สวัสดีค่ะ .. วันนี้เรามีบทความพิเศษ เจาะลึกการออกแบบโครงการ Issara Residence พระราม 9 ของ ชาญอิสสระ มาให้ชมกันค่ะ ซึ่งโครงการนี้จัดเป็นโครงการแนบราบตัวใหม่ล่าสุดของ ชาญอิสสระ เป็นโครงการในระดับ Premium segment ที่กำลังเป็นที่จับตามอง ด้วยแนวคิด Modern Tropical ที่เน้นความเรียบง่ายอยู่สบายร่วมกับธรรมชาติรอบตัวและสอดคล้องกับความเป็นอยู่อย่างอิสระของวิถีคนเมือง บ้านเดี่ยวบนทำเลใจกลางศูนย์ธุรกิจ ที่แวดล้อมด้วยความสะดวกสบาย โดยได้ บริษัท สถาปนิก 49 จำกัด ซึ่งจัดเป็นบริษัทสถาปนิกชั้นนำต้นๆในเมืองไทย ที่มีผลงานเป็นที่ยอมรับทั้งในระดับประเทศและสากล มาเป็นผู้ออกแบบโครงการให้
สำหรับบทความพิเศษนี้ถือเป็นโอกาสดีมากๆ ที่ทีมงาน Think of Living ได้รับเกียรติจาก คุณเมธินทร์ จันทรอุไร (Excutive Director ของ A49) ซึ่งเป็นผู้ดูแลทีมออกแบบโครงการนี้โดยตรง มาร่วมพูดคุย เล่าถึงแนวคิดในการออกแบบ ที่มาที่ไปแทบจะทุกรายละเอียดกว่าจะมาเป็น Issara Residence พระราม 9 และยังได้เปิดมุมมองและแนวคิดใหม่ๆในการออกแบบที่อยู่อาศัยกันค่ะ
ก่อนหน้านี้ทางชาญอิสสระและ A49 ก็เคยได้ร่วมงานกันมาก่อนกับโครงการ Issara Collection Sathorn หรือที่มีเก่ากว่านั้นประมาณเมื่อ 10 ปีก่อน จะเป็นโครงการบ้านพระราม 9 จนได้กลับมาร่วมงานกันอีกครั้งกับโครงการ Issara Residence พระราม 9ในครั้งนี้ ส่วนหนึ่งเป็นผลสืบเนื่องมาจาก โครงการ Issara Collection Sathorn ที่ทาง A49 สามารถออกแบบได้ตอบโจทย์ของชาญอิสสระ เป็นโครงการระดับ Hi-end ในบริเวณย่านสาทร ที่เป็นที่จับตามองและพูดถึงกันอยู่เสมอ เพราะเป็นการออกแบบอาคารที่คิดมาให้มีลูกเล่นของอาคารที่น่าสนใจ ดังนั้นในครั้งนี้ A49 จึงไ้ด้รับความไว้วางใจจากทางชาญอิสระ เมื่อมีโครงการในระดับ Premium segment จึงให้ A49 เข้ามาดูแลและเป็นผู้ออกแบบวางผังทั้งหมด
เริ่มต้นเดิมที โครงการ Issara Residence พระราม 9 ถูกวางให้เป็นบ้านทาวน์โฮมส์ ระดับ Premium ที่มีคุณภาพดี ราคาแพง ซึ่งเมื่อพิจารณาจากระดับราคาที่น่าจะมากกว่า 50 ล้าน ทางผู้ออกแบบของ A49 จึงปรับแนวคิดการออกแบบใหม่ให้เหมาะสมกับทำเลและระดับราคา มาเป็นบ้านเดี่ยวแทน โดยทำการพัฒนาและนำเสนอแบบบ้าน ที่มีความแตกต่างไปจากบ้านเดี่ยวทั่วไปๆ จนกลายมาเป็นบ้านเดี่ยว 3 ชั้น Issara Residence พระราม 9 ในปัจจุบัน
เริ่มจาก ทำเลของที่ตั้งโครงการ Issara Residence พระราม 9 อยู่ในย่านพระราม 9 ปัจจุบันถือว่าเป็นทำเลที่สะดวกและมีศักยภาพอยู่ใกล้กับย่านอโศก และย่านรัชดาภิเษก ซึ่งเป็นแหล่งอาคารสำนักงาน ใกล้สถานศึกษาอย่างแห่งทั้งระดับตอนต้นไปจนถึงอุดมศึกษา จัดเป็นย่านที่มีแหล่งช็อปปิ้งและมีความอุดมสมบูรณ์สูง มีศูนย์การค้าและแหล่งช็อปปิ้งขนาดใหญ่หลายแห่ง อีกทั้งด้วยทำเลในย่านรัชดาภิเษก – พระราม 9 ก็อยู่ในพื้นที่แผนการพัฒนารถไฟฟ้าใต้ดินสายสีส้ม โซนในย่านรัชดา-พระราม 9 ที่กำลังถูกจับตามองว่าจะพัฒนาจากย่านการค้ากลายเป็นอนาคตศูนย์กลางธุรกิจแห่งใหม่ของกรุงเทพ หรือ New CDB (Central Business District) ในอนาคต
และอีกมุมมองหนึ่งที่ผู้ออกแบบมองเห็นศักยภาพของพื้นที่ โดยมองจากกลุ่มผู้ซื้อที่สามารถเลือกที่อยู่อาศัยโดยไม่มีข้อจำกัดทางการเงินนั้น จะเปลี่ยนทำเลการเลือกที่อยู่อาศัย จากการซื้อบ้านหลังใหญ่นอกเมือง จะมุ่งกลับมาซื้อบ้านในตัวเมืองแทนเพราะบริบทของการอยู่อาศัยที่จำเป็น ทั้งการทำงานที่อยู่ใจกลางเมือง สถานศึกษาของลูกหลาน แหล่งของกินของใช้ ห้างร้านต่างๆ ที่คงปฏิเสธไม่ได้ว่ายังคงกระจุกรวมตัวกันในเมืองเสียส่วนใหญ่ การหลีกเลี่ยงอุปสรรคเรื่องการเดินทางจึงเป็นปัจจัยที่ส่งผลถึงการเลือกบ้านของกลุ่มคนเหล่านี้ในปัจจุบัน
โครงการ Issara Residence พระราม 9 ตั้งอยู่ย่านพระราม 9 เส้นทางเข้าหลักของโครงการสามารถเข้าจากถนนพระราม 9 เข้าซอยพระราม 9 ซอย 13 จากปากซอยเข้ามาประมาณ 400 ม. ที่ตั้งโครงการจะอยู่ริมถนนซอยพระราม 9 ซอย 13 สังเกตได้ง่ายไม่ซับซ้อน อีกทั้งสามารถใช้เส้นทางในซอยพระราม 9 ซอย 13 ขับไปทะลุเชื่อมต่อกับถนนเทียมร่วมมิตร สามารถไปออกถนนรัชดาภิเษก หรือถนนประชาอุทิศ เพื่อออกถนนประดิษฐ์มนูญธรรมได้ค่ะ
เราลองไปดูที่ตั้งโครงการกันค่ะ เริ่มจากถนนพระราม 9 ฝั่งมุ่งหน้าสี่แยกประดิษฐ์มนูญธรรม จะมองเห็นอาคาร KPN Tower ทางซ้ายมือ ให้ขับรถอยู่ในทางคู่ขนานเพื่อเตรียมเลี้ยวเข้าซอยพระราม 9 ซอย 13
บริเวณปากซอยพระราม 9 ซอย 13 จะมีจุดสังเกต คือ จะมีร้านสะดวกซื้อ 7-11 อยู่ด้านหน้าค่ะ
เมื่อเลี้ยวซ้ายเข้าซอยพระราม 9 ซอย 13 มาถนนภายในจะเป็นถนนวิ่งสวนกัน 2 เลน ไม่มีทางเดินเท้าด้านข้าง จากปากซอยจะห่างจากที่ตั้งโครงการประมาณ 400 ม.
ตรงมาเรื่อยๆ ทางซ้ายมือจะสังเกตเห็นแนวรั้วของโครงการ เป็นป้ายรั้วแนวยาวสีน้ำเงินเข้ม ด้านหน้าปลูกต้นไม้และมีป้ายชื่อโครงการขึ้นเอาไว้เรียบร้อย
ซึ่งตอนนี้ด้านหน้าพื้นที่โครงการ ก็มีการสร้างสำนักงานขายเพื่อเตรียมพร้อมไว้เรียบร้อย
มองย้อนกลับไปตามแนวรั้วของเขตด้านหน้าพื้นที่โครงการทางฝั่งขวามือ ฝั่งตรงข้ามกับโครงการจะเป็นอาคารสำนักงานสูงประมาณ 5 ชั้น
ถัดจากพื้นที่โครงการจะเป็นอาคารบ้านพักอาศัย ส่วนมากจะเป็นตึกแถวสูงประมาณ 4 ชั้น เลยถัดไปก็เป็นบ้านพักอาศัยส่วนบุคคลเดี่ยวเราจะตรงไปต่อตามทางในซอยพระราม 9 ซอย 13 เพื่อลองดู เส้นทางที่สามารถไปถนนเทียมร่วมมิตรได้
เมื่อตรงมาจะเจอกับทางแยก ให้เลี้ยวซ้าย ตามเส้นทางถนนเพื่อไปทะลุออกถนนเทียมร่วมมิตร
ตรงมาเรื่อยๆจะเจอกับทางแยก ให้เลี้ยวขวา ตามเส้นทางถนนเพื่อไปทะลุออกถนนเทียมร่วมมิตร
ตรงมาจนสุดทางจะมาเชื่อมต่อกับถนนเทียมร่วมมิตร ให้เลี้ยวขวาไปตามแนวถนน สามารถไปออกถนนรัชดาภิเษก หรือถนนประชาอุทิศ เพื่อออกถนนประดิษฐ์มนูญธรรมได้ค่ะ
โครงการ Issara Residence พระราม 9 มีพื้นที่โครงการมีทั้งหมด 9-2-35 ไร่ เน้นความเป็นส่วนตัวโดยมีจำนวนบ้านในโครงการเพียง 20 ยูนิต เป็นโครงการบ้านเดี่ยว 3 ชั้น มีทั้งหมด 3 แบบ ขนาดพื้นที่ใช้สอยตั้งแต่ 700 – 764 ตร.ม. ขนาดที่ดิน 113 – 208 ตร.วา การจัดผังโครงการ เริ่มจากทางเข้าหลักของโครงการสามารถเลี้ยวเข้าจาก พระราม 9 ซอย 13 แล้วเข้าสู่พื้นที่โครงการได้เลย โดยภาพรวมของการจัดวางผังจะจัดเป็นแนวยาวตามขอบเขตของพื้นที่ดินผัง Master Plan ออกแบบให้ถนนส่วนกลางมีต้นไม้ปลูกตามแนวทางเดินริมถนน และไฟฟ้าลงใต้ดินทั้งหมด แนวของต้นไม้ตลอดริมถนนจะสร้างบรรยากาศความร่มรื่น เป็นตัวนำสายตาเวลาขับรถเข้ามาตามถนนภายในโครงการ เมื่อเข้าสู่โครงการจะเจอกับ Clubhouse ของโครงการซึ่งจะอยู่ด้านหน้าสุดของพื้นที่ ซึ่งประกอบด้วย สระว่ายน้ำ , Fitness ถัดเข้าไปจะเป็นพื้นที่ส่วนบ้านพักอาศัย เป็นถนนทางยาวเชื่อมต่อไปยังบ้านในตำแหน่งต่างๆ และมีพื้นที่สีเขียว จัดแบบ Private Linear Garden ทำเป็นสวนพักผ่อนอยู่ด้านในสุดทางฝั่งซ้ายของโครงการ
แบบบ้านในโครงการ Issara Residence พระราม 9 มีทั้งหมด 3 แบบ ได้แก่
- Type A จำนวน 10 ยูนิต ขนาดที่ดิน 125 – 208 ตร.วา ขนาดพื้นที่ใช้สอย 764 ตร.ม.
- Type B จำนวน 8 ยูนิต ขนาดที่ดิน 126 – 156 ตร.วา ขนาดพื้นที่ใช้สอย 726 ตร.ม.
- Type C1,C2 จำนวน 2 ยูนิต ขนาดที่ดิน 113 – 114 ตร.วา ขนาดพื้นที่ใช้สอย 700 – 701 ตร.ม.
แนวคิดหลักในการออกแบบ Issara Residence พระราม 9 คือ การออกแบบให้บ้านล้อมธรรมชาติ เป็นบ้าน Modern Tropical style เน้นความเป็นส่วนตัว โดยจากการศึกษากลุ่มผู้อยู่อาศัยที่ซื้อบ้านในระดับ Premium ทั้งในกลุ่มหมู่บ้านราคาแพง และประเภทบ้านสร้างเอง พบว่าจะให้ความสำคัญกับความ Privacy สูงมากและที่อยู่อาศัยต้องตอบโจทย์ในการอยู่อาศัยจริงๆ โดยเฉพาะวิถีชีวิตของผู้อยู่อาศัยในปัจจุบันที่ครอบครัวเมื่อลูกหลานภายในบ้านเติบโตกันเป็นผู้ใหญ่ ส่วนหนึ่งจะย้ายออกเพื่อไปอยู่บ้านหรือคอนโดมิเนียมของตัวเองแทนบ้านของพ่อแม่ หรือบางกลุ่มก็ยังคงอาศัยอยู่กับพ่อแม่ จึงเกิดแนวคิดออกแบบเป็น Option ตัวเลือกจากแปลนบ้านปกติ ออกแบบให้พื้นบ้านชั้น 3 เป็น Penthouse แบบ 2-3 ห้องนอน มีพื้นที่ใช้งานหลักเสมือนบ้านอีกหลัง เพื่อให้เกิดพื้นที่ที่รองรับการขยายตัวของครอบครัวในอนาคตของคนในครอบครัวได้
และปรับเปลี่ยนวิธีการจัดวางบ้านใหม่ หลายคนอาจจะเคยชินกับบ้านเดี่ยวหลังใหญ่ๆ หน้ากว้างหันออกถนนภายในโครงการ แต่แท้จริงแล้วหากมองในด้านการออกแบบ ไม่มีใครกำหนดไว้ว่า “หน้าบ้าน” จะต้องหันออกถนนเสมอไป ส่วนหนึ่งมาจากพฤติกรรมการใช้งานที่คุ้นเคยกันมานาน ในความเป็นจริงแล้วคำว่า “หน้าบ้าน” ขอเพียงให้ด้านยาวนั้นมีพื้นที่ใช้สอยได้เต็มที่ ไม่ว่าจะหันไปทางด้านข้างหรือด้านหน้าของตัวบ้านนั้นขึ้นอยู่กับการจัดวางแบบ ทางชาญอิสระจึงให้ทาง A49 เริ่มศึกษาแนวความคิดนี้แล้วนำเสนอเป็นไอเดียใหม่ โดยจากการศึกษาพบว่าบ้านหน้ากว้างในปัจจุบันที่นิยมกันนั้นดีก็จริง แต่ก็ต้องแลกกับความเสียความเป็นส่วนตัว Privacy คนสามารถมองเห็นเข้าไปในพื้นที่บริเวณบ้านได้ จึงเริ่มปรับเปลี่ยนวิธีการจัดวางหน้าบ้านใหม่ในผังที่ดินแต่ละแปลง ย้ายหน้าบ้านไว้อยู่ด้านข้างของตัวบ้านแทน และออกแบบให้ผนังด้านข้างของบ้านที่อยู่ติดกันไม่มีช่องเปิด ทำให้พื้นที่ด้านข้างของบ้านถัดไปจัดเป็นพื้นที่ส่วนตัวโดยแท้จริง
จากการปรับปลี่ยนมุมมองของการวางตำแหน่งหน้าบ้านใหม่ มีข้อดีในเรื่องของความสวยงามของภาพรวมในโครงการไปในตัว โดยจะสามารถคงรูปแบบและแนวคิดภาพรวมของโครงการให้มี Mood & Tone เดียวกันอยู่เสมอ แม้จะอยู่อาศัยกันไปนานๆ ภาพรวมของโครงการก็จะไม่เปลี่ยนแปลงไปตามสภาพการอยู่อาศัย เหมือนหมู่บ้านที่พบเห็นได้ทั่วไป ที่จะมีการต่อเติมหรือปรับปรุงหน้าบ้านกันจนทำให้เอกลักษณ์ภาพรวมของโครงการนั้นๆเสียไป
การออกแบบ Modern style ของบ้าน Issara Residence พระราม 9 จะเริ่มจาก Space หรือพื้นที่ จัดวาง Diagram ของพื้นที่การใช้งาน ร่วมกับการ Interlock & Intergrate function มากกว่าการสร้างอาคารขึ้นมาแล้วไปดีไซด์ภายนอกให้ตรง Concept จึงทำให้บ้าน Issara Residence พระราม 9 จะมีความเป็น Modern style ที่ถูกสื่อออกมาจากภายในสู่ภายนอกอาคารด้วยตัวเอง
จากผังแบบบ้าน Type A ขนาดที่ดิน 125 – 208 ตร.วา ขนาดพื้นที่ใช้สอย 764 ตร.ม. ในชั้น 1 ของตัวบ้าน โดยเริ่มจากจัดแบ่งพื้นที่บ้านเป็น 2 ส่วนใหญ่ๆ วางลงในที่ดินแล้วเชื่อมต่อกันระหว่างพื้นที่ทั้งสอง ทำให้เกิด คอร์ท (court) เป็นพื้นที่โล่งระหว่างพื้นที่บ้านทั้ง 2 ส่วน ทำเป็นสระว่ายน้ำ ระเบียงและพื้นที่สวนพักผ่อน โดยพื้นที่บ้านส่วนที่ติดกับถนนภายในโครงการจะเป็นตัวบล็อค Privacy ความเป็นส่วนตัวให้ จัดพื้นที่จอดรถไว้ด้านหน้า สำหรับจอดรถ 5 คัน ถัดเข้าไปจะเป็นส่วนโถงทางเดิน บันได และลิฟท์ ด้านในสุดของตัวบ้านจะเป็นห้องนั่งเล่นและครัว ส่วน Back of house จะถูกแยกออกมาไว้ทางโซนด้านหน้าของตัวบ้าน
ในส่วนของการออกแบบพื้นที่ใช้สอยภายในบ้าน ทาง A49 ก็ได้วางการใช้งานพื้นที่ภายในใหม่ทั้งหมด พื้นที่ภายในต่างๆ ของตัวบ้านจะถูกออกแบบโดยมีจุดประสงค์ในการใช้งานให้มีประสิทธิภาพที่สุด เช่น แนวทางเดินในส่วนต่างๆของบ้าน ที่จะต้องได้รับแสงธรรมชาติ ไม่เกิดมุมอับ , การวางตำแหน่งประตูทางเข้าบ้าน ที่แต่เดิมจะมีประตูหลัก และประตูรองที่เชื่อมกับที่จอดรถ แต่ส่วนใหญ่แล้วคนกลับไม่ค่อยใช้ประตูหลักกัน ให้เหลือเพียงเป็นประตูหลักเพียงตำแหน่งเดียวแต่สามารถเดินผ่านคอร์ทไปเชื่อมต่อไปส่วนต่างๆภายในตัวบ้านได้ , การออกแบบพื้นที่การใช้งานตรงบันได ซึ่งถือเป็นพื้นที่ภายในบ้านที่ผู้อยู่อาศัยใช้งานมากอีกตำแหน่งหนึ่ง โดยเมื่อเดินขึ้นบันไดขึ้นลงทุกวัน จะสามารถมองเห็นวิวจากสวนด้านข้างตัวบ้านได้ มีแสงธรรมชาติเข้าถึง
เมื่อจอดรถแล้วเดินเข้ามาในตัวบ้านจะออกแบบโดยการสร้างพื้นที่ส่วนตัวของผู้อยู่อาศัย ไม่มีสิ่งรบกวนต่างๆจากภายนอกพื้นที่บ้าน ผ่านโถงทางเดิน โถงบันไดและลิฟท์ เชื่อมต่อกับส่วนพื้นที่ห้องนั่งเล่น ซึ่งออกแบบให้เป็น Double volume โถงสูงไปถึงระดับชั้น 2 ของตัวบ้าน ห้องนั่งเล่นจึงมีความโปร่งไม่อึดอัด ห้องนั่งเล่นจะเชื่อมต่อกับพื้นที่ครัวด้านใน จากห้องนั่งเล่น สามารถมองวิวจากพื้นที่ในส่วนคอร์ท (court) ของตัวบ้าน สระว่ายน้ำ ระเบียงและพื้นที่สวนได้อย่างเต็มที่ ออกแบบพื้นที่ครัวในบ้านสามารถใช้งานได้จริง สามารถทำครัวจริงจังภายในบ้านได้ เป็น Pantry ติดกระจก สามารถทำครัวแล้วมองเห็นวิวแบบมุมกว้างได้เช่นกัน
ในส่วนของ Back of house ของบ้านได้แก่ ส่วนครัวไทย ห้องแม่บ้าน ส่วนซักรีด และลานซักล้าง จะออกแบบให้อยู่รวมกันออกมาทางด้านหน้าของตัวบ้าน จัดให้อยู่ในโซนเดียวกัน ซึ่งจะใช้พื้นที่ประมาณ 1 ใน 4 ของตัวบ้านเท่านั้น มีเส้นทางต่อเชื่อมเป็นสัดส่วนไม่รบกวนกับพื้นที่ของเจ้าของบ้าน
ด้วยความสูงของบ้าน 3 ชั้น เมื่อวางในตำแหน่งที่ต่อเนื่องเรียบต่อกันพอดีในผังแล้ว พื้นที่ในส่วนคอร์ท (court) ของตัวบ้าน จะได้รับเงาจากความสูงของบ้านข้างเคียง ทำให้เป็นพื้นที่ที่โปร่งโล่งสบาย ไม่ร้อน มีลมผ่าน โดยใช้หลักการออกแบบ Cross ventilation และ หลักการของธรรมชาติ (Principies of nature ) มาใช้เพื่อให้ผู้อยู่อาศัยภายในบ้าน เกิดสภาวะสบาย (Comfort zone ) ทำให้พื้นที่คอร์ทจะสามารถมานั่งใช้งานได้จริงแตกต่างจากสวนแบบกลางแจ้งทั่วไป แต่ยังคงความเป็น Privacy เพราะผนังของบ้านฝั่งตรงข้ามจะเป็นผนังทึบทั้งหมด
ในส่วนของรายละเอียดอื่นๆที่นำมาใช้ร่วมในการออกแบบ เช่น การใช้ชายคาของบ้านให้เกิดประโยชน์ การวางตำแหน่งของกระจกรอบบ้านให้มีระยะร่นเข้ามาและเลือกใช้กระจกใส ไม่ใช้กระจกตัดแสง เพราะถ้าใช้กระจกตัดแสงเมื่อแสงผ่านตัวกระจกจะให้แสงที่ออกเขียว ซึ่งจะทำให้บรรยากาศและสีของวัสดุต่างๆภายในตัวบ้านเปลี่ยนไป , การสร้างรั้วสองชั้นโดยมีเป้าหมายให้รั้วชั้นนอกยังคงเป็นไปตามการออกแบบแนวคิดของโครงการส่วนแนวรั้วชั้นในสำหรับให้ผู้อยู่อาศัยสามารถตกแต่งตามความชอบได้เต็มที่ ออกแบบสระว่ายน้ำภายในบริเวณบ้าน ที่มีความกว้างและความยาวที่ใช้งานได้จริง
มาที่ชั้น 2 ของตัวบ้านจัดพื้นที่ใช้งานหลักๆเป็นห้องนอน โดยมีห้องนอนทั้งหมด 3 ห้องนอน แบ่งเป็น Master bedroom , Bedroom 2 และ Bedroom 3 โดยทุกห้องจะมี walk in closet และห้องน้ำในตัวทุกห้อง เพื่อความเป็นส่วนตัวในการใช้งานอย่างเต็มประสิทธิภาพและตำแหน่งห้องนอนสามารถมองลงมาเห็น คอร์ทพื้นที่สีเขียวของตัวบ้านได้ ในส่วนของห้องน้ำ Master bedroom จัดพื้นที่ห้องน้ำจะมี คอร์ทเล็กๆ มองเห็นต้นไม้ มีแสงธรรมชาติเข้าถึง การเพิ่มพื้นที่ในส่วนเปียกใช้ฉากกระจกกั้นเพื่อให้มุมมองภายในห้องน้ำนั้น มีความ Clean และความเนี้ยบ เข้ากับแนวคิดในการออกแบบภาพรวมของตัวบ้าน
ที่ชั้น 2 จะจัดแบ่งพื้นที่ให้มีห้อง Family room ใช้สำหรับนั่งพักผ่อนกรณีมีแขกมาบ้านใช้พื้นที่ห้องนั่งเล่นชั้นล่างอยู่ ผู้อยู่อาศัยคนอื่นๆในบ้านก็จะมีที่ให้นั่งเล่นพักผ่อนที่เป็นส่วนตัวได้ หรือสามารถปรับเปลี่ยนการใช้งานเป็นห้องอเนกประสงค์ทำเป็นห้องทำงานก็ได้เช่นกัน จากชั้น 2 จะสามารถมองลงมายังพื้นที่ชั้นล่างของตัวบ้านจากพื้นที่ Double volume โถงสูงบริเวณห้องนั่งเล่นได้
ขึ้นมาที่ชั้น 3 จะถูกออกแบบการใช้งานแตกต่างจากชั้น 3 ของบ้านทั่วไปที่โดยส่วนมากจะจัดเป็นห้องนอนไว้ทั้งหมด โดยผู้ออกแบบได้เพิ่มแนวคิดออกแบบเป็น Option ตัวเลือกจากแปลนบ้านปกติ ออกแบบให้พื้นบ้านชั้น 3 เป็น Penthouse แบบ 2-3 ห้องนอน มีพื้นที่ใช้งานหลักเสมือนบ้านอีกหลัง เพื่อให้เกิดพื้นที่ที่รองรับการขยายตัวของครอบครัวในอนาคตของคนในครอบครัวได้ ประกอบด้วยพื้นที่ในส่วนของห้องนอน ที่มี walk in closet และห้องน้ำในตัวทุกห้อง ออกแบบพื้นที่ระเบียงขนาดใหญ่เชื่อมต่อกับห้องนอน และมีพื้นที่จัดเป็นส่วนนั่งเล่น และรับประทานอาหาร มี Panty สำหรับจัดเตรียมอาหารได้
Type B จำนวน 8 ยูนิต ขนาดที่ดิน 126 – 156 ตร.วา ขนาดพื้นที่ใช้สอย 726 ตร.ม.
Type C1 จำนวน 1 ยูนิต ขนาดที่ดิน 113 ตร.วา ขนาดพื้นที่ใช้สอย 700 ตร.ม.
Type C2 จำนวน 1 ยูนิต ขนาดที่ดิน 114 ตร.วา ขนาดพื้นที่ใช้สอย 701 ตร.ม.
มาในส่วนของพื้นที่ส่วนกลาง Facility ต่างๆภายในโครงการ Issara Residence พระราม 9 ซึ่งก็จะมีความแตกต่างจากโครงการทั่วไป โดยผู้ออกแบบได้ปรับเปลี่ยนแนวคิดตั้งแต่ Gate ทางเข้าโครงการ ที่โดยทั่วไปก็จะเป็นทางเข้าที่มี รปภ. อยู่และมีการตกแต่งตามรูปแบบของโครงการ แต่โครงการ Issara Residence พระราม 9 นั้นจะมีการปรับเปลี่ยนใหม่ให้สามารถเป็นมากกว่าทางเข้า ใช้งานแบบ Multifunction เป็น Clubhouse ของโครงการร่วมด้วย ดังนั้น Gate ทางเข้าโครงการจึงมีขนาดใหญ่ เข้ากับแนวคิดหลักในการออกแบบของโครงการ มีความเป็น Modern style เข้ากับระดับ Premium ของโครงการ และยังคงเน้นการออกแบบที่มีความเป็นส่วนตัวในการใช้งานจริง โดยการใช้ระแนงมาวางเป็นระยะด้านหน้าของผนังพื้นที่ชั้น 2 ของฝั่งทางเข้าด้านหน้าโครงการ เพื่อสร้าง Privacy ในระยะหน้าตรง โดยใช้หลักจิตวิทยาในการมองเห็นมาใช้ในการออกแบบ เมื่อมีวัตถุมาขวางไว้ด้านหน้า จะเป็นการกำหนดโฟกัสสายตาไม่ให้มองเข้าไปด้านในได้ส่วนหนึ่ง พื้นที่ชั้น 2 ของ Clubhouse จะเป็นสระว่ายน้ำ เรียกว่าขับรถเข้ามาตรงทางเข้าจะต้องลอดผ่านสระว่ายน้ำที่อยู่ด้านบนของ Gate ทางเข้าโครงการค่ะ
Club house ด้านในแบ่งพื้นที่ใช้งานเป็น 2 ชั้น ชั้นล่างเป็น Fitness ขนาดใหญ่ สามารถจัดวางอุปกรณ์ออกกำลังกายได้หลากหลาย และมีพื้นที่จอดรถอยู่ด้านข้าง ในส่วนของชั้นบนที่เป็นสระว่ายน้ำ จะเป็นสระแบบเปิดโล่ง ที่มีความโปร่ง แต่ยังคงความเป็นส่วนตัว ปลูกต้นไม้ด้านข้าง และทำเป็นเป็นระแนงไม้บังสายตาเพื่อความเป็นส่วนตัวในการใช้งาน
เมื่อเข้ามาด้านในโครงการจะมีการจัดพื้นที่สีเขียวไว้ โดยจัดแบบ Private Linear Garden เป็นสวนทางยาว มีแนวทางเดินเล่นระดับ ใช้สำหรับนั่งริมสวนได้ และจัดพื้นที่เป็นลาน deck ไม้ ให้ทำกิจกรรมกลางแจ้งได้ ปลูกต้นไม้ใหญ่และตามแนวเป็นกำแพง เพื่อความสวยงามร่มรื่นและสร้างความเป็นส่วนตัวในการใข้งาน โดยพื้นที่สวนนี้อยู่ด้านในสุดทางฝั่งซ้ายของโครงการ
ทั้งหมดนี้เป็นแนวคิดและกระบวนการออกแบบกว่าจะมาเป็น Issara Residence พระราม 9 ซึ่งเราจะเห็นได้ว่าผู้ออกแบบได้ใส่รายละเอียดในการออกแบบไว้มากมาย มีขั้นตอนและวิธีที่หลากหลายนำมาออกแบบตัวบ้านที่โดดเด่นและแตกต่างไปจากบ้านทั่วไป กว่าจะออกมาเป็น Issara Residence พระราม 9 ได้ จึงจัดเป็นโครงการหนึ่งที่สนใจและสร้างสีสันให้กับวงการอสังหาฯไม่น้อย ซึ่ง Think of Living ก็เป็นอีกหนึ่งในอีกหลายๆคนที่อยากจะเห็นการออกแบบที่อยู่อาศัยรุ่นใหม่ๆ ที่จะมาเป็นสีสันให้กับวงการแบบนี้เรื่อยๆ ถ้ามีโครงการไหนที่น่าสนใจอีก ทาง Think of Living จะไม่พลาดนำความรู้ดีๆแบบนี้มาแบ่งปันให้ท่านผู้อ่านอีกแน่นอนค่ะ
สนใจข้อมูลโครงการเพิ่มเติม สามารถดูเพิ่มได้จากเวปหลักของโครงการ Issara Residence พระราม 9 คลิกที่นี่