ช่วงนี้หัวข้อที่ถูกพูดถึงมากที่สุดในวงการอสังหาฯ คงหนีไม่พ้นเรื่องของ “บ้านประชารัฐ” หนึ่งในโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลที่เพิ่งไฟเขียวให้กรอบโครงการผ่านไปหมาดๆ วันนี้เราจะมาเล่าให้ฟังกันซักหน่อยว่าจริงๆ แล้วโครงการนี้คืออะไรกันแน่ และต่างจากโครงการอื่นๆ ที่รัฐบาลเคยทำมาอย่างไร
“บ้านประชารัฐ” หนึ่งในโครงการของเครือข่ายประชารัฐ ซึ่งเป็นการร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาคสังคม ภาคเอกชน และภาคประชาชน เพื่อขับเคลื่อน สร้างสรรค์ และพัฒนาทุกภาคส่วนของประเทศไทย
มาดู เงื่อนไขเบื้องต้น ของโครงการนี้กันซักหน่อย
หลักๆ รัฐบาลต้องการปล่อยกู้ให้ผู้ มีรายได้น้อยให้มีที่อยู่อาศัย ในราคาไม่เกิน 700,000 – 1,500,000 บาท โดยเปิดโอกาสให้ประชาชนผู้มีรายได้น้อย ทั้งผู้ที่มีรายได้ประจำ เช่น ข้าราชการพลเรือน ทหาร ตำรวจ บุคลากรทางการศึกษา และผู้ที่มีรายได้ไม่แน่นอนหรืออาชีพอิสระ ที่ไม่เคยมีกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์มาก่อน ให้สามารถมีที่อยู่อาศัย(ในราคาที่ไม่เกิน 1,500,000 บาท) เป็นของตัวเอง หรือซ่อมแซมและต่อเติมที่อยู่อาศัย ผ่านการปล่อยกู้จากธนาคาร 3 แห่ง คือ ธนาคารออมสิน ธนาคารกรุงไทย และธนาคารอาคารสงเคราะห์
โครงการนี้จะมีวงเงินปล่อยกู้ในเบื้องต้นประมาณ 70,000 ลบ. โดยแบ่งเป็น
1. การปล่อยกู้ให้แก่ผู้ประกอบการเพื่อก่อสร้างโครงการ (Pre-Finance) วงเงิน 30,000 ลบ.
2. ปล่อยกู้ให้คนทั่วไป (Post-Finance) วงเงิน 40,000 ลบ.
โดยผู้กู้จะต้องไม่เคยมีกรรมสิทธิ์ในที่อยู่อาศัยมาก่อน ราคาที่อยู่อาศัยรวมที่ดินไม่เกิน 1,500,000 บาท ได้ทั้งบ้านใหม่ บ้านมือสอง หรือบ้านที่ปลูกในที่ของตัวเอง โดยไม่ได้จำกัดเฉพาะบ้านที่รัฐจะสร้างใหม่บนที่ราชพัสดุ
สำหรับการกู้เพื่อต่อเติมหรือซ่อมแซมนั้น ผ่อนปรนให้ผู้มีกรรมสิทธิ์ในที่อยู่อาศัย มูลค่าของบ้านที่จะซ่อมแซมจะต้องไม่เกิน 1,500,000 บาท แต่บ้านต้องไม่ติดธนาคาร และให้กู้ไม่เกิน 5oo,ooo บาท * (อ้างอิงข้อมูลจาก ประชาชาติธุรกิจ)
ส่วนการ Re-finance ธอส. เพิ่มเงื่อนไขด้านท้ายไว้หน่อยว่า จะต้องไม่ปิดบัญชีหรือไถ่ถอนก่อนกำหนดเป็นเวลา 7 ปี (จากปกติที่ธนาคารทั่วไปกำหนดไว้ไม่เกิน 3ปี) แต่ถ้าผู้กู้ต้องการไถ่ถอนก่อนกำหนดก็จะต้องจ่ายค่าปรับด้วย รวมถึงสิทธิต่างๆที่ได้รับจากบ้านหลังแรกก็อาจจะต้องเปลี่ยนไปด้วย* (อ้างอิงข้อมูลจาก Home.co.th)
นอกจากนี้ยังมีโปรโมชั่นพิเศษ ที่ทั้งผู้ประกอบการและธนาคารเพิ่มเติมให้อีก
- ผู้ประกอบการที่อยู่อาศัยจะลดราคาบ้านให้อีกอย่างน้อย 2% จากราคาขายสุทธิ ทำให้วงเงินขอสินเชื่อกู้ซื้อบ้านลดลง
- ฟรีค่าโอนกรรมสิทธิ์และค่าจำนอง
- ฟรีค่าส่วนกลาง 1 ปี
- ธนาคารผ่อนปรนสัดส่วนความสามารถชำระหนี้ต่อรายได้ (Debt Service Ratio หรือ DSR) เพิ่มเป็นสูงสุดไม่เกิน 50% ของรายได้สุทธิต่อเดือนกรณีลูกค้ารายย่อย จากเดิม 33%
เราลองคำนวณให้ดูคร่าวๆ ว่าถ้าเริ่มต้นผ่อนบ้าน 700,000-1,500,000 บาท ตามเงื่อนไขของประชารัฐ จะต้องใช้เงินทั้งหมดเท่าไหร่ และกี่ปีจะปลดหนี้ทั้งหมดได้
หลังจากคลอดโครงการนี้ออกมาเป็นทางการ บริษัทอสังหาริมทรัพย์ทั้งรายใหญ่รายเล็ก ก็ตบเท้าออกมาร่วมโครงการ ลองมาดูกันว่ามีเยอะแค่ไหน
แน่นอนว่าบริษัทอสังหาฯ รายใหญ่ๆ ในตลาด ต่างไม่รอช้า เร่งระบาย stock กันสุดฤทธิ์ ซึ่งถ้าใครอยากรู้ว่ามีโครงการอะไรเข้าร่วมบ้างนั้น มี 3 บริษัทที่รวบรวมรายละเอียดไว้ให้อย่างชัดเจน โดยสามารถคลิกเพื่อดูรายชื่อโครงการได้เลยคะ
ยอดคนยื่นกู้ทะลัก ธอส.-ออมสินคาดพุ่งเกิน 50,000 ราย
หลังจากเปิดให้กู้เมื่อ 23 มี.ค. ที่ผ่านมา ทั้งสองธนาคารก็ได้รับความสนใจอย่างล้นหลาม ล่าสุดธอส. เปิดเผยว่ามีจำนวนผู้สนใจสอบถามสินเชื่อประมาณ 20,000 คน คิดเป็นวงเงินประมาณ 18,000 ลบ. และมีผู้ยื่นกู้ที่เอกสารครบประมาณ 1,250 ราย ปัจจุบันมียอดสินเชื่อที่อนุมัติแล้วประมาณ 100++ ลบ.
Credit Photo: Facebook ธอส.
ด้านธ.ออมสิน เปิดให้ผู้สนใจมาร่วมลงทะเบียนจองสิทธิ์ไว้ก่อน ล่าสุดมีจำนวนผู้สนใจเข้าโครงการ รวมจำนวน 31,352 ราย คิดเป็นยอดเงิน 34,528 ลบ. ซึ่งเลยวงเงินที่กำหนดไว้แล้ว ทำให้ออมสินตัดสินใจปิดรับคำขอกู้เมื่อต้นเดือนเมษ. ที่ผ่านมา โดยคาดจำนวนผู้ได้รับอนุมัติประมาณ 60-70% ของผู้สนใจยื่นกู้
นอกจากนี้ยังมีโครงบ้านประชารัฐที่ดำเนินการโดยกรมธนารักษ์ ซึ่งอาศัยที่ดิน 6 ทำเลของกรมฯ สร้างโครงการที่อยู่อาศัย ให้ผู้มีรายได้น้อยเช่า (รายได้ขั้นต่ำไม่เกิน 20,000 บาท/เดือน) โดยค่าเช่าสูงสุดจะต้องไม่เกิน 4,000 บาท/ เดือน
สำหรับพื้นที่ 6 ทำเล ประกอบด้วย บริเวณที่วัดไผ่ตัน ถนนพหลโยธิน ซึ่งเป็นโครงการนำร่องแห่งแรกที่จะสร้างในรูปแบบอพาร์ตเมนต์ ส่วนที่เหลือ คือบริเวณโรงกษาปณ์เก่า ถนนประดิพัทธ์ ที่ราชพัสดุ จ.เชียงใหม่, เนื้อที่ 9 ไร่ ที่ราชพัสดุ อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี เนื้อที่ 2 แปลง และที่ราชพัสดุ จ.เชียงราย บริเวณใกล้บ้านผู้สูงอายุ คาดว่าจะสามารถก่อสร้างบ้านเพื่อผู้มีรายได้น้อยประมาณ 3,400 ยูนิต ขณะที่แนวทางก่อสร้างมีหลายรูปแบบ คือให้จ้างเอกชนรับเหมาก่อสร้างโครงการ หรือให้เอกชนเป็นผู้ลงทุนและบริหารโครงการ หรือให้เอกชนสร้างแล้วให้บริษัท ธนารักษ์พัฒนาสินทรัพย์ (ธพส.) เป็นผู้บริหารโครงการ* (ข้อมูลจาก ThaiPBS)
ทั้งนี้ กระทรวงการคลังเชื่อว่าโครงการบ้านประชารัฐจะก่อให้เกิดประโยชน์ทางเศรษฐกิจและสังคม โดยถือเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจโดยตรง เนื่องจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เป็นธุรกิจที่มีความเชื่อมโยงกับธุรกิจอื่น ๆ (Value Chain) ที่เกี่ยวข้องจำนวนมาก นอกจากนี้ ยังเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดสรรทรัพยากรในระบบเศรษฐกิจ
