รีวิวฉบับที่ 875 … สวัสดีค่ะ หลังจากที่ประสบความสำเร็จกับโครงการ Hyde Sukhumvit 13 โครงการรุ่นพี่ในซอยสุขุมวิท 13 เมื่อปี 2557 กันไปแล้ว และในปีนี้ Grande Asset ที่บริหารงานภายใต้ Developer เบอร์ใหญ่อย่าง Property Perfect ก็เปิดตัวโครงการล่าสุดอย่าง Hyde Sukhumvit 11 ในซอยสุขุมวิท 11 ใกล้เคียงกันเลย โครงการเป็นคอนโด High Rise 39 ชั้น และ 8 ชั้น ที่มีไฮไลท์เป็นที่จอดรถอัตโนมัติ (Automatic Parking) 6 ชั้น พร้อมดีไซน์หน้าตาอาคารที่หวือหวา แปลกตาด้วยยอดปริซึม 9 ชั้น ที่ Grande Asset ต้องการให้เป็น New Icon condo แห่งใหม่ใจกลางสุขุมวิท
Fact @ 14 July 2015
- HYDE Sukhumvit 11 (ไฮด์ สุขุมวิท 11)
- Grande Asset Hotels & Property Public Company Limited
- LUXURY (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
- โครงการตั้งอยู่: ซ.สุขุมวิท 11 เขตวัฒนา
- คอนโด High Rise 2 อาคาร: A 39 ชั้น, B 8 ชั้น
- ประมาณ 478 ยูนิต
- พื้นที่โครงการประมาณ 2-1-58 ไร่
- Studio 27 -28 ตร.ม.
- 1 Bedroom 33-34.5 ตร.ม.
- 2 Bedroom 47-56 ตร.ม.
- 3 Bedroom 53-63 ตร.ม.
- Duplex Loft 60 ตร.ม.
- Duplex Penthouse 132-160 ตร.ม.
- ราคาเริ่มต้นประมาณ 5.36 ล้านบาท หรือประมาณ 162,424 บาท/ตร.ม. ( 1 Bedroom ชั้น 2)
- เริ่มก่อสร้าง: Q1/2558
- แล้วเสร็จ; Q1/2561
- www.hydesukhumvit.com
เพียงแค่การกด Like ก็เท่ากับการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจาก Think of Living แล้วค่ะ
สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างค่ะ
พิกัด : 13.743472, 100.556528
แผนที่จากทางโครงการ จะเห็นว่า โครงการอยู่ในซอยสุขุมวิท 11 ห่างจาก BTS นานา ประมาณ 450 เมตร
ทำเลของโครงการ Hyde สุขุมวิท 11 โดยรวมแล้วเป็นทำเลที่ค่อนข้างคึกคัก เป็นย่านที่มีชาวต่างชาติอาศัยอยู่เยอะจึงมีสิ่งอำนวยความสะดวกเพื่อรองรับชาวต่างชาติ ทั้งร้านอาหารต่างชาติ ผับ บาร์ สถานบันเทิง ร้านขายของที่ระลึก เกสต์เฮ้าส์ หากใครที่ชอบความคึกคักบันเทิง ร้านอาหารสไตล์นานาชาติ ก็น่าจะชอบย่านนี้ แต่ไม่ได้มีแค่อาหารนานาชาติเท่านั้น อาหารตามสั่งธรรมดา หรือรถเข็นก็มีให้เลือกกิน และมีศูนย์การค้า นานาสแควร์ที่อยู่ไม่ไกลจาก BTS นานา มากนัก
ซึ่งย่านนานานี้จะขึ้นชื่อเรื่องเป็นย่านคนแขก โดยเฉพาะในซอยนานาเหนือที่เป็นซอยถัดจากโครงการนี่ค่อนข้างเยอะมาก จะมีร้านรวงต่างๆที่มีป้ายภาษาอินเดียให้เห็นเยอะแยะ มีอาหารอินเดียและร้านอาหารต่างๆก็มักจะงดเมนูหมูด้วย แต่ถ้าโฟกัสในซอยสุขุมวิท 11 ซึ่งเป็นซอยที่ตั้งโครงการแล้ว นอกจากจะมีคนแขกแล้วก็มีคนชาติอื่นๆพลุกพล่านค่ะ เพราะมีโรงแรมใหญ่ๆเรียงรายในซอย รวมทั้งสถานบันเทิงด้วย อยู่ที่นี่จึงไม่ต้องกลัวเงียบเหงา
ทำเลมีจุดเด่นตรงที่อยู่ใกล้รถไฟฟ้า BTS เดินลงรถไฟฟ้า BTS นานา ประมาณ 20 เมตร ก็ถึงหน้าปากซอยสุขุมวิท 11 แล้ว พอถึงหน้าซอยก็เดินเข้าไปอีกประมาณ 430 เมตร ก็ถึงโครงการ รวมระยะทางจากรถไฟฟ้า BTS ถึงโครงการ ประมาณ 450 เมตรค่ะ โดยสถานีใกล้เคียงคือ BTS เพลินจิตที่เป็นแหล่งของสำนักงานใครทำงานแถวนั้น มาอยู่ที่นี่ถือว่าสะดวก และใกล้กับ BTS อโศก ที่เป็นสถานี Interchange ไป MRT(สถานีสุขุมวิท) ได้
เนื่องจากโครงการอยู่ในซอยสุขุมวิท 11 ซึ่งเป็นซอยที่มีทางแยกย่อยออกไปได้หลากหลายโดย
การเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัว : หากมาจากถนนเพชรบุรี เมื่อถึงแยกมิตรสัมพันธ์ให้เลี้ยวเข้าซอยสุขุมวิท 3 หรือซอยนานาเหนือ ซึ่งเป็นทาง One way แล้วตรงมาจนถึงแยกนานาให้เลี้ยวซ้ายเข้าถนนสุขุมวิท และพอถึง BTS นานา ให้สังเกตซอยสุขุมวิท 11 เลี้ยวซ้ายเข้ามาประมาณ 550 เมตร ก็จะถึงโครงการแล้วค่ะ ส่วนใครอยากเลี่ยงรถติด หากเข้าซอยนานาเหนือมาแล้วก็ให้เลี้ยวซ้ายเข้าซอยสุขุมวิท 11 ตามเส้นสีแดงในแผนที่เข้ามาในโครงการได้เลยค่ะ
หากมาจากถนนอโศกมนตรี พอถึงแยกอโศกสามารถเข้าทางถนนสุขุมวิทพอถึงหน้าซอยสุขุมวิท 11 หรือฝั่งตรงข้ามจะเป็นซอยสุขุมวิท 8 จะมีทางแยกให้สามารถกลับรถ หรือเลี้ยวเข้าซอยสุขุมวิท 11 เข้ามาที่โครงการได้ค่ะ และอีกทางหนึ่งเลี่ยงรถติด คือจากถนนอโศกมนตรี ก็สามารถเลี้ยวเข้ามาทางซอยสุขุมวิท 21 ซอย 1 เลี้ยวขวาเข้าซอยสุขุมวิท 15 หรือซอยร่วมใจ จากนั้นเลี้ยวเข้าซอยสุขุมวิท 13 ก็จะสามารถมีทางทะลุมาที่ซอยสุขุมวิท 11 เพื่อมายังโครงการได้ หลบรถติดจากถนนสุขุมวิทได้ในชั่วโมงเร่งด่วน
จากโครงการหากต้องการไปทางด่วน สามารถไปทางถนนนานาเหนือ เลี้ยวเข้าเส้นสุขุมวิท ก็จะสามารถไปขึ้นทางด่วนได้
การเดินทางด้วยรถโดยสารสาธารณะ : ในซอยจะมีมอเตอร์ไซค์รับจ้าง, สามล้อ แท๊กซี่วิ่งผ่านไปมาตลอดทั้งวันจากโครงการไปยังถนนเส้นสุขุมวิท จะมีรถโดยสารผ่านค่อนข้างเยอะ ทั้งสาย 2 สำโรง-ปากคลองตลาด, สาย 25 ปากน้ำ-ท่าช้าง, สาย 501 มีนบุรี-หัวลำโพง, สาย 508 ปากน้ำ-ท่าราชวรดิษฐ์, สาย 511 ปากน้ำ-สถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพ(ตลิ่งชัน), สาย 513 ปากน้ำ-รังสิต, สาย 40 แยกลำสาลี-เซนทรัลปิ่นเกล้า, สาย 48 มหาวิทยาลัยรามคำแหง วิทยาเขตบางนา ท่าเตียน เลือกขึ้นได้หลากหลายค่ะ
การเดินทางวันนี้ เราจะเริ่มที่ BTS นานา ใช้ประตูทางออกที่ 3 เพื่อเดินไปยังซอยสุขุมวิท 11 ซึ่งเป็นซอยที่ตั้งของโครงการ ไปดูบรรยากาศของซอยสุขุมวิท 11 แล้วเลี้ยวไปยังซอยสุขุมวิท 3 เพื่อไปดูบรรยากาศสองข้างทางของซอยนานาเหนือ จากนั้นก็เลี้ยวกลับมาที่เส้นสุขุมวิท เพื่อกลับมายัง BTS นานา ช่วงประตูทางออกที่ 1 ค่ะ
มาเริ่มกันที่ BTS นานา ซึ่งเป็นสถานี E3 ของเส้นทางรถไฟฟ้า BTS สายสีเขียวนะคะ
บรรยากาศของสถานีก็จะมีคนเยอะเป็นช่วงๆ ย่านนานานี่มีจุดเด่นตรงที่ชาวต่างชาติเยอะ โดยเฉพาะคนอิสลาม
เราเดินลงมาจะเจอป้ายบอกประตูทางออก 1,2,3,4 ซึ่งเราจะเดินเลี้ยวซ้ายไปทางประตูทางออกที่ 3, 4 กันนะคะ
ออกจากช่องสแกนบัตร เราจะเจอทางออกซ้าย-ขวา ซึ่งเราจะชิดซ้ายเพื่อไปลงทางออกที่ 3 นะคะ
ทางออกที่ 3 จะบังคับเราเลี้ยวขวา เดินตามชายหญิง 2 คนนั้นไปเลยค่าา
ระหว่างลงบันได ลองชะโงกหน้าออกไปดูสักเล็กน้อย ถนนสุขุมวิทในเวลาสี่โมงเช้าวันอังคาร..ถึงไม่นานที่ผ่านมาา ไม่ใช่! (นั่นมันแปดโมงเช้าวันอังคาร อิอิ) รถยังไม่หนาแน่นมากสักเท่าไหร่ค่ะ มองไปข้างหน้าเราจะเห็นทางกลับรถ ซึ่งเป็นบริเวณหน้าซอยสุขุมวิท 11
เดินลงมาจาก BTS ปุ๊บ มองไปด้านหน้าก็จะเป็นซอยสุขุมวิท 11 แล้วค่ะ ระยะทางจากบันไดทางลงไปถึงหน้าปากซอย ประมาณ 20 เมตร
ช่วงต้นซอยจะเป็นร้านขายของร้านจิวเวอรี่
บรรยากาศหน้าซอยฝั่งตรงข้ามจะเป็นอาคารพาณิชย์ 5 ชั้น มีรถเข้าออกตลอดเวลา ทั้งรถโดยสารและรถยนต์ส่วนตัว
หน้าซอยสุขุมวิท 11 จะเป็นทางกลับรถ ซึ่งหากมาจากนอกเมืองจะเข้าไปยังโครงการ สามารถเลี้ยวขวาเข้าซอยได้เลยและสามารถออกจากซอยเพื่อออกนอกเมืองทางนี้ได้ด้วย แต่จากแยกนี้ไม่สามารถเลี้ยวรถเข้าเมืองได้นะคะ ต้องไปหาทางยูเทิร์นข้างหน้าเอา ซอยฝั่งตรงข้ามเป็นซอยสุขุมวิท 8 ค่ะ
เราเดินเข้ามาในซอยสุขุมวิท 11 กัน จะเห็นว่าทางซ้ายมือมีป้ายบอกทางไปยังอโศก-นานา ทางนี้ได้ด้วย ส่วนทางขวามือด้านหน้าจะเป็นแก๊งค์พี่วินมอร์เตอร์ไซค์ ตุ๊กๆ เข้าคิวรอผู้โดยสารอยู่อย่างไม่ขาดสาย แถววินมี 7eleven ด้วย ค่อนข้างสะดวกดี
เดินมาหน่อย มองไปยังฝั่งตรงข้ามจะเป็นโรงแรม Grand Business Inn. ความสูง 9 ชั้น ราคาค่าห้องประมาณ 1,600 – 3,000บาท/วัน
เดินต่อไปจะเห็นธนาคารพาณิชย์ด้านหน้า ให้สามารถไปใช้บริการกันได้ ฝั่งตรงข้ามก็เป็น Retail Shop ของโรงแรม Grand Business Inn. ส่วนใหญ่จะเป็น Information Center ให้บริการและแนะนำการท่องเที่ยว รวมทั้งจองตั๋วแก่นักท่องเที่ยว
ด้ายหน้าโรงแรมมีร้านรถเข็นขายอาหารตั้งเรียงรายติดๆกันเลย มีทั้งผัดไทย ก๋วยเตี๋ยว และอาหารตามสั่ง
ข้างๆกันเป็นโรงแรม Grand Swiss Hotel โรงแรม 4 ดาว ราคาห้องพักอยู่ที่ประมาณ 3000-4000 บาท/คืน ทางเข้าโรงแรมมีพื้นที่ Retail shop ค่อนข้างเยอะ
เดินมาอีกนิดจะเจอ Zanzibar ร้านอาหารและนั่งชิว เปิดขายตอนเย็นๆถึงดึกๆบรรยากาศค่อนข้างดี มีดนตรีเล่นให้ฟัง
ถัดมาจะเจอ Villa Market ซุเปอร์มาเก็ตที่มีเครื่องอุปโภคบริโภคทั้งในประเทศและต่างประเทศให้เลือกหลากหลาย
ระหว่างเดินไปด็จะเห็นทั้งร้านขายยา ร้านซักรีด ร้านตัดชุดราตรีและชุดสูท เรียงรายไปตามทาง สังเกตดีๆจะเห็นว่าป้ายร้านมีทั้งภาษาไทย ภาษาอังกฤษ และภาษาญี่ปุ่นด้วย เพราะย่านนี้ชาวต่างชาติเยะ ร้านเหล่านี้ก็มีขึ้นมาเพื่ออำนวยความสะดวกชาวต่างชาติราคาก็เลยอาจจะสูงขึ้นมาเล็กน้อย
เดินมาอีกหน่อยจะเจอร้านรถเสบียง ร้านอาหารไทยแท้ๆในบรรยากาศไทยๆค่ะ ส่วนตรงข้ามเป็นโรงแรม Ambassador
เป็นโรงแรมที่ด้านหน้ามีร้านกาแฟ – เบเกอรี่ au bon pain และร้านอาหารอิตาเลียน รวมทั้ง Beer Garden
ธนาคารกสิกรก็มีให้เลือกใช้บริการ
เดินต่อมาก็เป็นร้าน Zaks wine pub อาหารกึ่งผับ บรรยากาศดี มีทั้งชาวต่างชาติและคนไทยมานั่งเยอะ
ถัดมาก็มีร้านนวดแผนไทยให้บริการ ฝั่งตรงข้ามเป็นโรงแรม President Palace ด้านล่างมีร้าน Starbuck ด้วยหละ
ใกล้ๆกันเป็นร้านสปา บ้านเพื่อน ร้านนี้จะอยู่ในอาคารพาณิชย์ 4 ชั้น
ติดกันเป็น AVA Pub ร้านอาหารบรรยากาศนั่งชิวอีกร้าน อาหารขึ้นชื่อได้แก่ A-va Spaghetti, ข้าวยำสมุนไพร, บาร์บีคิวสไตล์อังกฤษ สนนราคาก็ประมาณ 250-500 บาทค่ะ
ถัดมาก็เป็นโครงการ Hyde สุขุมวิท 11 แล้วค่ะ
จากตรงนี้เราจะมาดูบรรยากาศรอบๆด้านของโครงการกัน มองย้อนกลับไปด้านหน้าซอยสุขุมวิท 11 จะได้บรรยากาศแบบนี้
ฝั่งตรงข้ามโครงการเป็นบ้านพักอาศัย 2 ชั้น และมี Exchange ของธนาคารกรุงศรีอยุธยาให้ใช้บริการได้
เดินข้ามมาฝั่งตรงข้ามโครงการ มองกลับไปที่หน้าโครงการเต็มๆ ซึ่งตรงงนี้จะเป็นส่วนของ Sale Office แต่ได้จำลอง Facade ของอาคาร ซึ่งแผง Facade แบบนี้จะใช้ในอาคาร B ซึ่งเป็นอาคารส่วนจอดรถและห้องพักของโครงการค่ะ
จากหน้าโครงการมองไปจะเห็นตึกของ The Prime11 เป็นคอนโดมิเนียมสูง 31 ชั้น ขวามือเป็น Citadines Hotel โรงแรม 8 ชั้น, JJ Mansion อพาร์ทเมนต์ 8 ชั้นให้เช่าทั้งรายวันและรายเดือน และสุดซอยเป็น Holiday inn Express โรงแรมสูง 8 ชั้นค่ะ เดี๋ยวเราจะเดินไปจนสุดซอยกัน
ติดกับโครงการเป็น Kaz bar ร้านอาหารและบาร์บรรยากาศแบบ Semi outdoor อยู่หน้าโครงการ The Prime 11
ตัวโครงการ The Prime 11 มีทั้งหมด 31 ชั้น ด้านล่างมีร้านอาหาร Coyote
ถัดไปเป็นโรงแรม Aloft Bangkok Sukhumvit 11 สูง 32 ชั้น
เดินตอมาจะเห็นที่อาคารพาณิชย์ 4 ชั้น สไตล์โกธิคเป็นแถวเรียราย ตรงกลางเป็นลานจอดรถค่ะ ซึ่งริมฟุตบาทแถวนี้มีร้านอาหารถเข็นขายอยู่เป็นช่วงๆ
เดินมาจนสุดซอยจะเป็นสามแยก หากเลี้ยวขวาจะสามารถไปทะลุซอยสุขุมวิท 13 ซึ่งสามารถไปโครงการ Hyde สุขุมวิท 13 ได้ ส่วนเราจะเลี้ยวขวาเพื่อไปซอยนานาเหนือ หรือซอยสุขุมวิท 3 กันค่ะ
เลี้ยวมาบรรยากาศในซอยจะเป็นผับบาร์ทั้งสองข้างทางค่ะ เนื่องจากแต่ละร้านค่อนข้างใหญ่ และมีการตกแต่งหลากหลายสไตล์ ทำให้บรรยากาศดูไม่ได้แออัด
ในช่วงกลางวัน กลางๆซอยก็มีร้านอาหารตั้งขายริมฟุตบาทให้เห็นอยู่ทั้งสองข้างทาง คนที่มากินส่วนใหญ่ก็เป็นพี่แท๊กซี่ รวมทั้งคนทำงานและพักอาศัยในซอยใกล้ๆนี้ค่ะ
เดินตรงไปเราจะเจอทางบังคับเลี้ยวขวา เราจะเลี้ยวเพื่อไปซอยนานาเหนือกัน
พอเลี้ยวมาปุ๊บเราจะยังอยู่บนซอยสุขุมวิท 11 อยู่ ซึ่งหากเราตรงไปจริงๆแล้วสุดซอยจะเป็นซอยตันนะคะ เดี๋ยวข้างหน้าจะมีทางเลี้ยวซ้ายไปนานาเหนือ บรรยากาศในซอยนี้ก็จะเป็นร้านอาหารนั่งชิว และตึกแถว มีทั้งที่ทำเป็นที่พักอาศัยและทำการพาณิชย์ต่างๆ
เรามาเดินบนฟุตบาท ทางเท้าไม่กว้างมากเท่าไหร่ ตรงนี้เราจะเจอร้านบริการนักท่องเที่ยว และร้านนวดแผนไทย แน่นอนว่าย่านชาวต่างชาติจะไม่ขาด 2 สิ่งนี้
ติดกันเป็น Exchange และ ATM ของธนาคารออมสิน จากตรงนี้มองตรงไปข้างหน้าเราจะเห็นรถแท๊กซี่คันสีเขียวเหลืองกำลังขับออกมาจากซอยใช่ไหมคะ เดี๋ยวเราจะเลี้ยวซ้ายเข้าซอยนั้นกัน
เดินมาถึงหัวมุม จะเห็นป้ายเลี้ยวซ้ายไปนานา เราเดินตามพี่วินนี้เข้าซอยไปเลยยย
เดินมานิดก็จะมีร้านอาหาร Citrus บรรยากาศชิวๆ
บรรยากาศในซอยนี้ไม่พลุกพล่านมากนัก ในซอยจะมีทั้งร้านนวด สปา และโรงแรม
เดินมาจนถึงหน้าซอย จะเห็นป้ายเลี้ยวซ้ายไปนานา ส่วนถ้าไปทางขวาจะเป็นถนนเพชรบุรี แต่ถ้าเอารถส่วนตัวมาจะเลี้ยวขวาไม่ได้นะคะ เพราะทางข้างหน้าเป็น One way วิ่งไปทางซ้ายมือเข้าถนนสุขุมวิทได้ทางเดียวเท่านั้น
ออกมายืนอยู่หน้าซอย มองไปทางขวามือจะเห็นรถวิ่งมาทางนี้ทางเดียวเป็น One way บรรยากาศโดยรอบจะเป็นอาคารสูงไม่เกิน 8 ชั้น
เราเดินเลี้ยวมาทางซ้ายมือกัน จากหน้าซอยจะเป็นป้ายรถเมล์ ฝั่งตรงข้ามเราจะเห็นสถานฑูตปากีสถาน เลยจะเห็นคนแขกหลายเชื้อชาติ ทั้งมุสสิม ปากีสถาน อิสลาม อาหรับ และอินเดีย อยู่ในย่านนี้เยอะ และที่ติดกันเป็น Zenith Sukhumvit Hotel โรงแรมสูง 20 ชั้น
เดินเลยมานิดเดียวเราก็จะเห็นร้าน Easy Health & Beauty Shop ป้ายชื่อร้านมีภาษาอาหรับด้วย
ติดกันเป็นร้านขายรองเท้าและร้านขายยา ป้ายเป็นภาษาอาหรับมารัวๆ
สถานเสริมความงามก็มีแน่ะ
เราเดินไปเดินมาแถวนี้ จะเห็นสาวชาวมุสสลิมคลุมผ้าเดินไปเดินมาแบบนี้ เดินสวนกับเราไปมาอยู่เรื่อยๆ
ธนาคารกรุงเทพก็มีให้ไปใช้บริการ
เดินต่อมาเราจะเห็นอาคารที่มีหน้าตาเป็นทรงโค้งแบบนี้ยาวไปตามทางฟุตบาท ด้านในก็จะมีทั้งร้านขายสินค้าและบริการ รวมทั้งร้านอาหารอินเดีย
พอมาถึงตรงนี้ก็ถึงบางอ้อ เพราะร้านที่เราเห็นก่อนหน้านี้เป็น Shop ให้เช่าของ Grace Hotel นั่นเองค่ะ
ตรงประตูทางเข้าของ Grace Hotel มีศาลตั้งอยู่ 2 ศาล มีป้ายติดว่า ห้ามถวายดอกจำปีด้วย
ในซอยมีพี่วินมอร์เตอร์ไซค์วินน้อยๆคอยให้บริการ
เดินมาเรื่อยๆฟุตบาทค่อนข้างกว้าง เดินสบายๆข้างทางมีทั้งร้านเสื้อผ้า กระเป๋า เครื่องประดับเต็มไปหมดเลย ส่วนใหญ่จะเป็นร้านของคนแขก ข้างหน้ามาป้ายบอกทางเลี้ยวขวาสามารถไปดินแดง-พระราม 4 แจ้งวัฒนะได้ด้วย
มองไปฝั่งตรงข้ามจะเป็นธนาคารกรุงไทย
เดินต่อไปจะเห็นว่าช่วงหน้าซอยนี่รถค่อนข้างหนาแน่นเลยหละ สองข้างทางเป็นอาคารพาณิชย์ ที่ด้านล่างเป็นร้านขายสินค้าและบริการที่หลากหลาย ด้านขวามือที่เราเห็นเป็นสีแดงๆเด่นๆนั้นคือ นานาสแควร์นั่นเองค่ะ
เดินมาถึงตรงแยกนานา หากเลี้ยวไปทางขวาจะไปสยาม หรือเข้าเมืองได้ ส่วนหากเลี้ยวขวาจะไปแบริ่ง หรือเป็นทางออกนอกเมืองค่ะ
เราจะพาเลี้ยวกลับไปทาง BTS นานากัน มองไปยังฝั่งตรงข้ามเราจะเห็นซอยนานาใต้หรือซอยสุขุมวิท 4 บรรยากาศค่อนข้างคึกคักทีเดียวค่ะ ในซอยมีทั้งโรงแรม ร้านอาหาร และสถานบันเทิง เป็นย่านที่เที่ยวที่มีชาวต่างชาติหลากหลาย
จากหัวมุมมีทางม้าลายข้ามไปยังนานาสแควร์ได้ จะเห็นว่าแยกนี้รถเยอะม๊ากกก
เราเดินมาบนฟุตบาทริมถนนสุขุมวิทกันแล้ว คนค่อนข้างพลุกพล่าน มีทั้งร้านอาหารอยู่ในซอยย่อย และร้านค้าอื่นๆตลอดข้างทาง นอกจากนี้ยังมีรถมอเตอร์ไซค์รับจ้างและรถตุ๊กๆสแตนบายคอยให้บริการ
ธนาคารธนาชาตก็มีให้บริการ
ฝั่งตรงข้ามเป็นตึกแถว และไปรษณีย์ สาขานานา
เดินมาถึงตรงนี้ จะเป็น Retail Shop ที่มีทั้งร้านขายของแบรนด์ ร้านอาหาร ด้านบนมีหลังคาลามิเนตใส และตกแต่งด้วยซุ้มต้นไม่สร้างบรรยากาศ
Starbuck ก็มี
Mcdonald’s ก็มา เดินมาเหนื่อยๆแล้ว เดี๋ยวพาแวะหาแฮมเบอร์เกอร์กินที่นี่สักครู่นะคะ
เข้ามาในร้านนี่ ชาวต่างชาติเพียบเลย เราไปสั่ง ซามูไรเบอร์เกอร์หมู พนักงานบอกว่า ไม่มีเบอร์เกอร์หมูค่ะ เพราะย่านนี้เป็นย่านอิสลามเลยไม่มีเบอร์เกอร์หมู! ป่อยย เรานี่เปลี่ยนเป็นไก่แทบไม่ทันน
ถ่ายเมนูมาให้ดู ย่านอิสลามแบบนี้ เค้าไม่ขายเบอร์เกอร์หมูนะเออ
ขอเวลาาแปร๊บบบ
ระหว่างที่นั่งอยู่ในร้าน Mcdonald’s เราลองมองไปที่ซอยข้างๆ (ซอยสุขุมวิท 5) จะเป็นร้านชุมชนคนอิสลาม มีกะบับไก่ขายด้วย
ด้านหลังเป็นโรงแรม Amari
เติมพลังแล้วเราก็ไปกันต่อ หากออกมาจาก Mcdonald’s จะเห็นว่าซอยที่เราแอบเห็นพี่ที่ขายกะบับไก่เมื่อกี้ คือซอยสุขุมวิท 5 ค่ะ
หน้าซอยมีวินมอเตอร์ไซค์ และด้านในค่อนข้างพลุกพล่าน มีคนอยู่เยอะ โดยเฉพาะคนอิสลาม โดยสังเกตได้จากกลุ่มบอยแบนด์อิสลามที่กำลังเดินเข้าซอยนี้เอง
เราเดินบนฟุตบาทเลียบถนนสุขุมวิทกันต่อ ข้างทางก็จะมีของขาย กระเป๋า เสื้อผ้า รองเท้า อยู่ไม่ขาดสาย คนขายส่วนใหญ่เปนคนอิสลามหรือมุสลิม
มี 7eleven ด้วย สะดวกซื้อของกินของใช้ ข้างหน้าเป็นสะพานลอย สามารถเดินไปยังฝั่งตรงข้ามได้ค่ะ
เดินมาอีกหน่อยจะเจอร้านอาหารอินเดีย
แล้วก็มาสิ้นสุดกันที่หน้าซอยนานา 7 หรือ BTS นานา ทางออกที่ 1 ค่า จากตรงนี้ตรงไปเรื่อยๆจนถึงหน้าซอยสุขุมวิท 11 ก็จะสามารถไปยังโครงการได้ ทางเดียวกับจุดที่เราสตาร์ทกันเลยค่ะ ^^
บริบทโดยรอบของโครงการ Hyde สุขุมวิท 11
ทิศเหนือ ติดกับ The Prime 11 คอนโดมิเนียม 31 ชั้น โดยชั้นที่ 1-8 ของ The Prime 11 ด้านที่ติดกับโครงการจะเป็นอาคารจอดรถ คนที่อยู่ในชั้น 1-8 จึงอาจจะได้มลพิษทางกลิ่นและเสียงจากรถที่วิ่งขึ้นลงอยู่บ้าง ส่วนคนที่อยู่ในชั้น 7 จะเห็นชั้น Facilities ของ The Prime 11 อาจได้ยินเสียงคนเล่นน้ำวิ้ดวิ้วกันบ้าง ส่วนที่อยู่ในชั้น 9-31 จะโดนบล็อกวิวเล็กน้อย แต่ถ้าเลือกชั้น 32-15 ก็จะสบายตา มองวิวเมืองได้โลงๆแล้วค่ะ
ทางทิศตะวันออก ติดกับซอยสุขุมวิท 11 ซึ่งเป็นทางเข้า-ออก หลักของโครงการ ถ้าหากเราอยู่ในห้องมองออกมาแล้ว จะเห็นตัวอาคาร A ซึ่งเป็นอาคารจอดรถและที่พักของโครงการค่ะ ส่วนฝั่งตรงข้ามซอยสุขุมวิท 11 เป็นบ้านพักอาศัย 2 ชั้น วิวด้านนี้จึงโล่งๆ
ทิศใต้ ติดกับ อาคารพาณิชย์ 4 ชั้น ส่วนใหญ่ทำด้านล่างเป็นร้านอาหารและสถานบันเทิง ในยามค่ำคืนจึงมีเสียงเพลงรบกวนบ้าง แต่ถ้าอยู่ชั้นสูงๆขึ้นไปก็ไม่มีผลต่อผู้อยู่อาศัยมากค่ะ
ส่วนทางทิศตะวันตก ติดกับ อาคารพาณิชย์ 7 ชั้น และโรงแรม Mac Boutique Suites 8 ชั้น คนที่อยู่ในชั้น 9 ขึ้นไปก็จะมองวิวเมืองได้โล่งๆค่ะ
สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น
- โรงแรม The Prime 11 ติดกับโครงการ
- โรงแรม Aloft สุขุมวิท ~80 เมตร
- โรงแรม Ambassador ~ 100 เมตร
- โรงแรม Hyatt Regency Bangkok~ 600 เมตร
- สวนชูวิทย์ ~ 600 เมตร
- โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ~ 700 เมตร
- NIST International School ~ 700 เมตร
- โรงแรม Westin Grande Sukhumvit ~ 800 เมตร
- Terminal 21 ~ 1 กิโลเมตร
- Central Embassy ~ 1.50 กิโลเมตร
- Central Chidlom~ 1.80 กิโลเมตร
- สวนเบญจกิติ ~ 1.90 กิโลเมตร
- สวนเบญจสิริ ~ 2 กิโลเมตร
- Gaysorn Plaza~ 2.20 กิโลเมตร
- Central World ~ 2.50 กิโลเมตร
- Siam Paragon ~2.90 กิโลเมตร
- Siam Square~ 2.90 กิโลเมตร
- โรงพยาบาลสมิติเวช ~ 4 กิโลเมตร
โครงการ Hyde สุขุมวิท 11 เป็นหนึ่งใน Skyline Collection คอนโดเปิดใหม่ใกล้รถไฟฟ้าของ Property Perfect 4 โครงการ ได้แก่ Hyde สุขุมวิท 11, Hyde สุขุมวิท 13, Bangkok Sky สุขุมวิท และ Metro Sky ประชาชื่น
โดยทั้ง 4 โครงการ มีจุดเด่นที่ทำเลใกล้สถานีรถไฟฟ้า “ไฮด์ สุขุมวิท 11 และ สุขุมวิท 13” ใกล้สถานี BTS นานา ออกแบบโดยสถาปนิกระดับเวิลด์คลาส “แบงค็อก สกาย สุขุมวิท” ใกล้สถานี BTS อุดมสุข ติด Bangkok Mall ศูนย์การค้าแห่งใหม่ใหญ่ที่สุดใน South East Asia ส่วน “เมโทร สกาย ประชาชื่น” ติดสถานีบางซ่อน ของรถไฟฟ้าถึง 2 สาย ได้แก่ สายสีแดงอ่อนและสายสีม่วง พร้อมทางเข้า-ออกพิเศษ ติดสถานีรถไฟฟ้า
ภาพจำลองโครงการ อยู่ใกล้สถานีไฟฟ้าในระยะเดินถึง ซึ่งของจริงอยู่ในซอยสุขุมวิท 11 ไม่ได้อยู่ติดถนนใหญ่นะคะ
โดยตัวโครงการ Hyde สุขุมวิท 11 เป็นคอนโด High Rise 39 ชั้น มาในสไตล์ Modern and Luxury ที่ต้องการให้ที่นี่เป็นเสมือน New Iconic Luxury Condo แห่งใหม่ใจกลางสุขุมวิท ตัวอาคารภายนอกใช้โทนสีขาว-เทา และใช้ผนังกระจกเต็มบาน อาคารโดดเด่นที่แท่งปริซึมด้านบนที่เล่นระดับเหมือนกะรัตของเพชร ทำให้ Form ของทั้งอาคารดูมีลูกเล่นที่น่าสนใจ
โครงการออกแบบโดย A49 สถาปนิกชั้นแนวหน้าในเมืองไทย จาก Sketching Design Concept จะเห็นว่ารูปด้านของอาคารด้านนี้ มีความลาดเอียงของปริซึมด้านบนที่เป็นชั้น Facilities ดังนั้น Facade ของตัวอาคารเองมีลายเส้นเฉียงๆที่อ้อล้อกับความลาดเอียงของปริซึมด้านบนด้วย ทำให้ทั้งอาคารดูเป็นเนื้อเดียวกัน ไม่ดูเหมือนเอาแค่ยอดอาคารมาใส่เท่านั้น นอกจากนี้ตั้งแต่ชั้นล่างสุดของอาคารจนถึงชั้นดาดฟ้าจะเห็นลายเส้นสีเขียวที่แสดงออกถึงการคิดให้อาคารมีการสอดแทรกต้นไม้ เพื่อสร้างพื้นที่สีเขียวให้อาคาร
ภาพจำลองตัว Facade อาคารที่ใช้โทนสีขาว และกระจกเต็มบานแก่ห้องพัก มีการเล่นเส้นสายให้อาคารดูไม่น่าเบื่อ นอกจากนี้ยังมีห้องยูนิตพิเศษ ปลูกต้นไม้ให้ที่ระเบียงห้องสร้างพื้นที่สีเขียวใกล้ตัว
ความโดดเด่นของอาคารนี้อยู่ที่ชั้นบนของอาคารในชั้น 37-39 ซึ่งออกแบบเป็นแท่งปริซึม 9 แท่งเล่นระดับลดหลั่นกัน สร้าง Form ที่ค่อนข้างโดดเด่น ตัวปริซึมแต่ละช่องแต่ละชั้นก็มีจะมี Facilities ที่แตกต่างกันไป ประกอบด้วย Fitness room, Jacuzzi Swimming pool, Sauna & Steam Room, Theatre Room, Multi-Perpose Room, Golf Simulator Room, Game Room และ Library
มาดูที่ Master Plan กันค่ะ โครงการจะมีจำนวน 2 อาคาร คืออาคาร A ซึ่งเป็นอาคารพักอาศัยและ Facilities หลัก ส่วนอาคาร B เป็นอาคารจอดรถและห้องพัก
โดยอาคาร B ซึ่งเป็นอาคารด้านหน้า สูง 8 ชั้นในชั้น 1 จะเป็นส่วนของ Lobby และ Retail Shop ส่วนชั้น 2-7 เป็นพื้นที่จอดรถแบบ Automatic Parking ซึ่งที่จอดรถแบบนี้จะมีข้อดีตรงที่สามารถนำรถเข้า-ออก ได้เร็ว แต่ในช่วงเวลาที่คนรอเยอะๆก็อาจจะต้องเสียเวลารอคิวเพื่อเอารถขึ้น-ลงอยู่เหมือนกัน ส่วนชั้นใต้ดินลงไป 3 ชั้น เป็นลานจอดรถแบบปกติ, ชั้น 8-9 จะเป็นห้องพักอาศัย ซึ่งกำลังอยู่ในระหว่างการตัดสินใจว่าจะขายหรือให้เช่าเป็น Sevice Apartment ส่วนชั้นบนดาดฟ้าเป็นพื้นที่สวนพักผ่อนขนาดใหญ่ทั้งชั้น ดังนั้นในการรีวิวครั้งนี้เราจึงจะเจาะลึกไปที่อาคาร A มากกว่าค่ะ เพราะข้อมูลค่อนข้างนิ่งแล้ว
ส่วนอาคาร A เป็นอาคารพักอาศัยหลัก ในชั้น 1 จะมี Drop Off เพื่อให้รถจอดส่งคน แล้วเข้ามาที่ Lobby ซึ่งมีลิฟต์โดยสารให้ทั้งหมด 5 ตัว โดยคิดเป็นอัตราส่วน 96 : 1 ค่อนข้างสบายๆไม่มากไม่น้อย ลิฟต์เซอร์วิสมีให้ 1 ตัวติดกับส่วนทิ้งขยะ ทำให้แม่บ้านขนย้ายขยะลงมาทางนี้ได้ง่าย ไม่กวนส่วนลิฟต์โดยสาร บันไดหนีไฟมีให้ทั้งหมด 2 จุด รองรับคนทั้งจากทางฝั่งซ้ายและฝั่งขวาของอาคารค่ะ
ระหว่างอาคาร A และอาคาร B มีทางเดินเชื่อมอาคารโดยเดินผ่านสวนที่ปูสนามหญ้า ปลูกไม้ยืนต้นให้ร่มเงาและไม้พุ่มเตี้ย รวมทั้งมีกำแพงน้ำตกสร้างบรรยากาศ หากมีเพื่อนมานั่งรออยู่ที่ Lobby ก็สามารถมองผ่านสระน้ำออกมายังสวนด้านนอก สร้างทัศนียภาพที่สวยงามทำให้การนั่งรอไม่น่าเบื่อ ส่วนพื้นที่ด้านหลังอาคารจะเป็นห้องงานระบบทั้งหมดค่ะส่วนทางเข้าที่จอดรถมี 2 ทาง หากต้องการเข้าที่จอดรถใต้ดินก็สามารถเข้ามาในโครงการแล้วเลี้ยวซ้ายเข้าอาคาร B ได้เลย ส่วนหากต้องการไปจอดยังที่จอดรถอัตโนมัติ ก็ให้วิ่งอ้อมอาคาร A เพื่อไปจอดยังที่จอดรถอัตโนมัติที่อาคาร B อีกทาง
เรามาเจาะลึกที่อาคาร A ที่เป็นอาคารพักอาศัยหลักกันนะคะ ในชั้น 2 ของอาคารจะเป็น Facilities เล็กๆและเป็น Double Space ของชั้น 1 จึงมีที่ว่างค่อนข้างมาก โดยเมื่อขึ้นบันไดมาจากชั้น 1 แล้ว จะสามารถมาใช้พื้นที่ Semi-Outdoor Deck เพื่อยืนรับลมชมสวนได้ นอกจากนี้ยังมีห้องประชุม, Kid’s room, ห้องนิติบุคคล และห้องงานระบบที่อยู่ด้านหลัง
เนื่องจากโครงการไม่ได้ให้ชั้น Typical Floor Plan มา จึงขอจำลองผังของชั้นพักอาศัยมาให้ดูกันนะคะ โถงทางเดินจะเป็น Single loaded corridor ไม่มีห้องที่อยู่ตรงข้ามกันเลย แต่จะถูกกั้นด้วยโถงลิฟต์และบันไดหนีไฟ
ขึ้นมาที่ชั้น 37 ซึ่งชั้นนี้จะมีห้องพักจำนวน 1 ห้อง และนอกนั้นเป็นชั้น Facilities โดยเมื่อขึ้นลิฟต์มาแล้วก็จะเจอกับห้องสมุด, ห้องอเนกประสงค์, ห้องเกมส์, ห้อง Golf Simulator และห้องดูหนัง โดยในชั้นนี้จะมีห้องน้ำสวนกลางให้ด้วย
ในชั้น 38 จะเป็นชั้นของสระว่ายน้ำรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดใหญ่ โดยแบ่งเป็นสระเด็ก สระผู้ใหญ่ รวมทั้งมีจากุชชี่ให้ด้วย ริมสระเป็น Pool Deck พร้อม Day Bed ให้นอนรับลม ในชั้นนี้จะมีห้องน้ำส่วนกลางที่ประกอบด้วย ห้องอาบน้ำ, ห้องอบไอน้ำและมีห้องซาวน่าให้ด้วย
ชั้น 39 เป็นส่วนของห้อง Fitness เต็มชั้น ด้านหลังอาคารเป็นห้องงานระบบและแท๊งค์น้ำ มีทางออกจากลิฟต์ Service ให้ไปบำรุงรักษาได้ แยกส่วนกับลิฟต์โดยสาร
เนื่องจากตอนนี้โครงการยังไม่เรียบร้อย เราจึงพามาดูที่ Sale Office ของโครงการกันนะคะ ตัว Sale Office จะจำลอง Facade ของอาคาร B มาให้ดูกัน เป็นแผ่นอลูมิเนียมคอมโพสิตสีเงินเหลือบทอง ดีไซน์ให้แผ่นมีร่องระบายอากาศ เนื่องจากแผ่นนี้จะนำไปใช้ในส่วนชั้นจอดรถ Automatic Paking ที่ต้องการทั้งความสวยงามและให้อากาศไหลเวียนได้
ด้านข้าง Sale Office เป็นที่ตั้งของโครงการ ซึ่งตอนนี้กำลังปรับเตรียมพื้นที่เพื่อรอการก่อสร้างกันแล้ว เดี๋ยวเราจะพาเข้าไปดูกันค่ะ
เข้ามาปุ๊บ มองไปทางทิศตะวันตก ซึ่งเป็นด้านหลังโครงการจะติดกับ Mac Boutique Suites โรงแรม 8 ชั้น และอาคารพาณิชย์ 7 ชั้น ส่วนโรงแรม Balaire Bangkok ความสูง 18 ชั้น จะอยู่ห่างไปพอสมควร เพราะตัวอาคารอยู่ในซอยสุขุมวิท 5 ซึ่งถัดไปอีก 2 ซอย จึงเป็นตึกสูงที่บล็อกวิวเราในระยะไกลๆไม่ได้ทำให้อึดอัดมาก โดยรวมแล้ว หากจะเลือกอยู่ห้องที่หันไปทางทิศนี้ สามารถเลือกชั้นที่ 10 เป็นต้นไปจะได้วิวที่โอเคแล้วค่ะ
ทางทิศเหนือ จะติดกับโรงแรม The Prime 11 เต็มๆ โดยชั้นที่ 1-8 ของอาคารนี้จะเป็นอาคารจอดรถ คนที่อยู่ในชั้น 1-8 จึงอาจจะได้มลพิษทางกลิ่นและเสียงจากรถที่วิ่งขึ้นลงอยู่บ้าง ส่วนคนที่อยู่ในชั้น 9 จะเห็นชั้น Facilities ของ The Prime 11 อาจได้ยินเสียงคนเล่นน้ำเอะอะอยู่บ้าง ส่วนที่อยู่ในชั้น 10-31 จะโดนบล็อกวิวเล็กน้อย แต่ถ้าเลือกชั้น 32-35 ก็จะสามารถมองวิวเมืองได้โล่งๆแล้วค่ะ
ทางด้านทิศตะวันออกของโครงการ จะติดกับอาคาร B ซึ่งเป็นอาคารสูง 9 ชั้น ประกอบด้วย lobby, Retail shop, ที่จอดรถใต้ดิน 3 ชั้น และที่จอดรถแบบ Automatic Parking, ห้องพักและสวนดาดฟ้า ส่วนอาคารสูงฝั่งตรงข้ามซอยสุขุมวิท 11 จะเป็นโรงแรม President Palance สูง 16 ชั้น ส่วนอาคาร Sukhumvit Suites สูง 43 ชั้นจะอยู่ในซอยสุขุมวิท 13 บล็อควิวเราเล็กน้อย แต่ก็เป็นระยะที่ห่างพอตัว ไม่ได้รู้สึกอึดอัดมาก ดังนั้นหากเลือกห้องในทิศนี้ สามารถเลือกที่ชั้น 16 เป็นต้นไป ก็จะสบายๆมองวิวได้ไม่อึดอัด
ส่วนทางทิศใต้ จะติดกับอาคารพาณิชย์ 4 ชั้น และโรงแรมสลิลสูง 13 ชั้นที่ถัดจากอาคารพาณิชย์ไป ดังนั้นหากจะเลือกห้องในทิศนี้ เลือกห้องที่อยู่ชั้น 5 ขึ้นไป ก็สามารถได้ห้องที่มุมมองที่โอเคแล้วค่ะ
เรากลับมาที่ Sale Office เพื่อไปดูโครงการและห้องตัวอย่างกันเลยนะคะ
เข้ามาใน Sale Office ปุ๊บ เราจะเห็น Model เป็นสิ่งแรกเลย ถัดไปก็จะเป็นส่วนของที่นั่งรองรับลูกค้า และ Lobby ค่ะ
เรามาดู Model จำลองโครงการกันก่อนนะคะ โดยโครงการนำ Model มาวางทั้งหมด 4 ตัว คือโมเดลของ Hyde สุขุมวิท 13, Surrounding Model จำลองตัวโครงการและบริบทโดยรอบ และ Model ตัวโครงการ Hyde สุขุมวิท 11
โครงการ Hyde สุขุมวิท 13 คอนโด High Rise 40 ชั้น 1 อาคาร 454 ยูนิตโครงการรุ่นพี่ในซอยสุขุมวิท 13 สามารถไปดูรายละเอียดโดย (คลิกที่นี่)
Surrounding Model จะเห็นว่าตัวโครงการอยู่ไม่ห่างจากรถไฟฟ้าเท่าใดนัก โดยรอบมีสิ่งปลูกสร้างค่อนข้างหนาแน่นและมีตึกสูงอยู่พอสมควรเลยเพราะเป็นย่านใจกลางเมือง
มาถึง Model จำลองโครงการ Hyde สุขุมวิท 11 ตรงนี้จะเป็นมุมมองจากถนนสุขุมวิท 11 ค่ะ
อาคารทางทิศตะวันออก หรือด้านหน้าของโครงการ ตัวอาคาร B จะอยู่ด้านหน้าซึ่งติดกับถนนสุขุมวิทซอย 11 ซึ่งอาคารนี้มี Retail Shop สามารถให้ทั้งคนนอกและในโครงการมาจับจ่ายซื้อของได้ ด้านหลังเป็นอาคาร A ซึ่งเป็นอาคารที่พักอาศัยและ Facilities หลัก ซึ่งการที่ถูกผลักไปไว้ด้านหลังจะทำให้อาคารหลบจากความวุ่นวายของซอยสุขุมวิท 11 ได้ ส่วนอาคารในชั้น 37-39 จะเป็นชั้น Facilities ที่พอมองจากด้านนี้จะเห็นลูกเล่นของปริซึมอาคารชั้นบนค่อนข้างชัด
Facade ของอาคาร A ส่วนพักอาศัย ระเบียงที่มีต้นไม้ไม่ใช่ระเบียงส่วนกลาง แต่เป็นระเบียงยูนิตพักอาศัยที่มีต้นไม้ให้เป็นส่วนตัวของตัวเอง
เรามาซูมดูที่ด้านหน้าโครงการตรงอาคาร B กัน ชั้นแรกจะเป็น Retail Shop จำนวน 2 Shop ชั้น 2-7 จะเป็น Automatic Paking , ชั้น 8-9 เป็นห้องพักอาศัย ส่วนชั้นดาดฟ้าจะเป็นสวนนั่งเล่นพักผ่อนหย่อนใจ
Facade ของอาคาร B ใน Model ก็คล้ายๆกับตัวอลูมิเนียมคอมโพสิตที่ล้อมรอบตัว Sale Office เลย
ทางเดินรถหลักๆสามารถเข้าได้ 2 ทางคือ หากจะเข้าลานจอดรถใต้ดินก็สามารถเข้ามาปุ๊บ เลี้ยวซ้ายลงไปจอดที่ชั้นใต้ดินอาคาร B ได้เลย ส่วนถ้าต้องการไปจอดที่ Automatic Parking ก็สามารถวนรถอ้อมตึก A แล้วไปจอดที่อีกด้านหนึ่งของตึก B ได้เลย จะมาลิฟต์ยกรถขึ้นนไปจอดให้ ส่วนตรงหน้า Lobby มี Drop off 1 จุด สามารถจอดส่งคนที่ Lobby แล้วกลับรถมาเข้าลานจอดรถใต้ดิน หรือขับไปจอด Automatic Paking ก็ได้ค่ะ เพราะที่ว่างรอบอาคาร 6 เมตร สามารถขับสวนกันได้สบายๆ
สวนชั้นดาดฟ้า ตรงกลางจะเป็น Sky light ลอมรอบด้วยทางเดินและสวนสนามหญ้าที่มีการจัดที่นั่ง และต้นไม้ใหญ่ให้ร่มเงาอยู่รอบๆ
อาคารทางทิศเหนือ จะเห็นว่าระหว่างอาคาร A และ อาคาร B จะถูกคั่นด้วยสวน
ลักษณะของสวนจะมีที่นั่งเล่น สนามหญ้า และทางเดินที่ทำลวดลายคล้ายเส้นสายบน Facade อาคาร ภาพรวมจึงดูเป็น Theme เดียวกันทั้งแนวตั้งและแนวราบ ซ้ายมือด้านที่ติดกับ Automatic Paking เป็นผนังน้ำตก เวลามาเดินในสวนก็จะได้ยินเสียงน้ำไหลตลอดเวลา ด้านหน้าเป็นทางเดินเชื่อมจากอาคาร B ไปสู่อาคาร A เพื่อให้เข้าไปที่ Lobby และยูนิตพักอาศัยด้านบนค่ะ
ภาพจำลองสวนในโครงการ บรรยากาศค่อนข้างร่มรื่น และชุ่มชื้น เพราะมีทั้งสนามหญ้า ต้นไม้สูงใหญ่ และผนังน้ำตกที่สร้างบรรยากาศค่ะ ทางเดินเชื่อมด้านหน้าเป็นแบบ Semi-outdoor เวลาเราเดินเข้า lobby ก็จะผ่านสวนได้วิวดีๆแต่เวลาฝนตกแรงๆอาจจะต้องระวังกันนิดนึงนะคะ
ส่วน Lobby มีการสร้างสระน้ำเพิ่มบรรยากาศ มุมมองด้านนอกค่อนข้างโอ่โถง เนื่องจาก Floor to ceiling ของชั้นนี้ประมาณ 8 เมตร ด้านบนมีชั้นลอย เพื่อสร้าง Space เพื่มให้สามารถเดินจาก Lobby ขึ้นมาดูบรรยากาศสวนจากด้านบนได้
ภาพจำลองบรรยากาศของ Lobby ใช้ Mood and toon สีขาวกับทอง สไตล์ Modern and Luxury ที่นั่งมีการ Dropพื้นลงไป เพื่อให้สามารถมองสวนผ่านสระน้ำที่อยู่ด้านนอกในระดับสายตาได้ มองตรงไปมีบันไดทางขึ้นชั้นลอย เพื่อให้สามารถเดินออกไปรับลมด้านบนได้
Facade ของอาคารทางด้านทิศเหนือ ในส่วนของจุดที่ขีดเส้นสีดำไว้นั้น ถ้าสังเกตจะเห็นว่าอาคารมีการ Set เข้าไปในอาคารด้วยค่ะ เนื่องจากอาคารทางทิศนี้ติดกับ The Prime 11 ที่มีความสูง 31 ชั้น ดังนั้น ห้องที่อยู่ด้านนี้ในชั้น 1-16 จึง Set เข้าไปเพื่อเพิ่มระยะห่างระหว่างตัวอาคารให้มากขึ้น ผู้ที่พักอาศัยอยู่ในชั้นนั้นๆจะได้ไม่รู้สึกอึดอัดหรือใกล้ชิดกับอาคารสูงมากเกินไป
อาคารทางด้านทิศตะวันตก Facade อาคารจะเรียบๆเป็นยูนิตพักอาศัยยาวข้นไปจนถึงชั้น 37 ที่เป็น Facilities ด้านนี้จะเห็นสระว่ายน้ำและ Fitness ชัดเจนคะ
เรามาเจาะลึกที่ชั้น Facilities ตั้งแต่ชั้น 37-39 กันบ้าง โดยในปริซึมทั้ง 9 ช่องนี้ จะมีฟังก์ชั่นที่แตกต่างกันไป ด้านหน้านี้เราจะเห็นสวนดาดฟ้าที่มีให้ทั้งหมด 4 จุด ซึ่งการกระจายตัวของฟังก์ชั่นเดียวแบบนี้ มีทั้งข้อดีข้อเสียนะคะ ข้อเสียคือ สวนแต่ละจุดจะเล็กกว่าสวนของโครงการใหญ่ๆทั่วไป นึกภาพว่าถ้าเอาสวนทั้ง 4 มารวมกันคงได้สวนที่ใหญ่ไม่น้อย แต่ข้อดีก็คือ เราสามารถเลือกไปเดินเล่นรับวิวเมืองได้หลากหลายมุมมอง วันไหนอยากไปชั้นไหนก็ได้ตามใจชอบ ไม่จำเจ
นอกจากนี้ทางขวามือสุด ยังมี Villa ยูนิตพิเศษที่ตอนนี้ยังไม่มีข้อมูลออกมาและยังไม่เปิดขาย แต่ขอบอกว่ายูนิตนี้มีสวนให้ในตัว และยังสามารถเดินออกมามองวิวเมือง และวิวสวนอื่นๆได้ด้วย เพราะห้องนี้อยู่ในชั้น 38
ต่อมาเป็นส่วนของสระว่ายน้ำ ที่เราจะมองเห็นได้ชัดในทิศตะวันตกนะคะ ซึ่งการเอาสระว่ายน้ำมาอยู่ลอยๆแบบนี้ด้านทิศตะวันตก อาจทำให้ตอนบ่ายๆแถวนี้คงค่อนข้างร้อนเลย แต่เย็นๆก็จะได้วิวพระอาทิตย์ตก สวยไปอีกแบบ ในส่วนของชั้นสระว่ายน้ำจะมี Facilities หลักๆมารวมกันอยู่ที่ชั้นนี้ ประกอบด้วย Jacuzzi Swimming pool, Sauna & Steam Room, Theatre Room, Multi-Perpose Room, Golf Simulator Room, Game Room และ Library ส่วนชัน Fitness จะอยู่ด้านบนสระว่ายน้ำ
ภาพจำลองบรรยากาศของสระว่ายน้ำที่มี Pool Deck และ Facilities ต่างๆด้านใน ส่วนด้านบนเป็น Fitness ค่ะ ที่หันมาด้านนี้จะมองวิวสระว่ายน้ำ
ภาพจำลองบรรยากาศของ Fitness ที่เป็นกระจกรอบด้านสามารถเลือกได้ทั้งสองทาง ว่าจะเล่น Fitness มองวิวสระว่ายน้ำ หรือวิวเมืองค่ะ
ภาพจำลอง Golf Simulator Room
ภาพจำลอง Theatre Room
ภาพจำลอง Library Room
ภาพจำลอง Multi-Perpose Room เป็นห้องอเนกประสงค์ที่สามารถใช้จัดปาร์ตี้ สังสรรค์ได้ตามใจชอบ
มีแท่นการันตีรางวันจากโครงการ Hyde สุขุมวิท 13 โครงการรุ่นพี่ที่ประสบความสำเร็จมาแล้ว
จากตรงนี้จะเราจะพาเดินผ่านที่นั่ง Lobby ไปตรงโถงทางเดินที่มีคอร์ทเป็นสวนตรงกลาง เพื่อไปยังห้องตัวอย่างกันนะคะ
เดินไปพร้อมๆกันเลยย
พอถึงทางโค้งจะบังคับเลี้ยวขวา เจอ Model โครงการอีกที เดี๋ยวเราจะพาไปดูห้องตัวอย่างกันนะคะ
ก่อนไปดูห้องตัวอย่าง ลองชมวีดีโอ Presentation โครงการกันก่อนดีกว่า จะได้เห็นโครงการในภาพรวมค่ะ ^^
ต่อมาเราจะพาไปดูวิวจากตึกของ Hyde สุขุมวิท 11 โดยเริ่มจาก จุด A, B, C ไปจนถึง D ค่ะ และปิดท้ายด้วยวิวแบบพาโนรามาในความสูงตั้งแต่ 50 – 135 เมตร
จุด A ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ
จุด B ทิศตะวันออกเฉียงใต้
จุด C ทิศตะวันตกเฉียงใต้
จุด D ทิศตะวันตกเฉียงเหนือ
ภาพวิวแบบพาโนรามา จากโครงการ Hyde 11 อาคาร A ชั้น 15 ที่ความสูง 50 เมตร (คลิกที่ภาพเพื่อดูภาพขยายใหญ่)
ภาพวิวแบบพาโนรามา จากโครงการ Hyde 11 อาคาร A ชั้น 36 ที่ความสูง 135 เมตร (คลิกที่ภาพเพื่อดูภาพขยายใหญ่)
ภาพวิวแบบพาโนรามา จากโครงการ Hyde 11 อาคาร A ชั้น 39 ที่ความสูง 135 เมตร (คลิกที่ภาพเพื่อดูภาพขยายใหญ่)
สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก
- โถงล็อบบี้(Lobby)
- สระว่ายน้ำ (Swimming Pool)
- ห้องออกกำลังกายพร้อมอุปกรณ์มาตรฐาน (Fitness equipment) อาคาร A จำนวน 1 ห้อง และอาคาร B จำนวน 1 ห้อง
- ห้องสมุด (Library)
- สวนส่วนกลาง(Garden)
- ห้องอบไอน้ำ (Steam Room) และห้องเซาวน์น่า (Sauna Room)
- ห้องเด็กเล่น (Kid’sRoom)
- ห้องประชุม (Meeting Room)
- ห้องชมภาพยนตร์ (Theatre)
- ห้องตีกอล์ฟ (Golf simulator)
- ห้องเกมส์ Game Room)
- ห้องเอนกประสงค์ (Multi Purposed Room)
- ที่จอดรถอัตโนมัติ อาคาร B (Automatic Car Park at 2nd-7th floor)
- ที่จอดรถชั้นใต้ดิน อาคาร B (Car Park at Basement floor)
- ลิฟท์โดยสาร 5 ตัวที่ตึก A และ 2 ตัวที่ตึก B
- อัตราส่วนลิฟท์ทั้งโครงการ 96 :1 (เฉพาะอาคาร A)
- Service Lift 1 ตัว
- ที่จอดรถ 276 คัน ไม่รวมจอดซ้อนคัน คิดเป็น 57 %
- ระบบ CCTV 24 ชั่วโมง รอบรั้วโครงการ
- Access card
- Digital Door Lock และ Video Call ทุกห้อง
- ระบบรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชม.
Product Walkthrough
เรามาเริ่มกันที่ห้อง Type C 1 Bedroom 1 Bathroom พื้นที่ 34 ตารางเมตร ฝ้าเพดานสูง 2.7 เมตร ห้องนี้จะมีขนาดกลางๆ พอดีกับการอยู่อาศัย 2 คน โดยเปิดประตูเข้าไปจะเจอกับห้องครัวซึ่งโครงการ Built-in ชุดครัวมาให้ พอเดินเข้าไปจะเป็นห้องนั่งเล่น ถัดไปเป็นห้องที่มี Bay Window สามารถเป็นมุมนั่งเล่นมองวิว หรือเป็นส่วนรับประทานอาหาร วางชุดโต๊ะรับประทานอาหารได้ประมาณ 2-4 ที่นั่ง ผนังเป็นกระจกเต็มบานจึงทำให้ Facade ของตึกนี้จึงเป็นกระจกทั้งอาคาร
ส่วนของห้องนอนประตูบานเลื่อน 2 ตอน สามารถเลื่อนเปิด-ปิดได้ ทำให้เมื่อเราเปิดประตูออก ก็จะได้พื้นที่เหมือนห้อง Studio กว้างๆ แต่พอปิดประตูแล้วห้องจะดูแคบขึ้น แต่ก็ได้ประโยชน์ตรงที่หากต้องการใช้งานทั้งห้องนั่งเล่นและห้องนอนในช่วงเวลาเดียวกัน ก็เป็นการแบ่งการใช้งานทั้งสองฟังก์ชั่นไปพร้อมๆกันได้
โครงการขายแบบ Fully Furnished ติดตั้งชุดครัว สุขภัณฑ์ในห้องน้ำ ตู้เสื้อผ้า Built-in มาให้ และเฟอร์นิเจอร์ลอยตัวเหมือนกับห้องตัวอย่าง
ห้องตัวอย่างไม่มีประตูมาให้นะคะ แต่ของจริงจะเป็นประตูปิดผิวลายไม้หรือเทียบเท่า กลอนประตูเป็น Digital Door Lock
พื้นมีเป็นกระเบื้องแกรนิตโต้ลายหินอ่อน ขนาด 60 x 60 เซนติเมตร ปิดคิ้วด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้ลายหินอ่อนเช่นกัน
เข้ามาในห้อง เราจะเจอกับส่วนครัวที่มีพื้นที่ติดต่อกับห้องนั่งเล่น โดยชุดครัวนี้โครงการจะ Built-in ให้ทั้ง 2 ฝั่ง คือฝั่งขวาเป็นเคาท์เตอร์ครัว ส่วนอีกด้านเป็นส่วนของเตาอบและช่องเก็บของ
มองย้อนกลับไปที่หน้าห้องจะเห็นพื้นที่ส่วนครัวทั้งหมด ซึ่งมีขนาด 1.86 x 3.2 เมตร โครงการได้ Built-in ชุดครัวมาให้ รวมทั้งตู้เย็นและเตาอบด้วย ส่วนเครื่องซักผ้าไม่ได้มีให้ แต่วางมาให้ดูเป็นตัวอย่างเฉยๆ ซึ่งพอวางชุดครัวและวางตู้เย็นแล้ว จะเหลือพื้นที่ทางเดินประมาณ 1.30 เมตรค่ะ
เรามาดูชุดครัว Built-in ในส่วนแรกกันค่ะ โดยรวมแล้วจะใช้โทนสีขาว หน้าบานของตู้เป็น Hi-Gloss ทั้งหมด
ส่วนแรกจะเป็นตู้วางของอเนกประสงค์ และช่องใส่ตู้เย็นขนาดหน้ากว้าง 0.70 เมตร สูง 1.85 เมตร ที่โครงการจะ Built-in ให้แบบนี้เลย รวมทั้งตู้เย็นก็มีให้รุ่นนี้เลยนะคะของ Sumsung
บานพับของตู้เป็นแบบ Soft closed ทั้งหมด
ส่วนของตู้ครัวบน-ล่าง หน้าบานเป็น Hi Gloss สีขาวแบบเรียบไม่มีมือจับทั้งหมด ประกอบด้วยอ่างล้างจาน ก็อกน้ำ เครื่องดูดควัน เตาไฟฟ้า ผนังหลังเคาท์เตอร์ครัวเป็น Hi Gloss แบบใส สามารถเช็ดล้างทำความสะอาดได้ง่าย
ชุดครัวด้านล่าง พอเปิดออกมาจะได้หน้าตาแบบนี้ค่ะ ใต้ซิงค์ครัวจะมีถังขยะแบบมีฝาติดตั้งมาให้ ตรงกลางเป็นช่องใส่เครื่องซักผ้า ขนาด 0.60 x 0.89 เมตร สูง 0.87 เมตร ซึ่งจะเป็นช่องเปล่าๆ เครื่องซักผ้าไม่มีให้นะคะ ส่วนด้านขวามือสุดเป็นลิ้นชักวางช้อนส้อม และของอเนกประสงค์
อ่างล้างมือทรงสี่เหลี่ยมของ Teka ขนาดกลางๆ
ก็อกน้ำทรงเหลี่ยมโค้ง มือจับแบบก้านโยก ของ Teka
เตาและที่ดูดควันของ Electrolux
ตู้ครัวด้านบน พอเปิด-ปิด มาแล้วจะได้ช่องเปิดแบบนี้เลยค่ะ
Detail ของตู้ เมื่อไม่มีมือจับ แต่ใช้การเว้นช่องด้านล่างเพื่อให้ใช้มือจับเปิด-ปิด ได้นั่นเอง
จะมีตู้ที่มีบานพับพิเศษ 1 บาน คือ ตู้ด้านบนที่ดูดควัน จะเป็นบานกดกระเด้ง + Soft closed นะคะ ใช้งานค่อนข้างง่ายดี
ผนังฝั่งตรงข้ามเคาท์เตอร์ครัว จะเป็นสวิตซ์เปิด-ปิดไฟในห้อง, ประตูทางเข้าห้องน้ำ และตู้ Built-in พร้อมเตาอบไมโครเวฟ
สวิตซ์ไฟในห้อง
ตู้ Built-in ด้านนี้จะเรียบไปกับผนังเลย หน้าบานเป็นแบบ Hi Gloss บานพับ Soft closed เหมือนกับชุดเคาท์เตอร์ครัว เมื่อเปิดออกมาแล้วจะได้ชั้นวางของด้านในหน้าตาแบบนี้เลยนะคะ เก็บของได้เยอะทีเดียว เตาอบไมโครเวฟของ Electrolux ก็ให้มาด้วยนะ
ลักษณะของมือจับเวลาเปิด-ปิดตู้ ทั้งตู้ด้านขวา และตู้ด้านซ้าย
เตาอบไมโครเวฟของ Electrolux ที่แถมให้ หน้าตาแบบนี้เลยค่ะ
ถัดไปเป็นส่วนของห้องนั่งเล่นหรือห้องรับแขกและห้องนั่งเล่นมี 2 สวน ยาวไปจนสุดผนังกระจก พื้นที่รวม 2.15 x 5.10 เมตร ส่วนแรกโครงการวางโซฟาขนาด 2 ที่นั่ง โดยมีระยะดูทีวีอยู่ที่ 1.60 เมตร สามารถวางทีวีขนาดประมาณ 32-40 นิ้วจะเป็นระยะที่พอดีสายตาค่ะ
โดยโซฟาสีน้ำตาล 2-3 ที่นั่ง ขนาด 0.75 x 1.80 เมตร และโต๊ะกลางทรงกลมสีขาวลายหินอ่อนขาตั้งเป็นสแตนเลส โครงการแถมให้ทั้งหมดเลยนะคะ
ถัดไปเป็นส่วนนั่งเล่นอีกส่วน พื้นที่โดยรวมขนาด 2.10 x 2.15 เมตร สามารถวางโซฟาขนาด 2 ที่นั่งแบบนี้ได้ หรือจะปรับเปลียนพื้นที่ให้เป็นส่วนรับประทานอาหารประมาณ 2-4 ที่นั่งก็เพียงพอค่ะ
โดยโครงการจัดวางโซฟาขนาด 0.90 x 1.40 เมตร สีขาว พร้อมโต๊ะกลางสีขาวลายหินอ่อนมาให้ ซึ่งทั้งสองชิ้นนี้โครงการก็แถมมาให้ด้วยนะคะ
ผนังด้านหลังเป็น Bay window กระจกเต็มบาน เป็นกระจกลามิเนต เวลาแตก เศษกระจกยังคงยึดติดกันอยู่ด้วยฟิล์มที่ยึดอยู่ระหว่างแผ่นกระจก เหมือนใยแมงมุม หากเกิดอุบัติเหตุจะปลอดภัยกับผู้อยู่อาศัยในอาคาร กรอบบานเป็นอลูมิเนียมสีขาว ด้านซ้ายมือเป็นหน้าต่างซึ่งห้องตัวอย่างทำเป็นบาน Fix มาเปิดไม่ได้ แต่ของจริงจะเป็นบานกระทุ้ง มือจับแบบก้านโยกเปิด-ปิดได้นะคะ
Detail การติดตั้งกระจกที่พื้นและเข้ามุม
ผนังด้านบนมีการ Drop ฝ้าเพดานเพื่อติดตั้งรางผ้าม่านให้ด้วย
โดยระหว่างส่วนนั่งเล่นและรับแขกนี้ เราจะเห็นประตูบานเลื่อน 2 ตอน หน้ากว้าง 1.50 เมตร
รางเลื่อนจะติดอยู่ด้านบน ระหว่างพื้นที่ห้องนอนและห้องรับแขก
และเมื่อรางเลื่อนซ่อนอยู่ด้านบน จึงทำให้พื้นห้องราบเรียบ ไม่มีรางเลื่อนยื่นออกมาให้เกะกะและเดินสะดุดได้ค่ะ โดยพื้นที่ว่างที่ต้องเว้นให้ประตูเลื่อนมาจะเว้นช่องว่างไว้ประมาณ 0.36 เมตร เป็นพื้นที่ระหว่างปลายเตียงนอนกับโซฟานั่นเอง
เนื่องจากห้องตัวอย่างประตูเลื่อนกั้นห้องไม่สามารถเลื่อนเปิด-ปิดได้ เราจึงจำลองมุมมองเมื่อปิดประตูกั้นให้ดูนะคะ จะเห็นว่าจากห้องนั่งเล่นมองไปที่ห้องรับแขก พอปิดประตูกั้นก็จะเห็นแค่ห้องรับแขกกับห้องครัวอย่างเดียว เหมาะกับเวลามีแขกมาห้อง คนหนึ่งสามารถนั่งคุยเล่นกับแขกที่ห้องรับแขกได้ ส่วนอีกคนก็อยู่ในห้องนอน แบบนี้ก็ทำให้สามารถใช้งาน 2 ฟังก์ชั่นไปพร้อมๆกันได้ค่ะ
ส่วนถ้าเปิดประตูกั้น ก็จะเห็นฟังก์ชั่นของห้องทั้งหมด ทั้งห้องครัว ห้องนั่งเล่น ห้องนอน และ Walk-in Closed ให้ความรู้สึกเหมือนห้อง Studio เพิ่มเติมนิดนึง หากมองขึ้นไปบนฝ้าเพดานที่เห็นมีแอร์แบบติดตั้งบนฝ้าเพดานนั้นโครงการก็มีให้ด้วยนะคะ
เราจะพาไปดูห้องนอนกันต่อค่ะ ห้องนอนมีขนาด 2.43 x 3.00 เมตร โครงการให้เตียงขนาด 5 ฟุตมาให้ด้วย ซึ่งจะให้แต่ตัวโครงเตียงไม่รวมฟูกนะคะ
ผนังหัวเตียงของจริงจะเป็นผนังปูนทาสีขาว หัวเตียงทั้งสองข้างมีพื้นที่พอให้วางโต๊ะหัวเตียงได้ รวมทั้งติดตั้งเต้ารับไว้ให้เสียบเครื่องใช้ไฟฟ้า
พื้นที่ปลายเตียงในกรณีที่เปิดประตูกั้นจะเห็นโซฟาปลายเตียง และสามารถนอนดูทีวีแบบนี้ได้ค่ะ (ทีวีโครงการไม่ได้มีให้นะคะ)
เปรียบเทียบบรรยากาศห้องนอนแบบเปิดประตูกั้นกับปิดประตูให้ดู จะเห็นว่าเปิดกับปิดนี่ให้อารมณ์แตกต่างกันเลยนะคะ เนื่องจากพื้นที่ปลายเตียงของห้องนอนนี้เป็นประตูบานเลื่อน จึงไม่สามารถติดตั้งทีวีที่ปลายเตียงได้ และพื้นที่ข้างหน้าต่างก็น้อยเกินไปที่จะติดตั้งทีวีได้ด้วย ดังนั้นหากใครจะนอนดูทีวี ก็อาจจะต้องเปิดประตูกั้นแล้วนอนดูจากทีวีห้องรับแขก น่าจะเป็นวิธีที่สะดวกที่สุดนะคะ
หน้าต่างของห้องนอนเป็นหน้าต่างกระจกบานเลื่อนเดี่ยว ด้านซ้ายมือเป็นบาน Fix กระจกลามิเนต เช่นเดียวกับกระจกห้องนั่งเล่นและรับแขก
ด้านนอกเป็นระเบียงขนาด 1.00 x 1.43 เมตร ราวระเบียงเป็นเหล็กโปร่ง โครงการปลูกต้นไม้สร้างบรรยากาศมาให้ดูเป็นไอเดียตัวอย่าง ซึ่งของจริงจะเป็นพื้นกระเบื้องเซรามิค ขนาด 30 x 30 เซนติเมตรนะคะ
พอมองขึ้นไปยังด้านบนจะเห็นว่าโครงการจะทำตะแกรง วาง Compressor แอร์ไว้ให้ โดยเป่าลมร้อนออกนอกอาคาร ดังนั้นระเบียงนี้จึงปราศจากลมร้อนขณะเปิดแอร์ สามารถออกไปยืนรับลมเล่นสบายๆได้ค่ะ
ฝ้าเพดาน Drop เพื่อให้ติดตั้งรางผ้าม่านได้
พื้นที่ข้างเตียงขนาด 0.78 เมตร สามารถเดินออกข้างเตียง หรือเดินไปเปิด-ปิดหน้าต่างสบายๆ
ส่วนอีกด้านหนึ่งของห้องจะเป็น Walk-in closed ประกอบด้วยตู้เสื้อผ้า โต๊ะเครื่องแป้ง และถัดไปเป็นห้องน้ำ ซึ่งเฟอร์นิเจอร์ที่เราเห็นนี้โครงการจะ Built-in มาให้เลยนะคะ
โดยตู้เสื้อผ้าขนาด 0.60 x 1.10 เมตร ความสูงจรดฝ้าเพดาน ส่วนหน้าบานจะเป็นบาน Hi gloss สีขาว ทั้งสองบานไม่มีบานกระจกนะคะ
พอเลื่อนซ้ายเลื่อนขวา ก็จะเห็นลิ้นชักภายในหน้าตาแบบนี้
ฟังก์ชั่นโดยรวมของตู้เสื้อผ้าค่ะ
เวลาเปิด-ปิด มือจับจะเป็นลักษณะเรียบๆแบบนี้นะคะ
โต๊ะเครื่องแป้ง ทั้งเซทเป็นสีขาวเรียบๆพร้อมเก้าอี้ดีไซน์แปลกตา และกระจกเงาให้ส่องดูความเรียบร้อย ข้างๆมีเต้ารับให้ด้วยเผื่อเสียบเครื่องใช้ไฟฟ้า เช่น ไดร์เป่าผมคุณผู้หญิง
ลิ้นชักโต๊ะเครื่องแป้ง ด้านในเรียบๆแบบนี้ เก็บของได้อเนกประสงค์ค่ะ
ถัดไปเป็นห้องน้ำ ประตูทางเข้าค่อนข้างเล็ก ช่องเปิดหน้ากว้างประมาณ 70 เซนติเมตร ประตูของจริงจะเป็นบานไม้สำเร็จรูปวัสดุปิดผิวลายไม้หรือประตูกระจกกรอบอลูมิเนียม
ห้องน้ำขนาด 1.60 x 2.60 เมตร แบ่งพื้นที่ส่วนเปียกส่วนแห้งชัดเจน ผนังห้องน้ำปูด้วยกระเบื้องเซรามิคสีขาว ขนาด 30 x 60 เซนติเมตร
ทางเข้ามี 2 ทางคือทางห้องครัว ตรงประตูทางเข้า และทางห้องนอน พื้นของทั้งสองส่วนก็มีการยกธรณีประตูประมาณ 2 เซนติเมตร เหมือนกันซึ่งน้อยไปนิดนึง ถ้าล้างห้องน้ำนี่มีสิทธิ์ล้นออกมาได้ง่ายเลยนะ
เคาท์เตอร์อ่างล้างหน้ามีกระจกเงาติดผนังแบบเปิด-ปิดได้ ด้านในเป็นชั้นวางของอเนกประสงค์ รวมทั้งตู้ด้านล่างก็เปิด-ปิดได้เช่นกันลักษณะตามภาพเลยค่ะ บานพับเป็นแบบ Soft closed ทั้งหมด
ลักษณะมือจับของตู้กระจกเงา และตู้เคาท์เตอร์อ่างล้างมือ เป็นแบบนี้เลยนะคะ
อ่างล้างหน้าทรงสี่เหลี่ยมของ Kohlor ลักษณะไม่ใหญ่มาก
ก็อกน้ำแบบ ยกขึ้นแล้วหมุนๆ.. ของ Kohlor ทั้งสองข้างของก็อกน้ำจะมีที่วางของสแตนเลส วางโฟมล้างหน้าหรือยาสีฟัง แปรงสีฟันได้สบายๆ
ส่วนนั่งชำระ พื้นที่ขนาด 0.55 x 0.90 เมตร นั่งได้สบายๆไม่อึดอัด โถสุขภัณฑ์ของ Kohlor
สายชำระและที่แขวนทิชชู่สแตนเลส ของ Kohlor เช่นกัน
ที่แขวนผ้าเช็ดตัว
ถัดไปเป็นห้องอาบน้ำ ขนาด 0.85 x 1.00 เมตร ฉากกั้นเป็น Tempered glass
มือจับค่อนข้างใหญ่ดี
พื้นมีการยกธรณีขึ้นเล็กน้อยกันน้ำล้นออกไปสู่ส่วนเปียก
ชุดฝักบัวพร้อม Rain Shower ของ Kohlor ผนังด้านข้างฝักบัว มีการ Drop ลงไปเพื่อให้สามารถวางแชมพู สบู่ หรือผลิตภัณฑ์อาบน้ำอื่นๆได้ด้วย
ฝักบัวและก็อกน้ำของ Kohlor ขนาดใหญ่ดี
ฝ้าเพดานมีการติดไฟดาวน์ไลท์ให้ 2 จุด คือตรงส่วนเปียกและส่วนแห้งค่ะ
ต่อมาเป็นห้อง Type C 2 Bedroom 2 Bathroom พื้นที่ 64 ตารางเมตร ฝ้าเพดานสูง 2.7 เมตร ห้องนี้จะเหมาะกับครอบครัวขนาดเล็ก มีฟังก์ชั่นค่อนข้างครบ ทั้งห้องครัว พื้นที่รับประทานอาหารรองรับได้ประมาณ 4-6 ที่นั่ง พื้นที่ห้องรับแขกและห้องนั่งเล่นที่มีระเบียงออกไปนั่งเล่นได้ ห้องนอนมีทั้งหมด 2 ห้อง ประกอบด้วย Master Bedroom ที่มีห้องน้ำในตัวให้ 1 ห้อง เหมาะเป็นห้องพ่อแม่ และห้องนอนเล็กเป็นห้องลูก ไม่มีห้องน้ำในตัว แต่จะใกล้กับห้องน้ำที่ใช้ร่วมกับห้องนั่งเล่น
การจัดฟังก์ชั่นโดยรวมค่อนข้างโอเค การผลักส่วน Service คือส่วนครัวและห้องน้ำทั้งหมดมาไว้ด้านใน(ชิดผนังที่ติดกับทางเดิน) ส่วนห้องนอน 2 ห้อง และห้องรับแขกทั้งหมดอยู่ด้านหน้าชิดผนังด้าน Facade อาคาร ซึ่งโครงการก็จัดมาให้เป็นหน้าต่างกระจกเต็มบานด้วย ดังนั้นแม้ว่าเราจะนอนอยู่ในห้องหรือออกมานั่งเล่นก็สามารถมองเห็นวิวได้เต็มที่ไปเลย
โครงการขายแบบ Fully Fitted ติดตั้งชุดครัว สุขภัณฑ์ในห้องน้ำ รวมทั้งตู้เสื้อผ้า Build-in มาให้ ส่วนในช่วงนี้จะมีโปรโมชั่นพิเศษแถมเฟอร์นิเจอร์ลอยตัวด้วย ซึ่งรายละเอียดจะอยู่ด้านล่างในช่วงราคาและเงื่อนไขการขายค่ะ
มาดูห้องตัวอย่างกันดีกว่า ห้องตัวอย่างห้องนี้ก็ไม่มีประตูมาให้ แต่ของจริงจะเป็นประตูปิดผิวลายไม้หรือเทียบเท่า กลอนเป็น Digital Door Lock เหมือนกับห้อง 1 Bedroom ค่ะ พื้นปูด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้ลายหินอ่อน ขนาด 60 x 60 เซนติเมตร ปิดคิ้วด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้ชนิดเดียวกัน
เมื่อเข้าห้องมา เราจะเจอโถงประตูเล็กๆที่ติดกับครัวและส่วนรับประทานอาหาร เชื่อมต่อกับห้องนั่งเล่นรับแขกที่มีระเบียงด้วยค่ะ โดยความกว้างของโถงทางเข้านี้ประมาณ 1.10 เมตร
ซ้ายมือของโถงประตูโครงการจะ Built-in ตู้ไว้ให้ หน้าบานเป็น Hi gloss สีขาว สูงจรดฝ้าเพดาน
เมื่อเปิดออกมาปุ๊บ ก็จะเห็นว่าด้านในเป็นชั้นวางของ มีช่องว่างให้สามารถใช้เป็นตู้เก็บเครื่องซักผ้าได้ด้วย
ในตู้จะมีไฟดาวน์ไลท์ให้ 1 ดวง สะดวกเวลากลางคืน ที่ต้องเข้ามาหยิบของ หรือใช้พื้นที่เช่นการซักผ้า หรือจัดของในตู้ บานพับเป็นแบบ Soft Closed นะคะ
ถัดเป็นเป็นสวนของห้องครัวและห้องรับประทานอาหาร โครงการ Built-in ชุดครัวมาให้ ส่วนโต๊ะรับประทานอาหารและเฟอร์นิเจอร์อื่นๆในห้องนี้ จะแถมให้เฉพาะช่วงโปรโมชั่นเท่านั้น ซึ่งรายละเอียดเดี๋ยวเราจะระบุไว้ด้านล่างในส่วนราคานะคะ
ชุดครัวลักษณะไม่ต่างจากห้อง 1 Bedroom มากนัก เพียงแต่มีขนาดใหญ่กว่า จึงมีฟังก์ชั่นเพิ่มเติมที่มากกว่า หน้าบานของตู้เป็นแบบ Hi Gloss และบานพับเป็นแบบ Soft closed ทั้งหมด
ช่องใส่ตู้เย็นขนาด 0.60 x 0.75 เมตร ความสูง 1.85 เมตร ตู้ด้านบนเป็นช่องว่างๆโล่งๆตามภาพเลยค่ะ ตู้เย็นจะแถมให้เฉพาะช่วงโปรเท่านั้น เป็นของ Sumsung
เคาท์เตอร์ครัวด้านล่าง เมื่อเปิดออกมาจะได้ฟังก์ชั่นการใช้งานของตู้ประมาณนี้ค่ะ มีทั้งช่องใส่ของปกติ ใต้ซิงค์ล้างจานเป็นถังขยะติดตั้งมาให้แบบมีฝาปิด ถัดไปเป็นลิ้นชักใส่ช้อนและเตาอบไมโครเวฟของ Electrolux
นอกจากนี้ยังมีลิ้นชักวางของเปียกเพิ่มเติมมาให้ด้วย
ส่วนผนังที่ติดกับเคาท์เตอร์ครัวเป็น Hi gloss สามารถเช็ดทำความสะอาดได้ง่าย ก็อกน้ำและอ่างล้างมือทรงสี่เหลี่ยมของ Teka เช่นเดียวกับห้อง 1 Bedroom แต่พื้นที่ยืนล้างมือ และทำกับข้าวจะกว้างกว่า โดยมีขนาด 0.60 x 2.18 เมตร สูง 0.90 เมตร สามารถยืนประกอบอาหารสบายๆ แถมพื้นที่ด้านข้างเตาไฟฟ้าและข้างอ่างล้างจานก็มีที่ว่างให้วางของเพิ่มได้อีก
ส่วนเตาไฟฟ้าให้ของ Electrolux เหมือนห้อง 1 Bedroom แต่ขนาดใหญ่กว่า
และสามารถตั้งได้หลายหม้อ เลือกขนาดได้ด้วยค่ะ
ตู้ครัวด้านบน เมื่อเปิด-ปิดมา จะได้หน้าตาแบบนี้
ส่วนโต๊ะรับประทานอาหาร โครงการจัดโต๊ะ เก้าอี้ ขนาด 4 ที่นั่งมาให้ดูเป็นไอเดีย ด้านซ้ายมือเหลือพื้นที่ทางเดินขนาด 0.78 เมตร ส่วนทางขวามือเหลือพื้นที่ทางเดิน 0.82 เมตร จะเห็นว่า สามารถเอาเก้าอี้ดึงเข้า-ออก จากโต๊ะได้ไม่คับแคบ
ถัดมาเป็นส่วนของห้องนั่งเล่น ขนาด 3.30 x 4.30 เมตร สามารถวางโซฟาขนาด 3 ที่นั่งแบบนี้ได้พอดีๆ ส่วนอีกด้านก็วางเก้าอี้นั่งเล่นชิวๆได้อีกตัว ระยะดูทีวีประมาณ 2.10 เมตร สามารถวางทีวีขนาด 46-52 นิ้วได้พอดีๆกับระยะสายตาค่ะ
ผนังด้านนี้ของจริงจะเป็นผนังปูนทาสีขาว ที่ติดกับโซฟาสามารถตั้งโต๊ะเขียนหนังสือเล็กๆได้สบายๆ
โต๊ะเขียนหนังสือ หากซื้อในช่วงโปรโมชั่น ชุดโต๊ะเก้าอี้ก็จะมีให้ด้วยนะคะ
มุมมองจากโซฟา หากนั่งมองทีวีก็จะไม่ได้ตรงจุดศูนย์กลางซะทีเดียว เพราะทางซ้ายมือเป็น Corridor ทางเดินไปยังห้องนอน แต่หากติดทีวีให้ชิดผนังห้องสุดแบบนี้ ก็จะได้ระยะที่พอดีๆค่ะ
ผนังของห้องนั่งเล่นด้านนี้จะเป็นกระจกบานเลื่อนเต็มบาน แสงเข้าค่อนข้างดีเลย
ประตูบานเลื่อนจะเลื่อนแบบ 3 ตอนรางเลื่อนอยู่ด้านล่าง ลักษณะนี้เลยค่ะ
เนื่องจากห้องตัวอย่างของทางโครงการทำประตูระเบียงเป็นบาน Fix ไว้ เราจึงถ่ายระเบียงห้องจากในห้องมาให้ดูกัน โดยระเบียงมีขนาด 0.90 x 3.30 เมตร ปูพื้นด้วยกระเบื้องเซรามิค 30 x 30 เซนติเมตร ระเบียง Tempered glass
ด้านนอกสามารถวางเก้าอี้นั่งเล่นแบบนี้ได้ค่ะ
จากระเบียงมองเข้าไปในห้องนอน ก็จะได้มุมมองแบบนี้ มองไปเห็นแอร์แบบฝังฝ้าเพดาน ซึ่งโครงการจะติดตั้งมาให้เลยนะคะ
จากห้องรับแขกจะมี Corridor ทางเดินพาไปยังห้องต่างๆ ซึ่งเราจะพาไปดูกันต่อ โดยเริ่มจากห้องนอนที่ 1 แล้วไปดูห้องน้ำกลางที่อยู่ฝั่งตรงข้าม จากนั้นก็ปิดท้ายด้วย Master Bedroom ค่ะ
บนฝ้าเพดานของห้องนอนทั้งสองห้องมีการติดแอร์ฝังฝ้าไว้ให้ด้วย เราจะได้แบบนี้เลยค่ะ
ห้อง 1 Bedroom ขนาด 2.66 x 2.79 เมตร สามารถวางเตียงขนาด 3 ฟุตครึ่งได้พอดีๆเพราะขนาดห้องไม่ใหญ่มากนัก
พื้นห้องนอนปูด้วยพื้นไม้จริง
พื้นที่ปลายเตียงเหลือระยะเดิน 0.50 เมตร ซึ่งพื้นที่ไม่กว้างมากนัก หากจะติดตั้งทีวีแนะนำให้ติดเป็นทีวีติดผนังแบบนี้จะดีกว่าค่ะ
ผนังของห้องนี้ ด้านหนึ่งจะให้กระจกลามิเนตกรอบอลูมิเนียมเต็มบานสูงถึงฝ้าเพดาน เป็นบาน Fix ทั้งหมด ยกเว้นบานขวามือสุดเป็นหน้าต่างบานกระทุ้ง
พื้นที่ปลายเตียงอีกด้านมีการ Set พื้นที่เข้าไปอีก ทำให้ได้พื้นที่อเนกประสงค์เพิ่ม หากจะวางชั้นวางทีวี แล้วตั้งทีวีไว้ตรงนั้นก็ได้ เพราะมีการติดตั้งเต้ารับรองรับไว้ให้แล้ว หรือจะ Built-in โต๊ะเครื่องแป้ง, โต๊ะเขียนหนังสือก็ได้แล้วแต่ไลฟ์สไตล์เลยค่ะ
ตรงหน้าต่างมีการ Drop ฝ้าเพดานเพื่อให้ติดตั้งรางผ้าม่านให้ด้วยค่ะ
พื้นที่ข้างเตียงมีระยะประมาณ 0.36 เมตร ไม่กว้างมากนัก
ผนังหัวเตียงของจริงจะเป็นผนังปูนทาสีขาวนะคะ ด้านซ้ายมีติดตั้งเต้ารับไว้ให้เผื่อเสียบเครื่องใช้ไฟฟ้า
โดยพื้นที่ทางด้านซ้ายมือ โครงการจะ Built-in ตู้เสื้อผ้าไว้ให้ หน้าบานของจริงจะเป็นบานเลื่อน Hi gloss สีขาว ไม่มีกระจกนะคะ
พอเลื่อนซ้ายเลื่อนขวา ก็จะเห็นลิ้นชักภายในหน้าตาแบบนี้
พื้นที่ข้างเตียงมีขนาด 0.95 เมตร เป็นพื้นที่ที่พอดีๆให้สามารถยืนแต่งตัวได้
ถัดจากห้องนอนจะเป็นห้องน้ำขนาด 1.40 x 1.60 เมตร (เฉพาะพื้นที่ส่วนแห้ง) โดยห้องน้ำนี้มีฟังก์ชั่นค่อนข้างครบทั้งส่วนเปียกและส่วนแห้ง พื้นปูด้วยกระเบื้องเซรามิคขนาด 30 x 30 เซนติเมตร ส่วนผนังปูด้วยกระเบื้องเซรามิค 30 x 60 เซนติเมตร
ชุดเคาท์เตอร์อ่างล้างหน้า ประกอบด้วยกระจกเงาเปิด-ปิดได้ อ่างล้างหน้าทรงสี่เหลี่ยมและก็อกน้ำของ Kohlor พร้อมที่วางของสแตนเลส ส่วนใต้เคาท์เตอร์อ่างล้างหน้าเป็นตู้อเนกประสงค์ ฟังก์ชั่นเหมือนของห้อง 1 Bedroom ทุกอย่างค่ะ
โถสุขภัณฑ์ สายชำระ และที่แขวนกระดาษทิชชู่ของ Kohlor
ตู้อาบน้ำ Tempered glass มีพื้นที่อาบน้ำทั้งหมด 0.78 x 0.80 เมตร
พื้นมีการยกธรณีประตูขึ้นเล็กน้อยกันน้ำออกมาเปียกส่วนแห้ง
ตรงบานประตู มีพลาสติกกันน้ำออกติดมาให้ด้วย
ชุดฝักบัวพร้อม Rain Shower ของ Kohlor ผนังด้านข้างฝักบัว มีการ Drop ลงไปเพื่อให้สามารถวางแชมพู สบู่ หรือผลิตภัณฑ์อาบน้ำอื่นๆได้ด้วย
ถัดมาเป็น Master Bedroom เข้ามาจะเป็นโถงประตู ความกว้างประมาณ 0.96 เมตร
พื้นห้องนี้เป็นพื้นไม้จริงเช่นเดียวกับห้องนอนที่ 1
Master Bedroom ขนาด 3.00 x 3.65 เมตร สามารถวางเตียงขนาด 5 ฟุตแบบนี้ได้สบายๆ
พื้นที่ปลายเตียงเหลือระยะเดิน 0.80 เมตร สามารถเดินได้สบายๆหากจะติดตั้งทีวีแนะนำให้ติดเป็นทีวีติดผนังแบบนี้ ก็จะเหลือพื้นที่เดินกว้างมากขึ้น เพราะหากทำตู้วางทีวีแม้จะใช้ขนาดเล็กสุดสัก 30-40 เซนติเมตร ก็จะทำให้พื้นที่ห้องดูแคบไปทันทีเลย มองตรงไปจะเห็นผนังกระจกเต็มบาน เหมือนห้องนอนที่ 1 เลยค่ะ แสงเข้าค่อนข้างดี
ฝ้าเพดานมีการ Drop เพื่อการติดตั้งผ้าม่าน
พื้นที่มุมห้อง สามารถทำเป็นมุมนั่งเล่นมองวิวได้ด้วยโต๊ะเก้าอี้เล็กๆสักตัว จิบกาแฟตอนเช้านั่งมองวิวเมืองจากตรงนี้ ก็ชิวดีนะคะ
อีกด้านหนึ่งของห้องมีการติดตั้งตู้เสื้อผ้า Built-in มาให้ รูปแบบเหมือนกับห้องอื่นๆคือเป็นตู้บานเลื่อนหน้าบาน Hi gloss สีขาว แต่มีขนาด 0.60 x 1.80 เมตร ความสูงถึงฝ้าเพดาน ขนาดโดยรวมจะค่อนข้างใหญ่กว่าห้องอื่นเล็กน้อย
เมื่อเลื่อนซ้าย-ขวา ออกมาก็จะเห็นฟังก์ชั่นภายในตู้หน้าตาแบบนี้เลยค่ะ
ถัดมาเป็นห้องน้ำในห้อง Master Bedroom ขนาด 1.65 x 2.50 เมตร ฟังก์ชั่นมีการแยกส่วนเปียกส่วนแห้งชัดเจน และมีอ่างอาบน้ำเพิ่มเติมมาให้ด้วย
พื้นของจริงจะเป็นกระเบื้องเซรามิค ขนาด 30 x 30 เมตร มีการปิดคิ้วเพิ่มธรณีประตูขึ้นมาด้วยเล็กน้อย เนื่องจากพื้นห้องนอนเป็นพื้นไม้จริงหากน้ำล้นมาจากห้องน้ำโดนพื้นห้องนอนอาจทำให้ไม้บวมได้
ห้องอาบน้ำ ขนาด 0.80 x 1.65 เมตร มีฉากกั้นห้องให้เป็น Temperde glass ผนังตรงส่วนอาบน้ำมีหน้าต่างให้ด้วย 1 บาน ช่วยให้แสงธรรมชาติเข้าและช่วยระบายอากาศได้เป็นอย่างดีค่ะ
หน้าต่างบานเปิดเป็นกระจกฝ้า กรอบอลูมิเนียม มือจับแบบก้านโยก
ชุดฝักบัวพร้อม Rain Shower ของ Kohlor ผนังด้านข้างฝักบัว มีการ Drop ลงไปเพื่อให้สามารถวางแชมพู สบู่ หรือผลิตภัณฑ์อาบน้ำอื่นๆได้
เคาท์เตอร์อ่างล้างหน้า และสุขภัณฑ์ทั้งหมด เป็นของ Kohlor รวมทั้งวัสดุอื่นๆฟังก์ชั่นเหมือนห้อง 1 Bedroom
ถัดไปเป็นส่วนของอ่างอาบน้ำ
โดยโครงการติดตั้งอ่างอาบน้ำขนาด 0.70 x 1.60 เมตร มาให้
ฝักบัวขนาดพอดีมือค่ะ
**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ
ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 14 July 2015
- ห้อง 1 Bedroom อาคาร A ชั้น 13 ห้อง 1310 เนื้อที่ 34.50 ตร.ม. ราคา 6.449 ล้านบาท หรือ 186,928 บาท/ตร.ม.
- ห้อง 2 Bedroom อาคาร A ชั้น 13 ห้อง 1301 เนื้อที่ 63 ตร.ม. ราคา 11.676 ล้านบาท หรือ 185,333 บาท/ตร.ม.
- ห้อง 3 Bedroom อาคาร A ชั้น 32 ห้อง 3207 เนื้อที่ 85 ตร.ม. ราคา 18.134 ล้านบาท หรือ 213,341 บาท/ตร.ม.
- ห้อง Duplex อาคาร A ชั้น 30 ห้อง 3006 เนื้อที่ 60 ตร.ม. ราคา 13.996 ล้านบาท หรือ 233,267 บาท/ตร.ม.
- ห้อง Penthouse อาคาร A ชั้น 34 ห้อง 3409 เนื้อที่ 132 ตร.ม. ราคา 31.784 ล้านบาท หรือ 240,788 บาท/ตร.ม.
- Fully Furnished / Fully Fitted
- เพดานสูง 2.7 เมตร
- Kitchen & Sink
- Hob & Hood
- จอง 50,000 บาท
- ทำสัญญา 5% ของราคาห้อง
- ดาวน์ 10% ผ่อนดาวน์ 27 งวด
- ค่ากองทุน 600 บาทต่อตารางเมตร
- ค่าส่วนกลาง 60 บาทต่อตารางเมตรต่อเดือน (จ่ายล่วงหน้า 12 เดือน)
**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ
ทำเลของโครงการ Hyde สุขุมวิท 11 เป็นทำเลที่ค่อนข้างสะดวกดีทั้งการเดินทางด้วยรถไฟฟ้าสะดวกในระยะ 450 เมตร ในระยะเดินถึงและยังใกล้กับแหล่งช็อปปิ้งมากมาย เป็นย่านชาวต่างชาติที่มีทั้งโรงแรม ร้านอาหาร สถานบันเทิง ครบครัน แต่ย่านนานาก็เป็นแหล่งของชาวอิสลาม แขกเยอะมาก โดยเฉพาะซอยนานาเหนือ ร้านอาหารบางร้านจึงไม่ขายหมู ต้องระมัดระวังในการสั่งนิดนึงค่ะ
ถ้าโฟกัสที่ตัวซอยสุขุมวิท 11 จะเป็นซอยที่มีโรงแรมและเซอร์วิสอพาร์ทเมนต์เยอะมาก ทั้งโรงแรม The Prime 11 ที่ติดกับโครงการ, โรงแรม Aloft สุขุมวิท, โรงแรม Ambassador, โรงแรม Hyatt Regency Bangkok ซอยนี้จึงไม่ได้มีเฉพาะชาวแขกเท่านั้น แต่จะมาเป็นนานาชาติเลย เพราะเป็นย่านพักอาศัย มี Villa Market และสถานบันเทิงค่อนข้างครบครัน แต่ทำเลยังเป็นด้อย Hyde 11 โครงการรุ่นพี่อยู่เล็กน้อย เพราะเค้าอยู่ต้นซอย ห่างจาก BTS นานาแค่ 100 เมตรและเดินไปขึ้น MRT ได้ในระยะ 350 เมตรเท่านั้น
สำหรับทิศทาง วิว และบริบทโดยรอบ เนื่องจากโครงการอยู่ในโซนใจกลางเมือง จึงไม่แปลกที่จะมีตึกสูงค่อนข้างเยอะและโดนบล็อควิวจากหลายทิศทาง เช่นในทิศเหนือ ที่ติดกับ The Prime 11 อาคารสูง 31 ชั้น ด้านนี้จะโดนบังวิวแบบเต็มๆและห้องที่อยู่ในชั้น 1-8 ก็จะตรงกับอาคารจอดรถของ The Prime11 ด้วย นึกถึงเสียงรถวิ่งขึ้นวิ่งลงไปมา จะค่อนข้างลำบากหน่อย แต่โครงการก็แก้ปัญหาโดยให้ห้องที่อยู่ในทิศนี้ตั้งแต่ชั้น 1-16 Set ตัวเข้าไปในอาคาร จึงช่วยเพิ่มระยะห่างจากตึกของ The Prime 11 ขึ้นมาอีกเล็กน้อย แต่อย่างไรก็ตามก็ยังไม่พ้นถูกบังวิวอยู่ดี ต้องไปลองดูกันนะคะว่าโอเคหรือไม่
ส่วนทิศในทิศตะวันตก จะติดกับอพาร์ทเมนต์ 8 ชั้นและด้านหน้าเป็นถนนสุขุมวิท 11 ที่ฝั่งตรงข้ามเป็นบ้านพักอาศัย 2 ชั้น แต่ตัวยูนิตพักอาศัยในอาคาร A เองก็ยังติดกับอาคาร B ของโครงการที่มีความสูง 8 ชั้น อยู่ดี ดังนั้น การเลือกห้องทางทิศตะวันตกและตะวันออกจึงควรเลือกตั้งแต่ชั้น 9 เป็นต้นไป ถึงจะได้วิวที่ดีโล่งๆสายตาค่ะ แน่นอนว่าทิศทางที่วิวดี ต้องอาศัยตาดีได้ตาร้ายเสีย ในทิศใต้ของอาคารที่ติดกับอาคารพาณิชย์ 4 ชั้น ก็ยังเป็นทิศที่ดูจะโอเคสุดไม่มีตึกสูงบังสายตามากเท่าใดนัก อาจจะมีโรงแรมสลิลที่อยู่ห่างออกไปหน่อย สูงประมาณ 13 ชั้น แต่ก็เป็นแค่จุดนิดเดียว การเลือกห้องทางทิศใต้ตั้งแต่ประมาณช่วงชั้น 5 ขึ้นไปที่ราคาไม่สูงมากและไม่มีตึกบัง ก็เป็นทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจของตึกนี้ค่ะ ส่วนถ้าใครมีงบประมาณใรกระเป๋าเพียงพอที่จะเลือกชั้นสูงๆก็ถือเป็นกำไรค่ะ เพราะยิ่งสูง ยิ่งมองได้กว้าง ยิ่งมีตึกที่บังวิวน้อยลงแน่นอน
การเดินทางโดยใช้รถ หลักๆคือการใช้เส้นทางบนถนนสุขุมวิท ที่ขึ้นขึ้นชื่อเรื่องรถติด แต่เนื่องจากอยู่ในซอยย่อย ซึ่งสามารถเข้า-ออก ได้หลายเส้นทางเพื่อเลี่ยงรถติดในช่วงเวลาเร่งด่วน อย่างเช่นหากมาจากถนนเพชรบุรี ก็สามารถเข้ามาทางซอยนานาเหนือ แล้วเลี้ยวเข้าซอยสุขุมวิท 11 ก็สามารถมาถึงโครงการได้เลย หรือหากมาจากถนนอโศกมนตรี ก็สามารถเลี้ยวเข้ามาทางซอยสุขุมวิท 21 ซอย 1 เลี้ยวขวาเข้าซอยสุขุมวิท 15 หรือซอยร่วมใจ จากนั้นเลี้ยวเข้าซอยสุขุมวิท 13 ก็จะสามารถมีทางทะลุมาที่ซอยสุขุมวิท 11 เพื่อมายังโครงการได้ หลบรถติดจากถนนสุขุมวิทได้ในชั่วโมงเร่งด่วน
การเดินทางโดยไม่ใช้รถ หลักๆคือการเดินทางด้วยรถไฟฟ้า BTS สามารถเดินหรือขึ้นรถไปได้สบายมาก จากโครงการไป BTS นานา แค่ 450 เท่านั้น หากเดินไป ระหว่างทางก็มีของขายเรื่อยๆไม่เปลี่ยว โดยสถานีใกล้เคียงได้แก่ BTS เพลินจิต และ BTS อโศก ซึ่งเป็นสถานี Interchange ไปยัง MRT สุขุมวิทได้ ส่วนการเดินทางอื่นๆในซอยสุขุมวิท 11 จะมี รถมอเตอร์ไซค์รับจ้าง รถตุ๊กๆ รวมทั้งสามล้อสแตนบายตลอดเวลา รถแท๊กซี่ก็มีวิ่งผ่านทั้งวัน ส่วนการโดยสารรถประจำทางสามารถเดินมาขึ้นบนถนนสุขุมวิทได้ มีรถประจำทางวิ่งผ่านหลายสายเลย
ในเรื่องของวัสดุ โครงการก่อสร้างด้วยระบบคอนกรีตเสริมเหล็กและพื้นระบบ Post tension พื้นห้องใช้กระเบื้องแกรนิตโต้ ขนาด 60 x 60 เซนติเมตร ส่วนพื้นห้องนอนใช้พื้นไม้ เนื่องจากโครงการขายทั้งแบบ Fully Fitted และ Fully Furnished จึงขอพูดถึงภาพรวมของทั้งสองแบบนะคะ โดยห้องที่ขายแบบ Fully Fitted จะติดตั้งชุดครัวหน้าบานเป็น Hi gloss สีขาว บานพับเป็นแบบ Soft closed ทั้งหมด อ่างล้างมือและก็อกน้ำของ Teka เตา ที่ดูดควัน และเตาอบไมโครเวฟของ Electrolux, ตู้เย็นแถมมาให้ด้วยของ Sumsung, สุขภัณฑ์ในห้องน้ำให้ของ Kohlor รวมทั้งตู้เสื้อผ้าก็ Built-in มาให้เป็นบาน Hi gloss ทั้งหมด
ส่วนของห้องที่ขายแบบ Fully Furnished จะให้ทุกอย่างเหมือนห้องที่ขายแบบ Fully Fitted แต่จะเพิ่มเติมเฟอร์นิเจอร์ลอยตัวของ Seasons ทั้งหมด ได้แก่ โซฟาขนาด 2 ที่นั่ง, โต๊ะกลาง และเตียง(ไม่รวมฟูก) เหมือนกับห้องตัวอย่างเลย
โครงการออกแบบโดยสถาปนิก A49 โดยมีความต้องการให้เป็นตึก Hyde สุขุมวิท 11 เป็น New Icon แห่งใหม่ของคอนโดในย่านนี้ จึงมีการออกแบบค่อนข้างหวือหวา โดดเด่น และคุม Theme ได้ดี การออกแบบภายนอกโดดเด่นด้วยแท่งปริซึมทั้ง 9 ชั้นที่อยู่ด้านบนยอดตึก ในอนาคตโครงการมีแผนจะเปิดไฟ LED บนยอด จะยิ่งสร้างความสวยงามในยามค่ำคืนมากขึ้น แต่ในเรื่องนี้ต้องรอคุยกับทางลูกบ้านว่าโอเคกับการเปิดไฟหรือไม่นะคะ เพราะอย่าง Hyde 13 โครงการรุ่นพี่ก็มีการวางแผนจะเปิดไฟ LED ที่ยอดตึกเหมือนกัน แต่มีอันต้องยกเลิกไปด้วยมติที่เป็นเอกฉันท์ของลูกบ้านและนิติบุคคล
ส่วน Facade ของอาคารก็มีการเล่นลายต่อเนื่องกับปริซึมทั้ง 9 และใช้ต้นไม้มาตกแต่งอาคารตั้งแต่ตัวยอดตึก ที่วางสวนไว้ในช่องปริซึมบริเวณชั้นดาดฟ้ากระจายๆกันไป ทำให้ได้สวนหลายจุด หลายมุมมอง นอกจากนี้ยังมียูนิตพิเศษที่มีสวนอยู่ที่ระเบียง ทำให้เรามองเข้าไปจะเห็นมีต้นไม้อยู่ที่รูปด้าน รวมทั้งการจัดสวนแนวราบ ที่เป็นตัวเชื่อมต่อระหว่างตึก A กับตึก B ทั้งหมดทั้งมวลเหล่านี้ จึงช่วยสอดแทรกพื้นที่สีเขียวเข้าไปในทุกที่ในอาคารได้เป็นอย่างดี แต่ก็ตามมาด้วยค่าดูแลรักษาที่ไม่น้อยเลย ส่วนการออกแบบอาคารภายในใช้ Mood and Toon สีขาวลายหินอ่อน และ สีทอง ให้อินกับความรู้สึก Luxury เรียบๆหรูๆ ลองนึกถึงความรู้สึกเวลาเดินเข้า Emquartire นี่ประมาณนั้นเลย
การออกแบบฟังก์ชั่นในห้องพักค่อนข้างปรับเปลี่ยนการใช้ง่ายได้ง่าย เช่น ห้องพักแบบ 1 Bedroom จะมีฉากกั้นแบบฝังในผนัง เปิดประตูออกมาก็จะทำให้ห้องนี้สามารถใช้งานห้องนั่งเล่นและห้องนอน ทั้งสองฟังก์ชั่นได้ในเวลาเดียวกัน ส่วนห้องพักแบบ 2 Bedroom เข้าไปจะเจอส่วนครัว ที่มีพื้นที่ตรงกลางสามารถทำเป็นห้องรับประทานอาหารที่เชื่อมต่อกับห้องนั่งเล่นได้
จุดเด่นๆของห้องพักที่มีทุกห้องคือการเห็นความสำคัญของการ Take View จะเห็นว่ามีการออกแบบให้ส่วน Service ผลักมาอยู่ติดกับผนังด้าน Corridor ทางเดินทั้งหมด ทำให้ห้องพักส่วนพักผ่อน เช่น ห้องนอน ห้องรับแขก มีผนังกระจกเต็มบานทุกห้อง สามารถพักผ่อนมองวิวเมืองได้เต็มที่เลยค่ะ
โครงการมีทั้งหมด 2 อาคาร คือ อาคาร A และ B จึงแบ่ง Facilities เป็น 2 ส่วน ซึ่งลูกบ้านสามารถใช้งานได้ทั้งสองตึกเลยนะคะ ตั้งแต่อาคาร A จะมี Lobby อยู่ที่ชั้น 1 ส่วน Facilities หลักๆอยู่ที่ชั้น 37-39 ประกอบด้วยสระว่ายน้ำ, Fitness, ห้องสมุด, สวนส่วนกลาง, ห้องอบไอน้ำ (Steam Room) และห้องเซาวน์น่า (Sauna Room), ห้องเด็กเล่น (Kid’sRoom), ห้องประชุม, ห้องชมภาพยนตร์ (Theatre), ห้องตีกอล์ฟ (Golf simulator), ห้องเกมส์ Game Room), ห้องเอนกประสงค์ (Multi Purposed Room) ส่วนของลิฟต์โดยสารมีทั้งหมด 5 ตัว คิดเป็นอัตราส่วน 96 : 1 ถือว่ากลางๆไม่หนาแน่นมากนัก ลิฟต์ Service 1 ตัว
ส่วนที่อาคาร B จะมี Automatic Car Park ที่ชั้น 2-7 ส่วนที่จอดรถแบบปกติอยู่ที่ชั้นใต้ดิน ลงไปประมาณ 3 ชั้น ที่จอดรถ 276 คัน ไม่รวมจอดซ้อนคัน คิดเป็น 57 % มี Ratail Shop จำนวน 2 shop ที่ชั้น 1 ส่วนชั้นดาดฟ้าจะมีสวนให้เดินเล่นพักผ่อนได้ รวมทั้งระหว่างอาคาร A กับ B จะเชื่อมกันด้วยสวนที่มีทางเดิน ที่นั่ง และกำแพงน้ำตก มีทางเดินเชื่อมจากอาคาร A และ อาคาร B ที่เป็น Semi-Outdoor เวลาจอดรถเสร็จแล้วเดินเข้าอาคาร อาจจะต้องระวังเปียกกันด้วยนะคะ ระบบรักษาความปลอดภัยมีระบบ CCTV 24 ชั่วโมง รอบรั้วโครงการ, Access card, Digital Door Lock , Video Call ทุกห้อง และระบบรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชม.
โดยรวมแล้วโครงการให้ส่วนกลางมาค่อนข้างเยอะ หลากหลาย แต่ไม่ใหญ่มาก เพราะแต่ละจุดจะอยู่แบบกระจาย สามารถเลือกใช้งานแต่ละที่ได้ไม่จำเจ เหมาะกับคนที่ชอบปรับเปลี่ยนพื้นที่ไปเรื่อยๆ เช่นวันนี้อยากไปสวนชั้น 37 พรุ่งนี้อยากไปสวนชั้น 39 ก็เปลี่ยนที่ เปลี่ยนวิวได้ และด้วยส่วนกลางที่หลากหลาย จึงมากับค่าส่วนกลางที่ต้องต้องสมน้ำสมเนื้อ ถ้าดูจากราคา 60 บาท/ ตารางเมตร กับการต้องดูแลงานระบบต่างๆของอาคาร, ค่าดูแลระบบ Automatic Parking, ค่าดูแลสวนให้คงความสวยงามในทุกชั้น, ค่าแม่บ้าน รวมทั้งห้องพิเศษๆ อย่างเช่น ห้องดูหนัง, ห้อง Golf Simulator หรือห้องเล่นเกมส์ที่ต้องดูแลโปรแกรมเป็นพิเศษ ถ้าเทียบกับจำนวนที่พักอาศัย 478 ยูนิตแล้ว ก็ถือว่ากลางๆไม่ถึงกับหนาแน่นมาก และ 60 บาทต่อตารางเมตรต่อเดือน ก็เป็นราคาที่น่าจ่าย ไม่มากไม่น้อยไปนะคะ
Judgement
การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้
ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%
เทียบกับราคา 160,000-240,000 บาท/ตร.ม., 14 July 2015
- ทำเล 7.75/10 -มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบ ทั้งร้านอาหาร สถานบันเทิง ช่วงหัวค่ำถึงมืดๆคนพลุกพล่านมาก
- เดินทางด้วยรถ 7.5/10 -สามารถเข้า-ออกได้หลักๆจากถนนสุขุมวิทซึ่ง #รถติดหนักมาก แต่ก็มีทางลัดเลาะเลี่ยงรถติดได้ทั้งมาจากถนนเพชรบุรี และถนนอโศกมนตรีก็ได้ แต่หักคะแนนตรงที่ให้ที่จอดรถน้อยไปหน่อย
- ไม่ใช้รถ 7.5/10 -สามารถเดินไปขึ้น BTS นานาได้ในระยะ 450 เมตร ในซอยมีรถแท๊กซี่, มอเตอร์ไซค์, สามล้อวิ่งผ่านตลอดเวลา
- วัสดุ 7.75/10 – ให้วัสดุมาค่อนข้างโอเค เฟอร์นิเจอร์ Built-in ออกแบบมาลงตัว
- แบบ 8/10 -แบบสวย ปรับเปลี่ยนการใช้งานได้ง่าย ห้องพัก Take วิวได้เต็มขั้นทุกห้อง
- สาธารณูปโภค 8/10 -ให้มากระจายตัวและทั่วถึง มีฟังก์ชั่นสนุกๆเยอะ เช่น ห้องดูหนัง ห้องตีกอล์ฟ ห้องเล่นเกมส์
- LUXUARY CLASS
- 7.73 / 10.00
BOTTOM LINE
โครงการ Hyde Sukhumvit 11 เหมาะกับคนที่มองหาคอนโดใกล้รถไฟฟ้าในย่านสุขุมวิท ทำงานหรือใช้ชีวิตอยู่ในย่านเพลินจิต นานา อโศก ไม่กังวลเรื่องความพลุกพล่าน ชอบอาคารสไตล์โมเดิร์นหรูหราและหวือหวา Facilities จัดเต็ม เดินทางด้วยรถส่วนตัวและรถไฟฟ้าพอๆกัน มีงบประมาณ 5.36-31.57 ล้านบาท หรือมีกำลังผ่อนต่อเดือนประมาณ 37,520-220,990 บาท
ถ้ามีความเห็นว่ารีวิวตัวนี้มีประโยชน์ ช่วยกด LIKE ให้หน่อยนะคะ จะได้มีกำลังใจในการทำรีวิวต่อไป
สมัครสมาชิก www.thinkofliving.com พร้อมรับข่าวสารเพิ่มเติม คลิกที่นี่ https://thinkofliving.com/register/