รีวิวฉบับที่ 1502 … สวัสดีค่ะ วันนี้พาไปรีวิวคอนโด Define by Mayfair สุขุมวิท 50 ในซอยสวัสดี 4 ที่แยกจากซอยสุขุมวิท 50 ห่างรถไฟฟ้าอ่อนนุชประมาณ 1.2 กม. ถึงแม้ที่ตั้งโครงการจะอยู่ห่างจากรถไฟฟ้าเกินระยะที่เดินได้สบายแต่ก็มี Shuttle Bus เข้ามาเป็นตัวช่วยในการเดินทาง รูปแบบโครงการเป็นคอนโด Low Rise 2 อาคาร โอบล้อมเหล่า Facility ที่จัดเต็มมาก จุดที่แตกต่างจากคอนโดส่วนใหญ่ในซอยนี้เห็นจะเป็นขนาดห้องที่แบ่งออกมาให้มีขนาดใหญ่ เริ่มต้นที่ 34 ตร.ม. ไปจนถึงแบบ Duplex 121 ตร.ม. ออกแบบห้องพักให้เน้นช่องเปิดรับแสงที่มากและระเบียงกว้าง ในราคาเริ่มต้น 2.6 ล้านบาท โครงการจะจัดงาน VIP Book วันที่ 27-28 ม.ค.นี้ รายละเอียดจะเป็นอย่างไร เราไปชมกันเลยค่ะ
โครงการนี้มีการอัปเดตข้อมมูลโครงการใหม่ สามารถ คลิกที่นี่ เพื่ออ่านรีวิวฉบับใหม่ได้เลยค่ะ
Fact @ 22 December 2017
- DEFINE by Mayfair Sukhumvit 50 (ดีฟายน์ บาย เมแฟร์ สุขุมวิท 50)
- PTF Realty Co.,LTD
- UPPER-LUXURY CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
- โครงการตั้งอยู่ในเขต : คลองเตย
- คอนโด Low Rise 8 ชั้น 2 อาคาร 190 ยูนิต
- ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 16 ยูนิตที่อาคาร A
- ที่จอดรถประมาณ 108 คันคิดเป็น 57%
- ที่ดินประมาณ 1-3-42 ไร่
- เริ่มก่อสร้าง : พ.ค. ปี 2561
- คาดว่าจะแล้วเสร็จ : ธ.ค. ปี 2562
- 1 Bedroom 33.93-40.44 ตร.ม.
- 2 Bedrooms 49.89-81.70 ตร.ม.
- Duplex 119.70-121.74 ตร.ม.
- ฝ้าเพดานสูง 2.65 เมตร
- ราคาห้อง 2.6-11.5 ล้านบาท
- ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรทั้งโครงการ 85,000 บาท/ตร.ม.
- ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรต่ำสุด-สูงสุด 75,000-90,000 บาท/ตร.ม.
- EIA (การประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม) : n/a
- เพิ่มเติมข้อมูลทำเลรอบๆ BTS อ่อนนุช ได้ที่: มองหาทำเลน่าอยู่ใกล้รถไฟฟ้า: BTS อ่อนนุช
- เวปไซต์โครงการ : คลิกที่นี่
- โทร : 02 331 8999
เพียงแค่การกด Like ก็เท่ากับการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจาก Think of Living แล้วค่ะ
สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างค่ะ
พิกัด : 13.701487, 100.594566
แผนที่จากทางโครงการ Define by Mayfair สุขุมวิท 50
ทำเลที่ตั้งโครงการ ตั้งอยู่ในย่านชุมชนพักอาศัยขนาดใหญ่แถบอ่อนนุช ซึ่งจะมีทั้งที่พักอาศัยแนวราบและคอนโดอยู่สลับกันเต็มไปหมด สภาพแวดล้อมโดยรวมอย่างที่ทราบกันดีว่าย่านอ่อนนุชนี้มีความอุดมสมบูรณ์และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ครบครันแต่ก็จะเป็นเกรดบ้านๆหน่อย และราคาถูกลงมาหน่อยเมื่อเทียบกับแถบถนนสุขุมวิทชั้นในอย่าง ย่านอโศก, ทองหล่อ, เอกมัย
สำหรับที่ตั้งโครงการ Define by Mayfair สุขุมวิท 50 จะอยู่บริเวณกลางซอยสุขุมวิท 50 ก่อนถึงใต้ทางด่วนฯ จะมีเข้าซอยสวัสดี 4 อีก ประมาณ 300 m. ภายในซอยจะเป็นบรรยากาศของโซนพักอาศัย ทั้งบ้านเดี่ยว ทาวน์เฮ้าส์ ตึกแถว โกดัง ซอยนี้เป็นซอยที่ไปเชื่อมกับซอยสุขุมวิท 62 ได้ จึงมีรถผ่านตลอดเวลา ข้อดีคือ ทำให้ซอยมีความคึกคักอยุ่บ้าง ไม่เปลี่ยวเท่าซอยตัน แต่ก็มีข้อเสียที่ในช่วงเร่งด่วน รถจะติดในซอยพอสมควร ทำให้ต้องเผื่อเวลาในการเดินทางหน่อยนะคะ
สภาพแวดล้อมเเละชุมชน… อ่อนนุชเป็นเหมือนทำเลที่มีทุกอย่างพร้อม และอำนวยความสะดวกแก่การใช้ชีวิตในคอนโดมาก จึงมีโครงการใหม่ๆขึ้นมากมายหลายโครงการทั้งรอบๆรถไฟฟ้าเองและถนนใกล้เคียง ด้วยความที่เป็นสุขุมวิทชั้นนอกเขยิบออกมาหน่อยสาธารณูปโภคอาจจะมีราคารองลงมาจากสุขุมวิทชั้นใน เช่น ร้านอาหาร ที่เที่ยว กินดื่มต่างๆ อาจจะบ้านๆกว่า ซึ่งก็ไม่ได้เป็นปัญหาเพราะว่าก็ยังถือว่าออกมาจากสุขุมวิทชั้นในเพียงสถานีเดียว (หลังจากข้ามคลองพระโขนง) ส่วนความสะดวกในการจับจ่ายใช้สอยนั้นเรียกว่าสะดวกมากเดียว
สำหรับความอุดมสมบูรณ์นั้นอย่างที่บอกไปว่าย่านนี้เป็นแหล่งที่อยู่อาศัยที่มีคอนโดอยู่เยอะมากทำให้มีพวก Hypermarket และ Community Mall ทยอยมาเปิดกันอย่างคึกคักมีทั้ง Tesco Lotus ที่อยู่ติด BTS อ่อนนุช, Big C Extra ในซอยอ่อนนุชรวมถึง ตลาดสดที่อยู่ตรงข้ามด้วย ส่วน Community mall จะมี 2 จุดที่ใกล้ๆคือ Phyll ที่พึ่งเปิดได้ไม่นาน และที่ตอนนี้กำลังสร้างอยู่ก็คือ Century Movie Plaza 2 อันนี้อยู่ติดสถานีอ่อนนุชฝั่งเลขคี่ ก็จะมาเป็นแหล่งทานข้าวดูหนังที่ใกล้โครงการที่สุด แบบที่ไม่ต้องนั่งรถไฟฟ้าไปต่อที่ไหนเลย
แต่ถ้านับจากที่ตั้งโครงการเราเอง.. การจับจ่ายซื้อของหลักๆ ก็คงจะหนีไม่พ้น Tesco Lotus ที่ตั้งอยู่หน้าปากซอยโครงการ ซึ่งเป็นห้างค่อนข้างใหญ่นอกจากจะมีในจับจ่ายซื้อของเหมือน Tesco Lotus ทั่วไปแล้ว บริเวณลานจอดรถในตอนเย็นๆ จะมีเต้นท์ร้านค้าขายเสื้อผ้าเปิดให้เดินช็อปปิ้งซื้อเสื้อผ้าในราคาย่อมเยา หากใครที่ชื่นชอบการทำอาหารเองก็จะมีตลาดสดอย่างตลาดอ่อนนุช และตลาดพระโขนงให้เลือกใช้บริการในระยะทางไม่ไกลมากนัก ประมาณ 2.5 – 3 กม.
ย่านอ่อนนุชถือเป็นโซนที่มีคอนโดมาขึ้นเยอะมากเรียกว่าถ้าคุณนั่งรถไฟฟ้ามาลง BTS อ่อนนุช เดินออกจากตัวสถานีก็จะเห็นคอนโดอยู่รอบๆตัวเต็มไปหมดเลย มีทั้ง High Rise และ Low Rise ซึ่งปัจจัยที่ทำให้คนมาอยู่แถวนี้กันเพราะราคายังพอคบหาได้ ในทำเลที่ห่างจากย่านอโศก พร้อมพงษ์ ทองหล่อ เอกมัย ไม่ไกล เดินทางได้สะดวก ต่างจากคอนโดที่อยู่อีกฝั่งของคลองพระโขนง(ฝั่งใกล้เมือง) ที่ราคาจะดีดขึ้นไปเป็นอีกระดับนึงเลย อีกปัจจัยที่ขาดไม่ได้เลยคือความอุดมสมบูรณ์ที่ทำให้รู้สึกว่าแถวนี้อยู่ง่ายมีร้านอาหาร ร้านค้าต่างๆที่รองรับการอยู่อาศัยอย่างครบถ้วน
ในเรื่องของการเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวนั้น ถือว่าสะดวกระดับนึงเลย เนื่องจากซอยโครงการ(สุขุมวิท 50) นี้ มีทางขึ้น – ลงทางด่วนทั้ง 2 ทางด่วนด้วยกัน คือ เฉลิมมหานคร และ รามอินทรา – อาจณรงค์ ทั้งคู่สามารถใช้งานได้โดยไม่ต้องไปผ่านถนนหลักที่รถติดอย่างสุขุมวิทเลย รวมไปถึงเป็นซอยที่เชื่อมไปยังถนนทางรถไฟสายเก่าปากน้ำที่ทะลุไปยังแถบปู่เจ้าสมิงพรายและแถบท่าเรือคลองเตยได้ ข้อดีคือสามารถซิกแซกลัดเลาะโดยใช้ถนนรองอย่างถนนทางรถไฟสายเก่าปากน้ำเป็นการเดินทางได้ และเนื่องจากความสะดวกของซอยนี้ที่ทะลุไปได้เยอะนั้นก็ทำให้มีปริมาณรถที่ใช้ซอยเล็กๆ นี้เข้า – ออกเป็นจำนวนมากเช่นเดียวกัน
สำหรับการเดินทางแบบพึ่งพารถสาธารณะภายในซอยสุขุมวิท 50 ที่เป็นซอยหลักด้านหน้านั้น ก็มีหลากหลายให้เลือกสรรทั้ง รถสองแถว วินมอเตอร์ไซต์ รวมไปถึงตัวโครงการมีการ Service ลูกบ้านด้วย Shuttle Bus รับ – ส่งสถานีรถไฟฟ้าอ่อนนุชอีกด้วย นั้นก็เพราะว่าตัวโครงการนั้นอยู่ห่างจากโครงการประมาณ 1.2 กม. ซึ่งระยะนี้ก็คงจะไกลไปสักหน่อยสำหรับการเดิน โดยส่วนตัวคิดว่าการกลับเข้ามาในบ้านทำได้ไม่ยากเพราะเรียกรถง่าย จะลำบากก็ตอนจะออกจากโครงการไปข้างนอก(ช่วงเวลาที่ Shuttle Bus ไม่ได้ให้บริการนี่แหละค่ะ) เส้นทางเดินทางในวันนี้ก็จะเริ่มต้นที่ BTS อ่อนนุชแล้วเดินเข้าซอยสุขุมวิท 50 เพื่อดูบรรยากาศโดยรอบ ไปกันเลยค่ะ
เริ่มจาก BTS อ่อนนุช โดยออกจากสถานีรถไฟฟ้าช่องทางออก 2 ซึ่งเป็นทางเชื่อมไปยัง Tesco Lotus
หากใครเลี้ยวซ้ายก็จะเข้าไปยังห้าง Tesco Lotus นะคะ ส่วนเราจะเลี้ยวขวาลงเดินตามฟุตบาทเข้าซอยสุขุมวิท 50 กัน
ฟุตบาทติดถนนใหญ่กว้างขวางเดินสะดวกมาก ด้านข้างเป็นตลาดเต้นท์เล็กๆ ตลอดความยาวของลานจอดรถ Tesco Lotus ซึ่งจะเปิดขายเสื้อผ้าในราคาย่อมเยาช่วงเวลาเย็นๆ
เลี้ยวซ้ายเข้ามาในซอยสุขุมวิท 50 จะสังเกตเห็นเลยว่าปริมาณรถที่ออกมาจากซอยนี้เยอะมากและรถติดพอสมควร ซึ่งขณะนั้นเป็นเวลาประมาณ 10 โมงกว่า ที่เลยช่วงเร่งด่วนไปแล้ว
บริเวณหน้าปากซอยมีพี่วินคอยให้บริการสำหรับใครที่ขี้เกียจเดินไกลๆ เพราะตัวโครงการก็อยู่ห่างจากปากซอย ประมาณ 1.2 กม. ก็ถือว่าเลยระยะการเดินสบายๆ ไปแล้ว
ฝั่งตรงข้ามวินมอเตอร์ไซต์เป็นที่ตั้งของคอนโด High Rise อย่าง Rhythm สุขุมวิท
ภายในซอยนี้ยังมีจุดเข้า – ออกห้าง Tesco Lotus ด้วย ซึ่งสะดวกในการเข้าใช้บริการห้างนี้ของคนในซอยโดยไม่ต้องอ้อมไปเลี้ยวเข้าด้านหน้า และหากลูกบ้านคนไหนขับรถออกมาส่งลูกส่งแฟนขึ้นรถไฟฟ้าก็สามารถกลับรถได้ง่ายๆ จากบริเวณลานจอดรถ Tesco Lotus นี้
ฟุตบาทบริเวณต้นซอยโครงการมีความกว้างลดลงมาหน่อยจากฟุตบาทที่ติดถนนใหญ่ แต่ก็ยังเดินเท้าได้สบายๆ
ภายในซอยนอกจากจะมีพี่วินที่วิ่งให้บริการภายในซอยแล้ว ยังมีรถสองแถวคอยให้บริการอีกด้วย
อย่างที่บอกไปว่าในซอยนี้จะมีจุดขึ้นลงทางด่วนด้วย ถ้าเลี้ยวขวาไปขึ้นทางด่วนรามอินทรา – อาจณรงค์ไปลงถนนพระราม 9 หรือถนนรามอินทราได้ หรือตรงไปสามารถทะลุออกถนนทางรถไฟสายปากน้ำได้ค่ะ
นี่ค่ะ บริเวณสามแยกที่เป็นจุดขึ้นและลงทางด่วน เป็นหัวใจหลักของการใช้รถในซอย 50 นี้ก็ว่าได้
พอเข้ามาช่วงกลางซอย เราจะเห็นความคึกคักของแหล่งที่อยู่อาศัย โดยจะมีทั้งคอนโด และอพาร์ทเมนท์ตั้งอยู่ริมถนนเต็มไปหมด ทำให้มีพวกร้านอาหารง่ายๆริมทาง มินิมาร์ทเปิดเพื่อมารองรับคนในพื้นที่นี้ด้วย สังเกตทางขวามือจะผ่านคอนโด Mayfair Place สุขุมวิท 50 เป็นคอนโดรุ่นพี่จาก PTF เหมือนกัน ซึ่งสำนักงานขายและห้องตัวอย่างของ DEFINE by Mayfair สุขุมวิท 50 ก็จะอยู่ที่คอนโดนี้นะคะ เราจะผ่านตรงนี้ไปเพื่อพาไปชมที่ตั้งของโครงการกันก่อนแล้วค่อยพากลับมาชมห้องตัวอย่างนะคะ
ตรงมาอีกหน่อยก็เลี้ยวซ้ายเข้าซอยสวัสดี 4 มีจุดสังเกตคือเป็นซอยที่อยู่เกือบถึงใต้ทางด่วนที่ตัดผ่านนะคะ
ซอยสวัสดี 4 เป็นซอยไม่กว้างมาก เดินรถแบบสวนกันไปกลับไม่มีไหล่ทาง เป็นซอยทะลุเชื่อมได้หลายซอยจึงจะเห็นมีรถวิ่งผ่านเข้าออกอยู่เสมอ
บรรยากาศก็จะดูเงียบสงบหน่อย ส่วนใหญ่เป็นบ้านพักอาศัย มีร้านค้าเล็กๆ บ้าง จากซอยนี้ก็จะมีซอยแยกย่อยไปอีก ทำให้ถนนเส้นนี้จะต้องรองรับกลุ่มผู้อยู่อาศัยละแวกนี้ เพื่อเดินทางเข้าสู่ซอยหลักอย่างซอยสุขุมวิท 50 หรือซอยสุขุมวิท 62 เวลาเร่งด่วนช่วงเช้าเย็นก็ต้องเผื่อเวลากันนิดนึง
เข้ามาในซอยประมาณ 300 ม. ก็ถึงที่ตั้งโครงการแล้วค่ะ
ที่ตั้งโครงการคือแปลงหัวมุมที่ล้อมรั้วไว้เรียบร้อย
บรรยากาศฝั่งในซอยย่อยดูเงียบสงบ เนื่องจากซอยด้านข้างโครงการเป็นซอยตันนะคะ
บรรยากาศพื้นที่รอบข้างส่วนใหญ่ก็จะเป็นบ้านพักอาศัย 1-3 ชั้นประมาณนี้
ด้านหน้าโครงการจะติดกับถนนซอยสวัสดี 4 แปลงติดกันเป็นโกดัง 2 ชั้นและถัดไปคืออาคาร 3 ชั้น ซึ่งจะไม่ได้บังวิวห้องพักในระยะประชิด เพราะทางโครงการออกแบบให้ห้องทางฝั่งนี้ หันเข้าหาสระว่ายน้ำด้านในโครงการแทนค่ะ
ฝั่งตรงข้ามเป็นบ้านพักอาศัย 1-3 ชั้น และถัดไปเป็นแปลงที่ดินเปล่า
เพื่อให้เข้าใจบริบทโดนรอบโครงการจะนำภาพ Top View จากโดรน มาประกบร่างกับผังโครงการให้ดูง่ายต่อความเข้าใจ ว่าสภาพแวดล้อมรอบๆโครงการ มีอะไรบ้างนะคะ โดยหลักๆจะเป็นชุมชนอยู่อาศัยเดิมเก่าแก่อย่างที่บอก มีทั้งบ้าน 1-3 ชั้น สลับกับที่ดินเปล่าบ้าง โกดังบ้าง วิวส่วนใหญ่ค่อนข้างโล่งเพราะไม่มีอาคารมาบล็อกวิวในระยะประชิด แต่ในระยะใกล้ที่ถัดออกไปหน่อยก็มีมาบังวิวในชั้นล่างๆ อยู่บ้าง ถ้าจะให้ชัวร์แนะนำให้เลือกห้องที่ชั้น 4 ขึ้นไปก็จะพ้นจากอาคารโดยรอบแล้วค่ะ
สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น
- 7-11 ~ 400 ม.
- Tesco Lotus อ่อนนุช ~ 1 กม.
- Phyll (คอมมูนิตี้มอลล์) ~ 1.1 กม.
- สำนักงานเขตพระโขนง~ 1.1 กม.
- สถานี BTS อ่อนนุช ~ 1.2 กม.
- Century Movie Plaza 2 ~ 1.8 กม.
- Big C Extra ~ 2.6 กม.
- ตลาดสดอ่อนนุช ~ 2.6 กม.
- Summer Hill (คอมมูนิตี้มอลล์) ~ 3.3 กม.
ภาพจำลองภายนอกโครงการ Define by Mayfair สุขุมวิท 50 เป็นคอนโด Low Rise สูง 8 ชั้น 2 อาคาร ตัวอาคารเน้นการใช้ช่องเปิดเป็นบานหน้าต่างขนาดใหญ่แบบสูงจากพื้ถึงฝ้า ทำให้ภาพรวมอาคารออกมาในสไตล์โมเดิร์น โทนสีของอาคารเป็นสี Earth Tone ให้บรรยากาศที่ดูเรียบง่าย สบายๆ และเป็นดีไซน์ที่คงไม่ตกยุคง่ายๆ สำหรับการแบ่งพื้นที่ใช้สอยของอาคารจะจัดชั้น 1 เป็น Lobby, Facilities ส่วนกลางเกือบทั้งหมดและที่จอดรถ ซึ่งพื้นที่ส่วนกลางหลักๆ ในโครงการจะอยู่บริเวณ Court ตรงกลางระหว่าง 2 อาคาร ส่วนของห้องพักอาศัยจะเริ่มที่ชั้น 2 ขึ้นไปจนถึงชั้น 8 ค่ะ
มาดูโมเดลกันต่อจะได้เห็นภาพกันชัดขึ้น ..เนื่องจากที่ดินของโครงการเป็นแปลงหัวมุม จึงติดกับถนน 2 ฝั่ง อาคารฝั่งที่เห็นนี้คืออาคาร A วางตัวด้านแนวยาวขนาบกับซอยสวัสดี 4 ห้องพักด้านนี้จะหันหน้าไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งไม่มีอาคารบังวิวในระยะประชิดเพราะมีถนนกั้น จะมีแค่ไม่กี่ห้องบนชั้น 3 ที่โดนบังวิวด้วยบ้านพักอาศัย 3 ชั้นที่ฝั่งตรงข้ามอยู่นิดหน่อยค่ะ
อาคารด้านทิศตะวันตกเฉียงเหนือ จะหันหน้าเข้าหาซอยย่อยที่แยกจากซอยสวัสดี 4 อีกที ซึ่งซอยย่อยนี้เป็นซอยตันจึงค่อนข้างเงียบสงบ มีคนเข้าออกในซอยไม่มากนักจึงได้ความเป็นส่วนตัว ส่วนฝั่งตรงข้ามอาคารเป็นบ้านพักอาศัย 1-2 ชั้น ทำให้ห้องพักที่หันหน้าออกฝั่งนี้ ตั้งแต่ชั้น 3 ขึ้นไปจะได้วิวโล่งๆ ไม่มีอาคารบังแล้วค่ะ
อาคารด้านทิศตะวันตกเฉียงใต้ ทิศนี้จะเป็นฝั่งของอาคาร B ที่วางตัวด้านยาวของอาคารไปตามรูปร่างของที่ดิน อาคารในด้านนี้เป็นด้านในสุดของโครงการ เป็นฝั่งที่มองวิวไปได้ไม่ไกลนัก แต่ก็ไม่ถึงกับถูกบล๊อกในระยะประชิด เพราะถัดจากที่ดินเปล่าด้านหลังโครงการไปอีกแปลงหนึ่งเป็นทาวน์โฮม 4 ชั้น จึงเป็นอาคารพักอาศัยที่ตั้งบังวิวอยู่ไม่ไกล ก็เป็นเรื่องปกติของคอนโดฯ Low Rise ที่ผู้อยู่อาศัยคงจะไม่ได้เน้นเรื่องวิวเป็นหลักอยู่แล้ว ส่วนใหญ่จะคำนึงเรื่องของจำนวนยูนิตที่ได้ความสงบมากกว่าคอนโดฯ High Rise ค่ะ อ้อ..อีกนิดนึงคือเรื่องของลมและแดดทางทิศนี้จะเป็นทิศที่ได้ลมดีมากที่สุดแต่ก็แลกมากับแดดที่มาตรงๆ เช่นกัน
อาคารด้านทิศตะวันออกเฉียงใต้ จะหันหน้าเข้าหาอาคารโกดัง 2 ชั้น ซึ่งจะเห็นบรรยากาศในซอยสวัสดี 4 ที่ส่วนใหญ่เป็นบ้านพักอาศัย 2-3 ชั้น ไม่มีอาคารสูงในระยะประชิดกับตัวตึก เพราะอาคารที่ติดๆ กับโครงการจะเป็นโกดัง 2 ชั้น ซึ่งบรรยากาศในซอยจะคึกคักดี เนื่องจากเป็นซอยทางลัดที่ไปเชื่อมกับซอยสุขุมวิท 62 ได้ พื้นที่ส่วนกลางจะอยู่ระหว่าง 2 อาคาร ซึ่งโครงการวางห้องพักให้หันหน้าเข้าสระว่ายน้ำส่วนกลางทั้งหมด ทำให้ไม่มีห้องพักที่จะหันหน้าออกมาเจอกับโกดัง 2 ชั้น ตรงๆ
ทางเข้าโครงการจะแยกออกเป็นทางเข้าคนเดินกับทางเข้ารถยนต์อย่างชัดเจนนะคะ สำหรับคนเดินจะมีทางเข้าที่อาคาร A ติดกับซอยสวัสดี 4 ทำให้เข้าถึงได้ง่าย บริเวณด้านหน้าโครงการนี้จะมี Drop-Off ให้มารับ-ส่งลูกบ้านได้สะดวก และมี Sharing Bicycle ที่ลูกบ้านสามารถขอยืมไปขี่เล่นออกกำลังกายหรือไปซื้อของในระยะใกล้ๆ ได้ สำหรับ Lobby ของโครงการจะเป็นแบบ Double Volume มีขนาดใหญ่เพราะรวมเป็นพื้นที่เดียวกันกับ Libraryและ Co-working Space บริเวณนี้แขกของลูกบ้านสามารถเข้ามานั่งคอย โดยไม่ต้องใช้ Key Card ผ่านเข้าออกได้ เพราะจะมีประตูบริเวณ Lift Lobby อีกชั้นหนึ่งที่จะเข้าได้เฉพาะลูกบ้านที่มี Key Card เท่านั้นค่ะ
ภาพจำลองบรรยากาศของ Lobby โครงการเป็นแบบ Double Floor (2 ชั้น ติดกัน) ทำให้เกิดความรู้สึกโปร่งโล่ง ผนัง 2 ด้านเป็นกระจกสูงทำให้แสงธรรมชาติสามารถผ่านเข้ามาในอาคารได้
ภายในบริเวณเดียวกันจะมีพื้นที่ของ Library/Co-working Space ที่ทางโครงการจัดชุดโต๊ะ และโซฟาไว้ให้สามารถมานั่งทำงานได้
สำหรับทางเข้า-ออกรถยนต์ จะต้องเข้าซอยย่อยที่แยกจากซอยสวัสดี 4 เข้ามา โดยทางเข้าออกจะอยู่ระหว่างอาคาร A และ B
เส้นทางเดินรถของโครงการก็เข้าใจไม่ยาก คือพอเข้ามาในโครงการแล้วหากจะจอดรถที่ชั้น 1 ของอาคาร A ก็เลี้ยวซ้าย ถ้าจะจอดที่อาคาร B ก็เลี้ยวขวา แต่หากที่จอดรถชั้น 1 เต็ม ก็จะมีชั้นจอดรถใต้ดินอีก 2 ชั้น ซึ่งจะมีทางขึ้น-ลงที่จอดรถชั้นใต้ดินอยู่ในอาคาร B ค่ะ
ต่อไปมาดู Facilities ของโครงการกันบ้าง โดยทางโครงการออกแบบให้มีตำแหน่งอยู่ตรงกลางระหว่าง 2 อาคาร ซึ่งมีข้อดีที่ทำให้ห้องพักที่เลือกวิวภายในโครงการ จะได้รับวิวของพื้นที่ส่วนกลางนี้
มาดูรายละเอียดของ Facilities บริเวณนี้สระว่ายน้ำ ประกอบด้วยส่วนหลักๆ คือ Swimming Pool ที่ภายในมี Jacuzzi ให้มานวดตัวสบายๆ และมี Aqua Gym เป็นเครื่องออกกำลังกายในน้ำ ถือว่าดีนะคะ เป็นอุปกรณ์ใหม่ที่ยังไม่ค่อยเห็นในคอนโดฯ ปัจจุบันสักเท่าไหร่ ติดกันมี Kid’s Pool แยกไว้ชัดเจนโดยจะวางไว้ในตำแหน่งที่ติดกับ Sunken Cabana จึงเป็นพื้นที่ที่ผู้ปกครองสามารถมานั่งคอยเด็กๆ เล่นน้ำได้สะดวก สำหรับพื้นที่นั่งเล่นริมสระก็มีการจัดวาง SunDeck ให้โดยรอบ นอกจากนี้ก็จะมีห้อง Fitness ที่อยู่ในอาคาร A เป็น Fitnes 2 ชั้น จัดฟังก์ชันมาแบบเต็มๆ ทั้ง Yoga, Boxing, Trampoline และเครื่องออกกำลังกายค่ะ
ภาพจำลองบรรยากาศบริเวณสระว่ายน้ำส่วนกลางของโครงการเป็นระบบเกลือมีขนาด 7 x 24 ม. ลึก 1.2 ม.ขนาดพอให้ออกกำลังกายได้ ด้านข้างจะแยกสระเด็กไว้ชัดเจนมีขนาด 6 x 4 ม. ลึก 40 ซม. บรรยากาศโดยรอบจะเน้นให้เกิดความร่มรื่นด้วยต้นไม้ใหญ่และไม้พุ่มค่ะ
สระว่ายน้ำของโครงการเป็นระบบ Over Flow (ระบบน้ำล้น) จึงมีเสียงน้ำตกตลอดเวลา ช่วยสร้างบรรยากาศที่ผ่อนคลายได้ดี ส่วนที่เป็น Highlight ของสระนี้เห็นจะเป็น Aqua Gym ที่ทางโครงการตอบโจทย์ “เทรนด์รักสุขภาพ” ของคนในปัจจุบัน โดยทางวงการแพทย์มีการค้นพบว่า Aqua Fitness เป็นการออกกำลังกายเพื่อส่งเสริมสุขภาพอย่างแท้จริง ด้วยความที่น้ำมีคุณสมบัติในการลอยตัว ฉะนั้นเมื่อออกกำลังกายในน้ำจึงช่วยรองรับน้ำหนักตัวและลดแรงกดที่ข้อต่างๆ ให้น้อยลงได้ ทั้งยังพยุงไม่ให้ล้มง่าย และช่วยให้การเคลื่อนไหวร่างกายทำได้ง่ายดายกว่าการออกกำลังกายบนบก จึงแทบจะไม่ก่อให้เกิดอาการบาดเจ็บเลยค่ะ
สำหรับใครที่ไม่ชอบว่ายน้ำแบบหนักๆ ก็มี Jacuzzi ให้มานั่งนวดตัวได้สบายๆ บริเวณขอบสระด้านบนจัดไว้เป็น Poolside Sundeck สำหรับนั่งพักผ่อนแบบได้วิวสระ
ภาพจำลองบรรยากาศบริเวณ Sunken Cabana คือการฝั่งที่นั่งลงไปในระดับเดียวกับสระว่ายน้ำ ช่วยเพิ่มบรรยากาศให้รู้สึกใกล้ชิดกับน้ำมากขึ้น
ภาพจำลองบรรยากาศภายในห้อง Fitness ชั้น 2 อยู่ในตำแหน่งที่สามารถมองออกไปชมวิวบริเวณสระว่ายน้ำได้
ขึ้นมาที่ชั้นบนของอาคาร B จะมี Facilities ส่วนกลางอีกตำแหน่งหนึ่ง ที่จัดไว้เป็น Rooftop Plantation
ภาพจำลองบรรยากาศบริเวณ Rooftop Plantation เป็นพื้นที่สำหรับปลูกผักสวนครัวเล็กๆ และยังเป็นมุมนั่งเล่นพักผ่อนให้ลุกบ้านสามารถขึ้นมานั่งเล่น ชมวิวบนชั้นดาดฟ้าของอาคารได้
การออกแบบตึกจะมีลูกเล่นของระเบียงที่ยื่นออกมาจากอาคาร และจัดวางให้มีตำแหน่งที่เหลื่อมกัน เป็นการเปิดมุมมองบริเวณระเบียงให้รับวิวได้มากขึ้น
มาดูผังโครงการกันบ้าง เริ่มที่ผังชั้น 1 ของโครงการ Define by Mayfair สุขุมวิท 50 จะแยกทางเข้า-ออกเป็น 2 ทาง คือทางเข้า-ออกบริเวณหน้า Lobby โครงการที่ติดกับซอยสวัสดี 4 เป็นทางเข้าออกสำหรับคนเดิน ส่วนรถยนต์จะแยกทางเข้าออกไว้ โดยเชื่อมกับซอยย่อยที่แยกออกจากซอยสวัสดี 4 อีกที ชั้น 1 ของอาคารพักอาศัยไม่มีห้องพักอาศัยนะคะ จะเป็นพื้นที่ของ Facilities ส่วนกลาง หลักๆ เลยเป็นที่จอดรถและเส้นทางเดินรถในอาคาร จากที่จอดรถก็จะมีทางเชื่อมมายัง Lobby ของแต่ละอาคาร แล้วจึงใช้ Key Card เพื่อเข้าไปยัง Lift Lobby อีกทีนะคะ ข้อแตกต่างของอาคาร A และ B คือ อาคาร A จะเป็นอาคารด้านหน้าที่จะใกล้ชิดกับความคึกคักบนถนนซอยสวัสดี 4 มากกว่า แต่ก็ใกล้กับ Lobby, Library, Co-working Space และ Fitness ที่อยู่บริเวณชั้น 1 ส่วนอาคาร B จะมีความสงบเป็นส่วนตัวมากกว่า แต่เวลาที่มีแขกมาหาบริเวณ Lobby หรือเวลาที่จะใช้งาน Library/Co-working Space และ Fitness ก็จะเดินไกลกว่าลูกบ้านที่อยู่อาคาร A นิดหน่อยนะคะ
ตั้งแต่ชั้น 2 ขึ้นไป เราจะค่อยๆดูไปทีละตึกนะคะ มาเริ่มที่ตึก A กันก่อน ชั้น 2 จะเริ่มเป็นส่วนของห้องพักอาศัย โดยมีห้องพักอาศัย 13 ห้อง เป็นห้อง 1 Bedroom 10 ห้อง และห้อง 2 Bedroom 3 ห้อง ซึ่งส่วนใหญ่จะอยู่เฉพาะห้องมุมของอาคาร การจัดวางทางเดินเป็นแบบ Double Corridor คือมีห้อง 2 ฝั่งทางเดิน ประตูห้องส่วนใหญ่จะเยื้องกันและอยู่ในตำแหน่งที่ดี มีแค่ห้องเดียวที่ประตูอยู่ตรงกับทางเดินนะคะ โถงลิฟท์มีตำแหน่งเดียวค่อนไปทางด้านหน้าของอาคาร ซึ่งในโถงจะมีลิฟท์ 2 ตัวนะคะ มีอัตราส่วนลิฟท์ของอาคาร A อยู่ที่ 53 : 1 ถือว่าเป็นอัตราส่วนที่ดี แชร์กันใช้งานได้อย่างสบายๆ ซึ่งปกของอาคาร Low Rise ก็จะใช้ลิฟท์โดยสารเป็น Service Lift ด้วยเลยนะคะ พื้นที่บางส่วนบนชั้นนี้จะเป็น Facilities ได้แก่ ห้อง Fitness ซึ่งมีบันไดขึ้นมาจาก Fitness ชั้น 1 ทำให้ยังรักษาความเป็นส่วนตัวของห้องพักในชั้นนี้ไว้ได้ ไม่ต่างจากห้องพักในชั้นอื่นๆ ค่ะ
ต่อไปเป็นเรื่องของวิว ห้องพักของอาคาร A ในชั้นนี้จะเป็นห้องที่หันไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือและตะวันออกเฉียงใต้ ไม่มีอาคารล๊อกวิวในระยะประชิด เพราะทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือจะมีถนนซอยกั้น ส่วนทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ก็จะติดกับสระว่ายน้ำส่วนกลาง ซึ่งสำหรับชั้นนี้ห้องที่ได้วิวดีที่สุดก็คือห้องที่ได้วิวสระว่ายน้ำนี่แหละค่ะ ถือเป็นห้องที่มี Value พิเศษแต่ก็ต้องแลกมากับเสียงและสายตาของเพื่อนบ้านเวลาที่มาใช้งาน ที่คงจะส่งผลต่อความเป็นส่วนตัวอยู่บ้าง
มาต่อกันที่ ชั้น 3-8 ของตึก A ค่ะ ตั้งแต่ชั้น 3 ขึ้นไปจะเป็นห้องพักอาศัยทั้งชั้น ผังโดยรวมเหมือนกับชั้น 2 เลย ต่างกันแค่จำนวนห้องพักอาศัยในชั้นนี้ที่เพิ่มขึ้นเป็น 16 ห้อง แบ่งเป็นห้อง 1 Bedroom 10 ห้อง และห้อง 2 Bedroom 5 ห้อง และห้อง Duplex 1 ห้อง เรื่องวิวก็จะคล้ายๆ กับชั้น 2 เช่นเดียวกัน แนะนำว่าถ้าอยากได้วิวโล่งๆ แบบไม่มีอาคารใกล้ๆ คอยกวนใจก็เลือกห้องตั้งแต่ชั้น 4 ขึ้นไปจะได้วิวที่โล่งแล้วค่ะ
ส่วนการวางผังของอาคาร B จะเหมือนกันตั้งแต่ชั้น 2-8 เลย เป็นอาคารรุปตัว L มีห้องพักอาศัยในแต่ละชั้น 12 ห้อง เป็นห้อง 1 Bedroom 8 ห้อง และห้อง 2 Bedroom 4 ห้อง อาคาร B จะมีโถงลิฟท์ตำแหน่งเดียวค่อนไปทางขวาของอาคาร แต่ด้วยขนาดของอาคารไม่ใหญ่นัก ทำให้ห้องพักที่อยู่ปลายสุดของอาคารก็สามารถเดินจาก Lift Lobby ได้ไม่ไกลค่ะ โดยอาคารนี้จะมีลิฟท์ 2 ตัวเช่นกัน อัตราส่วนลิฟท์ที่ดีอยุ่ที่ 42 : 1 แชร์กันใช้สบายๆ อีกเช่นกัน
เรื่องวิวของอาคารนี้ ห้องพักแบบ 1 Bedroom จะหันออกทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ ซึ่งแม้จะไม่มีอาคารในระยะประชิดแต่ก็ถูกบล๊อกวิวด้วยอาคาร 4 ชั้นในระยะใกล้ ถ้าอยากได้วิวโล่งๆ หน่อย จึงควรเลือกห้องที่ชั้น 5 ขึ้นไป สำหรับห้อง 2 Bedroom ทางโครงการวางผังออกมาให้หันเข้าด้านในโครงการ จึงเป็นห้องที่ได้วิวสระว่ายน้ำเกือบทั้งหมด ก็ขึ้นอยู่กับว่าชอบวิวสระระยะไหนค่ะ
สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก
- Lobby
- Library/Co-working Space
- Sharing Bicycle
- สระว่ายน้ำ 1 สระ ระบบเกลือ ขนาด 7 x 24 เมตร ลึก 1.2 เมตร สระเด็ก ขนาด 6 x 4 เมตร ลึก 0.4 เมตร
- Jacuzzi
- Aqua Gym
- Sunken Cabana
- Fitness 2 ชั้น
- Yoga
- Boxing
- Trampoline
- เครื่องออกกำลังกาย
โครงการขายห้องแบบ Fully Fitted คือจะให้เฉพาะเฟอร์นิเจอร์ที่ Built-in ได้แก่ เคาน์เตอร์ครัว, วัสดุอุปกรณ์ในห้องน้ำ, ตู้เก็บของ และตู้เสื้อผ้าในห้องนอน พร้อมแอร์ที่จะติดตั้งในห้องแบบ 1 Bedroom 2 เครื่อง ส่วนห้องแบบ 2 Bedrooms จะได้ 3 เครื่องค่ะ
ห้องตัวอย่างมีให้ชม 2 ห้อง คือห้องแบบ 1 Bedroom ขนาด 40.40 ตร.ม. และห้องแบบ 2 Bedroom ขนาด 50.50 ตร.ม. วันนี้จะพาไปชมห้องตัวอย่างทั้ง 2 แบบเลยค่ะ
ห้องแรกเป็นห้องแบบ 1 Bedroom ขนาด 40.40 ตารางเมตร เป็นห้อง 1 Bedroom ที่มีพื้นที่ใช้สอยเยอะทีเดียว เพราะโครงการส่วนใหญ่จะทำห้อง Type นี้ให้มีขนาดแค่ประมาณ 20 ปลายๆ ตร.ม. เท่านั้น ด้วยเหตุนี้ทำให้ห้องของโครงการนี้จะมีฟังก์ชันเล็กๆ น้อยๆ ที่เพิ่มขึ้นมาจากห้องในโครงการที่เราเห็นทั่วๆ ไป ค่ะ
รูปร่างของห้องเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้าหน้าแคบ แบ่งพื้นที่ Living และห้องนอนประมาณอย่างละครึ่ง เมื่อเข้าสู่ตัวห้องจะเจอเคาน์เตอร์ครัวตัว L อยู่ทางขวามือ ซึ่งทางโครงการตั้งใจให้เคาน์เตอร์นี้ใช้เป็นฟังก์ชันสำหรับนั่งทางอาหารได้ด้วย ลึกเข้าไปด้านในคือพื้นที่นั่งเล่นที่เชื่อมกับระเบียงขนาดใหญ่ อีกฝั่งหนึ่งเป็นห้องนอนที่มีพื้นที่สำหรับวางเฟอร์ฯ ได้ครบ ทั้งเตียง โต๊ะเครื่องแป้ง และมี Walk-in Closet ด้วย ส่วนห้องน้ำจะอยู่ตรงข้ามห้องครัวไม่ได้อยู่ในห้องนอนนะคะ ในกรณีที่มีเพื่อนๆหรือแขกมาหาก็สามารถเข้าห้องน้ำได้จากด้านนอก ไม่ต้องเดินผ่านห้องนอนเรา ภายในห้องน้ำจัดพื้นที่แยกส่วนเปียกและส่วนแห้งชัดเจน แต่ด้วยตำแหน่งที่อยู่ด้านในของอาคารจึงไม่มีช่องระบายอากาศ ทำให้ต้องพึ่งพาระบบของอาคารล้วนๆค่ะ
เริ่มจากประตูหน้าห้องซึ่งทางห้องตัวอย่างไม่ได้ติดมาให้ดูแต่บานจริงที่ได้จะเป็นบานไม้ลามิเนตขนาด 2.2 x 0.9 ม. มีระบบ Digital Doorlock ติดตั้งให้ด้วย แต่จะได้ของยี่ห้ออะไรยังไม่คอนเฟิร์มมานะคะ
เข้ามาในห้องจะเจอกับบริเวณ Common Area ที่จัดฟังก์ชันไว้เชื่อมต่อกันทั้ง Pantry ครัวตัว L ที่เชื่อมกับพื้นที่นั่งเล่น ด้านในสุดเป็นประตูกระจกบานเลื่อนที่เปิดเชื่อมไประเบียงด้านนอก ทำให้แสงธรรมชาติสามารถส่องผ่านเข้ามาในบริเวณนี้ได้ ช่วยให้บรรยากาศในห้องดูโปร่งโล่ง ห้องนี้สูง 2.65 เมตร พื้นเป็นกระเบื้องแกรนิตโต้ลายหินอ่อน ถือว่าดีกว่าโครงการระดับเดียวกันในละแวกนี้ที่มักจะให้เป็นพื้นลามิเนตนะคะ
มาดูรายละเอียดทีละส่วนของห้องนะคะ เคาน์เตอร์ครัวจะได้มาเป็นครัวตัว L รวมกับโต๊ะทานอาหารแบบนี้เลย ข้อดีก็คือช่วยประหยัดพื้นที่ใช้สอยของห้องไปได้มาก เฟอร์นิเจอร์ที่ได้ก็จะมีชุดครัวที่เว้นตำแหน่งสำหรับวางตู้เย็นไว้ให้
ขนาดพื้นที่วางตู้เย็นที่เว้นไว้มีขนาดพอให้ใส่ตู้เย็นขนาด 9.1 คิว ได้ตามห้องตัวอย่าง ก็พอเหมาะกับการใช้งานของคอนโดแบบห้อง 1 Bedroom ที่อยู่อาศัย 1-2 คนนะคะ
เคาน์เตอร์ครัวด้านล่างมีตู้เก็บของเป็นตู้บานเปิดปิดและลิ้นชัก หน้าบานไม้ลามิเนต ไว้สำหรับเก็บช้อนส้อม เก็บจาน อีกตู้หนึ่งใต้ซิงค์ล้างจานเป็นตู้ไว้ใช้เก็บของเล็กๆ น้อยๆ ได้ แต่ใส่ของเต็มไม่ได้นะคะเพราะต้องเว้นพื้นที่เผื่อซ่อมแซมอ่างล้างจานค่ะ
มาดูส่วนบนของเคาน์เตอร์ครัวกันบ้าง ให้พื้นที่มาเยอะ เพราะนอกจากจะมีช่องเคาน์เตอร์ตามแบบปกติแล้ว เวลาปรุงอาหารเรายังสามารถใช้พื้นที่ในส่วนที่ทานข้าว มาใช้ปรุงอาหาร วางเครื่องปรุงชั่วคราวได้ Top เคาน์เตอร์ได้เป็นหินสังเคราะห์ ซึ่งถือว่าเป็นสเปคมาตรฐานของโครงการระดับนี้นะคะ
ถัดไปเป็นซิงค์ล้างจานและก๊อกน้ำของ Teka มีขนาดพอให้ใส่กระทะได้ และมีความลึกพอสมควรที่จะล้างแล้วน้ำไม่กระเด็นออกมาค่ะ
เตาไฟฟ้าแบบ 2 หัวของ Teka จะใช้อุ่นอาหารเล็กๆ น้อยๆ หรือ ทำอาหารทานกันในห้องก็ได้ มาพร้อมเครื่องดูดควันของ Teka เช่นกัน โดยเครื่องดูดควันเป็นระบบหมุนเวียน จึงไม่เหมาะกับการทำอาหารที่มีกลิ่นฉุนจัด หรือมีควันเยอะๆ นะคะ
ไฟของเคาน์เตอร์ครัวติด Sensor ไว้ให้ เวลาที่เดินเข้ามาใช้งานเคาน์เตอร์ครัวไฟก็จะติดอัตโนมัติค่ะ
โต๊ะทานอาหารที่ห้องตัวอย่าง จัดให้ดูแบบใช้เคาน์เตอร์ครัวเป็นโต๊ะไปเลย แต่ถ้าใครอยากจะนั่งทานข้าวแล้วดูทีวีไปด้วย ก็คงจะต้องหาชุดโต๊ะทานข้าวมาเพิ่ม โดยจัดวางไว้ข้างโซฟาแทนนะคะ
ตู้ลอยสำหรับเก็บของด้านบนเป็นตู้บานเปิด 3 ตู้ พร้อมตู้ช่องโล่ง ภายในแบ่งเป็นช่องเก็บของและช่องสำหรับวางไมโครเวฟ
ดูจากขนาดห้องที่ค่อนข้างกว้างทำให้พื้นที่ใช้สอยค่อนข้างลงตัว เพราะบริเวณโซนครัวจะมีพื้นที่ให้สามารถยืนทำครัวได้ และยังมีพื้นที่ให้เดินเข้าออกห้องได้สะดวกด้วยเช่นกัน
พื้นที่ใช้สอยตรงข้ามเคาน์เตอร์ครัวเป็นตำแหน่งของห้องน้ำ และถัดไปจากห้องน้ำเป็นตู้เก็บของ ซึ่งทางโครงการ Built-in หน้าบานปิดไว้ให้เรียบร้อย การมีตู้ Built-in แบบมีบานปิดมาให้แบบนี้นี่ดีนะคะ เพราะเมื่อมีบานปิดก็ทำให้ห้องดูเรียบร้อยด้วยค่ะ
ภายในห้องน้ำจะถูกแยกส่วนเปียกและส่วนแห้งชัดเจนด้วยฉากกั้นอาบน้ำแบบกระจกนิรภัยและขอบธรณี ผนังและพื้นโดยรอบเป็นกระเบื้องลายหินอ่อนทั้งหมดตามแบบในห้องตัวอย่างเลยค่ะ
โครงการจะติดตั้งวัสดุอุปกรณ์มาให้เรียบร้อย รวมถึงกระจกบานใหญ่ด้านหลังอ่างล้างมือก็จะได้มาตามแบบให้ห้องตัวอย่างเลย ซึ่งจะช่วยให้ห้องน้ำดูกว้างขึ้นค่ะ
อ่างล้างมือของ Mogen หรือเทียบเท่า มีขนาดกะทัดรัดพอให้ใช้งานได้ ด้านข้างของอ่างล้างมือมีพื้นที่ให้วางของใช้ได้เยอะดีนะคะ
ส่วนด้านล่างอ่างล้างมือเป็นชั้นวางของขนาดไม่ใหญ่นัก แต่ก็พอจะวางของใช้ได้อีกนิดหน่อย
โถสุขภัณฑ์เป็นโถแบบ 2 ชิ้นยี่ห้อ American Standard หรือเทียบเท่า มาเป็น Set กับที่แขวนกระดาษชำระและสายฉีดชำระยี่ห้อเดียวกันค่ะ
ด้านข้างมีชั้นวางของที่เซาะร่องและปูกระเบื้องไว้สำหรับวางหนังสือและของตกแต่งได้นิดหน่อย
พื้นที่อาบน้ำถูกกั้นด้วยฉากกระจกนิรภัย ซึ่งเป็นแบบบานเปิดปิด โดยติดตั้งมือจับแบบที่สามารถใช้แขวนผ้าเช็ดตัวมาให้ด้วย
ทางโครงการเก็บรายละเอียดของขอบฉากกั้นอาบน้ำมาเรียบร้อย ด้วยการติดพลาสติกกันกระแทกตรงขอบประตูกระจก เพื่อช่วยป้องกันอุบัติเหตุค่ะ
ภายในพื้นที่อาบน้ำก็มีการติดตั้งอุปกรณ์อาบน้ำไว้เรียบร้อยเช่นเดียวกัน
หน้าตาของฝักบัวที่ได้ของ American Standard นะคะ มีขนาดจับได้ถนัดมือดี
พื้นที่อาบน้ำมีขนาดกว้างยาวประมาณ 0.8 x 1.4 เมตร เป็นขนาดมาตรฐานที่สามารถใช้งานได้สะดวก
ด้านหลังประตูติด Door Stopper เพื่อกันฉากกั้นกระจกกระแทกไว้เรียบร้อย
โครงการ Built-in ตู้เก็บของและตู้ใส่เครื่องซักผ้ามาให้ โดยหน้าบนตู้ก็จะเป็นบานกระจกสีชาตามแบบในห้งอตัวอย่างเลยค่ะ
ทางโครงการก็เก็บรายละเอียดของขอบประตูตู้ Built-in มาเรียบร้อย ด้วยการติดเส้นกำมะหยี่เพื่อช่วยกันกระแทกและยังกันฝุ่นเข้าตู้ด้วยนะคะ
ถัดมาในส่วนของพื้นที่นั่งเล่นมีการจัดวางชุดโซฟาขนาด 2 ที่นั่ง ระยะดูทีวีของห้องนั่งเล่นมีความกว้างประมาณ 2.2 ม. จึงมีขนาดทีวีที่เหมาะสมอยู่ที่ 50 นิ้ว
เฟอร์นิเจอร์ในส่วนนี้ทางโครงการไม่ได้แถมมาให้ เราสามารถดูไว้เป็นไอเดีย และเลือกตกแต่งตามสไตล์ที่ตัวเองชอบได้เลย
ติดกับพื้นที่นั่งเล่นจะมีประตูกระจกบานเลื่อนสำหรับเปิดออกไประเบียง
ขอบววงกบประตูจะถูกฝังอยู่ในระดับเดียวกับพื้นห้องทำให้ไม่ต้องระวังสะดุดเวลาเดินเข้าออก เห็นแบบนี้หลายคนอาจจะกลัวว่าเวลาที่ฝนตก น้ำฝนจะสาดเข้ามาไหม? ตอบว่าถ้าดูจากดีไซน์ของระเบียงแล้วไม่น่าจะสาดเข้ามาถึง เพราะระเบียงโครงการนี้มีความลึกมากว่าคอนโดฯ ปกติทั่วไป ทำให้ฝนน่าจะสาดเข้ามาไม่ถึง แต่อย่างไรก็ตามช่วงแรกๆ ที่เข้าอยู่ ก็ระวังไว้หน่อยก็ดีค่ะ
วงกบประตูเป็นอลูมิเนียมอบสีดำ ตัวล็อกฝังลงบนบานประตูตามแบบมาตรฐาน และบริเวณขอบประตูจะติดเส้นกำมะหยี่มาให้ เพื่อช่วยกันฝุ่นและเสียงที่จะเล็ดลอดเข้ามาในห้องค่ะ
พื้นที่ระเบียงของโครงการนี้มีขนาดกว้างดีทีเดียว โดยมีขนาดคร่าวๆ ประมาณ 1.7 x 2.5 ม. ใช้เป็นพื้นที่สำหรับตากผ้า จัดเป็นมุมนั่งเล่นบนระเบียงและใช้วาง Condensing Unit ค่ะ
เนื่องจากโครงการจัดตำแหน่งของเครื่องซักผ้าไว้ให้อยู่ด้านในห้องแล้ว ทำให้บริเวณระเบียงมีพื้นที่พอให้วางชุดโต๊ะสำหรับนั่งเล่น และวางราวตากผ้าได้ แนะนำให้วาง Condensing Unit เป็นแบบแขวนและหันด้านที่เป่าลมร้อนออกนอกอาคาร จะช่วยให้สามารถใช้งานพื้นที่ระเบียงได้จริงค่ะ
อีกฝั่งของตัวห้องจัดเป็นห้องนอนมีประตูบานเปิดทางเข้าแบ่งพื้นที่การใช้งานให้เป็นสัดส่วนเพื่อความเป็นส่วนตัวในการใช้งาน
พื้นที่ที่จัดมาให้ภายในห้องนอนถือว่าใช้งานได้แบบสบายๆ ไม่อึดอัด สามารถตั้งเตียงนอนขนาด 5 ฟุต ได้ มีพื้นที่ด้านข้างเหลือให้วางตู้เสื้อผ้าวางโต๊ะเครื่องแป้งได้
พอวางเตียงขนาด 5 ฟุตแล้วก็ยังเหลือพื้นที่ให้สามารถเดินขึ้นเตียงได้โดยรอบ
ภายในห้องนอนมีหน้าต่างบานใหญ่เต็มผนังแบบสูงจากพื้นถึงฝ้า เป็นบาน Fixed ผสม บานกระทุ้ง ทำให้สามารถรับแสงธรรมชาติได้มากและเปิดระบายอากาศได้ สำหรับใครที่อยากติดทีวีในห้องนอนเพิ่มแนะนำเป็นแบบแขวนจะช่วยประหยัดพื้นที่การใช้งานได้ดีค่ะ
หน้าต่างบานบานกระทุ้ง เปิดได้ไม่กว้างมากเพื่อความปลอดภัยของผู้อยุ่อาศัย แต่ก็พอให้สามารถเปิดระบายอากาศในห้องได้
มือจับได้มาตรฐานจับได้ถนัดมือดี
อีกฝั่งหนึ่งของห้องมีพื้นที่ให้พอวางโต๊ะเครื่องแป้งและตู้เสื้อผ้าแบบ Walk-in Closet ได้
พื้นที่ด้านข้างเตียงฝั่งนี้ ถ้าไม่วางโต๊ะหัวเตียงก็มีพื้นที่พอให้วางโต๊ะเครื่องแป้ง หรือถ้าเป็นคุณผู้ชายก็อาจจะวางโต๊ะทำงานแทนได้
เนื่องจากพื้นที่ในห้องแบบ 1 Bedroom ที่ทางโครงการออกแบบค่อนข้างกว้าง ห้อง 1 Bedroom ของโครงการนี้จึงมีพื้นที่สำหรับ Walk-n Closet ด้วย ซึ่งก็จะได้มาตามแบบในห้องตัวอย่าง เป็นตู้บานเลื่อน 2 บาน หน้าบานของตู้จะเป็นบานทึบผสมกับกระจกสีชาดำแบบนี้ ทำให้ดูโปร่ง และช่วยทำให้ห้องดูโล่งขึ้นด้วยนะคะ
ภายใน Walk-in closet แบ่งเป็นชั้นย่อยๆ ไว้หลายขนาด มีทั้งแบบราวแขวน ตู้ช่องโล่ง และตู้ลิ้นชัก
พื้นที่ยืนสำหรับเลือกเสื้อผ้ามีขนาด 0.9 x 1.6 ม. จึงสามารถใช้งานได้สะดวก
ห้องตัวอย่างอีก Type หนึ่งที่จะพาไปดู คือห้อง 2 Bedrooms 1 Bathroom ขนาด 50.50 ตร.ม. การจัดวางฟังก์ชันภายในห้องให้ความสำคัญกับห้องนั่งเล่น และห้องนอน ที่ถูกจัดวางในตำแหน่งที่ได้ช่องแสงทั้งหมด แล้วจึงวางห้องครัวและห้องน้ำไว้ภายในอาคาร การจัดวางแบบนี้มีข้อดีหลักๆ คือช่องแสงจะช่วยเพิ่มปริมาณแสงธรรมชาติที่ส่องเข้ามาในพื้นที่นั่งเล่นพักผ่อนได้ บรรยากาศจึงดูโปร่งโล่ง ครัวที่ได้เป็นครัวเปิดจึงเหมาะกับคนที่ไม่ได้เน้นทำครัวไทยหนักๆ มากนัก แต่เสียดายมีจุดที่ไม่ลงตัวอยู่นิดหน่อยตรงตำแหน่งของโต๊ะทานอาหารที่ชิดผนังหน้าห้องนอน ทำให้ไม่เชื่อมต่อกับพื้นที่นั่งเล่น จึงไม่สามารถนั่งทานอาหารและดูทีวีไปพร้อมๆ กันได้
เปิดเข้ามาภายในห้องจะแบ่งพื้นที่ต่างๆ ออกเป็นสัดส่วน โดยพื้นที่ส่วนแรกที่เราจะเจอเลยคือ พื้นที่ของ Common Area ประกอบด้วยส่วนของ Pantry ครัว, พื้นที่ทานอาหาร และพื้นที่นั่งเล่นดูทีวี เสียดายอยู่นิดนึงที่เป็นพื้นที่แบบตัว L ทำให้ไม่สามารถมองเห็นกันได้ทั่วทั้งบริเวณ Common Area อย่างบริเวณพื้นที่ทานอาหารจึงไม่ได้แสงธรรมชาติและมองไม่เห็นทีวี แต่ภาพรวมของห้องก็ยังดูโปร่งโล่ง ด้วยฝ้าเพดานที่สูง 2.65 ม. และได้แสงธรรมชาติจากประตูบานเลื่อนกระจกที่เปิดออกไประเบียงได้
ติดกับประตูทางเข้าห้องจะเป็นเคาน์เตอร์ครัวตัว L ที่เว้นพื้นที่ไว้ให้วางตู้เย็น ตัววัสดุและอุปกรณ์ที่ให้จะเหมือนกับในห้องแบบแรก
บริเวณครัวนี้จัดพื้นที่มาได้ดี คือมีพื้นที่ให้เข้าไปยืนทำอาหารที่แยกออกจากพื้นที่ทางเดินภายในห้อง ทำให้สามารถทำครัวได้สะดวกและเป็นสัดส่วน
ถัดมาที่ตำแหน่งของโต๊ะทานอาหาร จัดวางไว้อีกฝั่งหนึ่งอยู่บริเวณหน้าห้องนอน
โต๊ะทานอาหารในห้องตัวอย่างจัดวางไว้เป็น 2 ที่นั่งแบบเข้ามุม ซึ่งจริงๆ สามารถจัดวางแบบ 4 ที่นั่งได้ แต่พื้นที่ทางเดินบริเวณนี้ก็จะแคบลงนะคะ
ผ่านโซนครัวและทานอาหารเข้ามาจะเป็นพื้นที่นั่งเล่น วางโซฟาขนาดนั่งได้ 2-3 คน เวลาพาเพื่อนๆมาพักผ่อนที่ห้องหลายคน โซฟาอาจจะไม่พอนะคะ ก็น่าจะหาเก้าอี้สตูลตัวเล็กๆ มาเพิ่มได้ ระยะดูทีวีของห้องนี้อยู่ที่ 2.3 ม. จึงมีขนาดทีวีที่เหมาะสมที่ 50 นิ้ว
ด้านในมีประตูกระจกบานเลื่อนสำหรับเปิดออกไประเบียงได้ ซึ่งประตูกระจกนี้เป็นช่องแสงหลักๆ ที่เปิดให้แสงธรรมชาติสามารถส่องผ่านเข้ามาในห้อง
พื้นที่ระเบียงของห้อง Type นี้ก็มีขนาดกว้างอีกเช่นกัน โดยมีขนาดกว้างยาวประมาณ 2.6 x 1.55 ม.
พื้นที่ระเบียงกว้างแบบนี้จึงสามารถวางชุดโต๊ะสำหรับนั่งเล่น และวางราวตากผ้าได้ ส่วน Condensing Unit แนะนำให้แขวนฝ้าแบบเป่าลมร้อนออกด้านนอกจะทำให้สามารถใช้งานพื้นระเบียงได้จริงค่ะ
สำหรับห้องนอนจะอยู่ถัดเข้าไปจากบริเวณทานอาหาร โดยห้องทางซ้ายคือห้องนอนเล็ก ติดกันเป็นห้องนอนใหญ่ ซึ่งทั้ง 2 ห้องจะต้องแชร์ห้องน้ำร่วมกัน ถัดมาที่บริเวรหน้าห้องน้ำทางโครงการจะ Built-in ตู้เก็บของไว้ให้ ซึ่งเป็นตำแหน่งสำหรับใส่เครื่องซักผ้าเช่นเดียวกับห้องแบบแรกนะคะ
ภายในห้องน้ำขนาดพอๆ กับห้องน้ำในห้องแรกที่พาไปดูมาแล้วนะคะ ภายในแบ่งพื้นที่ส่วนเปียกแห้งไว้เรียบร้อย พร้อมติดตั้งสุขภัณฑ์และอุปกรณ์ไว้ครบถ้วน
ส่วนที่แตกต่างกันคือชั้นวางของที่ย้ายเข้ามาอยู่ในพื้นที่อาบน้ำ ส่วนตัวแล้วชอบให้อยู่ในตำแหน่งนี้มากกว่าเพราะจะได้ใช้วางอุปกรณ์อาบน้ำได้สะดวก
เข้ามาดูภายในห้องนอนใหญ่กันก่อน ด้านในห้องนอนมีขนาดกว้างพอสมควรทำให้สามารถวางเฟอร์นิเจอร์ได้สบายๆ
พื้นที่ปลายเตียงไม่มีพื้นที่เหลือให้วางชั้นวางทีวีนะคะ ถ้าจะติดทีวีในห้องนี้ต้องติดแบบแขวนค่ะ
อีกฝั่งหนึ่งของห้องนอนมีพื้นที่เหลือพอให้สามารถวางโต๊ะเครื่องแป้ง และตู้เสื้อผ้าได้
มาดูห้องสุดท้ายกันที่ห้องนอนอีกห้องหนึ่ง มีขนาดพื้นที่ใช้สอยพอให้วางเตียงใหญ่ขนาด 5 ฟุต ได้ นับว่าเป็นห้องนอนที่อยู่กัน 2 คนได้เลย สังเกตกระจกของห้องได้เป็นบานใหญ่จากพื้นถึงฝ้า ทำให้ห้องดูโปร่งเป็นพิเศษ
มีพื้นที่ให้เดินขึ้นเตียงได้โดยรอบอีกเช่นกัน ส่วนพื้นที่ปลายเตียงไม่พอให้ตั้งชั้นวางทีวี ถ้าอยากติดทีวีแนะนำให้ติดแบบแขวนผนังนะคะ
อีกฝั่งหนึ่งของห้องเป็นพื้นที่ของตู้เสื้อผ้าที่ Built-in ไว้ให้และมีพื้นที่สำหรับวางโต๊ะเครื่องแป้งด้วยเช่นกัน
สำหรับตู้เสื้อผ้าที่โครงการ Built-in ไว้ให้ทั้งในห้องนอนใหญ่และห้องนอนนี้จะเป็นตู้บานเลื่อน 2 บาน หน้าบานเป็นบานทึบผสมกระจกก็ทำให้ดูไม่ทึบตัน ภายในมีราวแขวนผ้า และมีลิ้นชักเก็บของอีก 2 ช่อง ส่วนด้านบนเป็นตู้ช่องโล่งไว้เก็บผ้านวมผืนใหญ่ๆ ได้ค่ะ
**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ
ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 22 December 2017
- 1 Bedroom อาคาร A ชั้น 4 ห้อง 402 เนื้อที่ 40.44 ตร.ม. ราคา 3,437,400 ล้านบาท หรือ 85,000 บาท/ตร.ม.
- 2 Bedrooms อาคาร B ชั้น 5 ห้อง 511 เนื้อที่ 54.7 ตร.ม. ราคา 4,649,500 ล้านบาท หรือ 85,000 บาท/ตร.ม.
- Duplex อาคาร A ชั้น 3 ห้อง 313 เนื้อที่ 120.7 ตร.ม. ราคา 10,018,100 ล้านบาท หรือ 83,000 บาท/ตร.ม.
- Fully Fitted
- ฝ้าเพดานสูง 2.6 เมตร
- Kitchen & Sink
- Hob & Hood
- Shuttle Bus ไปกลับ BTS อ่อนนุช
- จอง 20,000 บาท
- ทำสัญญา 4%
- ดาวน์ n/a% ผ่อนดาวน์ n/a งวด
- ค่ากองทุน 500 บาท/ตร.ม.
- ค่าส่วนกลาง 55 บาท/ตร.ม./เดือน
**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ
ทำเล – โครงการอยู่ในย่านอ่อนนุช จัดย่านพักอาศัยที่ได้รับความนิยมทำเลหนึ่ง เพราะสามารถเดินทางเข้าเมืองต่อเนื่องไปในย่านสุขุมวิทได้สะดวก ในย่านนี้จึงมีทั้งคนที่อยู่กันแต่เดิมและกลุ่มคนที่พึ่งย้ายเข้ามาอยู่เกาะตามแนวรถไฟฟ้า BTS ซึ่งที่พักอาศัยก็จะมีหลายหลากทั้งแนวราบและคอนโด สำหรับที่ตั้งโครงการ DEFINE by Mayfair สุขุมวิท 50 จะแยกเข้ามาจากถนนซอยสุขุมวิท 50 เข้าซอยสวัสดี 4 มาอีกประมาณ 300 ม. ซึ่งซอยนี้เป็นซอยลัดไปเชื่อมกับซอยสุขุมวิท 62 จึงเป็นซอยที่มีความคึกคักอยู่บ้าง ไม่เปลี่ยวเหมือนซอยตันนะคะ บริเวณที่ตั้งโครงการจะเป็นบ้านพักอาศัยเกือบทั้งหมด เป็นทำเลเงียบสงบและไม่มีอาคารสูงบดบังวิวในระยะประชิด สำหรับความอุดมสมบูรณ์ในย่านนี้เรียกว่าหาของกินของใช้ไม่ยาก แต่จะไม่ได้อยู่ในระยะเดินนะต้องใช้จักรยานหรือใช้รถต่อไปอีกทีหนึ่ง แหล่งจับจ่ายซื้อของหลักๆ ที่อยู่ใกล้ตัวโครงการก็คงจะเป็น Tesco Lotus ที่อยู่บริเวณหน้าปากซอยสุขุมวิท 50 ติดรถไฟฟ้าสถานีอ่อนนุชค่ะ
การเดินทางโดยใช้รถยนต์ส่วนตัว – ถือว่าสะดวกใช้ได้ เหมาะกับคนที่เดินทางโดยใช้ทางด่วนบ่อยๆ เพราะอยู่ใกล้ทางขึ้นลงทางด่วน ทั้งทางด่วนรามอินทรา – อาจณรงค์และทางด่วนเฉลิมมหานคร เรียกได้ว่าเป็นซอยที่มีทางหนีทีไล่พอสมควร แต่เพราะยังมีข้อเสียเนื่องจากเป็นซอยที่ลัดขึ้นทางด่วน ออกถนนรถไฟสายเก่าปากน้ำได้จึงทำให้ในซอยนี้ติดเกือบตลอดทั้งวัน ซึ่งก็ควรจะเผื่อเวลาในการเดินทางกันหน่อยค่ะ
การเดินทางโดยไม่ใช้รถยนต์ – จากที่ตั้งโครงการจะห่างจากสถานีรถไฟฟ้าอ่อนนุชประมาณ 1.2 ม. เป็นระยะที่เกินระยะเดินสบายไปแล้ว หากใครอยากไปขึ้นรถไฟฟ้าก็ต้องต่อพี่วินมอเตอร์ไซค์ออกมาที่ถนนสุขุมวิทอีกที ซึ่งที่ถนนสุขุมวิทก็จะมีรถป้ายรถเมล์อยู่หน้า Tesco Lotus เลย ส่วนรถแท็กซี่ก็มีวิ่งผ่านหน้าโครงการบ้างเพราะเป็นซอยทะลุ แต่ถ้ารอนานก็มาเรียกได้ที่ถนนสุขุมวิท ทำให้การเดินทางด้วยรถสาธารณะส่วนใหญ่จะอยู่ที่ถนนสุขุมวิทเป็นหลักนะคะ ทางโครงการก็ได้มีการแก้ปัญหาโดยจัดให้มี Shuttle Bus Service ลูกบ้านไปกลับสถานีรถไฟฟ้า BTS ได้
การออกแบบ – โครงการ DEFINE by Mayfair สุขุมวิท 50 เป็นคอนโด Low Rise 2 อาคาร ล้อม Facilities ที่อยู่ตรงกลาง ทำให้ทั้ง 2 อาคาร เข้าถึงพื้นที่ส่วนกลางได้ง่าย มีการออกแบบในสไตล์ Modern เน้นความเป็นส่วนตัวในการอยู่อาศัยด้วยจำนวนเพียง 190 ยูนิต แปลนแต่ละชั้นไม่หนาแน่นมีมีจำนวนยูนิตต่อชั้นสูงสุดที่ 16 ยูนิตต่อชั้น สำหรับแบบห้อง 1 Bedroom จะเป็นห้องไซส์ใหญ่ ทำให้มีฟังก์ชันที่เราไม่ค่อยเจอในห้อง 1 Bedroom อยู่ในห้องนี้ เช่น Walk-in Closet แต่ห้องแบบ 2 Bedroom ถือว่ามีขนาดไม่ใหญ่เท่าไหร่ การจัดวางจึงยังมีบางสตำแหน่งที่ไม่ลงตัวอย่างเช่นตำแหน่งของโต๊ะทานอาหาร ส่วนที่ดีอีกอย่างหนึ่งของห้องในโครงการนี้คือ หน้าต่างที่จะได้เป็นบานใหญ่จากพื้นถึงฝ้าและระเบียงขนาดใหญ่ที่ใช้งานได้จริงค่ะ
วัสดุ – โครงการขายแบบ Fully Fitted ซึ่งแตกต่างจากโครงการโดยรอบในทำเลเดียวกันที่ขายแบบ Fully Furnished กันเป็นส่วนใหญ่ จึงชดเชยด้วยการเลือกใช้วัสดุที่ดีกว่าโครงการอื่นๆ แทน ได้แก่ พื้นห้องที่ปูกระเบื้องตั้งแต่ห้องครัวถึงห้องนั่งเล่น จะมีแค่ภายในห้องนอนที่ปูด้วยไม้ลามิเนต หน้าต่างจะได้เป็นบานใหญ่แบบสูงจากพื้นถึงฝ้า ส่วนพวกเฟอร์นิเจอร์จะได้เฉพาะที่เป็น Built-in คือเคาน์เตอร์ครัว วัสดุอุปกรณ์ในห้องน้ำของ American Standard และ Mogen ตู้เก็บของ Built-in สำหรับวางเครื่องซักผ้าและเก็บของใช้ได้ และตู้เสื้อผ้า แถมให้ฝ้าเพดานสูง 2.65 ม. ทำให้ห้องดูโปร่ง และยังเป็นระยะที่สูงกว่าโครงการระดับราคานี้ในทำเลเดียวกันด้วยนะคะ
สาธารณูปโภค ภายในโครงการมีให้เลือกใช้งานค่อนข้างหลากหลาย น่าใช้งาน โดยหลักๆเกือบทั้งหมดจะจัดไว้บริเวณตรงกลางของโครงการบริเวณชั้น 1 ได้แก่ Lobby, Library/Co-Working Space , สระว่ายน้ำ และ สระว่ายน้ำเด็ก , Jacuzzi , Aqua Gym, Fitnes 2 ชั้นภายในจะมี Yoga, Boxing และ Trampoline ให้เล่นด้วย, ชั้นบนสุดมี Rooftop Plantation เป็นมุมทำสวนและชมวิวบนชั้นดาดฟ้าของโครงการ ส่วนที่จอดรถถือว่าจัดมาให้เยอะพอสมควรประมาณ 57 % ลิฟท์โดยสาร 2 ตัวต่อหนึ่งอาคาร อัตราส่วนลิฟท์รวมทั้งโครงการ 47.5 : 1 เป็นสัดส่วนที่ดี แบ่งกันใช้งานได้สะดวกเลยทีเดียว
Judgement
การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้
ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%
เทียบกับราคา 85,000 บาท/ตร.ม., 22 Dec 2017
- ทำเล 7.5/10 – อยู่ในซอยสวัสดี 4 เป็นซอยทะลุจึงมีความคึกคัก มีรถผ่านตลอด ไม่ไกลแหล่งความอุดมสมบูรณ์บนถนนสุขุมวิท แต่ไม่ได้อยู่ในระยะเดินต้องต่อรถไปอีกที
- เดินทางด้วยรถ 8/10 – ใกล้จุดขึ้นลงทางด่วน 2 ทางด่วน ซอยหลักมีเส้นทางไปออกถนนหลายสาย
- ไม่ใช้รถ 7/10 – ห่างจาก BTS อ่อนนุช 1.2 กม. มี Shuttle Bus Service มีวินมอเตอร์ไซต์ในซอย
- วัสดุ 7.75/10 – Fully Fitted เลือกใช้วัสดุที่ดี Trade-off กับโครงการโดยรอบที่มักจะให้มาเป็น Fully Furnished
- แบบ 7.75/10 – ภาพรวมโครงการดูดี ห้อง 1 Bedroom จัดมาเป็นห้องขนาดใหญ่ ฟังก์ชันครบดี แต่ห้อง 2 Bedroom ยังมีส่วนที่ไม่ลงตัวอยู่นิดหน่อย
- สาธารณูปโภค 8.75/10 – มีให้เลือกหลากหลาย น่าใช้งาน
- UPPER CLASS
- 7.68/ 10.00
BOTTOM LINE
โครงการ DEFINE by Mayfair สุขุมวิท 50 เหมาะกับคนที่มองหาคอนโดในย่านอ่อนนุช ทำเลเงียบสงบไม่พลุกพล่านมากนัก เดินทางเข้าเมืองสะดวก ไม่ไกลจากรถไฟฟ้า ทำเลชุมชนหาของกินของใช้ง่าย ต้องการห้องใหญ่ เน้นอยู่อาศัยเป็นส่วนตัว มี Facility ส่วนกลางให้ใช้เยอะ หลายฟังก์ชัน มีงบประมาณ 2 ล้านกลางๆ ขึ้นไปถึง 11 ล้าน หรือมีกำลังผ่อนประมาณ 18,000 – 81,000 บาท/เดือน ยังไงก็ลองพิจารณากันดูนะคะ