รีวิวฉบับที่ 982 วันนี้จะพาไปชมห้องตัวอย่างของโครงการ Kensington พหล-เกษตร โครงการคอนโด Low-rise ในซอยพหลโยธิน 42 ที่ตัวซอยจะอยู่ระหว่างเส้นต่อขยายรถไฟฟ้าสายสีเขียวสถานีกรมป่าไม้และสถานีม.เกษตร รอบๆมีสถานที่ราชการ สถาบันการศึกษาและแหล่งงานค่ะ
Facts @ 11 Nov 2015
- Kensington Phahol-Kaset (เคนซิงตัน พหล-เกษตร)
- บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน)
- MANT CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
- โครงการตั้งอยู่ในเขต : จตุจักร
- ประเภทคอนโด : Low Rise 8 ชั้น 1 อาคาร 229 ยูนิต
- ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 33 ยูนิต
- ที่จอดรถ : ประมาณ 41% รวมจอดซ้อนคัน
- ที่ดิน : ประมาณ 1-3-62 ไร่
- เริ่มก่อสร้าง : Q3/2559
- คาดว่าจะแล้วเสร็จ : Q4/2560
- 1 Bedroom : Superior 25 ตร.ม.
- 1 Bedrooms : Suite 30.00 – 34.50 ตร.ม.
- 1 Bedrooms : Suite Terrace 34.50, 38.50 ตร.ม.
- 2 Bedrooms : Penthouse 41.50, 49.00 ตร.ม.
- 2 Bedrooms : Penthouse Terrace 45.00 ตร.ม.
- ฝ้าเพดานสูง : 2.4 เมตร
- ราคาห้องเริ่มต้น : 1.9 ล้านบาท
- ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรทั้งโครงการ : 80,000 บาท/ตร.ม.
- ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรต่ำสุด-สูงสุด : 70,000-90,000 บาท/ตร.ม.
- EIA (การประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม) : n/a
- เวปไซต์โครงการ : คลิกที่นี่
- โทร : 062-602-9000
เพียงแค่การกด Like ก็เท่ากับการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจาก Think of Living แล้วค่ะ
สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างนะ
พิกัด : 13.845780, 100.580841
แผนที่โครงการ ตัวที่ดินโครงการตั้งอยู่ในซอยพหลโยธิน 40/1 แต่สามารถเข้าจากซอยพหลโยธิน 42 ที่อยู่ใกล้กว่าได้ ในแง่การตลาด-การขายเลยใช้เป็นซอย 42 นะคะ ซอยพหลโยธินฝั่งเลขคู่จะอยู่ถนนพหลโยธินมุ่งหน้าแยกเกษตรที่พึ่งรื้อสะพานข้ามแยกไป จากปากซอยถึงที่ดินโครงการมีระยะประมาณ 200 เมตร
โครงการ Kensington พหล-เกษตร ตั้งอยู่ในซอยพหลโยธิน 40/1 ที่สามารถทะลุออกซอย 42 ที่อยู่ถึงก่อนได้ ฝั่งซอยเลขคู่จะเป็นฝั่งที่มุ่งหน้าไปแยกเกษตร โดยถนนพหลโยธินนั้นยาวมาตั้งแต่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ขึ้นเหนือไปเรื่อยผ่านปทุมธานี ทำให้การเข้าถึงโครงการสามารถเข้าได้จากถนนหลายสายทั้งที่ตัดผ่านและบรรจบ ตั้งแต่ถนนวิภาวดีรังสิตขาเข้าและขาออก มีสะพาน U-turn ให้เลือกกลับรถเยอะ หรือจะเป็นถนนแจ้งวัฒนะที่มาจากทางนนทบุรีที่เป็นพื้นที่รองรับการขยายเมืองอย่างศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ และห้างสรรพสินค้าต่างๆสองข้างริมถนนใหญ่ รวมถึงอนุสาวรีย์พิทักษ์รัฐธรรมนูญที่เป็นวงเวียนและสะพานข้ามแยกของถนนพหลโยธิน, ถนนแจ้งวัฒนะและถนนรามอินทรามุ่งหน้ามีนบุรี ส่วนทางใต้เป็นแยกเกษตรที่มุ่งหน้าห้าแยกลาดพร้าวที่ขึ้นชื่อเรื่องรถติด แต่มีศูนย์การค้า โรงเรียน อาคารสำนักงานอยู่เยอะรวมถึงสนามบินดอนเมือง
ซึ่งถ้าเรามองในแง่คนที่อาศัยอยู่ภายในพื้นที่อยู่แล้วหรือทำงานประจำอยู่แถบเกษตร-พหลโยธิน-วิภาวดี จะถือว่าอยู่ในตำแหน่งที่ความสะดวก แต่ปริมาณรถในช่วงเช้า-เย็น ช่วงเข้างานและหลังเลิกงานก็จะมีปริมาณมาก เนื่องจากถนนพหลโยธินนั้นผ่านตั้งแต่พื้นที่ในเมือง ลาดพร้าว และขึ้นไปยังพื้นที่ที่อยู่อาศัย รวมถึงขนานกับเส้นวิภาวดีรังสิตที่เป็นถนนเส้นหลัก รวมถึงมีศูนย์ราชการ และสถานที่ราชการอยู่ไม่ไกล ทำให้การเดินทางในบางช่วงเวลาอาจใช้เวลานานกว่าที่คิด รวมถึงล่าสุดที่มีการทุบสะพานข้ามแยกเกษตรเพื่อก่อสร้างเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายบนถนนพหลโยธิน ทำให้เลนถนนหายไปบางส่วน ทางขึ้นทางด่วนโทลล์เวย์เข้าเมืองจะต้องออกไปที่ถนนแจ้งวัฒนะเลี้ยวซ้ายไปถนนวิภาวดีขาเข้า จะมีด่านทางขึ้นอยู่ไม่ไกล แต่ถ้าด่านออกนอกเมืองเส้นวิภาวดีต้องไปอ้อมไกลเลยทีเดียว
พื้นที่ชานเมืองตอนเหนือของกรุงเทพ คือตอนเหนืออย่างเส้นพหลโยธินและซอยที่ตั้งอยู่เยื้องๆกับม.เกษตร วิทยาเขนบางเขน ส่วนถนนพหลโยธินใกล้ๆกับโครงการจะเป็นอาคารพาณิชย์ที่สองฝั่งของถนนใหญ่ และในซอยก็จะเป็นบ้านพักอาศัยแนวราบทั้งที่จัดสรรและไม่จัดสรร รวมถึงอพาร์ตเม้นท์ให้เช่า เนื่องจากมีมหาวิทยาลัยอย่างม.เกษตรและม.ศรีปทุม สถานที่ราชการอย่างราบ 11 ที่มีพื้นที่ขนาดใหญ่มาก กรมทางหลวง กรมวิทยาศาสตร์ทหารบก ปะปนกับสิ่งปลูกสร้างที่เกื้อกูลในการใช้ชีวิตประจำวันอย่างวัด โรงเรียน ส่วนเรื่องของกินก็จะมีแถวแยกเกษตรเยอะ รวมถึงหน้าปากซอยที่มี 7-11 เนื่องจากในซอยก็จะมีอพาร์ตเม้นท์ให้เช่าอยู่หลายอาคาร
ส่วนในเรื่องของระบบขนส่งสาธารณะก็จะมีสถานีรถไฟฟ้าสายสีชมพูที่ตัดมาจากสถานีศูนย์ราชการตรงรัตนาธิเบศร์เป็นสถานี Interchange สายสีชมพู-ม่วง-น้ำตาล สายสีชมพูจะจัดตรงมาเรื่อยๆบนถนนแจ้งวัฒนะข้ามทางรถไฟ และเลยไปถึงถนนรามอินทรา และอีกสายหนึ่งคือสายสีเขียวต่อขยายช่วงห้าแยกลาดพร้าว-คูคต โดยมีสถานีวัดพระศรีมหาธาตุและสถานีวงเวียนหลักสี่เป็นสถานี Interchange ที่เดินเชื่อมต่อกันได้ แต่ไม่ได้ใช้ตัวสถานีเดียวกัน ซอยโครงการอยู่ระหว่างสถานีเกษตรซึ่งห่างจากแปลงที่ดิน 1.2 กิโลเมตร (รวมระยะในซอย) และสถานีกรมป่าไม้ระยะเดินประมาณ 600 เมตร ภายในอีก 5 ปีข้างหน้า เราคงจะเร่ิมเห็นการเปลี่ยนแปลงของพื้นที่ไปในทางที่ดีขึ้น และเข้าถึงง่ายมาขึ้นนะคะ
ตัดกลับมาสถานการณ์ปัจจุบันที่ยังไม่มีสถานีรถไฟฟ้าใดๆในระยะ 5 กิโลเมตร เราก็ยังคงจะต้องพึ่งพารถตู้และรถสองแถวที่หาได้ง่ายบนถนนวิภาวดีรังสิต ถนนแจ้งวัฒนะ ถนนพหลโยธิน รวมถึงรถเมล์ แท๊กซี่ และพี่วินที่สามารถเรียกได้ตามถนนใหญ่
การเดินทางวันนี้จะเริ่มต้นจากถนนวิภาวดีขาเข้า เลี้ยวซ้ายเข้าถนนงามวงศ์วานที่ทั้งบล็อกเป็นประตูทางเข้าม.เกษตร แล้วเลี้ยวซ้ายอีกทีที่แยกเกษตรเข้าถนนพหลโยธินขาออก กลับรถเพื่อเลี้ยวเข้าซอยพหลโยธิน 42 ที่เป็นทางเข้าของโครงการ เลี้ยวขวาที่ซอยย่อยแรกเข้าไปประมาณ 70 เมตร ที่ดินจะอยู่ทางขวามือ
เริ่มต้นจากถนนวิภาวดีขาออกตรงทางคู่ขนาน ตรงสะพานกลับรถที่พี่แท๊กซี่ชอบเรียกกันว่าสะพานยาคูลย์ เพราะมีโรงงานยาคูลย์อยู่ไม่ไกล ฝั่งซ้ายมือเป็นโชว์รูมรถ ด้านบนเป็นโทลล์เวย์
เราจะตรงมาเรื่อยๆบนถนนวิภาวดีตรงทางคู่ขนาน ไม่เข้าไปด้านในเพราะจะเลยทางเลี้ยวซ้ายเข้าถนนงามวงศ์วานนะคะ แต่ถ้าใครเชี่ยวชาญเส้นทางจะขยันเข้าแล้วเบี่ยงออกมาอีกทีก็ไม่ว่างกัน บนถนนวิภาวดีนานๆทีก็จะมีสะพานลอยข้ามยาวๆ
ตรงมาอีกหน่อยทางซ้ายมือก็จะเป็นประตูเข้า-ออกของม.เกษตร
ขวามือจะเป็นทางลงโทลล์เวย์จากนอกเมืองพอดี ส่วนใครที่มาจากโทลล์เวย์ในเมืองก็จะไปกลับรถที่สะพานยาคูลย์เมื่อสักครู่
ป้ายบอกทางเราจะเริ่มชิดซ้ายเพื่อเข้าถนนงามวงศ์วานไปทางป้ายม.เกษตรกัน
เลี้ยวซ้ายไม่ต้องรอไฟแดงเข้าถนนงามวงศ์วาน ใต้สะพานข้ามแยกมีจุดกลับรถจากอีกฝั่งหนึ่ง ตรงหัวมุมฝั่งตรงข้ามก็จะเป็นโรงพยาบาลวิภาวดี
เข้ามาที่เส้นงามวงศ์วานทางซ้ายมือก็จะเป็นประตูเข้า-ออกม.เกษตร ก็จะไล่ประตูไป 1-2-3 หน้าประตูก็จะมีสะพานลอยข้ามจากฝั่งตรงข้ามที่จะมีร้านอาหารเก่าแก่อย่างบัว ใหม่ๆหน่อยอย่าง Pola pola มีร้านอินเตอร์เนต ร้านถ่ายรูป ร้านปริ้นท์งาน นอกจากนั้นภายในม.เกษตรเองก็จะมีร้านอาหารที่อัพเกรดขึ้นจากโรงอาหารธรรมดา อย่างร้านสเต็ก ร้านชาบู ร้านปิ้งย่าง โดยใช้ผลิตภัณฑ์จากของมหาวิทยาลัยเอง
ตรงมาหน่อยก็จะมี Tops Market อยู่ฝั่งตรงข้าม ซึ่งในซอยก็จะมีร้านอาคารตามอาคารพาณิชย์อีกเยอะมากๆ ทั้งของคาวของหวาน ราคาตามสไตล์นักศึกษา เลยไปอีกหน่อยก็จะเป็นหอพัก อพาร์ตเม้นท์ และคอนโดทั้ง Low-rise ไปจนถึง High Rise ที่มาจับกลุ่มลูกค้านักศึกษา
ตรงมาหน่อยก็จะมีป้ายบอกทาง ถ้าเลี้ยวซ้ายจะถนนพหลโยธิน หรือถ้าชิดขวาจะเป็นทางลงไปยังทางลอดแยกเกษตรที่มุ่งหน้าเข้าถนนนวมินทร์
นี่เป็นจุดเริ่มทางแยก คือขวามือเป็นทางลอด ทางซ้ายเป็นทางระดับปกติ จากตรงนี้เราจะชิดซ้ายเตรียมเลี้ยวซ้ายเข้าถนนพหลโยธินกัน
ถึงตรงแยกเกษตรก่อนจะเลี้ยวซ้ายจะเห็นว่าสะพานข้ามแยกเกษตรบนถนนพหลโยธินได้หายไปแล้ว ก็เป็นผลมาจากการเตรียมพื้นที่ก่อสร้างทางรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยาย ซึ่งก็จะทำให้แน่นอนว่ารถติดขึ้น เส้นทางรถไฟฟ้าสายสีเขียวต่อขยายก็จะมีสถานีม.เกษตรซึ่งคาดว่าน่าจะอยู่แถวๆนี้ บนถนนก่อนจะถึงแยกก็จะมีจุดกลับรถเหนือทางลอดอีกจุด
เลี้ยวซ้ายมาบนถนนพหลโยธิน ทางซ้ายมือก็ยังเป็นพื้นที่ของม.เกษตรอยู่ มีประตูทางเข้าเหมือนกัน ซึ่งเป็นประตูทางเข้าออกม.ที่ใกล้กับโครงการมากที่สุด และก็จะมีทางม้าลายให้เดินข้าม สำหรับใครที่ขับรถก็จะมีทางกลับรถให้เป็นระยะๆ
รถเมล์ แท๊กซี่ รถตู้แบบประจำทางเรียงรายให้ได้เลือกกันเต็มที่ ซึ่งทั้งสองฝั่งของถนนพหลโยธินก็จะมีป้ายรถเมล์เป็นระยะๆอยู่แล้ว จากรูปก็จะเห็นว่ารถติดพอสมควร แต่เคลื่อนตัวได้ เนื่องจากเลนตรงกลางก็ถูกใช้เป็นพื้นที่ก่อสร้างไปเรียบร้อย
ตรงมาอีกหน่อยนึงก็จะเห็นป้ายโรงแรมมารวยอยู่ทางขวามือ เราก็จะเริ่มชิดขวาเพื่อกลับรถไปยังถนนอีกฝั่ง
ป้ายบอกทางทางกลับรถอีก 100 เมตร ฝั่งซ้ายมือคือกรมป่าไม้ ซึ่งเป็นหนึ่งในชื่อสถานีของเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีเขียว คาดว่าน่าจะอยู่แถวๆนี้ ห่างจากโครงการประมาณคร่าวๆได้ 600 เมตรระยะเดินรวมนับในซอย
จุดกลับรถหน้ากรมวิทยาศาสตร์ทหารบก
กลับรถมาอยู่บนถนนพหลโยธินขาเข้าเรียบร้อย เราจะตรงไปเรื่อยๆอีกหน่อยเข้าซอยพหลโยธิร 42
ตรงมานิดเดียวซ้ายมือจะเป็นกรมการทางพิเศษให้ชิดขวา เราจะเลี้ยวซ้ายเข้าซอยถัดไป
บรรยากาศหน้าซอยพหลโยธิน 42 ถือว่าคึกคักใช้ได้ มีร้านอาหารรถเข็นช่วงกลางวันและกลางคืน มี 7-11 อยู่หน้าปากซอยพอดี สภาพถือว่าเรียบร้อยสะอาด คนเยอะนิดหน่อยถือว่าเป็นเรื่องดี
เข้าซอย 42 มาแล้ว ภายในซอยไม่มีทางเท้า ควรเดินระวังนิดนึง ทางซ้ายมือจะเป็นพื้นที่ของกรมการทางพิเศษยาวไปเรื่อยๆทำให้มีรถจอดภายในซอยอยู่บ้าง ทางขวามือเป็นบ้านพักอาศัย เลยไปหน่อยอาคารสีชมพูเป็นอพาร์ตเม้นท์สูง 8 ชั้นให้เช่า ชั้น 1 มีร้านอาหารตามสั่ง
ตรงมาอีกนิดจะเห็นซอยย่อยทางขวามือซอยแรกเราจะเลี้ยวเข้ากัน ฝั่งตรงข้ามจะเป็นประตูทางออกจากพื้นที่ของการทางพิเศษ
เลี้ยวขวาเข้าซอยย่อยกันมาแล้ว ก็จะเป็นพื้นที่ของซอยพหลโยธิน 40/1 ซึ่งสามารถทะลุออกไปถนนใหญ่ได้เช่นกัน ความกว้างของตัวซอยถือว่ากว้างอยู่ แต่พอมีรถจอดสองฝั่งทำให้ดูแคบไปนิด เดินรถสวนทางเบียดๆกันพอได้
สองฝั่งจะเป็นบ้านพักอาศัยแนวราบที่มีบริเวณระดับหนึ่งทั้งหมด
พื้นที่โครงการแต่ก่อนเคยเป็นบ้านพักอาศัยเช่นกัน ซึ่งปัจจุบันตัวโครงสร้างก็จะยังอยู่ แต่จะมีการรื้อถอนในอนาคต การก่อสร้างจริงจะเร่ิมที่ Q3 ของปีหน้า
พื้นที่โครงการจะเป็นรูปสี่เหลี่ยมคางหมูแบบหน้ากว้าง อยู่ระหว่างบ้านพักอาศัยและอพาร์ตเมนท์สูง 5 ชั้นอีกหลังนึงด้านในสีครีม
สุดพื้นที่โครงการที่ตรงนี้นะคะ
เลยเข้ามาอีกหน่อยทางซ้ายมือจะเป็นพื้นที่เช่าสำหรับจอดรถของการทางพิเศษ ยาวๆไปก็จะเป็นบ้านพักอาศัยแนวราบปกติ
มาดูรอบๆโครงการกันหน่อยนะคะ ทางเข้าโครงการจากถนนพหลโยธินขาเข้าสามารถเข้าได้ 2 ทางคือจากซอยพหล 40/1 หรือ 42 ซึ่งเวลาขับบนถนนพหลโยธินก็จะเจอซอย 42 ก่อน ทำให้คนนิยมเข้าจากซอย 42 ที่ปากซอยมี 7-11 มากกว่า เข้ามาในซอยทางซ้ายมือก็จะเป็นพื้นที่ของทางการพิเศษที่มีประตูทางออกตรงกับซอยย่อยของโครงการที่จะต้องเลี้ยวขวา หัวมุมจะมีอพาร์ตเม้นท์สูง 8 ชั้นสีชมพูให้เช่า มีร้านอาหารตามสั่งอยู่ที่ชั้น 1 เข้ามาในซอยย่อยก็จะเป็นพื้นที่บ้านที่อยู่อาศัยสูง 2 ชั้น มีบริเวณนิดหน่อยเรียงๆกันไป พื้นที่โครงการจะอยู่ขวามือ ข้างๆกับอพาร์ตเม้นท์อีกหลังสูง 5 ชั้น เยื้องๆกับพื้นที่เป็นพื้นที่เช่าจอดรถของการทางพิเศษ ปัจจุบันพื้นที่โครงการยังเป็นสิ่งปลูกสร้างเดิมอยู่นั่นก็คือบ้านพักอาศัย แต่ต่อไปก็จะมีการรื้อถอน ซึ่งทางเข้า-ออกโครงการก็จะทำได้จากซอยย่อยที่เข้ามาทางเดียว ทางด้านหลังจะเป็นซอยส่วนบุคคล
**รูปนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการแบบคร่าวๆไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการได้นะคะ
สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น
- กรมการทางพิเศษ (ระยะเดิน) 100 เมตร
- มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บางเขน (ระยะเดิน) 700 เมตร
- โรงเรียนสารวิทยา (ระยะเดิน) 900 เมตร
- ม.ศรีปทุม (ระยะเดิน) 1.2 กิโลเมตร
- โรงเรียนบางบัว 1.6 กิโลเมตร
- กรมทหารราบที่ 11 (ระยะเดิน) 2 กิโลเมตร
- โรงพยาบาลวิภาวดี 3.4 กิโลเมตร
- วัดพระศรีมหาธาตุวรวิหาร 3.5 กิโลเมตร
- สำนักงานเขตบางเขน 4.3 กิโลเมตร
- Central รามอินทรา 4.7 กิโลเมตร
- Major รัชโยธิน 5.2 กิโลเมตร
- ศูนย์ราชการ แจ้งวัฒนะ 7.4 กิโลเมตร
- Central ลาดพร้าว 7.5 กิโลเมตร
- Union mall 7.5 กิโลเมตร
- สนามบินดอนเมือง 12 กิโลเมตร
ภาพจำลองภายนอกของโครงการ Kensington พหล-เกษตร คอนโด Low Rise สูง 8 ชั้น 227 ยูนิต ตัวอาคารเป็นรูปตัว U หันหน้าโครงการออกซอยพหลโยธิน 40/1 ตัวอาคารใช้โทนสีขาว-เขียวอ่อนตกแต่ง ชั้น 1 เป็นชั้นจอดรถใต้อาคาร มีบางส่วนที่โดนแดดบ้าง เร่ิมมีส่วนของห้องพักที่ชั้น 2 ไปจนถึงชั้น 8 ไม่มีพื้นที่ส่วนกลางดาดฟ้า รอบๆอาคารมีพื้นที่สีเขียวที่เรียกว่าสวนสไตล์อังกฤษ และที่แปลกจากโครงการอื่นคือมีอาคารส่วนกลางชั้นเดียว แต่ยกพื้นสูงตั้งอยู่ที่ระหว่างอาคารพักอาศัยรูปตัว U แยกออกมา เป็นพื้นที่ยกระดับขึ้นมาหน่อยประมาณชั้น 1 ครึ่ง ภายในก็จะมี Terrace เป็นพื้นที่นั่งเล่น ชั้น 2 เป็นสระว่ายน้ำระบบเกลือ พื้นที่ข้างสระและห้องฟิตเนส ซึ่งการใช้งานจากห้องพักมาอาคารส่วนกลางก็จะต้องลงลิฟท์มาที่ชั้น 1 แล้วเดิน แต่ก็จะมีกรณีพิเศษสำหรับ 7 ยูนิตที่ชั้น 2 มี Terrace เป็นของตัวเองก็จะเดินจากระเบียงห้องพักลงมาได้เลย
หน้าโครงการจากซอยด้านหน้าจะเป็นซอยพหลโยธิน 40/1 ที่มีทางเข้าอยู่ฝั่งที่ใกล้กับซอยพหลโยธิน 42 ที่เราเข้าไปกันเมื่อสักครู่ Facade จะไม่ได้เป็นแบบเรียบๆเรียงกันหน้ากระดานซะหมด แต่จะมีห้องที่หลุบเข้าไปเป็นห้องขนาดเล็กหน่อย
ภาพบรรยากาศจำลองทางเข้าโครงการ ตัวอาคารตกแต่งเป็นสีขาว-เขียวอ่อน
ฝั่งเหนือ ติดกับบ้านพักอาศัยแนวราบ
ทิศตะวันตกจะเป็นส่วนเปิดของอาคารรูปตัว U จะเห็นว่าอาคารพักอาศัยจะล้อมพื้นที่ส่วนกลางตรงกลางไว้ โดนพื้นที่ตรงกลางนอกจากจะเป็นพื้นที่สีเขียวอย่างสวนแล้วก็จะมีอาคารส่วนกลาง
จากด้านบนพื้นที่ส่วนก็จะเป็นทางเชื่อมระหว่างอาคารได้ที่ชั้น 1 เข้าได้จากพื้นที่จอดรถรอบๆ และจากห้องที่มีบันไดลงมาจาก Terrace ที่ชั้น 2 เป็นจำนวน 7 ยูนิตพิเศษ
บันไดจากระเบียงของห้องพักที่ชั้น 2 สามารถเดินลงมาพื้นที่ส่วนกลางจากห้องได้เลยโดยที่ไม่ต้องอ้อมไปลงลิฟท์เหมือนห้องอื่นๆ
มาดูอาคารส่วนกลางบ้างนะคะ เป็นอาคารชั้นเดียว แต่ยกสูงขึ้นมาตั้งอยู่บนพื้นที่จอดรถ โดยทางขึ้นสามารถขึ้นได้จากบันไดข้าง terrace ทางซ้ายมือใกล้กับพื้นที่นั่งเล่น จะมีสระว่ายน้ำขนาด 5 x 15 เมตร ระบบเกลือ มีทางเดินรอบสระ และมีฟิตเนสอยู่ด้านหลัง พร้อมห้องน้ำแยกชาย-หญิง เดินขึ้นไปด้านบนดาดฟ้าก็จะมีพื้นที่นั่งเล่นกลางแจ้งอีกจุดหนึ่ง
บรรยากาศตรงกลางจากพื้นที่ส่วนกลางอย่างสระว่ายน้ำมองไปเห็นสวน ซึ่งการที่เปิดเป็นพื้นที่โล่งก็อาจจะมีการเหนียมอายกันบ้าง
ทางเข้าอาคารส่วนกลาง ก็จะเจอกับบันไดมายัง Terrace ข้างๆก่อน แล้วก็เลือกว่าจะเดินไปยังสระว่ายน้ำหรือขึ้นบันไดอีกทีไปที่ดาดฟ้าด้านบน
อีกฝั่งหนึ่งก็มีพื้นที่นั่งเล่นข้างห้องฟิตเนสเช่นกันแต่เป็นในร่ม
Facade ฝั่งทางทิศใต้ แดดแรงตลอดวัน เนื่องจากอาคารเป็นรูปตัว U ก็จะมีห้องพักในทุกๆด้านครบทิศเลย
เร่ิมกันที่ผังชั้น 1 กันค่ะ โครงการ Kensington พหล-เกษตร เข้าได้จากถนนพหลโยธิน เข้าซอยพหล 40/1 หรือซอย 42 ได้ทั้งสองทาง จากซอย 42 เข้ามาเลี้ยวขวาที่ซอยย่อยแยก พื้นที่โครงการจะอยู่เข้ามาอีกนิดนึง แปลงที่ดินเป็นรูปสี่เหลี่ยมคางหมู รูปทรงอาคารสร้างเป็นรูปตัว U ตัวคอนโดสูง 8 ชั้นเป็นอาคาร Low rise เข้ามาจะเจอพื้นที่จอดรถที่ัชั้น 1 สามารถวนรถได้รอบๆเป็นสี่เหลี่ยม ส่วนใหญ่อยู่ใต้อาคาร แต่ก็จะมีบางส่วนอยู่กลางแจ้ง รวมที่จอดรถทั้งหมด 41% รวมจอดซ้อนคันคิด โดยทางเข้าอาคารจะมี 2 ทางคือที่ Double Volume Lobby ที่มีลิฟท์ตัวนึง และอีกตัวนึงที่มุมอาคารอีกจุด รวมมีลิฟท์โดยสาร 2 ตัว อัตราส่วนลิฟท์อยู่ที่ 115 : 1 และบันไดหนีไฟ 2 จุด รอบๆอาคารก็จะมีพื้นที่สีเขียวทั้งปูหญ้าและปลูกต้นไม้ใหญ่
ห้องพักจะเริ่มที่ชั้น 2 บนชั้นนี้มีห้องพักทั้งหมด 32 ห้อง การจัดเรียงห้องพักเป็นแบบ Double Corridor ตามแนวตึกรูปตัว U ห้องพักมี 3 แบบใหญ่ๆแบ่งตามการขายคือแบบ 1 Bed 25 ตารางเมตร, 1 Bed Plus 30 ตารางเมตรขึ้นไป และแบบ 2 ห้องนอน แต่ถ้าแบ่งตามความพิเศษของโครงการนี้ก็จะแบ่งออกเป็น 2 แบบคือยูนิตแบบทั่วไปมีระเบียง และยูนิตแบบที่มีบันไดลงจากระเบียงมายังพื้นที่ตรงกลางรูปตัว U ที่จะมีอาคารเป็นส่วนกลางของโครงการ
โดยส่วนกลางจะเป็นพื้นที่ยกขึ้นมาจากชั้น 1 หน่อย แต่ก็จะไม่ถึงชั้น 2 เรียกกันว่าชั้น 1 ครึ่งละกันนะคะ โดยชั้น 1 ครึ่งนี้สามารถเข้าถึงได้จากพื้นที่จอดรถ และพิเศษที่ห้องชั้น 2 ที่มีบันไดจากระเบียงก็จะไม่ต้องลงลิฟท์แล้วเดินอ้อมมาใช้ แต่ลงมาจากบันไดได้เลย โดยตัวส่วนกลางก็จะประกอบไปด้วยพื้นที่สีเขียว ภายในอาคารชั้น 2 ก็จะเป็นสระว่ายน้ำ ระบบเกลือ ขนาด 5 x 15 เมตร มีพื้นที่ข้างสระ และฝั่งตรงข้ามเป็นห้องฟิตเนส มีห้องน้ำแยกชายหญิงพร้อม พื้นที่ข้างๆก็จะมีการจัดเก้าอี้นั่งเป็นชุดๆไว้พักผ่อนค่ะ
ห้องพักชั้น 3-8 ก็จะเป็นห้องพักล้วนๆแบบปกติ มีจำนวนยูนิตสูงสุดในโครงการที่ 33 ยูนิต เพิ่มจากชั้น 2 มา 1 ยูนิตตรงเหนือพื้นที่ Double Volume Lobby โดยมีแบบห้อง 1 ห้องนอนขนาด 25 และ 30 ตารางเมตรวางสลับกัน และมีแบบ 2 ห้องนอนจำนวน 4 ยูนิตที่อยู่มุมอาคารและส่วนตัว U ด้านใน
ส่วนการจัดวางรูปทรงอาคารแบบขวางตะวันคือส่วนที่กว้างกว่าอยู่ทางทิศตะวันออก-ตะวันตก เนื่องจากอาคารเป็นรูปตัว U มีห้องที่อยู่ทุกทิศก็จะเลือกตาม Lifestyle ของตัวเอง อย่างห้องทางทิศเหนือได้รับแสงธรรมชาติที่ไม่แรงเหมาะกับการอยู่อาศัยตลอดวัน ส่วนห้องทางทิศใต้จะได้รับแสงแดดที่แรงกว่าทั้งวัน แต่ทิศทางลมที่ดีกว่า ห้องทางตะวันออกก็จะเหมาะกับคนตื่นเช้าหน่อย และห้องทางตะวันตกเหมาะกับคนใช้ชีวิตดึกๆหน่อย เพราะอุณหภูมิสูงจะเก็บอยู่ในห้องช่วงบ่าย
พามาดู Sales Office ที่มีห้องตัวอย่างอยู่ด้านในนะคะ จะอยู่ที่ Site เดียวกับโครงการ Notting Hill คือฝั่งตรงข้ามกับราบ 11 จากถนนงามวงศ์วาน เลี้ยวซ้ายที่แยกเกษตรเข้าถนนพหลโยธินขาออก ตรงมาเรื่อยๆ ผ่านคลองแล้วชิดซ้ายก็จะเจอเลยค่ะ
หน้าตาของ Sales Office
ข้างๆจะมีพื้นที่จอดรถ ซึ่งเป็นทางเข้าพื้นที่ก่อสร้างของโครงการ Notting Hill เขา
บรรยากาศด้านในของ Sales Office
สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก
- Double Volume Lobby
- สวนสไตล์อังกฤษ
- สระว่ายน้ำ 1 สระ ระบบเกลือ ขนาด 5 x 15 เมตร ลึก 1.3 เมตร
- ห้องออกกำลังกาย 1 ห้อง
- ลิฟท์โดยสาร 2 ตัว อัตราส่วนลิฟท์อยู่ที่ 115 : 1
- ที่จอดรถ 41% รวมจอดซ้อนคัน
- ระบบ CCTV/ Access Card ที่ทางเข้า-ออกอาคารและ Proxy Lift
เริ่มจากห้องตัวอย่างของโครงการห้องแรกกัน คือแบบ 1 ห้องนอน ความจริงแล้วแบบ 1 ห้องนอนแบ่งออกเป็นแบบย่อยลงไปอีกรวม 5 แบบ เป็นห้องที่มีจำนวนมากที่สุดในอาคาร แตกต่างกันตามตำแหน่งและขนาดของห้อง จะมีรีวิวแบบห้องอีกที่ท้ายรีวิวที่ยกเอาแบบห้องที่ค่อนข้างมีความแตกต่างกันมาเปรียบเทียบนะคะ
ส่วนแบบห้องตัวอย่างห้องนี้เป็น Type 1 Bed พื้นที่ห้องขนาด 25 ตารางเมตร รูปร่างเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้าหน้าแคบ แบ่งพื้นที่ Living และห้องนอนประมาณอย่างละครึ่ง เมื่อเข้าสู่ตัวห้องจะเจอกับพื้นที่นั่งเล่น ด้านในเป็นประตูเลื่อนกั้นห้องครัวแบบปิดที่ต่อกับระเบียง ระหว่างห้องนั่งเล่นและห้องครัวจะมีประตูบานเลื่อน เปิดเข้าไปจะเจอพื้นที่วางของตรงกลาง ขวามือคือห้องน้ำที่มีตู้เสื้อผ้าแบบบานเลื่อนอีกเช่นกันด้านใน และทางซ้ายมือจะเป็นห้องน้ำ การจัดผังแบบนี้สามารถปิดประตูบานเลื่อนจากตู้เสื้อผ้าเป็นประตูห้องนอนได้ ทำให้มีความเป็นส่วนตัวมากขึ้น และห้องครัวก็ติดกับระเบียงทำให้ไม่น่าจะมีปัญหาเรื่องการระบายอากาศและกลิ่น
เริ่มจากทางเข้าห้องนะคะ ประตูเป็นบาน MDF ขนาดมาตรฐาน 0.9 x 2 เมตร จากความสูงภายในห้อง 2.4 เมตร และตาแมว พร้อมประตูมือจับแบบก้านโยกพร้อม Digital Doorlock
พื้นห้องคือไวนิลหรือกระเบื้องยางลายไม้
Digital Doorlock จาก Yale ค่ะ
ส่วนแรกจากทางเข้าคือห้องนั่งเล่นขนาด 2.5 x 2.5 เมตร ทางขวามีโซฟาตัวยาว ด้านในเป็นโต๊ะทานข้าวพร้อมเก้าอี้ 2 ตัว ฝั่งตรงข้ามหลังประตูทางด้านขวาเป็นชั้นวางทีวี ส่วนพื้นที่ด้านในจะมีสองประตู ทางขวาที่เราเห็นกันคือประตูบานเลื่อนเข้าไปยังพื้นที่ครัวและออกไปยังพื้นที่ระเบียงด้านนอกได้ ส่วนทางซ้ายจะเป็นในส่วนของประตูบานเลื่อนเข้าห้องนอนและห้องน้ำ
รายการการขายที่ในวันที่เข้าไปเก็บข้อมูลจะเป็นไปแบบ Fully Furnished คือให้ชุดเฟอร์นิเจอร์ส่วนใหญ่ที่เห็นภายในห้องตัวอย่าง แต่ก็จะมีบางชิ้นเล็กๆน้อยๆที่เป็นชิ้นตกแต่ง เดี๋ยวก็จะบอกเป็นชิ้นๆไป พร้อมทั้งยังมีแอร์ให้ทุกห้อง แต่ไม่รวมเครื่องใช้ไฟฟ้าอย่างทีวี ตู้เย็น หรือไมโครเวฟนะคะ
เข้ามาจะเจอโซฟาตัวยาวประมาณ 1.5 เมตรอยู่ทางขวามือ ไม่มีโต๊ะกลาง ผนังห้องตัวอย่างจะตกแต่งทั้งเป็น Finishing ลายไม้สีเข้ม แต่ผนังที่ได้จริงจะเป็นฉาบปูนเรียบทาสีธรรมดานะคะ
ข้างๆโซฟาก็จะเป็นชุดโต๊ะทานข้าวพร้อมเก้าอี้ 2 ตัวหันหน้าเข้าหากัน การจัดวางจริงจะทำตามแบบนี้ หรือว่าจะวางทำมุมกันก็ได้ตามสะดวกเลย ส่วนนี้ไม่ได้อยู่ในรายการการขายนะคะ
ฝั่งตรงข้ามของชุดโซฟาก็จะเป็นชั้นวางทีวี มีแค่ในส่วนของตู้ด้านล่างแบบลอย มีทั้งบานเปิดและบานปิด ไม่ได้เป็นตู้แบบเต็มผนัง ทีวีสามารถซื้อแบบวางได้บนที่ตู้ หรือจะซื้อแบบติดผนังห้องก็ได้ค่ะ ด้านบนมีชั้นวางอีกนิดหน่อย ตัวทีวีจะเลือกเป็นแบบวางบนชั้นหรือแบบติดผนังก็ได้
เปิดชั้นวางทีวีให้ดู ด้านล่างเป็นลิ้นชัก 3 อัน ส่วนด้านบนเป็นช่องแบบไม่มีบานปิด
ระยะดูทีวีในห้องนั่งเล่น เมื่อนั่งแล้วหักพนักพิงจะเหลือระยะอยู่ที่ประมาณราวๆ 2 เมตรนิดๆค่ะ
มาต่อกันที่ห้องครัวทางขวากันก่อน เป็นประตูเลื่อนแบบ 3 บาน กรอบอลูมิเนียมสีดำ สามารถเปิดได้จากทั้งสองด้าน แต่อีกด้านจะติดกับชั้นวางและเก้าอี้ทานข้าวซึ่งเปิดได้ยากกว่า
ที่ล็อกจากด้านในห้องครัวเป็นแบบเลื่อนขึ้น-ลง
กรอบประตูฝั่งลงใต้พื้น แต่ก็จะมีกรอบล่างนูนๆขึ้นมานิดหน่อย
ห้องครัวขนาด 1.5 x 2.5 เมตร เคาท์เตอร์ลึก 60 เซนติเมตร ฝั่งตรงข้ามเป็นพื้นที่วางของอย่างตู้เย็นชั้นวางอาหารแห้ง พื้นปูด้วยไวนิลหรือกระเบื้องยางลายไม้
เคาทเตอร์ครัวเป็นแบบเคาท์เตอร์บนและล่าง มีอ่างล้างจาน มี Hob and Hood ให้เรียบร้อย ด้านล่างก็จะมีบานปิดและช่องใส่ไมโครเวฟ ด้านบนเป็นตู้เก็บของแบบบานเปิด ผนังส่วนครัวจะกรุด้วยกระเบื้อง ทำให้ทำความสะอาดง่ายขึ้นหน่อย
เปิดลิ้นชักและตู้ด้านล่าง ก็จะมีส่วนของที่เก็บช้อนส้อม และที่เก็บของขนาดใหญ่หน่อยใต้อ่าง
ด้านบนเป็นตู้แบบมีบานปิดทั้งหมด แต่ความสูงของตู้สูงประมาณ 2.2 เมตร ไม่เต็มความสูงฝ้าที่ 2.4 เมตร
ฝั่งตรงข้ามสามารถวางตู้เย็นขนาดใหญ่แบบเปิดซ้าย-ขวาได้สบายๆ
ด้านในสุดเป็นประตูบานเลื่อนแบบเปิดได้ทั้งสองด้านออกไปยังระเบียงด้านนอก
มีปูนก่อยกขึ้นมากั้นน้ำเข้ามาภายในพื้นที่ประมาณ 12 เซนติเมตร รวมกรอบประตู
ระเบียงขนาด 0.8 x 2.5 เมตร ด้านนอกปูด้วยกระเบื้องแบบด้านสีเทากลางขนาด 30 x 30 เซนติเมตร มีราวกันตก
ฝั่งนึงจะเป็นพื้นที่ลาดลงไปยังท่อระบายน้ำ
อีกฝั่งหนึ่งเป็นที่วาง Compressor แอร์ 2 ตัวแบบแขวนขึ้นด้านบน เป่าเข้าพื้นที่ระเบียงเต็มๆ ต้องรอดูว่าจะมี Grill ปรับทิศทางลมร้อนให้ระบายออกด้านนอกมั๊ย ด้านล่างเป็นพื้นที่วางเครื่องซักผ้า ทำให้พื้นที่ระเบียงก็จะกลางเป็นพื้นที่ตากผ้าไปโดยปริยาย
ระหว่างชั้นวางทีวีและห้องครัว ก็จะมีประตูบานเลื่อนเป็นทางเข้าของห้องนอนและห้องน้ำ ซึ่งประตูบานนี้ก็จะช่วยในการกั้นความเป็นส่วนตัวได้
การล็อกประตูเป็นแบบไขกุญแจจากข้างนอก และแบบบิดล็อกจากด้านใน
รางด้านบนอาจจะใหญ่ไปนิดนึง
เนื่องจากรางด้านล่างไม่มี เป็นพื้นไวนิลหรือกระเบื้องยางลายไม้ปูยาวๆเข้าไปถึงพื้นที่ห้องนอนด้านใน
เลื่อนประตูออกไป ด้านหน้าก็จะมีชั้นวางของแบบ Buit-in ด้านล่างมีเป็นบานปิด
หันมาทางขวาเป็นห้องนอน ตรงกลางวางเตียงขนาดใหญ่อยู่ตรงกลางห้องชิดไปยังฝั่งหน้าต่าง รายการการขายจะได้ฐานเตียงแต่จะไม่ได้ฟูกนอนด้านบน ผนังที่ได้ภายในห้องนี้ก็จะยังเป็นทาปูนฉาบเรียบทาสีขาวเหมือนเดิม มีช่องแสงอยู่ทางขวามือ ม่านนี้ไม่ได้ให้มาด้วย
พื้นที่ข้างเตียงฝั่งซ้ายเหลือ 80 เซนติเมตร วางโต๊ะข้างเตียงได้สบายๆ
Function ที่ดีของการ Buit-in อีกอย่างของแบบนี้คือบานเลื่อนของตู้เสื้อผ้า กลายเป็นประตูเลื่อนปิดของห้องนอนได้เลย แต่พอปิดแล้วก็รู้สึกว่าห้องนอนค่อนข้างเล็กและทึบไปนิดนึง
ภายในตู้เสื้อผ้าก็จะมีการแบ่งช่องการใช้งานไว้ให้ทั้งแบบราวแขวนและตู้เปล่า
พื้นที่ปลายเตียงเหลือ 50 เซนติเมตร วางชั้นวางทีวีไม่ได้แล้ว ก็จะแนะนำเป็นการติดทีวีเข้ากับผนัง โดยจะมีการต่อสายต่างๆไว้ให้
ผนังปลายเตียงด้านบนเป็นตำแหน่งแอร์ ซึ่งเป่าเข้าเตียงพอดี
พื้นที่ข้างเตียงฝั่งซ้ายเหลือ 20 เซนติเมตร ใครอยากชิดผนังเลยก็ทำได้ หรืออยากเลื่อนเตียงมาตรงกลางหน่อยก็ได้ แต่ก็จะทำให้พื้นที่เลือกเสื้อผ้าอีกฝั่งแคบไป
ช่องแสงภายในห้องนอนมีทั้งแบบที่เป็นบานเลื่อน 2 ตอนระบายอากาศได้ และในส่วนของบาน Fix ธรรมดา
ต่อไปจะไปดูห้องน้ำที่อยู่อีกฝั่งของทางเข้าห้องนอนกันบ้างนะคะ บานประตูที่ห้องตัวอย่างไม่ได้ใส่เข้ามาด้วยเป็นแบบบาน HDF ขนาด 0.7 x 2 เมตร
พื้นปูด้วยกระเบื้องแบบด้านสีเทากลางขนาด 30 x 30 เซนติเมตร และมีธรณีกั้นยกสูงขึ้นมาประมาณ 8 เซนติเมตร
ภายในห้องน้ำขนาด 1.5 x 2.5 เมตร สุขภัณฑ์สีขาวสะอาดจาก American Standard แบ่งออกเป็น 3 ส่วน คืออ่างล้างหน้าพร้อมกระจกบานใหญ่, โถสุขภัณฑ์ และพื้นที่เปียกแบบยืนอาบน้ำ กั้นด้วยฉากกั้นแบบ 3 ตอน ผนังกรุด้วยกระเบื้องลายสีน้ำตาลอ่อนขนาด 30 x 30 ขนาดห้องน้ำถือว่าค่อนข้างใหญ่ใช้ได้เลยสำหรับห้องขนาด 25 ตารางเมตร
เร่ิมกันจากอ่างล้างหน้าเดี่ยวๆ มีตู้ด้านล่างมาให้เป็นแบบบานดึงเปิด เวลาย้ายเข้าอยู่จริงนอกจะวางของอ่างล้างหน้าได้แล้วก็ยังสามารถวางในตู้ด้านล่างด้วย มาพร้อมกระจกส่องหน้าบานใหญ่
เปิดประตูตู้ใต้อ่างล้างหน้าให้ดู ก็ลึกใช้ได้ วางของใช้ภายในห้องน้ำได้
โถสุขภัณฑ์จาก American Standard พร้อมสายฉีดชำระ และที่ใส่ม้วนทิชชู
ส่วนริมซ้ายสุดเป็นพื้นที่เปียกสำหรับอาบน้ำ มีฉากกั้นอาบน้ำสูง 2 เมตรเป็นแบบบานเลื่อน 3 ตอนติดตั้งให้เรียบร้อย แต่ก็จะมีช่องว่างด้านบนเหลือ
ส่วนพื้นที่เปียกขนาด 0.8 x 1.2 เมตร ปูกระเบื้องแบบเดียวกับพื้นที่แห้งในห้องน้ำ คือกระเบื้องแบบด้านสีเทาอ่อนขนาด 30 x 30 เซนติเมตร ไม่ลดระดับลงไป แต่ก็จะมีตัวคั่นสูงประมาณ 3 เซนติเมตรรวมความสูงของกรอบฉากกั้นก็ประมาณ 5 เซนติเมตร
ฝักบัวจาก American Standard เป็นแบบหัวก๊อกหัวเดียว ไม่มีเครื่องทำน้ำร้อนมาให้ มาพร้อมกับที่วางสบู่ 1 จุด
ดูหัวฝักบัวกันชัดๆ ขนาดกำลังดี เหมาะมือ แบนๆ หน้าตาคล้ายๆกันกับเกือบๆทุกโปรเจคของ Origin
ห้องตัวอย่างห้องต่อมาเป็นแบบ 1 Bed Plus พื้นที่ห้องขนาด 30 และ 34.5 ตารางเมตร รูปร่างเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้าหน้าแคบเหมือนกัน การใช้งานเหมือนกัน ต่างกันที่ฝั่งขวาจะเป็นห้องแบบ Suite Terrace ที่เป็นห้องบนชั้น 2 ที่มีบันไดต่อกับระเบียงทำให้ลงไปใช้พื้นที่ส่วนกลางได้เลยแบบไม่ต้องอ้อมไปใช้ลิฟท์
โดยภายในห้องแบ่งพื้นที่ Living อยู่ส่วนหน้า และห้องนอนอยู่ส่วนหลัง โดยเข้ามาห้องแรกก็จะเจอกับห้องนั่งเล่น มีประตูบานเลื่อนห้องนอนอยู่ด้านใน เดินมาทางขวามือจะเจอกับห้องครัวแบบเปิด และห้องน้ำที่อยู่ส่วนในของอาคาร ด้านในก็จะเป็นห้องแบบอเนกประสงค์ที่ได้เป็นห้องเปล่า สามารถปรับเปลี่ยนการใช้งานได้ตามใจชอบ เช่นเป็นห้องทำงาน ห้องนอนอีกห้อง หรือห้องหนังสือ ที่จะมีประตูเลื่อนออกไปยังระเบียงด้านนอก และมีบันไดทางลงสำหรับห้องพิเศษที่ชั้น 2
ประตูทางเข้าหลักเป็นบาน MDF ขนาด 0.9 x 2 เมตร จากความสูงภายในห้อง 2.4 เมตร และตาแมว พร้อมประตูมือจับแบบก้านโยกพร้อม Digital Doorlock เหมือนเดิม
ส่วนแรกจากทางเข้าคือโซฟาตัวยาว ด้านในเป็นโต๊ะทานข้าวพร้อมเก้าอี้ 2 ตัว ฝั่งตรงข้ามหลังประตูทางด้านขวาเป็นชั้นวางทีวี ด้านขวาจะมีทางเดินไปยังครัว ที่ไม่ได้กั้นเป็นสัดส่วน ข้างๆกันเป็นห้องน้ำ ส่วนพื้นที่ด้านในจะมีสองประตูบานเลื่อน ทางซ้ายคือประตูเลื่อน 2 ตอนเข้าไปยังห้องนอน ส่วนประตูเลื่อน 2 ตอนทางขวาคือประตูทางเข้าห้องเอนกประสงค์ที่ในห้องตัวอย่างปรับเป็นห้องนอนเล็กๆ ด้านในมีระเบียงออกไปด้านนอกด้วย
เข้ามาจะเจอโซฟาตัวยาววางชิดผนังอยู่ สองข้างยังมีพื้นที่เหลือๆวางโต๊ะเล็กๆข้างๆได้ ด้านหน้าก็กว้างพอที่จะวางโต๊ะกลางเล็กๆได้ พื้นห้องนั่งเล่นเป็นพื้นไวนิลหรือกระเบื้องยางลายไม้ ผนังห้องที่ได้จริงจะเป็นฉาบปูนเรียบทาสีธรรมดา
เขยิบเข้ามาข้างๆโซฟาก็จะเป็นชุดโต๊ะทานข้าวพร้อมเก้าอี้ 2 ตัวหันหน้าทำมุมเข้าหากัน หรือจะปรับเปลี่ยนเป็นวางโต๊ะทำงานก็ได้
ฝั่งตรงข้ามของชุดโซฟาก็จะเป็นชั้นวางทีวี มีทั้งตู้ด้านล่างแบบลอย ทีวีซื้อแบบวางได้บนที่ตู้ หรือจะซื้อแบบติดผนังตัวตู้ ส่วนด้านจะเป็นชั้นวางรองเท้าและตู้เก็บของซึ่งเพิ่มมาจากห้องที่แล้ว ด้านบนเป็นตำแหน่งแอร์ของห้องนั่งเล่น
ตู้บานปิดแบบ Built-in กว้าง 45 เซนติเมตร ด้านล่างคือตู้รองเท้าที่สามารถวางได้แบบเบียดๆประมาณ 10 คู่
เปิดชั้นวางทีวีขนาด 1.75 เมตรให้ดู ด้านล่างเป็นลิ้นชัก 3 อัน
ห้องนั่งเล่นกว้าง 2.65 เมตรทำให้ระยะดูทีวีของห้องนั่งเล่นอยู่ที่ประมาณ 2.3 เมตร
หลังประตูบานเลื่อนกระจก 2 ตอน สูง 2.4 เมตร คือห้องนอนใหญ่ ตัวบานเป็นกรอบเป็นแบบอลูมิเนียมสีดำแบบมีรางรอบด้าน
ในห้องนอนขนาด 2.65 x 3.1 เมตร จะมีเตียงขนาดใหญ่พร้อมกับตู้เสื้อผ้าแบบ Built-in วางชิดผนังอยู่ทางซ้ายมือ ส่วนฝั่งตรงข้ามก็จะมีการต่อสายต่างๆไว้สำหรับให้ต่อทีวีแบบติดผนัง
พื้นที่ข้างเตียงด้านซ้ายกว้าง 1.3 เมตร
ตู้เสื้อผ้าเป็นแบบบานเปิด ไม่เหมือนห้องตัวอย่างที่แล้วที่เป็นแบบบานเลื่อน เปิดออกมาด้านในมีการแบ่งช่องการใช้งานไว้ให้เรียบร้อย จะเอากระจกเต็มตัวมาติดเพิ่มที่บานประตูก็ได้นะคะ
พื้นที่ปลายเตียงเหลือ 60 เซนติเมตร วางชั้นวางทีวีไม่ได้แล้ว ก็จะแนะนำเป็นการติดทีวีเข้ากับผนังค่ะ
อีกฝั่งของพื้นที่ข้างเตียงกว้าง 30 เซนติเมตร
ช่องแสงภายในห้องนอนส่วนนอกอาคารเหมือนห้องที่แล้วเป๊ะ คือมีทั้งแบบหน้าต่างบานเลื่อนและบาน Fix ธรรมดา ตำแหน่งแอร์อยู่ที่ปลายเตียงเหมือนเดิม
ระหว่างชั้นวางทีวีและห้องนอน จะมีทางเดินเข้าไปยังห้องครัวที่เป็นแบบครัวเปิด และเลี้ยวซ้ายเข้าห้องน้ำได้ ส่วนทางขวาคือประตูแบบบานเลื่อนเข้าห้องเอนกประสงค์ที่สามารถเปิดได้ทั้งสองทาง ลูกฟักเป็นกระจก ส่วนกรอบเป็นอลูมิเนียมสีดำ สูงเท่าความสูงห้องคือ 2.4 เมตร ทำให้ห้องดูกว้างขวางดีเพราะเห็นทะลุกันได้หมด ทางขวามือก่อนถึงประตูบานเลื่อนเป็นเคาท์เตอร์ครัว และเลี้ยวขวาอีกทีคือห้องน้ำ
หันมามองพื้นที่ครัวกันตรงๆ กว้าง 1.3 เมตร มีทั้งเคาท์เตอร์ล่าง-บนเหมือนห้องที่แล้ว แต่ตำแหน่งการวางตู้เย็นจะมาอยู่ตรงทางเดิน พื้นยังคงปูด้วยไวนิลหรือกระเบื้องยางลายไม้
เคาท์เตอร์ล่างบนมีอ่างล้างจาน 1 หลุม Hob and Hood ด้านล่างมีช่องเปิดวางไมโครเวฟ ช่องปิดและลิ้นชัก ด้านบนเป็นตู้แบบบานปิดทั้งหมด ซึ่งจะมีปุ่มเปิดไฟไว้ให้ด้วย
ตู้เย็นวางอยู่ตรงมุมทางเดินก่อนถึงห้องน้ำ ซึ่งเวลาเปิดจะกั้นทางเดินพอดี
พื้นปูด้วยกระเบื้องแบบด้านสีเทากลางขนาด 30 x 30 เซนติเมตร และมีธรณียกขึ้นกั้นสูงประมาณ 8 เซนติเมตร
ภายในห้องน้ำขนาด 1.5 x 2.3 เมตร สุขภัณฑ์จาก American Standard แบ่งออกเป็น 3 ส่วน คืออ่างล้างหน้าพร้อมกระจกบานใหญ่, โถสุขภัณฑ์ และพื้นที่เปียกแบบยืนอาบน้ำ กั้นด้วยฉากกั้นแบบ 3 ตอน ผนังกรุด้วยกระเบื้องลายสีน้ำตาลอ่อนขนาด 30 x 30
ทางขวามือจะเป็นส่วนของอ่างล้างมือแบบมีพื้นที่เก็บของด้านล่าง พร้อมกระจก ทางขวามือเป็นโถสุขภัณฑ์แบบ 2 ชิ้น
ทางซ้ายเป็นพื้นที่ยืนอาบน้ำ มาพร้อมฉากกั้นอาบน้ำแบบสามตอนอยู่ในรายการขายด้วย
พื้นที่เปียกที่อยู่ในสุดขนาด 0.7 x 1. เมตร ปูกระเบื้องแบบเดียวกับพื้นที่แห้งในห้องน้ำ มีตัวคั่นสูงประมาณ 14 เซนติเมตร
ฝักบัวเป็นแบบมือจับพร้อมที่วางสบู่
ออกมาจากห้องน้ำ มาต่อกันที่ห้องสุดท้ายแล้ว กับห้องเอนกประสงค์ที่จัดเป็นห้องนอนเล็ก ประตูเป็นแบบเลื่อน 2 บาน สามารถเปิดได้จากทั้งสองด้าน แต่อีกด้านจะติดกับเคาท์เตอร์ครัว กรอบคืออลูมิเนียมสีดำ
พื้นที่ด้านในขนาด 2.2 x 2.4 เมตร จะให้มาแบบห้องเปล่าๆ เพื่อมาปรับการใช้งานตามใจชอบ อย่างในห้องตัวอย่างจะจัดเป็นพื้นที่นั่งเล่นฝั่งหนึ่ง และอีกฝั่งเป็นโต๊ะทำงาน นอกจากนี้ก็อาจจะจัดเป็นห้องนอนวางเตียงเดี่ยวได้ หรือจะเป็นห้องเก็บสะสมงานอดิเรก
ตำแหน่งแอร์จะติดอยู่ที่ผนังด้านหนึ่ง ซึ่งจะเป็นปูนฉาบเรียบทาสีขาวธรรมดา
อีกฝั่งหนึ่งก็สามารถวางโชฟาตัวยาวได้เลย
ด้านในสุดเป็นประตูบานเลื่อนแบบเปิดได้ทั้งสองด้านออกไปยังระเบียงด้านนอก
ระเบียงขนาด 0.9 x 2.4 เมตร มีปูนก่อยกขึ้นมากั้นน้ำเข้ามาภายในพื้นที่ประมาณ 5 เซนติเมตร ด้านนอกปูด้วยกระเบื้องแบบด้านสีเทากลางขนาด 30 x 30 เซนติเมตร มีราวกันตก
ด้านข้างเป็นที่วาง Compressor แอร์ 3 ตัว คือทั้งหมดของยูนิตนี้ที่อยู่ในรายการขายเรียบร้อย
ห้องตัวอย่างห้องต่อมาเป็นแบบ 1 Bed Plus พื้นที่ห้องขนาด 30 และ 34.5 ตารางเมตร รูปร่างเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้าหน้าแคบเหมือนกัน การใช้งานเหมือนกัน ต่างกันที่ฝั่งขวาจะเป็นห้องแบบ Suite Terrace ที่เป็นห้องบนชั้น 2 ที่มีบันไดต่อกับระเบียงทำให้ลงไปใช้พื้นที่ส่วนกลางได้เลยแบบไม่ต้องอ้อมไปใช้ลิฟท์
โดยภายในห้องแบ่งพื้นที่ Living อยู่ส่วนหน้า และห้องนอนอยู่ส่วนหลัง โดยเข้ามาห้องแรกก็จะเจอกับห้องนั่งเล่น มีประตูบานเลื่อนห้องนอนอยู่ด้านใน เดินมาทางขวามือจะเจอกับห้องครัวแบบเปิด และห้องน้ำที่อยู่ส่วนในของอาคาร ด้านในก็จะเป็นห้องแบบอเนกประสงค์ที่ได้เป็นห้องเปล่า สามารถปรับเปลี่ยนการใช้งานได้ตามใจชอบ เช่นเป็นห้องทำงาน ห้องนอนอีกห้อง หรือห้องหนังสือ ที่จะมีประตูเลื่อนออกไปยังระเบียงด้านนอก และมีบันไดทางลงสำหรับห้องพิเศษที่ชั้น 2
ห้องตัวอย่างห้องต่อมาเป็นแบบ 2 Bed พื้นที่ห้องขนาด 41.5 และ 45 ตารางเมตร รูปร่างเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้าหน้ากว้าง ฝั่งขวาจะเป็นห้องแบบ Suite Terrace ที่เป็นห้องบนชั้น 2 ที่มีบันไดต่อกับระเบียงทำให้ลงไปใช้พื้นที่ส่วนกลางได้เลย ซึ่งมีเพียงห้องเดียวในโครงการ
จากทางเข้าห้อง จะมีห้องน้ำเล็กอยู่ทางซ้ายมือ ตรงหน้าเป็นห้องนอนแรกที่สามารถวางเตียง 5 ฟุตได้ ไม่ใช่ห้องนอนเล็ก เดินตามทางเดินมาจะเป็นพื้นที่ Living อยู่ตรงกลาง คือมีห้องนั่งเล่นอยู่ใกล้กับระเบียง และมีครัวแบบเปิดอยู่อีกฝั่งหนึ่ง ตามทางเดินมาก็จะมีห้องนอนใหญ่อีกห้องหนึ่ง ซึ่งภายในก็จะมีห้องน้ำในตัวที่ขนาดใหญ่กว่าและตู้เสื้อผ้าด้วย
ต่อมาเป็นแบบ 2 Bed พื้นที่ห้องขนาด 49 ตารางเมตร ใหญ่ที่สุดในโครงการ แต่ละชั้นจะมียูนิตเดียวอยู่ที่มุมตะวันตกเฉียงใต้ด้านในตัว U โดยภายในห้องแบ่งพื้นที่ Living อยู่ส่วนหน้า มีระเบียงจุดแรก เดินตามทางเดินมาจะเจอห้องครัวและระเบียงอีกจุดหนึ่ง ข้างๆมีห้องน้ำแขก ทางขวาเป็นห้องนอนเล็ก และสุดทางเดินเป็นทางเข้าห้องนอนใหญ่ที่มีห้องน้ำและตู้เสื้อผ้าในตัว
**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ
ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 11 November 2015
- 1 Bedroom : Superior เนื้อที่ 25 ตร.ม. ราคา 1.9 ล้านบาท หรือ 76,000 บาท/ตร.ม.
- 1 Bedrooms : Suite เนื้อที่ 30.00 ตร.ม. ราคา 2.25 ล้านบาท หรือ 75,000 บาท/ตร.ม.
- 1 Bedrooms : Suite เนื้อที่ 34.50 ตร.ม. ราคา 2.39 ล้านบาท หรือ 69,275 บาท/ตร.ม.
- 1 Bedrooms : Suite Terrace เนื้อที่ 34.50, 38.50 ตร.ม. Sold out
- 2 Bedrooms : Penthouse เนื้อที่ 41.50, 49.00 ตร.ม. ราคา 3.19 ล้านบาท หรือ 76,870 บาท/ตร.ม.
- 2 Bedrooms : Penthouse Terrace เนื้อที่ 45.00 ตร.ม. Sold out
- ปัจจุบันยังเป็นการขายแบบ Fully Furnished
- เพดานสูง 2.4 เมตร
- Kitchen & Sink
- Hob & Hood
- จอง 10,000 บาท
- ทำสัญญา 30,000 บาท สำหรับห้อง 25-30 ตารางเมตร, 40,000 บาท สำหรับห้อง 34.5 ตารางเมตร และ 50,000 บาท สำหรับห้อง 2 ห้องนอนขึ้นไป
- ดาวน์ 12% ผ่อนดาวน์ 19 งวด มีบอลลูนที่งวดที่ 9 และ 19
- ค่ากองทุน 380 บาทต่อตารางเมตร
- ค่าส่วนกลาง 40 บาทต่อตารางเมตรต่อเดือน
- โปรโมชั่น
- แอร์ 2 ตัวสำหรับห้อง 25 ตารางเมตร และ 3 ตัวตั้งแต่ขนาด 30 ตารางเมตรขึ้นไป
- ถ้าจองพร้อมทำสัญญา ห้อง 25 ตารางเมตร ลด 50,000 บาท และห้องขนาด 30 ตารางเมตรขึ้นไป ลด 100,000 บาท
**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ
โครงการ Kensington พหล-เกษตร อยู่ในทำเลแหล่งงาน-การศึกษาอย่างราบ 11, กรมวิทยาศาสตร์ ทหารบก, กรมป่าไม้ กรมการทางพิเศษ, ม.เกษตร, ม.ศรีปทุม และโรงเรียนที่อยู่ใกล้เคียง ดังนั้นโครงการนี้จึงมีกลุ่มเป้าหมายเพื่อรองรับการอยู่อาศัยภายในพื้นที่ทำงาน แต่ปัจจัยรองลงมาคือผลพลอยได้จากการขยายตัวของระบบขนส่งสาธารณะอย่างรถไฟฟ้าสายสีเขียว ซึ่งสถานีที่ใกล้ที่สุดคือสถานีกรมป่าไม้ในระยะ 600 เมตร ซึ่งก็อยู่ในระยะเดิน เรียกว่าไม่ใกล้ แต่ก็ไม่ไกลมากนัก ซึ่งส่วนต่อขยายนี้เป็นเส้นที่ต่อเนื่องจากสถานี Interchange หมอชิต ที่จะกลายเป็น Hub ใหญ่ในอนาคต ภายในพื้นที่ชานเมืองฝั่งเหนือของกรุงเทพ ซึ่งปัจจุบันภายในพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นแหล่งที่อยู่อาศัยแนวราบ ไม่ว่าจะเป็นบ้านเดี่ยว, ทาวน์โฮม หรืออาคารพาณิชย์ที่อยู่บนสองข้างทางของถนนใหญ่พหลโยธิน ตัวโครงการอยู่ในซอยพหลโยธิน 40/1 ซึ่งสามารถเข้าได้จากซอย 42 เป็นคอนโดในซอยที่จะเงียบและเป็นส่วนตัวกว่าคอนโดติดถนนใหญ่ แต่ก็แลกมาด้วยการเดินเข้าซอยประมาณ 200 เมตร ส่วนความอุดมสมบูรณ์ภายในระยะเดินก็จะมี 7-11 มีอาคารพาณิชย์ที่ชั้นล่างเปิดเป็นร้านค้าบ้าง ร้านอาหารบ้าง และแถวแยกเกษตรที่มีอยู่เยอะ
การเดินทางโดยใช้รถ เนื่องจากที่ตั้งโครงการเข้า-ออกได้จากถนนพหลโยธินที่บริเวณใกล้ๆเป็นแหล่งงาน ทำให้การจราจรช่วงเช้า-เย็นนั้นคงไม่ต้องพูดถึง ยิ่งมีการรื้อถอนสะพานข้ามแยกเกษตรไปเมื่อไม่นานมานี้ ทำให้รถที่จะข้ามต้องมา U-turn ใกล้ขึ้นหน่อย ประกอบกับการแบ่งเลนถนนตรงกลางเป็นพื้นที่ก่อสร้างรางรถไฟฟ้า พื้นที่แถบนี้ก็จะรับไปเต็มๆ แต่เมื่อโครงการรถไฟฟ้ามีการเปิดให้บริการ ก็หวังว่าจะเบาบางลง ซึ่งถนนพหลโยธินที่เป็นถนนสายหลักเป็นเส้นทางที่สามารถเชื่อมต่อได้จากถนนหลักหลายๆสาย ไม่ว่าจะเป็นทางที่ขนานกันมาอย่างถนนวิภาวดีรังสิตที่มีสะพานกลับรถและทางขึ้น-ลงทางด่วนโทลล์เวย์ และนอกจากนั้นยังมีเส้นรามอินทราจากทางทิศเหนือ และแยกเกษตรทางใต้
การเดินทางโดยไม่ใช้รถ ปัจจุบันที่รถไฟฟ้าสายสีเขียวยังไม่เป็นรูปเป็นร่าง ก็จะมีขนส่งสาธารณะประเภทอื่นๆให้ใช้งานอย่างรถเมล์ที่มีตลอดถนนพหลโยธินทั้งขาเข้าและขาออก มีสะพานลอยข้ามเป็นระยะๆ นอกจากนั้นตัวถนนใหญ่เองก็สามารถเรียกแท๊กซี่, รถตู้วิ่งผ่านหลายสายทั้งไปเข้าเมืองไปอนุสาวรีย์ หมอชิต หรือจะขึ้นเหนือไปรังสิต ปทุมธานี ซึ่งก็จะต้องเดินออกมาจากซอยประมาณ 200 เมตร แต่ในซอยก็จะไม่เปลี่ยวเพราะมี 7-11 และภายในอีก 5 ปี เราคงจะได้ยลโฉมรถไฟฟ้าสายสีเขียว ที่ถือว่าเป็นตัวเลือกในการเดินทางที่ดี เนื่องจากสายสีเขียวต่อขยายต่อมาจากสถานีหมอชิต เข้าเมืองแถวสุขุมวิทได้สบาย และทางเหนือต่อกับสายสีชมพูอยู่ที่สถานีวัดพระศรีฯ สามารถเดินทางไปตามถนนรามอินทราทางตะวันออก หรือจะเข้านนทบุรีช่วงศูนย์ราชการไปทางตะวันตก
วัสดุของโครงการตามราคาและรายการโปรโมชั่นวันที่เข้าไปรีวิว มีเฟอร์นิเจอร์ตกแต่งครบชุดตามรูปแบบการขายอย่าง Fully Furnished พร้อมแอร์ครบทุกห้อง แต่ไม่รวมเครื่องใช้ไฟฟ้า พื้นห้องนั่งเล่นและห้องนอนเป็นไวนิลหรือกระเบื้องยางลายไม้ พื้นส่วนครัวบางห้องที่กั้นแยกและระเบียงด้านนอกเป็นกระเบื้องขนาด 30 x 30 เซนติเมตร ฝ้าสูง 2.4 เมตร ผนังเป็นฉาบปูนเรียบ ไม่มี Wallpaper ห้องครัวเคาท์เตอร์ครบพร้อม Hob and Hood ขนาดค่อนข้างเล็ก บาง Type ไม่ได้กั้นห้องแยกออกมาเป็นสัดส่วนทำให้ไม่เหมาะกับการประกอบอาหารอย่างจริงจังอุปกรณ์ สุขภัณฑ์ในห้องน้ำของ American Standard มี Digital Doorlock ให้พร้อม ถือว่าให้มาครบแบบออกแบบให้พอดีกับห้อง และบางแบบก็จะมี Built-in ที่เป็นประตูบานเลื่อนที่เลื่อนปิดห้องนอน หรือเลื่อนมาอีกฝั่งก็จะปิดประตูตู้เสื้อผ้าแทน เป็น Built-in ที่สร้าง Functionได้ดี แต่ขอติงนิดนึง เนื่องจาก Sales Office เป็นที่เดียวกับโครงการ Notting Hill ของ Origin เช่นกัน แบบห้องตัวอย่างก็จะได้ปรับเปลี่ยนสไตล์แต่โดยรวมก็ยังเหมือนเดิม ทำให้สภาพห้องตัวอย่างค่อนข้างช้ำ หรือว่าดูไม่เรียบร้อยเหมือนใหม่เท่าไรนัก
ออกแบบตัวอาคารเป็นรูปตัว U อยู่บนพื้นที่รูปสี่เหลี่ยมคางหมู หันออกไปทางซอยพหลโยธิน 40/1 ทั้งอาคารมี 229 ยูนิต จำนวนยูนิตสูงสุดต่อชั้นที่ 33 ยูนิต มีลิฟท์ 2 จุดอยู่ที่มุมตึก จุดละ 1 ตัว และมีบันไดหนีไฟอยู่ข้างๆ ถือว่าเป็นการกระจายการขึ้น-ลงได้ดี เพราะจะกระทบกับความชอบของการจอดรถที่ชั้น 1 ด้วย ที่ชั้น 2-8 จะเป็นห้องพัก โดยจะมี 7 ยูนิต บนชั้น 2 ที่มีความพิเศษคือมีบันไดต่อจากระเบียงห้องลงไปยังส่วนที่อยู่ชั้น 1 ครึ่ง ซึ่งจะไม่ต้องอ้อมไปลงลิฟท์เพื่อไปส่วนกลางเหมือนห้องอื่นๆ การวางผังห้องภายในชั้นๆหนึ่งเป็นแบบ Double Corridor มีห้องทั้งหมด 8 แบบ ขนาดห้องตั้งแต่ 25-49 ตารางเมตร แต่เน้นไปที่ห้องขนาดเล็กซะเป็นส่วนใหญ่ ห้องแต่ละแบบก็เลือกตามความต้องการขึ้นกับจำนวนคนและการอยู่อาศัย เพราะห้องบาง Type จะแยกห้องครัวออกเป็นสัดส่วนอยู่ใกล้ระเบียง ที่เหมาะสำหรับการทำอาหาร บางห้องจะมีพื้นที่ครัวอยู่ใกล้กับห้องรับแขกพื้นที่เดียว การกั้นห้องนอนบาง Type ใช้เป็นแบบบานกระจกเลื่อน ทำให้ห้องโดยรวมดูกว้าง แต่บางห้องที่ขนาดใหญ่ขึ้นอย่าง 2 Bedrooms ห้องนอนใหญ่ก็จะเป็นแบบประตูแบบปกติ ส่วนวิวจากห้องพักต่างๆแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือห้องที่อยู่รอบนอกตัว U ก้จะได้วิวปกติ แต่ห้องที่อยู่ด้านในตัว U ก็จะเป็นห้องวิวส่วนกลางภายใน
สาธารณูปโภคส่วนกลาง ถ้าตามการใช้งานทั่วไปก็จะมีตามมาตรฐานคอนโด Low rise ซึ่งแน่นอนว่าจะไม่ครบเท่าคอนโด High rise แต่ถ้าตามความพยายามในการออกแบบ โครงการนี้ถือว่าทำได้ดี จาก Double Volume Lobby ที่ข้างลิฟท์ รอบๆคือที่จอดรถ ที่มีสัดส่วนที่ 41% แบบนับรวมจอดซ้อนคัน พื้นที่ชั้น 1 พื้นที่จอดรถเป็นแบบวนเป็นสี่เหลี่ยม สามารถเข้าถึงส่วนกลางตรงกลางอาคารตัว U เป็นพื้นที่สีเขียวที่เรียกแบบสไตล์อังกฤษ มีอาคารส่วนกลางที่เดินเข้าไปจะมี Terrace มีการจัดเก้าอี้นั่งเป็นชุดๆ เดินขึ้นไปชั้น 2 ก็จะมีสระว่ายน้ำระบบเกลือ ขนาด 5 x 15 เมตร ข้างเป็นพื้นที่สระที่สามารถเดินถึงห้องฟิตเนสและห้องน้ำแยกชาย-หญิงได้
Judgement
การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้
ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%
เทียบกับราคาเฉลี่ย 80,000 บาท/ตร.ม., 11 November 2015
- ทำเล 7.75/10 – ใกล้แหล่งงานและสถาบันการศึกษา มีความอุดมสมบูรณ์ในระยะเดินไกลหน่อย
- เดินทางด้วยรถ 8/10 – เข้าออกเมืองได้หลายเส้นทาง แต่ที่จอดรถมีมาให้น้อยไป
- ไม่ใช้รถ ณ ปัจจุบันที่ยังไม่มีรถไฟฟ้า 7.5/10 – ไม่ติดถนนใหญ่เข้าซอยมา 200 เมตร แต่ถนนพหลโยธินเรียกรถง่าย
- ไม่ใช้รถ เมื่อรถไฟฟ้าเปิดให้บริการ 8/10 – สถานีกรมป่าไม้อยู่ในระยะ 600 เมตร ถือว่าไม่ใกล้และก็ไม่ไกลไปนัก
- วัสดุ 7.5/10 – Fully Furnished ได้เฟอร์ส่วนใหญ่ ครัวครบ ห้องน้ำครบ
- แบบ 8/10 – ขนาดห้องโดยรวมค่อนข้างเล็ก แต่มี Function ใหม่ๆ เช่น ห้องแบบ Plus หรือ Terrace มี Buuit-in ให้ทำให้ห้องดูใช้งานได้เต็มที่
- สาธารณูปโภค 7.5/10 – มีให้ครบ แต่ความที่เป็น Low Rise ก็ไม่ได้ใหญ่หรือเยอะเมื่อเทียบกับโครงการตึกสูงที่มียูนิตมากกว่า แต่มีลูกเล่นที่อาคารส่วนกลาง มีพื้นที่สวนใหญ่หน่อย
- MAIN CLASS
- 7.71 / 10.00 คะแนน ณ ปัจจุบันที่ยังไม่มีรถไฟฟ้า
- 7.79 / 10.00 คะแนน เมื่อรถไฟฟ้าเปิดให้บริการ
BOTTOM LINE
Kensington พหล-เกษตร เหมาะกับคนที่มองหาคอนโดแถวพหลโยธินที่คุ้นเคยกับทำเลหรือทำงานในพื้นที่ มีใช้รถส่วนตัวบ้าง ใช้รถไฟฟ้าบ้าง มีความเป็นส่วนตัวมากกว่าคอนโดติดถนนใหญ่ แต่ก็จะต้องแลกกับการเข้า-ออกซอย 200 เมตร มีงบประมาณที่ 1.9 – 3.3 ล้านบาท หรือมีกำลังผ่อนประมาณ 13,000 – 23,000 บาท/เดือน
ถ้ามีความเห็นว่ารีวิวตัวนี้มีประโยชน์ ช่วยกด LIKE ให้หน่อยนะคะ จะได้มีกำลังใจในการทำรีวิวต่อไป
สมัครสมาชิกพร้อมรับข่าวสารเพิ่มเติม (คลิกที่นี่ )