รีวิวฉบับที่ 933 … สวัสดีคุณผู้อ่านทุกท่านนะคร้าบบบ วันนี้ผม Mr.Boom พักถ่ายรายการชั่วคราว เลยมีเวลามาเขียนรีวิวได้แป๊บนึง หลังจากที่ไม่ได้แตะมานาน ซึ่งในวันนี้โครงการที่ผมจะพาไปรีวิวจะเป็นบ้านเดี่ยวในย่านสายไหมครับ นั่นก็คือโครงการ Casa Grand สุขาภิบาล 5 จาก Q.House นั่นเอง โครงการนี้ตั้งอยู่บนถนนสายไหม อยู่ตรงข้ามตลาดวงศกร ซึ่งจริงๆก็เปิดตัวมาได้ซักพักแล้วตั้งแต่ช่วงต้นปี 58 แล้วก็ทยอยเปิดขาย+ก่อสร้างเรื่อยมาจนเมื่อกลางปีก็สร้างสโมสรเสร็จแล้ว รูปแบบของที่นี่จะเป็นบ้านเดี่ยว 3 ชั้นทั้งหมด ปลูกเกือบเต็มพื้นที่เน้นได้ฟังก์ชั่นเยอะๆ ในราคาช่วงราวๆ 7-10 ล้านบาท ใครกำลังหาบ้านแถวนี้อยู่ เรามาดูรายละเอียดแบบเจาะลึกของโครงการนี้กัน
Fact @ 30 September 2015
- Casa Grand สุขาภิบาล 5 (คาซ่า แกรนด์ สุขาภิบาล 5)
- Quality House Plc.
- Segment : UPPER CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment บ้านได้ที่นี่)
- โครงการตั้งอยู่ในเขต : สายไหม
- เนื้อที่โครงการ 32-0-12 ไร่
- จำนวนยูนิต 103 ยูนิต
- Lofty – บ้านเดี่ยว 3 ชั้น 221 ตร.ม. 5 ห้องนอน 5 ห้องน้ำ 4 ที่จอดรถ
- Ample – บ้านเดี่ยว 3 ชั้น 241 ตร.ม. 3 ห้องนอน 5 ห้องน้ำ 4 ที่จอดรถ
- Noble – บ้านเดี่ยว 3 ชั้น 260 ตร.ม. 4 ห้องนอน 5 ห้องน้ำ 4 ที่จอดรถ
- ที่ดินขนาดเริ่มต้นประมาณ 55-65 ตารางวา
- ราคาเริ่มต้น 6.99 ล้านบาท หรือประมาณ 12x,xxx บาท/ตร.วา (ก.ย. 58)
- http://www.qh.co.th/project/Casa-Grand/CasaGrand-Sukapiban5
- Call Center : 1388
- สำนักงานขาย 02-516-9090-2
ช่วยกันคอมเม้นท์ แบ่งปันข้อมูลกับเพื่อนๆที่กำลังหาบ้านหน่อยนะครับ
NEW! เพื่อนๆสามารถเลือกอ่านตามหัวข้อได้โดยกดปุ่มไปยังหัวข้อที่สนใจได้นะครับ
พิกัด : 13.921621, 100.685705
ทำเลที่ตั้งของ Casa Grand สุขาภิบาล 5 นั้นตั้งอยู่บน ถนนสายไหม ในโซนกรุงเทพตอนเหนือครับ แต่สาเหตุที่ใช้ชื่อ “สุขาภิบาล 5” เป็นเพราะโครงการตั้งอยู่ใกล้ๆกับ สามแยก ที่ ถนนสุขาภิบาล 5 วิ่งมาชนถนนสายไหมนั่นเอง และด้วยความที่ ถนนสุขาภิบาล 5 เป็นถนนเส้นใหญ่กว่า แถมมีจุดขึ้นลงทางด่วนด้วย ชื่อนี้ก็เลยดูน่าจะมีมูลค่าที่จะนำมาตั้งเป็นชื่อโครงการมากกว่านั่นเอง อิอิ แต่จริงๆ ก็อยู่ใกล้ทั้งสองถนนนั่นแหละ
ทั้งถนนสายไหม และถนนสุขาภิบาล 5 จะเป็นทำเลเกิดใหม่ที่ถ้าย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ซัก 10 ปี อาจจะบอกว่าตรงนี้ไม่มีอะไรเลยก็ได้ แต่ปัจจุบันชุมชนบนถนนสองเส้นนี้ได้เติบโตขึ้นไปเยอะกว่าเมื่อก่อนมาก มีหมู่บ้านจัดสรรถือกำเนิดขึ้นหลายโครงการมาก จนมีบ้านระดับเกือบสิบล้านมาเปิดแถวนี้ได้ (เช่นโครงการนี้เป็นต้น)
สิ่งที่ทำให้ทำเลย่านสายไหมนี้ ได้รับความนิยมมากขึ้นในการที่คนจะเข้ามาอยู่อาศัย มีอยู่สองส่วนใหญ่ๆ ส่วนแรกคือ ทางด่วนรามอินทรา-อาจณรงค์ ที่ได้สร้างต่อขยายมาจนถึงถนนสุขาภิบาล 5 นี้ ซึ่งก็ค่อนข้างที่จะใช้ได้สะดวกเลยแหละ มีทางขึ้น-ทางลงอยู่ห่างจากโครงการไปประมาณ 5 กิโลกว่าๆ สามารถใช้วิ่งเข้าเมืองไปเอกมัยได้สบายเลย
และส่วนที่สองคือ ถนนกาญจนาภิเษก ที่มีทางเข้า-ออกอยู่บริเวณ ถนนลำลูกกา ซึ่งเป็นถนนคู่ขนานกับถนนสายไหม แต่ถนนสองเส้นนี้ถูกคั่นออกจากกันด้วย คลองหกวาสายล่าง ซึ่งเป็นคลองระบายน้ำสาธารณะ ซึ่งแต่เดิมนั้น ถึงแม้ถนนสายไหมจะอยู่ห่างจากถนนลำลูกกาแค่นิดเดียว แต่ความเจริญนั้นผิดกันมากราวกับเป็นถนนลูกเมียน้อยอะไรอย่างนั้นเลย แต่พอมีการสร้างสะพานข้ามคลอง เชื่อมถนนสายไหมกับถนนลำลูกกาเข้าด้วยกันในหลายๆจุด ทำให้ความเจริญจากถนนลำลูกกา แผ่ขยายมาถึงถนนสายไหม และทำให้คนที่อยู่บนเส้นสายไหม สามารถเดินทางเชื่อมต่อเข้าสู่ถนนกาญจนาภิเษกได้สะดวกมากขึ้น อย่างบริเวณใกล้ๆโครงการ จะมี ถนนเฉลิงพงษ์ ที่จะมีสะพานข้ามคลองจากสายไหมไปลำลูกกาได้ ซึ่งถือเป็นข้อดีเลย เพราะถนนกาญจนาภิเษกนี้ค่อนข้างมีประโยชน์ เวลาเราต้องการจะขับรถไปโซนอื่นของกรุงเทพ เช่น รามคำแหง, อ่อนนุช-ลาดกระบัง, บางนา สามารถไปได้โดยที่ไม่ต้องวิ่งผ่านเข้าตัวเมือง และยังไปเชื่อมกับ มอเตอร์เวย์ เพื่อที่จะไป สนามบินสุวรรณภูมิ หรือไปจังหวัดในภาคตะวันออกได้ด้วย
ในอีกด้านหนึ่ง ทางฝั่งพหลโยธิน ผมลืมบอกไปว่า ถนนสายไหมนี้จะเป็นถนนที่ตัดจาก ถนนพหลโยธิน ไปยัง ถนนหทัยราษฎร์ ซึ่งบริเวณพหลโยธินโซนนี้จะเป็นพื้นที่ของฐานทัพอากาศ และสนามบินดอนเมือง ซึ่งกินพื้นที่ขนาดใหญ่มาก ทำให้ที่ดินติดถนนใหญ่พหลโยธินโซนที่เลยสะพานใหม่มานี้ เอกชนไม่สามารถพัฒนาได้แล้ว และการพัฒนาต่างๆจึงขยับเข้าไปอยู่ในซอยแทน เกิดเป็นถนนเส้นเล็กเส้นน้อยที่แผ่ขยายออกมาทางฝั่งตะวันออกของพหลโยธิน ซึ่งแถวๆนี้ก็จะมี ถนนเพิ่มสิน, ถนนวัชรพล, ถนนรัตนโกสินทร์สมโภช, รวมถึงถนนสุขาภิบาล 5 และถนนสายไหมนี่แหละ
ตัวโครงการจะสามารถใช้ประโยชน์จากเครือข่ายของถนนเส้นสั้นๆพวกนี้ ในการเดินทางไปมา ใช้เป็นทางลัดไปออกตรงโน้นตรงนี้ได้ เราสามารถวิ่งไปได้จนถึง ถนนรามอินทรา เลย และจากถนนพหลโยธินก็สามารถเชื่อมต่อไปยัง ถนนวิภาวดีรังสิต, สนามบินดอนเมือง และ โทลล์เวย์ ได้ด้วย
เมื่อดูจาก Google Maps เราจะเห็นลักษณะของที่ดินโครงการ เป็นที่ดินผอมๆ ยาวๆ แบบนี้ครับ ทั้งหมดขนาดประมาณ 32 ไร่ ด้านหน้าติดถนนสายไหม ด้านหลังติดถนนเลียบคลองหกวา แต่มีทางเข้าออกทางเดียวคือด้านหน้าโครงการนะครับ เพราะถนนด้านหลังเป็นถนนเส้นเล็กๆเท่านั้น รถผ่านลำบาก คงจะไม่ได้ใช้อย่างจริงจัง
ตัวถนนเฉลิมพงษ์ที่ใช้ข้ามคลองหกวาไปลำลูกกา อยู่ห่างออกไปนิดเดียวเอง
**รูปนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการแบบคร่าวๆไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการได้นะครับ
ภาพจริงของที่ดินจะเป็นแบบนี้ครับ
เราจะเห็นว่าด้านข้างของที่ดิน ปัจจุบันยังเป็นที่ดินโล่งๆอยู่ แต่มีแนวโน้มสูงมากที่ในอนาคตอาจจะถูกพัฒนาไปเป็นหมู่บ้านจัดสรร อย่างไรก็ดี เรารอดูกันต่อไป
และนี่คือภาพสามแยกที่ถนนสุขาภิบาล 5 มาเชื่อมกับถนนสายไหมครับ ตัวโครงการอยู่ห่างจากแยกแค่ประมาณ 100 เมตรนิดๆเท่านั้น สามารถใช้ถนนทั้งสองเส้นนี้ได้อย่างสะดวก จะวิ่งขาเข้า-ขาออก ไปด้านไหนก็ได้ เพราะทั้งสองเส้นยังเป็นถนนที่ไม่มีเกาะกลางทั้งคู่ จะเลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวา ไม่ลำบาก เพราะไม่ต้องกลับรถ
จากในภาพผม Highlight สถานที่สำคัญอย่างหนึ่งเอาไว้ด้วย นั่นคือ โรงเรียนสารสาสน์วิเทศสายไหม ซึ่งก็เป็นอีกหนึ่งโรงเรียนดังย่านนี้ ตัวโรงเรียนจะมีทางเข้าหลักอยู่บนถนนสุขาภิบาล 5 นะครับ ห่างจากโครงการประมาณ 1 กิโลพอดี แต่จะมีทางเข้ารองที่อยู่ใกล้กว่า เข้าได้จากถนนสายไหม ห่างออกไปประมาณ 600-700 เมตร เรียกว่าเดินไปโรงเรียนยังได้เลย
ดูภาพทางอากาศไปแล้ว ลงมาดูภาคพื้นดินกันบ้าง ด้านหน้าโครงการจัดออกมาเป็นแบบนี้ ถึงที่ดินจะผอมๆยาวๆ แต่ก็มีหน้ากว้างราวๆ 30 กว่าเมตร ทำให้จัดด้านหน้าออกมาดูเด่น ใหญ่โตพอสมควรเลย ไม่ต้องกลัวจะน้อยหน้าใคร
ป้ายโครงการหันหน้าไปทางถนนสุขาภิบาล 5 เหมือนจะบอกเป็นนัยๆว่าคนที่อยู่ที่นี่ น่าจะขับรถมาจากทางสุขาฯ 5 เป็นหลัก แล้วก็เลี้ยวขวาเข้าโครงการแบบนี้
ตัวถนนสายไหม บริเวณด้านหน้าโครงการนี่ก็เรียกว่าคึกคักพอสมควรเลย เป็นจุดที่มีร้านค้า อาคารพาณิชย์ เยอะแยะมากมาย
สาเหตุเป็นเพราะ ตรงข้ามกับโครงการจะมี ตลาดวงศกร ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นศูนย์การค้าขนาดใหญ่ในย่านนี้เลยก็ว่าได้ ภายในประกอบไปด้วยตลาดสดที่อยู่ตรงกลาง พร้อมกับตึกแถว อาคารพาณิชย์ รวมถึงมีตลาดนัด แผงลอย อีกเป็นจำนวนมาก ที่รวมอยู่ด้วยกัน เป็นหนึ่งในแหล่งอารยธรรมของคนสายไหม
ทางเข้าตลาดวงศกร จะอยู่เยื้องๆ เกือบจะตรงข้ามกับหน้าโครงการเลย
ใกล้ๆกันจะมีสะพานลอย สำหรับเดินข้ามไปตลาดได้อย่างสะดวก ไม่ต้องกลัวรถ
หน้าตลาด เราจะเจอกับ 7-Eleven ก่อนอย่างแรก เรียกว่า แค่มีเซเว่นนี่ก็หายห่วงไปหลายเรื่องแล้ว แต่นี่ยังไม่ใช่ทีเด็ด
ลืมบอกไปว่า ถ้าแค่เซเว่น ไม่ต้องข้ามฝั่งไปตลาดก็ได้ เดินออกมาจากโครงการ เลี้ยวขวามานิดเดียวก็มีอีกสาขานึง
โซนรอบนอกของตลาดวงศกร จะเป็นกลุ่มอาคารพาณิชย์ที่เรียงรายกันเป็นแถบๆ ซึ่งถ้าลองเดินดูจะมีสินค้าและบริการมากมายหลายประเภทมาก ตั้งแต่โรงเรียนสอนพิเศษ, โรงพยาบาลสัตว์, ร้านขายเครื่องเขียน, ร้านทอง, ซักรีด ฯลฯ เท่าที่ชุมชนนึงจะต้องมีในการใช้ชีวิตอยู่ ซึ่งเชื่อผมเถอะว่า ลองมาเดินดูให้ทั่วๆ น่าจะมีร้านที่ถูกใจเราบ้างแหละน่า
เดินเข้ามาโซนกลาง ก็จะยังเป็นอาคารพาณิชย์อยู่ ซึ่งล้อมตัวตลาดเอาไว้ ที่จะเป็นอาคารใหญ่ๆอยู่ด้านในสุด
ก่อนเข้าไปยังตลาดสด จะมี Tesco Lotus Express กับ 7-Eleven อยู่ด้านหน้าตรงนี้อีก เซเว่นแถวนี้นี่มีหลายสาขามาก
โซนตลาดด้านใน จะมีโซนที่เป็นศูนย์อาหาร ขายของกินเพียบ ราคาไม่แพง
แล้วก็จะมีโซนตลาดสด เป็นแผงขายของเรียงๆกันไปแบบนี้
วาไรตี้มาก
พาเดินดูตลาดวงศกรเท่านี้ก่อน เดี๋ยวกลับไปที่โครงการกันต่อ เดี๋ยวจะกลายเป็นรีวิวตลาดไปซะกัน ฮ่าๆๆ
สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น
- ตลาดวงศกร
- โรงเรียนสารสาสน์วิเทศ สายไหม
- โรงพยาบาลสายไหม
- บิ๊กซี ลำลูกกา
รูปแบบของโครงการ Casa Grand สุขาภิบาล 5 จะเป็นหมู่บ้านจัดสรรบนที่ดินขนาดประมาณ 32 ไร่ครับ ซึ่งจัดออกมาเป็นบ้านเดี่ยวจำนวน 103 ยูนิต ส่วนหน้าตา Master Plan ของที่ดินก็จะออกมาเป็นแบบนี้ แบ่งที่ดินออกเป็นสองส่วน คือ ครึ่งด้านหน้าที่อยู่ติดกับทางเข้าและคลับเฮาส์ จะเป็นส่วนที่ดินที่แคบกว่า วางบ้านแค่ด้านเดียวของถนน ให้หน้าบ้านอยู่ติดถนนหลักที่กว้างประมาณ 14 เมตร หน้าบ้านแต่ละหลังไม่หันหน้าชนกับใคร ซึ่งโซนด้านหน้านี้จะเป็นโซนที่เค้าจะเปิดขายในอนาคต
ส่วนที่ดินครึ่งหลัง จะเป็นส่วนที่ดินที่กว้างกว่า จึงสามารถแบ่งแปลงบ้านได้เยอะขึ้น ซึ่งก็จะจัดออกมาเหมือนบ้านจัดสรรทั่วๆไป แบ่งบ้านออกเป็นซอยๆ ตัวถนนซอยกว้าง 9 เมตร ส่วนถนนหลักกว้าง 12 เมตร ตรงกลางๆ แล้วค่อยไปลดเหลือ 9 เมตรด้านใน
บริเวณตรงกลางของที่ดินโครงการ จะมีสวนสาธารณะ ที่ทำหน้าที่เสมือนกับเป็นตัวแบ่งที่ดินโซนด้านหน้า และด้านหลังออกจากกัน และบริเวณท้ายโครงการ ด้านในสุด ที่ติดกับคลอง จะมีสำนักงานนิติบุคคล ตั้งอยู่ด้านในด้วย
ทางเข้าด้านหน้าโครงการเป็นลักษณะนี้
บริเวณทางเข้า มีการจัดสวนหย่อม และน้ำพุ เอาไว้ด้านหน้าก่อนถึงรั้วทางเข้าด้วย เพื่อต้อนรับคนที่มายังหมู่บ้าน
ป้อม รปภ. บริเวณทางเข้า คอยดูแลความปลอดภัย
บริเวณรั้วกั้น จะมีการแบ่งช่องทางรถเข้าเป็นสองส่วน คือ ส่วนลูกบ้าน ที่สามารถขับรถผ่านประตูอัตโนมัติเข้าไปได้เลย และส่วนผู้มาติดต่อที่จะต้องแลกบัตรกับรปภ.ก่อน
ประตูรั้วเป็นแบบรั้วกั้นไม้กระดก มีเซ็นเซอร์อัตโนมัติคอยตรวจจับรถที่ผ่านเข้ามา และกล้อง CCTV ติดไว้ด้านหน้า
เข้ามาแล้ว เราจะเจอกับ Club House ที่อยู่ด้านหน้าสุดของโครงการเลย พร้อมกับจุด Drop Area สำหรับรับ-ส่งคนที่สโมสร
มองจากจุด Drop Off ไปยังทางเข้าด้านหน้า
ให้ดูใกล้ๆอีกที
ทางเข้าคลับเฮาส์ เป็นแบบเรียบๆ ไม่ได้มีอะไรมาก
ตัวคลับเฮาส์จะเป็นอาคารชั้นเดียว แต่จะทำฝ้าเพดานสูง แบบ Double Volume แล้วพอเข้ามาด้านในเราจะเจอกับ Reception Desk ก่อน
ด้านหลังของส่วนต้อนรับ จะเป็นโซนออกกำลังกายเลย ซึ่งไม่ได้มีการกั้นห้องเอาไว้ แต่จะรวมอยู่ที่โถงกลาง มีข้อดีคือ จะให้ความโปร่งโล่ง และการถ่ายเทอากาศที่ดีกว่า แต่พอวางแบบนี้ก็จะไม่ค่อยเป็นส่วนตัวเท่าไหร่นะครับ
ความที่เป็นอาคารแบบ Double Volume ทำให้ด้านบนสามารถทำช่องแสง ให้ส่องลงมาที่ด้านล่างได้ ตัวอาคารเลยค่อนข้างสว่างโดยที่ไม่ต้องเปิดไฟ และจะได้อากาศถ่ายเทที่ค่อนข้างดี ไม่ค่อยร้อนอึดอัดเวลาไม่ได้เปิดแอร์ แต่จะมีข้อเสียเหมือนกัน คือเวลาที่จะต้องเปิดแอร์จริงๆ ก็จะเปลืองแอร์มากกว่าเดิม ด้วยปริมาตรห้องที่เยอะเป็นสองเท่าด้วย
ที่ผนังด้านข้าง ติดกับทางเข้าคลับเฮาส์ วางชุดโซฟา และโต๊ะรับแขกเอาไว้ สำหรับให้ลูกบ้านมานั่งพักผ่อน หรือต้อนรับแขก บริเวณนี้ได้ น่าเสียดายที่ไม่ได้มีการก้ันห้องเป็นสัดส่วน เพราะฟังก์ชั่นนี้น่าจะต้องการความเป็นส่วนตัวหน่อย การที่อยู่รวมกับทั้งส่วนห้องออกกำลังกาย และส่วนต้อนรับ ทำให้อาจจะมีคนเดินผ่านไปมาตลอด และอาจจะส่งเสียงรบกวนกันเองได้
ส่วนประตูด้านนี้จะเปิดออกไปเชื่อมกับทางเดินที่จะไปสระว่ายน้ำ, ห้องน้ำ และห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า
เดินออกมาปุ๊บจะเจอโถงทางเดินยาวๆ ที่เดินออกไปสระว่ายน้ำได้ มีตู้ล็อคเกอร์สำหรับเก็บของวางเอาไว้ตรงนี้ และมีทางเข้าไปยังห้องน้ำ แยกชาย-หญิง
ผมพาเข้ามาดูห้องน้ำชายละกัน เพราะห้องน้ำหญิงผมเข้าไม่ได้ ฮ่าๆๆ ตัวห้องน้ำก็หน้าตามาตรฐานแบบนี้แหละครับ แต่ก็ฟังก์ชั่นครบ อาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้าได้ แต่อยู่ในหมู่บ้านแบบนี้ อาจจะอยากกลับไปอาบที่บ้านมากกว่ามั้ง ^^
เมื่อเดินออกมาด้านนอก เราก็จะเจอกับสระว่ายน้ำ วางอยู่ด้านหลังตัวสโมสรแบบนี้ครับ ตัวสระจะมีส่วนที่แยกสระเด็ก และมี Day Bed วางอยู่อีกมุมหนึ่งแบบนี้
พื้นที่ส่วนห้องออกกำลังกาย จะมีประตูกระจกบานเลื่อนแบบนี้ ที่สามารถเปิดออกมายังส่วนสระว่ายน้ำได้เลย
และอีกด้านหนึ่งจะเป็นพื้นที่สำหรับล้างตัว ก่อนและหลัง ใช้สระว่ายน้ำ
ภายใน Club House ก็มีเท่านี้แหละครับ ไม่ได้มีอะไรมาก แค่พอใช้งาน เราไปดูด้านในของหมู่บ้านกันต่อ
ออกจากตัวสโมสร เดินมายังถนนที่อยู่ข้างๆ ซึ่งเป็นถนนเส้นหลักของโครงการ
ข้างๆอาคารสโมสรจัดสวนไว้แบบนี้ด้วย
เดินถัดมาอีกหน่อย ด้านหลังของสโมสร จะมีพื้นที่สำหรับจอดรถของผู้ที่มาใช้งานคลับเฮาส์อยู่ตรงนี้ เพราะด้านหน้าไม่มีที่ให้จอด เลยต้องมาจอดด้านหลังแทน ซึ่งความจริงน่าจะออกแบบให้มีทางเดินเข้าจากด้านหลังได้ด้วยนะครับ ผมว่าแบบนี้ Flow การใช้งานมันไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่ เพราะจอดรถเสร็จก็ต้องเดินอ้อมไปเข้าตัวอาคารคลับเฮาส์จากด้านหน้า
ถนนหลักจะกว้าง 14 เมตร ซึ่งเพียงพอที่จะให้รถ 3-4 คันวิ่งสวนกันได้ ตลอดทางปลูกต้นไม้เรียงไว้ริมรั้ว เพื่อให้ร่มเงา และเพิ่มความเขียวให้กับโครงการ
ที่ดินโซนด้านหน้าที่ติดกับคลับเฮาส์ตรงนี้ อย่างที่บอกไปว่าจะเป็นพื้นที่ขายในอนาต ตอนนี้โครงการยังไม่ได้ทำอะไรกับมันนะครับ ยังเป็นคันดินโล่งๆอยู่ ใครเล็งโซนนี้ไว้ คงต้องรออีกซักหน่อย
ถัดเข้ามายังด้านในเลย ที่เป็นบ้านโซนด้านหลังของโครงการ
ช่วงโค้งของถนนตรงนี้ โครงการทำเป็นสวนสาธารณะ คั่นระหว่างบ้านโซนด้านหน้าและด้านหลังแบบนี้ และบ้านสามหลังแรกที่อยู่ติดกับสวน นั่นก็คือบ้านตัวอย่างทั้งสามแบบนั่นเอง
บริเวณสวนสาธารณะ จะมีที่จอดรถสำหรับ Visitor ด้วย
ปัจจุบันยังเป็นสวนโล่งๆอยู่ ต้นไม้ยังไม่โต แต่เดี๋ยวรออีกไม่กี่ปี น่าจะมีร่มเงา พอที่จะให้ลูกบ้านมาเดินเล่นได้ครับ
สิ่งอำนวยความสะดวก
- สโมสร
- สระว่ายน้ำ แบ่งสระเด็ก
- ห้องออกกำลังกาย
- สวนสาธารณะตรงกลางโครงการ
- ระบบ CCTV ที่ Main Gate
- รั้วรอบโครงการสูง 3 เมตรและรั้วโปร่งต่อเพิ่ม 1.50 เมตร
- Key Card Access ระยะไกล
- เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย 24 ชั่วโมง
- ประตูรั้วโครงการแบบ รั้วกั้นไม้กระดก
- สัญญาณกันขโมย ระบบ Magnetic & Motion Sensor ทุกหลัง
- ถนนหลักกว้าง 14 ม. ถนนภายในกว้าง 12 ม. และถนนซอยกว้าง 9 ม.
แบบบ้านของที่นี่จะมีทั้งหมด 3 แบบครับ ขนาดของแต่ละหลังเรียกว่าใกล้เคียงกันมาก พื้นที่ใช้สอยอยู่ในช่วง 220-260 ตารางเมตร และขนาดที่ดินมาตรฐานราวๆ 55-65 ตารางวา
ทุกแบบเป็นบ้าน 3 ชั้นทั้งหมด และทุกแบบมี 5 ห้องน้ำ รวมถึงจอดรถได้ 4 คัน ทุกหลัง ส่วนที่ต่างกันหลักๆ คือ จำนวนห้องนอน และห้องพักผ่อน ที่แต่ละแบบจะทำออกมาไม่เหมือนกัน เหมาะกับกลุ่มคนแต่ละแบบ
ผมจะพาไปดูแบบ Noble ที่เป็นหลังใหญ่สุด และแบบ Lofty ที่เป็นหลังเล็กสุดก็แล้วกัน ส่วนขนาดกลางที่ชื่อว่า Ample ใครมีโอกาสไปชมโครงการก็ลองแวะไปดูนะครับ
บ้านแบบแรก Noble ขนาด 260 ตารางเมตร ฟังก์ชั่น 4 ห้องนอน 5 ห้องน้ำ 2 ห้องพักผ่อน และ 4 ที่จอดรถ
แปลงที่ดินของที่นี่จะจัดออกมาป็นบ้านหน้ากว้างทั้งหมด และจะทำการจอดรถด้านข้าง ขนานกับตัวบ้าน เป็นลักษณะ 2×2 จอดในร่ม 2 คัน และจอดนอกชายคาอีก 2 คัน ซึ่งการจอดรถได้ 4 คันถือเป็นหนึ่งในจุดแข็งของที่นี่ก็ว่าได้ เพราะทั้งๆที่ขนาดที่ดินก็ 50 กว่าตารางวาเหมือนกับบ้านที่อืนๆ แต่สาเหตุที่เค้าสามารถจัดแบบนี้ได้เป็นเพราะลักษณะการแบ่งแปลงที่ดินนี่แหละครับ เราจะสังเกตว่า รถทั้ง 4 คัน เมื่อจอดซ้อนกันแบบในรูปแล้ว จะมีความยาวพอดิบพอดีกับขนาดของที่ดินเลย เพราะเค้าเผื่อระยะแค่ให้รถ 4 คันพอจอดได้แค่นั้น ไม่ต้องมีส่วนเกิน ซึ่งการทำแบบนี้ ทำให้ใช้พื้นที่รอบๆตัวบ้านได้เต็มเม็ดเต็มหน่วยมากขึ้น เพราะโดยมาก พื้นที่ด้านข้างของบ้านมักจะมีพื้นที่เศษๆเหลือๆ ที่มักจะทำอะไรไม่ได้อยู่ด้วย ซึ่งทางผู้ออกแบบเค้าได้พยายามกำจัดส่วนนี้ออกไป และทำให้จอดรถได้ 4 คันพอดีเป๊ะ แบบไม่เคอะเขินเลย
ส่วนพื้นที่บ้านที่ชั้นหนึ่งนี้ ก็จะเน้นเป็นพื้นที่ Living Area เป็นหลัก มีส่วนรับแขกและส่วนรับประทานอาหาร เชื่อมกันเป็นพื้นที่เดียว และวางอยู่หน้าบ้านติดกับทางเข้า, ตรงกลางเป็น Pantry แบบครัวเปิด ที่เชื่อมต่อไปยังลานซักล้างหลังบ้าน, ตรงข้ามส่วนครัวจะเป็นห้องน้ำสำหรับชั้นล่างที่เตรียมไว้ให้สามารถอาบน้ำได้ เพราะชั้นล่างจะมีพื้นที่ห้องเอนกประสงค์อีกห้องหนึ่ง ที่อาจจะจัดเป็นห้องนอนได้ ก็จะได้ใช้ห้องน้ำตรงนี้ โดยที่ห้องเอนกประสงค์ชั้นล่างนี้จะอยู่ติดกับพื้นที่สวนที่อยู่ด้านข้างของบ้าน
จะสังเกตว่า การจอดรถได้ 4 คัน ไม่ได้มีแต่ข้อดี เพราะข้อเสียของมันคือ มันมาดันพื้นที่ภายในบ้านบริเวณชั้น 1 หายไปค่อนข้างเยอะ เช่น ครัวภายในบ้านที่ขนาดค่อนข้างเล็ก หรือห้องนอนเล็กชั้นล่าง ที่วางเตียงขนาด 5 ฟุตไม่ได้ อันนี้ก็ต้องแลกๆกันนะครับ
ที่ชั้น 2 จะจัดเป็นห้อง Family Room 1 ห้อง และห้อง Master Bedroom รูปตัว L อีกหนึ่งห้อง ให้น้ำหนักของสองส่วนนี้พอๆกัน
และสุดท้าย บนชั้น 3 จะแบ่งเป็นห้องนอนเล็กอีก 2 ห้อง ที่มีห้องน้ำในตัว พร้อมกับมีพื้นที่ตรงกลางระหว่างห้องนอนทั้งสอง เป็นพื้นที่เอนกประสงค์เล็กๆอีกหนึ่งจุด
หน้าตาภายนอกตัวบ้าน Noble เป็นลักษณะนี้ ทรงสี่เหลี่ยมเลยแหละ
โครงสร้างของตัวบ้านเป็นผนังอิฐมวลเบา Q-Con ครับ ดูมุมนี้ลองสังเกตดูดีๆ หน้าต่าง 6 บานนี้ หน้าตาเหมือนกันหมดเลยนะเนี่ย ^^”
มุมมองจากหน้าบ้าน ซึ่งปกติจะเป็นรั้วนะครับ แต่อันนี้เป็นบ้านตัวอย่างที่ตกแต่งเอาไว้ เลยไม่ได้ใส่รั้วมาให้ดู
ที่จอดรถเป็นแบบ 2×2 ช่อง จอดรถได้ 4 คันสบายๆ แต่ระวังหน่อยนะครับ เพราะตรงกลางมีเสาคั่น อย่าถอยรถชนเสาบ้านตัวเองล่ะ เดี๋ยวบ้านถล่ม ไม่ใช่อะไร ฮ่าๆๆ
เพดานที่จอดรถ ติดโคมไฟแบบซาลาเปามาให้ 2 จุด
ด้านข้างของตัวบ้านเป็นแบบนี้
ทางเข้าหน้าบ้าน ยก Step ขึ้นมาจากพื้น แต่ของจริงจะไม่ใช่พื้นไม้แบบนี้นะครับ เป็นพื้นปูนก่อด้วยทรายล้างอีกที
เดินผ่านทางเข้ามาดูอีกด้านหนึ่งของตัวบ้าน ตรงข้ามกับที่จอดรถ จะเป็นพื้นที่สวนของเรา ซึ่งในบ้านตัวอย่างหลังนี้เค้าทำเป็นบ่อปลา และน้ำตก เอาไว้ให้ดูเป็นไอเดีย
ทางเข้าบ้านอยู่ทางนี้ เป็นประตูกระจกบานเลื่อน 2 ชิ้น
ตัวบ้าน ยกระดับจากเฉลียงหน้าบ้านอีกนิดนึง เพื่อกันไม่ให้ลมพัดฝุ่นเข้ามาในบ้าน และเพื่อความสะดวกในการทำความสะอาด
เข้ามาในบ้านปุ๊บ ส่วนแรกที่จะเจอคือ พื้นที่โซฟารับแขก ที่รวมอยู่กับ โต๊ะรับประทานอาหาร
โซฟารับแขกจะวางอยู่ในลักษณะนี้ อีกด้านหนึ่งเป็นชั้นวางทีวี ระยะดูทีวีแล้วแต่เราเลยว่าจะจัดยังไง เพราะด้านหลังโซฟามีระยะให้ถอยได้อีก แต่ด้านหลังของชั้นวางทีวีจะเป็นช่องหน้าต่าง ดังนั้นมันจะมีแสงส่องเข้ามาขณะที่ดูทีวีด้วย เวลาดูนานๆอาจจะทำให้ปวดตาได้ ถ้าอยากใช้เป็นพื้นที่ดูทีวีจริงๆจังๆ อาจจะต้องติดม่าน หรือฟิล์มกรองแสงเพิ่ม หรือไม่ก็บิ๊วอินชั้นวางทีวีปิดช่องแสงไปเลยจะทำให้ดูทีวีได้ดีที่สุด (แต่ก็จะเสียช่องแสงไปนะครับ)
ด้านหลังของโซฟา เป็นพื้นที่รับประทานอาหาร ซึ่งอยู่ใน Space เดียวกัน
ในบ้านตัวอย่าง วางโต๊ะรับประทานอาหารขนาด 6 ที่นั่งไว้ให้ดู และใส่เก้าอี้แบบมีพนักพิงเอาไว้ด้านหนึ่ง ส่วนอีกด้านหนึ่งวางเป็นโซฟาแบบไม่มีพนัก เพื่อให้เกิดความรู้สึกที่โล่งเชื่อมต่อกันของพื้นที่ อันนี้เค้าจัดให้ดูเพื่อการตกแต่งเฉยๆ ของจริงเราจะซื้อเก้าอี้แบบมีพนักมาใส่ก็ได้นะ นั่งสบายกว่า นั่งได้นานกว่า
เวลาเรามองไปแบบนี้ จะเห็นว่าพื้นที่ของส่วนรับแขก และส่วนรับประทานอาหาร นั้นจะเชื่อมต่อกันโดยที่ไม่มีอะไรบังสายตาเลย ถ้าเรานั่งที่โต๊ะกินข้าว เราก็จะสามารถมองเห็นทีวีที่อยู่อีกด้านหนึ่งของห้องได้ชัดเจน
ตรงกลางบ้านเป็นส่วน Pantry ครัว ขนาดกลางๆ มีตู้เก็บของทั้งด้านบนและล่าง ลักษณะเป็นครัวเปิด ไม่มีผนังกั้น ดูจากแปลนแล้วที่นี่จะไม่มีครัวปิดที่อยู่ภายในบ้าน ถ้าใครอยากได้ ก็มีสองทางคือ ทำพื้นที่ห้องเอนกประสงค์ชั้นล่างให้กลายเป็นห้องครัว หรือไม่ก็ไปต่อเติมด้านนอกบ้านเพิ่มเอาเองนะครับ
Pantry ชุดนี้เค้าไม่ได้แถมให้อยู่แล้ว เราก็ไปตกแต่งกันเอาเองนะครับ แต่ว่าเค้าทำให้ดูเพื่อที่จะบอกว่า พื้นที่มันใหญ่พอที่จะ ใส่ตู้เย็นขนาดใหญ่ได้, พร้อมกับวางอ่างล้างจาน, เตาไฟฟ้าแบบ 4 หัว และติดที่ดูดควันได้ พร้อมกับพื้นที่เก็บของอีกประมาณหนึ่ง แต่อันนี้มันยังไม่พอหรอก เพราะมันต้องมีที่วางไมโครเวฟ, พื้นที่เตรียมอาหาร หรือพื้นที่คว่ำจานที่ล้างแล้วอีก ดังนั้นคงจะต้องไปเพิ่มเติมพื้นที่ครัวในส่วนอื่นอีกแน่ๆ
ตรงข้ามกับ Pantry ครัว เป็นห้องน้ำของชั้นล่าง และสุดทางด้านหลังคือประตูสำหรับเปิดออกไปยังลานซักล้าง
ห้องน้ำชั้นล่าง เน้นใช้สำหรับรับแขก และพื้นที่ชั้นล่าง แต่จัดออกมาแบบให้ใช้อาบน้ำได้ด้วย ไม่ได้เป็นแค่ Powder Room เผื่อไว้ว่างชั้นล่างจะมีห้องนอนอีกห้อง
อ่างล้างหน้าแบบสำเร็จรูป ติดกระจกเงาที่ผนังมาให้
หัวก็อกสเตนเลส หน้าตาเบสิกไปนิด
ผนังด้านหลังของห้องน้ำติดหน้าต่างบานกระทุ้งเอาไว้สองบ้าน เพื่อเพิ่มแสงธรรมชาติ และช่วยให้ระบายอากาศได้ดีขึ้น แต่พื้นที่ส่วนอาบน้ำ ยังไม่ได้ติดฉากกั้นมาให้ ไปซื้อมาใส่จะดีกว่านะครับ เพื่อกั้นส่วนเปียก-ส่วนแห้ง ออกจากกัน
ชุดฝักบัวแบบ Hand Shower
สายฉีดชำระ
ต่อมา เราจะเดินออกไปยังหลังบ้าน ส่วนของลานซักล้างผ่านประตูตรงนี้
กลอนประตูแบบเลื่อน
ลูกบิดประตูแบบกลมแบบนี้อาจจะดูไม่แข็งแรงเท่าไหร่ ถ้าใครไม่สบายใจ ก็เปลี่ยนเป็นแบบมือจับก้านโยกก็ได้ แล้วติดพวก Dead Bolt เพิ่ม ก็จะช่วยให้แน่นหนามากขึ้น
เปิดออกมาจากครัว จะเจอลานซักล้างหลังบ้านที่ปูกระเบื้องไว้ให้แบบนี้ โครงสร้างของส่วนหลังบ้านจะแยกกับตัวบ้านนะครับ
พื้นบ้านถูกยกระดับจากพื้นลานซักล้าง ราวๆ 10 cm
ตรงนี้จะมีพื้นที่ที่เว้าเข้าไปอยู่ภายในตัวบ้าน
ซึ่งตรงนี้ต่อท่อน้ำดี ท่อน้ำทิ้งเอาไว้ ให้ พร้อมกับติดเต้าเสียบปลั๊กไฟเอาไว้ด้วย เป็นพื้นที่สำหรับวางเครื่องซักผ้าได้ ที่ผนังติดหลอดไฟเอาไว้ให้ด้วย
ปั๊มน้ำของ Mitsubishi ติดอยู่ตรงนี้
พื้นที่วางถังน้ำด้านหลังบ้าน
ส่วนสุดท้ายของห้องชั้นล่าง จะเป็นพื้นที่ห้องเอนกประสงค์ ที่อยู่บริเวณด้านข้างของตัวบ้าน ติดกับสวน
พื้นที่ตรงนี้ในบ้านตัวอย่างเค้าจะจัดไว้เป็นห้องนอนขนาดเล็ก วางเตียงขนาด 3.5 ฟุตชิดผนังเอาไว้
จริงๆแล้วห้องนี้เป็นห้องเอนกประสงค์ที่จะไม่ทำเป็นห้องนอนก็ได้ แต่เรามาดูแนวทางการจัดของห้องนี้กันซักนิด จะได้รู้ว่าถ้าทำเป็นห้องนอน จะทำอะไรได้บ้าง
ผนังปลายเตียง ใส่ตู้เสื้อผ้าแบบ Built-in
ตัวตู้เสื้อผ้าก็ขนาดไม่ได้ใหญ่มาก แค่พออยู่สำหรับ 1 คน ผนังด้านข้างของตู้ ทำเป็นเคาน์เตอร์สั้นๆ สำหรับวางของกระจุกกระจิก แต่เราอาจจะใส่เป็นโต๊ะเครื่องแป้งเล็กก็ยังพอทำได้
พื้นที่ใต้เตียง ทำเป็นลิ้นชักเก็บของ ซึ่งพื้นที่พวกนี้ค่อนข้างจำเป็นสำหรับห้องเล็กๆที่ไม่ค่อยจะมีที่ให้เก็บของนะครับ
แม้แต่ปลายเตียง ก็ยังทำเป็นช่องให้ใส่ของได้ มีพื้นที่ให้วางของได้อีกหน่อย
บันไดขึ้นชั้นสอง อยู่ติดกับส่วนรับประทานอาหาร ด้านข้างบันไดมีประตูเล็กๆ สำหรับเปิดเข้าไปยังห้องเก็บของ
พื้นที่ในห้องเก็บของไม่ได้กว้างมาก แต่ค่อนข้างสูง สามารถเก็บของชิ้นยาวๆ วางแนวตั้งได้
บันไดคอนกรีตเสริมเหล็ก พื้นไม้จริง ราวบันไดเป็นเหล็กพ่นสีขาว
โถงบันไดมีหน้าต่างเพื่อรับแสงธรรมชาติ และชานพักบันไดเป็นแบบสี่เหลี่ยมผืนผ้า เต็มขั้น ไม่แบ่งครึ่งเลย
ขึ้นมายังชั้นสอง เจอกับส่วน Family Room อยู่ตรงกลาง และด้านขวานั่นคือประตูทางเข้าห้อง Master Bedroom
พื้นที่ Family Room ตรงนี้มีขนาดใหญ่มาก ชนิดที่ทำเป็นห้องนอนอีกห้องได้สบายๆเลย ในบ้านตัวอย่างเค้าจัดออกมาเป็นกึ่งๆ Family Room และกึ่งๆห้องทำงาน มีโต๊ะทำงานวางอยู่มุมหนึ่ง และอีกมุมเป็นส่วนโซฟาดูทีวี
พื้นที่ตรงนี้จะอยู่ติดกับส่วนของโถงบันไดเลย ถ้าเปิดแอร์ล่ะก็เปลืองแอร์น่าดู ถ้าใครอยากจะกั้นผนังตรงบันได ก็สามารถทำได้นะครับ
พื้นที่โซฟาตรงนี้ สามารถจัดวางเฟอร์นิเจอร์ได้หลายรูปแบบเลย แล้วแต่ว่าเราจะจัดแบบไหน เพราะจริงๆตรงนี้ไม่ต้องเป็นโซฟาที่ใช้ดูทีวีก็ได้ จะทำเป็นห้องสมุด ที่มีโต๊ะ Island วางอยู่ตรงกลาง มีชั้นหนังสือวางอยู่รอบๆ ก็ทำได้ พื้นที่ค่อนข้างยืดหยุ่น
ด้านข้างตรงนี้ มีทางเดินเข้าไปยังส่วนด้านหลังของชั้นวางทีวี
ซึ่งเมื่อเดินเข้ามาแล้วเราจะพบกับห้องน้ำที่อยู่ในตัว ภายในห้องนี้ และพืนที่สำหรับวาง Pantry อีกจุดหนึ่งที่ชั้นสอง
การวาง Pantry ไว้ที่ชั้นสอง นี่มีประโยชน์หลายอย่างเลย อย่างแรกคือ คนที่อยู่ชั้นสอง และ ชั้น 3 ก็ไม่ต้องเดินลงไปถึงชั้น 1 เพื่อใช้งานพื้นที่ตรงนี้ และเป็นการแยกฟังก์ชั่นระหว่าง Pantry ชั้นล่าง กับ Pantry ชั้นบน ให้ใช้งานแยกกัน เช่นชั้นล่างอาจจะใช้ทำครัวที่จริงจังกว่า ส่วนชั้นบน ใช้เตรียมอาหารเช้า ปิ้งขนมปัง ชงกาแฟ หรือล้างแก้ว ล้านจาน อะไรเล็กๆน้อยๆ
ห้องน้ำที่อยู่ติดกับส่วน Family Room อันนี้ จะเป็นห้องน้ำแบบ Powder Room โดยที่จะไม่ได้มีส่วนอาบน้ำด้วย ดังนั้นถ้าจะเปลี่ยนห้อง Family Room เป็นห้องนอนด้วย อาจจะไม่เหมาะ
ติดกับห้อง Family Room จะเป็นห้องนอน Master Bedroom ซึ่งอยู่ที่ชั้นสอง พื้นที่ในห้องนอนมีค่อนข้างเยอะ วางเตียงขนาด 6 ฟุตแบบนี้ได้สบายๆ โดยที่ยังมีระยะเหลือสำหรับโต๊ะหัวเตียงอีกสองด้าน
พื้นที่ที่เหลือของห้อง เป็นส่วนที่เตรียมไว้สำหรับ Walk-in Closet
ประตูทางเข้า Walk-in Closet ของบ้านตัวอย่าง ทำเป็นบานหมุนแบบนี้ ถ้าใครชอบจะทำตามแบบนี้ก็ได้นะ
พื้นที่ Walk-in Closet ของห้องนี้ใหญ่มาก เพราะเป็นตู้เสื้อผ้าตลอดแนวผนังเลย
ปลายสุดอีกด้านหนึ่งของตู้เสื้อผ้า ก็จะเป็นทางเข้าห้องน้ำของห้องนอนใหญ่
พื้นที่ห้องน้ำใน Master Bedroom ขนาดไม่ได้ใหญ่กว่าห้องอื่นๆเท่าไหร่ เรียกว่าพอๆกันเลย
พื้นที่อาบน้ำ ก็ต้องไปติดฉากกั้นอาบน้ำเพิ่มเหมือนกัน
กลับมาที่บันไดเพื่อขึ้นไปชั้น 3
โถงบันไดชั้นสามจะติดหน้าต่างเอาไว้ที่ผนังด้านข้างด้วย ซึ่งดีกว่าการติดหน้าต่างไว้ที่ผนังตรงกลางของโถงบันได เนื่องจากจะได้ Privacy ที่ดีกว่า
ที่ชั้น 3 เมื่อขึ้นมาแล้วก็จะเจอกับโถงกลาง และแยกออกไปยังห้องนอนซ้าย-ขวา
พื้นที่ของโถงตรงกลางนี้ค่อนข้างยืดหยุ่น เราจะจัดเป็นมุมพักผ่อนเล็กๆก็ได้ หรือจะจัดเป็นห้องพระก็ได้ แล้วแต่ว่าสมาชิกคนไหนในบ้านจะได้ยึดพื้นที่ตรงนี้ไป
ห้องนอนเล็กทั้งสองห้องของบ้าน ถึงจะใหญ่ไม่เท่าห้อง Master แต่ก็ไม่ได้เล็กเท่าไหร่นะครับ สามารถจัดให้วางเตียงขนาด 5-6 ฟุตได้สบายๆ โดยที่ยังมีพื้นที่เหลือด้านข้างอยู่ ตัวห้องอยู่ติดกับหน้าต่างสองด้าน รับลม รับแสงธรรมชาติได้สองด้านเลย
ปลายเตียงมีพื้นที่ให้ใส่ชั้นวางทีวีบางๆได้ หรือจะเพิ่มตู้เก็บของเข้าไปเลยก็ได้ ถ้าไม่ห่วงเรื่องระยะเดินผ่านมากนัก
อีกด้านหนึ่งเป็นทางเข้าห้องน้ำ
และก่อนเข้าสู่ห้องน้ำ ก็จะมีพื้นที่หน้าห้องน้ำตรงนี้ที่สามารถ Built-in ใส่ตู้เสื้อผ้าเต็มๆแบบนี้ได้
ส่วนห้องนอนเล็กอีกห้องหนึ่ง ขนาดใกล้เคียงกับห้องแรกเลย แต่อันนี้เค้าจัดให้ดูโดยลองหันหัวเตียงไปอีกด้านหนึ่งดู ซึ่งก็เรียกว่า พอจะทำได้เหมือนกัน เปิดประตูเข้าห้องมา จะเจอฝั่งหัวเตียงก่อน (เทียบกับห้องเมื่อกี๊เข้ามาปุ๊บเราจะเจอปลายเตียงก่อน)
พื้นที่ข้างเตียง และปลายเตียง จัดได้สบายๆ
ส่วนฝั่งตู้เสื้อผ้า จะมีความกว้างมากกว่านิดหน่อย ทำให้สามารถเพิ่มเคาน์เตอร์เล็กๆ และเก้าอี้สตูล สำหรับเป็นมุมโต๊ะเครื่องแป้งเพิ่มเข้ามาได้
ส่วนห้องน้ำก็มาตรฐาน เหมือนห้องอื่นๆ
ส่วนอันนี้พามาดูบ้าน Type Noble เหมือนกัน แต่เป็นบ้านที่พร้อมขายให้กับลูกค้านะครับ ไม่ใช่บ้านตัวอย่าง
หน้าตาของรั้วบ้านเป็นแบบนี้ มีประตูเหล็กบานเลื่อน สำหรับเปิด-ปิดได้กว้าง รั้วบ้านสูง 1.50 ม.
ลักษณะของลานจอดรถของจริง ก็จะคล้ายๆกับบ้านตัวอย่าง แต่อันนี้มีกำแพงบ้านให้ดูด้วย
เฉลียงข้างบ้านและหน้าบ้าน ของจริงจะเป็นพื้นปูน ตกแต่งด้วยกระเบื้องและทรายล้าง
บริเวณด้านข้าง มีท่องานระบบ สำหรับฉีดป้องกันปลวกอยู่ภายนอกตัวบ้านเลย
ภายในบ้าน จัดสวนให้เป็นมาตรฐาน และลงต้นไม้ใหญ่ ให้ 3-4 ต้น แล้วแต่ขนาดที่ดิน
ถังขยะที่ริมรั้วบ้าน ยี่ห้อ DOS
พื้นที่หลังบ้าน
ด้านข้างที่มีรั้วแล้ว
ต่อมาเป็นบ้านตัวอย่างแบบ Lofty ซึ่งเป็นขนาดเล็กสุด 221 ตารางเมตร แต่ฟังก์ชั่นจัดออกมาได้เยอะสุดเลย คือ 5 ห้องนอน 5 ห้องน้ำ 2 ห้องพักผ่อน และ 4 ที่จอดรถ โดยแบบนี้จะเป็นแบบที่ได้พื้นที่ข้างบ้านเยอะสุดในบรรดาสามแบบ
เริ่มจากพื้นที่ชั้นล่าง ไม่ค่อยมีอะไรมาก ยังคงเป็นส่วนจอดรถ และพื้นที่ Living Area เป็นหลัก ซึ่งประกอบด้วย ห้องรับแขกและห้องรับประทานอาหารวางอยู่ด้วยกันอีกเช่นเคย แต่จะเพิ่มส่วนของ Pantry เข้าไปด้วย โดยจะอยู่ใน Space เดียวกันหมด เชื่อมต่อกันเป็นแนวยาวเลย
บ้านหลังนี้จะไม่มีห้องนอนที่อยู่ชั้นล่าง แต่จะไปอยู่ด้านบนชั้น 2-3 หมด ทำให้ห้องน้ำชั้นล่างถูกลดฟังก์ชั่นลงเหลือเป็นแค่ห้อง Powder Room ธรรมดา ที่อาบน้ำไม่ได้
ชั้น 2 ประกอบด้วยห้องนอนใหญ่ 1 ห้อง ที่กินพื้นที่ประมาณครึ่งหนึ่งของชั้น มีห้องน้ำในตัว, และที่เหลือจะเป็นห้องนอนเล็กอีกหนึ่งห้อง ที่วางอยู่คู่กับ Family Area เล็กๆ มีห้องน้ำตรงกลางใช้ร่วมกัน
และชั้น 3 จะคล้ายๆชั้น 2 เลย มีห้องนอนใหญ่ที่ขนาดใกล้เคียงกับ Master Bedroom อีกหนึ่งห้อง และมีห้องนอนเล็กอีก 2 ห้อง ที่แชร์ห้องน้ำใช้ร่วมกัน
หน้าตาภายนอกของแบบ Lofty
ประตูทางเข้าบ้าน อยู่ตรงนี้ มีเฉลียงเชื่อมไปถึงด้านข้างบ้าน
ในบ้านตัวอย่าง เค้าต่อเติมส่วนพื้นที่เฉลียงข้างบ้าน จนเกือบจะเต็มพื้นที่สวนเลย เพื่อแสดงให้เห็นว่า เราสามารถใช้พื้นที่สวนเต็มๆแบบนี้ก็ได้ อาจจะจัดเป็นพื้นที่นั่งแบบ Outdoor ก็ได้ หรือใครที่ชอบทำสวน ขุดบ่อเลี้ยงปลา ก็เป็นมุมสำหรับทำงานอดิเรกของตัวเองไป
ตัวล็อคที่วงกบ ก็เป็นของ Lixil แบรนด์พ่อลูกกันกับ Tostem เลย ซึ่งจะให้ความรู้สึกที่ค่อนข้าง Smooth แต่มั่นคง เวลาเปิด-ปิด ดีกว่าตัวล็อคธรรมดาทั่วๆไป
เข้ามาในบ้านปุ๊บ จะเห็นว่า พื้นที่ชั้นล่างนั้นจะเชื่อมต่อกันไปหมดเลย ตั้งแต่โซฟารับแขกด้านหน้า ยาวเข้าไปถึง ครัวด้านใน
ระยะดูทีวีของส่วนโซฟารับแขก ค่อนข้างเหลือเฟือ จัดทีวีจอใหญ่ โซฟาตัว L แบบนี้ได้เลย
โต๊ะรับประทานอาหารขนาด 6 ที่นั่ง วางอยู่ตรงกลาง และยังมีพื้นที่เหลือให้ขยายด้านข้าง เพิ่มเป็น 8 ที่นั่งได้ด้วย
พื้นที่ครัว มีแค่นี้เอง มีพื้นที่สำหรับใส่ Pantry เล็กๆเท่านั้น ยังไงคงต้องไปเพิ่มเติมพื้นที่ครัวในส่วนอื่นแน่ๆ ยิ่งถ้าสมาชิกในบ้านมีจำนวนเยอะแบบ 5-6 คนแบบนี้
โต๊ะกินข้าววางอยู่ตรงมุมของบ้าน มองออกไป จะเห็นทั้งทางเข้าหน้าบ้าน และด้านข้างของบ้าน
ทางเข้าบ้านด้านนี้จะอยู่ติดกับที่จอดรถ และส่วนของบันไดขึ้นชั้นสอง
ขึ้นมาที่ชั้นสองแล้วจะเจอทางแยกไปสองส่วน ทางซ้ายจะเป็นห้อง Family Room และทางขวาจะเป็นโซนห้องนอนทั้งสองห้อง รวมถึงห้องน้ำที่อยู่ตรงกลาง
เรามาดู Family Area กันก่อน ซึ่งวางอยู่ตำแหน่งมุมหน้าบ้าน
พื้นที่จริงๆไม่ได้ใหญ่มาก ถ้าใส่โซฟาดูทีวี ระยะอาจจะแคบเกินไป ตรงนี้เค้าเลยทำเป็นมุมนั่งทำงาน อ่านหนังสือ สำหรับคนที่ใช้ชีวิตอยู่ตรงชั้นสอง
ผนังด้านนี้ที่ไม่มีหน้าต่าง สามารถทำเป็นพื้นที่เก็บของได้ตลอดแนว
ส่วนอีกด้านหนึ่งจะเป็นโซนห้องนอน ซ้ายเป็นห้องนอนเล็ก ตรงกลางเป็นห้องน้ำที่เปิดเข้าได้จากสองฝั่ง และขวาเป็นห้องนอนใหญ่
พื้นที่ห้องนอนเล็กจัดออกมาค่อนข้าง Compact วางเตียง 3.5 ฟุต แบบ Built-in น่าจะเหมาะสำหรับลูก อยู่คนเดียว
วางเตียงชิดผนัง ล้อมรอบด้วยพื้นที่เก็บของทั้งใต้เตียง และด้านข้าง
มีประตูทางเข้าห้องน้ำอยู่ทางด้านนี้
วัสดุอุปกรณ์ในห้องน้ำ เหมือนกับบ้านหลังแรกที่พาไปดูเลยนะครับ แต่พื้นที่ของห้องน้ำห้องนี้เรียกว่ายังจัดออกมาขาดๆเกินๆไปหน่อย อย่างพื้นที่ตรงโถสุขภัณฑ์และอ่างล้างหน้านี่เหลือเยอะแยะเลย
ในขณะที่พื้นที่อาบน้ำ มาหลบมุมอยู่ตรงนี้นิดเดียว
เป็นเพราะว่า คนออกแบบให้ความสำคัญกับการที่ห้องน้ำมันต้องเปิดเข้าได้จากสองด้าน จึงทำให้เสียระยะในการเปิดประตูไปเยอะ การจัดพื้นที่ในห้องน้ำเลยดูไม่ค่อยจะลงตัวเท่าไหร่นัก
ส่วนห้องนอนอีกห้องหนึ่งที่อยู่ชั้นสองเป็นห้องนอนใหญ่ พื้นที่เยอะ วางเตียง 6 ฟุตได้สบาย พื้นที่ข้างๆ และปลายเตียง เหลือๆ
รูปแบบการจัดของห้องนี้จะเหมือนกับห้องนอนชั้น 3 ของบ้านหลังแรก
มีตู้เสื้อผ้าเข้าไปในมุมแบบนี้เหมือนกันเด๊ะ
ชั้น 3 ก็ไม่มีอะไรมาก มีห้องนอนเล็กอีก 2 ห้อง และห้องนอนใหญ่อีก 1 ห้อง ที่ Layout เหมือนกับชั้น 2 เลย
ห้องนอนเล็กห้องนี้ จะตำแหน่งตรงกับ Family Room ด้านล่าง อยู่บริเวณมุมหน้าบ้าน
ขนาดไม่ใหญ่มาก แค่พออยู่คนเดียว วางเตียง 3.5 ฟุต ไม่มีห้องน้ำในตัว
ตำแหน่งประตูห้องน้ำอยู่หัวเตียงเหมือนกันเลย
และภายในห้องน้ำก็จัดออกมาเหมือนกัน
และสุดท้ายคือห้องนอนใหญ่บนชั้น 3
**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะครับ
ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 30 September 2015
- Ample แปลง E04 พื้นที่ใช้สอย 241 ตร.ม. ที่ดิน 55.70 ตร.วา ราคา 6.99 ล้านบาท หรือประมาณ 125,xxx บาท/ตร.วา
- Lofty แปลง C05 พื้นที่ใช้สอย 221 ตร.ม. ที่ดิน 60.70 ตร.วา ราคา 7.39 ล้านบาท หรือประมาณ 121,xxx บาท/ตร.วา
- Noble แปลง D01 พื้นที่ใช้สอย 260 ตร.ม. ที่ดิน 65.30 ตร.วา ราคา 8.29 ล้านบาท หรือประมาณ 126,xxx บาท/ตร.วา
- จอง 50,000 บาท
- ทำสัญญา 150,000 บาท
- ค่าส่วนกลาง 25 บาท/ตร.วา/เดือน จัดเก็บล่วงหน้า 2 ปี
**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ครับ
Casa Grand สุขาภิบาล 5 มีทำเลอยู่ติดถนนสายไหม ถึงแม้จะเป็นทำเลที่มีระยะห่างไกลจากตัวเมืองซักหน่อย แต่ค่อนข้างสะดวกในการเดินทางด้วยทางด่วนที่สามารถขึ้นได้จากถนนสุขาภิบาล 5 และค่อนข้างเหมาะกับคนที่ทำงานในโซนกรุงเทพตอนเหนือ และใกล้ๆโครงการมีถนนวงแหวนกาญจนาภิเษกให้ใช้ได้ ซึ่งก็มีจุดขึ้นลงอยู่ตรงลำลูกกา อาจจะมีข้อเสียตรงที่ ถ้าจะอยู่ตรงนี้แล้วขับรถเข้า-ออกเมืองเป็นประจำ ก็ต้องเสียค่าทางด่วนเยอะหน่อยในแต่ละวัน
ส่วนสภาพแวดล้อมรอบๆโครงการ ถึงจะไม่ได้มีห้างหรูหราไฮโซใกล้ๆ แต่ก็เรียกว่าอยู่ในจุดที่เป็นใจกลางชุมชนของย่านสายไหม-ลำลูกกาเลย มีความอุดมสมบูรณ์มาก โดยเฉพาะตลาดวงศกรที่แค่เดินข้ามถนนไปก็ถึงแล้ว และยังมีบิ๊กซีบนถนนลำลูกกาเป็น Supermarket ที่สำคัญที่สามารถขับรถไปใช้บริการได้ไม่ไกล ส่วนถ้าใครมีลูกเรียนสารสาสน์สายไหม ถือเป็นโบนัส
สำหรับบ้านในช่วงราคา 7-10 ล้าน มีการจัดรูปแบบโครงการโดยรวมออกมาค่อนข้างมาตรฐาน จะไปเน้นที่ตัวบ้านเสียมากกว่า แต่ก็มีซุ้มทางเข้าใหญ่ไม่น้อยหน้าใคร จำนวนยูนิตไม่ได้แน่นหรือหลวม ถนนหนทางกว้างในช่วงด้านหน้า มีระบบรักษาความปลอดภัยที่มีมาตรฐาน และมีพื้นที่สีเขียวพอสมควร
ตัวบ้านออกแบบมาแบบเน้นฟังก์ชั่นการใช้งานภายในบ้านเป็นหลัก ปลูกบ้านเกือบเต็มพื้นที่ จัดพื้นที่ออกมาได้โอเคระดับหนึ่ง มีตัวชูโรงคือบ้านทุกหลังจอดรถได้ 4 คัน ทั้งๆที่ที่ดินก็อยู่ในช่วง 55-65 ตารางวา ส่วนบ้านแต่ละหลังจัดออกมาเหมาะกับคนไม่เหมือนกันเลย อย่าง Lofty จะเน้นให้มีห้องนอนเยอะหน่อย พื้นที่แต่ละห้องไม่ต้องใหญ่มาก ส่วน Ample จะกลับกัน คือไม่ต้องมีห้องนอนเยอะ แต่ให้แต่ละห้องมีพื้นที่ใหญ่หน่อย ให้ใช้งานได้เต็มที่, ส่วน Noble จะเป็นเหมือน Ample ที่อัพเกรดเวอร์ชั่นมา สำหรับคนที่อยากได้ Master Bedroom ใหญ่เป็นพิเศษ
ห้องนอนส่วนใหญ่จัดออกมาได้ดี แต่ส่วนที่น่าจะทำได้ดีกว่านี้คือ ห้องครัวภายในบ้าน ที่ให้พื้นที่มาน้อยไปหน่อย ทำครัวจริงจังไม่ค่อยจะได้ และแม้แต่แบบ Noble ที่ใหญ่ที่สุด ก็คงจะต้องไปพึ่งการต่อเติมครัวนอกบ้านอีกเช่นเคย ซึ่งอันนี้แต่ละคนก็ควรจะมีงบเผื่อส่วนนี้ไว้ด้วยนะครับ, และอีกส่วนหนึ่งที่คิดว่าน่าจะดีกว่านี้ได้คือ ห้องน้ำ ที่ได้จำนวนเยอะจริง แต่ Layout ของห้องน้ำบางจุดน่าจะจัดพื้นที่ได้ดีกว่านี้ เช่น ห้องน้ำใน Master Bedroom ก็น่าจะมีอ่างอาบน้ำได้แล้ว หรือห้องน้ำของห้องนอนเล็ก บางทีก็ใหญ่ เปลืองพื้นที่ไปหน่อย เหมือนให้น้ำหนักกับห้องน้ำแต่ละห้องยังไม่ค่อยลงตัวเท่าไหร่นัก
ส่วนวัสดุอุปกรณ์ของตัวบ้าน มีทั้งของดีและด้อยปะปนกันไป ที่น่าชมก็จะเป็นพวกงานโครงสร้างต่างๆที่ใช้อิฐมวลเบา, บันไดคอนกรีตเสริมเหล็ก, ขั้นบันไดไม้จริง, วงกบประตูและหน้าต่างของ Tostem/Lixil ฯลฯ แต่ที่ด้อยๆ จะเป็นพวก วัสดุอุปกรณ์ที่เล็กๆลงมา เช่น พวกมือจับประตู, ตัวล็อค, ลูกบิดต่างๆ รวมถึง สุขภัณฑ์ในห้องน้ำ, หัวก็อก, ฝักบัว ฯลฯ ที่ดูจะต่ำกว่าเกรด 7-10 ล้านไปพอสมควร
ส่วนสาธารณูปโภคภายในโครงการ ก็จัดออกมาแบบมาตรฐาน พอแค่ให้มีใช้งานได้ ไม่ได้หวือหวาอะไร มีสระว่ายน้ำ, สวนสาธารณะ, ห้องออกกำลังกาย แต่เสียดายที่น่าจะแบ่งสัดส่วนฟังก์ชั่นในสโมสรได้ดีกว่านี้อีกซักนิดครับ จะใช้งานได้ดีกว่าเดิมมาก
อย่างไรก็ดี การพิจารณาโครงการนี้ ต้องคำนึงด้วยนะครับว่า โดยปกติการสร้างบ้าน 3 ชั้นจะมีต้นทุนค่าก่อสร้างที่สูงกว่าบ้าน 2 ชั้น อย่างค่อนข้างจะมีนัยสำคัญพอสมควร ซึ่ง (ผมคิดเอาเองว่า) การที่โครงการต้องคุมต้นทุนให้อยู่ในช่วง 7-10 ล้านบาท และเป็นบ้าน 3 ชั้น ในทำเลนี้ โครงการจำเป็นจะต้องตัดทอนบางสิ่งบางอย่าง เช่น วัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ หรือ สาธารณูปโภคส่วนกลางบางอย่างออกไป เพื่อให้ตัวบ้านได้ฟังก์ชั่นที่สมบูรณ์ และสามารถขายในราคานี้ได้ด้วย ถ้าจะเปรียบเทียบโครงการนี้กับโครงการอื่นที่เป็นบ้าน 2 ชั้นในราคาใกล้ๆกันแล้ว ก็ควรจะคำนึงถึงปัจจัยต่างๆเหล่านี้ที่ต้องแลกกันมาด้วยนะครับ
Judgement
ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง 40%, ความปลอดภัย 15%, การออกแบบและพื้นที่ใช้สอย 15%, วัสดุ 10%, พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ 10%, และสาธารณูปโภค 10%
เทียบกับแพคเกจ 7 – 10 ล้านบาท, 30 September 2015
- ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง 8/10 – ติดถนนสายไหม เดินทางสะดวกในโซนกรุงเทพตอนเหนือ ใกล้ทางด่วนและวงแหวน และอุดมสมบูรณ์ในแบบชุมชนชานเมือง
- ความปลอดภัย 7.5/10 – มาตรฐานในโครงการระดับเดียวกัน
- การออกแบบและพื้นที่ใช้สอย 8/10 – ได้พื้นที่ใช้สอยเยอะในขนาดที่ดินระดับเดียวกัน ที่จอดรถเยอะ ห้องนอนสวย แต่ครัวกับห้องน้ำน่าปรับปรุงบางจุด
- วัสดุ 7/10 – ดีบ้าง ด้อยบ้าง ผสมๆกัน
- พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ 7.5/10 – โครงการขนาดกลาง จัดยูนิตไม่มากไม่น้อย มีพื้นที่สีเขียวพอประมาณ
- สาธารณูปโภค 7/10 – มีให้เป็นมาตรฐาน พอใช้งานได้ แต่วัสดุด้อยไปหน่อย
- 7.67 / 10.00
BOTTOM LINE
Casa Grand สุขาภิบาล 5 เหมาะสำหรับคนที่มองหาบ้านในโซนสายไหม-สุขาภิบาล 5-วัชรพล แต่มีความสะดวกในการเดินทางเข้า-ออกเมืองได้ ใช้รถยนต์เป็นหลัก และหาบ้านในราคาช่วง 7-10 ล้านบาท ที่มีพื้นที่ใช้สอยในบ้านเยอะๆไว้ก่อน ไม่เน้นพื้นที่รอบๆบ้าน และไม่คิดมากเรื่องวัสดุอุปกรณ์บางอย่าง แต่ให้พื้นฐานของบ้านมีฟังก์ชั่นที่รองรับการอยู่อาศัยของสมาชิก 4-6 คนที่สมบูรณ์
ช่วยกันคอมเม้นท์ แบ่งปันข้อมูลกับเพื่อนๆที่กำลังหาบ้านหน่อยนะครับ