รีวิวฉบับที่ 921 วันนี้เราจะพาไปชมสำนักงานขายของโครงการ IDEO S 115 ที่ย่อมาจากซอยสุขุมวิท 115 ที่เป็นที่ตั้งของคอนโด โครงการเป็นคอนโด Highrise สูง 35 ชั้น รวม 998 ยูนิต จาก Ananda Development แปลงที่ดินติดถนนใหญ่สุขุมวิทขาออก ข้างๆคือ BigC Jumbo สาขาสำโรง2 แต่ภายในโครงการก็มีร้านค้า 7 ร้านอยู่ที่ใต้ตึกของตัวเอง สามารถเข้าได้จากถนนสุขุมวิท, ศรีนครินทร์, วงแหวนตะวันออกเส้นกาญจนา หรือแถวปากน้ำ
Facts @ 8 September 2015
- Ideo S 115 (ไอดีโอ เอส 115)
- บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน)
- MAIN CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
- โครงการตั้งอยู่ใน : อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรปราการ
- คอนโด High Rise 35 ชั้น 1 อาคาร 998 ยูนิต และร้านค้า 7 ยูนิต
- ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 35 ยูนิตที่ชั้น 8-35
- ที่จอดรถได้ 281 คัน คิดเป็นประมาณ 28% รวมจอดซ้อนคัน คิดเป็น 30%
- ที่ดินประมาณ 4-1-48.8 ไร่
- เริ่มก่อสร้าง : เดือนกุมภาพันธ์ 2558
- คาดว่าจะแล้วเสร็จ : เดือนกันยายน 2560
- Studio ขนาด 27.5 และ 29.5 ตารางเมตร ราคา 1.99 – 2.4 ล้านบาท
- 1 Bedroom ขนาด 34 ตารางเมตร ราคา 2.4 – 2.9 ล้านบาท
- 2 Bedrooms ขนาด 62 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้น 4.1 – 4.9 ล้านบาท
- ฝ้าเพดานสูง 2.6 เมตร
- ราคาห้องเริ่มต้น 1.99 ล้านบาท
- ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรทั้งโครงการ 79,000 บาทต่อตารางเมตร
- ราคาต่อตารางเมตรต่ำสุด-สูงสุดประมาณ 69,000 – 90,000 บาทต่อตารางเมตร
- EIA (การประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม) : ผ่านแล้ว
- เวปไซต์โครงการ : คลิกที่นี่
- โทร : 02-316-2222
เพียงแค่การกด Like ก็เท่ากับการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจาก Think of Living แล้วค่ะ
สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างนะ
พิกัด : 13.637918, 100.592670
โครงการ Ideo S 115 ตั้งอยู่บนถนนสุขุมวิทขาออก ระหว่างถนนเทพารักษ์และถนนกาญจนาภิเษก แปลงที่ดินติดกับ BigC Jumbo สาขาสำโรง 2 ใกล้กับซอยสุขุมวิท 115
โครงการคอนโด High Rise แน่นอนว่าติดกับถนนใหญ่ที่เป็นเส้นสุขุมวิทขาออก และติดกับสถานี BTS ปู่เจ้าสมิงพรายที่มีทางลงอยู่หน้า BigC Jumbo ถ้าเดินไปขึ้นบันไดก็จะอยู่ที่ระยะไม่เกิน 100 เมตร แต่ในปัจจุบันที่เส้นทางรถไฟฟ้ายังอยู่ในช่วงก่อสร้างก็จะต้องอาศัยการเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวเป็นหลัก รถเมล์ รถตู้ รถสองแถว และพี่วินรองลงมา
โดยที่ตั้งของโครงการจะอยู่ที่อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรปราการ เป็นเส้นทางที่จะมุ่งหน้าไปยังปากน้ำ-ฉะเชิงเทรา ในรัศมีไม่เกิน 5 กิโลเมตรจะมีทั้งโรงงานขนาดเล็กและใหญ่อยู่บนถนนสุขุมวิท และถนนปู่เจ้าสมิงพราย ทำให้มีรถบรรทุกขนาดใหญ่วิ่งไปมาในพื้นที่เยอะมาก ทั้งที่วิ่งเข้าโรงงาน และวิ่งออกไปส่งสินค้าโดยใช้เส้นวงแหวนรอบนอกเหนือหรือมอเตอร์เวย์หมายเลข9 ในการวิ่งไปต่างจังหวัด หรือวิ่งไปยังแถวนครปฐมซึ่งเป็นแหล่งโรงงานเช่นกัน
การเดินทางเข้าถึงโครงการ สามารถทำได้หลายวิธี ถ้ามาจากในเมืองก็สามารถใช้เส้นสุขุมวิทวิ่งยาวมาเรื่อยๆ หรือว่าจะใช้ถนนเส้นรองอย่างถนนศรีนครินทร์แล้วเลี้ยวเข้ายังเส้นเทพารักษ์แล้วเลี้ยวเข้าถนนสุขุมวิทอีกที เพราะซอยสุขุมวิท 115 ไม่ได้เป็นซอยใหญ่ที่เชื่อมระหว่างถนนสุขุมวิทและถนนศรีนครินทร์ทำให้ต้องอ้อมนิดนึง หรือว่าถ้ามาจากพระราม 3 ก็สามารถลัดเข้าถนนปู่เจ้าสมิงพราย นอกจากนี้ยังใกล้กับสนามบินสุวรรณภูมิและทางขึ้น-ลงทางด่วนบางนา
ใน 1 ปีที่ผ่านมาเราจะเห็นคอนโด Low Rise ในแถบกรุงเทพฝั่งตะวันออก-สมุทรปราการที่อยู่ในซอยสุขุมวิทฝั่งเลขคี่ทยอยเปิดตัวและก่อสร้างกันมาบ้าง คราวนี้เป็นตาของคอนโด High Rise จากเจ้าใหญ่ที่จับจองพื้นที่ติดถนนใหญ่สุขุมวิทฝั่งเลขคี่ ติดกับตัวสถานีรถไฟฟ้าสายสีเขียว สถานีอนาคตอย่างสถานีปู่เจ้าสมิงพราย ที่ล่าสุดได้มีการวัดการก่อสร้างออกมาเป็นเปอร์เซนต์ สายสีเขียวแบริ่ง-สมุทรปราการอยู่ที่ประมาณ 60% มีกำหนดเปิดให้บริการเดือนเมษายน ปี 2560 ซึ่งจะเป็นกำหนดที่โครงการ Ideo S 115 สร้างเสร็จพร้อมเข้าอยู่พอดี
ความอุดมสมบูรณ์ภายในพื้นที่ระยะเดินก็เห็นจะต้องฝากท้องไว้กับ BigC Jumbo ที่อยู่ข้างๆ ภายในก็จะมี Supermarket อยู่ชั้น 2 ชั้นล่างก็จะมีสวนอาหารใหญ่ๆ ร้านอาหาร ขายของ ขายเสื้อผ้า ขายของกระจุกกระจิก เพราะนอกนั้นก็จะเป็นอาคารพาณิชย์ที่เป็นหน้าร้านของโรงงานต่างๆ ร้านอะไหล่รถบ้าง ไกลออกไปหน่อยแถวสำโรงก็จะมีโรงพยาบาลสำโรงการแพทย์, ตลาดสำโรง, ตลาดธรรมโรจน์พินิจ, BigC และ Imperial สำโรงที่มีโรงหนังด้วย ซึ่งแค่มาถึงสำโรงก็น่าจะครบครันแต่ถ้าอยากได้ความศิวิไลซ์เพิ่มเข้าไปอีกต้องที่เส้นบางนา-ตราด ที่มีโรงพยาบาลศิครินทร์, Central บางนา, Ikea, Foodland และอื่นๆอีกเยอะ
ส่วนเส้นทางที่เราจะพาไปดูกันในวันนี้เริ่มตั้งแต่สถานี BTS สถานีสุดท้ายที่เปิดให้บริการอยู่คือแบริ่ง แล้วลงใต้ไปเรื่อยๆที่ถนนสุขุมวิทขาออกจนไปหยุดที่ BigC Jumbo ข้างๆโครงการ เพื่อเดินเข้า Sales Office ของโครงการและดูพื้นที่รอบๆอีกนิดหน่อย
เริ่มต้นที่สถานี BTS แบริ่ง ที่เป็นสถานีสายสุขุมวิทสถานีสุดท้ายที่เปิดให้ใช้บริการในปัจจุบัน ใต้สถานีคือถนนสุขุมวิทฝั่งขาออก ความกว้าง 3 เลน เรากำลังมุ่งหน้าไปยังสมุทรปราการทางพิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ
ใต้สถานีก็จะมีพี่แท๊กซี่จอดรอผู้โดยสารเยอะมาก ใครจะมาเยี่ยมชมโครงการโดยรถไฟฟ้าก็สามารถมาลงที่สถานีนี้แล้วก็ต่อแท๊กซี่ได้ค่ะ
เลยตัวสถานีแบริ่งไปหน่อยก็จะมีไฟเขียวไฟแดง ถ้าเลี้ยวซ้ายก็จะเป็นซอยสุขุมวิทฝั่งเลขคี่ ซอย 107 หรือที่เรียกติดปากกันว่าซอยแบร่ิง เป็นซอยใหญ่ที่เชื่อมระหว่างถนนสุขุมวิทและถนนศรีนครินทร์
เลยมาอีกหน่อย สังเกตว่าเส้นทางรางรถไฟฟ้าจะหายไป เริ่มเป็นเขตก่อสร้าง สองฝั่งของถนนสุขุมวิทส่วนใหญ่จะเป็นอาคารพาณิชย์สูง 3-4 ชั้น ชั้นล่างเปิดเป็นร้านอาหารบ้าง แบงค์สาขาย่อยบ้าง ร้านอะไหล่รถบ้าง และบ้านพักอาศัยจะอยู่ชั้นบน
ตรงมาอีกหน่อยก็จะเป็นทางเลี้ยวซ้ายเข้าซอยสุขุมวิท 109 ที่เข้าไปยังเป็นแยกซอยสันติคามที่สามารถเชื่อมต่อกับซอยแบริ่งได้เลย บนถนนเมื่อมีการก่อสร้างก็จะมีการลดการใช้งานของเลนลงเหลือเพียง 2 เลน รถก็จะติดมากขึ้นเพราะถนนบีบลง รถบนนถนนก็มีทั้งรถยนต์ส่วนตัว รถเมล์ รถสองแถวที่วิ่งวนเป็นวงกลมแถวสุขุมวิทตอนปลาย
เนื่องจากมีการก่อสร้าง ในทุกระยะประมาณ 2 กิโลเมตรก็จะมีทางกลับรถ และทางกลับรถก็เป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้รถติด เพราะจะต่อแถวยาวกินเลนขวาไป เหลือเลนซ้ายสุดที่วิ่งตรงได้
เลยมาหน่อยตรงสำโรงก็จะมีตลาดธรรมโรจน์พินิจอยู่ทางขวามือ เป็นตลาดสดขนาดใหญ่ในร่ม มีสะพานลอยข้ามฝั่งได้ ส่วนทางซ้ายก็จะเป็นพื้นที่ค้าขายเช่นกัน ตรงเสาไฟฟ้าแอบเห็นป้ายโฆษณาของโครงการแล้วค่ะ
เลยมาอีกหน่อยทางซ้ายมือก็จะเป็นพื้นที่ตลาดสำโรง ที่เป็นอาคารพาณิชย์โดยใช้พื้นที่ด้านล่างในการค้าขาย มีตั้งแต่อาหารสด อาหารแห้งไปยันขายทอง มีสะพานลอยข้ามอีกจุดไปยัง BigC และ Imperial สำโรง
เลยมาหน่อยเราก็จะตรงไปขึ้นสะพานข้ามคลอง ใต้สะพานก็จะมีที่กลับรถ และก่อนจะกลับรถก็จะมีตลาดอยู่อีกจุดหนึ่ง
ลงสะพานข้ามคลองมาก็จะเจอกับสามแยกไฟเขียวไฟแดงอีกจุดหนึ่ง คือทางเลี้ยวซ้ายไปยังถนนเทพารักษ์ที่ต่อกับถนนศรีนครินทร์ด้านหลัง ส่วนด้านบนที่เห็นเป็นฐานของตัวสถานี ตรงนี้จะเป็นสถานีสำโรง สถานีถัดจากแบริ่งที่กำลังก่อสร้างอยู่
ถนนเทพารักษ์คึกคักพอสมควร ใครจะเข้าเมือง แต่อยากเลี่ยงรถติดจากถนนสุขุมวิท ก็แนะนำให้มาเข้าแยกนี้แล้วตรงไปยังถนนศรีนครินทร์เข้าเมืองได้เหมือนกัน
กลับมาอยู่บนนถนนสุขุมวิทขาออกอีกครัง ด้านหน้าก็จะเป็นอีกสามแยกหนึ่ง แต่คราวนี้จะแยกไปทางขวา ไปยังถนนปู่เจ้าสมิงพรายที่เป็นที่ตั้งของโรงงานเล็ก-ใหญ่มากมาย ต้องรอสัญญาณไฟกันนิดนึง ที่แยกนี้จะเห็นว่ารถใหญ่ค่อนข้างเยอะ เพราะจะมีรถเข้า-ออกโรงงานและไปส่งสินค้า
ตรงมาอีกหน่อยทางซ้ายมือก็จะเห็นคนรอป้ายรถเมล์ และมีสะพานลอยอยู่ไม่ไกล และมีป้ายโฆษณาโครงการอีกที แปลว่าเรามาถูกทาง ตรงต่อไปค่ะ
เลยมาอีกนิดนึงก็จะเจอ BigC Jumbo อยู่ทางซ้ายมือ เป็นอาคารสูง 2-3 ชั้น เราจะลงจากรถมาลงเดินจาก BigC Jumbo ไป Sales Office ที่อยู่แปลงที่ดินข้างๆ พร้อมดูสภาพแวดล้อมรอบๆโครงการกัน
ตรงข้ามกับทางเข้า-ออกหลักของ BigC Jumbo จะเป็นทางกลับรถที่ใช้ได้ทั้งถนนสุขุมวิทขาออกกลับไปยังขาเข้า และขาเข้าไปยังขาออก สามารถเลี้ยวเข้ามาจอดรถภายในพื้นที่ได้เลย นอกจากนั้นยังเป็นจุดที่น่าจะมีทางลงบันไดของสถานี BTS ปู่เจ้าสมิงพรายมาลงทางซ้ายของภาพอีกด้วย จากตรงนี้เดินไปยังทางเข้าโครงการไม่เกิน 100 เมตรค่ะ
ก่อนนั้น เรามาแวะดูภายในของ BigC Jumbo กันหน่อย เดินเข้าประตูมาทางขวามือก็จะเป็นสวนอาหาร มีโต๊ะให้นั่งเยอะแยะ ข้างๆกันก็จะเป็นร้านอาหารแบรนด์ขึ้นมาหน่อยแบบปิ้งย่าง
หมุนตัวมาทางซ้ายก็จะเป็นร้านค้าขายของ ขายตั้งแต่แว่นตาไปยังเสื้อผ้า และยังมี Event ที่ผลัดกันมาเปิดโดยที่เห็นอยู่ก็จะเป็นรถยนต์
หมุนตัวมาซ้ายสุดก็จะเป็นทางขึ้นไปยัง Supermarket แต่ BigC ที่ขึ้นชื่อว่า BigC Jumbo นอกจากจะขายของแบบเป็นชิ้นๆแบบค้าปลีกแล้ว ก็ยังค้าส่งด้วย ถือว่าเป็นจุดกระจายสินค้าของจังหวัดสมุทราปราการ
เดินออกมายังหน้า BigC Jumbo อีกที เดินมาทางซ้ายมือก็จะเห็นทางเข้า-ออกรถอีกจุดหนึ่งที่สุดแปลงที่ดิน เหนือผนังขึ้นไปก็จะเจอกับป้ายโฆษณาของโครงการขนาดใหญ่ ซึ่งหลังป้ายนี้ก็จะเป็น Sales Office ของโครงการ
เดินย้อยเข้ามาด้านในของ BigC Jumbo ถัดจากป้ายก็จะเป็นรั้วโครงการที่ด้านในก็มีเครื่องมืออุปกรณ์เริ่มก่อสร้างกันไปตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
ความยาวของแปลงที่ดิน BigC Jumbo กับแปลงที่ดินโครงการยาวเท่ากันเป๊ะ ด้านหลังเป็นพื้นที่ของทาวน์โฮมสูงประมาณ 2-3 ชั้นตลอดแนวที่เข้าได้จากซอยสุขุมวิท 115 แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าซอยอภิชาติ 1 อีกที
เดินมาที่ทางออกหัวมุม กำลังจะเดินไปยังทางเท้าติดถนนใหญ่สุขุมวิทขาออก
ชะโงกหน้าเดินออกมา 3 ก้าวก็จะเห็น Sales Office ของโครงการ Ideo S 115 มีธงโบกสบัดอยู่ ทางเดินเท้าด้านหน้าอาจจะไม่เรียบร้อยนิดหน่อยเพราะว่ายังมีการก่อสร้างเส้นทางรถไฟฟ้าก็จะมีการเคลื่อนย้ายเครื่องมือผ่านทางเดินเท้าอยู่บ่อยๆ
อีกมุมหนึ่งของ Sales Office ด้านหน้า ทางขวามือเป็นช่องทางเดินรถเข้า-ออกของ Service คือเข้าออกไซท์งานก่อสร้าง ส่วนทางขวาเป็นทางเข้า-ออกรถของผู้มาเยี่ยมชมโครงการ มีที่จอดรถด้านในให้พร้อม
มาดูรอบๆโครงการภาพกว้างๆกันนะคะ โครงการ Ideo S 115 ติดกับถนนสุขุมวิทกว้าง 6 เลนรวมทั้งสองฝั่ง แต่ปัจจุบันเลนตรงกลางมีการก่อสร้างทางรถไฟฟ้าทำให้เลือกเลนที่วิ่งได้อยู่ 4 เลน ด้วยความที่ติดกับถนนใหญ่ทำให้อาจจะมีบ้างที่ได้ยินเสียงรถบรรทุกใหญ่ เสียงจากรถไฟฟ้า และมลพิษ ทิศตะวันออกเฉียงเหนือตลอดความยาวของแปลงติดกับ BigC Jumbo ที่จะมีทางลงของสถานี BTS ปู่เจ้าไปลงด้านหน้า ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ติดกับทาวน์โฮมที่เข้าได้จากซอยอภิชาติ 1 สูง 2-3 ชั้นตลอดแนว ส่วนฝั่งตะวันตกเฉียงใต้ส่วนที่หันหน้าออกถนนใหญ่จะเป็นอาคารพาณิชย์สูงประมาณ 4 ชั้น ส่วนที่ไม่ติดกับถนนจะเป็นโกดัง และโรงงานที่มีความสูงไม่เกิน 3 ชั้น ขยับไปหน่อยจะเป็นซอยสุขุมวิท 115 และพื้นที่โรงงาน Panasonic ในซอยด้านหลังก็จะเป็นคอนโด Low Rise บ้าง บ้านพักอาศัยแนวราบบ้าง แปลงที่ดินเปล่าบ้าง ส่วนฝั่งตรงข้ามของพื้นที่โครงการฝั่งถนนสุขุมวิทจะเป็นปั้มน้ำมันปตท. เยื่องๆกันจะเป็นคอนโดสูง 12 ชั้นที่กำลังก่อสร้างอยู่
**รูปนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการแบบคร่าวๆไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการได้นะค่ะ
ก่อนที่เราจะไปดู Sales Office ด้านใน จะพาเดินชมรอบพื้นที่โครงการกันซักหน่อย
พาเดินเล่นกันนะคะ ยืนอยู่หน้าโครงการหันมาทางขวาก็จะมีเพื่อนบ้านเป็นอาคารพาณิชย์สูงประมาณ 4-5 ชั้น ด้านล่างเปิดเป็นร้านซ่อมรถ เปลี่ยนอะไหล่ และสำนักงาน มองไปตรงกลางถนนจะเห็นตัวสถานีอยู่ด้านหน้าซอยสุขุมวิท 115
ยืนอยู่ที่เดิมหันมาทางซ้ายก็จะเป็นพื้นที่ส่วนบุคคล ได้ยินมาว่าเป็นพื้นที่โกดัง ส่วนรั้วสีเงินที่เห็นทางซ้ายมือคือรั้งโครงการเลยค่ะ
เดินตรงมาอีกหน่อยก็จะเป็นอาคารชัยนิยม ด้านหน้าเป็นอาคารพาณิชย์ตกแต่งแบบยุโรป แต่ด้านในก็จะเป็นโรงงาน อยู่ทางซ้ายมือของปากซอยสุขุมวิท 115 ด้านหน้ามีป้ายรถเมล์อยู่
เดินมาอีกนิดคือทางเข้าซอยสุขุมวิท 115 ตัวสถานี BTS ปู่เจ้าสมิงพรายอยู่ด้านหน้าเป๊ะเลย
ฝั่งตรงข้ามกับซอยสุขุมวิท 115 ก็จะเป็นปั้มน้ำมันปตท. และโรงงานโตโยต้า
หน้าซอยสุขุมวิท 115 ทางซ้ายมือจะเป็นโรงงานของชัยนิยมการช่างอย่างที่ได้เห็นไป ทางขวามือเป็นโรงงาน Panasonic ในซอยสุขุมวิท 115 ก็จะมีพี่วินคอยให้บริการซึ่งส่วนใหญ่ก็จะเข้าซอยไปยังบ้านพักอาศัยด้านใน
เดินเข้ามาในซอยสุขุมวิท 115 ความกว้างของถนน 2 เลนรถสวนกันได้สบายๆ สองฝั่งมีทางเดินเท้ากว้างพอสมควร แต่ไฟในซอยไม่ได้ติดถี่มาก ดังนั้นตอนกลางคืนอาจจะเปลี่ยวนิดนึง ในซอยตรงไปหน่อยก็จะมีคอนโด Low rise สูง 8 ชั้น ปลูกอยู่บ้างทั้งที่กำลังก่อสร้างและสร้างเสร็จพร้อมเข้าอยู่
เดินเข้ามาในซอยสุขุมวิท 115 ไม่ไกล ทางซ้ายมือจะมีซอยอภิชาติ 1
ด้านในเป็นชุมชนหมู่บ้านสินวงศ์ เป็นทาวนโฮมสูง 2-3 ชั้น ปลูกสองฝั่งหันหน้าเข้าหากันในซอยอภิชาติ 1 ด้านในเป็นซอยตัน ทำให้คนไม่พลุกพล่าน
เดินเข้ามาหน่อยเงยหน้าขึ้นไปก็จะเห็นการก่อสร้างของโครงการ Ideo S 115 ดังนั้นทิศในฝั่งตัววันออกเฉียงใต้ก็จะเป็นวิวโล่งๆที่เป็นบ้านพักอาศัยแนวราบ
สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น
- Big C Jumbo สำโรง 50 เมตร
- ศาลปู่เจ้าสมิงพราย 1.4 กิโลเมตร
- เทศบาลเมืองปู่เจ้าสมิงพราย 1.6 กิโลเมตร
- พิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ 1.6 กิโลเมตร
- ตลาดสำโรง 2.3 กิโลเมตร
- St. Andrew International 2.5 กิโลเมตร
- ตลาดเอี่ยมเจริญ 2.5 กิโลเมตร
- อิมพีเรียล สำโรง 2.6 กิโลเมตร
- โรงพยาบาลมนารมย์ 3.3 กิโลเมตร
- โรงเรียนนายเรือ 4.1 กิโลเมตร
- โรงเรียนบางกอกพัฒนา 6.5 กิโลเมตร
- โรงเรียนลาซาล 7 กิโลเมตร
- Bitec บางนา 6.6 กิโลเมตร
- Central บางนา 13 กิโลเมตร
ภาพจำลองภายนอกของโครงการ Ideo S 115 คอนโด High Rise สูง 35 ชั้น 998 ยูนิต และร้านค้าอีก 7 ยูนิต ตัวอาคารแบ่งเป็น 2 ส่วนคือชั้นล่างคือชั้น 1-7 เป็นรูปตัว T ส่วนชั้น 8-35 เป็นรูปตัว I ยาวๆ หันหน้าโครงการออกถนนสุขุมวิท ตัวอาคารใช้โทนสีฟ้า-เขียว-เทา ตัดกับเส้นตรงสีสว่างที่วิ่งรอบตัวตึก ชั้น 1-6 เป็นชั้นจอดรถ เร่ิมมีส่วนของห้องพักที่ชั้น 7 ที่แบ่งพื้นที่ครึ่งหนึ่งเป็นห้องพัก และอีกครึ่งหนึ่งเป็นพื้นที่ Facility มีทั้งส่วน Indoor และ Outdoor ตั้งแต่ชั้น 8 ไปจนถึงชั้น 35 จะเป็นส่วนห้องพักทั้งหมด รอบๆตัวอาคารเป็นที่จอดรถกลางแจ้งและจอดเข้าซองข้างอาคารบางส่วน มีส่วน Landscape หน้าโครงการและท้ายโครงการ
Model คอนโดและพื้นที่โดยรอบแบบใกล้ๆ บ่งบอกถึงสเกลของตัวตึกและขนาดพื้นที่สีเขียวต่อพื้นที่พักอาศัย โดยตั้งแต่ทางเข้า-ออกโครงการจากถนนสุขุมวิทถึงตัวอาคารจะต้องเดินนิดหน่อย แต่ก็จะมี Landscape อยู่ทางซ้ายมือให้นั่งเล่นหรือมองได้เพลินๆ และชั้น 8 ที่เป็นส่วน Facilities ที่ยื่นออกมาตัว L เป็นแบบเปิดโล่งคือส่วนของสระว่ายน้ำ และด้านในคือ Facility แบบ Indoor ต่างๆ อาทิ Social Club, Fitness Room, Steam and Sauna Room, Library และอื่นๆ ซึ่งถือว่าได้ทั้งการใช้งานส่วนกลาง และวิวโดยรอบ ที่ฝั่งนี้ที่ความสูงที่ชั้น 8 สิ่งปลูกสร้างจะเป็นบ้านพักอาศัยและโรงงานที่มีความสูงไม่มาก
ทางเข้าโครงการอยู่บนถนนใหญ่สุขุมวิทขาออก ระหว่าง BigC Jumbo และซอยสุขุมวิท 115 ซึ่งตัวสถานี BTS ปู่เจ้าสมิงพรายอยู่หน้าซอยสุขุมวิท 115 มีทางลงฝั่งสุขุมวิทซอยเลขคี่อยู่ที่หน้า BigC Jumbo
ระยะเดินจากบันไดลงหน้า BigC Jumbo ถึงทางเข้าโครงการไม่เกิน 100 เมตร
Landscape หน้าโครงการอยู่ฝั่งซ้ายพร้อมป้ายชื่อโครงการ ส่วนทางขวาเป็นทางเข้า-ออกรถ
แปลงที่ดินโครงการขนาด 4-1-48.8 ไร่ เป็นแบบหน้าแคบแล้วยาวลึกเข้าไป ปลูกเป็นอาคารสูง 35 ชั้น ถ้ามองจากด้านหน้ารูปทรงตึกจะออกผอมๆหน่อย
ส่วนหน้าตึกจะมีระยะ Set-back เข้าไปในพื้นที่ ซึ่งฝั่งซ้ายตกแต่งเป็นพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ มีการวางเก้าอี้และสนามเด็กเล่นไว้ในพื้นที่
รถที่เข้ามาในโครงการจะเลี้ยวซ้ายที่หน้าร้านค้า 7 ยูนิตด้านหน้า แล้วเลี้ยวขวาอีกทีมาอยู่ด้านข้างของอาคาร ระหว่างร้านค้าและ Lobby จะมีจุด Drop Off
อาคารฝั่งทิศตะวันออกเฉียงเหนือก็จะเรียงยาวกัน ติดกับแปลงที่ดินของ BigC Jumbo ตลอดความลึก โดยโมเดลแสดงการตกแต่งอาคารภายนอกด้วยเส้นสายแบบ Futuristic ตามสไตล์ Ideo
คอนโดสูง 35 ชั้นที่ชั้น 1-7 สร้างเป็นอาคารรูปตัว T ตามรูปร่างแปลงที่ดิน แต่ตั้งแต่ชั้น 8-35 เป็นอาคารรูปตัว I สูงขึ้นไป
พื้นที่ด้านหลังของโครงการก็จะติดกับทาวน์โฮมในซอยอภิชาติ 1
ส่วนทางฝั่งตะวันตกเฉียงใต้ติดกับโรงงานสูงไม่เกิน 3 ชั้น เป็นฝั่งที่มีปลายอาคารรูปตัว T ยื่นออกมาที่ชั้น 1-7 โดยที่ชั้น 7 เป็นชั้น Facility มองจากภายนอกก็จะเห็นสระว่ายน้ำที่เป็น Outdoor มีความยาว 25 เมตร
จากสระว่ายน้ำด้านนอกมองเข้าไปยังพื้นที่ Social Club ด้านในก็จะได้วิวรอบๆเป็นบ้านพักอาศัยแนวราบ โรงงาน และคอนโด Low rise บ้าง รวมๆก็ไม่มีใครโดดเด่นมาบังวิว
เริ่มกันที่ผังชั้น 1 กันค่ะ โครงการ Ideo S 115 พื้นที่เป็นรูปตัว T ขาสั้นๆ รูปทรงอาคารชั้น 1-7 สร้างตามรูปร่างแปลงที่ดินเช่นกันคือรูปตัว T แต่ชั้น 8-35 สร้างเป็นรูปตัว I ตัวคอนโดสูง 35 ชั้น เข้ามาจะเจอสวนหน้าโครงการทางซ้ายมือ ทางขวาเป็นทางเข้า-ออกรถสวนกันได้ ส่วนแรกของอาคารเป็นร้านค้า 7 ร้าน มีบริการห้องน้ำ ส่วน Drop-off จะอยู่หลังส่วนร้านค้า ต้องเลี้ยวไปทางซ้ายข้างๆอาคาร จึงจะเจอDrop-off หน้า Lobby แล้วสามารถวนออกที่ทางเข้า-ออกเดิมได้ แต่ถ้าจะเข้าไปที่จอดรถก็จะเลียบข้างๆอาคารไปเรื่อยๆจะเจอทางขึ้นที่จอดรถในอาคารอยู่ทางขวามือที่เป็นที่จอดรถส่วนใหญ่ตั้งแต่ชั้น 1-7 และบางส่วนอยู่กลางแจ้งรอบๆโครงการจะมีการตีเส้นซองช่องจอดให้เรียบร้อย รวมที่จอดรถทั้งหมด 281 คัน คิดเป็นประมาณ 28% รวมจอดซ้อนคัน คิดเป็น 30% หลังโครงการมีสวนอีก 1 จุด
ชั้นนี้ก็ยังเป็นชั้น Ground ชั้นล่างสุดนะคะ แต่ว่าจะซูมให้ดูในส่วนภายในอาคารกันชัดๆ ส่วนหน้าที่เป็นร้านค้าก็จะมีทั้งหมด 7 ร้าน ยังไม่ได้มีการสรุปว่าพื้นที่ร้านค้าจะมีการขายขาดหรือว่าแบ่งเป็นการเช่า มีบันไดอยู่ตรงกลาง ตรงข้ามคือห้องน้ำแยกชาย-หญิง เดินเข้าไปลึกๆก็จะเจอกับจุด Drop-off หน้า Lobby ที่ด้านนอกจะมีบ่อน้ำ 2 จุดซ้าย-ขวา ภายใน Lobby ก็จะเจอกับโถงลิฟท์โดยมีลิฟท์โดยสาร 4 ตัว ลิฟท์ Service 1 ตัว อัตราส่วนลิฟท์รวมทั้งโครงการ 250 : 1 ซึ่งเป็นแบบ Proxy Lift ล็อกชั้น และบันไดหนีไฟ 3 จุด นอกจากนั้นพื้นที่ชั้นล่างก็ยังมีห้องนิติบุคคล, พื้นที่ Mailbox, ห้องน้ำ และส่วนหลังและข้างๆที่เป็นพื้นที่ Service ของโครงการ
ขึ้นมาที่ชั้น 8 จะแบ่งออกเป็น 2 ส่วนอย่างละครึ่งๆตามความยาวของอาคาร โดยครึ่งหน้าใกล้กับถนนสุขุมวิทจะเป็นส่วนของห้องพัก ส่วนหลังจะเป็นพื้นที่ Facility หลังของโครงการ ดังนั้นแม้ชั้นนี้จะมีส่วนที่เป็นห้องพัก ก็จะมีการเดินผ่านเข้า-ออกจากเพื่อนบ้านมากสักหน่อย โดยการจะเข้าจะต้องแตะบัตรหน้าประตูก่อนเข้าไปใช้ Facility เข้ามาด้านในก็จะเจอกับ Social Club ที่ถือว่าเป็นพื้นที่หลัก รอบๆก็จะมีทั้ง Pantry, Library, Pool Table, Fitness Room ที่ด้านในมีห้องโยคะ, ห้องน้ำ จากส่วน Social Club เปิดไปก็จะเจอกับสระว่ายน้ำขนาด 8 x 25 เมตร ที่เป็นแบบ Outdoor พื้นที่ข้างสระก็จะมีชุดเก้าอี้จัดไว้ให้ รวมถึงเก้าอี้แบบนอนได้วางอยู่ในสระว่ายน้ำฝั่งที่ตื้นหน่อย
บนชั้นนี้ส่วนหน้ามีห้องพักทั้งหมด 18 ห้อง การจัดเรียงห้องพักเป็นแบบ Double Corridor ตามแนวตึกรูปตัว I ห้องพักมี 3 แบบ คือ Studio จำนวน 3 ห้องคือข้างๆกับประตูทางเข้าพื้นที่ Facility และห้องข้างบันไดหนีไฟและฝั่งตรงข้าม, แบบ 1 ห้องนอนที่เป็นห้องพักส่วนใหญ่ จำนวน 13 ห้อง อยู่ทั้งฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือและตะวันตกเฉียงใต้ และ 2 ห้องนอน จำนวน 2 ห้อง ที่อยู่ส่วนสุดทางเดินหน้าโครงการได้วิวถนนสุขุมวิทกับรถไฟฟ้าไปเต็มๆ
ห้องพักชั้น 8 เป็น Typical Floor Plan คือความจริงแล้วเหมือนกับชั้น 9-35 ด้วย แต่แตกต่างแค่ว่าจะมี Fin หรือตัวกั้นแนวนอนนอกอาคารส่วน Facade. Floor Plan ส่วนหน้า เหมือนกันกับของชั้น 7 แต่ชั้น 8-35 จะมีห้องพักเต็มพื้นที่ที่ 35 ยูนิต โดยจะแบ่งออกเป็น 3 แบบตามปกติ คือแบบ Studio 11 ยูนิต ส่วนใหญ่จะอยู่ข้างลิฟท์และบันได, 1 ห้องนอนเป็นยูนิตส่วนใหญ่ 20 ยูนิต และ 2 ห้องนอน 4 ยูนิต ที่มุมสุดของทางเดินทั้งสองฝั่ง คู่หน้าจะได้วิวส่วนที่เป็นถนนสุขุมวิทซึ่งเป็นวิวที่จะศิวิไลซ์กว่าหน่อย แต่ก็จะมีเสียงรถกวนจากรถบนถนนและรถส่วนตัวเยอะ ส่วนคู่หลังก็จะได้วิวที่สงบมากกว่า เป็นวิวในส่วนของบ้านพักอาศัยในซอยสุขุมวิทเลขคี่
โถงลิฟท์โดยสาร 4 ตัวจะอยู่ตรงกึ่งกลางของชั้นพอดี ออกมาจากโถงลิฟท์ก็จะมีแยกซ้ายและขวา ซึ่งแน่นอนว่าคนที่อยู่ใกล้ลิฟท์มากกว่าก็จะมีคนเดินผ่านหน้าห้องมากกว่า ส่วนคนที่อยู่ใกล้สุดทางเดินก็จะมีความเป็นส่วนตัวมากกว่า แต่ทั้งนี้ก็จะแลกมาด้วยราคาต่อตารางเมตรที่สูงกกว่าเช่นกัน
ห้องพักชั้น 9-35 เหมือนกับชั้น 8 ที่ได้อธิบายไปด้านบน แต่จะไม่มี Fin อยู่ในส่วนของ Facade แล้ว Floor Plan ส่วนหน้า เหมือนกันกับของชั้น 7 แต่ชั้น 8-35 จะมีห้องพักเต็มพื้นที่ที่ 35 ยูนิต โดยจะแบ่งออกเป็น 3 แบบ คือ Studio จำนวน 11 ยูนิต, 1 ห้องนอนจำนวน 20 ยูนิต และ 2 ห้องนอนจำนวน 4 ยูนิต
ส่วนการจัดวางรูปทรงอาคารแบบตามตะวันคือส่วนที่กว้างกว่าอยู่ทางทิศเหนือ-ใต้ แม้จะไม่ได้ตรงมากแต่ก็ทำให้ห้องทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือได้รับแสงธรรมชาติที่ไม่แรงเหมาะกับการอยู่อาศัยตลอดวัน ส่วนห้องทางทิศตะวันตกเฉียงใต้จะได้รับแสงแดดที่แรงกว่า อุณหภูมิสูงจะเก็บอยู่ในห้องตลอดช่วงบ่าย แต่ทิศทางลมที่ดีกว่า
ผังวิวแบ่งพื้นที่ใหญ่ๆออกเป็น 4 วิว คือ
- ทิศตะวันตกเฉียงเหนือ : วิวถนนสุขุมวิท 6 เลน อนาคตจะมีรางรถไฟฟ้า ที่น่าจะสูงเทียบเท่ากับอาคารประมาณ 6 ชั้น ตัวสถานี BTS ปู่เจ้าสมิงพรายจะอยู่เยื้องไปทางทิศใต้หน้าซอยสุขุมวิท 115 ฝั่งตรงข้ามถนนสุขุมวิทเป็นปั้มน้ำมันปตท.ขนาดค่อนข้างใหญ่ ข้างๆกันคือคอนโดสูง 12 ชั้น 3 อาคารที่กำลังก่อสร้างอยู่เช่นกัน
- ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ : ตลอดความยาวของแปลงที่ดินคอนโดก็จะเป็นพื้นที่แปลงของ BigC Jumbo ที่สูงประมาณ 2 ชั้น จะมีรถเข้า-ออกเยอะหน่อย แปลงถัดไปเป็นโชว์รูมรถและที่ดินเปล่า
- ทิศตะวันออกเฉียงใต้ : วิวส่วนใหญ่จะเป็นบ้านพักอาศัยแนวราบหลายรูปแบบ อาทิ ทาวน์โฮมสูง 3-4 ชั้นในซอยอภิชาติต่างๆ รวมถึงบ้านเดี่ยวที่มีบริเวณ และมีคอนโด Low Rise สูง 8 ชั้นอยู่ในซอยสุขุมวิท 115 ทั้งที่ก่อสร้างเสร็จแล้วและกำลังก่อสร้าง เนื่องจากซอยสุขุมวิท 115 ไม่ได้เป็นซอยใหญ่ที่ทะลุไปไหนได้มาก ก็จะมีรถเข้า-ออกไม่มากนัก
- ทิศตะวันตกเฉียงใต้ : วิวส่วนใหญ่จะเป็นซอยสุขุมวิทฝั่งเลขคี่ตอนปลายไปอีก ดังนั้นก็จะเงียบเหงากว่าช่วงสุขุมวิทต้นๆ พื้นที่ส่วนใหญ่จะเป็นโรงงานยาวไปจนถึงพิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ และในซอยก็จะเป็นบ้านพักอาศัยปกติ
รวมๆแล้วคือวิวระยะใกล้ไม่มีตึกสูงที่เทียบเท่าได้ในระยะประชิด รัศมีไกลออกไปหน่อยก็จะมีคอนโดสูง 12 ชั้น 3 อาคารที่ฝั่งตรงข้าม BigC Jumbo เป็นอาคารใกล้เคียงที่สูงที่สุดรองลงมา ถัดมาก็จะเป็นคอนโด Low Rise 8 ชั้น ในซอยสุขุมวิท 115 นอกนั้นก็จะเป็นบ้านพักอาศัยแนวราบ, โรงงาน, อาคารพาณิชย์สูง 3-4 ชั้น และที่ดินว่างเปล่าที่เราจะไม่ได้คำนึงถึงเพราะความสูงยังอยู่แค่ชั้นจอดรถที่ชั้น 7 ไม่ได้ส่งผลต่อการอยู่อาศัยมากนัก
**รูปนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการแบบคร่าวๆไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการได้นะค่ะ
ต่อมาเรามาดูภาพ Rendered Perspective บรรยากาศจำลองกันบ้าง ด้านหน้าโครงการติดกับถนนสุขุมวิท
Landscape สวนหน้าอาคาร แบ่งพื้นที่ออกเป็นที่นั่งพักผ่อน มีทางเดินรอบๆไปรอบๆ
ภายใน Lobby ชั้น 1 มีการจัดวางเก้าอี้ออกเป็นส่วนๆ ทั้งที่เป็นโซฟาและโต๊ะนั่งเพื่อความหลากหลายในการใช้งาน
ขึ้นมาบนชั้น 7 เป็นส่วน Social Club ที่อยู่ในอาคารมองออกไปยัง Ourdoor Swimming pool ด้านนอกได้
สระว่ายน้ำขนาด 8 x 25 เมตร ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ มีพื้นที่ข้างสระเป็น Deck ไม้ มีเก้าอี้ตัวนอนทั้งที่ริมสระและในสระฝั่งที่ตื้นหน่อย
ห้อง Pool Table ที่อยู่บนชั้น 7 เช่นกัน เป็นห้องย่อยๆของ Social Club
ต่อมาเป็นห้องฟิตเนสที่อยู่ด้านในสุดของชั้น 7 สามารถชมวิวชานเมืองได้ในระยะไกลๆ ภายในมีห้องโยคะด้วย
ต่อมาเราจะพาไปชม Sales Office ของโครงการคอนโด Ideo S 115 กันนะคะ
เร่ิมจากข้างๆของ Sales Office จะมีด้วยกัน 2 ช่องทางเข้า-ออก ทางขวามือจะเป็นส่วนของ Service ที่จะเข้าไปสู่ไซท์ก่อสร้างด้านใน
ส่วนช่องทางซ้ายจะเป็นช่องที่ผู้ที่สนใจเยี่ยมชมโครงการสามารถนำรถเข้ามาจอดได้ และมีประตูข้างๆทำให้ไม่ต้องเดินอ้อม
ประตูด้านข้างที่เดินจากที่จอดรถจะใกล้กว่า เพื่อเข้าไปยังด้านใน Sales Office
ส่วนคนที่เดินทางมาด้วยวิธีอื่นก็สามารถเข้าที่ประตูด้านหน้าได้ สามารถเดินจากทางเท้าบนถนนสุขุมวิทได้เลย
เปิดประตูเข้ามาก็จะเจอกับเคาท์เตอร์พี่ Sales
หันไปทางซ้ายก็จะเจอกับโมเดลโครงการขนาดใหญ่ และจอทีวีติดผนังเปิด Presentation โครงการ
ส่วนทางขวาจะเป็นพื้นที่รับรองของลูกค้า แบ่งพื้นที่เป็นโซฟาชุด
ระหว่างพื้นที่รับรองและเคาท์เตอร์ก็จะมีทางเดินเข้าไปยังห้องตัวอย่าง
สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก
- ชั้น 1 : Lobby
- ชั้น 1 : ร้านค้า 7 ร้าน (ยังไม่ได้สรุปว่าขายขาดหรือว่าให้เช่า)
- ชั้น 7 : Social Club
- ชั้น 7 : Library
- ชั้น 7 : Fitness Room
- ชั้น 7 : Steam and Sauna room
- ชั้น 7 : สระว่ายน้ำ 1 สระ ระบบเกลือ ขนาด 8 x 25 เมตร แบ่งสระเด็กลึก 0.6 เมตร สระผู้ใหญ่ลึก 1.2 เมตร
- ดาดฟ้า : สวน
- รอบโครงการ : สวนหย่อม
- รอบโครงการ : สนามเด็กเล่น
- ลิฟท์โดยสาร 4 ตัวต่อหนึ่งอาคาร อัตราส่วนลิฟท์รวมทั้งโครงการ 250 : 1
- Service Lift 1 ตัว
- ที่จอดรถได้ 281 คัน คิดเป็นประมาณ 28% รวมจอดซ้อนคัน คิดเป็น 30%
- ระบบ CCTV / Access Card
เริ่มจากห้องตัวอย่างของโครงการห้องแรกกัน คือแบบ 1 ห้องนอน ซึ่งในโครงการจะมีด้วยกัน 2 แบบ เป็นห้องที่มีจำนวนยูนิตมากที่สุดในอาคาร แตกต่างกันตามชั้นและตำแหน่งห้องภายในชั้น แต่ส่วนใหญ่จะอยู่ที่กลางๆของทางเดินแทรกอยู่ระหว่างห้อง Type Studio และขนาดของห้องจะต่างกันเล็กน้อย
ส่วนแบบห้องตัวอย่างห้องนี้เป็น Type B1 พื้นที่ห้องขนาด 34 ตารางเมตร รูปร่างเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้าหน้าแคบ แบ่งพื้นที่การใช้งานออกเป็น 5 ส่วน โดยจะนำพื้นที่ใช้สอยส่วน Living มาอยู่ด้านใน คือ ห้องนั่งเล่นและห้องนอน และผลักเอาพื้นที่ที่ต้องใช้การระบายอากาศ ระบายกลิ่นไปอยู่ด้านนอกตึก คือห้องครัว ห้องน้ำ และระเบียง ซึ่งถือว่าเป็นห้องที่เหมาะกับคนที่ใช้ครัวทำอาหารจริงจังหน่อย จะได้เปิดหน้าต่างบานกระทุ้งข้างๆให้กลิ่นออกไปด้านนอกอาคารได้ ไม่ต้องพึ่งพาระบบมากนัก ทั้งอยู่ตรงกับห้องนั่งเล่น และกั้นด้วยประตูบานเลื่อน ทำให้ห้องดูกว้างและแสงธรรมชาติเข้าสู่ห้องด้านในได้ดี ประตูห้องน้ำเข้าได้จากห้องนั่งเล่น ดังนั้นก็จะเหมาะกับคนที่มีแขกแวะไปมา จะได้ไม่ต้องผ่านห้องนอนเพื่อความเป็นส่วนตัว แต่ผู้อยู่อาศัยก็จะต้องเดินอ้อมออกจากห้องนอนมาเข้าห้องน้ำนิดหน่อย
แบบ 1 ห้องนอนอีก Type หนึ่งที่ไม่ได้ทำห้องตัวอย่างคือแบบ B2 ขนาด 34 ตารางเมตร เท่ากับห้องตัวอย่างแบบ B1 เลย โดยสิ่งที่แตกต่างกันคือตำแหน่งการจัดวางของพื้นที่ใช้สอย โดยแบบ B1 จะจัดวางห้องน้ำ ห้องครัว และระเบียงไปไว้ยังฝั่งนอกอาคาร แต่แบบนี้จะจัดไว้อยู่ด้านข้างแทน คือจากห้องนั่งเล่นที่มีโซฟาและโต๊ะทานข้าว มองไปตรงๆจะเป็นประตูบานเลื่อนเปิด-ปิดเข้าไปยังห้องนอน ซึ่งแบบ B1 จะเป็นประตูบานเปิด-ปิด แล้วหันซ้ายไปจะเจอกับประตูบานเลื่อนเข้าห้องครัว ที่สามารถแยกซ้ายเข้าห้องน้ำได้ หรือว่าจะเดินไปทางขวาไปยังระเบียง
การเลือก Type ของแบบ 1 ห้องนอนขึ้นกับ Lifestyle ในการอยู่อาศัยของผู้ซื้อ เพราะรูปร่างห้องและพื้นที่ใช้สอยคล้ายกัน ต่างกันที่การจัดวางตำแหน่ง แน่นอนว่าแบบ B2 จะดูโล่งและโปร่งกว่าเพราะมีบานประตูเลื่อนกันระหว่างห้องนั่งเล่นและห้องนอน ทำให้แสงเข้าถึงได้ และดูเป็นพื้นที่ด่อเนื่องมากกว่า แต่แบบ B1 การจัดวางห้องจะดูเป็นสัดส่วนมากกว่าเพราะแบ่งด้วนบานประตู และมีข้อดีคือทั้งห้องน้ำ และห้องครัวติดกับพื้นที่ด้านนอก แต่แบบ B2 ห้องน้ำจะมาอยู่ด้านในหน่อย จะพึ่งระบบระบายอากาศมากกว่า
มาเจาะรายละเอียดห้องตัวอย่าง Type B1 กันนะคะ เริ่มจากประตูทางเข้า ไม่ได้ติดมาให้ดูแต่เป็นบานสำเร็จรูปขนาด 0.9 x 2.0 เมตร
พื้นในห้องนั่งเล่นจะเป็นพื้นไม้ลามิเนตหนา 8 มิลลิเมตร โดยจะมีตัวคั่นระหว่างพื้นภายในและพื้นที่ทางเดินด้านนอก ยกสูงขึ้นมาหน่อยเพื่อกันฝุ่นและเสียง
ห้องแรกที่ก้าวเข้าไปเป็นห้องนั่งเล่นขนาด 2.7 x 3.4 เมตร มีโซฟาวางรูปตัว I อยู่ทางซ้ายมือ ฝั่งตรงข้ามเป็นชั้นวางทีวี ลึกเข้าไปเป็นโต๊ะทานข้าวแบบ 2 ที่นั่งหันมุมเข้าหากัน ประตูบานเลื่อนที่อยู่ทางซ้ายสุดคือประตูเข้าห้องครัว ทางขวาใต้แอร์คือประตูบานเปิด-ปิดห้องน้ำ และประตูทางผนังทางขวาคือประตูเข้าห้องนอน ความสูงพื้นถึงฝ้าอยู่ที่ 2.6 เมตร
การขายในโครงการ Ideo S 115 เป็นการขายแบบ Fully Furnished ซึ่งจะได้เฟอร์นิเจอร์ส่วนใหญ่ที่เห็นในห้องตัวอย่าง พร้อมโปรโมชั่นแอร์ตามขนาดห้อง อย่างห้องนี้เป็นแบบ 1 ห้องนอนจะได้แอร์ 2 ตัว ติดในห้องนั่งเล่น 1 ตัว และห้องนอน 1 ตัว ไม่รวมของตกแต่งและเครื่องใช้ไฟฟ้า เราจะค่อยๆชี้กันนะคะว่าจะมีชิ้นไหนได้บ้าง ชิ้นไหนไม่ได้ ชิ้นไหนสเปคเหมือนหรือต่างอย่างไร
โซฟารูปตัว I ความยาวของพื้นที่นั่งอยู่ที่ 1.5 เมตร นั่งได้สองคนสบายๆ โต๊ะกลมด้านหน้าไม่ได้ รวมถึงของตกแต่งอย่างชั้นวางของที่ติดกับผนัง
ผนังห้องที่ได้จะติด Wallpaper ตามโปรโมชั่นของโครงการ ของตกแต่งภายในห้องตัวอย่างไม่ได้ แต่ดูไว้เป็นไอเดียนะคะ ชั้นวางของที่อยู่เหนือโซฟาอาจจะสูงเกินไปหน่อย แต่ชั้นวางของที่อยู่ข้างๆกับโต๊ะทานข้าวกำลังอยู่ที่ระดับที่พอเหมาะ ไว้วางซอสหรือว่ากล่องทิชชูได้
พื้นที่โต๊ะทานข้าวอยู่ที่ 1.6 เมตร โต๊ะทานข้าวที่ได้จริงจะเป็นแบบ 4 ขา พร้อมเก้าอี้ 2 ตัว
ฝั่งตรงข้ามไล่ตั้งแต่ทางเข้าคือชั้นวางรองเท้าที่ในห้องตัวอย่างเปิดไม่ได้ และไม่ได้อยู่ในรายการขาย ข้างๆกันคือชั้นวางของด้านล่าง และด้านบนคือชั้นวางของแบบติดผนังแล้วก็ติดทีวีเข้าไปอีกที ชั้นวางทีวีที่ได้จะเป็นแบบลอย นั้นก็คือแบบที่เอามาวางชิดผนัง แล้วก็วางทีวีลงไปด้านบน มีช่องเก็บของให้ด้านล่าง ไม่ได้ก่อให้เต็มผนัง
ความกว้างของห้องนั่งเล่นอยู่ที่ 2.7 เมตร ดังนั้นระยะดูทีวีก็จะอยู่ที่ราวๆ 2.4 เมตร
ต่อมาเป็นประตูบานเลื่อนเข้าห้องครัว เป็นแบบ 2 ตอน สามารถเปิดเลื่อนได้สองฝั่ง แต่ในห้องตัวอย่างได้ติดแน่นไว้ที่ฝั่งขวา ตัวกรอบเป็นอลูมิเนียมทาสีดำ ลูกฟักเป็นกระจกตัดแสง
แม้ว่าด้านหน้าของบานประตูเลื่อนจะมีเสายื่นออกมาหน่อย แต่การออกแบบจะไม่ได้วางติดเข้าไปให้เรียบร้อย แต่จะเว้นออกมาประมาณ 5 เซนติเมตร เพื่อการติดราวม่านด้านบน
ราวม่านด้านบน ถ้าจะติด ควรติดฝั่งที่เป็นห้องนั่งเล่น เพราะถ้าติดในห้องครัวจะทำให้ผ้ามีกลิ่นได้ง่าย ม่านอาจจะติดเป็นแบบ 2 ชั้นเหมือนในห้องตัวอย่าง คือมีทั้งแบบโปร่งแสงและทึบแสง ไว้บังแดดบ้างในช่วงที่แสงเข้าจ้าๆ
ตัวล็อกของบานประตูเลื่อนจากห้องนั่งเล่นจะเป็นแบบเลื่อนขึ้น-ลง ส่วนด้านในห้องครัวรูปขวาจะไม่มี
ตัวกรอบบานก็จะวางอยู่บนพื้น แล้วเก็บความเรียบร้อยด้านข้างเอา ไม่ได้ฝั่งกรอบบานด้านล่างลงไประหว่างพื้น ทำให้เวลาเดินอาจจะต้องยกเท้าหน่อย ซึ่งเป็นทั้งข้อเสียในเรื่องความไม่เรียบร้อย แต่ก็เป็นข้อดีในส่วนที่ถ้าเกิดน้ำในห้องครัวเจิ่งนอง ก็จะได้ไม่ซึมเข้าไปยังห้องนั่งเล่นต่อ พื้นภายในห้องครัวปูด้วยกระเบื้องเซรามิคชนิดกันลื่นขนาด 30 x 30 เซนติเมตร เช็ดทำความสะอาดได้ง่าย
ห้องครัวขนาด 1.75 x 2.70 เมตร ไล่ตั้งแต่ประตูเข้าไปก็จะเป็นพื้นที่วางตู้เย็น เคาท์เตอร์ล่าง-บนที่ประกอบไปด้วยอ่างล้างจาน พื้นที่เตรียมอาหาร และ Hob and Hood ด้านใน ส่วนฝั่งตรงข้ามที่เป็นชั้นวางก็ตกแต่งด้วนความส่วนงาม ความจริงแล้วก็เอาไปวางที่เคาท์เตอร์ด้านบนได้ ช่องแสงสำหรับห้องครัวจะอยู่ด้านในสุด
พื้นที่วางตู้เย็นอยู่ที่ 1.1 เมตร สามารถวางตู้เย็นแบบฝาเดียวได้ รอบๆก็เหลือพื้นที่ให้ตู้เย็นระบายความร้อนออกมาหน่อย หรือจะไว้เก็บของเล็กๆน้อยๆได้อีกนิดนึง
เคาท์เตอร์ล่างและบนจะมีทั้งแบบที่มีบานเปิด และแบบเปิดโล่ง บางส่วนก็จะเป็นลิ้นชัก
พื้นที่ทางเดินเหลือประมาณ 1 เมตร เปิดตู้บานใหญ่ที่สุดออกมาก็ยังมีพื้นที่เหลือเดินไปเดินมาได้ ก้มหยิบของ หรือเข้าครัวพร้อมกัน 2-3 คนก็ยังไม่อึดอัดมาก
เคาท์เตอร์ด้านบนก็ไล่ตั้งแต่เย็นไปถึงร้อนตามระเบียบ นั้นก็คืออ่างล้างจาน พื้นที่เตรียมอาหารตรงกลาง ส่วนซ้ายสุดคือ Hob and Hood ที่ผนังก็จะกรุด้วยกระเบื้องเซรามิกที่ทำความสะอาดง่ายเช่นกัน มีการติดราวแขวนให้ดูเป็นตัวอย่างในการอยู่อาศัย
ด้านล่างก็จะมีตู้บานเปิดใต้อ่างล้างจาน สามารถวางอุปกรณ์ขนาดใหญ่หน่อยได้ ตรงกลางเป็นลิ้นชักยาวๆ และด้านล่างเป็นบานเปิดแคบๆ ส่วนซ้ายสุดเว้นพื้นที่ไว้สำหรับเครื่องซักผ้าฝาหนัา ซึ่งความจริงแล้วดูจากผังห้องแล้วถือว่าโอเค จะเอาเครื่องซักผ้าตั้งไว้ที่ระเบียงห้องนอนก็ดูแปลกๆ แต่ถ้าเอาเครื่องซักผ้ามาไว้ที่ห้องครัวก็จะต้องเอาไปตากที่ระเบียงห้องอยู่ดี
ด้านบนทางขวาจะเป็นชั้นวางของที่สามารถวางไมโครเวฟ อุปกรณ์ยังชีพได้ และมีบานเปิดที่ตัว Hood ด้านซ้ายมือ
ช่องแสงภายในห้องครัวจะมีด้วยกัน 4 บานเล็ก 2 แบบคือแบบบาน Fixed และแบบบานกระทุ้งออกด้านบน
บานกระทู้งบิดแล้วผลักออกธรรมดา มันก็จะมีจังหวะหยุดของมันเอง
ฝ้าของห้องครัวก็จะมีเครื่องตรวจจับความร้อน และไฟแบบทรงกระบอกแบบหมุนหลอดตะเกียบธรรมดา แต่ก็จะไม่มีตัวฉีดน้ำมาให้อยู่ดี
ห้องต่อมาเป็นห้องน้ำที่เข้าได้จากห้องนั่งเล่น ประตูเปิดอยู่ใต้แอร์พอดี
บานประตูเป็นแบบผลักเข้า พื้นห้องน้ำปูด้วยกระเบื้องเซรามิกชนิดกันลื่นขนาด 30 x 30 เซนติเมตร ระหว่างห้องน้ำและห้องนั่งเล่นจะลดระดับพื้นลงไปประมาณ 3 เซนติเมตรเพื่อกันน้ำเจิงนองเป็นปกติ
ห้องน้ำขนาด 1.6 x 2.7 เมตร แบ่งพื้นที่งานใช้งานออกเป็น 3 ส่วนปกติ จากประตูไล่เข้าไปคืออ่างล้างหน้าทรงสี่เหลี่ยมพร้อมกระจกบานใหญ่สะใจ โถสุขภัณฑ์ ด้านในคือพื้นที่อาบน้ำแบบเปียก มีฉากกั้นมาให้เรียบร้อย ช่องแสงด้านในจะเป็นแบบบานกระทุ้งบานใหญ่บานเดียวจบ
อ่างล้างหน้าจาก American Standard ได้ตู้เก็บของด้านล่างมาด้วย
โถสุขภัณฑ์จาก American Standard เช่นกัน มีที่ใส่ทิชชูติดกับผนัง และสายชำระอยู่อีกฝั่งหนึ่ง ที่มุมฉากกั้นอาบน้ำมีจุดระบายน้ำ
พื้นที่อาบน้ำด้านในมีฉากกั้นอาบน้ำกั้น เป็นแบบผลักเข้าไป ทั้งพื้นและผนังของพื้นที่เปียกเปลี่ยนจากกระเบื้องขนาด 30 x 30 เซนติเมตร เป็นขนาดที่ตารางเล็กลง แต่ยังคลุมโทนสีได้ใกล้เคียงกัน
ระหว่างพื้นที่แห้งและพื้นที่เปียกก็จะมีตัวจบเพื่อความเรียบร้อยและป้องกันการซึมเมื่อมีการเจิ่งนองของน้ำเกิดขึ้น
ทีจับประตูเป็นแบบทรงกระบอกเล็กๆ ทั้งสองฝั่ง สามารถดึงหรือผลักได้ มีรายละเอียดที่ไม่ได้ลืมไปก็คือมี Doorstop แบบหัวยางป้องกันการกระแทกของมือจับกับผนัง
พื้นที่อาบน้ำด้านในขนาด 0.9 x 1.25 เมตร มีจุดท่อระบายน้ำอยู่ด้านใน
ฝักบัวเป็นแบบมือจับจาก American Standard เช่นกัน เป็นแบบหัวก๊อกเดียว มีที่วางสบู่ติดผนังมาให้วางได้ 1 ก้อน
หัวฝักบัวมีขนาดค่อนข้างใหญ่ รัศมีของน้ำน่าจะกว้างพอสมควร
ฝ้าเพดานของห้องน้ำจะมีไฟ 2 จุด และมีที่ดูดกลิ่นติดมาให้
ต่อมาเป็นห้องนอนบานประตูไม่ได้ติดมาให้ แต่จะเป็นบานสำเร็จรูป เปิดผลักเข้าไปฝั่งซ้าย
ปูพื้นด้วยวัสดุเดียวกับห้องนั่งเล่น นั้นก็คือไม้ลามิเนตหนา 8 มิลลิเมตร สีจะออกค่อนข้างอ่อนหน่อย ทำให้บรรยากาศห้องดูสว่างๆ
ก้าวเข้ามาด้านในห้องนอนหันไปทางขวาจะเจอกับเตียงนอนขนาดใหญ่วางอยู่ 1 หลัง มีพื้นที่เดินได้รอบเตียง
โดยห้องนอนจะมีความกว้างที่ 2.6 เมตร ในส่วนที่วางเตียงนอน และบีบแคบลงที่ส่วนพื้นที่นั่งเล่นใกล้กับระเบียงอยู่ที่กว้าง 2 เมตร ข้างๆ สิ่งที่จะได้ในรายการขายคือฐานเตียงขนาด 5 ฟุต ไม่รวมฟูกนอนและเครื่องนอน ตู้เสื้อผ้าที่ไม่ได้ Built-in มาให้แบบเต็มผนังเหมือนกับห้องตัวอย่าง และโต๊ะเครื่องแป้ง
ผนังหัวนอนที่ตกแต่งเป็นแบบติดไฟและกระจกก็จะได้เหมือนทั่วไปคือติด Wallpaper ตามโปรโมชั่นของโครงการ
ปลายเตียงจะเป็นจุดที่ทีวีต้องติดกับผนัง
ปลายเตียงเหลือพื้นที่เดินประมาณ 40 เซนติเมตร
ข้างเตียงด้านขวาเหลือพื้นที่ 35 เซนติเมตร ไม่ได้นับความลึกของตู้เสื้อผ้าแบบ Built-in ภายในห้องตัวอย่างนะคะ
ส่วนพิ้นที่ข้างเตียงฝั่งซ้ายจะเปิดโล่ง ในห้องตัวอย่างจะแต่งเป็นโต๊ะตัวยาวที่เป็นทั้งโต๊ะทำงานและโต๊ะเครื่องแป้งไปเลยในตัว ฝั่งตรงข้ามจะเป็นโซฟาตัวเล็กวางใว้ให้นั่งเล่นๆได้
พื้นที่ข้างเตียงเหลือประมาณ 2.3 เมตร ถ้านับในส่วนผนังที่บีบเข้ามาฝั่งที่วางโซฟาจะอยู่ที่ความยาว 1.5 เมตร สามารถจัดวางพื้นที่ส่วนตัวนี้ได้ตามสบายใจ บางคนอาจจะอยากวางเก้าอี้ 2 ตัวไว้นั่งทำงานข้างกัน หรือบางคนจะตั้งแต่โต๊ะญี่ปุ่นนั่งพื้นจะได้นั่งได้หลายคน
ต่อมาเป็นประตูบานเลื่อนแบบ 2 ตอนเพื่อเปิดออกไปสู่ระเบียงด้านนอก เป็นบานประตูอลูมิเนียมทาสีดำ กรอบเป็นกระจกตัดแสง ด้านบนเป็นตำแหน่งแอร์ติดผนังภายในห้องนอน
กรอบประตูบานเลื่อนก็จะวางอยู่บนพื้นระดับปกติ ให้มีระยะที่ต้องก้าวเดินออกไปอยู่ที่ประมาณ 5 เซนติเมตร
พื้นที่ระเบียงด้านนอกขนาด 1.15 x 2.00 เมตร ปูด้วยกระเบื้องเซรามิกกันลื่อนขนาด 30 x 30 เซนติเมตร
ด้านหนึ่งของผนังของระเบียงจะติดเป็นไฟส่องลง ราวระเบียงสูง 1.1 เมตร
ส่วนอีกฝั่งจะเป็นพื้นที่วาง Compressor air ที่จะมีด้วยกัน 2 เครื่อง ความจริงแล้วจะต้องแขวนอยู่เหนือพื้นทั้งหมด
แขวนขึ้นไปด้านบนขนาดนี้ 2 เครื่อง พื้นที่ด้านล่างตรงพื้นจะเป็นพื้นที่โล่งๆแทน ไม่มี Grill ปัดทิศทางลมร้อนที่เป่าออกมาให้ ดังนั้นลมร้อนก็จะเป่าเข้าพื้นที่ระเบียงตรงๆเลย
ห้องตัวอย่างห้องที่สองเป็นแบบ 2 ห้องนอน เป็นแบบเดียวของโครงการคือ Type C1 ขนาด 62 ตารางเมตร โดยตำแหน่งของแบบ 2 ห้องนอนใน Typical floor plan จะมีด้วยกัน 4 ห้อง อยู่ที่สุดทางเดินฝั่งละ 2 ยูนิต รูปร่างเป็นสี่เหลี่ยมขนาดใกล้เคียงจตุรัส 2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ 1 ส่วนนั่งเล่น 1 ครัว โดยเปิดห้องเข้ามาจะเจอกับห้องนั่งเล่น ที่มีทั้งส่วนโซฟาและโต๊ะทานข้าว ด้านในเป็นห้องครัวและห้องน้ำที่จะอยู่ติดกับส่วนนอกของอาคาร ทำให้ระบายอากาศได้ดี ส่วนฝั่งขวามุมด้านในเป็นห้องนอนใหญ่ ที่มีห้องน้ำและระเบียงในตัวที่มีขนาดยาวตลอดแนวห้อง ส่วนห้องนอนเล็กจะอยู่ด้านในเข้ามา วางเตียงเดี่ยวได้พอดี จัดพื้นที่การใช้งานได้เป็นสัดส่วน และขนาดอยู่ได้จริง
บานประตูเหมือนกันทุกแบบคือบานสำเร็จรูปขนาด 0.9 x 2.0 เมตร แต่ห้องนี้จะติดบานจริงมาให้ดู สีก็จะอ่อนหน่อย มีตาแมวและ Digital Doorlock มาให้
Digital Doorlock จาก Samsung แบบแตะบัตรจะต่างจากปกติคือจะไม่รวมกับที่บิดประตูที่เป็นแบบไขกุญแจธรรมดาด้านล่าง ดังนั้นเวลาเปิด จะต้องเปิดทั้งสองส่วน คือไขกุญแจ และแตะบัตร แล้วถึงจะบิดคันโยกผลักเข้าไปด้านใน ด้านในก็จะมีตัวล็อก 2 จุดเช่นกัน คือตัวล็อกแบบบิดด้านล้าง และแบบบิดเล็กๆด้านบน
พื้นห้องนั่งเล่นปูด้วยพื้นไม้ลามิเนตหนา 8 มิลลิเมตร โดยจะมีตัวคั่นระหว่างพื้นภายในและพื้นที่ทางเดินด้านนอก ยกสูงขึ้นมาหน่อยเพื่อกันฝุ่นและเสียง
ผนังฝั่งประตูเปิดเข้ามาทางขวาก็จะเจอกับชุดทำงานแบบ Built-in ที่มีโต๊ะทำงานด้านล่าง และชั้นเก็บของด้านบน ข้างๆกันสามารถ Built เป็นตู้วางรองเท้าขนาดใหญ่สะใจได้อีกจุด แต่ทั้งหมดตรงนี้จะไม่ได้อยู่ในรายการการขาย
คราวนี้มาฝั่งที่เปิดประตูแล้วเจอบ้าง ก็จะเป็นห้องนั่งเล่นกว้าง 3.5 เมตร มีชุดโซฟาอยู่ฝ่งซ้ายมือ ฝั่งตรงข้ามเป็นชั้นวางทีวี ลึกเข้าไปเป็นโต๊ะทานข้าวแบบ 4 ที่นั่ง ประตูบานเลื่อนที่อยู่ทางซ้ายสุดคือประตูเข้าห้องครัว ทางขวาคือประตูบานเปิด-ปิดห้องน้ำ และประตูทางผนังทางขวาคือประตูเข้าห้องนอน และมีอีกบานอยู่ข้างโต๊ะทำงานแบบ Built-in คือห้องนอนเล็ก ความสูงพื้นถึงฝ้าอยู่ที่ 2.6 เมตร
โซฟารูปตัว I ความยาวของพื้นที่นั่งอยู่ที่ 1.4 เมตร นั่งได้สองคนได้ ข้างๆมีการเพิ่มเก้าอี้เดี่ยวอีกตัวหนึ่งและโต๊ะกลมที่อยู่ตรงกลาง ทั้งสองชิ้นไม่มีอยู่ในรายการเฟอร์นิเจอร์ ผนังติด Wallpaper ตามโปรโมชั่นของโครงการ และไฟเป็นแบบหลอดตะเกียบหมุนธรรมดา อย่างไฟ Downlight ที่เปิดเข้าหาผนังนั้นไม่ใช่
ต่อมาเป็นโต๊ะทานข้าวแบบ 4 ที่นั่ง ความกว้างของพื้นที่อยู่ที่ 1.9 เมตร
ฝั่งตรงข้ามคือชั้นวางของด้านล่าง และด้านบนคือชั้นวางของแบบติดผนังแล้วก็ติดทีวีเข้าไปอีกที ชั้นวางทีวีที่ได้จะเป็นแบบลอย นั้นก็คือแบบที่เอามาวางชิดผนัง แล้วก็วางทีวีลงไปด้านบน มีช่องเก็บของให้ด้านล่าง ไม่ได้ก่อให้เต็มผนัง ไม่มีกระจกตกแต่งให้
ความกว้างของห้องนั่งเล่นอยู่ที่ 3.5 เมตร ดังนั้นระยะดูทีวีก็จะอยู่ที่ราวๆ 3.2 เมตร ด้วยความกว้างของผนังระยะดูทีวีสามารถติดทีวีจอใหญ่พร้อมเครื่องเสียงเข้าไปได้เต็มๆ
ต่อมาจะเข้าไปด้านในกันบ้าง ฝั่งซ้ายเป็นประตูบานเลื่อนเข้าห้องครัว และฝั่งขวาเป็นประตูบานเปิด-ปิดเข้าห้องน้ำ ตรงกลางเป็นตำแหน่งแอร์ของห้องนั่งเล่น ที่แบบ 2 ห้องนอนจะมีโปรโมชั่นได้แอร์ 3 เครื่อง คือห้องนั่งเล่น, ห้องนอนใหญ่ และห้องนอนเล็ก
ต่อมาเป็นประตูบานเลื่อนเข้าห้องครัว เป็นแบบ 2 ตอน สามารถเปิดเลื่อนได้สองฝั่ง แต่ในห้องตัวอย่างได้ติดแน่นไว้ที่ฝั่งขวา ตัวกรอบเป็นอลูมิเนียมทาสีดำ ลูกฟักเป็นกระจกตัดแสง
ตัวกรอบบานก็จะวางอยู่บนพื้น แล้วเก็บความเรียบร้อยด้านข้างเอา ไม่ได้ฝั่งกรอบบานด้านล่างลงไประหว่างพื้น ทำให้เวลาเดินอาจจะต้องยกเท้าหน่อย ซึ่งเป็นทั้งข้อเสียในเรื่องความไม่เรียบร้อย แต่ก็เป็นข้อดีในส่วนที่ถ้าเกิดน้ำในห้องครัวเจิ่งนอง ก็จะได้ไม่ซึมเข้าไปยังห้องนั่งเล่นต่อ พื้นภายในห้องครัวปูด้วยกระเบื้องเซรามิคชนิดกันลื่นขนาด 30 x 30 เซนติเมตร เช็ดทำความสะอาดได้ง่าย
ห้องครัวขนาด 2 x 2.40 เมตร ไล่ตั้งแต่ประตูเข้าไปก็จะเป็นพื้นที่วางตู้เย็น เคาท์เตอร์ล่าง-บนที่ประกอบไปด้วยอ่างล้างจาน พื้นที่เตรียมอาหาร และ Hob and Hood ด้านใน ส่วนฝั่งตรงข้ามที่เป็นชั้นวางก็ตกแต่งด้วนความส่วนงาม ความจริงแล้วก็เอาไปวางที่เคาท์เตอร์ด้านบนได้ ช่องแสงสำหรับห้องครัวจะอยู่ด้านในสุด
พื้นที่วางตู้เย็นอยู่ที่ 0.9 เมตร สามารถวางตู้เย็นแบบฝาเดียวได้ รอบๆก็เหลือพื้นที่ให้ตู้เย็นระบายความร้อนออกมาหน่อย หรือจะไว้เก็บของเล็กๆน้อยๆได้อีกนิดนึง
เคาท์เตอร์ล่างและบนจะมีทั้งแบบที่มีบานเปิด และแบบเปิดโล่ง บางส่วนก็จะเป็นลิ้นชัก
เคาท์เตอร์ด้านบนก็ไล่ตั้งแต่เย็นไปถึงร้อนตามระเบียบ นั้นก็คืออ่างล้างจาน พื้นที่เตรียมอาหารตรงกลาง ส่วนซ้ายสุดคือ Hob and Hood ที่ผนังก็จะกรุด้วยกระเบื้องเซรามิกที่ทำความสะอาดง่ายเช่นกัน
ด้านล่างก็จะมีตู้บานเปิดใต้อ่างล้างจาน สามารถวางอุปกรณ์ขนาดใหญ่หน่อยได้ ตรงกลางเป็นลิ้นชักยาวๆ และด้านล่างเป็นบานเปิดแคบๆ ส่วนซ้ายสุดเป็นบานปิด ต่างจากเคาท์เตอร์ครัวของแบบ 1 ห้องนอนที่จะเว้นพื้นที่ไว้สำหรับวางเครื่องซักผ้าฝาหน้าได้ แบบ 2 ห้องนอนกลับต้องวางเครื่องซักผ้าไว้ฝั่งตรงข้ามกับเคาท์เตอร์ครัว ทำให้เวลาหยิบของหรือหยิบผ้าอาจจะไม่สะดวก
ชั้นวางของด้านบนทางขวาจะเป็นชั้นวางของที่สามารถวางไมโครเวฟ อุปกรณ์ยังชีพได้ และมีบานเปิดที่ตัว Hood ด้านซ้ายมือ
ช่องแสงภายในห้องครัวจะมีด้วยกัน 4 บานเล็ก 2 แบบคือแบบบาน Fixed และแบบบานกระทุ้งออกด้านบน
ห้องน้ำบานประตูเป็นแบบผลักเข้า พื้นห้องน้ำปูด้วยกระเบื้องเซรามิกชนิดกันลื่นขนาด 30 x 30 เซนติเมตร ระหว่างห้องน้ำและห้องนั่งเล่นจะลดระดับพื้นลงไปประมาณ 3 เซนติเมตรเพื่อกันน้ำเจิงนองเป็นปกติ
ห้องน้ำขนาด 1.5 x 2.4 เมตร แบ่งพื้นที่งานใช้งานออกเป็น 3 ส่วนปกติ จากประตูไล่เข้าไปคืออ่างล้างหน้าทรงสี่เหลี่ยมพร้อมกระจกบานใหญ่สะใจ โถสุขภัณฑ์ ด้านในคือพื้นที่อาบน้ำแบบเปียก มีฉากกั้นมาให้เรียบร้อย ช่องแสงด้านในจะเป็นแบบบานกระทุ้งบานใหญ่บานเดียวจบ สุขภัณฑ์จาก American Standard
พื้นที่อาบน้ำด้านในขนาด 0.85 x 1.5 เมตร มีฉากกั้นอาบน้ำกั้น เป็นแบบผลักเข้าไป ทั้งพื้นและผนังของพื้นที่เปียกเปลี่ยนจากกระเบื้องขนาด 30 x 30 เซนติเมตร เป็นขนาดที่ตารางเล็กลง แต่ยังคลุมโทนสีได้ใกล้เคียงกัน
ต่อมาเป็นห้องนอนบานประตูไม่ได้ติดมาให้ แต่จะเป็นบานสำเร็จรูป เปิดผลักเข้าไปฝั่งซ้าย
ปูพื้นด้วยวัสดุเดียวกับห้องนั่งเล่น นั้นก็คือไม้ลามิเนตหนา 8 มิลลิเมตร สีจะออกค่อนข้างอ่อนหน่อย ทำให้บรรยากาศห้องดูสว่างๆ
ก้าวเข้ามาด้านในห้องนอนขนาด 3.35 x 4.00 เมตร มีเตียงนอนขนาดใหญ่วางอยู่ 1 หลัง มีพื้นที่เดินได้รอบเตียง ฝั่งตรงข้ามเป็นชั้นวางทีวี ข้างๆกับเตียงจะเป็นตู้เสื้อผ้าและโต๊ะเครื่องแป้ง ด้านในที่ม่านกั้นอยู่คือประตูเลื่อนออกไปยังระเบียงด้านนอก สิ่งที่จะได้ในรายการขายคือฐานเตียงขนาด 5 ฟุต ไม่รวมฟูกนอนและเครื่องนอน ตู้เสื้อผ้า และโต๊ะเครื่องแป้ง
ข้างๆกันกับชั้นวางทีวีภายในห้องนอนคือประตูทางเข้าห้องน้ำในตัว
เตียงนอนขนาด 5 ฟุตวางอยู่กลางห้อง
พื้นที่ข้างเตียงฝั่งซ้ายเหลือพื้นที่เดินได้ 0.85 เมตร มีช่องแสงข้างเตียงพอดี เหมือนเป็นการบังคับว่าต้องวางเตียงเหลือพื้นที่ตรงนี้ไว้ด้วย บานด้านล่างเป็นแบบบาน Fixed แต่บานด้านบนเป็นแบบบานกระทุ้งด้านล่าง
ข้างๆเตียงทางซ้ายก็จะมีตู้เสื้อผ้าแบบบานเลื่อน และโต๊ะเครื่องแป้งที่มาพร้อมกระจำและโต๊ะแบบไม่มีพนัก ขนาดพอดีกับความกว้างของผนังเป๊ะ
พื้นที่ปลายเตียงเหลือ 1.2 เมตร ถ้าไม่นับชั้นวางทีวี แต่ถ้ายาวสุดผนังเลยจะอยู่ที่ 1.5 เมตร ซึ่งถือว่ากว้างมากๆ
ผนังปลายเตียงที่กั้นกับห้องน้ำไว้ก็จะเป็นตู้เก็บของ ลิ้นชักใส่ของ มีทีวีติดผนังอยู่ตรงกลาง และด้านบนเป็นตำแหน่งแอร์ภายในห้องนอน ข้างๆกันที่เป็นบานปิดสีดำเงาจะเป็นพื้นที่เก็บของ แต่ความจริงก็สามารถแบ่งพื้นที่เป็นโต๊ะทำงานด้วยก็ได้
พื้นที่ข้างเตียงฝั่งขวา 0.6 เมตร วางโต๊ะข้างเตียงได้สบายๆ 1 ตัว
ฝั่งนี้จะเป็นประตูบานเลื่อนแบบผลักออกไปทางซ้ายและขวาสองฝั่งเพื่อเปิดออกไปสู่ระเบียงด้านนอก เป็นบานประตูอลูมิเนียมทาสีดำ กรอบเป็นกระจกตัดแสง ราวม่านด้านบนอาจจะติดเป็นแบบ 2 ชั้นเหมือนในห้องตัวอย่าง คือมีทั้งแบบโปร่งแสงและทึบแสง ไว้บังแดดบ้างในช่วงที่แสงเข้าจ้าๆ
ตัวล็อกของบานประตูเลื่อนจากห้องนอนจะเป็นแบบเลื่อนขึ้น-ลง ส่วนจากระเบียงจะไม่มี
ตัวกรอบบานก็จะวางอยู่บนพื้น แล้วเก็บความเรียบร้อยด้านข้างเอา ไม่ได้ฝั่งกรอบบานด้านล่างลงไประหว่างพื้น ทำให้เวลาเดินอาจจะต้องยกเท้าหน่อย
พื้นที่ระเบียงด้านนอกขนาด 1.1 x 4.0 เมตร ปูด้วยกระเบื้องเซรามิกกันลื่อนขนาด 30 x 30 เซนติเมตร ถือว่าเป็นระเบียงขนาดที่สามารถใช้ประโยชน์ใช้สอยรูปแบบอื่นนอกจากตากผ้าได้ เช่นการวางชุดเก้าอี้เล็กๆด้านนอก
อีกฝั่งจะเป็นพื้นที่วาง Compressor air ที่จะมีด้วยกัน 3 เครื่อง ไม่มี Grill ปัดทิศทางลมร้อนที่เป่าออกมาให้ ดังนั้นลมร้อนก็จะเป่าเข้าพื้นที่ระเบียงตรงๆเลย ดังนั้นแนะนำว่าถ้าโครงการไม่ให้มา ก็ควรจะติดเพิ่ม เนื่องจากถ้าลมเป่าเข้าพื้นที่ระเบียงเต็มๆแล้วเราทนไปเรื่อยๆ พื้นที่ระเบียงก็จะไม่ได้ใช้ประโยชน์อย่างคุ้มค่าที่สุด
ข้างๆกับกรอบประตูบานเลื่อนก็จะมีไฟติดผนังแบบส่องลงให้
พื้นที่ภายในห้องนอนจากมุมมองระเบียง
ต่อมาเป็นห้องน้ำภายในห้องนอนใหญ่
บานประตูเป็นแบบผลักเข้า พื้นห้องน้ำปูด้วยกระเบื้องเซรามิกชนิดกันลื่นขนาด 30 x 30 เซนติเมตร
ห้องน้ำขนาด 1.3 x 3.3 เมตร แบ่งพื้นที่งานใช้งานออกเป็น 3 ส่วนปกติ จากประตูไล่เข้าไปคืออ่างล้างหน้าทรงสี่เหลี่ยมพร้อมกระจกบานใหญ่สะใจ โถสุขภัณฑ์ ด้านในคือพื้นที่อาบน้ำแบบเปียก มีฉากกั้นมาให้เรียบร้อย ช่องแสงด้านในจะเป็นแบบบานกระทุ้งบานใหญ่บานเดียวจบ สุขภัณฑ์จาก American Standard
อ่างล้างหน้าทรงสี่เหลี่ยม ได้ตู้เก็บของด้านล่างมาด้วย
โถสุขภัณฑ์จาก American Standard เช่นกัน มีที่ใส่ทิชชูติดกับผนัง และสายชำระอยู่อีกฝั่งหนึ่ง ที่มุมฉากกั้นอาบน้ำมีจุดระบายน้ำ
พื้นที่อาบน้ำด้านในมีฉากกั้นอาบน้ำกั้น เป็นแบบผลักเข้าไป ทั้งพื้นและผนังของพื้นที่เปียกเปลี่ยนจากกระเบื้องขนาด 30 x 30 เซนติเมตร เป็นขนาดที่ตารางเล็กลง แต่ยังคลุมโทนสีได้ใกล้เคียงกัน แต่สังเกตที่ตำแหน่งประตูว่าอยู่ฝั่งขวาที่ใกล้กับโถสุขภัณฑ์ ทำให้เขัายากหน่อย เพราะความจริงแล้วพื้นที่อาบน้ำไม่ได้เป็นทรงสี่เหลี่ยม แต่เป็นรูปตัว L
พื้นที่อาบน้ำรูปตัว L ขนาด 1.55 x 0.95 เมตรซึ่งมีความยาวไม่กว้างพอที่จะให้บานเปิดของฉากกั้นเก็บเข้าไปได้ ทำให้ต้องเปลี่ยนตำแหน่งจากทางซ้ายมาอยู่ทางขวาข้างสุขภัณฑ์
พื้นที่ที่เป็นปลายตัว L อาจจะ Built เป็นชั้นวางสบู่แชมพู หรือทำเป็นที่นั่งภายในพื้นที่อาบน้ำได้ เพราะปล่อยไปก็จะไม่ได้ใช้งานในมุมนั้นอยู่ดี
ฝ้าเพดานของห้องน้ำจะมีไฟ 2 จุด และมีที่ดูดกลิ่นติดมาให้
ต่อมาเป็นห้องนอนเล็ก ที่มีประตูทางเข้าอยู่ข้างกับโต๊ะทำงานแบบ Built-in ในห้องรับแขก
ห้องนอนเล็กขนาด 2.55 x 3.5 เมตร ด้านในตกแต่งออกหวานๆเหมาะสำหรับเด็กผู้หญิงอายุไม่มากซักประถม แต่ความจริงแล้วก็สามารถใช้ได้ ไม่ว่าจะเป็นผู้ชายวัยทำงาน หรือพ่อแม่ผู้สูงอายุ แบ่งพื้นที่อออกเป็นสัดส่วนคือโต๊ะทำงานอยู่หน้าเตียงเดี่ยว อีกฝั่งเป็นตู้เสื้อผ้าและชั้นวางทีวี ในรายการเฟอร์นิเจอร์ของห้องนอนเล็กก็จะมีฐานเตียงเดี่ยวและตู้เสื้อผ้าเท่านั้น
เตียงนอนวางชิดมุมด้านใน
พื้นที่ปลายเตียงกว้าง 1.5 เมตร วางโต๊ะทำงานขนาดเล็ก
ฝั่งตรงข้ามเป็นชั้นวางของ วางหนังสือ วางของสะสม วางของกระจุกกระจิก โดยตรงกลางจะเป็นตำแหน่งทีวีติดผนังอีกที
ในสุดจะเป็นที่วางของตู้เสื้อผ้าแบบบานเลื่อนและพื้นที่เก็บของ พื้นที่ข้างเตียงฝั่งขวาถึงผนังอยู่ที่ 1.4 เมตร
มาชมแบบห้องแบบอื่นๆกันบ้างนะคะ เร่ิมเลยจากห้อง Studio จะมีด้วยกัน 2 Types คือ A1 ขนาด 27.50 ตารางเมตร และ Type A2 ขนาด 29.50 ตารางเมตร รูปร่างเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้าหน้าแคบเหมือนกัน แบ่งพื้นที่การใช้งานเหมือนกัน แตกต่างกันที่แบบ A1 จะมีเหลี่ยมมุมจากเสาเยอะกว่าหน่อย ทำให้เสียพื้นที่ไปนิดหน่อย จากทางเข้าเปิดเข้ามาจะเจอกับโซฟาที่ฝั่งตรงข้ามเป็นชั้นวางทีวี ข้างๆเป็นเตียงนอน และมีทางเดินปลายเตียงไปยังห้องน้ำและห้องครัวทีมีทางออกไปยังระเบียงซึ่งอยู่ด้านนอกของอาคาร เหมาะกับคนที่ไม่ค่อยได้ใช้ครัวมาก เพราะขนาดครัวและขนาดระเบียงเมื่อเปรียบเทียบแล้วใกล้เคียงกัน อาจจะเล็กไปหน่อยในการทำอาหารจริงจังบ่อยๆครั้ง แต่การจัดวางพื้นที่ใช้สอยทำให้ลดปัญหาในการมีกลิ่นเข้ามายังห้องนอนหลักได้
ภายใน Sales Office ก็มีห้องตัวอย่างแบบ Studio นะคะ สามารถแวะไปเยี่ยมชมกันได้
รายการเฟอร์นิเจอร์สำหรับห้องพัก Type Studio
รายการเฟอร์นิเจอร์สำหรับห้องพัก Type 1 ห้องนอน
รายการเฟอร์นิเจอร์สำหรับห้องพัก Type 2 ห้องนอน
**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ
ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 8 September 2015
- Studio ขนาด 27.5 และ 29.5 ตารางเมตร ราคา 1.99 – 2.4 ล้านบาท หรือ 72,360 – 81,350 บาท/ตร.ม.
- 1 Bedroom ขนาด 34 ตารางเมตร ราคา 2.4 – 2.9 ล้านบาท หรือ 70,600 – 85,300 บาท/ตร.ม.
- 2 Bedrooms ขนาด 62 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้น 4.1 – 4.9 ล้านบาท หรือ 66,130 – 79,000 บาท/ตร.ม.
- Fully Furnished
- เพดานสูง 2.6 เมตร
- Kitchen & Sink
- Hob & Hood
- โปรโมชั่นพร้อมแอร์ Type Studio 1 เครื่อง/ Type 1 ห้องนอน 2 เครื่อง/ Type 2 ห้องนอน 3 เครื่อง
- โปรโมชั่นติด Wallpapaer ทุกยูนิต
- 1 ห้องนอน จอง 10,000 บาท ทำสัญญา 3%ของราคาขายลบ 10,000 บาท
- 2 ห้องนอน จอง 20,000 บาท ทำสัญญา3%ของราคาขายลบ 20,000 บาท
- ดาวน์ 7% ผ่อนดาวน์ 20 งวด
- ค่ากองทุน 450 บาทต่อตารางเมตร
- ค่าส่วนกลาง 45 บาทต่อตารางเมตรต่อเดือน จ่ายล่วงหน้า 1 ปี
**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ
Ideo S 115 เป็นโครงการติดสถานีรถไฟฟ้า BTS ปู่เจ้าสมิงพราย สายสีเขียวแบริ่ง-สมุทรปราการที่กำลังก่อสร้างอยู่ ตัวโครงการจะแล้วเสร็จเวลาใกล้เคียงกับกำหนดที่สถานีรถไฟฟ้าหน้าโครงการจะเปิดใช้พอดี ทำเลแถบนั้นส่วนใหญ่เป็นบ้านพักอาศัยและโรงงานขนาดเล็ก-ใหญ่ แต่เมื่อมีเส้นทางรถไฟฟ้าวิ่งผ่าน เลยมีคอนโดมิเนียมเปิดตัวทั้ง Low rise และ High Rise ความอุดมสมบูรณ์ในระยะเดินต้องยกให้ BigC Jumbo ที่อยู่ข้างๆ มีทั้งสวนอาหาร, Supermarket และร้านค้าด้านใน ถ้าไกลออกไปหน่อยก็จะมีแถวสำโรงที่มีทั้งตลาด ห้าง โรงพยาบาลและโรงเรียน หรือจะไปยังแยกใหญ่ๆอย่างบางนาที่จะมี Central บางนา, มี Ikea ให้ชื่นใจ แต่ทางโครงการจะเพิ่มความสะดวกสบายขึ้นอีกหน่อย เพราะชั้นล่างของโครงการจะมีพื้นที่ร้านค้า 7 ยูนิต อยู่ที่ด้านหน้า เพื่อทั้งมูลค่าของโครงการและความสบายให้ลูกบ้าน
ปัจจุบันในการเดินทางแถบอำเภอเมือง จังหวัดสมุทรปราการ คนส่วนใหญ่ก็จะเดินทางด้วยการใช้รถส่วนตัวเป็นหลัก โดยโครงการมีทางเข้าจากถนนสุขุมวิทขาออก ระหว่างถนนเทพารักษ์และซอยสุขุมวิท 115 สามารถใช้ถนนรองได้ที่ถนนปู่เจ้าสมิงพรายหรือถนนศรีนครินทร์เลี้ยวเข้าเทพารักษ์ แต่ก็ต้องมาบรรจบที่ถนนสุขุมวิทขาออกทุกเส้น น่าเสียดายที่ซอยสุขุมวิท 115 ไม่ได้เป็นซอยใหญ่ที่เชื่อมระหว่างถนนสุขุมวิทกับศรีนครินทร์เหมือนซอยสุขุมวิท 107 (ซอยแบร่ิง) เพราะจะทำให้การเดินทางง่ายขึ้นอีกหน่อย แต่อย่างนั้นก็จะใกล้กับทางขึ้น-ลงวงแหวนตะวันออก ที่สามารถไปได้ทั้งต่างจังหวัด หรือว่าจะข้ามฝั่งไปยังทางตะวันตกของกรุงเทพอย่างแถวพุทธมณฑล-นครปฐม หรือว่าจะเข้าเมืองก็มุ่งหน้าไปยังบางนาได้ ปัจจุบันที่ยังมีการก่อสร้างเส้นทางรถไฟฟ้า การจราจรและพื้นถนนสุขุมวิทหน้าโครงการก็จะเดินทางยาก มีรถติด บวกกับเป็นพื้นที่โรงงานก็จะมีรถบรรทุกขนาดใหญ่วิ่งผ่านเยอะ อาจจะมีฝุ่นหรือเสียงรบกวนบ้าง
ส่วนการเดินทางโดยไม่ใช้รถ ปัจจุบันก็จะมีป้ายรถเมล์อยู่ที่หน้าซอยสุขุมวิท 115 มีพี่วินอยู่ที่ปากซอยสุขุมวิท 115 แท๊กซี่ก็เรียกได้จากหน้าโครงการเพราะเป็นถนนสุขุมวิทเส้นใหญ่ และสองแถวก็จะมีเรื่อยๆ ส่วนการเดินทางในอนาคตที่เฝ้ารออย่างรถไฟฟ้าก็จะมีกำหนดเดินรถช่วงเดือนเมษายน 2560 ซึ่งข้อดีคือเป็นเส้นสุขุมวิทที่วิ่งตรงจากในเมืองยาวมาเลย แต่ด้วยทำเลก็จะเป็นพื้นที่ชานเมืองหน่อย อาจจะต้องนั่งไกลนิดนึง สำหรับค่าโดยสารหรือการใช้บัตรร่วมกันของรถไฟฟ้ากับรถไฟใต้ดินก็ยังจะต้องรอฟังข่าวกันต่อไป ตัวสถานี BTS ปู่เจ้าสมิงพรายจะอยู่หน้าซอยสุขุมวิท 115 เยื้องๆกับทางเข้าโครงการ แต่ทางลงบันไดฝั่งสุขุมวิทซอยเลขคี่จะมีอยู่ที่หน้า BigC Jumbo ข้างๆกับโครงการ ระยะทางถึงทางเข้าโครงการเดินได้ไม่เกิน 100 เมตร
วัสดุของโครงการตามราคาและรายการโปรโมชั่นวันที่เข้าไปรีวิว ถือว่าปกติเมื่อเทียบกับในระดับราคาเดียวกัน การขายเป็นแบบ Fully Furnished ทุกห้อง คือมีเฟอร์นิเจอร์แบบลอยตัวให้ซะส่วนใหญ่ โปรโมชั่นให้จำนวนแอร์ตามขนาดและ Type ห้อง แต่ไม่รวมเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นๆ พื้นห้องนั่งเล่นและห้องนอนเป็นพื้นลามิเนตลายไม้หนา 8 มิลลิเมตร พื้นห้องน้ำเป็นกระเบื้อง 30 x 30 เซนติเมตร ฝ้าสูง 2.6 เมตร ผนังติด Wallpaper ตามโปรโมชั่นของโครงการ ห้องครัวเคาท์เตอร์และตู้เก็บของบน-ล่างให้มาค่อนข้างครบ อุปกรณ์สุขภัณฑ์ในห้องน้ำจาก American Standard ฉากกั้นอาบน้ำสูง 2 เมตร กระจก Temperred
การออกแบบ แปลงพื้นที่เป็นรูปตัว T อาคารชั้น 1-7 สร้างตามรูปร่างแปลง แต่ตั้งแต่ชั้น 8-35 สร้างเป็นแบบรูปตัว I จำนวนยูนิตทั้งหมด 998 ยูนิต บวกกับร้านค้าที่ชั้นล่างอีก 7 ยูนิต จัดห้องพักเป็นแบบ Double Corridor มีห้องทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือและทิศตะวันตกเฉียงใต้ เลือกได้ตามความชอบว่าชอบแสงธรรมชาติแต่ได้ลมน้อยกว่าทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ หรือชอบแสงแดดแรงๆเข้าห้องตลอดวัน แต่ได้ลมระบายอากาศที่ดีกว่าทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ มี Facilities หลักๆอยู่ที่ชั้น 1, ชั้น 7 และดาดฟ้า แปลนห้องมี 3 แบบคือ Studio, 1 ห้องนอน และ 2 ห้องนอน แต่ละแบบมีให้เลือกไม่เยอะ รวมกันทั้งหมดมี 5 แบบ แต่แต่ละแบบก็มีข้อดีที่เด่นชัด อย่างการให้ห้องน้ำ ห้องครัวและระเบียงอยู่ฝั่งด้านนอกของอาคาร บ่งบอกถึงการให้ความสำคัญในเรื่องการระบายอากาศ กลิ่น และการอยู่อาศัยได้จริง การแบ่งขนาดห้องก็เริ่มต้นไม่เล็กมาก ที่ 27.5 ตารางเมตร แบบ Studio ถือว่าสามารถอยู่อาศัยได้จริง และความแตกต่างของห้อง Studio และ 1 ห้องนอนก็จะต่างกันที่การจัดวางพื้นที่ใช้สอย และสัดส่วนต่างๆ แบบ B1 ยังมีประตูแบบเปิด-ปิดสร้างความเป็นส่วนตัวให้ บางแห่งแตกต่างกันที่มีประตูบานเลื่อนกับไม่มี ห้องแบบ 2 ห้องนอนแม้จะมีแบบเดียวให้เลือก แต่ก็มีขนาดที่พอประมาณคือ 62 ตารางเมตร 2 นอน 2 น้ำ แม้ห้องนอนเล็กจะวางได้แบบเตียงเดี่ยว แต่ก็มีพื้นที่ใช้สอยรอบๆเตียงได้เยอะ
สาธารณูปโภคส่วนกลางมีครบเหมือนคอนโด High rise ทั่วไปสำหรับระดับราคา คือ จากเข้ามาภายในพื้นที่โครงการก็จะเจอกับ Landscape ทางซ้ายมือ ผ่านเข้ามาจะเจอกับร้านค้า 7 ยูนิต และ Drop Off ที่อยู่ด้านหน้า Lobby ที่ชั้น 1 นอกจากนั้นด้านหลังโครงการก็ยังมีพื้นที่สีเขียวอยู่อีกจุด รวมถึงปลูกต้นไม่ใหญ่รอบๆโครงการ มีจอดกลางแจ้งรอบโครงการที่ชั้น 1 บ้างนิดหน่อย แต่ส่วนใหญ่จะมีที่จอดอยู่ในอาคารชั้น 2-6 จอดได้ 281 คัน คิดเป็นประมาณ 28% รวมจอดซ้อนคัน คิดเป็น 30% ด้วยทำเลที่อยู่ในระยะ 100 เมตรจากทางลงสถานี BTS ถือว่าโอเค โครงการคงคาดการณ์ว่าลูกบ้านส่วนใหญ่จะใช้บริการรถสาธารระเป็นหลักมากกว่าการขับรถส่วนตัว แต่มองในแง่ความเป็นจริงที่เกือบทุกยูนิตก็แทบจะมีรถเป็นของตัวเองกันหมด ทำให้อาจจะมีปัญหาที่จอดรถได้ในภายหลัง ลิฟท์โดยสาร 4 ตัว อัตราส่วนลิฟท์รวมทั้งโครงการ 250 : 1 และ Service Lift อีก 1 ตัว ขึ้นไปที่ชั้น 7 ที่เป็นชั้น Facility หลักของอาคาร จะมีพื้นที่ครึ่งหนึ่งของชั้น เปิดเข้าไปจะเจอกับ Social Club ที่จะมีห้องย่อยๆแบ่งออกเป็น Library, Pantry, Pool table และยังมองออกไปเห็นสระว่ายน้ำที่อยู่ส่วน Outdoor ขนาด 8 x 25 เมตร ระบบเกลือ พร้อมสระเด็ก พื้นที่ข้างสระสามารถนั่งเล่นได้ และมีเก้าอี้นอนบางส่วนตั้งอยู่ในพื้นที่สระ นอกจากนั้นก็จะมีห้องฟิตเนสอยู่ในสุดและมีห้องโยคะในตัวตามเทรน
Judgement
การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้
ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%
เทียบกับราคา 79,000 บาท/ตร.ม., 8 September 2015
- ทำเล 7.25/10 – ติดถนนใหญ่สุขุมวิทขาออก ระยะเดินมี BigC Jumbo นอกนั้นต้องนั่งรถออกไป
- เดินทางด้วยรถ 7.5/10 – เข้าได้จากถนนสุขุมวิทเป็นหลัก ใกล้ทางด่วน แต่ซอยสุขุมวิท 115 ไม่ทะลุศรีนครินทร์
- ไม่ใช้รถ (ปัจจุบัน) 7.5/10 – มีรถเมล์ สองแถว แท๊กซี่เรียกง่าย พี่วินหน้าปากซอยสุขุมวิท 115
- ไม่ใช้รถ (อนาคตรถไฟฟ้าสถานีปู่เจ้าสมิงพรายเปิดใช้งาน) 8.25/10 – มีบันไดลงฝั่งสุขุมวิทเลขคี่ที่หน้า BigC Jumbo ห่างจากทางเข้าโครงการไม่เกิน 100 เมตร
- วัสดุ 7.5/10 – ปกติพื้นลามิเนต สุขภัณฑ์ American Standard ขายแบบ Fully furnished โปรโมชั่นพร้อมแอร์
- แบบ 8.5/10 – แบบมีให้เลือกน้อยเมื่อเทียบกับคอนโด High Rise ขนาดใหญ่ แต่ห้องแบ่งสัดส่วนได้ดี ใช้งานได้จริง ขนาดพอดีๆไม่เล็กไม่ใหญ่
- สาธารณูปโภค 7.5/10 – หลักๆที่ชั้น 1 และชั้น 7 ไม่ได้ยกชั้น Facility ขึ้นสูง แต่หลักๆก็ครบถ้วน
- MAIN CLASS
- คะแนนปัจจุบัน 7.51 / 10.00
- คะแนนเมื่อรถไฟฟ้าสถานีปู่เจ้าสมิงพรายเปิดใช้งาน 7.63 / 10.00
BOTTOM LINE
Ideo S 115 เป็นโครงการที่เหมาะสำหรับคนที่ต้องการคอนโด High Rise โครงการใหญ่ ติดรถไฟฟ้าสายหลักสายสุขุมวิท แต่เป็นรถไฟฟ้าชานเมืองในจังหวัดสมุทรปราการ มี Facility เต็มกว่าคอนโดโดยรอบ หรือเป็นคนแถบนี้หรือทำงานในย่านนี้ มีงบประมาณตั้งแต่ 2 – 5 ล้านบาท หรือมีกำลังผ่อนต่อเดือนที่ 14,000 – 35,000 บาท
ถ้ามีความเห็นว่ารีวิวตัวนี้มีประโยชน์ ช่วยกด LIKE ให้หน่อยนะคะ จะได้มีกำลังใจในการทำรีวิวต่อไป
สมัครสมาชิกพร้อมรับข่าวสารเพิ่มเติม (คลิกที่นี่ )