รีวิวฉบับที่ 1729 … ใช้เวลาเพียง 2 ปี เท่านั้น ก็สร้างเสร็จแล้วนะครับ กับโครงการ C Ekkamai (ซี เอกมัย) พอสร้างเสร็จตอนนี้ก็ครองสถิติสูงที่สุดบนเส้นเอกมัย สูง 44 ชั้น ประมาณ 152 เมตร โครงการนี้ตอนเปิดขายตอนแรก ถือว่าขายดี ขายได้เรื่อยๆ เพราะสมัยนั้น ราคาเปิดตัว 3 ล้านกว่าๆ แถม Average ก็ 125,000 บาท/ตร.ม.เท่านั้น (ตอนนี้ AVG ดีดขึ้นมาเป็น 150,000 บาท/ตร.ม.) ยิ่งคอนโดใหม่ๆบนเส้นเอกมัยมาเปิดตัวอัพราคาเรื่อยๆ ทำให้โครงการนี้ใกล้ Sold Out เลยล่ะ
Fact @ 6 November 2018
- C Ekkamai (ซี เอกมัย)
- THE CHOICE PROPERTY DEVELOPMENT CO.,LTD.
- HIGH CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
- โครงการตั้งอยู่ : บนถนนเอกมัย (สุขุมวิท63) คลองเตยเหนือ เขตวัฒนา
- คอนโด High Rise 44 ชั้น 1 อาคาร จำนวน 736 ยูนิต
- ประกอบด้วยห้องพัก 729 ยูนิต และร้านค้า 7 ยูนิต
- ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 17 ยูนิต
- ที่จอดรถประมาณ 56% รวมจอดซ้อนคัน
- ที่ดินประมาณ 3-3-0 ไร่
- เริ่มก่อสร้าง : ไตรมาสที่ 1 ปี 2560
- คาดว่าจะแล้วเสร็จ : ไตรมาสที่ 4 ปี 2562
- โครงการเปิด Presale ตอนแรก 12 – 13 พ.ย. 2559
- งาน Open House เปิดตัวพร้อมโปรเฟอร์ครบ 24-25 พ.ย. 2561 นี้
- 1 Bedroom ขนาด 27 – 52 ตร.ม.
- 1 Bedroom Loft ขนาด 34 ตร.ม.
- 2 Bedrooms ขนาด 51 – 65 ตร.ม.
- Penthouse ขนาด 82 – 126 ตร.ม.
- ฝ้าเพดานสูง 2.7 เมตร และ 4.2 เมตร(ห้องแบบ Loft)
- ปัจจุบันราคาห้องเริ่มต้น 4.5 ล้านกว่าบาท (ขนาด 30 ตร.ม.)
- ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรทั้งโครงการ Average 150,000 บาท/ตร.ม.
- เวปไซต์โครงการ : คลิกที่นี่
- โทร : 098-268-5588
เพียงแค่การกด Like ก็เท่ากับการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจาก Think of Living แล้วครับ
สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างครับ
พิกัดโครงการบน Google Maps : 13.739795 , 100.58961
ทำเลของโครงการอยู่บนถนนเอกมัยที่ขึ้นชื่อเรื่องสถานบันเทิง ร้านอาหารชิคๆ เป็นแหล่งที่มีสีสันที่หนึ่งของกรุงเทพ และเป็นแหล่งรวม Office Building จึงมีหนุ่มสาวออฟฟิศค่อนข้างเยอะ มีความคึกคักทั้งกลางวันและกลางคืน เป็นย่านหนึ่งที่ไม่เคยหลับ เหมาะกับหนุ่มสาวรุ่นใหม่ที่ชอบเข้าสังคม ชอบทานข้าวนอกบ้าน และไปสังสรรค์กับเพื่อนบ่อยๆ
ถนนเอกมัยเป็นถนนคู่ขนานกับทองหล่อ ดังนั้นซอยย่อยที่เชื่อมระหว่างถนนเอกมัยกับทองหล่อจึงเป็นซอยที่มีความอุดมสมบูรณ์สูง(เอกมัยฝั่งเลขคี่) อย่างซอยเด่นๆเช่น ซอยทองหล่อ 10 (เอกมัย 5) มีร้านอาหารและร้าน Hang out หลากหลาย ทั้ง Wine Replubic, 7th Street, Muse, Myst มี Arena 10 ภายในก็จะมีร้านอาหาร มีสนามฟุตบอลอารีน่า และเป็นที่ตั้งของ Funky Villa โดยซอยนี้สามารถไปทะลุถนนทองหล่อได้ อีกซอยที่เชื่อมกันคือซอยเอกมัย 12 ก็มีร้านบรรยากาศดีๆอย่าง Coffee Bean By Dao, Vanilla Garden ให้ไปทานอาหารพร้อมเบเกอร์รี่กันได้ โดยทางหล่อซอย 10 และเอกมัย 12 นี้จะเป็นทางลัดเชื่อมระหว่างถนนทองหล่อ-เอกมัย-ปรีดี พนมยงค์ อย่างใครที่อยู่เอกมัยจะไปทองหล่อก็เลี้ยวเข้าทองหล่อซอย 10 แต่ถ้าจะไปพระโขนงก็เลี้ยวเข้าซอยเอกมัย 12 ส่งผลให้ถนนเส้นนี้ความอุดมสมบูรณ์สูง และเป็นย่านที่อยู่กึ่งกลางซอยเอกมัยพอดี
โดยถนนเอกมัยนี้เป็นถนนที่เชื่อมระหว่างถนนสุขุมวิทและเพชรบุรี ซึ่งความอุดมสมบูรณ์ของถนนเส้นนี้จะมากหรือน้อยก็จะอิงไปกับถนนใกล้เคียงด้วย เพื่อการอธิบายให้เห็นภาพเราจะขอแบ่งถนนเอกมัยออกเป็น 2 โซน คือ เอกมัยโซนใต้ฝั่งที่ติดกับถนนสุขุมวิท และเอกมัยโซนเหนือฝั่งที่ติดกับถนนเพชรบุรี โดยมีซอยทองหล่อ 10 และเอกมัย 12 เป็นถนนเส้นใหญ่ที่แบ่งความอุดมสมบูรณ์ของโซนเหนือและใต้
เอกมัยตอนใต้ ที่ค่อนไปทางสุขุมวิท จะมีความอุดมสมบูรณ์สูง เป็น Prime โซนของถนนเส้นนี้ เนื่องจากอยู่ใกล้ถนนสุขุมวิทและรถไฟฟ้า BTS เอกมัย จึงมีคอนโดที่พักอาศัยให้เลือกหลายที่ นอกจากนี้ยังมีทั้งอาคารสำนักงาน โรงแรม มีห้างสรรพสินค้าอย่าง เกตเวย์เอกมัย Big C เอกมัย มีร้านอาหารชิคๆราคาแพงๆและร้าน Hang out ให้เลือกหลากหลาย เป็นสีสันในยามค่ำคืนของย่านนี้
ส่วนบริเวณเอกมัยตอนเหนือ ที่ค่อนไปทางเพชรบุรี จะเป็นโซนที่มีความคึกคักน้อยลงมาหน่อย แต่ก็ยังมีร้านอาหาร ร้าน Hang out ให้เลือกและเป็นแหล่งรวมร้านเฟอร์นิเจอร์สไตล์ชิคๆอยู่หลายร้านทีเดียว ซึ่งตัวโครงการเองเนี่ยอยู่บริเวณเอกมัยตอนเหนือที่ค่อนมาทางเพชรบุรีแล้ว ดังนั้นหากจะเทียบความอุดมสมบูรณ์กับโซนใต้ก็คงจะยากหน่อย โดยสภาพแวดล้อมรอบๆโครงการจะเป็นอาคารพาณิชย์ ตึกแถว และคอนโดซะเป็นส่วนใหญ่ ความอุดมสมบูรณ์ที่ใกล้ที่สุดคือ ร้านค้าร้านอาหารแนว Street Food รอบๆโครงการ และร้านในซอยเอกมัย 30 รวมทั้งตลาดสดเอกมัยให้ไปซื้อของได้ในระยะเดิน ถัดออกไปหน่อยก็มีซอยเอกมัย 21 (ทองหล่อ 20) หรือซอยแจ่มจันทร์ ที่มีร้านอาหารน่านั่งหลายร้าน
การเดินทางโดยใช้รถค่อนข้างสะดวก เนื่องจากถนนเอกมัยเป็นถนนที่เชื่อมต่อระหว่างถนนสุขุมวิทและเพชรบุรี ซึ่งแม้ว่าจะเป็นที่รู้กันว่าถนนเส้นนี้รถติด แต่ก็ยังมีทางลัดให้เลี่ยงรถติดได้หลายทาง นอกจากนี้ยังมีทางลัดให้สามารถไปทองหล่อได้ เช่น ใช้ซอยทองหล่อ 20 (เอกมัย 21) หรือซอยทองหล่อ 10 (เอกมัย 5) และทางลัดไปยังถนนปรีดีย์ พนมยงค์ โดยใช้ซอยเอกมัย 28 หรือซอยเอกมัย 12 ก็ได้นะ หากใครต้องการเข้าเมืองทางถนนพระราม 4 ก็จะมีซอยฝั่งตรงข้ามอย่างซอยสุขุมวิท 36 และ 40 สามารถใช้เป็นถนนเชื่อมไปออกพระราม 4 ได้ และซอยสุขุมวิท 42 ก็สามารถใช้เชื่อมจากถนนพระราม 4 เข้ามายังถนนสุขุมวิทได้
ส่วนทางลัดที่สามารถใช้เลี่ยงรถติดตรงปากซอยเอกมัยได้ คือซอยเอกมัย 10 (ซอย Health Land) วิ่งลัดๆลงมาออกถนนสุขุมวิทที่ซอย 65 ซึ่งต้องยอมรับจริงๆว่า ถนนตรงนี้ปริมาณรถเยอะทั้งกลางวันและกลางคืน ดังนั้นการเลือกใช้ถนนเชื่อมซอยต่างๆระหว่าง ถนนทองหล่อ-เอกมัย-ปรีดีย์ พนมยงค์ เพื่อเป็นทางลัดเลี่ยงรถติดก็จะช่วยลดระยะเวลาการเดินทางไปได้ ที่สำคัญคือต้องศึกษาเส้นทางว่าช่วงเวลาไหนรถติดมากติดน้อยดีๆครับ สำหรับใครที่ใช้ทางด่วนจะมีทางด่วนรามอินทราช่วงสุดถนนเอกมัย และทางด่วนอาจณรงค์ที่ต้องวิ่งทะลุซอยสุขุมวิท 40 ไปออกฝั่งกล้วยน้ำไท
การเดินทางโดยไม่ใช้รถ สามารถพึ่งพาวินมอเตอร์ไซค์ และรถกระป๊อบริเวณหน้าซอยเอกมัย 30 ได้สะดวกมาก นอกจากนี้ยังมีรถแท๊กซี่ รถเมล์ วิ่งผ่านหน้าโครงการทั้งวัน โครงการอยู่ในระยะที่ไม่ได้ใกล้ BTS คือมีระยะประมาณ 2 กิโลเมตรจาก BTS เอกมัย แต่โครงการจะมี Shuttle Service ที่เป็นรถมินิแวนถึง 2 คัน รับส่งจึงสามารถใช้รถไฟฟ้าเป็นตัวเลือกในการเดินทางได้
การเดินทางมายังโครงการมีเส้นทางให้เลือกหลากหลายสำหรับคนใช้รถยนต์ส่วนตัว โดยหากมาจากอโศก, เพชรบุรี หรือพัฒนาการ, รามคำแหง สามารถเลี้ยวเข้าถนนสุขุมวิท 63 (เอกมัย) จากนั้นก็ตรงมาเรื่อยๆ เลยซอยเอกมัย 30 มานิดเดียวก็จะเจอโครงการอยู่ทางซ้ายมือ
ส่วนการเดินทางมาจากสุขุมวิท มีตัวเลือก 3 เส้นทาง คือ
เส้นทางที่ 1 เป็นเส้นทางลัด สามารถเลี้ยวขวาเข้าซอยเอกมัย 22 หรือเอกมัย 28 แล้วไปทะลุซอยเอกมัย 30 เพื่อไปยังโครงการได้ การเลือกใช้เส้นทางนี้เป็นทางลัดจะช่วยให้เราไม่ต้องไปเสียเวลาติดไฟแดงที่แยกเอกมัยเหนือ-เพชรบุรี
เส้นทางที่ 2 ให้วิ่งตรงไปเรื่อยๆเลยแล้วเบี่ยงซ้ายเพื่อมากลับรถที่แยกเอกมัยเหนือ-เพชรบุรี เมื่อกลับรถแล้วก็ตรงเรื่อยๆมาบนถนนเอกมัย เลยซอยเอกมัย 30 มาหน่อยก็จะเจอโครงการอยู่ทางซ้ายมือครับ
เส้นทางที่ 3 ตัวเลือกสำหรับคนที่ไม่อยากไปติดไฟแดงที่แยกเอกมัยเหนือ-เพชรบุรี เราสามารถตรงไปข้ามสะพานข้ามแยก แล้ววนซ้ายเพื่อไปกลับรถใต้สะพาน แล้ววนซ้ายอีกทีเพื่อขึ้นสะพานข้ามแยกกลับไปที่ถนนเอกมัย เมื่อลงจากสะพานแล้วก็จะเจอโครงการอยู่ทางซ้ายมือ
สำหรับโครงการนี้ ทางเราได้เคยทำรีวิวสมัยยังไม่ก่อสร้าง ถ้าใครอยากดูเส้นทาง สภาพแวดล้อมระหว่างเดินทางกับรอบๆโครงกาาร สามารถเข้ามาดูได้ละเอียดโดย “คลิกที่นี่” พาร์ทในวันนี้จะเน้นของเสร็จแล้วให้เห็นกันครับ
ตัวโครงการนั้นสูง 44 ชั้น และมีชั้นดาดฟ้าอีกชั้นนึง ซึ่งสร้างบนที่ดิน 3-3-00 ไร่ ซึ่งมีจำนวน 736 ยูนิตครับ รูปทรงของอาคารเป็นรูปตัว U-Shape ซึ่งการวางอาคารแบบนี้ จะทำให้มีห้องพักอาศัยที่ได้วิวทั้งหมด 4 ฝั่งทุกทิศเลย แต่โชคดีที่ใกล้ๆโครงการไม่มีฝั่งไหนจะบล็อควิวแบบประชิดที่ทำให้ไม่เป็นส่วนตัวด้วยครับ ส่วนการออกแบบอาคาร ใช้โทนสีกลางตัดกับสีของกระจกที่ดูเข้มหน่อย เป็นแนว Comtemporary ร่วมสมัย
บริเวณถนนด้านหน้าโครงการจะเป็นถนนเอกมัยฝั่งขาเข้าเมืองไปยัง ทองหล่อ(ทางเชื่อม) และถนนสุขุมวิทด้านหน้า แต่ปกติแล้วเส้นนี้การจราจรจะค่อนข้างหนาแน่นหน่อยนะครับ และที่ด้านหน้าโครงการเลยเป็นจุดที่มีส่วนเว้าเผื่อสำหรับ Taxi มา Drop Off รับผู้โดยสารได้เลย
ส่วนของ Sale Off Gallery เก่านั้นถูกย้ายเข้าไปในด้านในตัวโครงการแล้วนะครับ อยู่ด้านหน้าที่ดินติดถนน
มาดูที่ผังอาคารชั้นแรก ทางเข้า-ออกหลักของอาคารติดกับเอกมัยด้านหน้าอาคารมีการจัดสวนและมีร้านค้าจำนวน 2 ยูนิต เมื่อเข้ามาด้านในอาคารจะมีจุด Drop Off ด้านหน้า Lobby ให้ส่งคนลงแล้ววนรถออกนอกอาคารได้เลย ถนนรอบอาคารกว้าง 6 เมตร เดินรถเป็น one way วนซ้ายตามเข็มนาฬิกา หากใครต้องการขึ้นชั้นจอดรถก็สามารถขึ้นได้ทางซ้ายมือของอาคาร โดยโครงการให้ที่จอดรถมาที่ชั้น 1-5 แต่หากใครไม่ต้องการขึ้นชั้นจอดรถ ก็สามารถจอดรถที่ใต้อาคารได้รอบอาคารเลย โครงการให้ที่จอดรถให้ทั้งหมด 56% รวมจอดซ้อนคัน ซึ่งค่อนข้างน้อยไปหน่อยสำหรับทำเลที่ต้องใช้รถในการเดินทางนะครับ
เมื่อเข้ามาในอาคารแล้วจะเจอ Lobby ห้องนิติบุคคล ห้องจดหมาย ตรงกลางอาคารเป็นโถงลิฟต์โดยสาร จำนวน 4 ตัว คิดเป็นอัตราส่วน 183 : 1 ค่อนข้างหนาแน่นในช่วงเวลาเร่งด่วน และมีลิฟต์ Service อีก 1 ตัว ข้างๆกันเป็นพื้นที่ร้านค้าจำนวน 5 ร้าน ซึ่งโครงการเปิดให้คนนอกมาใช้บริการได้ด้วย โดยสำรองที่จอดรถด้านหน้าอาคารไว้ให้บุคคลภายนอกส่วนนึง
ส่วนที่สะดุดตามาแต่ไกลเลย คงหนีไม่พ้น เจ้า Facade ของตัวอาคารบริเวณที่ปิดผิวหน้าชั้น 2-7 เป็นการเล่นเส้นสาย ที่ดูโดดเด่นครับ มีการวาง pattern แฝงสลับเป็นลายข้าวหลามตัดจากแนวเส้นตรงเดิม ทำให้ที่จอดรถดูเป็นระเบียบ และยังทำหน้าที่บดบังสายตาบริเวณข้างๆสระว่ายน้ำที่ชั้น 6 เพื่อได้ความส่วนตัวด้วย
ส่วนของทางเข้าออก มีทั้งส่วนคนเดินเท้า(ใช้คียก์การ์ดลูกบ้าน) และทางเดินรถยนต์นะครับ ซึ่งตรงนี้อนาคตจะมีการติกตั้งระบบ RFID หรือบลูทูธแบบทางด่วน Easypass นั่นเอง รั้วไม้กั้นกระดกจะได้เปิดเลย ไม่ต้องยื่นมือออกไปตากแดดตากฝน
พอเข้ามาแล้ว บริเวณด้านหน้าทั้งหมดจะปูด้วยคอนกรีตหินพิมพ์ลาย ต่อเนื่องไปจนถึงพื้นที่ Drop Off รอบๆที่จัด Landscape ส่วนนี้ ใครจะวนมาส่งลูกบ้านก็วนตรงนี้แล้วออกได้เลย
ส่วนของพื้นที่ถนนรอบอาคารกว้าง 6 เมตร เดินรถเป็น one way วนซ้ายตามเข็มนาฬิกา หากใครต้องการขึ้นชั้นจอดรถก็สามารถขึ้นได้ทางซ้ายมือ จะมีส่วนของที่จอดรถ Visitor ด้วย การจอดที่ชั้น 1 นี้จะมีทั้งแบบกลางแจ้งและในร่มครับ
ฝั่งทางทิศเหนือของโครงการเป็นส่วนที่ติดใกล้ๆกับตลาดเอกมัย โครงการทำรั้วรอบโครงการขึ้นมาสูงมากทีเดียว โดยจะเป็นรั้วทึบสูง3 เมตร และต่อด้วยระแนงโปร่งอีก 2.50 เมตร และก็อัดพื้นที่สีเขียวไปขนานกับพื้นที่รอบๆกำแพง เพื่อเสริมสร้างบรรยากาศให้ดูไม่อึดอัด
ใกล้ๆกับจุดทางเข้า Lobby มีกานแบ่งพื้นที่นั่งเล่นเป็นแบบ Semi Outdoor อยู่ด้วย และมีพื้นที่นั่งแบบ Sunken(หลุม) โดยรอบๆจะเป็น WaterFeature ที่ตกแต่งบรรยากาศครับ
ถนนรอบอาคารกว้าง 6 เมตร เดินรถเป็น one way วนซ้ายตามเข็มนาฬิกา (มีส่วนของระบบรองรับรถดับเพลิงได้มาตรฐาน) มีพวกพื้นที่สีเขียวลงต้นไม้ขนาดกลางเอาไว้ด้วย
ส่วนของด้านข้างอาคารก็มีการปิดผิว Facade ให้เรียบร้อยด้วยเช่นกัน ยังได้เรื่องความปลอดภัย แต่แสงแดดกับลมก็ยังผ่านเข้าไปได้
การจอดรถที่นอกเหนือจากชั้น 1 ก็จะมีแลมป์ทางขึ้นเข้าไปจอดในตัวอาคารได้ที่ชั้น 2-5 โดยโครงการให้ที่จอดรถให้ทั้งหมด 56% (แบบรวมจอดซ้อนคัน) ซึ่งค่อนข้างน้อยไปหน่อยสำหรับทำเลที่ต้องใช้รถในการเดินทางนะครับ แต่สภาพที่จอดรถโดยรวมดูเรียบร้อยสะอาดตาดีนะ
ในแต่ละชั้นของชั้นจอดรถ จะมีประตูทางเข้าไปยังโถงลิฟต์ แบบนี้ได้ ซึ่งวันที่ผมเข้าไปยังไม่ได้ติดตัว Access ด้วยคีย์การ์ด แต่เดี๋ยวจะเอามาติดตั้งภายหลังนะครับ เพื่อเพิ่มส่วนของความปลอดภัย
กลับลงมาที่ชั้น 1 อีกครั้ง นี่ๆๆ ผมนี่ชอบรถ Shuttle Bus ของโครงการเลย เค้าเลือกมาเป็นแบบ มินิแวน ประมาณ 7-9 ที่นั่ง จำนวน 2 คัน ของฮุนไดครับ โดยจะมีการไปส่งที่ BTS เอกมัยให้เลย **แถมไม่เก็บค่าโดยสารเพิ่มด้วยนะ จ่ายส่วนกลางแล้วจบ ถือว่าดีครับ
ในส่วนของ Shop 7 Unit ซึ่งตำแหน่งของฝั่งด้านหน้า ติดกับทางเข้า Lobby ซึ่งตอนนี้ที่ทราบมาคร่าวๆ มีของ Plus Property มาลงแล้ว 1 ห้อง, ที่กำลังดิวอยู่รอคอนเฟิร์มคือ ร้านกาแฟ Kaizen กับ 7-Eleven ครับ ซึ่งถ้าสองร้านนี้มาได้ละก็ จะเพิ่ม Value ให้กับลูกบ้านและโครงการนี้เป็นอย่างมากทีเดียว
เอาล่ะ กลับมาที่ประตูทางเข้าหลักของคนเดินด้านหน้ากันอีกครั้ง ตัวพื้นที่โถงล็อบบี้ นั้นถูกออกแบบให้เป็นแบบกินพื้นที่ถึง 2 ชั้น ซึ่งที่เราเห็นจากด้านนอกนี้ จะเน้นช่องแสงกระจกแผ่นใหญ่เป็นจำนวนมากมาล้อมพื้นที่ฟังก์ชันนี้เอาไว้
ตัวประตูหลัก เป็นแบบบานสวิง Oversize สุดๆ มีความหนักๆหน่วงนิดๆ ดูแข็งแรง และตกแต่งด้วยโทน Cooper ตัดกับหินอ่อนสีดำข้างๆ ดูหรูหรา Elegant ใช้ได้
ด้านใน ด้วยความที่เป็น Lobby แบบ Double Volume นั้น ทำให้ Space นี้ดูกว้างโอโถ่งเป็นพิเศษครับ
โดยจะมีชุดเก้าอี้โซฟาหลักรับแขกแบบนี้ตามพื้นที่ต่างๆอยู่หลายจุด (ประมาณ 5 จุด) แยกใช้งานกันเป็นโซนๆได้
Decorate ต่างๆมาเสริมสร้างบรรยากาศให้ดูหรูหรามากขึ้น
พื้นที่นั่งแบบฝังผนังลอยตัว พร้อมซ่อนไฟ LED เป็น Indirect Light
พื้นที่สองชั้นในส่วนของล็อบบี้ นั้นเหมาะกับการตกแต่งเสริมบรรยากาศด้วยแชนเดอเลีย ซึ่งโครงการเค้าเลือกมาได้สวยดีครับ มีการใช้ไฟ LED ยิงลงมาบนตัวคริสตัลเพื่อกระจายแสงด้วย
ส่วนก่อนที่จะเดินต่อไป จะเจอกับเคาน์เตอร์ Reception อยู่ทางขวามือ ซึ่งตอนนี้เป็นที่ประจำการชั่วคราวของทีม Sale โครงการนะครับ
ที่ชั้น 1 มีห้องน้ำแบบส่วนกลาง หรือ Visitor มาใช้ได้ด้วย ตกแต่งซ่อนไฟ และลายสีขาวกับหินอ่อนดูดี
พื้นที่ Mail Room นั้นมีส่วนที่เปิดช่องแสงธรรมชาติบานฟิคเอาไว้ด้วย ทำให้ไม่ต้องพึ่งแต่ไฟอย่างเดียว และดูโปร่งโล่ง กับมีรถเข็นรองรับให้ลูกบ้านด้วยนะ
ในส่วนที่จะเข้าไปสู่พื้นที่ “โถงลิฟต์” จริงๆแล้วจะต้องแตะบัตร Keycard Access อีกรอบนะครับ กันคนนอกหลุดเข้ามาตรงนี้อีกชั้น
ลิฟต์โดยสาร จำนวน 4 ตัว คิดเป็นอัตราส่วน 183 : 1 ค่อนข้างหนาแน่นในช่วงเวลาเร่งด่วน และมีลิฟต์ Service อีก 1 ตัว / ตัวลิฟต์เป็นแบบระบบล็อคชั้นใครชั้นมันกับไปยังชั้นพื้นที่ส่วนกลางต่างๆได้เท่านั้น
การตกแต่งลิฟต์นั้นต้องบอกเลยว่า สวยมาก ดูแพงครับ ทั้งพื้นผนัง การใช้กระจกชาทองมาช่วยรวมถึงเพดานด้วยครับ การใช้งานเค้าออกแบบให้มีจุดกดลิฟต์ได้สองส่วน คือแบบธรรมดากับผู้ใช้รถเข็นด้วยนะครับ และก็ที่ผมทดลองใช้ ที่นี่เป็นลิฟต์แบบสปีดครับ ผมลองจับเวลาดู ขึ้นชั้นนึงใช้เวลาประมาณ 1 วินาทีเท่านั้น เพราะชั้นนั้นถ้าเราจะขึ้นไปใช้ส่วนกลางที่ชั้น 44 ก็รอประมาณตามชั้นเลยครับผม
ขึ้นมาที่ชั้น 6 จะเป็นชั้นที่มีห้องพักรวมกับ Facilities ที่ประกอบด้วยสระว่ายน้ำ, Fitness, ลานโยคะ, Library, สวน และ Jogging ที่หน้าไปทางทิศตะวันตก ติดกับถนนเอกมัยและฝั่งตรงข้ามเป็นอาคารพาณิชย์ 3-4 ชั้น จึงไม่มีปัญหาเรื่องมีตึกสูงมาบังวิว ทางเดินภายในอาคารเป็น Double Corridor และ Single Corridor ที่ปลายของอาคารทั้งสองด้านของอาคารทางทิศเหนือและใต้ มีหน้าต่างช่วยให้แสงธรรมชาติและอากาศถ่ายเทเข้าสู่โถงทางเดินได้ดีครับ
ส่วนห้องพักอาศัยในชั้นนี้มีทั้งหมด 17 ยูนิต โดยโครงการวางอาคารเป็นรูปตัว C ห้องพักที่อยู่ตรงปลายของตัว C ทั้งสองด้านจะเป็นห้อง 1 Bedroom ห้องใหญ่ ขนาด 52.25 ตร.ม. เป็นห้องที่อยู่ทางทิศตะวันตกที่ห้องหนึ่งจะติดกับติดกับสวน/สนามเด็กเล่นและอีกห้องติดสระว่ายน้ำซึ่งเป็นพื้นที่ส่วนกลาง มองในแง่นึงก็มีข้อเสียตรงที่ขาดความ Privacy แต่ก็มีข้อดีตรงที่เราจะได้วิวสวน/สนามเด็กเล่นและสระว่ายน้ำหน้าห้องเลย นอกนั้นเป็นห้อง 1 Bedroom ขนาดเล็กลงมา โดยห้องทางทิศเหนือและใต้จะเป็นห้อง 1 Bedroom ขนาด 34.25 ตร.ม. ส่วนทางทิศตะวันออกจะเป็นห้องแบบ 1 Bedroom ขนาด 30 ตร.ม.
ออกมาจากโถงลิฟต์ที่ชั้น 6 ในส่วนของลูกบ้านที่พักอาศัย จะได้การรักษาความปลอดภัยแยกส่วน โดยมีประตูกระจกกั้นอีกชั้นนึง ต้องใช้คีย์การ์ดในการเข้าออก
แต่อีกฝั่งนนึงจะมีทางเดินออกมาด้านนอกครับ ซึ่งจะมีตัว Sculpture ที่ตกแต่งเป็นเสมือนซุ้มศาลา แซมด้วยพันธุ์ไม้เลื้อย ปรับอารมณ์ลูกบ้านก่อนออกไปสู่พื้นที่ Outdoor แบบจริงจัง
ชั้น 6 ด้านนอกกลางแจ้งเราจะเจอกับส่วนกลางหลักอย่างสระว่ายน้ำเห็นเด่นๆมาก่อน
พื้นที่ทางเดินรอบๆข้างสระกว้างขวาง แจกทางตรงไปยังศาลานอนเล่นริมสระ และก็สวนหย่อมที่เป็นลาน Mini Jogging Track ได้
สระว่ายน้ำที่นี่จะเป็นระบบเกลือ ขนาด 9.20 x 28.80 เมตร โดยจะมีการแยกพื้นที่ของสระเด็กเอาไว้ให้ครับ กระเบื้องโมเสคที่ปูในพื้นสระดูสวยดีครับ แฝงพวกเงาเกล็ดประกายด้วย จากมุมนี้เราจะเห็นว่าเจ้าตัว Facade จะเป็นอลูมิเนียมสี Rose Gold แบบโทนเข้ม และตำแหน่งนั้นบังอาคารสูงที่เยื้องๆตรงมุมได้พอดีสร้างความเป็นส่วนตัวให้แก่ลูกบ้านเวลามาใช้งานได้ดีเลย
ริมสระว่ายน้ำมีศาลาริมน้ำให้มานั่งเล่น โดยจะแยก Private เป็นซุ้มๆ โซนๆไป
จุดล้างตัวจะมีมาให้จุดนึงใกล้ๆกับทางลงสระครับ (ที่ชั้นนี้ก็มีห้องอาบน้ำ ห้องน้ำ เดี๋ยวพาไปดูครับ)
ส่วนข้างๆจะมีทางลงไปทางพื้นที่สวนหน่อม ซึ่งลงบันไดเป็นสเต็ปลงไป จัดพื้นที่ของต้นไม้ไว่ค่อนข้างหนาแน่นสายตา
สวนหย่อม Green Area บริเวณนี้ จัดต้นไม้ขนาดกลางมาลง ค่อนข้างสูงบังสายตาให้แก่ลูกบ้านที่อยู่ 2 ชั้นนี้ครับ ส่วนคนมาใช้งานก็ได้สัมผัสสีเขียวของต้นไม้ มีการแทรกพื้นที่นั่งแบบคอนกรีตเอาไว้ให้ อีกทั้งซ่อนไฟเอาไว้ตามจุดทางเดินต่างๆ ซึ่งโครงการบอกว่ามาวิ่งออกกำลังกายได้ แต่ผมว่าเหมาะสำหรับมาเดินเล่นเวิร์คกว่าครับ
อีกด้านนึงของสระว่ายน้ำ เราจะเห็นพื้นที่ส่วนกลางที่เป็นแบบ Indoor แต่จริงๆแล้ว ตรงจุดนี้จะเป็นพื้นที่ๆเรียกว่า Triple Facility อยู่ติดกันสามชั้นเลยนะครับ
เริ่มจากมาดูห้องแรกกันก่อน Library ชั้น 6 โดยจะต้องใช้คีย์การ์ดลูกบ้าน
Library ที่เป็นฟังก์ชันทั้งอ่านหนังสือหรือมานั่งทำงานก็ได้ โดยพื้นที่ของห้องถือว่ากว้างขวางครับ และจุดเด่นอีกอย่างคือการใช้ผนังกระจกรอบด้าน 4 ด้านเลย ทำให้ได้แสงของธรรมชาติส่องผ่านเข้ามาห้องดูโปร่งสบายตา และพื้นของห้องมีการปูด้วยลวดลายสลับก้างปลาซึ่งสวยดีนะ และก็ฝ้าเพดานตกแต่งเป็นแผ่นไม้เอามาทำเป็นแนวเส้นแนวนอน แต่ว่าสลับพื้นที่ทำให้ดูมีรายละเอียดดึงดูสายตา
ใครมานั่งฝั่งนี้ก็จะได้วิวสระ หรือถ้าเป็นผู้ปกครองมาอ่านหนังสือ เล่นมือถือ ทำงาน ตากแอร์รอลูกๆเล่นน้ำที่สระเด็กก็ได้
พื้นที่ด้านในเรียกว่าจัดชุดโต๊ะ เก้าอี้ โซฟามาหลายจุดทีเดียว อีกทั้งหน้าตาของเฟอร์ฯก็ดูดีซะด้วยครับ
มุมนั่งเล่นนั่งตรงนี้วิวดีมากครับ เป็นฝั่งด้านหน้าโครงการ มองตรงไปเห็นยันโน้นเลย ตึกที่สูงโดดๆแท่งเดียวบนเส้นทองหล่อ อย่าง The Monument ทองหล่อ
ออกมาที่ด้านนอกของ Library จะมีลาน Terrace แบบกลางแจ้งอีกส่วนนึงครับ ซึ่งก็เป็นมุมโต๊ะนั่งเล่นทำงาน แต่อาจจะเหมาะกับช่วงเย็นๆมากกว่า ไม่งั้นจะโดนแดดเต็มๆหน่อย และจะมีส่วนของโครงสร้าง Facade ให้เราเห็นต่อเนื่องมาถึงตรงนี้
ที่ชั้น 6 ก่อนทางบันไดขึ้นไปชั้น 7 ด้านข้างทั้งสองฝั่งจะขนาบไปด้วยห้องน้ำแยกชายหญิง
ห้องน้ำแยกชายหญิง ก็มีทั้งฟังก์ชันอาบน้ำ ล้างตัว แต่งตัว สุขภัณฑ์ มาตรฐานครับ
มาต่อกันที่ชั้น 7 ห้องนี้คือ Fitness ตำแหน่งจะอยู่ด้านบนของห้อง Library พอดีเลยครับ เป็นห้องปิด Indoor แอร์เย็นๆ ซึ่งพอเราเข้ามาส่วนแรกจะเป็นพื้นที่ Waiting Area สำหรับมานั่งรอ หรือนั่งพักเวลาออกกำลังกายเหนื่อยๆแล้วเดี๋ยวไปเล่นต่อก็ได้ มีโซฟาให้เอนหลัง
ในส่วนด้านในจะเป็นพวกเครื่องเล่นที่ถือว่าให้จำนวนเครื่องมาโอเคเลยนะครับ ที่ผมลองนับมา 18 ชิ้น !!! (รวมบาร์ดัมเบล) และคุณเห็นวงกลมอะไรบนเพดานไหมครับ มันคือ …
การเจาะช่อง Sky Light ที่ปิดกั้นด้วยกระจกครับ แสงธรรมชาตินั้นลงมาเป็นเงาสวยดี และนอกจากนั้นส่วนตกแต่งฝ้าเพดานอื่นๆ ยังใช้เป็นกระจกเงาวางเป็นแนวเส้นไปทิศทางเดียวกันทั้งหมดตกแต่ง
เครื่องเล่นออกกำลังกายหลักๆตระกูลคาร์ดิโอแบบปั่น ถีบ จะถูกวางเอาไว้หน้าต่างช่องแสงธรรมชาติฝั่งของสระว่ายน้ำ จะได้สีฟ้าของน้ำมองไปสบายตา
แอบมาลองเทสซะหน่อย 😀
เห้ยคุณ ที่ปั่นวิ่ง มันมีจำลองสถานการณ์จากสถานที่ต่างๆจริงๆด้วยล่ะ แถมมีบลูทูธด้วย ไม่แน่ใจว่าฟังก์ชันมันเชื่อมต่อแล้วได้อะไร ใครรู้มาช่วยบอกผมหน่อย แหะๆ
ฝั่งด้านหลังจะมีเป็นพวกเครื่องเล่นหนัก เวทเทรนนิ่ง ถูกเอาไว้ช่องแสงฝั่งทิศเหนือ ที่มองออกไปเป็นลานกลางแจ้งที่ชั้น 6 ที่เราไปดูมาแล้วนั่นเอง
สุดท้ายของ Fitness ขอปิดด้วยภาพนี้ครับ Sky Light ที่โดดเด่น ส่องลงมาบริเวณลู่วิ่งทั้ง 4 ถูกเอามาวางไว้ฝั่งถนนด้านหน้าโครงการ (ตอนนี้ฝั่งตรงข้ามยังเป็นที่ดินเปล่าที่มีต้นไม้เยอะอยู่ และก็เห็นเหล่า City View ไปทางทองหล่อและพร้อมพงษ์)
ขึ้นมาที่ชั้น 8 ครับ ยังต่อเนื่องตอนนี้ผมอยู่บนพื้นที่ด้านบนของ Fitness นั่นเอง
นี่ครับ ต้นกำเนิดของเจ้า Sky Light ที่ห้อง Fitness ชั้น 7 😀
และที่สุดปลายทางเดิน จะเป็นพื้นที่อเนกประสงค์ ซึ่งตอนเย็นอากาศดีๆ สามารถใช้เป็นลานโยคะก็ได้ครับ
จากพื้นที่ตรงนี้มองย้อนกลับไปที่ตัวอาคาร เราจะเห็นว่าบริเวณด้านนอกโถงลิฟต์ของตัวอาคาร จะมีการตกแต่งเพิ่มสีเขียวให้กับตัวอาคารอีกหน่อย โดยจะเป็นพื้นที่คอนกรีตก่อยื่นลอยตัวออกมา แล้ววางต้นไม้ไซส์เล็ก-กลาง มาเพิ่มบรรยากาศให้ด้วยครับ
ชั้น 6-39 จะเป็นห้องพักอาศัยทั้งหมดทั้งหมด 17 ยูนิต มีการวางผังสวนห้องพักเหมือนชั้น 6 ทุกประการ จะต่างกันก็ตรงที่ห้องในตำแหน่งปลายของตัว C ทั้งสองห้องเปลี่ยนเป็นห้อง 2 Bedroom ขนาด 65 ตร.ม. ซึ่งห้องที่อยู่ในทิศนี้เป็นทิศตะวันตกที่ห้องจะเจอแดดร้อนตอนบ่าย แต่ก็มีข้อดีคือไม่มีตึกสูงบังวิวในระยะประชิด ได้ City View และมองลงมาเห็นสวนและสระว่ายน้ำด้านล่าง
ลองมาดูส่วนของชั้นพักอาศัยกันบ้าง ตอนนี้ผมขึ้นมาที่ชั้น 24 ออกมาบริเวณหน้าโถงลิฟต์ ที่มีช่องแสงธรรมชาติส่องผ่านมา เอ้อ… ชั้นนี้เป็นที่มีเจ้ากระถางต้นไม้พอดี เราสามารถออกไปสูดอากาศได้ด้วยได้
Corridor หรือโถงทางเดินในชั้นพักอาศัยของที่นี่ มีทั้งจุดที่เป็นแบบทึบ และก็ปีกอาคารของทั้งสองฝั่งเป็น Single Corridor นับว่าออกแบบให้ความสำคัญในเรื่องช่องแสงและลมผ่านและ Flow มายังทางเดินได้ดีมาก โถงทางเดินก็กว้างประมาณ 1.50 เมตร, มี CCTV ทางออกบันไดหนีไฟมาตรฐาน
ชั้น 40 ห้องพักที่อยู่ตรงปลายของตัว C ทางทิศตะวันตกจะหายไป แล้วเปลี่ยนเป็นพื้นที่สวนแทน ห้องพักอาศัยมีทั้งหมด 14 ยูนิต เป็นห้องแบบ 1 Bedroom 13 ยูนิต และมีห้องแบบ 2 Bedroom 1 ยูนิตทางทิศเหนือ
ชั้น 41-42 จะเหมือนกัน โดยผังอาคารจะลดลงกลายเป็นรูปตัว I เป็นชั้นพักอาศัยทั้งหมด โดยหลักๆจะเป็นห้องแบบ 1 Bedroom เกือบทั้งหมด แ ต่จะมี 2 Bedroom จำนวน 2 ยูนิตเท่านั้น ที่ตำแหน่งทิศตะวันตกเหนือและตะวันตกใต้ ส่วนห้องพักอาศัยทางทิศตะวันออก(สีฟ้าน้ำทะเล)ทั้งหมดจะเป็นห้อง Loft แบบสูง 4.20 เมตร ที่มีทั้งหมด 7 ยูนิต
ชั้น 43 เป็นห้อง Duplex Penthouse ทั้งชั้น จำนวน 7 ยูนิต ห้องพิเศษเหล่านี้เป็นแรร์ไอเทมครับ สำหรับคนจะหาบ้านที่เน้นวิวสวยๆ อารมณ์เหมือนทาวน์โฮมหน้ากว้างครับ
ชั้น 44 จะมีพื้นที่ต่อเนื่องกับชั้นลอยที่จัดฟังก์ชั่นเป็น Sky Lounge และสวน โดยเราสามารถขึ้นลิฟต์มาที่ชั้นนี้ได้เลย ซึ่งตัว Sky Lounge เป็นห้องแบบ Double Voulume ที่จะเห็นวิวทางตะวันตก เป็น City View ฝั่งทองหล่อ อโศก และฝั่งตะวันออกที่เป็นสวนหย่อมแบบ out Door เป็นวิวสุขุมวิทตอนปลาย ช่วงพระโขนง อ่อนนุชครับ ขึ้นไปที่ชั้นดาดฟ้าจะเป็นพื้นที่สวนทั้งชั้น แต่สามารถชมวิวเมืองแบบสูง 155 เมตรได้รอบๆแบบเพลินๆ
ขึ้นมาที่ชั้น 44 โดยออกมาจากลิฟต์ถ้าเป็นทางซ้ายจะเป็นส่วนกลางที่เป็นพื้นที่ Semi Outdoor ครับ และทางขวาเป็นทางเข้าไปยัง Sky Lounge เดี๋ยวเราไปดูทางฝั่งซ้ายกันก่อน
ออกมาด้านนอกจะเป็นส่วนของพื้นที่กลางแจ้งแบบอเนกประสงค์ครับ เอาไว้เป็นจุดชมวิวฝั่งทิศตะวันออก แต่ก็ยังมีพื้นที่นั่งรองรับ
โครงเหล็กที่ทำเป็น รูปร่างศาลามาช่วยเสริมให้พื้นที่นั่งเล่นดูน่าใช้ แต่ว่าก็ไม่ได้กันแดดกันฝนให้เราเท่าไร เสริมบรรยากาศเท่านั้นครับ
เดินมาต่อ เจอ.. ไข่ ใช่ครับมันคือไข่ ที่ทางโครงการตั้งใจให้เป็น Symbol ของโครงการ โดยมีคอนเซปท์มาจาก Egg Benedic แต่ผิวสีของมันนั้นชุบด้วยโครเมียมน้ำเงินด้วยมันวาว ก็สวยดีนะ ผมชอบอะไรที่มีดีเทลแฝง ดีกว่าปล่อยพื้นที่เปล่า ด้านหลังนั้นเป็นวิวฝั่งทิศเหนือไปทางพระราม 9
พื้นที่นอนเล่นมุมนี้จะ Private หน่อย อีกทั้งตัวอาคารยังมีส่วนที่บังแดดให้ ตรงนี้สักบ่าย 2 เป็นต้นไปก็มานอนรับลมได้แล้วครับไม่โดนแดด
กลับเข้ามาด้านในไปดูกันส่วนที่เป็น Indoor กัน
เข้ามาแล้วจะเป็นส่วนกลางฟังก์ชัน Sky Lounge ที่เป็นแบบ Double Volume นั้นเองครับ เอาที่ชั้นล่างก่อน เค้าแบ่งฟีลลิ่งการใช้งานด้วยแยกวัสดุปูพื้นที่แตกต่างกัน ฝั่งขวามือจะเป็นลายไม้สลับฟันปลา
แต่ฝั่งซ้ายจะยกสเต็ปขึ้นไปหน่อยและปูด้วยหินอ่อนเป็นทูโทน Black&White ซึ่งต่อลายกันได้สวยมาก และมีพื้นที่นั่งเล่นแยกอีกสองส่วน
ฝั่งที่อยู่ติดกับผนังนี่สวยมากครับ ด้วยการที่ให้ช่องแสงทั้งฝั่ง ฝั่งนี้เป็นทิศตะวันตกรับแดดก็จริง แต่ว่าดันเป็น City View ที่สวยที่สุดเวลาอยู่ชั้นสูงๆด้วยเช่นกันครับ
แชนเดอเลียด้านบน เป็นแท่งเงาๆ Cooper ที่เอามาประดับแล้วก็ดูเข้ากับพื้นที่ Sky Lounge ดี
ก่อนจะขึ้นไปชั้นลอย จะมี Pantry เล็กๆสำหรับเอาไว้จัดเตรียมของว่างเครื่องดื่มได้ เผื่อมาใช้งาน และข้างๆจะมีห้องน้ำแยกชายหญิงให้ด้วย
ขึ้นมาที่ชั้นบนโดยฟังก์ชันนี้จะจัดเป็นพื้นที่ Game Pool Table พร้อมพื้นที่นั่งเล่นอีกนิดหน่อย แต่ชมวิวสวยๆจากฝั่งตะวันออกครับ และที่เห็นประตูนั่นคือการ Access ขึ้นไปสู่ดาดฟ้านั่นเอง
ขึ้นมาที่ดาดฟ้าแล้ว ทางซ้ายมือของประตูเป็นพื้นที่กว้างขนาดใหญ่ โครงการเคลมว่าพื้นที่สามารถจอดเฮลิคอปเตอร์ฉุกเฉินได้นะ
ส่วนอีกฝั่งนึงจัดเป็นทางเดินเส้นตรงยาวๆเท่านั้น หน้าที่สำคัญของดาดฟ้าตรงนี้คือจุดชมวิวที่สูงที่สุดย่านเอกมัย ณ ตอนนี้ ประมาณ 150 เมตรกว่า
เดินขึ้นบันไดมาหน่อย วู๊ววว วิวดีมีความหวาดเสียวนิดหน่อย สำหรับลูกบ้านที่ชอบชมวิว City ที่นี่เป็น Point of View ที่ดีที่สุดในโครงการล่ะ
**รูปนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการแบบคร่าวๆไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการได้นะครับ
สภาพแวดล้อมรอบๆโครงการ ส่วนใหญ่จะเป็นอาคารพาณิชย์และตึกแถว มีตลาดเอกมัยที่เป็นตลาดสด และผลไม้ให้ไปซื้อของทำกับข้าว และริมฟุตบาทด้านหน้าโครงการก็มีเต้นท์ร้านค้า ร้านอาหารและผลไม้ให้ไปซื้อของกินกันได้ใกล้ๆ หน้าซอยเอกมัย 28 ก็มีธนาคารธนชาตและธนาคารกรุงไทย เผื่อใครจะไปทำธุรกรรมทางการเงิน บริเวณรอบๆโครงการไม่มีตึกสูงมาบังวิวในระยะประชิดแบบตรงๆ เพราะตึกเราสูงกว่าเพื่อนบ้านเลย โดยผมสามารถเด็บภาพวิวจากห้องพักในห้องโครงการมาได้ 3 ฝั่งมาให้ดูกันครับ
ทิศตะวันตก ติดกับถนนเอกมัย ฝั่งตรงข้ามเป็นตึกแถว 3-4 ชั้น และเยื้องๆมาทางทิศตะวันตกเฉียงใต้จะเห็นตึก D Varee Up เอกมัย สูง 30 ชั้น ที่จะจ๊ะเอ๋กับห้องพักทางทิศตะวันออกแบบเยื้องๆกัน แต่ก็ไม่ทำให้รู้สึกอึดอัด เพราะมองตรงไปยังโล่งอยู่ (ภาพนี้มาจากความสูงที่ชั้น 24)
ทิศใต้ ระยะประชิดติดกับอาคารพาณิชย์ 4 ชั้น และก็ชุมชนบ้านพักอาศัยทั่วไป ที่เห็นตึกสูงห่างออกไปนั้นคือ Tai Ping Towers คอนโดตึกคู่ซึ่งมีอายุมาพอสมควรแล้ว แต่ระยะนั้นถือว่าห่างออกไปมากพอสมควร ประมาณ 220 เมตร (ภาพนี้มาจากความสูงที่ชั้น 24)
ทิศตะวันออก ติดกับบ้านพักอาศัย 2 ชั้น จะได้วิวโล่งๆ บรรยากาศค่อนข้างเงียบสงบ เพราะบ้านด้านหลังมีที่ดินขนาดใหญ่ในตัว มีต้นไม้สีเขียวเยอะ รวมถึงสภาพรอบๆ ไม่มีตึกสูงเลยเต็มที่ก็พวกอพาร์ทเมนท์ 5-7 ชั้นเท่านั้น ฝั่งนี้วิวค่อนข้างการันตีวิวเลยล่ะ (ภาพนี้มาจากความสูงที่ชั้น 24)
สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก
- ชั้น 1 : Main Lobby Double Volume
- ชั้น 1 : สวนหย่อมรอบโครงการ
- ชั้น 1 : Shop ร้านค้า 7 Unit
- ชั้น 6 : สระว่ายน้ำ 1 สระ ระบบเกลือ ขนาด 9.20 x 28.80 เมตร ลึก 1.2 เมตร (แบ่งสระเด็กแยก)
- ชั้น 6 : Jacuzzi
- ชั้น 6 : Library / Working Space
- ชั้น 7 : ห้องออกกำลังกาย 1 ห้อง (ขนาดใหญ่ เครื่องเล่นเยอะ เจาะ Skylight
- ชั้น 8 : Meditation Zone / Outdoor Yoga
- ชั้น 6 : Playground + Jogging Track
- ชั้น 44 : Sky Lounge / Sky Garden
- ชั้น Rooftop : Sky Garden / จุดชมวิว
- ลิฟท์โดยสาร 4 ตัว / Service Lift 1 ตัว
- อัตราส่วนลิฟท์รวมทั้งโครงการ 183 : 1
- ที่จอดรถประมาณ 56% (รวมจอดซ้อนคัน)
- ระบบ CCTV / Access Card
ห้องพักของโครงการขายแบบ Fully Fitted ประกอบด้วย เคาน์เตอร์ครัว ตู้เสื้อผ้า แอร์ และสุขภัณฑ์ในห้องน้ำ โดยมีแบบห้องพัก ดังนี้
- 1 Bedroom ขนาด 27 – 52 ตร.ม.
- 1 Bedroom Loft ขนาด 34 ตร.ม.
- 2 Bedrooms 51 – 65 ตร.ม.
- Penthouse 82 – 126 ตร.ม.
โดยห้องตัวอย่างที่เราจะพาไปเจาะลึกกันเป็นห้องแบบ 1 Bedroom ขนาด 30 ตร.ม. กับ 34.25 ตร.ม. เท่านั้น เพราะหลักๆห้องที่นี่ ณ วันเข้าไปทำรีวิวห้องเหลือไม่มากแล้ว อีกทั้งห้องใหญ่ๆก็ไปหมดแล้วด้วย
เรามาเริ่มกันที่ห้อง 1 Bedroom 1 Bathroom ขนาด 30 ตารางเมตร ฝ้าเพดานสูง 2.7 เมตรซึ่งสูงกว่าคอนโดทั่วๆไป (2.4 เมตร) เลยทำให้ห้องดูกว้างและโปร่งมากขึ้น จุดเด่นของห้องนี้คือการจัดฟังก์ชั่นให้โซน Service อย่างห้องน้ำและห้องครัวมาอยู่ด้านในติดกับผนังโถงทางเดิน และให้ส่วนพักผ่อนอย่างห้องนั่งเล่นและห้องนอนไปอยู่ด้านที่มีช่องเปิดทำให้ห้องนี้ Take View ได้เต็มที่ในส่วนพักผ่อน
เมื่อเข้ามาในห้องจะเจอครัวเปิดที่โครงการ Built-in เคาน์เตอร์ครัวมาให้ และพื้นที่ตรงครัวนี้สามารถไปทำกั้นเป็นครัวปืดเพิ่มได้ด้วย ถัดไปเป็นห้องนั่งเล่นที่ถูกกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อนที่สามารถเปิดออกไปยังระเบียง ขณะอยู่ในห้องก็สามารถมองไปเห็นวิวหรือบรรยากาศข้างนอกได้ ติดกันเป็นห้องนอนที่มีห้องน้ำให้ในตัว โดยจะได้พื้นที่ของข้างหัวเตียงทั้งสองฝั่งดีหน่อย ทำเป็นมุมโต๊ะเครื่องแป้งฝั่งนึง แต่พื้นที่ปลายเตียงเหลือน้อยหน่อย หากใครชอบดูทีวีในห้องนอนแนะนำเป็นทีวีติดผนัง จะได้เหลือทางเดินปลายเตียงเดินได้
หน้าตาของบานประตูของจริงเป็นบานไม้โทนสีไม้โอ๊คสีเข้ม ซึ่งโครงการจะติดตั้งตาแมว และ Digital Door Lock ของ Samsung มาให้เลยครับ
เข้ามาในห้องแล้ว ผมลองเดินเข้ามาหน่อยนึงแล้วถ่ายย้อนกลับไปยังประตูที่เราเข้ามา จะเห็นว่าพื้นที่หลังประตูมีทำตู้เก็บของ เก็บรองเท้าได้ ขนาดค่อนข้างใหญ่
ตู้เก็บของที่โครงการทำมาให้เลย ที่ตำแหน่งง่ายต่อการใช้งาน มีหน้าบานเป็นกระจกเงา ซึ่งดีต่อการเช็คการแต่งกาย หน้าผม ก่อนออกจากบ้าน อีกทั้งด้านในแบ่งช่องไว้หลากหลาย เก็บของชิ้นทรงสูงได้ด้วย
ชุดครัวที่โครงการ Built-in มาให้จะมีหน้าบานทั้งด้านบนและด้านล่าง หน้าบานจะเป็น Hi-gloss สีขาว เมื่อเปิดครัวออกมาด้านบนเป็นตู้บานเปิดที่มีชั้นให้วางของได้ค่อนข้างเยอะ ส่วนเคาน์เตอร์ครัวด้านล่างมีที่วางช้อน ส้อม มีช่องที่ทำไว้สำหรับวางไมโครเวฟ และพื้นที่ใต้ซิงค์ล้างจาน ที่ติดตั้งถังขยะไว้ให้ด้วย
เนื่องจากตู้ครัวมีดีไซน์ Modern จึงออกแบบมาให้ไม่มีมือจับ และบานพับตู้ที่ให้แบบ Soft Closed ทั้งหมด ตรงผนังเคาน์เตอร์ติดกระจกมาให้ตามภาพ ช่วยให้ทำความสะอาดน้ำและคราบต่างๆได้ง่าย ท็อปเคาน์เตอร์ครัวเป็นหินสังเคราะห์ มีการติดตั้งซิงค์ล้างจาน เตาและที่ดูดควันมาให้เรียบร้อย โดยทั้งหมดจะได้เป็นของยี่ห้อ MEX
พื้นห้องในส่วนของครัวปูด้วยกระเบื้อง Porcelain สีเทา ซึ่งเป็นกระเบื้องที่มีการเคลือบผิวหน้าทำให้มีคุณสมบัติดูดซับน้ำต่ำกว่าแกรนิตโต้ที่เราพบเห็นทั่วไปเวลาพื้นเปียกน้ำจะแห้งได้เร็วกว่า ช่วยให้พื้นไม่อมความชื้นและสามารถดูแลรักษาง่าย พอตัดเปลี่ยนโซนก็จะจบด้วยเส้นสแตนเลสครับ หลังจากนั้นส่วนของพักอาศัยจะเปลี่ยนเป็นพื้นลามิเนตลายแผ่นแบบหน้ากว้าง ลายไม้โอ๊คเข้ม ซึ่งดูสวยงามเรียบร้อย
ถัดมาจะเป็น Common Area หรือโถงรวมในส่วนพื้นที่นั่งเล่น แต่ก็จะมีฟังก์ชันทานอาหารอยู่ในพื้นที่ ซึ่งทุกส่วนจะได้แสงธรรมชาติร่วมกัน
โครงการวางโต๊ะรับประทานอาหารขนาด 2 ที่นั่งมาให้ที่ข้างๆเคาน์เตอร์ครัว ให้ดูเป็นตัวอย่างเฉยๆ สำหรับการวางฟังก์ชั่นในลักษณะนี้ นอกจากจะได้พื้นที่รับประทานอาหารแล้ว ยังสามารถปรับเปลี่ยนให้โต๊ะนี้เป็นเคาน์เตอร์ครัวจำเป็น ขณะที่ทำอาหารก็ได้ หรือจะเปลี่ยนเป็นโต๊ะทำงานก็สะดวก แล้วแต่การใช้งาน ใครที่อยากนำไอเดียไปใช้ก็ไม่ว่ากัน
ด้วยขนาดห้องไซส์นี้ ก็จะเหมาะกับโซฟา 2 ที่นั่งกำลังดี และมีพนักพิงแขนด้วย
โดยห้องนี้จะมีระยะการดูทีวีอยู่ที่ประมาณ 2.30 เมตรครับ จัดทีวีไซส์ประมาณ 40-42 นิ้ว กำลังพอดีเหมาะเจาะ พื้นที่ตรงกลางยังวางโต๊ะกลางได้นะ
ตัวประตูกระจกบานเลื่อน 2 ตอนเป็นส่วนกั้นโซนระหว่างในห้องกับระเบียงครับ ซึ่งจริงๆแล้วประตูก็ไม่ได้เล็กหรอก แต่ห้องนั้นสูง 2.70 เมตร เลยดูไม่สูงมาก
พื้นที่ระหว่างห้องนั่งเล่นกับระเบียงมีรางเลื่อนยื่นขึ้นมาเล็กน้อย พื้นระเบียงปูด้วยกระเบื้อง porcelain ลายหินอ่อน และกันตกเป็นรั้วเหล็กพ่นสีดำโปร่ง
มองไปทางซ้ายมือเป็นพื้นที่งานซักล้าง ซึ่งดีที่ติดพวกก๊อกน้ำ ท่อน้ำทิ้งมาให้เแล้ว ก็แปลงว่าสามารถวางเครื่องซักผ้าได้นั่นเอง
ด้านบนเป็นที่วาง CDU แอร์แบบเป่าลมร้อนออกนอกอาคารทำให้ระเบียงไม่ร้อน สามารถออกมาใช้งานระเบียงได้ในขณะที่เปิดแอร์
กลับมาด้านใน ห้องนอนมีการกั้นโซนเป็นสัดส่วนด้วยประตูที่หน้าตาเหมือนกับทางเข้าห้องครับ
ในห้องนอนพื้นที่ค่อนข้างกว้าง โดยเหมาะกับการเอาเตียงไปวางไว้ให้ช่องแสงธรรมชาตินะครับ โดยจะได้พื้นที่ของข้างหัวเตียงทั้งสองฝั่งดีหน่อย ทำเป็นมุมโต๊ะเครื่องแป้งฝั่งนึงได้(บริเวณกระจกเงาบานใหญ่)
แต่พื้นที่ปลายเตียงเหลือน้อยหน่อย หากใครชอบดูทีวีในห้องนอนแนะนำเป็นทีวีติดผนัง จะได้เหลือทางเดินปลายเตียงเดินได้
ฝั่งนี้จะเป็นส่วนของตู้เสื้อผ้าที่โครงการ Built-in มาให้ โดยจะมีความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดาน หน้าบานจะเป็นกระจกสีชา กรอบอลูมิเนียมเป็น Powder Coat สีดำ ส่วนฟังก์ชั่นภายในตู้เสื้อผ้าก็ค่อนข้างครบ ทั้งแขวนผ้าและพับผ้าได้ ตู้ด้านบนก็พอให้วางหมอนวางผ้านวมได้
ห้องน้ำจะอยู่ในตัวของห้องนอนเลย ซึ่งก็มีข้อดีคือสามารถลุกไปใช้งานได้ง่ายเวลากลางคืน แต่ถ้าใครมีแขกมาหาบ่อยๆ เวลาเค้าจะใช้งานก็ต้องเดินตัดเข้ามาในห้องนอนเรานะครับ
พื้นห้องน้ำมีการลดระดับลงเล็กน้อย ที่รอยต่อของพื้นห้องน้ำและพื้นห้องนอนมีการปิดคิ้วด้วยสแตนเลส โดยกระเบื้องห้องน้ำจะปูด้วยกระเบื้อง porcelain สีเทาผิวหยาบขรุขระ ซึ่งจะช่วยกันลื่นเวลาพื้นเปียก และผิวกระเบื้องมีกริตเตอร์เพิ่มความสวยงาม
อ่างล้างหน้าแบบลอยตัวรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าพร้อมกระจกเงาติดผนังมาให้ ตัวท๊อปเคาน์เตอร์เป็น Plaswood ลายไม้ที่เป็นวัสดุกึ่ง PVC สามารถโดนน้ำได้ไม่บวม และอ่างกับก๊อกจะเป็นของ COTTO
โถสุขภัณฑ์ของ Cotto พร้อมติดตั้งสายชำระและที่แขวนกระดาษทิชชู่มาให้เรียบร้อย
ถัดไปเป็นพื้นที่อาบน้ำ ขนาดประมาณ 0.90 x 1.0 เมตร พื้นที่กระทัดรัดพอให้อาบน้ำสบายๆ ฉากกั้นอาบน้ำเป็นกระจก Temper glass มือจับค่อนข้างใหญ่จับถนัดมือดี ที่พื้นมีการยกธรณีกันน้ำไหลไปสู่ส่วนแห้ง ปูกระเบื้องชนิดเดียวกับส่วนอื่นๆในห้องน้ำ ชุดฝักบัวอาบน้ำของ Cotto หรือเทียบเท่า พร้อมที่วางสบู่
ห้องตัวอย่างอีกห้องคือ 1 Bedroom 1 Bathroom ขนาด 34.25 ตารางเมตร จุดเด่นของห้องนี้คือการจัดฟังก์ชั่นให้โซน Service อย่างห้องน้ำและห้องครัวมาอยู่ด้านในติดกับผนังโถงทางเดิน และให้ส่วนพักผ่อนอย่างห้องนั่งเล่นและห้องนอนไปอยู่ด้านที่มีช่องเปิดทำให้ห้องนี้ Take View ได้เต็มที่ในส่วนพักผ่อน
เมื่อเข้ามาในห้องจะเจอครัวเปิดที่โครงการ Built-in เคาน์เตอร์ครัวมาให้ ถัดไปเป็นห้องนั่งเล่นที่ถูกกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อนที่สามารถเปิดออกไปยังระเบียง(ซึ่งการอกแบบให้พื้นที่ระเบียงค่อนข้างยาว จะได้ไม่ต้องเห็นคอมแอร์ฯเวลาอยู่ในห้องนั่งเล่นตรงโซฟา สามารถรับวิวได้เต็มที่ไม่เกะกะสายตา
ติดกันเป็นห้องนอนที่มีห้องน้ำให้ในตัว โดยโครงการ Built-in ตู้เสื้อผ้ามาให้ 2 ตู้ที่หน้าห้องน้ำ จึงสะดวกกับการใช้งาน เวลาอาบน้ำเสร็จก็ออกมาเปลี่ยนเสื้อผ้าได้เลย ภายในห้องนอนมีหน้าต่างเต็มผนังช่วยให้แสงธรรมชาติเข้าและระบายอากาศได้ดี พื้นที่ปลายเตียงเหลือน้อยหากใครชอบดูทีวีในห้องนอนแนะนำเป็นทีวีติดผนังจะได้เหลือทางเดินปลายเตียง โดยรวมแล้วห้องนี้มีการจัดฟังก์ชั่นที่ครบแต่พื้นที่ใช้งานไม่มาก เหมาะกับการอยู่อาศัยประมาณ 1-2 คน ได้ไม่อึดอัด
โดยเข้าห้องมา ส่วนแรกที่เราจะเจอคือห้องครัว ที่มีส่วนต่อเนื่องกับห้องนั่งเล่นและห้องนอน โดยโครงการได้จัดวางโต๊ะรับประทานอาหารขนาด 2 ที่นั่งไว้ให้เป็นไอเดียตัวอย่าง ให้เห็นว่าพื้นที่ตรงนี้สามารถนั่งรับประทานได้ด้วยครับ
ทางด้านซ้ายมือ ตรงนี้เป็นส่วนเว้านของผนัง ซึ่งโครงการตั้งใจทำเป็นตู้ตั้งแต่แรกให้เข้ากับพื้นที่ครับ ตำแหน่งการใช้งานยังอยู่ใกล้ๆกับส่วนทางเข้าออกห้องอยู่
ส่วนของชุดครัวจะขนาดใกล้ๆกับห้องแรกเลยครับ ต่างกันตรงห้องนี้ตำแหน่งตู้เย็นจะดีหน่อยอยู่ติดกับ Pantry เลย และด้านบนเหนือตู้เย็นได้ตู้แขวนผนังเพิ่มมาอีกส่วนนึง
โครงการวางโต๊ะรับประทานอาหารขนาด 2 ที่นั่งมาให้ที่หน้าเคาน์เตอร์ครัว ซึ่งถ้าเราจะวางโต๊ะตามโครงการ จะติดเรื่องของตำแหน่งพื้นที่ยืนประกอบอาหารถูกลดลงไปครับ
จริงๆแล้วฟังก์ชันห้องนี้จะคล้ายๆกับห้องแรกที่ไปดูแหละ แต่จะมีความลึกของตัวห้องมากกว่า เลยสังเกตได้จากมุมนี้ที่เป็นพื้นที่วางโซฟานั่นเอง ยังเหลือวางโคมไฟ โต๊ะข้างได้ หรือถ้าใครมีแขกมาหน่อย ก็ขยายโซฟาเป็นแบบ 3 ที่นั่งหรือ L-Shpae ก็ดี เพราะมีพื้นที่พอสบาย
ระยะดูทีประมาณ 2.30 เมตรครับ ตรงนี้ก็ยังสามารถวางโต๊ะกลาง โต๊ะกาแฟตรงกลางได้เช่นกัน
รูปแบบของระเบียงจะเหมือนกับห้องแรกก่อนหน้าเลยครับ จากมุมนี้ที่ผมนั่งอยู่บนโซฟา จะเห็นว่าที่เค้าออกแบบมาให้ระเบียงยาว เลยมีที่เก็บคอมแอร์ในส่วนตอนลึกเข้าไป ทำให้เวลาเรามอง “ตรงๆ” แบบรูปก่อนหน้า จะไม่เห็น CDU Air Unit มาให้เกะกะสายตา และยังเป็นพื้นที่วางเครื่องซักผ้าได้ด้วย
ไปดูห้องนอนกันต่อครับ ตำแหน่งประตูทางเข้าห้องยังอยู่ตรงกึ่งกลางของห้อง กั้นเป็นสัดส่วน
ด้านในเราจะเห็นการแบ่งพื้นที่ทางขวามือที่ใกล้หน้าต่างเป็นโซนวางเตียง และทางซ้ายมือเป็นโซนแต่งตัวที่อยู่ก่อนทางเข้าห้องน้ำนะ
ยังคงมีความแคบของพื้นที่ปลายเตียงเหมือนกัน พอเดินได้ราว 30 ซม.เท่านั้นครับ แต่ก็ยังเอาไว้ทีวีแขวนผนังเพื่อนอนดูได้อยู่
ความพิเศาหน่อยของห้อง Type นี้คือมีการแบ่งพื้นที่ยื่นออกไปกับส่วนเว้าตรงนี้ ซึ่งห้องตัวอย่างจัดเป็น Daybed มาให้ดูเป็นไอเดีย แต่สามารถเปลี่ยนเป็นมุมโต๊ะทำงาน หรือ โต๊ะเครื่องแป้งที่จะได้แสงธรรมชาติก็ได้อันนี้แล้วแต่เจ้าของห้องเลย
พื้นที่หน้าห้องน้ำที่โครงการ Built-in ตู้เสื้อผ้ามาให้ 2 ตู้แบบนี้น่าจะถูกใจคุณผู้หญิงที่มีเสื้อผ้าเยอะๆ โดยข้อดีของการวางตู้เสื้อผ้ามาให้ในตำแหน่งนี้คือสะดวก เวลาอาบน้ำเสร็จก็ออกมาแต่งตัวได้เลย โดยพื้นที่ระหว่างตู้เสื้อผ้ากับเตียง เราสามารถวางโต๊ะเก้าอี้แบบห้องตัวอย่างก็ได้ พอแต่งตัวเสร็จสาวๆก็จะได้นั่งแต่งหน้าได้สะดวก
ตู้เสื้อผ้าที่โครงการ Built-in มาให้ จะมีความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดาน หน้าบานจะเป็นกระจกสีชา กรอบอลูมิเนียมเป็น Powder Coat สีดำ ส่วนฟังก์ชั่นภายในตู้เสื้อผ้าก็ค่อนข้างครบ ทั้งแขวนผ้าและพับผ้าได้ ตู้ด้านบนก็พอให้วางหมอนวางผ้านวมได้ โดยตู้เสื้อผ้าที่ให้ทั้งสองตู้จะมีฟังก์ชั่นเหมือนกันเลย
ห้องนำ้ด้านในจัดวางพื้นที่ใช้งานเป็น 3 ส่วนคือ เคาน์เตอร์อ่างล้างหน้าพร้อมกระจกเงา, โถสุขภัณฑ์ และพื้นที่เปียกสำหรับอาบนำ้ที่มาพร้อมกับฉากกั้น(ทางซ้ายมือหลังประตู)
พื้นที่อาบน้ำยังคงกั้นโซนมาให้ด้วย Shower Box กระจกนิรภัยครับ พื้นที่อาบ 90 x 90 cm. อุปกรณ์ต่างๆเหมือนกัน
**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะครับ
ราคาและเงื่อนไขการขายปัจจุบัน @ 6 November 2018
- ปัจจุบันราคาห้องเริ่มต้น 4.5 ล้านกว่าบาท (ขนาด 30 ตร.ม.)
- ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรทั้งโครงการ Average 150,000 บาท/ตร.ม.
- งาน Open House เปิดตัวพร้อมโปรเฟอร์ครบ 24-25 พ.ย. 2561 นี้
- Fully Furnished (เฉพาะงาน Open House) หลังจากนั้นเหมือนเดิม Fully Fitted
- ฝ้าเพดานสูง 2.70 เมตร (ห้องมาตรฐาน) และ 4.2 เมตร (ห้อง Loft)
- Kitchen & Sink + Hob & Hood
- Shuttle Bus (รถมินิแวน) 2 คัน ไปกลับ BTS เอกมัย (ไม่คิดค่าโดยสาร)
- จองพร้อมสัญญา 30,000 บาท และกู้ธนาคารได้เลย (Ready to move in)
- ค่ากองทุน 600 บาท/ตร.ม.
- ค่าส่วนกลาง 55 บาท/ตร.ม./เดือน
**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ครับ
ทำเลและสภาพแวดล้อม C Ekkamai เหมาะกับคนที่มองหาคอนโดบนถนนเอกมัยค่อนมาทางเพชรบุรี มี Life style แบบคนรุ่นใหม่ ชอบความอุดมสมบูรณ์ในโซนทองหล่อ-เอกมัย สามารถขับรถไปได้ไม่ไกลมาก ซึ่งทำเลนี้ถ้าจะไปเทียบกับช่วงต้นหรือกลางซอยเอกมัยคงไม่ได้ เพราะทำเลนี้จะเน้นมาทางเพชรบุรีที่มีความคึกคักน้อยกว่า แต่ก็มีตลาดเอกมัยอยู่ใกล้ๆให้เดินไปซื้อของได้เลย โดยโครงการเปิดตัวมาในราคา 125,000 บาท ซึ่งถ้าเทียบกับคอนโดติดถนนเอกมัยที่มีอยู่ตอนนี้จะมีราคาอยู่ที่ 150,000 ขึ้นไป ทั้งคอนโดเปิดตัวใหม่ และ Resale ดังนั้นโครงการนี้จึงเหมาะกับคนที่ต้องการคอนโดติดถนนเอกมัย แต่ยอมเขยิบมาอยู่ตอนท้ายของเอกมัยค่อนมาทางถนนเพชรบุรี เพื่อที่จะได้ราคาถูกลงมา
การเดินทางด้วยรถส่วนตัว เหมาะสำหรับคนที่ใช้รถยนต์ส่วนตัวเป็นหลักเลยล่ะ ทั้งสามารถไปสุขุมวิท เพชรบุรี พัฒนาการ หรือตรงไปเรื่อยๆก็ออกเลียบด่วนรามอินทราได้เลย โดยถนนเอกมัยนี่ใครๆก็รู้ว่ารถติด ซึ่งก็ยังดีที่โครงการมีทางลัดเลาะ เลี่ยงรถติดได้ค่อนข้างเยอะครับ ส่วนทางด่วนก็มีสองจุดหลักๆ ให้เลือกคือทางด่วนรามอินทราช่วงสุดถนนเอกมัย และทางด่วนอาจณรงค์ที่ต้องวิ่งทะลุซอยสุขุมวิท 40 ไปออกฝั่งกล้วยน้ำไท โดยรวมแล้วการเดินทางด้วยรถยนต์สะดวกดี ที่จอดรถมา 56%(รวมซ้อนแล้ว) ก็ถือว่าน้อยไปหน่อยสำหรับคอนโดราคานี้ที่ไม่ได้อยู่ใกล้รถไฟฟ้ามากนัก
การเดินทางโดยไม่ใช้รถ ตัวโครงการมีระยะห่างจาก BTS เอกมัย ประมาณ 2.3 กม. เป็นระยะที่อาจเรียกไม่ได้ว่าอยู่ใกล้รถไฟฟ้า แต่ก็เป็นตัวเลือกที่สามารถใช้ได้ โดยโครงการมีรถ Shuttle Bus มินิแวน 2 คัน คอยรับส่ง(ไม่คิดเงินเพิ่มด้วย) นอกจากนี้หน้าโครงการยังมีรถเมล์ รถแท๊กซี่ผ่านตลอดทั้งวัน หรือจะเดินไปนิดหน่อยตรงหน้าซอยเอกมัย 30 ก็มีพี่วินและรถกระป๊อที่สามารถนั่งไปได้ถึง BTS เอกมัยเลย เรียกว่าเรียกพวกนี้ไม่ยาก
วัสดุ ของโครงการถือเป็นจุดเด่นของที่นี่ มีการเลือกสเปคที่ค่อนข้างดี โดยกระเบื้องที่ใช้ในห้องนี้ทั้งหมดจะเป็นกระเบื้อง porcelain สีเทา ซึ่งเป็นกระเบื้องที่มีการเคลือบผิวหน้าทำให้มีคุณสมบัติดูดซับน้ำต่ำกว่ากระเบื้องที่เราพบเห็นทั่วไปเวลาพื้นเปียกน้ำจะแห้งได้เร็วกว่า ช่วยให้พื้นไม่อมความชื้นและสามารถดูแลรักษาง่าย ซึ่งจะมีความแตกต่างกันที่พื้นผิวและลวดลายในแต่ละจุด โดยในห้องครัวใช้กระเบื้องสีเทา ห้องน้ำใช้ผิวขรุขระและมีกริตเตอร์ ส่วนที่ระเบียงจะเป็นลายหินอ่อน ซึ่งเลือกวัสดุได้เข้ากับดีไซน์การใช้งานแต่ละพื้นที่ดี ส่วนของที่ Built-in มาให้อย่างตู้เสื้อผ้า จะเป็นหน้าบานกระจกสีชา กรอบอลูมิเนียมสี Rose Gold ส่วนชุดครัวหน้าบาน Hi-Gloss ท๊อปหินสังเคราะห์ ติดตั้งซิ้งค์ล้างจาน เตา และที่ดูดควันของ Mex มาให้ ส่วนสุขภัณฑ์ภายในห้องน้ำให้ของ Cotto
การออกแบบ โครงการใช้คอนเซปต์ “ปริซึมดีไซน์” คือการตัดทอนเอาลวดลายของปริซึมมาเป็นลูกเล่นในการตกแต่งอาคาร Facade ในส่วนที่ปิดผิวฝั่งด้านหน้าอาคารชั้น 2-7 นั้นดูดีและสวยและยังทำหน้าที่ช่วยเพิ่มความเป็นส่วนตัวจากการใช้งานส่วนกลางด้วย โดยรวมแล้วออกแบบมาได้ลงตัวในพื้นที่ 3 ไร่เศษ ที่ความสูง 44 ชั้น ซึ่งเป็นคอนโดที่สูงที่สุดในย่านเอกมัย ณ ปัจจุบัน(152 เมตร) จุดเด่นของที่นี่เลยจะมีห้องที่ได้วิวมุมสูง และ Facilities ชั้นดาดฟ้าที่สามารถ Take วิวเมืองได้ดี
ห้องพักจะเน้นไปที่ห้องแบบ 1 Bedroom ที่มีแบบห้องให้เลือกเยอะสุด เพราะเน้นไปที่กลุ่มคนวัยทำงานที่พักอาศัยกันอยู่ 1-2 คน มีห้อง 1 Bedroom duplex มาเป็นตัวเลือกให้คนที่ชอบห้อง Double volume ส่วนใครที่พักอาศัยกันเป็นครอบครัวก็มีห้องแบบ 2 Bedroom จนถึง Penthouse มาเป็นตัวเลือกให้ด้วยเหมือนกัน ส่วนห้องขายแบบ Fully fitted ซึ่งให้ของ Buit-in ที่จำเป็นสำหรับชีวิตประจำวันอย่างสุขภัณฑ์ ครัวและตู้เสื้อผ้า ซึ่งเราสามารถซื้อเฟอร์นิเจอร์มาแต่งบ้านในสไตล์ของตัวเองเพิ่มได้อีกครับ ส่วนแบบห้องแบ่งฟังก์ชันได้ดี ห้องไม่เล็กจนเกินไป กั้นโซนเป็นสัดส่วนแยกประตูเป็นโซนๆ แต่จะเป็นครัวเปิดนะไม่เหมาะกับทำอาหารหนักๆกลิ่นแรงครับ
ส่วนกลางของที่นี่จะมีให้ที่ชั้น 6 ประกอบด้วยสระว่ายน้ำ, Fitness, ลานโยคะ, Library, สวน และ Jogging Track และมีการต่อเนื่องไปที่ชั้น 7 อย่างห้อง Fitness ซึ่งถือว่าใหญ่และจัดออกมาได้น่าใช้งานสุดๆ เปิดผนังกระจกรับแสงวิว 3 ฝั่ง รวมไปถึงเจาะ Skylight ด้านบนเพดานด้วย, ส่วนชั้น 8 จะเป็นพื้นที่อเนกประสงค์กลางแจ้ง, ที่ชั้น 44 จะมีสวน Sky Lounge แบบ Double Volume และสวนชั้นดาดฟ้า ซึ่งถือว่าให้มาเยอะและหลากหลายดีสำหรับห้องพัก 729 ยูนิต
Judgement
การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้
ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%
เทียบกับราคาเฉลี่ยทั้งโครงการ Average 150,000 บาท/ตร.ม., 6 November 2018
- ทำเล 7.5/10 -ติดถนนเอกมัยค่อนไปทางเพชรบุรี เดินทางเข้าทองหล่อกับสุขุมวิทง่าย ของกินรอบๆอุดมสมบูรณ์
- เดินทางด้วยรถ 7.75/10 – เดินทางด้วยรถยนต์สะดวก มีทางลัดเลาะเลี่ยงรถติดได้หลายทาง
- ไม่ใช้รถ 7.5/10 -ห่างจาก BTS เอกมัยประมาณ 2 กม. แต่มี Shuttle Van มาให้ 2 คัน มีรถเมล์และแท๊กซี่ผ่านหน้าโครงการ รวมทั้งมีคิวรถกระป๊อและวินมอเตอร์ไซค์ ห่างไปเพียง 90 เมตร
- วัสดุ 8/10 -ขายแบบ Fully Fitted วัสดุให้มาดี มีดีไซน์เหมาะสมกับพื้นที่และฟังก์ชันการใช้งาน
- แบบ 8.25/10 -ออกแบบได้ลงตัว มีห้องพักให้เลือกหลากหลาย ขนาดตั้งแต่ 27 ตร.ม.ขึ้นไป
- สาธารณูปโภค 8.25/10 -ให้มาเต็มที่และเลือกใช้งานได้หลากหลาย โดยมี Facilities ที่หลักชั้น 6-8 และ Sky Lounge ที่ชั้น 44 สามารถมองวิวได้จากมุมสูง
- HIGH CLASS
- 7.76 / 10.00
BOTTOM LINE
C Ekkamai เหมาะกับคนที่ต้องการคอนโดในย่านเอกมัย -เพชรบุรี แต่ยังเดินทางไป สุขุมวิท-ทองหล่อได้สะดวก ชอบโครงการที่มี Facilities จัดเต็ม และให้วัสดุภายในห้องค่อนข้างดี เดินทางด้วยรถส่วนตัวเป็นหลัก หวังพึ่งพารถไฟฟ้าอยู่บ้างใช้ได้ไม่ยาก มีงบประมาณระดับ 4.5 – 8 ล้าน หรือมีกำลังผ่อนประมาณ 31,500 – 56,000 บาท/เดือน