รีวิวฉบับที่ 866 … สวัสดีครับ วันนี้ผมจะพาไปชมโครงการที่ชื่อว่า Aspire Ladprao 113 จาก AP ซึ่งชื่อของโครงการนั้นบอกว่าอยู่ซอยลาดพร้าว 113 ก็จริง แต่ทางเข้าออกนั้นอยู่ติดถนนหลักอย่างลาดพร้าวเลยครับ ทำเลโครงการอยู่ในโซนลาดพร้าวตอนปลาย สภาพแวดล้อมโดยรวมถือว่าอยู่ไม่ไกลแหล่งช็อปปิ้งอาหารการกินต่างๆ ใกล้กับห้างที่เป็นใจกลางของคนแถวนั้น อาทิเช่น เดอะมอลล์บางกะปิ ตะวันนา เป็นต้น และยังมีโรงพยาบาลและสถานศึกษาต่างใกล้ๆด้วย ตัวโครงการเป็นคอนโด Low Rise 1 อาคาร จำนวน 270 ยูนิต ในราคาเริ่มต้นประมาณ 1.66 ล้านบาท เดี๋ยวเราไปดูกันเลยดีกว่าครับ
Fact @ 29 June 2015
- ASPIRE LADPRAO 113 (แอสปาย ลาดพร้าว 113)
- บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน)
- MAIN CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
- โครงการตั้งอยู่ใน : ถนนลาดพร้าว ซอยลาดพร้าว 113 แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กทม.
- คอนโด Low Rise 8 ชั้น 1 อาคาร 270 ยูนิต
- ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 37 ยูนิต
- ที่จอดรถประมาณ 80 คันคิดเป็น 30% รวมจอดซ้อนคัน คิดเป็น 31%
- ที่ดินประมาณ 2-1-54 ไร่
- คาดว่าจะแล้วเสร็จ : 2560
- Studio 24.50 ตร.ม. ราคาเริ่มต้นประมาณ 1.66 ล้านบาท
- 1 Bedroom 28.50 ตร.ม. ราคาเริ่มต้นประมาณ 1.95 ล้านบาท
- ฝ้าเพดานสูง 2.50 ม.
- http://www.apthai.com/คอนโด/as
pire/aspire-ladprao-113/?_ds=t - Call Center : 1623
เพียงแค่การกด Like ก็เท่ากับการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจาก Think of Living แล้วครับ
สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างครับ
พิกัด : 13.770286, 100.638799
แผนที่จากทางโครงการครับ โครงการตั้งอยู่ติดถนนหลักลาดพร้าว และติดกับซอยลาดพร้าว 113 อยู่ใกล้กับรพ.เวชธานี และแหล่งช็อปปิ้ง อาทิเช่น Lotus, Major, Makro, ตะวันนา, เดอะมอลล์ บางกะปิ และตลาดบางกะปิ และแสดงเส้นทางของรถไฟฟ้าในอนาคตสายสีเหลือง ใกล้กับสถานีบางกะปิ
Aspire Ladprao 113 เป็นโครงการที่ตั้งอยู่ติดถนนหลักลาดพร้าว แถวโซนลาดพร้าวตอนปลาย อยู่ระหว่างแยกถนนประดิษฐ์มนูธรรม(เลียบทางด่วนรามอินทรา) กับสามแยกศรีนครินทร์ การจราจรบนถนนหลักลาดพร้าวบริเวณนี้ ช่วงเช้าเย็นจะค่อนข้างติดหนักเป็นส่วนใหญ่ เนื่องจากเป็นทางผ่านเชื่อมถนนหลักไปเส้นทางหลักต่างๆ แล้วยังมีไฟแดงเยอะอีกด้วย ทำให้รถค้างกระจุกกันเป็นช่วงๆ เลยรถติดแบบนี้ สภาพแวดล้อมโดยรอบถือว่ามีแหล่งอำนวยความสะดวกให้ใช้ได้ครบอยู่ มีแหล่งช็อปปิ้งอาหารการกินได้แก่ BigC, Foodland, ตลาดสดลาดพร้าว, Makro, แฮปปี้แลนด์เซ็นเตอร์, The Mall บางกะปิ, ตะวันนา อีกทั้งยังอยู่ใกล้ทั้งโรงพยาบาล และสถานศึกษาต่างๆด้วย
ในอนาคต บนถนนลาดพร้าวจะมีโครงการของรถไฟฟ้า สายสีเหลืองอ่อน โดยจะเป็นระบบรถไฟฟ้ายกระดับแบบโมโนเรล เป็นเส้นทางรัชดาลาดพร้าว – พัฒนาการ โดยสถานีที่ใกล้กับโครงการคือสถานีบางกะปิ และสถานีลาดพร้าว 101 ครับ (ทางโครงการแจ้งว่าใกล้กับสถานีบางกะปิ ประมาณ 100 เมตร) แต่ตำแหน่งทางขึ้น-ลงของตัวสถานียังไม่ได้กำหนดชัดเจนนะครับ ดูรูปประกอบเพิ่มเติมจาก Wiki “คลิ๊กที่นี่”
การเดินทางไปไหนโดยไม่ใช่รถยนต์ส่วนตัว ก็ถือว่าสะดวกในระดับนึงตรงที่ป้ายรถเมล์นั้นตังอยู่ติดกับโครงการเลย มีให้เลือกหลายสายตามในภาพประกอบ ส่วนใหญ่ทุกสายจะหมดประมาณ 22.00 – 23.00 น. โครงการอยู่ติดถนนหลักอยู่แล้วการเรียก Taxi ก็ไม่ยากเท่าไร ส่วนใครอยากจะไปห้างในละแวกใกล้ๆโดยขี้เกียจเดิน ก็จะมีพี่วินอยู่แถวปากซอยลาดพร้าว 115 โดยเดินจากโครงการมาประมาณ 150 เมตร ให้ใช้บริการ และมีคิวรถตู้อยู่ที่บริเวณตลาดแฮปปี้แลนด์อีกด้วย แต่จะวิ่งไปไหนผมทราบมาแค่ 2 เส้นคือ แยกลำสำลี-ราม-มอเตอร์เวย์-พัทยา กับอีกเส้นคือไปแถวบางนาครับ
นอกจากนี้ยังมีตัวเลือกการเดินทางอีกแบบนึง แต่คงไม่ได้ใช้กันบ่อยๆหรอกนะ ผมทำแผนที่ประกอบคร่าวๆมาให้ดูนั้นคือเส้นทางของ “เรือด่วนแสนแสบ” นั่นเอง ใครที่อยากเข้า-ออกเมือง แบบนั่งเรือก็มาใช้บริการเค้าได้ครับ แต่ในชั่วโมงเร่งด่วนจะมีผู้โดยสารหนาแน่นหน่อยนะ จากแผนที่เส้นทางเรือโดยสารคลองแสนแสบสายนิด้า ท่าเรือที่ใกล้โครงการคือ ท่าเรือเดอะมอลล์บางกะปิ และ ท่าเรือวัดกลางครับ
การเดินทางวันนี้ผมมาจากบริเวณห้าแยกลาดพร้าว ตามป้ายของบางกะปิมาเรื่อยๆ วิ่งเข้าถนนหลักอย่างลาดพร้าว และผ่านแยกรัชดา-ลาดพร้าว นะครับ วิ่งตรงมาเรื่อยๆเลย ตรงอย่างเดียว ผ่านแยกทางด่วนรามอินทรา จุดสังเกตก่อนที่จะถึงโครงการคือทางซ้ายมือจะเป็นโรงพยาบาลเวชธานี ที่ติดกับซอยลาดพร้าว 111 ให้เราชิดซ้ายเลย และขับมาอีกนิดหน่อยก็จะถึงกับที่ตั้งโครงการแล้ว ด้านข้างของโครงการอยู่ติดกับซอยลาดพร้าว 113 ครับ
การเดินทาง ผมเริ่มจากบริเวณห้าแยกลาดพร้าว ตามป้ายลาดพร้าว บางกะปิ
ชิดซ้ายเพื่อเตรียมม้วนเข้าสู่ถนนลาดพร้าว
พอเริ่มเข้าถนนหลักลาดพร้าว ทางซ้ายมือจะเป็นเป็นห้างแหล่งช็อปในราคาไม่แพงอย่าง Union Mall และติดกับ MRT สถานีพหลโยธินด้วย
ถัดมาอีกหน่อยทางซ้ายมือจะเป็นห้างBig C Extra (คาร์ฟูร์เก่า)
มาถึงแยกรัชดา-ลาดพร้าว ถ้าเลี้ยวซ้ายจะไปศาลอาญา แยกรัชโยธิน ถ้าเลี้ยวขวาจะไปถนนรัชดา สุทธิสาร ห้วยขวาง ส่วนเราตรงไปครับผม
ผ่านแยกเข้าถนนโชคชัยสี่ ทางซ้ายมือ
ตรงมาอีกหน่อยจะเจอกับตลาดโชคชัย 4
ทางแยกข้างหน้าที่เห็นจะเป็นทางด่วนเอกมัย-รามอินทรา เราตรงลอดใต้ทางด่วนไปเลย
พ้นมานิดเดียวทางซ้ายมือจะเจอกับ บิ๊กซี ลาดพร้าว บริเวณนี้ช่วงเย็นๆ รถจะติดมากเป็นพิเศษหน่อย เพราะคนมาจากทางเลียบด่วนเลี้ยวเข้ามาถนนลาดพร้าวที่อยู่อาศัยช่วงนี้ค่อนข้างเยอะ
ถัดมาจะเจอกับสนง.วังทองหลาง
ตรงมาจะเจอกับ Market Mall อย่าง Foodland ที่เปิดตลอด 24 ชม.อีกด้วย ถัดไปไม่ไกลคือรพ.ลาดพร้าว ซึ่งมีซอยลาดพร้าว 95 คั่นกลางครับ
เลยรพ.ลาดพร้าวมานิดนึง จะเจอกับสามแยกไฟแดง ที่ถ้าเราเลี้ยวขวาไปจะเป็นซอยลาดพร้าว 122 สามารถลัดเลาะไปออกซอยรามคำแหง 65 ได้
ถัดมาจะจะเจอกับสะพานลอยซึ่งบริเวณซ้ายมือเป็นซอยลาดพร้าว 101 เข้าไปเพียงนิดเดียวจะเจอกับ “ตลาดสดลาดพร้าว” อยู่บริเวณต้นซอย และซอยนี้เป็นซอยเส้นทางลัดที่สามารถไปเชื่อมกับถนนนวมินทร์ได้ด้วย
เลยมาหน่อยซ้ายมือจะเป็นปากซอยลาดพร้าว 111 หัวมุมจะเป็นรพ.เวชธานี ภายในซอยถ้าเข้าไปข้างในจะมีมหาวิทยาลัยรัตนบัณฑิต พอเราเริ่มเห็นซอยลาดพร้าว 111 ให้ชิดเลนซ้ายสุดเอาไว้เลยนะครับ
เลยมานิดเดียวเท่านั้นก็จะเจอกับซอยลาดพร้าว 111/1 ทางซ้ายมือ และเจอกับป้ายรถเมล์ ซึ่งป้ายรถเมล์นี้ถือว่าอยู่ใกล้กับโครงการของเราที่สุดแล้วระยะไม่เกิน 30 เมตรจากทางเข้า-ออกโครงการ
ถึงทางเข้าของโครงการแล้ว อยู่ติดกับถนนลาดพร้าวเลยครับ
ทางเข้า-ออก ของโครงการตอนนี้สร้างเสร็จแล้วแต่ยังไม่เปิดให้ใช้นะ เพราะตอนนี้ต้องทำเรื่องย้ายตำแหน่งเสาไฟฟ้าที่บังอยู่ 2 ต้นออกก่อน ทางซ้ายมืออนาคตจะเป็นป้อมรปภ.ครับ มีรั้วไม้กั้นกระดก และ Access Card ด้วย
มองย้อนกลับไปทางซอยลาดพร้าว 111/1 ที่ผ่านมาจะเห็นป้ายรถเมล์ที่บอกไว้
ทางขวามือของทางเข้าโครงการ ปัจจุบันตอนนี้เป็น Sale Office อยู่ แต่อนาคตจะเคลียพื้นที่ด้านในกลายเป็น Fitness แทนครับ
ป้าย Logo ของโครงการ อยู่ติดด้านนอก เด่นชัด
ฝั่งตรงข้ามโครงการฝั่งติดถนนลาดพร้าว จะเป็นซอยลาดพร้าว 142 และห้างตะวันนา 2 ที่มี OfficeMate ขนาดใหญ่ตั้งอยู่เด่นชัด
จะเห็นว่าที่ตั้งที่ดินโครงการนั้นติดทั้งถนนหลักอย่างลาดพร้าว และซอยลาดพร้าว 113 มองไปทางขวาฝั่งตรงข้ามจะเห็นห้าง Makro อยู่ไม่ไกล เดี๋ยวเราเลี้ยวเข้าไปดูในซอย 113 กันนะครับ
หัวมุมซอยลาดพร้าว 113 เราจะเห็นป้ายโมษณาขนาดใหญ่ของ AP อีกโครงการ นั่นคือโครงการ District Ladprao 113 นั่นเอง
ฝั่งที่ตั้งโครงการบริเวณนี้ ตอนนี้ทำเป็นที่จอดรถชั่วคราวสำหรับผู้มาติดต่อดูโครงการนะ ในอนาคตพอขายหมดแล้วฝั่งนี้ทั้งหมดจะล้อมด้วยด้วย สูงประมาณ 2 เมตร ให้ใช้ทางเข้าออกแค่ถนนหลักลาดพร้าวเท่านั้น
บริเวณฝั่งตรงข้ามของโครงการ Aspire จะเป็นโครงการ District ที่เป็นโฮมออฟฟิศ สูง 4 ชั้น หน้ากว้าง 7.7 เมตร มีทั้งหมด 17 ยูนิต ปัจจุบันเริ่มก่อสร้างแล้วทั้งหมด
โครงการ Aspire Ladprao 113 นี่ก็เริ่มลงเสาเข็มแล้วเหมือนกัน
จะเห็นว่าพื้นที่ดินของ Aspire จะสิ้นสุดพอๆกับโครงการ District เช่นเดียวกัน เท่ากับว่าวิวฝั่งทิศตะวันออกทั้งหมดจะ จ๊ะเอ๋กับโครงการ District นั่นเองครับ
ฝั่งทิศเหนือที่ติดกับโครงการขึ้นไป จะเป็นแนวบ้านพักอาศัยชุมชนเดิมทั้งหมด ที่สูงประมาณ 1-2 ชั้น
กลับมาดูที่หน้าตาภายนอกของ Sale Office ที่บอกไว้ว่าอนาคตจะเป็น Fitness นั่นเอง
ด้านนอกอาคารมีทางเข้าห้องน้ำส่วนกลาง ส่วนนี้จะไม่รื้อแล้วนะครับ อยู่ตำแหน่งนี้ยาวเลย ด้านหน้าทางเข้าเป็นทรายล้าง
พอเข้ามาข้างใน พื้นห้องน้ำปูด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้ มีอ่างล้างมือ 1 จุด และโถปัสสาวะ 2 จุดครับ
ด้านในมีห้องน้ำชุดสุขภัณฑ์ให้ 2 ห้อง พร้อมพัดลมดูดอากาศ
เข้ามาดูภายในห้องสำยนักงานขายกันบ้าง พื้นจะปูด้วยลามิเนตลายไม้ทูโทนอ่อนตัดเข้ม มีหน้าต่างช่องแสงเยอะพอสมควร เคาน์เตอร์มีสีดำเงาๆทรงแคปซูลเก๋ๆ มีโต๊ะรองรับลูกค้าประมาณ 4 ชุด
มองย้อนกลับไปทางประตูทางเข้าบ้าง
สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น
- ตะวันนา 2 OfficeMate (ฝั่งตรงข้าม) ประมาณ 100 ม.
- Makro ประมาณ 200 ม.
- ตะวันนา 250 ม.
- เดอะมอลล์ บางกะปิ 400 ม.
- โรงพยาบาลเวชธานี 400 ม.
- แฮปปี้ แลนด์ เซ็นเตอร์ ประมาณ 400 ม.
- Tesco Lotus บางกะปิ 600 ม.
- ตลาดบางกะปิ ประมาณ 850 ม.
- พันธุ์ทิพย์ พลาซ่า บางกะปิ ประมาณ 1.0 กม.
- รพ.ลาดพร้าว ประมาณ 1.9 กม.
- FoodLand ประมาณ 2 กม.
- รพ.รามคำแหง ประมาณ 2.2 กม.
- บิ๊กซี ลาดพร้าว ประมาณ 3.3 กม.
- มหาวิทยาลัยรามคำแหง ประมาณ 4.2 กม.
- ทางด่วนรามอินทรา – อาจณรงค์ ประมาณ 5.5 กม.
มาดูสภาพแวดล้อม และวิวโครงการในระยะประชิดกันหน่อย เริ่มจากทิศใต้ก่อน เป็นส่วนที่ติดถนนหลักลาดพร้าวบริเวณฝั่งตรงข้ามจะเป็นซอยลาดพร้าว 142 และตะวันนา 2 ถัดมาทางทิศตะวันออกติดกับซอยลาดพร้าว 113 ตามชื่อของโครงการ และวิวหันหน้าชนกับตัวโครงการ Distrcit ลดาพร้าว ของ AP เช่นกันเป็นรูปแบบโฮมออฟฟิศสูง 4 ชั้น ส่วนทางด้านทิศเหนือจะเป็นชุมชนบ้านพักอาศัยเดิมที่สูงประมาณ 1-2 ชั้นเท่านั้น สุดท้ายทิศตะวันตก จะประชิดกับแนวอาคารพาณิชย์ 4 ชั้นครึ่ง ที่อยู่ในซอยลาดพร้าว 111/1 สักหน่อยครับ
ภาพจำลองบรรยากาศบริเวณด้านหน้าโครงการ อนาคตจะมีรถไฟฟ้าสายสีเหลืองมาเสริมในเรื่องการเดินทาง
ภาพจำลองบรรยากาศบภายนอกโครงการ อาคารใช้โทนสีเทาเข้มกับกับเทาอ่อนและสีขาว
Club House ที่แยกออกมา วางเครื่องเล่นออกกำลังกายไว้ประมาณ 6 เครื่อง และสระว่ายน้ำ 1 สระ มี Deck นอนพักผ่อนบริเวณรอบๆ เป็นระบบเกลือ ขนาด 5 x 16 เมตร ลึก 1.3 เมตร ไม่มีแยกสระเด็ก
มาดู Master Plan กันบ้าง ตัวโครงการจะมี ClubHouse ที่เป็นห้องฟิตเนสและห้องน้ำแยกออกมา อยู่ติดกับถนนลาดพร้าวด้านหน้า(ตอนนี้เป็น Sale Office) ติดกันจะเป็นสระว่ายน้ำ ระบบเกลือขนาดประมาณ 5 x 16 เมตร ลึกประมาณ 1.3 เมตร ไม่มีแยกสระเด็ก รอบๆโครงการลงต้นไม้เอาไว้บังแนวสายตา เพิ่มความเป็นส่วนตัวนิดหน่อย รั้วที่ล้อมรอบโครงการเป็นแบบครึ่งทึบครึ่งโปร่งสูงประมาณ 2 เมตร มีช่องจอดรถทั้งหมด 80 คัน คิดเป็น 30% ถ้าซ้อนคันเพิ่มได้อีก 4 คัน คิดเป็น 31% ภายในอาคารจะมี Lobby ขนาดไม่ใหญ่มาก เชื่อมต่อกับห้องจดหมาย และห้องซักผ้า มีลิฟท์โดยสารทั้งหมด 2 ตัว ไม่มี Service Lift อัตราส่วนลิฟท์เท่ากัน 135 : 1 ชั้นแรกนี่มีห้องพักอาศัยแล้วนะครับ วิวฝั่งทิศตะวันตก เป็นห้องแบบ Studio ทั้งหมด จำนวน 11 ยูนิต
ตั้งแต่ชั้น 2-8 ขึ้นไปจะเป็นห้องพักอาศัยแบบจริงจัง ทางเดิน Corridor เป็นเป็นรูปตัว I เหมือนกับภายนอกตามรูปทรงอาคาร ซึ่งความหนาแน่นของยูนิตต่อชั้นคือ 37 ยูนิต ได้แก่ห้อง Studio 11 Unit และห้อง 1 Bed 26 Unit ครับ อย่างที่บอกไปวิวจากระเบียงของโครงการนี้จะเป็นสองฝั่งเท่านั้นคือทิศตะวันออกและทิศตะวันตก ซึ่งฝั่งตะวันตกจะประชิดกับแนวอาคารพาณิชย์มากกว่า แต่ฝั่งตะวันออกถึงแม้จะเห็นโครงการ District Ladprao โฮมออฟฟิศ 4 ชั้นก็จริง แต่จะมีพื้นที่จอดรถ และซอยลาดพร้าว 113 มาคั่นเอาไว้ ทำให้ไม่ติดกันมาก
สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก
- สระว่ายน้ำ 1 สระ ระบบเกลือ ขนาด 5 x 16 เมตร 1.3 เมตร ไม่มีแยกสระเด็ก
- ห้องออกกำลังกาย 1 ห้อง ใส่เครื่องออกกำลังกายประมาณ 6 เครื่อง
- สวนหย่อมรอบโครงการ
- อัตราส่วนลิฟท์ตึก 135 : 1
- Passenger Lift 2 ตัว, No Service Lift
- ที่จอดรถประมาณ 80 คันคิดเป็น 30% รวมจอดซ้อนคัน 84 คัน คิดเป็น 31%
- ระบบ CCTV / Access Card / รปภ.24 ชม.
ห้องตัวอย่างทางโครงการทำมาแค่ห้องเดียวนะครับ คือห้องแบบ 1 Bedroom ขนาด 28.50 ตร.ม. โดยที่เข้ามาในห้องจะเจอกับห้องนั่งเล่นก่อน และห้องนอนถูกกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อนแสงธรรมชาติจะได้สามารถส่องมาในห้องนั่งเล่นได้ จากห้องนั่งเล่นจะสามารถออกไปสู่โซนครัว เป็นครัวปิด มีพื้นที่ค่อนข้างกว้าง ซึ่งติดกันเป็นทางออกไปสู่ระเบียง ระเบียงมีคอมแอร์หันลมร้อนออกนอกอาคาร ห้องน้ำได้วัสดุของ AME ก แต่ไม่ได้ฉากกั้นอาบน้ำมาให้ โครงการขายห้องให้แบบ Fully Fitted โดยจะได้เคาน์เตอร์ครัวและซิงค์ ผนังห้องและฝ้าเพดานฉาบเรียบทาสี โคมซาลาเปา แอร์ Samsung 1 ตัว สุขภัณฑ์ภายในห้องน้ำ American Standard
Signage หน้าห้องตัวอย่าง แบบ 1 Bedroom 28.50 ตร.ม.
เข้ามาในห้องจะเจอกับส่วนของ Living Room เป็นโซนรับแขกและนั่งดูทีวี ระยะห่างจากโซฟาเวลานั่งดูทีวี ประมาณ 1.6 เมตร พื้นในห้องส่วนนี้และห้องนอนจะปูด้วยลามิเนตหนา 8 mm. ความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดานประมาณ 2.5 เมตร
บริเวณที่วางโซฟา ทางโครงการทำตัวอย่างโดยวางโซฟาไว้แบบ 2 ที่นั่ง แบบที่มีพนักวางแขน และโต๊ะเล็กด้านข้าง ให้ดูเป็นตัวอย่าง
จะเห็นว่ามีพื้นที่ด้านข้างโซฟาเหลืออยู่ทั้งสองฝั่ง ถ้าใครชอบให้แขกมาเที่ยวห้องบ่อยๆหน่อย ผมแนะนำเลือกโซฟา แบบ 3 ที่นั่งก็ได้นะครับ มีพื้นที่เหลือ
ห้องตัวอย่างทำเป็นฝ้าหลืบฝังไฟเอาไว้ให้ดูเป็นไอเดียเผื่อใครสนใจ แต่ของจริงเราจะได้แค่โคมไฟซาลาเปา บริเวณกลางห้องเท่านั้นครับ
ระยะดูทีวีประมาณ 1.6 เมตร เวลานั่งอยู่บนโซฟา อารมณ์จะประมาณนี้นะครับ ระยะขนาดนี้จัดทีวีสักขนาดประมาณ 40 นิ้วก็พอแล้วครับ กำลังดี ทำแบบแขวนผนัง เราจะได้มีพื้นที่เหลือเก็บตามชุดตู้ในห้องตัวอย่างก็ได้ และถ้ามีของใช้เยอะหน่อย พื้นที่ด้านบนทีวีเราก็ Built-In ตู้เพิ่มเองซะเลย
พื้นที่ห้องนอนถูกกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อนเต็มบานแบบนี้ ซึ่งฝั่งบานทางซ้ายเป็นบาน Fix นะครับไม่สามารถเลื่อนได้ บานกระจกใสแบบนี้ดีนะครับ เวลากลางวันถ้าอยากได้แสงธรรมชาติมาบริเวณห้องนั่งเล่น แสงก็จะส่องมาถึงได้
รางเลื่อนจะอยู่ที่พื้นแบบนี้
ตัวจับเปิดปิด เป็นแบบเซาะร่องแบบนี้ ส่วนวงกบเป็นอลูมิเนียมอบขาวธรรมดา มีซีลกันเสียงด้วยสักหลาดให้ด้วย
มาดูภายในห้องนอนกันบ้าง ห้องตัวอย่างวางเตียงขนาด 5 ฟุตเอาไว้ให้ และระยะรอบเตียงเหลือเดินได้พอสะดวก
ถ้าเราวางขนาดเตียงตามห้องตัวอย่างแล้ว ระยะด้านข้างเตียงฝั่งซ้ายจะเหลือ 80 cm. และฝั่งขวาเหลือ 70 cm. สามารถวางโต๊ะหัวเตียงเก๋ หรือโคมไฟสวยๆได้เลย หรือถ้าใครจะลดโต๊ะหัวเตียงออกสัก 1 ตัว แล้วเพิ่มขนาดเตียงเป็น King Size ก็ได้นะ
ผนังฝั่งหน้าต่างจากพื้นถึง วงกบหน้าต่างบาน Fix สูงขึ้นมาประมาณ 60 cm.
รูปแบบหน้าต่างบานล่างแนวยาวจะเป็นบาน Fix ส่วนด้านบนจะเป็นบานเลื่อน วัสดุวงกบเป็นอลูมิเนียมอบขาวเช่นเดียวกัน
เวลาเปิดออกจะเป็นแบบนี้ ตัวหน้าต่างมีความสูงทั้งหมดประมาณ 1.4 เมตร
ตัวจับเปิด-ปิด และล็อก
มองไปทางปลายเตียง สามารถทำทีวีแขวนผนังได้ เวลาเรานอนดูทีวีจะเป็นแบบนี้ ถ้าใครชอบนอนดูทีวีอาจจะต้องใช้ขาแขวนที่ปรับองศาของทีวีได้ ไม่งั้นตาจะเอียงเอานะ ตู้เสื้อผ้าทางซ้ายมือนี่ไม่ได้นะ ส่วนแอร์นี่เราได้นะครับ ของ Samsung ขนาด 11,000 BTU
ให้ดู Idea ตู้เสื้อผ้า Built-In ของห้องตัวอย่างสักหน่อย
มาดูส่วนครัวกันบ้าง พอเริ่มเข้าโซนครัว พื้นจะเป็นกระเบื้องแกรนิตโต้ขนาด 60 x 60 cm.
ภายในโซนครัวหน้าตาแบบนี้นะ สิ่งที่เราได้จะมีชุดเคาน์เตอร์ครัวเท่านั้น และไฟดานโคมไฟซาละเปา
ฝั่งขวามือจะเป็นพื้นที่วางตู้เย็น ระยะห่างระหว่างผนังกับชุดตู้ครัวประมาณ 85 cm. ถ้าอยากได้ตู้เย็นขนาดใหญ่กว่านี้ก็เลือกเองได้เลยครับ อ้อ.. เครื่องใช้ไฟฟ้าไม่ได้นะ
ด้านบนจะเป็นเชลฟ์ชั้นวางของแบบเปิดแบบนี้ ผนังด้านข้างกรุด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้ กันเลอะเวลาทำครัว ไม่มี Hob&Hood มาให้ ชุดเคาน์เตอร์ครัว Top คือ Postform(โพสต์ฟอร์ม) ซึ่งเป็นผิวลามิเนตเช่นกันแบบกันน้ำระดับนึง
ชุดอ่างล้างจานและก๊อกเป็นของ MEX
ชุดตู้ด้านล่างจะมีช่องใส่ไมโครเวฟ และเครื่องซักผ้ามาให้
ลองเปิดฟังก์ชั่นเก็บของชุดตู้ด้านล่างให้ดู ซ้ายบนจะมีที่เก็บช้อนส้อม และด้านล่างเก็บของอเนกประสงค์ ฝั่งขวาเป็นตู้เก็บของใต้อ่างล้างจานเก็บได้เยอะหน่อย
ทางฝั่งซ้ายจะเหลือพื้นที่อยู่หน่อยนึงประมาณ 35 cm. ใครอยากจะหาชั้นวางของหรือทำเป็นชุดตู้เพิ่มก็ได้นะครับ
ฝั่งตรงข้ามกับชุดเคาน์เตอร์ครัว โครงการทำ Built-In Idea ให้ดู ทำเป็นโซนนั่งทานอาหารแบบนี้ ผมว่าดีนะครับ
ให้ดูอีกมุมนึงด้านบนลงมา เวลาทานข้าวก็ถือว่าไม่อึดอัดนะ ถ้ามีงบพอแนะนำทำแบบนี้ก็ได้ครับ
พื้นที่ระเบียงกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อนแบบนี้สูงประมาณ 1.9 เมตร(รวมวงกบด้วย)
พื้นเป็นธรณีก่อนขึ้นมาประมาณ 8 ซม. ข้อดีคือกันน้ำฝนสาดเข้ามาในห้อง และทำงานซักล้างที่ระเบียงได้ แต่เวลาเดินเข้าออกต้องระวังสะดุดหน่อยครับ
พื้นที่ระเบียงขนาดประมาณ 0.9 x 1.5 เมตร มี Drain ระบายน้ำอยู่มุมขวาบน รั้วกันตกเป็นโครงเหล็กพ่นสีดำความสูงจากพื้นทั้งหมดประมาณ 1.20 เมตร
มองตรงๆเป็นแบบนี้ครับ เราสามารถหาราวแขวนผ้าแบบยึดผนังมาติดด้านบนก็ได้นะครับ มีพื้นที่เหลือ
ส่วนตำแหน่งของคอมเพรสเซอร์แอร์ของจริงจะอยู่ประมาณนี้ และลมร้อนหันออกด้านนอกอาคาร
มาดูภายในห้องน้ำกันบ้างครับ พื้นในห้องน้ำปูด้วยกระเบื้องเคลือบผิวด้านขนาด 30 x 30 cm. ผนังก็กรุด้วยกระเบื้องแบบเดียวกัน ทางขวามือมีที่แขวนผ้าขนหนูมาให้
ผนังติดกระจกเงาขนาดไม่ใหญ่เท่าไรเอาไว้ และทำเป็น Low Wall เอาไว้วางของใช้ได้
ชุดอ่างล้างหน้า สุขภัณฑ์ และก๊อก เป็นของ American Standard ทั้งหมด ยกเว้นที่แขวนกระดาษชำระของ VRH
ลองเทียบขนาดของอ่างล้างหน้ากับฝ่ามือให้ดูครับ ไม่เล็กไม่ใหญ่เท่าไร
ฝั่งซ้ายมือแยกส่วนเปียกของพื้นที่อาบน้ำเอาไว้ให้แบบนี้ แต่ไม่ได้ให้ฉากกั้นมา แนะนำให้ไปหาติดเพิ่มนะ ถ้ามีงบหน่อยก็เลือกแบบกระจกนิรภัยไปเลยก็ได้เพิ่มความสวยงามด้วยครับ
พื้นเป็นธรณีก่อขึ้นมาประมาณ 10 cm. ส่วนของพื้นที่อาบน้ำประมาณ 0.9 x 1.1 เมตร
ชุดฝักบัวอาบน้ำของ American Standard เช่นเดียวกัน ผนังด้านข้างเซาะร่องเอาไว้ให้วางเก็บของใช้ คงต้องหาที่คั่นชั้นมาเพิ่ม จะได้เก็บของเป็นหมวดหมู่ได้
หน้าตาของหัวฝักบัว สามารถปรับรูปแบบน้ำได้
โคมไฟซาละเปาวงกลม และพัดลมดูดอากาศ
ห้องอีกแบบที่โครงการมีนั่นคือ Studio ขนาด 24.50 ตร.ม. โดยพอเริ่มเข้ามาในห้องจะเจอ เคาน์เตอร์ครัวก่อน เป็นรูปแบบครัวเปิด ถ้าทำอาหารหนักกลิ่นต้องเข้าไปในส่วนอื่นๆแน่นอน ถัดไปจะเป็นส่วนของโซนรับแขกพื้นที่นั่งเล่นระยะดูทีวีค่อนข้างกว้าง แต่คงวางโซฟาได้แค่แบบ 2 ที่นั่งเท่านั้น ติดกันจะเป็นโซนห้องนอนเลย บริเวณปลายเตียง จะมีพื้นที่เหลือไว้ทำตู้เสื้อผ้าได้ ติดกันกับเตียงนอนเป็นประตูทางออกไประเบียง ห้องนี้ระเบียงจะยาวกว่าแบบ 1 Bed นะครับคอมแอร์หันลมร้อนออกนอกอาคารเช่นกัน
**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะครับ
ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 29 June 2015
- Studio แบบห้อง A02 ชั้น 2 เนื้อที่ 24.50 ตร.ม. ราคา 1.667 ล้านบาท หรือ 68,041 บาท/ตร.ม.
- Studio แบบห้อง A03 ชั้น 4 เนื้อที่ 24.50 ตร.ม. ราคา 1.687 ล้านบาท หรือ 68,857 บาท/ตร.ม.
- Studio แบบห้อง A07 ชั้น 6 เนื้อที่ 24.50 ตร.ม. ราคา 1.707 ล้านบาท หรือ 69,673 บาท/ตร.ม.
- 1 Bedroom แบบห้อง B24 ชั้น 3 เนื้อที่ 28.50 ตร.ม. ราคา 1.968 ล้านบาท หรือ 69,053 บาท/ตร.ม.
- 1 Bedroom แบบห้อง B22 ชั้น 4 เนื้อที่ 28.50 ตร.ม. ราคา 1.988 ล้านบาท หรือ 69,754 บาท/ตร.ม.
- 1 Bedroom แบบห้อง B10 ชั้น 3 เนื้อที่ 28.50 ตร.ม. ราคา 2.168 ล้านบาท หรือ 76,070 บาท/ตร.ม.
- Fully Fitted
- ฝ้าเพดานสูง 2.5 เมตร
- Kitchen & Sink
- แอร์ Samsung 1 ตัว 11,000 BTU
- จอง 10,000 บาท
- ทำสัญญา Stuido 20,000 บาท, 1 Bedroom 30,000 บาท
- ดาวน์ 10% ผ่อนดาวน์ 10 งวด
- ค่ากองทุน 350 บาท/ตร.ม.
- ค่าส่วนกลาง 68 บาท/ตร.ม./เดือน
**ราคาที่เอามาลง เป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ครับ
ทำเลของโครงการ ASPIRE ลาดพร้าว 113 นั้นถือว่าค่อนข้างดีนะครับ อยู่ติดถนนหลักอย่างลาดพร้าวและด้านข้างเป็นซอยลาดพร้าว 113 ที่เป็นซอยตันแต่อนาคตไม่เงียบเหงาแน่นอน เพราะมีโครงการ District Ladprao มาเสริมศักยภาพค้าขายและออฟฟิศให้ดูคึกคักเพิ่มมากขึ้น อีกทั้งระยะในละแวกรอบๆก็พอจะเดินไปไหนได้มาได้ได้(ไม่เกิน 500 เมตร) อาทิเช่น รพ.เวชธานี แหล่งช็อปปิ้งอย่างพวกห้าง Makro ตะวันนา 1 และ 2 อีกทั้งยังมีแฮปปี้แลนด์เซ็นเตอร์ และห้างหลักของคนแถวนี้อย่างเดอะมอลล์บางกะปิ ที่ด้านหลังมีท่าเรือด่วนแสนแสบด้วย
สภาพแวดล้อมโดยรวมถือว่าอยู่ไม่ไกลแหล่งช็อปปิ้งอาหารการกินต่างๆ และยังมีโรงพยาบาลและสถานศึกษาต่างใกล้ๆด้วยนะ อยู่ติดถนนลาดพร้าวระหว่างแยกถนนประดิษฐ์มนูธรรม(เลียบทางด่วนรามอินทรา) มาทางใกล้ฝั่งสามแยกศรีนครินทร์ จะเดินทางไปไหนก็ค่อนข้างสะดวก ถ้าไม่นับรถติดนะ
การเดินด้วยรถยนต์จะสะดวกมากกว่า ซึ่งเรารู้กันดีอยู่แล้วว่าถนนลาดพร้าวช่วงนี้ส่วนใหญ่จะรถติดก็จริง แต่มันก็มีซอยสามารถเชื่อมต่อลัดเลาะกับเส้นทางลัดหลายๆทาง ออกไปถนนรามคำแหงได้เลย หรือถ้าศึกษาเส้นทางดีๆ วันไหนเราจะไปเลียบทางด่วนรามอินทรา แต่เห็นท่าไม่ดีรถติดเราสามารถทะลุไปจนถึงถนนอินทราภรณ์ โผล่ถนนเลียบด่วนรามอินทราได้เลยนะ ถ้าจะไปเสรีไทย หรือรามอินทราก็ง่ายมากตรงอย่างเดียวโลดด
ถ้าเป็นคนที่ไม่ใช้รถ ก็ถือว่าค่อนข้างสะดวก เริ่มจากรถเมล์สาธารณะกันก่อน ป้ายรถเมล์พี่แกอยู่ห่างจากทางเข้าโครงการประมาณ 30-40 เมตรเท่านั้นเอง ใกล้มากๆ แต่ถ้าจะใช้บริการพี่วินตรงเดินขึ้นไปบริเวณปากซอยลาดพร้าว 115 ประมาณ 150 เมตร หรือถ้าใครซี้กับพี่วินแล้วก็ใช้ระบบโทรเรียกเอาก็ได้ อีกทั้งตัวโครงการนั้นอยู่ติดกับถนนหลักลาดพร้าวทำให้การเรียกแท็กซี่นั้นง่ายเลยด้วย ส่วนที่มาเสริมศักยภาพในอนาคตก็คงจะเป็นรถไฟฟ้าสายสีเหลืองอ่อน ที่โครงการแจ้งว่าจะอยู่ใกล้กับสถานีบางกะปิครับ
สำหรับเรื่องวิว ตัวรูปแบบอาคารจะเป็นตัว I ซึ่งฝั่งที่หันออกระเบียงจะมีหันออกทางทิศตะวันออกและตะวันตก เรียกว่าคงจะโดนบล็อคทั้งสองฝั่งเลย ฝั่งตะวันตกจะติดกับแนวอาคารพาณิชย์ 4 ชั้นครึ่งในซอยลาดพร้าว 111/1 ส่วนฝั่งวิวทิศตะวันออกจะไม่ประชิดมากนัก เพราะจะมีที่จอดรถภายในโครงการ และซอยลาดพร้าว 113 คั่นเอาไว้ แต่ก็ยังเห็นในส่วนของโครงการ District ลาดพร้าวครับ ซึ่งเป็นธรรมดาของคอนโด Low Rise อยู่แล้วที่ไม่ได้เน้นเรื่องวิวเท่าไร
โทนสีของอาคารใช้สีเข้ม ถ้าดูจากรูป Perspective จะเป็นสีเทาเข้ม ตามที่คอนโดสมัยนี้ชอบใช้กัน เพราะว่าจะดูเก่ายาก และเข้ากับยุคสมัยด้วย ส่วนเรื่องความหนาแน่นของการอยู่อาศัยก็จัดว่าระดับปานกลางไปทางสูงนิดหน่อย ที่อัตราส่วนลิฟท์ 135:1 จำนวนยูนิต 270 ยูนิตและสูงสุดที่ 37 ยูนิตต่อ 1 ชั้น
การออกแบบห้องทำฟังก์ชั่นออกมาได้ดี ใช้งานได้ทุกส่วนทุกจุด ห้องตัวอย่างของ 1 Bed ต้องชมเชยเรื่องครัว โต๊ะกินข้าว พื้นที่เก็บของทำออกมาได้ค่อนข้างลงตัว แต่ด้วยห้องที่มีขนาด 28.5 ตารางเมตร ก็ทำให้ห้องนอนและห้องนั่งเล่นจะดูแคบไปบ้าง
วัสดุอุปกรณ์ของที่ให้มา ถือว่าได้ของตามมาตรฐานในแบนรด์ของ ASPIRE นะครับ พื้นห้องนั่งเล่นและห้องนอนเป็นลามิเนต 8 mm. ส่วนครัวพื้นแกรนิตโต้ 60 x 60 cm. ส่วนระเบียงและห้องน้ำเป็นกระเบื้องเคลือบ 30 x 30 cm. โคมไฟซาละเปา ท๊อปครัวเป็น Postform แต่ไม่มี Hob&Hood มาให้ แถมแอร์ให้ 1 ตัวของ Samsung เพดานสูง 2.5 เมตร ภายในห้องน้ำได้ของ American Standard แต่ไม่ได้ฉากกั้นอาบน้ำ
สุดท้ายคือเรื่องของส่วนกลางที่จัดพื้นที่มาให้ค่อน มีตัวอาคาร ClubHouse ที่แยกออกมาอยู่บริเวณทางเข้าโครงการมีฟิตเนสในตัว สระว่ายน้ำระบบเกลือกว้างประมาณ 5 x 16 ม. ลึก 1.3 ม. ไม่มีสระเด็ก ภายในภายคารจะมี Lobby มีโต๊ะรับรองแขกไว้ประมาณ 2 ชุด และมีห้องซักผ้ามาให้ ที่น่าเป็นห่วงที่สุดเห็นจะเป็นเรื่องอัตราส่วนของที่จอดรถมากกว่า คือมีช่องจอดทั้งหมด 80 ช่อง คิดเป็น 30% ซ้อนคันได้เพิ่มมาได้อีก 4 คัน คิดเป็น 31% สำหรับทำเลในย่ายลาดพร้าวตอนปลาย หลายๆคนยังอาจจะใช้รถยนต์ส่วนตัวเดินทางไปไหนเป็นหลักอยู่บ้าง ต้องขึ้นอยู่กับการจัดการบริหารของนิติและลูกบ้านช่วยดันดูแลส่วนนี้ด้วยนะครับ อีกเรื่องคือค่าส่วนกลางต่อตร.ม.ที่นี่ถือว่าเก็บค่อนข้างสูงทีเดียว การเก็บค่าส่วนกลางเริ่มต้นตอนเปิดขายที่ระบุไว้ 68 บาทต่อตารางเมตร เนื่องมาจากจำนวนยูนิตที่ไม่สูงมากเมื่อเทียบกับเนื้อที่ดินโครงการ
Judgement
การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยพิจารณาดังนี้
ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%
เทียบกับราคา 68,000 บาท/ตร.ม., 29 June 2015
- ทำเล 8.25/10 – ทำเลถือว่าดีสำหรับคนมองหาบ้านในย่านนี้ ที่ติดถนนหลัก ในระยะเดินไปหาแหล่งช็อปและการกินได้ง่าย ครบเครื่องและอุดมสมบูรณ์ แต่ถ้าไม่ใช่อยู่อาศัยหรือทำงานย่านนี้ ให้ลดคะแนนลงได้เองตามความสะดวก
- เดินทางด้วยรถ 7.5/10 – สะดวกเดินทางได้หลากหลาย เป็นลาดพร้าวตอนปลายที่เชื่อมออกไปเส้นหลักได้ทุกทิศทาง แต่ที่จอดรถให้มาน้อยมากน่าเป็นห่วงนิดหน่อย
- ไม่ใช้รถ(ปัจจุบัน) 8.0/10 – ติดถนนใหญ่เรียก Taxi ง่าย ใกล้ป้ายรถเมล์สุด พี่วินห่างแค่ 150 ม.
- ไม่ใช้รถ(ถ้ารถไฟฟ้าเสร็จ) 8.5/10 – ถ้ารถไฟฟ้าเสร็จจะอยู่ใกล้สถานีบางกะปิ มาศักยภาพในการเดินทางไม่ใช้รถเพิ่มขึ้นอีก
- วัสดุ 7.5/10 – ระดับมาตรฐานของแบรนด์นี้ครับ
- แบบ 7.75/10 – ออกแบบมาค่อนข้างดี พื้นที่ใช้สอยลงตัวดี ใช้งานได้พอดีทุกจุด
- สาธารณูปโภค 7.0/10 – ให้มาน้อยไปหน่อย ถ้าเทียบกับการเก็บราคาค่าส่วนกลางขนาดนี้
- ECONOMY – MAIN CLASS
- ปัจจุบัน 7.66 / 10.00
- เมื่อรถไฟฟ้าเสร็จ 7.75 / 10.00
BOTTOM LINE
Aspire Ladprao 113 เหมาะกับคนที่อยากอยู่ใกล้กับถนนหลักอย่างลาดพร้าว มองหาบ้านหลังที่สองหรือมาทำงานแถวนี้ โดยเดินไปแหล่งช็อปปิ้งพอได้ไม่ไกล ใช้พี่วิน,รถเมล์,Taxi ง่ายๆหน่อยไม่เน้นเปลี่ยว ใช้รถส่วนตัวบ้าง มีงบประมาณระดับ 1.6 – 2.3 ล้าน หรือมีกำลังผ่อนประมาณ 12,000 – 17,000 บาท/เดือน
ถ้าเห็นว่ารีวิวนี้มีประโยชน์ ช่วยกด LIKE ให้ผมหน่อยนะครับ จะได้มีกำลังใจทำรีวิวถัดๆไปครับ
สมัครสมาชิกพร้อมรับข่าวสารเพิ่มเติม (คลิกที่นี่ )