สวัสดีมิตรรักแฟนเพจอีกครั้ง รีวิวฉบับที่ 581 ฝนมารายงานตัวกับโครงการ H Cape Biz Sector @ อ่อนนุช ดูจากชื่อแล้ว ไม่เหมือนกับบ้านพักอาศัยที่เราคุ้นเคยกันใช่ไหมค่ะ … คราวนี้ฝนมารีวิว เจาะลึก Home Office จากค่าย Happy Land ซึ่งนอกจากสวนสนุกที่ทุกคนคุ้นชื่อ ชาวบางกะปิต้องรู้จักตลาด ตลาดแฮปปี้แลนด์ เป็นแน่ โดย H Cape Biz Sector @ อ่อนนุช ที่ตั้งอยู่ในย่านชานเมืองแต่เป็นทำเลที่เข้าเมืองออกเมืองสะดวกเพราะติดกับช่วงทางขึ้นลงของวงแหวนรอบนอกฝั่งตะวันออก อยู่บนถนนสุขาภิบาล 2 ซึ่งตัวโครงการสามารถมองเห็นได้จากถนนวงแหวนได้ง่าย หน้าตานั้นก็ทันสมัยกว่ารูปแบบอาคารพาณิชย์ที่เป็นห้องแถวทั่วไปค่ะ ดเน้นการใช้งานแบบค้าขายมากกว่าอยู่อาศัย ดังนั้นการรีวิวและให้คะแนนฉบับนี้จะเป็นการเปรียบเทียบในเชิง Commercial มากกว่านะ ไปดูรายละเอียดกัน
Fact @ 9 May 2014
- H Cape Biz Sector @ On-nut ( เอซ เคป บิซ เซกเตอร์ แอท อ่อนนุช )
- บริษัท แฮปปี้แลนด์ จำกัด
- Segment : HIGH CLASS
- โครงการตั้งอยู่ในเขต : ประเวศ
- เนื้อที่โครงการ 9 ไร่
- โฮมออฟฟิศ 3.5 ชั้น จำนวน 60 ยูนิต
- Type S ที่ดินขนาด 22-40 ตารางวา พื้นที่ใช้สอย 260 ตร.ม. หน้ากว้าง 5.5 เมตร ลึก 12.75 เมตร
- Type M ที่ดินขนาด 33-35 ตารางวา พื้นที่ใช้สอย 295 ตร.ม. หน้ากว้าง 5.5 เมตร ลึก 15.45 เมตร
- Type L ที่ดินขนาด 35-45 ตารางวา พื้นที่ใช้สอย 325 ตร.ม. หน้ากว้าง 5.5 เมตร ลึก 17.45 เมตร
- ฝ้าเพดานสูง 2.6 เมตร และ 5.5 เมตร
- ที่ดิน 22-45 ตารางวา
- ราคาเริ่มต้น 9.7 ล้านบาทหรือ 440,909 บาท/ตร.วา
- คาดว่าแล้วเสร็จทั้งโครงการ ปลายปี 2557
- http://www.hcape.com/bizsector/
- Call Center : 021089888
ช่วยกันคอมเม้นท์ แบ่งปันข้อมูลกับเพื่อนๆกันนะคะ
New! สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างค่ะ
เจาะลึกเรื่องทำเลที่ตั้ง
แผนที่จากโครงการ จะเห็นว่าโครงการนั้นตั้งอยู่ตรงหัวมุมของทางลงวงแหวนตะวันตกเข้าสู่ถนนสุขาภิบาล 2
จุดที่ตั้งของโครงการนั้นอยู่บริเวณทางขึ้นลงถนนวงแหวนกาญจนาภิเษก ตั้งอยู่บนถนนสุขาภิบาล 2 ค่ะ ทำเลนั้นจะอยู่มาทางกรุงเทพฯฝั่งตะวันออก โดยสถานที่สำคัญสำหรับอาคารลักษณะ Home Office เห็นจะไม่พ้นจุดรวมของระบบขนส่งต่างๆค่ะ จากแผนที่จะเห็นว่าอยู่ใกล้สนามบินสุวรรณภูมิ ห่างมาประมาณ 10 กิโลเมตร การเดินทางเข้าตัวเมืองอย่างสุขุมวิทสามารถใช้ถนนอ่อนนุช (สุขุมวิท 77) ตรงเข้าเมืองได้ อีกจุดที่เป็นย่านฮิตในการติดต่อธุรกิจคือย่านบางนา นอกจากศูนย์ประชุม ศูนย์การค้า ยังมีท่าเรืออีก ส่วนใครที่จะติดต่อธุรกิจจากทางต่างจังหวัดด้วยทำเลชานเมืองเป็นจุดที่ไม่ไกลในการออกเดินทาง ซึ่งทั้งหมดสามารถเชื่อมได้ด้วยโครงค่ายทางด่วนหรือวงแหวน
การเดินทางมาที่โครงการนั้น ตัวเลือกของการใช้รถยนต์ส่วนบุคคล จะสะดวกที่สุดค่ะ โดยรอบนั้นไม่ได้มีสิ่งอำนวยความสะดวกเหมือนในเมืองนะ โดยรอบจะเป็นหอพัก ตึกแถว ตลาด ห้างสรรพสินค้าที่ใกล้ที่สุดเป็น Community Mall ตั้งอยู่บนถนนลาดกระบัง คือ Paseo ค่ะ แต่ขนาดไม่ได้ใหญ่มากเท่าไหร่ พอพึ่งพาได้ แต่ถ้าอยากพาลูกค้าไปคุยเปลี่ยนบรรยากาศอาหารหลากหลาย ก็ต้องเขยิบไปเส้นศรีนครินทร์ที่มี Seacon Square , Paradise และ โรงแรมดุสิต เอาไว้รับรองผู้มาติดต่องานได้เหมือนกัน ส่วนของการเดินทางด้วยระบบราง จะมีใกล้สุดก็ Airport Link สถานีบ้านทับช้าง ไม่ห่างจากที่ตั้งโครงการเท่าไหร่ค่ะ
เข้าสู่เรื่องเส้นทางการเดินทางกันต่อ
- เส้นทางแรก มาจากทางบางนาหรือทางพิเศษบูรพาวิถี เข้าวงแหวนกาญจนาฯ และวนมาลงที่ถนนอ่อนนุช-ลาดกระบัง
- เส้นทางถัดมาก คือมาจากทางลาดกระบัง หรือ สนามบินสุวรรณภูมิ ตรงมาเข้าถนนลาดกระบังและเลี้ยวผ่านสามแยกมาทางขึ้นวงแหวน ตัวโครงการอยู่ตรงทางขึ้น-ลง
- เส้นทางที่ 3 สำหรับคนที่เดินทางจากสุขุมวิท ตอนปลายเข้ามาในเมืองใช้อ่อนนุชตรงมาเรื่อยๆ และเลี้ยวผ่านสามแยกมาทางขึ้นวงแหวน ตัวโครงการอยู่ตรงทางขึ้น-ลง
- เส้นทางที่ 4 (ฝนเลือกใช้ทางนี้ค่ะ) มาจากพระราม 9 หรือทางด่วน เข้า Motor Way เลี้ยวขึ้นกาญจนาฯ ลงทางแยกถนนอ่อนนุช-ลาดกระบัง เข้าสู่ถนนสุขาภิบาล 2
เส้นทางวันนี้ที่ฝนเลือกใช้คือ ถนนพระราม 9 มุ่งหน้าไปทาง Motor Way ค่ะ
ขับมาเรื่อยๆ ซ้ายมือเป็น Community mall ย่านนี้ The Nine
มุ่งหน้าตรงไปทาง ชลบุรี ค่ะ
เข้าสู่ Motor Way ตรงอย่างเดียว
พอเห็นป้ายทางออกถนนกาญจนาภิเษก ให้เตรียมอยู่ช่องกลางๆไว้เผื่อชิดซ้าย
เราจะไปทางบางนานะคะ
ตามป้าย บางนา ไปเลย ซึ่งจะเป็นทางออกเบี่ยงไปบางปะอินได้ ใครจะไปสุวรรณภูมิก็แค่ตรงไป
จากนั้นเราก็ยึดเส้น บางนา ค่ะ จะเห็นมีป้ายบอกไปถนนอ่อนนุช (ประเวศ)
พอเข้าถนนกาญจนาฯได้นิดนึงจะเจอสะพานเปลี่ยนระดับและเราเลี้ยวเตรียมมาลงที่ถนนอ่อนนุช-ลาดกระบังค่ะ
จากทางลงเราจะเห็นเลยแหละว่าโครงการ H Cape BizSector จะอยู่ตรงทางขึ้นลงฝั่งขวานะคะ ส่วนฝั่งซ้ายเค้าขายหมดไปนานแล้วเป็นโครงการแรก อยู่ตรงข้ามกันเลย
ทางสามแยกตรงนี้เราจะเลี้ยวขวานะคะ โครงการจะอยู่หัวมุมเลย นับว่าเป็นจุดที่เห็นชัดมาก
เลี้ยวเข้าสู่ถนนสุขาภิบาล 2 ค่ะ ถ้าตรงไปเรื่อยๆจะไปเชื่อมกับถนนกาญจนาภิเษกค่ะ ภายในซอยเพิ่งจะทำถนนไม่นาน มีหมู่บ้านเยอะเลยส่วนใหญ่เป็นบ้านเดี่ยว และหอพัก
บรรยากาศภายในถนนสุขาภิบาล 2 ค่ะ เป็นถนนที่จะตัดใหม่ได้ไม่นาน ไม่ได้มีสิ่งอำนวยความสะดวกให้หยิบจับเท่าไหร่
Hyper Market ที่ใกล้สุดก็อยู่ห่างจากโครงการมาประมาณ 1.5 กิโลเมตร
ถ้าออกมาทางถนนลาดกระบัง กลับรถไปก็ Paseo ค่ะ ประมาณ 3 กิโลเมตร (แต่ช่วงกลางวันนี่คนเยอะที่จอดเต็มนะ)
จากที่ตั้งผังของโครงการนั้นจะเห็นว่าตัวโครงการอยู่บริเวณจุดที่เป็นหัวมุมของทางขึ้นลง วงแหวนพอดี ซึ่งในแง่ของอาคารเชิงพาณิชย์แล้ว ดีต่อการเข้าถึงและเห็นได้ชัดมาก ส่วนนึงของโครงการสามารถใช้เป็น Home Office ด้วย ดังนั้นในแง่การอยู่อาศัยนั้น ฝั่งที่หันไปทางทิศตะวันตก ด้านที่มีบึงนั้น แดดจะร้อนแต่มีลมพัดผ่านบึง ช่วยให้ไม่อึดอัดมาก แต่ว่าฝั่งนี้ทางโครงการมีนโยบายจะขึ้นป้ายโฆษณาสำหรับร้านค้าภายในคะ *โดยรายละเอียดนั้นยังไม่แน่นอนต้องสอบถามกับทางโครงการอีกที* ดังนั้นแล้วเรื่องวิวและลมอาจโดนบังได้ ส่วนฝั่งที่หันเข้าถนนสุขาภิบาล 2 หรือทิศตะวันออกนั้นจะพลุกพล่านมากกว่าเนื่องจากติดถนนใหญ่ และมีสถานที่ประมูลรถอยู่ตรงกันข้าม เป็นทิศหน้าโครงการเลย
การเลือกสถานที่ลักษณะอาคารห้องแถวมาประกอบธุรกิจนั้นค่อนข้างแตกต่างจากการเลือกเพื่ออยู่อาศัย ปัจจัยแรกที่สำคัญและเห็นได้ชัดคือ เรื่องมุมมองที่คนด้านนอกมองเห็น แน่นอนว่า ทำเลของร้านค้า ห้องหัวมุมมักจะได้เปรียบเสมอเพราะมีด้านที่ให้โชว์ถึง 2 ด้าน มองเห็นได้ชัดเจน ซึ่งถ้าวิเคราะห์ดูดีๆแล้วจะเห็นว่า มีมุมที่มาจากถนนสุขาภิบาล 2 จะเป็นมุมอับไม่คึกคักเมื่อเทียบกับมุมต่างๆค่ะ แลตัวผังภายในโครงการก็ออกแบบมามองเห็นร้านค้ารอบด้านเมื่อเข้าไป ที่สำคัญนอกจามุมมองนั้นคือเรื่องถนนที่ตัดผ่าน โครงการเกิดความพลุกพล่าน คนเห็นเยอะ เข้าถึงง่าย เดินทางติดต่อสะดวก และที่จอดรถค่ะ ซึ่งที่ H Cape สามารถจอดรถได้ 240 คันนับแบบซ้อนคันแล้วนะคะ โดยสำหรับผู้ที่ซื้อจะได้รับสติกเกอร์หลังละ 2 ใบในการเข้าออก สามารถซื้อเพิ่มได้ จะมีแต่ บล็อค ด้านหน้าที่ติดถนนสุขาภิบาล 2 ที่จะจอดรถได้บริเวณในโครงการและหน้าโครงการรวมเป็น 4 คัน
ภาพนี้จะเป็นวิวที่ลงมาจากทางลงถนนกาญจนาภิเษก ซึ่งจะสามารถเห็นโครงการเลย
พอเลี้ยวโค้งเข้ามาจะเห็น 2 บล็อค ทิศเหนือชัดเจนมาก
ส่วนภาพนี้ ฝนจำลองให้ดูนะว่าถ้าเราขับอยู่บนวงแหวนกาญจนาภิเษกฯ ก็สามารถมองเห็นโครงการได้เช่นกัน
ส่วนมุมที่ขับมาจากถนนสุขาภิบาล 2 จะเห็นวิวลักษณะนี้ซึ่งจะเห็นเป็นด้านข้างที่เป็นรั้วโครงการและตัวอาคาร ด้านปะทะน้อยกว่าเค้าเพื่อน
จากนั้นเรามาดูผังของโครงการกันนะคะ จากผังจะเห็นว่า โครงการจะมีทั้งหมด 3 ขนาด หรือ 3 Type นั่นเอง โดยไล่จาก S,M,L เล็กไปใหญ่ หน้ากว้างทั้ง 3 Type เท่ากันคือ 5.5 เมตร แตกต่างกันที่ความลึกค่ะ คือ 12.45,15.45,17.45 เมตร โดย Size M และ L ที่อยู่ด้านหน้าโครงการเลยจะมีความพิเศษตรงที่มีทางเข้าออกได้ 2 ทางค่ะ จากหน้าและในโครงการ ซึ่งเหมาะกับร้านที่เปิดเพื่อมีคนมาติดต่อสะดวก มีหน้าร้าน ในส่วน Size S ด้านติดฝั่งทางลงถนนกาญจนาภิเษกนั้น จะเป็น Size S ที่มีเนื้อที่ดินใหญ่กว่าขนาดปกติ (มีพื้นที่หลังบ้านนั่นเอง) และ Size S ที่มีจำนวนเยอะที่สุดนั้น อยู่ด้านในโครงการค่ะ ซึ่งเหมาะสำหรับทำร้าน โฮมออฟฟิศ เนื่องจากผังรวมตั้งใจออกแบบมาเพื่อให้มุมมองของผู้ที่เข้ามาเห็นร้านได้วิว ทั้งหมด จึงมีผังเป็นรูปตัว U อย่างที่เห็นในภาพ และที่เห็นจะเป็นจุดเด่นเลยสำหรับโครงการนี้คือเรื่องระบบกำจัดขยะนั่นเอง จากในผังจะมีจุดรวมขยะไว้ 2 จุดค่ะ
ส่วนเรื่องหน้าตานั้น ขอบอกได้เลยว่า ใหม่ มาก สำหรับระบบนี้ในบ้านเรา โดยเป็นระบบที่ Happy Land คิดค้นขึ้นมาเพื่อรองรับปัญหาที่เกิดจากขยะทั้งหลาย โดยตัวระบบนี้จะเป็นลักษณะเหมือนถังขยะปกติเอาไว้หย่อนขยะทิ้งลงไปบ่อด้านล่าง มีการออกแบบ Landscape เพื่อบดบังสายตา
ดูภาพจากอีกมุมนึง ขนาดพอๆกับถังขยะธรรมดานี่เอง ซึ่งจากการที่ Happy Land มีตลาดดังย่านบางกะปิ ทำให้นำความรู้ด้านการจัดการขยะมาใช้ในโครงการนี้ด้วย จึงไม่จำเป็นต้องมีถังขยะมากองหน้าร้านใคร บดบังสินค้าหรือหน้าร้านไม่เรียบร้อย
โดยมีลักษณะการทำงานที่อัติโนมัติคือจะมีไฟบอกสัญญาณว่า เต็มหรือไม่ สีเขียว คือสามารถทิ้งได้และสีแดงคือเต็มแล้ว โดยภายในบ่อจะมีการพ่นเสปร์ยกำจัดกลิ่น และเมื่อครบกำหนดรถขยะเข้ามาเก็บ จะมีระบบไฮโดรลิคยกบ่อขึ้นมาเพื่อให้เก็บได้สะดวกขึ้นค่ะ
มาดูที่โมเดลจำลองนะคะ อาคารเรียงตัวเป็นรูปตัว U
บริเวณสามแยกเป็นจุดทางขึ้น ลง วงแหวนกาญจนาและ ถนนสุขาภิบาล 2
หัวมุมของที่ดิน จะเป็นบริเวณที่ตั้งของส่วนกลางค่ะ ประกอบด้วย ศาลพระพรหม นิติบุคคล และ ป้ายชื่อร้าน โดยคนสามารถเดินเข้าไปได้ในตัวโครงการ จะมีรปภ.คอยดูแลเรื่องความปลอดภัย
ทางเข้าออกรถทางเดียวจะเป็นทางนี้
บล็ค ที่อยู่ติดกับถนนสุขาภิบาล 2 จอดรถด้านหน้าและด้านในโครงการได้
มาดูอีกที ว่าอาคารเรียงตัวแบบนี้
สอง บล็อคนี้จะมีแนวรั้วโครงการกั้นออกจากภายนอกนะคะ คนไม่สามารถเดินเข้าไปได้ เป็น Size S ที่มีที่ดินขนาดใหญ่ (ที่ข้างหลังนี่แหละค่ะ)
ส่วนรูปด้านของอาคารนั้นก็ไม่ทื่อๆนะ มีลูกเล่น ใช้อลูมิเนียมคอมโพสิทมาตกแต่งด้วย
มาที่ของจริงกันค่ะ ตัวโครงการ ขายไปได้ 40-50 % แล้ว มี Sales Gallery อยู่สามารถติดต่อได้ตามเวลา
บริเวณด้านหน้าของ บล็อคที่สามารถจอดรถได้จะเชื่อมกับทางเท้าของ กทม.
ซึ่งทางโครงการมีนโยบายนะว่าจะปรับให้เป็นทางลาดให้รถสามารถขับปีนมาได้ แต่ก็ต้องดูกันต่อไป อยู่ในช่วงประสานงานค่ะ
ฝั่งตรงข้ามก็เป็นที่ประมูลรถ
บริเวณทางเข้ามี Sky tube สีส้มๆ วางอยู่
ทางเข้าโครงการจะแบ่งซ้ายขวาเข้าออกตามปกติ
ทางเข้ากว้างค่ะ สามารถเดินเข้าได้เหมือนกัน
มีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย และมี CCTV ติดไว้อีกชั้น (CCTV มีแค่บริเวณนี้ค่ะ)
เข้ามาแล้ว แยกซ้าย ขวาได้ เราจะเห็นมุมมองแบบนี้เลยด้วยความที่ผังเป็นรูปตัว U ซึ่งเห็นเกือบครบทุกยูนิต
จะเห็นว่าพื้นถนนก็ เป็น Pave Asphalt คงทนกว่าคอนกรีตทั่วไป และมีลวดลายสวยงามแต่ต้องหมั่นทำความสะอาดหน่อยนะ
พื้นที่มุมตรงนั้นเป็นระบบกำจัดขยะที่กำลังเริ่มลงมือทำแล้ว
ถนนที่โครงการเนี่ยก็กว้างค่ะ ตรงนี้ 10 เมตร
สามารถเดินเข้าออกผ่านหน้านิติฯตรงนี้ได้
ป้ายที่ตั้งก็จะอยู่บริเวณหัวมุมเลย
ภายในโครงการบรรยากาศค่อนข้างดีนะคะ มีผู้ประกอบการบางเจ้าเริ่มเข้ามาตกแต่งแล้ว
งานสายไฟนั้นจะเดินเรียบร้อยค่ะ เดินตามท้องกันสาดที่ยื่นออกมา หุ้มด้วยอลูมิเนียมคอมโพสิทอีกที ที่ว่างระหว่างบล็อคนั้นจะจัดเป็นสวนค่ะ
มาดูภาพมุมสูงในโครงการหน่อย ด้านซ้ายนี่ก็กำลังก่อสร้างค่ะ
บรรยากาศภายในโครงการ
ตำแหน่งระบบกำจัดขยะ
U Shape ดูได้ 180 องศา ซึ่งประเภทธุรกิจที่จะมาเปิดที่โครงการนั้น ห้ามเป็นประเภทที่ก่อความเดือดร้อน เสียง มลพิษต่อผู้อยู่อาศัยร่วมด้านข้าง รวมถึงนำมาเป็นโกดังเก็บของ อู่รถยนต์ ค่ะ (แต่สามารถใช้เป็น Showroom ได้นะ)
สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก
- ระบบกำจัดขยะใต้ดิน (คิดค้นโดย Happy Land)
- Key Card Access
- รั้วกั้นไม้กระดก
- ระบบ CCTV ที่ Main Gate และมุมรั้วรอบโครงการ
- รั้วโครงการสูงประมาณ 2.5 เมตร
- เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย
บ้านตัวอย่างที่ฝนจะพามาดูนั้นเป็น Size M กว้าง 5.5 เมตร ลึก 15.45 เมตร เนื้อที่ 295 ตารางเมตรค่ะ สามารถเข้าออกได้ 2 ฝั่ง
ผังชั้น 1 จากภาพด้านบน จะเป็น 2 หลังนะคะ ซ้ายคือ หลังที่ใส่เฟอร์นิเจอร์มาเป็นแนวทาง ส่วนขวาคือแบบบ้านเปล่าค่ะ ชั้นนี้เหมาะจะทำเป็นส่วนติดต่อ นั่งคอยและเยี่ยมชม เล็กๆ ห้องน้ำ 1 ห้องโดยหน้าบ้านสามารถจอดรถได้ฝั่งละ 2 คัน Type ติดหน้าโครงการพิเศษตรงนี้แหละ
ส่วนของชั้นลอย ก็เป็นพื้นที่โล่งเชื่อมกับชั้น 1 ใครที่อยากประหยัดแอร์แนะนำให้กั้นกระจกนะคะ
ชั้น 2 แบ่งเป็นพื้นที่ทำงานได้กว้างขวางอยู่มีห้องน้ำที่ชั้นนี้เช่นกัน
ส่วนของชั้น 3 พื้นที่เหมือนกับชั้น 2 เลยค่ะ แค่จัดผังตามการใช้งานของเรา
โดยรูปแบบของหน้าตาอาคารเนี่ย มีให้เลือก 2 แบบคือ แบบ Window Display และแบบมีระเบียง ซึ่งก็เหมาะกับธุรกิจประเภทต่างกันไปนะ
ประตูกระจกบานเปิดคู่ไม่มีเฟรมแบบนี้ โล่งเห็นภายในชัดเจน
ด้านหน้ามี VDO Door Phone เอาไว้ติดต่อกับภายใน
โคมไฟที่ให้มาหน้าตาแบบนี้
เข้ามาด้านใน จัดเป็น Reception ค่ะ จะเห็นว่า มองทะลุไปถึงทางเข้าอีกข้าง
พื้นที่ส่วนนี้เปิดโล่งไปถึงชั้นลอย สูงรวม 6.6 เมตร
แบ่งเป็นห้องประชุมเล็กๆได้แบบนี้
สองมุม
กั้นออกจากกันได้เพิ่มความเป็นส่วนตัว
ออกไปทางด้านหลังได้
มีห้องน้ำ 1 ห้องค่ะ
เป็นแบบ Powder room
ด้านหลังโครงการก็เป็นด้านหน้าโครงการได้เหมือนกันนะ เมื่อมองจากด้านใน ตำแหน่งแบบนี้มีด้านหน้า 2 ฝั่งเลย
ฝั่งด้านนี้โล่งไปถึงชั้นลอยเช่นกัน
กั้นแยกโซนไว้ประหยัดแอร์
ชั้นล่างปูด้วย กระเบื้อง Granite 60×60 ซม.
ขึ้นไปชั้นลอยค่ะ
พื้นบันไดจะเป็นไม้จริงนะคะ ไม่ใช่แบบนี้ ราวจับเช่นกัน
พอขึ้นมา ก็ตกแต่งมาเป็นพื้นที่นั่งรอ หรือนั่งหารือ ปรึกษางาน
โดยมีจุดควบคุมแผง VDO Door Phone อยู่ที่ชั้นนี้
บรรยากาศมุมต่างๆ
สามารถมองลงไปข้างล่าง เห็นว่ามีการเคลื่อนไหว ใครมา ได้
อีกมุม
มองลงได้เช่นกัน
ส่วนของชานพักบันไดยังมีชานพักแบบ สามเหลี่ยมนะ
ไฟบันไดที่ให้เป็นไฟติดผนังค่ะ
จะมีตัวจับความเคลื่อนไหวเพื่อเปิดปิดไฟบันไดอัตโนมัติ
หน้าตาราวจับบันไดจะไม่ใช่แบบนี้แหละ จะมีการเปลี่ยนแปลงจากบ้านตัวอย่าง เดี๋ยวมีถ่ายบ้านจริงมาให้ดูด้วยค่ะ พื้นชั้นบนจะเป็นลามิเนท
บรรยากาศจัดเป็นออฟฟิศได้หลายโต๊ะและดูไม่อึดอัดนะคะ
มีระเบียงที่เปิดไปมองภายในโครงการได้ ตัวเฟรมหน้าต่างเป็น อลูมิเนียมสีดำและกระจกเขียวตัดแสง
ระเบียงลดระดับลงมา 5 เซนติเมตร เป็นพื้นกระเบื้อง
วางคอมฯแอร์ได้
ระเบียงมีพื้นที่เว้าแบบนี้ด้วย เอาคอมฯแอร์มาชิดตรงนี้จะได้เพิ่มพื้นที่ระเบียง
มองไปที่ในโครงการค่ะ จะเห็นได้เป็นมุมแบบนี้ฝั่งตรงข้าม
ผนังอาคารนอกจากเป็นทาสีแล้วยังมีส่วนของ อลูมิเนียมคอมโพสิทผสมอยู่ด้วย
ส่วนห้องน้ำ มีอ่างล้างมือ
มีโถปัสสาวะชาย หญิง ใช้สุขภัณฑ์ของ Nahm
มาดูอีกฝั่ง จัดเป็นแบบห้องระดมสมอง มีระเบียงออกไปข้างนอกเช่นกัน
มาที่ชั้น 3 ค่ะ ชั้นนี้ทางโครงการตกแต่งออกมาเป็นแบบห้องทำงานส่วนตัว เป็นหลายห้อง
มีห้องน้ำในชั้นนี้
มีส่วนอาบน้ำด้วย จะปรับเป็นห้องนอนได้เลยสำหรับการทำ โฮมออฟฟิศ
มีระเบียงมองไปฝั่งในโครงการ
แบ่งพื้นที่เป็น Pantry
ห้องทำงานส่วนตัว 2 ห้อง
ห้องทำงานแบบ Open plan
อีกมุม
มีระเบียงเช่นเดิมค่ะ
มองออกไปเห็นสถานที่ประมูลรถ Manhiem
Product Walkthrough : Bare house
มาที่บ้านมาตรฐานค่ะ หลังที่มาดูจะขนาดเล็กนะ Size S คือ สั้นกว่าเค้าเพื่อน ภายในก็โล่งๆแบบนี้
พื้นระเบียงและพื้นในบ้านต่างระดับกันประมาณ 10-15 เซนติเมตร
ตำแหน่ง VDO Door Phone ค่ะ ตอนที่ไปทางโครงการกำลังเดินสายไฟอยู่
ภายในบริเวณที่เปิดโล่งจะมีโคมไฟแบบนี้ให้ 2 ชุด
ปลั๊กจะเป็นแบบฝังพื้นค่ะ
ปุ่มเปิดปิดประตูและสวิตช์ไฟ
มีที่เก็บของใต้บันได
ส่วนหลังบ้าน ก็ทำเป็นครัวได้ มีงานระบบเดินไว้
ห้องน้ำ
ด้านหลังบ้าน ยังไม่เรียบร้อยเท่าไหร่ เก็บงานกันอยู่
โครงการมีถังน้ำบนดินและปั๊มน้ำให้
หลังนี้ซื้อแล้วทำเชื่อมกันเลยมีประตูด้านข้าง
โคมไฟดาว์นไลท์แบบใส่หลอดเกลียว และ ตัวจับความเคลื่อนไหวเพื่อเปิดปิดไฟ
ราวจับบันไดใช้แสตนเลสแบบนี้
แต่พอชั้นบนก็เป็นเป็นราวจับไม้กับกระจกแทน
ชั้นลอย
จุดควบคุมงานระบบต่างๆ
ที่นี่มีระบบ Home Automation ด้วยนะคะ ใช้ของ Schneder ซึ่งสามารถควบคุมการปิด เปิดไฟ แบบ ระยะไกลหรือจาก Application ได้
เราว่า ราวบันไดช่วงนี้ยุ่บยั่บไปหมด
ไฟบันไดที่ลิงค์กับตัวจับความเคลื่อนไหว
ชั้น 2 ค่ะ แบบที่มาดูเป็นแบบ Window Display ค่ะ ดังนั้นจะไม่มีระเบียง
มีไฟติดเพดานแบบนี้เอาไว้ส่องของ
ช่อง Shaft
บรรยากาศภายใน
ห้องน้ำ
ด้านหลังก็มีระเบียงออกไปใช้งานได้ค่ะแต่ไม่ใหญ่มาก
ด้านนี้ทิศตะวันตกนะคะ ติดกับบึงแบบนี้ หันหน้าไปทาง กาญจนาภิเษก
ชั้น 3 ค่ะ
ตัวโครงการ H Cape BizSector @ อ่อนนุช เป็น Office Building อยู่ในฝั่งกรุงเทพฯตะวันออก บนถนนสุขาภิบาล 2 และตัดกับทางขึ้นลงของวงแหวนกาญจนาฯ เป็นทำเลที่ดี เหมาะสำหรับการทำธุรกิจที่มีหน้าร้าน โดยเฉพาะธุรกิจประเภท Import-Export เพราะใกล้สนามบินสุวรรณภูมิ หรือทำเป็น Home Office ที่สามารถเดินทางติดต่องานได้สะดวก ตัวที่ตั้งโครงการสามารถมองเห็นได้จากระยะไกล ผังรวมก็เอื้อต่อการค้าขายทำให้เห็นวิวร้านภายในโครงการ 180 องศา สภาพแวดล้อมของทำเลนี้ เป็นแหล่งชุมชน นิคม และมี Commercial ปะปนอยู่บ้างแต่ไม่มาก ไม่เหมือนกับถนนลาดกระบัง,อ่อนนุชที่มีความคึกคักสูงกว่า แต่ในอนาคตพื้นที่บริเวณนี้มีโอกาศพัฒนาไปได้อีกมาก เพราะตอนนี้เริ่มมีแหล่งที่อยู่อาศัยแบบชุมชนเยอะขึ้นเรื่อยๆ
แหล่งร้านค้าและร้านอาหารต่างๆนอกจากถัดไปที่โครงการ H Cape Biz โครงการแรก เห็นจะต้องเขยิบเข้าถนนลาดกระบัง บริเวณที่หนาแน่นหน่อยจะอยู่ที่ถนนศรีนครินทร์ที่มีครบ ส่วนภายในถนนสุขาภิบาล 2 นั้นจะมีหมู่บ้านเดี่ยวเยอะค่ะ และหอพัก นิคมอัญธานี พวกร้านค้าต่างๆยังน้อย เพราะออกไปพึ่งเส้นลาดกระบังแทนเช่น Paseo หรือตลาดสดบริเวณแยกกิ่งแก้วเป็นตลาดขนาดใหญ่ แต่ด้วยความที่ไม่ไกลมากจากโครงการ เลยไม่เป็นอุปสรรคเท่าไหร่ นับว่าไม่แห้งแล้งค่ะ
การเดินทางถือว่าค่อนข้างสะดวกในการติดต่อทำธุรกิจมาก ซึ่งเรียกได้ว่ามี ถนน 3 สายที่ให้ได้เลือกใช้ โดยหลักๆคือ วงแหวนกาญจนาภิเษกฯ เลยไปไม่ไกลนักก็ถึงบางนา และด่วนบูรพาวิถี จากจุดที่ตั้งจะออกไปสนามบินสุวรรณภูมิก็ขับยาวๆไป 10 กิโลเมตร หรือจะออกไปใช้มอเตอร์เวย์ก็ได้ เนื่องจากตั้งอยู่ในจุดที่มาทางชานเมืองดังนั้นการเดินทางติดต่อธุรกิจเลยสะดวกค่ะ ส่วนเข้าเมืองก็มีทางเลือกว่าจะเข้าเมืองโดยใช้สุขุมวิทหรือขึ้นทางด่วน อาจจะต้องฝ่ารถติดๆซะหน่อย ระบบรางที่ใกล้ก็เห็นจะเป็น Airport Link
วัสดุของโครงการถ้าดูจากรายการวัสดุที่ได้รับมาถือว่าค่อนข้างสมราคาคือวัสดุปิดผิวค่อนข้างธรรมดาค่ะแต่เมื่อเทียบกับอาคารที่ทำมาในลักษณะห้องแถวแล้ววัสดุจะดีกว่า ยังมีระบบ Home Automation และ Vdo door phone นี่แหละที่ทำให้ดูดีกว่าที่อื่นๆ วัสดุพื้นเป็นกระเบื้อง Granite 60×60 ซม. หรือเทียบเท่า พื้นชั้นบนส่วนที่เป็นห้องนอนจะเป็นลามิเนท หนา 12 มม. สุขภัณฑ์ของ Nahm หรือเทียบเท่า ถังน้ำบนดิน ปั๊มน้ำ
แบบบ้านของก็หน้าตาทำออกมาได้โมเดิร์นนะคะ ไม่ทื่อ ต่างจากรูปแบบของห้องแถวทั่วไป แต่พื้นที่ใช้สอยภายในจะไม่ต่างกันค่ะ คือ มีชั้น 1 ที่เชื่อมกับชั้นลอย และชั้น 2, 3 ซึ่งอยู่ที่ว่าผู้ซื้อจะนำไปปรับเปลี่ยนตามการใช้งานยังไงกันเอง ขนาดบ้าน หน้ากว้างจะไม่ต่างกันค่ะคือ 5.5 เมตร ต่างกันแค่ความลึก ที่จะมีพิเศษตรงที่ รูปด้านของอาคาร มีให้เลือกแบบที่เป็น Window display ที่เหมาะกับร้านที่ต้องการโชว์สินค้า หรือ แบบระเบียง เหมาะกับพวก Home Office มากกว่า มีบล็อคด้านหน้าที่เข้าออกไปสองทาง ก็ดีสำหรับการทำธุรกิจมาก เหมือนมีด้านหน้า 2 ฝั่ง คล้ายห้องหัวมุม
สาธารณูปโภคของที่นี่จะมีจุดเด่นก็ที่จอดรถนี่แหละค่ะ ที่จะมีพื้นที่จอดกว้าง จอดได้ถึง 240 คันแบบรวมซ้อนคันนะ ซึ่งแต่ละหลังจอดได้ 2 คันนับไปก็ 120 คันค่ะ เหลืออยู่อีก ครึ่งนึงสำหรับผู้มาติดต่อ (สามารถจอดริมทางเท้าได้นะ) แต่ต้องพิจารณาให้ดีหากว่า ร้านค้าภายในโครงการที่มาเปิด มีร้านประเภท ร้านอาหาร ร้านที่ต้องใช้เวลาในการบริการนาน ซะเยอะ ปริมาณที่จอดรถของผู้มาใช้บริการอาจจะมีช่วงไม่เพียงพอก็ได้นะคะ ตัวระบบ CCTV มีแค่จุดเดียวคือที่ป้อมหน้า ซึ่งสำหรับโครงการนี้น่าจะมีเพิ่มตรงช่วงส่วนกลางที่จอดรถซะหน่อย มี รปภ. เดินตรวจค่ะ และที่เห็นจะเป็นจุดเด่นก็เรื่องการจัดการกับขยะที่มีการคิดค้นระบบกำจัดขยะขึ้นมาทำให้โครงการดูมีระเบียบจากการจัดเก็บมากขึ้นเลย
Judgement
ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง 40%, ความปลอดภัย 15%, การออกแบบและพื้นที่ใช้สอย 15%, วัสดุ 10%, พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ 10%, และสาธารณูปโภค 10%
เทียบกับแพคเกจ 8.9-15.5 ล้านบาท, 9 May 2014
- ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง 8.5/10 – ตัวโครงการติดถนนหลักและวงแหวนกาญจนาฯ
- ความปลอดภัย 7/10 – รั้วกั้นไม้กระดก, รปภ., สติกเกอร์, CCTV หน้าโครงการ
- การออกแบบและพื้นที่ใช้สอย 8/10 – มาตรฐานห้องแถว
- วัสดุ 7.25/10 – วัสดุให้มาสมราคาแต่งานไม่เรียบร้อย มีระบบ Home Automation และ VDO Door Phone
- พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ 7.5/10 – สภาพเรียบร้อยค่ะสำหรับโครงการเป็นแบบเชิงพาณิชย์
- สาธารณูปโภค 8/10 – มีที่จอดรถ และมีการจัดการขยะที่ดีค่ะ
- 8.15 / 10.00
BOTTOM LINE
โครงการ H Cape BizSector @ อ่อนนุช เหมาะสำหรับคนที่กำลังหา Office Building หรือ Home Office อยู่แถวย่านอ่อนนุช ลาดกระบัง ออกแบบสไตล์ Modern การเดินทางเข้าออกโครงการไปยังสนามบินสุววรณภูมิหรือถนนทางด่วนต่างๆสะดวก ไม่ไกลจากด่วนบูรพาวิถีและ Motor way ภายในสามารถมองเห็นร้านค้าได้รอบด้าน มาพร้อมกับระบบ Home Automation ที่ควบคุมระบบต่างๆจากมือถือ
ชอบกด Like ใช่ กด Share นะคะ แบ่งปันความคิดเห็นได้ค่ะ 🙂