รีวิวฉบับที่ 744 … พักหลังมานี้ Golden Land Residence เปิดตัวโครงการบ้านแนวราบมามากมายนะครับ ซึ่งแบรนด์ส่วนใหญ่ที่เปิดตัวมา ก็จะเน้นเจาะกลุ่มลูกค้าระดับกลาง ถึง กลางล่าง เป็นหลัก อันได้แก่ Golden Town, Golden Avenue, Golden Village ซึ่งจะมีราคาขายตั้งแต่ 1-6 ล้าน หรือไม่งั้นก็จะขยับเป็นกลุ่ม High-End ไปเลย คือ Golden Legend ที่เปิดตัวด้วยราคาหลัก 20-30 ล้าน แต่มาวันนี้ ในที่สุด Golden Land ก็เปิดตัวบ้านเดี่ยวแบบใหม่ระดับ 7-11 ล้าน ที่อยู่ในระดับ Upper Class มาให้พวกเรายลโฉมกันเสียที ซึ่งเป็นระดับราคาที่หลายๆคนมองหา โครงการนี้ชื่อว่า GOLDEN PRESTIGE วัชรพล-สุขาภิบาล 5 ครับ ออกแบบมาเป็นบ้าน 3 ชั้น บนที่ดินเริ่มต้น 50 ตารางวา โดยมีจุดเด่นที่บ้านทุกหลังจอดรถได้ไม่ต่ำกว่า 4 คัน และยูนิตส่วนใหญ่อยู่ในราคาไม่เกิน 10 ล้าน เราไปดูกันว่าที่นี่เค้าจะทำออกมาเป็นแบบไหน
Fact @ 11 December 2014
- Golden Prestige วัชรพล-สุขาภิบาล 5
- Golden Land Residence
- Segment : UPPER CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment บ้านได้ที่นี่)
- โครงการตั้งอยู่ในเขต : สายไหม
- เนื้อที่โครงการ 39-0-95.4 ไร่
- จำนวนยูนิต 161 ยูนิต
- บ้านเดี่ยว 3 ชั้น
- แบบ Chicago 5 ห้องนอน 4 ห้องน้ำ 4 ที่จอดรถ
- แบบ New York 6 ห้องนอน 5 ห้องน้ำ 4 ที่จอดรถ
- แบบ Manhattan 6 ห้องนอน 7 ห้องน้ำ 4 ที่จอดรถ
ช่วยกันคอมเม้นท์ แบ่งปันข้อมูลกับเพื่อนๆที่กำลังหาบ้านหน่อยนะครับ
NEW! เพื่อนๆสามารถเลือกอ่านตามหัวข้อได้โดยกดปุ่มไปยังหัวข้อที่สนใจได้นะครับ
พิกัด : 13.889482, 100.656982
ตำแหน่งที่ตั้งของโครงการจะอยู่บน ถนนสุขาภิบาล 5 ครับ อยู่ในย่านวัชรพล-สายไหม จัดว่าเป็นทำเลที่ไกลจากตัวเมืองพอสมควรอย่างที่เรารู้ๆกัน (ประมาณ 26 กิโล ถึงสยามพารากอน เป็นต้น) แต่ว่าโครงการจะอยู่ใกล้กับทางขึ้นทางด่วนรามอินทรา-อาจนรงค์ (ด่านสุขาภิบาล 5) ชนิดที่ว่าออกจากโครงการมาไม่ถึงกิโลก็ขึ้นทางด่วนได้เลย โดยทางด่วนสายนี้ถ้าวิ่งขาเข้าก็จะไปเชื่อมกับทางด่วนเอกมัย-รามอินทรา วิ่งเข้าเมืองตรงๆได้เลย หรือถ้าวิ่งขาออกก็จะไปเชื่อมต่อกับถนนกาญจนาภิเษกได้ด้วย โดยถนนกาญจนาภิเษกนี้จะใช้วิ่งขึ้นเหนือไปทางบางปะอินหรือวิ่งลงใต้ไปทางบางนาก็ได้ โดยจะผ่านทั้งรามอินทรา, รามคำแหง และ มอเตอร์เวย์ ไปถึงสุวรรณภูมิได้เลย
ในระยะใกล้ ถนนสุขาภิบาล 5 จะเชื่อมกับถนนสายไหม, ถนนวัชรพล, ถนนเพิ่มสิน และถนนรามอินทรา ซึ่งถ้าใครทำงานในย่านี้ หรือชอบอาศัยในย่านนี้อยู่แล้ว ก็จะเดินทางไปมาค่อนข้างสะดวกเพราะใช้ถนนได้หลายสาย, หรือถ้าจะไปถนนพหลโยธิน ก็สามารถใช้ถนนตัดใหม่ พหลโยธิน-รัตนโกสินทร์สมโภช ได้ด้วย ซึ่งจะไปออกที่บริเวณ Big-C สะพานใหม่พอดี
แผนที่จากทางโครงการจะแสดงสถานที่สำคัญต่างๆ เช่น ห้างสรรพสินค้า, Community Mall, โรงเรียน, โรงพยาบาล เป็นต้น ซึ่งก็ดูจากตรงนี้อ้างอิงได้ระดับนึงครับ แต่ที่แน่ๆ ตรงข้ามโครงการจะมี Big-C อยู่ด้วย แถมมี McDonald เปิด 24 ชม.อีก รับรองว่าไม่อดตาย ส่วนห้างที่ใหญ่ขึ้นมาหน่อยก็จะเป็น Fashion Island และ The Promenade ที่อยู่บนถนนรามอินทรา ที่ค่อนข้างครบครันและสะดวก แล้วแต่ชอบว่าจะเดินห้างไหน
ส่วนถ้าอยากจะหรูหราไฮโซ กิน เที่ยว ดื่ม ขึ้นมานิดนึง ก็แนะนำว่า ขึ้นทางด่วนไปลงถนนเลียบทางด่วนดีกว่า ซึ่งจะเจอร้านค้า, ร้านอาหาร อีกแนวนึงเลย มี CDC, The Crystal, HomePro, Lotus ฯลฯ ซึ่งก็ระยะทางก็อยู่ในรัศมี 10-15 กม. จากโครงการ ดีกว่าเข้าเมืองแน่ๆ แต่ถ้าจะเที่ยว(กลางคืน)ให้สุดกว่านั้น ก็ขึ้นทางด่วนไปจนสุดทางแล้วลงเอกมัยเลยจ้าาา
ซูมแผนที่เข้าไปอีกหน่อย จะเห็นว่าโครงการจะอยู่ใกล้กับทางขึ้นลงทางด่วน บนถนนสุขาภิบาล 5 เลยนะครับ จากหน้าโครงการถ้าวิ่งขึ้นเหนือต่อไปก็จะไปสายไหมครับ ถ้าวิ่งลงใต้ไปก็จะเจอกับห้าแยกวัชรพล
การเดินทางไปโครงการ จริงๆแล้วมาได้จากหลายทางนะครับ ถ้ามาจากในเมืองจะลงทางด่วนมาเลยก็ได้ แต่นี่ผมวิ่งข้างล่าง มาจากห้าแยกวัชรพล วิ่งตรงขึ้นมาเส้นสุขาภิบาล 5 เรื่อยๆ พอเจอแยกที่จะไปทางด่วน ให้เราชิดขวาเพื่อขึ้นสะพานข้ามแยกแบบนี้ครับ ยึดป้ายสายไหม
ก่อนขึ้นสะพานจะเจอกับหมู่บ้านลัดดารมย์ของ Q.House อยู่ทางซ้าย
ข้ามสะพานที่เห็นในภาพ
พอลงสะพานมาแล้ว ทางซ้ายมือจะมีหมู่บ้านจิรทิพย์ เป็นหมู่บ้านเก่าอีกหนึ่งโครงการ
แล้วจะผ่าน Big-C กับ McDonald ทางซ้ายมือครับ ตัวอาคาร Big-C จะสังเกตยากหน่อย เพราะว่าเค้าร่นเข้าไปในที่ดินแอบลึก มองหา McDonald ง่ายกว่า
เลย McDonald มานิดเดียว จะเจอกับทางเข้าโครงการอยู่ทางขวามือครับ
ตัวทางเข้าอยู่ติดถนนใหญ่ เราเลี้ยวขวาเข้าไปได้เลย
จะสังเกตว่าหน้าโครงการจะมีป้าย Billboard ขนาดใหญ่อยู่หนึ่งป้ายด้วยนะครับ ไม่มีผลอะไรกับการอยู่อาศัย เพราะตัวที่ดินมีระยะร่นเข้าไปลึกอยู่แล้ว
จากทางเข้า เข้ามาแล้วจะเจอกับถนนภาระจำยอม ที่อยู่ด้านหน้าโครงการครับ ขับตรงเข้าไปประมาณ 300 เมตร ถึงจะเจอทางเข้า ซึ่งถ้าเราไม่ได้ขับรถ แต่เดินออกมาเรียกแท็กซี่ที่ถนนข้างหน้า ก็อาจจะเหนื่อยนิดนึงในวันที่แดดร้อนๆ แต่ถ้าจะปั่นจักรยานออกมาข้างนอก เพื่อไปบิ๊กซี ระยะทางแค่นี้ก็นิดเดียวครับ
พอเข้ามาด้านใน จะเจอกับวงเวียนตรงกลาง ทางซ้ายจะเป็นทางเข้าโครงการ Golden Town ครับ ซึ่งจะเป็นทาวน์โฮมระดับ ล้านกว่าๆถึงสองล้าน ของ Golden Land เหมือนกัน ส่วนทางขวาจะเป็น Golden Prestige ที่เราจะไปดูกันนี่แหละ ที่บอกว่าถนนข้างหน้าเป็นถนนภาระจำยอมก็เพราะว่า ต้องใช้ร่วมกันระหว่างสองโครงการนี้นั่นเองครับ
ให้ดูทางเข้าของ Golden Town ก่อน
ส่วนทางเข้าของ Golden Prestige อยู่ทางขวา แค่ป้ายชื่อก็อลังการกว่าแล้ว ด้วยความที่ระดับราคาต่างกันมาก เราเข้าไปดูด้านในกัน
ภาพถ่ายดาวเทียมของโครงการเป็นแบบนี้ครับ ขอบเขตที่เห็นผมขีดให้ดูคร่าวๆเฉยๆนะครับ จะเห็นว่าตัวโครงการร่นระยะเข้ามาจากถนนใหญ่ประมาณ 300 เมตร และที่ติดกันนั่นก็จะเป็น Golden Town โครงการข้างๆ
Master Plan ของโครงการเป็นแบบนี้ครับ จากทางเข้าเข้ามา เราจะเจอกับพื้นที่สวนสาธารณะและสโมสรก่อนเพื่อนเลย ที่เป็นสี่เหลี่ยมใหญ่ๆตรงกลาง แล้วบ้านโซนแรกก็จะเป็นโซนที่อยู่รอบๆคลับเฮาส์ครับ สีเขียวคือแบบเล็กสุด Chicago สีม่วงคือแบบ New York ที่เป็นไซส์กลาง และสีส้มคือ Manhattan ที่ใหญ่ที่สุดครับ ด้วยความที่ที่ดินเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้าตรงๆ ไม่ได้มีอะไรพลิกแพลงมาก การจัดผังโครงการก็ง่ายหน่อย ก็คือมีถนนหลักเชื่อมจากด้านหน้าสุดไปถึงท้ายโครงการ (กว้าง 12 ม.) แล้วก็มีถนนซอยย่อย ที่แจกแจงไปด้านข้างซ้าย-ขวา (กว้าง 9 ม.) และตรงปลายสุดของถนนด้านท้ายโครงการ ก็จะเป็นที่ตั้งของสำนักงานนิติบุคคลครับ
ทางเข้าของ Golden Prestige เป็นแบบนี้
ข้างๆทางเข้าจะมีการจัดสวน Landscape เอาไว้ด้วย เป็นสวนเล่นระดับ เพื่อให้ทางเข้าดูอลังการมากขึ้น
ซุ้มทางเข้าซ้าย-ขวา, มีป้อมรปภ.ตรงกลาง
ประตูทางเข้าเป็นแบบรั้วกั้นไม้กระดก โดยจะควบคุมโดย รปภ. ครับไม่ได้ใช้ระบบคีย์การ์ด อันนี้แอบน่าเสียดาย เพราะเดี๋ยวนี้บ้านราคาระดับนี้ เป็นคีย์การ์ดกันหมดแล้ว
บ้านซอยแรก จะอยู่ติดกับทางเข้าเลย อันนี้สร้างเสร็จแล้ว
ส่วนแรกที่เราจะเจอหลังจากขับรถเข้ามาในโครงการจะเป็นสวนสาธารณะส่วนกลาง ที่มีคลับเฮาส์ และ สระว่ายน้ำ วางอยู่ด้านหน้าสุดของโครงการเลย เพื่อต้อนรับทุกคนที่เข้ามา จะสังเกตว่าเค้าจะไม่ทำทางเข้าคลับเฮาส์อยู่ทางด้านหน้า แต่จะทำเป็นสวนก่อน แล้วให้ขับรถไปจอดด้านข้างตึกแทน เพื่อทัศนียภาพที่สวยงาม
หน้าตาของคลับเฮาส์จะเป็นแบบนี้ เป็นอาคารชั้นเดียว วางอยู่ตรงกลางเลย
การจัด Landscape บริเวณสวนส่วนกลางนี้ เค้าจะใช้แค่หญ้า กับไม้พุ่มเตี้ยๆ เพื่อให้คนที่อยู่บนคลับเฮาส์ ได้วิวที่เปิดโล่ง ไม่มีอะไรมาบัง ไม่มีต้นไม้ใหญ่มาเกะกะสายตา แต่ว่าทำแบบนี้ก็จะร้อนหน่อยนะครับ
ด้านข้างคลับเฮาส์ก็จะมีที่จอดรถอยู่ตรงนี้ สำหรับคนที่จะมาใช้งานคลับเฮาส์
ดูหน้าตาคลับเฮาส์กันชัดๆอีกรูป
ส่วนด้านหน้าคลับเฮาส์ก็จะเป็นสระว่ายน้ำส่วนกลาง ตัวสระถูกยกระดับขึ้นมาจากถนนนิดนึง เพื่อไม่ให้คนที่อยู่ด้านล่างมองเห็น มี Privacy ระดับหนึ่ง
สระว่ายน้ำมีการแยกส่วนสระเด็กเอาไว้ และมีทางลงสระทำเป็นขั้นบันไดเอาไว้ให้เรียบร้อย
มองกลับไปที่คลับเฮาส์ก็จะเป็นวิวแบบนี้
ด้านข้างสระว่ายนำ้ก็จะมีการปลูกต้นไม้เอาไว้ตามจุด เพื่อให้เกิดอารมณ์แบบ Resort หน่อยๆ
วางเก้าอี้ Daybed เอาไว้ พร้อมกับร่มบังแดด
ที่ปลายสุดของสระว่ายน้ำจะเป็นน้ำพุ เอาไว้เปิดต้อนรับคนที่ขับรถเข้ามา
ด้านข้างของสระน้ำจะมีมุมสำหรับล้างตัว เค้ามี Rain Shower เตรียมไว้ให้แล้ว 2 จุด
ส่วนถ้าเดินออกมาที่สวนด้านข้างของอาคารสโมสร ก็จะเจอกับสนามเด็กเล่นกลางแจ้ง ที่อยู่บนพื้นหญ้า พาเด็กๆมาวิ่งเล่นได้ เด็กๆล้มไปจะได้ไม่เจ็บมาก ถ้าเทียบกับพื้นคอนกรีต
ใต้อาคารสโมสรจะเป็นพื้นที่นั่งเล่นแบบ Semi-Outdoor คือจะเป็นแบบ Open Air แต่ว่ามีหลังคาเพื่อบังฝน บังแดด
ส่วนด้านในห้องกระจกอันนี้จะเป็นส่วนสำนักงานขายชั่วคราวของโครงการ ที่ในอนาคตจะ Renovate ใหม่ให้กลายเป็นห้องออกกำลังกาย
การตกแต่งภายในสำนักงานขายชั่วคราวของโครงการ
ให้ดูอีกมุมหนึ่ง
ในอนาคตสำนักงานขายอันนี้ก็จะกลายเป็นห้องฟิตเนส ที่รับวิวสระว่ายน้ำและสวนที่อยู่ภายนอกได้ เพราะตัวห้องจะล้อมรอบด้วยผนังกระจก
ห้องน้ำภายในคลับเฮาส์ หน้าตาแบบนี้
ชุดอ่างล้างมือก็จะตกแต่งด้วยหิน
มีล็อคเกอร์อยู่ในห้องน้ำด้วย สำหรับใช้เปลี่ยนเสื้อผ้าได้
ต่อไปเราจะไปดูบ้านกัน ที่โครงการจะมีโซนที่เป็นบ้านวิวสวน วางอยู่รอบๆคลับเฮาส์ด้วย ซึ่งสามหลังแรกก็จะเป็นบ้านตัวอย่างไปตามระเบียบ
ถนนภายในโครงการด้านหน้าที่เป็นถนนหลักจะกว้าง 12 เมตร ส่วนภายในที่เป็นถนนซอยจะกว้าง 9 เมตร
โครงสร้างของบ้านที่นี่จะเป็น Precast นะครับ คือเป็นหล่อสำเร็จจากโรงงาน เพื่อมาประกอบที่หน้างาน ความแข็งแรงคงทนนี่ไม่ต้องกังวล เค้าควบคุมคุณภาพมาจากโรงงานอยู่แล้ว แต่ว่าด้วยลักษณะของ Precast ทำให้การทุบ กรีดผนัง ต่อเติมบ้าน จะทำได้ยากกว่าพวกบ้านก่ออิฐฉาบปูน เพราะตัวผนังมันทำหน้าที่รับน้ำหนักด้วย ต้องอาศัยการคำนวนจากวิศวกร ดังนั้นถ้าจะทุบ หรือต่อเติม ส่วนใดส่วนหนึ่ง ควรจะปรึกษาวิศวกรก่อนนะจ๊ะ
บ้านมาตรฐานหน้าตาแบบนี้ บ้านทุกหลังเป็น 3 ชั้นทั้งหมดนะครับ
บ้านที่นี่ทุกหลังจะมีที่จอดรถอย่างน้อยๆได้ 4 คัน ทำให้ประตูทางเข้ากว้างมากกก ต้องใช้บานเลื่อนถึง 2 ตอนเลยทีเดียว ถึงจะเปิดได้สุด
แปลงมุมก็จะหน้าตาแบบนี้ มีพื้นที่ด้านข้างบ้านเยอะกว่าแปลงอื่น
ส่วนที่ไม่ใช่ที่จอดรถ เค้าก็จะปูหญ้าให้แบบนี้ แล้วก็จะลงต้นไม้ใหญ่ให้ด้วย แต่ว่าตอนนี้ยังไม่ได้เอามาลงนะครับ
รั้วโครงการสูงประมาณ 2 เมตรนับจากถนน ส่วนรั้วบ้าน สูง 1.20 เมตรครับ
สิ่งอำนวยความสะดวก
- อาคารสโมสร พร้อมที่จอดรถ Visitor
- สวนสาธารณะรอบสโมสร
- สระว่ายน้ำกลางแจ้งที่สโมสร ระบบคลอรีน ขนาด 9×15 เมตร แยกสระเด็ก
- ห้องออกกำลังกาย (ปัจจุบันเป็นสำนักงานขายชั่วคราว)
- สนามเด็กเล่น
- ระบบ CCTV ที่ Main Gate และภายในโครงการ
- รั้วรอบโครงการสูง 2 เมตร
- เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย 24 ชั่วโมง
- ประตูรั้วโครงการแบบ รั้วกั้นไม้กระดก
- ถนนหลักกว้าง 12 ม. และถนนภายในกว้าง 9 ม.
สามหลังนี้จะเป็นบ้านตัวอย่างครับ จากขวาสุดไปซ้ายสุดคือ Chicago, New York และ Manhattan จากเล็กสุดไปใหญ่สุด ที่ดินเริ่มต้นที่ประมาณ 50 ตารางวา
บ้านตัวอย่างแบบแรกที่จะให้ดูกัน เป็นบ้านขนาดใหญ่สุดครับ คือแบบ Manhattan ขนาด 297 ตารางเมตร ที่ดินหลังนี้จะอยู่ที่ประมาณ 65-80 ตารางวา ราคาราวๆ 10-11 ล้านบาท ฟังก์ชั่นของบ้านจะเป็น 6 ห้องนอน 7 ห้องน้ำ และ 4 ที่จอดรถครับ ด้วยความที่เป็นบ้าน 3 ชั้น เรียกว่าเป็นบ้านที่จัดเต็มเรื่องฟังก์ชั่นมาก เพราะด้วยที่ดินขั้นต่ำแถวๆ 65 ตารางวา ถ้าทำเป็นบ้าน 2 ชั้นนี่คงจะได้ฟังก์ชั่นน้อยกว่านี้เยอะแน่ และด้วยความที่ที่ดินเป็นที่ดินหน้ากว้าง ทำให้ตัวบ้านจอดรถได้ 4 คัน ถึงแม้ขนาดที่ดินจะไม่ได้ใหญ่มาก
แปลนชั้น 1 จากประตูรั้วบ้านเข้ามาจะเป็นส่วนของที่จอดรถ โดยจะจอดในร่มได้ 2 คัน และจอดกลางแจ้งอีก 2 คันซ้อนกันที่ด้านข้างของตัวบ้าน ถึงแม้ว่าการจอดรถแบบนี้จะทำให้ถอยรถเข้า-ออกได้ลำบาก แต่มันก็จอดได้ 4 คันนะครับ เทียบกับบ้านหลายๆที่ยังได้แค่ 2-3 คันเท่านั้นเอง, ทางเข้าบ้านจะมี 2 จุด คือ เข้าได้จากลานจอดรถ กับเข้าจากส่วนหน้าบ้านที่เป็นห้องรับแขก, ติดกับห้องรับแขกจะเป็นส่วนรับประทานอาหารที่วางเอาไว้กลางบ้าน แล้วแบ่งซ้าย-ขวา ออกไปเป็นห้องนอนชั้น 1 กับห้องครัว, ห้องนอนที่อยู่ชั้น 1 สำหรับหลังใหญ่สุดนี้จะมีห้องน้ำในตัวเลย แล้วห้องรับแขกก็จะมีห้องน้ำ Powder Room แยกไว้ให้ด้วย (เทียบกับแบบ New York หลังกลางที่ไม่มี), ส่วนครัวจะอยู่ติดกับลานซักล้างหลังบ้าน โดยที่นี่จะมีแต่ครัวไทยนะครับ ไม่มีครัวฝรั่ง ซึ่งอันนี้ก็แล้วแต่คนชอบ, พอออกมาที่ลานซักล้างจะเจอกับห้องนอน+ห้องน้ำแม่บ้านที่มีทางเข้าอยู่ทางด้านหลังแยกต่างหาก
จากรั้วบ้านเข้ามาก็จะเจอกับส่วนลานจอดรถก่อน ซึ่งสามารถจอดได้ 4 คัน ซ้อนด้านใน 1 คัน ด้านหน้า 3 คัน โดยจะมีรถ 2 คันที่ต้องจอดตากแดด และรถอีก 2 คันที่จอดในร่มนะครับ
ความลึกของตัวบ้าน เพียงพอที่จะให้รถสองคัน ขนาดกลาง ประมาณ Toyota Camry จอดซ้อนกันได้โดยที่ไม่ลำบาก มีพื้นที่ด้านข้างเหลือ เปิดประตูได้ไม่ยาก
ภายในลานจอดรถก็จะมีประตูเข้าบ้าน และติดโคมไฟมาให้หนึ่งดวง
บ้านมาตรฐาน พื้นลานจอดรถจะเทปูนเรียบๆมาให้แบบนี้นะครับ ไม่ได้มีการตกแต่งด้วยทรายล้างเหมือนในบ้านตัวอย่าง
ทางเข้าหลักของตัวบ้านจะอยู่ทางด้านนี้ครับ เป็นประตูกระจกบานเลื่อนแบบนี้ หน้าบ้านมีการยก Step ขึ้นมาเป็นเฉลียงหน้าบ้าน สำหรับถอดรองเท้าได้
ชุดวงกบประตูและหน้าต่างของบ้านจะเป็นวัสดุ UPVC ครับ ยี่ห้อ Amigo สีน้ำตาลเข้มแบบนี้เลย ดูไกลๆเหมือนอลูมิเนียมแต่ไม่ใช่นะครับ
ตัวบ้านยก Step ขึ้นมาอีกขั้นหนึ่งจากความสูงของเฉลียงหน้าบ้านครับ แต่ตัวเฉลียงนี่จะไม่ได้ลงเสาเข็มนะครับ ทำให้อาจจะเกิดรอยแตกร้าวบริเวณรอยต่อของพื้นเฉลียงกับตัวบ้านได้ ซึ่งจริงๆแล้วนอกจากว่ามันไม่สวย มันก็ไม่ได้ผลอะไรต่อการอยู่อาศัยหรอกครับ แต่ว่ามันก็น่าเสียดาย น่าจะทำโครงสร้างรากฐานให้เป็นชิ้นเดียวกับตัวบ้านไปเลย จะได้ไม่มีรอยแตกร้าวแบบนี้
จากประตูบ้านเข้ามา จะเจอส่วนแรกคือห้องรับแขก และเป็นตำแหน่งวางโซฟาดูทีวี
พื้นที่ของห้องรับแขกใหญ่พอที่จะรองรับโซฟา 3-4 ที่นั่งรูปตัว L แบบนี้ได้ และวางโต๊ะกลางตัวเล็กๆได้ โดยไม่เกะกะขวางทางเดินเข้าบ้าน ผนังรอบข้างติดกับช่องแสงสองด้าน เพื่อรับแสงธรรมชาติเข้าสู่ห้องนี้
ระยะดูทีวี เพียงพอที่จะใส่ทีวีขนาด 60-70 นิ้วได้สบายๆ ถ้าซื้อหลังนี้ไม่ควรเลือกทีวีขนาดต่ำกว่า 46 นิ้วนะครับ เพราะอาจจะเล็กไปหน่อย
ไฟในบ้านเป็นโคม Downlight แบบนี้
ติดกับส่วนรับแขกเป็นห้องรับประทานอาหาร วางโต๊ะรับประทานอาหารแบบ 8 ที่นั่งได้ และยังเหลือพื้นที่ให้วางเคาน์เตอร์ตัวเล็กๆได้อีกหนึ่งตัวทางซ้ายของภาพ ส่วนทางขวาเป็นประตูที่เข้าไปยังห้องครัว
ฝ้าเพดานในบ้านตัวอย่างมีการตกแต่งเพิ่มเติมเพื่อเล่นระดับ และซ่อนไฟหลืบ แต่ของจริงจะไม่ได้มีให้อย่างที่เห็นนะครับ เป็นฝ้าเรียบสีขาว
ด้านหลังของโต๊ะรับประทานอาหาร เป็นหน้าต่างกระจก ที่อยู่ติดกับสวนหลังบ้าน ถ้าเราจัดสวนเอาไว้ด้านหลัง ก็จะสามารถนั่งกินข้าวและชมสวนตรงนี้ไปพร้อมๆกันได้ และหน้าต่างตรงนี้ยังทำหน้าที่เป็นช่องแสงให้พื้นที่ตรงน้ีสว่างขึ้นด้วย
ด้านนี้จะเป็นประตูเข้าห้องนอนที่อยู่ชั้นล่างสุด
ห้องนอนชั้นล่างสุดนี้ค่อนข้างเหมาะสำหรับผู้สูงอายุครับ บ้านไหนมีอากง-อาม่า จะได้ไม่ต้องให้ท่านขึ้นไปนอนชั้น 2 ไม่ต้องเดินขึ้น-ลงบันได ลดโอกาสเกิดอุบัติเหตุได้ แต่ถ้าบ้านไหนไม่มีผู้สูงอายุ เราจะให้ห้องนี้เป็นฟังก์ชั่นอื่นๆก็ได้ เป็นห้องเอนกประสงค์ที่แล้วแต่เราจะจัดเลย จะใช้เป็นห้องเลี้ยงเด็กอ่อนก็ได้ เป็นห้องเก็บของ, ห้องรีดผ้า, ห้อง Laundry ก็ได้เพราะมีห้องน้ำในตัว, หรือบ้านไหนมีนักดนตรี จะใช้เป็นห้องซ้อมดนตรีก็ได้เหมือนกัน ตามใจชอบเลย
อย่างไรก็ดี พื้นที่ของห้องนี้ไม่ได้ใหญ่มาก เตียง 3.5 ฟุต วางชิดผนังได้แบบนี้ มีโต๊ะหัวเตียงอีกหนึ่งตัว พื้นที่ก็เหลือน้อยแล้ว, แต่จะมีข้อดีตรงที่เป็นห้องที่อยู่ติดหน้าต่าง มีแสงธรรมชาติส่องเข้าบ้านได้บ้าง
ตำแหน่งวางตู้เสื้อผ้าอยู่ด้านนี้ ติดกับประตูทางเข้าห้อง
พื้นที่ปลายเตียง เป็นประตูทางเข้าห้องน้ำ ซึ่งถ้าตามหลักฮวงจุ้ย ตรงนี้หลายๆคนอาจจะไม่ถูกใจ เพราะอาจจะไม่ชอบให้ประตูวางอยู่ที่ปลายเตียง ซึ่งก็แล้วแต่คนเชื่อนะครับ ถ้าไม่ถือก็ไม่เป็นไร เอาที่ใช้งานสะดวกก็ดีเหมือนกัน
ภายในห้องนอนชั้นล่างก็จะมีห้องน้ำในตัวด้วย เป็นห้องน้ำแบบ Full-Functional มีทั้งอ่างล้างหน้า, โถสุขภัณฑ์ และ Shower Box ครบ พื้นห้องน้ำเป็นกระเบื้องขนาด 40×40 ซม. และผนังเป็นกระเบื้อง 25×40 ซม.
เปิดประตูห้องน้ำมาจะเจอกับอ่างล้างหน้าก่อน เป็นอ่างแบบสำเร็จรูปแขวนผนัง ด้านหลังก่อเคาน์เตอร์เล็กๆขึ้นมาสำหรับวางของพวกแปรงสีฟัน, ยาสีฟัน, หรือสบู่ล้างมือได้ ติดกระจกเงามาให้เรียบร้อย
โถสุขภัณฑ์วางอยู่ตำแหน่งนี้ ตรงข้ามกับอ่างล้างหน้า ด้านหลังโถมีเคาน์เตอร์เล็กๆให้วางของได้อีกเช่นกัน สุขภัณฑ์ในบ้านนี้จะเป็นของ Englefield ครับ
ประตูเข้าห้องน้ำอยู่ตรงนี้เลย
Shower Box วางอยู่ด้านข้างอ่างล้างหน้า ขนาดมาตรฐาน ใช้งานได้สะดวก แต่ถ้าจะให้ดีไปซื้อฉากกั้นอาบนำ้แบบกระจกนิรภัยมาติดเถอะครับ จะได้แยกส่วนเปียกส่วนแห้งของห้องน้ำได้ดีกว่า
ส่วนทางผนังด้านข้างของห้องน้ำจะเป็นหน้าต่างบานกระทุ้ง สามารถใช้เปิดระบายอากาศได้ และรับแสงธรรมชาติไปด้วยพร้อมกัน
กลับออกมาที่ห้องรับประทานอาหาร ไปดูอีกครึ่งหนึ่งของบ้านชั้นล่างกันเถอะ
ติดกับโต๊ะรับประทานอาหาร เป็นประตูสำหรับเปิดไปยังส่วนครัว โดยจะใส่มาเป็นประตูกระจกบานเลื่อนครับ
วัสดุวงกบประตูค่อนข้างแน่นหนาดี มีการ Seal ขอบ เพื่อกันกลิ่น กันเสียง กันแมลงได้ และพื้นครัวมีการ Drop ลงจากพื้นส่วนอื่นๆนิดหน่อยด้วย
พื้นที่ครัวแบ่ง Counter ออกเป็นสองส่วนซ้ายขวาแบบนี้ ตัวครัวมีพื้นที่พอสมควร ให้ทำครัว พลิกตัว หมุนไปหมุนมาได้สบายหน่อย เข้ามายืนสองสามคนพร้อมกันได้ไม่อึดอัด
ฝั่งนี้จะเป็นที่วางตู้เย็น, อ่างล้างจาน และตู้เก็บของ
ส่วนอีกด้านหนึ่งจะเป็นฝั่งวางเตา และที่ดูดควัน สามารถใส่เตาแก๊สได้ ฝั่งนี้จะมีหน้าต่างสำหรับระบายอากาศด้วย
ด้านนี้จะเป็นต่ำแหน่งวางเครื่องซักผ้าที่อยู่ติดกับหน้าต่าง จะเห็นว่าที่พื้นจะมีการเดินท่อมาให้แล้ว สามารถเอาเครื่องซักผ้ามาวางได้เลย และมีพื้นที่เหลือสำหรับวางตะกร้าผ้าด้านข้างได้อีกหน่อย
ประตูสำหรับเปิดออกไปยังพื้นที่ลานซักล้างหลังบ้าน
วัสดุประตูเป็นพลาสติกธรรมดา และลูกบิดประตูก็ดูไม่แข็งแรงเท่าไร่นัก แนะนำให้เปลี่ยนดีกว่า เนื่องจากประตูบานนี้จะเป็นประตูที่เชื่อมกับภายนอกของตัวบ้าน ควรจะมีความแน่นหนา รัดกุมระดับหนึ่ง จึงจะอุ่นใจได้
ลานซักล้างหลังบ้าน เทปูนมาให้เรียบร้อยแล้ว แต่แค่เทพื้นไว้เฉยๆนะครับ ไม่ได้มีการกดเสาเข็มใดๆ
ตำแหน่งวางปั๊มน้ำอยู่ตรงนี้ โดยท่อน้ำจะวางใต้ดิน ไปเชื่อมกับถังเก็บน้ำที่อยู่ห่างออกไป
ถังน้ำมาวางอยู่อีกมุมนึงตรงนี้ ขนาด 1,500 ลิตร เชื่อมกับปั๊มน้ำด้วยท่อใต้ดิน
พื้นที่ลานซักล้างหลังบ้านจริงๆแล้วจะวางเป็นรูปตัว L เลยนะครับ ถือว่าเป็นลานซักล้างที่พื้นที่ใหญ่พอสมควรเลยทีเดียว
ลานซักล้างจะเชื่อมต่อกับลานจอดรถตรงนี้
ส่วนประตูสองบานนี้ จะเป็นส่วนของแม่บ้าน ทางซ้ายเป็นห้องนอนแม่บ้าน ส่วนทางขวาเป็นห้องน้ำแม่บ้าน
ห้องน้ำแม่บ้านพื้นที่ค่อนข้างจำกัด ไม่มี Shower Box (แต่คงต้องใช้อาบนำ้ด้วย) แต่ก็ยังถือว่ามีให้ใช้งานได้
ส่วนห้องนอนก็คือแค่เอาไว้นอนจริงๆ มีหน้าต่างหนึ่งบานสำหรับระบายอากาศแค่นั้น
ระดับของพื้นบ้าน เทียบกับระดับของพื้นที่ดิน นี่ต่างกันเกือบๆ 30 ซม.เลยนะครับ คุณแม่บ้านเดินออกจากห้องนอน ต้องระวังหน่อยนะ อย่าละเมอเดินเพลินล่ะ เดี๋ยวจะเกิดอุบัติเหตุได้
เดินอ้อมจากลานซักล้าง กลับมาเข้าบ้านที่ประตูฝั่งลานจอดรถนะครับ ประตูลานจอดรถก็ดูไม่ค่อยแน่นหนาเท่าไหร่ ดีกว่าประตูหลังบ้านหน่อยนึง แนะนำให้เปลี่ยนอีกเหมือนกัน ส่วนหน้าประตูทางเข้าตรงนี้ก็จะมีเฉลียงทางเข้าเล็กๆอีกหนึ่งจุดนะครับ สำหรับถอด-ใส่รองเท้าตรงนี้ได้ ปูกระเบื้องมาให้เสร็จสรรพ
เดินเข้ามาจากประตูลานจอดรถ เราก็จะเจอกับโถงใต้บันไดแบบนี้ ด้านหนึ่งจะเป็นทางเข้าห้องน้ำของส่วนรับแขก และอีกด้านจะเป็นห้องเก็บของ
ห้องน้ำส่วนรับแขก ก็จะเป็น Powder Room ที่ไม่มีฟังก์ชั่นการอาบน้ำนะครับ มีแค่โถสุขภัณฑ์ และ อ่างล้างมือ แต่เราจะสังเกตว่า แม้แต่ Powder Room ของที่นี่ก็ยังมีหน้าต่างสำหรับระบายอากาศนะครับ
บันไดสำหรับขึ้นชั้นสองอยู่ทางด้านนี้ ใต้บันไดมีห้องเก็บของด้วย
ห้องเก็บของก็ขนาดค่อนข้างมาตรฐาน ติดหลอดไฟให้ตามปกติ
พื้นบันได เป็นพื้นไม้ยาง สีตามนี้เลย ราวจับบันไดเป็นเหล็กพ่นสีขาว
ชานพักบันไดไม่มีขั้นบันไดสามเหลี่ยม เป็นชานพักสี่เหลี่ยมเต็มๆ ซึ่งดี, ที่ผนังมีช่องหน้าต่างด้วย ในเวลากลางวันจะได้ไม่ต้องเปิดไฟ บันไดก็จะได้สว่างตลอด เดินขึ้นลงได้ปลอดภัย
ชั้น 2 นี้ถ้าดูจาก Floor Plan จะแบ่งออกเป็นสองส่วนหลักๆ คือ ครึ่งซ้ายกับครึ่งขวา (ซ้าย-ขวา ของภาพ Floor Plan มันจะกลับด้านกับบ้านตัวอย่างนะ) ครึ่งซ้ายฝั่งหน้าบ้านจะเป็นห้อง Living Area ที่ผมมักจะเรียกว่าห้อง “Family Room” ซึ่งเป็นห้องนั่งเล่นที่อยู่บนชั้นสอง (หรือสาม) ของบ้าน ส่วนฝั่งหลังบ้านจะเป็นห้องนอนเล็ก ที่มีห้องน้ำในตัว, ส่วนครึ่งขวาทั้งแถบ จะเป็นห้อง Master Bedroom ที่จริงๆแล้วกินพื้นที่เกินครึ่งของชั้นสองไปแล้ว ภายในห้อง Master Bedroom จะมีห้องน้ำในตัว, มีพื้นที่สำหรับห้องแต่งตัว (Walk-in Closet) และ Studio เล็กๆ สำหรับนั่งทำงาน หรือเป็นพื้นที่เอนกประสงค์ เป็นมุมส่วนตัวสำหรับเจ้าของห้อง
ขึ้นมาที่ชั้น 2 แล้ว เราก็จะพบกับโถงกลางก่อน ซึ่งจะเป็นทางเดินหลักเชื่อมต่อไปยังห้องต่างๆ
ฝั่งนี้จะเป็นห้องนั่งเล่น Family Room ที่อยู่บนชั้น 2 ครับ ภายในห้องนี้มีขนาดเพียงพอที่จะใส่โซฟารูปตัว L แล้วยังมีระยะดูทีวีเหลือเฟือ มีพื้นที่สำหรับวางโต๊ะกลางได้ และยังใส่ตู้เก็บของได้อีก
ห้องนั่งเล่นที่อยู่บนชั้นสองนี้ จะเป็นห้องนั่งเล่นสำหรับคนในบ้านจริงๆ เพราะบางทีห้องรับแขกชั้นล่างจะเน้นฟังก์ชั่นสำหรับการรับแขกมากกว่า อาจจะไม่ได้มีความเป็นส่วนตัวนัก และหากคุณพ่อคุณแม่มีแขกอยู่ข้างล่าง คุณลูกจะลงไปดูทีวีข้างล่างก็ทำไม่ได้ แต่ถ้ามี Family Area ก็จะยังสามารถใช้งานได้อยู่เป็นปกติ ที่สำคัญคือ มันจะเป็น Common Area สำหรับคนในบ้าน ที่จะมาอยู่ร่วมกัน นั่งดูละครหลังข่าวด้วยกัน มีปฏิสัมพันธ์ต่อกันได้
ห้องนั่งเล่นนี้เค้าจะไม่ได้ใส่ประตูมานะครับ จะเป็นผนังโล่งๆ เชื่อมกับโถงทางเดินไปเลย
ในห้อง Family Area จะมีระเบียงด้วย ที่จะเชื่อมต่อกับพื้นที่ภายนอกบ้าน ทางออกไประเบียงก็จะมีประตูกระจกบานเลื่อนกั้นไว้อีกที
ระเบียงเป็นระเบียงยาวๆ ขนาดไม่กว้างเท่าไหร่ ไม่ได้เป็นระเบียงสำหรับใช้งานจริงจังนะครับ จะเน้นเป็นการเพิ่มสุนทรียภาพให้กับบ้านมากกว่า เช่นการวางกระถางต้นไม้ หรือใช้เป็นจุดที่เดินออกมารับแดด รับลมด้านนอก หรือบางคนอาจจะใช้เป็นที่ยืนสูบบุหรี่ก็ได้เหมือนกัน
ระเบียงของห้อง Family Room นี่จะเป็นระเบียงรูปตัว L แบบนี้นะครับ จะมีส่วนที่โดนแดดไม่เท่ากัน อย่างที่เห็นในภาพ
ปลายสุดด้านหนึ่งของระเบียง จะมีจุดสำหรับวางคอมฯแอร์ด้วย ซึ่งจะมีพื้นที่ให้เหยียบ พอที่ช่างแอร์จะปีนออกไป และทำการซ่อม, Maintenance ตรงนี้ได้เลย
ต่อจากส่วน Family Room ก็จะเป็นห้องนอนทั้งสองห้องที่อยู่ชั้นนี้ครับ ทางซ้ายจะเป็นประตูเข้าสู่ Master Bedroom ส่วนทางขวาจะเป็นประตูเข้าห้องนอนเล็ก
เริ่มจากห้องนอนเล็กกันก่อน, ห้องนอนห้องนี้อยู่ในตำแหน่งที่เป็นมุมของบ้านด้วย ได้รับแสงธรรมชาติจากหน้าต่างสองด้าน
พื้นที่ในห้องนอนก็จัดว่ามาตรฐาน สามารถวางเตียง 3.5 ฟุตชิดผนัง แล้วเหลือพื้นที่ข้างเตียงสำหรับวางโต๊ะทำงานได้ตัวหนึ่งสบายๆ เหนือเตียงสามารถวางชั้นวางของ หรือติดตู้แขวนผนังเพื่อเก็บของได้
ด้านข้างเตียงอีกฝั่งเป็นตำแหน่งวางตู้เสื้อผ้า ซึ่งก็ใส่ได้ขนาดประมาณที่เห็น ส่วนด้านซ้ายของตู้เสื้อผ้าเป็นทางเข้าห้องน้ำ
อ่างล้างมือแบบสำเร็จรูปเช่นเดียวกับห้องน้ำชั้นล่าง ขนาดอาจจะเล็กไปหน่อยสำหรับการใช้งานจริงในชีวิตประจำวัน หัวก็อกน้ำ และสุขภัณฑ์อื่นๆ เป็นของ Englefield ทั้งหมดครับ กระเบื้องโมเสกที่อยู่ด้านหลังก็ติดมาให้เป็นมาตรฐานของบ้าน
โถสุขภัณฑ์ใจจริงผมอยากจะบอกว่ามันเล็กไปหน่อย แต่ก็ขึ้นอยู่กับบุคคล จะเปลี่ยนก็ได้ ไม่เปลี่ยนก็ได้ พื้นที่ด้านข้างมีเผื่อเอาไว้ให้ สำหรับการใช้งานปกติ
ผนังส่วน Shower Box มีการเจาะช่องไว้ด้วย สำหรับวางอุปกรณ์ที่ใช้ขณะอาบน้ำ
หัวฝักบัว Hand Shower ท่ีแถมมาให้เป็นมาตรฐาน
หัวก็อกน้ำเล็กไปหน่อย ดูบอบบางไปนิด ผมว่าเปลี่ยนเถอะครับ เอาที่มันจับถนัดๆมือหน่อย
ห้องนอน Master Bedroom พื้นที่ใหญ่มาก เนื่องจากได้พื้นที่ประมาณครึ่งชั้นสองเลย แถมเป็นห้องหน้ากว้างด้วย ดูจากในรูปจะเห็นว่า ขนาดวางเตียงขนาด 6 ฟุต King Size ลงไปแล้ว ย้งมีพื้นที่ให้กลิ้งเล่นได้อีกเยอะเลย
พื้นที่ปลายเตียงยังเหลืออยู่อีกเยอะ สามารถใส่ชั้นวางทีวีปลายเตียง และใส่ตู้เก็บของได้สบาย แต่ว่าระยะเท่านี้ยังกว้างไม่พอที่จะใส่โซฟาปลายเตียงนะครับ ยังไงคงต้องดูทีวีจากบนเตียงเป็นหลัก
ถ้าดูมุมนี้ก็จะเห็นว่าผนังทั้งแผงฝั่งนี้ สามารถใส่ Side Board ได้โดย Built-in ให้เต็มทั้งผนังเลยก็ได้
ด้านข้างของหัวเตียง สามารถใส่โต๊ะหัวเตียงขนาดใหญ่ 2 ข้างได้สบาย
ในห้องนอนใหญ่ก็เป็นอีกห้องที่มีระเบียงในตัวครับ โดยจะกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อนแบบนี้
ขนาดของระเบียงก็พอๆกับระเบียงในห้อง Family Room เป็นระเบียงแบบไม่ได้กว้างมาก แต่จะมีความยาวหน่อย ตลอดแนวห้อง
พื้นที่อีกครึ่งหนึ่งของห้อง Master Bedroom จะเป็นส่วนของห้องน้ำ กับ Studio
Studio ที่อยู่ในห้องนอนนี้ ก็คือพื้นที่ส่วนที่เหลือนั่นเอง ซึ่งพื้นที่ตรงนี้วางอยู่ริมหน้าต่าง เป็นพื้นที่เอนกประสงค์สำหรับเจ้าของห้องไว้ใช้ทำโน่นทำนี่ส่วนตัว จะใช้เป็นที่นั่งทำงานแบบที่เห็นก็ได้ หรือถ้าเป็นครอบครัวใหม่ที่พึ่งแต่งงาน ตรงนี้อาจจะวางเตียงเด็กก็ได้ เพื่อใช้เป็นจุดเลี้ยงเด็กอ่อน แล้วแต่ว่าจะจัดออกมาแบบไหน ใครจะใส่ตู้เก็บของเพิ่มก็ได้เหมือนกัน
ส่วนทางด้านนี้จะเป็น Walk-in Closet ที่จัดเอาไว้ให้ดูเป็นไอเดีย โดยจะอยู่ก่อนถึงทางเข้าห้องน้ำ Master Bathroom
ห้องน้ำ Master Bathroom จัดออกมาแบบมาตรฐานมาก คือฟังก์ชั่นเหมือนเดิม เหมือนกับห้องอื่นๆเลย
มีโถสุขภัณฑ์, อ่างล้างหน้า หน้าตาเหมือนเดิม แค่ติดกระจกเงาบานใหญ่ขึ้น เปลี่ยนสีกระเบื้องนิดหน่อย
ส่วนพื้นที่ของ Shower Box ก็ถือว่าโอเคนะครับ แต่คงต้องเปลี่ยนวัสดุอุปกรณ์ในห้องน้ำซะหน่อย ดูแล้วไม่ค่อยสมกับเป็นห้อง Master Bathroom เลย
ขึ้นมายังชั้นสาม ก็จะเจอกับชานพักบันไดอีกจุดหนึ่ง ชานพักตรงนี้จะมีช่องหน้าต่างขนาดใหญ่ ทำหน้าที่เพิ่มแสงสว่างให้กับทั้งโถงบันได และโถงทางเดินของชั้น 3 ด้วย
ภายนอกจะมีการติดระแนง เพื่อบังแดด และสร้าง Effect ของแสงเงาที่กระทบกับผนังด้วย
ที่ชั้นสามนี่ก็ไม่มีอะไรมาก หลักๆก็จะเป็นห้องนอนทั้ง 3 ห้อง ที่มีห้องน้ำในตัวทุกห้อง อยู่กันคนละมุมของบ้าน
จากบันไดขึ้นมาก็จะเจอกับโถงทางเดินหน้าห้องแบบนี้ก่อน เราจะไปดูห้องนอนกันทีละห้องนะครับ
ห้องแรกจะเป็นห้องนอนที่อยู่ฝั่งหน้าบ้าน ขนาดเล็กสุดในบรรดาห้องนอนชั้นสาม
ตัวเตียงสามารถวางเตียงขนาด 5 ฟุตชิดผนังแบบนี้ได้
พื้นที่ด้านข้าง เหลือพอให้ใส่โต๊ะทำงาน/โต๊ะแต่งหน้าตัวนึง ซึ่งอยู่ติดกับหน้าต่างฝั่งหน้าบ้าน และที่ผนังอีกด้านก็เป็นตำแหน่งวางตู้เสื้อผ้าไป ส่วนการที่ตำแหน่งของโต๊ะอยู่ติดกับหน้าต่าง มีข้อดีตรงที่แสงธรรมชาติจะส่องเข้ามาที่โต๊ะเลย ซึ่งเวลาทำงานเราก็ไม่ต้องพึ่งแสงจากหลอดไฟมากนัก แถมคุณผู้หญิงที่แต่งหน้ามักจะรู้ว่า ได้แต่งหน้ากับแสงธรรมชาตินี่มันดีกว่าแสงไฟแค่ไหน
ส่วนอันนี้เป็นห้องน้ำในห้องนอน ขนาดไม่ได้ใหญ่มาก สังเกตจากตำแหน่งวางโถสุขภัณฑ์จะอยู่ตรงข้ามกับอ่างล้างหน้า
แต่จะติดตรงที่พื้นที่ Shower Box ของห้องน้ำห้องนี้จะแคบไปหน่อย เวลาอาบน้ำอาจจะไม่เต็มที่นัก และการติดฉากกั้นอาบน้ำคงจะใช้แบบบานสวิงไม่ได้ ต้องติดเป็นแบบบานเลื่อนแทน
ถัดมาเป็นห้องนอนเล็กห้องที่สอง ของชั้น 3 พื้นที่ห้องนี้จะใหญ่กว่าห้องแรกนิดหน่อย
เตียงวางขนาด 5 ฟุตได้เหมือนกัน ชิดผนังแบบนี้ มีพื้นที่หัวเตียงเหลือพอที่จะใส่โต๊ะหัวเตียงแบบนี้ หรือโต๊ะทำงานที่ใหญ่กว่านี้นิดนึงก็ได้
พื้นที่ด้านข้างเตียง เหลือให้ใส่ตู้เสื้อผ้าได้ ขนาดพอๆกับห้องอื่น แต่ว่ามีพื้นที่เหลืออีกหน่อย ให้วางโต๊ะเอนกประสงค์ตัวเล็กๆได้อีกตัว ข้างๆตู้เสื้อผ้า
ส่วนฟังก์ชั่นห้องน้ำก็มาตรฐานคล้ายๆห้องอื่น
สุดท้ายจะเป็นฟังก์ชั่นห้องนอนใหญ่บนชั้น 3 ที่ผมจะเรียกว่า ห้องนอนของลูกสาวคนโปรด ห้องนี้พื้นที่จะใหญ่เป็นอันดับสองรองจาก Master Bedroom เป็นห้องหน้ากว้างเหมือนกัน ภายในห้องที่เค้าจัดไว้ให้ดู วางเตียงขนาด 5 ฟุตเอาไว้
ลืมบอกไปว่า พื้นของชั้น 2 และ ชั้น 3 ของบ้าน ปูด้วย Laminate หนา 8 มม. (ส่วนชั้น 1 เป็นพื้นกระเบื้องแกรนิโต้)
พื้นที่ปลายเตียงพอๆกับห้อง Master Bedroom สามารถใส่ Side Board เต็มผนังได้เลย ระยะเดินเหลือเฟือ ไม่เกะกะ
ห้องนี้เป็นอีกห้องที่มีระเบียงส่วนตัว และจะได้วิวที่สูงที่สุดของบ้าน เพราะอยู่ชั้น 3
ภายในห้องมี Walk-in Closet ให้ด้วย ถึงแม้จะไม่ใหญ่เท่ากับของห้องนอน Master ก็ตาม แต่ว่าก็สามารถใส่ได้
ห้องน้ำก็เป็นแบบฟังก์ชั่นมาตรฐาน แต่ Layout ของห้องน้ำอาจจะจัดไม่ค่อยสวยเท่าไหร่ เพราะขนาดแคบกว่าห้องน้ำห้องอื่นๆ
วางอ่างล้างหน้า คู่กับโถสุขภัณฑ์แบบนี้
ด้วยความที่ห้องน้ำมันกว้างไม่พอ เลยทำให้ Shower Box ต้องมาหลบมุมอยู่ตรงนี้ และได้พื้นที่แคบมาก สังเกตได้จากกระถางต้นไม้ แถมพอวางไว้แบบนี้ จะติดฉากกั้นอาบน้ำก็ทำได้ยากด้วย เลยทำให้อาจจะใช้งาน Shower Box ได้ไม่สะดวกเท่ากับห้องอื่นๆครับ
ต่อไปเป็นบ้านหลังเล็กสุด คือบ้านแบบ Chicago นะครับ ขนาดที่ดินประมาณ 50-60 ตารางวา พื้นที่ใช้สอย 228 ตารางเมตร 5 ห้องนอน 4 ห้องน้ำ 4 ที่จอดรถ โดยที่บ้านหลังเล็กสุดจะไม่ได้มีห้องสำหรับแม่บ้านนะครับ
Floor Plan ชั้นหนึ่ง จัดออกมาเป็นที่จอดรถ 4 คัน เหมือนกับบ้านหลังแรก ที่นี่บ้านทุก Type สามารถจอดรถได้ 4 คันทั้งหมด ซึ่งถ้าเทียบกับขนาดที่ดินของบ้านที่เริ่มต้น 50 ตารางวา ถือว่าได้ที่จอดเยอะพอสมควร หลายๆโครงการยังจอดได้แค่ 2-3 คันอยู่เลย และจำนวนรถก็น่าจะ Match กับจำนวนสมาชิกในบ้านด้วย เพราะบ้านมีถึง 5-6 ห้องนอนด้วยกัน
บ้านหลังนี้มีทางเข้า 2 จุดเหมือนกัน คือทางเข้าจากลานจอดรถ และทางเข้าหลักฝั่งห้องรับแขก, ตำแหน่งของห้องรับประทานอาหารไปอยู่ตรงมุมหลังบ้านฝั่งที่ติดกับสวนแทน ไม่ได้อยู่กลางบ้านเหมือนกับบ้านหลังใหญ่, ครัวในบ้านจะเป็นครัวปิดอยู่อีกมุมหนึ่งฝั่งหลังบ้าน ติดกับลานซักล้างทางด้านหลัง, ชั้นล่างจะมีห้องน้ำสำหรับห้องรับแขกด้วย แต่สามารถใช้อาบน้ำได้
หน้าตาของบ้านเป็นแบบนี้ ดูจากภายนอก
ที่จอดรถในร่ม 2 คัน ด้านหน้าบ้าน มีประตูทางเข้าบ้านด้านหลัง
ที่จอดรถด้านข้างบ้านอยู่นอกชายคา ซ้อนกันได้อีก 2 คัน ความยาวเพียงพอที่จะให้รถกระบะ กับรถขนาดกลาง (ประมาณคัมรี่) 2 คัน จอดซ้อนกันได้ ทางโครงการจะเทพื้นปูนไว้ให้แล้วสำหรับพื้นที่ส่วนจอดรถ
ทางเข้าบ้านหน้าตาเหมือนหลังแรกที่พาไปดู มีเฉลียงหน้าบ้านเหมือนกัน
เข้ามาปุ๊บก็จะเจอกับส่วนรับแขกก่อน อยู่ติดกับทางเข้า มองเข้าไปด้านในจะเห็นมุมรับประทานอาหาร
ระยะดูทีวีประมาณ 3 เมตร ก็สามารถจัดทีวีจอใหญ่ๆ 50-60 นิ้วได้สบาย
พื้นที่โซฟารับแขกตรงนี้ วางอยู่ติดกับหน้าต่างรับแสงธรรมชาติสองจุด คือประตูเข้าบ้าน กับ หน้าต่างด้านข้าง ทำให้ตอนช่วงกลางวันนี่แทบจะไม่ต้องเปิดไฟเลย
ส่วนรับประทานอาหารวางอยู่ติดกับส่วนโซฟารับแขก เป็นพื้นที่ทางมุมด้านหลังของตัวบ้าน ติดกับสวนหลังบ้าน ซึ่งจะสังเกตว่า หน้าต่างที่อยู่ฝั่งหลังบ้านจะบานใหญ่กว่าหน้าต่างด้านข้างนิดนึง เพื่อให้เรามองวิวมุมกดออกไปชมสวนด้านนอกได้
ผนังดา้นข้าง ระหว่างโซฟา กับ โต๊ะกินข้าวตรงนี้ ยังมีพื้นที่เหลืออีกหน่อย เราสามารถใส่ Pantry เล็กๆตรงนี้เพิ่มเติมได้ หรือจะวางตู้เก็บของก็ได้
ถัดมาตรงนี้จะเป็นส่วนของหลังบ้านแล้ว ประตูทางด้านซ้ายของภาพคือประตูที่เปิดมาจากลานจอดรถ ตรงกลางด้านซ้ายเป็นทางเข้าห้องน้ำที่อยู่ชั้นล่าง ประตูถัดมาทางขวาเป็นทางเข้าครัว ที่เชื่อมต่อไปยังหลังบ้าน และทางขวาสุดเป็นบันไดสำหรับขึ้นไปยังชั้นสอง
ใต้บันไดจะมีห้องเก็บของด้วย ขนาดมาตรฐานทั่วไป
ห้องน้ำที่อยู่ชั้นล่าง ใช้สำหรับห้องรับแขกเป็นหลัก แต่จะมีฟังก์ชั่นสำหรับอาบน้ำได้ด้วย เผื่อว่าคนที่อยู่ชั้น 2 หรือ ชั้น 3 ห้องน้ำไม่พอ ก็สามารถลงมาใช้ห้องน้ำนี้อาบน้ำได้ Spec วัสดุต่างๆก็จะคล้ายๆกับบ้านหลังแรกนะครับ
พื้นที่ครัวมีไม่มากไม่มาย แต่ก็สามารถวางเคาน์เตอร์ครัวรูปตัว L ชิดผนังแบบนี้ได้ มีฟังก์ชั่นอ่างล้างจาน, พื้นที่เตรียมอาหาร, มีพื้นที่วางเตาและที่ดูดควันพร้อม ทำออกมาได้สมบูรณ์ดี ในครัวจะมีช่องหน้าต่างสำหรับเปิดระบายอากาศได้ และเป็นช่องแสงเพื่อให้ครัวสว่างในเวลากลางวัน
พื้นที่วางตู้เย็น สามารถใส่ตู้เย็นได้ขนาดค่อนข้างใหญ่ แต่ถ้าสมาชิกในบ้านมีเยอะ เราอาจจะหาพื้นที่ด้านนอก วางตู้เย็นเพิ่มอีก ก็ยังพอทำได้
ลักษณะพื้นที่เคาน์เตอร์ครัว ก็จะเป็นแบบนี้เมื่อมองจากมุมสูง ถ้าใครคิดว่าแค่นี้ไม่พอก็อาจจะออกไปต่อเติมหลังบ้านได้อีกหน่อย
พื้นที่เก็บของในครัวจริงๆให้มาน้อยไปหน่อย อาจจะต้องติดตู้เพิ่ม เพื่อให้รองรับกับจำนวนสมาชิกในบ้านที่น่าจะมีเยอะ อย่างน้อยๆก็ 4-5 คน
จากครัวเปิดประตูออกมาหลังบ้านก็จะเป็นพื้นที่ลานซักล้างที่มีการเทพื้นปูนเอาไว้ให้ ด้านข้างมีท่อต่อสำหรับวางเครื่องซักผ้าได้
ที่จอดรถจะยาวมาถึงด้านหลัง เท่ากับลานซักล้างเลย
ขึ้นมาที่ชั้น 2 จะมีฟังก์ชั่นอีกสามส่วน คือ “Family Room” ห้องนั่งเล่นชั้นสอง ที่อยู่ตรงกลาง, ทางซ้ายเป็นห้องนอนเล็กไม่มีห้องน้ำในตัว (ใช้ห้องน้ำที่ชั้นหนึ่ง) ส่วนทางขวาเป็นห้อง Master Bedroom เป็นห้องนอนที่สมบูรณ์ที่สุด มีห้องน้ำในตัว, มี Walk-in Closet และยังมีระเบียงในตัวด้วย
ระหว่างขึ้นบันไดมาที่ชั้นสองจะเห็นว่าตรงโถงบันไดจะมีช่องแสงด้วย เพื่อส่องให้บันไดสว่าง อาจจะไม่ได้ใหญ่มาก แต่ดีกว่าไม่มี, แต่บันไดของบ้านหลังนี้จะออกแบบมาค่อนข้างประหยัดพื้นที่ ทำให้ขั้นบันไดจะเป็นสามเหลี่ยมบริเวณชานพัก เวลาเดินขึ้นลงต้องระวังด้วยนะครับ
ขึ้นมาที่ชั้นสองปุ๊บ จะเจอโถงตรงกลางที่เชื่อมต่อไปยัง Family Area ตรงกลาง ทางซ้ายขวาเป็นห้องนอน เรามาดูตรงกลางก่อน
ห้องนั่งเล่นที่อยู่ชั้นสองนี้จะอยู่ด้านหน้าบ้าน ติดกับหน้าต่างสองด้าน ได้รับแสงธรรมชาติค่อนข้างดี ไม่ต้องเปิดไฟก็สว่าง พื้นที่สามารถใส่โซฟาตัว L ขนาดใหญ่ได้ วางโต๊ะกลางได้โดยไม่เกะกะทางเดิน
ระยะดูทีวีกว้างพอใช้ได้ พื้นที่ผนังรอบๆสามารถใส่ตู้ Built-in ได้ด้วย
ด้านข้างของห้อง Family Area มีพื้นที่ระเบียงเล็กๆแบบนี้ด้วย ระเบียงแบบนี้ไม่ได้มีไว้เพื่อใช้งานหรอกครับ แต่มีไว้เพื่อเป็นพื้นที่กันตก เพราะเค้าต้องการจะใส่หน้าต่างบานใหญ่จรดพื้น ให้คนในบ้านได้รับวิวภายนอก จึงจำเป็นต้องมีระเบียงด้านนอกตามกฎหมาย
ด้านข้างของห้อง จะมีพื้นที่สำหรับวาง Compressor แอร์บริเวณชายคาด้านนอกด้วย มีพื้นที่ให้ยืนได้ สำหรับช่างแอร์เวลามา Maintenance
ถัดมาเป็นส่วนห้องนอนเล็ก ที่มีประตูทางเข้าอยู่ใกล้ๆกับบันได
ห้องนอนเล็กจัดออกมาให้ดูเป็นห้องนอนสำหรับเด็ก วางเตียงสองชั้น เผื่อว่าเด็กตัวเล็กๆจะนอนสองคน หรือถ้าห้องนี้ไม่ได้ให้สำหรับเด็กๆนอน ก็จะใส่เตียงขนาด 5 ฟุตสำหรับผู้ใหญ่ปกติก็ได้
พื้นที่ในห้องนี้ค่อนข้างเอนกประสงค์ ถ้าไม่ใช้เป็นห้องนอนก็สามารถปรับฟังก์ชั่นเป็นห้องสำหรับทำอย่างอื่นได้หลากหลาย พื้นที่ห้องก็เป็นสี่เหลี่ยมธรรมดา จัดง่าย
ผนังฝั่งนี้ใส่เป็นตู้เสื้อผ้าไว้หนึ่งบาน วางคู่กับโต๊ะทำงานที่อยู่ติดหน้าต่าง จะเห็นว่าห้องนี้เป็นห้องที่มีหน้าต่างที่ผนังทั้ง 3 ด้านเลย ได้แสงธรรมชาติเยอะมาก และถ้าพื้นที่ในห้องมันน้อยไป จำเป็นต้องวางเฟอร์นิเจอร์ปิดหน้าต่างไปด้านหนึ่ง ก็ยังสามารถทำได้อย่างสบายใจ เพราะยังเหลือช่องแสงอีก 2 ด้านอยู่แล้ว
ถัดมาเป็น Master Bedroom ที่วางอยู่อีกด้านหนึ่งของชั้น 2 กินพื้นที่ประมาณครึ่งหนึ่งของชั้นนี้ พื้นที่ในห้องค่อนข้างสมบูรณ์ จัดวางเตียงขนาด 6 ฟุตได้เลย มีพื้นที่ด้านข้างเหลือสำหรับโต๊ะหัวเตียง หรือโต๊ะแต่งหน้าได้
ปลายเตียงเหลือพื้นที่เยอะ ติดชั้นวางทีวีได้ ติดตู้เก็บของแขวนผนังได้ ถ้าชอบนอนดูทีวีปลายเตียงก็สามารถวางทีวีจอใหญ่ได้ แต่ว่าพื้นที่อาจจะไม่พอสำหรับโซฟาปลายเตียงนะครับ
ในห้องนอนมีระเบียงส่วนตัวด้วย สามารถปลูกต้นไม้ได้ ออกไปยืนสูบบุหรี่ได้ รับลม รับแดดได้
ข้างเตียงอีกฝั่งหนึ่งมีพื้นที่หน้าห้องน้ำ สำหรับทำ Walk-in Closet หรือห้องแต่งตัวได้ ฉากกั้นอันนี้เราไปซื้อมาติดเองนะครับ โครงการไม่ได้แถมให้
Walk-in Closet นี่ก็แล้วแต่คนเลยว่าจะชอบใส่แบบไหน จะวางเป็นบานเปลือยแบบนี้ ไม่มีหน้าบานก็ได้ หรือถ้าใครไม่ชอบ จะแค่ใส่เป็นตู้เสื้อผ้าหลายๆบานติดกันก็ได้ เพราะจะได้กันฝุ่นไม่ให้จับที่เสื้อผ้าด้วย
ในห้อง Master Bedroom มีห้องน้ำในตัวด้วย ฟังก์ชั่นมาตรฐานเหมือนกับห้องน้ำอื่นๆ พื้นที่ใช้งานก็สมบูรณ์ดี มีหน้าต่างระบายอากาศให้เสร็จสรรพ แต่ว่าน่าเสียดายที่พื้นที่ห้องนำ้มีไม่พอที่จะวางอ่างอาบน้ำ เพราะหลายๆคนซื้อบ้านราคานี้ก็อยากได้ห้องน้ำในห้องนอนใหญ่ที่ฟังก์ชั่นสมบูรณ์ที่สุด
ต่อมาเป็นส่วนของชั้น 3 พื้นที่ชั้น 3 นี่จะคล้ายกับชั้น 2 มาก แต่ว่า จะไม่มีห้องนั่งเล่น เป็นห้องนอนล้วนๆเลย โดยที่จะมีห้องนอน 1 ห้องที่มีห้องน้ำในตัว เป็นห้องนอนที่ขนาดใหญ่พอๆกับห้อง Master Bedroom เลย ส่วนห้องนอนอีกสองห้องจะใช้ห้องน้ำร่วมกันตรงกลาง
โถงบันไดชั้นสามวางอยู่ติดกับฝั่งด้านหลังบ้าน แต่เค้าไม่เจาะช่องแสงใหญ่ๆ เพราะว่ากลัวจะเสีย Privacy ได้ เนื่องจากบ้านที่อยู่ติดกันด้านหลังอาจจะมองเข้ามาเห็นภายในบ้านของเรา เค้าเลยใส่หน้าต่างบานเล็กๆที่อยู่ด้านข้างแทน ก็คือยังได้แสงธรรมชาติอยู่ แต่สว่างน้อยกว่า ส่วนพื้นที่ชานพักบันได้ก็ยังมีขั้นสามเหลี่ยมอยู่ดี
พอเดินขึ้นบันไดมาปุ๊บ เราจะเจอกับโถงหน้าห้องตรงนี้ก่อน มีประตูสี่บาน บานที่สามจากทางซ้ายจะเป็นประตูของห้องนำ้ที่จะใช้ร่วมกันระหว่างห้องนอนเล็กสองห้อง และทางซ้ายสุดจะเป็นห้องนอนใหญ่ครับ จะสังเกตว่าในบ้านตัวอย่างเค้าไม่ได้ติดประตูห้องมาให้ดู แสงธรรมชาติจากในห้องนอนก็เลยสามารถส่องเข้ามาที่โถงตรงกลางได้ แต่ถ้าลองจินตนาการว่า ประตูห้องปิดหมดทุกบาน ตรงโถงหน้าห้องนี้จะมีแสงที่มาจากโถงบันไดนิดเดียวเอง ก็จะมืดกว่าที่เราเห็นนะครับ
เข้ามาดูห้องนอนเล็กห้องแรกของชั้นสามกันก่อน ห้องนี้จะขนาดเล็กที่สุดในสามห้อง ในห้องนอนนี้มีหน้าต่างบานเดียว
เตียงสามารถวางเตียง 3.5 ฟุตแบบนี้ได้ ข้างๆวางโต๊ะหัวเตียงได้ตัวนึง
พื้นที่ปลายเตียงเหลือไม่มาก แต่ด้านข้างสามารถวางโต๊ะแต่งตัว กับตู้เสื้อผ้าแบบนี้คู่กันได้ ข้างบนติดตู้เก็บของได้อีกนิดหน่อย
ห้องนอนอีกห้องหนึ่ง ขนาดใกล้เคียงกัน แต่ใหญ่กว่าห้องนอนแรกหน่อยนึง วางเตียง 5 ฟุตได้ และมีข้อดีกว่าตรงที่อยู่ติดหน้าต่างสองด้าน มีแสงธรรมชาติมากกว่า ส่วนพื้นที่ปลายเตียงใกล้เคียงกัน ยังติดตู้ปลายเตียงลำบากอยู่ นอกจากจะหาวิธีหันหัวเตียงใหม่
ข้างเตียง มีพื้นที่สำหรับวางตู้เสื้อผ้า, โต๊ะหัวเตียง, โต๊ะแต่งตัวได้ ขนาดไม่ใหญ่มาก แนะนำว่าถ้าพื้นที่แน่นมากๆ ให้ใส่พวกตู้เสื้อผ้าที่เป็นบาน Slide จะดีกว่าครับ เพื่อไม่ให้เสียพื้นที่เปิดมากนัก และถ้าอยู่คนเดียว วางเตียง 3.5 ฟุตจะดีกว่า เพื่อให้เหลือพื้นที่สำหรับวางเฟอร์นิเจอร์ชิ้นอื่น
ชั้นสามนี่จะมีห้องนอนใหญ่ด้วย ซึ่งขนาดใกล้เคียงกับ Master Bedroom เลย แต่ว่าจะมีระเบียงที่ขนาดเล็กกว่า ตำแหน่งหน้าต่างก็เรียกว่าเหมือนกันเลย ถ้าห้องนี้อยู่คนเดียวก็ใส่เตียง 5 ฟุตจะได้มีพื้นที่เยอะหน่อย แต่ถ้านอนสองคนสามารถวางเตียง 6 ฟุตได้สบาย มีพื้นที่เหลือสองด้าน
พื้นที่ปลายเตียง จัดออกมาเป็น โต๊ะทำงานแบบ Built-in ติดผนัง มีชั้นวางของด้านบน ซึ่งสามารถเปลี่ยนเป็นตู้เก็บของแทนก็ได้
Walk-in Closet มีเหมือนกับห้อง Master Bedroom เลย พื้นที่ด้านข้างเตียง วางโต๊ะหัวเตียงได้สบาย
ในห้องนอนใหญ่ชั้น 3 มีห้องน้ำในตัวเหมือนกัน ขนาดก็เท่ากับห้องน้ำใน Master Bedroom วัสดุอุปกรณ์ก็เป็น Englefield เหมือนกันครับ
แบบบ้านสุดท้าย จะเป็นบ้านหลังกลาง คือ แบบ New York ครับ หลังนี้จะพื้นที่ใช้สอย 271 ตารางเมตร ขนาดที่ดินราวๆ 55-65 ตารางเมตร เป็นบ้าน 3 ชั้นเหมือนกัน ฟังก์ชั่นเป็น 6 ห้องนอน 5 ห้องน้ำ 4 ที่จอดรถ และจะมีห้องแม่บ้าน 1 ห้องด้วย รีวิวของบ้านหลังนี้ จะมีเป็นรูปแบบ Video ครับ ซึ่งจะตามมาให้ดูกันเร็วๆนี้ ติดตามได้ที่ ThinkofLiving YouTube Channel ครับ
แปลนบ้านแบบ NewYork ชั้นล่างจะมีห้องนอนเพิ่มมาจากแบบ Chicago ที่เล็กสุด แต่ห้องนอนชั้นล่างจะไม่มีห้องน้ำในตัว ไม่เหมือน Manhattan หลังใหญ่ และพื้นที่ลานซักล้างจะเล็กกว่า ไม่ได้เป็นตัว L เหมือนกับแบบ Manhattan ครับ
จำนวนห้องนอนของบ้านหลังกลาง จะเท่ากับหลังใหญ่ คือ 6 ห้องนอน แต่พื้นที่จะน้อยกว่า อย่างพื้นที่ Master Bedroom ในบ้านหลังกลางจะไม่มีพื้นที่ Studio ทำงานที่อยู่ในห้องนอนใหญ่, ห้องนอนเล็กที่ชั้นสองก็จะไม่ได้มีห้องน้ำในตัว ห้องน้ำจะอยู่ด้านนอกแทน, ขนาดของ Family Area ก็จะเล็กกว่าบ้าน Manhattan ด้วย
ส่วนพื้นที่ชั้น 3 จะคล้ายๆกับบ้านหลังเล็กสุด คือมี 3 ห้องนอน 2 ห้องน้ำเหมือนกัน แต่ว่า พื้นที่ของห้องนอนแต่ละห้องจะถูกขยายขนาดให้ดีขึ้น
ข้อสังเกตอีกอย่างของบ้านหลังกลางที่ดีขึ้นจากหลังเล็กคือ การจัดวางเฟอร์นิเจอร์ และตำแหน่งของฟังก์ชั่นต่างๆภายในห้อง ทำได้ดีกว่าบ้านหลังเล็กสุด อย่างเช่นโถงบันไดทื่กว้างขึ้น ก็จะไม่มีขั้นบันไดสามเหลี่ยม เป็นต้น ส่วนรีวิวฉบับเต็มของบ้านหลังกลาง ถ้าใครอยากดู อย่าลืมติดตามที่ YouTube Channel นะครับ
**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะครับ
ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 11 December 2014
- แบบ Chicago แปลง C02 ที่ดิน 54.2 ตารางวา 228 ตารางเมตร ราคา 7.39 ล้านบาท
- แบบ New York แปลง C01 ที่ดิน 64.2 ตารางวา 271 ตารางเมตร ราคา 9.60 ล้านบาท
- แบบ Manhattan แปลง B12 ที่ดิน 78.5 ตารางวา 297 ตารางเมตร ราคา 11.10 ล้านบาท
- ที่ดินเพิ่มลดตารางวาละ 65,000 บาท
- จอง 50,000 บาท
- ทำสัญญา 100,000 บาท
- ค่าส่วนกลาง 30 บาท/ตร.วา/เดือน จัดเก็บล่วงหน้าถึงเดือน ต.ค. 60
- ค่าจดจำนอง 1% ของยอดกู้ ผู้ซื้อเป็นผู้ชำระ
- ค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายในการโอนกรรมสิทธิ์ ผู้ซื้อแล้วผู้ขายชำระฝ่ายละครึ่ง
- ค่าประกัน มิเตอร์ไฟฟ้า ประปา ผู้ซื้อเป็นผู้ชำระ
**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ครับ
ทำเลของ Golden Prestige วัชรพล-สุขาภิบาล 5 ตั้งอยู่ติดถนนใหญ่สุขาภิบาล 5 ซึ่งมีข้อดีตรงที่ไม่ต้องขับรถเข้าซ้อยลึก หาง่าย มี Exposure ที่ดี การเดินทางถึงแม้ว่าจะอยู่ไกลจากตัวเมืองหน่อย แต่ว่าสะดวกตรงที่อยู่ใกล้ทางด่วนรามอินทรา-อาจณรงค์ สามารถเข้าเมืองได้ง่าย และอยู่ไม่ไกลจากถนนวงแหวนกาญจนาภิเษก
ความอุดมสมบูรณ์ของทำเล ใกล้ๆโครงการมี Big-C เป็นแหล่งพึ่งพิงหลักๆ แต่ความเจริญยังมีไม่เยอะ ถ้าขับรถเอาก็อาจจะต้องออกมาแถวๆ รามอินทรา, เลียบทางด่วน จะเจอกับร้านค้า ร้านอาหาร สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆเยอะกว่า
สภาพโครงการ พื้นที่โครงการประมาณ 39 ไร่ ซึ่งจัดว่ากลางๆ สำหรับบ้านแนวราบ มีจำนวนยูนิต 161 ยูนิต ซึ่งก็ถือว่าไม่มากไม่มาย อยู่ในระดับกลางๆ ถนนหลัก 12 เมตร ถนนซอยย่อยขนาด 9 เมตร ก็ถือว่าโอเคเป็นมาตรฐานในโครงการระดับราคาใกล้ๆกัน พื้นที่บริเวณใกล้ๆคลับเฮาส์จัดออกมาได้สวยงาม ให้พื้นที่กับส่วนกลางเยอะดี แต่เสียตรงที่พื้นที่สีเขียวน่าจะมีเยอะกว่านี้หน่อย ปัจจุบันผมเข้าไป ต้นไม้ยังมีไม่เยอะมาก ตามบ้านก็ยังไม่เอามาลงเลยดูโหวงๆ หวังว่าหลังจากเสร็จสมบูรณ์แล้ว น่าจะดูดีขึ้นครับ
ความปลอดภัยของโครงการให้มาน้อยไปหน่อย หลักๆมีแค่รปภ.ประจำโครงการ, กล้อง CCTV ที่ทางเข้าทางออก และรั้วกั้นไม้กระดกแค่นี้เอง, ในราคานี้น่าจะได้ Key Card Access แล้ว และ CCTV น่าจะมีเยอะกว่านี้, ส่วนรั้วโครงการสูงแค่ 2 เมตร ถ้าจะให้ดี หลังจากมีการโอนกรรมสิทธิ์เป็นของลูกบ้านแล้ว น่าจะมีการประชุมกัน เพื่อเพิ่มมาตรการความปลอดภัยให้กับหมู่บ้านมากขึ้นนะครับ เช่นติดกล้องวงจรปิดเพิ่มขึ้น, ต่อเติมรั้วให้สูงขึ้น, ส่วนเจ้าบ้านแต่ละหลังก็ควรจะติดสัญญาณกันขโมยเพิ่มกันเองด้วยนะครับ
การออกแบบพื้นที่ใช้สอยของบ้าน ถือเป็นจุดเด่นที่สุดของโครงการนี้เลย บ้านแต่ละหลังมีพื้นที่ใช้สอยเกิน 220 ตารางเมตร ฟังก์ชั่นจัดมาได้ถึง 5-6 ห้องนอน 4-7 ห้องน้ำ แถมทุกหลังจอดรถได้ 4 คัน นี่เป็นผลมาจากการทำบ้านเป็นบ้าน 3 ชั้น ซึ่งเมื่อเทียบกับบ้านในราคาใกล้ๆกัน ถือว่าฟังก์ชั่นของบ้านทำออกมาได้ตอบโจทย์กลุ่มครอบครัวที่มีสมาชิกเยอะๆ 5-7 คนได้สบายๆ แต่ข้อด้อยของที่นี่ก็มีเหมือนกัน เพราะเนื่องจากเป็นบ้านที่ปลูกเกือบจะเต็มพื้นที่ดิน ทำให้ตัวบ้านมีพื้นที่สวนรอบๆตัวบ้านที่ไม่เยอะ และได้ขนาดที่ดินที่เล็กเมื่อเทียบกับราคา เนื่องจากต้นทุนของบ้านไปอยู่ที่ค่าก่อสร้าง เพราะเป็นบ้าน 3 ชั้น ส่วนด้านการจัดเฟอร์นิเจอร์ภายในบ้าน ส่วนใหญ่ทำออกมาได้ดี แต่ยังไม่ Perfect ยังมีบางจุดที่ปรับปรุงได้อีก เช่น พื้นที่ในห้องน้ำ โถงบันได หรือ ห้องแม่บ้าน
วัสดุอุปกรณ์ มีทั้งดีบ้าง ด้อยบ้าง ผสมๆกัน วงกบประตูหน้าต่าง ได้เป็น UPVC ที่แข็งแรง แน่น ทนไม้ทนมือ และดูดีกว่า Aluminium เยอะ, พื้นชั้นล่างเป็นกระเบื้อง Granito พื้นชั้นบนเป็นลามิเนตหนา 8 มม. ส่วนใหญ่ก็เป็นมาตรฐาน แต่จุดด้อยก็จะเป็นพวกวัสดุในห้องน้ำ หัวก็อก และหัวฝักบัวยังดูไม่สมราคาเท่าไหร่ ห้องนอนใหญ่ไม่มีอ่างอาบน้ำ เป็นต้น
ส่วนสุดท้ายคือ สาธารณูปโภคที่จัดออกมาได้สวย ให้พื้นที่กับพื้นที่ส่วนกลางเยอะดี และเมื่อเทียบกับจำนวนยูนิตแล้วก็น่าจะเพียงพอ รองรับการใช้งานจาก 161 ครอบครัวได้
Judgement
ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง 40%, ความปลอดภัย 15%, การออกแบบและพื้นที่ใช้สอย 15%, วัสดุ 10%, พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ 10%, และสาธารณูปโภค 10%
เทียบกับแพคเกจ 5 – 10 ล้านบาท, 26 December 2014
- ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง 8/10 – ทำเลติดถนนใหญ่สุขาภิบาล 5 ใกล้ทางด่วนและบิ๊กซี แต่ค่อนข้างไกลจากตัวเมือง
- ความปลอดภัย 6.5/10 – รั้วกั้นไม้กระดก รปภ.หน้าหมู่บ้าน CCTV ที่ป้อม รั้วโครงการ 2 เมตร ไม่มีสัญญาณกันขโมย
- การออกแบบและพื้นที่ใช้สอย 9/10 – บ้านฟังก์ชั่นเยอะ พื้นที่ใช้สอยเยอะ เมื่อเทียบกับขนาดที่ดิน จอดรถได้ 4 คัน แต่การจัดห้องน้ำและเฟอร์บางจุดยังไม่ลงตัว
- วัสดุ 7.5/10 – วัสดุอุปกรณ์มีเด่นบ้าง ด้อยบ้าง แต่เฉลี่ยๆแล้วก็มาตรฐานเทียบกันในราคานี้
- พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ 8/10 – สภาพโครงการบริเวณหน้าสโมสรและทางเข้าจัดสวย ถนนหลัก 12 เมตร ถนนซอย 9 เมตร แต่อยากให้มีพื้นที่สีเขียวมากกว่านี้หน่อย
- สาธารณูปโภค 9/10 – เทียบกับจำนวนยูนิตและขนาดที่ดินแล้วถือว่าให้มาเยอะดี ขนาดใหญ่ น่าใช้งาน
- 7.98 / 10.00
BOTTOM LINE
Golden Prestige วัชรพล-สุขาภิบาล 5 เป็นโครงการที่เหมาะกับคนที่มองหาบ้านในราคา 7-11 ล้านบาท ที่มีฟังก์ชั่นการใช้งานเยอะ สามารถรองรับครอบครัวที่มีสมาชิกประมาณ 5-8 คนได้ และอาจเป็นครอบครัวที่มีผู้สูงอายุด้วย ตัวทำเลโครงการอยู่ติดถนนใหญ่สุขาภิบาล 5 ใกล้ทางด่วนและถนนวงแหวน มีบิ๊กซีอยู่ตรงข้าม เหมาะกับคนใช้รถ และมองหาโครงการที่มีพื้นที่ส่วนกลางที่ใช้งานได้โอเค
ช่วยกันคอมเม้นท์ แบ่งปันข้อมูลกับเพื่อนๆที่กำลังหาบ้านหน่อยนะครับ