รีวิวฉบับที่ 712 … 23 องศา คอนโด เขาใหญ่ เป็นโครงการพักตากอากาศโครงการแรกที่แสนสิริทำที่เขาใหญ่ โดยมี 4 โปรเจคอยู่ด้วยกันบนทำเลที่ดินผืนใหญ่ ได้แก่ โรงแรม The Escape เขาใหญ่, 23 องศา คอนโดมิเนียม และ 23 องศา เอสเตท ซึ่งเป็นบ้านพักตากอากาศ รวมไปถึงน้องใหม่ The Valley ที่อยู่บนที่ดินข้างๆกันนะครับ
Fact @ 12 November 2014
- 23 องศา คอนโด เขาใหญ่
- Sansiri., Plc.
- UPPER CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
- โครงการตั้งอยู่ในอำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา
- คอนโด Low Rise 4 ชั้น 7 อาคาร รวม 161 ยูนิต
- ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 6 ยูนิต สำหรับชั้น 2F-4F และ 5 ยูนิตต่อชั้นสำหรับชั้น G
- ที่จอดรถประมาณ 57% รวมจอดซ้อนคัน
- ที่ดินประมาณ 12 ไร่
- สร้างเสร็จพร้อมอยู่ปี 2557
- 1 Bedroom 50.5 – 52 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้น 3.79 – 4.87 ล้านบาท
- 2 Bedrooms 74 – 76.5 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้น 5.66 – 7.61 ล้านบาท
- 3 Bedrooms 97 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้น 8.01 – 9.13 ล้านบาท
- ฝ้าเพดานสูง 2.70 เมตร
- ราคาเริ่มต้นประมาณ 3.79 ล้านบาทหรือประมาณ 75,000 บาทต่อตารางเมตร
- http://www.sansiri.com
- Call Center : 1685
เพียงแค่การกด Like ก็เท่ากับการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจาก Think of Living แล้วครับ
สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างครับ
เริ่มกันด้วยทำเลก่อนเลยนะครับ เดี๋ยวนี้โครงการต่างๆทั้งโรงแรมและสถานที่ท่องเที่ยว ตลอดจนคอนโดมิเนียมก็มาขึ้นที่เขาใหญ่กันเต็มไปหมด โดยเฉพาะถนนอย่างผ่านศึก-กุดคล้า ที่เชื่อมมิตรภาพไปถึงถนนธนะรัชต์ (ทางขึ้นเขาใหญ่ที่เราคุ้นเคยกันดี) โดยเป็นที่ตั้งของคอนโดอย่าง แสนดาว หรือ อากาศ ที่เราเคยรีวิวกันไปแล้ว และในวันนี้ก็ถึงคิวของ 23 องศา คอนโด บาย แสนสิริ ที่ตั้งอยู่คู่กันกับโรงแรม ESCAPE เขาใหญ่ ละครับ
ทางเข้าของคอนโดกับโรงแรมนี้ใช้ร่วมกัน โดยเราจะเห็นวิวทิวเขาอยู่ด้านหลังตั้งแต่ทางเข้าเลย
ตำแหน่งที่เรามองเข้าไปก็คือหมุดสีแดงในแผนที่นะครับ อันเป็นวิวทิวเขาที่เห็นจากภาพถ่ายดาวเทียมของ Google Map
รวมๆแล้วที่ดินแปลงใหญ่นี้ชื่อว่า 23 องศา Estate by Sansiri ซึ่งจะประกอบด้วยโปรเจคเล็กๆทั้งสิ้น 4 โปรเจค ได้แก่
- 23 องศา คอนโด (ตึกเตี้ย 4 ชั้น จำนวน 7 อาคาร)
- The Escape เขาใหญ่ (โรงแรม 2 ตึกและวิลล่า 5 หลัง)
- 23 องศา วิลล่า (ที่ดิน 9 แปลง บ้านเดี่ยว 18 หลัง ขายเป็นคู่)
- The Valley (คอนโดตึกสูง 7 และ 5 ชั้น จำนวน 3 อาคาร)
ในรีวิวฉบับนี้เราจะพาไปดู 23 องศา คอนโด เป็นหลัก โดยโครงการนี้มีพื้นที่ราวๆ 12 ไร่ ไม่รวมพื้นที่ของโรงแรม บ้านเดี่ยวและเดอะ วัลลีย์ นะครับ
ทันทีที่ขับรถเข้าไป ทางขวาเราจะเห็นสถานทีคล้ายๆ Club House … ตรงนี้เป็น Lobby ของโรงแรม Escape นะครับ คอนโดจะต้องวิ่งตรงไปอีกนิด แบ่งสัดส่วนชัดเจนแยกกับพื้นที่โรงแรมครับ
ที่จอดรถของคอนโดมิเนียมจะอยู่ด้านหลังโรงแรม ตรงนี้สามารถจอดได้ 57% รวมจอดซ้อนคันแล้ว ซึ่งผมไปในช่วงปลายฝนต้นหนาว ก็พบว่าที่จอดรถเหลือบานเบอะ ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร แม้ในช่วงเทศกาลสุดๆก็ไม่น่าจะกระทบ ยกเว้นว่ากรุงเทพฯน้ำท่วมแล้วขนรถมาจอดเขาใหญ่กัน อันนี้ก็ช่วยไม่ได้นะครับ
ภาพแรกที่เราเห็นกับทางเข้าคอนโดมิเนียมก็คือต้นไม้ประธานต้นใหญ่ ที่อยู่กลางคอร์ทรูปสี่เหลี่ยม อันเป็นจุด Drop Off ของคอนโด เดินเข้า Lobby กันตรงนี้
ทางโครงการจะมีรถกอล์ฟเอาไว้บริการภายในโครงการ แต่จริงๆแล้วก็ไม่ค่อยได้ใช้อะไรมากหรอก เพราะลูกบ้านไม่สามารถไปใช้ส่วนกลางของโรงแรมหรือ The Valley ได้นะครับ แยกกันชัดเจน ของใครของมัน
จุดที่น่าสนใจมากกว่าคือจุดนี้ต่างหาก …
แอ่นแอ๊น … ที่ให้ยืมจักรยานหรือทางแสนสิริเรียกว่า The Good Bike มีจักรยานให้ถีบเล่นบนพื้นที่ของโครงการทั้งหมด รวมไปถึงโรงแรมด้วย ออกกำลังกันบนพื้นที่ร่วมๆ 30 กว่าไร่ ผมว่าก็โอเคแล้วล่ะ แต่ห้ามขี่ลงบนถนนใหญ่นะครับ 🙂
ถ้าใครขี่จักรยานมาก็จอดด้านหน้า แล้วเดินเข้า Lobby กัน
Lobby ทั้งหมดเป็นพื้นที่ Open Air เน้นรับลมหนาวเต็มที่ ถ้ามาหน้าร้อนก็ไม่ค่อยน่านั่งเท่าไรแต่ถ้าหน้าหนาวละก็ได้เลย กลิ่นอายของการตกแต่งเป็นแบบ Modern + Scandinavian ที่เน้นวัสดุเรียบง่าย อบอุ่น โทนธรรมชาติ แต่ก็ยังคงความสมัยใหม่อยู่ในตัว
ทางซ้ายของ Lobby เป็นสำนักงานนิติบุคคล ที่นี่ดูแลลูกบ้านได้ดีนะครับ มีน้ำเย็นๆให้ทานด้วย เหมือนมาพักผ่อนเลย
โซฟาแขวนตัวนี้น่านอนมาก รับน้ำหนักคน 2-3 คนได้สบายๆ (200 กก.) ไปลองมาแล้วแต่ไม่กล้าเพิ่มจำนวน 555
ที่นี่ผมไปมาสองครั้ง ช่วงหน้าร้อนหลังสงกรานต์ที่ผ่านมากับช่วงปลายฝนต้นหนาว ถ่ายภาพมาสองรอบ เดี๋ยวจะโชว์ให้ดู
หน้าร้อน โครงการค่อนข้างสดใส แดดเปรี้ยงๆ ต้นไม้สีสดเลย นี่ขนาดไม่ได้ปรับสีสักแอะ ก็เป็นแบบนี้แล้ว
ปลายฝนต้นหนาวบรรยากาศจะเปลี่ยนไปอีกแบบหนึ่ง ที่นี่ฝนตกค่อนข้างบ่อยเพราะเป็นเขตภูเขา น้องเซลล์บอกว่าแทบทุกวัน แต่สีของต้นไม้ก็จืดลง อย่างเห็นได้ชัดนะครับ
ทั้งสองภาพถ่ายจากจุดชมวิวเดียวกันตรงนี้ ปลาย Lobby ด้านในสุด
ส่วนใหญ่ของ Lobby จะเป็น Open Air มีแต่ส่วนที่เป็นฟิตเนสนี่ละครับที่เป็นห้องปิด ล้อมด้วยผนังกระจกแล้วเปิดแอร์ ก็สบายไปอีกแบบนะ
ด้านหลังห้องออกกำลังกายก็จะมีห้องน้ำส่วนกลาง ซึ่งทำออกมาสวยงาม ได้มาตรฐานเดียวกับโรงแรมนะครับ
รอบๆ Lobby และตัวตึกทั้ง 7 นั้น ก็จะประกอบไปด้วย Landscape สวยๆ มีแนวไม้พุ่ม ต้นไม้ใหญ่ ลำธารเล็กๆ วนไปรอบโครงการ ช่วยสร้างบรรยากาศให้เหมาะสมกับการพักผ่อน โดยส่วนตัวผมอาจจะไม่ชอบเท่าไรเพราะมันดู Man Made มากไปหน่อย ผมจะชอบฝั่งที่ติดกับทิวเขา ได้รับวิวธรรมชาติมากกว่าครับ
แต่ Man Made ก็ไม่ได้บอกว่าไม่สวยนะ อย่างมุมนี้ก็นั่งเพลินเหมือนกัน
ลำธารเล็กๆนี้จะแบ่งเป็นสองสาย สายหนึ่งเชื่อมตั้งแต่ตึก 1-4 ไปยังสระว่ายน้ำ อีกสายหนึ่งผ่านด้านหลังของตึก 6 และ 7 ไปที่บ่อน้ำเชื่อมกับพื้นที่โรงแรมด้านหน้าครับ ส่วนตัวผมมองว่าตรงไหนก็ไม่ต่างกัน ไม่ได้มีจุดที่เห็นน้ำแล้วดีกว่ากันชัดเจน ยกเว้น Tower 6 ที่อาจจะมองข้ามไปฝั่งโรงแรมแล้วเห็นวิวสวยๆเหนือสระว่ายน้ำของโรงแรม ไปยังทิวเขาฝั่งตรงข้ามโครงการครับ
Master Plan ของโครงการ 23 องศา คอนโด เป็นแบบนี้ บนพื้นที่ราว 12 ไร่จะถูกแบ่งเป็น 8 อาคารหลัก คือ 7 คอนโดพักอาศัยและ Club House / Lobby ด้านหน้าที่อยู่ติดกับ Tower 7 โดยใช้แปลนตึกรูปตัว K ทั้งสิ้น
- Tower 1 – 3 ด้านหน้าติดธารน้ำภายในโครงการ ด้านหลังติดทิวเขา
- Tower 3 – 5 อยู่ล้อมรอบสระว่ายน้ำ
- Tower 5 ติดกับโครงการบ้านเดี่ยว
- Tower 6 – 7 ได้วิวโรงแรม มองไปฝั่งเทือกเขาตรงข้ามของถนนได้ แต่ Tower 7 อาจจะโดนอาคารโรงแรมบังบางส่วน
นอกจากธารน้ำแล้ว เวลาเราเดินๆไปก็จะเจอที่นั่งเล่นแบบนี้ เอาไว้ให้เจ้าของห้องเดินลงมานั่งชิวๆได้ยามแดดร่มลมตกนะครับ
โครงการก็จะเต็มไปด้วยสะพานเล็กๆ อันเป็นจุดเชื่อมจากตัวตึกเข้ามาหาส่วนกลาง ที่คุมโทนค่อนข้างอยู่ ดูแล้วกลมกลืนกันไปหมด
นี่เป็นบริเวณหน้าตึก 3 มองไปทางตึก 4 จะเห็นว่ามีทิวเขาสวยอยู่ด้านหลังเลย
เวิ้งตึก 3 – 4 – 5 ด้านในคอร์ทกลางกั้นเป็นสระว่ายน้ำ
สระก็ใหญ่ใช้ได้ครับ แต่จะล้อมไปด้วยตึกเยอะหน่อย ไม่เหมือนสระโรงแรม มองวิวโล่งๆ งามกว่าเยอะ
ตึกที่นี่มี 4 ชั้น โดยชั้นล่างจะยกพื้นขึ้นสูงไปจากตัวโครงการเมตรหนึ่ง แล้วคั่นด้วยแปลงดอกไม้ ผมยืนอยู่บนถนนภายในโครงการแล้วถ่ายภาพเข้าไปที่ห้องชั้นล่าง จะได้แบบนี้
แปลนของที่นี่ทำเป็นรูปตัว K ซึ่งผมยอมรับว่ายังไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน โดยจะเป็นเหมือนตึกธรรมดาแล้วแตกกิ่งออกไปสองด้าน แต่ละตึกมีลิฟท์ 1 ตัวและ Lobby ส่วนตัวที่ชั้น G โดยจะมีห้องพักทั้งสิ้น 23 ห้องต่อ 1 อาคาร
จุดเด่นของที่นี่คือจะมีห้องที่ไม่ติดกับใคร 2 ห้องด้วยกัน เหมือนเป็นห้องที่ได้ผนังส่วนตัวทุกด้าน ในรูปคือห้อง 2D-1 และ 1B ที่เราจะพาไปชมกันละครับ
ลิฟท์ตัวเดียว ใช้กับตึก 4 ชั้น บ้านตากอากาศที่มีเพียง 23 ห้อง ผมว่าก็สบายๆนะครับ มีอะไรก็เดินขึ้นลงได้ ถ้ามีผู้ใหญ่มาด้วยก็ขึ้นลิฟท์
นี่แหละคือมุมแหลมของรูปตัว K ที่บอกไป ห้องทางซ้ายจะเป็นห้องที่ไม่ติดใคร และตามมุมแหลมของตัว K ก็จะได้แสงธรรมชาติด้วย ทำให้ดูไม่ทึบ … แต่ที่นี่กลับทำฝ้าสีเข้ม ซึ่งผมไม่ชอบเลย มันดูอึนๆไปหมด ถ้าเปลี่ยนเป็นสี White Oak อ่อนๆ คงจะสวยและสบายตาน่าดู
พรีวิวทิวเขาให้ดูก่อนพาไปดูจากห้องพัก
บันไดทุกจุดของตึกก็จะเป็นบันไดโปร่ง เดินขึ้นลงได้สบายแบบไม่ต้องใช้ลิฟท์
จุดเด่นก็คือแต่ละตึกจะมีส่วนกลางเอาไว้เก็บ Coil ร้อน ของห้องพักแต่ละห้องโดยเฉพาะ … เยี่ยมไปเลย ไม่มีคอมพ์แอร์มาเปิดอยู่บนระเบียงตาอากาศของเรา แถมยังไม่คิดเป็นพื้นที่ขายด้วย
สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก
- สระว่ายน้ำ 1 สระ และลำธารรอบโครงการ
- ห้องออกกำลังกาย 1 ห้องขนาด
- สวนหย่อมรอบโครงการ
- ลิฟท์โดยสาร 1 ตัวต่อ/อาคาร รวม 7 ตัว
- อัตราส่วนลิฟท์รวมทั้งโครงการ 23 : 1
- Service Lift ไม่มี
- ที่จอดรถประมาณ รวมจอดซ้อนคันคิดเป็น 57%
- ระบบ CCTV / Access Card
มาถึงที่ห้องแล้วนะครับ วันนี้ผมจะพาไปดูห้องตัวอย่าง 399/63 ซึ่งเป็นห้องแบบ 2 Bedrooms 74.5 ตารางเมตร บนชั้น 3 ของ 23 องศา คอนโดมิเนียม ที่อยู่บริเวณขาของตัว K ครับ
ประตูห้องเป็นประตูปิดผิวลามิเนตขนาดมาตรฐาน มือจับประตูเป็นแบบเขาควายมี Dead Bolt ติดตั้งอยู่ด้านล่างตามแบบฉบับของคอนโดมิเนียมยุคปัจจุบัน ตรงนี้จะไม่มี Digital Doorlock เนื่องจากเป็นคอนโดตากอากาศ แต่ถ้าใครอยากได้ระบบ Password หรือ Fingerprint Scanning ก็สามารถไปติดตั้งเองได้ภายหลังนะครับ
แปลนห้องก็จะเป็นแบบนี้ เดี๋ยวเราพาไปดูทีละส่วนกันเลย
เปิดประตูเข้าไปภาพแรกที่เห็นก็คือภาพนี้ โชว์วิวภูเขาด้านหลังโครงการผ่านกระจกระเบียงห้องให้เห็นเต็มๆตาทันทีที่ย่างเท้าเข้าไป สำหรับตัวผมเองแล้วถ้าเป็นคอนโดตากอากาศยังไงๆก็ต้องได้วิวที่ดี ได้บรรยากาศที่ดี ให้ได้ธรรมชาติที่ดึงออกมาจากทำเลดังกล่าว เน้นเรื่องนี้ก่อน ไปทะเลต้องได้วิวทะเล ไปภูเขาต้องได้วิวภูเขา ดังนั้นผมจะไม่แนะนำห้องภายในที่มองวิวเข้าไปใน Facilty ส่วนกลางนะครับ ห้องแบบนั้นซื้อที่กรุงเทพฯหรือตามเมืองใหญ่ๆก็ได้เหมือนกัน ไม่ต้องถ่อออกมาถึงเมืองท่องเที่ยวหรอก
เราเริ่มจากพื้นที่ส่วนหน้าสุดของห้องกันก่อน เป็นพื้นที่ครัว ตู้เย็น ตู้รองเท้าและที่เก็บของ
ชุดครัวที่ให้มาได้ชุดค่อนข้างโอเค ขนาดประมาณ 1.80 เมตร สามารถวางของ เตรียมอาหาร ทำกับข้าว ได้พอประมาณ ในเวลาที่เรามาพักตากอากาศกัน
ชุดครัวเป็นเตาไฟฟ้าและเครื่องดูดควันของ MEX บนท๊อปหินสังเคราะห์สีดำ ปูกระเบื้องด้านหลังเพื่อกันเปื้อน
ซิงก์เป็นของ MEX เช่นกัน แบบหลุมเดียว ฝังลงไปใต้ท๊อป ดูสวยงาม แต่ขนาดอาจจะเล็กไปหน่อย เวลาใช้ยามจัดงานปาร์ตี้ที่เขาใหญ่คงจะไม่เพียงพอ
พื้นห้องส่วนที่เป็นครัวจะปูกระเบื้องให้ทนทานต่อการใช้งาน ส่วนที่เป็นห้องพักจะเป็นพื้น Engineering Wood เดินแล้วจะไม่เย็นเท้าเหมือนกระเบื้อง
ห้องนี้ดูเผินๆเหมือนจะไม่มีอะไรผิดปกติ แต่ลองสังเกตทางซ้ายดูนะครับจะพบว่ามีเตียงอยู่ด้วย! ฟังก์ชั่นห้องจัดมาไว้เพื่อพักผ่อนอย่างเต็มที่ เอาพื้นที่ห้องนั่งเล่น โต๊ะทานข้าว รวมถึงห้องนอนเล็กมารวมกัน ให้เป็นห้องโถงใหญ่ ที่จะใช้งานเวลามาผ่อนคลายได้อย่างดี
ฟังก์ชั่นของชุดนั่งเล่นจะเน้นพื้นที่ใกล้ระเบียงเป็นหลัก นั่งชมวิวภูเขาได้สะดวก เปิดหน้าต่างรับลมหน้าหนาว … สบายแน่นอนครับ
เวลากลางวันห้องนั่งเล่นก็จะสามารถเปิดมาเชื่อมกับห้องนอนเล็กได้กลายเป็นพื้นที่เดียวกัน ใครใคร่นั่ง … นั่ง ใครใคร่นอน … นอน สบายๆครับ
พอตกกลางคืนอยากจะกั้นห้องเพื่อความเป็นส่วนตัวก็ทำได้ หรือถ้าใครอยากได้ความเป็นส่วนตัวมากกว่านี้ก็ใช้สติ๊กเกอร์ฝ้าติดกระจกเสีย
พื้นที่ภายในห้องนอนและพื้นที่ห้องนั่งเล่นก็จะแยกออกจากกัน ข้างนอกนั่งเล่น ข้างในพักผ่อน ตามสไตล์
ระยะบริเวณ Ottoman หรือที่วาง Armchair อาจจะประชิดกระจกไปหน่อย อย่าวางเก้าอี้โยกก็โอเค
จุดเด่นของบานเลื่อนเข้ามุมตรงนี้ก็คือรอยต่อ … แม้ว่าจะมีราง แต่ก็เรียบสนิทจนแทบจะเป็นระนาบเดียวกับพื้นไม้ แม้ว่าจะมีเด็กหรือคนชรา ก็ไม่ต้องกลัวสะดุดหกล้มและไม่ปลอดภัย นี่เป็นจุดที่สำคัญที่สุดของการออกแบบห้องอย่างนี้ หากจุดนี้ทำพลาดหรือทำได้ไม่ดีพอ ห้องแบบนี้จะไม่น่าอยู่เลยละครับ
เราเดินเข้าไปดูข้างในห้องนอนเล็กกันบ้าง จะเห็นว่าเป็นห้องนอนที่มีฟังก์ชั่นเต็มรูปแบบ เตียง 5 ฟุต ห้องน้ำในตัวและแอร์ ขาดเพียงตู้เสื้อผ้าที่ดูจะเล็กมาก นั่นก็เป็นเพราะห้องนี้ถูกออกแบบมาให้ใช้งานชั่วครั้งคราว ไม่ได้ให้อยู่อาศัยจริงจังทุกวัน
ห้องน้ำในห้องนอนเล็กใช้งานร่วมกับห้องนั่งเล่นด้านนอก การออกแบบอย่างนี้ก็ดี สะดวกสำหรับห้องนอนในเวลากลางคืน แต่ถ้าห้องนอนเล็กเข้านอนแล้ว ห้องนั่งเล่นจะมาใช้ห้องน้ำ ก็ต้องเดินผ่านมาใช้นะ
ห้องน้ำมีห้องอาบน้ำอยู่ด้านใน แต่ด้วยประตูห้องนอนเป็นกระจกใส เวลาอาบน้ำก็จะต้องเปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่ในห้องน้ำตรงนี้เลย ควรจะทำที่แขวนผ้าเพิ่มขึ้นอีกหน่อย เพื่อความสะดวกครับ
ชุดฝักบัวอาบน้ำมีทั้งแบบ Rain Shower และ Hand Shower โดยเป็นชุดก๊อกผสม ติดตั้งเรียบร้อย
ระยะห้องนั่งเล่นค่อนข้างกว้าง กินพื้นที่ยาวจรดผนังอีกฝั่งหนึ่ง เปิดให้เห็นมุมทิวเขาทั้งหมด
ระเบียงยาวกั้นด้วยบานเลื่อน 2 บานเปิดซ้ายขวา … ระยะดูทีวีค่อนข้างไกลไปหน่อย อาจจะดูไม่สะดวกหากไม่ใช้ทีวีใหญ่ระดับหนึ่ง ผมแนะนำว่าควรจะเกิน 46 นิ้วขึ้นไปถ้าจะดูจริงจังนะครับ แต่ถ้าจะเปิดไว้เป็นเพื่อน ดูข่าวผิวเผิน ก็สบายๆ
ระเบียงห้องทำออกมาเป็นรูปตัว L มีส่วนต้นของระเบียงที่กว้างประมาณ 1.5 เมตรและส่วนปลายจะแคบลงเหลือราว 1 เมตร ความกว้างระดับนี้สามารถวางชุดน้ำชาได้ แต่บานเลื่อนที่ออกแบบมาเป็นบาน Fixed สองบานจะทำให้เปิดระเบียงได้ไม่เต็มที่ ทางเราเห็นว่าควรจะเป็นบานจูง 4 ตอน จะใช้งานได้ดีกว่า
ระเบียงถูกออกแบบมาให้โล่ง ไม่มีการนำคอมเพรสเซอร์แอร์มาวาง แขวน หรือติดตั้งใดๆทั้งสิ้น ทำให้พื้นที่ระเบียงจะใช้งานใช้ประโยชน์ได้เต็มที่ ส่วนราวกันตกนั้นทำจากเหล็กซี่ๆ เรื่องความสวยงามและการชมวิวคงจะสู้ราวกันตกแบบกระจก Tempered Glass ไม่ได้ แต่การดูแลรักษาจะทำได้ง่ายกว่ามาก
เวลามองวิวออกไปก็จะเห็นภูเขากับตึกข้างเคียงทำนองนี้ แต่แอบขัดใจนิดนึงตรงที่มีเสากับสายไฟฟ้าพาดผ่านอยู่บ้าง
ตึกข้างเคียง 4 ชั้น สูงประมาณนี้
ฟังก์ชั่นถัดมาจะเป็นโต๊ะอาหารที่วางอยู่กลางห้อง ที่เป็นเสมือนจุดศูนย์กลางหรืออีกนัยหนึ่งก็คือ “คลังสะเบียง” ในวันสบายๆ
วางของกินตรงนี้ เพียงพอทั้งครอบครัว
ขนาดของโต๊ะนั้นจัดมาสำหรับ 4 ที่นั่ง แต่ถ้าครอบครัวไหนมีสมาชิกมากกว่านี้ ผมกว่าก็สามารถวางได้จนถึง 6 คน หรืออาจจะทำโต๊ะยาว 8 คนก็ได้ พาดเลยไปจนถึงหน้าชั้นวางทีวีได้เลย
สุดท้ายของห้องนี้คือห้องนอนใหญ่ Master Bedroom ที่ตกแต่งโทนสีเขียวสไตล์ป่าไม้ ฝ้าเพดานสูง 2.70 เมตร ทำให้ไม่รู้สึกว่าอึดอัดเกินไป
ห้องนอนเช่นกันก็ได้วิวภูเขากับกระจกบานใหญ่เปิดให้รับวิวได้เต็มที่ และเป็นระเบียงส่วนตัวที่แยกต่างหากจากระเบียงห้องนั่งเล่น ไม่ได้เชื่อมติดกัน
ระยะต่างๆอาจจะไม่กว้างขวางมากนัก แต่ก็เพียงพอให้วางเตียง 5 ฟุตและชั้นวางทีวีแล้วยังมีพื้นที่เหลือเดินได้สบาย
ตู้เสื้อผ้ามีให้กว้างกว่าห้องนอนเล็ก แต่ไม่มีหน้าบานปิดป้องกันฝุ่นนะ
ห้องนี่น่าสนใจกว่าคือห้องน้ำที่อยู่ในห้องนอนหรือ Master Bathroom ที่มาพร้อมกับการแยก 4 ฟังก์ชั่นชัดเจน
อ่างอาบน้ำเอาไว้แช่น้ำอุ่นเวลาอากาศบนเขาใหญ่เริ่มหนาว
อ่างล้างหน้าที่ใช้ก๊อกผสม วางอยู่บนเคาน์เตอร์ มีที่วางของให้เรียบร้อย
ส่วนของโถสุขภัณฑ์มีการก่อผนังปูนมากั้นแยกสัดส่วนไว้แล้ว
ห้องอาบน้ำมีพื้นที่โอเคแต่จะเป็นแนวลึกๆ
ฝักบัวและ Rain Shower ก็จะใช้รุ่นเดียวกับห้องน้ำด้านนอก
ก่อนจะจบบทความนี้ ผมจะแอบพาไปดูบ้านเดี่ยวสักรูป หลังอิงเขาในโครงการ 23 องศา เอสเตท … แต่หลังเดียวไม่ขาย ขายเป็นคู่นะครับ!
**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะครับ
ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 12 November 2014
- 1 Bedroom 50.5 – 52 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้น 3.79 – 4.87 ล้านบาท (75,800 – 93,600 บาทต่อตารางเมตร)
- 2 Bedrooms 74 – 76.5 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้น 5.66 – 7.61 ล้านบาท (76,500 – 99,500 บาทต่อตารางเมตร)
- 3 Bedrooms 97 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้น 8.01 – 9.13 ล้านบาท (82,500 – 94,100 บาทต่อตารางเมตร)
- Fully Fitted (Fully Furnished เฉพาะห้องตัวอย่างหรือจ่ายเงินเพิ่ม)
- ฝ้าเพดานสูง 2.70 เมตร
- Kitchen & Sink
- Hob & Hood
- สร้างเสร็จพร้อมโอน
- ค่ากองทุน 500 บาทต่อตารางเมตร
- ค่าส่วนกลาง 55 บาทต่อตารางเมตรต่อเดือน เก็บล่วงหน้า 1 ปี
**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ครับ
ทำเลของโครงการ 23 Degree Estate by Sansiri จัดเป็นทำเลที่โอเคระดับหนึ่งเลย ด้านหลังอยู่อิงกับทิวเขา ด้านหน้าติดถนนใหญ่ผ่านศึก-กุดคล้า อันเป็นทางขึ้นเขาใหญ่อีกทางหนึ่งที่จะไปเชื่อมกับถนนธนะรัชต์ ใกล้สถานทีท่องเที่ยว ไม่ไกลจากร้านอาหาร เงียบสงบและอากาศดี แต่วิวของทิวเขาจาก 23 องศา คอนโด ผมว่ายังสู้วิวอีกฝั่งหนึ่งของถนนผ่านศึก-กุดคล้าไม่ได้ การที่อยู่ติดกับเขาเลยก็จะไม่มีระยะให้ทอดสายตายาวๆออกไปบนแนวเทือกเขาครับ
้ข้อดีของ 23 องศา คอนโด คือการที่มีโรงแรม the Escape เขาใหญ่ ตั้งอยู่ข้างๆ ดังนั้นลูกบ้านก็ไม่ต้องกังวลเรื่องสภาพโครงการแน่นอน เนื่องจากทางแสนสิริจะต้องดูแลให้สวยงามอยู่เสมอ ไม่อย่างนั้นจะส่งผลเสียต่อโรงแรม Escape ที่ดำเนินการอยู่แน่นอน และสำหรับลูกบ้านที่ต้องการ Service ของโรงแรม ก็สามารถเดินไปใช้ได้ ไปหาข้าวเช้ากินก็ได้หรือขอให้แม่บ้านมาทำความสะอาดห้องให้ก็ได้ ด้วยค่าใช้จ่ายระดับหนึ่ง ไม่ฟรีนะจ๊ะ
ส่วนกลางของ 23 องศา คอนโด มีให้ค่อนข้างโอเค สระว่ายน้ำ ฟิตเนส ทั่วๆไป ส่วนที่พิเศษขึ้นมาคงจะไม่พ้นเรื่องจักรยานที่ให้ยืมปั่นได้รอบพื้นที่คอนโด โรงแรม และหมู่บ้าน ทำให้ลูกบ้านที่มาพักผ่อนมีกิจกรรมมากขึ้น มากกว่านั่งๆนอนๆอยู่ในห้อง หรือลงมาใช้สระว่ายน้ำด้านล่าง กิจกรรมอื่นๆคงจะเป็นของโรงแรมเสียมากกว่า อาทิเช่น รับประทานอาหารในเต้นท์ที่ทางโรงแรมจัดเตรียมไว้ให้ แต่นั่นก็ต้องมาพร้อมกับค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมเช่นกัน
การออกแบบห้องทำออกมาได้ดี ใช้ประโยชน์จากห้องนอนเล็กได้มาก การออกแบบตึกก็ทำแล้วใช้ได้ แต่พอมี 7 ตึกก็อาจจะดูแน่นๆไปสักนิดนึง ใครอยากได้ห้องพักที่นี่ก็ควรจะเลือกหรือให้น้ำหนักไปที่วิวด้านนอกห้องพักเสียก่อน ให้มองออกไปนอกโครงการ เห็นระยะไกลๆ จะดูดีกว่ามองกันเองภายในโครงการ หรือนั่งดูสระว่ายน้ำ ที่ไม่จำเป็นต้องมาถึงเขาใหญ่ก็ทำได้นะครับ แต่ที่สำคัญที่สุด ควรจะต้องไปดูห้องที่เราเลือกไว้ด้วยตาตัวเอง ก่อนที่จะวางเงินนะครับ ของแบบนี้จองในกระดาษ จิ้มเอาในผัง อาจจะไม่เพียงพอ
สุดท้ายการจะซื้อบ้านตากอากาศเหล่านี้ก็ต้องมีเงินเหลือ พอสมควรนะครับ ต้องมีบ้านแล้ว มีรถแล้ว มีเงินเอาไว้จับจ่ายใช้สอยสบายๆแล้ว หากยังไม่มีผมว่าไปนอนโรงแรมหรือเช่าบ้านพักเอาจะดีกว่า นอกเสียจากว่าจะหาซื้อมาเพื่อปล่อยเช่ารายวัน รายสัปดาห์ ทำกำไรเข้ากระเป๋า ซึ่งต้องการความเชี่ยวชาญอีกด้านหนึ่งที่ไม่เหมือนกัน ประเด็นนั้นไม่อยู่ในกรอบของการรีวิวฉบับนี้ครับ สุดท้ายสำหรับคนที่จะซื้อเก็บไว้พักผ่อนตามอัธยาศัย ก็ต้องรู้อยู่แก่ใจว่าสิ่งนี้เป็นของฟุ่มเฟือยนะ เราพร้อมที่จ่ายซื้อสินทรัพย์ที่มีสภาพคล่องต่ำ ตอนจะขายอาจจะไม่ได้เร็วเหมือนดั่งใจตอนที่เราจะซื้อนะครับ
Judgement
คอนโดตากอากาศเป็นคอนโดที่ตัดสินใจด้วยอารมณ์ ทางเราจึงไม่มีคะแนนเมื่อเทียบกับความคุ้มค่าในการอยู่อาศัยให้
- UPPER CLASS
- NOT JUDGED
BOTTOM LINE
23 องศา คอนโด บาย แสนสิริ เป็นอีกตัวเลือกสำหรับคอนโดมิเนียมตากอากาศในย่านเขาใหญ่ ที่มาพร้อมกับโรงแรม the Escape ที่จะสามารถมาพักผ่อนหย่อนใจได้ในวันที่เราต้องการครับ
ถ้าเห็นว่ารีวิวนี้มีประโยชน์ ช่วยกด LIKE ให้ผมหน่อยนะครับ จะได้มีกำลังใจทำรีวิวถัดๆไปครับ