รีวิวฉบับที่ 565 … ก่อนจะจบเดือนเมษายน เดือนแห่งเทศกาลวันหยุดและการท่องเที่ยวนี้ ผม Mr.Boom จะขอพาไปรีวิวคอนโดตากอากาศติดทะเลกันอีกซักหนึ่งแห่งนะครับ นั่นคือ Bella Costa หัวหิน จาก Property Perfect ซึ่งเป็นโปรเจคแรกสุดที่ PF เข้ามาเปิดตลาด พัฒนาอสังหาฯที่หัวหินนี้ครับ โดยรูปแบบโครงการจะเป็นคอนโดมิเนียม Low Rise 6 อาคาร ที่ดินติดหาด อยู่ในซอยหัวหิน 105 ครับ ซึ่งอยู่ระหว่างเขาเต่ากับวนอุทยานแห่งชาติปราณบุรี ลองมาดูกันว่าจะทำออกมาหน้าตาเป็นแบบไหน
Fact @ 29 APRIL 2014
- Bella Costa หัวหิน
- Property Perfect Plc.
- MAIN CLASS – UPPER CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
- โครงการตั้งอยู่ในอำเภอปราณบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
- คอนโด Low Rise 7 ชั้น 2 อาคาร และ 4 ชั้น 4 อาคาร รวม 6 อาคาร 323 ยูนิต
- ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 16 ยูนิตที่อาคาร A และ B, 7 ยูนิตที่อาคาร C,D,E และ 5 ยูนิตที่อาคาร F
- ที่จอดรถประมาณ 96 ช่องจอด คิดเป็น 30% ไม่รวมซ้อนคัน
- ที่ดินประมาณ 11-3-13 ไร่
- คาดว่าจะแล้วเสร็จ : ไตรมาสที่ 3 ปี 2558
- 1 Bedroom 45-55 ตารางเมตร
- 1 Bedroom Duplex 62.50-81..50 ตารางเมตร
- 2 Bedrooms 60-67 ตารางเมตร
- 3 Bedrooms+ 78-96 ตารางเมตร
- ฝ้าเพดานสูง 2.53 เมตร
- ราคาเริ่มต้นประมาณ 3.1 ล้านบาท หรือประมาณ 63,265 บาทต่อตารางเมตร (ห้องเปล่าขนาด 49 ตารางเมตร)
- ห้อง 45 ตารางเมตร Fully Furnished ราคาเริ่มต้น 3.5 ล้านบาท หรือประมาณ 77,777 บาทต่อตารางเมตร
- ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรประมาณ 90,000 บาท
- www.pf.co.th/bellacosta
- โทร 089-897-8999
เพียงแค่การกด Like ก็เท่ากับการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจาก Think of Living แล้วครับ
สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างครับ
พิกัด : 12.420034, 99.980390
แผนที่ของโครงการครับ จากในแผนที่นี้เค้าจะบอกว่า ตัวสำนักงานขายนั้นอยู่คนละที่กับที่ดินจริงของโครงการครับ โดยสำนักงานขายจะอยู่ติดถนนเพชรเกษม ปากซอยหัวหิน 51 แต่ว่าถ้าตัวที่ดินจริงจะต้องขับรถต่อไปอีกประมาณ 20 กิโล ถึงจะเจอครับ แต่ว่าแผนที่อันนี้มีย่นระยะทางไปเยอะพอสมควรครับ อาจจะดูแล้วงงๆหน่อย ลองดูใน Google Maps ด้านล่าง
ที่ตั้งโครงการอยู่ในซอยหัวหิน 105 ครับ คนที่เคยมาแถวนี้บ่อยๆจะรู้ว่าซอยนี้คือซอยที่ใช้มุ่งหน้าไปทาง วนอุทยานแห่งชาติปราณบุรี ซึ่งจะเป็นพื้นที่สีเขียวติดทะเลขนาดใหญ่ ในอำเภอปราณบุรีครับ
การไปโครงการถ้าเรามาจากกรุงเทพ เราก็จะใช้ถนนเพชรเกษมขับผ่านตัวเมืองหัวหินเลยมาครับ มุ่งหน้าไปทางปราณบุรี เลยเขาเต่าไปนิดนึง ก็จะเจอกับทางเข้า ซอยหัวหิน 105 อยู่ทางซ้ายมือ ขับรถเข้าซอยไปอีกประมาณ 4.2 กิโลเมตร ก็จะเจอกับโครงการ Bella Costa ครับ
ถนนเพชรเกษมในวันธรรมดา การจราจรก็ยังถือว่าค่อนข้างแน่นนะครับ แต่รถไม่ถึงกับติด สามารถวิ่งได้เรื่อยๆ
มาถึงสำนักงานขายที่ซอยหัวหิน 51 ครับ อันนี้เป็น Show Room เฉยๆนะครับ ไม่ใช่ที่ดินจริง โดยถ้าเรามาที่สำนักงานขายนี้ เค้าจะมีห้องตัวอย่างให้ดู 1 ห้อง คือแบบ 1-Bed ขนาด 49 ตารางเมตรครับ แล้วก็จะมีโมเดล มีข้อมูลต่างๆให้ดูเสร็จสรรพ พร้อมทั้งมีบริการรถตู้รับ-ส่งพาไปดูถึงหน้าที่ดินของจริงด้วยครับ ฟรี ใครไปไม่เป็นก็ให้เขานำทาง
ป้ายโครงการ
หัวหิน 51 หรือ ถนนดำรงราช อยู่ติดกับสำนักงานขายของโครงการ
เราไม่ต้องสนใจสำนักงานขายครับ มุ่งหน้าไปดูที่ดินของจริงกันเลย ผมใช้ถนนเพชรเกษม วิ่งต่อมาเรื่อยๆ ผ่านตัวเมืองหัวหินมา จนมาถึงแยกที่จะไปเขาตะเกียบ กับไปประจวบฯ (เขาเต่า) นะครับ พอเจอป้ายนี้เราก็เตรียมชิดขวาไว้เลย
วิ่งชิดขวาขึ้น Ramp ได้เลยครับ มุ่งหน้าไปทาง ปราณบุรี
ลงจากสะพานมาแล้ว
มุ่งหน้าต่อไปบนถนนเพชรเกษม ทางหลวงหมายเลข 4 สองข้างทางเรียงรายด้วยต้นคูนที่ออกดอกสีเหลือง มีให้เห็นตลอดทาง
จากแยกเขาตะเกียบเมื่อซักครู่ วิ่งมาประมาณ 10 กิโลครับ ใช้เวลาราวๆ 5-10 นาที สำหรับการจราจรปกติ แล้วก็จะมาเจอกับ ซอยหัวหิน 105 อยู่ทางซ้ายมือแบบนี้ ถ้าเราวิ่งตรงต่อไปไม่เลี้ยวเข้าซอยก็จะไปทางปราณบุรีครับ
ปากซอย 105 จะมีจุดสังเกตคือ ตึกแถวสร้างใหม่ที่เป็นสีส้มๆที่เห็นอยู่นี้ กับ Family Mart ที่อยู่หน้าปากซอย ซึ่งการที่มี Minimart อยู่ในที่แบบนี้ ถือเป็นเรื่องดีนะครับ นอกจากจะมีร้านค้าที่เป็นที่ให้พึ่งพิงได้แล้ว ยังแปลว่าเส้นทางนี้เป็นเส้นทางที่มีคนใช้สัญจรไป-มาอยู่เป็นประจำ จึงมีการตั้งมินิมาร์ทตรงนี้ขึ้น
จากปากซอย 105 ขับเข้าไปนิดนึงจะเจอกับทางข้ามทางรถไฟครับ ก็หยุดดูรถไฟกันซักแป๊บนึงก่อน
พอข้ามมาแล้วจะเจอ 3 แยกครับ เลี้ยวขวาจะไปอำเภอปากน้ำปราณ แต่เราจะเลี้ยวซ้ายครับ เพื่อมุ่งหน้าไปทางเขาเต่า ไปทางวนอุทยานฯครับ
ในซอยนี้มีสนามกอล์ฟ The Eagle Milford Golf Club หัวหิน ด้วยครับ เป็นสนามเล็กๆตีได้ 9 หลุม แล้วก็มีคอนโด The Colonial เขาเต่า-หัวหิน
ระหว่างทางจะมีป้ายบอกเป็นระยะๆ ว่าเป็นทางไปวนอุทยานปราณบุรี ถ้าเข้ามาแล้วหลงทาง มองหาป้ายนี้ก่อนครับ ไปทางวนอุทยานเนี่ย เจอโครงการแน่ๆ
เจอสามแยกอีกอัน ให้เลี้ยวขวาครับ ถ้าไปช่วงนี้จะมีป้ายโครงการติดบอกทางตลอด ไม่ต้องกลัวหลง
ด้านในนี้ดูจะเป็นที่ดินเปล่าๆโล่งๆซะเยอะนะครับ นานๆจะมีบ้านคนโผล่มาให้เห็นซักหลัง
สภาพแวดล้อมในซอยบางส่วนนี่แทบจะเป็นป่าเลย เวลาขับมาตอนกลางคืนต้องเปิดไฟสูงนะครับ จะปลอดภัยกว่า
มาประมาณครึ่งทางจะผ่านหมู่บ้านจัดสรร Panorama Pool Villas
แล้วก็จะเจอกับคอนโด Milford Cliff View ก่อน
แถวๆนี้มีคอนโดของเก่ามาตั้งแล้วหลายแท่งเหมือนกัน อย่างอันนี้คือ Santorini เขาเต่า ที่เป็นกึ่งโรงแรมด้วย คอนโดที่เป็นตึกสูง High Rise ติดทะเลแบบนี้ ในหัวหินจะไม่สามารถสร้างได้อีกแล้วนะครับ เนื่องจากปัจจุบันกฎหมายผังเมืองของหัวหินไม่อนุญาตให้สร้างตึกสูงติดทะเลแล้ว ที่เห็นอยู่ก็จะยังอยู่แบบนี้ และไม่มีอีกแล้วจนกว่าจะเปลี่ยนกฎหมาย
ถัดมาก็เป็นคอนโดอีก ชื่อ Santi Pura
เมื่อเราขับเลยแนวคอนโดสูงๆมานิดนึงแล้ว จะเจอกับแนวที่ดินทุ่งราบติดทะเลแบบนี้ครับ แปลว่าเราใกล้ถึงโครงการแล้ว
เจอแล้วครับ Bella Costa หัวหิน ขับเข้ามาจากปากซอย 105 ประมาณ 4.2 กิโลเมตรครับ
แนวรั้วที่ดินของโครงการ ปัจจุบันลงต้นไม้เอาไว้แล้ว เพื่อให้ดูสวยงามและสังเกตง่ายๆ
ฝั่งตรงข้ามของทางเข้าโครงการ ปัจจุบันนี้ยังเป็นแอ่งน้ำอยู่ครับ มองไปไกลๆจะเห็นภูเขา และเป็นป่า พื้นที่สีเขียว
มองย้อนกลับไปทางที่เราขับรถเข้ามา
ทางเข้าโครงการครับ
ทางขวาของทางเข้า (ทิศใต้ของแปลงที่ดิน) ปัจจุบันเป็นที่ดินเปล่า โล่งๆ ขนาดใหญ่พอสมควร สามารถขึ้นอาคารคอนโดได้แน่ๆ แต่เต็มที่ก็คงเป็น Low Rise สูงไม่เกิน 23 เมตร
ขับเข้ามาในโครงการแล้ว ถนนโครงการจะอยู่ทางขวาของที่ดินนะครับ ทางซ้ายจะเป็นแนวตึก
เราจอดรถกันก่อน แล้วค่อยเข้าไปดูสำนักงานขายอีกแห่งที่อยู่ด้านใน
ตัวที่ดินที่จะขึ้นอาคารตอนนี้กำลังปรับพื้นที่อยู่ครับ มองไปด้านหลังจะเห็นเป็นวิวภูเขา หลังติดภูเขา หน้าติดทะเล ถูกฮวงจุ้ยเด๊ะ
สำนักงานขายของโครงการ อยู่ถัดเข้ามาด้านใน ซึ่งในอนาคตพอโครงการสร้างเสร็จก็คงจะรื้อออก และพื้นที่ตรงนี้จะกลายเป็นสระว่ายน้ำส่วนกลางของลูกบ้าน ที่อยู่ติดหาด
ด้านนี้เป็น … ห้องน้ำ! และห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า ที่ทำขึ้นมาสำหรับให้ใช้ชั่วคราวครับ …เดี๋ยวรื้อออกแล้วทำใหม่เหมือนกัน 😀
ที่ดินด้านหลังของโครงการอยู่ติดทะเลอย่างที่เห็น
ทางทิศใต้ของที่ดิน จะยังเป็นพื้นที่รกร้างอยู่ ยังไม่ได้ทำอะไรครับ
ส่วนทางด้านทิศเหนือของที่ดิน ก็ยังเป็นที่ดินว่างๆอยู่เช่นเดียวกัน
เราลงไปเดินเล่นดูหาดทรายแถวนี้กันบ้างดีกว่า
ชายหาดตรงนี้ เอาจริงๆผมก็ไม่รู้จะเรียกมันว่าอะไรเหมือนกันครับ คืออยู่ในจุดที่เลยหาดเขาเต่ามาแล้ว แต่ว่าก็ยังไม่ถึงปากน้ำปราณซะทีเดียว … สภาพหาดตรงนี้ จะเป็นหาดที่กว้างมากครับ เนื่องจากชายหาดจะมี Slope ค่อนข้างต่ำ ไม่ชัน น้ำไม่ลึก และสามารถลงเล่นได้ค่อนข้างปลอดภัยเลยครับ เวลาน้ำลง เราจะสามารถเดินออกไปจากชายฝั่งได้หลายสิบเมตรเลยทีเดียว อาจจะกว้างกว่าหาดชะอำ หาดหัวหินอีก
ทรายแถวนี้จะไม่ได้ขาวสะอาด หรือละเอียดเป็นแป้งเหมือนทะเลภูเก็ตนะครับ แต่ก็ไม่ถึงกับหยาบ แต่จะมีเศษเปลือกหอยเล็กๆ ที่ปะปนมาด้วย และบางทีจะมีตะไคร่น้ำด้วย บวกกับมีปูลมวิ่งเต็มเลย เลยจะมีรูพรุนๆเยอะครับ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็จะแล้วแต่ฤดูนะครับ ไม่ได้เป็นแบบนี้ตลอดปี
มองไปทางทิศใต้ไกลๆ เราจะเห็นแนวต้นไม้ขึ้นสูงๆ นั่นคือ วนอุทยานปราณบุรี ครับ อยู่ไม่ไกลจากโครงการเลย เดินไปยังได้
มองไปทางทิศเหนือจะเห็นภูเขาครับ หลังเขาลูกนั้นคือ หาดเขาเต่าครับ
ใกล้ๆกับภูเขาทางทิศเหนือเราจะเห็นแนวอาคารคอนโดทั้งหลายทั้งปวงที่เราขับรถผ่านมาเมื่อกี๊ครับ ซึ่งก็อย่างที่บอกครับว่า เราจะไม่ได้เห็นอาคารสูงแบบนี้อีกแล้วในหาดหัวหิน เนื่องจากกฎหมายผังเมืองไม่อนุญาตให้สร้างแล้วครับ
พักเรื่องทำเลไว้เท่านี้ก่อน เรากลับไปดูรายละเอียดโครงการในสำนักงานขายกันต่อครับ
ที่ดินของโครงการ Bella Costa หัวหิน มีขนาดประมาณ 11 ไร่ 3 งานครับ มีลักษณะที่เป็นที่ดินหน้าแคบและยาวๆแบบนี้ ด้านหน้าโครงการติดถนนซอยหัวหิน 105 และด้านหลังของที่ดินติดชายฝั่งทะเลครับ มีหน้ากว้างของที่ดินส่วนที่ติดหาด ประมาณ 50 เมตร และมีความยาวจากด้านหน้าถึงด้านหลังโครงการ ประมาณ 350 เมตร ถ้าอยู่ตึก A จะเดินไปที่หาดก็อาจจะเหนื่อยหน่อยนะครับ แต่ไม่เป็นไร ที่โครงการมีรถกอล์ฟคอยรับส่งลูกบ้านอยู่แล้ว ประจำอยู่ตามแต่ละอาคารครับ
รูปแบบของโครงการ จะเป็นอาคารคอนโดมิเนียมทั้งหมด 6 อาคาร แบ่งออกเป็นอาคาร A และ B ที่จะเป็นอาคารสูง 7 ชั้นครึ่ง 2 อาคาร และอาคาร C,D,E,F ที่เป็นอาคารสูง 4 ชั้นอีก 4 อาคาร รวมทั้ง 6 อาคารมีจำนวนยูนิต 323 ยูนิตครับ จำแนกแต่ละอาคารได้ดังนี้
- อาคาร A สูง 7 ชั้นครึ่ง 107 ยูนิต
- อาคาร B สูง 7 ชั้นครึ่ง 112 ยูนิต
- อาคาร C สูง 4 ชั้น 28 ยูนิต
- อาคาร D สูง 4 ชั้น 28 ยูนิต
- อาคาร E สูง 4 ชั้น 28 ยูนิต
- อาคาร F สูง 4 ชั้น 20 ยูนิต (Beachfront)
ทั้งนี้ Facilities ต่างๆ จะอยู่กระจายไปตามแต่ละจุดของโครงการ โดยลูกบ้านสามารถใช้ร่วมกันได้หมด และจะมี Facilities หลักอยู่ส่วนที่ติดหาดที่สุดทางด้านหลัง ถนน Main จะอยู่ทางด้านขวาของที่ดิน คือด้านทิศใต้ ซึ่งตลอดแนวถนนจะเป็นที่จอดรถของโครงการด้วย โดยจะจอดรถด้านนอกอาคารทั้งหมด ไม่มีการจอดใต้อาคาร มีที่จอดรวมกัน 96 ช่อง คือประมาณ 30% ไม่รวมซ้อนคัน
โมเดลโครงการหน้าตาแบบนี้ เมื่อมองจากด้านทางเข้าโครงการ
ด้วยความที่ที่ดินเป็นที่ดินแนวยาวแบบนี้ โมเดลก็เลยยาวตามไปด้วย
ถ้าดูจากด้านบนจะเห็นภาพรวมของโครงการแบบนี้
เนื้อโครงการจะแบ่งออกเป็นสองส่วนใหญ่ๆ คือส่วนที่เป็น Zone ตึกสูงกับ Zone ตึกเตี้ย เรามาดูตึกสูงกันก่อน ซึ่งจะเป็นตึก A กับ B
หน้าตาของตึก A กับ B ถือว่าคล้ายกันจนเกือบจะเหมือนกันเลย เพียงแต่ส่วนปลายสุดของตึก A จะมี Wing ยื่นออกมา ทำให้ตึกดูเหมือนรูปตัว T ครับ ส่วนตึก B จะเป็นตึกตรงๆธรรมดา
ตึก A มองจากด้านบน
สิ่งที่น่าสังเกตอย่างหนึ่งคือ อาคารของที่นี่ จะมีการทำผนังของตัวตึกให้เอียง เป็นหยักๆแบบนี้ เพื่อเป็นการเพิ่ม “พื้นที่ผิว” ในการที่ห้องแต่ละห้องจะสามารถมองเห็นวิวทะเลได้เพิ่มขึ้น จากหน้าต่างของห้องตัวเอง
ด้านหลังตึก A และ B นี้จะมี Facilities ที่สำคัญคือ สระว่ายน้ำขนาดใหญ่ 2 สระ โดยทั้งสองสระนี้มีความกว้างพอๆกันคือ 8 เมตร แต่สระที่ตึก A จะยาว 40 เมตร และสระตึก B ยาว 65 เมตร ความยาวระดับนี้ สามารถใช้ออกกำลังกาย จับ Lap แบบ Olympic ได้เลยนะ นอกจากสระว่ายน้ำแล้ว ก็ยังมีพื้นที่นั่งพักผ่อนรอบๆสระ, มีลานเอนกประสงค์สำหรับจัดปาร์ตี้ได้, มีสระ Jacuzzi, สระว่ายน้ำเด็ก, กระบะทรายสำหรับให้เด็กๆเล่น (กรณีขี้เกียจเดินไปหาด) ทั้งหมดอยู่ที่ตึก A และ B กระจายๆกัน
Floor Plan ชั้น 1 ของตึก A ตึกนี้จะมีข้อดีคือ เป็นตึกหน้าสุด ซึ่งมี Lobby และจุด Drop-Off ด้านหน้า ทุกตึกจะใช้ Lobby ร่วมกันคือที่ตึก A ส่วนอาคารอื่นๆก็จะมีแค่โถงลิฟท์ธรรมดา ไม่มี Lobby ต้อนรับแขก และติดกับ Lobby จะมีห้องออกกำลังกาย หรือ Fitness รับวิวสระว่ายน้ำ ที่จะมาอยู่ที่ตึก A นี้ด้วย นอกจากนี้ออฟฟิศของนิติบุคคลก็จะอยู่ที่ใต้ตึก A ครับ
ห้องพักอาศัยของทุกอาคารจะเริ่มต้นที่ชั้น 1 นะครับ ตึก A นี้ที่ชั้น 1 จะมีห้องพักอยู่ทั้งหมด 12 ยูนิต และทุกห้องจะเป็นแบบ 1 ห้องนอนทั้งหมด ลิฟท์ของตึก A มีอยู่ 2 ตัว อัตราส่วนลิฟท์ 54:1 จัดว่าอยู่ในเกณฑ์ดีครับ
การเลือกทิศของตึก A นี้ไม่มีอะไรซับซ้อน ทิศที่เห็นทะเลคือทิศตะวันออก แต่ว่าห้องที่อยู่ทิศตะวันออกของตึกนี้มีแค่ 2 ห้อง แถมดันอยู่ติดกับตึก B ด้วย ทำให้มองไม่เห้นวิวทะเลตรงๆ ห้องปกติจะอยู่ทิศเหนือ-ใต้ เห็นวิวทะเลพอๆกัน แต่ทิศเหนือจะร้อนน้อยกว่า ส่วนห้องพิเศษของตึก A นี้จะเป็นห้องที่อยู่ที่ Wing ทั้งสองฝั่ง ที่เป็นห้องทิศตะวันตกของตึก แต่ยื่นออกมาจากตัวตึก (ในรูปคือห้อง 54 ตารางเมตร) ซึ่งจะเป็นห้องที่ไม่มีอะไรมาบังวิวด้านทิศตะวันออกเลย ทำให้จะมองเห็นวิวทะเลแบบเต็มๆ แถมด้านหลังยังได้วิวทิศตะวันตกที่เป็นวิวภูเขาด้วย เท่ากับว่า เป็นห้องที่สามารถรับวิวได้ 3 ด้านพร้อมกัน
ส่วน Floor Plan ตึก B นี่ไม่มีอะไรมากเลย เป็นห้องพักล้วนๆ Lobby ก็ไม่มี มีแค่ลิฟท์ 2 ตัว อัตราส่วนลิฟท์ 56:1
วิธีเลือกห้องของตึก B นี่ก็จะยิ่งง่ายเข้าไปใหญ่ คือมีห้องแค่ 2 แถว ทิศเหนือกับทิศใต้ ทิศเหนือร้อนน้อยกว่า แต่ทั้งสองทิศเห็นวิวทะเลพอๆกัน เลือกเอาตามสะดวกครับ และตึก B นี้จะมีข้อดีอีกอย่างหนึ่งคือ ห้องทิศตะวันออกของชั้น 5 ขึ้นไป จะอยู่เหนือตึก C ที่อยู่ข้างๆ ทำให้ไม่มีอะไรมาบังวิวทะเล และจะมองเห็นวิวทะเลได้ชัดเจนกว่า
เอาแปลนของห้อง MOFF ให้ดูก่อนเพื่อความเข้าใจ จะเห็นว่าในห้องมีบันไดขึ้นชั้น 2 แต่ที่ชั้น 2 ไม่มีประตูเปิดออกไปยังโถงทางเดินข้างนอก แปลว่าชั้นนี้เป็นแค่ชั้นลอยครับ แล้วถ้าดูจากแปลนจะเห็นว่าเขาใส่เตียงไว้ทั้งชั้นบนและชั้นล่างก็จริง แต่ต้องพูดว่าเป็นห้อง 1 ห้องนอน เนื่องจากชั้นบนไม่สามารถนับเป็นอีกห้องได้ครับ
ถัดมาไปดูอีก 4 ตึกที่เหลือ คือ C, D, E และ F ครับ ที่เป็นอาคาร 4 ชั้นทั้งหมด โซนนี้จะเป็นโซนที่จำนวนยูนิตน้อยลงไปมากเมื่อเทียบกับ 2 ตึกแรก กล่าวคือ ตึก A กับ B รวมกันมี 107+112 = 219 ยูนิต แต่ 4 ตึกนี้มีจำนวนยูนิตรวมกันแค่ 28+28+28+20 = 104 ยูนิตเท่านั้น ทำให้เดาได้ไม่ยากเลยว่า บรรยากาศรอบๆตึก หรือในตึกจะแตกต่างกันพอสมควร เพราะมีคนที่มาใช้ตึกร่วมกับเราแค่ตึกละไม่ถึง 30 ครอบครัวเท่านั้น แล้วคิดหรอว่าคอนโดตากอากาศแบบนี้ ลูกบ้านจะมาเข้าอยู่พร้อมกันทั้งตึก โอกาสเป็นไปได้น้อยมาก ดังนั้นถ้าชอบความ Private โซนตึกเตี้ยนี้จะเหมาะกว่า
แต่แน่นอนมีได้ก็ต้องมีเสียคือบริเวณ 4 ตึกนี้จะไม่ค่อยมี Facilitiesเท่าไหร่ ถ้าเทียบกับ 2 ตึกแรก (ยกเว้นตึก F ที่ติดหาดนะ) ถ้าอยากจะใช้สระว่ายน้ำก็ต้องเดินมาใช้ที่ตึก A/B หรือเดินไปใช้ที่สระหน้าหาด เป็นต้น แต่ละตึกจะมี Facilities ของตัวเองอยู่บ้างนิดหน่อย เช่น ตึก C จะมี Reclining Pool เป็นสระผ่อนคลาย เล็กๆ สำหรับนั่งแช่น้ำ, ตึก D มี “Reading Pavillions,” ด้านหลังตึก E และตึก F จะมีสวน “Romantic Garden” ที่เป็นพื้นที่สวนสาธารณะขนาดใหญ่ในโครงการ ปลูกต้นไม้ ดอกไม้หอมเอาไว้บริเวณนี้ และจะมี Sunken Court ที่จะเป็นที่นั่งสำหรับนั่งพักผ่อนและชมสวนไปด้วย
และเรื่องวิวก็เช่นเดียวกัน ทั้ง 4 ตึกนี้เป็นตึกเตี้ย อยู่ใกล้ทะเลมากกว่าตึก A กับ B ก็จริง แต่ก็จะไม่มีทางได้วิวทะเลในมุมสูง เพราะอยู่เตี้ยกว่า และจะมีโอกาสที่มองเห็นวิวได้น้อยกว่าตึกที่สูงกว่าอย่างสองตึกแรกครับ
โมเดลตึก C, D, E, F
แต่ละตึกก็จะหน้าตาประมาณนี้ ตกแต่งสไตล์เมดิเตอเรเนียน สังเกตว่าผนังของตึกก็จะเอียงเหมือนกัน เพื่อให้แต่ละห้องรับวิวทะเลได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
ด้านหลังตึก E, F เป็นสวนสาธารณะ “Romantic Garden”
มาถึงด้านหน้าหาด จะเป็นพื้นที่ส่วนกลาง ที่ลูกบ้านทุกคนจะสามารถเดินมาใช้ได้ ส่วนประกอบหลักคือ สระว่ายน้ำระบบเกลือ ขนาด 15×30 เมตร ที่อยู่ตรงกลาง, มีสระเด็ก, ลานอาบแดดรอบๆสระน้ำ, และมีพื้นที่สวนโดยรอบสระก่อนที่จะเป็นหาด และมีลานจัด Party ริมหาดได้ด้วย
จากหน้าหาด มองย้อนกลับไปทางด้านหน้าโครงการ
ภาพจำลองสระว่ายน้ำ Beachfront Pool
ภาพจำลองบรรยากาศโครงการ บริเวณสระว่ายน้ำที่อยู่ติดหาด
Floor Plan ของตึก C, D, E, F ทั้ง 4 ชั้นจะหน้าตาคล้ายๆกันหมด คือเดินเข้ามาในตึกปุ๊บก็จะเป็นห้องพักเลย ในแต่ละชั้นมีห้องอยู่ 7 ห้อง และมีโถงลิฟท์, ห้องขยะ และบันไดหนีไฟอยู่ตรงกลาง ห้องจะแบ่งเป็นหลักๆแค่ห้องทิศเหนือ กับห้องทิศใต้ และถ้าสังเกตจากผังตึก ก็จะเห็นว่าผนังห้องแต่ละห้องจะมีความเอียงเช่นเดียวกับตึก A, B เพื่อให้ทุกห้องสามารถเห็นวิวทะเลได้หมด แต่ตึก C, D, E นี้ทิศตะวันตก-ตะวันออกจะโดนขนาบ 2 ด้านด้วยตึกข้างๆ ทำให้บังวิวกันเอง อาจจะมองเห็นทะเลไม่ชัดนัก ต้องอาศัยขึ้นไปอยู่ชั้นสูง แล้วมองทะเลจากมุมข้างๆแทน
และสุดท้ายคือ Floor Plans ของตึก F ซึ่งตึกนี้จะค่อนข้างพิเศษ เนื่องจากเป็นตึกที่อยู่ติดหน้าหาดมากที่สุด มีความสะดวกที่สุดในการเดินลงไปเล่นหาด หรือไปใช้ Facilities ที่อยู่หน้าหาด ตัวห้องออกแบบมาให้มองเห็นวิวทะเลได้แบบไม่มีอะไรมาบัง เขาก็เลยจัดห้องใหญ่มาใส่ตึกนี้ทั้งหมด เริ่มต้นที่ 2-Bed ขนาด 61 ตารางเมตร จนถึง 3 Bed ขนาด 96 ตารางเมตรครับ ตัวรูปแบบตึก และหน้าตาจะไม่เหมือนตึกอื่นเลย ถ้าอยากได้วิวทะเลเยอะๆ ก็ต้องเลือกห้องทิศตะวันออกนะครับ ซึ่งจะได้ห้องมุมด้วย แต่ราคาจะสูงที่สุดในโครงการเลย ส่วนห้องทิศเหนือ-ทิศใต้ก็ยังมองเห็นทะเลได้ค่อนข้างดี เพราะถึงแม้ตึกจะเตี้ย แต่ว่าอยู่ใกล้ทะเลที่สุด ไม่ถึง 100 เมตรก็เดินไปถึงหาดแล้ว ดังนั้นน่าจะยังได้วิวที่ค่อนข้างโอเค (แต่เลือกชั้น 4 ก็ย่อมวิวดีกว่าชั้น 1 นะ)
สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก
- สระว่ายน้ำระบบเกลือ 3 สระ
- สระตึก A ขนาด 8×40 เมตร
- สระตึก B ขนาด 8×65 เมตร พร้อม Jacuzzi Seat
- สระหน้าหาด ขนาด 15×30 เมตร
- อัตราส่วนลิฟท์ตึก A = 54:1
- อัตราส่วนลิฟท์ตึก B = 56:1
- อัตราส่วนลิฟท์ตึก C, D, E = 28:1
- อัตราส่วนลิฟท์ตึก F = 20:1
ต่อไปเราจะไปดูห้องตัวอย่างกันครับ เริ่มจากห้อง 1-bed ขนาด 49 ตารางเมตร ซึ่งขายแบบ Fully Furnished แบบให้เกือบจะเหมือนห้องตัวอย่างเลย แต่จะแตกต่างกันตรงวัสดุตกแต่งนิดหน่อย ห้องตัวอย่างห้องนี้จะอยู่ที่สำนักงานขายสาขาหัวหิน 51 ครับ
จุดแรกที่เราจะสังเกตเห็นจาก Unit Plan คือ ผนังห้องที่เอียง รับวิวทะเล ทำให้เรามองเห็นทะเลได้ในมุมที่กว้างขึ้น (เทียบกับผนังตรงๆ) ฟังก์ชั่นของห้องนี้ วางครัวไว้ด้านหน้าห้อง โดยเป็นครัวแบบเปิดไม่มีผนังกั้น ไม่เน้นทำอาหารโหดๆ และนำส่วนโซฟาดูทีวีกับเตียงนอนไปอยู่ใกล้หน้าต่าง เพื่อให้รับวิวทะเลง่ายๆ นอนดูทะเลได้ นั่งดูทะเลได้ และใช้ผนังกระจกบานเลื่อน กั้นระหว่างห้องนั่งเล่นกับห้องนอน เพื่อให้เกิด Space ที่เชื่อมกันระหว่างสองห้องให้มากที่สุด และให้มองเห็นวิวภายนอกห้องได้เยอะๆ ไม่ว่าจะอยู่ตรงส่วนไหนของห้องก็ตาม แต่ถ้าคนที่ชอบให้ห้องนอนเป็นผนังทึบ กั้นเป็นสัดส่วนอาจจะไม่ชอบ ห้องน้ำถูกนำไปไว้ในห้องนอน มีประตูเข้าได้จากทางฝั่งห้องนอนอย่างเดียวครับ และไม่มีช่องระบายอากาศเพราะไม่ได้อยู่ติดกับผนังภายนอก ต้องใช้พัดลมดูดอากาศแทน
First Impression ที่มองเข้ามาในห้องตัวอย่าง เข้ามาแล้วจะเจอส่วน Living Area ก่อน
ติดกับหน้าทางเข้า เป็นตู้เก็บรองเท้าและตู้เก็บของเอนกประสงค์ที่ให้มาด้วย
เปิดออกให้ดู เก็บของได้ประมาณหนึ่ง ถ้าใครคิดว่าไม่จุใจ จะใส่เป็นตู้ Built-in ให้เต็มผนังด้านนี้ก็ทำได้
มองจากในห้องย้อนออกไปทางประตูเข้าห้อง
พื้นที่ครัวที่อยู่ด้านหน้าห้อง วางคู่กับชุดโต๊ะรับประทานอาหาร แบบ 4 ที่นั่ง
มาดูชุด Pantry ครัวก่อน หน้าตาแบบนี้
พื้นที่เก็บของโดยรวมจัดว่าเยอะพอสมควร ถ้ามองว่าเป็นคอนโดตากอากาศแล้ว ฟังก์ชั่นขนาดนี้ น่าจะเพียงพอสำหรับการใช้งานอยู่แล้ว เพราะก็คงไม่ต้องเก็บของเยอะ ไม่ต้องทำครัวจริงจัง
เตาไฟฟ้าเซรามิก 2 หลุม ยี่ห้อ MEX ให้มาด้วย
ที่ดูดควันยี่ห้อ MEX เช่นเดียวกัน แต่เป็นระบบดูดแบบหมุนเวียนอยู่ภายใน ไม่ได้เอาอากาศไปปล่อยที่ระเบียง ซึ่งจะไม่เหมาะกับการทำครัวแบบจริงจัง
อ่างล้างจานแบบฝัง (integrated sink) ยี่ห้อ MEX บนท้อปครัวที่เป็นวัสดุหินสังเคราะห์
หัวก็อกน้ำของ MEX เช่นเดียวกัน
ในชุดครัว จะมีราวแขวนแก้วน้ำแบบนี้ติดมาให้ด้วย
ถังขยะด้านใน ติดมาให้เรียบร้อย
ที่วางอาวุธ 😀
ด้านล่างเป็นช่องใส่เครื่องซักผ้า และเตาไมโครเวฟ แต่เครื่องใช้ไฟฟ้าเขาไม่แถมให้นะจ๊ะ
ตำแหน่งวางตู้เย็นวางไว้ด้านนี้ดีแล้ว อยู่ติดกับอ่างล้างจานพอดี ทำให้ Flow การใช้งานสะดวกกว่า
ขนาดตู้เย็นขยายความกว้างได้อีกไม่เกิน 10 cm แต่ขนาดเท่านี้ก็น่าจะเพียงพอต่อกระเพาะของพวกเรานะครับ
โต๊ะรับประทานอาหารของห้องนี้ สามารถวางได้ถึง 4 ที่นั่งสบายๆ แต่ความจริงเป็นห้อง 1-Bed อาจจะไม่มีความจำเป็นต้องใช้ขนาดนี้ก็ได้ แต่จะมีไว้ก็ไม่เสียหาย เพราะอาจจะพาเพื่อนๆ พ่อแม่ มาเพิ่มก็ได้ ชุดโต๊ะกินข้าวนี้ ทางโครงการยังไม่ชัวร์ว่าจะแถมให้หรือเปล่านะครับ
ถัดมาตรงกลางห้องเป็นส่วนพื้นที่โซฟา นั่งเล่น ดูทีวี
ระยะดูทีวีประมาณ 2 เมตรกว่า ถ้าถอยโซฟาไปอีกจะได้เกือบ 3 เมตร สามารถจัดทีวีจอใหญ่ๆ ขนาด 60-70″ ได้สบายมาก แต่ถ้าอยู่กันสองคน ไม่ซีเรียสว่าทีวีต้องจอใหญ่ ก็ใส่เท่านี้ก็ถือว่าเพียงพอ
โซฟาที่แถมมาให้ กับโต๊ะกลาง และโต๊ะข้าง ชุดนี้ได้ทั้งชุด แต่ส่วนตัวผมมองว่าเล็กไปหน่อยเมื่อเทียบกับพื้นที่ห้องที่ยังมีเหลืออยู่ สามารถจัดขนาดใหญ่กว่านี้ใส่ลงไปได้ และจะทำให้นอนพร้อมกันสองคนได้ด้วย
ชั้นวางทีวีแถมมาให้ แต่โครงการนำทีวีขึ้นแขวนผนัง ซึ่งผมคิดว่าเป็นวิธีที่ดีกว่ามากในการใช้พื้นที่ที่จำกัดของห้องให้เกิดประโยชน์สูงสุดครับ 🙂
มุมมองจากทางด้านหลังของโซฟา
แอร์แถมให้ 2 ตัวสำหรับห้อง 1 Bedroom เป็นยี่ห้อ Mitsubishi (หรือเทียบเท่า)
ผนังที่เอียงๆของห้อง ได้วิวทะเลเพิ่มขึ้นก็จริง แต่จะทำให้การจัดเฟอร์นิเจอร์ต้องเอียงตามไปด้วย และอาจจะทำให้มีฝุ่นอยู่ในช่องว่างเหล่านี้ ต้องทำใจนะครับ ได้วิวดีๆ ดีกว่านะ ฝุ่นเราทำความสะอาดเมื่อไหร่ก็ได้
ถ่ายให้ดูว่าผนังมันเอียงจริงๆนะ
ประตูระเบียงเป็นกระจกบานเลื่อน 2 ชั้น เปิดออกได้ทั้งบานซ้ายและบานขวา
พื้นที่ระเบียงให้มาประมาณนี้ พอวางเก้าอี้ข้างนอกได้ แต่ถ้าวางชุด Coffee Table อาจจะอึดอัดเกินไป
ธรณีประตู กั้นระหว่างพื้นภายในและพื้นระเบียง ไม่สูงมาก
ด้วยความที่รูปลักษณ์ภายนอกของอาคาร เขาจะคุม Theme คุมสี ให้เป็นแนวเมดิเตอเรเนียน ดังนั้นตัวระเบียงก็จะต้องหน้าตาเป็นไปในแนวเดียวกันกับตัวตึกด้วย อย่างกระเบื้องด้านนอกเขาก็จะให้เป็นกระเบื้องสีส้ม มีลายคล้ายหิน แบบนี้
ถ่ายให้ดูชัดๆ วิธีการปูกระเบื้องจะปูแผ่นเล็กสลับแผ่นใหญ่แบบนี้
ราวกันตกเป็นเหล็กดัด Wrought Iron หน้าตาแบบนี้
ช่องเก็บ Compressor แอร์ถูกแยกไว้ต่างหาก กั้นเป็นสัดส่วน ก่อผนังส่วนหนึ่งปิดไว้ด้วย ตัวคอมฯแอร์จะถูกนำขึ้นแขวนผนังนะครับ ไม่ได้วางพื้น
พื้นส่วนนี้ มีธรณีกั้นสูงทีเดียว เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำไหลเข้าไป หรือออกมา
ผนังด้านนอก เป็นเหล็กดัดเหมือนกัน ทำเป็นลวดลาย สไตล์เมดิเตอเรเนียน
เมื่อมองจากด้านนอกจะเห็นเป็นแบบนี้
พื้นที่ระหว่างห้องนอน กับห้องนั่งเล่น ถูกกั้นด้วยผนังกระจกบานเลื่อน แบบบานคู่ เปิดออกจากตรงกลาง
เมื่อเปิดออกจนสุดจะได้หน้าตาแบบนี้ สาเหตุที่เขาใช้ผนังกระจก เพื่อให้เกิดความโปร่ง ให้แสงธรรมชาติส่องผ่านได้ และให้เราสามารถมองวิวภายนอกห้องได้ในมุมที่กว้างขึ้น แต่จะมีข้อเสียเหมือนกัน คือ บางคนจะชอบให้ผนังห้องนอนเป็นผนังทึบมากกว่า เพื่อให้เกิด Privacy อย่างไรก็ดี ห้องนี้ก็น่าจะอยู่กันแค่ 1-2 คน เพราะเป็นห้อง 1-Bed อาจจะไม่จำเป็นที่จะต้อง Private มากก็ได้ นอกเสียจากจะชอบพาเพื่อนๆมาที่ห้อง (ซึ่งก็ควรจะซื้อ 2 ห้องนอนมากกว่านะ) c9jถ้าอยากจะได้ความเป็นส่วนตัวจริงๆก็ให้หาม่าน หรือมู่ลี่มาติดดีกว่า เพื่อให้สามารถเปิด-ปิดได้ในเวลาที่เราต้องการ
วัสดุกรอบกระจก เป็นอลูมิเนียม เคลือบ Hi-Gloss สีขาว
วัสดุรางม่านก็เป็นชนิดเดียวกัน รางจะถูกแขวนอยู่ด้านบน ไม่มีรางด้านล่าง
กลอนประตู
เมื่อเปิดประตูออกสุด ก็จะได้พื้นที่ภายในห้องนอน เชื่อมกับพื้นที่นอกห้อง
ชุดเตียงที่แถมให้มาพร้อมฟูก เป็นเตียงแบบ 5 ฟุต ที่สามารถยืดเตียงเสริมด้านข้างออกมาได้ด้วย โดยใต้เตียงจะมีการซ่อนไฟด้านล่างแบบนี้ให้เลย
ผนังหัวเตียงในห้องตัวอย่างมีการตกแต่งเพิ่มเติม แต่ของจริงจะเป็นผนังเรียบๆสีขาวธรรมดาและจะมีส่วนที่ยื่นออกมาเป็นตำแหน่งเสา ทางด้านซ้ายของหัวเตียง (ด้านขวาไม่มี) อันนี้เขาตีกล่องด้านหลังหัวเตียงให้มันวางได้เสมอกัน
พื้นที่ข้างเตียงถูกเผื่อให้กับเตียงเสริมที่จะยืดออกมาได้ สำหรับเด็ก หรือ คนตัวเล็กๆหน่อย ที่นอนไม่ดิ้นนัก ถ้าใครคิดว่า จะไม่ใช้เตียงเสริมนี้ แล้วจะเปลี่ยนเป็นเตียงคู่ขนาด 6 ฟุต King Size ก็สามารถทำได้ แถมยังมีพื้นที่วางโต๊ะข้างเตียงเพิ่มได้อีก 1 ตัวด้วย
ข้างเตียงเป็นช่องหน้าต่าง สามารถเปิดรับวิวได้เหมือนกัน และเป็นช่องแสงธรรมชาติให้กับห้องนอนด้วย
พื้นที่ปลายเตียง ยังเหลืออีก แต่ไม่ควรเอาอะไรมาวางแล้ว เพราะจะเกะกะทางเดินเข้าออก
พื้นที่ข้างเตียงอีกฝั่งหนึ่ง วางตู้เสื้อผ้า กับ ชั้นวางของแต่งตัว
โต๊ะแต่งตัวกับกระจกชุดนี้ ให้มาขนาดเล็กไปหน่อย วางของได้น้อย แถมยังสุ่มเสี่ยงต่อการโดนปัดตกด้วย แนะนำให้เปลี่ยน
ตู้เสื้อผ้าใส่มาให้แล้วเสร็จสรรพ
ทางเข้าห้องน้ำอยู่ในห้องนอน
พื้นที่ในห้องน้ำประมาณนี้
พื้นห้องน้ำปูกระเบื้องผิวด้าน ป้องกันการสะดุดหรือลื่น
พื้นห้องน้ำไม่มีธรณี เป็นพื้นลดระดับ แต่ตัวจบที่วงกบประตูน่าจะใช้วัสดุพวกหิน ไม่ควรเป็นไม้แบบนี้ เพราะความชื้นจะซึมเข้าไปได้ และทำให้พื้นใกล้ๆหน้าห้องน้ำบวม
ผนังในห้องน้ำห้องตัวอย่างทาสีเหลืองไว้ ของจริงสีขาวนะ
อ่างล้างมือขนาดใหญ่ดี มีช่องเก็บของด้านล่าง สำหรับเก็บอุปกรณ์ต่างๆในห้องน้ำ
พื้นที่ล้างมือ/ล้างหน้าเยอะมาก
หัวก็อก และสุขภัณฑ์ต่างๆ ยี่ห้อ Cotto ทั้งหมด
เสียดายที่กระจกเงาติดมาให้ขนาดเล็กไปหน่อย ถ้าใส่ใหญ่ๆกว่านี้ แล้วซ่อนกล่องไฟไว้ด้านใต้ จะทำให้ห้องน้ำดูสวย+หรูขึ้นมาได้อีก
โถสุขภัณฑ์หน้าตาแบบนี้ ยี่ห้อ Cotto
ที่วางกระดาษชำระ และสายยางฉีดชำระ แบบพลาสติก
ผนังห้องน้ำปูด้วยกระเบื้องขนาด 30×60 ซม. สีขาว
ชั้นวางของในห้องน้ำ ตำแหน่งติดตั้งดันเอามาไว้เหนือโถสุขภัณฑ์ ซึ่งน่าจะทำให้หยิบใช้ไม่สะดวกเท่าไหร่ น่าจะหาที่ติดใหม่
ห้องอาบน้ำ หรือ Shower Box ให้มาแบบนี้เลย ติดฉากกั้นอาบน้ำมาให้ด้วย เป็นแบบกระจกนิรภัย 2 บาน ในภาพนี้เปิดประตูออกสุดแล้ว แต่ทางเข้ายังแคบอยู่ คนตัวใหญ่ๆหน่อยน่าจะเดินเข้าออกไม่ค่อยสะดวก ถ้ามีงบประมาณเปลี่ยนได้ อยากให้ทำเป็นบานเลื่อนแบบ 3 ชิ้นมากกว่า เพื่อให้เปิดออกได้กว้าง หรือไม่ก็ทำเป็นกระจกบานสวิงไปเลย เพราะยังมีพื้นที่ให้เปิดเข้าเปิดออกได้พอสมควร
มือจับประตูกระจก
ใช้กรอบกระจกเป็นพลาสติกแบบเคลือบผิวโครเมียม ให้ดูเหมือนโลหะ
ธรณีของฉากกั้นอาบน้ำ ต้องระวังสะดุดนิดนึง
พื้นที่อาบน้ำใน Shower Box มีพออาบนคนนึงได้ไม่อึดอัด
ชุดฝักบัว Rain Shower ที่ให้มา สังเกตผนังด้านหลังที่ปูกระเบื้อง ลายเหมือนเปลือกหอยเลย
ที่วางสบู่ ให้มาใหญ่ดี
ที่มุมผนัง จะมีส่วนที่เว้าเข้าไปนิดหน่อย ตามตำแหน่งเสา
หัวฝักบัว
Rain Shower
หัวก็อกที่ยังไม่ได้ต่อเข้ากับท่อน้ำ สายยางที่เห็นเป็นสายซิลิโคน เคลือบผิวโครเมียม ให้อารมณ์เหมือนโลหะ แต่ไม่มีรอยต่อ เนื่องจากเป็นพลาสติก
มีที่วางสบู่ก้อนแยกต่างหาก นอกเหนือจากที่วางสบู่อันใหญ่
ห้องตัวอย่าง 2-Bedroom ขนาด 61 ตารางเมตร
ต่อไปเป็นห้อง 2-Bed ขนาด 61 ตารางเมตร ห้องนี้ผนังจะไม่เอียงเหมือนห้องที่แล้ว เป็นห้องแบบสี่เหลี่ยมธรรมดา แต่เป็นห้องมุม ผนังห้องติดกับผนังภายนอกสองด้าน ห้องนี้ขายแบบ Fully Fitted มีให้เฉพาะเฟอร์นิเจอร์บางอย่างเท่านั้น หลักๆที่ผมทราบก็จะมีครัว, ห้องน้ำ, พื้น, ฝ้า, ไฟ, แอร์ และไม่มีเฟอร์นิเจอร์ทั้งลอยตัวและ Built-in ครับ แต่ทั้งนี้ต้องเช็คอีกทีด้วยตัวเองครับ เพราราคาและโปรโมชั่นการขายสามารถเปลี่ยนแปลงได้ครับ
ในห้องบางห้องที่ขายแบบ Fully Furnished นั้น ลักษณะรูปร่างของเฟอร์นิเจอร์ที่ให้ ก็จะเหมือนหรือคล้ายกับเฟอร์นิเจอร์ที่ใช้แต่งห้องนี้ครับ ดังนั้นสามารถใช้อ้างอิงได้ระดับหนึ่ง
เข้าห้องมาแล้วจะเจอกับโถงทางเดินสั้นๆที่อยู่หน้าห้อง พื้นห้องให้เป็นพื้นลามิเนตแบบห้องที่แล้ว ความสูงพื้น-ฝ้า อยู่ที่ 2.53 เมตร
ตำแหน่งครัวเอาวางไว้หน้าห้องอีกเช่นเดียวกัน และเป็นครัวแบบเปิด ไม่เน้นการทำอาหารที่จริงจังเท่าไรนัก
ตู้เก็บของที่อยู่หน้าห้อง สามารถใช้เป็นตู้เอนกประสงค์ได้ จะเก็บรองเท้า หรือของใช้อื่นๆก็ได้ พื้นที่เยอะใช้ได้
ครัวหน้าตาเหมือนกับห้อง 1-Bed เลยเด๊ะๆ
แต่เนื่องจากตำแหน่งครัวไม่ได้อยู่ติดผนัง ดังนั้นตู้เย็นสามารถขยายขนาดให้ใหญ่กว่าเดิมได้ ยังไงเขาไม่ได้แถมตู้เย็นมาให้อยู่แล้ว
เดินผ่านครัวมาแล้วจะเจอกับส่วน Living Area ที่ประกอบด้วยโต๊ะทานอาหาร และ โซฟานั่งดูทีวีอยู่ติดหน้าต่าง ทางขวาเป็นทางเข้าห้องนอน
โต๊ะกินข้าวถูกวางอยู่ในตำแหน่งเยื้องๆกับส่วนครัว ซ้ายเป็นทางเข้าห้อง Master Bedroom ทางขวาเป็นประตูเข้าห้องนอนเล็ก สามารถนั่งกินได้ 5-6 คนสบายๆ แต่เนื่องจากยังมีพื้นที่เหลือ ถ้าคิดว่าแค่นี้ไม่พอนั่ง เราจะใส่โต๊ะใหญ่กว่านี้นิดนึงก็พอทำได้
ตำแหน่งของโต๊ะกินข้าว สามารถมองเห็นทีวีได้ และสามารถมองเห็นวิวที่อยู่นอกหน้าต่างได้ด้วยพร้อมๆกัน
ถัดจากโต๊ะกินข้าวเป็นส่วนโซฟานั่งดูทีวี ที่ต้องเอาทีวีไปวางไว้มุมห้อง เพราะถ้าวางตรงๆ มันจะขวางทางเข้าห้องนอนใหญ่ และต้องเป็นทีวีขนาดที่ไม่ใหญ่มาก
พื้นที่ดูทีวีตรงนี้สามารถจัดใหม่ได้ เช่นเราอาจจะนำทีวีไปแขวนผนังไว้ใต้แอร์แทน เพื่อให้สามารถขยายขนาดทีวีได้ด้วย ให้สัมพันธ์กับระยะดูทีวี แล้วขยับโซฟาออกมา หันหลังให้โต๊ะกินข้าว แล้วหันหน้าไปทางหน้าต่าง สามารถดูวิวข้างนอก พร้อมกับดูทีวีได้พร้อมกันด้วย และนอกจากนั้นก็จะทำให้ใส่โซฟาได้ตัวใหญ่ขึ้นอีก ทั้งหมดนี้ทำได้เพราะพื้นที่ยังเหลือครับ
ชุดโซฟา และโต๊ะกลาง
มุมมองจากโซฟา มองไปยังทีวี และห้องนอนที่อยู่ด้านใน
ทีวีขนาดนี้เล็กไปจริงๆ ไม่สัมพันธ์กับระยะดูทีวีที่กว้างเกือบ 3 เมตร และถ้าวางอยู่บนฐานที่เล็กขนาดนี้ มีลุ้นได้ปัดทีวีหล่นลงมาได้ด้วย ถ้าเดินชนแบบไม่ระวัง
ประตูกระจกเปิดออกไปที่ระเบียง
พื้นที่ระเบียง พอๆกับห้อง 1-Bed
มีช่องเก็บคอมฯแอร์เหมือนกัน
มองออกไปเห็นทะเลด้านนอก ที่เห็นอยู่นี้เป็นวิวจากชั้น 1 อาคารสำนักงานขายครับ
มองจากระเบียงย้อนกลับเข้ามาในห้อง จะเห็นภาพรวมของห้องแบบนี้
ทางเข้าห้องน้ำอยู่หลังโต๊ะกินข้าว เป็นห้องน้ำที่ใช้ร่วมกันระหว่างห้องนอนเล็กกับห้องรับแขก
ห้องน้ำเล็กให้มาแบบ Full-Function คือสามารถอาบน้ำได้ด้วย ไม่ใช่แค่ห้องสุขาธรรมดา
ห้องน้ำห้องนี้อาจจะมีข้อติดอย่างหนึ่งคือเปิดเข้ามาแล้วเจอโถสุขภัณฑ์อยู่ตรงกลางเลย แถมวางอยู่ชิดส่วนอาบน้ำมากไปนิด ซึ่งตามหลักแล้วควรจะเป็นที่วางอ่างล้างหน้ามากกว่า แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นไม่ใช่ประเด็นใหญ่ ก็ใช้งานได้เหมือนกัน
อ่างล้างมือให้มาขนาดเท่ากับห้อง 1-Bed ติดกระจกเงาให้เรียบร้อยแล้ว
ตำแหน่งชั้นวางผ้าเช็ดตัว อยู่เยื้องๆไป ชั้นบนติดสูดไปหน่อย เอื้อมหยิบลำบาก
ฉากกั้นอาบน้ำเหมือนห้อง 1-Bed เลย พื้นที่ก็พอๆกัน
ทางเข้ายังแคบเหมือนเดิม ควรจะเปลี่ยนเป็นประตูกระจกบานเลื่อน 3 ชิ้นนะ จะเข้าสะดวกกว่ามาก และแก้ไม่ยาก แต่ต้องเสียเงินเพิ่มหน่อย
ชุด Rain Shower ก็มีมาให้ในห้องน้ำเล็กเหมือนกัน
ทางเข้าห้องนอนเล็กอยู่ถัดจากโต๊ะรับประทานอาหาร
พื้นที่ในห้องนอนเล็กไม่ได้ใหญ่มาก แต่ก็ยังใส่เตียงขนาด 5 ฟุตมาได้
พื้นที่ปลายเตียงยังสบายๆ แต่ไม่ควรเอาอะไรมาวาง ถ้าจะติดทีวี ให้เอาแขวนผนังดีกว่า ไม่เปลืองที่ และไม่ต้องกลัวเดินชน
ข้างเตียงวางตู้เสื้อผ้า และโต๊ะแต่งตัว ขนาดเท่าเดิม
พื้นที่ฝั่งนี้ไม่ค่อยเหลือแล้ว
พื้นที่ข้างเตียงด้านที่ใกล้หน้าต่างก็เกือบจะชิดแล้ว เว้นพื้นที่ให้ลุกจากเตียงพอประมาณ
หน้าต่างในห้องนอนเล็กอาจจะบานเล็กไปหน่อย แต่ก็ยังมีได้ เพราะห้องนี้เป็นห้องมุม
หน้าต่างแบบบานกระทุ้ง เปิดออกได้กว้างพอสมควร
มือจับบานหน้าต่าง
ถัดมาเราจะเข้าไปดูในห้องนอนใหญ่กัน ซึ่งกั้นห้องด้วยประตูกระจกบาน Slide แบบ 3 ชิ้น
เมื่อเปิดประตูห้องนอนใหญ่ออก จะทำให้ได้พื้นที่เปิดโล่งที่เชื่อมต่อมายังห้องนั่งเล่นแบบนี้
ติดกับโต๊ะกินข้าวตรงนี้จะมีส่วนเว้าของผนังอยู่ช่องนึง ที่ในห้องตัวอย่างเค้าใส่ตู้ Built-in ให้ดู
ซึ่งเวลาเปิดประตูห้องนอนจนสุด มันจะมาบังตู้นี้ไว้ ทั้งนี้ก็เพื่อให้ประตูห้องนอนเปิดได้กว้างๆ จึงต้องยอมให้ตู้นี้โดนบัง ดังนั้น ทางที่ดี เราควรจะให้ตู้นี้เป็นตู้โชว์ ที่ไม่ต้องคอยหยิบของออกมาบ่อยๆ จะดีกว่า หรือไม่ก็เก็บของที่นานๆทีถึงจะต้องหยิบออกมาใช้
พื้นที่ในห้องนอนใหญ่ถือว่าค่อนข้างเหลือเฟือ เมื่อเทียบกับห้องนอนเล็ก ใส่เตียง 5 ฟุตมาเหมือนกัน ซึ่งพอจะมีพื้นที่ให้ขยายเป็น 6 ฟุตได้ ถ้าเอาโต๊ะข้างเตียงออก
ทางขวาเป็นทางเข้าห้องน้ำ ที่อยู่ในห้องนอนใหญ่
พื้นที่ปลายเตียง วางทีวีได้แบบนี้ ใส่ชั้นวางแบบบางๆลักษณะนี้ได้
อย่างไรก็ดี TV ในห้องนอนจะไม่ Center กับเตียงเท่าไหร่ แถมถ้าวางไว้แบบในห้องตัวอย่าง ทีวีจะอยู่เตี้ยเกินไป ควรจะนำทีวีขึ้นแขวนผนัง และเลือกทีวีขนาดบางๆดีกว่า จะได้ดูได้ถนัดกว่า
เวลาเปิดประตูห้องนอนออกแล้วมองออกไปที่ห้องนั่งเล่นก็จะเห็นเป็นลักษณะนี้ ทำให้คนในห้องนอนกับในห้องนั่งเล่นยังมีปฏิสัมพันธ์กันได้
พื้นที่ข้างเตียงเหลืออีกหน่อย พอวางโต๊ะหัวเตียงเล็กๆได้ตัวหนึ่ง
ผนังข้างเตียง เมื่อเปิดออก จะเห็นหน้าต่างบานใหญ่ ที่ทำให้เราสามารถนอนอยู่บนเตียง และมองออกไปเห็นวิวภายนอกได้ และได้วิวที่กว้างขึ้นเพราะเป็นผนังกระจกเข้ามุมแบบ Bay Window ด้วย
ให้ดูอีกมุมหนึ่ง จะสังเกตว่ามีบานกระทุ้งที่เปิดได้หนึ่งบาน
พื้นที่ห้องน้ำในห้องนอนใหญ่ จะใหญ่กว่าห้องน้ำห้องอื่นๆที่ผ่านมา และวัสดุจะถูกอัพเกรดขึ้นมา ให้ดีขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย เช่นกระเบื้องเปลี่ยนเป็นขนาด 60×60 แต่สุขภัณฑ์และอ่างล้างหน้าก็ยังเหมือนเดิม
ฉากกั้นอาบน้ำมีขนาดใหญ่ขึ้น อาบได้สะดวกมากขึ้น แต่ทางเข้าก็ยังขนาดเท่าเดิม
ผนังด้านหน้าตรงนี้ ติดราวแขวนผ้าเช็ดตัวกับที่วางของเอาไว้ ซึ่งจริงๆแล้วตำแหน่งวางถือว่าไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก เนื่องจากอยู่ใกล้ทางเข้าห้องอาบน้ำมากเกินไป และติดอยู่ใกล้ตำแหน่งศีรษะมากเกินไป เวลาเดินออกมาจากห้องน้ำ แล้วไม่ระวังอาจจะชนได้ วิธีแก้ไขมีและไม่ยาก ประเด็นคือ ทางเข้าส่วนอาบน้ำมันแคบเกินไป ถ้าทำทางเข้าให้กว้าง เช่นทำเป็นประตูบานสวิงแบบกระจกนิรภัยทั้งบาน จะทำให้เดินเข้าสะดวกขึ้น และจะลดโอกาสที่จะเดินชนไปได้ โดยไม่ต้องย้ายที่ติดตั้งราวแขวน
พื้นที่อาบน้ำมีเยอะ อาบได้ 2-3 คนพร้อมกันสบายๆ 😀
ผนังห้องน้ำ ติดกระเบื้องลาย “เพลินวาน” เอาไว้ให้ คือลักษณะเหมือนไม้เก่าๆ ที่ถูกทาสีทับๆกัน แล้วสีลอก
ห้องอาบน้ำนี้มีหน้าต่างระบายอากาศด้วย ซึ่งเป็นเรื่องดี คือมีแสงธรรมชาติส่องเข้ามาในห้องน้ำได้ และสามารถเปิดระบายความชื้นในห้องน้ำได้ ไม่ให้ห้องน้ำเหม็นอับ ดีกว่าพัดลมดูดอากาศ
ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 11 April 2014
- 1 ห้องนอน อาคาร A ชั้น 1 ห้อง A0102 เนื้อที่ 45 ตร.ม. ราคา 3.51 ล้านบาท หรือ 78,000 บาท/ตร.ม.
- 1 ห้องนอน อาคาร A ชั้น 1 ห้อง A0101 เนื้อที่ 56 ตร.ม. ราคา 4.39 ล้านบาท หรือ 78,393 บาท/ตร.ม.
- 1 ห้องนอน อาคาร A ชั้น 6 ห้อง A0601 เนื้อที่ 56 ตร.ม. ราคา 5.24 ล้านบาท หรือ 93,571 บาท/ตร.ม.
- 1 ห้องนอน (MOFF) อาคาร A ชั้น 7 ห้อง 0702 เนื้อที่ 62.5 ตร.ม. ราคา 5.98 ล้านบาท หรือ 95,680 บาท/ตร.ม.
- 1 ห้องนอน (MOFF) อาคาร A ชั้น 7 ห้อง A0701 เนื้อที่ 81.5 ตร.ม. ราคา 7.83 ล้านบาท หรือ 96,074 บาท/ตร.ม.
- 1 ห้องนอน อาคาร E ชั้น 4 ห้อง E0402 เนื้อที่ 55 ตร.ม. ราคา 5.33 ล้านบาท หรือ 96,909 บาท/ตร.ม.
- 2 ห้องนอน อาคาร E ชั้น 1 ห้อง E0105 เนื้อที่ 67 ตร.ม. ราคา 5.87 ล้านบาท หรือ 87,612 บาท/ตร.ม.
- 2 ห้องนอน อาคาร E ชั้น 4 ห้อง E0405 เนื้อที่ 67 ตร.ม. ราคา 6.26 ล้านบาท หรือ 93,433 บาท/ตร.ม.
- 1 ห้องนอน อาคาร F ชั้น 1 ห้อง F0101 เนื้อที่ 78 ตร.ม. ราคา 7.36 ล้านบาท หรือ 94,359 บาท/ตร.ม.
- 3 ห้องนอน อาคาร F ชั้น 4 ห้อง F0401 เนื้อที่ 78 ตร.ม. ราคา 7.68 ล้านบาท หรือ 98,461 บาท/ตร.ม.
- ราคาเริ่มต้น 2.95 ล้านบาท (Pre-sale, ไม่มีเฟอร์นิเจอร์)
- Fully Furnished / Fully Fitted (Kitchen+Sink+Hob+Hood)
- เพดานสูง 2.53 เมตร
- จอง 30,000 บาท
- ทำสัญญา 90,000/120,000/150,000 บาท แล้วแต่ราคาห้อง
- ดาวน์ 15%
- ค่ากองทุน 500 บาทต่อตารางเมตร
- ค่าส่วนกลาง 50 บาทต่อตารางเมตรต่อเดือน
ตำแหน่งที่ตั้งของ Bella Costa นั้นถือว่าอยู่ไกลออกมาจากตัวเมืองหัวหินอยู่พอสมควร ออกมาประมาณ 20 กิโลเมตร มาอยู่ในโซนที่เลยเขาเต่ามานิดหน่อยและเข้ามาในเขตของปราณบุรีแล้ว ดังนั้นย่อมเหมาะกับคนที่อยากจะได้ทำเลสงบๆ ที่อยู่ปลีกวิเวกออกมาหน่อย เน้นความเป็นส่วนตัวของทำเลเป็นสำคัญ เนื่องจากหาดทรายแถวนี้ไม่ค่อยมีคนมาใช้ และย่อมจะให้ความรู้สึกของหาดส่วนตัวที่ดีกว่า ลักษณะหาดก็ถือว่าดีใช้ได้ หาดทรายกว้าง น้ำทะเลไม่ลึก ลงเล่นได้ค่อนข้างปลอดภัย แต่ก็จะไม่เหมาะกับคนที่อยากจะได้ทำเลที่อยู่ใกล้เมืองหัวหิน ที่ไปไหนมาไหนสะดวก เพราะว่าต้องใช้เวลาในการขับรถเข้ามาในเมืองพอสมควร หรือบางคนที่อยากจะได้ความคึกคักของหาดหัวหินก็จะไม่เหมาะเช่นเดียวกัน
ถ้าเปรียบเทียบกับฝั่งชะอำ ที่ต้องขับรถเป็นระยะทางไกลมาที่หัวหินเหมือนกัน ก็ต้องบอกว่า ชะอำนั้นจะอยู่ใกล้กรุงเทพมากกว่า ขาขับรถกลับบ้าน ไม่ต้องผ่านเมืองหัวหิน ซึ่งในช่วง Long Weekend หรือช่วงวันหยุดยาว รถอาจจะติดได้ แต่ข้อเสียของหาดฝั่งชะอำ คือจะมีถนนเลียบหาด ไม่มีโครงการที่อยู่ติดหาดแบบจริงๆจังๆ
ตัวที่ดินของโครงการอยู่ลึกเข้าไปจากถนนเพชรเกษม เข้าซอยหัวหิน 105 เข้าไปเป็นระยะทาง 4 กิโลกว่าๆ ระหว่างทางเป็นทางคดเคี้ยว หายากนิดนึงเวลาต้องบอกทางคนอื่น เรื่องนี้ต้องพึ่งให้ทางโครงการ หลังจากที่โอนให้นิติบุคคลแล้ว ควรจะติดป้ายบอกทางเป็นระยะ ทุกๆแยก เพื่อไม่ให้หลงทาง (เพราะบางทีบ้านต่างจังหวัด นานๆก็เข้าไปที อาจจะหลงๆลืมๆก็ได้) การเดินทางในบริเวณนี้ ควรจะต้องมีรถอยู่แล้ว ไม่ว่าจะรถเก๋งหรือมอเตอร์ไซค์ก็ตาม เพราะแทบจะหาแท็กซี่หรือระบบขนส่งมวลชนอื่นๆไม่ได้เลย ต้องพึ่งรถส่วนตัวเป็นหลัก
การออกแบบโครงการ จัดมาค่อนข้างเน้นเรื่องความเป็นส่วนตัว เพราะมียูนิตน้อยมากเมื่อเทียบกับขนาดที่ดิน คือ 323 ยูนิต กับที่ดิน 11 ไร่ ใส่ตึกลงไป 6 ตึก แต่ส่วนใหญ่เป็นตึกเตี้ย ซึ่งคิดว่าคงจะไม่รู้สึกอึดอัดมาก ในแต่ละชั้นก็มีห้องค่อนข้างน้อยถึงน้อยมาก อย่างตึก F นี่มีแค่ชั้นละ 5 ห้องเอง ลิฟท์โดยสารในแต่ละตึกก็จัดมาสัดส่วนอยู่ในเกณฑ์ดี ถือว่าโดยรวมแล้วตอบโจทย์ในเรื่อง Privacy ได้ดี
แต่ด้วยความที่ที่ดินเป็นที่หน้าแคบ มีหน้ากว้างติดหาดประมาณ 50 เมตร ทำให้ต้องวางตึกเรียงๆกันเป็นเส้นตรง และต้องมีการบังวิวกันของแต่ละตึกบ้างเป็นเรื่องธรรมดา ทั้งนี้ทั้งนั้นโครงการเขาก็ยังจัดให้ผนังตึกของทุกตึกมีความเอียง เพื่อให้แต่ละห้องสามารถมองเห็นวิวได้เยอะที่สุดเท่าที่แต่ละห้องจะพอทำได้ ซึ่งนับว่าโครงการก็ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้พอสมควร อย่างไรก็ดี ห้องที่เห็นวิวทะเลเต็มๆก็มีไม่มาก เมื่อเทียบเป็นสัดส่วนของยูนิตทั้งหมดของโครงการ และทุกตึกก็เป็นอาคาร Low Rise ซึ่งถ้าเปรียบเทียบเรื่องวิวกับคอนโด High Rise ก็คงจะสู้ไม่ได้นะครับ อย่าเอาไปเทียบกัน
แต่ถึงแม้ว่าห้องบางห้องจะไม่ได้วิวทะเล โครงการนี้เขาก็อยู่ติดทะเลนะครับอย่าลืม และย่อมจะทำให้ผู้ที่อยู่อาศัยได้บรรยากาศของคอนโดริมทะเลแน่นอน และมันคือบ้านของเรา เราจะเดินไปใช้ Facilities จะไปเดินเล่น นอนกลิ้งริมหาด เราก็ทำได้ ซึ่งที่นี่เขาก็จัด Facilities ทั้งรอบตึก และริมหาด มาให้เยอะพอสมควร มีสระว่ายน้ำถึง 3 สระ มีสวนสาธารณะ และพื้นที่สีเขียวในโครงการค่อนข้างเยอะ และยังมี Facilities ย่อยๆกระจายไปยังส่วนอื่นๆของโครงการอีก ถือว่าให้มาค่อนข้างดี
แต่ถ้าถามว่ามีข้อเสียมั้ย ก็จะขอบอกว่า Facilities ส่วนใหญ่ มากระจุกตัวอยู่ที่ตึก A กับ B เยอะไปหน่อย เข้าใจว่าต้องการจะเพิ่มมูลค่าให้กับตึกสองตึกนี้ ที่อยู่ไกลจากหาดมากที่สุด แต่มันทำให้ตึก C กับตึก D เหมือนเป็นลูกเมียน้อยคนที่สองไปซะอย่างนั้น เพราะจะอยู่ใกล้ทะเลก็ไม่ได้ใกล้มาก จะบอกว่าใกล้สระน้ำก็ไม่ค่อยใกล้เหมือนกัน วิวทะเลก็ไม่ค่อยเห็นเพราะเป็นตึกเตี้ย เลยคิดว่าน่าจะกระจาย Facilities มาให้สองตึกที่อยู่ตรงกลางนี้บ้าง และส่วน Lobby ก็จะมีเฉพาะ Lobby รวมที่อยู่ที่ตึก A ส่วนตึกอื่นเดินเข้าตึกแล้วไม่มีล้อบบี้ หรือโถงลิฟท์เลย
ส่วนเรื่องที่จอดรถ ก็มีประมาณ 30% แบบจอดในช่องทั้งหมด น่าจะเพียงพอสำหรับคอนโดตากอากาศ แต่ก็เป็นที่จอดรถกลางแจ้ง หวังว่าอย่างน้อยจะมีหลังคาเป็นเพิงให้กับที่จอดรถด้วยนะ ไม่งั้นจอดตากแดดทั้งวันทั้งคืนคงจะร้อนน่าดู
สุดท้ายคือเรื่องสเปควัสดุที่แถมมาให้กับโครงการ ซึ่งห้องบางห้องขายแบบ Fully Fitted บางห้องขายแบบ Fully Furnished แล้วแต่ Type และขนาดนะครับ วัสดุที่จัดมาให้ก็อยู่ในเกณฑ์ที่มาตรฐานครับ พื้นลามิเนต, ฝ้าสูง 2.53 เมตร, ให้แอร์ Mitsubishi, ให้ครัวครบชุด, ห้องน้ำ Cotto การจัดวางห้อง และ Flow การใช้งานส่วนใหญ่ก็อยู่ในเกณฑ์ดีใช้ได้ครับ มีติดขัดนิดหน่อยในเรื่องของฉากกั้นอาบน้ำในห้องน้ำ และ พื้นที่โซฟานั่งดูทีวีที่ยังสามารถจัดให้ดีกว่าเดิมได้ ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่ครับ ในห้องเราจัดเองได้
ส่วนขนาดห้องเริ่มต้นที่ 45 ตารางเมตร ถือว่าขนาดค่อนข้างใหญ่เลย จัดวางเฟอร์นิเจอร์ง่าย และแม้แต่ในห้อง 1-bed ก็ตั้งใจใส่เตียงที่ยืดเตียงเสริมได้ และตั้งใจวางโต๊ะกินข้าวแบบ 4 ที่นั่ง เพราะคาดว่าผู้ที่มาพักอาศัยจะเป็นแนวครอบครัวขนาด 3-4 คนขึ้นไปครับ
Judgement
สำหรับคอนโดมิเนียมตากอากาศ เราจะไม่มีการให้คะแนนนะครับ เนื่องจากปัจจัยในการตัดสินใจซื้อ นอกจากความคุ้มค่าทางการเงินแล้ว ยังมีเรื่องของอารมณ์ ความชอบ ความรู้สึก เข้ามาเกี่ยวข้อง และเป็นปัจจัยที่สำคัญ ดังนั้นทางเราจะไม่ให้คะแนนครับ
BOTTOM LINE
คอนโด Bella Costa หัวหิน เหมาะสมกับคนที่มองหาบ้านพักตากอากาศที่หัวหิน โซนนอกเมืองหน่อย ยอมเสียเวลาขับรถไกลขึ้นมาอีกหน่อยระดับ 15-20 นาที เพื่อแลกกับความสงบ และความเป็นส่วนตัวของหาดฝั่งปราณบุรีครับ และมองหาโครงการที่มียูนิตน้อยๆ อยู่ติดทะเล และไม่เน้นวิวทะเลเป็นสำคัญ แต่มี Facilities สิ่งอำนวยความสะดวกที่ใช้งานได้จริง
ถ้าเห็นว่ารีวิวนี้มีประโยชน์ ช่วยกด LIKE ให้ผมหน่อยนะครับ จะได้มีกำลังใจทำรีวิวถัดๆไปครับ