fitness ชั้น 2
ใต้อาคาร Facilities สามารถจอดรถยนต์ได้ส่วนหนึ่ง ส่วนชั้น 2 จะเป็นโถงทางเดินในอาคารที่ไม่ได้ติดแอร์ จึงมีการตกแต่ง Facade ด้วยลวดลายฉลุ และระแนงไม้ เพื่อความสวยงาม ให้แสงธรรมชาติเข้าและถ่ายเทอากาศไปในตัว
พื้นที่ชั้นดาดฟ้า จะเป็นสระว่ายน้ำระบบเกลือรูปตัว L, Pool Deck แบบ Semi-outdoor และห้องน้ำสาธารณะ
ทางเข้า-ออก โครงการจะมีการติดป้าย Kensington Kaset Campus ค่อนข้างชัดเจน พื้นทางเข้ามีความลาดเอียงปูด้วยพื้นคอนกรีตแสตมป์ ส่วนด้านในโครงการเป็นพื้นปูนซีเมนต์ธรรมดา มีการปลูกไม้พุ่มและไม้ยืนต้นช่วยให้บรรยากาศร่มรื่นดี
การเดินรถภายในโครงการ จะเป็น one way เดินตามเข็มนาฬิกา คือเข้าโครงการไปให้เลี้ยวซ้าย แล้ววนรอบอาคาร ซึ่งที่จอดรถแบ่งเป็นจอดรถในร่ม 64 คันและจอดกลางแจ้ง 96 คัน รวมประมาณ 160 คันคิดเป็น 36% หรือรวมจอดซ้อนคัน คิดเป็น 50%
ใน 1 อาคารจะมีโถงลิฟต์ให้ 1 จุด และบันไดหนีไฟ 1 จุดอยู่ใต้อาคาร รวมทั้งมีทางเดินใต้อาคารเชื่อมจากอาคาร 1 ไปถึงด้านหลังโครงการ
พื้นที่ใต้อาคารจะเป็นลักษณะนี้ค่ะ เมื่อเราจอดรถที่ใต้อาคารแล้วก็สามารถเดินออกมาที่ทางเดินใต้อาคารซึ่งมีการตกแต่งด้วยระแนงเล่นลาย โดยทางเดินนี้จะยาวไปตลอดแนวอาคาร
ตรงกลางระหว่างอาคาร A และ B จะมีพื้นที่นั่งเล่น และจอดจักรยาน เป็นเสมือน Bicycle Club ไว้ให้คนรักจักรยานนั่งคุยกัน หรือใครจะมารอเพื่อนก็นั่งเล่นได้ แต่เสียดายไม่มีหลังคากันแดดกันฝนให้
เราเดินมาจนถึงด้านหลังโครงการ ที่จะมีทางเดินใต้อาคารเชื่อมออกมาถึงลานจอดรถด้านหลัง คือเมื่อเราจอดรถเสร็จปุ๊บ ก็เดินเข้าอาคารได้เลย แต่แม้จะมีทางเดินให้ แต่ไม่มีหลังคาแบบนี้ถ้าฝนตกก็เปียกนะคะ ถ้ามีหลังคาตามทางเดินให้จนถึงอาคารก็คงดีไม่น้อย
พื้นที่ด้านหลังอาคารทั้งหมดจะถูกแบ่งออกเป็น ที่จอดรถ สวน จุดพักขยะ ศาลานั่งเล่นและจุดจอดจักรยาน
พื้นที่สวนจะมีลักษณะเป็นขั้นบันไดให้นั่งเล่นได้ รอบๆเป็น Jogging track ให้วิ่งออกกำลังกาย มีการปลูกไม้พุ่มเตี้ย และต้นไม้ใหญ่สร้างความร่มรื่น
อีกด้านเป็นจุดจอดจักรยานและศาลาไว้ให้นั่งเล่นพักผ่อนกันได้
ภาพจำลองสวนสาธารณะด้านหลังโครงการ
มาดูผังโครงการกันบ้างค่ะ ตัวโครงการมีการแบ่งพื้นที่เป็น 3 ส่วน คือ โซนหน้า, โซนกลาง, โซนหลัง โดย
- โซนหน้า เป็นอาคาร Facilities ที่ประกอบด้วย พื้นที่ชั้น 1 เป็นร้านค้า 3 ร้านและ Lobby ชั้น 2 เป็น Fitness และชั้น 3 เป็นพื้นที่สระว่ายน้ำ
- โซนกลาง เป็นอาคารพักอาศัยจำนวน 2 อาคาร ใต้อาคารจะมีทางเดินเชื่อมตึกตั้งแต่ตึก A ไปตึก B จนถึงสวนสาธารณะด้านหลัง ระหว่างตึก A และตึก B จะมี Bicycle Club ที่เป็นจุดจอดจักรยานและที่นั่งพักผ่อนได้
- โซนหลัง เป็นพื้นที่จอดรถและสวนสาธารณะด้านหลังโครงการ ที่ประกอบด้วยสนามหญ้าที่มี Jogging track รอบๆ และมีศาลานั่งเล่นอีก 1 จุด
การสัญจรรถภายในอาคารจะเป็น One way วนซ้ายแล้วจอดรถใต้อาคารและรอบๆอาคาร โดยที่จอดรถแบ่งเป็นจอดรถในร่ม 64 คันและจอดกลางแจ้ง 96 คัน รวมประมาณ 160 คันคิดเป็น 36% หรือรวมจอดซ้อนคัน คิดเป็น 50% ในอาคารแต่ละอาคารจะมีโถงลิฟต์ 1 จุด มีลิฟต์โดยสารอาคารละ 2 ตัว คิดเป็นอัตราส่วนลิฟต์ 112 : 1 ถือว่าเลยค่ามาตรฐานมานิดหน่อย ส่วนบันไดหนีไฟมีให้ 2 จุด ทางเดินภายในอาคารเป็น Double Corridor ปลายอาคารด้านหนึ่งมีช่องเปิดช่วยให้แสงธรรมชาติเข้า ส่วนปลายอาคารฝั่งตรงข้ามกันจะเป็นห้อง 2 bedroom ที่มีชั้นละ 1 ห้อง ทำให้ไม่มีช่องเปิดแต่ก็ไม่ได้ทำให้ทางเดินมืด เพราะมีโถงลิฟต์ใกล้ๆกันที่มีช่องเปิดช่วยให้แสงสว่างเข้าโถงทางเดินอีกจุด
สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก
- ร้านค้า 3 ร้าน
- Lobby
- สระว่ายน้ำ 1 สระ ระบบเกลือ
- ห้องออกกำลังกาย 1 ห้อง
- ลิฟท์โดยสาร 1 ตัวต่อหนึ่งอาคาร 112 : 1
- ที่จอดรถประมาณ 160 คันคิดเป็น 36% รวม จอดซ้อนคัน คิดเป็น 50%
- ระบบ CCTV / Access Card
โครงการ Kensington Kaset Campus ขายแบบ Fully Furnised โดยจะแถมเฟอร์นิเจอร์ทั้งลอยตัว และ Built-in รวมทั้งสุขภัณฑ์ ประกอบด้วย โซฟา ตู้วางทีวี เตียงไม่รวมฟูก ตู้เสื้อผ้า Built-in เคาน์เตอร์ครัว แอร์ และสุขภัณฑ์ต่างๆในห้องน้ำ เรียกได้ว่าหิ้วกระเป๋าเข้าอยู่ได้เลย โครงการมีห้องให้เลือกทั้งหมด 3 แบบ คือ
- Studio 23.5 ตร.ม.
- 1 Bedroom 24.4 – 30.7 ตร.ม.
- 2 Bedrooms 42 – 48.8 ตร.ม.
โดยห้องตัวอย่างที่เราจะพาไปดู ประกอบด้วยห้อง 1 Bedroom ขนาด 25 ตร.ม. และห้อง 1 Bedroom Plus ขนาด 30 ตร.ม. ส่วนห้องแบบ 2 Bedroom เราจะพาไปดูคร่าวๆพอเป็นน้ำจิ้ม หากใครสนใจสามารถสอบถามกับทางโครงการได้ค่ะ
เริ่มจากห้องตัวอย่างห้องแรกกัน คือแบบ 1 Bedroom ซึ่งจริงๆแล้วจะมีห้องแบบ 1 Bedroom plus ให้เลือกด้วย แต่เดี๋ยวเราจะพาไปดูกันในช่วงท้ายนะคะ สำหรับห้องตัวอย่างห้องนี้เป็น Type 1 Bedroom พื้นที่ห้องขนาด 25 ตารางเมตร รูปร่างเป็นสี่เหลี่ยมจตุรัส แบ่งพื้นที่ Living และห้องนอนประมาณอย่างละครึ่ง เมื่อเข้าสู่ตัวห้องจะเจอกับพื้นที่นั่งเล่น ด้านในเป็นประตูเลื่อนกั้นห้องครัวแบบปิดที่ต่อกับระเบียง ระหว่างทำกับข้าวเราก็เปิดประตูระเบียงช่วยระบายอากาศได้ ระหว่างห้องนั่งเล่นและห้องครัวจะมีประตูบานเลื่อน เปิดเข้าไปจะเจอพื้นที่วางของตรงกลาง ทางซ้ายมือเป็นห้องน้ำ ส่วนทางขวามือเป็นห้องนอนที่มีประตูบานเลื่อนกั้นการใช้งานให้อีกส่วน ซึ่งประตูบานเลื่อนนี้เป็นบานประตูที่ใช้กับตู้เสื้อผ้าด้วยค่ะ คือหากเราปิดประตูก็จะเป็นการเปิดตู้เสื้อผ้า แต่หากเปิดประตูก็จะเป็นการปิดตู้เสื้อผ้าไปด้วย
การจัดให้มีประตูบานเลื่อนด้านในและด้านนอกแบบนี้ ช่วยให้เราสามารถยืดหยุ่นการใช้งานห้องน้ำได้ดี โดยหากเราเลื่อนปิดบานเลื่อนด้านนอก แล้วเปิดบานเลื่อนด้านใน(ปิดตู้เสื้อผ้า) จะช่วยให้ห้องน้ำกลายเป็นห้องน้ำในตัวของห้องนอน แต่หากเราเปิดประตูด้านนอก แล้วปิดประตูด้านใน(เปิดตู้เสื้อผ้า) ก็จะทำให้ห้องน้ำกลายเป็นห้องน้ำรวม เวลาเพื่อนหรือแขกไปใครมาก็สามารถเดินมาเข้าห้องน้ำได้โดยไม่ต้องผ่านเข้ามาในห้องนอนเราค่ะ
เริ่มจากทางเข้าห้องนะคะ ประตูเป็นบาน MDF ขนาดมาตรฐาน 0.9 x 2 เมตร มีตาแมวพร้อมประตูมือจับแบบก้านโยกพร้อม Digital Door lock ให้
กลอนประตุ Digital Door Lock ที่โครงการแถมให้เป็นของ Colt
บนฝ้าเพดานมีการติดตั้งไฟดาวน์ไลท์ที่ส่วนนั่งเล่นให้ 1 ดวง และตรงครัวปิด 1 ดวง
มองกลับไปที่ประตูทางเข้า เหนือประตูทางซ้ายมือติดตั้งตู้เมนบอร์ดไฟไว้ให้ 1 จุด ภายในห้องนั่งเล่นจะแถมเฟอร์นิเจอร์ให้ยกเว้น Prop ตกแต่ง มีโซฟา ตู้วางทีวี ชั้นวางของด้านบน และแอร์ Daikin Invertor ห้องนี้มีระยะดูทีวีประมาณ 1.8 เมตร เหมาะกับการวางทีวีขนาด 40″-42″ จะเป็นขนาดที่พอกับสายตา
ตู้วางทีวีมีลิ้นชักเปิดออกมาใส่ของเล็กๆน้อยๆได้
ฝั่งตรงข้ามกันจะแถมโซฟาขนาด 2 ที่นั่งมาให้อย่างเดียว ไม่มีโต๊ะทานข้าวให้นะคะ
โดยข้างๆโซฟาจะเป็นพื้นที่ว่างเปล่าที่สามารถวางโต๊ะรับประทานอาหารหรือโต๊ะเขียนหนังสือลักษณะนี้ได้ ข้อเสียคือนั่งได้แค่ที่เดียวเองเหงาไปหน่อยนะ
ภายในห้องครัวปูพื้นด้วยไวนิลหรือกระเบื้องยางลายไม้เหมือนกับพื้นห้องส่วนอื่นๆ ซึ่งข้อดีของไวนิลหรือกระเบื้องยางนี้คือจะทนกว่าลามิเนต ทนความชื้นและอมน้ำน้อยกว่า การนำมาปูพื้นในห้องครัวจึงยังโอเค แต่อย่างไรก็ตามจะเป็นการดีกว่าหากเรารักษาของให้อยู่กับเราไปนานๆ ดังนั้นในระหว่างประกอบอาหารหากทำน้ำหกหรืออาหารหล่นให้รีบเช็ดจะดีกว่านะคะ ความชื้นหรือคราบต่างๆจะได้ไม่ทำร้ายพื้นห้องเรา
ภายในห้องครัวดึโครงการจะ Built-in ชุดครัว มาให้ทั้งชุดแบบนี้เลย ที่เคาท์เตอร์ครัวทั้งด้านบนและด้านล่างมีหน้าบานปิดผิวด้วยลามิเนตลายไม้สีอ่อน
ด้านบนเป็นตู้บานเปิดให้สามารถวางของเล็กๆน้อยได้ ส่วนเคาท์เตอร์ครัวด้านล่างมีที่วางช้อน ส้อม มีช่องที่ทำไว้สำหรับวางไมโครเวฟ และพื้นที่ใต้ซิ้งค์ล้างจาน ที่สามารถเอาไว้เก็บน้ำยาล้างจาน ผงซักฟอก หรือของใช้ในครัวได้
ตรงผนังเคาน์เตอร์ติดกระเบื้องมาให้เรียบร้อย ช่วยให้สามารถทำความสะอาดน้ำและคราบต่างๆได้ง่าย ที่ท็อปเคาน์เตอร์ครัวติดตั้งซิงค์ล้างจาน เตาและที่ดูดควันมาให้เรียบร้อย
ซิงค์ล้างจานทรงสี่เหลี่ยมจตุรัสขนาดปานกลางของ Teka พร้อมก๊อกน้ำสแตนเลสทรงโค้ง ลูกบิดแบบก้านโยกใช้งานได้สะดวกดี
เตาและที่ดูดควันของ Teka อีกเช่นกัน
ฝั่งตรงข้ามสามารถวางตู้เย็นและชั้นวางของลักษณะนี้ได้ โดยโครงการจัดไว้ให้ดูเฉยๆไม่ได้แถมมาให้นะคะ
พื้นมีการยกธรณีขึ้นมา รวมกับรางเลื่อนประตูรวมแล้วประมาณ 15 cm. เพื่อกันน้ำไหลเข้ามาในห้อง วัสดุปูพื้นเป็นกระเบื้องเซรามิคเทา ขนาด 30 x 30 เซนติเมตรเหมือนห้องครัว ส่วนพื้นที่ระเบียงมีขนาด 0.8 x 2.5 เมตร สามารถนำราวตากผ้ามาตั้งตากได้สบายๆ
มองไปทางซ้ายมือเป็นที่ติดตั้ง Compressor แอร์ 2 เครื่องแบบหันลมร้อนเข้าระเบียง ทำให้ขณะเราเปิดแอร์ระเบียงจะร้อน แต่มีข้อดีคือตากผ้าแห้งไว 🙂 แนะนำให้ติดกริลแอร์(แผงเปลี่ยนทิศทางลม)เพื่อจะได้เป่าลมออกด้านนอกนะคะ ส่วนด้านล่างเป็นพื้นที่ว่างที่สามารถวางเครื่องซักผ้าแบบนี้ได้ ราวระเบียงเป็นเหล็กโปร่งและตรงที่วาง Compressor แอร์เป็นระแนงเหล็กทาสีเทา เพื่อพราง Compressor แอร์จากสายตาคนภายนอกที่มองเข้ามา
บนฝ้าเพดานติดตั้งโคมไฟซาลาเปามาให้ 1 ดวง
ถัดไปเป็นห้องนอนที่มีประตูทางเข้าอยู่ระหว่างห้องนั่งเล่นและห้องครัว เมื่อเปิดเข้าไปแล้วจะเป็นโถงเล็กๆที่ทางซ้ายมือเป็นห้องน้ำ ส่วนทางขวามือเป็นห้องนอน ตัวประตูเป็นบานเลื่อนลามิเนตลายไม้ ข้อดีของการมีประตู 2 บานแบบนี้คือ ช่วยยืดหยุ่นการใช้งานห้องน้ำได้ดี เมื่อเราปิดประตูด้านนอกจะช่วยให้ห้องน้ำกลายเป็นห้องน้ำในตัวของห้องนอน แต่ถ้าเราเปิดประตูนี้ก็จะทำให้สามารถเข้าห้องน้ำทางห้องนั่งเล่นโดยไม่ต้องผ่านห้องนอน เหมาะสำหรับเวลามีแขก ซึ่งเป็นปกติของนักศึกษาที่ต้องมีเพื่อนแวะเวียนมาเล่นที่ห้องอยู่แล้ว
มือจับและตัวล็อกของประตูเป็นสแตนเลสหน้าตาแบบนี้
เมื่อเดินเข้ามาจะเจอกับโถงเล็กๆ ที่โครงการ Built-inโต๊ะเครื่องแป้งพร้อมกระจกเงาติดผนังมาให้
ตัวโต๊ะเครื่องแป้งสามารถเปิดลิ้นชักออกมาใส่ของได้เล็กๆน้อยๆ
เข้ามาภายในห้องนอนขนาด 2.5 x 2.6 เมตร ขนาดห้องไม่ใหญ่มาก โดยโครงการแถมเตียง Queen size ขนาด 5 ฟุตมาให้ 1 เตียงไม่รวมฟูก ข้างๆเตียงเป็นหน้าต่างบานเลื่อนและบาน Fix ที่ค่อนข้างกว้าง ช่วยให้แสงธรรมชาติเข้าห้องได้ดี
โดยมีพื้นที่ข้างเตียงเหลือน้อยมาก แนะนำให้ดันเตียงไปชิดผนังเลยดีกว่าค่ะ เพราะอย่างไรก็เดินลงจากเตียงทางฝั่งนี้ไม่ได้อยู่แล้ว หากจะเปิด-ปิดหน้าต่าง คงต้องเปิด-ปิด จากบนเตียงจะสะดวกที่สุด
ระยะจากปลายเตียงถึงผนังประมาณ 0.55 เมตร เป็นระยะที่ไม่กว้างมากนัก ไม่เหมาะกับการวางตู้ทีวีเพราะจะทำให้ไม่มีทางเดินผ่านเตียง แนะนำให้ติดตั้งทีวีติดผนัง จะช่วยประหยัดพื้นที่ได้ดีกว่าค่ะ โดยโครงการติดตั้งเต้ารับและที่เสียบสายเคเบิลมาให้เรียบร้อย
พื้นที่ข้างเตียงอีกฝั่งจะมีประตูบานเลื่อน หากเราเลื่อนมาทางซ้ายก็จะเป็นการเปิดตู้เสื้อผ้า แต่หากเราเลื่อนมาทางขวา ก็จะเป็นการปิดเสื้อผ้า และเป็นทางเดินไปสู่ห้องน้ำได้ ถือเป็นการยืดหยุ่นการใช้งานพื้นที่ที่ดีค่ะ โดยฟังก์ชั่นภายในตู้เสื้อผ้า โครงการจะติดตั้งมาให้แบบนี้เลยนะคะ
พื้นที่จากข้างเตียงถึงตู้เสื้อผ้ามีระยะประมาณ 1 เมตร เป็นระยะที่ไม่กว้าง แต่ก็ไม่แคบจนเกินไป สามารถยืนแต่งตัวได้สบายๆ
ถัดไปเป็นห้องน้ำ ที่บานประตูห้องตัวอย่างไม่ได้ใส่เข้ามาด้วย เป็นแบบบาน HDF ขนาด 0.7 x 2 เมตร พื้นปูด้วยกระเบื้องสีเทาอ่อนขนาด 30 x 30 เซนติเมตร และมีธรณีกั้นยกสูงขึ้นมาประมาณ 8 เซนติเมตร ห้องน้ำมีขนาด 1.5 x 2.5 เมตร แบ่งฟังก์ชั่นออกเป็น 3 ส่วน คือ ส่วนอ่างล้างหน้า ส่วนติดตั้งโถสุขภัณฑ์ และส่วนอาบน้ำ
อ่างล้างหน้าเป็นแบบลอยตัวรูปสี่เหลี่ยมจตุรัส ด้านล่างมีช่องให้ใส่ของเล็กๆได้ ส่วนที่ผนังติดตั้งกระจกเงามาให้ 1 บาน
อ่างล้างหน้าขนาดปานกลางพร้อมก๊อกน้ำสแตนเลสแบบก้านโยก ของ American Standard
ข้างๆกันเป็นโถสุขภัณฑ์พร้อมสายชำระและที่แขวนกระดาษทิชชู่ ที่ผนังข้างๆมีการ Drop เข้าไปเพื่อทำชั้นวางของได้เล็กน้อย
สายชำระพลาสติกสีขาว และที่แขวนทิชชู่แนวตั้งสแตนเลส
ชุดฝักบัวอาบน้ำของ American standard หรือเทียบเท่า พร้อมที่วางสบู่
ฝักบัวขนาดใหญ่ดี
มองขึ้นไปบนฝ้าเพดานมีไฟดาวน์ไลท์ให้ 1 ดวง
ห้องตัวอย่างห้องต่อมาเป็นแบบ 1 Bed Plus พื้นที่ห้องขนาด 30.48 ตารางเมตร ห้องนี้จะพิเศษหน่อยตรงที่มีห้องอเนกประสงค์เพิ่มเข้ามาอีกห้องหนึ่ง แต่ขนาดห้องไม่ใหญ่นัก เราสามารถปรับเปลี่ยนการใช้งานได้ตามใจชอบ เช่นเป็นห้องทำงาน ห้องนอนอีกห้อง หรือห้องหนังสือก็ได้
เมื่อเข้ามาในห้องจะเจอห้องนั่งเล่นที่เชื่อมต่อกับห้องนอน โดยมีฉากกั้นกระจกแบ่งแยกพื้นที่ไว้ ทางขวามือเป็นห้องครัวแบบเปิด ที่เชื่อมต่อกับห้องน้ำและห้องอเนกประสงค์ ที่จะมีประตูเลื่อนออกไปยังระเบียงด้านนอกได้ ข้อดีของการวางผังแบบนี้คือการผลักส่วน Service อย่างห้องน้ำและห้องครัวมาไว้รวมกันด้านในอาคารทั้งหมด และให้ส่วนพักผ่อนอย่างห้องนอน ห้องอเนกประสงค์ ผลักให้ไปอยู่ด้านหน้าที่สามารถทำหน้าต่างกว้างๆให้รับวิวได้ ช่วยให้ห้องมีแสงธรรมชาติเข้าดี เหมาะกับคนที่ชอบห้องโปร่งๆและมองวิว
เมื่อเปิดประตูเข้ามาจะเจอกับห้องขนาด 3.1 x 5.1 เมตร จัดพื้นที่เป็นห้องนั่งเล่นเชื่อมต่อกับห้องนอน ทางขวามือเป็นห้องอเนกประสงค์ ครัว และห้องน้ำ
บนฝ้าเพดานติดตั้งไฟดาวน์ไลท์ที่ห้องนั่งเล่น 1 ดวง และห้องนอน 1 ดวง
มองกลับไปที่ประตูทางเข้า จะเห็นพื้นที่ห้องนั่งเล่นทั้งหมด โดยโครงการจะแถมเฟอร์นิเจอร์ให้ทั้งหมดยกเว้น Prop เหมือนห้องแบบแรก โดยมีระยะดูทีวีอยู่ที่ประมาณ 2.36 เมตร เหมาะกับการวางทีวีขนาด 52″-55″ จะเป็นขนาดที่พอกับสายตา
เฟอร์นิเจอร์ที่โครงการแถมให้ ประกอบด้วย ตู้วางทีวี และชั้นวางของแบบ Built-in เหมือนห้องแบบแรก แต่ที่เพิ่มเติมมาคือตู้ใส่ของด้านหน้า
เมื่อเปิดออกมาจะเห็นว่าสามารถเก็บหนังสือ หรือของชิ้นเล็กชิ้นน้อยได้พอสมควร
ตรงข้ามกันโครงการให้โซฟาขนาด 2-3 ที่นั่งมา 1 ตัว ข้างๆกันจะเป็นพื้นที่ว่างเปล่าที่สามารถวางโต๊ะรับประทานหรือโต๊ะเขียนหนังสือขนาด 1 ที่นั่งได้
ถัดไปเป็นห้องนอนที่ใช้ประตูกระจกบานเลื่อนกระจกคู่ กระจกใสเขียวตัดแสง กรอบอลูมิเนียมสีดำ พื้นห้องนอนเป็นไวนิลหรือกระเบื้องยางลายไม้เหมือนกับห้องนั่งเล่น
เข้ามาในห้องนอนขนาด 2.7 x 3.1 เมตร โครงการให้เตียง Queen size ขนาด 5 ฟุต มาให้แบบไม่รวมฟูก ขนาดใหญ่พอดีห้อง ผนังข้างเตียงเป็นหน้าต่างเหมือนห้องแบบแรกเป๊ะคือด้านล่างเป็นบาน Fix และด้านบนเป็นบานเลื่อน
พื้นที่ปลายเตียงมีระยะประมาณ 0.55 เซนติเมตร ระยะทางเดินค่อนข้างน้อย แนะนำให้ติดตั้งทีวีแบบติดผนังจะเหมาะสมที่สุด
มองกลับไปยังพื้นที่ข้างเตียงอีกด้านจะเป็นประตูทางเข้าห้องนอน ทางขวามือเป็นตู้เสื้อผ้าแบบ Built-in ที่โครงการติดตั้งมาให้แบบนี้เลย
ตู้เสื้อผ้าหน้าบานเป็นลามิเนตลายไม้ ข้างๆตู้เป็นช่องใส่ของ Built-in ถึงฝ้าเพดาน ส่วนภายในตู้มีฟังก์ชั่นการใช้งานครบดี ทั้งลิ้นชักเก็บของ ราวแขวนผ้า และช่องใส่เครื่องนอนด้านบน
มือจับตู้ลักษณะนี้ค่ะ
พื้นที่จากประตูห้องนอนถึงเตียงมีระยะ 1.3 เมตร สามารถเปิดตู้เสื้อผ้าออกมาแล้วยืนแต่งตัวได้สบายๆไม่อึดอัด
ระหว่างห้องนอนและห้องนั่งเล่น จะมีทางเดินไปยังห้องครัว ซึ่งทางเดินนี้ไม่มีประตูหรือฉากกั้นระหว่างครัวกับห้องนั่งเล่น ทำให้ระหว่างที่ประกอบอาหารจะทำให้กลิ่นลอยมาถึงส่วนอื่นๆของห้องได้ แนะนำให้ติดตั้งฉากกั้นหรือประตูทำเป็นครัวปิด จะได้ลดปัญหาของกลิ่นขณะประกอบอาหารค่ะ โดยทางขวามือจะเป็นห้องน้ำ ส่วนทางซ้ายมือเป็นห้องอเนกประสงค์ที่มีประตูบานเลื่อนกั้นให้เป็นสัดส่วน
เข้ามาภายในห้องครัวจะเห็นว่าโครงการ Built-in ชุดครัวมาให้แบบนี้เลย เคาท์เตอร์ครัวทั้งด้านบนและด้านล่างมีหน้าบานปิดผิวด้วยลามิเนตลายไม้ ด้านบนมีชั้นลอยและตู้บานเปิดให้สามารถวางของเล็กๆน้อยได้ ส่วนเคาท์เตอร์ครัวด้านล่างมีที่วางช้อน ส้อม มีช่องที่ทำไว้สำหรับวางไมโครเวฟ และพื้นที่ใต้ซิ้งค์ล้างจาน ที่สามารถเอาไว้เก็บน้ำยาล้างจาน ผงซักฟอก หรือของใช้ในครัวได้
ตรงผนังเคาน์เตอร์ติดกระเบื้องมาให้เรียบร้อย ช่วยให้ทำความสะอาดน้ำและคราบต่างๆได้ง่าย ที่ท็อปเคาน์เตอร์ครัวติดตั้งซิงค์ล้างจาน เตาและที่ดูดควันมาให้เรียบร้อย
ฝั่งตรงข้ามกับเคาท์เตอร์ครัวมีพื้นที่ว่างให้สามารถวางตู้เย็นได้แบบนี้ค่ะ
ถัดไปเป็นห้องอเนกประสงค์ที่กั้นด้วยประตูบานเลื่อนคู่ กระจกใสเขียวตัดแสง กรอบอลูมิเนียมสีดำ
โดยห้องอเนกประสงค์มีขนาด 2.65 x 2.7 เมตร สามารถจัดพื้นที่ให้เป็นห้องนอนเด็กเล็ก ห้องนั่งเล่น ห้องทำงาน หรือห้องอื่นๆได้ตาม Lifestyle ของแต่ละคนเลยค่ะ โดยห้องนี้โครงการจะให้เป็นห้องเปล่า ไม่แถมเฟอร์นิเจอร์ใดๆ เพื่อจะได้ไม่เป็นการ Fix ฟังก์ชั่นการใช้งานจนเกินไป
ถัดจากห้องอเนกประสงค์ไปจะเป็นระเบียงห้อง ที่กั้นด้วยประตูบานเลื่อน 3 ตอน ทำให้เมื่อเปิดประตูออกมาแล้วได้ช่องเปิดกว้างดี
ที่พื้นประตูมีการยกธรณีประตูและรางเลื่อนขึ้นมาเล็กน้อย เพื่อกันน้ำไหลจากระเบียงเข้ามาในห้อง พื้นที่ระเบียงกว้าง 2.4 x 0.9 เมตร ปูด้วยกระเบื้องเซรามิคสีเทา ขนาด 30 x 30 เซนติเมตร
มองไปทางขวามือจะเป็นพื้นที่วาง Compressor แอร์ แบบหันลมร้อนเข้าในอาคาร หากติด Compressor แอร์ 3 ตัวแบบนี้ขณะเปิดแอร์แล้วเราออกไปยืนที่ระเบียงทีนี่คงเจอลมพัดแรงดีทีเดียว ตากผ้าแห้งเร็วแน่นอน
มองขึ้นไปบนฝ้าเพดานติดตั้งโคมไฟซาลาเปามาให้ 1 ดวง
อ่างล้างหน้าเป็นแบบลอยตัวรูปสี่เหลี่ยมจตุรัสของ American Standard ด้านล่างมีช่องให้ใส่ของเล็กๆได้ ส่วนที่ผนังติดตั้งกระจกเงามาให้ 1 บาน ผนังข้างอ่างล้างหน้ามีการ Drop ช่องทำชั้นวางของให้
มองขึ้นไปบนฝ้าเพดานมีไฟดาวน์ไลท์ให้ 1 ดวง เหมือนห้องแบบแรกค่ะ
มาปิดท้ายกันที่ห้อง 2 Bedroom ขนาด 42 ตารางเมตร เนื่องจากทำเลนี้เป็นทำเลเฉพาะที่อยู่ใกล้มหาวิทยาลัย การออกแบบห้องแบบนี้จึงต่างจากการออกแบบห้องทั่วไปอยู่พอสมควร โดยโครงการเพิ่มตัวเลือกห้อง 2 Bedroom ให้สำหรับนักศึกษาที่ต้องการซื้ออยู่กับเพื่อนในพื้นที่ที่เป็นสัดส่วนและไม่ใหญ่มาก โดยมีพื้นที่นั่งเล่นและมุมครัวเล็กๆให้เป็นส่วนกลางอยู่ด้วยกัน ห้องนอน 2 ห้อง ขนาดพอๆกัน แต่ห้องหนึ่งมีห้องน้ำในตัว ส่วนอีกห้องหนึ่งต้องมาเข้าที่ห้องน้ำรวมก็ต้องตกลงกันนะคะว่าใครอยากอยู่ห้องไหน โดยการอยู่ห้อง 2 Bedroom แบบนี้จะดีตรงที่หากเพื่อนคนนึงต้องทำงานดึกดื่น อีกคนก็ไปนอนห้องตัวเองได้ไม่ต้องกวนกัน โดยเราจะพาไปดูห้องตัวอย่างในภาพรวมกันพอเป็นน้ำจิ้ม หากใครอยากเห็นห้องจริงสามารถไปที่สำนักงานขายของโครงการได้ค่ะ
เข้ามาในห้องจะเจอโถงที่ถูกจัดฟังก์ชั่นเป็นห้องนั่งเล่นและห้องครัว มีพื้นที่เชื่อมต่อกับห้องนอนเล็ก Master Bedroom และห้องน้ำรวม
ห้องนอนเล็กเป็นห้องขนาดกระทัดรัดที่สามารถวางเตียง Queen Size ขนาด 5 ฟุต ได้สบายๆ ที่ผนังข้างเตียงมีหน้าต่างบานใหญ่เหมือนห้องตัวอย่างแบบอื่นๆ ช่วยให้แสงธรรมชาติเข้าดี
ห้องน้ำรวม มีฟังก์ชั่นค่อนข้างครบ ทั้งพื้นที่อ่างล้างหน้า โถสุขภัณฑ์ และพื้นที่อาบน้ำที่ไม่มีฉากกั้นให้ แต่จะก่อปูนเป็นธรณีขึ้นมาเพื่อกันน้ำไหลจากส่วนเปียกไปส่วนแห้งขณะอาบน้ำ แต่น้ำก็จะกระเด็นไปเปียกส่วนอื่นๆอยู่ดีนะคะ หากไม่หาฉากกั้นหรือผ้าม่านมาติดตั้ง
มองกลับไปที่ประตูทางเข้า จะเห็นว่าข้างๆประตูเป็นครัวเปิดเข้ามุมรูปตัว L ที่โครงการ Built-in มาให้แบบนี้เลย ยกเว้น Prop และเครื่องใช้ไฟฟ้า
อีกด้านเป็นห้องนั่งเล่นขนาดกระทัดรัดที่เชื่อมต่อกับระเบียง สามารถนั่งมองวิวได้จากตรงนี้
ระหว่างห้องนั่งเล่นและห้องครัว จะมีประตูไปสู่ Master Bedroom
โดย Master Bedroom มีขนาดไม่ใหญ่มาก เหมาะกับวางเตียง Queen size 5 ฟุต เหมือนห้องนอนเล็ก ภายในห้องนี้มีหน้าต่างกว้าง แสงธรรมชาติเข้าดีเหมือนห้องนอนอื่นๆ
มองกลับไปจะเจอตู้เสื้อผ้า Built-in ที่โครงการติดตั้งมาให้ ข้างๆกันเป็นประตูทางเข้าห้องน้ำ
ภายในห้องน้ำมีการจัดฟังก์ชั่นมาให้ครบ ตั้งแต่พื้นที่อ่างล้างหน้า โถสุขภัณฑ์พร้อมสายชำระและที่แขวนกระดาษทิชชู่ รวมทั้งส่วนอาบน้ำแบบมีฉากกั้นอาบน้ำเป็นประตูบานเลื่อนแบบสามตอนให้เรียบร้อย
เต้ารับและสวิตซ์ไฟให้ของ Siemens สีขาวค่ะ
**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ
ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 1 July, 2016
- Studio เนื้อที่ 23.5 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 1.69 ล้านบาท หรือ 71,914 บาท/ตร.ม.
- เนื่องจากโครงการยังไม่เปิดตัว และจะ Presale หลังวันที่ 9-10 กค. นี้ หากมีรายละเอียดราคาเพิ่มเติมทางทีมงานจะมาอัพเดทให้อีกครั้งนะคะ 🙂
- Fully Furnished
- เพดานสูง 2.45 เมตร
- Kitchen & Sink
- Hob & Hood
- จอง n/a บาท
- ทำสัญญา n/a บาท
- ดาวน์ n/a ผ่อนดาวน์ n/a งวด
- ค่ากองทุน 400 บาทต่อตารางเมตร
- ค่าส่วนกลาง 40 บาทต่อตารางเมตรต่อเดือน
**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ
ตัวโครงการ Kensington Kaset Campus นี่ถือเป็นคอนโดเจาะกลุ่มเด็ก ม.เกษตรอย่างแท้จริง เพราะทำเลอิง ม.เกษตรเป็นหลัก ไม่มีความอุดมสมบูรณ์อื่นในระยะใกล้ เนื่องจากเป็นคอนโดบุกเบิกบนถนนตัดใหม่ (พหลโยธิน-วิภาวดี) ซึ่งถนนเส้นนี้เพิ่งจะสร้างเสร็จไม่นาน สภาพแวดล้อมรอบๆจึงดูเงียบๆโล่งๆ แต่ด้วยจุดประสงค์หลักในการสร้างถนนเส้นนี้คือต้องการเป็นเส้นทางลัดเพื่อระบายรถติดให้กับรถที่วิ่งเส้นวิภาวดี-พหลโยธิน ในอนาคตอันใกล้เราน่าจะได้เห็นความคึกคักเกิดขึ้นแน่นอน แต่ตอนนี้คงต้องไปอาศัยความอุดมสมบูรณ์ใน ม.เกษตร, ฝั่งตรงข้าม ม.เกษตรบนถนนงามวงศ์วานที่มีของกินหลากหลาย หรือจะไปบนเส้นพหลโยธิน ไล่ตั้งแต่แยกเกษตรไปจนถึงห้าแยกลาดพร้าวนี่มีห้างสรรพสินค้าและตลาดค่อนข้างคึกคัก
ทำเลตรงนี้เป็นทำเลพิเศษที่มีทั้งข้อเด่นและข้อด้อยในคราวเดียวกันนะคะ แม้ว่าโครงการจะอยู่บนถนนตัดใหม่ที่ยังไม่มีความอุดมสมบูรณ์นัก แต่ด้วยที่ตั้งของโครงการที่ติดกับรั้ว ม.เกษตร ทำให้การสัญจรเข้า-ออก ม.เกษตรทำได้ง่ายมาก เพราะบนถนนตัดใหม่นี้มีซอยเล็กซอยย่อยทะลุเข้า ม.เกษตรได้หลายทางในขณะที่คอนโดอื่นๆในละแวกนี้มักจะมีทำเลที่ตั้งอยู่ฝั่งตรงข้าม ม.เกษตรกันซะเป็นส่วนใหญ่ เช่น Kensington พหล-เกษตร ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกันบนถนนพหลโยธิน เป็นต้น ทำให้เวลาจะเดินทางจากที่พักเข้า ม.เกษตร จะต้องไปรถติดอยู่บนถนนไม่ก็ต้องเสียเวลากลับรถอีก ยกเว้นโครงการที่มีสะพานลอยข้ามมา ม.เกษตรได้เลยอันนี้ก็ถือว่าดีไป
การเดินทางด้วยรถถือว่าสะดวกมาก หากใครมีรถส่วนตัวนี่สามารถออกจากคอนโดแล้วเข้า ม.เกษตรได้เลย ด้วยซอยลัดจากถนนตัดใหม่เข้า ม.เกษตร หรือจะไปยังถนนเส้นอื่นๆอย่างถนนพหลโยธิน ถนนวิภาวดี แต่สองเส้นนี้จะติดหนักหน่อยเนื่องจากกำลังก่อสร้างรถไฟฟ้า หรือจะทะลุ ม.เกษตรไปออกอีกประตูก็สามารถทะลุออกงามวงศ์วาน ลอดอุโมงค์เกษตรเข้าถนนเกษตร-นวมินทร์ได้อีกด้วย ที่จอดรถในโครงการแบ่งเป็นจอดรถในร่ม 64 คันและจอดกลางแจ้ง 96 คัน รวมประมาณ 160 คันคิดเป็น 36% หรือรวมจอดซ้อนคัน คิดเป็น 50% ค่อนข้างน้อยไปหน่อย
หากใครไม่มีรถส่วนตัวไม่แนะนำโครงการนี้สักเท่าไหร่ เนื่องจากทำเลถนนตัดใหม่ที่ไม่มีรถโดยสารผ่าน อาจจะมีแท๊กซี่วิ่งผ่านไปผ่านมาบ้าง แต่ก็ยังไม่สะดวกนัก อย่างน้อยซื้อจักรยานมาปั่นชิวๆก็ยังเข้า ม.เกษตรได้สบายๆ หรือใครไม่สะดวกมีรถจริงๆก็ติดรถเพื่อนไปออกเส้นพหลโยธิน วิภาวดี และงามวงศ์วาน ก็จะมีรถตู้ รถประจำทางต่างๆให้เลือกหลากหลายเลย หรือใครจะรอรถไฟฟ้าสายอนาคต คือรถไฟฟ้าสายสีแดง สถานีบางเขนและสถานีทุ่งสองห้องบนถนนวิภาวดี หรือจะใช้รถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยาย สถานีบางบัว บนถนนพหลโยธินก็ได้ค่ะ
โครงการขายแบบ Fully Furnished แถมเฟอร์นิเจอร์และ Built-in ให้พร้อมแอร์ครบทุกห้อง แต่ไม่รวมเครื่องใช้ไฟฟ้า พื้นห้องนั่งเล่นและห้องนอนเป็นไวนิลหรือกระเบื้องยางลายไม้ พื้นส่วนครัวบางห้องที่กั้นแยกและระเบียงด้านนอกเป็นกระเบื้องขนาด 30 x 30 เซนติเมตร ฝ้าสูง 2.4 เมตร ผนังเป็นฉาบปูนเรียบ ไม่มี Wallpaper ห้องครัวเคาท์เตอร์ครบพร้อม Hob and Hood ขนาดค่อนข้างเล็ก สุขภัณฑ์ในห้องน้ำของ American Standard ที่ประตูมี Digital Doorlock ให้พร้อม ถือว่าให้มาครบแบบออกแบบให้พอดีกับห้อง และบางแบบก็จะมี Built-in ที่เป็นประตูบานเลื่อนที่เลื่อนปิดห้องนอน หรือเลื่อนมาอีกฝั่งก็จะปิดประตูตู้เสื้อผ้าแทน เป็น Built-in ที่สร้างความยืดหยุ่นในการใช้งานพื้นที่ได้ดี
การออกแบบโครงการตามผืนที่ดินที่ยาวเป็นเส้นก๋วยเตี๋ยว โดยตัวถูกอาคารล้อมรอบด้วย Facilities ให้อาคารพักอาศัยอยู่ตรงกลาง 2 ตึก และให้อาคาร Facilities หลักอยู่ด้านหน้า ส่วนสวนสาธารณะที่เป็น Facilities รองอยู่ด้านหลัง การออกแบบผังแบบนี้มีข้อดีคือลูกบ้านสามารถกระจายการใช้งาน Facilities ได้ทั่วถึง และการจัด Facilities หลักไว้ด้านหน้าติดกับถนนหลักอย่างถนนตัดใหม่ จะช่วยให้ตัวโครงการดูคึกคัก แต่การใช้งานของลูกบ้านจะไม่ค่อยสะดวก เพราะต้องเดินออกจากตึกตัวเองไปยัง Facilities ส่วนต่างๆซึ่งถ้าอยู่ในตึกเดียวกับอาคารพักอาศัยแค่ลงลิฟต์ก็ถึงแล้ว
การออกแบบห้องพักมีแบบให้เลือกค่อนข้างหลากหลายตั้งแต่ห้อง Studio, 1 Bedroom, 1 Bedroom plus และ 2 Bedroom โดยโครงการนี้จะเน้นห้อง 1 Bedroom ซะเป็นส่วนใหญ่ เนื่องจากมีจำนวนห้องมากกว่าและมีขนาดที่อยู่ได้พอดีๆสำหรับนักศึกษา โดยห้องแต่ละแบบก็จะมีจุดเด่นต่างกัน เช่นห้อง 1 Bedroom มีจุดเด่นที่มีครัวปิด เหมาะกับคนที่ชอบทำอาหาร อยากทำอะไรกินเองก็สะดวก ไม่ส่งกลิ่นไปรบกวนส่วนอื่นๆในห้อง แถมใครซื้อไว้ปล่อยเช่าก็ไม่ต้องกังวลเรื่องกลิ่นติดเฟอร์นิเจอร์ในห้องด้วย นอกจากนี้ยังมีประตูบานเลื่อน 2 ชั้นที่ห้องนอน ช่วยให้ยืดหยุ่นการใช้สอยพื้นที่ได้ ส่วนห้อง 1 Bedroom plus ก็เน้นคนที่ต้องการพื้นที่ห้องเล็กเพิ่ม อาจจะใช้เป็นที่ทำงานหรือเป็นห้องนอนเล็กอีกห้องก็ได้ ส่วนห้องแบบ 2 Bedroom ก็เหมาะกับการอยู่อาศัย 3-4 คน มี 2 ห้องนอน พื้นที่ครัวและห้องนั่งเล่นในขนาดกระทัดรัด สิ่งที่เหมือนกันในห้องทุกแบบคือการทำช่องเปิดที่กว้าง ทำให้ห้องดูโปร่งไม่อึดอัด และการเลือกใช้ประตูกระจกบานเลื่อนแบบ 3 ตอนซะเป็นส่วนใหญ่ ทำให้ช่องเปิดกว้างเวลาเลื่อนเปิดประตูค่ะ
สุดท้ายแล้วคือสาธารณูปโภคส่วนกลางให้ตามมาตรฐานคอนโด Low Rise ทั่วไป แต่จะแตกต่างกันที่การจัดวางคือแยกออกมาจากตัวอาคาร ซึ่งมีข้อดีตรงทำให้ส่วนพักอาศัยไม่วุ่นวายและเป็นส่วนตัว แต่มีข้อเสียคือต้องเดินข้ามตึกไปใช้งาน โดยมีอาคาร Facilities ที่ประกอบด้วย ร้านค้า 3 ร้าน, Lobby, Fitness และสระว่ายน้ำ ซึ่งตรงนี้ดีนะที่โครงการมีร้านค้ารองรับไว้ให้เนื่องจากไม่มีของซื้อของขายในระยะใกล้เคียง ส่วนด้านหลังโครงการมีสวนสาธารณะที่มีศาลานั่งเล่นให้ สำหรับค่าส่วนกลาง 40 บาท/ ตารางเมตร ก็ถือว่าเป็นราคาที่ค่อนข้างโอเคสำหรับโครงการ Facilities แยกอาคาร และมีพื้นที่สีเขียวเป็นสวนสาธารณะที่ต้องได้รับการดูแล หากเราต้องการให้ความสวยงามของโครงการอยู่กับเราไปนานๆก็เป็นราคาที่น่าจ่ายค่ะ
Judgement
การให้คะแนนโครงการนี้จะเน้นไปที่กลุ่มลูกค้าที่เป็นนักศึกษาหรือคนที่ทำงานใกล้ๆกับโครงการ เพราะถ้าเป็นคนที่ทำงานในพื้นที่อื่นๆที่ไม่ใช่ละแวกนี้ยังมีตัวเลือกอื่นให้เลือกอีกเยอะค่ะ ลองหาอ่านและให้คะแนนตามความเหมาะสมของตัวเองดูนะคะ
การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้
ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%
เทียบกับราคา 71,914 บาท/ตร.ม., 1 July, 2016 (ราคานี้เป็นราคาเริ่มต้นตอนเปิดตัวนะคะ ไม่ใช่ราคาเฉลี่ยของทั้งโครงการ ใครที่ได้ราคาสูงกว่านี้ก็หักลดเพิ่มเติมกันเองได้เลยค่ะ)
- ทำเล 7.5/10 -ติดรั้ว ม.เกษตร ไม่มีความอุดมสมบูรณ์ในระยะใกล้ แต่สามารถเข้าใน ม.เกษตร มีของกินหลากหลาย หรือไปเส้นพหลโยธินก็มีทั้งแหล่งงาน แหล่งการศึกษา และแหล่งช็อปปิ้ง
- เดินทางด้วยรถ 8/10 -การเดินทางด้วยรถยนต์ค่อนข้างสะดวก เป็นทางลัดระหว่างถนนวิภาวดีและพหลโยธิน หรือจะทะลุ ม.เกษตรไปงามวงศ์วานหรือเกษตร-นวมินทร์ก็ได้ แต่หักที่จอดรถให้มาน้อยไปหน่อย
- ไม่ใช้รถ (ปัจจุบันที่ยังไม่มีรถไฟฟ้า) 7/10 -ไม่ค่อยสะดวก เพราะไม่มีรถประจำทางผ่านเลย หากจะขึ้นรถโดยสารต้องไปบนเส้นพหลโยธิน วิภาวดี หรืองามวงศ์วานจะมีให้เลือกหลากหลาย
- ไม่ใช้รถ (เมื่อมีรถไฟฟ้า) 7.5/10 -หากเรียกแท็กซี่ออกไปจากโครงการประมานกิโลกว่าๆก็ถึงสถานีรถไฟฟ้าบางบัวบนถนนพหลโยธิน หรือจะไปใช้รถไฟฟ้าสายสีแดงบนถนนวิภาวดีก็ได้
- วัสดุ 7.5/10 -ขายแบบ Fully furnished หิ้วกระเป๋าเข้าอยู่ได้เลย
- แบบ 8/10 -แบบห้องมีให้เลือกหลากหลายตามการใช้งาน ปรับเปลี่ยนฟังก์ชั่นได้ง่าย
- สาธารณูปโภค 7.5/10 – Facilities แยกกับตัวอาคาร มีให้ครบพอดีๆกับจำนวนยูนิต แต่ไม่ได้หวือหวามากเหมือนๆกับคอนโด Low rise ทั่วไป
- MAIN CLASS
- 7.55/ 10.00 คะแนน (ปัจจุบันที่ยังไม่มีรถไฟฟ้า)
- 7.62/ 10.00 คะแนน(เมื่อรถไฟฟ้าเปิดให้บริการ)
BOTTOM LINE
Kensington Kaset Campus เหมาะกับคนที่มองหาคอนโดใกล้ ม.เกษตร เดินทางเข้า-ออกมหาวิทยาลัยได้ง่าย ใช้รถส่วนตัวเป็นหลัก แต่ก็หวังพึ่งรถไฟฟ้าในอนาคต ชอบโครงการ Facilities ครบและชอบใช้งาน ในขณะที่ต้องการโครงการที่มีความเงียบสงบ มีงบประมาณระดับ 1.69 – n/a ล้าน หรือมีกำลังผ่อนประมาณ 11,830 – n/a บาท/เดือน
ถ้ามีความเห็นว่ารีวิวตัวนี้มีประโยชน์ ช่วยกด LIKE ให้หน่อยนะคะ จะได้มีกำลังใจในการทำรีวิวต่อไป
สมัครสมาชิกพร้อมรับข่าวสารเพิ่มเติม (คลิกที่นี่ )