ถ้าพูดถึง NIRVANA หลายๆคนคงนึกถึงบ้านเดี่ยว 3 ชั้นสไตล์ Modern ขนาดใหญ่ พื้นที่ใช้สอยเยอะ มีการออกแบบที่แตกต่างจากโครงการบ้านของเจ้าอื่นๆอย่างเห็นได้ชัด แล้วสิ่งที่แตกต่างนั้นคืออะไร จุดเด่นและอัตลักษณ์ที่ Nirvana ต้องการส่งไปให้กับผู้อยู่อาศัยภายในโครงการนั้นคืออะไร วันนี้เราจะพากับผู้อ่านไปเจาะลึกการออกแบบกับ “ที่อยู่อาศัย สไตล์ Nirvana” กันค่ะ

ย้อนกลับไปเมื่อหลายสิบปีก่อน หมู่บ้านจัดสรรอย่างที่ทุกคนคุ้นเคยกันคือโครงการบ้านที่ส่วนมากมักจะเป็นบ้านเดี่ยวสองชั้น ตั้งอยู่ย่านชานเมือง มีรั้วรอบขอบชิดทั้งตัวโครงการเองและตัวบ้าน มีพื้นที่ส่วนกลางให้ใช้งาน มีระบบรักษาความปลอดภัย เช่น รปภ.คอยเฝ้าหมู่บ้าน ซึ่งในบางครั้งที่ตั้งโครงการเองกว่าจะเข้าถึงได้ก็ค่อนข้างไกลจากถนนใหญ่ ไหนจะแบบบ้านอีกที่เหมือนกันไปหมดทั้งโครงการ และดันคล้ายคลึงไปกับโครงการอื่นๆไปอีก ซึ่งความคล้ายคลึงนี้อาจจะเกิดจากข้อจำกัดเรื่องงบประมาณการก่อสร้างของ Developer ที่ต้องการสร้างบ้านที่มีโครงสร้างที่ประหยัดที่สุด โดยให้ได้พื้นที่ใช้สอยที่เพียงพอกับการใช้งานที่สุด เลยทำให้ความหลากหลายของแบบบ้านลดลงไป ครั้นจะไปจ้างสถาปนิกออกแบบบ้าน เจ้าของบ้านก็อาจจะต้องลุ้นทั้งเรื่องแบบว่าดีไซน์เนอร์ที่เราจ้างนั้นจะออกแบบมาตรงใจเราหรือไม่? ระยะเวลาการก่อสร้างก็เป็นอีกประเด็นที่ควบคุมได้ค่อนข้างยาก บางคนก็กลัวจะเจอกับผู้รับเหมาที่มีปัญหา วิธีและขั้นตอนการคิด การจ่าย ค่าจ้าง ค่าแบบต่างๆ ที่ไม่อาจจะรู้ได้เลยว่าราคานี้ถูกต้องตามมาตรฐานหรือไม่? เราจะถูกโกงหรือเปล่านะ?  และยังมีเรื่องที่ดิน ที่ตั้งของบ้านที่มักจะไม่ได้มีพื้นที่ส่วนกลางและระบบรักษาความปลอดภัยมาให้อีก “ปัญหาเหล่านี้จึงกลายมาเป็นโจทย์ให้กับ Nirvana ต้องการที่จะสร้างบ้านเดี่ยว ดีไซน์แตกต่างเหมือนกับการมีสถาปนิกมาออกแบบบ้านให้ให้ แต่เป็นบ้านที่อยู่ร่วมกันในโครงการจัดสรร มีพื้นที่ส่วนกลาง ติดถนนใหญ่ เดินทางสะดวก และระบบรักษาความปลอดภัยให้ในโครงการ”

ขอบคุณภาพโครงการ Nirvana BEYOND เกษตร-นวมินทร์ จาก Website : http://www.nirvanadaii.com

แล้วอะไรคือดีไซน์ที่แตกต่าง เหมือนกับการมีสถาปนิกมาออกแบบบ้านให้? ถ้าเป็นเรื่องรูปลักษณ์  เอกลักษณ์อย่างหนึ่งของแบบบ้าน Nirvana ที่เห็นได้ชัดเลยคือบ้าน 3 ชั้นสไตล์ Modern ซึ่งเดิมทีในสมัยนั้นผู้ที่ต้องการซื้อบ้านหลายคนอาจจะมองว่าบ้าน 3 ชั้นหน้าตาเหมือนจะเป็นตึกแถวหรืออาคารพาณิชย์รึเปล่า?  แต่ด้วยการวางผังบ้านที่มีการออกแบบผังเป็นรูปตัว L หรือตัว C สร้างพื้นที่โล่งหรือคอร์ทกลางบ้าน ทำให้มีพื้นที่ตรงกลางกลายเป็นสวน กลายเป็นวิว กลายเป็นมุมพักผ่อนหย่อนใจของห้องที่ตั้งโอบล้อมคอร์ทกลางบ้านนี้ได้ ในขณะที่พื้นที่ใช้สอย และฟังก์ชันต่างๆภายในบ้านไม่ได้ลดลงไปเลย เพราะบ้านของ Nirvana เป็นบ้านเดี่ยว 3 ชั้นนั่นเองค่ะ

ขอบคุณภาพโครงการ Nirvana BEYOND พระราม 2 จาก Website : http://www.nirvanadaii.com

นอกจากความ Modern จากการดีไซน์แล้ว การวางตัวอาคารที่ทำให้เกิดพื้นที่ผิวมากขึ้น (ผังอาคารตัว C หรือตัว L) ทำให้บ้านของ Nirvana นั้น ได้ใกล้ชิดกับธรรมชาติมากขึ้นด้วยค่ะ ธรรมชาติในที่นี้ไม่ได้หมายความถึง ต้นไม้ หรือ สนามหญ้าเพียงอย่างเดียว แต่ยังหมายถึง แสงสว่าง แดด ลม ที่เกิดจากการวางผัง การออกแบบหน้าต่างและช่องเเสงต่างๆของตัวบ้านด้วย ซึ่งการออกแบบนี้ ทาง Nirvana ขอเรียกว่าสไตล์แบบ Natural Modern ซึ่งสไตล์นี้นอกจากโครงการที่เป็นบ้านแล้ว ยังคงปรากฏให้เห็นในโครงการประเภทอื่นๆของ Nirvana อีกเช่น ทาวน์โฮม , โฮมออฟฟิศ และคอนโดมิเนียมด้วย ในวันนี้เราลองมาลงลึกกับรายละเอียดแนวคิดการออกแบบ ตัวตน และเอกลักษณ์ความเป็น Nirvana กันนะคะ รับรองว่าผู้อ่านจะได้เห็นถึงวิธีการคิด การออกแบบที่ไม่ใช่แค่รูปลักษณ์ภายนอก แต่รวมถึงวิถีชีวิตและวิธีอยู่อาศัยของคนในบ้านด้วยค่ะ

Location / ที่ตั้งโครงการ

ทำเลถือเป็นเรื่องแรกในการเริ่มต้นพัฒนาโครงการไม่ว่าจะเป็นโครงการประเภทใดก็ตาม และถือเป็นอีกหนึ่งหัวข้อที่ Nirvana ให้ความสำคัญอย่างมาก โดยทำเลที่ทาง Nirvana เลือกนั้นจะต้องเป็นทำเลที่สามารถเชื่อมต่อกับเมือง ระบบขนส่ง และสิ่งอำนวยความสะดวกได้ง่าย (Life Connectivity) ซึ่งอันดับเเรกเลยคือทำเลของ Nirvana นั้นจะต้องติดถนนใหญ่ และจะต้องเดินทางเข้าเมืองได้สะดวก เราลองไปดูตัวอย่างโครงการที่เกิดขึ้นเเล้วของ Nirvana กันดีกว่าค่ะ

(บน) ทำเลโครงการ Nirvana DEFINE ศรีรครินทร์ – พระราม 9 เป็นโครงการทาวน์โฮมที่ตั้งอยู่บนถนนศรีนครินทร์ – ร่มเกล้า หรือถนนกรุงเทพกรีฑาตัดใหม่ ซึ่งเป็นถนนใหญ่ที่เชื่อมต่อกรุงเทพฯฝั่งตะวันออกเข้าสู่ตัวเมืองผ่านถนนพระราม 9 ได้ เชื่อมต่อกับรถไฟฟ้า Airport Link ที่สถานีรามคำแหง และรถไฟฟ้าสายสีเหลือง(ในอนาคต)ที่สถานีลำสาลีได้ เข้าถึงความอุดมสมบูรณ์บนถนนรามคำแหง พระราม 9 หรือย่านบางกะปิได้สะดวก การเชื่อมต่อ คือ Key ของ Life Connectivity ที่ Nirvana ต้องการสื่อค่ะ

(ซ้ายล่าง) โครงการ Nirvana @ Work ลาดพร้าว – เกษตรนวมินทร์ โครงการโฮมออฟฟิศบนถนนใหญ่อย่างถนนเกษตร – นวมินทร์ โปรเจคนี้สร้างขึ้นมาเพื่อตอบโจทย์กับคนรุ่นใหม่ที่ต้องการออฟฟิศของตัวเองที่ไม่ต้องอยู่ใจกลางเมืองแต่ยังคงสามารถเดินทางมาทำงานได้สะดวกทั้งพนักงานเองและเจ้าของธุรกิจ จึงเลือกทำเลที่ติดกับถนนใหญ่ เดินทางง่าย มีความอุดมสมบูรณ์ที่พร้อมรายล้อมบนถนนเส้นนี้ค่ะ

(ขวาล่าง) Nirvana Beyond ศรีนครินทร์ เป็นบ้านเดี่ยว ตั้งอยู่บนถนนเฉลิมพระเกียรติ ร.9  สามารถเชื่อมต่อเข้าถึงโครงการได้จาก 3 เส้นทางหลักๆคือ ถนนศรีนครินทร์, ถนนอ่อนนุช หรือสุขุมวิท 77 และ จากถนนบางนา – ตราด ทำให้มีตัวเลือกในการเดินทางเข้า – ออกไปยังสถานที่ที่ต้องการได้หลายเส้นทาง

จะเห็นได้ว่าทุกโครงการจะมี Location ที่ติดกับถนนใหญ่ ข้อดีก็จะมีทั้งเรื่องการเดินทางที่สะดวกกว่าโครงการที่อยู่ในซอยลึก สามารถใช้งานรถสาธารณะได้ง่ายกว่าแล้ว ยังมีข้อดีในเรื่องความปลอดภัยอีกด้วยค่ะ เช่นกรณีโครงการบ้านพักอาศัยที่อยู่กันเป็นครอบครัว เมื่อลูกอยู่ในช่วงวัยเรียน อาจจะต้องเดินทางไปไหนมาไหนเอง ดังนั้นบ้านที่อยู่ติดถนนใหญ่ก็มักจะเดินทางได้สะดวกกว่าทั้งขาไปและขากลับด้วยค่ะ (ขึ้นรถไป – กลับ คุณพ่อคุณแม่ก็ไม่ต้องคอยกังวลว่าลูกจะต้องซ้อนวินมอเตอร์ไซค์หรือนั่งแท๊กซี่เข้าซอยเปลี่ยวคนเดียวด้วยค่ะ)

Function และ พื้นที่ใช้สอย

ต่อเนื่องมาจากเรื่องทำเลที่ตั้งโครงการ เราขอพูดเรื่องที่สำคัญไม่แพ้กันเลยคือเรื่องขนาดและพื้นที่ใช้สอย บ้านที่ Nirvana สร้างขึ้นมานั้นต้องเป็นบ้านที่มีขนาดพื้นที่ใช้สอยเหมาะสมกับการอยู่อาศัยในระยะยาว และเป็นบ้านที่สามารถอยู่อาศัยร่วมกันได้หลาย Generation โดยแต่ละ Generation ยังมีพื้นที่ส่วนตัวเป็นของตัวเองอยู่ ในบางครั้ง ตัวบ้านเองหรือตัวสถาปัตยกรรม มักจะเป็นสิ่งหนึ่งที่กำหนดกรอบให้กับวิถีชีวิตของผู้อยู่อาศัย เช่น ถ้ามีบ้านที่สามารถเปิดหน้าต่าง รับลม ใกล้สนามหญ้า ได้แสงสว่างเข้ามาในตัวบ้านตลอดเวลา ในขณะที่มีความเป็นส่วนตัวจากสายตาของเพื่อนบ้าน บ้านนั้นก็จะมีการเปิดหน้าต่างใช้งาน ลมพัดผ่านตัวบ้าน คนได้สัมผัสลม รับไอแดด สิ่งเหล่านี้อาจจะเป็นสิ่งที่ขาดหายไปในบ้านจัดสรรที่เกิดขึ้นใหม่ในปัจจุบันก็ได้ เราลองมาเจาะลึกเรื่องนี้ดูอีกทีผ่านแปลนบ้านของ Nirvana ที่มีชื่อว่า LIVE ที่ตั้งอยู่ในโครงการ Nirvana Beyond พระราม 2 กันดีกว่าค่ะ

ขอบคุณภาพโครงการ Nirvana BEYOND พระราม 2 จาก Website : http://www.nirvanadaii.com

LIVE เป็นชื่อแบบบ้านเดี่ยว 3 ชั้น ที่มีพื้นที่ใช้สอย 357 ตร.ม. มี 4 ห้องนอน 5 ห้องน้ำ 3 ที่จอดรถ และ 1 ‬ห้องแม่บ้าน ถ้าเราลองมองจากพื้นที่ใช้สอยแล้ว ใช่ค่ะ บ้านหลังนี้เหมาะกับการอยู่กันเป็นครอบครัวใหญ่แบบ 3 Generations ซึ่งการจัดวางผังพื้นนั้น มีการแบ่งพื้นที่ใช้สอยออกเป็น 3 ชั้น และสามารถแบ่งง่ายๆว่า ชั้น 1 เป็นห้องของปู่ย่าหรือตายาย ชั้น 2 เป็นห้องนอนใหญ่ และชั้น 3 เป็นห้องนอนลูกๆอีก 2 ห้อง การแบ่งแบบนี้ ดูเผินๆอาจจะเหมือนกับการออกแบบบ้านทั่วๆไป ที่มักจะเอาห้องผู้สูงอายุไว้ที่ชั้น 1 เพื่อที่ว่าผู้สูงอายุจะได้ไม่ต้องเดินขึ้นบันไดเยอะ แต่ความแปลกของแบบบ้านนี้อยู่ที่การนำพื้นที่รับแขกไปไว้ที่ชั้น 2 ของบ้านค่ะ เราลองไปดูผังบ้านกันดีกว่า

ขอบคุณภาพโครงการ Nirvana BEYOND พระราม 2 จาก Website : http://www.nirvanadaii.com

ชั้น 1 ของบ้านนั้นจะถูกออกแบบให้เอาฟังก์ชันอย่างที่จอดรถ ห้องแม่บ้านไว้หน้าบ้านเลยค่ะ แปลกดีนะคะ โดยจะมีบันไดที่สามารถ Access หรือเดินขึ้นไปยังชั้น 2 ได้เลย โดยที่ยังไม่เข้าตัวบ้าน ทำให้พื้นที่ภายในบ้านจะเป็นพื้นที่รับประทานอาหาร ครัวฝรั่ง ครัวไทยไปเลย กลายมาเป็นพื้นที่สำหรับครอบครัวจริงๆ โดยส่วนรับประทานอาหารนั้น จะเปิดมุมมองเข้าสู่พื้นที่ใจกลางบ้านที่เป็นพื้นที่คอร์ท Outdoor ที่เกิดจากการวางผังอาคารเป็นรูปตัว C นั่นเองค่ะ ในส่วนของห้องนอนนั้นจะอยู่ด้านในสุดเปิดมุมมองไปยังพื้นที่คอร์ทกลางบ้านเช่นกัน การกำหนดฟังก์ชันเช่นนี้ ทำให้ปู่ย่าหรือตายายที่อาศัยอยู่กับเราที่ชั้นนี้นั้น ได้ความเป็นส่วนตัว เช่น เมื่อมีแขกอย่างเพื่อนของพ่อแม่ หรือเพื่อนของลูกๆมา ก็อาจจะให้ไปรับรองที่ชั้น 2 ซึ่งเป็นห้องรับแขกไปเลย ในขณะที่ผู้สูงอายุได้พักผ่อนอย่างสงบในพื้นที่ส่วนตัวของตัวเองด้วย แต่ก็ยังมีปฏิสัมพันธ์กันในครอบครัว จากการนำพื้นที่ส่วนครัวและส่วนรับประทานอาหารมาไว้ที่ชั้นนี้ ที่ทุกคนในบ้านจะต้องมาใช้พื้นที่ส่วนนี้ทุกๆวัน

ขอบคุณภาพโครงการ Nirvana BEYOND พระราม 2 จาก Website : http://www.nirvanadaii.com

พอขึ้นมาที่ชั้น 2 จะเจอกับพื้นที่ห้องรับเเขกที่ถูกออกแบบให้มีความสูงแบบ Double Space ด้านหน้าบ้าน พื้นที่ส่วนนี้สามารถเดินขึ้นบันไดจากหน้าบ้านมาได้เลย หรือจะเดินผ่านห้องทานอาหารขึ้นมาก็ได้ พื้นที่ส่วนนี้เป็นส่วนที่เอาไว้รับรองแขกที่มาเยือนดังนั้นการเปิดช่องเปิดต่างๆจะเป็นช่องเปิดที่มองออกไปยังพื้นที่ด้านข้างบ้านและหน้าบ้านเท่านั้น ทำให้ผู้ที่อยู่อาศัยในบ้านยังคงได้ความเป็นส่วนตัวเช่นกัน โดยเฉพาะพื้นที่ส่วนที่เป็นห้อง Master Bedroom ที่อยู่ชั้นเดียวกัน ก็จะมีทางเดินที่เป็นสะพานคั่นกลางระหว่างตัวห้องนอนและห้องรับแขกไว้อยู่ ทำให้พื้นที่ห้องนอนนี้เป็นพื้นที่ Private ของพ่อแม่ที่อยู่อาศัยจริงๆ ฟังก์ชันภายในห้องก็ครบเหมือนกับอยู่ Apartment คือมีทั้งส่วนพักผ่อนส่วนตัวภายในห้อง มีพื้นที่ที่สามารถทำเป็นห้องทำงานได้ มีห้องน้ำที่ใหญ่ และมี Walk-in Closet ภายในห้องนอน สิ่งที่น่าสนใจอีกอย่างคือการเจาะช่องเปิดหรือกระจกต่างๆภายในห้อง จะเน้นผนังทึบกับพื้นที่ที่ติดกับรอบนอกบ้านเพื่อความเป็นส่วนตัว แต่จะเปิดหน้าต่างเเละช่องเเสงค่อนข้างมากในพื้นที่ที่เป็นคอร์ทกลางบ้าน ทำให้พื้นที่ภายในยังได้ทั้งวิวและแสงสว่างที่เพียงพอ ในขณะที่ยังมีความเป็นส่วนตัวด้วยค่ะ นอกจากนี้การออกแบบที่สร้างช่องเปิดอย่างกระจกใส หรือหน้าต่างไว้กลางบ้านนี้ ยังช่วยเรื่องความสัมพันธ์ของการอยู่อาศัยร่วมกันได้ด้วย เพราะไม่ว่าจะอยู่ที่ชั้นไหนของบ้าน ก็ยังสามารถมองขึ้นหรือมองลงไปยังห้องอื่นๆภายในบ้านได้ด้วย ทำให้อย่างน้อย พ่อแม่ก็รับรู้ว่าลูกกลับบ้านรึยัง เข้านอนแล้วหรือไม่ แต่ถ้าช่วงเวลาไหนที่ต้องการความเป็นส่วนตัว ก็ปิดม่านไว้ได้ค่ะ

ขอบคุณภาพโครงการ Nirvana BEYOND พระราม 2 จาก Website : http://www.nirvanadaii.com

มาที่ชั้น 3 จะถูกแบ่งเป็นห้องนอนเล็ก 2 ห้อง แต่ห้องนอนเล็กของบ้านแบบ Nirvana นั้น จะต้องเป็นห้องที่สามารถอยู่อาศัยได้จริง และสามารถอยู่อาศัยได้ในระยะยาวด้วย ดังนั้น ขนาดของพื้นที่ใช้สอยจึงมีความสำคัญ ทุกห้องนอนจึงมีขนาดใหญ่ มีพื้นที่ใช้สอยภายในที่ทั้งสามารถวางเตียง มุมนั่งเล่น มุมทำงาน Walk-in Closet ห้องน้ำในตัว และมีระเบียงพักผ่อนเป็นของตัวเอง เรียกได้ว่าในอนาคต ลูกแต่งงานไปก็ยังสามารถอยู่ร่วมกันที่บ้านหลังนี้ได้ค่ะ

นี่ก็เป็นตัวอย่างการออกแบบบ้านสไตล์ Nirvana ที่ต้องการเน้นพื้นที่ใช้สอยที่สามารถใช้งานได้นาน อยู่ร่วมกันหลาย Generations แต่ทุกพื้นที่ยังได้ความเป็นส่วนตัวค่ะ

Natural Modern / การอยู่ร่วมกับธรรมชาติ

เมื่อตอนต้นเราได้เกริ่นถึงการออกแบบที่ต้องการให้ผู้อยู่อาศัยสามารถอยู่และใกล้ชิดกับธรรมชาติอย่างเช่น แดด ลม แสงกันไปแล้วนะคะ ในกรณีที่เป็นบ้านเดี่ยวเราอาจจะเห็นได้ชัดจากการวางผังบ้านเป็นรูปตัว L หรือรูปตัว C เพื่อสร้างคอร์ทกลางบ้านและเพิ่มพื้นที่ผิวรอบบ้านที่มากขึ้น แต่สไตล์การออกแบบพื้นที่ในลักษณะนี้ ยังสามารถพบเห็นได้กับโครงการประเภทอื่นๆอีก เช่น ทาวน์โฮมของ Nirvana ค่ะ

ในขณะที่ทาวน์โฮมที่เราเห็นกันมักจะมีการออกแบบทาวน์โฮมให้เหมือนกันทุกยูนิต ตั้งเรียงๆกันไป แต่สำหรับทาวน์โฮมของ Nirvana มีความท้าทายมากกว่านั้น คือการออกแบบที่ต้องการบรรยากาศภายในเหมือนกันกับการอยู่อาศัยภายในบ้านเดี่ยวเลย ตัวอย่างโครงการ Nirvana Define พระราม 9 ถือว่าเป็นอีกหนึ่งโครงการที่สามารถอธิบายการออกแบบสไตล์ Nirvana ได้ดีเช่นกันค่ะ

เมื่อมองจากหน้าบ้านเเล้ว แม้จะเป็นทาวน์โฮมแต่สไตล์การออกแบบยังคงเป็นแบบ Modern อยู่นะคะ ด้วยการวางแบบบ้านที่แตกต่างกันสลับกันไป ทำให้เมื่อมองจากภายนอก Aesthetic หรือหน้าบ้านดูมีความสวยเก๋ที่ดูแล้วไม่น่าเบื่อ แต่สิ่งที่ชวนสงสัยคือ Natural Modern หรือการที่ผู้อยู่อาศัยจะได้ใกล้ชิดกับธรรมชาติ ในทาวน์โฮมยังสามารถทำได้ด้วยหรือ? แล้วจะออกมาอย่างไร เราลองไปดู Space ด้านในกันค่ะ

เมื่อมองจากหน้าบ้านเพียงอย่างเดียวอาจทำให้เราคิดว่าช่องเปิดหรือหน้าต่างของทาวน์โฮมคงจะสามารถเปิดได้เฉพาะหน้าบ้านกับหลังบ้านเท่านั้น แต่เปล่าเลยค่ะ ภายในบ้านถึงแม้ว่าจะเป็นทาวน์โฮม แต่ก็ยังสามารถทำคอร์ทตรงกลางบ้านได้ เป็นการดึงธรรมชาติ ที่ไม่ใช่ต้นไม้ ใบหญ้า แต่เป็นแสงสว่าง ลม ให้เข้ามาสู่ตรงกลางของบ้าน ทำให้พื้นที่ใช้สอยที่อยู่ด้านใน ถึงแม้ว่าจะเปิดหน้าต่างหรือเปิดม่านเอาไว้ ก็ยังคงได้ความเป็นส่วนตัวและได้บรรยากาศภายในที่ดูเหมือนบ้านเดี่ยวเลยค่ะ เราลองดูแปลนเทียบกันนะคะ

เมื่อมองจากแปลนบ้านชั้น 1 และชั้น 2 ส่วนของทาวน์โฮมก็ยังมีไอเดียที่เหมือนกับบ้านเดี่ยวอยู่นะคะ อย่างเช่นไอเดียการนำพื้นที่รับแขกไว้ที่ชั้น 2 มีการแยกทางเข้าบ้านออกเป็น 2 ทาง แขกสามารถขึ้นไปยังพื้นที่ชั้น 2 ได้เลย และพื้นที่ชั้น 2 ก็มีการแบ่ง Privacy หรือความเป็นส่วนตัวระหว่างห้องนอนและห้องรับแขกไว้ด้วยการยกระดับความสูงที่แตกต่างกันในแต่ละพื้นที่ และมีทางเดินที่คล้ายกับสะพานในบ้านเดี่ยวที่จะต้องเดินผ่านคอร์ทกลางบ้านก่อนที่จะเข้าถึงห้องนอนได้ ซึ่งความสูงของคอร์ทนี้ก็น่าสนใจนะคะ เป็นพื้นที่สูงตั้งแต่ชั้นที่จอดรถไปยังชั้น 3 ของบ้านเลย เเต่ก็ยังเป็นพื้นที่ที่ยังมีหลังคาปกคลุมอยู่เช่นกัน ทำให้ฝนไม่สาดเลอะเทอะผนังที่อยู่รอบๆคอร์ทค่ะ

การออกแบบที่นอกจากจะเล่นกับระดับของพื้นแล้ว ความสูงของห้องก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ช่วยสร้าง Space ที่พิเศษขึ้นมาให้ภายในบ้านค่ะ อย่างเช่นห้องนอนชั้น 2 ที่เป็น Master Bedroom จะมีพื้นที่ส่วนหนึ่งมีความสูงแบบ Double Space และมีแนวกระจกสูงที่เปิดเข้าคอร์ทกลางบ้าน ซึ่งกระจกแผงนี้เป็นส่วนที่อยู่กลางบ้านจริงๆ ดังนั้นแสงที่เข้ามาภายในห้องก็จะไม่จ้าเกินไป ไม่มีความร้อนที่เข้ามาตกกระทบกับผนังนี้โดยตรง และได้ความเป็นส่วนตัวจากภายนอกค่ะ ถือว่าเป็นการออกแบบพื้นที่ภายในทาวน์โฮมได้น่าสนใจดีนะคะ

เมื่อเรามาดูผังชั้น 3 เราจะเจอกับพื้นที่ด้านหน้าบ้าน ที่เป็น Terrace ใช้งานขนาดใหญ่ เป็นพื้นที่โล่งที่มีหลังคาปกคลุม พื้นที่ตรงนี้เองค่ะ ที่จะช่วยทำให้อากาศส่วนที่จอดรถ เวียนเข้าออกผ่านคอร์ทกลางบ้านได้ และยังเป็นพื้นที่ที่ช่วยให้แสงสว่างจากภายนอกบ้านเข้ามายังบริเวณกลางบ้าน ทำให้ห้องที่มีหน้าต่างอยู่ตรงกลาง ได้รับแสงสว่างแบบ indirect คือได้บรรยากาศที่สว่างแต่ไม่ร้อนค่ะ และเมื่อมาดูห้องนอนแต่ละห้องภายในบ้าน ก็ยังสามารถจัดพื้นที่ภายในที่ยังคงวางเตียงใหญ่ได้ มีพื้นที่ส่วนตัวของตัวเองอยู่ และอยู่อาศัยกันได้หลายคน

บรรยากาศ Terrace ที่ชั้น 3 ฝั่งหน้าบ้าน จะเห็นได้ว่าพื้นที่ส่วนนี้จะเป็นพื้นที่เปิดโล่ง ดึงแสงจากหน้าบ้านให้เข้าไปยังกลางบ้านได้ แต่ก็ยังเป็นพื้นที่ที่มีหลังคาปกคลุมทำให้สามารถใช้งานได้จริง ทั้งในเวลากลางวันและเวลากลางคืนค่ะ

ไม่ใช่แค่บ้านเท่านั้น แต่เมื่อ Nirvana ลุกขึ้นมาทำโครงการคอนโดมิเนียมที่มีข้อจำกัดเรื่องห้องที่ต้องมีขนาดเล็กลงแล้ว แนวความคิดเรื่องการอยู่ร่วมกับธรรมชาติก็ยังไม่หายไป อย่างเช่นโครงการใหม่ล่าสุดที่มีชื่อว่า The MOST อิสรภาพ การอยู่ร่วมกันกับธรรมชาติอาจจะไม่ปรากฎภายให้เห็นภายในห้องแต่ก็จะได้เห็นได้จากการออกแบบพื้นที่บริเวณทางเดินที่เชื่อมระหว่างสองอาคารแทน ฟังก์ชันของทางเดินที่เชื่อมระหว่างสองอาคารนี้เป็นแค่ลิฟต์กับทางเดินเท่านั้น ซึ่งอันที่จริงแล้วพื้นที่ทางเดินข้างๆลิฟต์นี้ยังสามารถปรับให้เป็นห้องพักอาศัยได้ แต่ด้วยความที่ Nirvana ต้องการสร้างบรรยากาศให้ผู้อยู่อาศัยทุกคนได้สัมผัสกับธรรมชาติ จึงออกแบบทางเดินส่วนนี้ให้เป็นทางเดินโปร่ง มี Vertical Garden ขนาบไปกับทางเดิน ผู้อาศัยที่นี่ในหนึ่งวันที่เดินเข้า-ออกใช้งานอาคารก็ยังได้รับแสง ได้รับลม ได้ใกล้กับพื้นที่สีเขียวด้วย

หรือจะเป็นโครงการ Banyan Tree Residences Riverside Bangkok คอนโด High Rise ระดับ Super Luxury ที่มีจุดเด่นอยู่ที่ทำเลริมแม่น้ำเจ้าพระยา โครงการนี้ถึงแม้จะเป็นอาคารสูง แต่การออกแบบพื้นที่ใช้สอยภายในยังมีการคำนึงถึงการอยู่ร่วมกันกับธรรมชาติ และดึงเอาจุดเด่นของทำเลที่มีวิวแม่น้ำเจ้าพระยาเป็นสิ่งที่ให้ความสำคัญที่สุดในการออกแบบโครงการ

จะเห็นได้ว่าในการออกแบบตัวอาคารและห้องพักอาศัยนั้น ทุกห้องจะได้วิวเปิดกว้างไปยังแม่น้ำเจ้าพระยาทั้งหมด ในขณะที่พื้นที่ใช้สอยภายในก็มีขนาดที่กว้างขวาง เป็นโครงการที่เน้นห้องขนาดใหญ่และมียูนิตหลากหลาย สามารถอยู่กันได้เป็นครอบครัว

นอกจากวิวที่อยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา พื้นที่ใช้สอยที่มีขนาดใหญ่แล้ว ในเรื่องของ Location ที่ตรงกับแนวความคิดเรื่อง Life Connectivity ก็ถือว่าตอบโจทย์อยู่นะคะ เพราะทำเลคลองสานนี้ถือว่าเป็นทำเลที่มีทั้งความเก่าและความใหม่ผสมผสานกันอยู่ และยังเป็นทำเลที่สามารถเดินทางไปยังศูนย์รวมธุรกิจและสำนักงานอย่างย่านสาทรได้ไม่ไกล ในขณะที่ไปยังโซนเมืองเก่าอย่างย่านพระนครได้สะดวกเช่นกัน

สิ่งเหล่านี้ถือว่าเป็นสไตล์การออกแบบที่ Nirvana ตั้งโจทย์เอาไว้ให้กับตัวเองและเป็นเสมือน DNA ที่เราจะเห็นได้ในทุกโครงการของ Nirvana ค่ะ

Living Revolution

ในก้าวต่อไปของ Nirvana นอกจากอัตลักษณ์ในการออกแบบที่อยู่อาศัยในแบบฉบับของ Nirvana แล้ว Nirvana ได้มีแนวคิดเกี่ยวกับการนำนวัตกรรมเพื่อการอยู่อาศัยต่างๆมาผสมผสานในโครงการ ภายใต้แนวความคิดที่มีชื่อว่า Living Revolution โดยแนวคิดนี้สามารถแบ่งเป็น 2 ส่วนคือ

1 Modern Living Design หมายถึงบ้านที่ออกแบบใกล้ชิดกับธรรมชาติ (Natural Modern) มีทำเลที่สะดวกสบายในการเดินทาง (Life Connectivity) รูปลักษณ์ที่ดูทันสมัยตลอดเวลา (Timeless Design) แบบที่เล่าไปทั้งหมดก่อนหน้านี้

2 Modern Living Innovation เป็นการผสมผสานนวัตกรรมต่างๆเข้ามาใช้ในโครงการ เช่น

  • Convenience lifestyle – เนื่องจากโลกในปัจจุบันได้ก้าวเข้าสู่ยุค Digital เป็นที่เรียบร้อย ดังนั้นนอกจากตัวบ้านที่ออกแบบมาเเล้วยังมีการออกแบบตำแหน่งติดตั้ง Internet ความเร็วสูงที่สามารถเข้าถึงได้ทุกจุดภายในตัวบ้าน รองรับการใช้งานที่หลากหลายขึ้นในปัจจุบัน เช่นการนั่งทำงานที่บ้าน , ระบบ Smart TV และอุปกรณ์ต่างๆที่ต้องอาศัยสัญญาณ Wifi ในการใช้งานก็สามารถเลือกใช้ได้อย่างสะดวกสบาย

  • Eco & Health Concern – ในโครงการใหม่ของ Nirvana อย่าง Nirvana Beyond  พระราม 9 – กรุงเทพกรีฑา ได้มีการติดตั้งระบบ Air Control System ไว้ให้เพื่อสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีของผู้พักอาศัยในโครงการ สามารถกรองอากาศและฝุ่นละอองเช่น PM 2.5 ที่เป็นปัญหาใหม่ของคนในเมืองได้ นอกจากเรื่องอากาศแล้วยังได้วางระบบกรองน้ำประปาไว้ให้ เพื่อให้ได้น้ำที่มีคุณภาพและความสะอาดที่ดีใช้งานกันภายในบ้านด้วย และยังมีการติดตั้งระบบ Solar cell ไว้ภายในโครงการเพื่อผลิตไฟฟ้าใช้เองให้กับพื้นที่ส่วนกลางของโครงการค่ะ
  • Security for life – เป็นแนวคิดเรื่องความปลอดภัย ที่จะออกแบบแบ่งการเข้าถึงพื้นที่ต่างๆพื้นที่ออกเป็นโซนที่แตกต่างกัน สำหรับหัวข้อนี้อาจจะยังไม่เห็นชัดมากในโครงการบ้านจัดสรรที่มีความ Private อยู่แล้ว แต่เราอาจจะเห็นชัดขึ้นในอนาคตกับ Flagship Project ใหม่อย่าง Nirvana Township ที่จะเป็นโครงการ Mix-used มีทั้งส่วนที่เป็นที่อยู่อาศัย , Community mall , และอาคารสำนักงานรวมกัน ดังนั้นการออกแบบตั้งแต่ Lay-out ของโครงการเพื่อแยกโซนต่างๆจึงเป็นเรื่องสำคัญอีกเรื่องที่ควรคำนึงถึงในการออกแบบค่ะ
  • Privileges for family – เป็นอีกสิทธิประโยชน์ที่มีให้ผ่าน Application ที่คาดว่าจะเปิดให้ใช้งานกันในอนาคตค่ะ (ตอนนี้สำหรับผู้อยู่อาศัยที่โครงการ Banyan Tree Residences Riverside Bangkok เริ่มทดลองให้บริการในบาง Features กันไปแล้ว) ซึ่งตัว Application นี้จะเป็นเสมือน Concierge Services ให้กับลูกบ้าน เหมือนมี Assistant ส่วนตัว ติดต่อเช่ารถ เช่าเรือ จองตั๋วเครื่องบิน หรือเรื่องจิปาถะอย่าง Car Care , Laundry ให้เราได้ นอกจากนี้ยังมี Privilege อื่นๆที่ทาง Nivana ติดต่อกับเครืองบุญรอดเอาไว้ค่ะ

ทั้งหมดทั้งมวลนี้เราคาดว่าจะเห็นในโครงการใหม่ๆที่จะเกิดขึ้นอีกในปีนี้ของ Nirvana นะคะ แล้วเราคงต้องคอยตามดูกันต่อว่า ในอนาคตโครงการที่เกิดขึ้นจะมีหน้าตาเป็นอย่างไร และมีการออกแบบพื้นที่สนุกๆเพิ่มเติมอย่างไรกันบ้าง


ติดตามพวกเราได้ที่
Website : www.thinkofliving.com
Twitter : www.twitter.com/thinkofliving
YouTube : www.youtube.com/ThinkofLiving
Instagram : www.instagram.com/thinkofliving
Facebook : ThinkofLiving