รีวิวฉบับที่ 655 … โดยปกติมีแต่รีวิวแต่หมู่บ้านในกรุงเทพมาตลอด วันนี้จะขอพาไปดูโครงการทาวน์โฮมที่นครปฐมบ้างนะครับ กับโครงการ Casa City นครปฐม จาก Q.House ซึ่งจะเป็นโครงการทาวน์โฮม 2 ชั้น ในราคา 2-3 ล้านบาท มีที่ดินโครงการติดถนนใหญ่เพชรเกษม และอยู่ตรงข้าม เยื้องๆกับโรงพยาบาลสนามจันทร์ และห้าง Lotus นครปฐม ครั้งนี้เป็นครั้งแรกเลยที่ทาง ThinkofLiving เราได้ออกมารีวิวโครงการที่นครปฐม หวังว่ารีวิวฉบับนี้จะถูกใจคนนครปฐมที่กำลังหาบ้านอยู่บ้างนะครับ 😀
Fact @ 6 August 2014
- Casa City นครปฐม (คาซ่า ซิตี้ นครปฐม)
- Q.House Plc.
- Segment : ECONOMY CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment บ้านได้ที่นี่)
- โครงการตั้งอยู่ใน: อำเภอเมือง จังหวัดนครปฐม
- เนื้อที่โครงการประมาณ 15 ไร่
- จำนวนยูนิต 151 ยูนิต
- ทาวน์โฮม 2 ชั้น หน้ากว้าง 5.7 เมตร 3-4 ห้องนอน 2-3 ห้องน้ำ 1-2 ที่จอดรถ
- ที่ดินแปลงมาตรฐานเริ่มต้น 18.5 ตารางวา
- ราคาเริ่มต้น 1.9 ล้านบาท
- คาดว่าแล้วเสร็จทั้งโครงการ ปลายปี 2558
- http://www.qh.co.th/
- Call Center : 1388
ช่วยกันคอมเม้นท์ แบ่งปันข้อมูลกับเพื่อนๆที่กำลังหาบ้านหน่อยนะครับ
NEW! เพื่อนๆสามารถเลือกอ่านตามหัวข้อได้โดยกดปุ่มไปยังหัวข้อที่สนใจได้นะครับ
พิกัด : 13.805263,100.04353
ที่ตั้งของโครงการ Casa City นครปฐม จะอยู่บนถนนเพชรเกษมครับ มีแปลงที่ดินอยู่ติดถนนใหญ่ ถึงจะไม่ได้อยู่ในเส้นหน้าวัด/วัง แต่ก็อยู่ในเขตที่เรียกว่าเป็นตัวเมืองนครปฐมเลยก็ว่าได้
เปรียบเเทียบแผนที่ Google Maps กับแผนที่ของโครงการนะครับ จุดสีแดงคือที่ตั้งของโครงการ ซึ่งจะอยู่เลยแยกถนนยิงเป้ามานิดนึงครับ
ตัวถนนเพชรเกษมจะอยู่ขนานกับ ถนนราชวิถี ซึ่งถนนเส้นนี้จะเป็นที่ตั้งของพระราชวังสนามจันทร์, มหาวิทยาลัยศิลปากร และ วัดพระปฐมเจดีย์นั่นเอง เรียกว่าเป็นศูนย์กลางอารยธรรมดั้งเดิมของคนนครปฐมเลยก็ว่าได้ ของกินอร่อยๆ ร้านค้าดังๆ และชุมชนที่อยู่อาศัยดั้งเดิมของคนที่นี่ก็มักจะอยู่บนเส้นนี้แหละ ซึ่งในเวลาต่อมาความเจริญก็แผ่ขยายไปสู่ถนนรอบๆ และไปยังถนนเส้นหลักอย่างถนนเพชรเกษม ซึ่งเป็นถนนทางหลวงที่เชื่อมนครปฐมเข้ากับกรุงเทพ และไปยังจังหวัดอื่น เช่น ราชบุรี และต่อไปยังจังหวัดทางใต้ และด้วยความที่เป็นถนนใหญ่ High Way ทำให้ถนนเพชรเกษมเป็นที่ตั้งของห้าง Hypermarket ใหญ่ๆ เช่น Lotus, Big-C, Makro หรือห้างซูเปอร์สโตร์อย่าง HomePro ด้วย ทำให้ทำเลของโครงการได้เปรียบตรงที่อยู่ติดถนนใหญ่เส้นนี้นี่แหละ
และเมื่อวันที่ 12 ส.ค. 57 ที่ผ่านมา ห้างใหม่อีกแห่งก็พึ่งจะเปิดตัวไป นั่นก็คือ Central ศาลายา ครับ ซึ่งอยู่ห่างจากโครงการไปประมาณ 30 กม. (ติดกับร้านไทวัสดุ) อยู่บนถนนบรมราชชนนี จากโครงการต้องวิ่งเข้าเมืองไปถึงจะเจอ และถ้าถัดไปอีกประมาณ 5 กม. ก็จะเจอ มหาวิทยาลัยมหิดล ที่อยู่บนถนนพุทธมณฑลสาย 4 ครับ
การที่ Central ศาลายา มาเปิดตรงนี้ ทำให้คนนครปฐมไม่ต้องวิ่งเข้าเมืองไปถึงกรุงเทพแล้ว (โดยปกติต้องไป Central ปิ่นเกล้า) ซึ่งน่าจะสร้างความสะดวกให้ไม่มากก็น้อย
สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น
- พระราชวังสนามจันทร์
- วัดพระปฐมเจดีย์
- มหาวิทยาลัยศิลปากร
- มหาวิทยาลัยราชภัฏ นครปฐม
- โรงเรียนสิรินธร ราชวิทยาลัย
- โรงพยาบาลสนามจันทร์
- ห้าง Lotus นครปฐม
- ห้าง Big C นครปฐม
- ห้าง HomePro นครปฐม
- ห้าง Makro นครปฐม
- โรงแรมริเวอร์
- ศูนย์ราชการ จ.นครปฐม
ผมขับรถจากกรุงเทพไปโครงการ ใช้เส้นบรมราชชนี แล้วขึ้นสะพานวกมาลงถนนเพชรเกษมครับ แล้วก็วิ่งตรงไปเรื่อยๆ อย่างเดียวเลย เลยแยกบ้านแพ้วไปอีก อันนี้จะถึงตัวเมืองนครปฐมละ
ขับไปเรื่อยๆจนมองเห็น HomePro ฝั่งตรงข้าม ซึ่งจะอยู่ติดกับ Big C เลยครับ
ถ้าใครไปช่วงนี้ จะเห็นเค้ากำลังก่อสร้าง สะพานข้ามแยกหนองขาหยั่ง อยู่ครับ ซึ่งคือแยกที่ ถนนเพชรเกษม ตัดกับ ถนนยิงเป้า ทำให้ตอนนี้ถนนเพชรเกษมรถจะค่อนข้างติด เนื่องจากเลนที่รถวิ่งจาก 5-6 เลน ถูกบีบเหลือ 3 เลน ต้องเบี่ยงออกทางคู่ขนานหมดเพราะทางหลักวิ่งไม่ได้
ทางขวา มองไปฝั่งตรงข้ามจะเจอ Tesco Lotus อยู่ก่อนถึงโครงการไม่ไกล แต่อยู่คนละฝั่ง
แล้วเราจะผ่านแยกไฟแดง แยกหนองขาหยั่ง ซึ่งทางซ้ายในรูปนี้คือ ถนนยิงเป้าใต้ เป็นถนนที่ตั้งของ ศูนย์ราชการ จังหวัดนครปฐม
อีกประมาณ 100 เมตรก็ใกล้จะถึงโครงการแล้ว จังหวะนี้เราต้องอยู่ทางคู่ขนานนะครับ
ขับมาอีกหน่อย ก็จะเจอทางเข้าโครงการครับ ซึ่งจะอยู่ตรงกับทางเบี่ยงเข้าทางหลักของถนนพอดี
หน้าตาทางเข้าด้านหน้าของโครงการ Casa City นครปฐม มีหน้ากว้างที่ดินติดถนนประมาณ 30-35 เมตรครับ (วัดด้วย Google Maps)
**รูปนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการแบบคร่าวๆไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการได้นะครับ
ภาพรวมของที่ดินเมื่อมองจาก Satellite Image จะเป็นแบบนี้ครับ หน้าตาเหมือนรองเท้าบูทแบบนี้ ด้านหน้าแคบ แล้วไปบานออกด้านใน ซึ่งมีจุดสังเกต 3 จุดครับ คือ
- บริเวณถนนใหญ่หน้าโครงการ ทางเข้าของโครงการอยู่บนทางคู่ขนานถนนเพชรเกษม แต่จะอยู่เลยจุดที่เป็นสะพานข้ามแยกมาแล้ว ซึ่งตัวสะพานนั้นกำลังก่อสร้างอยู่ ดังนั้น เราต้องไปลุ้นกันในอนาคตว่า หลังจากสะพานข้ามแยกสร้างเสร็จแล้ว ถ้าเราขับรถลงสะพานมา จะมีทางออกคู่ขนานอยู่เลยทางเข้าโครงการไปหรือเปล่า คือ ถ้าอยู่ก่อนถึงทางเข้าโครงการนี่จะวิเศษมาก เพราะแปลว่าเราสามารถลงจากสะพานข้ามแยกแล้วเลี้ยวซ้ายเข้าโครงการได้เลย แต่ถ้าอยู่เลยไปแล้ว แปลว่าเราต้องจอดติดไฟแดงที่แยกใต้สะพานก่อน ถึงจะกลับบ้านได้ ต้องไปลุ้นกันตอนสะพานสร้างเสร็จครับ
- ด้านหน้าโครงการ มีจุดที่เป็นทางเบี่ยงเข้าทางหลักอยู่ข้างหน้าเลย ซึ่งเป็นข้อดี เพราะเราจะได้ไม่ต้องวิ่งคู่ขนานที่แคบกว่า ผมลองขับดูแล้ว ไม่หวาดเสียวเท่าไหร่ สามารถเบี่ยงเข้าได้เพราะมีช่องว่างพอสมควร
- ที่ดินส่วนท้ายโครงการ จะไปติดกับ ซอยเพชรเกษม 17 หรือที่เรียกว่า ซอยชาญชัย ตรงนี้ทางโครงการไม่ได้ทำทางเข้า-ออกเอาไว้ แต่มีลุ้นว่า ถ้าหลังจากนิติบุคคลหมู่บ้านเข้ามาบริหารเมื่อไหร่ อาจจะมีการทำทางเข้า-ออกเพิ่มเติมอีกจุดหนึ่งตรงนี้ได้ ซึ่งด้านหลังในซอยนี้จะมีพวกร้านสะดวกซื้ออยู่ อาจจะเพิ่มความสะดวกให้กับคนที่เลือกแปลงฝั่งท้ายๆโครงการก็ได้เพราะสามารถเดินออกไปซื้อของด้านหลังได้ แต่อันนี้ยังไม่การันตีนะครับว่าจะทำทางเข้าออกได้หรือเปล่า
ด้านหน้าโครงการ ให้ดูกันอีกรูป
แปลงด้านซ้ายโครงการ เป็นที่ดินว่างๆ ไม่ใหญ่มาก ท้ายที่ดินไปชนกับที่ของ Casa แถมมีเสาไฟฟ้าขวางหน้าที่อยู่ต้นหนึ่งด้วย
ถัดไปอีกหน่อยจากที่ดินว่างๆ เป็นอาคารสำนักงานสูงประมาณ 4-5 ชั้น
ถนนด้านหน้าโครงการเป็นฟุตบาทขนาดใหญ่ ที่ใช้เป็นทางจักรยานด้วย
ถนนหน้าหมู่บ้าน อยู่ตรงกับทางเบี่ยงพอดี ซึ่งยังสร้างไม่เสร็จด้วย
ปัจจุบัน ถ้าขับรถออกจากหมู่บ้านแล้ว ก็มีให้เลือกระหว่าง วิ่งทางคู่ขนาน กับ เบี่ยงออกทางหลัก ซึ่งถ้าเราจะกลับรถก็ใช้ทางนี้จะสะดวกกว่าไปเบี่ยงเอาข้างหน้า ดูจากรูปอาจจะเห็นว่าค่อนข้างกระชั้นชิด แต่ผมคิดว่าพอทำได้ไม่น่าเกลียด เพราะว่ารถทางตรงที่วิ่งมามักจะมีจังหวะชะงักติดไฟแดง ทำให้ถนนโล่งและเราสามารถเบี่ยง(ปาด)ออกได้ง่ายๆ แต่อันนี้คือต้องบอกว่าทางมันยังทำไม่สมบูรณ์ ไม่รู้ว่าจะเป็นอย่างนี้ต่อไปหรือเปล่านะครับ
ที่ดินที่อยู่ถัดจากหมู่บ้านไปทางขวา ก็เป็นที่ดินว่างๆ เปล่าๆเหมือนกัน ยังไม่ได้ทำอะไร
ถัดมาอีกหน่อย ก็เป็นอาคาร ลักษณะเหมือน ออฟฟิศที่อยู่รวมกับบ้าน ขนาด 2-4 ชั้น
มาถึงตรงนี้เราจะมาเจอซอยเล็กๆซอยหนึ่ง
ซอยนี้คือ ซอยเพชรเกษม 17 ซึ่งผมถามคนแถวนั้นมา บอกว่าเค้าเรียกกันว่า ซอยชาญชัย เป็นซอยที่จะไปเชื่อมกับถนนยิงเป้าใต้ที่อยู่ด้านหลังโครงการ
สภาพซอยนี้ เป็นซอยเล็กๆ ถนน 2 เลน ไม่มีฟุตบาท รถพอวิ่งสวนกันได้
ถัดจากซอยเพชรเกษม 17 จะเจอกับร้านอาหาร กุ้งอบภูเขาไฟ
ต่อด้วยร้านอาหาร บ้านอิ่มเย็น อยู่ใกล้ๆกัน
แถวๆนี้จะมีร้านอู่ซ่อมรถขนาดใหญ่ๆประมาณนี้ อยู่ 2-3 เจ้าที่อยู่ใกล้ๆ
ถ้าเราขับรถออกจากโครงการแล้ววิ่งทางคู่ขนานต่อมาเรื่อยๆ ตามรถพ่วงคันข้างหน้า… (ดูรูปถัดไป)
… ก็จะมาเจอทางเบี่ยงอีกจุดหนึ่ง แต่ตรงนี้เป็น ทางเบี่ยงออกคู่ขนาน ซึ่งถ้าเราเบียดเข้าไป ก็จะผิดกฎหมาย (แต่รู้นะว่าก็ยังจะทำกัน) ซึ่งทางเบี่ยงตรงนี้ก็ขนาดค่อนข้างกว้าง มีจังหวะให้เบียดเข้าไปเพื่อไปจุดกลับรถได้
จุดกลับรถนี้เป็นจุดสำคัญ ที่เรามักจะได้ใช้บ่อยๆ เพราะสถานที่สำคัญต่างๆ มักจะอยู่ฝั่งตรงข้ามหมดเลย ทั้งโรงเรียน, โรงพยาบาล, ห้างสรรพสินค้า, วัด ฯลฯ เอาเป็นว่าจบเรื่องทำเลไว้เท่านี้ละกัน คนนครปฐมคงจะเข้าใจดีอยู่แล้วว่าแถวๆนี้มีอะไร ผมแค่พยายามจะบอกว่า จากโครงการมา ก็สามารถใช้จุดกลับรถนี้ได้ทัน ก็เท่านั้นแหละ
เราไปดูรายละเอียดของหมู่บ้านกันต่อเลยครับ … ตัวโครงการ Casa City นครปฐมนี้รูปแบบจะเป็นโครงการทาวน์โฮม 2 ชั้นขนาดเล็ก พื้นที่ใช้สอยประมาณ 100-130 ตารางเมตร ซึ่งมีราคาขายอยู่ในช่วง 2-3 ล้านบาท ตามขนาดของบ้านและที่ดิน ถ้าอยู่ที่กรุงเทพฯ ลักษณะโครงการแบบนี้ของค่าย Q.House ก็คือแบรนด์ Gusto นั่นเอง แต่เนื่องจากแบรนด์ Casa จะเป็นที่รู้จักดีกว่าในต่างจังหวัด พอ QH มาทำตลาดที่นี่เลยยังคงใช้ชื่อแบรนด์ Casa อยู่แต่เปลี่ยนชื่อเป็น “Casa City” นั่นเอง แต่ตัวคอนเซปท์โครงการ, กลุ่มตลาดเป้าหมาย หรือแม้แต่แบบบ้าน ก็คือถอดแบบของ Gusto มาเลยก็ว่าได้ ถ้าใครเคยไปดูบ้านแบรนด์นี้มาแล้วก็คงจะบอกได้
Master Plan ของหมู่บ้านหน้าตาแบบนี้ครับ ภายในหมู่บ้านจะมีถนนหลัก (Main Road) ที่เชื่อมจากหน้าทางเข้าไปจนถึงท้ายหมู่บ้าน ยาวตลอดเส้นเดียว แล้วก็จะมีกิ่งซอยแยกย่อย แตกแขนงออกไปตามลักษณะที่ดินครับ ตัวถนนเมนด้านหน้าจะมีความกว้าง 12-16 เมตร แล้วแต่ช่วงกว้างของที่ดิน แต่พอเข้ามาด้านในจะลดลงเหลือกว้างแค่ 8 เมตรไปจนสุดทาง ซึ่งเป็นความกว้างขั้นต่ำที่กฎหมายกำหนด ส่วนถนนซอยที่แตกออกไปหน้าบ้านแต่ละหลัง ก็จะมีความกว้าง 8 เมตรเช่นเดียวกัน
โครงการนี้จะมีการแบ่งเฟสการขายออกเป็น 2 ส่วน คือ เฟส 1 และ เฟส 2 โดยจะแบ่งตามที่ผมขีดเส้นประสีแดงเอาไว้, ในเฟส 2 บริเวณที่ดินด้านหลังสุดจะมีการแบ่งมาทำเป็นพื้นที่สวนสาธารณะและสำนักงานนิติบุคคลของหมู่บ้านด้วย ซึ่งที่ดินตรงนี้ก็จะเป็นพื้นที่ส่วนกลางของหมู่บ้านไป
จุดที่เป็นสามเหลี่ยมสีแดงคือจุดติดตั้งหม้อแปลงไฟฟ้าของหมู่บ้าน มี 3 จุดด้วยกัน, ตรงกลางหมู่บ้านมี “จุดติดตั้งระบบสื่อสารและโทรศัพท์” วางเอาไว้ด้วย และที่ด้านหน้าหมู่บ้านจะมีพื้นที่วางบ่อบำบัดน้ำเสียด้วยครับ ผม Mark เอาไว้ให้ดูบน Master Plan แล้ว
หน้าหมู่บ้านจะมีป้อมรปภ. 1 จุด
ประตูรั้วเป็นแบบราวกั้นไม้กระดกแบบนี้
ทางเข้าเป็นระบบ Key Card Access โดยใช้การ์ดแตะที่เครื่องนี้ ประตูรั้วก็จะเปิดให้อัตโนมัติ
ที่ด้านหน้ามีกล้องวงจรปิด CCTV ติดไว้ด้วยที่ป้อมรปภ.
เข้ามาในหมู่บ้านแล้ว ด้านหน้านี้จะเป็นโซนบ้านตัวอย่างทั้งหมดเลย
ถนนด้านหน้ากว้าง 16 เมตร สังเกตว่ารถทางซ้ายจอดสะเปะสะปะแต่ก็ยังมีที่ให้กลิ้งเล่นได้ รถวิ่งสวนได้ แต่ถ้าถนนข้างในที่กว้างเหลือแค่ 8 เมตร อาจจะต้องเบียดๆหน่อยนะครับ เพราะความกว้างของถนนก็จะเหลือครึ่งเดียวเอง
ตอนนี้ตัวหมู่บ้านพึ่งสร้างเสร็จเฉพาะโซนด้านหน้าที่เป็นบ้านตัวอย่างเท่านั้นเอง ข้างในยังกั้นรั้วอยู่เลย
กำลังก่อสร้างเฟสที่ 1 อยู่ ขึ้นเป็นรูปเป็นร่างแล้ว
ระบบการก่อสร้างของที่นี่จะเป็นแบบ Tunnel Form นะครับ โดยจะใช้แบบในการขึ้นรูปบ้าน ขึ้นรูปที่หน้างาน
ฝั่งนี้หล่อปูนเสร็จแล้ว กำลังจะทำขั้นต่อไป โซนที่เหลือยังไม่เป็นรูปเป็นร่างเท่าไหร่ ผมพามาดูเท่านี้ก่อนละกัน ใครอยากดูหน้างานจริงไปที่ที่ดินโครงการได้เลยนะจ๊ะ เดี๋ยวเราไปดูบ้านกันต่อ
สิ่งอำนวยความสะดวก
- สวนสาธารณะท้ายหมู่บ้าน
- ระบบ CCTV ที่ Main Gate
- รั้วรอบโครงการสูง 2 เมตร
- Key Card Access แตะที่ประตูรั้วกั้นไม้กระดก
- เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย 24 ชั่วโมง
- ถนนหลักกว้าง 8-16 ม. และถนนซอยแยกกว้าง 8 ม.
บ้านตัวอย่างแบบที่จะพาไปดูหลังแรก เป็นบ้าน Type A พื้นที่ใช้สอย 109 ตารางเมตร บนที่ดินขนาดเริ่มต้น 18.5 ตารางวาครับ 3 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ 1 ที่จอดรถ ราคาเริ่มต้นที่ 1.9 ล้านบาท
เริ่มจาก Floor Plan ของบ้านครับ ที่นี่จะเป็นทาวน์โฮม 2 ชั้น หน้ากว้าง 5.7 เมตร โดยบ้าน Type นี้จะจอดรถหน้าบ้านได้ 1 คัน และพื้นที่หน้าบ้านอีกส่วนหนึ่งจะทำเป็นพื้นที่จัดสวนได้ (ให้มาเป็นพื้นทราย ไม่ปูหญ้า), ตัวบ้านมีประตูทางเข้า 1 จุด ติดกับพื้นที่ Living ที่เป็นโซฟานั่งดูทีวี, เข้ามาด้านในจะมีห้องน้ำอยู่ตรงกลาง เป็นห้องน้ำชั้นล่างที่ใช้อาบน้ำได้, ถัดไปที่อยู่ติดกับด้านหลังบ้านเป็นพื้นที่สำหรับวางโต๊ะรับประทานอาหาร และห้องเอนกประสงค์ชั้นล่าง โดยห้องนี้จะจัดเป็นห้องนอนชั้นล่างเพิ่มอีกห้องก็ได้ หรือบางบ้านอาจจะใช้เป็นห้องทำงานก็แล้วแต่ แต่จะสังเกตว่าไม่มีพื้นที่สำหรับส่วนครัวภายในบ้าน เนื่องจากคงจะตั้งใจให้ต่อเติมส่วนครัวด้านหลังบ้านแทน หรือไม่ก็ต้องใช้พื้นที่ห้องเอนกประสงค์ชั้นล่างมาทำเป็นห้องครัวถ้าอยากจะเว้นพื้นที่หลังบ้านไว้ทำอย่างอื่น เช่น ซักผ้า-ตากผ้า, จัดสวน ฯลฯ
พื้นที่ชั้นสองไม่มีอะไรมาก เป็นห้องนอน 3 ห้อง และห้องน้ำ 1 ห้องที่ใช้ร่วมกันหมด ห้องนอน Master Bedroom วางอยู่ในตำแหน่งหน้าบ้าน มีระเบียงเล็กๆในตัว, และมีห้องนอนเล็กอีก 2 ห้อง ขนาดพอๆกัน วางอยู่โซนหลังบ้าน, ห้องน้ำที่อยู่ชั้น 2 จะมีประตู 2 บาน สามารถเปิดเข้าได้ 2 ด้าน จากทางห้องนอนใหญ่ก็ได้ หรือจากโถงชั้น 2 ก็ได้เหมือนกัน
หน้าตาภายนอกบ้านเป็นแบบนี้ เส้นสายออกแนว Modern ทันสมัยหน่อย เจาะกลุ่มครอบครัวที่กำลังเริ่มต้นมีบ้านหลังแรก
หน้าบ้านจอดรถได้ 1 คัน
พื้นหน้าบ้านของจริงจะให้มาเป็นพื้นคอนกรีตธรรมดานะครับ ไม่ได้มีการตกแต่งด้วยทรายล้างอย่างที่เห็นในรูป
ประตูทางเข้าบ้านเป็นแบบประตูกระจกบาน Slide 2 บาน ติดกระจกสีเขียวตัดแสง
*Step หน้าบ้านที่ปูกระเบื้องสีส้มอันนี้ของจริงจะไม่มีนะครับ อันนี้บ้านตัวอย่างทำมาผิด
กรอบประตูเป็นวัสดุ UPVC สีขาวด้าน
เปิดประตูออกแล้วเป็นแบบนี้
เข้ามาในบ้านปุ๊บ จะเจอส่วนที่เป็นโซฟาดูทีวีก่อนเลย เป็นห้องรับแขกด้วยในตัว วางอยู่หน้าบ้าน ในบ้านตัวอย่างนี้จะตกแต่งเอาไว้ให้ดูนะครับ ของจริงจะให้เป็นบ้านเปล่า ไม่มีเฟอร์นิเจอร์ใดๆ
พื้นบ้านชั้นล่าง ปูด้วยกระเบื้องแกรนิโต้ขนาด 60×60 สีอย่างที่เห็น
พื้นที่ส่วนโซฟารับแขก มีประมาณนี้ โต๊ะกลางจะไม่สามารถวางโต๊ะขนาดใหญ่ได้นะครับ เพราะไม่งั้นมันจะขวางทางเดินเข้า-ออกประตูบ้าน วางตัวเล็กๆแบบในรูปพอได้
โซฟาวางได้ขนาด 2-3 ที่นั่ง แต่อย่าเลือกตัวที่ใหญ่มากนะครับ มีเก้าอี้อาร์มแชร์เสริมได้อีกตัว เพื่อให้นั่งกันได้หลายๆคน
ระยะดูทีวี สามารถใส่ TV ขนาด 32-46 นิ้วได้ ไม่อึดอัด แต่ถ้าเกินนี้อาจจะใหญ่ไป
ถัดเข้ามาด้านในจะเป็นพื้นที่โถงหน้าบันได ด้านขวาเป็นทางขึ้นชั้น 2 ด้านซ้ายเป็นทางเข้าห้องน้ำ ส่วนตรงเข้าไปก็จะเป็นพื้นที่รับประทานอาหาร
ห้องเก็บของใต้บันไดอยู่ด้านนี้ ในบ้านตัวอย่างมีการกรุผนังเพิ่ม และใส่หน้าบานประตูเข้าไปใหม่ให้ดูหรูหราขึ้น แต่ของจริงจะไม่มีแบบนี้นะครับ
ทางเข้าห้องน้ำอยู่ทางนี้ เราเข้าไปดูกัน
ในบ้านตัวอย่างห้องน้ำเป็นยังไง ของจริงก็จะหน้าตาแบบนั้นเลยครับ ให้เหมือนกันหมดยกเว้นของตกแต่ง หน้าตาและสีกระเบื้องพื้น+ผนัง ก็จะได้ตามนี้เลย รวมถึงกระเบื้องสีเข้มๆที่ผนังนั่นด้วย พื้นที่ห้องน้ำชั้นล่างขนาดไม่ใหญ่มาก พอมีพื้นที่ให้สามารถอาบน้ำได้ แต่ไม่มีการกั้นส่วนเปียกส่วนแห้ง
อ่างล้างหน้าเป็นแบบอ่างสำเร็จรูป และที่ผนังติดกระจกเงามาให้ด้วย บานขนาดนี้เลย
อ่างล้างหน้า และก็อกน้ำ ยี่ห้อ Victor เหมือนกัน
โถสุขภัณฑ์ของ American Standard ขนาดค่อนข้างเล็ก คนตัวใหญ่ๆอาจจะนั่งไม่ค่อยสบายเท่าไหร่ และมีพื้นที่ด้านข้างโถสุขภัณฑ์ไม่เหลือไม่เยอะมาก ค่อนข้างชิดประตูทางเข้าห้องน้ำเลย คงต้องทำใจเบียดๆหน่อย เพราะพื้นที่ห้องน้ำมันน้อย และต้องเผื่อให้พื้นที่อาบน้ำอีก
พื้นที่ส่วนอาบน้ำก็มีเหลือไม่เยอะแล้ว ไม่สามารถกั้นแยกส่วนเปียก-ส่วนแห้งได้ แต่ก็คือพยายามจัดให้ห้องน้ำห้องนี้สามารถใช้อาบน้ำได้ด้วย เนื่องจากห้องน้ำในบ้านมีแค่ 2 ห้อง ข้างบน 1 ห้อง ข้างล่าง 1 ห้อง ต้องแบ่งๆกันใช้นะครับ
หัวฝักบัวแบบ Hand Shower หน้าตาแบบนี้
หัวก็อกที่ให้มา ของ Victor เหมือนกัน
พื้นที่วางสบู่ อันนี้วางได้ก้อนเดียว แล้วจบเลย ยังไงก็คงต้องไปหาชั้นวางสบู่และของใช้ในห้องน้ำมาติดเพิ่มนะครับ จะได้วางของได้เยอะๆ พื้นที่วางของในห้องน้ำนี่ก็สำคัญนะจ๊ะ
ลวดลายที่ผนังห้องน้ำ ก็จะได้ตามนี้นะครับ
พื้นห้องน้ำมีการลดระดับประมาณ 3-4 ซม.
ถัดจากห้องน้ำ เป็นพื้นที่วางโต๊ะรับประทานอาหาร ที่อยู่ด้านหลังบ้าน
โต๊ะรับประทานอาหารแบบ 4 ที่นั่ง สามารถวางได้โดยยังมีพื้นที่รอบๆเหลือนิดหน่อย ให้ถอยเก้าอี้ได้สะดวก
ด้านข้างโต๊ะกินข้าวตรงนี้ ในบ้านตัวอย่างเค้าใช้พื้นที่มาทำเป็นชั้นวางของ ซึ่งเราจะทำตามแบบนี้ก็ได้ ซึ่งผมคิดว่าจะเหมาะมากถ้าใช้เป็นตู้เก็บพวกภาชนะ และอุปกรณ์การกินทั้งหลาย ถ้วย ไห จาน ชาม แก้วน้ำ ช้อน ส้อม ฯลฯ
ในบ้านนี้มีความสูงพื้นถึงฝ้าอยู่ที่ 2.80 เมตร ทำให้บนผนังฝั่งนี้ก็สามารถทำชั้นวางของเพิ่มเติมได้อีกโดยไม่เกะกะหัว หรือใครจะใส่เป็นตู้แบบมีหน้าบานปิดก็ทำได้นะ แต่ตู้อาจจะต้องไม่หนามาก เพื่อไม่ให้มาเบียดพื้นที่กินข้าวที่ค่อนข้างแคบอยู่แล้ว
ในบ้านตัวอย่างนั้น บนฝ้าจะมีการดรอปลง และซ่อนหลอดไฟไว้ข้างบน เพื่อเป็นการตกแต่ง ให้ดูหรูหราขึ้น ซึ่งในบ้านจริงๆเค้าจะไม่ได้ทำให้ แต่ใครอยากทำตามก็ได้นะ เป็นไอเดียที่ดีในการตกแต่งไฟ
ตรงข้ามกับส่วนรับประทานอาหาร จะมีพื้นที่สำหรับห้องเอนกประสงค์ซึ่งเค้าใส่ผนังเบากั้นห้องเอาไว้ให้แล้วเรียบร้อย
ประโยชน์ใช้สอยของห้องนี้ ขึ้นอยู่กับว่าเราอยากจะทำเป้นห้องอะไร จะทำห้องนอนเพิ่มเติมก็ได้ ในกรณีที่สมาชิกในบ้านเราเยอะ แต่อาจจะใส่เตียงได้ขนาดไม่ใหญ่นัก, จะทำเป็นห้องนั่งเล่น อ่านหนังสือ ทำการบ้าน ฯลฯ อะไรก็ได้ แล้วแต่เราชอบ หรือบางคนอาจจะใช้พื้นที่ตรงนี้ทำเป็นห้องครัวก็ได้ สำหรับคนที่ไม่ชอบเอาครัวไว้นอกบ้าน
พื้นที่ในห้องประมาณนี้ ไม่ใหญ่เท่าไหร่ ถ้าใส่เตียงอาจจะต้องเป็นเตียงเด็ก ให้ลูกนอนนี่ถือว่าได้อยู่
ห้องนี้จะมีหน้าต่างที่ผนังด้วยหนึ่งบาน เพื่อเพิ่มปริมาณแสงธรรมชาติที่ส่องเข้ามาในห้อง
ฝั่งด้านหลังบ้านก็มีหน้าต่างอีกบานหนึ่งเหมือนกัน สำหรับเปิดระบายอากาศ และรับแสง
ส่วนด้านนี้ เป้นประตูสำหรับเปิดออกไปด้านหลังบ้าน เป็นประตูบานเลื่อนเหมือนกับประตูหน้าเลย
เปิดออกไปข้างหลังบ้าน ก็จะเจอกับพื้นที่ลานซักล้าง ที่จะมีการเทปูนไว้ให้ด้วย
ด้านหลังบ้านเป็นแบบนี้ แต่ของจริงจะมีรั้วกั้นระหว่างแปลงนะครับ อันนี้เป็นบ้านตัวอย่างเลยไม่มีรั้ว
ด้านหลังบ้าน มองขึ้นไปข้างบน เห็นหน้าต่างของห้องนอนเล็ก
หลอดไฟด้านหลังบ้าน ติดมาให้ด้วย 1 จุด
ตัวบ้าน กับ พื้นที่ลานซักล้าง อยู่ติดกันเลย ซึ่งโดยปกติแล้วควรจะมีการเซาะร่องเผื่อบ้านทรุดตัวหน่อยนะครับ ไม่งั้นมีโอกาสที่จะเกิดรอยร้าวบริเวณรอยต่อระหว่างบ้านกับลานซักล้างได้ เนื่องจากพื้นดินสองส่วนนี้จะมีการทรุดตัวไม่เท่ากัน บ้านหนักกว่าต้องทรุดมากกว่า
รั้วโครงการ ด้านหลังบ้าน สูง 2 เมตร หน้าตาแบบนี้ครับ
กลับเข้ามาในบ้าน ไปดูชั้นสองกันต่อ … บริเวณโถงบันไดทางขึ้นชั้นสองจะมีการเจาะช่องแสงไว้ด้วย ซึ่งจะเชื่อมกับส่วนหน้าบ้านที่เป็นที่จอดรถ อันนี้เพื่อให้แสงธรรมชาติส่องโถงบันไดให้สว่าง เราจะได้ไม่ต้องเปิดไฟ และเพื่อความปลอดภัยเวลาเดินขึ้น-ลงบันไดครับ
บันไดเป็นโครงสร้างคอนกรีตเสริมเหล็ก ปิดผิวด้วยไม้ยางพารา
ขั้นบันไดบางขั้นจะมี Step แบบนี้นะครับ ต้องระวังเวลาเดินขึ้นลงด้วย อย่าก้าวพลาด เดี๋ยวจะเจ็บตัว
เนื่องจากพื้นที่โถงบันไดมีจำกัด เลยจำเป็นต้องมีขั้นบันไดสามเหลี่ยม 2 ขั้นตรงนี้
บันไดขึ้นชั้นสอง
ขึ้นมาที่ชั้นสองแล้ว โถงด้านหน้าตรงนี้มีขนาดไม่ใหญ่นัก ใช้เป็นชานพักเวลาเปิดออกจากห้องนอนทั้ง 3 ห้อง ทางซ้ายจะเป็นห้องนอนใหญ่กับห้องนำ้ชั้นสอง ทางขวาจะเป็นห้องนอนเล็กอีกสองห้องที่เหลือ
เปรียบเทียบขนาดพื้นที่โถงชั้นสองกับขาของผม ประมาณนี้ พื้นชั้นสองนี้จะเป็นพื้นลามิเนต หนา 8 มม.ครับ
เราไปดูห้องนอนเล็กกันก่อน มีอยู่สองห้องติดกัน วางอยู่ด้านหลังบ้านทั้งสองห้อง เราไปดูห้องทางซ้ายกันก่อน ซึ่งจะเป็นห้องที่ขนาดเล็กกว่า ผมขอเรียกห้องนอนห้องนี้ที่เล็กที่สุดว่าห้องนอน#3 นะครับ และห้องที่ใหญ่กว่าคือห้องนอน#2 ส่วนห้องนอนใหญ่ก็คือห้องนอน#1
ห้องนอน#3 นี้เค้าจัดเฟอร์นิเจอร์ให้ดูเป็นไอเดียครับ วางเตียงแบบ Built-in ขนาด 3.5 ฟุตมาให้ดู จะสังเกตว่าขนาดของเตียงจะอยู่ชิดผนังสองด้านเลย ทั้งหัวเตียงและปลายเตียง ด้านหลังมีหน้าต่างหนึ่งบานซึ่งเชื่อมกับส่วนผนังหลังบ้าน
หัวเตียงมีพื้นที่ให้สามารถวางของตกแต่งได้ หรือเด็กๆอาจจะนั่งแล้วเอาคอมฯโน้ตบุ๊คมาวางเล่นตรงหัวเตียงก็พอได้อยู่ (แต่นั่งนานๆอาจจะเมื่อย), พื้นที่ใต้เตียงทำเป็นลิ้นชักสำหรับซ่อนของใต้เตียงได้
ปลายเตียงอยู่ชิดผนังด้านหนึ่ง และผนังส่วนที่เหลือก็วางโต๊ะแต่งตัว กับเก้าอี้สี่เหลี่ยมแบบไม่มีพนัก
ตู้เสื้อผ้า ใส่เป็นแบบ Built-in เต็มผนัง ไปจนถึงฝ้าเลย หน้าบานต้องใส่เป็นแบบบานเลื่อนเท่านั้นนะ ไม่งั้นเปิดไม่ได้
ด้วยพื้นที่ที่จำกัด เลยต้องวางโต๊ะแต่งตัวมาบังตู้เสื้อผ้าไปส่วนหนึ่ง ซึ่งทั้งนี้เราอาจจะเลือกไม่ใส่โต๊ะแต่งตัวขนาดเท่านี้ก็ได้ อาจจะหาเป็นโต๊ะยาวๆสูงๆสำหรับยืนแต่งตัวแทน แล้วแต่เราจะจัดเฟอร์นิเจอร์นะครับ
พื้นที่ในแนวดิ่ง ทำเป็นช่องสำหรับเก็บของให้หมด ใช้พื้นที่ในแนวตั้งให้เกิดประโยชน์ เพราะไหนๆเค้าก็ดันฝ้าสูงตั้ง 2.80 เมตรแล้ว จะได้เก็บของได้เยอะๆ เพราะพื้นที่ในแนวราบเรามีจำกัด
หน้าต่างตรงนี้ ใส่ผ้าม่านแบบนี้ดีที่สุด คือเป็นแบบพับเก็บขึ้นด้านบน ไม่ใช่เปิดออกซ้าย-ขวาแบบปกติ เพราะมันจะเปลืองพื้นที่ และเกะกะเวลานอนด้วย
มาที่ห้องนอน#2 บ้าง ซึ่งมีขนาดใหญ่ขึ้นมาหน่อย แต่ยังคงคอนเซปท์เดิม คือ แต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ Built-in เพื่อใช้พื้นที่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ของจริงเราเอาไปแต่งเองเหมือนเดิมนะครับ แต่ในบ้านตัวอย่างเค้าพยายามจะแต่งให้ได้ฟังก์ชั่นเยอะที่สุด
พื้นที่วางตู้เสื้อผ้า วางอยู่ปลายเตียงเลย ติดขอบเตียงเป๊ะๆ
พื้นที่ข้างเตียงเหลือเยอะหน่อย สามารถวางโต๊ะทำการบ้าน และตู้เก็บของได้ มีระยะให้วางเก้าอี้ ถอยเข้าถอยออกได้ไม่อึดอัด เอาจริงๆสามารถใส่ตู้เก็บของเหนือหัวเพิ่มได้อีก
เตียงใส่มาเป็นขนาด 3.5 ฟุต แบบชิดขอบอีกแล้ว ส่วนใต้เตียงก็มีลิ้นชักเก็บของเหมือนกับอีกห้องหนึ่ง
เหนือเตียงด้านบน ใส่ชั้นเก็บของเพิ่มเติมอีก แต่อันนี้ผมว่าถ้าจะทำจริงๆก็ควรจะทำแบบมีบานปิดดีกว่านะ แล้วก็อย่าวางของหนักมากๆ จะได้ไม่ต้องกลัวว่าจะมีอะไรร่วงหล่นใส่หัวตอนนอน
อีกด้านหนึ่งเป็นหน้าต่าง ที่เชื่อมกับทางด้านหลังบ้าน เหมือนกับห้องนอน#3
ต่อมาเราไปดูห้องนอนใหญ่กัน ซึ่งเป็นห้องที่อยู่ติดกับห้องน้ำชั้นสอง
ห้องน้ำชั้นสองจะมีประตูสำหรับเปิดเข้า-ออกได้ 2 บาน บานนึงจะอยู่ในห้องนอนใหญ่ อีกบานจะอยู่ด้านนอก สำหรับคนจากห้องนอนห้องอื่นๆ เดินมาเข้าห้องน้ำได้
พื้นที่ห้องน้ำที่ชั้นสองนี้ ขนาดจะใหญ่กว่าห้องน้ำชั้นล่างเยอะเลย และจัดวางพื้นที่ไว้ได้โอเคกว่า ไม่อึดอัดมากนัก แต่พื้นที่ก็ยังไม่พอที่จะแยกส่วนเปียกส่วนแห้งได้
พื้นที่โถสุขภัณฑ์จะสบายกว่าห้องข้างล่างมาก
ฝักบัวอาบน้ำวางอยู่ตำแหน่งริมสุด พื้นที่อาบน้ำมีประมาณนี้
โคมไฟในห้องน้ำ (และรวมถึงในห้องอื่นๆด้วย) จะให้มาเป็นโคมไฟซาลาเปาแบบนี้ ไม่มีดาวน์ไลท์นะครับ ถ้าอยากได้ดาวน์ไลท์ (ในห้องอื่นนะ ไม่ใช่ห้องน้ำ) ต้องซื้อมาติดเอง แต่ถ้าติดดาวน์ไลท์อาจจะต้องมีการดรอปฝ้าเพิ่มเติมเพื่อใส่ตัวโคม ไม่งั้นมันจะเห็นโคมยื่นๆลงมา
ห้องนอนใหญ่ตกแต่งมาให้ดู ใช้สีโทนขาวๆ ดูผู้ใหญ่กว่าห้องอื่นๆ
ภาพรวมของห้องเป็นประมาณนี้ ที่หัวเตียงจะมีหน้าต่างอยู่ด้วย
บนเพดานของบ้านตัวอย่าง มีการดรอปฝ้า และตกแต่งไฟไว้ด้วย แต่ของจริงจะให้เป็นโคมไฟซาลาเปาทั้งหมด ใครอยากได้แบบนี้ต้องทำเองนะฮะ
เตียงนอนวางขนาด 5 ฟุตไว้ให้ดู ถ้าจะใส่ 6 ฟุตจริงๆก็ทำได้ แต่ก็อาจจะทำให้พื้นที่ห้องดูแคบลงไปอีก ไม่ค่อยแนะนำเท่าไหร่
หัวเตียงอยู่ติดกับบานหน้าต่าง ซึ่งอยู่ตำแหน่งหน้าบ้านพอดี
ปลายเตียงจริงๆจะเป็นผนังที่เว้าเข้าไป ทำให้สามารถใส่ตู้หรือชั้นวางทีวีได้ และยังมีพื้นที่ให้เดินผ่านได้ด้วย แต่แนะนำว่าทำเป็นตู้ Built-in จะดีที่สุด เพราะจะควบคุมพื้นที่ได้ดีกว่า
พื้นที่ข้างเตียงฝั่งที่ติดผนังนี่คือเกือบจะชิดผนังแล้ว วางโต๊ะหัวเตียงเล็กๆได้ตัวหนึ่ง
พื้นที่อีกฝั่งหนึ่ง เป็นพื้นที่สำหรับวางโต๊ะแต่งตัว และตู้เสื้อผ้า
มีพื้นที่เหลืออีกหน่อยให้เดินไปเดินมา 2 คนได้ไม่เกะกะ ถอยเก้าอี้เข้า-ออกได้
ตู้เสื้อผ้า ถ้าใช้งานสำหรับ 2 คน นี่ไม่มีทางพอแน่ๆ ยังไงก็คงต้องหาพื้นที่วางตู้เสื้อผ้าเพิ่มเติม
ด้านข้างมีทางเปิดออกไปยังระเบียงด้านนอก
พื้นที่ระเบียงเล็กมาก ทำอะไรไม่ได้มากนัก เอาไว้เปิดรับลมอย่างเดียว ปลูกไม้กระถางเล็กๆพอได้
พื้นที่มีให้ยืนแค่นี้เอง ถ้าออกมายืนสูบบุหรี่แป๊บๆอะไรงี้ก็คงพอได้ แต่ยาวๆคงไม่เหมาะ
ไปดูบ้านเปล่ากันอีกหน่อยดีกว่า
บ้านมาตรฐานของจริงที่เค้าจะให้ หน้าตาเป็นแบบนี้ โล่งๆ ขาวๆ แบบนี้ ไม่ได้ตกแต่ง ด้านหน้านี้จะเป็นห้องรับแขก
โถงบันไดขึ้นชั้นสอง
ประตูห้องน้ำ
ห้องเอนกประสงค์
โคมไฟในบ้านของจริงที่จะได้
ที่ผ่านมานี้ก็จะเป็นบ้านตัวอย่าง Type A นะครับ ซึ่งมีโจทย์หลักคือการทำยังไงก็ได้ ให้บ้านสามารถมีได้ 3 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ และ 1 ที่จอดรถ ในทาวน์โฮมหลังเดียว แต่อยู่ในราคาไม่ถึง 2 ล้าน (1.9 ล้าน) ซึ่งก็จะได้บ้านออกมาอย่างที่เห็นครับ คือ อัดฟังก์ชั่นมาแน่นเอียดเต็มที่เลย แต่ถือว่าได้ตามโจทย์ที่กำหนดไป
ต่อมาผมจะพาไปดูบ้าน Type B บ้าง ซึ่งจะเป็นแบบที่จัดออกมาโดยเพิ่มพื้นที่ใช้สอยเข้ามาอีกประมาณ 20 ตารางเมตรนิดๆ แต่เพิ่มฟังก์ชั่นได้เป็น 4 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ และ 2 ที่จอดรถ ที่มีความสมบูรณ์มากขึ้นจาก Type A ครับ แต่ราคาจะสูงขึ้นไป เริ่มต้นที่ 2.2 ล้านบาท ซึ่งราคาก็อาจจะมีบวกลบแล้วแต่ตำแหน่งแปลงและขนาดที่ดินครับ
***สำหรับบ้าน Type B ผมขออนุญาตพาไปดูคร่าวๆนะครับ เนื่องจากผมเคยมีบทวิเคราะห์บ้านอย่างละเอียดแล้ว ที่โครงการ Gusto พระราม 2 ครับ ซึ่งทำบ้านมาหน้าตาเหมือนกันเป๊ะตั้งแต่ทางเข้าบ้านไปจนถึงเฟอร์นิเจอร์ที่ใช้ตกแต่ง รวมถึงสเป็ควัสดุแทบทั้งหมด (มีแตกต่างบางจุด แต่พื้นที่โดยรวมใกล้เคียงกันมาก) โดยสามารถเข้าไปอ่านได้ที่ รีวิวฉบับที่ 629 Gusto พระราม 2 ที่นี่เลยครับ***
เริ่มจากดู Floor Plans กันก่อนนะครับ – ตัวบ้าน Type B จะมีหน้ากว้าง 5.7 เมตรเท่ากับ Type A ครับ แต่จะมีความลึกของที่ดินที่ลึกกว่า ทำให้ฟังก์ชั่นในบ้านจะสามารถจัดได้ลงตัวมากขึ้น, ทางเข้าบ้านจะสามารถจอดรถได้ 2 คัน, มีส่วนห้องรับแขกที่กว้างขึ้น และมีระยะดูทีวีจากโซฟาทีไกลขึ้น, ห้องน้ำชั้นล่างย้ายไปอยู่ใต้บันได แต่ส่วนรับประทานอาหาร จะย้ายมาอยู่ติดกับพื้นที่ส่วน Living เป็นก้อนเดียวกันเลย และพอจะมีพื้นที่สำหรับวางเคาน์เตอร์ Pantry เล็กๆสำหรับเตรียมอาหารภายในบ้านได้ โดยที่ไม่เกี่ยวกับส่วนครัว (ซึ่งยังคงตั้งใจให้ต่อเติมครัวหลังบ้านอยู่ดี), ห้องเอนกประสงค์จะถูกขยายร่างให้กลายเป็น ห้องนอน#4 แทน ที่สามารถใช้งานเป็นห้องนอนได้อย่างจริงจังมากขึ้น
โถงบันไดขึ้นชั้นสอง ถูกปรับให้ยาวขึ้นและชันน้อยลง, พื้นที่ชั้นสองยังคงมี 3 ห้องนอนเหมือนเดิม ในขณะที่แต่ละห้องจะถูกขยายให้สามารถจัดเฟอร์นิเจอร์ได้ง่ายขึ้นกว่าบ้าน Type A, ห้องน้ำชั้น 2 จะมี 2 ห้อง โดยในห้องนอนใหญ่จะมีห้องน้ำในตัวแล้ว และห้องน้ำอีกห้องหนึ่งจะอยู่ที่โถงด้านนอก ใช้ร่วมกันระหว่างห้องนอน#2 และห้องนอน#3
พื้นที่หน้าบ้านของ Type B จะหน้าตาแบบนี้ครับ อันนี้เป็นบ้านตัวอย่างนะครับ เค้าไม่ได้ใส่รั้วมาให้ดู
พื้นที่ลานจอดรถชั้นล่างเป็นแบบนี้ พื้นบ้านของจริงจะเป็นพื้นปูนธรรมดา มีทางเข้าเป็นประตูบานเลื่อน ที่ถูกขยายขึ้นนิดหน่อย โดยเพิ่มหน้าต่างช่องแสงบานสูงๆเพิ่มเข้ามาสองด้าน
เข้ามาในบ้านปุ๊บจะเจอกับห้องรับแขกก่อน ซึ่งจะดูกว้างมากขึ้น เนื่องจาก Layout ชั้นล่างถูกปรับใหม่ เอาห้องน้ำไปอยู่ใต้บันได แล้วเอาส่วนรับประทานอาหารกับโซฟามาอยู่ติดกัน
ชั้นวางทีวีอยู่ด้านนี้ ติดกับโถงบันไดที่อยู่ด้านหลังทีวี
มองย้อนออกไปนอกบ้าน จะเห็นว่าระยะดูทีวีนี่กว้างประมาณ 4 เมตรได้เลย ทำให้เราจัดเฟอร์นิเจอร์ตรงนี้ได้ขนาดใหญ่ขึ้น แต่ยังไม่ไปเกะกะทางเดินตรงกลาง
แต่ข้อจำกัดในการดูทีวีก็ยังมีอยู่เหมือนกัน คือ ชั้นวางทีวีถูกขนาบข้างด้วยทางเข้าห้องน้ำ กับโถงบันได ถูกบีบเหลือเล็กนิดเดียว ต่อให้ระยะดูทีวีเยอะกว่านี้ แต่ทีวีก็ใส่ได้เท่ากับขนาดผนังที่ให้มา
ห้องน้ำใต้บันไดลักษณะก็จะคล้ายๆกับห้องน้ำชั้นล่างของ Type A แต่มีพื้นที่เยอะกว่านิดนึง ยังคงสามารถใช้อาบน้ำได้อยู่
โซนด้านหลังนี้ ทางซ้ายจะเป็นห้องรับประทานอาหาร ส่วนทางขวาจะเป็นห้องนอน#4 ซึ่งเป็นห้องนอนชั้นล่าง
ส่วนรับประทานอาหารสามารถวางโต๊ะขนาด 4-6 ที่นั่งได้ แล้วแต่ว่าเราจะจัดเฟอร์นิเจอร์แบบไหน ถ้าเลือกขนาดประมาณนี้ก็ใส่ได้ 4 ที่นั่ง พื้นที่รอบๆสามารถมีตู้หรือชั้นวางของได้
ตรงข้ามกันทางเข้าเป็นห้องนอน#4 ซึ่งจริงๆก็เป็นห้องเอนกประสงค์ที่สามารถใช้ทำอย่างอื่นได้เหมือนกัน จะเป็นห้องรีดผ้า, ห้องครัว, ห้องเลี้ยงเด็กอ่อน, ห้องเก็บของ ก็ได้หมด แล้วแต่จะจัด
พื้นที่ในห้องนี้ สามารถวางเตียง 3.5 ฟุตแบบ Built-in ได้, วางตู้เสื้อผ้าและโต๊ะแต่งตัวเพิ่มได้ด้วย แต่ก็ต้องเป็นแบบ Built-in เหมือนกัน เพื่อประหยัดพื้นที่ ถ้าซื้อตู้ลอย โต๊ะลอยมาใส่ อาจจะจัดไม่ได้แบบนี้
พื้นที่ทางด้านเตียง อยู่ติดกับหน้าต่างหลังบ้าน
ตู้เสื้อผ้า และ โต๊ะแต่งตัว เป็นชุดเฟอร์นิเจอร์ชิ้นเดียวกัน ต่อเนื่องกันมา
ทางด้านหน้าห้อง ยังมีหน้าต่างอีกบานสำหรับให้แสงธรรมชาติส่องผ่านเข้ามาเหมือนเดิม
ประตูเปิดออกหลังบ้าน
ด้านหลังบ้านเป็นลานซักล้าง เทพื้นปูน เช่นเดียวกันกับ Type A ครับ พื้นที่หลังบ้านนี้ขึ้นอยู่กับขนาดของที่ดินอยู่แล้ว ว่าจะมีพื้นที่ขนาดไหน
โถงบันไดขึ้นชั้น 2 มีการเจาะช่องแสงที่หัวบันได
ขึ้นมาที่โถงชั้นสองนี้ พื้นที่ไม่ได้ใหญ่ขึ้นมาก แต่จะดูโปร่งโล่งกว่า เนื่องจากพื้นที่ตรงนี้มีปริมาตรที่เชื่อมกันมากขึ้น เพราะโถงบันไดที่เปิดโล่งถึงชั้นบน ทางซ้ายเป็นห้องนอนใหญ่กับห้องน้ำ ส่วนทางขวาเป็นห้องนอนเล็ก
ห้องนอน#3 ยังคงมาแนวเดิม คือ ใช้เฟอร์นิเจอร์ Built-in แต่งทั้งห้อง แต่ว่าพื้นที่ปลายเตียง, ข้างเตียง มีเพิ่มขึ้น สามารถวางโต๊ะแต่งตัวข้างเตียงได้ (และมีเก้าอี้ได้อีกตัวด้วย) มีตู้เสื้อผ้าที่หน้าบานเป็นบานสวิง เปิด-ปิดได้สะดวกกว่าบานเลื่อน
ห้องนอน#2 ก็มีขนาดที่ใหญ่ขึ้น ไม่ต้องเอาเตียงไปติดกับตู้เสื้อผ้าแล้ว ปลายเตียงในบ้านตัวอย่างเค้าทำเป็น ชั้นวางทีวี เชื่อมกับชั้นวางของ และตู้เสื้อผ้า เชื่อมกันเป็นแผงเดียวกันทั้งกำแพง ซึ่งก็ทำให้ห้องดูกว้างขึ้น ดูมีพื้นที่เก็บของเยอะดี
เตียงนอนสามารถเพิ่มเป็นขนาด 5 ฟุตได้ แถมยังเหลือพื้นที่ให้วางโต๊ะหัวเตียง กับโต๊ะทำงานข้างๆได้อีก แต่อย่าเลือกโต๊ะตัวใหญ่มากนะ เอาให้สัมพันธ์กับขนาดเตียงด้วย
ห้องน้ำชั้น 2 มีสองห้อง เราไปดูห้องนำ้ห้องแรกก่อนที่อยู่บริเวณโถงชั้นสอง เป็นห้องน้ำของห้องนอน#2-3
พื้นที่ในห้องน้ำ ดูมีวิวัฒนาการขึ้นมาอีกขึ้นหนึ่ง ยังคงรวมพื้นที่ส่วนเปียกส่วนแห้งเอาไว้ด้วยกันอยู่ แต่พื้นที่อาบน้ำดูมีสัดส่วนมากขึ้น เพราะเอาเข้าไปอยู่ในส่วนที่เป็นผนังเว้าเข้าไป แต่โดยรวมแล้วพื้นที่ก็ไม่ได้ใหญ่ขึ้นมากนัก เกือบจะเหมือนเดิม
เข้ามาที่ห้องนอนใหญ่ ก็มีขนาดขยายขึ้นอีก โดยเตียงนอนสามารถใส่แบบเตียง 6 ฟุตได้ โดยที่สามารถมีโต๊ะหัวเตียง 2 ด้านแบบหลวมๆ (กรณีหัวหัวเตียงไปทางหน้าบ้าน) ช่องแสงและช่องหน้าต่างมีเพิ่มขึ้นจากเดิมนิดหน่อย
พื้นที่ปลายเตียงสามารถวางชั้นวางทีวีได้เลย แต่ลักษณะการจัดห้องแบบนี้ จะต้องให้ปลายเตียงหันไปทางประตูทางเข้าห้อง ซึ่งอาจจะมีบางคนที่ไม่ชอบ อันนี้ก็เป็นเรื่องส่วนบุคคลไปนะครับ แต่ถ้าจะหันให้ข้างเตียงหันไปทางประตู ก็ยังมีพื้นที่ให้ทำได้อยู่นะ ไม่ใช่ว่าไม่มีเลย
ข้างเตียงอีกด้านหนึ่งเป็นพื้นที่หน้าห้องน้ำ ที่สามารถจัดได้หลายรูปแบบ ในห้องตัวอย่างเค้าใส่ตู้เสื้อผ้าชิดผนังเอาไว้ และกั้นผนังเบาเพิ่มอีกครึ่งนึง เพื่อใช้เป็นพื้นที่วางโต๊ะแต่งตัว (แต่ของจริงจะมาเป็นพื้นที่โล่งๆ เราไปกั้นเอง) หน้าตู้เสื้อผ้าก็จะเป็นทางออกไปยังระเบียง
พื้นที่ระเบียงไม่ค่อยพัฒนาเท่าไหร่ ยังเล็กเหมือนเดิม ยังดีที่ไม่มีคอมฯแอร์มาวางตรงนี้ ใช้ปลูกต้นไม้เล็กๆได้
ทางเข้าห้องน้ำ อยู่ต่อจากตู้เสื้อผ้า อันนี้เวลาเปิดประตูตู้เสื้อผ้า มันก็จะขวางทางเข้าห้องน้ำหน่อยนะ แต่ยังใช้งานได้ปกติ
ห้องน้ำห้องนี้เหมือนเดิมวิวัฒนาการร่าง 3 ของห้องน้ำในโครงการ คือในที่สุดก็สามารถแยกฟังก์ชั่นส่วนอาบน้ำได้ซะที สามารถแยกส่วนเปียกส่วนแห้งได้ มีพื้นที่เหลือสำหรับอ่างล้างหน้า และโถสุขภัณฑ์ให้วางได้โดยไม่เบียดเบียนกันนัก ถือว่าเป็นห้องน้ำที่สมบูรณ์สุดของทุกห้องแล้วครับ 😀 ส่วนวัสดุอุปกรณ์ในห้องน้ำก็ยังเหมือนเดิม
***ใครยังไม่จุใจกับรีวิวนี้ สามารถอ่านบทวิเคราะห์บ้าน Type B โดยละเอียด เพิ่มเติมได้จาก รีวิวฉบับที่ 629 Gusto พระราม 2 นะครับ เพราะบ้านหน้าตาเกือบจะเหมือนกันเลย***
**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะครับ
ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 6 August 2014
- Type A (1 ที่จอดรถ) พื้นที่ 109 ตารางเมตร แปลงที่ดินเริ่มต้น 18.5 ตารางวา ราคาเริ่มต้น 1.9 ล้านบาท
- Type B (2 ที่จอดรถ) พื้นที่ 130 ตารางเมตร แปลงที่ดินเริ่มต้น 22 ตารางวา ราคาเริ่มต้น 2.2 ล้านบาท
- บ้านเปล่า (ห้องน้ำเหมือนบ้านตัวอย่าง/แอร์ 3 ตัว)
**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ครับ
ทำเลของ Casa City นครปฐม มีจุดแข็งคือเป็นทำเลที่อยู่ติดถนนใหญ่เพชรเกษมครับ เนื่องจากในละแวกเดียวกันก็จะมีโครงการหมู่บ้านจัดสรรอยู่หลายเจ้าเหมือนกัน แต่โดยมากจะเข้าไปอยู่ในซอยที่จะอยู่ลึกจากถนนใหญ่เข้าไปอีก แต่ราคาอาจจะมีสูงกว่าบ้าง ต่ำกว่าบ้าง (แล้วแต่ขนาดของบ้านและรูปแบบของโครงการด้วย) แต่การติดถนนใหญ่ทำให้การเข้า-ออกโครงการสะดวกกว่า ไม่ต้องเข้าซอย ยิ่งถ้าเป็นคนที่ไม่ได้ขับรถเองแล้วจะมีผลในเรื่องการเดินทางพอสมควร เพราะเดินออกมาเรียกรถง่ายกว่าหมู่บ้านที่อยู่ในซอยเยอะ
ความอุดมสมบูรณ์ของโครงการ ในภาพใหญ่นี้ก็คือถือว่าอยู่ในตัวเมืองนครปฐมแล้วแหละ ถึงจะไม่ได้อยู่ในเขตเมืองดั้งเดิม (เช่นบริเวณถนนหน้าวัง) แต่ปัจจุบัน ถนนเพชรเกษมก็คือถือว่าเป็นตัวเมืองไปแล้ว เพราะมีห้างฯ, มีสิ่งอำนวยความสะดวก และสถานที่ต่างๆมาตั้งอยู่เรียงรายเต็มถนน ตัวโครงการอยู่ไม่ไกลจากโรงพยาบาลสนามจันทร์, อยู่ใกล้ ม.ศิลปากร, ม.ราชภัฏนครปฐม, รร.สิรินธร ราชวิทยาลัย และศูนย์ราชการ จ.นครปฐม ถือว่าถ้าใครทำงานแถวนี้ หรือมีลูกเรียนแถวนี้ ก็ถือว่าสะดวกเลย
การเดินทางด้วยรถยนต์และมอเตอร์ไซค์คงจะเป็นยานพาหนะหลักของคนแถวๆนี้ (โดยเฉพาะมอเตอร์ไซค์ที่มีเยอะมาก) รถประจำทาง พอมีให้เห็น แต่ป้ายรถเมล์ไม่ได้อยู่ใกล้หน้าโครงการเลย แล้วตอนค่ำๆหน่อยก็หายากแล้ว ทำให้การใช้รถส่วนตัวดูจะเป็นอะไรที่สะดวกที่สุด หมู่บ้านนี้โชคดีตรงที่อยู่ใกล้จุดกลับรถ ข้ามไปอีกฝั่งนึงค่อนข้างสะดวก และมีลุ้นให้สะพานกลับรถมาจ่ออยู่หน้าทางเข้าหมู่บ้านพอดี (แต่ต้องลุ้นนะ) ซึ่งก็ได้แต่หวังให้เป็นแบบนั้น
การออกแบบโครงการ จัดมา 151 หลัง บนพื้นที่ 15 ไร่ อัตราส่วนความหนาแน่นอยู่ในเกณฑ์ปกติของทาวน์โฮมระดับ 2-3 ล้านบาท, มีระบบรักษาความปลอดภัย คือ รปภ. 24 ชม., ระบบ Key Card Access และมี CCTV ติดที่ทางเข้า, รั้วสูง 2 เมตร โดยรวมจัดว่ามาตรฐานสำหรับหมู่บ้านใหม่ๆในปัจจุบัน, ถนนภายในโครงการที่เป็นถนนเส้นหลักมีช่วงที่เป็นทั้ง 16 เมตร, 12 เมตร ซึ่งอยู่ในเกณฑ์ดี แต่จะมีช่วงท้ายๆโครงการที่ถนนเมนหลักกว้าง 8 เมตร ซึ่งผมคิดว่า อย่างน้อยๆ น่าจะซัก 10 เมตรจึงจะเหมาะสม เนื่องจากเป็นห่วงเรื่องรถที่ชอบจอดข้างทางแล้วกีดขวางถนนเมน ส่วนเรื่องพื้นที่สีเขียวตอนนี้ยังคงบอกอะไรไม่ได้ ต้องรอดูหลังจากโครงการสร้างเสร็จไปซักพักหนึ่งก่อน และรอให้เขาเอาต้นไม้มาลงก่อนครับ
แบบบ้านทั้ง 2 แบบ จัดออกมาให้เหมาะกับครอบครัวขนาด 3-5 คน ซึ่งถ้าพูดเรื่องฟังก์ชั่น ถือว่าดีในระดับราคาล้านปลาย ถึง สองล้านต้น กับทำเลแบบนี้ แต่ถ้าพูดถึงความลงตัวในการจัดแล้ว Type B เหนือกว่า Type A อย่างเห็นได้ชัด โอเค ราคาแพงกว่าก็จริง แต่ว่า การแบ่งพื้นที่ใช้สอย, การกั้นห้อง และการวางเฟอร์นิเจอร์ใน Type B ทำออกมาได้ลงตัวกว่า Type A เยอะเลย แต่ว่าโจทย์ของบ้านสองแบบนี้ไม่เหมือนกัน เพราะ Type A ทำออกมาเพื่อจับกลุ่มคนที่มีงบสำหรับการซื้อบ้านไม่ถึง 2 ล้าน แต่พยายามจัดให้ได้ฟังก์ชั่นเท่าที่จะมากได้ในราคานี้ แต่พอเป็น Type B คือคนที่ยอมจ่ายเพิ่มอีกหน่อย เพื่อให้ได้ความสมบูรณ์ในการอยู่อาศัยที่มากขึ้นครับ ทีนี้ก็ขึ้นอยู่กับว่าใครจะเหมาะกับแบบไหน เลือกเองเลย แต่เชื่อผมเถอะ สุดท้ายต้องถามว่า มีรถกี่คัน? แล้วคุณจะตอบได้เอง
วัสดุอุปกรณ์ภายในบ้าน ให้มาค่อนข้างมาตรฐานกับราคา ไม่ได้หวือหวาอะไร มีจุดเด่นหลักเป็นความสูงฝ้าเพดาน ที่ดันได้ถึง 2.8 เมตร เพื่อเพิ่มการใช้พื้นที่ในแนวดิ่งเพิ่มขึ้นมา ใส่ตู้ลอยแขวนผนังเพิ่มได้ในจุดต่างๆของบ้าน, ใช้วงกบ UPVC แทนที่จะเป็น Aluminium ซึ่งความรู้สึกจะแน่นกว่า, แข็งแรงกว่า, พื้นไม้ลามิเนต, กระเบื้องแกรนิโต้ขนาด 60×60, สุขภัณฑ์เป็นของ Victor ผสมกับ American Standard โดยรวมแล้วก็จัดว่าปกติครับ
สุดท้ายคือสาธารณูปโภคในโครงการ ที่จัดมามีแค่สวนสาธารณะส่วนกลางอย่างเดียว ที่อยู่ท้ายหมู่บ้านซึ่งก็ไม่ได้มีอะไรพิเศษ แต่ส่วนตัวผมมองว่า ถ้าเอามาไว้กลางๆหมู่บ้านหน่อยก็คงจะดี คนที่อยู่หน้าสุดของโครงการจะได้มีหวังจะได้เดินมาใช้บ้าง เพราะนี่อยู่ลึกเข้าไปตั้ง 350 เมตร แต่เข้าใจว่าคงต้องการจะเพิ่มมูลค่าให้กับบ้านแปลงที่อยู่ท้ายๆโครงการ
Judgement
ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง 40%, ความปลอดภัย 15%, การออกแบบและพื้นที่ใช้สอย 15%, วัสดุ 10%, พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ 10%, และสาธารณูปโภค 10%
เทียบกับแพคเกจประมาณ 2-2.5 ล้านบาท, 11 July 2014
- ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง 8.5/10 – ติดถนนใหญ่เพชรเกษม ในราคาระดับ 2-2.5 ล้านบาท
- ความปลอดภัย 7.5/10 – รั้วกั้นไม้กระดก รปภ.หน้าหมู่บ้าน
- การออกแบบและพื้นที่ใช้สอย 8/10 – ฟังก์ชั่นเหมาะสมเมื่อเทียบกับราคา แต่ Type B จัดได้ลงตัวกว่า Type A
- วัสดุ 7.5/10 – โดยทั่วไปอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน, ฝ้า 2.80 เมตร
- พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ -/10 – ยังบอกอะไรไม่ได้ เลยยังไม่คิดคะแนนส่วนนี้ครับ
- สาธารณูปโภค 7/10 – สวนสาธารณะส่วนกลางที่ด้านหลังโครงการ
- (7.175 / 9.00)
- 7.97 / 10.00 (SCALED UP แบบไม่คิดเรื่องพื้นที่สีเขียว)
BOTTOM LINE
Casa City นครปฐม เป็นโครงการทาวน์โฮมที่เหมาะสำหรับ ครอบครัวขนาด 3-5 คน ที่กำลังมองหาบ้านในย่านตัวเมืองนครปฐม อาจจะทำงานอยู่แถวนี้ หรือมีลูกเรียนแถวนี้ มองหาโครงการที่มีความสะดวกในการเดินทางเป็นหลัก มีสิ่งอำนวยความสะดวกในระยะขับรถถึง และอยากได้ทำเลติดถนนใหญ่ บวกกับมีงบประมาณอยู่ในช่วง 2 ล้านบาทต้นๆ
ช่วยกันคอมเม้นท์ แบ่งปันข้อมูลกับเพื่อนๆที่กำลังหาบ้านหน่อยนะครับ