รีวิวฉบับที่ 989 สวัสดีค่าา วันนี้จะพาไปชมตึกเสร็จของโครงการ Villa Lasalle จาก Origin Property เจ้าถิ่นในย่านแบริ่ง ซึ่งตัวโครงการเป็นคอนโด Low Rise 2 อาคาร จำนวน 353 ยูนิต ตัวโครงการตั้งอยู่ในซอยลาซาล 18 ซึ่งกำแพงด้านหนึ่งติดกับถนนหลักซอยลาซาลเลย ตัวซอยลาซาลเองนี้เป็นทางเชื่อมระหว่างถนนสุขุมวิทและถนนศรีนครินทร์ สามารถไปทะลุแบริ่ง หรือถนนบางนา-ตราดก็ได้ หรือถ้าใครจะไปขึ้นทางด่วนก็อยู่ในระยะที่ไม่ไกลนัก ตัวโครงการอยู่ห่างจากรถไฟฟ้า BTS สถานีแบริ่ง 1.2 กิโลเมตร แน่นอนว่าเป็นระยะที่ไกลกว่าจะเดินถึง แต่โครงการก็มี Shuttle Service ไว้ให้บริการ หน้าตาโครงการจะเป็นอย่างไรบ้าง ไปดูพร้อมๆกันเลยค่าา 🙂
อ่านรีวิทำเลโครงการ Villa Lasalle สามารถ คลิกที่นี่ ได้เลยค่ะ
อ่านรีวิวห้องตัวอย่างที่ Mr.Oe เคยพาไปดูมาแล้วสามารถ คลิกที่นี่ ได้เลยค่ะ
Fact @ 10 November 2015
- Villa Lasalle (วิลล่า ลาซาล)
- Developer: Origin Property
- Main Class (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
- โครงการตั้งอยู่ใน : ซ.ลาซาล 18 ถ.สุขุมวิท 105 เขตบางนา กรุงเทพฯ 10260
- คอนโด Low Rise 8 ชั้น 2 อาคาร อาคาร Monet 178 Units อาคาร Renoir 175 units
- จำนวนห้องพักอาศัยรวมทั้งโครงการ 353 ยูนิต
- ที่ดินประมาณ 2-1-58 ไร่
- ที่จอดรถ รวมจอดซ้อนคัน 40%
- Nice Deluxe แบบ 1 Bedroom ขนาด 25 ตร.ม.
- Paris Deluxe แบบ 1 Bedroom ขนาด 25 ตร.ม.
- Deville Suite 1 แบบ 1 Bedroom Plus ขนาด 35 ตร.ม.
- Versailles Grand Suite แบบ 2 Bedroom ขนาด 50-56 ตร.ม.
- ราคาเริ่มต้นประมาณ 1.84 ล้านบาท
- ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรเริ่มต้นประมาณ 72,355 บาท
- เริ่มก่อสร้าง : ไตรมาส 4 ปี 2557
- คาดว่าจะแล้วเสร็จ : ไตรมาส 1 ปี 2559
- http://www.villalasalle.com
- Tel : 087-123-1001, 091-575-8963
เพียงแค่การกด Like ก็เท่ากับการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจาก Think of Living แล้วค่ะ
สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างนะ
พิกัด : 13.660067, 100.611140
แผนที่จากทางโครงการค่ะ จะเห็นว่าตัวโครงการ Villa ลาซาลตั้งอยู่ในซอยสุขุมวิท 105 หรือซอยลาซาล 18 ห่างจาก BTS แบริ่ง 1.2 กิโลเมตร จากโครงการสามารถเชื่อมต่อไปยังถนนสายหลักได้หลายเส้นทางทั้งถนนสุขุมวิท ถนนศรีนครินทร์ ถนนบางนา-ตราด และทางด่วนค่ะ
มาดูความเจริญโดยรอบโครงการในรัศมี 2 กิโลเมตรกัน ส่วนใหญ่จะเกาะกลุ่มกันอยู่บนถนนสุขุมวิทโดยจะเป็นตลาด Hypermarket และโรงเรียนนานาชาติ ส่วนสถานที่ช้อปปิ้ง กินเที่ยวที่ใกล้ๆหน่อยก็จะมี อิมพีเรียล สำโรง ถัดไปบริเวณใกล้เคียงจะอยู่บนถนนบางนาคือ เซ็นทรัลบางนา , บิ๊กซี , Mega บางนา โดยอีกไม่นานจะมีการลงทุนศูนย์การค้าขนาดใหญ่บนพื้นที่กว่า 100 ไร่ บริเวณตรงข้าม ไบเทค บางนา นั่นก็คือ Bangkok mall ของกลุ่ม The mall ซึ่งถ้าเปิดตัวจะทำให้ย่านนี้มีความคึกคักและมีสีสันขึ้นไปอีก แต่ก็ต้องทำใจแลกมากับการจราจรที่จะต้องติดขัดเพิ่มขึ้นอีกเช่นกัน ห่างไปอีกหน่อยบนถนนศรีนครินทร์จะมีศูนย์การค้า Seacon Square และ Paradise Park
จากที่ตั้งโครงการสามารถเดินทางเข้าเมืองได้ง่ายโดยใช้ถนนสุขุมวิทแต่การจราจรอาจจะค่อนข้างติดขัดโดยเฉพาะเวลาเร่งรีบ สามารถเลี่ยงมาใช้รถไฟฟ้าสถานีแบริ่งเข้าตัวเมืองได้ใช้เวลาประมาณ 20-30 นาที เส้นสุขุมวิทยังสามารถใช้วิ่งไปจังหวัดสมุทรปราการหรือใช้ลัดออกเส้นศรีนครินทร์เชื่อมออกไปยังสนามบินสุวรรณภูมิ หรือ ชลบุรีได้
มาดูความอุมสมบูรณ์ภายในซอยลาซาล (สุขุมวิท105) และซอยแบริ่ง (สุขุมวิท107) ถือว่าเป็นซอยใหญ่ที่ค่อนข้างคึกคัก ถ้าเทียบกับซอยอื่นๆในย่านนี้ มีร้านอาหาร ร้านสะดวกซื้อ ตลาด อยู่ทั้งซอยผลัดกันเปิดตลอดทั้งวัน เรียกได้ว่าถ้าหิวตอนดึกออกมายังไงก็มีของกิน และยังใช้เป็นเส้นทางลัดออกถนนบางนา ศรีนครินทร์ เทพารักษ์ ได้ในช่วงเวลารถติดหรือถ้าไม่อยากออกถนนใหญ่
การเข้าถึงโครงการโดยใช้รถ ถ้าเดินทางมาจากในเมืองหรือจังหวัดสมุทรปราการสามารถใช้ถนนสุขุมวิท เข้าซอยสุขุมวิท 105 (ซอยลาซาล) ขับเข้ามาในซอยลาซาล 18 เข้าโครงการ หรือถ้ามาจากถนนศรีนครินทร์เลี้ยวเข้าซอยสุขุมวิท 105 ได้ที่แยกศรีนครินทร์ตรงเข้ามาเข้าโครงการ ภายในซอยยังสามารถใช้ ซอยหมู่บ้านเทพนฤมิตรลัดไปยังซอยแบริ่งหรือซอยสุขุมวิท 107 หรือจากซอยแบริ่งสามารถเข้าโครงการทางซอยแบริ่ง 9 (ซอยลาซาล 16) ก็ได้ใกล้ดี นอกจากนี้ยังมีซอยลาซาล 55 (ซอยบางนา-ตราด 33) สามารถไปทะลุออกถนนบางนาได้ โดยซอยลาซาล 55 จะอยู่เยื้องๆกับเซ็นทรัลบางนาเลยค่ะเผื่อใครอยากไปช็อปปิ้งซื้อของ
การเข้าถึงโครงการโดยไม่ใช้รถ สามารถใช้รถไฟฟ้าสถานีแบริ่งที่บริเวณหน้าปากซอยไปยังสถานที่ต่างๆ หรือจะใช้ วินมอเตอร์ไซค์ รถสองแถวก็มีวิ่งให้บริการตลอดทั้งซอย
เส้นทางที่เราพาไปในวันนี้ เราจะพาไปอัพเดทเส้นทางจากต้นซอยลาซาลจนถึงโครงการกันว่าสภาพแวดล้อมตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง คือ ลงทางด่วนบางนาวิ่งตรงบนเส้นสุขุมวิท จากนั้นวิ่งตรงมาเรื่อยๆผ่าน BTS บางนา จนถึงซอยลาซาลที่อยู่ก่อนถึง BTS แบริ่งเล็กน้อย จากนั้นเลี้ยวซ้ายเข้าไปในซอยลาซาล ดูบรรยากาศทั้งสองข้างทาง ขับรถตรงไปเรื่อยๆจนถึงซอยลาซาล 18 แล้วเลี้ยวขวาเข้าซอยผ่านโครงการ Villa Lasalle ไปดูจนเกือบสุดซอยลาซาล 18 ค่ะ
เมื่อถึงจุดใกล้ลงทางด่วน เราจะเจอป้ายบอกทางไปบางนา กับถนนสุขุมวิท 62 ให้เราขับตรงไปเกาะทางบางนาก่อนค่ะ
ขับไปอีกนิดจะเจอป้ายเลี้ยวซ้าย ไปบางนา,พระโขนง และตรงไปเป็นสมุทรปราการ,ชลบุรี ตรงไป
ให้เราเตรียมชิดซ้ายเพื่อไปทางบางนาค่ะ
เมื่อเลี้ยวซ้ายมา ทางจะพาเราขึ้นสะพานแบบนี้
ขับมาเรื่อยๆเราจะมาลงสะพานตรง BITEC บางนา และ The Coast Bangkok คอนโด High Rise 39 ชั้น และ 35 ชั้น 2 อาคาร ที่ผสมผสานระหว่างคอนโดและ Community Mall มี The Coast Village อยู่ข้างล่าง สามารถมาช็อปปิ้ง หาอะไรอร่อยๆทานได้
เลยไปหน่อยเป็น BTS บางนา
ถัดจากสถานีบางนามาจะเป็นสนามกีฬาภูติอนันต์ กองทัพเรือ
ไม่ไกลกันเป็นปั๊ม Shell
ถัดไปเป็น BTS แบริ่ง ที่ด้านขวามือเป็น APT แบริ่งมอลล์ มีอาหารและของใช้ให้ซื้อหากันได้ค่ะ เดี๋ยวเราจะเลี้ยวซ้ายเข้าซอยสุขุมวิท 105 หรือซอยลาซาลกัน
เข้ามาในซอยจะเป็นถนน 2 เลน จุดสังเกตคือหน้าซอยจะมี 7 eleven ขนาดใหญ่อยู่ ส่วนทางขวามือเป็นพื้นที่ว่างเปล่าที่มีการล้อมรั้วเพื่อเตรียมพัฒนาต่อ
ไม่ไกลกันนักจะมีวินมอร์เตอร์ไซค์คอยให้บริการคนเข้า-ออกซอย หากลงจาก BTS เดินเข้าซอยมานิดเดียวก็สามารถเรียกใช้บริการพี่วินเพื่อไปยังโครงการได้ค่ะ
ในซอยลาซาลจะมี CenterPoint Entertainment ที่เป็นศูนย์ประชุม และ ห้องแสดงคอนเสิร์ตขนาดใหญ่ รายการเพลงชื่อดังอย่าง The Voice Thailand ก็มาจัดรายการที่นี่
ขับมาเรื่อยๆเราจะเจอสำนักงานขายของ Excel Hybrid โครงการใกล้เคียงในซอยแบริ่ง ซึ่งสำนักขายนี้ก็จะเป็นจุดหลักที่ขายคอนโด Excel ทุกตัวในละแวกนี้
สองข้างทางของถนนในซอยลาซาลส่วนใหญ่จะเป็นอาคารพาณิชย์ 2-4 ชั้น พื้นที่ด้านล่างจะทำการค้าหลากหลาย เช่น ร้านอาหาร ร้านขายเครื่องเขียน ร้านซักแห้ง เป็นต้น
ขับมาเรื่อยๆจะเจอโครงการศุภาลัย ซิตี้ รีสอร์ท ที่ตอนนี้กำลังล้อมรั้วทำการก่อสร้างด้วย
ช่วงกลางๆซอยจะมีเต้นท์ขายอาหาร ที่รอบๆจะเป็นอพาร์ทเม้นท์และอาคารพาณิชย์ บริเวณช่วงนี้ของซอยลาซาลจะมีผู้อยู่อาศัยค่อนข้างหนาแน่น
ใกล้ๆกันจะมีร้านสะดวกซื้ออย่าง 7Eleven และ Family Mart อยู่ตรงข้ามกันเลย สะดวกดีนะ
สถานเสริมความงามก็มีนะ อย่าง Beauty Warehouse
ในช่วงลาซาลซอย 16-17 ซึ่งเป็นซอยก่อนถึงโครงการจะมี Family Mart อีกจุด สามารถมาซื้อของกินของใช้ได้
ถัดมาจะเป็นอาคารพาณิชย์ที่อยู่หน้าซอยลาซาล 18 แล้วค่ะ หากตรงไปจะสามารถไปยังถนนศรีนครินทร์ได้ ส่วนเลี้ยวขวาจะเป็นซอยลาซาล 18 ซึ่งเป็นที่ตั้งของโครงการ เดี๋ยวเราจะพาไปดูกัน
พอมาถึงหน้าซอยลาซาล 18 ก็จะเห็นตัวโครงการ Villa ลาซาลแล้ว
ข้างในซอยจะเป็นถนน 2 เลนขนาดไม่กว้างมากนัก ทางขวามือจะเป็นร้านขายไม้ ในระหว่างวันอาจจะมีฝุ่นและเสียงเครื่องเลื่อยไม้ดังมาเป็นช่วงๆ
เดินมาจนถึงหน้าทางเข้าโครงการจะเห็นป้าย Villa Lasalle เด่นชัดมาก ฝั่งตรงข้ามโครงการจะเป็นบ้านพักอาศัย 2 ชั้น
หน้าตาบ้านพักอาศัยที่อยู่ตรงข้ามโครงการค่ะ ด้านหลังบ้านพักอาศัยจะเป็นอพาร์ทเม้นท์ที่อยู่ในซอยลาซาล 16 หรือแบริ่ง 9 ซึ่งซอยนั้นจะสามารถทะลุถนนแบริ่งได้
ติดกับโครงการทางทิศใต้จะเป็นทางเข้าสถานรับเลี้ยงเด็กพัสวี และบ้านพักอาศัยด้านหลังซึ่งเป็นเจ้าของโรงเรียนนั่นเอง ข้างๆกันเป็นที่ดินว่างเปล่า
เดินตรงไปสุดซอยจะเป็นทางตัน ซึ่งสภาพแวดล้อมรอบๆล้วนเป็นบ้านพักอาศัยทั้งหมด บรรยากาศค่อนข้างเงียบสงบค่ะ
บริบทรอบๆโครงการจะเป็นอาคารพาณิชย์และบ้านพักอาศัยซะเป็นส่วนใหญ่ บรรยากาศโดยรวมจึงค่อนข้างเงียบสงบ ทิศเหนือ ติดกับ ซอยสุขุมวิท 105 หรือซอยลาซาล ทิศตะวันออก ติดกับ บ้านพักอาศัย 2 ชั้นและสถานรับเลี้ยงเด็กพัสวี ที่ในช่วงเวลากลางวันอาจจะมีเสียงเด็กเล็กบ้างแต่ก็ไม่เสียงดังถึงขึ้นรบกวนมากเท่าไหร่ค่ะ ทิศใต้ติดกับถนนทางเข้าสถานรับเลี้ยงเด็กพัสวีและที่ดินว่างเปล่า ส่วนทางทิศตะวันตก จะติดกับซอยลาซาล 18 ซึ่งเป็นทางเข้า-ออกหลักของโครงการ ฝั่งตรงข้ามถนนจะเป็นบ้านพักอาศัย 2 ชั้น อาคารพาณิชย์ 3.5 ชั้นและร้านขายไม้ขนาดเล็กที่อาจจะมีฝุ่นละอองและเสียงจากการเลื่อยไม้ดังรบกวนอยู่บ้างเป็นพักๆค่ะ
สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น
- CenterPoint Entertainment ~900 เมตร
- Big C และ Major Cineplex ~1 กิโลเมตร
- BITEC บางนา ~ 1.5 กิโลเมตร
- Central บางนา ~ 2 กิโลเมตร
- Paradise Park~ 4 กิโลเมตร
- Seacon square ~ 5 กิโลเมตร
- Mega บางนา ~ 12 กิโลเมตร
โครงการ Villa Lasalle ออกแบบในสไตล์ Modern French Luxury Living เป็นการออกแบบโดยการผสมสไตล์คลาสสิคตามแบบฝรั่งเศสกับความเรียบง่ายสไตล์โมเดิร์น ภาพรวมโครงการจึงออกมาแบบเรียบง่ายแต่มีกลิ่นอายศิลปะสไตล์ฝรั่งเศส โดยใช้ Mood and Tone รวมๆเป็นสีขาว-ดำ-เทา
เรามาเริ่มที่ทางเข้าโครงการกันค่ะ ด้านหน้าจะมีป้ายสีขาว ตัวหนังสือสีทองบอกชื่อโครงการ “Villa Lasalle” ชัดเจน ส่วนที่เห็นเป็นตู้กระจกนั้นคือป้อมยามหน้าโครงการที่มีให้ 1 จุดนั่นเองค่ะ ส่วนทางขวามือจะเป็น Lobby และFacilities ของโครงการ
ทางเข้าโครงการจะเป็นโล่งๆ มีป้อม รปภ. อยู่ด้านหน้า แต่ไม่มีรั้วไม้กระดกหรือประตูรั้วกั้นอะไรเลย ซึ่งมีข้อเสียในเรื่องของความปลอดภัยนะคะ เพราะใครจะเดินเข้าเดินออกนี่ ถ้าพี่ยามเผลอแป๊บเดียวก็เข้าได้สบายเลย โครงการแบ่งการวางอาคารออกเป็น 2 ตึก คือ ทางซ้ายมือเป็นตึก Monet ที่ด้านหน้าของตึกจะเป็นส่วนของที่ตั้งป้อม รปภ.ของโครงการ ส่วนทางขวามือเป็นตึก Renoir ที่ชั้น 1-2 ของตึกด้านหน้าจะเป็นทางเข้า Lobby และ Facility ส่วนกลาง
เข้ามาด้านในโครงการก็จะเป็นลาน Out Door ที่ถูกโอบล้อมด้วยตึก Monet และ Renoir ด้านล่างตึกจะเป็นที่จอดรถทั้งหมด มองไปจึงเป็นมุมมองโล่งๆมีแค่เสาอาคารเท่านั้น พื้นตรงลานทางเข้าเป็นคอนกรีตฉาบเรียบและพื้นคอนกรีตแสตมป์ ส่วนพื้นใต้อาคารที่เป็นส่วนจอดรถจะเป็นพื้นคอนกรีตฉาบเรียบธรรมดาอย่างเดียว
มองไปทางซ้ายมือจะเป็นพื้นที่ใต้อาคารของตึก Monet จะเห็นว่าเป็นพื้นที่จอดรถเกือบทั้งชั้น และมีโถงทางเข้าลิฟต์และบันไดหนีไฟให้
มองตรงไปจนสุดทางก็จะเป็นรั้วกำแพงของโครงการด้านที่ติดกับซอยลาซาลค่ะ ที่พื้นลานจอดรถมีลูกศรบอกทางเข้าออกเรียบร้อยไม่ต้องกลัวสับสน
โดยใต้อาคารจะมีโถงลิฟต์ให้ 1 จุด ด้านหน้าโถงลิฟต์เป็นกระจกเต็มบานค่อนข้างโปร่ง เข้าออกโดยใช้การสแกนคีย์การ์ดเพื่อความปลอดภัยของลูกบ้าน
เวลาเข้าก็แตะคีย์การ์ดที่เจ้าตัวสแกนทางซ้ายมือที่จะอยู่ด้านหน้าประตูทางเข้า หากจะออกจากอาคารก็กดปุ่ม EXIT สีเขียวประตูก็จะเปิดออกค่ะ
ที่ผนังทางขวาและซ้ายมือของโถงลิฟต์จะมี Mail Box ให้ลูกบ้านเช็คจดหมายได้ก่อนจะเข้า-ออกลิฟต์ค่ะ
มองไปยังฝั่งตรงข้ามจะเป็นตึก Renoir สวนตรงกลางที่เห็นต้นไม้ร่มรื่นนั้นคือสวนและสระว่ายน้ำ ที่มีการปลูกต้นไม้พุ่มสูงและต้นไม้เลื้อยขึ้นไปบนเสาเหล็กเพื่อเป็น Buffer ป้องกันสายตาไม่ให้คนภายนอกเห็นลูกบ้านที่เล่นน้ำอยู่ ช่วยในเรื่อยความเป็นส่วนตัว โดยทางเข้าสระว่ายน้ำจะมี 2 จุดคือทางฝั่งขวามือ คือทางเข้าจากภายในอาคารทางห้องสมุด ส่วนฝั่งซ้ายมือจะเป็นทางเข้าอาคารจากด้านนอกหรือจากลานจอดรถ
บันไดทางขึ้นสระว่ายน้ำจากลานจอดรถ จะเป็นบันไดโครงสร้างเหล็ก ลูกนอนเป็นไม้มีการเซาะร่องที่จมูกบันไดเพื่อกันลื่นเรียบร้อย
พื้นที่สระว่ายน้ำทั้งหมด(ถ่ายจากชั้น 3 ของอาคาร) จะแบ่งเป็นสระว่ายน้ำระบบเกลือ ขนาด 4 x 16 เมตร ลึก 1.20 เมตร รอบๆสระว่ายน้ำเป็นสนามหญ้าเทียม มีการปลูกต้นไม้ล้อมรอบเพื่อสร้างพื้นที่สีเขียว ข้างสระว่ายน้ำทางขวามือมี Day Bed ให้ 2 ตัว รวมทั้งโซฟากลางแจ้งสามารถนั่งคุยหรือปาร์ตี้เล็กๆริมสระได้
ทางเดินตรงพื้นที่ริมสระจะเป็นทางลาดเอียงลงไปแบบนี้ แต่เนื่องจากพื้นเป็นหญ้าเทียมจึงทำให้มีแรงเสียดทานลดการลื่นได้ส่วนหนึ่ง รอบๆสระมีการปลูกไม้พุ่มเพิ่มความเป็นส่วนตัว ไม่ให้คนที่มาจอดรถมองมาเข้ามาแล้วเห็นชัดๆได้
โซฟาสนามที่อยู่ริมสระจะล้อมรอบด้วยสวน และอยู่ข้างๆจุด Over flow ของสระ จึงได้ยินเสียงน้ำไหลตลอดเวลา เป็นจุดที่นั่งเล่นได้ชิวดี
จุดหนึ่งที่เป็นข้อเสียสำหรับห้องบางยูนิต คือตำแหน่งที่ตั้งของสระว่ายน้ำที่อยู่ในชั้น 1 อยู่ใกล้กับห้องพักชั้น 2 มาก ดังนั้นในช่วงเวลาที่คนมาเล่นน้ำกันเยอะๆ ห้องพักในชั้น 2 จะเสียเปรียบตรงที่มีเสียงรบกวนและเสียความเป็นส่วนตัวจากการถูกมองเห็น แต่ก็มีข้อดีอยู่บ้างนะตรงที่ห้องในชั้นนี้สามารถมองวิวสระว่ายน้ำจากในห้องได้ในระยะที่ใกล้มากๆ ช่วงเวลาที่ไม่มีคนมาเล่นน้ำก็ถือเป็นช่วงเวลาที่ดีที่จะได้เห็นวิวแบบส่วนตัวได้เต็มที่เลย
ส่วนมุมมองจากสระว่ายน้ำเวลาเล่นก็จะรู้สึกเหมือนถูกโอบล้อมด้วยตึกและต้นไม้สีเขียวๆแบบนี้
ข้างๆกันเป็นตึก Renoir ที่พื้นที่ชั้น 1 จะเป็นอาคารจอดรถเหมือนตึก Monet ส่วนพื้นที่ชั้น 2 เป็น Facility หลักที่อาคาร Monet และ Renoir จะมาใช้ร่วมกัน ประกอบด้วยห้องสมุด Fitness ห้องอเนกประสงค์ ห้องน้ำส่วนกลางและยังมีบันไดทางเดินลงมายังสระว่ายน้ำด้วย
เรามาด้านหน้า Lobby ที่อยู่ในตึก Renoir ด้านหน้าของอาคารที่มีลักษณะคล้ายจะเป็นป้ายบอกชื่อโครงการนั้น คือผนังที่ก่อขึ้นมาเพื่อเป็นแผงตกแต่งอาคารเท่านั้น โดยนำแผงเหล็กสีดำมาตกแต่งบนกำแพงปูนสีขาวให้อารมณ์ดิบๆมาผสมผสาน เข้ากับดีไซน์ทางเข้า Lobby ที่เป็นพื้นที่ Double Space หน้าตา Facade อาคารด้านหน้าจึงเป็นกระจกได้เต็ม 2 ชั้น มีการเล่นเฟรมอลูมิเนียมให้มีการเอียงซ้ายขวาเพื่อเพิ่มความทันสมัยเข้ามาในอาคาร ประตูทางเข้าจะเป็นประตูบานเลื่อนคู่อัตโนมัติค่ะ
เข้ามาในอาคารจะเจอ Lobby ต้อนรับเล็กๆที่เป็นพื้นที่ Double Space มีฝ้าเพดานค่อนข้างสูง ตัวเคาท์เตอร์ตกแต่งโดยใช้หินอ่อน, กระจกชาทอง และมีการเล่นไฟซ่อนสี Warm write เพื่อเพิ่มความหรูหรา มีที่นั่งพักคอยให้ 1 จุดค่อนข้างน้อยไปหน่อย ส่วนด้านซ้ายมือเป็นบันไดขึ้นไปยังชั้น 2 ค่ะ ซึ่งการออกแบบฟังก์ชั่น Lobby แบบนี้มักจะเห็นทั่วไปที่โรงแรมในโซนฝรั่งเศสหรืออเมริกา
บันไดทางขึ้นจะมีราวกันตกเป็นลามิเนตลายไม้สีอ่อน ส่วนผนังเป็นกระจกเงาพิมลายสีดำเพื่อลดความเรียบ และช่วยให้พื้นที่ดูกว้าง
เรามาเริ่มที่ Plan ชั้น 2 ของโครงการกันนะคะ เนื่องจากชั้น G เป็นที่จอดรถ จึงไม่มี Plan มาให้ดู ตึกด้านซ้ายที่ดูเป็นรูปตัว S ชื่อ(โมเนต์) ส่วนตึกด้านขวา มองจากมุมนี้คล้ายตัว J ชื่อ Renoir (เรอนัวร์) ตัวตึกซ้ายแทบไม่มี Facility อะไร นอกจากสวนบนดาดฟ้า เพราะส่วน Facility เกือบทั้งหมด มารวมอยู่ที่ตึก Renoir หมดเลย ทั้ง Lobby สระ Fitness ห้องสมุดห้องอเนกประสงค์ ตึก Renoir จะโอบสระว่ายน้ำอยู่ตรงกลาง ซึ่งการจัดวางอาคารแบบนี้ ทำให้ห้องที่อยู่โซนด้านในได้วิวสระสวนและสระว่ายน้ำก็จริง แต่ทุกตึกจะ Block วิวกันเองและเสียความเป็น Privacy ด้วย เพราะพอเปิดหน้าต่างหรือยืนที่ระเบียงก็จะเห็นเพื่อนบ้านตึกตรงข้ามจ๊ะเอ๋กันไปมา ส่วนห้องที่อยู่วงนอกกลับจะได้วิวที่เปิดโล่งกว่ากันมาก ภายในอาคารมีโถงทางเดินแบบ Double corridor ที่ปลายทางเดินจะมีช่องเปิดช่วยให้แสงธรรมชาติเข้าและช่วยระบายอากาศให้ทางเดินไม่อับ
ผัง Facility ที่อยู่บนชั้น 2 ของตึก Renoir ซึ่งชั้นนี้จะเดินขึ้นบันไดมาจากส่วน Lobby หรือมาจากทางลิฟท์ก็ได้ โดย Facility ทั้งหมดจะประกอบไปด้วยห้องสมุด หรือ Louvre Library ซึ่งอยู่ติดกับ Fitness ขนาดวางเครื่องเล่นได้แค่ 5 ชิ้น โดยผนังจะเป็นกระจกสามารถมองเห็นกันได้หมด จากนั้นจะมีโถงทางเดินที่สามารถแยกออกไปยังสระว่ายน้ำที่อยู่นอกอาคารได้ และอีกทางจะเป็นโถงทางเดินไปยังห้องน้ำชาย-หญิง ที่มีห้อง Sauna ในตัว สุดทางจะเป็นห้องนั่งเล่นอเนกประสงค์ Semi-Outdoor ที่อยู่ใต้ตึกให้สามารถมานั่งเล่นหรือประชุมงานได้
พอขึ้นบันไดมาก็จะเจอกับโถงหน้าห้องสมุด หรือ Louvre Library เป็นประตูกระจกบานเลื่อนคู่ ข้างๆกันเป็นประตูทางออกไปยังบันไดหนีไฟ
ที่ด้านหน้าทางเข้าห้องสมุดเป็นโซฟานั่งพักคอยขนาดประมาณ 4-5 ที่นั่ง ราวกันตกเป็นกระจกนิรภัยสีเขียวตัดแสง จึงทำให้พื้นที่ดูโปร่งโล่ง สามารถมองออกไปด้านนอกและบริเวณโถง Lobby ได้
มองลงไปด้านล่างจะเป็นแบบนี้ค่ะ
ต่อมาเราจะพาเปิดประตูเข้ามาดูด้านในห้องสมุด บรรยากาศจะค่อนข้างโปร่ง โล่ง สบาย เนื่องจากผนังอาคารเป็นกระจกทั้งหมด โดยกระจกที่นำมาใช้เป็นกระจกใสเขียวตัดแสง สีออกชาดำหน่อยๆจึงมีค่าในการป้องกันแสงแดดที่เข้ามาได้ในระดับหนึ่ง ช่วงบ่ายๆภายในห้องจึงไม่ร้อนมากนักค่ะ โดยพื้นที่ห้องสมุดจะติดกับห้อง Fitness ที่เป็นกระจกใส หากใช้งานในช่วงเวลาเดียวกันก็จะมองเห็นกันได้ ซึ่งแบบนี้ก็มีทั้งข้อดีข้อเสียนะคะ ข้อดีคือเวลาที่เรามานั่งอ่านหนังสือรอเพื่อนก็มองเห็นกันได้สบายๆและยังช่วยให้พื้นที่ในห้องดูกว้างและโปร่ง แค่ข้อสียคือทั้งสองฟังก์ชั่นจะเสียความเป็นส่วนตัวแก่กันและกัน
โดยในห้องสมุดจะมีโต๊ะยาวมาให้ 1 ตัวขนาดประมาณ 6-8 ที่นั่ง รวมทั้งมีโซฟาขนาด 1 ที่นั่ง ให้ 1 ตัว ผนังด้านข้างเป็นชั้น Built-in วางหนังสือและของโชว์ตกแต่ง ผนังห้องทางด้านนี้จะเป็นกระจกใสมีหน้าต่างให้เผื่อต้องการเปิดระบายอากาศ
ส่วนอีกด้านหนึ่งจะเป็นประตูทางออกไปยังโถงทางเดินไปยังห้องพักและโถงลิฟต์ ซึ่งหากจะผ่านประตูนี้ไปจะต้องสแกนคีย์การ์ด เพื่อความปลอดภัยของลูกบ้านค่ะ ส่วนด้านข้างจะเป็นประตูทางเข้าห้อง Fitness
เข้ามาในห้อง Fitness ขนาดไม่กว้างมากนัก ภายในประกอบด้วยเครื่องออกกำลังกายจำนวน 5 เครื่อง ผนังด้านหน้าและด้านข้างเป็นกระจกทั้งหมด มองออกไปจะเห็นตึกMonet ทั้งสองด้าน
อีกด้านหนึ่งก็จะเห็นวิวสวนเขียวๆและสระว่ายน้ำตรงกลางกลุ่มอาคาร
ออกจากห้อง Fitness จะมีโซฟาและพื้นที่นั่งเล่น รวมทั้งชั้นวางหนังสือ เป็นพื้นที่ส่วนหนึ่งของห้องสมุด
เมื่อเราเดินต่อมาจะมีประตูทางออกไปยังโถงทางเดินที่จะพาไปยังห้องน้ำส่วนกลางและห้องนั่งเล่นอเนกประสงค์ได้ ส่วนหากตรงไปอีกประตูหนึ่งจะเป็นทางออกไปยังสระว่ายน้ำด้านนอกอาคารได้
เราเดินเลี้ยวมายังโถงทางเดินจะเจอกับห้องน้ำชาย ห้องน้ำหญิง และตรงไปสุดทางเป็นห้องนั่งเล่น ระหว่างทางเดินจะมีเก้าอี้เล็กๆให้นั่งรอเพื่อนได้ เดี๋ยวเราจะพาไปดูห้องน้ำหญิงกันนะคะ
เข้ามาในห้องน้ำหญิงจะมีฟังก์ชั่นเหมือนห้องน้ำรวมทั่วไปคือ อ่างล้างมือ, ห้องส้วม, ห้องอาบน้ำ และที่เพิ่มเติมมาคือห้องซาวน่า กระเบื้องห้องน้ำเลือกใช้ mood and tone สีเทา-ขาว-ดำ และไฟสีส้ม มีการใช้แกรนิตโต้ลายหินอ่อนมาตกแต่งในบางจุด
อ่างล้างมือมีจำนวน 2 อ่าง ท็อปเคาท์เตอร์สีดำ กระจกเงาติดผนังเต็มบานขนาดใหญ่ดี
ถัดไปเป็นประตูทางออกไปยังห้องนั่งเล่นอเนกประสงค์
ด้านในมีชุดโซฟารองรับคนได้ค่อนข้างเยอะ เป็นพื้นที่ Semi-outdoor เหมาะกับใครที่เบื่อห้องแล้วอยากออกมานั่งเล่นรับลมชิวๆกับเพื่อน หรือจะใช้เป็นพื้นที่นั่งติวหนังสือ นั่งคุยงานกันก็ได้
โดยจากห้องนี้สามารถนั่งมองออกไปเห็นสวนและสระว่ายน้ำได้ เป็นการพักผ่อนสายตาไปในตัว ราวกันตกจะใช้เหล็กโปร่งทาสีดำที่ตอนนี้ยังหุ้มพลาสติกไว้ เมื่อพื้นที่เปิดใช้งานจะถูกแกะออกค่ะ
Floor Plan ชั้น 2-8 ของตึก Monet จัดเป็นรูปตัว S มีห้องอยู่ทั้งหมด 178 ห้อง จัดมา 25 ห้องต่อชั้น ลิฟท์โดยสาร 2 ตัว อัตราส่วนลิฟท์ 89 : 1 ตัว ถือว่าปกติ ตามมาตรฐานไม่หนาแน่นเท่าไหร่ ตึกนี้เรียกว่าแทบไม่มี Facility ในตึกเลย จะมีก็แต่สวนบนดาดฟ้าให้พอไปเดินเล่นรับลมได้ ส่วนพวก Facility อื่นๆอย่างสระว่ายน้ำ Fitness หรือห้องสมุด จะไปแปะอยู่กับตึก Renoir ทั้งหมด แน่นอนว่ามีข้อเสียคือถ้าจะใช้งาน Facility เราก็ต้องเดินไปอีกตึกนึงซึ่งก็ไม่ได้ไกลกันมาก และคิดอีกแง่ก็มีข้อดีตรงที่ผู้ที่อยู่ในตึก Monet ก็จะมีความสงบและเป็นส่วนตัวมากกกว่าตึก Renoir
Floor Plan ชั้น 2 ของตึก Renoir เป็นตึกที่อยู่ด้านใน โครงการจัด Facility หลักไว้ที่ตึกนี้ ทั้ง Lobby, Library, Fitness, พื้นที่นั่งเล่นอเนกประสงค์หรือ wine court และสระว่ายน้ำ โดยจัดวาง Lobby ไว้ทางซ้ายติดกับทางเข้าออกโครงการ ลูกบ้านตึก Monet เดินข้ามมาใช้ได้เพราะมันอยู่แทบจะเป็นตึกเดียวกันอยู่แล้ว ตึกนี้มี 175 Units สำหรับชั้น 2 นี้ มี 22 ห้อง มีลิฟท์โดยสาร 2 ตัว อัตราส่วนลิฟท์โดยสาร 88 : 1 ตัว พอๆกันกับตึก Monet
Floor Plan ชั้น 3-8 ของตึก Renoir มีห้องพักต่อชั้น 25 ห้อง ชั้น 3-8 ของห้องวงรอบนอกตึกนี้ เรียกว่าค่อนข้างโล่งแล้วค่ะ สำหรับคนที่ชอบวิวเปิดโล่ง ก็เลือก ห้องซีกขวามือวิวทิศใต้ จะโล่งสุด ส่วนพวกห้องวิวสระสวนจะอยู่โซนตึกด้านในค่ะ
ต่อมาเราจะพามาดูโถงทางเดินด้านในอาคารจะใช้พื้นแกรนิตโต้สีครีม ผนังคอนกรีตทาสีขาว ส่วนประตูห้องนอนเป็นสีน้ำตาล ฝ้าเพดานติดตั้งไฟดาวน์ไลท์สีขาวเป็นจุดๆตามทางเดิน ภาพรวมค่อนข้างสว่างและโปร่งดี
สุดปลายโถงทางเดินจะเป็นผนังกระจกเต็มบานที่เป็นบาน Fix และหน้าต่างบานเลื่อน ช่วยถ่ายเทอากาศและช่วยให้แสงธรรมชาติเข้าได้ดี
เดี๋ยวเราจะพาขึ้นลิฟต์เพื่อไปดูชั้นดาดฟ้ากันค่ะ เนื่องจากวันที่เราไปถ่ายโครงการยังไม่เรียบร้อยดี ตัวลิฟต์จึงยังไม่แกะพลาสติกหุ่ม และยังไม่ได้ติดตั้งประตูนะคะ โดยหากเราจะขึ้นไปที่ชั้นดาดฟ้าจะต้องไปลงลิฟต์ที่ชั้น 8 และขึ้นบันไดหนีไฟไป 1 ชั้นค่ะ
มาถึงชั้น 8 ก็ให้เราเดินออกไปยังบันไดหนีไฟได้เลย
โดยผนังช่วงชานพักของบันไดหนีไฟจะเป็นผนังกระจกที่มีหน้าต่างให้ด้วย จะเห็นว่าในตอนกลางวันแสงธรรมชาติเข้าดีมากแม้ไม่ต้องเปิดไฟ แถมยังไม่อับเพราะมีหน้าต่างช่วยให้อากาศถ่ายเทตลอดเวลา
ขึ้นมาที่ชั้นดาดฟ้าก็จะเจอประตูทางออกแบบนี้ค่ะ
ออกมาที่ชั้นดาดฟ้ามองไปทางขวามือ เราจะเห็นทางเดินและสวนหย่อมที่มีการปลูกต้นไม้ร่มรื่นสไตล์สวนฝรั่งเศส มีทั้งไม้พุ่มและไม้ยืนต้นอย่างหูกระจง ซึ่งตอนนี้ต้นไม้เพิ่งลงได้ไม่นานลำต้นจึงยังดูโล้นไปนิด อนาคตน่าจะแผ่กิ่งก้านสาขาให้ร่มเงามากขึ้นกว่านี้ค่ะ
พอมองไปทางซ้ายมือก็จะเป็นทางเดิน มีบันไดทางขึ้นสองขั้นและทางเดินให้เดินเลี้ยวไปทางด้านหลัง
พอเลี้ยวมาเราก็จะเห็นสนามหญ้า และหลังคาเล็กๆที่ต่อระแนงเหล็กออกมาเป็นเสาหลอกพอให้ร่มเงาได้บ้างเล็กน้อย
พอเดินอ้อมมาด้านหลังก็จะเป็นสนามหญ้าที่มีการปลูกไม้พุ่มล้อมรอบ ค่อนข้างร่มรื่นค่ะ โดยรวมแล้วพื้นที่ดาดฟ้าก็มีฟังก์ชั่นหลักๆคือให้เดินเล่นกินลมชมวิวเท่านั้น ซึ่งจากที่ขึ้นมานี่สัมผัสได้ว่าร้อนมากอยู่เหมือนกันนะ หากใครอยากมาเดินเล่นชมวิวข้างบนแนะนำว่าเป็นตอนเย็น แดดร่มลมตกแล้วจะเหมาะกว่าค่ะ
จากสวนด้านหลัง เรามองข้ามกำแพงไปก็จะเห็นแทงค์น้ำบนชั้นดาดฟ้าที่อยูบนตึกMonet ค่ะ
วิวจากชั้นดาดฟ้าทางทิศใต้ จะเห็นที่ดินว่างเปล่าที่อยู่ติดกับโครงการ และบ้านพักอาศัยในช่วงสุดซอยลาซาล 18 มองตรงไปไกลๆจะเป็นอพาร์ทเม้นต์และคอนโดตึกสูงที่อยู่ในซอยแบริ่งค่ะ
วิวทางทิศตะวันตก จะเห็นบ้านพักอาศัยและอพาร์ทเม้นท์ที่อยู่ในซอยลาซาล 16 หรือแบริ่ง 9
วิวทางทิศเหนือ จากชั้นดาดฟ้าจะเห็นดาดฟ้าของตึก Monet ถ้ามองตรงไปจะเป็นวิวเมืองทางฝั่งบางนา
สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก
- Lobby 1 ชุดที่ตึก Renoir
- Library และห้องนั่งเล่นอเนกประสงค์
- สระว่ายน้ำ 1 สระ ระบบเกลือ ขนาด 4 x 16 เมตร ลึก 1.20 เมตร
- ห้องออกกำลังกาย 1 ห้อง จุเครื่องเล่นได้ประมาณ 5 เครื่อง
- สวนหย่อมรอบโครงการ และบนดาดฟ้าของทั้งสองตึก
- ลิฟท์โดยสาร 2 ตัวต่อ/อาคาร
- อัตราส่วนลิฟท์ตึก Monet 89:1
- อัตราส่วนลิฟท์ตึก Renoir 88:1
- ที่จอดรถรวมจอดซ้อนคันประมาณ 141 คันคิดเป็น 40%
- ระบบ CCTV / Access Card
- Shuttle Service
- Concierge
- บริการทำความสะอาดห้อง, สั่งอาหาร, ซักรีด
โครงการขายแบบ Fully Furnished โดยจะประกอบด้วยห้องพักทั้งหมด 4 Type คือ
- แบบ 1 Bedroom ขนาด 25 ตร.ม. มี 2 Type คือ Nice Deluxe และ Paris Deluxe เฟอร์นิเจอร์ที่แถม : Pantry, เตาและที่ดูดควัน, เตียง 5 ฟุต, ตู้เสื้อผ้า, ฉากกั้นอาบน้ำ,Digital Door Lock, แอร์ 2 เครื่อง ขนาด 9,000 BTU
- Deville Suite 1 แบบ 1 Bedroom Plus ขนาด 35 ตร.ม. เฟอร์นิเจอร์ที่แถม : Pantry, เตาและที่ดูดควัน, เตียง 5 ฟุต, ตู้เสื้อผ้า, ฉากกั้นอาบน้ำ,Digital Door Lock, แอร์ 2 เครื่อง ขนาด 9,000 BTU
- Versailles Grand Suite แบบ 2 Bedroom ขนาด 50-56 ตร.ม. เฟอร์นิเจอร์ที่แถม : Pantry, เตาและที่ดูดควัน, เตียง 5 ฟุต 2 เตียง, walk-in closed, ตู้เสื้อผ้า, ฉากกั้นอาบน้ำ,Digital Door Lock, แอร์ 3 เครื่อง ขนาด 9,000 BTU 2 เครื่อง และ 12,000 BTU 1 เครื่อง
โดยห้องตัวอย่างที่เราจะพาไปดูในวันนี้มี 2 แบบ คือ ห้องแบบ 1 Bedroom ขนาด 25 ตร.ม.ทั้ง 2 Type คือ Nice Deluxe และ Paris Deluxe ส่วนห้องแบบอื่นๆสามารถไปดูได้ที่รีวิวห้องตัวอย่าง คลิกที่นี่ ค่ะ
เรามาเริ่มกันที่ห้อง Paris Deluxe แบบ 1 Bedroom พื้นที่ 25 ตารางเมตร ขนาด 4.9 x 5 เมตร ฝ้าเพดานสูง 2.4 เมตร ห้องนี้จะมีขนาดค่อนข้างเล็กนะ เหมาะกับการอยู่อาศัย 1-2 คน เมื่อเปิดประตูเข้าไปจะเจอกับห้องครัวซึ่งโครงการ Built-in ชุดครัวมาให้ พอเดินเข้าไปจะเป็นห้องนั่งเล่น พื้นที่ระหว่างครัวและห้องนั่งเล่นโครงการ Built-in โต๊ะแบบพับเก็บได้ จึงทำให้สามารถปรับเปลี่ยนพื้นที่ใช้สอยได้สะดวกดี ตอนที่ไม่ใช้งานก็สามารถพับเก็บได้ ช่วยให้ห้องมีพื้นที่โล่งเพิ่มขึ้น แต่พื้นที่โต๊ะพับเก็บนี้มีขนาดที่ให้พอกับการใช้งานได้คนเดียวนะคะ ถ้ามีเพื่อนมากินข้าวด้วยนี่อาจจะต้องไล่ให้ไปนั่งโซฟา ถัดไปเป็นพื้นที่ระเบียงที่นำคอมเพลสเซอร์แอร์แขวนไว้ด้านบนแบบเป่าลมร้อนออกนอกอาคาร ทำให้ระเบียงไม้ร้อนมากในขณะที่เปิดแอร์ ส่วนของห้องนอนเป็นประตูกระจกบานเลื่อน และมีลูกเล่นการเปิดปิดประตูตู้เสื้อผ้ามาให้เพื่อเพิ่ม Privacy อีกนิดหน่อย และมีห้องน้ำให้ในตัวค่ะ
ประตู Digital Door Lock ของ Yale
เข้ามาในห้อง ส่วนแรกที่เราจะเจอคือครัวเปิดที่มีส่วนต่อเนื่องกับห้องนั่งเล่นที่มีระเบียงให้ ซึ่งครัวเปิดแบบนี้จะมีข้อดีตรงที่ช่วยให้ห้องกว้าง และการผลักครัวมาไว้ที่ทางเข้าจะทำให้พื้นที่นั่งเล่นติดกับประตูระเบียงที่เป็นกระจก สามารถนั่งเล่นมองวิวด้านนอกได้สบายๆ แต่ข้อเสียของครัวเปิดแบบนี้คือเวลาประกอบอาหารกลิ่นจะตลบอบอวนไปทั่วห้อง จะกั้นห้องก็ลำบากเพราะมีเฟอร์นิเจอร์ Fix ฟังก์ชั่นไว้หมดแล้วโดยเคาท์เตอร์ครัวจะเชื่อมต่อกับชั้นวางทีวียาวไปที่ห้องนั่งเล่นแบบนี้เลย
มองขึ้นไปบนฝ้าเพดานมีการติดไฟซาลาเปาแบบ Warm write มาให้ 2 ดวง จุดหนึ่งที่ห้องครัว และจุดหนึ่งที่ห้องรับแขก ซึ่งเราว่าแสงสว่างอาจน้อยไปถ้าจะต้องอ่านหนังสือ หรือทำกิจกรรมที่ต้องใช้แสง สามารถหาโคมไฟมาติดเพิ่มได้นะคะ
ลองมองกลับไปที่ประตูทางเข้าจะเห็นว่าทางซ้ายมือเป็นเคาท์เตอร์ครัวอย่างที่กล่าวไปข้างต้น ส่วนทางขวามือจะเป็นที่วางตู้เย็นและเครื่องซักผ้า ที่โครงการจัดพื้นที่มาให้วางลงล็อกแบบนี้
โดยที่วางตู้เย็นจะเว้นพื้นที่ไว้ให้ขนาดหน้ากว้าง 0.70 เมตร สูงประมาณ 1.75 เมตร สามารถวางตู้เย็นขนาดกลางๆได้ ส่วนช่องใส่เครื่องซักผ้าจะเว้นช่องไว้ให้ประมาณ 0.60 x 0.85 เมตร สูง 0.94 เมตร เหมาะกับวางเครื่องซักผ้าขนาด 7 กิโลกรัม แบบฝาหน้าเท่านั้นนะ เพราะโครงการได้ Built-in ตู้ใส่แบบปิดด้านบนและด้านข้างไว้ให้เรียบร้อยแล้ว สาเหตุที่ต้องทำตู้ไว้แทนที่จะให้วางเครื่องซักผ้าโล้นๆเลยก็เพื่อให้พื้นที่ด้านบนเครื่องซักผ้าสามารถใช้ประโยชน์ได้อีก เช่น เวลาที่เราใช้งานเครื่องซักผ้าก็สามารถวางอุปกรณ์ต่างๆ เช่น ผงซักฟอก น้ำยาปรับผ้านุ่มได้ เป็นต้น หรือจะวางเครื่องใช้ไฟฟ้าก็ได้เพราะติดตั้งเต้ารับไว้ให้เรียบร้อย ส่วนชั้น Built-in ที่ติดผนังสามารถวางของตกแต่งหรือของใช้ได้ตามใจชอบเลย
ตู้ครัวด้านที่ติดกับประตูทางเข้าจะเป็นตู้ยาวจรดฝ้าเพดาน เป็นตู้อเนกประสงค์สามารถใส่ของได้จิปาถะ แนะนำให้เอารองเท้าใส่กล่องพลาสติกและวางในตู้นี้เป็นชั้นรองเท้านะ เพราะดูจะเป็นที่ที่เหมาะสมที่สุดแล้ว หรือใครจะใช้เป็นที่เก็บของ วางอุปกรณ์ทำครัวเพิ่มก็ไม่ว่ากัน
เมื่อเปิดตู้ครัวออกมา ฟังก์ชั้นที่ตู้ด้านบนจะเป็นช่องเก็บของอเนกประสงค์ ส่วนด้านล่างจะมีช่องวางช้อน-ส้อม, จานชาม, ช่องเก็บของใต้ซิ้งค์ รวมทั้งช่องวางไมโครเวฟให้ด้วย
หน้าบานตู้ไม่มีมือจับ เวลาจะเปิด-ปิดตู้ก็ต้องจับหน้าบานแบบนี้ค่ะ
ซิ้งค์ล้างจานรูปสี่เหลี่ยมจตุรัสและก็อกน้ำทรงโค้งสแตสเลสของ Teka
เตาและที่ดูดควันของ Taka ติดตั้งมาให้เรียบร้อย
ข้างๆเคาท์เตอร์ครัว โครงการได้ Built-in เคาท์เตอร์วางไปให้ถึงหน้าห้องรับแขก โดยพื้นที่ข้างเคาท์เตอร์ครัวจะเป็นโต๊ะแบบพับเก็บได้ สามารถใช้เป็นที่รับประทานอาหารหรือนั่งทำงานได้ขนาด 1 คนถ้วน ถ้ามากกว่านี้คงต้องไปนั่งที่โซฟา
ข้างๆกันเป็นชั้นวางทีวี มีลิ้นชักเปิดออกมาใส่ของอย่างพวก เครื่องเล่นซีดี หนังสือ รีโมททีวี หรือของอื่นๆได้อีกเล็กๆน้อย
ห้องนั่งเล่นกว้าง 2.50 เมตร มีระยะดูทีวีประมาณ 2 เมตร เหมาะกับการวางทีวี 40″ จะเป็นขนาดทีวีที่พอดีกับสายตาค่ะ โดยในห้องนี้โครงการจะBuilt-in ตู้ต่างๆมาให้เรียบร้อย
ประตูห้องนั่งเล่นเป็นประตูกระจกบานเลื่อนคู่ กรอบอลูมิเนียมสีดำ จากในห้องสามารถนั่งมองวิวข้างนอกได้ แต่เอาจริงๆห้องโซนด้านในก็ต้องจ๊ะเอ๋กับตึกฝั่งตรงข้ามอยู่ดีนะ
ตัวล็อคประตูบานเลื่อน
ผนังของระเบียงด้านที่ติดกับห้องนอนจะเป็นกระจก Bay Window หากในห้องนอนเปิดผ้าม่านก็จะมองเห็นกันได้แบบนี้
ส่วนผนังระเบียงอีกด้านหนึ่งเป็นผนังปูนทาสีขาวปกติ มีงานติดตั้งก็อกน้ำและท่อระบายน้ำให้เรียบร้อย
มองขึ้นไปบนฝ้าเพดานมีการติดตั้งซาลาเปาทรงกลมให้ 1 ดวง และสามารถติดตั้ง Compressor แอร์ด้านบนได้ 2 ตัว แบบหันลมร้อนออกนอกอาคาร ทำให้ระเบียงไม่ร้อนขณะเปิดแอร์
วิวจากระเบียงในห้องโซนด้านใน มองออกไปจะจ๊ะเอ๋กับตึกฝั่งตรงข้ามแบบนี้ มุมมองไม่ค่อยโล่งสายตาเท่าไหร่
ส่วนถ้ามองลงไปก็จะเห็นวิวสระว่ายน้ำ ซึ่งก็ถือเป็นมุมมองที่ดีสำหรับห้องวิวสระ
จากระเบียงมองเข้ามาในห้องก็จะได้มุมมองแบบนี้ค่ะ
ถัดมาเราจะพาไปดูห้องนอนกันบ้าง ประตูห้องนอนเป็นประตูกระจกบานเลื่อน กรอบอลูมิเนียมสีดำ พื้นห้องนอนเป็นกระเบื้องไวนิลลายไม้เหมือนกับห้องนั่งเล่น มองเข้าไปในห้องจะเห็นว่าทางซ้ายมือจะเป็นทางเข้าห้องน้ำ ข้างหน้าห้องน้ำมีตู้ Built-in หน้าบานบุเมลามีนลายไม้สีเข้มมาให้ ส่วนทางขวามือจึงจะเป็นส่วนของห้องนอน
โดยตู้ที่โครงการ Built-in มาให้ ด้านบนจะเป็นชั้นวางของ 3 ชั้น ส่วนด้านล่างเป็นตู้บานเปิด 2 ชั้น สามารถใส่ผ้าขนหนู, อุปกรณ์สำหรับใช้ในห้องน้ำหรือห้องนอนก็ได้
ทางซ้ายมือจะเป็นห้องนอนขนาด 2.5 x 3.5 เมตร ขนาดไม่ใหญ่มากนอนได้ 1-2 คนกำลังดี
โดยโครงการได้แถมเตียว Queen Size ขนาด 5 ฟุตไม่รวมฟูกมาให้ โดยด้านข้างเตียงมีลิ้นชักเปิดออกมาใส่ของได้ด้วย
ที่ผนังปลายเตียงมีการติดตั้งเต้ารับและที่เสียบเคเบิลทีวีไว้ให้ สามารถนำทีวีมาติดตั้งได้เลย โดยแนะนำให้เป็นทีวีแบบแขวนผนังนะคะ เนื่องจากพื้นที่ปลายเตียงเหลือค่อนข้างน้อย หากนำตู้วางทีวีมาวางปลายเตียงอีกจะทำให้ไม่มีพื้นที่เดิน ผนังห้องด้านข้างเตียงจะมีหน้าต่างกระจกแบบ Bay window เวลาเปิดหน้าต่างแสงธรรมชาติสามารถเข้าได้ดีและรู้สึกโปร่ง
เวลาเปิดม่านออกมาก็จะสามารถมองออกไปเห็นพื้นที่ระเบียงได้แบบนี้
มองขึ้นไปบนฝ้าเพดานมีการ Drop ฝ้าเพดานให้ เผื่อการติดตั้งผ้าม่านในอนาคต ซึ่งควรจะต้องติดเป็นอย่างยิ่งค่ะ เนื่องจากหน้าต่างห้องค่อนข้างกว้างเวลาเปิดหน้าต่างออกมานี่คนที่มองเข้ามาจะเห็นเราเต็มๆเลยนะ อีกทั้งการติดม่านก็จะช่วยกรองความร้อนให้ด้วยส่วนหนึ่ง
พื้นที่ข้างเตียงที่จะเหลือพอให้เดินไปเปิด-ปิดผ้าม่านมีระยะประมาณ 0.50 เมตร ไม่กว้างมากแต่ก็ไม่แคบจนเกินไป
ส่วนพื้นที่ข้างเตียงอีกด้านหนึ่งจะเป็นตู้เสื้อผ้าแบบเป็นประตูเลื่อนปิด-เปิด ได้แบบนี้ บานประตูค่อนข้างใหญ่และซ่อนรางเลื่อนไว้ด้านบน ที่พื้นจึงไม่มีรางเลื่อนตู้ให้เกะกะเท้า ด้านในมีการ Built-in ชั้นติดผนังให้เรียบร้อย
มือจับประตูบานเลื่อนตู้เสื้อผ้าค่ะ
ถัดมาเป็นส่วนของห้องน้ำ ใช้บานประตูสำเร็จรูปสีขาวไม่มีเกร็ดระบายอากาศ
พื้นห้องน้ำปูด้วยกระเบื้องเซรามิค ไม่มีการลดระดับ แต่มีการยกธรณีขึ้นประมาณ 3 เซนติเมตร เพื่อกันน้ำจากในห้องน้ำไหลออกมาเปียกพื้นในห้องนอน งานพื้นหรือปูกระเบื้องในบางจุดอาจจะเห็นว่ามีการเลอะเปื้อนบ้าง เนื่องมาจากอาคารยังไม่เรียบร้อยดี หากทำการตรวจรับห้องแล้วก็แนะนำให้ตรวจเช็คความสะอาด และความเรียบร้อยของวัสดุในแต่ละจุดก่อนนะคะ
อ่างล้างหน้าทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าและก็อกน้ำของ American Standard
ตู้ด้านล่างอ่างล้างหน้าสามารถเปิดออกมาใส่ของได้ ตัวหน้าบานไม่มีมือจับ แต่เวลาเปิด-ปิดให้จับหน้าบานแบบนี้ค่ะ
โถสุขภัณฑ์ พร้อมสายชำระและที่แขวนกระดาษชำระของ American Standard
มาดูส่วนเปียกกันบ้าง ห้องอาบน้ำพื้นที่ขนาด 1.05 x 1.15 เมตร ฉากกั้นอาบน้ำเป็นแบบ 3 ตอน ซึ่งมีข้อดีตรงที่เวลาเราเลื่อนเปิดประตูจะทำให้มีช่องเปิดที่กว้างกว่าบานเลื่อนแบบ 2 ตอนทั่วไป
ฝักบัวขนาดใหญ่ดี
มองขึ้นไปบนฝ้าเพดานมีพัดลมดูดอากาศติดตั้งให้ 1 ตัวและไฟดาวน์ไลท์ให้ 1 ดวง ค่อนข้างน้อยไปหน่อยนะ น่าจะเพิ่มมาให้อีกสักดวงนึง
ถัดมาเป็นห้องห้อง Nice Derluxe (อ่านว่า นีซ นะคะเป็นเมืองตากอากาศของฝรั่งเศส)แบบ 1 Bedroom ขนาด 25 ตารางเมตร ห้องนี้จะแตกต่างจากห้องแรก (Paris Deluxe) ตรงที่มีครัวปิดทำให้พื้นที่ทำครัวเป็นสัดส่วนขึ้นและกลิ่นจากการประกอบอาหารก็ไม่เข้ามารบกวนในห้องด้วย แต่การจัดวางฟังก์ชั่นจะมีการปรับเปลี่ยนโดยให้ห้องนั่งเล่นอยู่ติดกับประตูทางเข้า ส่วนครัวปิดอยู่ในส่วนที่ติดกับระเบียง ส่วนห้องนอนก็เหมือนห้องแรกเลย คือได้ Bay Window, มีตู้เสื้อผ้าที่เป็น Function ประตูเลื่อนให้และมีห้องน้ำในตัว
เข้ามาในห้องจะเจอส่วนของห้องนั่งเล่นที่เชื่อมต่อกับครัวปิด โดยการจัดวางฟังก์ชั่นแบบนี้จะมีข้อดีตรงที่เวลาประกอบอาหารก็ปิดประตูที่เชื่อมต่อกับห้องนอนแล้วทำครัวโดยเปิดประตูระเบียงเพื่อระบายอากาศได้เลย แต่ก็มีข้อเสียตรงที่วิวจากห้องนั่งเล่นในห้องนี้จะไม่ดีเหมือนห้องแบบแรก
ลองมองย้อนกลับไปที่ประตูทางเข้าจะเห็นพื้นที่ของทั้งห้องนั่งเล่น โดยจะมีโซฟาและชั้นวางทีวีให้ ห้องนั่งเล่นกว้าง 2.50 เมตร ระยะดูทีวีอยู่ที่ 2.2 เมตร เหมาะกับการวางทีวี 40″ จะพอดีกับสายตาค่ะ ถ้าสังเกตดีๆจะเห็นว่าตรงพื้นข้างประตู มีตัวกันกระแทกให้ด้วยและตรงข้างประตูทางเข้าห้องมีสวิตซ์ไฟให้ 1 สวิตซ์
ตู้วางทีวีที่โครงการให้มามีลิ้นชักเปิด-ปิดให้เก็บของได้เล็กน้อย ส่วนพื้นที่ด้านล่างสามารถนำรองเท้าใส่กล่องเป็นที่วางรองเท้าได้
ประตูห้องครัวเป็นบานเลื่อนประจก 3 ตอน ช่วยให้ช่องเปิดกว้างเวลาซื้อของเข้าบ้านมาเยอะๆก็สามารถเดินเข้า-ออกสะดวก
พื้นห้องครัวเป็นไวนิลลายไม้เหมือนห้องรับแขก ที่พื้นมีรางเลื่อนประตูเป็นธรณีขึ้นมาเล็กน้อย เวลาเดินถือของเข้ามาไม่ระวังอาจจะสะดุดเตะได้บ้าง แต่ก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่
ด้านหนึ่งของห้องสามารถวางชุดโต๊ะรับประทานอาหารขนาด 2 ที่นั่งได้แบบนี้ ซึ่งเจ้าชุดโต๊ะกินข้าวนี้โครงการไม่ได้แถมให้ แค่มาวางเป็นไอเดียเฉยๆนะคะ
อีกด้านเป็นชุดครัว Built-in ที่มีความแตกต่างจากห้องแรกตรงที่นำชุดเคาท์เตอร์ครัว, ที่วางเครื่องซักผ้าและตู้เย็นมารวมกันไว้จุดเดียวเลย โดยชุดเคาท์เตอร์ครัวมีวัสดุปิดผิวและบานตู้บุด้วยเมลามีนลายไม้สีเข้ม ท็อปเคาท์เตอร์เป็น Postform ยาวไปถึงส่วนที่วางเครื่องซักผ้า ข้างๆกันเป็นช่องว่างให้วางตู้เย็น
เมื่อเปิดตู้ครัวออกมา ฟังก์ชั้นที่ตู้ด้านบนจะเป็นช่องเก็บของอเนกประสงค์ที่มีทั้งบานปิด-เปิด และที่เป็นชั้นวางของ ส่วนด้านล่างจะมีช่องวางช้อน-ส้อม, จานชาม, ช่องเก็บของใต้ซิ้งค์, ช่องวางไมโครเวฟ และช่องวางเครื่องซักผ้าขนาดประมาณ 0.60 x 0.85 เมตร สูง 0.94 เมตร วางเครื่องซักผ้าขนาดประมาณ 7 กิโลกรัมได้พอดีๆ
ประตูห้องครัวเป็นประตูกระจกบานเลื่อนคู่ กรอบอลูมิเนียมสีดำ ระหว่างประกอบอาหารสามารถเปิดประตูออกไปเพื่อระบายอากาศได้ หรือหากต้องการนำของจากครัวออกไปที่ระเบียง เข่น ซักผ้าแล้วจะเอาออกไปตาก ก็เดินเชื่อมถึงกันได้นิดเดียว ถือว่าเป็นโซน Service ของห้องที่มีการเชื่อมต่อกันได้ดี
จากระเบียงห้องนี้สามารถมองออกไปเห็นสถานรับเลี้ยงเด็กพัสวีที่อยู่ด้านหลังโครงการได้
ข้างๆกันเป็นบ้านเจ้าของสถานรับเลี้ยงเด็กพัสวีที่กำลังก่อสร้างอยู่ โอ้โห..ใหญ่กว่าสถานรับเลี้ยงเด็กอีกนะ
จากระเบียงมองกลับเข้ามาในห้อง ก็จะได้มุมมองแบบนี้ค่ะ
มองขึ้นไปบนฝ้าเพดาน จะติดตั้งโคมไฟแบบซาลาเปามาให้ ที่ห้องครัว 1 ดวง และที่ห้องรับแขก 1 ดวง
ถัดมาเราจะพาไปดูห้องนอนกันบ้างโดยต้องบอกก่อนว่าฟังก์ชั่นในห้องนอนนี้จะเหมือนกับห้องแบบแรกถอดกันมาเลยหละ แต่ประตูห้องนอนนี้จะเป็นบานประตูสำเร็จรูปสีเข้มคล้ายประตูห้องหลัก มือจับเป็นแบบสแตนเลสก้านโยกในขณะที่ห้องแบบแรกจะเป็นประตูกระจก ห้องนี้จึงจะได้ความเป็นส่วนตัวมากกว่า
เปิดประตูเข้ามาจะเจอตู้ Built-in หน้าบานบุเมลามีนลายไม้สีเข้มมาให้ ด้านบนจะเป็นชั้นวางของ 3 ชั้น ส่วนด้านล่างเป็นตู้บานเปิด 2 ชั้น สามารถใส่ผ้าขนหนู, อุปกรณ์สำหรับใช้ในห้องน้ำหรือห้องนอนก็ได้
ทางซ้ายมือจะเป็นห้องนอนขนาด 2.5 x 3.5 เมตร เป็นห้องขนาดไม่ใหญ่มากนอนได้ 1-2 คนกำลังดี บรรยากาศภายในเหมือนกับห้องแบบแรกคือ ผนังห้องด้านข้างเตียงเป็นหน้าต่างกระจกแบบ Bay window
เวลาเปิดหน้าต่างแสงธรรมชาติสามารถเข้าได้ดีและรู้สึกโปร่ง พื้นที่ปลายผนังปลายเตียงมีการติดตั้งเต้ารับและที่เสียบเคเบิลทีวีไว้ให้ สามารถนำทีวีมาติดตั้งได้เลย
ส่วนพื้นที่ข้างเตียงอีกด้านหนึ่งจะเป็นตู้เสื้อผ้าแบบเป็นประตูเลื่อนปิด-เปิด ได้แบบนี้ บานประตูค่อนข้างใหญ่และซ่อนรางเลื่อนไว้ด้านบน ที่พื้นจึงไม่มีรางเลื่อนตู้ให้เกะกะเท้า ด้านในมีการ Built-in ชั้นติดผนังรวมทั้งราวแขวนผ้าให้เรียบร้อย
ถัดมาเป็นส่วนของห้องน้ำ ใช้บานประตูสำเร็จรูปสีขาวไม่มีเกร็ดระบายอากาศ
เปิดเข้ามาในห้องน้ำขนาด 1.15 x 2.50 เมตร ด้านในจัดวางพื้นที่ใช้งานเป็น 3 ส่วนคือ เคาท์เตอร์อ่างล้างหน้าของ American Standard พร้อมกระจกเงาและ Low wall แกรนิตโตสีดำเหนือโถสุขภัณฑ์, โถสุขภัณฑ์ของ American Standard และพื้นที่เปียกสำหรับอาบนำ้ที่มาพร้อมกับฉากกั้นอาบน้ำ
ห้องอาบน้ำพื้นที่ขนาด 1.05 x 1.15 เมตร มีฉากกั้นอาบน้ำเป็นแบบ 3 ตอน เหมือนห้องแบบแรก
ด้านในติดตั้งชุดฝักบัวอาบน้ำมาให้ของ American standard ไม่ได้ติดตั้งที่วางสบู่มาให้นะคะ ต้องหามาติดเอง
ปลั๊กและสวิตซ์ไฟที่ใช้ในโครงการค่ะ
**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ
ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 10 November 2015
- 1 Bedroom Type A ห้อง A608 ทิศตะวันออกเนื้อที่ 25.43 ตร.ม. ราคา 2 ล้านบาท หรือ 78,647 บาท/ตร.ม. (โปรโมชั่น 1.84 ล้านบาทหรือ 72,355 บาท/ตร.ม.)
- 1 Bedroom Type B ห้อง BB17 ทิศตะวันตก เนื้อที่ 24.50 ตร.ม. ราคา 2.06 ล้านบาท หรือ 84,081 บาท/ตร.ม. (โปรโมชั่น 1.89 ล้านบาทหรือ 77,142 บาท/ตร.ม.)
- 1 Bedroom Type B ห้อง A813 ทิศใต้ เนื้อที่ 25.26 ตร.ม. ราคา 2.12 ล้านบาท หรือ 83,927 บาท/ตร.ม. (โปรโมชั่น 1.94 ล้านบาทหรือ 76,801 บาท/ตร.ม.)
- 1 Bedroom Plus Type Ac-Plus ห้อง A221 ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ เนื้อที่ 36.03 ตร.ม. ราคา 2.79 ล้านบาท หรือ 77,435 บาท/ตร.ม. (โปรโมชั่น 2.52 ล้านบาทหรือ 69,941 บาท/ตร.ม.)
- 1 Bedroom Plus Type Bc-Plus ห้อง A320 ทิศตะวันตกเฉียงเหนือ เนื้อที่ 38.09 ตร.ม. ราคา 2.99 ล้านบาท หรือ 78,498 บาท/ตร.ม. (โปรโมชั่น 2.75 ล้านบาทหรือ 72,197 บาท/ตร.ม.)
- 2 Bedroom Type A-2Bed ห้อง A812 โซนสระว่ายน้ำ เนื้อที่ 52.28 ตร.ม. ราคา 4.39 ล้านบาท หรือ 83,970 บาท/ตร.ม. (โปรโมชั่น 4.18 ล้านบาทหรือ 79,954 บาท/ตร.ม.)
- Fully Furnished
- เพดานสูง 2.4 เมตร
- Kitchen & Sink
- Hob & Hood
- Shuttle Bus ไปกลับ BTS แบริ่ง
- จอง 5,000 บาท
- ทำสัญญา 35,000 บาท
- ค่ากองทุน 420 บาทต่อตารางเมตร
- ค่าส่วนกลาง 42 บาทต่อตารางเมตรต่อเดือน
**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ
โครงการ Villa Lasalle อยู่ในทำเลช่วงลาซาล-แบริ่งค่ะ ตัวโครงการอยู่ในซอยลาซาล 18 ซึ่งเข้าซอยมาจากปากทางสุขุมวิท ราวๆ 1 กิโลเมตร ห่างจากรถไฟฟ้า BTS แบริ่งประมาณ 1.2 กิโลเมตร ซึ่งแน่นอนว่าไม่ใช่ระยะเดิน คงต้องอาศัยการขับรถยนต์ นั่งพี่วิน หรือไม่ก็พึ่งบริการ Shuttle Service จากโครงการ สภาพแวดล้อมในซอยค่อนข้างคึกคักเนื่องจากมีทางลัดเชื่อมกับถนนบางนา-ตราด และถนนศรีนครินทร์ทำให้มีรถผ่านตลอดเวลา และแน่นอนว่าเมื่อเป็นซอยทางผ่านที่มีปริมาณรถหนาแน่น ความอุดมสมบูรณ์ก็มาตามปริมาณรถ สองข้างทางของซอยลาซาลมีของกินของใช้หลากหลาย ทั้งร้านสะดวกซื้ออย่าง 7Eleven, Family Mart, ตลาด, ร้านขายยา และร้านอาหารหลากหลาย สภาพแวดล้อมโดยรอบๆส่วนใหญ่จะเป็นอาคารพาณิชย์ 2-4 ชั้น อพาร์ทเม้นท์ และมีบ้านพักอาศัยบ้างประปราย
การเดินทางโดยใช้รถ เดินทางสะดวกมาก ทางเลี่ยงทางลัดเยอะ สามารถเลือกใช้ได้หลายเส้นทาง เวลาเส้นทางหลักติดมากๆ มีทางด่วนให้ใช้เป็นหลักก็คงเป็นด่านบางนา น่าเสียดายที่แม้จะสะดวกต่อการใช้รถมาก แต่เค้าจัดที่จอดรถรวมซ้อนคันแล้วได้มาที่ 40% จึงอาจจะมีปัญหาหากบริหารจัดการเรื่องที่จอดรถกันไม่ดีนะคะ
การเดินทางโดยไม่ใช้รถแม้จะอยู่ในซอย แต่เป็นซอยหลักของย่านนี้ ที่มีการสัญจรพลุกพล่าน จึงสามารถหา Taxi ได้เรื่อยๆ และมีพี่วินให้เรียกใช้มากมาย น่าเสียดายที่ไกลเกินระยะเดินไป BTS ไม่งั้นจะสะดวกกว่านี้มาก อย่างไรก็ดีทางโครงการเขามี Shuttle Service รับส่งที่สถานีรถไฟฟ้า ซึ่งคงจะพอช่วยให้ลูกบ้านสบายได้ในช่วงที่ Shuttle Service ยังให้บริการ แต่ถ้าค่ำๆ หรือเช้ามากๆ คงต้องเรียกรถเองค่ะ
วัสดุที่ให้มาค่อนข้างคุ้มค่า โครงการขายแบบ fully furnished ค่อนข้างจัดเต็มแบบหิ้วกระเป๋าเข้าอยู่ได้เลย ทั้งตู้วางทีวี-ตู้ใส่ของ Built-in, ตู้เสื้อผ้าแบบเลื่อนเปิด-ปิดได้และยัง Built-in ราวตากผ้าและชั้นวางของมาให้เรียบร้อย, ชุดครัว Built-in ที่ให้ซิ้งค์ล้างจาน รวมทั้งเตาและที่ดูควันของ Teka, กลอนประตู Digital Door Lock ของ Yale, พื้นเป็นไวนิลลายไม้ และสุขภัณฑ์ส่วนใหญ่ให้ของ American Standard
การออกแบบจัดห้องค่อนข้างดี มีห้องให้เลือกหลากหลาย เป็นทางเลือกให้ผู้อยู่อาศัย 1-2 คน ไปจนถึงครอบครัวขนาดเล็ก ฟังก์ชั่นโดยรวมค่อนข้าง Fix มาแล้วเพราะขายแบบ Fully furnished มีการ Built-in ติดตั้งตู้เตียงมาให้เรียบร้อย แต่ก็ดีที่ได้ออกแบบพื้นที่มาให้ลงตัวดีแล้ว อยู่ที่ว่าเราจะชอบห้องแบบไหนเท่านั้นเอง ส่วนที่อาจจะเป็นข้อด้อยคือรูปแบบตึกภายนอกอาคารมากกว่า แน่นอนว่าการออกแบบให้อาคารล้อมรอบแล้วมีคอร์ทตรงกลางที่เป็นสระว่ายน้ำ จะช่วยในเรื่องการสร้างวิวสระว่ายน้ำเข้ามาในพื้นที่เพื่อเป็นมุมมองที่ดีได้ แต่อย่าลืมว่าระยะห่างของตึกไม่ได้กว้าง เนื่องมาจากข้อจำกัดของพื้นที่ และเนื่องจากต้อง Balance ให้ได้ความคุ้มค่าของพื้นที่ขายด้วย ภาพรวมของโครงการจึงจะมีห้องที่ Block View ระยะไกลกันเองหลายห้อง ห้องพวกนี้คงจะเหมาะกับคนไม่เน้นวิวล่ะสักเท่าไหร่ เวลาอยู่จริงนี่ผ้าม่านคงสำคัญมากเพราะจะช่วยเติมเต็มความ Privacy ให้ห้องมากขึ้น
สาธารณูปโภคให้มาค่อนข้างน้อย และมีการจัดวางบางฟังก์ชั่นที่ยังดูใช้การไม่ได้เต็มที่เท่าที่ควร เช่นพื้นที่ชั้นดาดฟ้า ดูยังไม่ค่อยมี Activity เท่าไหร่ จึงยังไม่ค่อยดึงดูดใจให้ขึ้นไปเท่าที่ควร โดยรวมแล้วโครงการเท Facility ไปกองที่ตึก Renoir ค่อนข้างมาก ตัวตึก Monet เหลือแค่สวนบนดาดฟ้าเท่านั้นเอง ซึ่งจริงๆแล้วการเดินไปถึงกันก็ไม่ได้ไกลมาก แต่หากทำ Facility แยกให้ 2 ตึกไปเลยก็จะทำให้การใช้งานง่ายกว่ากัน แถมยังเพียงพอต่อผู้อาศัยอีกด้วย ตัวโครงการนี้ จะมี Facility ที่จับต้องไม่ได้พ่วงเข้ามานะคะ คือพวก Service ต่างๆ เช่น Concierge, Shuttle Service, Room Service พวกทำความสะอาดห้อง สั่งอาหาร และซักรีด ก็ถือเป็นข้อดีของคนที่ต้องการบริการเสริมเหล่านี้ค่ะ
Judgement
การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้
ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%
เทียบกับราคา 1.84-4.39 ล้านบาท , 10 November, 2015
- ทำเล 7.5/10 -ทำเลใช้ได้เมื่อเทียบกับราคา น่าเสียดายที่อยู่ไกลเกินระยะเดินไปรถไฟฟ้า
- เดินทางด้วยรถ 7.5/10 – เดินทางสะดวกมาก ไปมาได้หลากหลายด้าน น่าเสียดายที่ให้ที่จอดรถมา 40%
- ไม่ใช้รถ 7.5/10 -เรียกรถง่ายมีรถผ่านตลอด โครงการมี Shuttle Service พอจะใช้รถไฟฟ้าได้ไม่ลำบากนัก
- วัสดุ 7.75/10 -วัสดุจัดเต็ม มีทั้งของดีและแบบธรรมดาปะปนกัน แต่โดยรวมค่อนข้างโอเค มีการลดสเปคบางอย่างลงจากการขายตอนแรก เช่น Sound System ไม่มีแล้ว
- แบบ 7.75/10 -แบบค่อนข้างโอเค สามารถเลือกใช้งานได้หลากหลายตามความชอบ เสียที่วิวเวลามองออกมาจะจ๊ะเอ๋กับห้องฝั่งตรงข้ามตลอดเลย เพราะตึกล้อมรอบกัน
- สาธารณูปโภค 7.5/10 -สาธารณูปโภคให้มาน้อย แต่ดีที่มี Service มาช่วยแทน
- MAIN CLASS
- 7.51/ 10.00
BOTTOM LINE
Villa Lasalle เป็นโครงการที่เหมาะกับคนมองหาบ้านย่านลาซาล-แบริ่ง-บางนา ยอมขยับเข้ามาในซอยระยะ 1 กิโลเมตร เพื่อให้ได้ห้องราคาหยิบง่ายขึ้น แต่ยังเป็นระยะที่พอนั่งมอเตอร์ไซค์ไปปากซอยต่อ BTS ได้ไม่ลำบากนัก เป็นคนทำงานกลับมาบ้านก็อยู่ห้องไม่เน้น Facility ส่วนกลาง และไม่ซีเรียสเรื่องวิว มีงบประมาณระดับ 1.84-4.39 ล้านบาท หรือมีกำลังผ่อนต่อเดือนประมาณ 12,880 – 30,730 บาท
ถ้ามีความเห็นว่ารีวิวตัวนี้มีประโยชน์ ช่วยกด LIKE ให้หน่อยนะคะ จะได้มีกำลังใจในการทำรีวิวต่อไป
สมัครสมาชิกพร้อมรับข่าวสารเพิ่มเติม (คลิกที่นี่ )