รีวิวฉบับที่ 652 … วันนี้ Mr.Boom ขอพาไปดูคอนโดตากอากาศที่หัวหินกันอีกซักที่นะครัชชช ที่นี่มีชื่อว่า CeLeste หัวหิน เป็นโครงการหมู่ตึกคอนโดมิเนียมที่ตั้งอยู่ในซอยหัวหิน 101 ในโซนเขาเต่า อยู่เลยเขาตะเกียบไปประมาณเกือบๆ 10 กิโลเมตรครับ ที่นี่เป็นโครงการขนาดใหญ่ใช้ได้เลยนะ ที่ดินของโครงการมีขนาดประมาณ 10 ไร่ มีคอนโดทั้งหมด 6 อาคาร และจะมีสระว่ายน้ำแบบ Free Form อยู่ที่ชั้นล่างสุด เชื่อมพื้นที่ของทั้ง 6 ตึกเข้าด้วยกัน ถ้าอยากรู้รายละเอียดอื่นๆเพิ่มเติม ก็เลื่อนลงไปอ่านด้านล่างได้เลยจ้ะ 😀
Fact @ 8 July 2014
- CeLeste Hua Hin 101 (เซเลสเต้ หัวหิน 101)
- Khao Tao Bay View Resort
- UPPER CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
- โครงการตั้งอยู่ที่: อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์
- คอนโด Low Rise 4 ชั้น 3 อาคาร และ 7 ชั้น 3 อาคาร รวม 6 อาคาร
- ที่จอดรถประมาณ 60% โดยจอดรอบอาคาร และที่ชั้นใต้ดินของอาคาร B3
- ที่ดินขนาด 9-3-98 ไร่
- คาดว่าจะแล้วเสร็จ : ปี 2558
- 1 Bedroom 39 – 48 ตารางเมตร ราคาประมาณ 2.90 -4.99 ล้านบาท หรือ 73,000 – 104,000 บาท/ตร.ม.
- 2 Bedroom 69 – 87 ตารางเมตร ราคาประมาณ 5.84 – 8.03 ล้านบาท หรือ 74,000 – 107,000 บาท/ตร.ม.
- 3 Bedroom 122 ตารางเมตร ราคาประมาณ 12.69 – 12.94 ล้านบาท หรือ 102,000 – 106,000 บาท/ตร.ม.
- Penthouse 156 ตารางเมตร ราคาประมาณ 24.18 ล้านบาท หรือ 155,000 บาท/ตร.ม.
- ฝ้าเพดานสูง
- 2.60 เมตร สำหรับตึก A1, A2, A3
- 2.70 เมตร สำหรับตึก B1, B2, B3
- 3.00 เมตร สำหรับห้อง Penthouse
เพียงแค่การกด Like ก็เท่ากับการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจาก Think of Living แล้วค่ะ
สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างนะ
พิกัด : 12.466141,99.973953
ที่ตั้งของโครงการ CeLeste หัวหิน ตั้งอยู่ในซอย หัวหิน 101 ครับ ซึ่งเป็นซอยที่อยู่บนถนนเพชรเกษม เลยตัวเมืองหัวหินและทางแยกไปเขาตะเกียบมาแล้ว อยู่ระหว่างทางที่กำลังมุ่งหน้าไปปราณบุรีครับ
การเดินทางไปโครงการ ถ้ามาจากกรุงเทพฯ เราสามารถวิ่งเส้นเพชรเกษมเหมือนที่จะไปหัวหินปกติก็ได้ ซึ่งก็คือจะวิ่งผ่านตัวเมืองหัวหินไปก่อน พอถึงทางแยกที่จะไปเขาตะเกียบ ก็ให้ขึ้นสะพานข้ามแยก เหมือนจะไปปราณบุรีครับ เพื่อที่จะแยกมาทางถนนเพชรเกษม แล้วก็วิ่งนับซอยมาเรื่อยๆ จนมาถึงซอยหัวหิน 101 ก็จะเป็นซอยที่ตั้งของโครงการครับ ระยะทางจากตัวเมืองหัวหินถึงโครงการอยู่ที่ประมาณ 12 กม.ครับ วัดจากตำแหน่งของสถานีรถไฟหัวหิน ก็จัดว่าอยู่ห่างมาพอสมควร ใช้เวลาขับรถแบบรถไม่ติดประมาณ 10-15 นาทีได้
ในช่วงเทศกาล บางทีรถในตัวเมืองชะอำหรือหัวหินอาจจะติด การวิ่งผ่านเมืองโดยใช้ถนนเพชรเกษมอาจจะทำให้ช้าได้ แต่ด้วยความที่ตัวโครงการอยู่แถวๆซอย 101 ทำให้เราสามารถเลือกใช้เส้นเลี่ยงเมืองได้ด้วย โดยจะเป็นถนนที่อยู่แยกก่อนเข้าตัวเมืองชะอำ (ยึดป้ายประจวบฯ) จะวิ่งอ้อมหน่อย ใช้ระยะทางมากกว่าวิ่งผ่านเมืองประมาณ 10 กิโลนิดๆ แต่ก็สามารถไปถึงโครงการได้เหมือนกัน เอาไว้ใช้ในกรณีที่เพชรเกษมใช้การไม่ได้
จากถนนเพชรเกษม พอเลี้ยวเข้าซอยหัวหิน 101 แล้ว ก็ให้ขับตรงเข้าไปประมาณ 300 เมตรครับ ซึ่งจะข้ามทางรถไฟก่อน แล้วพอตรงเข้าไปอีกหน่อยก็จะเจอกับโครงการเลย หาง่ายหน่อยเพราไม่ต้องเลี้ยวเข้าซอยแยก
ซอยหัวหิน 101 นี่ถือว่าเป็นซอยที่คึกคักพอสมควรนะครับ ปัจจุบันยังไม่ถึงกับพลุกพล่าน แต่ว่าเป็นซอยที่มีคนผ่านเข้า-ออกอยู่บ่อยๆ เพราะสภาพถนนหนทางค่อนข้างดี เมื่อเทียบกับซอยข้างเคียง ใกล้ๆกับโครงการ CeLeste ก็จะมีโครงการบ้านตากอากาศอื่นๆ และโรงแรมแนวรีสอร์ทอยู่ใกล้ๆหลายอันเหมือนกัน ทั้งเก่าและใหม่ แม้แต่ที่ดินที่อยู่ติดกับโครงการก็ได้ยินว่าในอนาคตจะขึ้นเป็นโรงแรมอีกแห่งเหมือนกัน และคาดว่าในอนาคตตรงนี้ก็จะยิ่งคึกคักมากขึ้นไปอีก แต่พอมีคนอยู่เยอะๆความนวุ่นวายก็จะตามมาด้วยเช่นกันนะครับ
สภาพซอยบริเวณทางรถไฟครับ หลังจากเข้าซอยมาแล้วจะต้องผ่านตรงนี้ก่อน ถนนในซอยเป็นถนนลาดยาง 2 เลน สภาพค่อนข้างโอเคเลยเมื่อเปรียบเทียบกับซอยข้างเคียง เพราะเป็นซอยที่มีคนเข้า-ออกบ่อยๆ
พอข้ามทางรถไฟมาแล้ว จะเจอกับทางโค้งครับ และจะมีซอยแยกไปทางซ้าย
ตัวโครงการจะอยู่บนหัวโค้งพอดีเลยครับ
ป้ายโครงการ และสำนักงานขายชั่วคราว
ทางเข้าโครงการในอนาคตจะอยู่บริเวณหัวโค้งตรงนี้ครับ แต่ปัจจุบันยังไม่ได้ทำ
จากหัวโค้งเมื่อกี๊เราเลี้ยวซ้ายเข้าซอยแยกมาก่อน เพราะแถวๆนี้มีคอนโดโครงการอื่นๆอยู่ด้วย ไปดูกันซะหน่อยว่าแถวนี้มีอะไรบ้าง
ที่ดินแปลงนี้ อยู่ติดกับที่ดินของ CeLeste ครับ ซึ่งจริงๆแล้วเจ้าของที่ดินก็เป็นคนเดียวกันแหละ ในอนาคตเจ้าของที่เค้าตั้งใจจะพัฒนาเป็นโรงแรม ขึ้นมาอยู่ข้างๆโครงการ
ถัดเข้ามาด้านในอีกหน่อย จะเจอคอนโดตึกสีส้มๆ คือ Las Tortugas ของ แสนสิริ
ข้างๆ Las Tortugas มีถนนเล็กๆ เป็นทางเดินลงไปที่หาด
ตรงข้าม Las Tortugas เป็นบ้านพักปล่อยเช่าเล็กๆ เรียงๆกันอยู่ไม่กี่หลัง
ถัดจาก Las Tortugas เป็นคอนโดของแสนสิริอีกโครงการนึง ชื่อ Chelona เขาเต่า เป็นแบบหน้ากากสีฟ้าๆน้ำเงินๆแบบนี้
ถัดจาก Chelona จะเป็นที่ดินว่างๆอีกแปลงนึงที่ยังไม่ได้พัฒนา
ถัดไปริมสุดนั้นเป็นคอนโด Malibu เขาเต่า ซึ่งคุณบีมเคยมารีวิวไว้ตั้งแต่ปี 2012 (ขอบคุณคุณ hellxingi ที่มาช่วยให้ข้อมูลที่ถูกต้องนะครับ) ต่อจาก Malibu ก็จะมี “วันเวลา” ของ Land & Houses อยู่ถัดไปอีกครับ
กลับมาที่โครงการก่อนครับ ในรูปนี้จะเป็นทางเข้าชั่วคราว ไปที่สำนักงานขายของโครงการ ไม่ใช่ทางเข้าจริงนะครับ
อาคารสำนักงานขายของโครงการครับ ตั้งอยู่บนที่ดินที่เป็นแปลงติดกับโครงการ ซึ่งเป็นของเจ้าของเดียวกัน
ที่ดินทั้งหมดตรงนี้มีขนาดประมาณ 20 ไร่ครับ ที่เห็นเป็นที่ดินผืนใหญ่ แล้วมีถนนซอย (เส้นสีฟ้า) ล้อมรอบอยู่ เป็นถนนสาธารณะครับ เจ้าของที่ดินเขาแบ่งที่ออกเป็น 2 แปลงเหนือ-ใต้ แปลงทางทิศใต้จะทำเป็นคอนโด CeLeste หัวหิน พื้นที่ประมาณ 10 ไร่ และแปลงทางทิศเหนือก็เอาไว้ทำโรงแรม อีกประมาณ 10 ไร่เหมือนกัน ซึ่งโรงแรมจะอยู่ติดกับ Las Tortugas ของ แสนสิริ
ทางด้านตะวันออกของแปลงที่ดินคอนโด จะมีที่ดินสีเหลืองๆบนแผนที่ ซึ่งเป็นที่ดินสาธารณะ ที่อยู่ติดกับแปลงของโครงการครับ ซึ่งทางโครงการขออนุญาตกับทางรัฐเพื่อเป็นผู้ดูแลที่ดินผืนนี้ เพื่อเปิดเป็นทางเดินลงหาดให้กับตัวคอนโด สีเหลืองๆจะไม่ใช่ที่ดินของโครงการนะครับเป็นที่สาธารณะ
ส่วนทางด้านหลัง ทางทิศตะวันออกสุด จะมีที่ดินแปลงเล็กๆ (จริงๆก็ไม่เล็กมาก) เป็นติ่งยื่นออกไปที่หาด ตรงนี้จะเป็นที่ดินของทางเจ้าของโครงการครับ ซึ่งจะไม่ใช่กรรมสิทธิ์ของลูกบ้านเช่นกัน แต่ว่าทางเจ้าของได้มีการแบ่งที่ดินส่วนหนึ่งหน้ากว้างประมาณ 10 เมตร แบ่งมาทำเป็นทางเดินลงไปยังชายหาดให้กับโครงการ CeLeste และจดทะเบียนเป็นทางภาระจำยอมให้กับโครงการครับ
เท่ากับว่าที่ดินของโครงการที่ลูกบ้านจะได้กรรมสิทธิ์นั้น จะไม่ได้มีที่ดินติดหาดครับ แต่ว่าจะมีทางเดินลงไปยังชายหาดทางด้านหลังโครงการ ผ่านที่ดินสาธารณะ (แปลงสีเหลือง) และผ่านทางเดินลงหาด (สีเขียว) เพื่อไปยังหาดได้ และตรงจุดที่ผมทำเครื่องหมายสี่เหลี่ยมสีแดงเอาไว้ ตรงนั้นก็จะเป็นประตูทางออกทางด้านหลังของโครงการครับ ที่ต้องทำทั้งหมดนี้ก็คือเพื่อให้ลูกบ้านสามารถเดินลงไปที่หาดได้สะดวกๆ ไม่ต้องเดินอ้อมจากประตูด้านหน้าของโครงการครับ
ก่อนที่จะเข้าไปดูสำนักงานขาย เราไปดูที่ดินของโครงการก่อนนะครับ ด้านซ้ายของรูปจะเป็นถนนหน้าโครงการ
ตอนนี้ภายในที่ดินกำลังปรับปรุงหน้าดินอยู่ เตรียมก่อสร้าง
ทางทิศใต้ของโครงการ จะอยู่ใกล้ๆกับคอนโด บ้านนับคลื่น ของแสนสิริ ซึ่งสร้างเสร็จไปซักพักแล้ว เป็นคอนโด 4 ชั้นครับ ไม่ได้อยู่ติดเป๊ะๆนะครับ จะมีแปลงที่ดินเล็กๆคั่นอยู่ตรงกลาง (ตรงที่เห็นเป็นต้นไม้ขึ้นเยอะๆรกๆนั่นแหละครับ ที่ดินเปล่าข้างๆ)
โชว์รูมห้องตัวอย่างจะตั้งอยู่ด้านในครับ ส่วนที่ติดหาด เราเดินไปดูทำเลด้านหลังกัน
อาคารห้องตัวอย่างหน้าตาแบบนี้
มีการจัด Landscape รอบๆ ให้เราเห็นแนวทางการตกแต่งของโครงการในอนาคต
เมื่อเราเดินจากคอนโดผ่านทางเดินมาที่หาดด้านหลังนี้ พื้นที่ตรงนี้จะมีการสร้างทางเดินสำหรับลงหาดแบบนี้ครับ ซึ่งจะเป็นของจริงแบบที่เราจะได้ใช้งานเลย
ด้านหลังจะมีการจัดที่นั่ง และ Daybed สำหรับนอนเล่นริมหาดไว้แบบนี้ ของจริงอาจจะมีการลงเฟอร์นิเจอร์เพิ่ม หากมีคนใช้งานเยอะๆนะครับ เพราะว่าด้านหลังยังมีพื้นที่เหลือเยอะแยะเลย แล้วแต่ว่าทางโครงการจะบริหารจัดการยังไง
ตัวที่ดินจะอยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเลนิดนึงครับ แล้วก็จะทำทางเดินเป็นกำแพงหินแบบนี้ ติดป้าย CeLeste ไว้ด้านข้าง
เมื่อมองจากทางชายหาดไกลๆ ก็จะเห็นเป็นแบบนี้ครับ หน้ากว้างติดหาดด้านนี้ประมาณ 25 เมตร
เราลงมาดูสภาพชายหาดแถวนี้กันบ้าง
มองไปทางทิศใต้ ไกลๆ จะเห็นภูเขานะครับ นั่นก็คือ เขาเต่า ที่เรารู้จักกันเป็นอย่างดี และที่เห็นมีพระพุทธรูปสีทองๆตรงนั้นก็คือตำแหน่งที่ตั้งของ วัดเขาเต่า ครับ
มองไปทางทิศเหนือ จะเห็นมีเรือชาวประมงมาจอดแถวๆนี้บ้าง
สภาพชายหาดเป็นอย่างที่เห็นครับ ไม่ได้เป็นแนวหาดทรายขาว ทรายละเอียดเป็นแป้งฝุ่นนะครับ จะมีปูลมวิ่งๆเยอะหน่อย สังเกตจากรูบนพื้นทราย แต่มันจะไม่ได้เป็นแบบนี้ทุกฤดูนะครับ อย่างที่ผมไปก็จะเป็นช่วงเดือน ก.ค. เลยจะหน้าตาแบบนี้ แต่ช่วงหน้าร้อน ก็จะดูดีกว่านี้หน่อย ตัวหาดจะเป็นหาดที่กว้าง และ น้ำตื้น ไม่อันตราย ลงเล่นได้สบาย
น้ำทะเลช่วงนี้ก็ถือว่าใสเลยแหละ แต่ถ้าจะให้ไปเทียบกับน้ำทะเลบนเกาะ ทางฝั่งอันดามันอะไรแบบนี้ก็คงจะไม่ได้นะครับ ต้องเข้าใจว่านี่คือหัวหิน เขาเต่า มันก็ได้ประมาณนี้แหละ จัดว่าโอเคในระดับหนึ่ง
ชายหาดด้านหลังนี้ จะเชื่อมถึงกันหมด สามารถเดินไปยังคอนโดข้างๆได้ อย่างอันนี้ก็จะเป็นบ้านนับคลื่น
ถ้าเดินมาอีกด้าน จะเจอกับ Blue Sky Resort ที่อยู่ข้างๆกัน เป็นรีสอร์ท+บาร์เล็กๆ ติดหาด มีร้านอาหาร
ที่นี่จะมีร้านอาหาร กึ่งบาร์ มีดนตรีสดเล่นด้วย
ถัดไปอีกหน่อย จะเป็นทางเดินลงหาดของ Las Tortugas เราจะเห็นอาคารส้มๆด้านหลัง
ข้างๆกันนี้จะมีทางเดินจากหาด ย้อนกลับไปยังถนนในซอย
ต่อจาก Las Tortugas ก็จะเป็น Chelona ของแสนสิริเหมือนกัน 2 โปรเจคนี้ก็มีอายุมาได้ซักพักละ
ส่วนอันถัดจากแสนสิริ ก็จะเป็น Malibu ครับ ที่เห็นมีต้นไม้ขึ้นเยอะๆเนี่ยแหละ โดยอันนี้ก็จะเป็นอันล่าสุดของแถวๆนี้
ตัวตึกของ Malibu ก็จะมีทั้งตึก 7 ชั้น และ 4 ชั้น มองเห็นได้จากไกลๆ
จบการพาทัวร์ทำเลรอบๆโครงการไว้เท่านี้ก่อน ต่อไปเราเข้าไปดูในสำนักงานขายกันว่า รายละเอียดอื่นๆของโครงการเป็นยังไง
Developer ของโครงการ CeLeste หัวหินนี้ คือ นายจิระวัชร์ อมาตยกุลครับ ซึ่งเป็นนักลงทุนอสังหาฯในหัวหินและเคยทำรีสอร์ทเล็กๆในเขาเต่ามาก่อน (ชื่อ เขาเต่า เบย์วิว รีสอร์ท) จนปัจจุบันก็ผันตัวเองมาพัฒนาธุรกิจอสังหาฯอย่างเต็มตัว และเกิดเป็นโครงการ CeLeste หัวหินขึ้นมา
โครงการเป็นคอนโดมิเนียม แนวตากอากาศ มีจำนวนทั้งหมด 6 ตึกครับ แบ่งเป็นตึก 4 ชั้น 3 ตึก (A1, A2, A3) และตึก 7 ชั้นอีก 3 ตึก (B1, B2, B3) รวมทั้ง 6 ตึกมีจำนวนยูนิตทั้งหมด 321 ไร่ บนที่ดินขนาดราวๆ 10 ไร่ครับ ซึ่งดูจากตัวเลขนี้แล้ว จัดว่าเป็นคอนโดที่มีความหนาแน่นค่อนข้างต่ำเลยทีเดียว ยิ่งเป็นคอนโดตากอากาศ (ซึ่งไม่ค่อยมีคนจะมาอยู่เท่าไหร่) แล้วเนี่ย อัตราส่วนจำนวนยูนิตต่อที่ดินเท่านี้ถือว่าโอเคเลย
Layout ของโครงการ จัดให้มีตึก B1/B2/B3 ซึ่งเป็นตึกที่สูงกว่าวางอยู่ด้านหน้าฝั่งที่ใกล้ถนนทางเข้า และตึก A1/A2/A3 ที่เตี้ยกว่าวางอยู่ด้านหลังฝั่งที่ใกล้หาด เพื่อให้แต่ละตึกมีมุมที่มองเห็นทะเลได้เยอะสุดเท่าที่จะเยอะได้
ตัวที่ดินของโครงการมีทางเข้าออกหลักอยู่ทางด้านหน้าฝั่งที่ติดถนนซอยหัวหิน 101 (ทิศตะวันตก) และมีทางเข้า-ออกรอง อยู่ทางด้านหลัง (ทิศตะวันออก) เป็นประตูเล็กๆเพื่อเปิดออกไปยังทางเดินลงชายหาด ซึ่งประตูเล็กๆด้านหลังนี้ จะอยู่ติดกับที่ดินสาธารณะที่ทางโครงการมีการขออนุญาตเพื่อดูแลเอาไว้ เพราะถ้าไม่ขออนุญาตก็จะไม่สามารถทำทางเข้าออกด้านหลังได้นะครับ จากประตูด้านหลัง เดินไปที่ชายหาด จะเป็นระยะทางประมาณ 140 เมตรถึงหาดครับ ซึ่งจะเดินไปหาดได้โดยผ่านทางเดินภาระจำยอม ที่จะอยู่บนที่ดินเล็กๆอีกผืนหนึ่งของเจ้าของโครงการซึ่งอยู่ติดหาด ซึ่งตรงนี้ก็มีการจดทะเบียนภาระจำยอมกันไปแล้ว
ที่ดินว่างๆรูปสี่เหลี่ยมคางหมูนี้คือที่ดินสาธารณะที่ว่า ดูจากโมเดลเราจะเห็นทางเดินต่อออกมาจากรั้วโครงการ
และตรงนี้ก็คือทางเดินลงหาดที่เป็นทางภาระจำยอมครับ จดทะเบียนแล้วเรียบร้อย เป็นทางเดินที่มีความกว้าง 10 เมตร ในส่วนที่ดินที่อยู่ข้างๆกันนี้ ทางเจ้าของโครงการก็ยังไม่ได้บอกว่าจะนำไปพัฒนาเป็นอะไรต่อ แต่ก็มีลุ้นว่าจะมาแนวร้านอาหารริมหาดนะครับ เพราะข้างๆกันก็จะทำเป็นโรงแรมด้วย
หน้าตาโมเดลเป็นแบบนี้ ตึกใหญ่สุดที่เป็นตึกรูปตัว L นั่นคือตึก B3 ครับ ซึ่งจะแปลกกว่าเพื่อนตรงที่จะวางตัวในแนวขนานกับชายหาด และถัดมาก็เป็นตึก B1-B2 ที่เป็นตึก 7 ชั้น 2 ตึก ต่อมาอีก 2 ตึก คือตึก A1-A2 และตึกสุดท้ายที่อยู่ใกล้หาดที่สุดคือตึก A3 โดย 3 ตึกหลังนี้จะเป็นตึก 4 ชั้น
จำนวนยูนิตในแต่ละตึกมีดังนี้
- ตึก A1 มี 4 ชั้น ชั้นละ 8 ห้อง รวม 32 ห้อง
- ตึก A2 มี 4 ชั้น ชั้นละ 8 ห้อง รวม 32 ห้อง
- ตึก A3 มี 4 ชั้น ชั้นละ 5 ห้อง รวม 20 ห้อง
- ตึก B1 มี 7 ชั้น ชั้นละ 11 ห้อง รวม 77 ห้อง
- ตึก B2 มี 7 ชั้น ชั้นละ 14 ห้อง รวม 98 ห้อง
- ตึก B3 มี 7 ชั้น มีทั้งหมด 62 ห้อง โดยแต่ละชั้นมีจำนวนยูนิตไม่เท่ากัน
มุมมองจากทางด้านข้าง
มองไปทางทิศใต้จะเป็นแบบนี้
จากทางเข้าโครงการด้านหน้า เข้ามาแล้วจะเจอกับตึก B3 ที่อยู่ด้านหน้าสุดก่อน ตึกนี้จะเป็นตึกที่รวมเอา Facilities ทั้งหมดมาไว้ด้วยกัน
โครงการมีการวาง Layout โดยให้มีพื้นที่เปิดโล่ง (ส่วนที่ไม่มีตึก) ประมาณ 60% และตรงกลางระหว่างตึกทั้ง 6 จะมีสระว่ายน้ำ แบบ Free Form วางอยู่รอบตึกทุกตึก มีความยาวส่วนที่ยาวสุดประมาณ 100 เมตร เชื่อมจากหน้าสุดไปถึงท้ายโครงการ จัดว่าเป็นจุดขายที่สำคัญของโครงการเหมือนกันสำหรับคนที่ชอบเล่นน้ำ ใครอยู่ห้องชั้น G นี่เปิดระเบียงมา กระโดดลงสระน้ำได้เลย … แต่อย่ากระโดดลงสระจากชั้นอื่นนะ …
ถ้าอยู่ที่ดาดฟ้าตึก B3 แล้วมองลงไปด้านล่าง จะเห็นภาพรวมโครงการในลักษณะนี้
ตรงกลางของสระว่ายน้ำก็จะมีทางเดินจากแต่ละตึกมาเชื่อมกันตรงกลาง และมีการจัด Landscape ให้มีสวนและต้นไม้ใหญ่เพื่อเป็นร่มเงาให้กับคนที่ว่ายน้ำด้วย
สระว่ายน้ำไม่ได้อยู่แค่ตรงกลางระหว่างตึก แต่จะอยู่ล้อมรอบตึกแบบนี้ด้วย อย่างตึกนี้คือตึก A2 ที่สูง 4 ชั้นครับ จะสังเกตว่ามีบันไดทางเดินจากในตึกที่เชื่อมออกมาที่ถนนด้านนอกด้วย
จะสังเกตว่าตัวตึกจะมีการบิดให้ผนังตึกเป็นลักษณะเฉียงๆด้วย เพื่อเป็นการบิดให้ระเบียงห้องของห้องทุกห้อง อยู่ในมุมที่พอจะมองเห็นทะเลได้ให้มากที่สุด
ส่วนที่จอดรถโดยปกติแล้วจะเป็นที่จอดรถ Outdoor อยู่ด้านนอกตึกทั้งหมดครับ วางอยู่รอบๆอาคาร (เพราะใต้ตึกเป็นน้ำไปหมดแล้ว) จอดรถได้ทั้งหมด 60% จำนวนที่จอดรถขนาดนี้ถือว่าน่าจะเกินพอ สำหรับคอนโดตากอากาศแบบนี้ครับ แต่ก็แอบเสียดายนิดนึงตรงที่รถต้องจอดตากแดดทั้งหมด ถ้าจะให้ดี ตรงที่จอดรถก็น่าจะทำหลังคาให้ด้วยจะดีกว่ามาก
ส่วนตึก B3 จะพิเศษหน่อย เพราะจะมีที่จอดรถชั้นใต้ดินด้วย มีทางเข้าอยู่ทางด้านหน้า
สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก
- สระว่ายน้ำ Free Form รอบอาคารทุกอาคาร ยาวประมาณ 100 เมตร
- ห้องออกกำลังกาย 1 ห้อง ที่อาคาร B3
- ห้องสมุด (Library) ที่อาคาร B3
- สวนหย่อมรอบโครงการ
- ลิฟท์โดยสาร 1 ตัวที่ตึก A1/A2/A3 และ 2 ตัวที่ตึก B1/B2/B3
- อัตราส่วนลิฟท์
- ตึก A1 = 1:20 / ตึก A2 = 1:32 / ตึก A3 = 1:32
- ตึก B1 = 1:39 / ตึก B2 = 1:49 / ตึก B3 = 1:31
ห้องตัวอย่างห้องแรก เป็นห้อง 1-Bedroom ขนาด 46 ตารางเมตรครับ ซึ่งเป็นห้องที่อยู่ที่ชั้น 1 เป็นห้องที่มีระเบียงขนาดใหญ่มาก แค่ระเบียงอย่างเดียวก็ประมาณ 13 ตารางเมตรแล้ว (ค่าระเบียงอย่างเดียวประมาณ 1 ล้าน++ บาท) ถ้าเป็นห้อง 1-Bed ในตำแหน่งเดียวกันแต่อยู่ที่ชั้น 2 ขึ้นไป ก็จะเป็นห้องที่หน้าตาเหมือนกัน แต่มีขนาด 39 ตารางเมตรครับ โดยขนาดระเบียงจะลดลงไปประมาณ 7 ตารางเมตร และไม่สามารถกระโดดลงสระน้ำได้ครับ 😀 ฟังก์ชั่นภายในห้องเป็นแบบห้องนอนที่สามารถเปิดพื้นที่เชื่อมต่อกับห้องนั่งเล่นได้ เหมือนเป็นห้อง Studio ขนาดใหญ่ แต่สามารถเลื่อนผนังมากั้นได้ มีครัวเป็นครัวเปิดอยู่ด้านหน้า และมีห้องน้ำเข้าได้จากทางห้องนอนครับ
ราคาเริ่มต้นของห้อง 1-Bed อยู่ที่ 2.9 ล้านบาท ซึ่งจะเป็นห้อง 39 ตารางเมตร หารออกมาได้ต่อตารางเมตรประมาณ 74,xxx บาทครับ แต่ว่าราคาต่อตารางเมตรของที่นี่ แต่ละตึกราคาไม่เท่ากัน และแต่ละชั้นก็ราคาไม่เท่ากันนะครับ อาจจะมีถึง 10x,xxx บาท/ตร.ม. เลย เพราะห้อง 1 Bed ราคาสูงสุดอยู่ที่ประมาณเกือบๆ 5 ล้านบาท สำหรับห้อง 48 ตารางเมตรครับ โดยห้องที่นี่จะขายเป็นแบบ Fully Fitted ให้เฟอร์นิเจอร์ Built-in, ชุดครัว, แอร์, ห้องน้ำ, ฉากกั้นห้องนอน, ตู้เสื้อผ้า ส่วนเฟอร์นิเจอร์ลอยตัวไม่ได้แถม เดี๋ยวเราไปดูในห้องกัน
เริ่มจากประตูห้องก่อน เป็นแบบ Oversized ครับ สูงประมาณ 2.5 เมตรได้ โดยระยะความสูงพื้นถึงฝ้าของที่นี่เริ่มต้นที่ 2.60 เมตร สำหรับตึก A ส่วนตึก B อยู่ที่ 2.70 เมตรครับ และสำหรับห้อง Penthouse ชั้นบนสุดของตึก B จะอยู่ที่ 3.00 เมตร (ทำให้ตึก B มีแค่ 7 ชั้น แทนที่จะเป็น 8 ชั้น)
มือจับประตูห้อง แบบก้านโยก Stainless Steel
เปิดประตูเข้าห้องมาแล้ว พื้นห้องเป็นกระเบื้องแกรนิโต้ขนาด 60×60 ซม.ครับ
พื้นที่ครัว อยู่ติดกับประตูหน้าห้องแบบนี้ เป็นลักษณะครัวเปิด
ด้านข้างประตูทางเข้า มีพื้นที่ให้สามารถ Built-in ตู้เก็บรองเท้าด้านหน้าได้ แต่อันนี้เค้าไม่ได้แถมนะครับ ไปทำเอง
ถ้าทำเป็นตู้ขึ้นมา ก็ใหญ่พอที่จะใส่รองเท้าได้หลายคู่เลย อาจจะใช้เก็บของอย่างอื่นก็ได้ เพราะบ้านพักตากอากาศ คงไม่ได้มีรองเท้าเก็บไว้หลายคู่หรอกละมั้ง
ข้างๆตรงนี้เป็นพื้นที่วางตู้เย็น ไม่ได้แถมตู้เย็นนะครับ
ตรงข้ามชั้นวางรองเท้าเป็นพื้นที่ทำครัว ซึ่งพื้นที่ไม่ใหญ่ ไม่เน้นเท่าไหร่ แต่ให้ชุดครัวมาด้วยแบบนี้
พื้นที่สำหรับวางไมโครเวฟ ใส่ไมโครเวฟได้เครื่องไม่ใหญ่นัก สำหรับอุ่นอาหารเล็กๆน้อยๆ
ผนังครัวของจริงจะไม่ได้ปูกระเบื้อง Mosaic แบบนี้นะครับ แต่จะติดกระจกด้านหลังมาให้แทน เพื่อให้ผนังครัวทำความสะอาดได้ง่าย
อ่างล้างจานของ HAFELE ซึ่งผมคิดว่า วางชิดขอบด้านซ้ายมากไปหน่อย แต่เป็นเพราะพื้นที่มีจำกัดเลยทำได้แค่นี้
ยังดีที่ด้านหลังของอ่างล้างจานมีพื้นที่สำหรับวางภาชนะที่ล้างแล้ว ไม่งั้นไม่รู้จะไปวางตรงไหน ถือว่าแก้ปัญหาได้ดีครับ สำหรับพื้นที่ครัวเล็กๆแบบนี้
เตาไฟฟ้าเซรามิก 2 หัว ของ HAFELE เหมือนกัน
ที่ดูดควันแบบหมุนเวียนผ่านตัวกรอง
หน้าบานของชุดครัวจะเป็นลามิเนต
ต่อจากครัวจะเป็นพื้นที่ Living Area ครับ ประกอบด้วยโซฟานั่งดูทีวี และ พื้นที่วางโต๊ะกินข้าว ซึ่งพื้นที่ตรงนี้จะอยู่ติดกับหน้าต่างห้อง ทำให้ได้รับแสงธรรมชาติจากภายนอกเต็มๆ
ผนังด้านหลังโซฟา สามารถเปิดออกกว้าง เพื่อเชื่อมต่อกับห้องนอน กลายเป็นพื้นที่เดียวกันได้แบบนี้ เพิ่มพื้นที่การรับแสงโดยรวมให้กับห้องทั้งห้องด้วย
เวลาปิดฉากกั้นก็จะเป็นแบบนี้
พอเปิดฉากกั้นออกก็จะมองเห็นห้องนอนด้านหลัง และจะสังเกตว่าถ้าเราอยู่ที่ห้องนั่งเล่น เราก็สามารถมองออกไปยังหน้าต่างที่อยู่ทางห้องนอนได้ด้วย เพิ่มมุมมองการชมวิวได้กว้างขึ้น
ฉากกั้นห้องจะถูกเลื่อนไปเก็บไว้ด้านข้างแบบนี้
รางเลื่อนของฉากกั้นห้องเป็นแบบฝังเข้าไปในฝ้าเลย ดูแข็งแรงดีครับ
พื้นที่ Living Area สามารถวางโซฟาขนาดกลางๆได้ และมีพื้นที่ให้วางโต๊ะกลางเตี้ยๆได้อีกตัว
ชั้นวางทีวี วางอยู่คู่กับโต๊ะกินข้าว ซึ่งชุดนี้ทั้งชุดเค้าไม่ได้แถมอยู่แล้ว เราไปเลือกมาติดเองครับ
พื้นที่วางโต๊ะกินข้าว มีพอให้วางโต๊ะกินข้าวสี่เหลี่ยม กับเก้าอี้ตัวเล็กๆอีกสองตัวได้ แต่ผมคิดว่าวางไว้ตรงหน้าชั้นวางทีวีแบบนี้มันไม่ค่อยเหมาะสมกับการใช้งานจริงเท่าไหร่ แถมยังบังทีวีด้วย เสียพื้นที่สำหรับวางทีวีเปล่าๆ อาจจะต้องหาพื้นที่วางใหม่ หรือไม่ก็ไม่ต้องใส่เลย
ต่อมาเป็นพื้นที่ทางด้านห้องนอนบ้าง ห้องนอนมีขนาดใหญ่พอสมควร เมื่อเทียบกับพื้นที่ทั้งหมดของห้อง และยิ่งถ้าเปิดพื้นที่ห้องนอนเชื่อมต่อกับห้องนั่งเล่นแล้ว จะดูโล่งมาก สำหรับห้อง 46 ตารางเมตร (ซึ่งเป็นระเบียงไปแล้ว 13)
วางเตียงขนาด 6 ฟุตได้ และยังมีพื้นที่รอบๆเตียงเหลืออยู่ให้ใส่โต๊ะหัวเตียงได้ 2 ด้าน และมีพื้นที่ปลายเตียงให้เดินผ่านได้ง่ายๆ
ตู้เสื้อผ้า วางอยู่ด้านข้างเตียงฝั่งที่อยู่ติดกับห้องน้ำ เป็นตู้เสื้อผ้า Built-in ที่แถมมาให้เลย แต่ว่าหน้าบานของตู้เสื้อผ้าจะเปลี่ยนเป็นแบบบานทึบนะครับ ไม่ใช่บานกระจกใสแบบนี้ แต่ส่วนตัวผมชอบแบบนี้นะ มันดูสบายๆดี
เข้ามาดูในห้องน้ำต่อ ห้องน้ำจะเข้าได้จากในห้องนอนนะครับ พื้นที่ในห้องน้ำมีประมาณนี้ พื้นห้องน้ำจะปูด้วยกระเบื้องขนาด 30×60 ซม.
พื้นผิวของกระเบื้องห้องน้ำ จะเป็นกระเบื้องแบบกันลื่นนะครับ ถ้าซูมดูใกล้ๆจะเห็นเป็นลักษณะนี้
เคาน์เตอร์อ่างล้างมือเป็นแบบก่อปูน ปิดผิวด้วยหินแกรนิตครับ ฝังอ่างล้างมือเอาไว้แบบนี้ รอบๆมีพื้นที่สำหรับวางของใช้กระจุกกระจิก
กระจกเงาในห้องน้ำให้เป็นบานใหญ่ขนาดนี้เลย โดยติดกรอบกระจกเป็นอลูมิเนียม ส่วนผนังโมเสกที่อยู่ด้านหลังนั้นไม่มีนะครับ จะเป็นกระเบื้องสีขาวปกติ ขนาด 30×60 ซม.
พื้นที่อ่างล้างหน้าถือว่าเล็กไปหน่อยนะ เป็นของยี่ห้อ American Standard
หัวก็อกน้ำของ American Standard เช่นเดียวกัน
ส่วนด้านนี้เป็นพื้นที่วางโถสุขภัณฑ์ครับ ด้านหลังมีการเจาะช่องที่ผนังเพื่อตกแต่ง
ต่อมาเป็นส่วน Shower Box ครับ ซึ่งให้มาหน้าตาแบบนี้เลย ใส่ฉากกั้นอาบน้ำแบบกระจกนิรภัยมาให้ด้วย
พื้นที่อาบน้ำไม่ได้ใหญ่นัก แต่ขนาดก็โอเคอยู่สำหรับการอาบน้ำ 1 คน แต่ถ้ามากกว่านี้อาจจะติดๆขัดๆหน่อยนะครับ 😛
มือจับประตู Stainless แบบสามารถแขวนผ้าได้ด้วย ติดแบบนี้เวลาเปิดประตูกระจกต้องระวังกระแทกผนังด้านในด้วยนะครับ ผมแนะนำให้เปลี่ยนมือจับประตูด้านในเป็นแบบที่กันกระแทกในตัวจะดีกว่า แต่ด้านนอกเอาไว้แบบนี้ดีแล้ว
ชุดฝักบัวอาบน้ำแบบ Hand Shower ของ American Standard และเครื่องทำน้ำอุ่นที่ติดมาให้ ของ Panasonic
เราออกไปดูระเบียง ซึ่งเป็น Highlight ของห้อง
ต้องบอกก่อนนะครับว่าห้องนี้เป็นห้องระเบียงขนาดใหญ่พิเศษ ระเบียงกว้าง 2.2 เมตร ยาว 6 เมตร เป็นห้องระเบียงชั้น 1 ซึ่งระเบียงจะยื่นลงไปที่สระว่ายน้ำที่อยู่รอบๆตัวตึกครับ ทำให้เป็นห้องที่สามารถเปิดประตูห้องออกมาแล้วกระโดดลงสระน้ำได้เลย เราสามารถเปิดประตูระเบียงที่ห้องนั่งเล่นกับห้องนอน เพื่อเชื่อมพื้นที่ในห้องออกมาด้านนอกเป็น Space ขนาดใหญ่อันเดียวกันได้ด้วย
พื้นระเบียงปูด้วยกระเบื้องขนาด 60×60 แบบลายหิน
ข้างๆมีพื้นที่สำหรับวาง Compressor แอร์ กั้นด้วย Grille บังสายตาสีขาว
วัสดุกรอบบานเลื่อนเป็นอลูมิเนียมอบสีขาวครับ วางรางเสมอพื้นห้องแบบนี้ ไม่ได้ดรอปพื้นนะครับ
ตัวล็อคระเบียงเป็นแบบนี้ครับ
พื้นที่ภายในห้องจัดเป็น 2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ มีห้องนอนใหญ่ที่มีห้องน้ำในตัว และมีห้องนอนเล็กที่เป็นห้องนอนเสริม กั้นด้วยผนังบานเลื่อน อยู่ติดกับส่วนนั่งเล่น และมีห้องน้ำอยู่ในห้องนั่งเล่นอีก 1 ห้อง Layout รูปห้องของห้องนี้จะมีลักษณะเอียงๆตามลักษณะของผนังตึกที่เอียงเข้าหาวิวทะเลครับ จึงทำให้การจัดเฟอร์นิเจอร์ทำออกมาแปลกแหวกแนวพอสมควร เราลองไปดูกัน
เข้ามาดูในห้องกัน เปิดประตูเข้าห้องมาจะเจอกับส่วน Living อยู่ทางขวามือ และห้องนอนอยู่ทางซ้ายมือครับ
พื้นที่หน้าห้อง มีส่วนที่เป็น Foyer เล็กๆ สำหรับวางตู้รองเท้า
ตู้รองเท้าแอบอยู่ทางด้านขวานี้ ซึ่งเค้าไม่ได้แถมอีกเหมือนกัน ต้องไป Built-in ใส่เองนะครับ
พื้นที่ Living Area อยู่รวมกับส่วนครัวที่เป็น Pantry ยาวทางขวา
ติดกับ Pantry ครัวมีทางเข้าห้องน้ำอยู่ทางนี้ครับ ห้องน้ำห้องนี้จะเป็นห้องน้ำสำหรับห้องรับแขกเป็นหลัก แต่จะใช้ร่วมกับห้องนอนเล็กด้วย
พื้นที่ในห้องน้ำค่อนข้างกว้างเลยทีเดียว เป็นแบบ Full Function สามารถใช้อาบน้ำได้
เคาน์เตอร์อ่างล้างหน้า ขนาดพอๆกับห้องน้ำในห้อง 1-bed ในห้องตัวอย่างใส่กระจกเงาบานใหญ่เอาไว้นะครับ แต่ของจริงจะเล็กกว่าที่เห็น โดยจะมีขนาดพอๆกับห้องแรกที่เห็น
ด้านนี้เป็นตำแหน่งวางโถสุขภัณฑ์กับ Shower Box
พื้นที่รอบๆโถสุขภัณฑ์มีพอให้นั่งได้โดยไม่รู้สึกอึดอัด
พื้นที่ใน Shower Box ค่อนข้างโอเค สามารถยืนแล้วเปิด-ปิดประตูฉากกั้นอาบน้ำได้ โดยไม่ลำบาก
ให้ฝักบัวอาบน้ำแบบ Hand Shower มาด้วย แต่ในห้องตัวอย่างดูเหมือนจะติดอยู่สูงไปหน่อย ของจริงน่าจะลดระดับลงมานิดนึง
ในห้องน้ำห้องนี้ จะมีหน้าต่างบานกระทุ้งบานใหญ่ติดมาให้ด้วย เพราะห้องนี้เป็นห้องมุม สามารถมีหน้าต่างในห้องน้ำได้ ก็เป็นข้อดี สามารถเปิดระบายอากาศ ให้อากาศในห้องน้ำถ่ายเทได้สะดวกขึ้น
ถัดมาเป็นพื้นที่ครัว ซึ่งวางอยู่คู่กับโต๊ะกินข้าว แพนทรี่เป็นแพนทรี่ยาว ตลอดแนวผนังแบบนี้
ผนังด้านหลังครัว จะติดกระจกเอาไว้ให้ เพื่อความสะดวกในการทำความสะอาดผนังครัว
พื้นที่ครัวให้มาเยอะกว่าห้อง 1-Bed ขึ้นมาอีกนิดนึง ให้สามารถมีพื้นที่เตรียมอาหารได้สะดวกขึ้นอีกหน่อย
แต่ว่าตู้เย็นห้องนี้จะใส่ได้ขนาดไม่ใหญ่เท่าไหร่ เนื่องจากติดระยะตู้ด้านบนเหนือตู้เย็น ทำให้ขยายขนาดไม่ได้ เท่านี้ผมว่าเล็กไปหน่อยสำหรับห้อง 2-Bed ซึ่งจะอยู่กัน 3-4 คนครับ
พื้นที่ Living Area วางอยู่ตรงมุมห้องพอดี ทำให้ได้รับแสงธรรมชาติจากหน้าต่างสองด้าน ซึ่งใส่มาเป็นผนังกระจกแบบพื้นจรดฝ้าด้วย
โต๊ะรับประทานวางอยู่ในตำแหน่งที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เหมือนกับว่าซื้อโซฟามาก่อน แล้วค่อยหาโต๊ะกินข้าวมาใส่ ทำให้ได้โต๊ะขนาดเล็ก แต่ต้องนั่งกินข้าว 3 คน แถมวางอยู่ในตำแหน่งแปลกๆ ถ้าทำแบบนี้แล้วกางเก้าอี้ออกมาจะเกะกะพอสมควร อาจจะต้องจัดตำแหน่งวางโต๊ะกันใหม่อีกทีครับ แต่ไม่ใช่เรื่องใหญ่ เพราะเราเป็นคนเลือกเฟอร์นิเจอร์เองอยู่แล้ว
ส่วนด้านนี้เป็นโซฟาดูทีวี ที่เค้าใส่เป็นแบบโซฟาตัว L มาให้ดูครับ วางคู่กับโต๊ะกลางอีกหนึ่งตัว ระยะดูทีวีค่อนข้างโอเค แต่ตำแหน่งของทีวี ไม่ค่อย Center กับตำแหน่งของโซฟาเท่าไหร่
มองจากโต๊ะกินข้าวย้อนไปทางหน้าห้อง ก็จะเป็นแบบนี้ครับ ส่วนห้องทางขวาที่อยู่ด้านหลังโซฟานั่นคือห้องนอนเล็ก
ห้องนอนเล็กของที่นี่จะอยู่ติดกับห้องนั่งเล่นครับ โดยมีส่วนที่สามารถเปิดเชื่อมถึงกันได้ และกั้นด้วยผนังบานเลื่อนสองชิ้นที่มาประกบเข้ามุมกันตรงกลาง
เมื่อเลื่อนมาปิดแล้วจะเป็นลักษณะนี้
ทางซ้ายจะเป็นผนังบานเฟี้ยมครับ
ส่วนทางขวาจะเป็นผนังบานเลื่อนปกติ ชุดนี้เค้าจะแถมมาให้กับห้องเลย
เวลาเปิดผนังบานเลื่อน เชื่อมพื้นที่ของห้องนอนกับห้องนั่งเล่นเข้าด้วยกันแล้ว จะได้เป็นพื้นที่หน้ากว้างแบบนี้ และมีแสงธรรมชาติส่องเข้ามาในห้องได้เยอะมาก
ขนาดของห้องนอน 2 นี้ถือว่าเล็กมาก คงจะตั้งใจให้เป็นห้องนอนเสริมสำหรับคุณลูก หรือสำหรับแขกที่มาพักด้วยกันมากกว่า
พื้นที่ในห้องนี้ วางเตียงขนาด 3.5 ฟุตลงไปแล้ว แทบจะไม่เหลือพื้นที่โดยรอบเลย
ถ้าปิดห้องแล้ว ก็จะเหลือพื้นที่แค่นี้ คือเอาไว้ใช้นอนอย่างเดียวเลย ส่วนผนังก็คือทำหน้าที่เป็นตัวกั้นไม่ให้แอร์ออกจากห้องแค่นั้น ในเวลาปกติแล้วควรจะเปิดเชื่อมกับห้องนั่งเล่นเอาไว้ตลอดเวลาจะดีกว่า ไม่งั้นก็จะดูค่อนข้างอึดอัดครับ
พื้นที่ด้านข้างเตียง มีพื้นที่เล็กๆสามารถใส่ตู้เสื้อผ้าแบบ Built-in ได้ แต่เราต้องไปทำเองนะครับ
ตู้เสื้อผ้าอันนี้ขนาดค่อนข้างแคบ วางราวแขวนเสื้อในแนวขวางแบบปกติไม่ได้ ต้องแขวนเสื้อแบบหันด้านหน้าออกแบบนี้ ซึ่งแบบนี้มันจะไม่ค่อยประหยัดพื้นที่เท่าไหร่ ผมว่ายังไงก็ต้องใส่ตู้แบบมาตรฐานให้ได้แหละ ไม่งั้นใช้งานจริงไม่สะดวก
แขวนเสื้อได้แค่นี้เอง ดังนั้นไม่เวิ้คสำหรับคนเสื้อผ้าเยอะๆ
ต่อมาเราเปิดออกไปดูระเบียงนอกห้องกันต่อ
ระเบียงนอกห้อง จะได้เป็นระเบียงรูปตัว L เชื่อมต่อยาวตลอดตัวห้อง เชื่อมตั้งแต่ห้องนั่งเล่นไปจนถึงห้องนอนใหญ่เลย
ด้านนี้จะอยู่ติดกับโต๊ะกินข้าว มีพื้นที่วางคอมฯแอร์อยู่ตรงริมสุดของระเบียง และเป่าลมร้อนออกไปทางด้านนอก
ส่วนอีกด้านหนึ่งเป็นระเบียงยาวตลอดแนวห้อง โดยที่ไม่ว่าจะเป็นห้องนั่งเล่น, ห้องนอนเล็ก หรือห้องนอนใหญ่ ก็สามารถเปิดเชื่อมออกมาที่ระเบียงข้างนอกนี้ได้ ซึ่งจะทำให้เราสามารถใช้ประโยชน์จากพื้นที่ระเบียงนี้ได้มากขึ้น ออกมานั่งเล่น นอนเล่นข้างนอกได้
ราวกันตกใส่เป็นกระจก เพื่อให้เราสามารถมองวิวภายนอกห้องได้โล่งขึ้น เทียบกับแบบที่เป็นราวเหล็กซี่ๆ
ด้านนี้จะเป็นระเบียงส่วนที่อยู่ติดกับห้องนอน เราลองเปิดเข้าไปดูในห้องนอนใหญ่กันต่อเลย
เดินเข้ามาในห้องนอนใหญ่จากทางระเบียงได้แบบนี้เลย
ห้องนอนใหญ่มีขนาดพอๆกับห้องนอนใหญ่ของห้อง 1-bed ครับ ใส่เตียง 6 ฟุตได้ มีพื้นที่ข้างเตียงพอสมควร
พื้นที่หน้าประตูทางเข้าห้องนอนใหญ่ วางตู้เสื้อผ้าไว้ด้านหน้าห้อง
ตู้เสื้อผ้าแบบ Built-in อันนี้ใส่มาให้เลย
พื้นที่ปลายเตียง มีพื้นที่ให้เดินผ่านได้
พื้นที่ปลายเตียง สามารถมีชั้นวางทีวีเล็กๆได้ มีลิ้นชักใส่ของได้นิดหน่อย แต่ไม่ควรจะใส่อันใหญ่มาก เพราะว่าอาจจะเดินแล้วเตะถูกได้ ดังนั้นใส่แบบนี้จะดีกว่า
ปลายเตียงติดทีวีแขวนผนังได้ แต่ติดทีวีใหญ่กว่านี้ไม่ได้แล้ว เนื่องจากผนังห้องมันเอียง เลยทำให้ทีวีได้ขนาดไม่ใหญ่เท่าไหร่ (ประมาณ 32″ ได้) แต่ห้องนี้สามารถมองเห็นวิวจากหน้าต่างด้านนอกได้ด้วย ไม่จำเป็นต้องดูทีวีอย่างเดียว
ส่วนทางด้านนี้อยู่ติดกับห้องน้ำ ซึ่งเป็นห้องน้ำแบบ Sexy Bath มีกระจกเชื่อมส่วนอาบน้ำได้ เพื่อให้คนที่อาบน้ำสามารถมองออกมาเพื่อมองวิวด้านนอกได้
ในห้องตัวอย่างติดม่านบังสายตามาด้วย ในกรณีที่เราอยากได้ความเป็นส่วนตัวมากขึ้น … แต่ทำไมม่านมันมาอยู่นอกห้องน้ำล่ะเนี่ย? มันควรจะอยู่ด้านในสิ – -” ไม่งั้นคนข้างนอกก็เปิดได้สบายเลย
พื้นที่ในห้องน้ำใหญ่ ก็จัดว่าให้มาแบบพอเพียงกับการใช้งานครับ
พื้นที่ด้านหน้า วางเคาน์เตอร์อ่างล้างมือ และติดกระจกเงามาให้เหมือนห้องอื่นๆ
ประตูห้องน้ำติด Choke มาให้ด้วย อันนี้ก็แล้วแต่คนชอบนะครับว่าจะอยากให้ประตูห้องน้ำมี Choke รึเปล่า
พื้นที่โถสุขภัณฑ์ กับ Shower Box วางอยู่แบบนี้
ด้านหลังโถสุขภัณฑ์ ทำเคาน์เตอร์สำหรับวางของได้นิดหน่อย และผนังด้านหลังปูด้วยกระเบื้อง Mosaic แบบนี้ ด้านบนมีการซ่อนหลอดไฟใต้ฝ้าด้วย
Shower Box แบบกระจกนิรภัย ติดมาให้แบบนี้
พื้นที่ Shower Box กั้นด้วยธรณีก่อ มีพื้นที่พอสมควร เว้นระยะเผื่อเปิดประตูไว้แล้วเรียบร้อย
ช่องแสงภายในห้องน้ำ ทำหน้าที่สองอย่าง คือ ให้แสงธรรมชาติส่องผ่านเข้ามาทำให้ห้องน้ำสว่างได้ และให้คนในห้องน้ำมองวิวทะเลด้านนอกได้ แต่แบบนี้ถ้าใครไม่ชอบ อาจจะใช้วิธีเอาฟิล์มขุ่นมาติด เพื่อบังสายตาก็ได้ ก็ยังคงได้รับแสงธรรมชาติอยู่ และถ้ายังอยากจะได้วิวภายนอก ก็อาจจะติดฟิล์มขุ่นแค่ครึ่งเดียว อีกครึ่งนึงให้หัวโผล่พ้นขึ้นมาได้ ก็จะยังสามารถมองวิวด้านนอกได้อยู่เหมือนกัน
ผนังด้านนี้ติดฝักบัวอาบน้ำแบบ Hand Shower เหมือนห้องอื่นๆ แต่จะมีพื้นที่ด้านล่าง สำหรับเอาไว้วางของได้ หรือจะใช้เป็นที่นั่งเวลาอาบน้ำก็ได้ แต่จริงๆแล้วที่นั่งด้านนี้ก็ไม่ค่อยเหมาะเท่าไหร่ เนื่องจากที่นั่งควรจะอยู่ตรงข้ามกับด้านที่เป็นฝักบัว หรือด้านข้างมากกว่า ไม่ใช่อยู่ด้านเดียวกันแบบนี้
**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะครับ
ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 8 July 2014
- 1 Bedroom 39 – 48 ตารางเมตร ราคาประมาณ 2.90 -4.99 ล้านบาท หรือ 73,000 – 104,000 บาท/ตร.ม.
- 2 Bedroom 69 – 87 ตารางเมตร ราคาประมาณ 5.84 – 8.03 ล้านบาท หรือ 74,000 – 107,000 บาท/ตร.ม.
- 3 Bedroom 122 ตารางเมตร ราคาประมาณ 12.69 – 12.94 ล้านบาท หรือ 102,000 – 106,000 บาท/ตร.ม.
- Penthouse 156 ตารางเมตร ราคาประมาณ 24.18 ล้านบาท หรือ 155,000 บาท/ตร.ม.
- Fully Fitted (ชุดครัว/แอร์/ห้องน้ำ/ฉากกั้นห้อง/ฉากกั้นอาบน้ำ/ตู้เสื้อผ้า/เฟอร์นิเจอร์ Built-in บางส่วน)
- ความสูงฝ้าเพดาน
- ตึก A1/A2/A3 = 2.60 เมตร
- ตึก B1/B2/B3 = 2.70 เมตร
- ห้อง Penthouse = 3.00 เมตร
**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ครับ
ทำเลของโครงการ CeLeste หัวหินนี้จะเป็นทำเลที่อยู่ในโซนเขาเต่าครับ ซึ่งลักษณะของทำเลจะแตกต่างจากหัวหินที่อยู่ในเมืองหัวหินแท้ๆ โดยจะเป็นทำเลสงบๆ ที่อยู่ห่างตัวเมืองมาประมาณ 10 กว่ากิโล เลยเขาตะเกียบมาอีก เพื่อที่จะได้หลบเลี่ยงจากความวุ่นวายของเมืองท่องเที่ยวอย่างหัวหิน ออกมาอยู่ในโซนที่เป็นส่วนตัวมากขึ้น แต่ว่ายังอยู่ในระยะที่พอจะขับรถเข้าเมืองไปหาอารยธรรมได้ เข้าไปหาของกินของใช้ในเมือง แล้วกลับมาใช้ชีวิต พักผ่อนอยู่ที่คอนโดตัวเองครับ
รอบๆโครงการ CeLeste จะมีโครงการคอนโด และรีสอร์มาขึ้นอยู่หลายโครงการเหมือนกัน ส่วนใหญ่ก็จะคอนเซปท์คล้ายๆกันนี่แหละ เวลาเราลงหาดมาเล่นน้ำ ก็จะเจอกันอยู่ไม่กี่โครงการแถวๆนั้น ซึ่งถ้าเทียบกับในเมืองแล้วก็จะได้หาดที่เป็นส่วนตัวมากกว่า สภาพหาด (อาจจะ) ดีกว่า เนื่องจากมีคนใช้งานหาดค่อนข้างน้อย หาดทรายเป็นหาดกว้าง น้ำตื้น ลงเล่นน้ำได้ค่อนข้างปลอดภัย
การเดินทางมาที่โครงการคงต้องมีรถขับแน่นอน เดินทางจากตัวเมืองมา ถ้ารถไม่ติดก็ประมาณ 10-20 นาที อันนี้ต้องแล้วแต่คนว่ารับได้หรือไม่ได้ บางคนชอบอยู่ใกล้ๆเมืองก็อาจจะไม่เหมาะ แต่บางคนมองว่าใกล้อันนี้ต้องเอาตัวเองเป็นหลักเลยครับ จากปากซอย 101 เข้าซอยไปประมาณ 300 ก็จะเจอโครงการ ซึ่งก็ถือว่าโอเค ไม่ได้เข้าซอยลึกมาก เพราะยังไงก็คงขับรถอยู่แล้ว แต่ถ้าไม่มีรถนี่คงจะลำบากนะ ไปไหนไม่ได้เลย เพราะรอบๆก็แทบจะไม่มีอะไรเลย เป็นชุมชนที่อยู่อาศัยธรรมดา ไม่ค่อยมีร้านค้า มีร้านสะดวกซื้ออยู่ปากซอยแค่นั้นเอง
แต่ในแง่ของทำเลแล้ว มีจุดที่ต้องรู้ก่อนจะซื้ออยู่หนึ่งจุดนะครับ คือเนื่องจากตัวที่ดินของโครงการ ที่เราจะได้กรรมสิทธิ์จริงๆนั้น ไม่ได้อยู่ติดหาดเป๊ะๆนะครับ ที่ดินที่อยู่ติดด้านหลังโครงการนั้นจะเป็นที่ดินสาธารณะซึ่งทางโครงการไปขออนุญาตไว้เพื่อดูแลครับ เพื่อที่จะได้สามารถทำทางออกด้านหลังโครงการให้สามารถเดินไปยังชายหาดได้ และตัวทางเดินที่ใช้สำหรับเดินลงไปที่หาดนั้น ก็เป็นเส้นทางภาระจำยอมที่อยู่บนที่ดินของเจ้าของโครงการอีกที ซึ่งกรรมสิทธิ์ไม่ใช่ของเรานะครับ แต่ว่าในทางปฏิบัติเราก็สามารถใช้ได้เนื่องจากทางโครงการได้จดทะเบียนภาระจำยอมเรียบร้อยแล้วครับ
การออกแบบโครงการนั้น จัดออกมาเป็นลักษณะของคอนโดกึ่งบ้านพักตากอากาศครับ ซึ่งก็จะออกเป็นแนวสบายๆ ไม่ได้เน้นการอยู่อาศัยระยะยาวแบบคอนโดในเมือง วาง Master Plan ให้มีพื้นที่เปิดโล่งค่อนข้างเยอะ และมีอัตราส่วนความหนาแน่นค่อนข้างต่ำ เพราะมีจำนวนแค่ประมาณ 300 ยูนิตเท่านั้น เทียบกับ 6 อาคาร ที่ดิน 10 ไร่ ถือว่าหลวมๆเลย น่าจะได้ความเป็นส่วนตัวได้ดีระดับหนึ่ง
การออกแบบตึก มีการบิดผนังให้ระเบียงมีมุมที่มองเห็นทะเลได้กว้างขึ้น เรียกว่าเป็นดีไซน์ที่เริ่มจะเห็นได้บ่อยขึ้นเรื่อยๆในโครงการบ้านพักตากอากาศสมัยใหม่นี้ และสำหรับห้องไหนที่มองไม่เห็นทะเล ทางโครงการก็ใช้สระว่ายน้ำขนาดใหญ่และการจัดสวน Landscape มาชดเชยวิวทะเลที่หายไปได้ ถ้าทำออกมาได้สวยดูดีเหมือนในโมเดลได้ ก็คาดว่าน่าจะดูไม่เลวเลยครับ แต่ยังไงก็คงต้องรอเห็นของจริงก่อนนะครับ 😀
การออกแบบตัวห้องต้องดูเป็นแบบๆไป อย่างห้อง 1-Bed ทำออกมาได้ค่อนข้างลงตัวทีเดียว เริ่มต้นขนาดห้องที่ 39 ตารางเมตร ทำห้องขนาดใหญ่หน่อยเพื่อให้สอดคล้องกับบรรยากาศสบายๆของบ้านพักตากอากาศ เพราะคงจะไม่มีใครที่อยากมาพักตาอากาศแต่ต้องมาอยู่ในห้องแคบๆ อึดอัดๆ จริงมั้ยครับ? พื้นที่ใช้สอยภายในก็จัดออกมาได้ค่อนข้างลงตัว จัดเฟอร์นิเจอร์ไม่ยาก แต่ว่าจะมีจุดติอยู่ตรงที่พื้นที่กินข้าว อาจจะหาที่ลงไม่ได้เลยต้องเอาไปไว้หน้าทีวี กับพื้นที่ครัว ที่ให้มาไม่ใหญ่นัก อาจจะไม่เหมาะกับคนที่ชอบทำครัวเท่าไหร่
แต่พอเป็นห้อง 2-bed การจัดเฟอร์นิเจอร์จะทำได้ยากขึ้น เนื่องจาก Layout ของห้องจะมีส่วนที่ผนังห้องมันเอียงตามรูปตึก เลยทำให้รูปร่างของห้องมันเบี้ยวๆตามไปด้วย เลยทำให้การจัดพื้นที่ใช้สอยทำได้ไม่ลงตัวเท่าห้อง 1-bed เช่น พื้นที่ห้องนอน#2 ที่เล็กมากจนดูอึดอัด ในขณะที่ห้องน้ำทั้ง 2 ห้องดูใหญ่เกินความจำเป็นไปหน่อย น่าจะแบ่งพื้นที่ห้องน้ำมาให้ห้องนอนบ้าง ส่วนโต๊ะกินข้าวก็ยังไม่มีที่ลงเหมือนเดิม เฟอร์นิเจอร์ในห้องนี้เวลาแต่งคงต้องใช้เฟอร์ Built-in หลายส่วน เพื่อให้สอดรับกับพื้นที่ของห้องครับ
ส่วนพื้นที่ระเบียงให้มาใหญ่มากโดยเฉพาะห้องชั้น 1 ที่มีระเบียงติดกับสระว่ายน้ำ อันนี้ไม่ขอคอมเมนต์ เพราะเป็นเรื่องของความชอบส่วนบุคคลแล้วหละ ใครอยากได้ระเบียงใหญ่ๆก็จัดชั้น 1 ไปเลย ใครไม่ชอบก็อาจจะต้องหนีขึ้นชั้น 2-3-4-5-6-7 ก็ว่ากันไปซึ่งก็จะได้เป็นวิวจากมุมสูงไปแทน
วัสดุอุปกรณ์ภายในห้องจัดมาเป็นแบบ Fully-Fitted ครับ ซึ่งของที่ให้มาก็เรียกว่าสมราคาอยู่ครับ ได้ชุดครัว ได้ชุด Fitting ผนังกั้นห้องนอน ได้ห้องน้ำครบชุดพร้อมฉากกั้นอาบน้ำและเครื่องทำน้ำอุ่น ได้แอร์ครบทุกห้อง และได้ตู้เสื้อผ้าในห้องนอนใหญ่ พื้นเป็นกระเบื้องแกรนิโต้ 60×60 ซม. ดรอปรางม่านให้ ใส่ไฟดาวน์ไลท์ให้ทั้งหมด ที่เหลือก็คือไปใส่เฟอร์นิเจอร์ลอยตัวเอาเอง ก็พร้อมอยู่แล้ว ซึ่งผมคิดว่าก็สมเหตุสมผลกับราคาครับ
ส่วนสุดท้ายคือ Facilities ในโครงการที่มีตัวชูโรงเป็นสระว่ายน้ำขนาดใหญ่ ยาว 100 เมตร ที่อยู่ล้อมรอบตึกทุกตึก บวกกับห้อง Fitness และห้อง Library ที่ตึก B3 กับที่จอดรถอีก 60% ก็น่าจะเป็นอะไรที่น่าพอใจสำหรับคอนโดระดับราคานี้ครับ
Judgement
สำหรับโครงการบ้านพักตากอากาศ เราจะไม่มีการให้คะแนนความคุ้มค่านะครับ เนื่องจากการซื้อบ้านพักตากอากาศในลักษณะนี้เปรียบเสมือนเป็นบ้านหลังที่สอง ซึ่งนอกจากจะมีเรื่องความคุ้มค่าทางการเงินแล้ว ยังต้องมีเรื่องความชอบและความคุ้มค่าทางอารมณ์ส่วนบุคคลเข้ามาตัดสินด้วย ดังนั้นทางทีมงานจึงเห็นว่าจะไม่มีการให้คะแนนความคุ้มในโครงการลักษณะนี้ครับ
BOTTOM LINE
โครงการ CeLeste หัวหิน เป็นโครงการที่เหมาะสำหรับคนที่กำลังมองหาบ้านพักตากอากาศที่หัวหินครับ มองหาทำเลที่สงบๆ อยู่ไม่ไกลจากหาดในระยะเดินถึง มองหาโครงการที่มีผืนที่ดินกว้าง มีจำนวนยูนิตไม่เยอะ และมี Facilites สระว่ายน้ำขนาดใหญ่ให้ใช้งานได้พร้อมๆกันเป็นกลุ่มใหญ่ โดยยอมได้ที่จะอยู่ห่างออกมาจากตัวเมืองหัวหินในระยะขับรถประมาณ 10-20 นาที เพื่อแลกกับราคาต่อตารางเมตรที่ลดลงหรือได้ขนาดห้องที่ใหญ่ขึ้น เมื่อเทียบกับคอนโดเกรดเดียวกันแต่อยู่ในเมือง
ถ้าเห็นว่ารีวิวนี้มีประโยชน์ ช่วยกด LIKE ให้ผมหน่อยนะครับ จะได้มีกำลังใจทำรีวิวถัดๆไปครับ