รีวิวฉบับที่ 1700 … วันนี้ผมจะพาไปชมตึกเสร็จโครงการ Kave Condo คอนโด Low Rise ริมถนนพหลโยธิน-รังสิต ต้องบอกว่าโครงการนี้ทำมาเอาใจนักศึกษาและบุคลากร ม.กรุงเทพ เพราะตั้งอยู่ตรงข้าม ม.กรุงเทพ วิทยาเขตรังสิต เดินข้ามสะพานลอยก็ถึง มาพร้อมกับพื้นที่ส่วนกลางที่หลากหลายที่ออกแบบมาตอบโจทย์นักศึกษา อย่างพื้นที่ทำงานขนาดใหญ่ให้เด็กมานั่งทำงานได้ รายละเอียดภายในโครงการนี้จะเป็นอย่างไร ไปชมกันเลยครับ 

Fact @ 04 October 2018

  • Kave Condo (เคฟ คอนโด)
  • บริษัท แอสเซทไวส์ จำกัด
  • MAIN CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
  • โครงการตั้งอยู่ในเขต : ถนนพหลโยธิน อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี
  • คอนโด Low Rise 8 ชั้น 3 อาคารพักอาศัย 1 อาคารสโมสร จำนวน 589 ยูนิต
  • ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 30 ยูนิตที่ชั้น 3-7
  • ที่จอดรถประมาณ 31% ไม่รวมจอดซ้อนคัน
  • ที่ดินประมาณ 4-3-71.6 ไร่
  • 1 Bedroom extra 24.27-25.85 ตร.ม
  • 1 Bedroom exclusive 24.10-25.14 ตร.ม.
  • 1 Bedroom plus 34.19 – 37.24 ตร.ม
  • ฝ้าเพดานสูง 2.4 เมตร
  • โครงการนี้ปิดการขาย Sold out
  • ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรทั้งโครงการประมาณ 70,000 บาท/ตร.ม.
  • เวปไซต์โครงการ : คลิกที่นี่
  • โทร : 083-553-7999

เพียงแค่การกด Like ก็เท่ากับการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจาก Think of Living แล้วครับ

สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างครับ


เจาะลึกเรื่องทำเลที่ตั้ง

พิกัด : 14.039425, 100.616601

แผนที่จากทางโครงการครับ

โครงการ Kave Condo ตั้งอยู่บนถนนพหลโยธิน-รังสิต ถ้าย้อนไปเดิมทีเป็นพื้นที่ในโซนนี้ถือเป็นแหล่งการเกษตรขนาดใหญ่ ต่อมากลายเป็นโซนอุตสาหกรรมทางตอนเหนือของกรุงเทพๆ ที่อยู่อาศัยเดิมส่วนมากเป็นแนวราบ แต่ภายหลังถูกพัฒนาพื้นที่ให้มีโรงงานอุตสาหกรรมขึ้น ทำให้รูปแบบของที่พักอาศัยในพื้นที่เริ่มเปลี่ยนไป โดยเฉพาะการมาของมหาวิทยาลัยต่างๆ เช่น ม.กรุงเทพ ม.ธรรมศาตร์ รังสิต ทำให้ที่อยู่อาศัยประเภท อพาร์ทเม้น หอพัก และคอนโดมิเนียมเพิ่มจำนวนมากขึ้น เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มคนทำงานในย่านนี้ ตลอดจนนักศึกษา และบุคลากรของมหาวิทยาลัย อีกทั้งโซนรังสิตจะเชื่อมต่อไปทางภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ จึงเป็นทำเลที่ผู้คนที่ย้ายถิ่นมาศึกษาเล่าเรียน หรือประกอบอาชีพการงานในกรุงเทพฯ เมื่อต้องการหาที่พักอาศัยก็จะเลือกในพื้นที่ที่ตนเองสามารถกลับไปบ้านได้เพราะโซนรังสิตนั้นมีเส้นทางการคมนาคมซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นใหญ่เพื่อเข้าเมืองไปยังสถานที่ต่างๆ ได้อย่างสะดวก

สำหรับโครงการ Kave Condo ตั้งอยู่บนถนนพหลโยธิน-รังสิตฝั่งตรงข้าม ม.กรุงเทพ วิทยาเขตรังสิต ถือเป็นทำเลที่ได้เหมาะมากๆ สำหรับนักศึกษาหรือบุคลากรภายในม.กรุงเทพ เพราะห่างเพียงแค่ข้ามสะพานลอยเท่านั้นเอง โดยมีที่ตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามของหน้ามหาวิทยาลัยกรุงเทพ บริเวณโดยรอบยังมี ม.ธรรมศาสตร์ และ ม.รังสิต อีกด้วย

การเดินทางโดยรถยนต์ สามารถเข้าถึงได้จากถนนพหลโยธิน-รังสิต ถ้ามาจากในเมืองจะต้องตรงไปขึ้นสะพานกลับรถที่ถนนเชียงราก-คลองหลวงเพื่อมาเข้าโครงการซึ่งอาจจะไกลหน่อย ถนนเส้นนี้สามารถใช้วิ่งตรงเข้าเมืองโดยเชื่อมต่อกับถนนวิภาวดีรังสิตผ่านดอนเมืองได้ ในทางกลับกันหากใช้ถนนพหลโยธิน-รังสิตขาออกจะเป็นทางไปรังสิตฝั่งคลองหลวงที่นอกจากจะมี ม.กรุงเทพแล้วยังมี ม.ธรรมศาสตร์ อีกด้วย ถ้าตรงต่อไปเรื่อยๆจะไปอยุธยาได้ และถ้าวิ่งไปบนถนนรังสิต-นครนายก โซนคลองต่างๆ จะมีหมู่บ้าน ร้านค้าและร้านอาหารอยู่ค่อนข้างเยอะตรงต่อไปจะใช้ไปนครนายกได้ ส่วนถ้าต้องการไปเมืองทอง แจ้งวัฒนะ ปากเกร็ดก็ใช้เส้นทางไปออกถนนติวานนท์ได้เหมือนกัน รวมๆแล้วถือว่าการเดินทางด้วยรถยนต์ค่อนข้างสะดวกและเลือกใช้งานได้หลากหลาย สำหรับคนที่ใช้ชีวิตอยู่ในย่านนี้ จะเข้าเมืองหรือออกต่างจังหวัดก็ง่ายดี สำหรับทางด่วนก็สามารถไปขึ้นทางด่วนได้ที่ทางด่วนอุดรรัถยาครับ

การเดินทางโดยไม่ใช้รถ เนื่องจากโครงการอยู่ติดถนนใหญ่จึงเรียกรถได้ง่าย บริเวณหน้าโครงการมีป้ายรถเมล์และคิวรถตู้วิ่งรับส่งไปยังที่ต่างๆมีชุมทางอยู่ที่ Future Park รังสิต และจุดสำคัญต่างๆ อีกทั้งยังมีแท็กซี่วิ่งผ่านไปมาอยู่ตลอด โดยปัจจุบันกำลังมีการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีแดงซึ่งมีกำหนดการแล้วเสร็จอยู่ที่ปี 2563 ครับ สถานีที่ใกล้ที่สุดคือ สถานีคลองหนึ่ง

สำหรับแผนการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีแดง ซึ่งเป็นอีกสายหนึ่งที่จะมีกำหนดแล้วเสร็จในปี 2563 มีจุดประสงค์เพื่อเป็นเส้นทางสำคัญในการเดินทางระหว่างย่านใจกลางเมืองและย่านชานเมืองทั้ง 4 ทิศ มีจุดเริ่มต้นโครงการที่สถานีบางซื่อ ไปตามแนวเขตทางรถไฟในเส้นทางรถไฟสายเหนือ  และไปสิ้นสุดที่สถานีรังสิต จังหวัดปทุมธานี ระยะทางรวมประมาณ 26.3 กม. ซึ่งหากเสร็จก็จะช่วยทำให้สามารถเดินเข้าออกเมืองได้สะดวกมากยิ่งขึ้น เป็นตัวเลือกที่ดีในการเดินทาง จะมีสถานีที่ใกล้ที่สุดคือ สถานีคลองหนึ่ง

โดยรอบพื้นที่โครงการมีแหล่งของกินกระจัดกระจายอยู่โดยรอบ มีทั้งศูนย์อาหาร เต๊นท์ขายอาหารพร้อมที่นั่ง ร้านค้า ร้านขายของ รวมถึง 7-eleven สามารถหาของกินได้ตลอดทั้งช่วงเวลากลางวันและกลางคืน ถือว่าสะดวกเลยทีเดียวครับ ซึ่งเดี๋ยวผมจะพาไปชมรายละเอียดอีกทีในส่วนของพื้นที่ข้างเคียงโครงการ ถัดไปในบริเวณรอบๆในโซนรังสิตจะมีอยู่สองจุดที่คึกคักหน่อยคือ เซียร์รังสิต ที่อยู่ตรงสนามกอล์ฟธูปะเตมีย์  ส่วนอีกจุดหนึ่งคือที่ถนนพหลโยธินเช่นกันแต่เลยมาหน่อยที่บริเวณ Future Park รังสิต ภายในพื้นที่จะห้าง Zpell ที่ ศูนย์การค้าแห่งใหม่ของโซนกรุงเทพฯ ตอนเหนือนี้ นอกจากศูนย์การค้าใหญ่แล้ว ตามเส้นทางถนนรังสิต-นครนายกยังมีตลาดน้ำรังสิต, ตลาดที่เป็นตึกแถวอยู่ข้างทาง และห้างเล็กๆอย่าง Tesco Lotus และ BigC รวมถึงร้านขายของชำที่มีอยู่ประปราย

วันนี้จะพามาชมเส้นทางการเดินทางไปโครงการ โดยผมจะวิ่งบนถนนวิภาวดีรังสิต ตรงมาเรื่อยๆเข้าสู่ถนนพหลโยธิน-รังสิต มาจนถึงม.กรุงเทพ โครงการจะอยู่ฝั่งตรงข้าม ซึ่งเราต้องขับเลยไปประมาณ 2.5 กิโลเมตร จะพบจุดกลับรถบริเวณสะพานกลับรถที่ถนนเชียงราก-คลองหลวง จากนั้นตรงกลับมาประมาณ 4 กิโลเมตร ก็จะพบโครงการ The Kave Condo อยู่ทางซ้ายมือครับ

วันนี้เราเดินทางมาบนถนนวิภาวดีรังสิต ขับตรงมาเรื่อยๆจนเข้าถนนพหลโยธิน สังเกตจากภาพทางฝั่งขวาจะเป็นเซียร์รังสิต ส่วนทางฝั่งซ้ายเป็น Big C ให้เรามุ่งตรงต่อไปบนถนนพหลโยธิน ฝั่งมุ่งหน้าไปกาญจนาภิเษก

ตรงมาอีกหน่อยจะเจอกับตลาดสี่มุมเมือง ที่เป็นศูนย์กลางของการซื้อขายและกระจายของผลผลิตสินค้าเกษตร ทั้งผัก ผลไม้ พืชไร่ ตลอดระยะเวลานานกว่า 30 ปีครับ

ถัดมาทางฝั่งซ้ายจะเจอกับ  Makro เราจะตรงต่อไปบนถนนพหลโยธิน ฝั่งมุ่งหน้าไปกาญจนาภิเษก

ถัดมาทางฝั่งขวาจะเป็น Major รังสิต และห้างคู่ใจของคนย่านนี้อย่าง ฟิวเจอร์ พาร์ค รังสิต และ Zpell ซึ่งเป็นแหล่งความเจริญของคนในย่านนี้ เป็นสถานที่จับจ่ายใช้สอย ทานอาหาร เป็นอีกสถานที่ที่เหล่านักศึกษา ม.รังสิต ม.กรุงเทพ และ ม.ธรรมศาสตร์ นิยมมาเดินเล่นช็อปปิ้งกันเป็นประจำ

ตรงมาอีกหน่อยจะเจอกับทางแยกซึ่งถ้าเราเบี่ยงไปทางซ้ายจะเป็นทางไปรังสิต-ปทุมธานี ถ้าตรงไปอีกหน่อยแล้วเลี้ยวขึ้นทางโค้งยกระดับจะวนไปเข้ารังสิต-นครนายก โซนคลองต่างๆ ส่วนโครงการของเราจะต้องตรงไป

ถัดมาไม่ไกลกันจะมีห้างสรรพสินค้า Tesco Lotus ซึ่งภายในนอกจากจะเป็นห้างสรรพสินค้าแล้วนั้น ยังมีร้านอาหารมากมาย รวมถึงธนาคารคอยให้บริการอีกด้วย โดยเปิดตั้งแต่ 8 โมงเช้า ถึง 5 ทุ่ม

เมื่อตรงต่อมาเรื่อยๆ จะพบมหาวิทยาลัยกรุงเทพอยู่ทางซ้ายมือ และโครงการของเรา The Kave Condo อยู่ทางซ้ายมือ โดยจะมีสะพานลอยเป็นตัวเชื่อม ซึ่งตั้งอยู่หน้าโครงการพอดิบพอดี เรายังต้องตรงต่อไปอีกประมาณ 2.5 กิโลเมตร จะพบจุดกลับรถบริเวณสะพานกลับรถที่ถนนเชียงราก-คลองหลวง เพื่อกลับรถวนกลับมาเข้าโครงการครับ

ตรงต่อไปบนถนนพหลโยธิน ฝั่งมุ่งหน้าไปกาญจนาภิเษก พอเจอป้ายนี้ให้ขับตรงลอดสะพานยกระดับไป เพื่อกลับรถบริเวณสะพานกลับรถที่ถนนเชียงราก-คลองหลวง

ลอดใต้สะพานมาซักระยะจะมีทางเบี่ยงซ้ายให้ขึ้นสะพานไปกลับรถ

มุ่งหน้าตามป้ายไปทางม.กรุงเทพครับ

พอลงมาจากทางโค้งยกระดับแล้ว ให้เราเลี้ยวซ้ายครับ เพื่อเข้าสู่ถนนพหลโยธิน ฝั่งมุ่งหน้าไปวิภาวดีรังสิต จากนั้นให้เราตรงต่อไปอีกประมาณ  2.5 กิโลเมตร

กลับเข้ามาสู่ถนนพหลโยธิน-รังสิต ขับตรงมาเรื่อยๆซ้ายมือจะมี Mega Home ศูนย์รวมวัสดุก่อสร้าง และของตกแต่งบ้านขนาดใหญ่

เมื่อตรงมาฝั่งขวามือจะเริ่มเห็น ม.กรุงเทพ บ้างแล้ว ซึ่งบริเวณใกล้ตัวโครงการ จะเริ่มมีสิ่งอำนวยความสะดวกโดยรอบ ประกอบไปด้วย 7-Eleven ถัดไปเป็นปั๊มน้ำมัน Susco ภายในประกอบไปด้วย ร้านสะดวกซื้อ Lawson ร้านกาแฟ Mezzo Coffee ร้านล้างรถ และร้านอาหารครับ

เมื่อถัดมาจากปั๊มน้ำมัน Susco เมื่อสักครู่ประมาณ 100-200 เมตร จะพบตัวโครงการ Kave Condo อยู่ทางซ้ายมือครับ

โครงการ Kave Condo เป็นคอนโด Low Rise ตั้งอยู่บนที่ดินประมาณ 4-3-7.16 ไร่ ที่ดินเป็นเส้นก๋วยเตี๋ยวแนวยาวเข้าไปด้านในจากถนนพหลโยธิน บริเวณที่ติดถนนเป็นพวกร้านค้า ร้านขายของ เต๊นท์ขายอาหาร พื้นที่โดยรอบพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นบ้านพักอาศัย อพาร์ทเม้น มีทั้งที่กำลังก่อสร้าง และก่อสร้างเสร็จแล้ว

  • ทิศเหนือ – ติดกับกับแนวอพาร์ทเม้นท์ ฝั่งที่ติดถนนใหญ่เป็นเต็นท์ขายอาหาร
  • ทิศตะวันออก – ติดกับบ้านพักอาศัยแนวราบและคลองหนึ่ง
  • ทิศใต้ – ติดกับร้านค้าริมถนน ป้ายโฆษณาขนาดใหญ่ และ บ้านพักอาศัยสูง2-4 ชั้น มีแนวอพาร์ทเม้นที่กำลังก่อสร้าง และก่อสร้างเสร็จแล้ว
  • ทิศตะวันตก – ติดกับถนนพหลโยธิน-รังสิต ฝั่งตรงข้ามเป็นม.กรุงเทพ

พื้นที่หน้าโครงการ มีทางเข้าออกทางเดียวตรงยาวเข้าไปครับ มีป้ายโครงการอยู่บริเวณทางเข้าออก ปัจจุบันซุ้มรปภ.ยังสร้างไม่เสร็จนะครับ ภายในรูปจึงยังเป็นฉากกั้นใช้ไปก่อน หากเสร็จแล้วจะมีตำแหน่งอยู่ด้านใน เดี๋ยวผมจะพาไปชมรายละเอียดอีกทีนะครับ ส่วนบริเวณหน้าแนวอาคารมีบันไดและพื้นที่สีเขียวเล็กน้อยสร้างบรรยากาศหน้าโครงการ

ป้ายโครงการอยู่ทางด้านหน้าติดทางเข้าออกโครงการมีไฟให้แสงสว่าง สำหรับใครที่ขับรถผ่านไปมาหน้าโครงการก็สามารถสังเกตได้ง่ายครับ

เราไปชมกันที่ด้านฝั่งทางซ้ายของโครงการกันก่อนละกันนะครับ บริเวณด้านนี้คือเรียบถนนพหลโยธิน-รังสิต ฝั่งมุ่งหน้าเข้าไปในเมือง

ติดกับตัวโครงการเลยมีร้านค้าขายของ เป็นร้านสักคิ้วสามมิติ ต่อขนตา และคลีนิคตรวจสุขภาพและผดุงครรภ์ครับ

เลยต่อมาติดกันเป็นร้านขายของทั่วไปมีตั้งแต่ข้าวของเครื่องใช้ทั่วไป ไปจนถึงรองเท้า เสื้อผ้า เหมาะกับการหาอุปกรณ์ของใช้เพื่อนนำไปใช้ในห้อง

เลยตรงต่อมาสักหน่อยจะมีซอยเข้าไปภายใน เป็นซอยเข้าไปครับ

บรรยากาศภายในซอยเป็นซอยค่อนข้างกว้าง มีรถจอดริมข้างทางบ้างภายในเป็นหอพักครับ

ออกมาจากซอยแล้วตรงต่อมาจะมีอู่ซ่อมรถ มีรถเข้าออกเป็นประจำ

เลยมาอีกเป็นพื้นที่ว่างเปล่าครับ ล้อมรั้วไว้ ขนาดใหญ่พอสมควร

กลับมาที่หน้าโครงการ ฝั่งตรงข้ามคือม.กรุงเทพ มีสะพานลอยเชื่อมต่อ เดี๋ยวเราไปดูฝั่งทางขวามือกันครับ

หน้าโครงการมีซุ้มพี่วินมอเตอร์ไซต์คอยให้บริการอย่างใกล้ชิดทีเดียวครับ แทบจะไม่ต้องเดินออกไปเลย

ถัดจากวินมามีซอยติดกับโครงการ ภายในเป็นซอยยาวเข้าไปเรียงรายด้วยหอพัก มีป้อมรปภ.รักษาความปลอดภัยภายในด้วย จะเห็นได้ว่าคนแถวนี้รวมทั้งโครงการเราเองนั้นมีจำนวนผู้อยู่อาศัยค่อนข้างเยอะ ทำให้มีทั้งของกิน ร้านค้า การอำนวยความสะดวก ตามมาอย่างครบครัน

เลยถัดจากซอยเมื่อสักครู่มานิดเดียว มีเต๊นท์ขายอาหาร ภายในมีร้านอาหาร ร้านค้ามากมาย ภายในมีร้านแว่น ร้านขายโทรสับ ร้านนม และร้านอาหารให้เลือกหลากหลาย บริการด้วยพัดลม มีแม่บ้านคอยดูแลความสะอาดให้ ถือว่าสะดวกสบาย ใกล้กับตัวโครงการเราครับ

เลยถัดมามีป้ายรถเมล์คอยให้บริการ บริเวณรอบๆป้าย ก็มีร้านค้าแผงลอยตั้งเป็นประจำ รวมถึง 7-eleven ที่มีทั้งจุดให้บริการ atm ติดตั้งไว้ให้ด้วย ถือว่าสะดวกสบายพอสมควรครับ

ถัดมาเป็นคิวรถตู้ครับ สามารถเดินทางไปยังจุดต่างๆได้สะดวกทีเดียว มีรถตู้ต่อตรงเข้าไปถึง อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ รวมถึงยังมีแท็กซี่ต่อคิวกันให้บริการแทบจะตลอดทั้งวัน มีเต๊นท์ให้นั่งพักคอยครับ

เลยถัดมาก็เป็นแนวแผงลอย ร้านค้าต่างๆ บริเวณหน้าหอพัก ภายในมีพวกร้านตัดผม ร้านเสริมสวย

เลยต่อมาเป็นปั๊มน้ำมัน Susco ภายในประกอบไปด้วย ร้านกาแฟ Mezzo Coffee ร้านสะดวกซื้อ Lawson 108 Shop ร้านอาหารที่เป็นห้องแอร์ รวมถึงด้านในสุด Cockpit ร้านดูแลรถยนต์ สามารถเอารถมาทิ้งไว้ให้เขาดูแลได้เลยครับ

ถัดมาอีกเป็นร้านอาหารตามสั่ง และขายไก่ทอด สำหรับใครที่ชอบกินอาหารสไตล์ง่ายๆ รวดเร็ว ก็มีให้เลือกเช่นกัน

เลยถัดมามีหอพัก ภายในมีร้านนวดให้บริการ ด้านหน้าเป็น 7-eleven อีกสาขาหนึ่งมีทั้งจุดบริการ ATM ให้อีกเช่นกัน รวมทั้งมีร้านอาหารและร้านค้าให้บริการโดยรอบ ตอนกลางคืนก็ค่อนข้างคึกคักเลยครับ

เลยถัดมาคือศูนย์อาหาร ครัวสวนปาล์ม มีโต๊ะให้บริการค่อนข้างเยอะเลยทีเดียว รวมทั้งร้านอาหารเรียงรายให้บริการ มากกว่า 10 ร้านครับ ภายในมีพัดลม ห้องน้ำ ให้บริการด้วย ถือว่าเป็นอีกตัวเลือกหนึ่งในการหาของกินที่ดีของโครงการเช่นกันครับ

เดินย้อนกลับมาที่หน้าโครงการ จุดเด่นหลักๆของโครงการเราคือมีทำเลตรงข้ามกับ ม.กรุงเทพเลยครับ ซึ่งแค่สามารถข้ามสะพานลอยไปก็ถึงแล้วครับ มาดูบรรยากาศสะพานลอยกันครับ ซึ่งตำแหน่งของสะพานลอยอยู่ที่หน้าโครงการพอดีเลย เยื้องๆ เพียงแค่ไม่กี่ก้าวเองครับ บริเวณหน้าทางขึ้นลงฝั่งโครงการ ค่อนข้างมีระยะชิดกับเสาไฟฟ้า เดินถือของขึ้นลงก็ระวังกันสักหน่อยนะครับ

ภายในสะพานลอยมีแนวหลังคาและรั้วสแตนเลสปกคลุมตลอดแนว ถือว่ากันแดดและฝนได้ตลอดแนว อีกทั้งยังมีไฟให้แสงสว่างภายในเป็นแนว ปลอดภัยครับ

บรรยากาศบนสะพานลอยฝั่งมุ่งหน้าไปวิภาวดี

บรรยากาศบนสะพานลอยฝั่งมุ่งหน้าไปกาญจนภิเษก

จะสังเกตเห็นว่าตำแหน่งที่ตั้งโครงการและตำแหน่งที่ตั้งของม.กรุงเทพ อยู่ตรงข้ามกัน เชื่อมต่อกันเพียงแค่ข้ามสะพานลอยแค่นั้นเอง

สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น

  • มหาวิทยาลัยกรุงเทพ วิทยาเขตรังสิต ~ 100 เมตร (ระยะเดิน)
  • ตลาดคุณยาย 100 ปี ~ 2.3 กิโลเมตร (รวมระยะกลับรถ)
  • ตลาดบางขันธ์ ~ 5.4 กิโลเมตร (รวมระยะกลับรถ)
  • Tesco Lotus สาขารังสิต ~ 5.6 กิโลเมตร
  • ฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต ~ 5.8 กิโลเมตร
  • Zpell ~ 5.8 กิโลเมตร
  • เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์  รังสิต ~ 5.9 กิโลเมตร
  • โรงพยาบาล ภัทร-ธนบุรี ~7.2 กิโลเมตร (รวมระยะกลับรถ)
  • ตลาดไท ~ 9.6 กิโลเมตร  (รวมระยะกลับรถ)
  • บุญถาวร ~ 9.1 กิโลเมตร (รวมระยะกลับรถ)
  • มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ~  11.5 กิโลเมตร
  • Big C รังสิต ~ 12.2 (รวมระยะกลับรถ)
  • ตลาดสี่มุมเมือง ~ 12.9 (รวมระยะกลับรถ)


เจาะลึกตัวโครงการ

 

 

มาดู Masterplan กันต่อครับ เนื่องจากพื้นที่ดินเป็นเส้นก๋วยเตี๋ยวยาวเข้าไป ทำให้การวางอาคารต้องวางตามแนวที่ดิน ซึ่งมีข้อดีคือพื้นที่หน้าสุดติดถนนเป็นพื้นที่ของ Clubhouse ของโครงการ สามารถใช้เป็นที่นัดพบปะเพื่อนได้ โดยไม่ต้องเข้าไปรบกวนความเป็นส่วนตัวในห้องหรืออาคารพักอาศัย ภายใน Clubhouse มีพื้นที่ส่วนกลางที่คนน่าจะมาใช้บ่อยๆเช่น The Shops, The Gym (ห้องออกกำลังกาย), Co-Learning Space รวมถึง Home Theatre, และ Meeting Room สามารถมาพาเพื่อนเข้ามาใช้ด้วยได้ เหมาะกับกลุ่มลูกค้าที่เป็นนักศึกษา ซึ่งภายในมี 3 อาคาร แยกเป็นส่วนอาคารพักอาศัย ซึ่งชั้นบนสุดของแต่ละอาคารก็มี Facilities ที่เชื่อมต่อกันทั้งหมด ซึ่งแต่ละอาคารมีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันไป โดยมีรายละเอียดดังนี้ครับ

  • อาคาร A อยู่หน้าสุด ถ้าใครเลือกอาคารนี้จะเดินเข้า-ออกโครงการได้ง่าย ใกล้ถนนใหญ่และ ส่วนพื้นที่ Clubhouse บรรยากาศจะคึกคักหน่อย ที่ชั้นบนสุดของอาคารนี้จะมีสวนดาดฟ้ามาให้ด้วย
  • อาคาร B อยู่ตรงกลางระหว่างอาคาร A และ C อาคารนี้ที่ชั้น 8 จะมี Facilities ได้แก่ สระว่ายน้ำ, Game room และ Reading Lounge ใครที่อยู่อาคารนี้ก็จะสามารถเข้ามาใช้ส่วนกลางเหล่านี้ได้สะดวก บรรยากาศจะคึกคักเช่นเดียวกัน
  • อาคาร C อยู่ด้านหลังสุด ชั้นบนจะมีสวนหย่อมและ Fitness มาให้  ซึ่งพออาคารอยู่ด้านหลังอาจจะเดินไกลหน่อยแต่ก็จะได้ความเป็นส่วนตัวและความสงบมาแทน

ในส่วนแรกนี้ผมจะพาชมพื้นที่ส่วนกลางของโครงการกันก่อน จากนั้นค่อยเข้าส่วนของพื้นที่พักอาศัยนะครับ ไปเริ่มกันที่หน้าโครงการกันเลย

มาเริ่มกันที่หน้าโครงการกัน  The Kave Condo ตั้งอยู่บนพื้นที่ดินประมาณ 4-3-71.6 ไร่ บนพื้นที่ดินแนวยาวทำให้มีการวางแนวอาคารเป็นแนวยาวเข้าไป 3 อาคาร โดยมีทางเข้าออกเพียงทางเดียวเป็นแนวยาวเข้าไปครับ โดยมีป้ายโครงการอยู่ริมฝั่งทางทิศใต้ พื้นเป็นคอนกรีตพิมลาย มีต้นไม้สร้างบรรยากาศทั้งสองข้างทางครับ

ที่บริเวณริมถนนพหลโยธิน-รังสิต ส่วนแรกของโครงการคือส่วน Club House ภายในมีพื้นที่ที่สามารถใช้เป็นที่นัดพบปะเพื่อนได้ โดยไม่ต้องเข้าไปรบกวนความเป็นส่วนตัวในห้องหรืออาคารพักอาศัย ภายใน Clubhouse มีพื้นที่ส่วนกลางที่คนน่าจะมาใช้บ่อยๆเช่น The Shops, The Gym (ห้องออกกำลังกาย), Co-Learning Space รวมถึง Home Theatre, และ Meeting Room ด้วยที่ชั้นบน ซึ่งชั้น Rooftop จะมีส่วนเชื่อมไปยังส่วนด้านบนของอาคารพักอาศัยทั้ง 3 ภายใน ซึ่งเป็นชั้น facilities หลัก อีกด้วย เดี๋ยวจะมีพาไปชมรายละเอียดด้านในกันอีกทีนะครับ ในส่วนนี้ขออนุญาติอธิบายส่วนพื้นที่ภายนอกของชั้น 1 ทั้งหมดก่อนนะครับ

ที่ชั้น 1 เป็นพื้นที่จอดรถ สำหรับผู้ที่เข้ามาติดต่ออาคาร Club House เป็นพื้นที่จอดรถแบบเข้าหนึ่งทางออกหนึ่งทาง

ด้านหลังมีที่จอดรถกลางแจ้งอีกประมาณ 7 คัน เป็นพื้นที่สำหรับจอดชั่วคราว

ที่หัวมุมอาคารฝั่งติดทางเข้าออกรถ มีโถงลิฟต์สำหรับขึ้นตัวอาคาร Club House อยู่ครับ มีลิฟต์ให้บริการ 2 ตัว รวมทั้งบันไดก็เดินได้เช่นกัน

เมื่อเลยส่วน Club House เข้ามา จะมีป้อม รปภ. (ที่กำลังก่อสร้าง) ปัจจุบันภายในรูปยังสร้างไม่เสร็จนะครับ พื้นที่ตรงนี้จะเป็นส่วนเข้าออกภายในโครงการ มีรั้วกั้นไม้กระดกให้

ภายในเป็นถนนที่สามารถเดินรถได้ 2 เลน สวนกันได้ นอกจากนั้นยังมีพื้นที่จอดรถใต้อาคารทางฝั่งด้านซ้ายมือ และ นอกอาคาร อยู่บริเวณริมผนังทางฝั่งขวามือครับ มีเส้นที่พื้นตีขอบเขตไว้ให้เรียบร้อย

ที่จอดรถใต้อาคาร มีพื้นที่จอดในแต่ละช่วงเสาแต่ละช่วงไม่เท่ากัน ด้านหลังมีทางเดินให้ครับ สะดวก ไม่ต้องเดินตากแดดตากฝน มีแสงสว่างให้ตลอดแนวครับ

มาที่สุดแนวอาคาร เนื่องจากถนนภายในโครงการเป็นเส้นตรง ไม่สามารถวนรอบแนวอาคาร ด้านหลังสุดแนวอาคารจึงเป็นพื้นที่สำหรับกลับรถครับ

มาดูที่อาคาร Club House ด้านหน้าสุดกันบ้างครับ สำหรับโครงการนี้ อย่างที่บอกไปแล้วนั้นว่ามีอาคาร Club House ทำหน้าที่เหมือนเป็นพื้นที่ส่วนกลางที่เป็นจุดนัดพบปะกับเพื่อน ซึ่งมีพื้นที่ให้ใช้ร่วมกันได้ ซึ่งเป็นอีกจุดที่น่าสนใจสำหรับโครงการนี้เช่นกัน รายละเอียดภายในประกอบไปด้วย

ชั้น 1

  • Parking Area : พื้นที่จอดรถ มีทั้งใต้อาคาร และภายนอก

ชั้น 2 

  • Multi-purpose Lawn Area : พื้นที่สนามหญ้าด้านหน้าก่อนขึ้นตัวอาคาร มีลักษณะเป็นแนวบันได เปิดโล่งรับเข้าออกโครงการ เป็นพื้นที่สำหรับพักคอยการได้เช่นกัน สำหรับกรณีที่รอเพื่อนเอารถจากภายในโครงการมารับ หรือดร็อปให้ลงก่อน จากนั้นนำรถไปจอดด้านในก็ได้
  • The Shops : เมื่อขึ้นมาบนตัวอาคารจะเจอแนวห้องกระจกซ้าย ขวา พื้นตัวอาคารมีการยกไล่ระดับขึ้นไป ภายในห้องทั้ง 4 ห้องซ้ายขวา จะถูกทำเป็นร้านค้าทั้งหมด ซึ่งก็จะช่วยตอบโจทย์ในเรื่องของความสะดวกสบาย ไม่ต้องเดินออกไปซื้อของภายนอกโครงการ
  • Back of House : โซนพื้นที่ด้านในของตัวอาคาร เป็นส่วนพื้นที่อำนวยความสะดวก ซึ่งจะเหมือนกันในทุกๆชั้น ประกอบไปด้วยห้องน้ำ แยกชายหญิง ลิฟต์และบันไดให้บริการครับ

ชั้น 3 

  • The Gyms : เป็นพื้นที่ออกกำลังกายทั้งชั้น ภายในมีขนาดค่อนข้างกว้าง มีอุปกรณ์ให้ออกกำลังกายค่อนข้างหลาก ด้านหลังอาคารมีห้องน้ำแยกชายหญิง ที่มีส่วนพื้นที่อาบน้ำให้ด้วย พร้อมทั้งลิฟต์ให้บริการเช่นเดิม

ชั้น 4

  • Juristic Room : ห้องนิติบุคคล
  • Co-Learning Space : พื้นที่นั่งทำงาน มีขนาดใหญ่พอสมควร

ชั้น 5

  • Home Theatre : ห้องดูหนัง เป็นห้องปิดเก็บเสียง ภายในเป็นพื้นยกระดับ วางโซฟา มีเครื่องเสียงและจอฉายภาพติดตั้งภายใน
  • Meeting Room : ห้องประชุม

พื้นที่ชั้น 2 เป็นแนวกระจกทั้งหมด จะเป็นร้านค้าทั้งหมด 4 ยูนิต  พื้นมีการยกไล่ระดับขึ้นไป ตลอดแนวทางเดินมีไฟ Downlight ให้แสงสว่างครับ

การยกพื้นไล่ระดับเป็นการแยกส่วนพื้นที่ภายในห้องกระจกออกเป็นฝั่งละ 2 ห้อง รวมทั้งหมดเป็น 4 ห้อง เป็นร้านค้าทั้งหมดครับ

ด้านในสุดของตัวอาคารเป็นส่วนพื้นที่ห้องน้ำ แยกชายหญิงให้ชัดเจน

ภายในห้องน้ำถือว่าทำไว้ค่อนข้างกว้างทีเดียว พื้นและผนังปูด้วยกระเบื้องเซรามิค ส่วนล้างหน้าเป็นเคาน์เตอร์ พร้อมแนวกระจกยาวตลอดแนว มีสบู่ล้างมือ และน้ำหอมดับกลิ่นเตรียมไว้ให้ตลอดครับ

  • ห้องน้ำชาย : มีอ่างล้างมือ 2 อ่าง ห้องน้ำใช้งาน 3 ห้อง โถปัสสวะ 2 โถ
  • ห้องน้ำหญิง : มีอ่างล้างหน้า 3 อ่าง ห้องน้ำใช้งาน 3 ห้อง

ส่วนพื้นที่ของลิฟต์วันที่ไปเก็บภาพ สถานที่ยังไม่พร้อมสักเท่าไหร่นัก ผมจึงขออนุญาติไม่ได้ถ่ายมาให้ดู แต่จะมีลักษณะเหมือนกับโถงลิฟต์ที่ขึ้นมาจากพื้นที่จอดรถ ที่เราผ่านกันมาแล้วครับ

มาต่อกันที่ชั้น 3 ของ Club House ครับ เป็นส่วนของห้องออกกำลังกาย ซึ่งสามารถรับแสงภายนอกอาคารได้รอบด้าน ภายในมีตู้ล็อคเกอร์ให้บริการ อีกทั้งในชั้นยังมีส่วนห้องน้ำ ที่มีห้องอาบน้ำภายในอีกด้วย ไปชมกันครับ

เมื่อขึ้นมาถึงชั้นนี้ มีส่วนประตูกั้นทางเข้าห้องออกกำลังกายชัดเจน ต้องใช้ระบบ key card เพื่อเข้าใช้งาน โดยการตกแต่งจะมีการใช้สีสันและแนวเส้นที่ทำให้รู้สึกกระฉับกระเฉงมากยิ่งขึ้น พร้อมแก่การออกกำลังกายครับ เมื่อเปิดประตูเข้ามาภายใน จะพบล็อคเกอร์สำหรับเก็บของ ทางโครงการจัดไว้ให้ 12 ช่อง ถือว่าไม่มากไม่น้อยกับพื้นที่การใช้งาน

ภายในฟิตเนต เป็นแบบปรับอากาศ รับแสงจากภายนอกได้รอบด้าน มีการจัดเครื่องออกกำลังกายไว้เป็นจุดๆ แบ่งตามประเภทการใช้งาน ซึ่งมีหลากหลายประเภทเหมือนกันครับ ทั้งมุม Cardio Workout คือการออกกำลังแบบแอโรบิค โดยเน้นการเคลื่อนไหวเพื่อเน้นการกระตุ้นระบบไหลเวียนโลหิต ระบบเผาผลาญ จำพวกลู่วิ่ง เครื่องปั่นจักรยาน ต่างๆ และมุมออกกำลังกายแบบ Body Weight คือการออกกำลังกายด้วยการยกน้ำหนัก เพื่อเสริมสร้างกล้ามเนื้อ ทั้งสองประเภทมีลักษณะการเล่นที่แตกต่างกัน จึงมีการแยกพื้นที่กันชัดเจน

ห้องน้ำของชั้นนี้มีขนาดห้องเท่ากันกับชั้นล่าง แต่พื้นที่ภายในแต่ละห้องน้ำชายและ ห้องน้ำหญิง เปลี่ยนจากห้องน้ำที่มีโถสุขภัณฑ์ มาเป็นห้องอาบน้ำ 1 ห้อง ทำให้มีพื้นที่รองรับสำหรับการออกกำลังกายเสร็จแล้ว ก็สามารถอาบน้ำได้เลย

ขึ้นมาที่ชั้น 4 ของตัว Club House มีกระจกกั้นแบ่งส่วนพื้นที่เช่นเดิม เมื่อเข้ามาจะพบส่วนของห้อง นิติบุคคล ซึ่งจะเปิดบริการตลอด 24 ชม. สามารถติดต่อได้ตลอด

ภายในเมื่อเดินเลยเข้ามา จะเป็นส่วนของห้อง Co-Learning Space ซึ่งภายในมีขนาดค่อนข้างกว้าง เปิดรับช่องแสงโดยรอบ ทำให้มีแสงเพียงพอต่อการทำงานอ่านหนังสือ มีทั้งมุมส่วนตัว และมุมกลุ่มแยกกันไป โดยมีลักษณะเด่นอีกจุดคือสไลด์เดอร์ บริเวณกลางห้อง เป็นส่วนเชื่อมต่อ จากพื้นที่ด้านบน สามารถลงมาในส่วนนี้ได้

ภายในอย่างที่กล่าวไปคือมีช่องแสงรอบด้าน และมีการแบ่งแยกส่วนพื้นที่ โดยมีการเล่นระดับพื้น เพื่อแบ่งส่วนพื้นที่ มีการตกแต่งด้วยโทนสีสว่าง สบายตา พื้นถูกปูด้วยกระเบื้องและพื้นหญ้าเทียมสลับกันไป เสาตกแต่งด้วยกระจก ทำให้ห้องดูกว้างขึ้น ไม่ทึบ

มีมุมที่นั่งพักผ่อนที่ตกแต่งให้เป็นถ้ำมาจากชื่อและแนวคิดของโครงการ ที่มาจาก Cave ที่แปลว่าถ้ำ

มุมด้านหน้าเป็นพื้นที่เปิดให้เห็นมหาวิทยาลัยกรุงเทพ ภายในจึงมีการตกแต่งเป็นเหลียมมุม เพื่อล้อกับแนวคิดในการออกแบบอาคารของม.กรุงเทพ

มาถึงชั้นที่ 4 ซึ่งเป็นชั้นสุดท้ายของพื้นที่ส่วนกลางในอาคาร Club House แห่งนี้ มีพื้นที่ที่น่าสนใจหลายจุดเลยครับ ทั้งพื้นที่ Home Theatre ซึ่งน่าจะเป็นอีกห้องที่เหล่าวัยรุ่นชื่นชอบกัน รวมถึงห้อง Meeting Room ห้องประชุมส่วนตัว

พื้นที่ห้อง Home Theatre เป็นห้องปิดทึบ เก็บเสียง มีการออกแบบผนังให้ซ้อนเป็นชั้น ลดเสียงสะท้อน เหมาะแก่การทำห้องที่ใช้เสียง มีการยกระดับพื้นเป็นชั้นๆ เพื่อให้สามารถมองเห็นจอจากหลายจุด มีโซฟาสำหรับ 2 ที่นั่ง ตั้งให้แถวละ 2 ชุด

ภายนอกห้องมีส่วนที่เป็นระเบียง สามารถเชื่อมต่อกับพื้นที่ Co-Learning Space ชั้น 3 ได้ โดยมี Slider ลงไปสู่ชั้นล่าง เป็นสีสันของพื้นที่สองชั้นนี้ได้เหมือนกันครับ

มาที่ส่วนห้องประชุม เป็นพื้นที่ปิด แยกเข้ามา ภายในจะมีความเงียบสงบมากขึ้น เนื่องจากเป็นพื้นที่แยกจากส่วนอื่น แต่ยังได้แสงสว่างจากภายนอก มีส่วนกระดานที่เป็นผิวเคลือบมัน สำหรับใช้ปากกาไวท์บอร์ดเขียนได้

มีมุมที่เชื่อมต่อให้เห็นพื้นที่ด้านล่าง ซึ่งเป็นชั้น Co-Learning Space สำหรับเบื่อๆก็มานั่งเล่น นั่งพักกันได้

เมื่อขึ้นมาชั้นบนสุด เป็นชั้นดาดฟ้าของอาคาร Club House ซึ่งจะมีพื้นที่สนามหญ้าทรงสี่เหลี่ยม ตกแต่งไว้ให้ พร้อมไฟส่องสว่างโดยรอบ ผมว่าเป็นพื้นที่ที่บรรยากาศดีน่าสนใจทีเดียวครับ นอกจากจะเป็นพื้นที่เปิดโล่งแล้วนั้น ยังได้รับวิว มหาวิทยาลัยกรุงเทพ ในตอนกลางคืนคงจะสวยน่าดู แต่เนื่องจากเป็นพื้นที่เปิดโล่งจึงอาจจะค่อนข้างร้อนช่วงกลางวัน  ช่วงเช้าหรือเย็น น่าจะเหมาะกับใช้งานมากกว่า

อีกหนึ่งจุดเด่นหลักๆ ของโครงการนี้คือชั้นดาดฟ้าเป็นพื้นที่ส่วนกลางที่สามารถเชื่อมต่อกันได้ทั้งหมดทั้งอาคาร Club House อาคาร A อาคาร B และอาคาร C ทำให้มีขนาดพื้นที่ใหญ่ และเป็นสัดส่วนชัดเจน เราเดินกลับเข้ามาในส่วนภายในพื้นที่โครงการ จะมีทางเดินที่เชื่อมต่อจากจุดที่เราอยู่ไปยังดาดฟ้าของอาคารพักอาศัย A มีพื้นเป็นกระเบื้องลายหิน พร้อมราวกันตกเหล็กดัดสีดำ มีไฟส่องสว่างตลอดทุกจุดครับ

ระหว่างทางเดิน พื้นที่ Landscape ที่ถูกจัดให้มีต้นไม้รอบล้อมสองข้างทาง รวมถึงพื้นที่นั่งเล่นตามจุดต่างๆ พื้นที่เน้นการเปิดโล่ง ดูสบายตา อีกทั้งยังมีลมพัดผ่านตลอด แต่ในช่วงกลางวันหรือวันไหนที่แดดแรงหน่อย ก็จะไม่ค่อยมีพื้นที่ร่มสำหรับบังแดดเท่าไรนัก จะได้ร่มเงาของแนวต้นไม้คอยช่วยบ้าง ทำให้การใช้งานพื้นที่อาจจะต้องเลือกเวลาที่เหมาะสมสักนิดหน่อยครับ

วิวด้านข้างฝั่งทิศตะวันออกของโครงการ เป็นแนวอาคารอพาร์ทเม้น หอพักเป็นส่วนใหญ่ สลับไปกับ บ้านพักอาศัย แต่มีระดับความสูงอาคารประมาณ 4-5 ชั้น ไม่เกินนี้ ทำให้เราได้มุมมองค่อนข้างเปิดโล่งทีเดียว นอกจากนั้นการออกแบบพื้นที่บริเวณด้านข้าง ใช้เป็นแนวต้นไม้ไม่สูงมากนัก และเผื่อพื้นที่ยื่นออกไปแทนผนังทึบ ทำให้ดูโล่ง และโปร่งมากยิ่งขึ้น

บริเวณด้านบนของอาคาร A เป็นพื้นที่สวนสีเขียวดูสบายตา นอกจากนั้นยังมี Amphitheatre ขนาดย่อมๆ สำหรับนั่งพักเป็นระดับ อาจจะใช้นั่งคุยกันเป็นกลุ่ม หรือประชุมกันก็ได้ครับ บริเวณทางเดินมีไฟส่องสว่างที่อยู่ระดับประมาณข้อเท้า ส่องแสงให้กับทางเดินตลอดแนว สามารถมองเห็นพื้นที่ได้ แสงไม่แยงตา

ต่อไปเป็นจุดเชื่อมต่อไปยังพื้นที่ด้านบนของอาคารพักอาศัย B ซึ่งจะมีทางเชื่อมลักษณะเดียวกันกับ ที่เชื่อมอาคาร Club House มาอาคาร A ครับ

 

ด้านบนอาคารพักอาศัย B มีพื้นที่ส่วนกลางที่เป็นห้องอยู่ด้วย ประกอบไปด้วย ห้อง Library หรือห้องสมุดนั่นเอง สามารถนั่งทำงาน อ่านหนังสือกันได้ และห้อง Game Room 2 ห้อง เป็นห้องกิจกรรม สำหรับคลายเครียด ภายในมีอุปกรณ์ติดตั้งไว้ให้พร้อม ไปดูของจริงกันเลยครับ

ส่วนแรกคือห้องสมุด เป็นห้อง มุงด้วยผนังกระจกยาวตลอดแนว มีแนวชายคายื่นออกมาไม่มากนัก ติดด้วยกระจกเขียวตัดแสงจากภายนอกไว้ตลอดแนว

ภายในพื้นห้องเป็นไม้ มีพื้นที่หลากหลายลักษณะ ทั้งโต๊ะ และ ระดับพื้นที่ยกขึ้น สามารถนั่งยืดขาได้ ส่วนอีกฝั่งก็เป็นกระจกเปิดโล่ง รับแสงภายนอกได้ทั้งสองด้านเลยครับ เสาตกแต่งด้วยกระจก ทำให้ห้องดูกว้างมากยิ่งขึ้น

เมื่อออกมา จะมีห้องแนวกระจกลึกขึ้นไปด้านในอีก 2 ห้อง คือห้อง Game Room จำนวน 2 ห้อง แต่จะมีพื้นที่ปกคลุม ทำให้สามารถหลบแดดและฝนได้ ภายในต่อเข้าไปจะมีส่วน Sitting Court สำหรับนั่งเล่น และห้องน้ำแยกชายหญิงให้ครับ

ห้อง Game Room ตกแต่งด้วย กรอบอาคารลักษณะคล้ายผนังถ้ำ ตามแนวคิดการออกแบบอาคาร พื้นและฝ้าเป็นไม้ โดยภายในห้องแรกมีส่วนของโต๊ะปิงปอง และ โต๊ะ Air Hockey สำหรับเล่นคลายเครียด ส่วนอีกห้องมีโต๊ะ Pool และพื้นที่นั่งเล่นทำกิจกรรมต่างๆ ถือเป็นห้องที่ตอบโจทย์กลุ่มนักศึกษาได้ดีเลยครับ

เมื่อออกมาจากพื้นที่ส่วนกลางภายในห้องต่างๆนี้แล้วนั้น จะมีพื้นยกระดับให้เดินขึ้นไปด้านบน ประดับไปด้วยต้นไม้ทั้งสองข้าง ข้างบนจะเป็นพื้นที่อะไร หลายคนคงพอจะเดากันได้บ้างแล้ว ไปดูกันครับ

สำหรับส่วนกลางหลักของโครงการจะอยู่บนชั้นดาดฟ้า ทำให้สามารถจัดพื้นที่ส่วนกลางได้เต็มที่ไม่ต้องแบ่งกับส่วนพักอาศัย และได้วิวมุมสูงโดยรอบ อีกทั้งยังได้เรื่องความเป็นส่วนตัวจากสายตาอาคารรอบข้าง  ส่วน Highlight อีกจุดของโครงการนี้ คงจะหนีไม่พ้นสระว่ายน้ำความยาวขนาดโอลิมปิก ที่ยาว 50 เมตร เป็นแบบเปิดโล่งทั้งหมดที่ชั้นบนสุดของอาคาร นับว่าเป็นขนาดที่ใหญ่พอสมควรเลย โดยจะมีแนวกว้างที่สุดอยู่ที่ 5.6 เมตร พร้อมพื้นที่นั่งริมสระตลอดแนว ภายในสระมีไฟส่องสว่างใต้สระเป็นแนวเส้นเหมือนในภาพผัง สวยงามทีเดียวครับ

สระว่ายน้ำระบบเกลือยาว 50 เมตร ตั้งอยู่ริมอาคาร และเนื่องจากเป็นอาคารที่สูงที่สุดในบริเวณนี้ ทำให้ได้รับวิวด้านข้างค่อนข้างชัดเจน โล่ง จัดว่าสวยงามเลยทีเดียว แต่ด้วยความโล่งและกลางแจ้ง ทำให้สามารถใช้งานได้แค่บางช่วงเวลา เนื่องจากกลางวันแดดจะร้อนพอสมควรเลย แต่หากเป็นช่วงเย็นก็จะได้วิวโล่ง พร้อมกับแสงไฟในสระว่ายน้ำ เป็นบรรยากาศที่น่าสนใจทีเดียวครับ

พื้นริมสระเป็นกระเบื้องลายหินอ่อน ค่อนข้างหลากหลายการใช้งาน มีแนวผนัง Logoโครงการ เป็น Light Box นอกนั้นเป็นพื้นที่นั่งเล่นริมสระ   ภายในสระนอกจากจะมีแสงไฟใต้น้ำแล้ว ยังมีน้ำพุสร้างบรรยากาศให้อีกด้วย

ถัดมาจากส่วนของสระว่ายน้ำ จะเข้าสู่พื้นที่ด้านบนของอาคาร C ซึ่งเป็นส่วนสุดท้าย ในสุดของอาคาร ประกอบไปด้วยพื้นที่สวน ทางเดินที่ปกคลุมด้วยต้นไม้ และส่วนในสุดมีห้องที่เป็นพื้นที่ส่วนกลางอีก คือส่วนห้องออกกำลังกายอีกส่วนหนึ่งนั่นเอง

พื้นที่ห้องออกกำลังกายอีกส่วนหนึ่ง เป็นห้องออกกำลังกายชั้นบนสุด มีความแตกต่างจากส่วนของ Club House คือ มีความเป็นส่วนตัวมากยิ่งขึ้นโดยจะเน้นให้ลูกบ้านเป็นผู้ใช้งาน และได้รับวิวจากมุมสูงจากชั้น 8 ของอาคาร อีกทั้งยังได้ในเรื่องของความต่อเนื่องในการออกกำลังกาย สำหรับผู้ที่ต้องการออกกำลังกาย และว่ายน้ำด้วย ก็ไม่ต้องเดินทางข้ามอาคารไปไกล ซึ่งลักษณะการออกกำลังกายภายในนั้นมีเครื่องเล่นที่ไม่แตกต่างกัน

ภายในห้องมีลักษณะการออกแบบเช่นเดียวกันกับห้องออกกำลังกายของ Club House ทั้งพื้นห้อง การใช้สี และฝ้า รวมถึงการจัดตำแหน่งอุปกรณ์ มีทั้งเครื่องเล่นในรูปแบบ Cardio Workout และ Body Weight เลยครับ

 

ตัวผังแต่ละอาคารจะมีลักษณะเหมือนกัน ผมขอยกผังของอาคาร B มาอธิบายนะครับ มาเริ่มดูที่ชั้น 1 กัน ทุกๆอาคารพักอาศัยเนี่ย จะมี Lobby Mailbox และ ลิฟต์ แยกให้แต่ละอาคาร ซึ่งสำหรับพื้นที่ชั้น 1 จะมีพื้นที่จอดรถใต้อาคารมาให้ ทำให้ห้องพัก มีทางเดินหน้าห้องเป็นแบบ Single Coridoor ทำให้มีความ Privacy สูงกว่าชั้นอื่นๆ อีกทั้งยังมีจำนวนห้องไม่เยอะ เพียงแค่ 9 ยูนิต เป็น Type 1 Bedroom Exclusive วางอยู่ฝั่งทิศเหนือเหมือนกันทั้งหมด ซึ่งก่อนเข้าโซนพักอาศัยจะมีการกั้นด้วยคีย์การ์ดเพื่อความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยให้ด้วย

ขึ้นมาที่ชั้น 2 จะมีจำนวนห้องพักมากขึ้นเป็น 28 ห้อง/ชั้น โถงลิฟต์อยู่บริเวณกลางอาคาร ทำให้ไม่มีห้องไกลเดินไกลจนเกินไป ส่วนพื้นที่ห้องขยะก็มีการร่นระยะเข้าไปเพื่อช่วยให้ไม่อยู่ใกล้ห้องพักมากนัก ห้องที่เพิ่มเข้ามาของชั้นนี้คือ 1 Bedroom Extra ห้องที่กั้นด้วยประตูบานเลื่อนกระจกอลูมิเนียม และ 1 Bedroom Plus ที่มีห้องอเนกประสงค์ จะวางอยู่ทางฝั่งทิศใต้ในลักษณะคละ Type กัน

ชั้น 3-7 ผังคล้ายๆกับชั้น 2 แต่มีห้องเพิ่มเข้ามาอีก รวมๆแล้วเป็น 30 ห้อง/ชั้น

บรรยากาศ Lobby ของอาคารพักอาศัย ซึ่งแต่ละอาคารจะมีลักษณะเหมือนกัน โดยมีส่วน Mail Box และพื้นที่พักคอยอยู่ในบริเวณเดียวกัน ผนังเป็นแนวกระจกรับแสงจากภายนอก ส่วนเสาตกแต่งด้วยกระจกทำให้ห้องดูกว้างมากยิ่งขึ้น

โถงลิฟต์เป็นพื้นที่เดียวกันกับ Lobby โดยจะมีลิฟต์ 2 ตัว / อาคาร มีการตกแต่งลักษณะเป็นเหลี่ยมๆ คล้ายกับรูปแบบภายนอกอาคาร

แนวทางเดินในชั้นพักอาศัย เป็นแบบ Double Corridor มีห้องตรงข้ามกัน พื้นเป็นกระเบื้อง ผนังเป็นแบบฉาบเรียบมีบัวผนังกระเบื้องประมาณ 10 เซนติเมตร ฝ้าเป็นแบบฉาบเรียบทาสี พร้อมไฟ Downlight ยาวตลอดแนวทางเดิน

มีจุด Fire Hose ใกล้กับประตูเข้าบันไดหนีไฟ พร้อมสุดทางเดินมีช่องแสงเป็นหน้าต่างบานกระทุ้ง และ บาน Fix ที่พื้น พร้อมกล้อง CCTV ด้านบนครับ

สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก

Kave Club

  • The Shops
  • The Gym
  • Co-Learning Space & Hip Cafe

Roof Top

  • Skyline Swimming Pool (50 m.)
  • Sky Jogging Track
  • Kave Theater
  • Panoramic Garden & Moonlight Pavilion
  • Fully Functioned Exercise Room
  • The Gym
  • Co – Learning Space & Hip Cafe
  • Game Room
  • Reading Lounge

Service

  • 24 – Hours Concierge
  • Housekeeping บริการดูแลทำความสะอาดในห้องพักเดือนละ 2 ครั้ง
  • Hi-Speed Internet
  • Bluetooth Sound System
  • สวนหย่อมรอบโครงการ
  • ลิฟต์โดยสาร 2 ตัว/อาคาร แบบล็อคชั้น รวมทั้งโครงการ 6 ตัว
  • อัตราส่วนลิฟต์รวมทั้งโครงการ 98 :  1
  • ที่จอดรถประมาณ 31%  ไม่รวมจอดซ้อนคัน

Security

  • 24 – Hours Security Guard
  • CCTV
  • Magnetic Lock Elevator
  • Access Card Control

Product Walkthrough

 

 

มาดูรายละเอียดในห้องพักอาศัยกันครับ เริ่มจากห้อง 1 Bedroom Exclusive 24.10-25.14 ตร.ม. จัดมาให้แบบ Fully Furnished ความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดาน 2.4 ม. รูปร่างของห้องเป็นทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัส จัดพื้นที่การใช้งานภายในห้องหลัก เป็น 5 ส่วน ได้แก่ ห้องนั่งเล่น ห้องนอน ห้องน้ำ ห้องครัวและระเบียงซักล้าง จัดพื้นที่การใช้งานในส่วนต่างๆไว้เป็นสัดส่วนชัดเจน เมื่อเปิดประตูเข้าห้องมาจะเจอกับห้องนั่งเล่นที่มีพื้นที่สำหรับวางโต๊ะทำงานอยู่ข้างๆชุดโซฟา ถัดเข้าไปด้านในเป็นห้องนอนกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน ห้องลักษณะนี้เนื่องจากผนังที่กั้นไม่ใช่แบบทึบจึงมีข้อดีตรงที่เราจะได้แสงธรรมชาติเข้ามาในห้อง ทำให้ห้องไม่มืดทึบจนเกินไป อีกฝั่งหนึ่งเป็นห้องครัวและห้องน้ำ ห้องครัวถึงแม้ว่าจะไม่ได้มีประตูกั้นมาให้ทำให้ห้องดูกว้าง แต่ถ้าหากใครที่ชื่นชอบการทำอาหาร ก็สามารถติดฉากกั้นเพิ่มเติมได้ เพื่อช่วยป้องกันกลิ่นและควันให้ไม่ไปรบกวนส่วนอื่นของห้อง แต่ก็ยังมีข้อดีที่อยู่ติดกับส่วนระเบียง ทำให้สามารถระบายอากาศได้ง่าย ในครัวมีพื้นที่สำหรับวางโต๊ะทานข้าวแบบ 2 ที่นั่งให้เราได้นั่งทานข้าวได้เป็นสัดส่วน ห้องน้ำแบ่งพื้นที่มาให้มีทั้งส่วนแห้งและส่วนเปียก มีประตูอยู่กลางห้อง ทำให้ห้องน้ำถูกแบ่งเป็น 3 ด้าน ตามรูปแบบการใช้งาน

ประตูหน้าห้องเป็น MDF โดยมีระบบเข้าแบบ Digital Door Lock จาก Samsung พร้อมกลอนประตูแบบคันโยกแสตนเลส

บริเวณทางเข้ามีธรณีประตูหินแกรนิตสีดำ เป็นตั้วกั้นฝุ่งไม่ให้เข้าห้อง พื้นภายในยกสูงขึ้นจากพื้นทางเดินภายนอกเล็กน้อย

เมื่อเปิดประตูเข้ามาภายในห้องจะเจอกับห้องนั่งเล่นพร้อมก่อน ฝ้าเพดานห้องนี้สูง 2.4 เมตร พื้นเป็นกระเบื้องไวนิลลายไม้ ความยืดหยุ่นสูง มีความทนทานต่อความชื้น แต่มีรอยขีดข่วนค่อนข้างง่าย ให้เฟอร์นิเจอร์แบบ Fully Furnished ครับ พื้นที่ภายในถัดเข้าไปเป็นพื้นที่ห้องนอนมีฉากกั้นกระจกกั้นอยู่ ซึ่งมีข้อดีเชื่อมต่อมาถึงส่วนห้องนั่งเล่นส่วนแรกนี้คือ เป็นพื้นที่ติดริมอาคาร ทำให้มีช่องแสงทะลุฉากกั้นเข้ามาสู่ตัวห้องนั่งเล่นด้วยเช่นกัน

บริเวณหน้าห้องเป็นพื้นที่นั่งเล่นวางโซฟาได้ 2 ที่นั่ง ระยะดูทีวีประมาณ 2.3 เมตร ในแนววงเปิดประตูมี Stopper อยู่ที่พื้น ทำให้ประตูไม่ชนชั้นวางทีวีเวลาเปิด ซึ่งที่เราเห็นในภาพ ทั้งส่วนโซฟา และชั้นวางทีวี ชั้นด้านบนทีวี รวมถึงเครื่องปรับอากาศเราก็ได้มาด้วยเช่นกันครับ

หน้าประตู ทางเข้าประกอบไปด้วย สวิทช์ไฟเปิดปิด พร้อมตัว Digital Door Lock และแผงควบคุม Bluetooth Sound System

ที่เป็นส่วนพิเศษของห้องที่นี่คือมีส่วน Bluetooth Sound System ยี่ห้อง Razr มาให้ด้วย ภายในห้องมีลำโพงต่อ 2 จุด ในห้อง นั่งเล่น และห้องนอน 

ชั้นวางทีวีลายไม้ขนาด 145 x 30 เซนติเมตร ซึ่งมีหน้าบานเปิดได้ด้านล่าง หน้าบานไม้ผิวลามิเนตมีการทำมุมให้ใช้จับเปิดปิดง่าย หน้าบานเรียบ พร้อมระบบโช๊คลดแรงกระแทกตอนปิด ส่วนชั้นวางของด้านบนขนาดความยาวเท่ากัน ก็ได้มาด้วยครับ อีกทั้งยังได้เครื่องปรับอากาศ Daikin ขนาด 9000 Btu. มาเช่นกันครับ

ส่วนโซฟาที่จะได้เป็นโซฟาหน้าตาประมาณนี้ครับ ขนาด 0.85 x 1.50 เมตร สามารถดึงออกมาเป็นที่นอนได้ด้วย

 

ที่บริเวณข้างโซฟา มีโต๊ะทำงานสำหรับนั่ง 1 คน ขนาด 80 x 30 เซนติเมตร พร้อมกับลิ้นชักเก็บของ 2 ช่อง แต่ชุดโต๊ะนี้ไม่มีมาให้นะครับเราดูเป็นไอเดียการใช้งานได้

ฝ้าเพดานเป็นแบบฉาบเรียบทาสี ที่ฝ้าเพดานมีไฟ Downlight 2 ดวง พร้อมลำโพง Bluetooth Sound System กับเครื่องปรับอากาศมาให้ตามในภาพเลยครับ

ถัดเข้าไปด้านในจะเป็นห้องนอนกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน กรอบบานอลูมิเนียมสีดำ เป็นบานเปิดแบบ Double Slice สองตอนไปรวมที่ด้านขวา พอเลื่อนเปิดสุดแล้วจะมีระยะประมาณ 1.4 เมตร ขนาดกว้างพอสมควร ทำให้ได้พื้นที่ที่เชื่อมต่อกับห้องนั่งเล่น อีกทั้งยังช่วยให้แสงธรรมชาติเข้ามาในห้องทำให้ห้องไม่มืดจนเกินไป ช่วยประหยัดไฟตอนกลางวันได้

ประตูมีตัวจับติดตั้งพร้อมรางเลื่อนสไลด์ด้านล่างมาให้ครับ จะเดินเข้าออกต้องระวังหน่อยนะครับ อาจจะสะดุดได้ ผมเป็นห่วง

ส่วนต่อไปเป็นส่วนห้องนอนวางเตียงได้ประมาณ 5 ฟุต ทางโครงการแถมเตียงให้แต่ไม่ได้รวมฟูก ผนังข้างเตียงเป็นหน้าต่างบ้าน Fix นอนดูวิวได้และมีบานกระทุ้งไว้สำหรับเปิดรับลมระบายอากาศอีกด้วย แถมยังเป็นช่องแสงให้กับพื้นที่ภายในห้อง ปลายเตียงยังมีตู้เสื้อผ้า Built-in มาให้พร้อมโต๊ะเครื่องแป้ง ภายในห้องตัวอย่างตกแต่งมาโดยนำเตียงชิดผนัง เพื่อให้ได้พื้นที่ทางเข้าห้องนอนมากยิ่งขึ้น เว้นไว้เพียงแนวม่านหน้าต่างเท่านั้น

เตียงที่ได้มานี้มีส่วนพิเศษคือมีลิ้นชักเก็บของที่ด้านล่าง เหมาะกับพื้นที่ห้องเล็ก ที่ต้องการพื้นที่เก็บของ อีกทั้งยังเป็นการใช้พื้นที่อย่างคุ้มค่าอีกด้วยครับ

พื้นที่ข้างเตียงมีขนาดกว้างพอสมควรสามารถวางโต๊ะหัวเตียงได้

พื้นที่ปลายเตียงค่อนข้างแคบ เนื่องจากมีตู้เสื้อเป็นตู้บานเปิดออกสองฝั่งทำให้ตอนเปิดหน้าบาน เปิดได้ไม่สุดเพราะติดกับปลายเตียง ถ้าเปลี่ยนเป็นบานเลื่อนจะใช้งานได้สะดวกกว่า กรณีจะตั้งเก้าอี้โต๊ะเครื่องแป้ง แนะนำให้หาขนาดพอดีใช้งาน สามารถเลื่อนไปเก็บไว้ใต้ชั้นวางของได้

เนื่องจากทางโครงการจัดเตียงให้วางชิดริมหน้าต่าง ทำให้เหลือพื้นที่ข้างเตียงในฝั่งนี้ไว้เฉพาะตรงส่วนของแนวผ้าม่านเท่านั้น

หน้าต่างข้างเตียงเป็นช่องแสงขนาดใหญ่ของห้อง ทางโครงการให้บานเปิดมาด้วย 1 บาน ขนาด 110 x 60 เซนติเมตร

ตู้เสื้อผ้าปลายเตียงหน้าบานลามิเนต ภายในมี 3 ตอน ชั้นบนสุดสำหรับเก็บของขนาดใหญ่ เช่น กระเป๋าเดินทาง ชั้นกลางเป็นราวแขวนเสื้อ ส่วนชั้นล่าง เป็นลิ้นชักสำหรับเก็บของชิ้นเล็กๆได้

ส่วนด้านบน ฝ้าเพดานเป็นแบบฉาบเรียบทาสี ที่ฝ้าเพดานมีไฟ Downlight 2 ดวง พร้อมลำโพง Bluetooth Sound System กับเครื่องปรับอากาศ Daikin ขนาด 9,000 Btu. มาให้ตามในภาพเลยครับ

ส่วนต่อไปของห้องคือทางเชื่อมไปยังส่วนห้องน้ำ ห้องครัว และ ระเบียงซักล้าง โดยจะมีความกว้างประมาณ 90 เซนติเมตร พื้นที่บริเวณนี้สามารถกั้นฉากให้เป็นครัวปิดได้ เพื่อให้กลิ่นและควันจากห้องครัวไม่มารบกวนพื้นที่ส่วนห้องนั่งเล่นและห้องนอน แล้วแต่ความชอบของเจ้าของห้องครับ แนะนำไว้เป็นไอเดีย

ห้องครัวของห้องนี้มีลักษณะเป็นครัวเปิด แต่มีตำแหน่งติดระเบียงทำให้นอกจากจะได้แสงธรรมชาติแล้ว ยังสามารถระบายอากาศได้ง่ายอีกด้วย ซึ่งภายในครัว มีพื้นที่สำหรับตั้งโต๊ะรับประทานอาหารขนาด 2 ที่นั่ง ซึ่งก็จะได้มาตามภาพด้วยเช่นกัน

พื้นที่ภายในครัวมีพื้นที่ให้ยืนทำครัวกว้างประมาณ 80 เซนติเมตร ใช้งานง่าย สะดวก สามารถยืนทำครัว ไปด้วย พร้อมกับอีกคนนั่งทานอาหารได้ ซึ้งบริเวณหน้าตู้เย็น เป็นพื้นที่ทางเข้าห้องน้ำด้วยเช่นกัน ถือว่ามีความกว้างพอสมควร

มาที่โต๊ะรับประทานอาหารสำหรับสองที่นั่ง โดยจะได้ชุดโต๊ะและเก้าอี้แบบในห้องตัวอย่างเลยครับ

ชุดเคาน์เตอร์ครัวทั้งหมดเป็นไม้ลามิเนต มี 3 ระดับ ตู้ไม้ด้านบน เคาน์เตอร์ส่วนกลาง และตู้ด้านล่าง พร้อมว่างที่ว่างไว้สำหรับใส่เครื่องซักผ้าแบบบานเปิดด้านหน้า อีกทั้งยังเว้นพื้นที่วางตู้เย็นไว้ให้ด้านข้างประมาณ 70 เซนติเมตร แต่ทางโครงการไม่ได้ให้เครื่องใช้ไฟฟ้านะครับ

ด้านบนเป็นช่องเก็บของแยกเป็นหลายช่อง หน้าบานไม้ลามิเนต พร้อมทั้งมีช่องสำหรับวางไมโครเวฟ หรือเตาอบไว้ด้วย ภายในมีปลั้กไฟเตรียมไว้ให้

บานพับตู้ทั้งหมดจะติด Soft Close เพื่อเวลาเปิด-ปิด ใช้งานเกิดเสียงดัง ลดการกระแทก สามารถกดเปิดหน้าบานได้สะดวก ไม่ต้องมีที่จับทำให้หน้าบานดูเรียบเสมอกัน สวยงามและง่ายต่อการใช้งาน

พื้นที่ส่วนกลางเป็นเคาน์เตอร์ครัว หน้าเคาน์เตอร์ปิดผิวด้วยลามิเนต มีอ่างล้างจาน 1 อ่าง พร้อมพื้นที่เตรียมอาหาร ไม่มีเตาไฟฟ้าและเครื่องดูดอากาศมาให้

อ่างล้างจานแบบ 1 หลุม ขนาด 55 x 55 เซนติเมตร เป็นของ MEX

พื้นที่ด้านล่างไล่จากซ้ายไปขวา ใต้อ่างเป็นพื้นที่เก็บของและส่วนใต้อ่างล้างจาน ตรงกลางเป็นลิ้นชัก มีขนาดแตกต่างกัน ส่วนขวาสุดเป็นช่องสำหรับใส่เครื่องซักผ้าชนิดหน้าบานเปิดด้านหน้า

ด้านบนเป็นฝ้าฉาบเรียบทาสี มีไฟ Downlight 1 ดวงครับ

พื้นที่เชื่อมต่อระเบียงเป็นกระจกบานกรอบอลูมิเนียนพ่นสีดำ พร้อมกระจกเขียวตัดแสง เป็นบานสไลด์ 3 ตอน เปิดแบบ Double Slice ไปทางด้านซ้ายฝั่งเดียว เมื่อเปิดกว้างสุดจะมีระยะ 85 เซนติเมตร เข้า-ออกได้สะดวกครับ

ประตูมีตัวจับติดตั้งพร้อมลางเลื่อนสไลด์ด้านล่างมาให้ครับ ยกขอบสูง 5 เซนติเมตร

ภายนอกระเบียงเป็นกระเบื้องเซรามิคขนาด 30 x 30 เซนติเมตร มีพื้นที่ 1 x 1.6 เมตร พร้อมราวกันตกเหล็ก

ด้านบนมีแขวน CDU 2 ชั้น สำหรับเครื่องปรับอากาศ 2 ตัวภายในห้อง ยังเหลือพื้นที่ด้านล่างสำหรับเก็บของได้บ้าง แต่ต้องระวังเรื่องแดดและความชื้นด้วยครับ

ฝ้าเพดานเป็นแบบฉาบเรียบทาสี มีไฟ กลมให้ 1 ดวง

เมื่อมองกลับเข้ามาภายในห้อง จะพบส่วนสุดท้ายของห้องนี้ครับ ตำแหน่งของห้องน้ำอยู่ด้านในจะต้องระวังเรื่องการระบายอากาศและความชื้น โดยโครงการจะมีพัดลมดูดอากาศมาให้ แต่เราอาจจะเปิดประตูช่วยระบายอากาศได้ ตำแหน่งประตูจะหันออกไปทางทางระเบียงพอดี อีกทั้งยังสามารถเข้าถึงได้ง่ายจากทุกส่วนในห้อง

ก่อนเข้าห้องน้ำมีขอบกั้นสูง 5 เซนติเมตร เป็นตัวกั้นแบ่งส่วนภายนอกและภายในห้องน้ำ ภายในห้องน้ำเป็นกระเบื้องเซรามิคขนาด 30 x 30 เซนติเมตร

เนื่องจากประตูเข้าห้องน้ำอยู่ตรงกลางห้อง ทำให้พื้นที่ภายในถูกแบ่งแยกส่วนชัดเจน เมื่อเปิดประตูเข้ามาฝั่งด้านหน้าคืออ่างล้างหน้า ขวามือคือโถสุขภัณฑ์ ส่วนด้านซ้ายมือคือพื้นที่อาบน้ำ พื้นและผนังเป็นกระเบื้องเซรามิค  

พื้นที่ภายในห้องน้ำเป็นแนวยาวตามทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าของห้อง มีพื้นที่ภายในแบ่งส่วนชัดเจนอย่างที่กล่าวไปเมื่อสักครู่ ภายในส่วนอาบน้ำมีฉากกั้นอาบน้ำมาให้ด้วยครับ

อ่างล้างหน้ามีกระจกเงาติดผนังมาให้ด้วยครับ ส่วนอ่างล้างหน้ามีเคาน์เตอร์ด้านล่าง Built-in มาให้ด้วย

อ่างล้างหน้าเซรามิคยี่ห้อ Cotto พร้อมพื้นที่วางของขอบอ่างด้านบน สำหรับวางอุปกรณ์ต่างๆ

ตู้บานลามิเนตด้านล่างยกสูงจากพื้นทำให้ป้องกันเรื่องความชื้นและง่ายต่อการทำความสะอาด พื้นที่ภายในสามารถเก็บของได้ด้วย

โถสุขภัณฑ์ ยี่ห้อ Cotto ตั้งอยู่ภายในมุม พร้อมกับสายชำระและที่ใส่กระดาษชำระติดอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม

สายชำระมีที่จับแสตนเลสถนัดมือครับ พร้อมทั้งที่ใส่กระดาษชำระยี่ห้อ Victor มีแผงกั้นน้ำให้ด้วยครับ

พร้อมทั้งฉากกั้นอาบน้ำกระจกนิรภัย Tempered glass ยี่ห้อ Shower King ก็ให้มาด้วยเช่นกันครับ เป็นบานเปิด 3 ตอน เมื่อเปิดแล้วมีระยะเดิน 75 เซนติเมตร โดยมีขอบอยู่ที่พื้น สูงขึ้น ประมาณ 5 เซนติเมตร จะเดินเข้าออกต้องระวังนิดนึงนะครับ ผมเป็นห่วง

พื้นที่ภายในส่วนอาบน้ำมีขนาด  90 x 130 เซนติเมตร โดยมีตำแหน่งระบายน้ำอยู่ที่มุมด้านใน

ส่วนอาบน้ำได้เป็น Hand Shower พร้อมที่วางเครื่องอาบน้ำ ที่ผนังฝั่งมุมด้านใน โดยมี Junction Box ติดตั้งไว้ให้ สำหรับติดเครื่องทำน้ำอุ่น

ที่จับ Hand Shower มีลักษณะเป็นแท่งแนวยาว ขนาดกระทัดรัด ยี่ห้อ American Standard ครับ

ฝ้าเพดานฉาบเรียบทาสี พร้อมไป Downlight 1 ดวง พร้อมพัดลมระบายอากาศด้วยครับ โดยตำแหน่งที่ริมผนังข้างสุขภัณฑ์มีราวแสตนเลสสำหรับแขวนเสื้อผ้า และผ้าเช็ดตัวให้ด้วยครับ

ห้องแบบที่ 2 ที่จะพาไปชมกันวันนี้คือ ห้อง 1 Bedroom Plus 34.19 – 37.24  ตร.ม. จัดมาให้แบบ Fully Fitted เช่นเดียวกัน พื้นห้องปูด้วยภายในห้องความสูงจากพื้นถึงฝ้า 2.4 m. เช่นเดิม รูปร่างของห้องเป็นทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า จัดพื้นที่การใช้งานภายในห้องหลักๆ เป็น 6 ส่วน ได้แก่ ห้องครัว, ห้องน้ำ, ห้องนั่งเล่น, ห้องนอน Master Bedroom, ห้องอเนกประสงค์และระเบียงซักล้าง มีการจัดพื้นที่การใช้งานในส่วนต่างๆไว้เป็นสัดส่วน เมื่อเปิดประตูเข้ามาจะเจอกับพื้นที่ครัว ซึ่งเป็นครัวเปิด ติดกับพื้นที่รับประทานอาหารซึ่งเชื่อมต่อไปยังห้องนั่งเล่น ฝั่งตรงข้ามห้องครัวคือห้องน้ำหนึ่งเดียวของห้องนี้ เดินผ่านเข้ามาจะพบพื้นที่ห้องนั่งเล่นอยู่ติดผนัง มีชุดโซฟาขนาด 2 ที่นั่งให้มาพร้อมกับชั้นวางทีวี ส่วนในสุดของห้องเป็นพื้นที่พักผ่อนทั้งหมด โดยด้านซ้ายเป็นห้องนอนหลักมีประตูแยกเข้าไปส่วนตัว อีกห้องเป็นห้องอเนกประสงค์ ที่สามารถจัดเป็นห้องนอน หรือห้องทำงานก็ได้ มีกระจกบานเลื่อนกั้นไว้ ห้องนี้จะเชื่อมต่อกับระเบียงสามารถออกไปยืนสูดอากาศได้ นอกจากนั้นแล้วยังทำให้มีแสงสว่างทะลุเข้ามาถึงภายในห้องด้วย

เมื่อเปิดประตูเข้ามาภายในห้องจะเจอกับห้องครัวก่อนเลย ฝ้าเพดานห้องนี้สูง 2.4 เมตรเช่นเดิม พื้นเป็นกระเบื้องไวนิลลายไม้ ให้เฟอร์นิเจอร์แบบ Fully Furnished เช่นกันครับ พื้นที่ภายในถัดเข้าไปเป็นพื้นที่ห้องอเนกประสงค์ ที่มีฉากกระจกกั้นอยู่ ซึ่งมีข้อดีคือเชื่อมต่อมาถึงส่วนห้องนั่งเล่นส่วนแรกนี้ได้ ทำให้มีช่องแสงทะลุฉากกั้นเข้ามาสู่ตัวห้องภายในด้วยเช่นกัน

ภายในส่วนแรกของห้องที่เข้ามาพบคือส่วนของห้องครัวเปิด โดยจะมีลักษณะเคาน์เตอร์และการวางเครื่องใช้ไฟฟ้าเช่นเดิม โดยที่หน้าประตูจะมีระบบ Digital Door Lock ติดกับตัวประตู และสวิชท์ไฟที่ผนัง ตัวแผงควบคุม Bluetooth Sound System ถูกเลื่อนเข้ามาภายในห้องแทนครับ

พื้นที่ทางเดินเข้าห้องมีขนาดค่อนข้างกว้างพอสมควร โดยมีระยะ 1.5 เมตร ที่บริเวณวงเปิดประตูที่พื้นก็มี Stopper เช่นเดียวกันกับห้องเมื่อสักครู่ ฝั่งตรงข้ามพื้นที่ครัวจะเป็นส่วนของห้องน้ำ เดี๋ยวมาชมรายละเอียดของห้องครัวกันก่อนจากนั้นผมจะพาไปดูต่อที่ห้องน้ำนะครับ

พื้นที่ครัวเป็นเหมือนห้องก่อนหน้านี้ครับ รายละเอียดหลักๆ โดยจะเป็นครัวเปิด แบ่งพื้นที่เคาน์เตอร์ออกเป็น 3 ระดับ พร้อมด้านข้างเว้นที่สำหรับวางตู้เย็นไว้ในรูปแบบเดียวกันครับ

ด้านบนเป็นตู้บานเปิดสำหรับเก็บของ หน้าบานเป็นไม้ลามิเนต มีช่องสำหรับวางเตาอบและไมโครเวฟด้วย

พื้นที่ส่วนกลางเป็นเคาน์เตอร์ครัว Top หน้าเคาน์เตอร์ปิดผิวด้วยลามิเนต มีอ่างล้างจาน 1 อ่าง พร้อมพื้นที่สำครัว ไม่มีเตาไฟฟ้าและเครื่องดูดอากาศมาให้

อ่างล้างจานแบบ 1 หลุม ขนาด 55 x 55 เซนติเมตร เป็นของ MEX เท่ากันกับของห้องเมื่อสักครู่

พื้นที่ด้านล่างไล่จากซ้ายไปขวา ใต้อ่างเป็นพื้นที่เก็บของและส่วนใต้อ่างล้างจาน ตรงกลางเป็นลิ้นชัก มีขนาดแตกต่างกัน ส่วนขวาสุดเป็นช่องสำหรับใส่เครื่องซักผ้าชนิดหน้าบานเปิดด้านหน้า

ด้านข้างเคาน์เตอร์ครัวมีที่วางตู้เย็น และ โต๊ะรับประทานอาหาร ขนาด 60 x 60 เซนติเมตร พร้อมเก้าอี้สองตัว ทางโครงการให้มาด้วยครับ

ด้านบนเป็นฝ้าฉาบเรียบทาสี มีไฟ Downlight ให้ 2 ดวง พร้อมลำโพง Bluetooth Sound System ใช้ร่วมกันกับพื้นที่ห้องนั่งเล่น

มาต่อกันที่ส่วนห้องน้ำนะครับ ห้องน้ำของห้องนี้ก็มีลักษณะเหมือนกับของห้องที่แล้วทั้งหมดเลยครับ ต่างกันเพียงแค่ตำแหน่งของสุขภัณฑ์ โดยจะมีการเรียงลำดับจากส่วนแห้งไปสู่เปียกเข้าไปสู่ด้านใน

หน้าห้องน้ำมีขอบกั้นสูง 5 เซนติเมตร เป็นตัวกั้นแบ่งส่วนภายนอกและภายในห้องน้ำ ภายในห้องน้ำเป็นกระเบื้องเซรามิคขนาด 30 x 30 เซนติเมตร ส่วนแรกคือส่วนของอ่างล้างหน้า ซึ่งมีกระจก และเคาน์เตอร์บานเปิดด้านล่าง เช่นเดียวกันกับห้องแรกครับ

อ่างล้างหน้าเซรามิคยี่ห้อ Cotto พร้อมพื้นที่วางของขอบอ่างด้านบน สำหรับวางอุปกรณ์ต่างๆ และ โถสุขภัณฑ์ ยี่ห้อ Cotto เช่นกัน พร้อมกับสายชำระและที่ใส่กระดาษชำระติดอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม

พร้อมทั้งฉากกั้นอาบน้ำกระจกนิรภัย Tempered glass ยี่ห้อ Shower King ก็ให้มาด้วยเช่นกันครับ เป็นบานเปิด 3 ตอน เมื่อเปิดแล้วมีระยะเดิน 75 เซนติเมตร โดยมีขอบอยู่ที่พื้น สูงขึ้น ประมาณ 5 เซนติเมตร จะเดินเข้าออกต้องระวังนิดนึงนะครับ

พื้นที่ภายในส่วนอาบน้ำมีขนาด  120 x 130 เซนติเมตร โดยมีตำแหน่งระบายน้ำอยู่ที่มุม

ส่วนอาบน้ำได้เป็น Hand Shower พร้อมที่วางเครื่องอาบน้ำ ที่ผนังฝั่งมุมด้านใน โดยมี Junction Box ติดตั้งไว้ให้ สำหรับติดเครื่องทำน้ำอุ่น

ฝ้าเพดานฉาบเรียบทาสี พร้อมไป Downlight 1 ดวง พร้อมพัดลมระบายอากาศด้วยครับ โดยตำแหน่งที่ริมผนังฝั่งตรงข้ามโถสุขภัณฑ์มีราวแสตนเลสสำหรับแขวนเสื้อผ้า และผ้าเช็ดตัวให้ด้วยครับ

เมื่อเดินเลยเข้ามาก็จะพบกับส่วนของพื้นที่ห้องนั่งเล่น ซึ่งมีลักษณะเฟอร์นิเจอร์คล้ายกับของห้องแรก โดยประกอบไปด้วย โซฟาสำหรับ 2 ที่นั่ง ชั้นวางทีวี มีโต๊ะกลางเพิ่มมาให้ โดยมีระยะดูทีวีอยู่ที่ 2.3 เมตร ในระยะประมาณนี้สามารถเลือกทีวีขนาด 45″- 50″ ได้ครับ

โซฟาที่เราจะได้มีหน้าตาประมาณนี้ครับ เช่นเดียวกันกับของของแรก ซึ่งจะสามารถดึงลงมาทำเป็นที่นอนได้ครับ

ส่วนชั้นวางทีวี ทางโครงการก็ให้มาด้วยเช่นเดิม โดยมีลักษณะเช่นเดิม เป็นชั้นลายไม้ขนาด 145 x 30 เซนติเมตร ซึ่งมีหน้าบานเปิดได้ด้านล่าง หน้าบานไม้ผิวลามิเนตมีการทำมุมให้ใช้จับเปิดปิดง่าย หน้าบานเรียบ พร้อมระบบโช๊ค ลดแรงกระแทกตอนปิด ส่วนชั้นวางของด้านบนขนาดความยาวเท่ากัน ก็ได้มาด้วยครับ อีกทั้งยังได้เครื่องปรับอากาศ Daikin ขนาด 9000 Btu. มาเช่นกันครับ

ฝ้าเพดานเป็นแบบฉาบเรียบทาสี มีไฟ Downlight 1 ดวง พร้อมลำโพง Bluetooth Sound System ติดตั้งมาให้กลางห้อง อันเดียวกันกับห้องครัวเมื่อสักครู่ครับ

ส่วนต่อไปเป็นพื้นที่พักผ่อนและห้องอเนกประสงค์ ซึ่งทั้งสองห้องมีประตูกั้น แบ่งส่วนพื้นที่ชัดเจน ส่วนด้านซ้ายมือประตูบานเปิดทึบ MDF เปิดเข้าภายใน เป็นส่วนของห้องนอนหลัก ส่วนด้านขวากระจกเป็นกระจกกรอบอลูมิเนียนพ่นสีดำ พร้อมกระจกใส บานสไลด์แบบ 3 ตอน เปิดแบบ Double Slice ชิดทางขวามือ มีช่องทางเข้า 0.85 เมตร เป็นส่วนของห้องอเนกประสงค์ สามารถทำเป็นห้องนอน หรือห้องทำงานก็ได้ แล้วแต่ลักษณะการใช้งานของเจ้าของห้อง โดยจะสามารถเชื่อมต่อไปยังระเบียงได้ เนื่องจากประตูกระจกเป็นประตูใส ทำให้ได้รับแสงเข้ามาภายในห้องด้านในด้วยครับ

มาดูห้องอเนกประสงค์กันก่อนครับ ภายในมีขนาดประมาณ 2.2 x 2.1 เมตร ภายในมีเตียง 3 ฟุต มาให้ และตู้ที่อยู่ด้านข้างมาให้ ด้านหลังเป็นประตูทางออกไปที่ระเบียง เป็นช่องแสงให้กับห้อง การตกแต่งห้องที่มีขนาดเล็กให้ดูกว้างขึ้นเราอาจจะใช้กระจกในการตกแต่งแบบในห้องตัวอย่างนี้ก็ได้ครับ

เตียงที่ได้มานั้นมีช่องลิ้นชักอยู่ด้านล่าง สามารถเก็บของได้ เช่นเดียวกันกับเตียงใหญ่ของห้องที่แล้วครับ เหมาะแก่ห้องที่มีพื้นที่เล็ก ใช้พื้นที่ได้คุ้มค่าครับ

ภายในมีพื้นที่เดินเหลือ ประมาณ 90 เซนติเมตร สามารถเดินไปเชื่อมต่อที่ระเบียงได้ครับ

ด้านข้างเราจะได้ตู้เก็บของตามแบบนี้ ใช้เก็บของเล็กๆน้อยๆได้ มีหน้าบานเปิด 2 ตอน บานคู่และบานเดี่ยว

ฝ้าเพดานเป็นแบบฉาบเรียบทาสี พร้อมไฟ Downlight 1 ดวง

ประตูที่เชื่อมกับระเบียงเป็นกระจกกรอบอลูมิเนียนพ่นสีดำ พร้อมกระจกเขียวตัดแสง เป็นบานสไลด์ 3 ตอน เปิดแบบ Double Slice ไปทางด้านซ้ายฝั่งเดียว เมื่อเปิดกว้างสุดจะมีระยะ 85 เซนติเมตร ออกได้สะดวกครับ

ประตูมีตัวจับติดตั้งพร้อมลางเลื่อนสไลด์ด้านล่างมาให้ครับ ยกขอบสูง 5 เซนติเมตร

ภายนอกระเบียงเป็นกระเบื้องเซรามิคขนาด 30 x 30 เซนติเมตร มีพื้นที่ 1 x 2.1 เมตร พร้อมราวกันตกเหล็ก

มี CDU แขวนอยู่ 2 ชั้น พื้นที่ด้านใต้สามารถเก็บของได้แต่ต้องคำนึงถึงความชื้นและแดดสักหน่อยครับ โดยบริเวณตรงนั้นมีก็อกน้ำและสวิทช์ไฟให้ด้วยครับ

ฝ้าเพดานเป็นแบบฉาบเรียบทาสีพร้อมไฟกลม 1 ดวง

มาดูที่ส่วนสุดท้ายคือห้องนอนหลักของเรา ภายในห้องนอนวางเตียงได้แบบ Queen Size 5 ฟุต ห้องนี้ไม่มีระเบียงแต่จะมีหน้าต่างเอาไว้เปิดรับแสงและดูวิวได้ ยังมีบานเปิดรับลมและระบายอากาศได้อีกด้วย

เตียงที่ได้มานั้นมีช่องลิ้นชักอยู่ด้านล่างเช่นกัน สามารถเก็บของได้ เหมาะแก่ห้องที่มีพื้นที่เล็ก ใช้พื้นที่ได้คุ้มค่าครับ

พื้นที่ด้านข้างมีขนาดไม่มากเท่าไรนัก ฝั่งนี้มีตู้เสื้อผ้าให้มาด้วย ซึ่งเป็นตู้บานเปิด ทำให้อาจจะใช้งานลำบากสักหน่อยครับ

ปลายเตียงพอมีระยะให้เดินผ่าน แต่จะไม่เหมาะกับการเอาชั้นวางทีวีมาตั้งเพราะเหลือพื้นที่ไม่มากนัก

พื้นที่อีกฝั่งติดหน้าต่าง มีขนาดไม่มากนักเช่นกัน แต่สามารถวางโต๊ะหัวเตียงได้ นอกจากนั้นยังมีพื้นที่สามารถยืนเปิด-ปิดหน้าต่างได้สะดวก

ตู้เสื้อผ้าที่โครงการให้มา เป็นหน้าบานไม้ลามิเนต เป็นแบบเปิด 2 ตอน ทั้งบานเดี่ยวและบานคู่ ชั้นบนเป็นช่องกว้าง สำหรับใส่ของขนาดใหญ่ เช่น ผ้าห่ม กระเป๋าเดินทาง ชั้นกลางเป็นราวแขวนเสื้อ ส่วนด้านล่างมีลิ้นชักสำหรับเก็บของแยกชนิดได้

หน้าบานมีที่เปิดจับถัดมือครับ ขนาดเล็ก ดูไม่เกะกะ เรียบร้อยครับ

บานกระจกขนาดค่อนข้างใหญ่พอสมควร มีทั้งหมด 5 บาน Fix และ มีบานเปิด 1 บาน ขนาด 110 x 60 เซนติเมตร สามารถรับลมได้ด้วย

ฝ้าเพดานเป็นแบบฉาบเรียบทาสี พร้อมไฟ Downlight 2 ดวง มี ลำโพง Bluetooth Sound System ให้ด้วย 1 ตัว ภายในห้อง อีกทั้งยังได้เครื่องปรับอากาศ Daikin 9,000 Btu. มาด้วยครับ

**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะครับ

ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 04 October 2018

  • ปัจจุบันโครงการขายหมดแล้ว
  • กรณีสนใจโครงการ ที่โครงการจะมีสำนักงานสำหรับติดต่อเรื่องการฝากซื้อฝากขายไว้ให้บริการ
  • Fully Furnished
  • ฝ้าเพดานสูง 2.4 เมตร
  • Kitchen & Sink
  • ค่ากองทุน 500 บาท/ตร.ม.
  • ค่าส่วนกลาง 45 บาท/ตร.ม./เดือน (ฟรีปีแรก)

**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ครับ


เจาะลึกรวบยอด

ทำเล โครงการ Kave Condo ถือว่าเป็นทำเลที่ตอบโจทย์กลุ่มคนที่เป็นนักศึกษาหรือบุคลากรที่อยู่ในม.กรุงเทพ รังสิตหรือคนที่ทำงานอยู่ในย่านนี้อย่างแท้จริง เนื่องจากมีตำแหน่งตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับมหาวิทยาลัยเลย มีระยะห่างเพียงแค่เดินข้ามสะพานลอยซึ่งมีตำแหน่งอยู่บริเวณหน้าโครงการเลย ถือว่าสะดวกมากๆสำหรับนักศึกษา ในทำเลนี้ก็มีโครงการที่เป็นคอนโด Low Rise อยู่เหมือนกัน แต่ถ้าจะเดินทาง มา ม.กรุงเทพ จะต้องต่อรถ และสำหรับคนที่ไม่ใช้นักศึกษาข้อดีของทำเลที่ใกล้มหาวิทยาลัยคือความอุดมสมบูรณ์ มีทั้งร้านค้า ร้านอาหาร และสามารถเรียกรถได้ง่าย มี 7-11 และ มี Imagine Village ศูนย์การค้าที่อยู่ภายในมหาวิทยาลัยม.กรุงเทพ ถัดไปในบริเวณรอบๆในโซนรังสิตจะมีอยู่สองจุดที่คึกคักหน่อยคือ เซียร์รังสิต อีกจุดคือ Future Park รังสิต ภายในพื้นที่จะห้าง Zpell ที่ ศูนย์การค้าแห่งใหม่ของโซนกรุงเทพฯ ตอนเหนือนี้ นอกจากศูนย์การค้าใหญ่แล้ว ตามเส้นทางถนนรังสิต-นครนายกยังมีตลาดน้ำรังสิต, ตลาดที่เป็นตึกแถวอยู่ข้างทาง และห้างเล็กๆอย่าง Tesco Lotus และ BigC รวมถึงร้านขายของชำที่มีอยู่ประปราย

การเดินทางโดยใช้รถ เนื่องจากโครงการตั้งอยู่ริมถนนพหลโยธิน-รังสิต ซึ่งถ้ามาจากฝั่งในเมืองจะต้องตรงไปขึ้นสะพานกลับรถที่ถนนเชียงราก-คลองหลวงเพื่อมาเข้าโครงการซึ่งมีระยะอาจจะไกลสักหน่อย ถนนเส้นนี้สามารถใช้วิ่งตรงเข้าเมืองโดยเชื่อมต่อกับถนนวิภาวดีรังสิตผ่านดอนเมืองได้  ในทางกลับกันหากใช้ถนนพหลโยธิน-รังสิตขาออกจะเป็นทางไปรังสิตฝั่งคลองหลวงที่นอกจากจะมี ม.กรุงเทพแล้วยังมี ม.ธรรมศาสตร์ อีกด้วย ถ้าไปทางถนนรังสิต-นครนายก โซนคลองต่างๆ จะมีหมู่บ้าน ร้านค้าและร้านอาหารอยู่ค่อนข้างเยอะตรงต่อไปจะใช้ไปนครนายกได้  รวมๆแล้วถือว่าการเดินทางด้วยรถยนต์ค่อนข้างสะดวกและเลือกใช้งานได้หลากหลาย สำหรับทางด่วนก็สามารถไปขึ้นทางด่วนได้ที่ทางด่วนอุดรรัถยา ภายในโครงการมีที่จอดรถประมาณ 31% ไม่รวมจอดซ้อนคัน ซึ่งถือว่าไม่มากนัก

การเดินทางโดยไม่ใช้รถ หน้าโครงการติดถนนใหญ่ บริเวณหน้าโครงการจะมีวินมอเตอร์ไซค์และป้ายรถเมล์อยู่ มีรถตู้วิ่งรับส่งไปยังที่ต่างๆมีชุมทางอยู่ที่ Future Park รังสิต มีรถให้เลือกหลากหลายเส้นทางมาก หรือจะเรียกแท็กซี่ก็ได้ โดยปัจจุบันกำลังมีการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีแดง มีกำหนดแล้วเสร็จปี 2563 ครับ สถานีที่ใกล้ที่สุดคือ สถานีคลองหนึ่งครับ

การออกแบบโครงการ เนื่องจากพื้นที่ดินเป็นเส้นก๋วยเตี๋ยวยาวเข้าไป ทำให้การวางอาคารต้องวางตามแนวที่ดิน เริ่มที่พื้นที่หน้าสุดติดถนนเป็นพื้นที่ของ Clubhouse มีตำแหน่งอยู่ด้านหน้าสามารถใช้เป็นที่พบปะเพื่อนฝูงได้ โดยไม่ต้องเข้าไปรบกวนความเป็นส่วนตัวที่ห้องพักอาศัยของโครงการ ภายในมีอาคารพักอาศัยเรียงยาวเข้าไปตามพื้นที่ดิน โดยอาคารหน้าสุดคืออาคาร A อาคารนี้จะเดินเข้า-ออกโครงการได้ง่าย ใกล้ถนนใหญ่และ ส่วนพื้นที่ Clubhouse บรรยากาศจะคึกคักหน่อย ถัดมาเป็นอาคาร B อยู่ตรงกลางระหว่างอาคาร A และ C อาคารนี้ที่ชั้น 8 จะมี Facilities มากมายอยู่ด้านบน ใครที่อยู่อาคารนี้ก็จะสามารถเข้ามาใช้ส่วนกลางได้สะดวก บรรยากาศจะคึกคักเช่นเดียวกัน ถัดไปเป็นอาคาร C อยู่ด้านในสุด ชั้นบนจะมีสวนหย่อมและ Fitness มาให้  ซึ่งพออาคารอยู่ด้านหลังอาจจะเดินไกลหน่อยแต่ก็จะได้ความเป็นส่วนตัวและความสงบมาแทน ซึ่งชั้น Facilities ของชั้นดาดฟ้า มีสะพานให้เดินเชื่อมถึงกันได้หมดและการแบ่งพื้นที่ส่วนกลางกระจายอยู่ในหลายๆอาคาร ตัวอาคารทั้งหมดทำออกมาได้ทันสมัย เข้ากับ Concept ของโครงการและกลุ่มนักศึกษา

การออกแบบห้องพัก ห้องพักมีให้เลือก 3 แบบเน้นกลุ่มลูกค้าเป็นนักศึกษาและคนทำงาน ส่วนพื้นที่ภายในห้องพักเน้นการเชื่อมต่อใช้งานง่าย ครัวเป็นแบบเปิดทำให้ห้องภายในดูโล่ง มีแสงธรรมชาติเข้าถึงภายในตัวห้องได้ แต่ถ้าจะทำอาหารจริงจังก็สามารถกั้นประตูหรือบานเลื่อนเพิ่มภายหลังได้ ส่วนพื้นที่ห้องนอนจะอยู่ริมหน้าต่าง สามารถเปิดระบายอากาศ รับลมและแสงธรรมชาติได้ดี โดยพื้นที่ห้องในแต่ละขนาดเริ่มต้นที่  24.27-37.24 ตร.ม ซึ่งค่อนข้างหลากหลายให้เลือก มีระดับพื้นถึงฝ้า 2.4 เมตร ห้องดูโปร่งไม่อึดอัด อีกทั้งโครงการมีเฟอร์นิเจอร์ให้ ซึ่งจะออกแบบมาให้เหมาะสมกับพื้นที่ภายในห้องในแต่ละส่วน

วัสดุ ให้วัสดุและอุปกรณ์ต่างๆตามมาตามมาตรฐานดี พื้นเป็นไวนิลลายไม้ กันน้ำและทนต่อความชื้น ได้เฟอร์นิเจอร์แบบ Fully Furnished ที่ดีไซน์เข้าชุดกัน สุขภัณฑ์เป็นของ Cotto และ American Standard ชุดครัว+อ่างล้างจาน ไม่มีเตาไฟฟ้า และเครื่องดูดอากาศมาให้ พื้นห้องน้ำเป็นกระเบื้องขนาด 30×30 cm. พิเศษตรงที่ทางโครงการให้ Digital Door lock + Bluetooth sound system สำหรับคอนโดระดับราคานี้

สาธารณูปโภค เป็นอีกจุดเด่นของโครงการนี้ครับ โดยมีพื้นที่ส่วนกลาง 2 ส่วน ส่วนแรกคือด้านหน้าจัดเป็น Clubhouse สามารถใช้เป็นที่นัดพบปะเพื่อนๆของเราได้ ภายในมี The Shops, The Gym (ห้องออกกำลังกาย), Co-Learning Space Home Theatre, Meeting Room เหมาะกับกลุ่มลูกค้าที่เป็นนักศึกษา สามารถพาเพื่อนเข้ามาได้ด้วย ส่วนอาคารพักอาศัยชั้นบนสุดก็จะมี Facilities ทั้งชั้น อาคาร A มีสวนดาดฟ้า ออกมาเดินเล่นสูดอากาศได้ อาคาร B จะมีส่วนกลางมาให้อีกค่อนข้างเยอะเหมือนกันเช่น Reading Lounge หรือ ห้องสมุด , สระว่ายน้ำ และนอกจากนั้นในอาคารจะมี Game room มาให้อีก ส่วนอาคาร C มีฟิตเนสและสวนดาดฟ้าให้อีกด้วย

Judgement

การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้

ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%

เทียบกับช่วงราคา AVG 70,000  บาท/ตร.ม., 04 October 2018

  • ทำเล 8.25/10 – ทำเลดีอยู่ตรงข้าม ม.กรุงเทพ ติดถนนใหญ่ หาของกินง่าย
  • เดินทางด้วยรถ 7.5/10 – เดินทางค่อนข้างสะดวก แต่กลับรถไกลหน่อย
  • ไม่ใช้รถ 7.5/10 – เรียกรถง่าย หน้าโครงการมีป้ายรถเมล์ วินมอเตอร์ไซค์ รถตู้ ในอนาคตมีรถไฟฟ้าสายสีแดง
  • วัสดุ 9.0/10 – ตามมาตรฐานค่อนข้างไปทางดี Fully Furnished + Digital Door lock + Bluetooth sound system
  • แบบ 8.25/10 – ออกแบบวางผังได้ดี ทันสมัย ชอบการวาง Facilities ไว้ชั้นบน
  • สาธารณูปโภค 9.0/10 – ให้ค่อนข้างเยอะทั้ง Clubhouse และภายในอาคาร

  • MAIN CLASS
  • 8.21 / 10.00

BOTTOM LINE

โครงการ Kave Condo เหมาะกับคนที่มองหาคอนโดที่อยู่ใกล้มหาวิทยาลัยกรุงเทพ วิทยาเขตรังสิต หรือ เป็นคนที่อยากได้ที่พักในย่านนี้ อยู่อาศัย 1-2 คน ชอบคอนโดที่มี Facilities เยอะ หลากหลาย ออกแบบทันสมัย มีของกินของใช้รายล้อม และเดินทางเข้าเมืองง่าย แต่ปัจจุบันขายหมดแล้วนะครับ

** สำหรับคนที่สนใจโครงการนี้ ปัจจุบันโครงการมีสำนักงานบริการดูแลฝากซื้อฝากขายและห้องให้เช่า อยู่ที่โครงการการครับ

** และถ้าใครสนใจโครงการอื่นๆ ของ AssetWise  ในทำเลนี้ ก็กำลังจะมีโครงการใหม่ โครงการ The Kave Town Space จะอยู่ทางฝั่ง มหาวิทยาลัยกรุงเทพฯ สามารถเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ The Kave Town Space หรือโทร 083-553-79999

ถ้าเห็นว่ารีวิวนี้มีประโยชน์ ช่วยกด LIKE ให้หน่อยจะได้มีกำลังใจทำรีวิวถัดๆไปครับ

สมัครสมาชิกพร้อมรับข่าวสารเพิ่มเติม (คลิกที่นี่ )