ถึงช่วงหยุดยาวกันแล้วนะคะ ช่วงนี้หลายๆคนคงมีแพลนได้เดินทางไปพักผ่อนหย่อนใจตามต่างจังหวัดกันหรือบางคนก็เที่ยวทิพย์อยู่ที่บ้านแทน (เหมือนผู้เขียน^ ^) ส่วน Think of Living เราเองก็อยากขอยกประเด็นคอนโดตากอากาศ อิงกับเทศกาลนี้ไปด้วยเลย
หลังๆมานี้เราเห็นหลายๆโครงการสร้างคอนโดตากอากาศนอกจากสร้างมาขายกลุ่มลูกค้าที่มองหาบ้านหลังที่สองตามสถานที่ท่องเที่ยวแล้ว ก็ยังมีกลุ่มลูกค้าที่เป็นนักลงทุนมาผสมอีกด้วย ดังนั้นรูปแบบโครงการหลายๆที่จึงไม่ได้ขายแค่คอนโดอย่างเดียว บางโครงการก็มี Service บางอย่างพ่วงเข้ามาด้วย เช่น คอนโดที่มี Service ของโรงแรมบริการ , คอนโดที่มี Service ดูแลจัดการเรื่องการหาคนเช่าและจัดการเรื่องการทำความสะอาดให้ หรือว่าบางคอนโดก็ให้คนซื้อทำสัญญาพ่วง อนุญาตให้จัดห้องพักปล่อยเช่าเหมือนโรงแรมเลยก็มี โดยมีเงื่อนไขว่าคนซื้อจะสามารถเข้าพักได้จำกัดจำนวนวัน และจะได้ผลตอบแทน (yeild) เท่านั้น เท่านี้% ดังนั้นในบทความนี้ เราจะลองมาดูกันว่าคอนโดตากอากาศเนี่ย ปัจจุบันมีรูปแบบโครงการอย่างไรบ้าง พร้อมกับยกตัวอย่างโครงการตากอากาศมาให้ดูกันค่ะ
* ชื่อเรียก, นิยามต่างๆ และข้อมูลในบทความนี้ เรารวบรวมจากการเข้าไปทำรีวิวของ Think of Living หลายๆโครงการ ทั้งนี้ ความหมายของแต่ละชื่ออาจจะมีการเปลี่ยนแปลงขึ้นอยู่กับวิธีการขายของแต่ละ Developer อยู่ดีนะคะ
ก่อนอื่นเราขอแบ่งประเภทคอนโดตากอากาศที่เราเคยเจอกันเป็น 3 ประเภท ดังนี้ค่ะ
- คอนโดตากอากาศ : เป็น Original คอนโดตากอากาศทั่วไปเลย ออกแบบตัวอาคารเป็นคอนโดมิเนียม แต่มีทำเลที่ตั้งอยู่ในเมืองตากอากาศ
- คอนโดตากอากาศที่ทำเป็นโรงแรม (Condotel / Residence hotel) : โครงการที่ออกแบบมาโดยมีจุดประสงค์เพื่อการลงทุนโดยเฉพาะ มีการร่วมลงทุนจากนักลงทุนรายย่อย(ผู้ซื้อห้อง) โดยมีข้อตกลงร่วมกันในเรื่องผลตอบแทน การดูแลและการบริหารโครงการ รวมถึงสิทธิ์ในการเข้าพักตามแต่ข้อตกลงที่ทำสัญญาร่วมกันค่ะ
- คอนโดตากอากาศที่ได้ Service โรงแรม (Branded Residence) : คอนโดตากอากาศที่พ่วงการบริการพิเศษที่มีมาตรฐานระดับโรงแรม หรือสามารถเข้าไปใช้ Service และพื้นที่ส่วนกลางของโรงแรมในเครือได้
โดยเราจะเห็นได้ว่าตัวคอนโดตากอากาศเองก็มีการกลายพันธุ์กันไป จากเดิม (กลุ่มที่ 1) คนซื้อที่ซื้อมาโดยมีจุดประสงค์เพื่อเป็นบ้านหลังที่สอง และพอเป็นช่องทางหารายได้บ้างในช่วงที่ไม่ใช้งาน เปลี่ยนมาเป็นการซื้อเพื่อเน้นการลงทุนเป็นหลัก (กลุ่มที่ 2) การได้เข้าไปพักผ่อนถือเป็นเหตุผลรองในการซื้อ หรือคนที่ต้องการพักผ่อนในคอนโดส่วนตัว (กลุ่มที่ 3) แต่ต้องการการบริการในช่วงวันหยุดพักผ่อนเช่นเดียวกันกับการเข้าพักในโรงแรม
คอนโดตากอากาศ
เริ่มต้นกันกับคอนโดตากอากาศกันค่ะ คอนโดตากอากาศนั้นเป็นเสมือนบ้านหลังที่ 2 ของหลายๆครอบครัวให้มาพักผ่อนหย่อนใจในช่วงวันหยุดหรือช่วงสุดสัปดาห์กัน โดยมีรูปแบบเหมือนกันกับคอนโดมิเนียมทั่วๆไปในเมือง เพียงแต่ทำเลที่มาอยู่ในเมืองตากอากาศหรือเมืองท่องเที่ยวแทน อย่างเช่น พัทยา, หัวหิน, เขาใหญ่, ภูเก็ต เป็นต้น
ส่วนตัวเรามองว่าจุดประสงค์หลักของโครงการประเภทนี้ คือ การมาอยู่พักผ่อนเป็นหลัก หลายๆครอบครัวช่วงไหนไม่ได้มาใช้งานก็มักจะให้เพื่อนสนิทหรือญาติมิตรมายืมใช้ห้องต่อได้ แต่ทำไปทำมาจากการให้ยืมเฉยๆก็กลายเป็นการให้คนรู้จักเช่าแทน และได้ค่าตอบแทนมาเป็นรายได้เสริมเล็กน้อย เป็นค่าทำความสะอาดอะไรก็ว่าไปค่ะ แต่ส่วนมากก็จำกัดอยู่กันแค่คนรู้จักมาขอเช่าอยู่
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา จากการเกิดของ Airbnb ด้วย ทำให้หลายๆคนปล่อยห้องพักในคอนโดตากอากาศของตัวเองให้เช่ากันจริงจัง ทำกันเป็นธุรกิจกันมากขึ้น และไม่ใช่การปล่อยเช่ารายเดือนเท่านั้น ยังเป็นการปล่อยเช่ารายวันผ่านทาง Application ต่างๆไม่ว่าจะเป็น Airbnb, Agoda หรือว่า Booking แต่การปล่อยเช่าห้องในลักษณะนี้นั้นเสี่ยงต่อการทำผิดกฎหมายนะคะ เนื่องมาจากเราใช้งานอาคารผิดประเภทนั่นเอง (อาคารนี้ตอนก่อสร้าง ขออนุญาตมาเพื่อใช้อยู่อาศัย ไม่ใช่ทำเป็นโรงแรม) แต่ว่าส่วนใหญ่มักจะไม่ค่อยเกิดการฟ้องร้องกันในคอนโดตากอากาศเท่าไหร่ เนื่องจากคนที่มาพักมักจะมาแค่ช่วงสุดสัปดาห์ ไม่ได้ต้องการระบบรักษาความปลอดภัยหรือความเป็นส่วนตัวเทียบเท่ากับคอนโดที่คนมักจะใช้เป็นบ้านหลังแรกนั่นเองค่ะ อ่านต่อ > ปล่อยเช่าอย่างไรไม่ให้ผิดกฎหมาย
แต่ก็เพราะเรื่องการใช้งานที่นอกเหนือจากการอยู่เองแล้ว ความสามารถในการปล่อยเช่าได้ จึงเป็นอีกโจทย์ที่ Developer หรือคนที่พัฒนาโครงการคอนโดตากอากาศต่างๆต้องตีให้แตก เพื่อให้คนซื้อสามารถตัดสินใจซื้อโครงการได้ง่ายขึ้น ดังนั้นรูปแบบโครงการจึงมีการพัฒนาขึ้นมาให้ดูสวยงามมากขึ้น เช่น เป็นคอนโดที่ออกแบบมาสไตล์รีสอร์ท มี Facility ที่ออกแบบมาเหมือนโรงแรม มี Service การดูแลห้องเช่าและแม่บ้านให้ เพื่อให้คนซื้อไม่ต้องลำบากมาดูแลติดต่อคนเช่าเอง และมีจุดขายที่ดีในการลงห้องปล่อยเช่าตาม Website ต่างๆค่ะ
เราขอยกตัวอย่างคอนโดที่ออกแบบมาสวยงามเหมือนอยู่โรงแรมที่เราเพิ่งไปรีวิวมาเมื่อปีที่แล้วเป็นตัวอย่างนะคะ เป็นคอนโด La Habana หัวหิน จาก แสนสิริ (สาบานว่าบทความนี้ไม่ได้ค่าโฆษณาใดๆ จริงๆ นะ)
La Habana หัวหิน
โครงการนี้เป็นกลุ่มคอนโด Low Rise ที่อยู่หัวหินค่ะ ถือเป็นโครงการที่เราประทับใจพอสมควรเพราะดีไซน์เด่น มีองค์ประกอบในการออกแบบ โทนสีต่างๆที่มาจากสไตล์คิวบา ดูสนุกสนาน และเป็นคอนโดที่มีทำเลไม่ติดหาด แต่เดินไปหาดได้ไม่ไกล ในราคาที่หยิบจับได้ไม่ยาก ปัจจุบันเริ่มต้น 2.39 ล้านบาท (8 april 2021)
La Habana หัวหิน
ที่นี่ออกแบบส่วนกลางมาจัดเต็ม ฟังก์ชันต่างๆครบครัน และ มีการตกแต่งสวยงามน่าใช้งาน แบบที่มากับครอบครัวลูกๆ ต้องสนุกสนาน แต่ถ้าปล่อยเช่าก็ได้บรรยากาศของ Boutique hotel ค่ะ
La Habana หัวหิน
ส่วนรูปแบบห้องของที่นี่ ผังห้องที่ขายส่วนใหญ่จะเป็นผังที่มีฟังก์ชันเหมือนกับคอนโดทั่วๆไปที่ขาย คือมีครัว มีห้องน้ำ มีห้องนอน มีมุมนั่งเล่น พักผ่อน กินข้าว แต่ก็มีการดีไซน์ที่เข้ากับทำเลตากอากาศที่ตัวห้องเน้นการหันหน้าออกสู่ทะเล
รูปแบบคอนโดตากอากาศต่อมาที่เราเริ่มเห็นโมเดลนี้กันมาก คือ Condotel หรือบางโครงการจะเรียกว่า Residence Hotel ค่ะ ถ้าให้พูดง่ายๆคือคอนโดแบบนี้จะเน้นขายไปที่นักลงทุนเป็นหลัก ตัวคอนโดจะมีทีมงานที่คอยดูแล บริหารเรื่องปล่อยเช่าให้ มีทั้งการปล่อยเช่ารายวันและรายเดือนด้วยภายในตัว ส่วนนักลงทุนก็จะมีสัญญาตั้งแต่ต้นเลยว่าจะให้ทางทีมงานนี้ดูแลห้องเราเป็นระยะเวลากี่ปี? เราสามารถเข้าพักในห้องที่เราซื้อได้กี่วันต่อปี? และเราจะได้ผลตอบแทน (yeild) กี่เปอร์เซ็นต์? การันตีผลตอบแทนนี้เป็นระยะเวลากี่ปี? ตรงนี้ก็แล้วแต่สัญญาที่ตกลงกันนะคะ สรุปแล้วก็เหมือนกับว่าเราเป็นเจ้าของโรงแรม 1 ห้องนั่นเองค่ะ
แล้วทำไมถึงปล่อยเช่าได้เหมือนโรงแรม?
แต่การที่จะทำคอนโดมิเนียมให้สามารถปล่อยเช่ารายวันได้เหมือนกับโรงแรมนั้น เราขอยกตัวอย่างจากที่เคยเห็นมานะคะ
- เคสแรก คือการแบ่งพื้นที่ในโครงการเพื่อขออนุญาตแยกกันค่ะ กรณีนี้ก็จะมีการแยกชั้นพักอาศัย หรือแยกอาคารพักอาศัยเลยในการจดทะเบียนขออนุญาต เช่น อาคาร A ขออนุญาตก่อสร้างเป็นห้องพักอาศัย ส่วนอาคาร B ขออนุญาตก่อสร้างเป็นโรงแรม หรือในคอนโดที่อยู่อาคารเดียวกันเราก็เห็นกรณีเช่นนี้มาบ้างค่ะ ชั้นที่ 6-15 เป็นพื้นที่พักอาศัย ชั้นที่ 16-25 เป็นพื้นที่ส่วนโรงแรม เป็นต้น
- ส่วนเคสที่สอง คือตัวอาคารขออนุญาตก่อสร้างเป็นคอนโดเลย แต่ตอนที่ซื้อขายห้องนั้นจะมีการทำสัญญา 2 ส่วน ส่วนหนึ่งเป็นสัญญาซื้อขายห้องชุด และอีกส่วนเป็นสัญญาข้อตกลงที่มอบหมายให้อนุญาตนำห้องพักของเราไปปล่อยเช่าต่อ ทีนี้ทีมงานที่ดูแลจะบริหารเพื่อเช่ารายวัน รายเดือนก็ว่ากันไปอีกทีค่ะ ที่ต้องทำเช่นนี้เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการฟ้องร้องที่อาจจะเกิดขึ้นด้วยได้ ถือว่าเป็นเงื่อนไขที่ผู้ซื้อคอนโดรับรู้ และยอมรับในข้อตกลงนั้นๆก่อนที่จะทำการซื้อขายแล้ว จึงมักไม่มีปัญหาตามมาในภายหลัง
รูปแบบโครงการที่เป็น Condotel หรือ Residence Hotel
- ส่วนใหญ่ใน Condotel หรือว่า Residence Hotel แบบนี้จะมีการบริการภายในที่เหมือนกับโรงแรมค่ะ มีทีมงานต้อนรับ มีระบบ Check-in , Check-out มีบริการ Room Service มีแม่บ้านทำความสะอาด คนที่ไปพักก็จะได้รับความสะดวกสบายเหมือนโรงแรมเลย
- ในห้องพัก การออกแบบ Layout ห้องในยูนิตเล็กของบางโครงการก็จะออกแบบเหมือนห้องพักในโรงแรมด้วย ไม่มีห้องครัวเหมือนกับห้องพักในคอนโดทั่วไป นอกจากนี้ การตกแต่งภายใน เฟอร์นิเจอร์ หรือของตกแต่งต่างๆก็จะขายรวมกับราคาห้องพักไปเลย เพื่อให้การดูแลจัดการเป็นไปในมาตรฐานเดียวกันทั้งหมดค่ะ
ตัวอย่างโครงการที่สร้างเป็น Condotel เลยคือ ECOresort ที่บางเสร่
ECOresort
โครงการ ECOresort ได้ออกแบบมาเป็นคอนโด Lowrise 1 อาคาร และขออนุญาตก่อสร้างในรูปแบบคอนโดมิเนียม แต่ในการทำสัญญาซื้อ-ขายคอนโดนั้นจะมีสัญญาอีกชุดตกลงเรื่องการให้สิทธิ์ในการดูแลบริการโครงการและจัดการปล่อยเช่าให้แทนลูกบ้าน เห็นได้ว่าโครงการนี้เน้นขายนักลงทุนเป็นหลัก ส่วนตัวห้องก็จะนำไปปล่อยเช่า รายวันหรือรายเดือนก็ว่ากันไป คนที่มาเช่าก็เหมือนอยู่โรงแรม มีบริการต่างๆให้ใช้เหมือนกับพักในโรงแรมค่ะ
โครงการ ECOresort บางเสร่
เนื่องจากโครงการนี้ชัดมากว่าจะทำมาเพื่อปล่อยเช่า ดังนั้นทุกห้องพักในโครงการจึงขายพร้อมกับเฟอร์นิเจอร์พร้อมของตกแต่ง มีการจัดผังห้องที่เหมือนกับโรงแรมและการตกแต่งที่คุม Theme ให้เหมือนกันในทุกๆห้องค่ะ
ห้องพักในโครงการ ECOresort บางเสร่
อ่านรีวิวโครงการต่อ > ECOresort บางเสร่
อีกตัวอย่างคอนโดตากอากาศที่ออกแบบมาเป็น Residence Hotel ที่เราพาไปดูเป็นโครงการ MGallery Residences, MontAzure Lakeside ที่จังหวัดภูเก็ตค่ะ
MGallery Residences, MontAzure Lakeside
โครงการนี้เป็นหนึ่งในโปรเจค MontAzure ภูเก็ต ภายใน MontAzure เองก็จะมีทั้งโรงแรม สถานที่ท่องเที่ยว และคอนโดมิเนียมรูปแบบนี้เช่นกันค่ะ จุดเด่นของที่นี่คือการดึงเอาแบรนด์โรงแรม Mgallery หนึ่งในแบรนด์ Boutique Hotel ภายใต้เครือ Accor มาช่วยดูแลโครงการในส่วนของโรงแรม ทำให้ดีไซน์ภายในโครงการและภายในตัวห้องดูเก๋ไก๋ และมีระบบการดูแล, บริหาร และบริการที่ได้รับมาตรฐานค่ะ
MGallery Residences, MontAzure Lakeside
ส่วนการจดทะเบียนของโครงการนี้จะขออนุญาตก่อสร้างเป็นโรงแรมทั้งหมด แต่ก็จะมีการแบ่งพื้นที่ไว้ว่าโซนอาคารนี้จะต้องร่วม Rental Program ให้ทางโครงการจัดการปล่อยเช่าได้ และก็จะมีอีกโซนเป็นตัวเลือก สำหรับคนที่ต้องการซื้อเพื่ออยู่เองเช่นกันค่ะ
MGallery Residences, MontAzure Lakeside
ห้องพักจะขายพร้อมเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่ง เพื่อให้เป็น Concept เดียวกับตัวโรงแรมด้วยค่ะ ในการออกแบบก็จะมีกลิ่นอายที่นำเอามาจากแบรนด์ MGallery คืออ่างอาบน้ำลอยตัว และดีไซน์ที่ดูสนุกและทันสมัย
คอนโดตากอากาศอีกประเภทที่เริ่มเห็นกันจะเรียกคอนโดประเภทนี้ว่า Branded Residence ค่ะ เป็นคอนโดที่เพิ่มการบริการเฉกเช่นโรงแรมเอาไว้ให้ เช่น แม่บ้านทำความสะอาด, Concierge Service, สปา เป็นต้น
ไม่ได้ขายแต่ Product แต่ขาย Service ด้วย
คอนโดที่เป็น Branded Residence นั้นส่วนใหญ่มักจะตั้งราคาที่สูงขึ้นเมื่อเทียบกับคอนโดทั่วไป เพราะตัวโครงการไม่ได้ขายเฉพาะ Product ที่เป็นอาคารหรือห้องพักเท่านั้น แต่จะขายการบริการเพิ่มขึ้นด้วย (Product+Service) จึงตอบโจทย์ตลาดกลุ่ม Luxury ที่ไม่ได้ต้องการแค่ห้องไว้พักผ่อนเท่านั้น แต่ยังต้องการความสะดวกและสบายในการอยู่อาศัยอีกด้วย
จุดประสงค์หลักของคอนโดประเภทนี้สำหรับเรามองว่า “เป็นการอยู่อาศัยที่ได้ประสบการณ์พักผ่อนเหมือนในโรงแรม“ โดย Branded Residence นี้ก็ไม่ได้มีเฉพาะคอนโดตากอากาศเท่านั้น แต่ก็ยังมีคอนโดระดับ Super Luxury ในกรุงเทพฯ หลายแห่งเริ่มเพิ่มการบริการเข้าไปพร้อมกับโปรดักส์ที่เป็นคอนโดแล้วค่ะ ตัวอย่างเช่น Banyan Tree Residences Riverside Bangkok จาก Nirvana Daii ที่มี Service จากทาง Banyan Tree เพิ่มมาให้กับลูกบ้าน
คอนโดที่เป็น Branded Residence บางโครงการก็เป็น Condotel ด้วยเช่นกัน?
ถ้าเรากำหนดนิยามว่า Branded Residence คือคอนโดที่มี Service ของโรงแรมเพิ่มเติมขึ้นมา แล้ว Condotel อย่าง Mgallery Residences, MontAzure Lakeside ที่เรายกตัวอย่างไปข้างต้นก็น่าจะเข้าข่ายเป็น Branded Residence ด้วยใช่ไหม? ถ้าจะพูดแบบนี้ก็ถือว่าถูกค่ะ ตรงนี้เรามองว่าเป็นวิธีการขายและชื่อเรียกที่แต่ละโครงการจะใช้เรียกกันเลย freestyle มาก Condotel ก็สามารถเป็น Branded Residence ได้ เพียงแต่วิธีการไปพักที่ Condotel ของเราก็จะเหมือนกับการไปนอนโรงแรม ซึ่งต่างจากคอนโดแบบ Branded Residence เพียวๆที่เราทิ้งข้าวของส่วนตัวต่างๆไว้ได้ ถือว่านี่เป็นบ้านหลังที่สองของเรานั่นเองค่ะ
ส่วนคอนโดตากอากาศนั้นบางโครงการก็จะมีความพิเศษเพิ่มขึ้นมา เช่น ที่ดินของคอนโด และ ที่ดินของโรงแรมตั้งอยู่ใกล้กัน คนที่อยู่คอนโดนอกจาก Service ต่างๆที่ได้เหมือนอยู่โรงแรมแล้ว ก็ยังสามารถไปใช้งาน Facility ต่างๆที่อยู่ภายในโรงแรมได้ด้วย หรือบางโครงการที่เป็น Branded Residence เมื่อซื้อห้องพักอาศัยก็ได้เป็นสมาชิกในเครือโรงแรมอัตโนมัติ มีสิทธิพิเศษรับส่วนลดเมื่อไปเข้าพักโรงแรมในเครือ เป็นต้น ตัวอย่างคอนโดตากอากาศที่เป็น Branded Residence ก็เช่น Intercontinental Residences Hua Hin , Veranda Residence หัวหิน เป็นต้น
InterContinental Residences Hua Hin
InterContinental ถือเป็นแบรนด์โรงแรมที่มีชื่อเสียงระดับโลก จาก InterContinental Hotels Group ซึ่งตัวแบรนด์ InterContinental นี้จะเจาะกลุ่มตลาด Luxury & Lifestyle ซึ่งถือว่าเป็นกลุ่มตลาดบนนั่นเองค่ะ โดยโครงการนี้จะเป็นคอนโดสำหรับพักอาศัยติดหาดหัวหิน ที่ได้ Service ระดับเดียวกับโรงแรมในเครือ InterContinental เลย
InterContinental Residences Hua Hin
ส่วน Service ที่เพิ่มมาให้ก็จะมีดังนี้
- บริการ Butler Service/Concierge Service (ตลอด 24 ชม.)
- บริการจัดเตรียมอาหารมื้อพิเศษส่งตรงถึงห้อง
- บริการจัดเตรียมเชฟชื่อดังสำหรับงานเลี้ยงสังสรรค์
- บริการแม่บ้านทำความสะอาดปีละ 24 ครั้ง (เดือนละ 1 – 2 ครั้ง)
- บริการซักรีดชุดเครื่องนอน เดือนละ 1 ครั้ง
- บริการซ่อมแซมที่อยู่อาศัย
- บริการอินเทอร์เน็ตฟรีบริเวณพื้นที่ส่วนกลาง
- กิจกรรมพิเศษทุกวันหยุด Happy Weekend’s
- บริการผ้าเช็ดตัวบริเวณสระว่ายน้ำ
- บริการรถรับส่งไปยังสถานที่สำคัญๆ ใกล้โครงการ
- บริการด้านสุขภาพและสปา
Intercontinental Residences Hua Hin
อ่านรีวิวโครงการต่อที่ > InterContinental Residences Hua Hin
ส่งท้าย
ทั้งหมดนี้ก็เป็นคอนโดตากอากาศประเภทต่างๆที่เรายกตัวอย่างมาให้ดูกันนะคะ ต้องขอบอกไว้ก่อนว่าบทความนี้เป็นการรวบรวมชื่อเรียกต่างๆ ตามที่เราเคยเจอจากการไปรีวิวมา ถือเป็นการกำหนดประเภทและชื่อเรียกคร่าวๆ เท่านั้น ต่างโครงการก็มีชื่อเรียกที่ต่างกันไปอีกค่ะ แต่เราคิดว่าบทความนี้น่าจะเป็นประโยชน์สำหรับคนที่มองหาคอนโดตากอากาศ ให้พอรู้จักว่าโครงการไหนเหมาะสำหรับเป็นบ้านหลังที่สอง หรือว่าโครงการไหนที่เหมาะกับการลงทุนมากกว่ากัน ถ้าในบทความนี้มีข้อผิดพลาดอะไรก็สามารถ Comment กันมาได้นะคะ หรือว่าอยากให้เขียนเรื่องอะไรเพิ่มเติมก็บอกกันมาได้เช่นกันค่ะ แล้วเจอกันใหม่บทความหน้านะคะ