รีวิวฉบับที่ 1404 … สวัสดีค่ะ วันนี้ฤกษ์ดีได้เวลาส่งการบ้าน กับรีวิวคอนโดที่เปิดตัวไปเมื่อต้นปีอย่างโครงการ Lumpini Suite เพชรบุรี – มักกะสัน เป็นคอนโดระดับบนของลุมพินีที่มาในแบรนด์ “สวีท” เป็นคอนโด High Rise สูง 35 ชั้น 1 อาคาร ตัวโครงการอยู่ติดถนนเพชรบุรีตัดใหม่ ห่าง MRT เพชรบุรีประมาณ 900 ม. ขนาดห้องกระทัดรัดจึงมีราคา Package ต่อห้องที่หยิบจับง่ายสุดในทำเลเดียวกัน โครงการจะเป็นอย่างไรไปชมกันเลยค่ะ
Fact @ 13 January 2017
- Lumpini Suite Petchburi-makkasan (ลุมพินี สวีท เพชรบุรี-มักกะสัน)
- บริษัท แอล.พี.เอ็น ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน)
- UPPER-HIGH CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
- โครงการตั้งอยู่ในเขต : ราชเทวี
- คอนโด High Rise 35 ชั้น 1 อาคาร 636 ยูนิต
- ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 25 ยูนิต
- ที่จอดรถประมาณ 40 % ไม่รวมจอดซ้อนคัน
- ที่ดินประมาณ 3-0-71.1 ไร่
- คาดว่าเริ่มก่อสร้าง : เมษายน 2560
- คาดว่าจะแล้วเสร็จ : ปลายปี 2561
- Studio 23 ตร.ม.
- 1 Bedroom 27-33 ตร.ม.
- 2 Bedrooms 34.5-61 ตร.ม.
- ฝ้าเพดานสูง 2.6 เมตร
- ราคาห้องเริ่มต้น 3.5 ล้านบาท (ณ วันที่ 11 สิงหาคม 2560)
- ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรทั้งโครงการ 140,000 บาท/ตร.ม.
- ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรต่ำสุด-สูงสุด n/a-n/a บาท/ตร.ม.
- EIA (การประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม) : อยู่ระหว่างดำเนินการ
- เวปไซต์โครงการ : คลิกที่นี่
- โทร : 02-689-6888
เพียงแค่การกด Like ก็เท่ากับการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจาก Think of Living แล้วค่ะ
สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างค่ะ
พิกัด : 13.750081, 100.555325
แผนที่จากทางโครงการลุมพินี สวีท เพชรบุรี-มักกะสัน ตัวโครงการตั้งอยู่ถนนเพชรบุรี อยู่ไม่ไกลจาก MRT เพชรบุรี ที่ระยะทางประมาณ 900 เมตร มีระบบคมนาคมครบทั้งทางด่วน ทั้ง Airport Link มักกะสัน หรือข้ามถนนเพชรบุรีไปยังท่าเรือนานาเหนือ เป็นเรือด่วนสัญจรในคลองแสนแสบ หรือจะเข้าเมืองโดยใช้ซอยสุขุมวิท 3 (นานา) ก็ถือว่าสะดวกมาก ทำเลโครงการนี้เป็นย่านอาคารสำนักงาน เพราะอยู่ตรงกลางระหว่างแยกอโศกสุขุมวิท กับ แยกรัชดาตัดพระราม 9 ซึ่งพื้นที่ในย่านนี้จะหนาแน่นไปด้วยสำนักงาน, Commercial Building และคอนโดมิเนียม High Rise ที่เกิดขึ้นมากมาย จนราคาที่พักอาศัยในย่านเพชรบุรีนี้ปรับขึ้นไปตามศักยภาพของพื้นที่ที่กำลังเติบโตค่ะ
ที่ตั้งของโครงการจัดว่าอยู่ในย่านชุมชนใกล้ Prime Area อย่างย่านอโศก, พระราม 9 มีเส้นทางการจราจรเข้าถึงได้จากหลากหลายเส้นทาง หรือจะไปยังที่ต่างๆได้หลากหลายเช่นกัน เริ่มจากถ้าเลี้ยวซ้ายออกจากโครงการก็สามารถไปแยก อโศก-เพชรบุรี วิ่งตรงไปออกพัฒนาการ หรือจะไปบางนาก็ใช้ได้ทั้งเส้นสุขุมวิทและเพชรบุรี หรือถ้าจะไปทางแยกมิตรสัมพันธ์ก็ออกไปกลับรถบริเวณใกล้แยกอโศก-เพชรบุรี เพื่ออยู่ฝั่งมุ่งหน้าไปพญาไท พอกลับรถแล้วตรงมาเรื่อยๆ จะไปเลี้ยวเข้าซอยนานา ถนนวิทยุหรือชิดลม เพื่อเข้าสู่ย่านกลางเมืองสุขุมวิท หรือตัดเข้าเส้นพระรามเก้า เพื่อไปรัชดาภิเษกก็สะดวกดี แต่หากเลี้ยวซ้ายออกจากโครงการก็สามารถไป อโศก-เพชรบุรี วิ่งตรงไปออกพัฒนาการ หรือจะไปบางนาก็ใช้ได้ทั้งเส้นสุขุมวิทและเพชรบุรี มีทางด่วนให้ขึ้นใกล้ๆ กับแยกวิทยุ-เพชรบุรี อีกทั้งมีท่าเรือนานาเหนือ ให้เลือกใช้หากไม่ต้องการใช้รถค่ะ
สำหรับการเข้าออกโครงการ เนื่องจากถนนด้านหน้าโครงการเป็นถนน 7 เลน คือ วิ่งมุ่งหน้าประตูน้ำ 3 เลน วิ่งมุ่งหน้าอโศก 4 เลน ถ้าขับรถมาจากทางอโศกจะไม่สามารถเลี้ยวตัดถนน 4 เลนเข้าโครงการได้โดยตรง วิธีการคือ ถ้าขับรถมาจากทางอโศกเมื่อถึงแยกอโศก-เพชรบุรี ให้เลี้ยวขวา เข้าถนนอโศกมนตรี แล้วมาเลี้ยวซ้ายเข้าถนนกำแพงเพชร 7 วิ่งผ่าน Airport Link มักกะสัน แล้วมาเลี้ยวซ้ายเข้าถนนนิคม-มักกะสัน ถึงสี่แยกมิตรสัมพันธ์ให้เลี้ยวซ้ายอีกครั้ง เพื่อเข้าสู่ถนนเพชรบุรีแล้วเลี้ยวซ้ายเข้าโครงการ (ตามเส้นทางสีชมพู)
หรือกรณีถ้าวิ่งออกจากโครงการจะไปทางแยกมิตรสัมพันธ์หรือซอยสุขุมวิท 3 (นานา) เมื่อเลี้ยวซ้ายออกจากโครงการต้องไปกลับที่จุดกลับรถตรงสี่แยกเพชรบุรี-อโศก ไม่แนะนำให้เลี้ยวตัดเพราะเป็นถนน 4 เลน และอาจจะผิดกฏจราจรได้ค่ะ (ตามเส้นทางสีเขียว)
นอกจากเส้นทางรถยนต์ ก็จะมีตัวช่วยในการเดินทางอย่างรถไฟฟ้า ซึ่งสถานีที่ใกล้โครงการที่สุด คือ รถไฟใต้ดิน MRT สถานีเพชรบุรี มีระยะห่างจากโครงการประมาณ 900 ม. ซึ่งโครงการมีบริการ Shuttle Bus รับส่งที่สถานีรถไฟฟ้าด้วยนะคะ แต่จะเสียค่าใช้จ่ายเท่าไหร่ก็คงต้องรอดูกันอีกทีค่ะ แต่ถ้าไม่ไป Shuttle Bus ก็อาศัยเรียกพี่วินไปส่งที่สถานีได้ ให้ออกมาเรียกพี่วินแถวหน้าปากซอยเพชรบุรี 39 สนน.ราคาที่ 20 บาทค่ะ และถ้าเดินเลยไปจากรถไฟใต้ดินไปอีก 400 ม. จะเป็น รถไฟฟ้า Airport Link สถานีมักกะสัน ถ้าใครจะไปแถวรามคำแหง หรือสนามบินสุวรรณภูมิก็มาใช้ Airport Link ได้เลยไม่ต้องกลัวรถติดค่ะ หรือหากต้องการใช้รถไฟฟ้า BTS สถานีนานาเป็นสถานีที่ใกล้ที่สุด อยู่ห่างจากโครงการประมาณ 1.2 กม. ซึ่งไกลเกินระยะเดินก็สามารถเรียกพี่วินไปส่งได้อีกเช่นกัน ราคาประมาณ 30-40 บาท ให้ไปส่งโดยใช้เส้นทางซอยสุขุมวิท 3 (นานา) จะสะดวกที่สุดค่ะ
นอกจากนี้ยังมีตัวช่วยในการเดินอย่างทางด่วน ซึ่งจากโครงการจะใกล้ทางพิเศษ 2 เส้นทาง ทั้งทางพิเศษเฉลิมมหานครและทางพิเศษศรีรัช ดังนี้
เส้นทางที่ 1 – หากวิ่งมาจากทางถนนพระราม 4 โดยใช้ทางด่วนเฉลิมมหานคร จะมีจุดลงทางด่วนที่ใกล้โครงการที่สุดประมาณ 600 ม. และหากต้องการใช้ทางด่วนเฉลิมมหานครไปทางดาวคะนอง หรือออกไปบางนา ก็มีจุดขึ้นที่ทางด่วนที่อยู่ตรงข้ามกับจุดลงเลย แต่เส้นทางไปขึ้นทางด่วนต้องไปกลับรถใต้สะพานข้ามแยกอโศก – เพชรบุรีก่อน มีระยะทางประมาณ 2.3 กม. ค่ะ
เส้นทางที่ 2 – หากต้องการใช้ทางด่วนเพื่อวิ่งขึ้นไปทางดอนเมือง รังสิต ให้ใช้จุดขึ้นทางพิเศษศรีรัชที่อยู่ระหว่างแยกอโศกกับแยกพระราม 9 ห่างจากโครงการประมาณ 1.4 กม. และหากใช้ทางด่วนเพื่อกลับโครงการ จะมีจุดลงทางด่วนแถวเพลินจิต แล้วเลี้ยวขวาเข้าถนนวิทยุ วิ่งตรงไปเลี้ยวขวาเข้าถนนเพชรบุรี ตรงไปเรื่อยๆ จะถึงโครงการมีระยะทางประมาณ 2 กม.
สำหรับความอุดมสมบูรณ์ในทำเลนี้ เป็นย่านพาณิชยกรรมที่อยู่ใกล้แหล่งความอุดมสมบูรณ์ในย่านสุขุมวิท ที่มีทั้งศูนย์การค้า คอมมูนิตี้มอลล์น้อยใหญ่อยู่หลายแห่งตามแนวถนนชิดลม และแยกเพลินจิต เช่น เซ็นทรัลเอ็มบาสซี่ เซ็นทรัลชิดลม Terminal 21 และใกล้ย่านอโศก พระราม 9 ซึ่งมีตลาดอยู่หลายแห่งเพื่อรองรับกลุ่มพนักงานออฟฟิศ ความอุดมสมบูรณ์เหล่านี้จะต้องต่อรถไปสักหน่อย เพราะว่าไกลพอสมควรประมาณ 1-2 กม. สำหรับความอุดมสมบูรณ์บนถนนเพชรบุรีเอง ก็จะมีตลาดธนภูมิ ที่มีร้านค้าหรือร้านอาหาร มีร้านสะดวกซื้อให้พอจับจ่ายซื้อของกันได้
นอกจากแหล่งช้อปปิ้ง กินข้าวแล้วในพื้นที่ใกล้เคียงกับโครงการก็มีทั้งสถานศึกษาและสถานที่ราชการสำคัญ เช่น โรงเรียนเซนต์ดอมินิก การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย อาคารสำนักงานต่างๆ มีโรงพยาบาลอยู่ไม่ไกลจากโครงการ ได้แก่ รพ.บำรุงราษร์ เรียกว่าก็มีให้เลือกตามความต้องการ
ลองมาดูคอนโดใกล้เคียงที่อยู่บนถนนเพชรบุรีในช่วงตั้งแต่สี่แยกมิตรสัมพันธ์ยาวไปถึงแถวแยกอโศก-เพชรบุรี ระยะทางประมาณ 1 กม. ตลอดเส้นทางส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มคอนโดมิเนียม High Rise ระดับ Luxury หลายโครงการ ได้แก่ Q Asoke , Villa Asoke ,The Address Asoke และ Circle 1 แล้วก็ยังมีอีกกลุ่มโครงการที่ลดความหรูหราลงมาหน่อยพร้อมราคาที่ลดลงมาอีกนิดอย่าง Parkland Grand Asoke และ Supalai Premire Asoke ซึ่งที่ตั้งโครงการจะเลยจากแยกอโศก – เพชรบุรีขึ้นไปทางพร้อมพงษ์ ทุกโครงการที่กล่าวมาล้วนหาซื้อได้แต่เป็นมือสองทั้งสิ้น สำหรับลุมพินี สวีท เพชรบุรี – มักกะสันจัดเป็นโครงการที่อยู่ในกลุ่มหลังซึ่งถ้ามองหาความหรูหราคงสู้กับพวกคอนโด Luxury ไม่ได้ แต่โครงการนี้จะได้ในเรื่องของทำเลและราคา Package ต่อห้องที่โครงการทำมาให้หยิบจับง่ายและได้เป็นโครงการมือ 1 ค่ะ
การเดินทางวันนี้จะเริ่มเดินทางโดยไม่ใช่รถเริ่มจาก MRT เพชรบุรี ซึ่งระยะห่างจากสถานีไปถึงโครงการห่างประมาณ 900 ม. ไปจนถึงสี่แยกมิตรสัมพันธ์ แล้วเดินกลับมายังโครงการ รวมระยะทางประมาณ 1 กม. กว่าๆ เพื่อพาชมบรรยากาศและสถานที่ต่างๆรอบๆโครงการกันค่ะ
เริ่มจากสถานีรถไฟใต้ดิน MRT เพชรบุรี เลือกทางออกหมายเลข 3 เพื่อไปเดินขึ้นทาง ถ.อโศก-ดินแดง ฝั่งเชื่อมต่อกับทางเท้า ถ.เพชรบุรีที่จะเดินไปโครงการค่ะ
เมื่อออกมาจากสถานี จะเจอกับถนนอโศก-ดินแดง ถ้าเดินออกมาเลี้ยวซ้ายจะไป Artport Link มักกะสันซึ่งต้องเดินไปอีกประมาณ 400 ม. แต่ถ้าจะไปโครงการ Circle 2 เมื่อออกจากหน้าสถานีให้เลี้ยวขวา มุ่งหน้าไปทางสี่แยกอโศก-เพชรบุรีค่ะ
เมื่อเดินออกมาจากรถไฟใต้ดินจะมีทางเท้าค่อนข้างกว้างเดินสะดวกค่ะ ให้เดินตรงไปตามทาง มุ่งหน้าไปทางสี่แยกอโศก-เพชรบุรี
ถึงบริเวณสี่แยกอโศก-เพชรบุรี ให้เลี้ยวขวาเดินไปตามทางเลยค่ะ
เส้นทางทางเดินเท้าช่วงนี้ถือว่าดีมากเลยค่ะ กว้างและเดินสะดวก อาคารตึกแถวข้างทางส่วนมากจะเป็นอาคารปิดไว้ ทำให้บรรยากาศดูเงียบเหงาพอสมควรค่ะ
ฝั่งตรงข้ามติดกับสี่แยกอโศก-เพชรบุรี จะเป็นโครงการ Q Asoke เป็นคอนโดมิเนียม High Rise สูง 41 ชั้น
เมื่อเดินตรงมาเรื่อยจะเจอกับโบสถ์คริสต์ ซึ่งที่นี้ในวันหยุดจะมีคริสต์ศาสนิกชนมาเข้าโบสถ์และมีเด็กๆมาเรียนศาสนาและภาษาอังกฤษกันค่ะ
ฝั่งตรงข้ามกับโบสถ์คริสต์ จะเป็นโครงการ Villa Asoke เป็นคอนโดมิเนียม High Rise สูง 42 ชั้น
เดินตรงมาอีกหน่อยก็จะเจอกับโครงการ The Address Asoke เป็นคอนโดมิเนียม High Rise สูง 44 ชั้น สังเกตว่าความสูงจะเริ่มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
ทางเดินเท้าในช่วงนี้ปูพื้นไว้เรียบร้อยดี แต่ต้องระมัดระวังรถมอเตอร์ไซด์กันหน่อยนะค่ะ จะวิ่งสวนขึ้นบนทางเท้าเพื่อหลีกเลี่ยงรถติดบนถนนเพชรบุรีกัน
เดินต่อมาบนถนนเพชรบุรีเรื่อยๆ จะมีร้านอาหาร ที่เปิดบริการตั้งแต่เช้าไปจนถึง 5 ทุ่ม เป็นร้านอาหารไทน จีน ยุโรป และสามารถเลือกเมนูตามสั่งต่างๆได้ นอกจากนี้ก็จะมีพวกร้านสะดวกซื้ออย่าง 7-11
เดินต่อมาจะเจอกับโรงเรียนอาชีวะ วิทยาลัยเทคโนโลยีดอนบอสโก เป็นวิทยาลัยประเภทช่างอุตสาหกรรม เป็นโรงเรียนเก่าแก่ในย่านนี้ เปิดมาตั้งแต่ปี 2492 แล้วค่ะ
ฝั่งตรงข้ามจะเป็น โรงเรียนเซนต์ดอมินิก เดิมโรงเรียนมีชื่อว่า “ดอนบอสโกวิทยา” โดยแยกออกจาก “โรงเรียนอาชีวะดอนบอสโก” เนื่องจาก โดนถนนเพชรบุรีตัดใหม่ ตัดแบ่งครึ่งพื้นที่โรงเรียนเดิม เปิดทำการสอนมาตั้งแต่ปี 2504
เดินมาเจอกับร้านอาหารตามสั่ง แถวนี้ไม่ค่อยมีร้านอาหาร ตั้งแต่เดินมาเพิ่งจะเจอแค่ 2 ร้านเอง เพราะอาคารตึกแถวในบริเวณนี้ส่วนมากจะปิดร้างแบบนี้กันส่วนใหญ่ เวลากลางคืนจึงน่าจะเปลี่ยวน่าดูเลย ถ้าเดินจาก MRT กลับโครงการคงไม่น่าเดินเท่าไหร่ ก็ให้เรียกพี่วินแทนนะคะ
มาถึงบริเวณนี้บรรยากาศเริ่มดูเป็นย่านอาคารสำนักงานแล้วค่ะ อาคารทางขวามือ ชื่ออาคารชัยสงวน เป็นอาคารสำนักงานให้เช่า ซึ่งประกอบไปด้วยบริษัทต่างๆ เยอะพอสมควรค่ะ ทางเท้าบริเวณด้านหน้าอาคารก็ปลูกต้นไม้ตกแต่งไว้ กินพื้นที่ทางเดินเท้าไปเกือบครึ่ง
ตรงกันข้ามจะเป็นอาคารสำนักงานใหญ่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เป็นอาคาร Office Building สูง 18 ชั้น
ถัดไปเป็นอาคารธนภูมิ เป็นอาคาร Office Building สูง 32 ชั้น
ฝั่งตรงข้ามถัดจากอาคารธนภูมิ จะเห็นตึกคู่เป็นโครงการ Circle 1 เป็นคอนโดมิเนียม High Rise ตึกคู่ สูง 30 ชั้นและ 42 ชั้น
มาถึงสะพานลอย จะเจอกับ 7-11 ทางเดินตรงนี้จะแคบลงและเดินลำบากเพราะมีร้านค้ามาตั้งกีดขวางเส้นทาง เดี่ยวเราลองข้ามสะพานลอยไปดูฝั่งตรงข้ามกันค่ะว่าจะมีอะไรบ้าง
มุมมองจากสะพานลอย มุ่งหน้าสี่แยกมิตรสัมพันธ์ เส้นทางการจราจร 7 เลนไปกลับ ตรงบริเวณนี้จะใกล้กับสี่แยกมิตรสัมพันธ์ปริมาณรถเลยค่อนข้างหนาแน่น ทางขวามีจะเป็นโครงการ Circle 2 ส่วนทางซ้ายมือตรงกันข้ามจะเป็นโครงการ Circle 1 สองโครงการนี้อยู่ตรงข้ามกันพอดีค่ะ ซึ่งกรณีถ้าวิ่งออกจากโครงการจะไปทางแยกมิตรสัมพันธ์เมื่อเลี้ยวซ้ายออกจากโครงการต้องไปกลับที่จุดกลับรถตรงสี่แยกเพชรบุรี – อโศกนะคะ ไม่แนะนำให้เลี้ยวตัดเพราะเป็นถนนสี่เลน และอาจจะผิดกฎจราจรได้ค่ะ
มุมมองจากสะพานลอย จะเห็นโครงการ Circle 2 ที่อยู่เกือบติดกับที่ดินของโครงการลุมพินี ซึ่งโครงการนี้จัดเป็นคอนโดมิเนียม High Rise ที่สูงที่สุดในย่านนี้ที่ความสูง 52 ชั้น
เมื่อข้ามสะพานมาฝั่งตรงข้าม จะเจอกับพื้นที่ร้านขายอาหารและของกินต่างๆ ช่วงตอนกลางวันจะมีพนักงานออฟฟิศจากตึกสำนักงานรอบรอบๆ ลงมาทานอาหารกันที่นี้ค่ะ ถือเป็นจุดของกินที่ใกล้ที่สุด จากโครงการ LPN Suite เลยนะคะ
มองไปฝั่งตรงข้ามจะเห็นหน้าโครงการ LPN Suite พื้นที่ด้านหน้าโครงการได้จัดสวนมีป้ายบอกทางเข้าไว้ชัดเจนค่ะ เดี่ยวเราจะเดินต่อไปกันจนถึงแยกมิตรสัมพันธ์ เพื่อดูบรรยากาศรอบๆ กันอีกหน่อย
เดินต่อไปทางแยกมิตรสัมพันธ์ จะเดินผ่านตึกแถว 4 ชั้น ที่ยังมีเปิดกิจการอยู่ไม่มาก เป็นร้านขายอะไหล่รถยนต์ ร้านทำกุญแจ ร้านขายอาหาร ที่เหลืออยู่แต่ส่วนใหญ่จะปิดไว้ค่ะ
มาถึงสี่แยกมิตรสัมพันธ์แล้วมองกลับไปทางโครงการ ซึ่งแยกนี้สามารถเชื่อมไปยังซอยสุขุมวิท 3 (นานา) เพื่อไปทะลุออกเส้นสุขุมวิทได้ หรือจะไปทางถนนนิคมมักกะสันก็สามารถไปทะลุออกถนนพระราม 9 ได้ค่ะ
จากแยกมิตรสัมพันธ์ เดินกลับมายังโครงการจะผ่านที่ดินของ กฟน. ที่อยู่ติดกับโครงการฝั่งหนึ่งค่ะ
ติดกันก็เป็นทางเข้าโครงการแล้ว เดี๋ยวจะพาเข้าดูภายในพื้นที่โครงการกันหน่อย
ทางเข้าโครงการตอนนี้เป็นทางเข้า – ออกชั่วคราว ยังไม่ได้มีการทำซุ้มหน้าโครงการนะคะ คงจะต้องรอการก่อสร้างอาคารด้านในเสร็จเรียบร้อยก่อน
เดินเข้ามาด้านในเป็นตำแหน่งสำหรับสร้างอาคาร ซึ่งเดิมที่ดินตรงนี้เคยเป็นโรงแรมปริ๊นมาก่อน ตอนนี้ก็ถูกเคลียร์พื้นที่ไว้เรียบร้อยเตรียมขึ้นคอนโดกันแล้ว เหลือแค่รอขอ EIA ให้เรียบร้อยก็คาดว่าน่าจะเริ่มก่อสร้างได้ในเดือนเมษายนปีนี้ ด้านในสุดของที่ดินติดกับด้านหลังของสถานบันเทิง Plaza Entertainment Complex สูง 20 ชั้น ส่วนทางขวาเป็นคอนโด Circle 2 สูง 52 ชั้น ทำให้ทั้ง 2 ฝั่งของโครงการถูกบล๊อกวิวพอสมควร โชคดีที่คอนโด Circle 2 มีระยะถอยร่นจากถนนค่อนข้างลึก จึงไม่บล๊อกวิวทางฝั่งขวามากนัก สำหรับด้านซ้ายไม่มีอาคารสูงบล๊อกวิวนะคะ จะติดกับที่ดินของ กฟน. ที่ตอนนี้ใช้เป็นสถานีไฟฟ้าย่อยสูง ~ 5-6 ชั้น
ถ้าเข้าไปยืนด้านในโครงการแล้วมองกลับมาด้านหน้าโครงการบ้าง จะเห็นว่าที่ดินโครงการด้านหน้าจะติดกับอาคารพาณิชย์ 3-4 ชั้น เมื่อมองเลยข้ามถนนเพชรบุรีไป ก็จะเห็นว่าโครงการอยู่เยื้องๆ กับคอนโด The Circle 1 ที่สูง 30 ชั้นพอดี จึงจะมีการบล๊อกวิวในมุมนี้อยู่บ้าง ซึ่งเดี๋ยวเราจะมีวิเคราะห์กันละเอียดขึ้นในเรื่องของวิวนะคะ
ออกมาจากโครงการแล้วมาเดินมาทางอาคารพาณิชย์ 3-4 ชั้นที่อยู่หน้าโครงการกันต่อ จะเป็นร้านคาราโอเกะ ร้านขายของชำ ประมาณนี้
เดินต่อไปผ่านหน้าโครงการ Circle 2
เดินถัดมาจะเจอกับอาคารตึกแถว 4 ชั้นเป็นอาคารร้างปิดไว้ ด้านหน้าที่เห็นมีผ้าคลุมปิดไว้ จะเป็นร้านอาหาร ซึ่งจะมาตั้งขายริมทางเท้าตอนกลางคืนค่ะ ติดกันเป็นปากซอยเพชรบุรี 39 ซึ่งเป็นตำแหน่งของวินมอเตอร์ไซด์รับจ้างที่ใกล้โครงการลุมพินี สวีทที่สุด ห่างประมาณ 120 ม.
อีกฝั่งหนึ่งของหน้าปากซอยเพชรบุรี 39 จะมี 7-11 อยู่ใต้สะพานลอย ซึ่งเป็น 7-11 ที่ใกล้โครงการที่สุดอีกเช่นกัน
ภาพมุมสูงโครงการ Lumpini Suite ด้านหน้าโครงการจะติดกับถนนเพชรบุรีและบางส่วนติดกับอาคารพาณิชย์ 3-4 ชั้น ฝั่งตรงข้ามจะเยื้องๆกับโครงการ Circle 1 อาคารหน้าสูง 30 ชั้น ด้านข้างฝั่งขวาของโครงการติดกับคอนโด Circle 2 แม้จะติดกับคอนโดสูงแต่เนื่องจากระยะถอยร่นของคอนโด Circle 2 ที่ค่อนข้างลึกทำให้ตัวอาคารของลุมพินี ไม่ได้ถูกบล็อกวิวเต็มๆทั้งด้าน ส่วนด้านข้างฝั่งซ้ายจะติดกับสถานีไฟฟ้าย่อยของ กฟน. และด้านในสุดของโครงการติดกับด้านหลังของสถานบันเทิง สูง 20 ชั้น ซึ่งด้านนี้จะติดกับที่ดินด้านหลังโครงการตลอดแนวเลยค่ะ
โดยภาพรวมโครงการค่อนข้างจะถูกบล๊อกวิวอยู่หลายทิศทาง ฝั่งที่ได้วิวที่ดีสุดของโครงการคืออาคารด้านที่หันออกไปทางมักกะสัน รองลงมาคือห้องที่หันไปสถานบันเทิง 20 ชั้น ซึ่งถ้าเลือกห้องสูงเกิน 20 ชั้นขึ้นไปจะสามารถมองเห็นวิวไปไกลถึงฝั่งสุขุมวิท พระราม 9 และได้วิวพื้นที่สีเขียวทางมักกะสันด้านหลังโครงการค่ะ
จากภาพแสดงตำแหน่งของอาคารข้างเคียงที่ติดกับโครงการ ตามทิศได้ดังนี้
- ทางด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือ จะติดกับสถานบันเทิงสูง 20 ชั้น ถ้าห้องพักที่สูงเกินชั้น 20 ขึ้นไปแล้วจะได้วิวเปิดโล่งทางฝั่งมักกะสัน มองเห็นแนวทางยกระดับ Air port Link และพื้นที่ว่างสีเขียวทางฝั่งมักกะสัน ห้องพักทางทิศนี้จะได้แดดเช้า ทำให้ช่วงบ่ายๆ ห้องก็จะไม่ร้อนแล้วค่ะ
- ทางด้านทิศตะวันออกเฉียงใต้ จะติดกับคอนโด Circle 2 สูง 52 ชั้น แต่ตัวอาคารสูงของ Circle มีระยะถอยร่นจากถนนเข้ามาลึกพอสมควร ทำให้ไม่ได้มาบังวิวทั้งหมด
- ทางด้านทิศตะวันตกเฉียงใต้ บางส่วนจะติดถนนเพชรบุรี และบางส่วนจะอยู่ด้านหลังตึกแถว 3-4 ชั้น ซึ่งห้องพักของทางโครงการเริ่มต้นที่ชั้น 3 ทำให้มีห้องบังบางส่วนที่โดนบังวิวโดยตึกแถวด้านหน้า ส่วนห้องพักที่เลยชั้น 4 ขึ้นไปจะสามารถมองข้ามถนนเพชรบุรีไปเห็นกลุ่มอาคารพาณิชย์ฝั่งตรงข้าม และเยื้องๆกันเป็นอาคาร Circle 1 สำหรับห้องที่หันทางทิศใต้จะโดนแดดเยอะหน่อยเพราะบ้านเราพระอาทิตย์อ้อมใต้ แต่ก็มีข้อดีคือได้ลมแรงช่วยให้อากาศถ่ายเทได้สะดวก
- ทางด้านทิศตะวันตกเฉียงเหนือ จะติดกับสถานีไฟฟ้าย่อยนานาของ กฟน. ซึ่งถ้าใครเลือกห้องทางฝั่งนี้จะได้วิวที่ดีที่สุด เป็นวิวเปิดโล่งของสวนในพื้นที่มักกะสันโดยไม่มีอาคารบังเลย แต่จะโล่งไปได้นานแค่ไหนก็ต้องรอดูว่าโครงการมักกะสันคอมเพล็กซ์จะดำเนินการได้เมื่อไหร่ และมีรูปแบบอย่างไรค่ะ
สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น
- การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ททท. ~ 280 เมตร
- โรงเรียนเซ็นดอมินิก ~ 450 เมตร
- วิทยาลัยเทคโนโลยีดอนบอสโก ~ 450 เมตร
- ท่าเรือนานาเหนือ ~ 450 เมตร
- โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ~ 550 เมตร
- มหาวิทยาลัย ศรีนครินทรวิโรฒ ~ 1.2 กิโลเมตร
- เซ็นทรัลเอ็มบาสซี่ ~ 1.4 กิโลเมตร
- เซ็นทรัลชิดลม ~ 1.8 กิโลเมตร
- Terminal 21 ~ 2 กิโลเมตร
ภาพจำลองทัศนียภาพของตัวอาคารโครงการลุมพินี สวีท เพชรบุรี – มักกะสัน ซึ่งโดยภาพรวมก็มีความแตกต่างจากโครงการของลุมพินีตัวอื่นๆที่เรามักจะเห็นจนชินตา สีสันมีความแตกต่างโดยเน้นเป็นสีทองและน้ำเงินให้เกิดความหรูหรามากขึ้น และมีการออกแบบพื้นที่ส่วนกลางที่มีความหวือหวามากกว่าปกติ อย่างเช่น Co-Living Area ที่เชื่อมต่อพื้นที่ทางด้านหน้าอาคารไปถึงพื้นที่สระว่ายน้ำส่วนกลาง เป็นต้น ต่อไปเรามาดูโมเดลของโครงการเพื่อให้เข้าใจภาพรวมของโครงการมากขึ้นนะคะ ^^
โครงการเป็นคอนโด High Rise อาคารเดียว ที่จอดรถจึงอยู่ในตัวอาคารเลยทำให้การใช้งานสะดวก ที่ดินของโครงการจะมีส่วนที่ติดถนนอยู่ประมาณ 30 ม. มีทางเข้าออกทางถนนเพชรบุรีทางเดียว ส่วนตัวอาคารจะถัดเข้าไปด้านในไม่ได้ติดกับถนนซะทีเดียว ต่อไปมาดูกันที่ตัวโมเดลกันทีละด้านของอาคาร เริ่มจากทางหน้าอาคารที่หันไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ ห้องพักที่หันออกด้านหน้าโครงการส่วนใหญ่เป็นห้อง 1 Bedroom ขนาด 27 ตร.ม. ซึ่งส่วนใหญ่ถูกวางไว้บนชั้นสูงหน่อย ตั้งแต่ชั้น 11 ขึ้นไป ซึ่งพ้นจากการถูกบังวิวของตึกแถว 3-4 ชั้นด้านหน้าโครงการขึ้นไปแล้ว ส่วนห้องขนาดเล็กแบบ Studio 23 ตร.ม. จะถูกวางไว้บนชั้นแรกๆที่เริ่มเป็นที่พักอาศัยโครงการ เพื่อให้เป็นห้องที่มีราคาหยิบจับง่ายที่สุดของโครงการ
อาคารด้านตะวันออกเฉียงใต้ อาคารด้านนี้เป็นตำแหน่งที่ทางโครงการเลือกวางสระว่ายน้ำส่วนกลางไว้ ซึ่งจะได้ความสูงของอาคารช่วยบังแดดในช่วงบ่ายไว้ให้ ทำให้สระว่ายน้ำอยู่ระหว่างอาคารสูงทั้ง 2 จึงได้รับร่มเงาตลอดทั้งวัน สามารถมาใช้งานได้ตั้งแต่ตอนบ่าย ส่วนห้องพักในด้านนี้จะได้วิวสระว่ายน้ำและมีระยะห่างจากอาคารสูงอยู่หน่อย เพื่อไม่ให้เกิดความอึดอัด ถือได้ว่ามีการออกแบบผังเพื่อหลบหลีกอาคารสูงรอบข้างได้ดี ห้องพักส่วนใหญ่ยังคงเป็นห้องแบบ 1 ห้องนอนขนาด 27 ตร.ม. ส่วนห้องมุมจะเป็นห้อง 1 Bedroom ที่มีขนาดใหญ่ขึ้นเป็น 31-41 ตร.ม.
อาคารด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือ อาคารฝั่งนี้จะติดกับสถานบันเทิง 20 ชั้น ทางโครงการจึงไม่ได้จัดแนวห้องพักส่วนใหญ่ไว้ทางด้านนี้เพื่อให้เกิดระยะห่างระหว่างอาคารสูงและความเป็นส่วนตัวของห้องพักอาศัย โดยห้องพักที่หันหน้าเข้าทางทิศนี้จะได้วิวสระว่ายน้ำเช่นเดียวกับทางทิศตะวันออกเฉียงใต้
อาคารด้านตะวันออกเฉียงเหนือ เป็นฝั่งที่มีจำนวนห้องพักมากที่สุดในอาคารและเป็นทิศที่ได้วิวดีที่สุด โดยจะได้วิวพื้นที่สีเขียวของมักกะสัน ห้องพักส่วนใหญ่เป็นห้องแบบ 1 Bedroom 27 ตร.ม. ส่วนห้องแบบ 1 Bedroom ที่มีขนาดใหญ่ขึ้นมาที่ 41 ตร.ม. จะเป็นห้องมุม และมีห้องพิเศษที่ใหญ่ที่สุดคือ ห้อง 2 Bedroom 61 ตร.ม. ที่อยู่ทางด้านหน้าโครงการ
จากทางเข้าโครงการจะมีป้อมรปภ.อยู่ด้านหน้าบริเวณทางเข้าออกโครงการ ด้านข้างมีฟุตบาททางเดินสำหรับเข้า- ออก เพื่อแยกทางเดินของลูกบ้านออกจากทางเข้า-ออกรถให้ชัดเจน ทำให้การเดินเข้าออกโครงการมีความปลอดภัยดี รถยนต์จะผ่านเข้าออกด้วยระบบ Keycard Access เมื่อเข้ามาในโครงการแล้ว รถยนต์จะมีเส้นทางที่ตรงไปด้านในสำหรับเข้าไปจอดรถในอาคาร และมีจุด Drop-off หน้าทางเข้าอาคารเพื่อให้สะดวกในการรับ-ส่ง ลูกบ้าน
สำหรับ Facilities ชั้นล่างจะอยู่ด้านข้างอาคารฝั่งที่ติดกับคอนโด Circle 2 ได้แก่ สวนส่วนกลาง ซึ่งจะลงต้นไม้ใหญ่ และไม้พุ่มไว้ให้เกิดความร่มรื่น นอกจากนี้ภายในยังออกแบบให้มีพื้นที่นั่งเล่นตามมุมต่างๆด้วย
พื้นที่สวนส่วนกลางเป็นพื้นที่ที่ออกแบบไว้ไม่ให้มีรถผ่านเข้าไปได้ ทำให้พื้นที่สวนส่วนนี้ค่อนข้างปลอดภัยต่อการใช้สอย ซึ่งก็แลกกับมากับพื้นที่จอดรถรอบโครงการที่ลดลงนะคะ
มาดู Facilities ส่วนอื่นๆบนอาคารพักอาศัย 35 ชั้นกันบ้าง เริ่มจากสระว่ายน้ำส่วนกลางที่ชั้น 10 กันก่อน โดยพื้นที่สระว่ายน้ำจะถูกล้อมด้วยอาคารทั้ง 3 ด้าน ทำให้ได้ร่มเงาในพื้นที่ส่วนกลาง เหมาะแก่การใช้งานได้ตั้งแต่ช่วยบ่ายกันเลยทีเดียว ด้านข้างสระมี Day Bed ไว้ให้สำหรับผู้ที่ไม่ชอบว่ายน้ำหนักๆ ก็สามารถมานั่งเล่นได้ นอกจากนี้ก็จะมีสวนหย่อมรอบๆสระว่ายน้ำให้มาเดินเล่นเปลี่ยนบรรยากาศ
สระว่ายน้ำมีขนาดกว้างยาว 19 x 5.5 ม. บรรยากาศริมสระจะมีทั้งไม้ยืนต้นและไม้พุ่มเพื่อให้เกิดความร่มรื่น น่าใช้งาน
จากสระว่ายนำ้จะมีมุมที่สามารถมองผ่านคอนโด Circle 2 ไปเห็นวิวเมืองอยู่บ้าง แต่วิวจากสระว่ายน้ำส่วนใหญ่น่าจะถูกบล๊อกวิวทิศทางลมของประเทศไทยส่วนใหญ่ลมจะมาทางทิศตะวันตกเฉียงใต้และทิศใต้ ส่วนในหน้าหนาวลมจะมาทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ
ภาพจำลองบรรยากาศทางเดินในสวนริมสระว่ายน้ำ
ด้านหลังสระว่ายน้ำจะมีพื้นที่ Co-Living Area เป็นพื้นที่เปิดโล่งใต้อาคาร สำหรับมานั่งทำงาน นั่งเล่น ได้ ส่วนในห้องกระจกจะเป็นห้องน้ำแยกชายหญิง ถ้าขึ้นบันไดไปบนชั้น 11 จะเป็นห้อง Fitness ซึ่งได้วิวสระว่ายน้ำของโครงการค่ะ
ภาพจำลองบรรยากาศพื้นที่ Co-Living Area มองไปทางสระว่ายน้ำ ซึ่งพื้นที่ตรงนี้เป็นพื้นที่ Semi-Outdoor จึงสามารถมานั่งทำงาน นั่งเล่นกันได้ตลอดวัน
ในส่วนของพื้นที่ Co-Living Area เป็นพื้นที่ใต้อาคารโล่งๆที่เชื่อมมาจนถึงหน้าโครงการ เปิดให้เห็นวิวฝั่งตรงข้ามโครงการที่เป็นตึกแถว 4 ชั้นและคอนโด Circle 1 ซึ่งพื้นที่ส่วนกลางทั้ง Kid’s Fun Zone และ ห้อง Fitness ก็จะได้วิวนี้ด้วยเช่นกัน
มาดู Facilities ที่ชั้นสูงๆ ของโครงการกันบ้าง ทางโครงการจัดไว้ให้ที่ชั้น 32 และ ชั้น 35 ซึ่งเป็นชั้นที่รับวิวโล่งๆได้แล้ว เป็นพื้นที่ให้ลูกบ้านได้ขึ้นมาเปลี่ยนบรรยากาศ
Infinity Garden ที่ชั้น 32 มีตำแหน่งอยู่ทางหน้าโครงการ ได้วิวเมืองทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ พื้นที่ภายในสวนจัดไว้ทั้งไม้ใหญ่และไม้พุ่ม
ส่วนชั้น 35 เป็นลักษณะของ Roof Garden แบบเปิดโล่ง มีพื้นที่กว้างกว่าบนชั้น 32 สำหรับใครที่ชอบนั่งชมวิวในห้องแอร์ ก็มี Sky Lounge ให้ด้วยแต่ไม่ได้มีขนาดใหญ่เต็มชั้น ส่วนใหญ่จะเป็นแบบ Open Air ค่ะ ต่อไปเรามาดูผังโครงการกันต่อนะคะ
เริ่มกันที่ผังชั้น 1 กันค่ะ โครงการ ลุมพินี สวีท เพชรบุรี – มักกะสัน มีทางเข้าออกโครงการทางเดียวคือทางถนนเพชรบุรีตัดใหม่ ที่ดินด้านหน้าโครงการที่ติดถนนมีความยาวประมาณ 30 ม. จะเห็นว่ามีด้านที่ติดถนนยาวพอสมควรจึงเป็นโครงการที่จะสังเกตเห็นได้ง่าย ส่วนตัวอาคารจะหลบเข้ามาด้านในนิดนึง ทำให้ได้ความเป็นส่วนตัวลดความพลุกพล่านจากบริเวณริมถนน จากหน้าโครงการจะมีป้อมยามคอยรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชม.นะคะ
ชั้น 1 ของอาคารพักอาศัยจะไม่มีห้องพักอาศัยเป็นพื้นที่ของลานจอดรถ เส้นทางเดินรถในอาคารเมื่อขับเข้ามาด้านในพื้นที่โครงการ จะเป็นทางบังคับให้ตรงไปสู่ที่จอดรถใต้อาคาร ส่วนถ้าใครต้องการวนมาส่งลูกบ้านที่หน้าทางเข้าอาคาร ก็เลี้ยวขวาวนผ่าน Drop-Off ไปได้ เส้นทางของรถยนต์ถูกกันไว้ไม่ให้วิ่งรอบโครงการได้นะคะ เพราะพื้นที่ทางฝั่งขวาจะเป็นพื้นที่สวนของโครงการจะไม่อนุญาติให้รถยนต์ผ่านได้ สำหรับทางขึ้นห้องพักจะขึ้นผ่าน Lift Lobby โดยใช้ Key Card แสกนผ่านเข้าไปเท่านั้นค่ะ
ขึ้นมาชั้น 2 ยังคงเป็นพื้นที่ส่วนกลางและพื้นที่บางส่วนเป็นพื้นที่จอดรถของโครงการ สำหรับผู้ที่จอดรถตั้งแต่ชั้น 2 ขึ้นไปก็สามารถเข้า Lift Lobby ได้ทุกชั้นค่ะ
ขึ้นมาชั้น 4-8 จะเริ่มเป็นพื้นที่ของพักอาศัยและพื้นที่บางส่วนเป็นพื้นที่จอดรถของโครงการ ซึ่งห้องพักในชั้นนี้ถึงแม้ว่าจะไม่ได้วิวมุมสูง แต่ก็มีข้อดีที่สามารถเดินเชื่อมเข้าที่จอดรถได้สะดวก โดยมีห้องพักอาศัยทั้งหมด 11 ยูนิต สำหรับห้องในชั้นล่างๆ แบบนี้ทางโครงการเน้นไปที่ห้องแบบสตูดิโอให้มีจำนวนห้องมากที่สุด มีราคา Package ต่อห้องที่จับต้องง่ายสุด
ห้องพักส่วนใหญ่จะเป็นห้องที่หันหน้าทางทิศตะวันออก-ตะวันตก และทิศใต้ ทางเดินจัดเป็น Double corridor วางห้องพักขนาบทางเดิน 2 ฝั่ง โถงลิฟท์มีตำแหน่งเดียวค่อนมาทางหน้าทางเข้าโครงการ ในโถงจะมีลิฟท์จะมีลิฟท์ 3 ตัว เป็นแบบล็อกชั้น มีอัตราส่วนลิฟท์เฉลี่ยทั้งโครงการ 212 : 1 ถือว่าเป็นอัตราส่วนที่หนาแน่นทีเดียว ส่วนบันไดหนีจะมีอยู่ 3 ตำแหน่งกระจายตัวอยู่รอบอาคาร ซึ่งบันไดทั้งหมดสามารถลงไปยังชั้น 1 ได้ค่ะ การจัดวางห้องในอาคารใช้วิธีการจัดวางเรียงไปตามรูปตรงอาคาร จัดวางตำแหน่งประตูห้องให้เยื้องหลบกัน เพื่อให้เกิดความเป็นส่วนตัวที่สุดในแต่ละยูนิต
ต่อไปเป็นเรื่องของวิว วิวของห้องพักส่วนใหญ่ในชั้น 4-8 ค่อนข้างเปิดโล่งทั้งหมดทุกทิศทาง เว้นแต่ห้องบนชั้น 4 ที่หันไปทางหน้าโครงการจะถูกบล๊อกวิวด้วยอาคารพาณิชย์ 3-4 ชั้นด้านหน้าโครงการ และห้องบนชั้น 4-6 ที่หันไปทางทิศตะวันตกที่จะไม่ได้โล่งซะทีเดียวเพราะโดนบล๊อกวิวด้วยอาคารสถานีไฟฟ้าย่อยนานาค่ะ
ชั้น 9 แปลนจะคล้ายกับชั้น 4-8 เลย ต่างกันที่ห้องพักบนชั้นนี้จะไม่ได้เชื่อมต่อกับลานจอดรถแล้ว ส่วนวิวในชั้นนี้จะเปิดโล่งทุกทิศทางเลย เพราะจะพ้นจากอาคารเล็กๆโดยรอบมาหมดแล้ว
ขึ้นมาชั้น 10 เป็นชั้นที่มี Facilities หลักของโครงการ ได้แก่ สระว่ายน้ำ, พื้นที่ Co-Living Area และ Kid’s Fun Zone ส่วนจำนวนห้องพักต่อชั้นเพิ่มขึ้นเป็น 16 ยูนิต ผังอาคารจัดไว้ค่อนข้างดี คือเมื่อออกจากโถงลิฟท์มาจะมีทางเดินเข้าสระว่ายน้ำโดยไม่ต้องผ่านเข้าไปในส่วนห้องพักอาศัยเลย ทำให้ผู้อยู่อาศัยในชั้นนี้ได้รับความเป็นส่วนตัวเช่นเดียวกับห้องพักอาศัยในชั้นอื่นๆ และยังอยู่ใกล้กับพื้นที่ส่วนกลาง ทำให้มาว่ายน้ำ พักผ่อน ได้สะดวกด้วย
สำหรับเรื่องวิว ห้องพักในชั้นนี้ส่วนใหญ่จะหันทางทิศตะวันออกและตะวันตก ซึ่งก็ได้วิวดีทั้ง 2 ทิศเลยนะคะ ห้องที่หันมาทางทิศตะวันออกเป็นห้องที่ได้วิวสระว่ายน้ำ ถือเป็นวิวแต่ก็อาจเสียความเป็นส่วนตัวจากเสียงรบกวนไปบ้าง แต่อย่างไรก็ถือว่าเป็นห้องที่มี Value มากกว่าห้องปกติ ส่วนห้องที่หันทางตะวันตกจะได้วิวสีเขียวของสวนในพื้นที่มักกะสันค่ะ
ต่อไปที่ชั้น 11 ผังในส่วนห้องพักและเรื่องของวิวจะเหมือนกับชั้น 10 เลย ต่างกันที่พื้นที่ส่วนกลางในชั้นนี้ห้อง Fitness ซึ่งขึ้นได้จากทางบันไดบนชั้น 10 โดยห้อง Fitness นี้จะได้รับวิว 2 ฝั่งซึ่งให้บรรยากาศต่างกัน คือฝั่งหนึ่งได้วิวสระว่ายน้ำภายในโครงการ และอีกฝั่งหนึ่งจะได้วิวด้านหน้าโครงการที่มองไปทางถนนเพชรบุรีก็จะเป็นวิวเมืองค่ะ
มาต่อกันที่ ชั้น 12-31 ของตึก ในชั้นนี้จะเป็นห้องพักอาศัยทั้งชั้นไม่มีพื้นที่ส่วนกลาง เรื่องของวิวจะโล่งในทุกทิศทางแต่ได้วิวที่ต่างกัน โดยห้องทางทิศตะวันตกจะได้วิวสวนสีเขียวขนาดใหญ่ในพื้นที่มักกะสัน ส่วนทางทิศตะวันออกและทิศใต้จะเห็นวิวเมืองไกลๆ แต่ไม่ได้โปร่งโล่งมากนักเพราะมีอาคารอยู่เยื้องๆทั้ง 2 ทิศทาง ซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลกเลยสำหรับคอนโดที่อยู่ในทำเลกลางเมืองแบบนี้ ส่วนห้องพักทางทิศเหนือก็เช่นกัน แม้จะได้วิวสระว่ายน้ำ แต่ห้องที่ต่ำกว่าชั้น 21 ก็จะถูกบล๊อกวิวระยะใกล้ด้วยอาคารสถานบันเทิงสูง 20 ชั้นเช่นกัน
ชั้น 32 มีความพิเศษอยู่ที่ Infinity Garden เป็นพื้นที่ส่วนกลางที่เพิ่มเข้ามาในชั้นนี้ ทำให้ห้องพัก 21 ยูนิตในชั้นนี้อยู่ใกล้พื้นที่สวน จึงสามารถมานั่งเล่น เปลี่ยนบรรยากาศได้ง่าย ส่วนเรื่องวิวจะคล้ายกับชั้น 31 เลยค่ะ
ขึ้นมาที่ชั้น 33-34 จะมีแปลนของโซนห้องพักน้อยที่เหมือนกับชั้น 32 เลย แต่จะไม่ได้มีสวนส่วนกลางนะคะ ส่วนเรื่องวิวก็จะคล้ายๆกับชั้น 32 เช่นกันค่ะ
สำหรับชั้นบนสุดของอาคารสามารถขึ้นมาถึงโดยลิฟท์ 3 ตัว ซึ่งพื้นที่ส่วนกลางบนชั้นนี้จัดเป็นลักษณะของ Roof Garden และ Sky Lounge จากโถงลิฟท์จะติดกับ Sky Lounge แบบ Indoor ใช้เป็นจุดนั่งชมวิว นั่งพักผ่อนได้ สำหรับพื้นที่ส่วนใหญ่บนชั้นนี้จะเป็นพื้นที่โล่งแบบ Outdoor เป็นจุดนั่งชมวิวเช่นกันแต่จะเป็นบรรยากาศแบบอยู่ในสวน เน้นบรรยากาศร่มรื่นด้วยต้นไม้ยืนต้นและไม้พุ่ม มีที่นั่งพักตามมุมต่างๆ ซึ่งส่วนกลางบนชั้นดาดฟ้านี้เป็นจุดที่ให้ลูกบ้านได้มีพื้นที่มาเปลี่ยนบรรยากาศ ชมวิวได้
สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก
- สระว่ายน้ำ 1 สระ ระบบเกลือ ขนาดประมาณ 19 x 5.5 เมตร
- ห้องออกกำลังกาย 1 ห้อง
- สวนหย่อมรอบโครงการ
- Co-Living Area
- Sauna
- Stream
- Roof Garden
- Skylounge
- ลิฟท์โดยสาร 3 ตัว
- อัตราส่วนลิฟท์รวมทั้งโครงการ 212 : 1
- Service Lift 1 ตัว
- ที่จอดรถประมาณ 40 % ไม่รวมจอดซ้อนคัน
- ระบบ CCTV / Access Card
ห้องตัวอย่างที่จะพาไปชมในวันนี้มี 2 ห้องนะคะ คือแบบ 1 Bedroom ขนาด 27 ตร.ม. และแบบ 2 Bedroom ขนาด 40.5 ตร.ม. โครงการขายแบบ Fully Fitted จะได้เฟอร์นิเจอร์เฉพาะชุดครัวและตู้เสื้อผ้า จะมีหน้าตาเป็นอย่างไรไปชมกันเลยค่ะ
เริ่มจากห้อง 1 bedroom ขนาด 27 ตร.ม. ซึ่งเป็นแบบห้องส่วนใหญ่ของโครงการ ภายในประกอบด้วย 1 ห้องนั่งเล่น 1 ห้องนอน 1 ห้องครัว และ 1 ห้องน้ำ จากประตูทางเข้าหลักจะเปิดมาเจอพื้นที่ครัวที่เป็นแบบ Pantry ฝั่งตรงข้ามพื้นที่ครัว เป็นตำแหน่งวางตู้เย็น ติดกันเป็นห้องนั่งเล่น ซึ่งใช้ประโยชน์ได้หลากหลายทั้งเป็นทั้งพื้นที่รับแขก นั่งเล่น ทานอาหารและพื้นที่ทำงาน ด้านในสุดของส่วนห้องนั่งเล่นจะถูกกั้นกับระเบียงด้วยประตูกระจกบานเลื่อนทำให้ห้องนั่งเล่นได้รับแสงธรรมชาติจากประตูบานเลื่อนด้วย ส่วนระเบียงขนาดไม่กว้างมาก พอสำหรับตั้งเครื่องซักผ้าและราวตากผ้าเล็กๆได้ค่ะ
ฝั่งขวามือของห้องจะเป็นห้องนอน ซึ่งประตูทางเข้าห้องนอนจะอยู่ระหว่างห้องครัวและห้องนั่งเล่นเป็นประตูบานเปิดปิด ภายในสามารถวางเตียงขนาด 6 ฟุตได้ ส่วนห้องน้ำจะอยู่ภายในห้องนอน ซึ่งในกรณีที่มีเพื่อนๆหรือแขกมาหาก็ต้องเดินผ่านห้องนอนเรา ภายในห้องน้ำจัดพื้นที่แยกส่วนเปียกและส่วนแห้งชัดเจน แต่ด้วยตำแหน่งที่อยู่ด้านในของอาคารจึงไม่มีช่องระบายอากาศ ทำให้ต้องพึ่งพาระบบของอาคารล้วนๆค่ะ
เริ่มจากทางเข้าห้อง ห้องตัวอย่างไม่ได้ติดบานประตูมาให้ดูนะคะ สำหรับประตูเป็นบานไม้สังเคราะห์ปิดผิวด้วยลามิเนต ขนาด 0.9 x 2 เมตร จากความสูงภายในห้อง 2.6 เมตร พร้อมประตูมือจับแบบก้านโยกค่ะ
เข้าไปในห้องโซนแรกจะเป็น Pantry ครัวทั้ง 2 ด้านซ้ายขวาเลย ส่วนด้านในถัดเข้าไปเป็นตำแหน่งสำหรับวางโต๊ะทำงาน ชั้นวางทีวีและโซฟาขนาด 2 ที่นั่งซึ่งติดกับประตูกระจกสไลด์ที่เปิดเชื่อมไประเบียงด้านนอกซึ่งเวลากลางวันแสงธรรมชาติจะเข้ามาในห้องนั่งเล่น ช่วยให้บรรยากาศในห้องไม่มืดทึบ ส่วนประตูฝั่งขวาที่อยู่ติดกับชั้นวางทีวีคือประตูเข้าห้องนอน พื้นห้องจะปูด้วยลามิเนตตั้งแต่ส่วนของ Pantry ครัว พื้นที่นั่งเล่น และภายในห้องนอน ซึ่งเวลามีคราบสกปรกที่เกิดจากการทำครัวก็จะทำความสะอาดยากกว่ากระเบื้องค่ะ
เมื่อเข้ามาภายในห้องแล้วมองกลับไปทางประตูหน้าห้อง จะเห็นภาพรวมของส่วน Pantry ครัวที่อยู่หน้าทางเข้าห้องนะคะ
ต่อไปจะเริ่มอธิบายแต่ละส่วนของห้องพักอาศัย เริ่มจากส่วนของ Pantry ครัวและตู้ลอย ซึ่งเป็นเฟอร์นิเจอร์ที่แถมมาให้กับห้อง Fully Fitted นะคะ
เคาน์เตอร์ครัว Built-in มีขนาดกว้างยาว 1.5 x 0.6 ม. สูง 0.9 ม. วัสดุเป็นโครงไม้กรุลามิเนต Top เป็นหินสังเคราะห์ ด้านล่างมีช่องสำหรับวางเครื่องซักผ้า อีกตู้หนึ่งเป็นตู้บานเปิดปิดใต้อ่างล้างจาน ซึ่งเป็นบานพับแบบธรรมดา เวลาเปิดปิดก็ระวังกระแทกนิดนึง ตู้นี้ไว้ใช้เก็บของเล็กๆน้อยๆได้แต่ใส่ของเต็มไม่ได้นะคะเพราะต้องเว้นพื้นที่เผื่อซ่อมแซมอ่างล้างจานค่ะ
มาดูส่วนบนของเคาน์เตอร์ครัวกันบ้าง ให้ช่องเคาน์เตอร์มา 2 ช่องนะคะ ช่องหนึ่งเป็นซิงค์ล้างจาน อีกช่องเป็นพื้นที่โล่ง ถ้าชอบทำอาหารบ่อยๆก็ติดเตาไฟฟ้าเพิ่มขึ้นมา แต่ก็อาจจะต้องติดเครื่องดูดควันเพิ่มขึ้นมาด้วย เพราะเป็นครัวเปิดค่ะ ส่วน Backsplash ด้านหลังทางโครงการติดมาให้เป็นกระเบื้อง ทำให้เวลาปรุงอาหารแล้วกระเด็นก็สามารถเช็ดทำความสะอาดได้ง่าย แต่ห้องจริงที่ส่งมอบให้ลูกบ้านจะไม่ได้มีให้นะคะ ต้องติดเพิ่มเองค่ะ
ถัดไปเป็นซิงค์ล้างจานตามมาตรฐานของโครงการ มีขนาดพอจะใส่จาน และแก้วน้ำได้ 2 – 3 ใบ และมีความลึกพอสมควรที่จะล้างแล้วน้ำไม่กระเด็นออกมาค่ะ
ตู้ลอยสำหรับเก็บของด้านบนเป็นตู้บานเปิด 2 ตู้ ภายในแบ่งเป็นช่องเก็บของ ส่วนด้านล่างเป็นตู้ช่องโล่งสำหรับวางไมโครเวฟค่ะ
ส่วนมุมติดประตูอีกฝั่งหนึ่ง ทางโครงการก็ Built-in ตู้มาให้เช่นกัน ด้านข้างเป็นตำแหน่งสำหรับวางตู้เย็น โดยห้องตัวอย่างจัดไว้มีขนาด 6.9 คิว ถ้าจะซื้อตู้เย็นขนาดใหญ่กว่านี้ก็อย่าลืมคำนึงถึงขนาดพื้นที่วางด้วยนะคะ
ภายในตู้เก็บของทำเป็นชั้นวางของไว้เรียบร้อย
ส่วนถัดมาน่าจะเป็นตำแหน่งสำหรับวางโต๊ะทานอาหาร ซึ่งห้องตัวอย่างตกตกแต่งไว้เป็นโต๊ะเขียนหนังสือ 2 ที่นั่งแทน ก็แล้วแต่ไลฟ์สไตล์ของผู้อยู่อาศัยนะคะว่าชอบแบบไหน
มุมโต๊ะหนังสือ 2 ที่นั่ง ถ้าเปลี่ยนเป็นวางโต๊ะทานอาหารก็สามารถวางโต๊ะที่มีขนาด 2 ที่นั่ง ตามปกติแล้วเฟอร์นิเจอร์ในห้องของลุมพินีจะไม่ได้แถมให้ แต่จะมีราคาค่าการตกแต่งเสนอไว้ให้ จึงสามารถจ้างช่างตกแต่งได้จากทางโครงการเลย
ถัดมาในส่วนของพื้นที่นั่งเล่นมีการจัดวางชุดโซฟาขนาด 2 ที่นั่ง ระยะดูทีวีของห้องนั่งเล่น มีระยะห่างประมาณ 2 เมตร มีขนาดทีวีที่เหมาะสมอยู่ที่ 46 นิ้ว โดยทีวีที่ห้องตัวอย่างจัดไว้จะเป็นแบบติดผนัง ซึ่งก็เหมาะสมค่ะ เพื่อไม่ให้บังทางเดินไปพื้นที่ระเบียงที่อยู่ด้านใน
พื้นที่ระหว่างชั้นวางทีวีถึงโซฟาเหลือประมาณ 1.2 ม. นอกจากจะเป็นทางเดินไปพื้นที่ระเบียงด้านในแล้ว ถ้าต้องการวางโต๊ะกลางตัวเล็ก แนะนำเป็นโต๊ะที่มีล้อเคลื่อนที่ได้ ซึ่งสามารถปรับเป็นโต๊ะอเนกประสงค์สำหรับทานข้าว เขียนหนังสือได้ และตัวล้อสามารถสอดเข้าไปใต้เก้าอี้ได้จึงไม่เปลืองพื้นที่ค่ะ
ติดกับกับห้องรับแขกเป็นประตูกระจกบานเลื่อน เพื่อเปิดออกไประเบียง
ธรณีประตูกั้นระหว่างพื้นห้องและพื้นระเบียง มีความสูงขึ้นมาเพื่อกันไม่ให้น้ำจากระเบียงไหลเข้าสู่พื้นที่พักอาศัยด้านใน ตัวรางของประตูบานเลื่อนจะอยู่บนขอบประตูธรณีอีกชั้นหนึ่ง เวลาเดินเข้าออกก็ระวังสะดุด พื้นระเบียงปูด้วยกระเบื้องเซรามิค ขนาด 30 x 30 ซม. ซึ่งทำให้ทำความสะอาดง่าย มีความคงทนต่อสภาพแวดล้อม และผิวหน้ากระเบื้องจะป้องกันการลื่นได้ค่ะ
วงกบประตูเป็นอลูมิเนียมอบสีดำ ตัวล็อกจะเป็นตัวล็อกแบบฝังกับประตูบานละ 1 ตำแหน่ง ถ้าต้องการให้รู้สึกปลอดภัยมากขึ้นสามารถติดตัวล็อกแบบก้นหอยตรงกลางระหว่างประตู 2 บานได้อีก 1 ตำแหน่ง ประตูเก็บรายละเอียดมาได้ค่อนข้างดีนะคะ โดยที่ขอบประตูมีติดกันชน และติดสักกะหลาดกันฝุ่น กันเสียงไว้ให้เรียบร้อยค่ะ
พื้นที่ระเบียงมีขนาด 0.8 x 2.45 ม. ซึ่งเป็นพื้นที่ไว้สำหรับวางราวตากผ้านะคะ ขอบระเบียงถูกกั้นราวกันตกไว้เรียบร้อย วัสดุเป็นเหล็กทาสีน้ำตาลไว้ค่ะ
พื้นที่ระเบียงทั้ง 2 ฝั่งเป็นที่เปล่านะคะ และที่พื้นได้เดินท่อระบายน้ำไว้ให้ในกรณีฝนตก หรือตากผ้าแล้วทำระเบียงเปียกก็สามารถระบายน้ำลงไปทางท่อได้ค่ะ
ที่ตั้งของคอมเพลสเซอร์ แอร์ 2 ตัวจะแขวนอยู่ด้านบนและเป่าออกด้านนอก จึงทำให้สามารถใช้งานพื้นที่ระเบียง ได้เต็มที่ค่ะ
จากระเบียงภายนอกมองกลับเข้ามาในห้องนะคะ ระหว่างผนังแขวนวางทีวีและ Pantry ครัวเป็นประตูทางเข้าห้องนอน บานประตูเป็นวัสดุเดียวกับประตูหน้าห้องแตกต่างกันที่ขนาดจะเล็กลงมาหน่อย
พื้นระหว่างห้องรับแขกและห้องนอนจะเป็นวัสดุเดียวกัน กั้นกันด้วยธรณีประตูเล็กๆที่ช่วยให้เวลากวาดพื้นห้องรับแขก ฝุ่นต่างๆก็ไม่เข้าไปในห้องนอนนะคะ
ด้านในห้องนอนมีขนาดพอสำหรับวาง Furniture ต่างๆ ได้แก่ เตียงขนาด 6 ฟุตวางไว้ติดกับหน้าต่าง ทำให้มีพื้นที่ข้างเตียงเหลืออีกฝั่งหนึ่งค่อนข้างกว้าง
พื้นที่รอบเตียงที่ติดกับฝั่งหน้าต่างและพื้นที่ปลายเดียงจะเหลือพื้นที่นิดเดียวให้พอเดินได้รอบเตียง แต่ไม่มีพื้นที่เหลือพอให้วางชั้นวางทีวีนะคะ ถ้าจะติดทีวีในห้องนี้ต้องติดแบบแขวน ส่วนพื้นด้านข้างเดียงอีกฝั่งค่อนข้างกว้างทีเดียว ซึ่งทางโครงการได้ Built-in ตู้เสื้อผ้าไว้ที่ผนังฝั่งที่เหลือค่ะ
สำหรับหน้าต่างในห้องนอนมีขนาดใหญ่พอสมควร แม้ว่าจะไม่ได้เป็นบานใหญ่บานเดียวแต่ก็เป็นช่องให้แสงธรรมชาติเข้ามายังห้องนอนได้เพียงพอ โดยหน้าต่างกระจกใสจะเป็นบานผสมระหว่างบาน Fix และบานกระทุ้งอยู่บานหนึ่งเอาไว้เปิดรับลม ระบายอากาศได้บ้างค่ะ
จากหน้าต่างของห้องนอนมองกลับเข้ามาในห้อง จะเป็นตำแหน่งของตู้เสื้อผ้าที่โครงการจะแถมมาให้กับห้องเลย ติดกันมีทางเข้าห้องน้ำด้วยค่ะ
มาดูตู้เสื้อผ้ากันก่อน ตู้เสื้อผ้าที่โครงการให้ถูก Built-in ไว้จะเป็นตู้บานเลื่อน 2 บาน ภายในยังมีราวแขวนผ้า ซึ่งแขวนได้ทั้งแบบเสื้อผ้าตัวสั้นและตัวยาวนะคะ และมีลิ้นชักเก็บของ 2 ช่อง รวมถึงตู้ช่องโล่งไว้ใส่ของได้อีก 2 ช่อง ส่วนด้านบนมีพื้นที่กว้างพอสมควรไว้เก็บผ้านวมผืนใหญ่ๆ ได้ค่ะ
มือจับตู้เสื้อผ้า สามารถจับได้ถนัดมือดีค่ะ
มาดูรายละเอียดของห้องน้ำกันต่อ
พื้นห้องน้ำมีระดับลดลงจากพื้นห้องนอนเล็กน้อย และมีธรณีประตูสูงขึ้นเล็กน้อย เพื่อกันน้ำจากภายในห้องน้ำไหลออกมายังห้องนอนค่ะ
ภายในห้องน้ำจะถูกแยกส่วนเปียกและส่วนแห้งชัดเจนด้วยฉากกั้นอาบน้ำ ผนังและพื้นโดยรอบเป็นกระเบื้องทั้งหมดที่แตกต่างกันคือพื้นภายในห้องน้ำจะเป็นแบบด้าน เพื่อช่วยกันลื่นภายในห้องน้ำค่ะ
อ่างล้างหน้าตามมาตรฐานของโครงการ มีขนาดไม่ใหญ่มาก และมีความลึกของตัวอ่างไม่มาก ทำให้เวลาล้างมือล้างหน้าน้ำอาจจะกระเด็นนะคะ ควรหาผ้าเช็ดเท้ามาวางที่พื้นซักผืนก็จะช่วยให้พื้นส่วนแห้งไม่เปียกได้ ส่วนด้านข้างอ่างจะมีพื้นที่วางของได้พอสมควร
เคาน์เตอร์ใต้อ่างล้างหน้าเป็นตู้มีหน้าบานเปิดปิดผสมกับตู้ช่องโล่ง มีขนาดไม่ใหญ่มาก แต่ก็พอให้ใส่ผ้าเช็ดมือผืนเล็กๆ และของใช้ได้อีกนิดหน่อย อย่าลืมเผื่อพื้นที่ในตู้ไว้สำหรับซ่อมก๊อกน้ำนะคะ
โถสุขภัณฑ์เป็นโถแบบ 2 ชิ้นยี่ห้อ American Standard หรือเทียบเท่า เป็น Set มากับที่แขวนกระดาษชำระและสายฉีดชำระยี่ห้อเดียวกันค่ะ ด้านข้างมีการเว้นพื้นที่พอสมควรเพื่อให้สะดวกในการหยิบทิชชู่ แต่ถ้าติดที่แขวนกระดาษชำระไว้ฝั่งขวาจะใช้งานง่ายขึ้น เพราะอยู่ฝั่งเดียวกับสายฉีดชำระค่ะ
พื้นที่อาบน้ำมีฉากกั้นอาบน้ำติดตั้งให้เรียบร้อย
เป็นฉากกั้นอาบน้ำแบบ 3 ตอน ทำให้เปิดได้กว้าง วัสดุเป็นอลูมิเนียมสีธรรมชาติทำให้ไม่เป็นสนิม
พื้นที่อาบน้ำมีขนาดประมาณ กว้าง 0.7 x 1.1 เมตร
ภายในติดตั้งอุปกรณ์อาบน้ำไว้เรียบร้อย พร้อมที่วางสบู่ แต่จะไม่ได้เครื่องทำน้ำอุ่นนะคะ
หน้าตาของฝักบัวและก๊อกเปิดปิดของ American Standard เช่นกัน มีขนาดจับได้ถนัดมือดีค่ะ
ต่อไปมาดูห้อง 2 Bedroom กันบ้าง เป็นห้อง 2 Bedroom ที่ทำออกมาได้ลงตัวสำหรับ 2 ห้องนอนจริงๆ ต่างจากปกติของลุมพินีที่มักจะนำห้องแบบ 1 ห้องนอนมา Combine กัน ทำให้ห้องนี้มีขนาดออกมาไม่ใหญ่มากอยู่ที่ 40.5 ตร.ม. เวลาคิดราคา Package ห้องออกมาแล้วจึงไม่สูงมากเมื่อเทียบกับโครงการในละแวกเดียวกัน และมีฟังก์ชันครบ โดยแปลนจะคล้ายๆ กับห้องแรกแล้วเพิ่มห้องนอนกับพื้นที่ทานข้าวเข้ามาทางซ้าย ส่วนห้องน้ำมีห้องเดียวจึงเข้าได้จากพื้นที่ส่วนกลาง ทำให้เวลามีแขกมาบ้านก็ไม่ต้องเดินผ่านห้องนอนค่ะ สามารถเข้าจากห้องรับแขกได้เลย
จากประตูห้องมองเข้ามาด้านใน ฝั่งซ้ายจะเป็นที่ทานอาหาร มองเข้าไปตรงๆจะตรงกับห้องนอนเล็ก ส่วนทางขวาจะเป็นพื้นที่นั่งเล่น รับแขก
มาดูรายละเอียดทีละส่วนนะคะ เริ่มจากพื้นที่วางโต๊ะรับประทานอาหารจะได้พื้นที่เป็นสัดส่วนเลย กว้างประมาณ 2.2 ม. เหมาะจะวางโต๊ะแบบยาวหน่อยหน้าไม่กว้างนัก เพื่อให้เหลือพื้นที่สำหรับวางเก้าอี้ทั้ง 2 ฝั่งได้แบบในห้องตัวอย่าง ผนังด้านหลังสามารถทำเป็นชั้นวางของได้เต็มพื้นที่เลย ห้องจริงจะไม่ได้ชั้นวางของแบบนี้แต่ก็สามารถเก็บไว้เป็นไอเดียในการตกแต่งได้ค่ะ
ภายในห้องนอนเล็กมีขนาดเหมาะสำหรับเด็กวัยรุ่นที่ยังมีของใช้ต่างๆ ไม่มากนัก ภายในมีพื้นที่พอเหมาะสำหรับวางเตียงขนาด 3 ฟุตวางไว้ชิดหน้าต่าง ทำให้มีพื้นที่ข้างเตียงเหลือฝั่งเดียว ซึ่งทางโครงการได้ Built-in ตู้เสื้อผ้าไว้ที่ผนังฝั่งที่เหลือค่ะ ส่วนช่องแสงในห้องจะมีหน้าต่างบานขนาดกลางที่เป็นบาน fix ผสมกับบานเลื่อน เหมือนแบบในห้อง 1 Bedroom เช่นเดียวกันค่ะ
หัวเตียงเหลือพื้นที่เล็กน้อยให้สามารถวางโต๊ะหัวเตียงได้ และติดกันเป็นพื้นที่สำหรับวางตู้เสื้อผ้า
ตู้เสื้อผ้าในห้องนอนเล็กทาางโครงการจะ Built-in มาให้เลยนะคะ ภายในก็จะคล้ายๆกับห้องแรกคือมีลิ้นชักเก็บของและราวแขวนเสื้อผ้า แค่จะมีขนาดเล็กลงมาหน่อย
พื้นที่ทางเดินภายในห้องเหลือพื้นที่ประมาณ 1.7 x 1.8 ม. ก็ค่อนข้างกว้างพอสมควร ทำให้การอยู่อาศัยภายในห้องไม่ค่อยอึกอัดเท่าไหร่ สามารถเดินขึ้นเตียงได้สบาย และมีพื้นที่สำหรับเปิดตู้เสื้อผ้าได้เหมาะสมค่ะ
ออกมาจากห้องนอนเข้าสู่พื้นที่ส่วนกลางอีกฝั่งหนึ่ง ทางซ้ายเป็นตำแหน่งของชุดเก้าอี้รับแขกซึ่งจะติดกับห้องนอนใหญ่ ส่วนฝั่งขวาจะเป็นตำแหน่งของ Pantry ครัวซึ่งติดกับห้องน้ำที่มีอยู่เพียงห้องเดียว
มาดูชุดครัวกันก่อน ชุดครัวมีหน้าตาและตัววัสดุอุปกรณ์เหมือนกับห้องแรกเลย แตกต่างแค่ขนาดของเคาน์เตอร์ที่มีขนาดใหญ่ขึ้น ส่วนตู้เก็บของต่างๆ ก็มีช่องเก็บของให้มากขึ้นค่ะ
พื้นที่สำหรับวางตู้เย็นจะสามารถวางตู้เย็นได้ใหญ่กว่าห้องแรก โดยห้องตัวอย่างวางตู้เย็นขนาด 7.4 คิวไว้ ถ้าจะวางตู้เย็นที่กว้างกว่านี้คงต้องเช็คขนาดนิดนึง เพราะอาจจะไปบังปลั๊กไฟด้านหลัง ทำให้ใช้งานไม่สะดวกนะคะ
พื้นที่บนเคาน์เตอร์มีพื้นที่สำหรับปรุงอาหารมากขึ้น และผนัง Backsplash ด้านหลังเคาน์เตอร์ทางโครงการจะติดกระเบื้องมาให้เรียบร้อย ทำให้เวลาปรุงอาหารแล้วน้ำมันกระเด็นก็สามารถทำความสะอาดได้ง่าย
ติดกันเป็นห้องน้ำ วัสดุของประตูจะเหมือนกับห้องน้ำในห้องแบบแรกเลยนะคะ
พื้นที่ด้านในมีขนาดพอๆกัน มีการแบ่งพื้นที่โซนเปียก โซนแห้ง และมีวัสดุอุปกรณ์ให้ครบถ้วนเหมือนกัน
พื้นที่อาบน้ำจะได้ฉากกั้น 3 ตอนเหมือนกัน ภายในติดตั้งฝักบัวอาบน้ำ ที่วางสบู่ และเดินระบบสำหรับติดตั้งเครื่องทำน้ำอุ่นไว้ให้แล้วเรียบร้อย
ต่อไปมาดูรายละเอียดฝั่งห้องนั่งเล่นต่อนะคะ พื้นที่นั่งเล่นอยู่ระหว่าง Pantry ครัว และระเบียงด้านนอก ทำให้มีแสงธรรมชาติเข้ามาภายในพื้นที่นั่งเล่น และพื้นที่นั่งทานข้าวได้
พื้นที่นั่งเล่นในห้องตัวอย่างจัดวางชุดโซฟาไว้มีขนาด 2 ที่นั่ง ระยะดูทีวีของห้องนั่งเล่น มีระยะห่างประมาณ 2 เมตร มีขนาดทีวีที่เหมาะสมอยู่ที่ 46 นิ้ว โดยทีวีที่ห้องตัวอย่างจัดไว้จะเป็นแบบติดผนัง ซึ่งก็เหมาะสม เพื่อไม่ให้บังทางเดินไปพื้นที่ระเบียงที่อยู่ด้านใน
พื้นที่ระหว่างชั้นวางทีวีถึงโซฟาเหลือประมาณ 1.4 ม. พอวางโต๊ะกลางแล้วก็ยังเหลือพื้นที่ทางเดินให้สามารถไปยังระเบียงได้สะดวก
ผนังสำหรับแขวนทีวี ในห้องจริงที่ส่งมอบให้ลูกค้า จะเป็นผนังฉาบเรียบทาสีขาว ไม่ได้ตกแต่งแบบนี้นะคะ ส่วนด้านขวาจะเป็นประตูสำหรับเข้าห้องนอนค่ะ
ติดกับกับห้องรับแขกเป็นประตูกระจกบานเลื่อน เพื่อเปิดออกไประเบียง ซึ่งตัวขอบธรณีประตูจะยกขึ้นให้สูงขึ้นมาเพื่อป้องกันน้ำจากระเบียงไหลเข้ามาในห้อง เวลาเดินผ่านก็ระวังสะดุดนิดนึง
พื้นที่ระเบียงทั้ง 2 ฝั่งเป็นที่เปล่านะคะ และที่พื้นได้เดินท่อระบายน้ำไว้ให้ในกรณีฝนตก หรือตากผ้าแล้วทำระเบียงเปียกก็สามารถระบายน้ำลงไปทางท่อได้ค่ะ
ที่ตั้งของคอมเพลสเซอร์ แอร์ 2 ตัวเป็นแบบแขวนและเป่าออกด้านนอกเช่นเดียวกับห้องแบบแรก จึงทำให้สามารถใช้งานพื้นที่ระเบียง ได้เต็มที่
จากระเบียงภายนอกมองกลับเข้ามาในห้องนะคะ ระหว่างผนังแขวนวางทีวีและ Pantry ครัวเป็นประตูทางเข้าห้องนอน
ด้านในห้องนอนมีขนาดเล็กกว่าห้องนอนในห้องแบบแรกนิดหน่อยแต่ก็มีฟังก์ชันครบเหมือนกัน ภายในห้องนอกจากจะมีพื้นที่วางเตียงขนาด 6 ฟุตได้แล้วทางโครงการยัง Built-in ตู้เสื้อผ้าและโต๊ะเครื่องแป้งไว้ที่ผนังฝั่งที่เหลือค่ะ
ส่วนปลายเตียงเหลือพื้นที่นิดเดียวพอให้เดินผ่านเข้า-ออกได้ แต่จะไม่มีพื้นที่เหลือให้วางชั้นวางทีวี ถ้าจะติดทีวีในห้องนี้ต้องติดแบบแขวน พื้นด้านข้างเตียงอีกฝั่งหนึ่งมีพื้นที่เหลือให้สำหรับเดินขึ้นเตียงและเปิดตู้เสื้อผ้าได้ โดยมีความกว้างประมาณ 0.6 ม.
สำหรับหน้าต่างของห้องนอนได้แบบเดียวกับห้องนอนของแบบ 1 Bedroom ซึ่งก็เป็นช่องแสงขนาดใหญ่พอสมควรให้แสงธรรมชาติเข้ามายังห้องนอนได้เพียงพอ
จากหน้าต่างของห้องนอนมองกลับเข้ามาในห้อง จะเป็นตำแหน่งของตู้เสื้อผ้าและโต๊ะเครื่องแป้งที่ Built-in ไว้ให้
ปลั๊กและสวิตซ์ไฟฟ้าที่ได้ มีหน้าตาแบบนี้ตามมาตรฐานของโครงการค่ะ
**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ
ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 13 January 2016
- 1 Bedroom เนื้อที่ 27 ตร.ม. ทิศตะวันตก ราคา 3.5 ล้านบาท หรือ 129,629 บาท/ตร.ม.
- 2 Bedroom เนื้อที่ 40 ตร.ม. ทิศใต้ ราคา 5.55 ล้านบาท หรือ 137,500 บาท/ตร.ม.
- Fully Fitted
- ฝ้าเพดานสูง 2.6 เมตร
- Kitchen & Sink
- จอง+ทำสัญญา 1 ห้องนอน 10,000 บาท, 2 ห้องนอน 12,000 บาท
- ดาวน์ 16% ผ่อนดาวน์ 15 งวด
- ค่ากองทุน 700 บาท/ตร.ม.
- ค่าส่วนกลาง 50 บาท/ตร.ม./เดือน
**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ
ทำเล – โครงการลุมพินี สวีท เพชรบุรี – มักกะสัน อยู่ในทำเลที่ค่อนข้างดีสำหรับถนนเพชรบุรีนะคะ ดีเด่นสู้สุขุมวิทไม่ได้ แต่ก็สามารถเดินทางไปย่านอโศก พระราม 9 ได้ไม่ลำบากเลย แม้ว่าความอุดมสมบูรณ์อย่างศูนย์การค้าสำคัญๆ และคอมมูนิตี้มอลล์จะต้องใช้รถยนต์ในการเดินไปสักหน่อย แต่ด้วยความที่ทำเลโครงการอยู่ในแหล่งอาคารสำนักงานจึงมีตลาดให้พึ่งพิงในระยะที่เดินไปได้ ในช่วงกลางวันคึกคักของกินเยอะ ส่วนตอนกลางคืน คงต้องอาศัยรถไปหน่อยค่ะ
การเดินทางโดยใช้รถ – สำหรับการลัดเลาะไปถนนสุขุมวิทก็ทำได้ไม่ยากเพราะมีซอยลัดให้เลือกเยอะ แต่ต้องทำใจหน่อยตอนรถติด สำหรับคนที่คุ้นเคยการใช้งานเส้นทางลัดเลาะ ที่อยู่ระหว่างสุขุมวิท กับ เพชรบุรี จะรู้กันดีว่า ในช่วงเวลาไหน ควรหลบเข้าซอย และช่วงเวลาไหน ที่วิ่งบนถนนเพชรบุรีสะดวก… อันเนื่องมาจากถนนเพชรบุรี สามารถเดินทางออกนอกเมืองได้ง่ายและมีทางด่วนใกล้ๆ คนที่อยู่ที่ทำเลแบบนี้ แล้วทำงานนอกเมืองหน่อย จะได้เปรียบชาวบ้านเขาเยอะมาก เพราะเดินทางสวนกับคนอื่นเขา ตอนเช้าวิ่งออกนอกเมือง รถไม่ติดเท่าไร ตกเย็นเดินทางเข้าเมืองก็สวนทางกับเขาอีก … เป็นทางเลือกที่ควรนำมาพิจารณา เพราะทำให้ใช้เวลาบนถนนน้อยลงมาก
การเดินทางโดยไม่ใช้รถ – ถือว่าพอใช้ได้โครงการอยู่ติดถนนใหญ่ แม้ว่าไม่ได้ติดสถานีรถไฟฟ้าเลยแต่ก็มีทั้ง Shuttle Bus ของโครงการและพี่วินอยู่ใกล้ๆโครงการ เรียกไปขึ้นได้เพียง 20 บาท เท่านั้น นอกจากนี้ยังมีตัวช่วยทางเรือให้ใช้เข้าเมืองในเส้นทางของคลองแสนแสบได้ด้วย หรือถ้าต้องการใช้แท็กซี่ก็สะดวกอีกเช่นกัน เพราะโครงการติดกับถนนใหญ่ ทำให้เวลาจะเรียกแท็กซี่ก็ออกมาเรียกหน้าโครงการได้เลย
วัสดุ – วัสดุอุปกรณ์ของที่ให้มา ถือว่าได้ตามมาตรฐานของระดับราคาโครงการสมัยนี้ แต่ถ้าเทียบกับโครงการมือสองในละแวกนี้ก็มองว่าวัสดุของโครงการมือสองจะดีกว่าหน่อย ก็เป็นปกติตามยุคสมัยที่เปลี่ยนไปนะคะ
การออกแบบ – การออกแบบที่ทำมาค่อนข้างดี คือหลบพวกตึกสูงโดยรอบได้ดีทำให้ห้องพักไม่รู้สึกอึดอัดแม้จะอยู่ใกล้ตึกสูงและใช้ประโยชน์จากวิวโดยรอบได้คุ้มค่า โดยวางห้องพักส่วนใหญ่ให้ได้วิวพื้นที่สีเขียวในมักกะสัน การออกแบบห้องทำออกมาค่อนข้างมาตรฐาน เน้นพื้นที่ใช้สอยภายในห้องเป็นหลัก ในพื้นที่ของห้องที่ไม่ใหญ่นัก เพื่อให้ราคา Package ของห้องที่หยิบจับง่าย แต่ก็ได้ฟังก์ชั่นที่ครบถ้วนตามมาตรฐาน
สาธารณูปโภค – สาธารณูปโภคถือว่าโครงการทำออกมาได้หลากหลายฟังก์ชัน และมีอยู่หลายตำแหน่งในโครงการ ซึ่งก็มีทั้งที่เล็กบ้าง ใหญ่บ้างคละกันไป แต่โดยรวมก็น่าพอใจเมื่อเทียบกับราคาต่อห้อง สำหรับส่วนกลางส่วนใหญ่จะอยู่บนชั้น 10 ซึ่งก็อยู่ด้านหลังอาคารที่จะคอยบังแดดช่วงบ่ายให้ ทำให้ส่วนกลางสามารถใช้งานได้ตั้งแต่ช่วงบ่ายเลยทีเดียว สิ่งที่ไม่แน่ใจว่าจะพอน่าจะเป็นที่จอดรถที่มีประมาณ 40% ไม่รวมจอดซ้อนคัน และอัตราส่วนลิฟท์ที่ 212 : 1 ที่จะหนาแน่นหน่อยในช่วงเร่งด่วนยามเช้าค่ะ
Judgement
การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้
ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%
เทียบกับราคาเฉลี่ย 140,000 บาท/ตร.ม., 13 January 2017
- ทำเล 8/10 – ทำเลติดถนนใหญ่ เดินทางสะดวกเข้าเมืองง่าย ปัจจุบันยังไม่เด่นแต่มีศักยภาพในอนาคต
- เดินทางด้วยรถ 8/10 – เดินทางสะดวก เชื่อมต่อไปได้หลายเส้นทาง ใกล้ทางด่วน แต่อัตราส่วนที่จอดรถมีเพียง 40%
- ไม่ใช้รถ 7.5/10 – มีให้เลือกใช้หลายทางทั้งแท็กซี่ พี่วิน ส่วน MRT ต้องเดินไกลหน่อยแต่โครงการก็มี Shuttle Bus ให้บริการ
- วัสดุ 7.5/10 – ให้มาแบบ Fully Fitted วัสดุตามมาตรฐานราคา
- แบบ 7.5/10 – ออกแบบอาคารดี มีการหลบอาคารสูงทำให้ได้วิวที่ดี ห้องพักไม่กว้างนักแต่ก็มีฟังก์ชันครบ
- สาธารณูปโภค 8/10 – มีมาให้ครบ อาจจะเล็กบ้าง ใหญ่บ้างแต่เทียบกับราคาก็ถือว่าให้มาเยอะดี
- UPPER-HIGH CLASS
- 7.8 / 10.00
BOTTOM LINE
ลุมพินี สวีท เพชรบุรี – มักกะสัน เหมาะกับคนที่มองหาคอนโดมือหนึ่งหรือทำงานในย่านเพชรบุรีตัดใหม่ มักกะสัน และ อโศก ต้องการที่พักอยู่ใกล้แหล่งงาน แหล่งความเจริญ สามารถใช้ชีวิตในเมืองได้สะดวก ไม่ได้เน้นความหรูหราเหมือนคอนโดใน Prime Area ส่วนใหญ่แต่ต้องการทำเลที่สะดวกในราคา Package ห้องที่จับต้องได้ มีงบประมาณเริ่มต้นที่ 3.5 ล้านบาทขึ้นไป
ถ้าเห็นว่ารีวิวนี้มีประโยชน์ ช่วยกด LIKE ให้ผมหน่อยนะคะ จะได้มีกำลังใจทำรีวิวถัดๆไปค่ะ
สมัครสมาชิกพร้อมรับข่าวสารเพิ่มเติม (คลิกที่นี่ )