เปิดศักราชใหม่ปี 2018 นี้ จากข่าวคราวที่เว่ากันมาว่าโครงการในย่านรถไฟฟ้าสายสีเขียวช่วงต่อขยายกำลังจะมีโครงการมาเปิดใหม่ขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งก็ไม่แน่เป็นที่แปลกใจ หลังจากได้ผ่านเส้นพหลโยธินตั้งแต่ช่วงห้าแยกลาดพร้าว ไปจนถึงแยกเกษตรก็เริ่มเห็นรูปร่างเค้าโครงการรางรถไฟฟ้าและตัวสถานีกันแล้ว วันนี้ก่อนรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายนี้จะเปิดให้ใช้อย่างเป็นทางการ เรามาดูกันว่าโครงการใหม่ในย่านนี้มีโครงการไหนบ้างที่กำลังเปิดขาย ตัวโครงการเป็นอย่างไร สำหรับคนที่กำลังมองหาคอนโดในย่านนี้จะได้สามารถหาโครงการที่เหมาะกับคุณได้ค่ะ

ทำเล ห้าแยกลาดพร้าว-แยกเกษตร

สำหรับทำเลช่วงพหลโยธินตั้งแต่บริเวณห้าแยกลาดพร้าวไปจนถึงแยกเกษตรจัดเป็นช่วงต้นๆ ของรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต ซึ่งสร้างต่อจากสถานีปลายทางในปัจจุบันอย่าง สถานีหมอชิต บริเวณทำเลในละแวกนี้จะเป็นย่านที่มีความเจริญเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องเลยทีเดียวนะคะ นอกเหนือจากเป็นทำเลที่กำลังจะมีรถไฟฟ้าตัดผ่านแล้ว บริเวณนี้ก็แวดล้อมไปด้วยอาคารสำนักงาน ห้างสรรพสินค้า โรงเรียน มหาวิทยาลัยชื่อดัง ร้านค้าต่างๆ ตลอดจนบ้านพักอาศัย จัดเป็นพื้นที่ที่ครบครัน มีความอุดมสมบูรณ์สูง และคึกคักมากๆ อีกย่านนึง เมื่อมีรถไฟฟ้าตัดผ่านเพิ่มขึ้นมาก็ทำให้ย่านนี้เป็นที่ต้องตาต้องใจของผู้คนที่กำลังมองหาที่อยู่อาศัยในเมือง ใกล้ที่ทำงานและเป็นแหล่งที่มีความอุดมสมบูรณ์สูง จึงทำให้เป็นอีกหนึ่งย่านที่มีโครงการคอนโดมิเนียม ทั้ง High Rise และ Low Rise เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องเรื่อยๆ เลยทีเดียว เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของคนที่เข้ามาในย่านนี้มากขึ้น

สำหรับการเดินทางบนทำเลนี้จัดว่าง่ายและสะดวกทีเดียว การใช้เส้นทางพึ่งพิงถนนพหลโยธินเป็นเส้นทางหลัก ซึ่งเป็นถนนหมายเลข 1 ที่เชื่อมและตัดกับถนนสายสำคัญต่างๆ ทั้งถนนลาดพร้าว วิภาวดีรังสิต รัชดาภิษก งามวงศ์วาน และประเสริฐมนูกิจ (เกษตรนวมินทร์) ทำให้การเดินทางด้วยรถยนต์ค่อนข้างสะดวกมาก เพราะมีเส้นทางให้เลือกเดินทางที่หลากหลายทีเดียว แต่ต้องยอมรับเช่นกันค่ะว่าทำเลนี้จำเป็นต้องเผื่อเวลาในการเดินทางด้วยเช่นกันนะคะ เพราะปริมาณรถที่มีจำนวนมาก ทำให้รถค่อนข้างติดขัดมาก โดยเฉพาะช่วงเวลาก่อนเข้างานและหลังเลิกงาน

สำหรับความอุดมสมบูรณ์จากที่กล่าวไปและรูปภาพด้านบน จะเห็นว่าทำเลนี้เป็นทำเลที่มีความครบครันในเรื่องการอยู่อาศัยเกือบทั้งหมด ซึ่งจะเห็นว่าอยู่ใกล้กับห้างดังอย่าง Central ลาดพร้าว, Major Cineplex รัชโยธิน, Union Mall รวมไปถึง Hyper Market ใหญ่อย่าง Tesco Lotus และ BigC Supermarket ให้สามารถจับจ่ายซื้อของหรือช็อปปิ้งได้สะดวกสบาย เดินทางไม่ไกล โรงพยาบาลและตลาดต่างๆ ประกอบกับทำเลนี้ก็มีโรงเรียนดังอย่างโรงเรียนหอวัง และมหาวิทยาลัยใหญ่ทั้ง 2 แหล่งใกล้ๆ กัน ทั้งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และมหาวิทยาลัยราชภัฏจันทรเกษม ทำให้เป็นทำเลที่มีนักเรียนนักศึกษาค่อนข้างมากเช่นกัน นอกจากนี้ยังเป็นแหล่งอาคารสำนักงานต่างๆ อีกมากมาย จึงมีวัยคนทำงานที่เข้ามาทำงานและอยู่อาศัยในย่านนี้เช่นเดียวกันค่ะ กลุ่มคนที่อยู่ในย่านนี้จึงค่อนข้างหลากหลาย ซึ่งนอกเหนือจากนักเรียนนักศึกษาและพนักงานที่ทำงานในอาคารสำนักงานในย่านนี้แล้ว ก็ยังมีกลุ่มคนที่ต้องการอยู่อาศัยใกล้รถไฟฟ้า เดินทางด้วยรถไฟฟ้าสะดวก แต่ยอมอยู่ขยับออกมาหน่อยจากตัวเมืองเช่นกัน

สำหรับบทความนี้เราจะสโคปโครงการที่อยู่ระหว่างรัศมีรถไฟฟ้าตั้งแต่สถานีห้าแยกลาดพร้าว ไปจนถึงสถานีเสนานิคม ซึ่งโดยรวมแล้วทั้ง 4 สถานีจัดว่าอยู่ในทำเลละแวกเดียวกัน ไม่ได้ไกลกันมากนัก บรรยากาศการอยู่อาศัยมีกลิ่นอายที่เหมือนกัน ไม่ได้แตกต่างกันมากนักค่ะ แต่ทั้ง 4 สถานีก็มีจุดเด่นที่แตกต่างกันเช่นเดียวกันนะคะ ใครที่สนใจกำลังมองหาคอนโดในย่านนี้ หากให้ความสำคัญในเรื่องทำเลในแต่ละสถานีเป็นหลักก็ไม่ควรมองข้ามค่ะ

  • สถานีห้าแยกลาดพร้าว จุดเด่นเลยคืออยู่หน้าห้าง Central ลาดพร้าว และ Union Mall คอนโดใกล้สถานีนี้จะได้เปรียบในเรื่องความอุดมสมบูรณ์มากกว่า รวมไปถึงเป็นสถานีที่สามารถ Interchange ไปต่อ MRT พหลโยธินที่อยู่ใกล้กับ Central ลาดพร้าวและ Union Mall ได้ด้วยเช่นกันนะคะ
  • สถานีพหลโยธิน 24 อยู่บริเวณหน้าปากซอยพหลโยธิน 24 ซึ่งด้านหน้าอยู่ใกล้กับกรมที่ดิน และด้านในซอยเป็นชุมชนขนาดใหญ่ ส่วนฝั่งเลขคี่ก็มีซอยที่เชื่อมไปออกถนนวิภาวดีรังสิตได้ด้วย
  • สถานีรัชโยธิน ตั้งอยู่บริเวณแยกรัชโยธิน จุดเด่นเลยคืออยู่ใกล้ห้าง Major รัชโยธิน เป็น Node ใหญ่ๆ ของย่านนี้เลยทีเดียวค่ะ ภายในมีทั้งร้านค้า ร้านอาหารต่างๆ คึกคักมากทีเดียว รวมไปถึงอยู่ใกล้กับอาคารสำนักงานขนาดใหญ่อย่าง SCB และ ตึกช้าง
  • สถานีเสนานิคม อยู่บริเวณหน้าปากซอยเสนานิคม หรือพหลโยธิน 32 ซึ่งเป็นซอยใหญ่ที่เชื่อมระหว่างถนนพหลโยธินและถนนลาดพร้าววังหิน ซึ่งภายในถนนลาดพร้าววังหินนี้จัดเป็นถนนที่มีความอุดมสมบูรณ์สูง และเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยขนาดใหญ่ คึกคักอีกจุดนึงเลยทีเดียว

สำหรับโครงการที่พึ่งเปิดตัวไปเมื่อปีที่แล้ว รวมไปถึงโครงการที่อยู่ในระหว่างการขายในทำเลนี้มีอยู่หลายโครงการทีเดียวค่ะ จากที่รวบรวมมาในปัจจุบันที่เปิดตัวเรียบร้อยแล้วก็จะมีทั้งหมด 8 โครงการด้วยกัน ซึ่งทั้ง 8 โครงการนี้ก็มีจุดเด่นที่แตกต่างกันไป รวมไปถึงการตอบโจทย์กลุ่มคนที่มองหาคอนโดในย่านนี้ที่แตกต่างไปเช่นกัน บทความนี้เราจะพาไปวิเคราะห์กันว่าแต่ละโครงการเป็นอย่างไร และเหมาะกับใครค่ะ

(โดยบทความนี้จะยังไม่รวมถึงโครงการใหม่ที่จะเปิดตัวในปีนี้ เนื่องจากยังมีข้อมูลที่ไม่เพียงพอที่จะนำมาวิเคราะห์ได้)


Economy Class

1. Poly Place Condo @ พหลโยธิน 23

ทำเล – ตัวโครงการตั้งอยู่ในซอยพหลโยธิน 23 ลึกจากถนนพหลโยธินเข้าไปประมาณ 850 ม. แม้จะค่อนข้างลึกจากถนนพหลโยธินพอสมควรในระยะที่หลุดระยะเดินได้ง่ายไปแล้ว แต่ซอยนี้เป็นซอยที่สามารถลัดไปออกถนนวิภาวดีรังสิตได้เช่นกัน ทำให้ตัวโครงการมีตัวเลือกในการเดินทางที่หลากหลายมากขึ้น แม้จะอยู่ในซอยย่อยไม่ติดถนนใหญ่ เน้นขับรถเป็นหลักจะสะดวกที่สุดค่ะ ส่วนที่จอดรถให้มาประมาณ 40% จัดว่าไม่ได้มาก แต่ก็ตามราคาระดับ Economy Class และส่วนใครใช้รถสาธารณะอาจจะไม่สะดวกที่สุดแต่ก็สามารถพึ่งพาพี่วินมอเตอร์ไซค์เข้า-ออกถนนใหญ่ได้ค่ะ สำหรับการเดินทางด้วยรถไฟฟ้า ตัวโครงการจะอยู่ห่างจากสถานีพหลโยธิน 24 ไปประมาณ 1 กม. บวกลบนิดหน่อย (ตามตำแหน่งของขาขึ้น-ลงสถานี) ต้องพึ่งพาพี่วินมอเตอร์ไซค์เช่นเดิม แต่หากใครที่ทำงานอยู่ SCB สำนักงานใหญ่จะใกล้กับโครงการพอสมควรเลยค่ะ

โครงการ – ตัวโครงการตั้งขายราคาเริ่มต้นปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 2.1 ล้านบาท ซึ่งคิดเป็นตารางเมตรเริ่มต้นจะอยู่ที่ประมาณ 72,000-73,000 บาท/ตร.ม. จุดเด่นของตัวโครงการคือการจัดพื้นที่สีเขียวและพื้นที่ส่วนกลางให้ร่วม 1 ไร่ จากที่ดินโครงการทั้งหมดประมาณ 5 ไร่กว่า คิดเป็นประมาณ 1 ใน 5 ของโครงการ พร้อมทั้งมี Facilities ครบครัน ทั้ง Club House สระว่ายน้ำ ฟิตเนส Jogging Track

ในส่วนของอาคารมีทั้งหมด 3 อาคารด้วยกัน แต่ปัจจุบันได้ขายอาคาร B หมดเป็นที่เรียบร้อยแล้วนะคะ ดังนั้นจะขอวิเคราะห์อาคารที่เหลืออยู่คืออาคาร A และ C นะคะ สำหรับอาคาร A มีจุดเด่นเทียบกับอาคาร C คือเรื่องความหนาแน่นที่น้อยกว่า และอยู่ใกล้กับทางเข้า-ออกโครงการมากกว่าไม่ต้องเดินไกลมากนัก รวมไปถึงมีจำนวนยูนิตห้องเล็กขนาด 29 ตร.ม.มากกว่า สำหรับใครที่มองหาห้องขนาดกะทัดรัด ส่วนข้อด้อยคือเรื่องของทิศทางลมแดดของห้องส่วนใหญ่จะหันไปทางทิศตะวันออก-ตะวันตก ซึ่งห้องฝั่งทิศตะวันตกก็จะได้รับแดดมากกว่าทิศอื่นๆ พอสมควร แลกมากับวิวระยะไกลภายนอก

อาคาร C จุดเด่นคือทิศทางลมแดดค่อนข้างดี เลือกทิศเหนือได้แดดอ่อนๆ ยามเช้าและวิวภายนอก ซึ่งห้องภายนอกนี้ส่วนใหญ่เป็นห้องขนาดใหญ่ขึ้นมาหน่อยอยู่ที่ 31 ตร.ม.นะคะ ข้อด้อยคือมีระยะเดินจากหน้าโครงการที่มากกว่าอาคารอื่นๆ และมีจำนวนยูนิตหนาแน่นมากที่สุดอยู่ที่ประมาณ 101.5 : 1 ถือว่าเยอะสำหรับคอนโด Low Rise

ห้อง – ในราคาเริ่มต้นตารางเมตรละประมาณ 72,000-73,000 บาทนั้นภายในห้องจะได้มาในรูปแบบ Fully Fitted มีเคาน์เตอร์ครัว และห้องน้ำ ให้เรียบร้อย โครงการเน้นขายห้อง 1 Bedroom เป็นหลัก ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 2.1 ล้านบาท มีห้องขนาด 29 – 35 ตร.ม. การจัดวางใกล้เคียงกัน ทำมาได้ค่อนข้างลงตัวโดยเน้นให้ความสำคัญของพื้นที่ภายในห้องนอนเป็นหลัก ได้ห้องขนาดใหญ่ วางตู้เตียงและโต๊ะเครื่องแป้งได้สบาย ห้องน้ำอยู่ภายนอกแยกออกจากห้องนอน พื้นที่นั่งเล่นอยู่ติดวิวภายนอกมองวิวได้สบาย มีพื้นที่รับประทานอาหารเป็นสัดส่วน ข้อด้อยคือไม่เหมาะกับคนที่ต้องการทำอาหารหนักเท่าไหร่นัก มีเคาน์เตอร์ไม่ใหญ่และเป็นครัวเปิด

ส่วนห้อง 2 Bedroom ส่วนใหญ่อยู่มุมอาคาร แอบเสียดายที่ไม่ได้วิวจากทั้ง 2 ทาง ภายในห้องแบ่งฟังก์ชันชัดเจนและลงตัว เหมาะกับการอาศัยอยู่เป็นครอบครัว จุดเด่นคือเป็นห้องหน้ากว้างทำให้ได้พื้นที่ช่องแสง (หน้าต่าง) มากขึ้น พื้นที่ใช้สอยภายในเน้นขนาดห้องนอนเป็นสำคัญ แบ่งออกเป็น 2 ฝั่งให้เกิดพื้นที่ตรงกลาง เพิ่มความเป็นส่วนตัวมากขึ้นในแต่ละห้อง และแชร์พื้นที่ตรงกลางเป็นส่วน Common Area มีพื้นที่นั่งเล่น พื้นที่รับประทานอาหาร และครัว ไว้สำหรับทำกิจกรรมร่วมกัน

สรุป

โครงการเหมาะกับคนที่มีงบประมาณ 2-4.5 ล้านบาท ไม่มากพอที่จะซื้อโครงการติดถนนใหญ่ ใกล้รถไฟฟ้าได้ ต้องการอยู่ในทำเลนี้หรือคนที่มีงบประมาณก้อนนึง แต่ต้องการห้องที่มีขนาดพื้นที่ใช้สอยมากกว่าโครงการติดถนนใหญ่ ใกล้รถไฟฟ้า ยอมแลกกับทำเลที่อยู่ในซอยย่อยลึกเข้าไปจากถนนพหลโยธินประมาณ 850 ม. จุดเด่นภายในโครงการคือได้พื้นที่สวนกลางขนาดกว่า 1 ไร่ ช่วยสร้างบรรยากาศภายในให้ดูร่มรื่นสวยงาม ทดแทนกับวิวภายนอกที่ไม่ได้มุมสูงเหมือนโครงการ High Rise

อ่านรายละเอียดโครงการเพิ่มเติมโดย (คลิกที่นี่)

2. Elio Del Moss

ทำเล – โครงการตั้งอยู่ในซอยพหลโยธิน 34 หรือ ซอยเสนานิคม2 ใกล้ม.เกษตร เข้าซอยมา (จากฝั่งถนนพหลโยธิน) ประมาณ 1.2 กิโลเมตร ทำเลนี้มีจุดเด่นตรงที่สามารถใช้เส้นทางลัดเลาะออกไปถนนหลักอื่นๆได้หลายสาย ทั้งถนนพหลโยธิน ถนนประเสริฐมนูกิจ (ถนนเกษตรนวมินทร์) และ ถนนลาดพร้าว-วังหิน,ถนนโชคชัย4 เนื่องจากอยู่ในซอยที่สามารถลัดไปออกถนนใหญ่ได้หลากหลาย จึงเหมาะกับคนที่เน้นขับรถยนต์ส่วนตัวเป็นหลักจะสะดวกมากที่สุดค่ะ ส่วนคนที่ใช้รถสาธารณะต่างๆ ก็ไม่ถึงกับไม่สะดวกเสียทีเดียว เนื่องจากซอยนี้เป็นซอยที่มีความคึกคักระดับนึง มีวินมอเตอร์ไซค์คอยให้บริการอยู่ด้วยภายในซอย จะนั่งไปออกถนนใหญ่หรือรถไฟฟ้าก็ไม่ยาก แต่จะเดินไปขึ้นรถไฟฟ้าอาจจะไกลเกินระยะเดินได้ง่ายไปค่ะ

โครงการ – Facilities จัดเป็นจุดเด่นของโครงการเลยทีเดียวค่ะ โดยพื้นที่ส่วนกลางถูกออกแบบมาให้ผู้ใช้สามารถทำกิจกรรมตามไลฟ์สไตล์ได้อย่างหลากหลาย บนพื้นที่ส่วนกลางขนาดใหญ่กว่า 3 ไร่ ทางโครงการได้ออกแบบแลนด์สเคปโดยมีสวนส่วนกลาง และสระว่ายน้ำที่มีความยาวรวมกว่า 300 เมตร แบ่งเป็นสระสองส่วนที่มีบรรยากาศแตกต่างกัน และสามารถเข้าถึงได้จากผู้อยู่อาศัยได้ง่าย ผ่านพื้นที่สโมสร และห้องออกกำลังกายส่วนกลางซึ่งตั้งอยู่ใจกลางโครงการ ทำให้เกิดจุดพักสายตาที่น่าสนใจ นอกจากนี้ทางโครงการยังได้จัดวางที่นั่งและทางเดินในมุมที่ร่มรื่นพร้อมต้นไม้และสายน้ำ เพื่อความสวยงามเสมือนนั่งทำงานท่ามกลางธรรมชาติ และยังสามารถใช้ Wi-fi ได้เสมือนอยู่ภายในอาคารอีกด้วย ซึ่งตอบโจทย์กลุ่มคนที่ชื่นชอบในการใช้ Facilities ที่หลากหลาย ขนาดใหญ่และสวยงาม ในขณะเดียวกันก็ไม่ซีเรียสเรื่องความหนาแน่นของโครงการที่มีจำนวนยูนิตกว่า 1,5xx ยูนิต ชอบบรรยากาศคึกคักและมีสีสัน

ห้อง – ในส่วนของการออกแบบภายใน เน้นการใช้งานแบบ “Multi-function” เช่น การออกแบบห้องพัก จะเน้นถึงการใช้สอยพื้นที่ให้ได้ประโยชน์มากที่สุด และทางโครงการขายห้องแบบ Fully furnished โดยจัดแพคเกจเฟอร์นิเจอร์ที่ออกแบบมาให้ตอบสนองต่อการใช้งานหลายฟังค์ชั่น เช่น โซฟาที่ปรับเปลี่ยนเป็น sofa bed ได้ นอกจากนี้ยังเน้นการเข้าถึงธรรมชาติ โดยชูจุดเด่น “Pool Access” ทุกยูนิตที่ติดสระว่ายน้ำชั้นล่างสามารถเดินออกจากห้องพักชั้นล่างลงสระว่ายน้ำได้เลย และการให้พื้นที่ส่วนกลางที่เข้ากับไลฟสไตส์ของคนรุ่นใหม่ในยุคดิจิตอล ที่เน้นความสะดวกสบายและการใช้ชีวิตที่คล่องตัว

สรุป

โครงการนี้เป็นโครงการ Economy ราคาเริ่มต้น 1.69 ล้านบาท หยิบจับง่าย เด่นในเรื่องของ Facilities ขนาดใหญ่ และพื้นที่ส่วนกลางที่หลากหลาย สวยและน่าใช้งาน จึงเหมาะสำหรับคนที่ชอบใช้ Facilities ชอบบรรยากาศโครงการที่มีความคึกคักมีสีสัน เนื่องจากเป็นโครงการขนาดใหญ่ มีจำนวนยูนิตมาก ไม่ซีเรียสเรื่องความหนาแน่นโครงการ หรือทำเลที่ต้องเข้าซอย ไม่ใกล้รถไฟฟ้าในระยะเดินได้ง่าย ส่วนตัวห้องตกแต่งแบบ Fully Furnished พร้อมเข้าอยู่ ไม่ต้องควักเงินเพิ่ม สามารถจัดสรรงบประมาณตัวเองได้ดี

อ่านรายละเอียดโครงการเพิ่มเติมโดย  (คลิกที่นี่)

Upper Class

3. Lyss รัชโยธิน

ทำเล – โครงการตั้งอยู่ในซอยพหลโยธิน 27 อยู่บริเวณด้านหลัง SCB Park  โดยอยู่ในซอยลึกเข้าไปจากถนนพหลโยธินประมาณ 200 ม. จัดว่าไม่ไกลมากนัก ยังอยู่ในระยะที่เดินได้ง่าย ซอยโครงการเป็นซอยตันนะคะ แตกต่างจาก Poly Place ที่เป็นซอยที่สามารถทะลุไปออกวิภาวดีรังสิตได้ แลกมากับการที่อยู่ในซอยไม่ลึกมาก เดินได้ง่ายกว่า ดังนั้นคนที่เลือกโครงการนี้จะแตกต่างจาก Poly Place ตรงที่ผู้อยู่จะเน้นการเดินทางพหลโยธินเป็นหลักแน่ๆ ในส่วนของการเดินทางโดยไม่ใช้รถยนต์จะได้เปรียบกว่า Poly place เพราะสามารถเดินออกจากซอยไปเรียกรถได้ไม่ยาก และระยะห่างจากโครงการไปถึงสถานีพหลโยธิน 24 อยู่ที่ประมาณ 300 ม. ซึ่งยังจัดอยู่ในระยะเดินได้ง่ายเช่นกันค่ะ

โครงการ – ตัวโครงการจัดเป็นโครงการที่มีจำนวนยูนิตน้อยที่สุดเมื่อเทียบกับโครงการอื่นๆ สำหรับคนที่ชอบความเป็นส่วนตัวก็จะตอบโจทย์ได้ดีค่ะ ตัวอาคารลักษณะเป็นตัว U โอบล้อม Facilities ไว้ตรงกลาง ทำให้ห้องที่อยู่ด้านในเกิดวิวภายในโครงการด้วย ดูสวยงามร่มรื่น ส่วนห้องภายนอกอาคารหากเลือกห้องชั้นสูงหน่อยก็สามารถมองเห็นวิวภายนอกได้พอสมควรค่ะ แต่ไม่ถึงกับเป็นจุดเด่นโครงการนะคะ ยังเทียบกับคอนโด High Rise ที่ได้วิวมุมสูงกว่าไม่ได้แน่นอน ในส่วนของ Facilities โครงการจัดให้มามาตรฐาน ครบครันน่าใช้งาน ประกอบไปด้วย Co-working space, โถงกลาง (Open Court) สระว่ายน้ำ, ฟิตเนส, สวนส่วนกลาง (Modern Tropical Garden)

ห้อง – โครงการนี้มีโปรดักส์พิเศษที่แตกต่างจากโครงการอื่นเลยคือมีห้องแบบ Duplex ขนาดถึง 103.24 – 109 ตร.ม.เลยทีเดียว ตอบโจทย์กลุ่มคนที่ต้องการห้อง Duplex ขนาดใหญ่พื้นที่ใช้สอยเยอะ เพราะโครงการแถบนี้ไม่มีขายโปรดักส์นี้เลย ส่วนห้องพักอาศัยส่วนใหญ่เน้นเป็นห้อง 1 Bedroom ขนาด 29.7 ตร.ม. เป็นขนาดที่ใกล้เคียงกับโครงการทั่วไปนะคะ แต่พิเศษขึ้นมาหน่อยคือที่นี่ขายห้องในรูปแบบ Fully Furnished ด้วยได้เฟอร์นิเจอร์ครบทั้งหมด ยกเว้นเครื่องใช้ไฟฟ้าเท่านั้น แม้จะตกราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตร 106,000 บาท/ตร.ม. (25 July 2017) แต่ก็รวมกับเฟอร์นิเจอร์เรียบร้อยแล้วไม่ต้องควักเงินเพิ่มเพื่อตกแต่งเพิ่มเติม

 

ผัง 1 Bedroom ขนาด 29.70  ตร.ม. จัดพื้นที่มาใช้ได้ไม่เล็กจนเกินไป เพียงพอในการอยู่อาศัย เหมาะกับผู้อาศัยคนเดียว หรือมีสมาชิก 1-2 คน ด้วยขนาดห้องที่ไม่ใหญ่มากแต่ก็สามารถจัดพื้นที่การใช้งานในส่วนต่างๆได้ ระยะความสูงจากพื้นถึงฝ้า 2.6 m. ห้องจริงดูโปร่ง ไม่อึดอัด  มีจุดเด่นที่ครัวปิดติดระเบียงห้องจะสามารถเปิดระบายอากาศได้ดีเวลาประกอบอาหาร จุดด้อยคือเรื่องบริเวณพื้นที่นั่งเล่นอยู่ภายในห้อง ไม่ได้วิวภายนอกแลกมากับการได้ครัวปิด

สรุป

โครงการนี้มีจุดเด่นคือตัวโปรดักส์ห้องที่แตกต่างจากโครงการอื่นๆ มีห้องแบบ Duplex ขนาดร้อยกว่าตารางเมตรขาย ตอบโจทย์กลุ่มคนที่มองหาบ้านในทำเลนี้ ใกล้รถไฟฟ้า ใกล้ถนนใหญ่ อยู่อาศัยแบบครอบครัว ส่วนห้องที่มีจำนวนยูนิตมากสุดคือห้องขนาด 1 Bedroom 29 ตร.ม. นั้นตอบโจทย์กลุ่มคนที่ทำงานแถบถนนพหลโยธิน ต้องการเดินทางสะดวกด้วยรถไฟฟ้า ยอมเดินเข้า-ออกซอยหน่อย เพื่อให้ได้ราคาห้องที่ถูกลงมาหน่อยจากโครงการ High Rise ติดถนนใหญ่ อาจจะต้องมีงบตั้งแต่ 3 ล้านบาทขึ้นไป มากกว่า Poly Place มาหน่อย แต่ไม่ต้องเผื่องบเพิ่มเติมเพื่อซื้อเฟอร์นิเจอร์ตกแต่งแล้ว

อ่านรายละเอียดโครงการเพิ่มเติมโดย (คลิกที่นี่)

High Class

4. ลุมพินี พาร์ค พหล 32

ทำเล – ขยับขึ้นมาที่ Segment สูงขึ้นอีกหน่อย ใครมีงบเริ่มต้นประมาณ 3 ล้านขึ้นไป (ข้อมูลเมื่อ 14 September 2017) ก็สามารถหยิบจับโครงการ High Rise ทำเลติดถนนใหญ่ใกล้รถไฟฟ้าได้ เช่นโครงการ ลุมพินี เพลส พหล 32 นี้ จัดเป็นอีกหนึ่งโครงการที่ทำเลดีนะคะ โดยตั้งอยู่ติดถนนพหลโยธิน และห่างจาก BTS สถานีเสนานิคมประมาณ 200 ม. อยู่ใกล้ๆ กับซอยพหลโยธิน 32 ค่ะ

โครงการ – มีแนวคิดในการออกแบบ Back to Nature ที่เน้นพื้นที่สีเขียว และ Facility มาแบบจัดเต็มยกเอาสระว่ายน้ำไปไว้ที่ชั้น 24 ซึ่งตัวนี้เป็นตัวที่ 2 ถัดจาก LPN 24 ที่ได้สระว่ายน้ำอยู่ชั้นบนๆ ของตัวอาคาร ในส่วนของรูปแบบภาพรวมของอาคารก็มีการออกแบบให้โดดเด่น แตกต่างจากคอนโดของ LPN ที่เราเห็นกันจนชินตา แต่เมื่อเทียบกับโครงการ High Rise ติดถนนใหญ่อื่นๆ ก็ยังไม่ถือว่าเด่นมากนักสำหรับ Facilities ที่ยกมาไว้ชั้นบน แต่จะเด่นกว่าในเรื่องของความร่มรื่น พื้นที่สีเขียวค่ะ

ห้อง – สำหรับห้องเริ่มต้นของโครงการนี้จะเป็นห้อง Studio ขนาด 24 ตร.ม. ซึ่งมีราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 3 ล้านขึ้นไป หากเทียบกับโครงการ Lyss ที่ผ่านมาในราคา 3 ล้านบาทใกล้เคียงกันจะได้ขนาดห้องที่เล็กลงมานะคะ แต่แลกมากับทำเลที่ติดถนนใหญ่ ใกล้รถไฟฟ้ามากขึ้นนั่นเอง ส่วนห้องที่มีจำนวนยูนิตมากที่สุดจะเป็นห้อง 1 Bedroom ขนาด 28 ตร.ม. ตกแต่งแบบ Fully Fitted ซึ่งราคาก็จะอยู่ที่ประมาณ 3.6 ล้านบาทขึ้นไป แต่อย่าลืมว่าเราควรจะมีงบเพิ่มสำหรับตกแต่งเฟอร์นิเจอร์อีกนะคะ ต่ำๆ ก็ควรจะมีงบที่ประมาณ 4 ล้านขึ้นไปค่ะ

สรุป

โครงการนี้เหมาะกับคนที่มีงบประมาณสูงขึ้นมาหน่อยอยู่ที่ 3 ล้านบวกค่าเฟอร์นิเจอร์อีก แลกกับทำเลที่ติดถนนใหญ่พหลโยธิน ใกล้รถไฟฟ้าในระยะเดินได้ง่าย จุดเด่นของโครงการนี้โดยรวมคือพื้นที่สีเขียวที่ทางโครงการออกแบบมาให้สร้างความร่มรื่น สบายตาให้กับผู้อยู่ นอกจากนี้สิ่งที่ลุมพินีเด่นมาตลอดคือเรื่องการบริหารจัดการโครงการหลังการขายที่เข้มแข็งและเป็นระบบก็จัดเป็นสิ่งหนึ่งที่ผู้อยู่อาศัยคำนึงถึงเช่นกัน

อ่านรายละเอียดโครงการเพิ่มเติมโดย (คลิกที่นี่)

5. Premio Quinto

ทำเล – โครงการนี้จุดเด่นมากที่สุดคือเรื่องทำเล จัดเป็นโครงการ Low Rise ที่หาได้ยากมากในปัจจุบันที่อยู่ติดถนนใหญ่พหลโยธิน และติดรถไฟฟ้าเลยทีเดียว รวมไปถึงอยู่ใกล้ซอยพหลโยธิน 32 ซึ่งเป็นซอยที่เชื่อมเข้าไปยังถนนลาดพร้าววังหินได้ โดยไม่ต้องไปกลับรถไกลเลยค่ะ นอกจากนี้ยังอยู่ท่ามกลางแหล่งความอุดมสมบูรณ์ในระยะใกล้อีกด้วย ซึ่งทางปากซอยพหลโยธิน 32 มีของขายทั้งของกินของใช้ริมฟุตบาทไปจนถึงตลาดบางเขน หรือจะไปตรงแยกเกษตรโซนนั้นของกินหลากหลายให้เลือก

โครงการ – ตัวโครงการเป็นคอนโด Low Rise ทั้งหมด 4 อาคาร วางล้อมรอบ Facilities ตรงกลาง โดยรวมแล้ว Facilities จัดมาให้หลากหลายดีและสวยงาม น่าใช้งาน ในส่วนของความหนาแน่นโครงการนั้นอยู่ในระดับปานกลาง แต่การแยกเป็นอาคารๆ ไปทำให้สามารถช่วยลดทอนรู้สึกหนาแน่นต่อชั้นไปได้ดี รวมถึงเพิ่มความเป็นส่วนตัวได้ด้วยเช่นกันค่ะ

ห้อง – ห้องพักอาศัยเป็นแบบ Fully Furnished แต่งเฟอร์นิเจอร์ให้ครบ ออกแบบสไตล์  Modern Classic จะมีแต่แบบสตูดิโอ เริ่มที่ 22 ตารางเมตร , 1 ห้องนอน ขนาดประมาณ 25-33 ตารางเมตร และ 2 ห้องนอน  ขนาดประมาณ 42 ตารางเมตร  สังเกตว่า Premio Quinto นั้นวางโปรดักส์ให้ห้องขนาดไม่ใหญ่มาก (ห้องแบบ 2 Bedroom นั้นมีน้อยมากๆ) จะได้ทำราคารวมต่อยูนิตออกมาไม่สูงมากนัก สามารถจับต้องได้ง่ายมากขึ้น โดยช่วงราคาจะอยู่ที่ประมาณ ช่วงราคา 2.89 – 3.93 ล้านบาท (17 October 2017) คนที่มีงบประมาณอยู่ที่ 3 ล้านก็สามารถจับต้องได้

สรุป

โครงการนี้เด่นในเรื่องของทำเลเป็นอันดับ 1 เหมาะกับคนที่เน้นการเดินทางและทำเลเป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุดในการอยู่อาศัย ไม่เน้นวิวมุมสูงจากห้องพักอาศัยเป็นหลัก ด้วยตัวโครงการเป็นคอนโด Low Rise ตัวห้องขายในรูปแบบ Fully Furnished ในวัสดุมาตรฐานคุ้มค่ากับราคา รวมไปถึงเมื่อเทียบกับโครงการเปิดใหม่ในระยะใกล้ๆกัน ด้วยเช่นกัน

อ่านรายละเอียดโครงการเพิ่มเติมโดย (คลิกที่นี่)

6. Life ลาดพร้าว

ทำเล – จัดเป็นจุดเด่นของโครงการนี้เลยทีเดียว โดยตัวโครงการติดถนนพหลโยธิน ตรงข้ามกับ Central ลาดพร้าว และที่สำคัญคือหน้าโครงการอยู่ติดกับรถไฟฟ้าสถานีห้าแยกลาดพร้าวอีกด้วยค่ะ จัดเป็นทำเลที่ไม่ได้มีโครงการเกิดขึ้นมาสักพักแล้วในละแวกนี้ การเดินทางจัดว่าสะดวกมาก มีตัวเลือกในการเดินทางหลากหลาย หากใครที่ขับรถจะสะดวกมาก สามารถวิ่งไปได้หลายเส้นทางทีเดียว ด้วยความที่อยู่ไม่ไกลจากห้าแยกลาดพร้าว

นอกจากจะใกล้ห้างแล้วยังมีรถไฟฟ้า BTS สายสีเขียวส่วนต่อขยายวิ่งผ่านหน้าโครงการเลย ซึ่งคาดว่าจะเสร็จในปี 2563 หรือใกล้ๆกับเวลาที่โครงการจะสร้างเสร็จพอดี

โครงการ – จัดเป็นโครงการที่มีความหนาแน่นพอสมควรเลย ด้วยจำนวนยูนิต 1,615 ยูนิต และเป็นคอนโด High Rise สูงใกล้เคียงกันอยู่ใกล้ๆ กัน ซึ่งแน่นอนว่าต้องมีบางมุมบางทิศที่บล็อกวิวระยะไกลกันเองบ้าง ซึ่งตัวโครงการก็จัด Facilities ไว้บนชั้นดาดฟ้า แลกเปลี่ยนกับวิวห้องบ้างห้องที่ทุกบล็อกวิวระยะไกลไป สามารถขึ้นมาดูวิวมุมสูงได้ โครงการมีบางส่วนของพื้นที่ที่อยู่ในระยะของสายไฟฟ้าแรงสูง ซึ่งก็ทำให้ตัวโครงการเองได้พื้นที่เปิดโล่งที่มากขึ้น โดยทางโครงการนำไปทำเป็นพื้นที่สวนก็ถือว่าได้วิวและความร่มรื่นมาทดแทน

ห้อง – โครงการมีห้องหลากหลายขนาดตั้งแต่ห้อง Studio ไปจนถึงห้อง 2 Bedroom ซึ่งปัจจุบันเหลือแต่ห้อง 2 Bedroom ให้เลือกซื้อแล้วนะคะ ก็จะตอบโจทย์คนที่ต้องการพื้นที่ใช้สอยห้องขนาดใหญ่ขึ้นมา สามารถจัดฟังก์ชันเป็นพื้นที่ต่างๆ ตาม Life Style ตัวเองได้มากขึ้น ซึ่งก็ตรงกับความตั้งใจของทางโครงการที่ออกแบบมาให้ภายในห้องมีความยืดหยุ่น สามารถจัดสรรฟังก์ชันได้ตามที่ต้องการได้ และก็ตอบโจทย์กลุ่มคนที่อยู่เป็นครอบครัวขนาดเล็กด้วยเช่นกันค่ะ ในราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 6.1 ล้านบาท

สรุป

โครงการนี้ตอบโจทย์กลุ่มคนที่ให้ความสำคัญกับเรื่องทำเลและความอุดมสมบูรณ์เป็นหลักเลย ด้วยทำเลโครงการที่อยู่ติดถนนพหลโยธิน เยื้องกับ Central ลาดพร้าว และ ใกล้กับ Tesco Lotus ลาดพร้าว เดินไปช็อปปิ้งง่ายมาก รวมไปถึงการเดินทางทั้งใช้รถยนต์ส่วนตัวและไม่ใช่รถยนต์ ไม่ซีเรียสเรื่องความหนาแน่นในโครงการ วิว หรือสายไฟฟ้าแรงสูงผ่าน เพราะมีตัวแลกกันมาให้เหมาะสม เป็น Facilities ที่ให้มาหลากหลายมากขึ้นแทน เช่นพื้นที่สีเขียวและการวาง Facilities บนชั้นดาดฟ้า

อ่านรายละเอียดโครงการเพิ่มเติมโดย (คลิกที่นี่)

7. Knightsbridge Kaset Society

ทำเล – อยู่ติดถนนพหลโยธิน ระหว่างซอยพหลโยธิน 34/1 และซอยพหลโยธิน 34/2 (ที่ดินร้านข้าวผัดปูเมืองทองปัจจุบัน) ซึ่งจุดเด่นของทำเลโครงการนี้เลยคือ อยู่ใกล้กับสถานีรถไฟฟ้าเสนานิคม (รถไฟฟ้าสายสีเขียว) แค่ 40 เมตร และอยู่ไม่ไกลจากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ถ้าลองนับระยะเดินจากโครงการไปถึงหน้าทางเข้ามหาวิทยาลัยฝั่งพหลโยธิน ประมาณ 400 ม.

โครงการ – เป็นคอนโด High Rise ทั้งหมด 3 อาคาร และอาคารจอดรถ (Automatic Parking) 1 อาคาร โดยอาคาร A จะมีความสูง 16 ชั้น และอาคาร B,C มีความสูงอยู่ที่ 20 ชั้น รวมจำนวนยูนิตอยู่ที่ 332 ยูนิต บนเนื้อที่ประมาณ 2-0-79.6 ไร่ ตัวอาคารนี้ออกแบบมาได้น่าสนใจ มีความแตกต่างจากโครงการ High Rise ทั่วไปคือเค้าทำอาคารแยกมา 3 อาคาร ไม่มีโพเดี่ยม (ชั้นล่าง) ที่เชื่อมกัน แต่ส่วนที่เชื่อมกันทั้งหมดจะไปอยู่ที่ ชั้น 16 ซึ่งเป็นชั้นบนสุดของอาคาร A โดยจัดให้เป็นชั้น Facility ทั้งชั้นเลยค่ะ ถือว่าให้ Facility มาค่อนข้างจัดเต็มทีเดียว และการใช้งาน Facility ของลูกบ้านทั้ง 3 อาคารก็สะดวกสามารถขึ้นมาชั้นนี้แล้วใช้งาน Facility ร่วมกันได้เลย

Typical Floor Plan (ชั้น 2-15) จัดเป็นอีกตัวชูโรงของโครงการเช่นเดียวกัน เพราะในแต่ละชั้นของอาคารทั้ง 3 อาคาร มีจำนวนยูนิตต่อชั้นน้อยมาก โดยมากสุดอยู่ที่อาคาร A ซึ่งก็มีเพียง 8 ยูนิตเท่านั้นค่ะ และอาคาร B,C มีจำนวนยูนิต 6 ยูนิต ถือว่าน้อยมาก และหาได้ยากถ้าจะเป็นคอนโด High Rise แล้วมีจำนวนยูนิตต่อชั้นเพียงเท่านี้ ซึ่งก็ตอบโจทย์คนที่ชอบความเป็นส่วนตัว

ห้อง – สำหรับ Product ของโครงการนี้ มีจุดที่เด่นมากๆ คือห้องฝ้าเพดานสูง 3 ม. ข้อดีของห้องฝ้าเพดานสูงนี้คือความโปร่งโล่งของตัวห้องที่มากขึ้น เมื่อเทียบกับห้องฝ้าเพดานสูงตามมาตรฐานทั่วไป ซึ่งมาจากปริมาตรของห้องที่มากขึ้นนั่นเองค่ะ แต่แอบน่าเสียดายตรงที่น่าจะได้หน้าต่างกระจกที่สูงจากพื้นถึงฝ้าเพดาน จะได้บรรยากาศที่โปร่งโล่งแทนจริง สมกับที่ตั้งใจให้ฝ้าเพดานสูง 3 ม. มา

สรุป

ตัวโครงการนี้เหมาะกับคนที่ชอบทำเลใกล้รถไฟฟ้า ในระยะที่เดินได้ง่ายมากที่สุดเทียบกับโครงการ High Rise ข้างเคียงเพราะห่างจากสถานีเพียง 40 ม. เท่านั้น สำหรับโครงการนี้จะเหมาะกับคนที่ชอบความเป็นส่วนตัวสูง จะเห็นว่าจำนวนยูนิตต่อชั้นน้อยมาก อยู่ที่เพียง 6-8 ยูนิตต่อชั้นเท่านั้น รวมไปถึงตัวห้องที่ได้ฝ้าเพดานสูงกว่าที่อื่นๆ ใครที่ชอบห้องโปร่งโล่งมากขึ้นในขนาดพื้นที่ใช้สอยที่ใกล้เคียงกันก็ตอบโจทย์ค่ะ แต่ทั้งหมดก็แลกมากับเป็นโครงการที่มีราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรค่อนไปสูงพอสมควรเลยเช่นกัน

อ่านรายละเอียดโครงการเพิ่มเติมโดย (คลิกที่นี่)

Luxury Segment

8. Knightsbridge Prime รัชโยธิน

ทำเล – ทำเลนี้ถือว่าอยู่ใกล้รถไฟฟ้าสายสีเขียวสถานีพหลโยธิน 24 ประมาณ 100 เมตร  ซึ่งเป็นสถานีที่เชื่อมต่อสายสีเหลืองในอนาคต และนั่งเพียง 1 สถานีก็สามารถมาเชื่อมต่อกับสายสีน้ำเงินที่สถานีพหลโยธินได้ด้วยเช่นกัน ข้อได้เปรียบของโครงการนี้เมื่อเทียบกับโครงการฝั่งเลขคี่คือการเดินทางเข้าตัวเมือง (ห้าแยกลาดพร้าว) ได้สะดวกกว่ามาก ไม่ต้องกลับรถ

โครงการ – จากภาพรวมของโครงการและ Facility แล้ว ถือว่าโครงการนี้เป็นคอนโดที่ทาง Origin ตั้งใจทำออกมาให้ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของกลุ่มลูกค้าระดับบนเป็นหลัก ซึ่งในละแวกนี้ยังไม่มีโครงการที่ไปถึง Segment Luxury ให้เลือก แต่เพื่อให้ราคาห้องจับต้องง่ายขึ้นจึงออกแบบขนาดห้องให้ออกมาไม่ใหญ่นักเริ่มต้นที่ 22 ตร.ม. โดยห้องส่วนใหญ่ของโครงการจะมีขนาดอยู่ที่ 22-33 ตร.ม. ซึ่งแตกต่างจากโครงการระดับเดียวกันในทำเลนี้ที่มักจะทำห้องกว้างๆ ทำให้โครงการนี้มีส่วนกลางแบบคอนโดระดับบน แต่ด้วยพื้นที่ห้องไม่ใหญ่นักจึงมีราคา Package ต่อห้องที่ยังไม่สูง จึงมีราคาที่ใกล้เคียงกับโครงการระดับเดียวกันในทำเลนี้

ห้อง – ตัวห้องเน้นขนาดกะทัดรัด เพื่อให้ยังอยู่ในงบที่ยังจับต้องไม่ยาก จุดเด่นของโครงการคือห้องที่ได้ฝ้าเพดานสูง 3 ม. เช่นเดียวกับ Knightsbridge Kaset Society แต่ขายราคาที่แพงกว่าพอสมควร วัสดุที่โครงการให้มาเมื่อเทียบกับโครงการระดับเดียวกันที่อยู่ในทำเลนี้ คิดว่าน่าจะให้มาดีกว่านี้อีกหน่อย เมื่อเทียบกับราคาที่จ่าย เช่น หน้าต่างกระจกบานใหญ่สูงจากพื้น-ฝ้าเพดาน เป็นต้น ในส่วนของราคา เราจะราคาเริ่มต้น 3.33 ล้านบาท จะได้เป็นห้อง Studio ขนาด 22 ตร.ม.

สรุป 

โครงการนี้ตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายที่ต้องการความ Premium มากกว่าโครงการอื่นๆ ในทำเลเดียวกัน ยอมรับกับราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรที่สูงกว่าโครงการอื่นๆ และได้ขนาดพื้นที่ใช้สอยภายในห้องที่น้อยลงมา แลกมากับการได้พื้นที่ส่วนกลางและ Facilities ที่สวยหรู และให้มาหลากหลายมากกว่าโครงการเพื่อนบ้านพอสมควร ทำเลโครงการอยู่ใกล้อาคารสำนักงานใหญ่ๆ อย่าง SCB และตึกช้าง ในระยะที่เดินไปได้ ใครที่ทำงานในอาคารสำนักงานละแวกนี้เลือกโครงการนี้ก็จะประหยัดในเรื่องค่าเดินทาง รวมไปถึงไม่ต้องเสียเวลารถติดไปทำงานอีกด้วยค่ะ

อ่านรายละเอียดโครงการเพิ่มเติมโดย (คลิกที่นี่)


เป็นอย่างไรกันบ้างคะ? กับคอนโดใหม่ ใกล้รถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยาย ช่วงสถานีห้าแยกลาดพร้าว-เสนานิคม แต่ละโครงการก็งัดจุดเด่นมาแข่งกันแบบไม่มีใครน้อยหน้าใครเลย ซึ่งก็มีจุดเด่นที่แตกต่างกันขึ้นอยู่กับว่าใครมีไลฟ์สไตล์ในการใช้ชีวิตแบบไหน สำหรับคำถามว่าโครงการไหนเป็นโครงการที่ดีที่สุด? อันนี้ก็ต้องอยู่ที่การตัดสินใจของแต่ละบุคคลนะ ไม่มีใครสามารถบอกได้ว่าโครงการใดเป็นโครงการที่เหมาะสมกับคุณที่สุดเท่าตัวคุณเอง แนะนำให้เพื่อนๆ ลองหาข้อมูลเพิ่มเติม และลงไปเดินดูทำเลโครงการที่เราสนใจ ทำการบ้านเยอะหน่อย เชื่อว่าเพื่อนๆจะตอบกับตัวเองได้ว่าโครงการไหนที่เหมาะกับตัวเองที่สุดค่ะ ^^