รีวิวฉบับที่ 629 … สวัสดีครับ วันนี้ผม Mr.Boom จะขอพาไปดูทาวน์โฮมย่านพระราม 2 กันบ้าง ที่โครงการ Gusto พระราม 2 จาก คิวเฮาส์ (Q.House) ครับ โดยที่โครงการนี้จะเป็นโครงการทาวน์โฮม 2 ชั้น ตั้งอยู่ในซอยวัดหัวกระบือ หรือ ซอยเทียนทะเล 19 บนถนนบางขุนเทียนชายทะเลครับ โดย Product ที่นี่เน้นจับกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อประมาณ 2-3 ล้านบาท หรือ มีกำลังผ่อนประมาณ 15,000 – 20,000 บาทต่อเดือน ตัวโครงการจริงๆก็เปิดขายมาได้ประมาณปีนึงได้แล้ว (เปิดตัวตั้งแต่ เม.ย. 56) ปัจจุบันก็ดำเนินการมาจนถึงเฟสที่ 5 แล้วครับ พึ่งจะเปิดขายเฟสนี้ไปเมื่อวันศุกร์ที่ 18 ก.ค. ที่ผ่านมา ลองไปดูกันว่าที่นี่จะทำบ้านหน้าตาออกมาแบบไหน
Fact @ 15 July 2014
- Gusto พระราม 2 (กัสโต้ พระราม 2)
- Quality House Plc. (Q.House)
- ECONOMY CLASS (ดูการแบ่ง Segment ของ Class ต่างๆได้ที่นี่)
- ครงการตั้งอยู่ในเขต : บางขุนเทียน
- เนื้อที่โครงการประมาณ 30 ไร่
- ทาวน์โฮม 2 ชั้น จำนวน 303 ยูนิต
- Type A
- พื้นที่ใช้สอย 109 ตร.ม. 3 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ 1 ที่จอดรถ
- ที่ดินแปลงมาตรฐาน 18.5 ตารางวา
- ราคาเริ่มต้น 2.25 ล้านบาท หรือ 121,622 บาทต่อตารางวา
- พื้นที่ใช้สอย 132 ตร.ม. 4 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ
- ที่ดินแปลงมาตรฐาน 22.6 ตารางวา
- ราคาเริ่มต้น 2.79 ล้านบาท หรือ 123,451 บาทต่อตารางวา
ร่วมแสดงความคิดเห็นกับเราได้นะคะ 😀
New ! เพื่อนๆสามารถเลือกอ่านตามหัวข้อได้โดยกดปุ่มไปยังหัวข้อที่สนใจได้นะคะ
พิกัด : 13.616109,100.445277
แผนที่จากทางโครงการ
ที่ตั้งของโครงการ Gusto พระราม 2 ค่อนข้างจะตรงไปตรงมาครับ คือ อยู่ในซอยเทียนทะเล 19 บนถนนบางขุนเทียนชายทะเล โดยถนนเส้นนี้จะตัดมาจากถนนเอกชัย ตัดข้ามถนนพระราม 2 มุ่งหน้าลงทางใต้ ไปยังชายทะเลบางขุนเทียนตามชื่อถนน วิธีมาที่ง่ายที่สุดจากในเมืองก็คือ ใช้ทางด่วนมาลงถนนพระราม 2 วิ่งตรงๆมาเลี้ยวซ้ายเข้าถนนบางขุนเทียน จากนั้นก็ตรงเข้ามาประมาณ 5 กม. ก็จะเจอซอยเทียนทะเล 19 อยู่ทางซ้ายมือ มีป้ายข้างหน้าเขียนว่า ซอยวัดหัวกระบือ ซึ่งจะเป็นชื่อที่ชาวบ้านแถวนี้คุ้นเคยกันมากกว่า
การเดินทางในทำเลตรงนี้ จะมีถนนพระราม 2 เป็นถนนใหญ่เส้นหลักอยู่ตรงกลาง ใช้วิ่งเข้าเมืองได้ โดยวิ่งไปเชื่อมกับทางด่วนที่ต้นถนน และยังเป็นเส้นทางหลักที่ใช้วิ่งออกนอกเมือง ไปยังมหาชัย, สมุทรสาคร และออกไปยังจังหวัดต่างๆทางภาคใต้และภาคตะวันตกของประเทศ แต่ที่สำคัญคือ รถติดมากๆอย่างที่ทุกคนคงจะรู้ดี จากโครงการวิ่งออกมาที่ถนนพระราม 2 นี้ ระยะทางประมาณ 5 กม.
ถนนวงแหวนกาญจนาภิเษก ก็เป็นถนนอีกเส้นหนึ่งที่เป็นถนนใหญ่ Highway ที่อยู่ใกล้ๆโครงการ และมีทางขึ้น-ลงตัดกับถนนพระราม 2 เราสามารถใช้ถนนกาญจนาวิ่งขึ้นเหนือไปทางเพชรเกษม, บรมราชชนนี หรือ วิ่งออกไปทางตะวันออก เพื่อไปเชื่อมกับถนนวงแหวนอุตสาหกรรม ไปทางสมุทรปราการก็ได้ ใช้ไปทางพระราม 3 ได้ด้วย จึงเป็นถนนที่ค่อนข้างจะมีประโยชน์สำหรับคนที่อยู่ในโซนพระราม 2 นี้เหมือนกัน เพราะสามารถวิ่งไปรอบนอกเมือง โดยที่ไม่ต้องไปผ่านตัวเมืองให้รถติดเปล่าๆ แต่ก็มีเรื่องที่น่าเสียดายอย่างหนึ่งตรงที่ถนนบางขุนเทียน-ชายทะเลนี้ จริงๆแล้วมีส่วนที่ตัดกับถนนวงแหวน แต่ว่าดันไม่มีทางขึ้น-ลง ดังนั้นจึงต้องมาใช้ทางขึ้นที่ถนนพระราม 2 แทน
ข้อเสียของการเดินทางด้วยรถยนต์ตรงนี้ นอกจากเรื่องรถติดแล้ว ยังมีเรื่อง จุดกลับรถ และ สะพานกลับรถ ที่อยู่ห่างกันค่อนข้างมาก และจุดกลับรถที่อยู่ตรงถนนวงแหวนนั้นรถติดมาก เพราะรถต่อคิวเข้าถนนกาญจนาฯกันเยอะ ช่วงรีบๆจะมีการเบียด ปาด แทรกกันสุดชีวิต แถมมีแต่รถใหญ่ๆเรียงกันเต็มไปหมด จึงทำให้ไม่ค่อยสะดวกนักในการกลับรถแต่ละครั้ง แล้วถ้าวิ่งเลยจุดกลับรถอันนี้ไปแล้ว จะไปหาจุดกลับรถอีกที ต้องวิ่งไปอีก 4-5 กม.เลย
สภาพความอุดมสมบูรณ์ของโครงการ ถ้าบนถนนบางขุนเทียนฯจะไม่ค่อยมีอะไรให้เราพึ่งพาได้สักเท่าไหร่นัก เนื่องจากสองข้างทางส่วนใหญ่แล้ว จะเป็นพวกโรงงานอุตสาหกรรม, สำนักงาน และ ที่อยู่อาศัยเสียมากกว่า จะมีก็เป็นพวกตึกแถว, ร้านค้าเล็กๆ, ปั๊มน้ำมัน และร้านสะดวกซื้อต่างๆ ซึ่งก็จัดว่าไม่ได้อุดมสมบูรณ์เท่าไหร่ ทางที่ดีเราควรจะขับรถออกมา บนเส้นพระราม 2 ซึ่งเป็นถนนใหญ่ (มาก) ดังนั้นก็จะมีพวกห้างสรรพสินค้าใหญ่ๆ, โรงพยาบาล, ร้านค้าใหญ่ๆ และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ตั้งอยู่ติดถนนค่อนข้างเยอะ จัดว่ามีความเจริญดีพอสมควร หรือไม่ก็ต้องข้ามถนนพระราม 2 ไปถนนเอกชัย ซึ่งจะเป็นแหล่งชุมชนที่พึ่งพาได้มากกว่าเส้นบางขุนเทียนครับ แต่ยังไงก็ต้องใช้รถยนต์ในการเดินทางอยู่ดี
สำหรับคนที่ไม่มีรถขับ แถวๆนี้จะมีรถสองแถว ที่วิ่งประจำทางอยู่ในย่านนี้ ต้นสายอยู่ที่ Big-C ที่อยู่ติดกับ HomePro วิ่งเข้าเส้นบางขุนเทียนมา เข้าซอยโครงการ และไปกลับรถในวัดหัวกระบือออกมาเพื่อวิ่งกลับไปยังถนนใหญ่ แต่จะผ่านถนนสะแกงามออกมาที่ถนนพระราม 2 แล้วสองแถวจะวิ่งไปกลับรถที่ถนนวงแหวน วิ่งไปอีกฝั่ง ไปยังเซ็นทรัลพระราม 2 ได้ และวิ่งวนกลับไปยัง Big-C อีกรอบ วนเป็น Loop (ข้อมูลเรื่องรถสองแถวนี้ ยอมรับว่าผมไม่แน่ใจว่าถูกต้องรึเปล่านะครับ เพราะทางโครงการบอกมาอีกที ไม่เคยนั่งด้วยตัวเอง อยากให้เจ้าถิ่นแถวนั้นที่เคยใช้บริการจริง มาช่วยตอบใน Comment ข้างล่างด้วยครับ ^^)
สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น
- HomePro พระราม 2
- Big C พระราม 2 สาขา 1 และ 2
- Lotus พระราม 2
- Central พระราม 2
- วัดหัวกระบือ
- โรงเรียนวัดหัวกระบือ
- โรงพยาบาลบางมด
- โรงพยาบาลพระราม 2
- โรงพยาบาลนครธน
- โรงพยาบาลบางปะกอก 8, 9
ผมเดินทางไปโครงการโดยใช้ทางด่วนนะครับ วิ่งข้ามสะพานพระราม 9 มา เพื่อไปลงพระราม 2 (ป้ายสมุทรสาคร)
ลงมาที่ถนนพระราม 2 แล้วไม่มีอะไรมากเลยครับ วิ่งตรงๆอย่างเดียว ผมขอข้ามส่วนนี้ไปเลยนะ เพราะวิ่งตรงๆอย่างเดียวจริงๆ 😀
พอวิ่งมาประมาณ กม. 5 มองทางซ้ายจะเจอ HomePro ใครอยากจะแวะก่อนก็ได้นะ
ต่อจาก HomePro จะมี McDonald’s แบบ Drive-Thru อยู่ด้วย ซึ่งจะอยู่ก่อนถึง Big-C พระราม 2 (สาขา 1) ส่วนตรงข้ามกันก็จะเป็นเซ็นทรัลพระราม 2 ครับ ซึ่งไม่ได้อยู่ในรูป
มองทางซ้ายไว้ จะเห็นป้ายเล็กๆ เขียนว่า ทางออก บางขุนเทียน-ชายทะเล จงไปตามป้ายซะนะฮะ อย่าขับเลยนะฮะ ไม่งั้นกลับรถอีกไกล
ก่อนเลี้ยวเข้าถนนบางขุนเทียน จะเห็นป้ายเขียนว่า ฝูงลิงแสม เพราะว่าในซอยนี้เป็นจุดที่เค้ามาดูลิงกันครับ ไม่ได้ทำป้ายขึ้นมาตลกๆนะเฮ่ย!
เลี้ยวซ้ายเข้าถนนบางขุนเทียน-ชายทะเล (หรือ “เทียนทะเล”) สะพานที่เห็นอยู่ในรูปนั้นจะเป็นสะพานข้ามถนนพระราม 2 ครับ โดยจะข้ามจากบางขุนเทียนไปยังถนนเอกชัย
เลี้ยวเข้ามาที่เส้นเทียนทะเลแล้ว ทีนี้เราวิ่งตรงอย่างเดียวเลยครับ
สองฝั่งข้างทางของถนนเส้นนี้ ส่วนใหญ่จะเป็นพวกที่อยู่อาศัย, อาคารสำนักงาน หรือ โรงงานอุตสาหกรรมขนาดเล็กถึงขนาดกลางครับ
ที่ปากซอยเทียนทะเล 17 จะมีปั๊มน้ำมันบางจากอยู่หนึ่งแห่ง พร้อมกับมีไฟแดงอยู่อีกหนึ่งจุด ซึ่งเป็นแยกสะแกงามครับ ถ้าเราเลี้ยวขวาตรงแยกนี้ จะเข้าไปยังถนนสะแกงามซึ่งไปทะลุออกพระราม 2 ได้ ตรงก่อนทางกลับรถพอดี พอขับมาถึงตรงนี้เห็นเลขซอย 17 เหมือนจะถึงซอย 19 แล้ว แต่จริงๆยังต้องไปอีกประมาณ 1.5 กิโลครับ
ขับผ่านถนนกาญจนาภิเษกซึ่งเป็นถนนอยู่บนหัวเราโน่น ไม่มีทางขึ้น – -”
ข้ามสะพานข้ามคลองสะแกงาม
ลงจากสะพานข้ามคลองปุ๊บ ทางซ้ายจะมี สนง.ขนส่ง กทม. พื้นที่ 1 ครับ ซึ่งเป็นสนามสอบใบขับขี่ด้วย
ขับตรงต่อมาอีกหน่อย จะถึงซอยเทียนทะเล 19 ครับ ซึ่งก็คือซอยวัดหัวกระบือนั่นเอง สังเกตง่าย ป้ายเบ้อเร่อ
เข้าซอยมาแล้ว บรรยากาศจะสงบๆหน่อย เพราะส่วนใหญ่จะเป็นที่อยู่อาศัย ไม่ค่อยมีร้านค้าเท่าไหร่ แต่ด้วยความที่เป็นซอยที่มีวัด สภาพถนนจึงดีหน่อย ถนนกว้าง วิ่งสะดวก มีรถเข้าออกตลอด ที่สำคัญคือ สองแถวผ่านด้วย
กลางๆซอยเริ่มจะเป็นที่ดินโล่งๆ เป็นหนองน้ำให้เห็น
ทางขวามือตรงนี้จะมีโรงงานใหญ่ๆอยู่อันนึง ไม่แน่ใจว่าเป็นโรงงานอะไร แต่อยู่ก่อนถึงโครงการนิดนึง
ถัดมาอีกนิดนึงจะเห็นแนวรั้วของโครงการแล้วครับ Gusto พระราม 2 ตั้งอยู่ทางซ้ายมือ เข้าจากปากซอยมาประมาณ 750 เมตร
หน้าตาทางเข้าของโครงการ
ทางด้านหน้าที่ติดถนนจะมีแนวคูน้ำสาธารณะอยู่หน่อยนึง โครงการเอาไม้พุ่มเตี้ยๆมาปลูกบังสายตาเอาไว้ โดยที่แนวรั้วของโครงการจะอยู่ร่นเข้าไปจากถนนประมาณ 5 เมตรได้ ที่ดินตรงนี้เป็นแบบนี้หมดแหละ
แนวรั้วทางขวาโครงการก็ทำลักษณะเดียวกัน คือปลูกไม้พุ่มบังสายตาเอาไว้ด้านหน้า
ด้านข้างของโครงการเป็นที่ดินส่วนบุคคล
ด้านหน้าไม่ได้ติดป้ายอะไร ดูแล้วน่าจะเป็นที่อยู่อาศัย ที่ดินขนาดใหญ่มากเลยนะเนี่ย
ต่อจากแนวรั้วโครงการนี้ ลึกเข้าไปในซอย ก็ดูจะไม่มีอะไรสำคัญ
เดี๋ยวเราจะลองขับรถเข้าไปดูวัดหัวกระบือข้างในกันนะครับ ซึ่งเราสามารถขับผ่านถนนในวัดได้ เพื่อออกไปยังถนนด้านหลัง ซึ่งจะไปเชื่อมกับถนนท่าข้าม ซึ่งใช้ออกไปพระราม 2 ได้อีกที แต่เส้นทางค่อนข้างแคบ ไม่ค่อยนิยมใช้เท่าไหร่ ผมว่าเราแค่ดูไว้เป็นเส้นทางสำรองดีกว่า
ขับรถตรงต่อเข้าไปในซอย จะเป็นทางบังคับให้เลี้ยวซ้าย
สองข้างทางยังเป็นที่อยู่อาศัยเหมือนเดิม สลับๆกับแนวที่ดินเปล่า โล่งๆ
จากโครงการ ลึกเข้าไปอีกประมาณ 500-600 เมตร จะเจออาคารสูง 4 ชั้นที่ชั้นล่างทำเป็น 7-Eleven เอาไว้ ซึ่งก็สะดวกดี เวลาหิวหรือขาดเหลืออะไรเล็กๆน้อยๆ ก็มาหาได้จากที่นี่ ตลอด 24 ชม.
เข้ามาถึงท้ายซอยจะเห็นทางเข้าวัดหัวกระบือครับ (อันนี้เป็นทางเข้าชั่วคราวนะ)
พอเข้ามาในเขตวัดจะเป็นทางบังคับให้เลี้ยวขวา ถ้าตรงไปจะเป็นทางตัน
สามแยกนี้ถ้าเราตรงเข้าไปด้านในสุด จะมีโรงเรียนวัดหัวกระบือตั้งอยู่ทางด้านหลังสุดของที่ดินวัด
จากสามแยกเมื่อกี๊เราเลี้ยวขวามา ก็จะเจอกับแนวชุมชน ที่ตั้งร้านขายของกันเป็นกิจลักษณะเลย
มีรถเข็นและซุ้มขายของเรียงรายกันอยู่ตลอดทาง
ร้านขายของมีต่อไปจนสุดเขตวัด
วิ่งต่อมาเรื่อยๆจะมาเจอทางเลียบคลอง เราต้องข้ามสะพานไม้อันนี้อีกทีนึงเพื่อออกไปยังถนนซอยข้างๆ
ขนาดสะพานพอให้รถคันเดียววิ่งผ่านเท่านั้น สวนไม่ได้ แต่มีรถในซอยวิ่งข้ามทั้งไปทั้งกลับ ต้องรอจังหวะดีๆนะครับ ไม่งั้นขึ้นมาจ๊ะเอ๋กันบนสะพานนี่ ต้องถอยลงเลย
ข้ามสะพานไม้มาแล้ว จะมาลงที่ถนนอนามัยงามเจริญ ซึ่งเป็นถนนลาดยางที่กว้างใช้ได้ ถนนเส้นนี้จะไปเชื่อมกับซอยท่าข้าม ที่ไปออกถนนพระราม 2 ได้
จบการเจาะลึกทำเลไว้เท่านี้ก่อน เราไปดูรายละเอียดอื่นๆของโครงการกัน
**รูปนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการแบบคร่าวๆไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการได้นะคะ
ภาพ Master Plan ของโครงการตอนนี้ดูจาก Google Maps เลยก็ได้นะครับ ตัว Gusto พระราม 2 มีที่ดินรวมทั้งหมดประมาณ 30 ไร่ หน้าที่ดินติดซอยเทียนทะเล 19 และด้านหลังของที่ดินติดกับ คลองสามง่าม ซึ่งเป็นคลองระบายน้ำสาธารณะ ส่วนรอบๆที่ดินของโครงการ ถูกล้อมรอบด้วยที่ดินส่วนบุคคลที่ส่วนใหญ่จะยังเป็นที่ดินเปล่าอยู่ซึ่งยังไม่ได้รับการพัฒนาใดๆ มีก็แต่ที่ดินทางทิศตะวันออกของโครงการที่ปัจจุบันทำเป็นที่อยู่อาศัย
ในที่ดิน 30 ไร่ ประกอบด้วยทาวน์โฮม 2 ชั้น หน้ากว้าง 5.7 เมตร จำนวนทั้งหมด 303 ยูนิต มีที่ดินบางส่วนขนาดรวมๆประมาณ 1 ไร่ (ที่ผม highlight สีเขียวเอาไว้) ที่ถูกนำมาทำเป็นสวนสาธารณะส่วนกลางภายในโครงการ ส่วนที่เหลือก็เป็นแปลงบ้าน โดยแปลงบ้านมาตรฐานจะเริ่มต้นที่ 18.5 ตารางวา สำหรับ Type A (1 จอดรถ) และ 22.6 ตารางวา สำหรับ Type B (2 จอดรถ)
ส่วนนี้จะเป็น Master Plan ที่โครงการจัดทำแผนผังขึ้นมา ตัวสีแดงๆนี่คือขายไปแล้วครับ ปัจจุบันขายมาถึงเฟสที่ 5 แล้ว (พึ่งเปิดเฟส 5 ไปเมื่อวันศุกร์ที่ 18 ก.ค.57 ที่ผ่านมาครับ) ส่วนสีเทาๆที่เห็นคือยังไม่เปิดขาย บางอันก็กำลังก่อสร้างอยู่ บางอันก็สร้างเสร็จแล้วครับ
ถนน Main Road ด้านหน้าตั้งแต่ทางเข้ามาจนถึงวงเวียนตรงกลาง มีความกว้าง 16 เมตรครับ ส่วนถนน Main ส่วนที่ต่อวงเวียนไปจนถึงท้ายโครงการจะกว้าง 12 เมตร ส่วนถนนซอยจะมีความกว้าง 9 เมตร
พื้นที่สวนสาธารณะตรงนี้ใหญ่ประมาณ 3 งานกว่าๆ ซึ่งเป็นพื้นที่สวน ส่วนที่ใหญ่ที่สุด และจะมีหย่อมอื่นๆกระจายๆอยู่ รวมพื้นที่สีเขียวส่วนกลางของทั้งโครงการได้ประมาณ 1 ไร่
ด้านหลังที่อยู่ติดรั้วโครงการคือคลองสามง่าม ซึ่งอยู่ด้านหลังรั้วโครงการอีกที ทำให้เรามองไม่เห็นคลอง ติดกับรั้วด้านหลังจะมีส่วนที่เราเห็นสีเขียวๆ จะเป็นพื้นที่ของนิติบุคคล, พื้นที่ส่วนหย่อมอีกหน่อย และพื้นที่ตรวจคุณภาพน้ำ
ทางเข้าโครงการหน้าตาแบบนี้ ด้วยความที่ต้องมีระยะ Setback จากถนนอยู่แล้ว เลยทำให้สามารถทำส่วนรั้วโครงการได้ใหญ่หน่อย
อันนี้ทางรถออก
ส่วนนี่ทางเข้าโครงการ และป้อมรปภ.
ทางเข้าเป็นแบบรั้วกั้นไม้กระดก พร้อมติดกล้อง CCTV ที่ด้านหน้าเพื่อจับภาพคนที่เข้ามาในโครงการ
แปลงทางขวาด้านหน้าติดทางเข้า จะเป็นส่วนสำนักงานขายและบ้านตัวอย่าง ซึ่งเดี๋ยวเราจะกลับมาดูอีกที
ซอยแรกสุดซ้ายมือ ที่อยู่ติดกับทางเข้านี้ มีลูกบ้านเข้าอยู่แล้วเรียบร้อย บางบ้านมีการต่อเติมรั้วบ้าน/กันสาดแล้ว
กลุ่มบ้านโซนด้านหน้านี้จะสร้างเสร็จหมดแล้ว
จากด้านหน้าเข้ามาจนถึงวงเวียนตรงกลางหมู่บ้าน
ติดกับวงเวียน จะมีพื้นที่ส่วนที่เป็นสวนสาธารณะส่วนกลางของหมู่บ้าน พร้อมกับยูนิตติดสวน (ซึ่งขายไปหมดแล้ว)
เราเข้าไปดูพื้นที่สวนกันซะหน่อย
ต้นไม้พึ่งจะเอามาลง ยังไม่โตเลย ยังไม่ค่อยมีร่มเงา ผมคิดว่าน่าจะเอาต้นไม้มาลงเพิ่มหน่อยนะ
ตัวสวนมีการจัด landscape และทำทางเดินเอาไว้ ช่วงนี้ยังเป็นช่วงขายอยู่ เลยยังดูแลดี ต้องรอดูอีกซัก 2-3 ปี ช่วงที่ปิดโครงการ ลูกบ้านเข้าอยู่แล้ว
บ้านสองหลังนี้ที่อยู่ติดสวน เค้าจะทำฉากบังสายตากันไว้ให้เพื่อ Privacy
ยูนิตติดสวน ท่าทางจะหมดก่อนเพื่อนเลย ตอนนี้เข้าอยู่กันหลายหลังแล้วด้วย
ส่วนนี่ฝั่งตรงข้ามสวน ก็จะเป็นซอยมาตรฐาน อันนี้ท่าทางจะพึ่งขายไปได้ไม่นาน เหมือนจะยังไม่มีคนอยู่
หน้าตาของบ้านก่อนโอน จะสังเกตว่าพอเป็นทาวน์โฮม อารมณ์ที่ต่างจากบ้านเดี่ยวคือ มันไม่มีต้นไม้คั่นระหว่างยูนิต ทำให้ดูโล้นโล่งไปเลย ไม่มีร่มเงาของต้นไม้มาช่วยให้ร่มรื่น
พื้นที่ที่ติดกับหม้อแปลงไฟฟ้าตรงนี้เค้าเว้นเอาไว้ ไม่มีบ้านที่อยู่ประชิด
โซนนี้กำลังรอเปิดขาย เลยล้อมรั้วเอาไว้ก่อน
เข้ามาดูที่บ้านโซนด้านหลังสุดบ้าง กำลังอยู่ระหว่างก่อสร้าง, ทาสี, เก็บงานอยู่ ยังไม่เรียบร้อย แต่ผมขอเค้าเข้ามาถ่ายบรรยากาศซะหน่อย
พื้นที่ด้านหลังติดกับรั้วโครงการตรงนี้ จะเป็นสวนหย่อมอีกนิดหน่อย
ข้ามรั้วนี้ไปจะเป็นคลองสามง่าม ซึ่งโครงการก็จงใจเอารั้วมาบังไว้ จะได้มองไม่เห็นตัวคลอง อย่างไรก็ดีคลองนี้ก็เป็นแค่คลองระบายน้ำสาธารณะ ไม่ใช่คลองใหญ่ๆที่สัญจรได้ ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรกับการอยู่อาศัยครับ เท่าที่ผมไปเดินยังไม่ได้กลิ่นเหม็นนะ
สิ่งอำนวยความสะดวก
- สวนสาธารณะส่วนกลาง ขนาดรวมประมาณ 1 ไร่
- ระบบ CCTV ที่ Main Gate
- รั้วรอบโครงการสูง 2 เมตร
- เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย 24 ชั่วโมง
- ประตูรั้วโครงการแบบรั้วกั้นไม้กระดก
โครงสร้าง
- ตัวบ้าน : Precast แบบ Tunnel Form
- ที่จอดรถ : พื้นปูน On Ground (ไม่ลงเสาเข็ม)
- ลานซักล้าง : พื้นปูน On Ground (ไม่ลงเสาเข็ม)
แบบบ้านของที่ Gusto พระราม 2 จะมีทั้งหมด 2 แบบด้วยกันครับ คือ Type A3 นอน/2 น้ำ/1 จอดรถ และ Type B : 4 นอน/3 น้ำ/2 จอดรถ ซึ่งผมจะพาไปดูทั้งสองแบบเลย
สำหรับบ้านตัวอย่างแบบแรกที่เราจะไปดูกัน คือ Type A พื้นที่ใช้สอย 109 ตารางเมตร 3 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ 1 ที่จอดรถ
แปลนบ้าน Type A พื้นที่ชั้นล่างจอดรถได้ 1 คัน ด้านหน้าสุดถัดจากประตูเข้าบ้านเป็นพื้นที่โซฟานั่งดูทีวี, เข้ามาด้านในเป็นพื้นที่โต๊ะรับประทานอาหาร ซึ่งอยู่ติดกับส่วน Pantry ตัว L, ใกล้ๆ Pantry มีประตูเปิดออกไปที่ลานซักล้างหลังบ้านโดยใช้ประตูกระจกบานเลื่อนแทนที่จะเป็นประตูทึบ เพื่อให้มีแสงสว่างเข้าบ้านได้มากๆ, ห้องน้ำวางอยู่อีกด้านติดกับส่วนครัว เป็นห้องน้ำชั้นล่างที่อาบน้ำได้, แล้วก็มีบันไดสำหรับขึ้นชั้นสอง กับห้องเก็บของใต้บันได
ส่วนพื้นที่ชั้นสองไม่มีอะไรมาก มี 3 ห้องนอน ห้องนอนเล็ก 2 ห้องอยู่ฝั่งหลังบ้าน ขนาดพอๆกัน ส่วนห้องนอนใหญ่ Master Bedroom วางอยู่ฝั่งหน้าบ้าน มีพื้นที่ใหญ่ปประมาณ 1/3 ของพื้นที่ชั้นสอง โดยห้องน้ำของชั้นสองนี้จะมีอยู่ห้องเดียวใช้ร่วมกันหมด ถ้าไม่พอต้องลงไปใช้ชั้นล่าง มีประตูเข้าห้องน้ำสองทาง คือจากโถงหน้าห้อง และจากในห้องนอนใหญ่
เริ่มจากบ้านตัวอย่างก่อน ซึ่งเป็นบ้านที่ตกแต่งแล้ว จะมีหลายๆส่วนที่ไม่เหมือนกับบ้านของจริงนะครับ บ้านแบบนี้จะเป็นแบบ 1 ที่จอดรถครับ ซึ่งหน้าบ้านอีกครึ่งนึงจะถูกทำเป็นพื้นที่สวนในลักษณะนี้ พื้นที่หน้าบ้านตรงนี้บ้านตัวอย่างเค้าตกแต่งมาแล้ว และไม่มีรั้วด้วย จึงอาจจะไม่เห็นภาพเท่าไหร่ เดี๋ยวผมขอข้ามไปก่อน แล้วเดี๋ยวไปดูหน้าบ้านอีกที ในส่วนที่เป็นบ้านจริงมาตรฐานนะครับ อันนี้เรามาดูฟังก์ชั่นภายในบ้านกันก่อนว่าจัดเฟอร์นิเจอร์ออกมาแล้วจะเป็นแบบไหน
ทางเข้าบ้านจะมี Step ชานพักบันได 1 ขั้น เพื่อเป็นจุดสำหรับถอดรองเท้า-ใส่รองเท้า
ประตูทางเข้าบ้านเป็นประตูกระจกบานเลื่อน 2 ชิ้น ใช้กรอบกระจกเป็นวัสดุ “uPVC” หรือ “unplasticized PolyVinyl Chloride” ซึ่งจะแข็งแรงทนทานกว่าพวกกรอบอลูมิเนียม จับๆเลื่อนๆแล้วได้ความรู้สึกแน่นและมั่นคงกว่าพวกอลูมิเนียม แต่ว่าจะได้ Feeling ของผิวสัมผัสแบบกึ่งๆพลาสติกหน่อย
เข้ามาในบ้านแล้ว นี่คือภาพแรกที่เห็น
ส่วนที่อยู่หน้าสุดติดกับทางเข้าจะเป็นส่วนโซฟาดูทีวี ตัวพื้นที่สามารถจัดวางโซฟาชิดด้านหนึ่ง และชั้นวางทีวีชิดผนังอีกด้านหนึ่งได้ โต๊ะกลางอาจจะวางแล้วไม่สะดวกเท่าไหร่ เนื่องจากถ้าวางไปแล้วอาจจะทำให้ขวางทางเดินเข้า-ออกได้ และอาจจะทำให้เตะถูกได้ ระยะดูทีวีประมาณ 2 เมตรกว่าๆ สามารถวางทีวีได้ขนาดไม่ใหญ่มากนัก เต็มที่ก็ประมาณ 50-55″ ดังนั้นผมแนะนำให้เอาทีวีแขวนผนังไปจะดีกว่า และตำแหน่งวางทีวีอาจจะไม่เซ็นเตอร์กับโซฟาเท่าไหร่
บ้านตัวอย่างหลังนี้เป็นแปลงมุม ดังนั้นจะมีหน้าต่างด้านข้างบ้านด้วย นอกเหนือจากประตูหน้าบ้าน ที่เป็นบานใส ทำหน้าที่เป็นช่องแสงในตัวอยู่แล้ว
ชุดโต๊ะสำหรับวางทีวี สามารถวางได้ แต่ขนาดไม่ใหญ่นัก ผมคิดว่าเราน่าจะจัดเป็นชุดตู้ built-in ให้เต็มผนังไปเลย จะทำให้มีพื้นที่เก็บของมากขึ้น และยังคงใส่ทีวีได้ด้วย
ต่อจากพื้นที่โซฟาดูทีวีเข้ามาในตัวบ้าน ด้านในเป็นพื้นที่รับประทานอาหาร ทางขวาเป็นโถงบันไดขึ้นชั้นสอง, ทางเข้าห้องน้ำ และ ห้องเก็บของใต้บันได
พื้นบ้านชั้นล่าง ปูด้วยกระเบื้องแกรนิโต้ ขนาด 60×60 ซม. … พื้นที่ตรงนี้ไม่รู้เว้นไว้ทำไมโล่งๆ ผมคิดว่าขยับโต๊ะกินข้าวมาไว้ตรงนี้อีกหน่อยก็ได้ เพื่อให้ครัวมีพื้นที่เพิ่มขึ้น หรือไม่ก็หาเก้าอี้ Winged Chair หรือ Armchair มาวางเพิ่ม เพื่อให้มีที่นั่งมากขึ้น
ถัดมาด้านในจะเป็นพื้นที่รับประทานอาหาร และ ส่วนครัวที่เชื่อมอยู่ติดกัน และอยู่ติดกับด้านหลังบ้าน
พื้นที่รับประทานอาหารตรงนี้ วางอยู่ติดกับผนังด้านข้างบ้าน และผนังหลังบ้าน ถ้าเป็นแปลงมุมแบบนี้ ก็จะได้รับแสงสว่างธรรมชาติจากทั้งสองด้าน
โต๊ะทานอาหารวางแบบ 4 ที่นั่งเอาไว้ให้ดู แต่ถ้าบ้านไหนอยากใส่แบบ 6 ที่นั่งก็ยังสามารถใส่ได้นะครับ
พื้นที่ผนังด้านข้างโต๊ะกินข้าวด้านนี้ ใส่เป็นชั้นวางของแบบ Built-in มาให้ดู ซึ่งผมคิดว่าทำแบบนี้มันเปลืองพื้นที่ไปหน่อย และเราคงไม่ได้อยากจะตั้งโชว์อะไรพวกนี้แถวๆโต๊ะกินข้าว ของจริงเค้าให้มาเป็นบ้านเปล่าอยู่แล้ว เราจะจัดยังไงก็ได้ เช่นเราอาจจะเอาโต๊ะกินข้าวมาชิดผนังฝั่งนี้แทน เพื่อให้ขนาดของโต๊ะกินข้าวมันใหญ่ขึ้นได้ กินข้าวได้สะดวกมากขึ้น วางกับข้าวได้หลายอย่างมากขึ้น
ด้านข้างของโต๊ะกินข้าวตรงนี้ วาง Pantry ชิดผนังเอาไว้ ของจริงไม่มีนะครับ เราจัดเอง
ด้านนี้เป็นพื้นที่ที่เว้าเข้าไป คงจะตั้งใจให้ทำเป็นพื้นที่ครัวภายในบ้าน
พื้นที่ส่วนนี้จริงๆแล้วตามแปลนก็จะเป็นพื้นที่ส่วนครัวภายในตัวบ้าน ตั้งเว้นไว้โดยไม่ได้ใส่ผนัง เราจะกั้นผนังเบาเองก็ได้ จะใส่ผนังกระจกที่เป็นบานเลื่อนก็ได้ ขึ้นอยู่กับเรา หรือ ถ้ายังไงซะเราคิดว่าจะไปต่อเติมครัวไทยด้านหลัง อยู่แล้วล่ะก็ (แต่ผิดกฎหมายนะบอกก่อน) เราก็อาจจะทิ้งพื้นที่ตรงนี้ไว้เป็นพื้นที่ครัวเปิด เป็นส่วน Breakfast Bar สำหรับเตรียมอาหารเช้าเล็กๆน้อยๆ ก็ทำได้เหมือนกัน
ประตูเปิดออกไปยังส่วนลานซักล้างหลังบ้าน ด้วยความที่บ้านหลังนี้มีช่องแสงน้อย ประตูหลังบ้านจึงทำเป็นประตูกระจกบานสไลด์ แทนที่จะเป็นประตูบานทึบเหมือนบ้านทั่วๆไป การทำแบบนี้จะทำให้มีช่องแสงเพิ่มมากขึ้น แต่จะทำให้เสียความเป็นส่วนตัวไป เนื่องจากคนภายนอกจะมองเข้ามาในบ้านได้ ทางที่ดี เราควรจะติดม่านเหมือนกับในห้องตัวอย่าง เพื่อให้สามารถเลื่อนปิดได้เวลาที่เราไม่อยากให้คนข้างนอกมองเข้ามาในบ้านเรา หรือถ้าเราขี้เกียจเลื่อนม่านไปมา เราอาจจะใช้พวกฟิล์มติดกระจกที่เป็นแบบขุ่น ที่สามารถบังสายตาได้ แต่ว่ายังได้แสงธรรมชาติไปด้วย หรือใครจะใช้สองอย่างเลยก็ไม่ว่ากัน
พื้นที่ลานซักล้างหลังบ้านจะเทปูนมาให้ ไม่ได้มีอะไรพิเศษ ไม่มีปั๊มน้ำหรือถังน้ำใดๆ โดยความกว้างของพื้นที่หลังบ้านจะขึ้นอยู่กับขนาดที่ดินของบ้านแต่ละแปลง ว่ามีความยาวของที่ดินเท่าไหร่ ในขณะที่หน้ากว้างของที่ดินจะเท่ากันอยู่แล้วคือประมาณ 5.7 เมตร (ยกเว้นแปลงมุมที่หน้ากว้างที่ดินจะกว้างกว่านิดหน่อย)
ประตูกระจกหลังบ้านเมื่อมองจากภายนอก
หลังบ้านยังมีจุดที่เป็นหน้าต่างรับแสงธรรมชาติด้วย
วงกบประตูหลังบ้าน วางอยู่บนธรณี
มีจุดที่ควรระวังและรับรู้เอาไว้อย่างนึงนะครับว่า ตรงผนังบ้านกับลานซักล้าง ไม่มีการเว้นช่องว่าง เพื่อแยกชิ้นส่วนของผนังบ้าน กับส่วนของพื้นลานซักล้างออกจากกัน แต่รากฐานของตัวบ้านจะมีการกดเสาเข็มในขณะที่ส่วนหลังบ้านไม่ได้กดเข็มเอาไว้ ทำให้จะมีโอกาสที่เวลาบ้านทรุดตัวลง จะทำให้เกิดรอยร้าวที่รอยต่อของขอบผนังบ้านได้ตามที่เห็นในรูป เนื่องจากพื้นที่สองส่วนนี้อาจเกิดการทรุดตัวที่ไม่พร้อมกัน …ในทางปฏิบัติแล้ว บ้านมันไม่ได้จะถล่มลงมาหรอกนะครับ … แต่คือมันก็จะดูไม่สวยแบบนี้แหละ แล้วอาจะมีพวกแมลง, ความชื้น, วัชพื้น แทรกตัวลงไปตามซอกพวกนี้ได้
คอยล์ร้อนแขวนอยู่กับผนังที่ด้านบนแบบนี้ การ Maintenance ต้องใช้วิธีพาดบันไดขึ้นไป
กลับมาดูในบ้าน ก่อนขึ้นชั้นสอง มาดูพื้นที่ตรงนี้ก่อน ทางซ้ายเป็นทางเข้าห้องน้ำชั้นล่างครับ ตรงกลางเป็นห้องเก็บของใต้บันได ส่วนทางขวาเป็นบันไดเพื่อขึ้นไปยังชั้นสอง
ห้องน้ำชั้นล่างพื้นที่ออกจะเล็กหน่อย แต่พยายามใส่ฟังก์ชั่นให้สามารถอาบน้ำได้ ไม่งั้นห้องน้ำข้างบนที่มีแค่ห้องเดียวอาจจะไม่เพียงพอสำหรับการใช้งานตอนเช้าๆ ที่สมาชิกทุกคนในบ้านต้องตื่นมาอาบน้ำพร้อมๆกัน
ชุดอ่างล้างหน้าแบบหล่อสำเร็จรูปและหัวก็อกน้ำ ยี่ห้อ Victor
พื้นที่สำหรับวางโถสุขภัณฑ์อยู่ด้านใน
พื้นที่อาบน้ำต้องเข้าไปอยู่ในมุมห้องน้ำเลย พื้นที่เล็กมาก เรียกว่าแทบจะอยู่ติดกับโถสุขภัณฑ์เลย ไม่ต้องพูดเรื่องแยกส่วนเปียกส่วนแห้ง ตัวหัวฝักบัว ให้เป็นแบบ Hand Shower มา ยี่ห้อเดียวกันหมด คือ Victor
พื้นที่อาบน้ำแค่ประมาณ 45 x 90 ซม. นะฮะ … ผมว่ายอมเสียพื้นที่ครัวไปอีกหน่อยก็ได้มั้ง …จะได้ให้อาบน้ำได้สบายๆหน่อย …
พื้นที่เก็บของใต้บันได แหม่ ใส่หน้าบานปิดมาซะใหญ่ หน้าบานของจริงอยู่ข้างใน
แต่ของจริงก็ให้พื้นที่มาใช้ได้นะครับ พอเก็บอะไรได้นิดหน่อย สำหรับบ้านที่มีพื้นที่ใช้สอยแค่ 109 ตารางเมตร ก็ยังสามารถหาพื้นที่ให้เก็บของได้
ถัดมามาดูบันไดขึ้นชั้นสอง ที่หน้าโถงบันไดมีการเจาะช่องแสงเอาไว้สองจุดนะครับ เพื่อให้มีแสงธรรมชาติจากภายนอกบ้านส่องเข้ามาได้ ทำให้บันไดไม่มืด ปลอดภัยกว่าเวลาเดินขึ้น-เดินลง
ตัวบันไดโครงสร้างเป็นคอนกรีตเสริมเหล็ก ปิดผิวด้วยไม้ยาง
มีขั้นบันไดบางส่วนที่ต้องทำเป็นขั้นสามเหลี่ยม เนื่องจากพื้นที่บันไดมีไม่มาก
มือจับด้านข้าง
ขึ้นมาที่ชั้นสองแล้ว อันนี้เป็นห้องน้ำชั้นบน ที่เข้าได้จากทั้งทางโถงด้านหน้าห้อง กับจากในห้องนอนใหญ่ที่อยู่ทางซ้าย เดี๋ยวเรายังไม่เข้าไปดูนะครับ ไปดูส่วนอื่นก่อน
พื้นที่ของโถงหน้าห้องชั้นสอง มีขนาดเท่านี้ พอให้คนยืนได้ 2-3 คน แบบไม่เกะกะมาก พื้นที่เล็กตามขนาดบ้าน
ทางเดินเข้าห้องนอนเล็กทั้งสองห้อง เราไปดูห้องด้านซ้ายก่อนซึ่งเล็กที่สุดในบ้าน
ห้องนอนที่เล็กที่สุดของบ้าน ดูจากสีผ้าปูที่นอนและ props ที่ตกแต่งภายในห้องแล้ว น่าจะจัดเป็นห้องนอนของลูกสาวคนเล็ก
บ้านไหนที่เป็นแปลงมุมก็จะได้หน้าต่างสองด้านแบบนี้ ทั้งผนังหลังบ้านและผนังข้างบ้าน
ตัวหน้าต่างจะใส่มาเป็นบานเลื่อน สามารถเปิดออกได้แบบนี้
พอชะโงกหัวออกไปดูนอกหน้าต่างจะเห็นตำแหน่งที่แขวนคอมฯแอร์อยู่ตรงนี้
ในบ้านตัวอย่างวางเตียงขนาด 3.5 ฟุตเอาไว้ ซึ่ง built-in ตลอดแนวความกว้างของตัวห้อง ใช้พื้นที่ครบทุกตารางนิ้วเลย
หัวเตียงทำเป็นชั้นวางของ และตู้เก็บของเล็กๆ แบบ built-in ไปเลย เพื่อประหยัดพื้นที่
ใต้เตียงยังทำเป็นลิ้นชักเก็บของไว้ด้วยให้ดูเป็นไอเดีย
พื้นที่ข้างเตียง วางตู้เสื้อผ้า และโต๊ะแต่งตัว
ตู้เสื้อผ้าต้องใส่เป็นบานสไลด์เท่านั้น ไม่งั้นเปิดตู้ไม่ได้ ติดโต๊ะแต่งตัว
พื้นที่ตู้เสื้อผ้า มีให้เท่านี้ พอใช้งานได้
ข้างบนเหนือตู้เสื้อผ้า ยังมีช่องสำหรับเก็บของอื่นๆด้วย
ถัดมา ไปดูห้องนอนเล็กอีกห้อง ห้องนี้พื้นที่ใหญ่ขึ้นมาหน่อย พอจัดเฟอร์นิเจอร์ได้เยอะขึ้น แต่ยังคงต้องเน้นเป็นเฟอร์นิเจอร์แบบ Built-in เป็นหลัก
พื้นที่โดยรวมภายในห้อง ผนังด้านหลังมีบานหน้าต่างให้ 1 บาน
สามารถวางเตียง 3.5 ฟุตแบบชิดหนังด้านหนึ่ง แล้วเหลือพื้นที่ข้างเตียง สำหรับใส่ชุดโต๊ะ+เก้าอี้สำหรับนั่งทำงานได้ด้วย และยังมีพื้นที่ให้เก้าอี้ถอยมาได้อีกหน่อย
แต่ว่าห้องนี้ วางเตียงคู่กับตู้เสื้อผ้าแบบชนกันพอดีเป๊ะเลย ยังไงก็คงต้องใส่เฟอร์นิเจอร์ built-in เท่านั้นถึงจะทำแบบนี้ได้ ไม่งั้นถ้าไปซื้อเฟอร์นิเจอร์ลอยตัวมาใส่ ผิดพลาดไปแค่ 1 ซม.ก็วางไม่ได้เลยนะเนี่ย เพื่อความคุ้มค่าของพื้นที่ยังไงก็ต้องยอม ส่วนพื้นที่หัวเตียง-ปลายเตียง ไม่เหลือ
ใต้เตียงยังคงทำให้มีลิ้นชักเก็บของได้ … เชื่อสิว่าต้องมีคนเอาของมาซ่อนในนี้ หึๆๆ
ตู้เสื้อผ้าใส่ได้ขนาดแค่นี้ ด้วยพื้นที่ที่ค่อนข้างจำกัด
เหนือเตียงด้านบน วางชั้นวางเอาไว้ด้วยเพื่อเพิ่มพื้นที่เก็บของ ใครจะทำตามก็ได้ แต่หาหน้าบานปิดให้มิดชิดหน่อยนะ ไม่งั้นอาจจะมีอะไรหล่นใส่หัวตอนกลางคืนได้ ถึงขั้นฝันร้ายอะ
โต๊ะทำงานที่วางอยู่ติดผนังอีกด้านก็มีขนาดใหญ่เต็มผนังห้องเลย
ต่อมาเรามาดูห้องน้ำชั้นสอง และห้องนอนใหญ่กันดีกว่า เริ่มจากทางเข้าห้องน้ำก่อน อย่างที่บอกไปคือสามารถเข้าห้องน้ำได้สองทาง
พื้นที่ห้องน้ำชั้นสองนี้ ก็มีค่อนข้างจำกัดเหมือนกัน จัดวางเป็น 3 ฟังก์ชั่นเรียงกันแบบนี้คือ อ่างล้างหน้า, โถสุขภัณฑ์ และ พื้นที่ส่วนอาบน้ำ
อ่างล้างหน้า ติดกระจกเงาบานเล็กมาให้แล้วเรียบร้อย ตัวอ่างเป็นอ่างล้างหน้าสำเร็จรูป จึงไม่มีพวกตู้สำหรับเก็บของใต้อ่าง ซึ่งผมคิดว่าก็ควรจะไปหาตู้ หรือชั้นวางของเล็กๆ มาใส่ไว้นะ จะได้มีพื้นที่สำหรับเก็บพวกสิ่งของที่ต้องใช้ในห้องน้ำบ่อยๆ เช่นพวก สบู่ แชมพู ยาสีฟัน ฯลฯ เป็น Supplies
อ่างล้างหน้ายี่ห้อ Victor
หัวก็อกน้ำยี่ห้อ Victor เหมือนกัน
สายฉีดชำระ และ ที่ใส่กระดาษชำระ
พื้นที่อาบน้ำยังคงเล็กอยู่ และไม่สามารถกั้นส่วนเปียกส่วนแห้งได้
มีพื้นที่เพิ่มมาจากห้องน้ำชั้นล่างนิดนึง
ผนังด้านข้างมีการติดกระเบื้องสีมาให้หย่อมนึง …
ด้วยความที่เป็นบ้านแปลงมุม ทำให้ห้องน้ำห้องนี้มีหน้าต่างบานกระทุ้งเล็กๆด้วย ซึ่งดีกว่าห้องน้ำที่ไม่มีหน้าต่างมาก เนื่องจาก ทำให้ได้แสงธรรมชาติส่องเข้ามาในห้องน้ำได้ และยังมีช่องเปิดสำหรับระบายอากาศ+กลิ่นในห้องน้ำได้ด้วย
โคมไฟในห้องน้ำแบบไฟกลม
ผนังห้องน้ำมีการเล่นลวดลายกระเบื้องให้ดูมีสีสันหน่อย
สุดท้ายคือห้อง Master Bedroom ห้องนอนใหญ่ของบ้าน
การจัดวางพื้นที่ ใส่เตียง 5 ฟุตเอาไว้ หันหัวเตียงออกไปหน้าบ้าน
พื้นที่ปลายเตียงมีการเว้าเข้าไป เพื่อให้สามารถใส่ตู้ Built-in ได้ และยังเหลือพื้นที่ให้สามารถเดินผ่านได้ ไม่เกะกะ
พื้นที่ข้างเตียงด้านหนึ่ง อยู่ติดผนัง วางโต๊ะหัวเตียงตัวเล็กๆได้ตัวหนึ่ง
ส่วนพื้นที่ข้างเตียงอีกด้าน อยู่ติดกับทางเข้าห้องน้ำ และทางเดินออกไปยังระเบียง
ข้างเตียงมีพื้นที่พอให้สามารถใส่โต๊ะข้างเตียง และวางโต๊ะแต่งตัวได้พร้อมกัน แต่ต้องเลือกขนาดดีๆหน่อยนะ
ตู้เสื้อผ้าวางอยู่หน้าทางออกระเบียง บอกเลยว่าขนาดเล็กเกินไปจริงๆสำหรับการอยู่อาศัย 2 คน ยังไงก็ต้องหาพื้นที่วางตู้เสื้อผ้าเพิ่ม
ระเบียงด้านนอก ขนาดแค่พอให้ออกมายืนสูบบุหรี่ หรือ วางกระถางต้นไม้เล็กๆเท่านั้น ไม่ได้เน้นให้ใช้งานจริงจัง เนื่องจากเน้นพื้นที่ในบ้านมากกว่า
ตัวประตูระเบียงเป็นประตูกระจกบานเลื่อน กรอบ uPVC เช่นเดียวกันกับ ประตูบ้านและหน้าต่างบานอื่นๆภายในบ้าน
พื้นที่ระเบียงมีแค่พอยืนได้ พื้นระเบียงปูด้วยกระเบื้องแบบผิวหยาบ ส่วนราวกันตกเป็นเหล็กพ่นสีดำ
ด้านข้างบ้านตรงนี้ ชะโงกหัวมาจากระเบียง จะเห็นจุดที่แขวนคอมฯแอร์ที่ผนังด้านนอก อยู่ตรงนี้
ดูบ้านตัวอย่างจบแล้ว ต่อมาเป็นบ้านแบบมาตรฐานบ้างนะครับ ซึ่งนี่คือเป็นบ้านจริง พร้อมส่งมอบให้ลูกค้าเลย แปลงนี้เป็นบ้านมาตรฐาน Type A แปลงมุม
ให้ดูหน้าบ้านก่อน เป็นรั้วบ้านครึ่งนึง ประตูรั้วครึ่งนึง
ภายนอกบ้าน ชั้นสอง
ประตูรั้วบ้านแบบพับ 3 ตอน เปิดออกให้รถถอยเข้าจอดได้หนึ่งคัน
พื้นที่หน้าบ้าน เป็นที่จอดรถ วางคู่กับพื้นที่สวน
พื้นที่สวนจะเททรายไว้ให้ในลักษณะนี้ ใครอยากได้พื้นหญ้าต้องไปปูเองนะจ๊ะ
แปลงมุมจะมีพื้นที่สวนรอบบ้านเลย ขนาดความกว้างของพื้นที่ขึ้นอยู่กับขนาดที่ดินนะครับ ถ้าเป็นแปลงแบบนี้ ด้านข้างบ้านจะไม่มีหน้าต่างช่องเปิดนะครับถึงแม้จะเป็นแปลงมุมก็ตาม เนื่องจากระยะด้านข้างบ้านน้อยเกินไป มีช่องเปิดไม่ได้ แต่ผนังบ้านก็ไม่ต้องไป Share กับคนอื่นครับ เป็นผนังของบ้านเราเลย
ทางเข้าบ้าน พร้อม Step ถอดรองเท้า 1 ขั้น
ภายในบ้านชั้นหนึ่ง โล่งๆ ไม่มีอะไร เพราะเขาขายบ้านเปล่าอยู่แล้ว
พื้นที่หน้าโถงบันได
อีกมุม … จะสังเกตว่าสีที่ทาภายในบ้านจะไม่ใช่สีขาว แต่จะเป็นสีออกครีมๆ งาช้างๆหน่อย
ช่องเก็บของใต้บันได วัสดุหน้าบานเป็นพลาสติก
พื้นที่ที่เว้าเข้าไปเป็นครัวภายในบ้าน หรือพื้นที่สำหรับวาง Pantry
ทางขึ้นบันไดไปชั้นสอง
โถงบันได
ห้องน้ำในบ้านมาตรฐาน หน้าตาเหมือนกันกับบ้านตัวอย่างเด๊ะ
พื้นที่ภายในห้องน้ำเท่ากัน
มีกระจกสีเหมือนกัน
ประตูห้องนอนใหญ่ กับ ประตูห้องน้ำ ที่เปิดเข้าจากทางห้องนอนใหญ่
พื้นที่ในห้องนอนใหญ่
พื้นที่ในห้องนอนใหญ่มองกลับไปทางระเบียง
ทางออกไปยังระเบียง และพื้นที่สำหรับใส่ตู้เสื้อผ้า
พื้นที่ระเบียง เวลาที่ไม่มีตู้เสื้อผ้ามาบัง
ห้องนอนเล็กสองห้อง
ห้องนอนเล็กห้องแรก ห้องนี้เล็กสุด
มีพื้นที่เว้าเข้าไปสำหรับใส่ตู้เสื้อผ้าได้
ห้องนอน 2 ห้องนี้ขนาดใหญ่กว่าหน่อย
เป็นห้องสี่เหลี่ยมธรรมดา จัดเฟอร์นิเจอร์ไม่ยาก แต่เนื่องจากพื้นที่น้อยเลยอาจจะต้อง Built-in กันเยอะหน่อย เพื่อให้ได้ฟังก์ชั่นตามที่ต้องการ
โคมไฟในห้องนอนเล็กทั้งสองห้อง และห้องน้ำ ก็จะได้เป็นไฟกลมแบบนี้เหมือนกันหมด
แปลนบ้าน มี 2 ชั้น ชั้นล่างด้านหน้าเป็นที่จอดรถหน้ากว้าง 5.7 เมตร จอดรถได้ 2 คันพอดีๆ ถ้ารถไม่ใหญ่มากนะ จากหน้าบ้านเปิดประตูเข้ามาเป็นส่วน Living Area ก่อน คือโซฟาดูทีวีรวมกับส่วนห้องรับแขก, ถัดเข้ามาเป็นส่วนรับประทานอาหารที่อยู่ติดกับ Pantry ด้านหลังบ้าน และถัดไปอีกหน่อยเป็นประตูเปิดออกสู่ลานซักล้างด้านหลังบ้าน, ชั้นล่างจะมีห้องนอนเพิ่มมาอีก 1 ห้อง สำหรับบ้านไหนที่ต้องการจะได้ฟังก์ชั่นห้องนอนเพิ่มขึ้นมา (อาจจะใช้เป็นห้องนอนของผู้สูงอายุก็ได้) หรือบางคนอาจจะทำเป็นห้องเก็บของหรือห้องรีดผ้าชั้นล่าง ก็ได้เหมือนกัน จัดว่าเป็นฟังก์ชั่นเอนกประสงค์ ส่วนห้องน้ำชั้นล่างมี 1 ห้อง สำหรับทุกคนที่อยู่ชั้นล่าง สามารถใช้อาบน้ำได้
ชั้น 2 ของบ้าน มี 3 ห้องนอน และ 2 ห้องน้ำ, ห้องนอนใหญ่วางอยู่หน้าบ้าน มีห้องน้ำในตัว, และห้องนอนเล็กอีก 2 ห้องอยู่ฝั่งหลังบ้าน ใช้ห้องน้ำนอกห้อง แชร์ร่วมกัน
หน้าตาภายนอก ของบ้านตัวอย่าง Type B
ทางเข้าหน้าบ้านตัวอย่างถูกตกแต่งเอาไว้ โดยเทพื้นด้วยทรายล้าง แต่ของจริงจะเป็นพื้นปูนธรรมดา
ทางเข้าบ้านมี Step ถอดรองเท้าเหมือนกับแบบ Type A
ทางเข้ามีขนาดกว้างขึ้น โดยเพิ่มส่วนที่เป็นผนังกระจกบาน Fixed ใส่ขนาบข้างประตูกระจกเอาไว้
เข้ามาในบ้านปุ๊บ จะเจอส่วน Living & Dining ด้านล่าง
พื้นที่ชั้นล่างนี้ จริงๆแล้วจะไม่ได้มีการกั้น Partition อย่างที่เห็นในบ้านตัวอย่างนะครับ อันนี้เขาทำให้ดูเป็นไอเดียเฉยๆ แต่ของจริงจะเป็นห้องโล่งๆเลย เราสามารถเลือกที่จะแบ่งสัดส่วนได้ตามใจเรา
พื้นที่ด้านหน้าสุดจะเป็นโซฟาดูทีวี อยู่ติดกับทางเข้าบ้าน ในบ้านตัวอย่างใส่ชุดโซฟารับแขก มีโต๊ะกลาง และมีเก้าอี้ Armchair ตัวเล็กๆอีกตัว วางได้โดยไม่รู้สึกอึดอัดหรือเกะกะ
มองออกไปทางประตูทางเข้า จะเห็นว่าพอจัดเฟอร์นิเจอร์ลงไป ก็ยังพอมีพื้นที่ให้เดินผ่านได้ ไม่ขวางประตูทางเข้า แต่ทั้งนี้ต้องเลือกเฟอร์นิเจอร์ให้สัมพันธ์กับพื้นที่ด้วยนะครับ
ตรงข้ามกับโซฟา เป็นตำแหน่งวางชั้นวางทีวี ซึ่งจะถูกขนาบข้างด้วยโถงบันได และประตูทางเข้าของห้องน้ำ ทำให้ชั้นวางทีวีใส่ได้อันเล็กนิดเดียวเอง
มีพื้นที่วางทีวีอยู่แค่นี้ เลยใส่ทีวีได้จอไม่ใหญ่มาก เต็มที่ก็ประมาณ 46 นิ้ว เลยอาจจะไม่ค่อยสัมพันธ์กับระยะดูทีวีที่กว้างประมาณ 3-4 เมตรเท่าไหร่นัก
ถัดเข้ามาเป็นส่วนรับประทานอาหารที่วางอยู่โซนหลังบ้าน
พื้นที่ส่วนรับประทานอาหาร จะวางอยู่ถัดจากโซฟาดูทีวี โดยที่มีพื้นที่วาง Pantry อยู่ทางด้านหลัง ติดกับประตูหลังที่เปิดออกไปยังลานซักล้าง
โต๊ะอาหารแบบ 4 ที่นั่ง ในบ้านตัวอย่างผมว่าโต๊ะเล็กไปหน่อย คงจะเผื่อพื้นที่ให้ลูกค้าเดินเข้าเดินออกง่ายๆ แต่เวลาเรามาอยู่จริงๆ สามารถใส่โต๊ะที่ใหญ่กว่านี้ได้นะครับ เพื่อสุนทรียภาพแห่งการกินของมนุษย์โลก
ทางด้านข้างของโต๊ะทานอาหารมีพื้นที่เหลืออีกหน่อย เค้าใส่ตู้เก็บของเพิ่มเติมไว้ให้ ถ้าเราไม่ใช้ เราจะเอาออกก็ได้ เพื่อเพิ่มพื้นที่ในการวางโต๊ะอาหาร
ทางด้านหลังเป็นประตูสำหรับเปิดออกไปลานซักล้าง กับหน้าต่างอีกบาน วัสดุวงกบเป็น uPVC เหมือนส่วนอื่นๆของบ้าน
พื้นที่ตรงนี้ สามารถวาง Built-in Pantry ได้ เพื่อจะได้เป็นเคาน์เตอร์อาคารเช้า หรือ เพื่อวางเครื่องชงกาแฟ, เตาไมโครเวฟได้ เป็นเหตุผลว่าทำไมถึงต้องมีหน้าต่างตรงนี้
พื้นที่ด้านในสุด จะเหมาะสำหรับวางตู้เย็น จะได้เปิดหยิบของได้สะดวกๆ
ลานซักล้างด้านหลัง เทพื้นปูนไว้ให้
พื้นที่ด้านหลังจะเล็กหรือใหญ่ ขึ้นอยู่กับขนาดที่ดินของแต่ละแปลง
พื้นด้านหลัง Drop ลงมาจากตัวบ้านอีกราวๆ 5 ซม.
กลับเข้ามาในบ้าน มาดูห้องนอนชั้นล่างกันบ้าง ซึ่งทางเข้าห้องนอนอยู่ข้างๆโต๊ะกินข้าว
ห้องนอนนี้ขนาดไม่กว้างมาก แค่พอวางเตียง 3.5 ฟุตได้หนึ่งตัว และใส่ตู้เสื้อผ้าได้อีกหนึ่งตู้ ห้องนอนชั้นล่างนี้ อาจจะเหมาะกับผู้สูงอายุที่ไม่อยากเดินขึ้นชั้นสอง แต่จริงๆไม่ต้องทำเป็นห้องนอนก็ได้ เพราะฟังก์ชั่นมันเหมาะที่จะเป็นห้องเอนกประสงค์ เป็นห้องรีดผ้า, ห้องเลี้ยงเด็กอ่อน, ห้องทำงาน หรือ จะทำเป็นห้องครัวปิดภายในบ้านก็ได้
เตียงใส่เป็นเตียง Built-in Bed ขนาด 3.5 ฟุตมา ซึ่งฟิตเต็มผนังเลย รู้สึกว่าคนที่นี่จะชอบเตียง Built-in นะครับ เพราะว่า ใช้พื้นที่ได้คุ้มดี แต่ว่าถ้าผู้อยู่อาศัย เป็นคนตัวสูงๆ ขาวยาวๆ เช่นสูงเกิน 180 ซม. อะไรงี้ ขามันจะเลยออกมานะครับ ซึ่งเวลานอนจะทำให้เหยียดขาได้ไม่เต็มที่ ถ้าเป็นแบบนั้น เตียง Built-in ก็อาจจะไม่เหมาะครับ 🙂 เราต้องเลือกเฟอร์นิเจอร์ให้เหมาะกับการใช้งาน และสรีระของผู้อยู่อาศัยด้วยนะครับ
ด้านข้างของเตียงเป็นหน้าต่างบานเลื่อน ซึ่งเปิดออกไปยังส่วนหลังบ้าน
หัวเตียงที่บิ๊วขึ้นมา เอาไว้วางของเล็กๆน้อยๆได้ เช่น วางหนังสือที่อ่านก่อนนอน
ตู้เสื้อผ้า ใส่มาเป็นตู้ Built-in รูปตัว L ที่สามารถเก็บของกระจุกกระจิกได้ด้วย พื้นที่ข้างเตียงมีพอที่จะใช้หน้าบานเป็นบานสวิง เปิดออกกว้างๆได้
ติดกับประตูทางเข้า วางโต๊ะแต่งตัวเอาไว้แบบนี้ เป็นโต๊ะแบบ Built-in เข้าผนังเหมือนกัน
เหนือโต๊ะจะมีบานหน้าต่างภายในบ้านแบบเข้ามุมแบบนี้ เพื่อให้ห้องนี้ไม่ทึบเกินไป และมีแสงธรรมชาติส่องเข้ามาจากภายนอกได้ ตัวหน้าต่างมีบานกระทุ้งให้หนึ่งบานเพื่อการระบายอากาศ ให้อากาศในห้องนี้หมุนเวียนได้ กรณีที่เราอาจจะไม่ได้เปิดแอร์ ก็ใช้วิธีเปิดหน้าต่างรับลมแทน
ด้านบนก็มีบานกระจกเข้ามุมด้วย เพื่อให้แสงเข้าได้มากที่สุด
ถัดมาเป็นประตูทางเข้าห้องน้ำที่อยู่ชั้นล่าง อยู่ติดกับชั้นวางทีวี
ห้องน้ำห้องนี้เป็นห้องน้ำที่อยู่ใต้โถงบันไดนะครับ ดังนั้นจะมีบางส่วนของเพดานห้องน้ำที่ถูกตัดไปตามความสูงของบันได
พื้นที่ในห้องน้ำมีแค่พอให้ใช้งานได้ ไม่ได้ใหญ่มาก แต่ก็ใส่ฟังก์ชั่นมาครบ สามารถใช้อาบน้ำได้ สเป็ควัสดุในห้องน้ำ ก็จะเหมือนกับห้องที่แล้วที่เราดูมา
พื้นที่อาบน้ำ ไม่สามารถกั้นส่วนเปียกส่วนแห้งได้ แต่พื้นที่ดีกว่าห้องน้ำชั้นล่างของยูนิต Type A มาก
พื้นที่วางโถสุขภัณฑ์ และราวตากผ้าเช็ดตัว
พื้นห้องน้ำ ถูกดรอปลงมาประมาณ 10 ซม. โดยที่ไม่มีธรณีประตู เพื่อกันน้ำไม่ให้ไหลออกไป และ เพื่อเพิ่มความสูงของปริมาตรในห้องน้ำด้วย ให้ดูโปร่งขึ้น เนื่องจากต้องมาอยู่ใต้บันไดที่เตี้ยอยู่แล้ว อันนี้ก็จะช่วยได้นิดหน่อย
โถงบันไดขึ้นชั้นสอง ตัวโครงสร้างบันไดเป็นคอนกรีตเสริมเหล็ก ปิดผิวขั้นบันไดด้วยไม้ยาง
มีช่องแสงธรรมชาติที่ชานพักบันได ตามสูตร เพื่อให้บันไดสว่าง
เดินขึ้นมาที่ชั้นสอง
โถงหน้าบันไดชั้นสองของ Type B ใหญ่กว่า Type A เยอะเลย ทั้งๆที่เพิ่มพื้นที่มาแค่ 1-2 ตารางเมตรเท่านั้น เพราะมันให้ความรู้สึกที่ปลอดภัย มั่นคงกว่า
อันนี้ถ่ายให้ดูรูปร่างของโถงบันไดแบบเต็มๆ ด้วยความที่พื้นที่มีจำกัด จึงต้องใส่โถงบันไดให้มีชานพักรูปสามเหลี่ยมตรงมุมบันไดทั้งสองด้าน
ขึ้นมาที่ชั้นสองแล้ว เราเข้าไปดูห้องนอนเล็กทั้ง 2 ห้องกันก่อน เริ่มจากห้องทางซ้ายเป็นห้องนอนเล็กสุด
ห้องนอน#3 นี้ เทียบกับ Type A แล้ว สามารถจัดออกมาได้ลงตัวกว่ามาก เพราะว่าสามารถวางตู้เสื้อผ้า, โต๊ะทำงาน และเตียงนอนไว้เรียงขนานกันแบบนี้ได้เลย การใช้งานจะเป็น Flow ที่ดีกว่า มีพื้นที่ให้เดินหน้า ถอยหลัง พลิกตัว กลิ้งไปมา ได้เยอะกว่า แต่การจัดแบบนี้ ใช้เฟอร์นิเจอร์ Built-in ทั้งหมดนะครับ
เตียงนอน จัดเป็นเตียง 3.5 ฟุต วางชิดริมหน้าต่าง โดย Built-in ใส่ชั้นวางของที่หัวเตียงและปลายเตียงเอาไว้
พื้นที่หัวเตียง ทำเป็นโต๊ะแต่งตัว+โต๊ะทำงานเล็กๆ สำหรับวางของเล็กๆน้อยๆ, นั่งแต่งตัว หรือเอาคอมมาวางที่หัวเตียง แล้วนั่งเล่นจากบนเตียงได้ ผมรู้ว่าคุณหลายๆคนชอบเล่นคอมบนเตียง
พื้นที่ปลายเตียงวางของได้อีกส่วนหนึ่ง ผมแนะนำว่า ถ้าคุณเป็นคนนอนดิ้น เราไม่ควรเอาอะไรที่แตกได้มาวางตรงนี้ เพราะไม่งั้นเราอาจจะเอาเท้าเขี่ยมันตกเตียงได้ หรือไม่คนที่นอนเตียงนี้ก็น่าจะตัวเล็กๆหน่อย หรือเป็นเด็กๆ
พื้นที่วางตู้เสื้อผ้ามีเท่านี้
พื้นที่เพียงพอที่จะใส่ตู้เสื้อผ้าที่มีหน้าบานเป็นบานสวิงได้ เพราะมีพื้นที่สำหรับเปิดตู้ได้สะดวกๆ
หน้าต่างวางอยู่ข้างๆเตียง เปิดออกไปแล้วเจอหน้าต่างของห้องนอนบ้านที่อยู่ด้านหลังพอดี … จะมีใครมาพบรักแถวนี้เหมือนในหนังมั้ยนะ 555+
ชะโงกหัวออกไปดูนอกหน้าต่างนิดนึง มีจุดติดตั้ง Compressor วางอยู่ทางด้านหลังบ้าน แขวนอยู่แบบนี้ เวลาจะซ่อมบำรุงนี่ต้องพาดบันไดแล้วปีนขึ้นมานะครับ
ต่อมาเป็น ห้องนอน#2 สำหรับลูกชายคนโปรด
เปิดเข้าห้องมาเจอตู้เสื้อผ้าก่อนเลย ซึ่งก็เหมือนกับห้องที่แล้ว ที่เราสามารถวางตู้แบบหน้าบานเป็นบานสวิงได้
พื้นที่เปิดตู้เพียงพอ แต่ขนาดตู้อาจจะเล็กไปหน่อย ไม่พอสำหรับเสื้อผ้าวัยรุ่นยุคใหม่
พื้นที่ในห้องสามารถวางเตียงขนาด 5 ฟุตได้ และยังมีพื้นที่ด้านข้างเตียงทั้ง 3 ด้านเหลืออยู่ ห้องนี้ถ้าใครอยากจะให้ลูกแฝดนอนด้วยกันสองคนก็พอได้อยู่นะ เอาเด็กตัวเล็กๆหน่อย
หัวเตียงฝั่งนี้ใส่โต๊ะทำงานเล็กๆเอาไว้ พร้อมเก้าอี้อีกหนึ่งตัว
ปลายเตียงมีพื้นที่พอจะทำชั้นวางของขนาดเล็กๆได้ ชิดติดกับผนัง แล้วถ้าจะติดทีวีในห้องนี้ ก็สามารถแขวนขึ้นผนังได้ โดยไม่เกะกะทางเดิน
ด้านข้างเตียงฝั่งที่ติดผนัง ก็สามารถเว้นที่เอาไว้ใส่โต๊ะหัวเตียงได้อีกตัว
กลับออกมาที่โถงชั้นสอง
ตู้ไฟวางอยู่เหนือประตูทางเข้าห้องนอน Master Bedroom
ก่อนจะเข้าห้องนอนใหญ่เรามาดูห้องน้ำของชั้น 2 ก่อน โดยห้องน้ำนี้จะเป็นห้องที่ใช้ร่วมกันระหว่างห้องนอน #2-3 พื้นที่ห้องน้ำให้มาประมาณนี้
อ่างล้างหน้า ติดกระจกเงามาให้แล้ว ยี่ห้อ Victor เหมือนกัน
พื้นที่วางโถสุขภัณฑ์ อยู่รวมกับพื้นที่อาบน้ำเลย ไม่มีการกั้นส่วนเปียกส่วนแห้ง
พื้นที่ส่วนอาบน้ำทำเป็นพื้นที่ที่เว้าเข้าไปอีกหน่อย เพื่อแยกสัดส่วนการใช้งานให้ชัดเจน ผนังห้องน้ำใช้กระเบื้องขนาด 30×45 ซม. สลับสีเล่นลวดลายนิดหน่อย
ส่วนสุดท้ายของบ้านนี้ก็คือ ห้องนอน Master Bedroom ที่อยู่ที่ชั้นสอง ตำแหน่งด้านหน้าบ้าน โดยมีหัวเตียงหันไปทางหน้าบ้านพอดี ติดกับหน้าต่าง
เตียงในห้องนี้จัดวางเตียงขนาด 7 ฟุตเอาไว้ให้ดูว่าสามารถใส่ได้ โดยจะเป็นเตียงขนาด 3.5 ฟุต 2 ตัววางติดกัน แบบที่เห็นในรูปนี้
พื้นที่ห้องโดยรวมหลังจากใส่เตียงลงไปแล้ว
พื้นที่ปลายเตียงเหลือค่อนข้างเยอะ แต่ว่าดันอยู่ตรงกับตำแหน่งประตูทางเข้าห้อง ทำให้ไม่สามารถจัดตู้ปลายเตียงได้ใหญ่นัก
ตู้ปลายเตียงวางได้แค่นี้เอง ถ้าไม่ชอบต้องหันปลายเตียงไปทางอื่นนะครับ
พื้นที่ข้างเตียง แม้จะใส่เตียง 7 ฟุตมาแล้ว ก็ยังจัดให้มีโต๊ะข้างเตียงได้ทั้ง 2 ด้าน
มองไปอีกด้านหนึ่งของเตียง
ตำแหน่งของหน้าต่างอยู่ตรงกับหัวเตียง ซึ่งจริงๆแล้วไม่ค่อยเหมาะเท่าไหร่ เพราะแสงสว่างจะส่องเข้ามาแยงตาเราตอนเช้าๆ เวลาที่เราอยากนอนตื่นสายๆ ทำให้เราต้องติดม่าน หรือมูลี่ ซึ่งพวกม่านพวกนี้จะเป็นสิ่งที่เก็บฝุ่น ซึ่งจะไม่ค่อยดีต่อสุขภาพนัก นอนกับฝุ่นนานๆอาจจะทำให้เป็นภูมิแพ้ได้ เราควระต้องหาตำแหน่งวางหัวเตียงใหม่ดีกว่า ให้ตำแหน่งหน้าต่างอยู่ด้านข้างของเตียงจะเหมาะกว่า ซึ่งห้องนี้ก็ยังพอมีพื้นที่ให้ทำได้
ตัวหน้าต่างจะเป็นบ้านเลื่อนแบบนี้
ตัวล็อคหน้าต่าง 1 ชั้น
หน้าต่างบาน Fixed แบบ Baywindow เข้ามุมผนัง ให้ได้มุมมองของวิวนอกบ้านที่กว้างขึ้น
ข้างๆหน้าต่างบานสไลด์ มีบ้านกระทุ้งติดคู่กันอีกหนึ่งบาน
พื้นที่ข้างเตียงอีกด้านหนึ่ง
พื้นที่ตรงนี้เอาไว้สำหรับวางโต๊ะแต่งตัวได้ หรือใครจะใส่ตู้เสื้อผ้าเพิ่มตรงนี้ก็ทำได้นะ ให้มาเป็นห้องเปล่าๆอยู่แล้ว
ตู้เสื้อผ้าห้องนี้ค่อยใหญ่ขึ้นมาจาก Master Bedroom ของ Type A หน่อย แต่ถึงมีขนาดนี้ก็ยังไม่น่าจะเพียงพออยู่ดีสำหรับการอยู่อาศัยสองคน น่าจะต้องหาจุดวางตู้เพิ่ม เพื่อเก็บเสื้อผ้า หรือของใช้ส่วนตัวอื่นๆ
ตรงนี้เป็นทางเข้าห้องน้ำครับ ผนังทางซ้ายก่อนเข้าห้องน้ำตรงนี้ จริงๆแล้วจะไม่มีนะครับ เป็นผนังที่ทำขึ้นมาสำหรับโต๊ะเครื่องแป้งเฉยๆ
ห้องน้ำใน Master Bedroom ถือว่าเป็นห้องที่สมบูรณ์ที่สุดแล้ว ในบรรดาห้องน้ำทุกห้อง เพราะพื้นที่เยอะสุดด้วย เข้ามาปุ๊บจะเจอกับอ่างล้างหน้า อยู่ตรงข้ามกับโถสุขภัณฑ์ดังรูป
พื้นที่รอบๆโถสุขภัณฑ์ จริงๆก็ไม่ได้เยอะมาก แต่จัดได้เท่านี้ก็เรียกว่าเต็มที่แล้ว
พื้นที่อาบน้ำของห้องนี้ สามารถแยกส่วนเปียกส่วนแห้งได้ โดยจะวาง Shower Box อยู่ทางด้านในสุด ในพื้นที่ที่เว้าเข้าไปแบบนี้
พื้นที่อาบน้ำมีธรณีกั้น ขนาดไม่ใหญ่มาก ไม่สามารถใส่พวกฉากกั้นอาบน้ำแบบแข็งได้ ทำได้เต็มที่ก็แค่ติดผ้าม่านอาบน้ำ
ชุดฝักบัวแบบ Hand Shower สามารถปรับระดับได้
หัวฝักบัวแบบปรับความแรงของน้ำได้
หัวก็อกน้ำของ Victor
ด้านข้างใส่กระเบื้องสีมาให้เหมือนกับห้องน้ำห้องอื่นๆ … ถ้าใครไม่ชอบก็สามารถเลาะออกเปลี่ยนได้นะครับ
ตำแหน่งของห้องน้ำ จะอยู่ตรงกับทางออกระเบียงพอดี ประตูระเบียงวัสดุเป็น uPVC สีขาว ติดกระจก Tempered Glass
พื้นที่ระเบียง และ ราวกันตก
พื้นที่ระเบียงของ Type B ก็ไม่ต่างจาก Type A เท่าไหร่ แค่พอยืนได้แค่นั้น
ด้านบนของระเบียง เป็นจุดสำหรับแขวน คอยล์ร้อนของแอร์ อยู่ข้างบนโน่น
บ้านตัวอย่างมีเท่านี้ครับ เราไปดูบ้านมาตรฐานที่เราจะได้กันบ้างดีกว่า
ตัวบ้านของจริงที่เราจะได้ หน้าตาแบบนี้ฮะ หน้ากว้างแต่ละหลัง 5.7 เมตร มีส่วน Facade ที่ดูต่อเนื่องกันไปในลักษณะนี้
ประตูรั้วของบ้าน เป็นแบบบานพับ 6 ตอน วัสดุเป็นเหล็กพ่นสีดำ สามารถเปิดออกได้กว้าง ให้รถเข้าออกได้สะดวกหน่อย … ประตูแบบนี้จะเป็นแบบอัตโนมือนะครับ แต่ถ้าใครอยากได้ประตูแบบอัตโนมัติ ใช้รีโมทเปิด ก็สามารถเปลี่ยนได้นะครับ เดี๋ยวนี้เค้าก็มีประตูโค้งๆที่เปิดอัตโนมัติได้ในพื้นที่จำกัดๆแบบนี้ … การเปลี่ยนเป็นประตูแบบอัตโนมัติมีข้อดีหลักๆคือ เราไม่ต้องลงจากรถในการเปิดประตู มีประโยชน์มากในวันที่ฝนตก หรือแดดร้อนจัดๆ
หน้าตา Mailbox ของบ้านมาตรฐาน ทางซ้ายจะเห็นกริ่งประตูด้วย ซึ่งติดมาให้แล้ว
ตำแหน่งมิเตอร์น้ำวางอยู่หน้าบ้านแบบนี้
เข้ามาในบ้านแล้ว พื้นที่ลานจอดรถเทปูนเปลือยแบบนี้ไว้ให้
รั้วด้านข้างเป็นรั้วอิฐบล็อคสีเทาแบบนี้ ไม่ได้ทาสี
ท่อระบายน้ำภายนอกบ้าน
ตัวรั้วบ้าน กับพื้นบ้าน วางอยู่ติดกันเลย โดยไม่มีการเซาะร่องเว้นระยะห่างไว้ … ซึ่งในอนาคตอาจจะทำให้เกิดรอยร้าวตรงรอยต่อระหว่างพื้นลานจอดรถกับรั้วบ้านได้นะครับ
ด้านข้างบ้านมีการเดินท่อน้ำสำหรับใช้ภายนอกไว้ให้ แต่ต้องไปหาหัวก็อกมาติดเพิ่มเองครับ
ประตูเข้าบ้าน หน้าตาเหมือนกับห้องตัวอย่าง
หลอดไฟหน้าบ้านเป็นแบบหลอดกลม
พื้นที่ในบ้านเมื่อเดินเข้ามา ต้องบอกก่อนว่าบ้านหลังนี้เป็นบ้านแปลงมุมนะครับ (ภายในกับภายนอกผมถ่ายจากบ้านคนละหลังครับ) ทำให้หลังนี้มีหน้าต่างด้านข้างด้วย พื้นที่ในบ้านจะดูโปร่งกว่าบ้านแปลงกลางที่ไม่มีหน้าต่างด้านข้าง
พื้นที่หน้าโถงบันได, ตำแหน่งวางชุดทีวี และทางเข้าห้องน้ำชั้นล่าง
ห้องน้ำชั้นล่างก็หน้าตาเหมือนกับในบ้านตัวอย่าง ไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไร
พื้นที่ส่วนรับประทานอาหาร และด้านหน้าของห้องนอนชั้นล่าง จะเห็นว่าไม่มีผนังกั้นแยกส่วน Living กับ Dining เหมือนดังในบ้านตัวอย่างนะครับ
พื้นที่ในห้องนอน#4 ที่อยู่ชั้นล่าง
ประตูห้องนอน#4 และหน้าต่างที่อยู่ในห้องนอน
ประตูเปิดออกไปยังหลังบ้าน
พื้นที่หลังบ้านเป็นแบบนี้ เทปูนเปลือยธรรมดาไม่มีอะไร
ขึ้นไปดูชั้นสองกัน … ก่อนขึ้นจะเห็นพื้นที่วางทีวีตรงข้างๆบันไดตรงนี้ ขนาดแค่พอวางทีวีได้ แต่แนะนำให้เอาแขวนติดผนังดีกว่านะครับ
โถงบันไดของบ้านจริง
โถงหน้าห้องชั้นสอง
ห้องนอน#3 ขนาดเล็กสุด
ห้องนอน#2 มีหน้าต่างสองด้าน ห้องนอนเล็กทั้งสองห้องมี Layout เป็นห้องสี่เหลี่ยม จัดเฟอร์นิเจอร์ไม่ยากเท่าไหร่
ห้องน้ำชั้น 2 หน้าตาไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรไปจากบ้านตัวอย่าง
พื้นที่ห้องนอน Master Bedroom แบบโล่งๆ
ส่วนด้านนี้เป็นตำแหน่งวางเตียง
หน้าต่างในบ้านจริง จะให้เป็นบาน Fixed เข้ามุม 1 บาน และบานเลื่อนเปิดได้ 1 บาน
ห้องน้ำของห้องนอนใหญ่ Layout เหมือนเดิม
ห้องน้ำห้องนี้อยู่แปลงมุม จึงมีบานกระทุ้งเล็กๆ สำหรับเปิดออกระบายอากาศ และรับแสงธรรมชาติได้
พื้นที่ระเบียงของบ้านตัวอย่าง
จบแล้วครับ สำหรับการพาทัวร์แบบเจาะลึกของบ้านตัวอย่าง/บ้านมาตรฐาน ของ Gusto พระราม 2 ปิดท้ายด้วยวิวจากหน้าต่างของบ้านตัวอย่าง
ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 15 July 2014
- ทาวน์โฮม Type A : 1 ที่จอดรถ 109 ตารางเมตร แปลง C47, C48, C49, C77, C79 ขนาดที่ดิน 18.5 ตารางวา ราคา 2.25 ล้านบาท
- ทาวน์โฮม Type B : 2 ที่จอดรถ 132 ตารางเมตร แปลง A58 ขนาดที่ดิน 24.2 ตารางวา ราคา 2.97 ล้านบาท
- ทาวน์โฮม Type B : 2 ที่จอดรถ 132 ตารางเมตร แปลง B02 ขนาดที่ดิน 21.9 ตารางวา ราคา 2.88 ล้านบาท
- จอง 10,000 บาท
- ทำสัญญา 30,000 บาท
- ที่ดินเพิ่มลด ราคาตารางวาละ 60,000 บาท
- ค่าส่วนกลาง 25 บาทต่อตารางวาต่อเดือน จัดเก็บล่วงหน้า 2 ปี
**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ
ทำเลของโครงการ Gusto พระราม 2 อยู่บนถนนบางขุนเทียน-ชายทะเล และอยู่ในซอยเทียนทะเล 19 อีกทีหนึ่ง เหมาะกับคนที่ทำงานในย่านนี้เป็นหลัก คือ พระราม 2, บางขุนเทียน, เอกชัย, หรือเป็นคนที่ไปกลับต่างจังหวัด ที่อยู่ทางตะวันตกของกทม. เช่น สมุทรสาคร สมุทรสงคราม แต่อยากได้ที่อยู่อาศัยในกรุงเทพที่พอจะเดินทางได้ โดยไม่ต้องข้ามสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยามาฝั่งนี้ และทำเลย่านนี้เป็นจุดที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกอยู่เยอะในระยะขับรถ เพราะมีห้าง มีโรงพยาบาล ตั้งอยู่เยอะบนเส้นพระราม 2 แต่ที่ตั้งของโครงการต้องบอกว่าอยู่ลึกมาจากถนนพระราม 2 พอสมควร ประมาณ 5 กิโลกว่าๆ และยังต้องเข้าซอยไปอีกประมาณ 750 เมตร ทำให้ควรจะเป็นคนที่ใช้รถในการเดินทางเป็นหลัก ยังดีที่สภาพซอยมีถนนที่ค่อนข้างดีหน่อย ไม่ใช่ซอยแคบๆ เพราะได้อานิสงส์มาจากวัดหัวกระบือที่ตั้งอยู่ด้านใน แต่บรรยากาศภายในซอยเงียบๆ ไม่ค่อยเหมาะกับการเดินเข้ามาอยู่ดี
การเดินทางด้วยรถยนต์ จะว่าสะดวกก็สะดวก จะว่าไกลก็ไกล คือมีให้ใช้ทั้งทางด่วนพระราม 2 และ ถนนวงแหวนกาญจนาภิเษกให้ขึ้นได้ แต่มีข้อเสียคือ รถติดอยู่พอสมควร และเรื่องทางกลับรถที่อยู่ห่างกันมาก อย่างที่บอกไปตอนต้นของรีวิว
การเดินทางโดยไม่ใช้รถ หลักๆที่มีให้ใช้จะเป็นพวกรถสองแถว ที่วิ่งวนอยู่ในโซนพระราม 2 ที่มีต้นสายอยู่ที่ Big C และวิ่งเข้ามาในซอยวัดหัวกระบือด้วย วิ่งไปเซ็นทรัลพระราม 2 ได้ด้วย แต่ Loop ของการเดินรถค่อนข้างใหญ่ ทำให้การจะนั่งแต่ละทีกินเวลาพอสมควร และไม่ได้มีผ่านมาบ่อยนัก (เท่าที่เห็นกับตัวเอง) แต่ก็พอพึ่งพาได้อยู่ในยามที่ไม่มีรถ, พวกรถเมล์บนเส้นบางขุนเทียนนี่หายาก เรียกว่าแทบไม่มีเลยก็ได้ ส่วนใหญ่จะมีพวก มอเตอร์ไซค์รับจ้าง กับ รถแท็กซี่มากกว่า ที่จะอยู่กระจายๆไปตามซอย ต้องเดินออกมาจากปากซอยเทียนทะเล 19 ก่อน ถึงจะเรียกรถได้
มาพูดถึงตัวโครงการ Gusto พระราม 2 บ้าง รูปแบบโครงการจัดออกมาเป็นทาวน์โฮม 2 ชั้น บนที่ดินประมาณ 30 ไร่ กับจำนวนบ้าน 303 หลัง ความหนาเรียกได้ว่าก็ปกติสำหรับบ้านในราคานี้ ถนน Main Road ของโครงการด้านหน้ากว้างหน่อย คือ 16 เมตร แล้วค่อยลดเป็น 12 เมตรด้านใน แต่ถนนซอยก็คือ 9 เมตรตามมาตรฐานที่กฎหมายกำหนด ข้อเสียจะมีก็ตรงที่พื้นที่สีเขียว และต้นไม้ในโครงการมีน้อยไปหน่อย ไม่รู้ว่าตอนที่ผมไปดูนี่คือยังไม่เอาต้นไม้มาลงเพิ่มหรืออย่างไร แต่ผมคิดว่ายังไม่ค่อยร่มรื่น และสวนสาธารณะยังจัดออกมาได้ไม่ค่อยน่าใช้นัก คือไม่มีเก้าอี้นั่ง และไม่มีร่มเงาของต้นไม้เท่าไหร่ สงสัยต้องรอให้ต้นไม้โตกว่านี้หน่อย และอาจจะจัดม้านั่งไปใส่ไว้ในสวนบ้าง เพื่อให้ลูกบ้านสามารถไปนั่งได้
การออกแบบตัวบ้าน ถือว่าวางฟังก์ชั่นลงตัวใช้ได้ ตามราคาที่จ่ายไป บ้าน Type A จัดพื้นที่ออกมาแน่นมาก อาจจะแน่นไปหน่อย ทำให้อะไรๆในบ้านก็ดูเล็กไปหมด เตียงเล็ก ตู้เสื้อผ้าเล็ก พื้นที่เก็บของน้อย พื้นที่ห้องน้ำแคบ แต่คือต้องเข้าใจว่าเป็นการพยายามยัดฟังก์ชั่นให้สามารถมีได้ ในบ้านที่มีพื้นที่จำกัด แต่พอขยับขึ้นมาเป็น Type B แล้ว ความรู้สึกจะต่างเลย คือนอกจากจะได้ฟังก์ชั่นเพิ่มขึ้นแล้ว พื้นที่ในห้องต่างๆยังสามารถจัดเฟอร์นิเจอร์ได้ลงตัวกว่า มีพื้นที่หายใจเยอะกว่า และที่สำคัญคือห้องน้ำของ Type B ดูลงตัวกว่า Type A มาก แต่อย่างไรก็ดี พื้นที่ในบ้านของทั้ง 2 แบบก็ยังน้อยอยู่ดี การจะจัดเฟอร์นิเจอร์ให้ลงตัวทั้งบ้านได้ อาจจะต้อง Built-in เยอะหน่อย เพื่อให้ใช้สอยพื้นที่ได้คุ้มที่สุด ส่วนพื้นที่ชั้นล่างของบ้าน ดีอย่างตรงที่ มีพื้นที่พอที่จะจัดครัวปิดให้อยู่ภายในบ้านได้ แต่ต้องอาศัยการปรับปรุง เปลี่ยนแปลงพื้นที่นิดหน่อย เช่นกั้นผนังเพิ่ม แต่สามารถมีครัวได้โดยไม่ต้องต่อเติมหลังบ้าน และปล่อยพื้นที่หลังบ้านเป็นลานซักล้างที่ได้แดดธรรมชาติได้
วัสดุอุปกรณ์ต่างๆที่ให้มา โดยรวมแล้วจัดว่ามาตรฐานของราคาระดับ 2-3 ล้านบาท มีตัวชูโรงเป็นพวก กรอบกระจก uPVC ที่ให้ Spec ใกล้เคียงกับบ้านเดี่ยวบางโครงการ แต่นอกนั้นก็ปกติ คือ พื้นชั้นล่างเป็นกระเบื้องแกรนิโต้ 60×60, พื้นชั้นบนเป็นลามิเนต, บันไดพื้นไม้ยาง โครงสร้างของบ้านใช้การก่อสร้างแบบ Tunnel Form ซึ่งก็เรียกว่าเป็นมาตรฐานไปแล้วของทาวน์โฮมคลาสเดียวกันนี้ แต่จะมีจุดติอย่างหนึ่ง ตรงที่ส่วนพื้นบ้านที่เป็นพื้นภายนอก เช่น พื้นลานซักล้าง, พื้นลานจอดรถ จะอยู่ติดกับกำแพงบ้านเลย โดยไม่มีการเซาะร่องด้านข้าง อาจจะทำให้เกิดรอยร้าวตรงบริเวณรอยต่อของพื้นและกำแพงได้ ซึ่งลักษณะนี้ ก็ต้องบอกว่าพบเห็นได้บ่อยในทาวน์โฮมในเกรดเดียวกัน
ส่วนสาธารณูปโภคในโครงการ ที่ให้มาหลักๆจะมีสวนสาธารณะขนาดประมาณ 1 ไร่ และระบบรักษาความปลอดภัยต่างๆ พวกประตูทางเข้า, รปภ.ประจำตามจุดต่างๆในโครงการ ตลอด 24 ชม. และ กล้อง CCTV ที่ติดไว้หน้าทางเข้าของโครงการ รวมๆแล้วก็ไม่ได้ด้อยไปจากที่คาดหวังของโครงการระดับ 2-3 ล้านครับ เรียกว่าให้มาเป็นมาตรฐานของคลาสนี้
Judgement
ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง 40%, ความปลอดภัย 15%, การออกแบบและพื้นที่ใช้สอย 15%, วัสดุ 10%, พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ 10%, และสาธารณูปโภค 10%
เทียบกับแพคเกจ 2-3 ล้านบาท, 21 July 2014
- ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง 7.5/10 – ทำเลอยู่ในซอยวัดหัวกระบือ, ถนนบางขุนเทียน-ชายทะเล ไกลจากตัวเมือง แต่สภาพถนนดี มีทางด่วนให้ขึ้น มีถนนวงแหวนให้ใช้ มีสองแถวให้เรียก เทียบกับราคาแล้วจัดว่าพอใช้ได้
- ความปลอดภัย 8/10 – ท่ามาตรฐาน คือ รั้วกั้นไม้กระดก, รปภ.หน้าหมู่บ้าน และกระจายตามจุด, CCTV ที่ทางเข้า, รั้วโครงการสูง 2 เมตร ถ้าเทียบกับราคาก็ไม่เลว
- การออกแบบและพื้นที่ใช้สอย 8/10 – ฟังก์ชั่นเทียบกับราคา จัดอยู่ในเกณฑ์ดี แต่การจัดพื้นที่ใช้สอยยังมีจุดให้ปรับปรุงได้อยู่หลายจุด
- วัสดุ 7.5/10 – พื้นแกรนิโต้+ลามิเนต ให้กรอบ uPVC และกระจก Tempered Glass เขียวตัดแสงรอบบ้าน, ที่เหลือก็มาตรฐานตามราคา
- พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ 7/10 – โครงการใหญ่ ทางเข้าใหญ่ ถนนกว้างใช้ได้ แต่พื้นที่สีเขียวน้อยไปหน่อย ต้องรอต้นไม้โต และจัด Landscape ให้น่าใช้งานกว่านี้นิดนึง
- สาธารณูปโภค 7.5/10 – เทียบกับราคาบ้านและค่าส่วนกลางที่ต้องจ่ายไป ให้มาเท่านี้ก็จัดว่ามาตรฐานครับ
- 7.60 / 10.00
BOTTOM LINE
Gusto พระราม 2 จัดเป็นทาวน์โฮมสำหรับคนย่านพระราม 2 – บางขุนเทียน – เอกชัย หรือ อาจจะเป็นคนที่ทำงานโซนมหาชัยแล้วอยากได้บ้านในกรุงเทพหน่อย มีความอุดมสมบูรณ์ในระยะขับรถถึง หวังพึ่งพาห้างใหญ่ๆบนถนนพระราม 2 ตัวบ้านจัดฟังก์ชั่นออกมาเหมาะสมกับครอบครัวเล็กๆที่มีสมาชิกจำนวน 3-5 คน มองหาบ้านราคาในช่วง 2-3 ล้านบาท แล้วได้มาอยู่ในรั้วโครงการขนาดใหญ่ ที่ได้เรื่องของความปลอดภัยเพิ่มเข้ามา มีพื้นที่กว้างๆให้เด็กๆปั่นจักรยานเล่นได้ และมีบริการหลังการขายจาก Q.House แต่ราคานี้ต้องเตรียมงบตกแต่งไว้อีกซัก 4-6 แสนด้วยนะ เพื่อให้ได้ฟังก์ชั่นบ้านที่สมบูรณ์อย่างที่มันควรจะเป็นครับ
ชอบกด Like ใช่กด Share เลยนะครับ 😉