รีวิว ASCARI วิภาวดี-ประชาชื่น (เฟส 1) ช่วงนี้มีแต่บ้านบนทำเลหายากออกมาให้จับจองกันนะคะ คราวนี้มาที่โซนประชาชื่นกันบ้างค่ะ เป็นย่านอยู่อาศัยติดตัวเมืองที่เดินทางได้สะดวก เจ้าของเดิมจึงนิยมส่งต่อบ้านกันจากรุ่นสู่รุ่น ทำให้การหาซื้อที่ดินเปล่าหรือรวมแปลงเพื่อเป็นหมู่บ้านจัดสรรจึงมีน้อยมากในโซนนี้ โครงการที่เปิดขายก็มีน้อยมากส่วนใหญ่เป็นทาวน์โฮมและบ้านแฝด  ถ้าต้องการบ้านเดี่ยวมือ 1 ต้องขยับออกไปยังโซนงามวงศ์วาน แถววัดบัวขวัญแล้ว เบื้องต้นเราสรุปประเด็นที่น่าสนใจไว้ดังนี้

  • ทำเลใจกลางประชาชื่น อยู่ในโซนที่มีความอุดมสมบูรณ์สูง แต่ยังมีความเงียบสงบติดตัวเมือง เพียง 2 กม.ถึงถนนรัชดาภิเษกและ 6 กม.ถึงห้าแยกลาดพร้าว
  • ใกล้ทางด่วนศรีรัช และ Toll Way ในระยะ 2 – 4 กม.
  • บ้านเดี่ยว 3.5 ชั้นพร้อมลิฟต์
  • พื้นที่รองรับ Super Car Garage
  • จอดรถสูงสุดถึง 4 คัน ซึ่งหาได้ยากในโซนนี้นะคะ
  • ได้ห้องนั่งเล่นแบบ Double Volume บนชั้น 2 หน้าต่างบานใหญ่ได้วิวต้นไม้รอบๆ แถมมี Skylight ทำให้ในบ้านดูโปร่ง
  • ไม่มีค่าส่วนกลาง เหมาะกับคนที่ชินกับบ้านพักที่อยู่นอกโครงการจัดสรร

รายละเอียดจะเป็นอย่างไร ตามไปชมกันค่ะ

ข้อมูลโครงการ

ASCARI Vibhavadi-Prachachuen (อัสคารี วิภาวดี-ประชาชื่น) เฟส 1 ณ วันที่ 21 มิถุนายน 2568

 ชื่อโครงการ   ASCARI Vibhavadi-Prachachuen (อัสคารี วิภาวดี-ประชาชื่น) เฟส 1
 ชื่อผู้ประกอบการ   Monochrome Asset
 SEGMENT CLASS   LUXURY CLASS (รายละเอียดของ Segment บ้านปี 2023 )
 โครงการตั้งอยู่   ถนนเทศบาลรังสรรค์ใต้ เขตจตุจักร
 ที่ดิน 0-2-66.2 ไร่
 จำนวนยูนิต 6 ยูนิต (เฟส 1)
 ประเภทบ้าน บ้านเดี่ยว 3.5 ชั้น ที่ดิน 43 – 47 ตร.ว. พื้นที่ใช้สอย 345 ตร.ม.
– ฟังก์ชัน 3 ห้องนอน / 5 ห้องน้ำ / 1 ห้องครัวไทย / 4 ที่จอดรถ / 1 ห้องแม่บ้าน / 1 ลิฟต์ / 1 ห้องอเนกประสงค์ (สามารถทำเป็นห้องนอนได้)
 ราคาเริ่มต้น       29 ล้านบาท*
 เริ่มก่อสร้าง   ปี 2567
 คาดว่าจะแล้วเสร็จ   Q3 ปี 2568 (เฟส 1)
 เว็บไซต์โครงการ  คลิกที่นี่
 โทร  065-161-5656

 

ทำเลที่ตั้ง

พิกัด Google Maps : 13.834735987352504, 100.54683994751493
หรือสามารถ : คลิกที่นี่

Highlight

  • ทำเลใจกลางประชาชื่น อยู่ในโซนที่มีความอุดมสมบูรณ์สูง แต่ยังมีความเงียบสงบติดตัวเมือง เพียง 2 กม.ถึงถนนรัชดาภิเษก และ 6 กม.ถึงห้าแยกลาดพร้าว
  • ใกล้ทางด่วนศรีรัช และ Toll Way ในระยะ 2 – 4 กม.

แผนที่จากทางโครงการ ASCARI วิภาวดี-ประชาชื่น ตั้งอยู่บนถนนเทศบาลรังสรรค์ใต้ ใกล้ถนนประชาชื่นและถนนวิภาวดี–รังสิต ทำเลนี้มีความโดดเด่นตรงที่เชื่อมต่อทั้งฝั่งเข้าเมืองและออกเมืองได้สะดวก โดยสามารถเข้าเมืองผ่านโซนจตุจักร, สะพานควาย, ประดิพัทธ์ หรือจะมุ่งขึ้นเหนือไปยังแจ้งวัฒนะ, รัตนาธิเบศร์ และนนทบุรีก็สะดวกไม่แพ้กัน

ในเรื่องความอุดมสมบูรณ์ก็ใกล้สิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ทั้งตลาดบองมาเช่, The Mall งามวงศ์วาน, ม.เกษตรศาสตร์, รพ.วิภาวดี และโรงเรียนนานาชาติชั้นนำในโซนวิภาวดี-งามวงศ์วาน-แจ้งวัฒนะ ใกล้สุดคือ Brighton College Vibhavadi หากอยากใครชอบ Jogging ในสวนขนาดใหญ่ก็สามารถขับรถไปสวนรถไฟได้ใกล้ๆ ระยะประมาณ 7 กม. เท่านั้นเองค่ะ

ข้อดีของโครการนี้คือนอกจากจะอยู่ในโซนที่อุดมสมบูรณ์แล้วยังเป็นทำเลในเมืองที่ยังให้ความเงียบสงบ เหมาะกับผู้ที่ต้องการบ้านหรูมีความเป็นส่วนตัวแต่เดินทางเข้า–ออกเมืองได้ง่ายในทุกทิศทาง หากใครไม่ขับรถยนต์โครงการก็มีตัวเลือกในการเดินทางโดยรถสาธารณะที่หลากหลาย โดยรถไฟฟ้าสายที่ใกล้สุดคือสายสีแดง ที่สถานีวัดเสมียนนารี ~ 1.7 km. ก็จะถึงสถานีกลางบางซื่อ แต่ถ้าต้องการนั่งเข้าเมืองก็ต้องใช้รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ใกล้สุดคือสถานีบางซื่อ ~ 5.9 km. หรือหากต้องการนั่งออกนอกเมืองไปทางนนทบุรีก็ใช้รถไฟฟ้าสายสีม่วง สถานีบางซ่อน ~ 4.8 km. ค่ะ และจากหน้าโครงการเองก็สามารถเรียกรถแท็กซี่ได้ไม่ยาก หน้าโครงการมีรถวิ่งผ่านไปมาอยู่เสมอ เพราะถนนเส้นนี้ใช้ลัดเลาะออกถนนเทศบาลสงเคราะห์ได้ อย่างวันที่เราไปถ่ายรีวิวก็เห็นแท็กซี่ขับผ่านไปมานะคะ หรือจะเรียก Grab แทนก็ได้สะดวกมากๆ ค่ะ

ตัวช่วยในการเดินทางโดยรถยนต์

Image 1/4
ทางด่วนศรีรัช ด่านรัชดาภิเษก

ทางด่วนศรีรัช ด่านรัชดาภิเษก

1. ทางด่วนศรีรัช ด่านรัชดาภิเษก ใช้เข้าเมืองไปทางอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ, ถนนพระราม 6 ซึ่งเป็นแหล่งโรงพยาบาลรัฐและโรงพยาบาลเอกชนชั้นนำ หรือขับต่อไปลงแถวสยามสแควร์ หรือยาวไปยังโซนพระราม 3 ก็สะดวกค่ะ

2. ทางด่วนศรีรัช ด่านประชาชื่น ใช้ออกนอกเมืองไปทาง Impact Arena เมืองทองธานี หรือไปโซนบางบัวทองโดยไม่ต้องผ่านหน้า The Mall งามวงศ์วาน

3. โทลล์เวย์ ด่านรัชดาภิเษก ใช้เดินทางไปสนามบินดอนเมืองได้ง่ายมากๆ

4. โทลล์เวย์ ด่านลาดพร้าว เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ใช้เข้าเมือง ไปทางดินแดง, เพลินจิต ซึ่งหากทางด่วนศรีรัชรถเยอะมากๆ ก็มีโทลล์เวย์เป็นอีหนึ่งตัวช่วยค่ะ

อีกจุดเด่นที่น่าสนใจคือ โครงการทางลัดจากถนนประชาชื่นเข้าสู่ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ ที่ทำให้โซนนี้ยิ่งเดินทางได้สะดวก โดยสามารถเดินทางจากโครงการถึงศูนย์ราชการในระยะประมาณ 7 กม. เท่านั้น ไม่ต้องไปผ่านถนนแจ้งวัฒนะที่ขึ้นว่ารถติดสุดๆ ในช่วงเวลาเร่งด่วน

สภาพแวดล้อมรอบโครงการ

**รูปนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการแบบคร่าวๆไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการได้

โครงการ ASCARI วิภาวดี-ประชาชื่น ตั้งอยู่บนถนนเทศบาลรังสรรค์ใต้ จัดเป็นพื้นที่อยู่อาศัยของชุมชนดั้งเดิมที่มีความเงียบสงบ สภาพแวดล้อมรอบโครงการส่วนใหญ่จึงเป็นกลุ่มที่พักอาศัย สรุปได้ดังนี้

  • ทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ติดกับ บ้านพักอาศัย 1-2 ชั้น
  • ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ติดกับ บ้านพักอาศัย 2 ชั้น
  • ทิศตะวันออกเฉียงใต้ ติดกับ โครงการ ASCARI (เฟส2)
  • ทิศตะวันตกเฉียงใต้ ติดกับ ถนนเทศบาลรังสรรค์ใต้และคลองเลียบไปตลอดแนวถนน ฝั่งตรงข้ามเป็นพื้นที่ของเทศบาลสำหรับใช้เก็บของ

บรรยากาศภายในซอยเป็นย่านพักอาศัย ส่วนใหญ่เป็นบ้าน 2-4 ชั้น ดูร่มรื่นด้วยต้นไม้ใหญ่

ขอบคุณรูปภาพจาก IG : Bangkok_bma

ซึ่งจริงๆ ถนนเส้นนี้จัดอยู่ในถนนสวยของเขตพื้นที่จตุจักร เพราะมีอุโมงค์ต้นไม้สร้างความร่มรื่น ปัจจุบันทางสำนักงานเขตได้มีการปรับปรุงทางเท้าเพื่อให้ประชาชนสามารถสัญจรได้อย่างสะดวกและปลอดภัยมากยิ่งขึ้นด้วยค่ะ

สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น

ห้างสรรพสินค้า / ตลาด

  • บองมาร์เช่ มาร์เก็ตพาร์ค ~ 1.1 km.
  • The Mall งามวงศ์วาน ~ 3.1 km.
  • Gateway บางซื่อ ~ 5.9 km.
  • Central ลาดพร้าว ~ 6.7 km.
  • ตลาด อ.ต.ก. ~ 8.6 km.

โรงพยาบาล

  • โรงพยาบาลเกษมราษฎร์ ประชาชื่น ~ 1.9 km.
  • โรงพยาบาลนนทเวช ~ 3 km.
  • โรงพยาบาลวิภาวดี ~ 6.1 km.
  • โรงพยาบาลวิชัยยุทธ ~ 8.7 km.
  • โรงพยาบาลวิมุต ~ 9.4 km.

โรงเรียน

  • Brighton College Vibhavadi ~ 7.5 km.
  • ISB International School ~ 9.5 km.
  • St. Andrews International School ~ 9.7 km.
  • Harrow International School ~ 10.3 km.

การเดินทาง

  • รถไฟฟ้าสายสีแดง สถานีวัดเสมียนนารี ~ 1.7 km.
  • รถไฟฟ้าสายสีม่วง สถานีบางซ่อน ~ 4.8 km.
  • ทางพิเศษศรีรัช ด่านรัชดาภิเษก ~ 4 km.
  • รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน สถานีบางซื่อ ~ 5.9 km.
  • สนามบินดอนเมือง ~ 10.8 km.

อื่นๆ

  • สวนรถไฟ ~ 7 km.

รายละเอียดโครงการ

ก่อนเข้าสู่รายละเอียดโครงการ เราจะขอเล่าถึงโปรไฟล์ของ Developer สักหน่อย เพราะหลายคนอาจจะไม่คุ้นเคยกัน Monochrome Asset เป็นบริษัทพัฒนาโครงการบ้านหน้าใหม่ของ 3 นักธุรกิจแต่ไม่ได้ใหม่ในวงการอสังหาฯ นะคะ อย่าง 1 ใน 3 ของผู้ก่อตั้งก็ทำธุรกิจโรงแรมระดับ 5 ดาวและเซอร์วิสอพาร์ทเมนท์ มากกว่า 1,000 ห้อง ที่สั่งสมประสบการณ์มายาวนานกว่า 10 ปี อีกหนึ่งผู้ก่อตั้งก็ทำธุรกิจเฟอร์นิเจอร์และ Interior Design และอีกหนึ่งผู้ก่อตั้งนั้นเป็นดีลเลอร์รถ Super Car ซึ่งเป็น Inspiration ในการออกแบบให้ตัวบ้านรองรับการทำ Super Car Garage และการตกแต่งบ้านตัวอย่างด้วยค่ะ

Highlight

  • ไม่เสียค่าส่วนกลาง เหมาะกับคนที่ชินกับบ้านที่อยู่นอกโครงการจัดสรร

เอาจริงๆ เราไม่ค่อยได้เห็นบ้านเดี่ยวเปิดตัวใหม่ในโซนประชาชื่นกันเลยนะคะ เพราะโซนนี้เป็นทำเลติดตัวเมือง ราคาที่ดินสูง โปรดักส์ที่หลายๆ โครงการเปิดตัวมาจึงเป็นทาวน์โฮมและบ้านแฝดซะมากกว่า ซึ่ง ASCARI วิภาวดี-ประชาชื่น ออกแบบมาเป็นโครงการบ้านเดี่ยวสูง 3.5 ชั้น จึงได้พื้นที่ใช้สอยมากกว่า แต่ด้วยข้อจำกัดของแปลงที่ดินที่รวมพื้นที่ได้ยาก ทำให้โครงการนี้ไม่ใช่โครงการจัดสรร ตัวบ้านจะอยู่ติดกับถนนเทศบาลรังสรรค์ใต้เลยค่ะ ซึ่งหากใครชินทำเลนี้อยู่แล้วก็จะทราบดีว่าบ้านในโซนนี้ก็เป็นบ้านที่อยู่นอกจัดสรรกันทั้งนั้น ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร

ข้อดีของโครงการที่ไม่เข้าจัดสรร หลักๆ เลยคือเราไม่ต้องเสียค่าส่วนกลางเลยค่ะ แลกมากับการที่ไม่ได้มีพี่ รปภ. และรั้วโครงการ แต่ทางโครงการก็ได้ติดตั้งระบบรักษาความปลอดภัยในตัวบ้านให้มาเยอะทีเดียว ซึ่งเราอธิบายไว้อย่างละเอียดใน Part แบบบ้านนะคะ อีกเรื่องหนึ่งที่น่าสนใจคือไม่มีข้อจำกัดในเรื่องของการต่อเติม เหมือนบ้านในโครงการจัดสรรที่มักมีข้อจำกัดจากโครงการค่ะ

ASCARI วิภาวดี-ประชาชื่น เป็นโครงการขนาดเล็ก ปัจจุบันเริ่มขายเฟส 1 ที่ 6 ยูนิต บนเนื้อที่แต่ละแปลงประมาณ 43-47 ตร.ว. ตัวบ้านหันออกทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ หน้าบ้านจะร่มในช่วงเช้า จึงไม่มีแสงมารบกวนห้องนอนและห้องนั่งเล่นในตอนเช้า และถือเป็นทิศทางที่ลมประจำดูพัดผ่านอยู่เสมอ

แบบบ้าน

ASCARI วิภาวดี-ประชาชื่น บ้านเดี่ยวสูง 3.5 ชั้นที่ดูโมเดิร์นสบายตาด้วยการใช้สีขาวเป็นหลัก พร้อมสอดแทรกสีเขียวของต้นไม้มาในชั้นต่างๆ ช่วยเพิ่มความร่มรื่นให้กับตัวบ้าน แบบบ้านมีรายละเอียด ดังนี้

  • บ้านเดี่ยว 3.5 ชั้น ที่ดิน 43 – 47 ตร.ว. พื้นที่ใช้สอย 345 ตร.ม.
    – ฟังก์ชัน 3 ห้องนอน / 5 ห้องน้ำ / 1 ห้องครัวไทย / 4 ที่จอดรถ / 1 ห้องแม่บ้าน / 1 ลิฟต์ / 1 ห้องอเนกประสงค์ (สามารถทำเป็นห้องนอนได้)

ในส่วนของฟังก์ชันก็น่าสนใจทีเดียว โดยมี Features เด่นๆ ดังนี้

  • จอดรถได้สูงสุด 4 คัน ซึ่งหาได้ยากในโซนนี้นะคะ
  • รองรับ Super Car Garage ในโซนหน้าบ้าน กั้นเป็น Mancave ได้เลย
  • ลิฟต์ส่วนตัว ติดตั้งมาให้ทุกยูนิต
  • ห้องนั่งเล่นแบบ Double Volume สูง 6 ม. พร้อมหน้าต่างบานใหญ่แบบ Full-Height Window ดูโปร่งโล่งน่าพักผ่อนมาก
  • Master Bedroom ออกแบบมาให้มีพื้นที่ขนาดใหญ่ มีฟังก์ชันครบทั้งห้องน้ำ, Walk-in Closet และระเบียง แต่หากครอบครัวไหนมีลูกคนเดียวก็จัดเป็น Master Bedroom เต็มชั้นเหมือนอยู่ Penthouse ได้เลย

สรุปวัสดุภายในบ้าน

  • โครงสร้างแบบ Conventional ผนัง iMesh Wall ฉาบเรียบทาสี
  • หลังคา Flat Slab พื้นคอนกรีตเสริมเหล็ก ทำกันซึม PU หนา 2 นิ้ว พร้อมฉนวนกันความร้อนใต้ฝ้าเพดาน
  • ที่จอดรถลงเสาเข็มลึกเท่าตัวบ้าน ปูพื้นด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้
  • Junction สำหรับติดตั้ง EV Charger
  • ตำแหน่งวางถังเก็บน้ำ ลงเสาเข็มสั้น 4 ต้น ปูพื้นด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้
  • สเปคประตูบ้านชั้น 1 : ประตูกระจกกรอบอลูมิเนียม
  • พื้นชั้น 1 : กระเบื้องพอร์ซเลน 1.2 x 0.6 เมตร
  • พื้นชั้น 2,3 : พื้นไม้ SPC
  • พื้นห้องน้ำ : ปูกระเบื้องทั้งพื้นและผนัง
  • บันไดคอนกรีตเสริมเหล็ก ปิดผิวด้วยไม้จริง ทาสี เซาะร่อง
  • ลิฟต์ ARITCO ระบบสกรู ขนาด 1×1.2 เมตร รองรับ 410 kg. ประมาณ 5 คน
  • สุขภัณฑ์ยี่ห้อ Kohler เป็นหลัก
  • อ่างอาบน้ำจาก i-Spa
  • ระบบท่อน้ำร้อน-น้ำเย็นในห้องน้ำทุกห้อง (ยกเว้น Powder Room ชั้น 2)
  • ชุดครัวสแตนเลสในห้องครัวไทย พร้อม Hob&Hood และ ซิงค์ล้างจาน
  • ระบบไฟ 3 เฟส 50(150)
  • Home Automation ติดตั้งบริเวณ Master Bedroom และ Living Room
  • งานระบบรองรับการติดตั้ง Solar Cell

ระบบรักษาความปลอดภัยของตัวบ้าน

  • ประตูบานม้วนอัตโนมัติ Automatic Rolling Shutter Door by KM Shutter บริเวณที่จอดรถ
  • VDO Door Phone ยี่ห้อ Akuvox จำนวน 1 จุดบริเวณทางเข้าบ้าน
  • Digital Door Lock ยี่ห้อ Kaadas 5 ระบบ Finger Print, Keycard, Pin Code, Key, Apps
  • Magnetic Sensor ที่ชั้น 1 ยี่ห้อ Inim
  • Shock Sensor&Heat Detector ที่ชั้น 2 บริเวณ Pantry และครัวไทย
  • CCTV แบบเดินสายไฟและมีกล่องบันทึกข้อมูลย้อนหลัง 2 จุด บริเวณหน้าบ้านและหลังบ้าน

**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ


House Plan

แปลนบ้านคร่าวๆ ที่นักรีวิววาดขึ้นเองเพื่อประกอบการรีวิว ไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการได้

ชั้น 1 – บ้านของโครงการวางบ้านไว้ชิดด้านหลัง เพื่อให้เหลือพื้นที่ด้านหน้าสำหรับจอดรถได้ ลึกประมาณ 10 เมตร ถือว่าลึกมากทีเดียว จอดรถแบบซ้อนคันได้สูงสุด 4 คัน หรือจะกั้นเป็น Super Car Garage เหมือนในบ้านตัวอย่างก็ได้ค่ะ พร้อมปูพื้นโซนด้านหน้าด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้ทั้งหมด และจัดพื้นที่สวนไว้บริเวณหลังบ้านแทน ซึ่งสามารถมองเห็นได้จากตัวบ้าน ช่วยสร้างบรรยากาศให้ดูร่มรื่น

พื้นที่ภายในบ้านโซนแรกจัดฟังก์ชันไว้เป็น Foyer พื้นที่นั่งพักคอย, ใส่รองเท้า และดันห้องอเนกประสงค์เข้าไปไว้ด้านใน ทำให้ได้ความเป็นส่วนตัว ซึ่งห้องนี้จะมีห้องน้ำในตัว สามารถปรับเป็นห้องนอนได้อีกหนึ่งค่ะ สำหรับแม่บ้านก็จะมีห้องนอนและห้องน้ำแยกไว้ต่างหาก เข้าถึงได้จากภายนอกบ้านแยกส่วนจากตัวบ้านชัดเจน

ชั้น 2 – เป็นพื้นที่พักผ่อนหลักของครอบครัวทั้ง Living Area + Dining Area + Pantry ครัว ซึ่งเปิดโล่งเชื่อมถึงกันทำให้พื้นที่ดูกว้างขวาง ความเก๋คือมีระเบียงและหน้าต่างยาวๆ ต่อเนื่องไปทั้งชั้นทำให้บรรยากาศดูโปร่งโล่งมาก และมีห้องน้ำแบบ Powder Room บนชั้นนี้อีก 1 ห้อง

เราเห็นเทคนิคการออกแบบที่น่าสนใจ ซึ่งช่วยเสริมความเป็นส่วนตัวได้อย่างดี โดยเลือกวางช่องเปิด เช่น ประตูและหน้าต่าง ไว้ทางด้านซ้ายของอาคารเป็นหลัก ขณะที่ผนังด้านขวาเป็นผนังทึบทั้งหมด ซึ่งฝั่งที่เปิดโล่งเป็นฝั่งเดียวกับระเบียงกว้าง จึงสามารถใช้งานระเบียงได้อย่างเป็นส่วนตัว ไม่ถูกรบกวนจากสายตาภายนอกเมื่อออกมานั่งเล่นค่ะ

ชั้นลอย – เป็นตำแหน่งของห้องนอนรอง พร้อมห้องน้ำในตัว

ชั้น 4 –  ฝั่งหน้าบ้านเป็นพื้นที่ของ Master Bedroom ภายในมีห้องน้ำในตัว Walk-in Closet รวมถึงระเบียง และฝั่งหลังบ้านเป็นห้องนอนรองอีกห้องหนึ่งที่มีห้องน้ำในตัว แต่หากครอบครัวไหนมีลูกคนเดียวก็จัดเป็น Master Bedroom เต็มชั้นเป็น Penthouse ได้เลย

ประตูรั้วบ้านเป็นบานม้วนอัตโนมัติ ของ KM Shutter ควบคุมได้ด้วยรีโมท ซึ่งประตูเป็นบานทึบครึ่งล่าง ทำให้คนภายนอกมองเข้าไปไม่เห็นภายในตัวบ้านค่ะ

บริเวณหน้าบ้านจะมีตู้จดหมาย และ VDO Door Phone ติดตั้งมาให้

VDO Door Phone ที่ติดตั้งไว้ให้เป็นของ Akuvox ถ้ามีพนักงานไปรษณีย์หรือ Grab มาส่งของ เราสามารถเห็นได้ว่าใครมายืนรอหน้าบ้าน โดยดูได้จากหน้าจอที่ติดตั้งไว้ในบ้านนะคะ

ที่จอดรถหน้าบ้านลึกประมาณ 10 เมตร พื้นที่ในร่มที่มีหลังคาคลุมกว้างประมาณ 5.2 เมตร และส่วนที่อยู่กลางแจ้งกว้างประมาณ 6.1 เมตร จึงจอดรถได้สูงสุดถึง 4 คันเลยนะคะ ที่ต้องระวังคือซุ้มประตูสูงประมาณ 2.55 เมตร หากเป็นรถที่ดัดแปลงให้สูงพิเศษต้องดูระยะให้ดีๆ ค่ะ

ข้อดีของที่จอดรถที่นี่คือ โครงการลงเสาเข็มลึกเท่าตัวบ้านไว้ให้จึงไม่ต้องกลัวว่าจะทรุดตัวนะ และปูพื้นด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้พร้อมใช้งานได้เลยค่ะ

Image 1/4
สวนโซนหน้าบ้าน

สวนโซนหน้าบ้าน

สวนหน้าบ้านต้องจัดเป็นสวนกระถางนะ เพราะโครงการจะปูกระเบื้องไว้ให้ตั้งแต่หน้าบ้าน, ข้างบ้าน ไปจนถึงตำแหน่งวางถังเก็บน้ำที่อยู่โซนหลังบ้านเลยค่ะ

Laundry Area เป็นพื้นที่แบบ Semi-Outdoor มีหลังคาบังแดดบังฝนให้ใช้งานได้สะดวก และอยู่ติดกับห้องพักแม่บ้าน ซึ่งทางโครงการวางตำแหน่งไว้ให้เข้าจากนอกบ้านได้ ทำให้เวลาที่เจ้าของบ้านไม่อยู่ก็สามารถปิดล็อคตัวบ้านได้โดยไม่กระทบต่อการอยู่อาศัยของแม่บ้านค่ะ

ภายในห้องน้ำของแม่บ้านจัดฟังก์ชันไว้ครบตามมาตรฐาน

อย่างที่เกริ่นไว้ว่าบ้านตัวอย่างต่อเติม Super Car Garage ในโซนหน้าบ้าน หากใครอยากให้รถได้ตากแอร์ก็สามารถต่อเติมตามไอเดียในบ้านตัวอย่างได้นะ

Image 1/4
Super Car Garage

Super Car Garage

ภายใน Super Car Garage ตกแต่งด้วย Built-in ไม้สี Warm Tone ช่วยให้บรรยากาศดูเท่ๆ เป็น Man Cave ของผู้ชายรักรถ ถ้าจะให้มีพื้นที่ทางเดินเหลือสบายๆ แบบในบ้านตัวอย่างก็เหมาะจะจอด Porsche สักคันและ Ducati อีกคัน ก็จะมีพื้นที่รอบๆ ให้วางชุดเก้าอี้และ Artpiece ที่ชื่นชอบไว้ในห้องนี้ได้

อย่างในบ้านตัวอย่างก็ตกแต่งด้วยภาพวาดของ Sandier ผลงานจาก Thai Artist ที่วาดให้กับโครงการนี้โดยเฉพาะด้วยค่ะ

ในบริเวณที่จอดรถจะมีระบบไฟที่รองรับการติดตั้ง EV Charger มาให้ ซึ่งไฟของบ้านจะเป็นไฟ 3 เฟส 50(150) จึงรองรับการติดตั้งเครื่องชาร์จแบบ 22 kW. ได้เลย

และมี CCTV แบบเดินสายไฟ พร้อมกล่องบันทึกข้อมูลย้อนหลัง 2 จุด บริเวณหน้าบ้านและหลังบ้านค่ะ

Image 1/4
ประตูบ้าน

ประตูบ้าน

ในบ้านตัวอย่างเค้าต่อเติมเป็น Super Car Garage จึงเปิดเชื่อมพื้นที่ในบ้านกับโรงรถเลย แต่ในบ้านมาตรฐานจะติดตั้งประตูมาให้เป็นประตูกระจกกรอบอลูมิเนียม ที่สามารถเปิดได้ทั้ง 2 ฝั่ง จึงสามารถยกเฟอร์นิเจอร์ชิ้นใหญ่ๆ เข้าได้สบาย

มือจับเป็น Digital Door Lock ยี่ห้อ Kaadas 5 ระบบ Finger Print, Keycard, Pin Code, Key, Apps

เข้ามาในบ้านส่วนแรกจะเจอกับ Foyer โถงต้อนรับของตัวบ้าน ทำหน้าที่เป็นมุมต้อนรับช่วยปรับอารมณ์ให้ผ่อนคลายขึ้น ช่วยเพิ่มความหรูหราให้กับตัวบ้าน ไม่ใช่เปิดเข้ามาก็เจอโซฟานั่งเล่นซะแล้ว โซนนี้เหมาะจะจัดเป็นมุมสวยๆ แสดงความเป็นตัวตนของเจ้าของบ้าน เพราะแขกไปใครมาก็ต้องผ่านโซนนี้ก่อน

ซึ่งทางโครงการตกแต่งให้เป็นพื้นที่นั่งพักคอย นั่งใส่รองเท้า ซึ่งใช้ประโยชน์ได้จริงและทำให้พื้นที่เก็บรองเท้าดูเป็นระเบียบ แต่กระเบื้องของบ้านมาตรฐานจะเป็นกระเบื้องพอร์ซเลนขนาด 1.2 x 0.6 เมตร สีครีมเรียบๆ ไม่ได้มีลวดลายแบบนี้นะคะ

Image 1/2
ไอเดียการซ่อนตู้รองเท้าและงานระบบไฟ

ไอเดียการซ่อนตู้รองเท้าและงานระบบไฟ

หากเปิดตู้ออกมาก็จะเห็นว่ามีฟังก์ชันซ่อนอยู่ทั้งตู้เก็บรองเท้า, ตู้เก็บกุญแจหรือของที่ต้องหยิบใช้เป็นประจำก่อนออกจากบ้าน และยังมีตู้ไฟที่รวมอยู่ในโซนนี้ด้วย

ใกล้ๆ กับประตูจะมีแผงจอควบคุมอัจฉริยะยี่ห้อ Inim ที่คอยแจ้งว่ามีประตูหน้าต่างบานไหนเปิดอยู่บ้าง ด้านข้างเป็นจอที่เชื่อมกับ VDO Door Phone หน้าบ้านค่ะ

Image 1/4
Multi-Purpose Area

Multi-Purpose Area

ผ่าน Foyer เข้ามาด้านในเป็นพื้นที่อเนกประสงค์ที่ทางโครงการตกแต่งไว้เป็นห้องทำงานที่ได้วิวร่มรื่นจากต้นไม้หลังบ้านมาช่วยเสริมบรรยากาศ เราชอบที่โครงการให้หน้าต่างบานใหญ่ทำให้มองวิวได้เต็มตา หากใครอยากกั้นห้องนี้เป็นห้องนอนชั้นล่างก็สามารถทำได้นะคะ เพราะมีห้องน้ำอยู่ในโซนนี้ด้วยค่ะ

พื้นที่สวนด้านหลังบ้านเป็นสวนที่ทางโครงการตกแต่งเพิ่มนะคะ บ้าน Standard จะได้เป็นพื้นดินเปล่าไม่มีต้นไม้นะ

ประตูและหน้าต่างบริเวณชั้น 1 จะมี Magnetic Sensor ที่จะไปโชว์ในแผงจอควบคุมอัจฉริยะ ของยี่ห้อ Inim นะคะ

Image 1/4
ห้องน้ำชั้นล่าง

ห้องน้ำชั้นล่าง

ห้องน้ำในพื้นที่อเนกประสงค์ ออกแบบมาให้มี Shower Box ใช้อาบน้ำได้ ภายในแบ่งพื้นที่ส่วนเปียกและส่วนแห้งไว้ชัดเจน มาพร้อมสุขภัณฑ์ครบถ้วนใช้ยี่ห้อ Kohler เป็นหลัก ในส่วนของพื้นที่อาบน้ำมีขนาด 1.3 x 0.8 เมตร ให้หมุนตัวอาบน้ำได้สะดวก และมีฉากกั้นอาบน้ำติดตั้งมาให้พร้อมไฟ LED ตกแต่งตามแบบในบ้านตัวอย่าง และในห้องอาบน้ำก็จะมีหน้าต่างให้เปิดระบายอากาศได้ด้วยค่ะ

บันไดขึ้นชั้นบนจะอยู่ตรงกลางบ้านติดกับตัวลิฟต์ ดังนั้นหากใครขี้เกียจเดินก็สามารถขึ้นลิฟต์ได้

โถงบันไดกว้าง 1 เมตรจึงเดินขึ้นลงสวนกันได้สะดวก บันไดคอนกรีตเสริมเหล็ก ปิดผิวด้วยไม้จริง ทาสี เซาะร่อง

ลิฟต์ที่ทางโครงการติดตั้งมาให้เป็นของยี่ห้อ ARITCO แบรนด์ดังจากสวีเดน ตัวลิฟต์ใช้ระบบสกรู ที่ขึ้นชื่อในเรื่องหน้าตาที่ดูเรียบหรูและมีระบบความปลอดภัย เช่น มีเซ็นเซอร์ที่ช่วยให้แน่ใจว่าประตูปิดสนิทโดยไม่มีอะไรติดอยู่ระหว่างลิฟต์ก่อนที่ลิฟต์จะเคลื่อนที่ เป็นต้น ขนาดของลิฟท์มีขนาดประมาณ 1.3 x 0.9 เมตร จึงเข็นวีลแชร์เข้าไปได้สะดวก

ปุ่มกดอยู่ไม่สูงมาก ถึงนั่งวีลแชร์อยู่ก็สามารถกดได้ รับน้ำหนักได้ถึง 400 kg. หรือประมาณ 5 คนเลยค่ะ

ชั้น 2

Highlight ของชั้น 2 ต้องยกให้ Living + Dining Area เลย ออกแบบให้เป็น Double Volume ดูโปร่งโล่งน่าใช้งานสุดๆ โซนนี้น่าจะเป็นมุมโปรดของสมาชิกในครอบครัวที่มาทานอาหาร นั่งดูทีวีร่วมกัน ซึ่งโต๊ะอาหารจะอยู่ติดโซฟานั่งเล่นเลย ไม่ว่าใครจะนั่งข้าว หรือนั่งดูทีวี ก็พูดคุยกันได้สะดวก ช่วยเพิ่มปฏิสัมพันธ์ในครอบครัว พื้นบ้านตั้งแต่ชั้น 2 ขึ้นไปจะปูด้วยพื้นไม้ SPC ให้บรรยากาศที่ดู Homey

Image 1/4
Living + Dining Area

Living + Dining Area

Living Area จัดเป็นพื้นที่เข้ามุมติดหน้าต่าง พื้นที่มีขนาดใหญ่แบบที่วางชุดโซฟา 5-6 ที่นั่ง พร้อมทีวีขนาดใหญ่แบบ 100 นิ้วขึ้นไปได้เลย แต่แนะนำเป็นทีวีแบบมีขาตั้งนะคะ

พื้นที่ทานอาหารเพียงพอสำหรับวางโต๊ะขนาด 6-8 ที่นั่ง รองรับการจัดงานปาร์ตี้เล็กๆ ภายในครอบครัว เราชอบที่ไม่ว่าจะอยู่ตำแหน่งไหนในห้องก็มองเห็นวิวภายนอกได้ ซึ่งหน้าต่างแต่ละบานก็เป็นบานใหญ่รับวิวได้เต็มที่

Image 1/5
วิวจาก Living Area

วิวจาก Living Area

แล้ววิวภายนอกจะสวยมั้ย? สวยแน่นอนค่ะ เพราะโครงการออกแบบมาให้ภายนอกของห้องนี้ถูกล้อมรอบด้วยระเบียง จึงสามารถวางกระถางต้นไม้ได้ตลอดแนว วิวที่ได้จึงเป็นวิวต้นไม้ที่ดูสบายตา

นอกจากนี้ยังมีโซนที่ได้ Skylight ช่วยเพิ่มมิติให้กับตัวบ้าน ทำให้ได้แสงธรรมชาติที่ส่องผ่านหลังคาเข้ามาด้วย พื้นที่บริเวณนี้ใช้ประโยชน์ได้หลากหลาย เช่น เป็นมุมดูดาวในบ้าน หรือเป็นมุมปลูกต้นไม้ในบ้านก็ได้ค่ะ

ต่อไปเราจะพาไปชมฝั่งหลังบ้านกันต่อ ด้านข้างทางเดินเป็นส่วนของที่ระเบียงมีความกว้างมากที่สุด ซึ่งเหมาะจะออกไปใช้งานนั่งเล่นแบบ Semi-Outdoor กันนะ

Image 1/3
ระเบียงบนชั้น 2

ระเบียงบนชั้น 2

ประตูบานเลื่อนบานนี้ก็สามารถเปิดได้กว้างเป็นพิเศษ ถ้าอยากวางชุดโต๊ะเก้าอี้ Outdoor หรือตั้งเตาบาร์บีคิวก็ได้ แต่เหมาะที่จะมาใช้งานในช่วงเย็นที่แดดร่มแล้วนะคะ

ฝั่งด้านหลังบ้านออกแบบให้เป็น Pantry ครัว และ Breakfast Nook

Breakfast Nook เป็นพื้นที่สำหรับทานอาหารง่ายๆ ที่อยู่ติดกับ Pantry ครัวเลย อย่างในช่วงเช้าที่ต้องรีบเร่งทานอาหาร ก็สามารถนั่งทานอาหารที่นี่ได้อย่างรวดเร็ว หรือในช่วงหิวๆ ยามบ่ายก็นั่งทานขนมในมุมนี้ได้ ซึ่งออกแบบมาให้มองเห็นแนวต้นไม้เขียวๆ บนระเบียงด้วย

พื้นที่ของ Pantry ครัวมีขนาดใหญ่พอที่จะ Built-in ชุดครัวพร้อม Island ได้เลย ซึ่งโครงการจะเดินงานระบบรองรับการติดตั้งเครื่องใช้ไฟฟ้าและซิงค์ล้างจานต่างๆ ไว้ให้

Image 1/2
Pantry ครัว

Pantry ครัว

มุมนี้เหมาะจะทำอาหารที่ไม่ได้มีกลิ่นควันฉุนมากนัก หรือจัดเป็นบาร์สำหรับเตรียมเครื่องดื่มก็ดูเหมาะดี หรือหากใครมีงานอดิเรกที่ชอบอบขนมก็น่าจะเป็นมุมโปรดเลย

ด้านข้างมีประตูเปิดเชื่อมกับห้องครัวไทยค่ะ

Image 1/4
Thai Kitchen

Thai Kitchen

ห้องครัวไทยของที่นี่ดูเป็นกิจจะลักษณะ เป็นชุดครัวสแตนเลสที่นิยมใช้กันในร้านอาหาร เพราะมีความทนทาน ทำความสะอาดง่าย และถูกสุขลักษณะ เพราะสแตนเลสเป็นวัสดุที่ไม่เป็นรูพรุน ซึ่งหมายความว่าเชื้อโรคและแบคทีเรียไม่สามารถฝังตัวอยู่ในพื้นผิวได้ง่าย การทำความสะอาดจึงทำได้ง่ายและทั่วถึง ช่วยลดความเสี่ยงของการปนเปื้อนอาหาร มาพร้อม Hob&Hood และ ซิงค์ล้างจาน พร้อมใช้งานค่ะ

ปิดท้ายชั้นนี้ด้วยห้องน้ำแบบ Powder Room จะอยู่ในโซนเดียวกับห้องครัว

Image 1/2
Powder Room

Powder Room

ภายใน Powder Room จะมีเฉพาะพื้นที่ส่วนแห้ง เพราะทุกห้องนอนในบ้านจะมีห้องน้ำในตัวอยู่แล้ว มาพร้อมสุขภัณฑ์ครบถ้วนใช้ยี่ห้อ Kohler เป็นหลัก ได้สุขภัณฑ์เป็นระบบอัตโนมัติเป็นหน้าเป็นตาให้กับของบ้าน และภายในจะติด Wallpaper มาให้เหมือนในบ้านตัวอย่างเลยนะคะ

ชั้นลอย

ขึ้นมาที่ชั้นลอยจะได้วิวกว้างๆใน Living Area ดูโปร่งโล่งสบายตา

ไอเดียหนึ่งที่บ้านตัวอย่างตกแต่งไว้ให้ดูคือ ออกแบบราวบันไดให้เป็นมุมวาง Art Toy เก๋ๆ แบบในบ้านตัวอย่างได้นะ

บนชั้นนี้จะมีห้องนอนรองเพียงห้องเดียว จึงได้ความเป็นส่วนตัวดีนะคะ ภายในจัดฟังก์ชันได้ครบครันตามมาตรฐานห้องนอน ได้แก่ เตียงนอนที่สามารถวางไซส์ใหญ่ 5-6 ฟุตได้ พร้อมตู้เสื้อผ้าและโต๊ะเครื่องแป้ง รวมถึงมุมโต๊ะทำงานด้วยค่ะ

ตำแหน่งวางเตียงนอนจะอยู่ด้านในสุดติดผนัง ไม่ได้อยู่ใกล้หน้าต่าง ทำให้ไม่ร้อน และปลายทางยังมีพื้นที่ให้ทำชั้นวางทีวีได้ ใครที่ชอบนอนดูทีวีจากบนเตียงก็ตอบโจทย์เลย

หน้าต่างในห้องนอนรองได้วิวบริเวณระเบียงพอดี จึงมองลงมาเห็นต้นไม้กระถางได้ตลอดแนว

ในส่วนของห้องน้ำจะอยู่อีกฝั่งหนึ่งของห้อง ออกแบบให้มีพื้นที่ด้านหน้าสำหรับ Built-in ตู้เสื้อผ้าและโต๊ะเครื่องแป้งได้ จึงใช้งานเชื่อมต่อกันได้สะดวก

ห้องน้ำในห้องนอนรองแบ่งพื้นที่ส่วนเปียกและส่วนแห้งไว้ชัดเจน มาพร้อมสุขภัณฑ์และอุปกรณ์ต่างๆ เหมือนในบ้านตัวอย่าง ซึ่งใช้ของ Kohler เป็นหลัก สำหรับพื้นที่อาบน้ำมีขนาดประมาณ 0.9 x 1.6 เมตร และด้านในสุดจะมีหน้าต่างให้เปิดระบายอากาศได้

ด้านข้างอ่างล้างหน้าจะมีปลั๊กไฟแบบมีฝาปิดกันน้ำติดตั้งไว้ให้ด้วย เผื่อต้องไดร์ผมก็มีให้ใช้งานได้สะดวก

เราชอบทางเดินหน้าห้องของชั้นลอยมากเลย พอใช้ผนังเป็นกระจกบานใหญ่แบบที่สูงจากพื้นถึงฝ้า ทำให้รู้สึกโปร่งโล่ง มองวิวออกไปได้ไกลเลย

ชั้น 3

ชั้นบนสุดจะแยกเป็น 2 ห้องโดยฝั่งหน้าบ้าน เป็น Master Bedroom และฝั่งหลังบ้านเป็นห้องนอนรองอีกห้องหนึ่ง แต่หากครอบครัวไหนมีลูกคนเดียวก็จัดเป็น Master Bedroom เต็มชั้นเป็น Penthouse ได้เลย

แม้ว่าบริเวณทางเดินจะไม่ได้มีหน้าต่างบานใหญ่เหมือนชั้นอื่น แต่ก็มี Skylight เปิดให้แสงธรรมชาติผ่านลงมาบริเวณทางเดินนะคะ

เข้ามาใน Master Bedroom จะจัดพื้นที่ให้วางโต๊ะทำงานอยู่ในโซนหน้าห้องและดันพื้นที่วางเตียงนอนเข้าไปไว้ด้านในทำให้ได้ความสงบ เป็นส่วนตัวมากขึ้น

หลังคาบางส่วนใช้เป็น Skylight เพื่อเปิดให้ผ่านลงมา ซึ่งช่วยให้ภายในห้องนอนสว่างขึ้นด้วยนะคะ

Master Bedroom ได้พื้นที่ใหญ่สุดจึงสามารถจัดมุมนั่งเล่นข้างเตียงแยกออกจากพื้นที่เตียงนอนได้เป็นสัดส่วน ในห้องดูสว่างมากเพราะได้หน้าต่างบานใหญ่ พร้อมระเบียง ซึ่งทางโครงการจะมีต้นไม้ใหญ่ในกระถางมาให้เป็นมาตรฐานเลย

สำหรับพื้นที่วางเตียงนอนมีพื้นที่กว้างทีเดียว เพียงพอสำหรับวางเตียงนอน 6-8 ฟุต และปลายเตียงก็สามารถทำชั้นวางทีวีได้

โซฟานั่งเล่นในห้องเหมาะจะวางติดหน้าต่าง เพื่อให้มองเห็นต้นไม้บนระเบียง และจากมุมนี้ก็ยังดูทีวีได้นะคะ

ปลายเตียงเป็นพื้นที่กว้างๆ จะทำเป็นชั้นวางทีวีตามแบบในบ้านตัวอย่าง หรือจะกั้นเป็น Walk-in Closet แล้วดันชั้นวางทีวีให้ออกมาใกล้เตียงอีกก็ได้

แต่บ้านตัวอย่างเลือกที่จะปล่อยพื้นที่ให้กว้างเพราะเค้าไปตกแต่งห้องนอนรองฝั่งหลังบ้านให้เป็น Walk-in Closet แล้วนะคะ เป็นไอเดียในการจัด Master Bedroom แบบเต็มชั้น เป็น Penthouse กันไปเลย

ภายในห้องน้ำให้อ่างล้างหน้าแบบ His&Her ให้ใช้งานพร้อมกันได้ 2 คนเลย

อ่างล้างหน้าพร้อมเดินระบบน้ำมาให้รองรับท่อน้ำร้อน-น้ำเย็น ใต้อ่างจะมีตู้เก็บของ Built-in มาให้หน้าตาสวยงามเหมือนในบ้านตัวอย่าง

สุขภัณฑ์จะได้เป็นแบบอัตโนมัติ ใช้งานได้สะดวก ซึ่งจะให้มาเฉพาะใน Powder Room ชั้น 2 และใน Master Bathroom นะคะ

อ่างอาบน้ำจะวางเข้ามุมไว้เป็นสัดส่วน อ่างมีความยาวประมาณ 1.5 เมตร โครงการเลือกใช้เป็นอ่างลอยของ i-spa จึงสามารถทำความสะอาดได้ง่าย และดูโมเดิร์นหรูหรา

ในส่วนของพื้นที่อาบน้ำมีขนาด 1.2 x 0.9 เมตร มี Rain Shower ติดตั้งมาให้ด้วย พร้อมอุปกรณ์อาบน้ำ

บริเวณหน้าห้องนอนรองฝั่งหลังบ้านจะมีพื้นที่ขนาดประมาณ 1 x 0.6 เมตร ให้ใช้ประโยชน์ได้ ซึ่งทางบ้านตัวอย่าง Built-in เป็นตู้เก็บของไว้ให้ดูเป็นไอเดีย แต่หากอยากให้บ้านดูโปร่งโล่ง เราคิดว่าแค่วาง Art Piece ชิ้นใหญ่ๆ สักชิ้นก็สวยดีนะคะ

เข้ามาในห้องนอนรองฝั่งหลังบ้าน ซึ่งมีขนาดและการจัดแปลนเหมือนกับห้องนอนรองบนชั้นลอยเลย ตัวห้องสามารถ Built-in ตู้เสื้อผ้าได้เต็มผนังถึง 3 ด้าน พื้นที่ใหญ่จนสามารถวางเคาน์เตอร์แบบ Island ได้เลย

ห้องน้ำจะอยู่อีกฝั่งหนึ่งของห้อง ซึ่งออกแบบให้มีพื้นที่ด้านหน้าสำหรับ Built-in โต๊ะเครื่องแป้งได้ จึงใช้งานเชื่อมต่อกันได้สะดวก

ภายในห้องน้ำก็จะเหมือนใน Bedroom อื่นๆ เลย แบ่งพื้นที่ส่วนเปียกและส่วนแห้งไว้ชัดเจน ด้านในสุดจะมีหน้าต่างให้เปิดระบายอากาศได้

ราคา

ASCARI Vibhavadi-Prachachuen (อัสคารี วิภาวดี-ประชาชื่น) เฟส 1 ณ วันที่ 21 มิถุนายน 2568

  • บ้านเดี่ยว 3.5 ชั้น ที่ดิน 43.3-47.2 ตร.ว. พื้นที่ใช้สอย 345 ตร.ม.
    – ฟังก์ชัน 3 ห้องนอน / 5 ห้องน้ำ / 1 ห้องครัวไทย / 4 ที่จอดรถ / 1 ห้องแม่บ้าน / 1 ลิฟต์
    – เริ่ม 29 ล้านบาท*
  • จอง 100,000 บาท
  • ทำสัญญา 300,000 บาท
  • พบข้อเสนอพิเศษกับราคาเริ่มต้น 29 ล้านบาท เมื่อจองภายใน 31 ก.ค. นี้

**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ

บทสรุป

ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง :  ASCARI วิภาวดี-ประชาชื่น ตั้งอยู่บนถนนเทศบาลรังสรรค์ใต้ อยู่ในโลเคชั่นที่เชื่อมต่อทั้งฝั่งเข้าเมืองและออกเมืองได้สะดวก โดยสามารถเข้าเมืองผ่านโซนจตุจักร, สะพานควาย, ประดิพัทธ์ หรือจะมุ่งขึ้นเหนือไปยังแจ้งวัฒนะ, รัตนาธิเบศร์ และนนทบุรีก็สะดวกไม่แพ้กัน นอกจากจะอยู่ในโซนที่มีความอุดมสมบูรณ์ครบครัน ทั้งแหล่งช้อปปิ้ง, โรงเรียนนานาชาติ, มหาวิทยาลัย, โรงพยาบาล แล้วยังเป็นทำเลในเมืองที่ยังได้ความเงียบสงบ เหมาะกับผู้ที่ต้องการบ้านหรูมีความเป็นส่วนตัวแต่เดินทางเข้า–ออกเมืองได้ง่าย

ความปลอดภัยของตัวบ้าน : แม้ว่าไม่ใช่โครงการจัดสรร แต่ก็ติดตั้งระบบรักษาความปลอดภัยในตัวบ้านมาอย่างครบครัน อย่างรั้วบ้านสูงประมาณ 2.55 เมตร พร้อมติดประตูบานม้วนอัตโนมัติแบบทึบครึ่งโปร่งขึ้นเพื่อช่วยบังสายตา, มี VDO Door Phone เพื่อให้เห็นหน้าตาของผู้ที่มาติดต่อ พื้นที่บริเวณหน้าตัวบ้านและหลังตัวบ้านจะติดตั้ง CCTV แบบเดินสายไฟและมีกล่องบันทึกข้อมูลย้อนหลัง 2 จุด, ภายในอาคารมี Digital Door Lock ที่ประตูทางเข้าหลักและมี Magnetic Sensor ที่ประตูหน้าต่างชั้น 1 ปิดท้ายด้วย Shock Sensor&Heat Detector ที่ชั้น 2 บริเวณ Pantry และครัวไทย

การออกแบบพื้นที่ใช้สอย :  ASCARI วิภาวดี-ประชาชื่นออกแบบเป็นบ้านเดี่ยวสูง 3 ชั้นครึ่งที่ดูโมเดิร์นสบายตาด้วยการใช้สีขาวเป็นหลัก พร้อมสอดแทรกสีเขียวของต้นไม้มาในชั้นต่างๆ ช่วยเพิ่มความร่มรื่นให้กับตัวบ้าน โดยมีฟังก์ชันที่น่าสนใจ ได้แก่  จอดรถได้สูงสุด 4 คัน ซึ่งหาได้ยากในโซนนี้นะคะ, รองรับ Super Car Garage ในโซนหน้าบ้าน กั้นเป็น Mancave ได้เลย, ลิฟต์ส่วนตัว ติดตั้งมาให้ทุกยูนิต, ห้องนั่งเล่นแบบ Double Volume สูง 6 เมตร พร้อมหน้าต่างบานใหญ่แบบ Full-Height Window ดูโปร่งโล่งน่าพักผ่อนมาก

ในส่วนของ Master Bedroom ออกแบบมาให้มีพื้นที่ขนาดใหญ่ มีฟังก์ชันครบทั้งห้องน้ำ, Walk-in Closet และระเบียง แต่หากครอบครัวไหนมีลูกคนเดียวก็จัดเป็น Master Bedroom เต็มชั้นเหมือนอยู่ Penthouse เลย เหมาะกับคู่รักหรือการวางแผนแยกออกมาจากครอบครัวเดิม แต่ยังต้องการอยู่ในโซนเดิมที่ใกล้บ้านพ่อแม่ค่ะ

วัสดุ : โครงสร้างออกแบบมาให้ยืดหยุ่น เป็นระบบ Conventional จึงรองรับการทุบต่อเติมในอนาคต สำหรับวัสดุหลักๆ ในบ้านทางโครงการเลือกแบรนด์ดัง คุณภาพดี เช่น ผนัง iMesh Mall คือผนังอิฐมวลเบาที่เสริมใยแก้ว จึงช่วยลดปัญหารอยแตกร้าว, ลิฟต์บ้านยี่ห้อ ARITCO จากสวีเดน, สุขภัณฑ์ใช้ยี่ห้อ Kohler เป็นหลัก,  อ่างอาบน้ำจาก i-Spa,  ชุดครัวสแตนเลสในห้องครัวไทยเหมือนที่นิยมใช้กันในร้านอาหาร เป็นต้น

พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ : บรรยากาศรอบๆ โครงการดูเรียบร้อย ได้ความร่มรื่นจากต้นไม้ตกแต่งที่อยู่บน Facade หน้าบ้าน ทำให้หน้าบ้านน่ามอง

Judgement

การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้

ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง 40%, ความปลอดภัย 15%, การออกแบบและพื้นที่ใช้สอย 15%, วัสดุ 10%, พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ 10%

เทียบกับแพคเกจเริ่ม 29 ล้านบาท*, 21 มิถุนายน 2568

  • ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง 8.5/10 – ใจกลางประชาชื่น ใกล้ทางด่วน
  • ความปลอดภัย 8/10 – ประตูม้วนอัตโนมัติ, VDO Door Phone, Digital Door Lock, Magnetic Sensor, Shock Sensor&Heat Detector, CCTV
  • การออกแบบและพื้นที่ใช้สอย 9/10 – โมเดิร์นแต่ใกล้ชิดธรรมชาติ ให้หน้าต่างบานใหญ่ดูโปร่งโล่ง
  • วัสดุ 8/10 – ให้มาดี ใช้ของแบรนด์
  • พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ 8/10 – บรรยากาศรอบบ้านดูสวย น่ามอง
  • 8.39 / 10.00 

ASCARI Vibhavadi-Prachachuen (อัสคารี วิภาวดี-ประชาชื่น) เหมาะกับใคร

ASCARI วิภาวดี-ประชาชื่น เหมาะกับคู่รักหรือการวางแผนแยกครอบครัวออกมาจากครอบครัวเดิม แต่ยังต้องการอยู่ในโซนประชาชื่นที่ใกล้บ้านพ่อแม่ มองหาบ้านติดตัวเมืองเดินทางเข้า-ออกเมืองสะดวก ไม่ต้องการเสียค่าส่วนกลาง ชินกับบ้านที่อยู่นอกโครงการจัดสรร

ในส่วนของตัวบ้านเหมาะกับคนที่ชอบบ้านที่จอดรถได้เยอะถึง 4 คัน, รองรับการทำ Super Car Gagare, มีลิฟต์บ้านติดตั้งมาให้, ได้ห้องนั่งเล่นแบบ Double Volume สูง 6 เมตร พร้อมหน้าต่างบานใหญ่ มีงบประมาณเริ่ม 29 ล้านบาท* (ไม่รวมค่าตกแต่ง)

ตัวอย่างโครงการโดยรอบบนทำเลเดียวกัน 

Think of Living รวบรวมมาให้แล้ว!

โครงการเปิดใหม่ทั้งบ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์โฮมและคอนโดมิเนียม ในทำเลทั่วกรุงเทพและปริมณฑล ในทุกๆเดือนย้อนหลัง ใครที่กำลังมองหาบ้านห้ามพลาด อาจจะมีโครงการในราคาและทำเลที่เพื่อนๆ ตามหาอยู่ก็เป็นได้นะ

เข้ามาชมบทความรายเดือนได้เลย คลิกที่นี่