…ตอนที่ซื้อคอนโดครั้งแรก หลายๆคนก็คงเลือกจาก “แปลนห้อง” ที่กั้นฟังก์ชันตอบโจทย์ Lifestyle ของเราในขณะนั้นมากที่สุดอยู่แล้วใช่มั้ยครับ แต่เมื่อเวลาเปลี่ยน ความต้องการและความจำเป็นต่างๆก็อาจเปลี่ยนไปได้เหมือนกันเนอะ

เช่น จากคนโสดเหงาๆที่เคยอยู่ห้องเล็กๆ วันนึงก็อาจมีแฟน และต้องการทุบผนังเชื่อมพื้นที่ให้กว้างขึ้นและมากพอสำหรับคนสองคน หรือบางคนก็มีลูกน้อยภายหลัง ซึ่งอาจไม่มีเงินซื้อบ้านใหม่ที่ใหญ่กว่านี้ แต่พื้นที่ห้องมีมากพอจะกั้นห้องเล็กๆเพิ่มได้ เป็นต้น

คำถามคือ …แล้วคอนโดสามารถ “ทุบผนัง” หรือ “กั้นห้อง” ใหม่ได้หรือไม่?

ซึ่งคำตอบก็คือ “มีทั้งโครงการที่ทำได้และทำไม่ได้” ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขและข้อกำหนดต่างๆของคอนโดแต่ละแห่งที่ไม่เหมือนกัน โดยเฉพาะเรื่องของโครงสร้าง งานระบบ และกฎระเบียบข้อบังคับของนิติโครงการนั้นๆ ซึ่งในบทความผมจะแบ่งเป็น 4 ประเด็นง่ายๆ ดังนี้

  1. ข้อจำกัดโครงสร้างอาคาร “4 ข้อ” ที่ต้องรู้ก่อนทุบ/ กั้นห้องใหม่
  2. ประเภทของผนัง มีอะไรบ้าง?
  3. การทุบหรือรื้อถอนผนัง มีค่าใช้จ่ายเท่าไหร่?
  4. สรุปขั้นตอนการขอตกแต่งคอนโด ต้องทำอย่างไร?


Credit: Kate Griffin / www.griffinrocks.com.au

คอนโดมิเนียมเป็น “ทรัพย์สินส่วนบุคคล” ของผู้ซื้อที่ถูกต้องตามกฎหมาย เช่นเดียวกับบ้านแนวราบทั่วๆไป ซึ่งหลายๆคนอาจคิดว่า “ถ้าอย่างงั้น…ฉันจะทำอะไรกับของๆฉันก็ได้ใช่มั้ย?” คำตอบคือ “ไม่เสมอไป”

เพราะคอนโดมิเนียมคืออาคารพักอาศัยรวม ที่ทุกคนอยู่อาศัยร่วมกันภายในตึกเดียวกัน ใช้ระบบโครงสร้างและฐานรากเดียวกัน การจะทำอะไรต่อโครงสร้างเหล่านั้น ก็ย่อมส่งผลกระทบต่อส่วนรวมหรือห้องอื่นๆอย่างแน่นอน ดังนั้นการปรึกษานิติและช่างประจำโครงการ รวมถึงขอผังโครงสร้างห้องมาดูด้วยนั้น จึงถือเป็นเรื่องที่สำคัญมาก เพราะมีสิ่งที่ต้องระวังอยู่ 4 เรื่อง ดังนี้

เสาหรือผนังโครงสร้างรับน้ำหนัก

อาคารพักอาศัยอย่างคอนโดมิเนียม จะมีเสาอยู่ตามตำแหน่งต่างๆของอาคาร (สังเกตง่ายๆคือ เค้าจะมีความหนามากกว่า 10 cm.) ทำหน้าที่รับน้ำหนักตั้งแต่ชั้นบนไปจนถึงชั้นล่าง และถ่ายเทน้ำหนักลงสู่เสาเข็มใต้ดิน โดยเสาเหล่านี้อาจไม่ได้มีอยู่ภายในห้องทุกห้อง (ขึ้นอยู่กับตำแหน่งที่เลือกในชั้นนั้นๆ) ซึ่งถ้าห้องไหนที่มีเสาแบบนี้โผล่มาจากผนังล่ะก็ เราไม่ควรที่จะทุบหรือเจาะเยอะๆจนเกิดความเสียหายนะครับ ดีไม่ดีอาจทำให้โครงสร้างเสียสมดุล จนอาคารทรุดหรือพังลงมาทั้งตึกได้เลย

และถึงแม้ว่าเราอาจมองไม่เห็นเสาภายในห้องเลยก็จริง แต่ก็ใช่ว่าผนังนั้นๆจะไม่ใช่ผนังรับน้ำหนักเสมอไป เพราะเดี๋ยวนี้ Developer มักนิยมใช้ระบบโครงสร้างแบบ Precast ที่เป็นผนังรับน้ำหนักสำเร็จรูปจากโรงงานกันเยอะขึ้น จึงทำให้สามารถก่อสร้างอาคารได้โดยไม่ต้องมีเสายื่นออกมาจากผนังให้กวนใจ สามารถจัดเฟอร์นิเจอร์ได้ง่ายขึ้น บางทีเค้าก็ใช้วิธีซ่อนเสาแบบเนียนๆไปกับผนังก็ได้ หรือตำแหน่งห้องของเราอาจอยู่ติดกับลิฟต์และสระว่ายน้ำก็มีครับ

ถามว่าเสาหรือผนังเหล่านี้ทุบ/เจาะได้มั้ย? คำตอบคือ…เราสามารถเจาะผนังเพื่อแขวนกรอบรูปหรือนาฬิกาเล็กๆน้อยๆได้ครับ แต่ไม่ควรทุบหรือรื้อผนังส่วนนั้นทิ้งไป เพราะจะกระทบกับโครงสร้างอย่างที่บอกนั่นเอง

ช่องชาร์ปหรือช่องงานระบบต่างๆ

ลักษณะจะเป็นช่องสี่เหลี่ยมเล็กๆ ที่มักจะอยู่ใกล้กับส่วนครัวหรือห้องน้ำที่ติดกับโถงทางเดินหน้าห้อง และเป็นอีกหนึ่งส่วนสำคัญที่ห้องพักหลายๆห้องจะต้องใช้งานร่วมกัน (โดยเฉพาะห้องที่อยู่ในตำแหน่งเดียวกันของแต่ละชั้น) เนื่องจากพวกท่อประปา “ท่อน้ำดี-ท่อน้ำเสีย” มักจะเดินงานระบบจากชั้นบนลงสู่ชั้นล่างเป็นแนวดิ่ง

ซึ่งหากเราไปกระทบเช่น เจาะผนังหรือทุบกำแพงจนไปโดนท่อน้ำ ก็อาจทำให้เกิดน้ำรั่วหรือท่อแตกได้เช่นกัน ซึ่งไม่ใช่แค่ห้องเราเองนะครับที่เดือดร้อน แต่ห้องอื่นๆที่ใช้ท่อน้ำเส้นเดียวกับเราย่อมได้รับผลกระทบด้วยเหมือนกัน เช่น แรงดันน้ำไม่พอ เกิดการรั่วซึมเข้าห้องอื่น เกิดเชื้อราในผนัง เป็นต้น

Credit: Getty Images/PhotoAlto

สายไฟและท่อน้ำที่ซ่อนอยู่ในผนัง

เป็นเรื่องของงานระบบเช่นเดียวกับช่องชาร์ปครับ แต่คราวนี้จะไม่ได้มีอยู่เพียงตำแหน่งเดียวของห้องแล้วเท่านั้น แต่จะกระจายไปอยู่ในตำแหน่งต่างๆ และเป็นสิ่งที่ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า เพราะงานระบบเหล่านี้ เค้ามักจะซ่อนอยู่ในผนังอีกที

ซึ่งการทุบ/เจาะโดยไม่รู้ตำแหน่งของเส้นทางการเดินงานระบบที่แน่นอนนั้น จะก่อให้เกิดอันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สินได้ เช่น อาจเจาะไปโดนแนวสายไฟที่ฝังอยู่ในผนัง จนไฟช็อตบาดเจ็บ/เสียชีวิต เป็นต้น

ดังนั้นเราควรขอแผนผังงานระบบจากโครงการ เพื่อดูแนวเส้นทางของการเดินสายไฟในผนัง และหลีกเลี่ยงการเจาะในบริเวณนั้นๆ หรือให้ช่างประจำอาคารมาชี้จุดหรือทำให้เลยจะดีกว่าครับ แต่ที่สำคัญคือ อย่าลืมตัดไฟในบริเวณโซนที่เราต้องการจะเจาะเอาไว้ด้วยครับ เพราะปกติเบรคเกอร์ของคอนโดสามารถเลือกโซน ที่จะเปิด-ปิดไฟโดยแยกเป็นฟังก์ชันได้นั่นเอง (กันไว้ดีกว่าแก้)

อย่าเจาะจนทะลุไปห้องข้างๆ

ผนังห้องปกติจะมีความหนาอยู่ที่ 10 cm. โดยจะกั้นอยู่ตรงกลาง(ของเส้นแบ่งโฉนด)ระหว่างห้อง 2 ห้อง (กรณีเดียวกับรั้วบ้านแนวราบเลย) ทำให้ผนังห้องที่เราเป็นเจ้าของอยู่จริงๆแล้ว จะลึกเพียงด้านละ 5 cm. เท่านั้นครับ ดังนั้นเราจึงไม่ควรทุบ/เจาะผนังห้องลึกเกินจนไปทะลุถึงอีกฝั่ง และสร้างความเสียหายต่อทรัพย์สินของเพื่อนบ้านนะครับ


Credit: Kate Griffin / www.griffinrocks.com.au

สำหรับคอนโดมิเนียมในปัจจุบัน ถ้าเป็น “ผนังส่วนที่ติดกับภายนอกอาคาร” ส่วนใหญ่จะเป็นผนังคอนกรีตสำเร็จรูป (Precast) แต่ถ้าเป็น “ผนังที่กั้นระหว่างยูนิต” ของเรากับเพื่อนบ้านห้องข้างๆ จะมีทั้งแบบ Precast และแบบก่ออิฐฉาบปูนครับ ซึ่งก็มีบางเคสที่มีคนซื้อห้อง 2 ห้องที่อยู่ติดกัน แล้วต้องการทุบเชื่อมผนังให้กลายเป็นห้องใหญ่ห้องเดียวได้ด้วยนะ

นั่นเป็นเพราะผนังส่วนนั้นไม่ใช่ผนังรับน้ำหนัก ที่จะส่งผลต่อโครงสร้างของอาคาร ซึ่งบางครั้งจะมีการทำข้อตกลงกับโครงการ เช่น สั่งทำการเชื่อมห้องพิเศษตอนก่อนที่อาคารจะก่อสร้าง/กั้นห้องไปแล้ว หรือโครงการนั้นๆอาจมีการวางโครงสร้าง ไว้รองรับการปรับเปลี่ยนและเชื่อมห้องแบบนี้อยู่ก่อนแล้ว เป็นต้น เพราะถ้าเรามาทำเองทีหลัง เวลาทุบหรือสกัดผนังออกก็อาจเกิดแรงสั่นสะเทือน กระทบกับโครงสร้างอื่นๆได้เช่นกันครับ

แต่ผนังที่เราจะมาโฟกัสกันในวันนี้คือ “ผนังที่กั้นฟังก์ชันภายในห้อง” ซึ่งมีค่อนข้างหลากหลายเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นผนัง Precast, ผนังก่ออิฐฉาบปูน, ผนังเบา และผนังกระจก ซึ่งเราควรทำความเข้าใจธรรมชาติ และข้อจำกัดของผนังแต่ะละชนิดก่อน เพื่อที่เราจะได้รู้ว่าผนังชนิดไหนสามารถทุบ/เจาะได้บ้าง หรือเราควรจะเลือกใช้ผนังแบบไหนกั้นห้อง จึงจะเหมาะสมกับการใช้งานมากที่สุดนั่นเองครับ

1. ผนังคอนกรีตสำเร็จรูประบบอัตโนมัติ หรือ พรีคาสท์ (Precast)

เป็นวัสดุตัวเลือกอันดับต้นๆ สำหรับการก่อสร้างที่อยู่อาศัยในสมัยใหม่ เพราะสามารถลดปัญหาที่เกิดจากการก่อสร้างบ้านแบบสมัยก่อนได้ดี เนื่องจาก Precast เป็นผนังสำเร็จรูปที่ได้มาตรฐานมาจากโรงงาน ตัวผนังจะเรียบและแข็งแรงทนทานเท่ากันดีทั้งผืน (ไม่เหมือนกับการที่ช่างมาก่อผนังหน้างานเองเหมือนเมื่อก่อน ซึ่งผนังแต่ละด้านก็อาจมีคุณภาพที่ไม่เท่ากัน)

สำหรับระบบ Precast มักจะเกิดปัญหาการรั่วซึมบริเวณรอยต่อ ของแผ่นผนังสำเร็จรูปเป็นส่วนใหญ่ (ไม่ค่อยเกิดจากกลางผนังเหมือนการก่ออิฐฉาบปูน) ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับคุณภาพของช่างหน้างานแล้วล่ะครับว่าจะอุดรอยต่อให้ได้ดีแค่ไหน และสำหรับคอนโดที่ใช้ผนัง Precast ในการกั้นห้องภายในด้วย กรณีนี้จะไม่สามารถทุบผนังได้เลย เพราะการสร้างด้วยระบบนี้จะเป็นการใช้ผนัง Precast รับน้ำหนักโครงสร้างอาคาร (แต่ยังพอที่จะสามารถเจาะผนังเพื่อแขวนอะไรเล็กๆน้อยๆได้อยู่บ้างครับ)

ข้อดี : มีความแข็งแรงทนทานเหมือนกับผนังก่ออิฐ แถมยังสามารถติดตั้งได้เร็วกว่า จึงเป็นที่นิยมกันมากในคอนโดยุคปัจจุบัน

ข้อเสีย : ไม่สามารถทุบออกได้ เพราะเป็นผนังรับน้ำหนักที่ส่งผลต่อโครงสร้างอาคาร รวมถึงเราจะดัดแปลง เจาะ หรือต่อเติมได้ยาก เพราะผนังคอนกรีตเสริมเหล็กมีความแข็งของตัววัสดุมากๆ จึงเจาะเข้าได้ยากสุดๆ แต่ก็ยังสามารถตกแต่งผิวหน้าได้โดยใช้กระเบื้องติดผนังเช่นเดียวกับผนังก่ออิฐ

2. ผนังก่ออิฐฉาบปูน

ข้อดี : เป็นผนังที่มีความคงทนแข็งแรง ง่ายต่อการยึดเจาะ แขวนสิ่งของต่างๆ ซึ่งช่างฝีมือทั่วไปก็สามารถทำได้

ข้อเสีย : มีน้ำหนักที่มาก ทำให้ต้องก่อผนังตามแนวที่มีคานรองรับเท่านั้น  และจำเป็นต้องใช้เวลาในการก่อสร้างมากกว่าแบบ Precast จึงไม่เป็นที่นิยมในการก่อสร้างคอนโดเท่าไหร่นัก แต่สามารถพบเห็นได้ในคอนโด Low Rise ของผู้ประกอบการรายย่อยอยู่บ้าง เพราะระบบโครงสร้างแบบ Precast ค่อนข้างใช้ต้นทุนที่สูง แลกกับความรวดเร็วในการผลิตนั่นเองครับ

สำหรับวัสดุที่ใช้ก่อมีให้เลือกตั้งแต่อิฐมอญ อิฐมวลเบา ซีเมนต์บล็อก อิฐขาว โดยวัสดุแต่ละชนิดก็จะมีความแข็งแรง มีน้ำหนัก และการป้องกันความร้อนที่ต่างกัน ซึ่งคอนโดส่วนใหญ่ในปัจจุบันนี้จะนิยมเลือกใช้อิฐขาวกันมากขึ้น เพราะจะเกิดร้าวหลังการฉาบน้อยกว่าวัสดุอื่นๆ

เนื่องจากมีค่าการดูดซึมน้ำที่ประมาณ 19% น้อยกว่าอิฐชนิดอื่นมีสูงถึง 30% และมีคุณสมบัติในการนำความร้อนต่ำ ทำให้ตัวผนังที่ก่อด้วยอิฐขาวมีการป้องกันความร้อนได้ดี แต่ไม่ว่าโครงการจะเลือกใช้อิฐชนิดไหน ผนังลักษณะนี้ก็เป็นผนังที่เราสามารถเจาะ ทุบ หรือต่อเติมได้ค่อนข้างสะดวกกว่าระบบ Precast อยู่ดีครับ

3. ผนังเบา

คือผนังพวกสมาร์ทบอร์ดต่างๆ ที่หลายๆคนนิยมใช้สำหรับการกั้นห้องหรือต่อเติมบ้าน โดยจะใช้โครงคร่าวไม้ อะลูมิเนียม หรือเหล็ก ในการขึ้นเป็นโครงผนังหลัก แล้วปิดทับด้วยบอร์ดผนัง ซึ่งวัสดุที่นิยมใช้เป็นบอร์ดสำหรับผนังเบาก็คือ ไฟเบอร์ซีเมนต์ ไม้อัดซีเมนต์ และยิปซั่มบอร์ด โดยลักษณะที่เห็นภายนอกจะไม่ต่างกับการก่อกำแพงด้วยปูนซีเมนต์เลยครับ

ข้อดี : มีน้ำหนักเบา ทำให้โครงสร้างไม่ต้องรับน้ำหนักเยอะ จึงไม่จำเป็นที่ต้องมีคานรองรับเหมือนการก่ออิฐฉาบปูน แถมยังติดตั้งได้ง่าย จึงเป็นทางเลือกที่ดีในการต่อเติมห้อง และยังเหมาะกับการต่อเติมในคอนโดที่เปลี่ยนแปลงโครงสร้างได้ยาก ซึ่งหลายครั้งก็ไม่ได้มีคานมารองรับให้เราก่อผนังอิฐได้นั่นเองครับ

ข้อเสีย : มีความแข็งแรงทนทานน้อยกว่าผนังชนิดอื่น รวมถึงการกันเสียงก็ทำได้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก และถ้าหากอยากจะเจาะรูแขวนของต่างๆ ก็สามารถทำได้ง่ายเช่นกันครับ แต่จะมีเรื่องที่ต้องระวัง 2 หัวข้อหลักๆ ดังนี้

1. การรับน้ำหนักของผนัง : ในกรณีที่ต้องการจะแขวนของหนัก เช่น โทรทัศน์ หรือต้องการจะ Built-in ตู้ลอย ต้องคำนึกถึงโครงสร้างภายในของผนังเบา และควรเสริมโครงคร่าวให้ถี่ขึ้น เช่น จากเดิมโครงคร่าวมีขนาดห่างกัน 60 cm. ควรเปลี่ยนเป็น 40 หรือ 30 cm. และควรยึดสิ่งที่แขวนกับโครงคร่าว หรือมีแผ่นไม้ใหญ่ๆมารองรับอยู่ด้านใน (ไม่ควรยึดกับแผ่นพื้นผิวของบอร์ดอย่างเดียว)

2. จุดที่ต้องระวังในการเจาะ : คือ ช่วงระหว่างรอยต่อของแผ่นบอร์ด เพราะเป็นจุดที่เกิดการแตกร้าวได้ง่ายที่สุด ซึ่งเกิดขึ้นจากหลายสาเหตุด้วยกัน เช่น การยืดหดตัวของแผ่นบอร์ด การทรุดตัวของโครงสร้าง และการกระทบกระเทือนจากแรงภายนอก ทั้งนี้ก็ควรฉาบด้วยอะคริลิคฉาบบาง เช่น Acrylic Sealant หรือ Wall Putty ที่มีคุณสมบัติยืดหยุ่นสูง ช่วยยึดเกาะได้ดี หากต่อแผ่นบอร์ดแบบเว้นร่องควรยิงยาแนวด้วยโพลียูริเทนซิลแลนท์ (PU Sealant) เป็นต้นครับ

4. ผนังกระจก

ข้อดี : มีความโปร่งใส เหมาะกับห้องที่มีขนาดเล็ก หรือห้องที่อยากกั้นฟังก์ชันให้เป็นสัดส่วนมากขึ้น แต่ยังคงต้องการแสงธรรมชาติและความโปร่งโล่งอยู่ เป็นที่นิยมอย่างมากสำหรับคอนโดที่มีพื้นที่จำกัด รวมถึงสามารถติดตั้งและรื้อถอนได้ง่ายอีกด้วย เพราะมีน้ำหนักเบาและไม่ต้องมีคานหรือเสาโครงสร้างมารองรับ

ข้อเสีย : ในเรื่องความมิดชิดและเป็นส่วนตัวจะน้อยกว่าผนังชนิดอื่น และเราไม่สามารถเจาะเพื่อแขวนของได้เลย รวมถึงต้องคอยเช็ดทำความสะอาดบ่อยๆด้วยครับ ไม่ว่าจะเป็นตัวรางหรือกระจก เพราะเวลามีฝุ่นเกาะจะมองเห็นได้ค่อนข้างง่าย

ผนังแต่ละประเภทมีคุณสมบัติและความเหมาะสมที่แตกต่างกันไป สำหรับผนัง Precast จะเป็นผนังชนิดเดียวที่เราไม่สามารถทุบออกได้เลย แถมยังเจาะยากสุดๆอีกด้วย ส่วนผนังก่ออิฐฉาบปูนที่นิยมใช้ตามบ้านแนวราบทั่วไป ก็อาจไม่ได้เหมาะกับคอนโดมิเนียมเท่าไหร่นัก เพราะปกติตามโครงการต่างๆ ก็ไม่ได้ทำแนวเสาคานมารองรับการก่อผนังเพิ่มอยู่แล้ว แต่เรายังสามารถทุบหรือเจาะผนังของเดิมได้ง่ายอยู่ครับ

และสำหรับผนังที่นิยมต่อเติมในคอนโดกันมากที่สุดก็คือ ผนังเบาและผนังกระจก ซึ่งสามารถติดตั้ง/รื้อถอนได้ง่าย แต่ก็มีข้อจำกัดเล็กๆน้อยๆที่ต้องระวังคือ การเจาะยึดและการรับน้ำหนักต่างๆ โดยผนังเบาเราจะต้องยึดเฉพาะจุดที่มีโครงคร่าวด้านในเท่านั้น ส่วนผนังกระจกจะเจาะยึดไม่ได้เลยก็จริง แต่จะมีความโปร่งโล่งมาแทนครับ


Credit: Kate Griffin / www.griffinrocks.com.au

เมื่อเรากำหนดได้แล้วว่าสามารถทุบผนังส่วนใดได้บ้าง ขั้นต่อมาเราก็ต้อง “หาช่างมาทุบผนัง” ใช่มั้ยครับ โดยราคาก็จะแตกต่างกันออกไปในแต่ละเจ้า และวัสดุแต่ละชนิดก็จะมีค่าแรงที่ไม่เท่ากันด้วย (ขึ้นอยู่กับความยาก-ง่าย) ซึ่งส่วนใหญ่เค้าจะคิดเป็นราคาเหมา (รวมค่าแรงและค่าขนย้าย)

โดยเราสามารถเช็คราคาเบื้องต้นคร่าวๆด้วยตัวเองก่อนได้ครับ ว่าเราจะต้องใช้เงินเท่าไหร่ ซึ่งจะมี “ราคากลาง” ของกรมบัญชีกลาง ในหมวดหมู่ของ “งานรื้อถอน” กำหนดราคาเอาไว้ดังนี้

ขอบคุณภาพประกอบจาก SCG

Tips : จากตารางค่ารื้อถอนด้านบน มีใครสงสัยเหมือนผมครับว่า “การก่ออิฐแบบครึ่งแผ่น” กับ “การก่ออิฐแบบเต็มแผ่น” คืออะไร?

  • การก่ออิฐแบบครึ่งแผ่น : คือ ผนังที่มีการก่ออิฐที่วางแผ่นอิฐมอญตามความยาวของผนัง ทำให้ผนังนั้นๆจะมีความหนาเป็นปกติที่เราเห็นกันโดยทั่วไปคือ เมื่อฉาบปูนเสร็จแล้ว จะหนาประมาณ 10 cm.
  • การก่ออิฐแบบเต็มแผ่น : คือ ผนังที่มีการก่ออิฐที่วางแผ่นอิฐมอญตามขวางของผนัง ทำให้ผนังนั้นจะมีความหนามากกว่าปกติ เมื่อฉาบปูนแล้วผนังนั้นอาจจะหนาประมาณ 15 – 20 cm. ข้อดีคือตัวผนังจะกลายเป็นฉนวนในการช่วยป้องเรื่องกันเสียง ความร้อน และความชื้นได้เป็นอย่างดี แต่ก็แลกมากับราคาค่าก่อสร้าง และน้ำหนักที่โครงสร้างจะต้องแบกรับเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกันครับ

Case study: สมมุติว่าเดิมห้อง 1 Bedroom Plus ของเราเคยทำห้องอเนกประสงค์เป็น Walk in closet เอาไว้อยู่แล้ว แต่วันนึงเราอยากนำผนังห้องตรงกลางออก เพื่อเชื่อมห้องนอนให้กลายเป็นห้องใหญ่และมีพื้นที่ใช้สอยที่กว้างขวางมากขึ้น ซึ่งมีรายละเอียดดังต่อไปนี้

  • ประเภทของผนัง = ผนังยิปซั่มบอร์ดพร้อมโครงคร่าว และ ประตูกระจกกรอบอลูมิเนียม
  • ขนาดพื้นที่ประตูกระจกกรอบอลูมิเนียม = 1 x 2.4 ม. = 2.4 ตร.ม.
  • ค่ารื้อถอนประตูกระจกกรอบอลูมิเนียม = 150 บาท/ตร.ม. x 2.4 ตร.ม. = 360 บาท
  • ขนาดพื้นที่ผนังยิปซั่มบอร์ดพร้อมโครงคร่าว = 3 x 2.4 ม. = 7.2 ตร.ม.
  • ค่ารื้อถอนผนังยิปซั่มบอร์ดพร้อมโครงคร่าว = 30 บาท/ตร.ม. x 7.2 ตร.ม. = 216 บาท
  • ค่ารื้อถอนทั้งหมด = 360 + 216 = 576 บาท

ปล.ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลงมากกว่านี้ได้ ขึ้นอยู่กับสภาพหน้างาน ราคารับเหมาของช่าง และค่าวัสดุอื่นๆที่อาจแฝงอยู่ เช่น งานระบบไฟ งานเก็บพื้นและฝ้า เป็นต้น


Credit: Getty Images/Westend61

อย่างที่บอกไปในตอนแรกแล้วว่า คอนโดมิเนียมเป็นอาคารพักอาศัยรวม ซึ่งบางโครงการเราอาจต้องอยู่ร่วมกับเพื่อนบ้านอีกเป็นร้อยเป็นพันยูนิต การจะทุบ เจาะ หรือ Built in ภายในห้องแต่ละครั้ง ย่อมส่งผลกระทบต่อเพื่อนบ้านห้องอื่นๆแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเสียง หรือแรงสั่นสะเทือนต่างๆ ดังนั้นนิติคอนโดแต่ละแห่งจึงจะมีขั้นตอนและกฎระเบียบต่างๆ เพื่อดูแลความเรียบร้อยของลูกบ้านทุกคน ซึ่งเราลองมาดูกันครับว่าจะต้องทำอย่างไรบ้าง

1.) เจ้าของห้องต้องแจ้งต่อนิติบุคคลว่าต้องการต่อเติมห้อง

2.) ขอผังงานโครงสร้างและงานระบบของห้องพัก เพื่อดูว่าพื้นที่ตรงไหนสามารถเจาะได้ ทุบได้ ซึ่งส่วนใหญ่แล้วหากมีการทุบผนังเดิมของอาคารเกิดขึ้น โครงการจะถือว่าห้องพักนั้นหมดประกันโครงสร้างไปด้วยนะครับ ก็ต้องลองชั่งใจให้ดีก่อนที่จะตัดสินใจทุบว่า ถ้าเกิดเหตุผิดพลาดอะไรขึ้น เราจะต้องเป็นผู้ซ่อมผนังห้องเองนะ แล้วเรามีงบประมาณมากพอที่จะรับมือกับเหตุการณ์แบบนั้นได้หรือไม่

3.) สอบถามเรื่องขอบเขตการตกแต่งภายใน เช่น 

  • ห้ามวางสิ่งของหนักมากกว่า 200 กก / ตร.ม. 
  • ห้ามเจาะเพดานเพื่อเดินท่อแขวนโคมไฟที่มีน้ำหนักมาก 
  • ห้ามดัดแปลงท่อน้ำ 
  • ห้ามเปลี่ยนแปลงผนังภายนอก 
  • ห้ามเปลี่ยนตำแหน่งประตู 
  • ห้ามติดตั้งเครื่องปรับอากาศแบบ Split Type เพิ่ม

4.) ยื่นแบบตกแต่ง 15 วันก่อน ซึ่งแปลนที่ต้องส่งให้ทางโครงการก็จะประกอบด้วย แบบแปลนตกแต่งภายใน, แบบแปลนตกแต่งผนัง/พื้น, แบบแปลนงานไฟฟ้า แสดงปริมาณกระแสไฟที่ใช้, แบบแปลนงานระบบ >>> จากนั้นก็รออนุมัติ

5.) วางเงินค้ำประกัน จะเป็นจำนวนเท่าไหร่ก็ขึ้นอยู่กับแต่ละโครงการ ซึ่งเงินในส่วนนี้เป็นเงินที่ทางโครงการจะเก็บไว้ เผื่อในกรณีที่ช่างของเราทำพื้นที่ส่วนกลางเสียหาย และเงินส่วนนี้ก็เผื่อไว้ใช้หักเป็นค่าน้ำ/ค่าไฟ ที่มาใช้ในการตกแต่งด้วยเช่นกัน แต่หลายๆ ที่ก็มีข้อยกเว้น เช่น หากตกแต่งไม่ถึง 10 วัน ก็ไม่ต้องเสียค่าน้ำ/ค่าไฟ เป็นต้นครับ


…จบแล้วนะครับกับบทความเรื่อง “อยากทุบผนัง/กั้นห้องคอนโดใหม่ ทำได้หรือไม่?” สำหรับใครที่อ่านจนจบมาถึงตรงนี้ ผมคิดว่าคงจะได้คำตอบกันแล้วนะครับ ว่าห้องคอนโดของเราสามารถทุบผนังได้หรือไม่ได้ และควรใช้ผนังอะไรในการต่อเติม เพื่อเปลี่ยนแปลงฟังก์ชันห้องเดิมๆ ให้ตอบโจทย์ Lifestyle การอยู่อาศัยของเรามากที่สุดนั่นเอง และคราวหน้า ThinkofLiving จะมีบทความดีๆอะไรมาฝากกันอีก อย่าลืมติดตามกันด้วยนะ


ติดตามพวกเราได้ที่
Website : www.thinkofliving.com
Twitter : www.twitter.com/thinkofliving
YouTube : www.youtube.com/ThinkofLiving
Instagram : www.instagram.com/thinkofliving
Facebook : ThinkofLiving