รีวิวฉบับที่ 1140 … สวัสดีค่ะ วันนี้พาไปชมคอนโดตึกเสร็จแถวพัทยา กับโครงการ Natureza Art พัทยาเหนือ จาก NC Group ปกติแล้วถ้าพูดถึงคอนโดพัทยาเรามักจะนึกถึงคอนโดตากอากาศวิวทะเลกันซะเป็นส่วนใหญ่ใช่ไหมละคะ แต่ที่นี่จะต่างออกไปตรงที่เป็นคอนโด Low Rise ที่ไม่เน้นวิวทะเล แต่เน้นความ Privacy มีการสร้างทัศนียภาพภายในโครงการ เหมาะกับคนทำงานหรือคนพื้นที่สำหรับใช้ชีวิตประจำวันมากกว่าจะเป็นคอนโดตากอากาศ ตัวโครงการตั้งอยู่ใกล้แยกที่เป็นจุดตัดระหว่างถนนสุขุมวิทและถนนชัยพรวิถีที่มีความอุดมสมบูรณ์สูงทีเดียว โดยรีวิวฉบับนี้เราจะเน้นไปที่เฟส 2 ซึ่งกำลังเปิดขาย หน้าตาโครงการจะเป็นอย่างไรไปชมพร้อมๆกันเลยค่าา 🙂
อ่านรีวิวโครงการ Natureza ตอนเปิดตัวในปี 2013 ฉบับ Mr.Boom คลิกที่นี่
Fact @ 13 July 2014
- Natureza Art North Pattaya(เนทูเรซ่า อาร์ท พัทยาเหนือ)
- NC Housing Plc. ในเครือ NC Group
- ECONOMY CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
- โครงการตั้งอยู่ใน : ซอยชัยพรวิถี ถนนสุขุมวิท อ.บางละมุง
- ที่ดินประมาณ 22-2-95 ไร่ (4 เฟส) เฉพาะเฟส 2 เนื้อที่ประมาณ 4-2-67 ไร่
- คอนโด Low Rise 8 ชั้น 8 อาคาร ประมาณ 1600 ยูนิต (ทั้งหมด 4 เฟส) เฉพาะเฟส 2 จำนวน 406 ยูนิต
- ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 27 ยูนิต (Tower D)
- ที่จอดรถประมาณ 162 คัน หรือคิดเป็นประมาณ 40%
- ปีที่เริ่มก่อสร้าง ปี 2557
- ฝ้าเพดานสูง 2.45 เมตร
- 1 Bedroom 28.6 – 37 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้น 1.29 ล้านบาท
- 2 Bedrooms 56.2 – 82.5 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้น 3 ล้านบาท
- ราคาเริ่มต้นประมาณ 1.29 ล้านบาท (ราคา Promotion) หรือประมาณ 45,104 บาท/ตารางเมตร
- ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรของทั้งโครงการประมาณ 56,000 บาท
- http://www.ncgroup.co.th
- โทร 02-993-5058
เพียงแค่การกด Like ก็เท่ากับการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจาก Think of Living แล้วค่ะ
สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างค่ะ
พิกัด : 12.967036, 100.912361
แผนที่จากทางโครงการจะเห็นว่าตัวโครงการอยู่ใกล้บริเวณสามแยกที่เป็นจุดตัดระหว่างถนนชัยพรวิถีกับถนนสุขุมวิท โดยสามารถเข้าออกได้จากถนนทั้งสองเส้นดังกล่าว ที่ตั้งโครงการจะอยู่เลยจากพัทยาเหนือขึ้นไปประมาณ 2 กิโลเมตร
“พัทยา”ถ้าเอ่ยถีงชื่อนี้คงไม่มีใครไม่รู้จัก หากจินตนาการถึงพัทยาแล้วหลายคนคงจินตนาการถึงทะเลใกล้กรุงเทพ ที่เป็นที่นิยมของชาวต่างชาติ มีสถานบันเทิงมากมาย เนื่องจากมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก ทำให้มีปริมาณเม็ดเงินกระจายในพื้นที่ค่อนข้างสูง จึงได้รับการยกฐานะเป็นเขตการปกครองพิเศษ มีการบริหารจัดการเมืองเอง ไม่ขึ้นตรงกับจังหวัดชลบุรี แบ่งพื้นที่ทั้งหมดออกเป็น 4 ส่วน คือ พัทยาเหนือ, พัทยากลาง, พัทยาใต้ และ หาดจอมเทียน
โครงการ Natureza Art ตั้งอยู่ในพื้นที่ใกล้ๆพัทยาเหนือ ซึ่งจุดเด่นของพัทยาเหนือคือในอดีตที่นี่เคยเป็นแหล่งอุตสาหกรรมและชุมชนเก่าแก่ เราจึงได้เห็นบ้านเรือนโบราณ บรรยากาศการใช้ชีวิตแบบดั้งเดิมอยู่ โดยเฉพาะบริเวณถนนสายพัทยา-นาเกลือจนถึงบริเวณวงเวียนปลาโลมาจะเห็นชีวิตความเป็นอยู่แบบเรียบง่าย แต่พอถึงถนนเลียบหาดเป็นต้นไปก็จะมีแสง สี เสียง และนักท่องเที่ยวคึกคักขึ้นมากขึ้น อาชีพหลักของคนแถบนี้คือ การทำนาเกลือและประมง โดยในซอยสว่างฟ้าซึ่งเป็นซอยที่อยู่เยื้องๆกับโครงการบนถนนสุขุมวิท จะมีตลาดใหม่นาเกลือ ซึ่งเป็นตลาดค้าอาหารทะเลขนาดใหญ่และที่นี่ยังได้รับการจัดให้เป็นย่านชุมชนโบราณอีกด้วย
ตัวโครงการเองไม่ได้อยู่ติดทะเล หากต้องการไปเล่นน้ำก็ต้องขับรถไปอีกพอสมควร โครงการนี้จึงเน้นเป็นคอนโดที่รองรับการอยู่อาศัยในชีวิตประจำวันมากกว่าตากอากาศ ซึ่งตัวโครงการเองตั้งอยู่ใกล้แยกที่เป็นจุดตัดระหว่างถนนสุขุมวิทกับถนนชัยพรวิถีซึ่งเป็นถนนใหญ่และเป็นที่รู้จักของคนแถบนี้อยู่แล้ว โดยถนนชัยพรวิถีเองเป็นถนนที่ค่อนข้างยาว สองฟากถนนจะมีร้านค้าร้านอาหารให้เลือกค่อนข้างเยอะ ฝั่งตรงข้ามโครงการจะมีร้านข้าวแกง ร้านอาหารเล็กๆให้เลือกหลากหลาย ส่วนบนถนนสุขุมวิท ฝั่งตรงข้ามโครงการจะเป็นโรงเรียนเมืองพัทยา 3 เยื้องๆโครงการมีถนนสว่างฟ้าที่มีตลาดใหม่นาเกลือและโรงพยาบาลบางละมุง ซึ่งละแวกนั้นมีความอุดมสมบูรณ์สูง
หากใครอยากพักจากงานแล้วต้องการไปเที่ยวแบบคึกคักหน่อยก็แนะนำไปบนถนนเลียบหาดที่มีทางเชื่อมต่อกับถนนพัทยากลาง และพัทยาใต้ เป็นแหล่งที่มีสถานที่ท่องเที่ยว โรงแรม สถานบันเทิงและห้างสรรพสินค้าให้เลือกหลากหลาย เข่น Lotus, Big C, Central Festival ตึกคอม หรือใครอยากไปเดินเล่น Walking Street ก็ได้ ซึ่งต้องบอกก่อนว่าผู้เขียนเองไม่ใช่คนพื้นที่หากใครมีข้อมูลเพิ่มเติมก็สามารถพูดคุยหรือแนะนำเรื่องทำเลให้เพื่อนๆที่กำลังหาคอนโดแถวนี้กันได้นะคะ 🙂
การเดินทางด้วยรถยนต์เข้าถึงค่อนข้างง่าย เพราะโครงการอยู่ใกล้แยกที่เป็นจุดตัดของถนนใหญ่ทั้งสองสาย คือถนนสุขุมวิทซึ่งเป็นถนนใหญ่ที่ยาวมาจากกรุงเทพ และถนนชัยพรวิถี ซึ่งเป็นถนนที่คนพื้นที่นิยมใช้สัญจรกันเยอะ ซึ่งถนนเส้นนี้เป็นถนน 4 เลน มีการยุบเป็น 2 เลน ในช่วงกลางซอย และมาขยายเป็น 4 เลนช่วงหน้าโครงการ โดยถนนนี้จะเชื่อมถนนใหญ่ๆ 3 เส้น คือถนนสุขุมวิท ถนนเลียบทางรถไฟ และถนนมอเตอร์เวย์ได้ และถ้าวิ่งข้ามสะพานข้ามมอเตอร์เวย์ต่อไปอีก ก็จะเป็นเส้นลัดวิ่งไปบ้านโป่ง ผ่านมาบประชันได้เลย โดยการเข้าถือโครงการหลักๆ คือ
- หากมาจากมอเตอร์เวย์ตรงมาเรื่อยๆถึงถนนสุขุมวิทแล้วเลี้ยวซ้าย เลยพัทยาเหนือไป แล้วก็วิ่งตรงๆไปเลี้ยวขวาเข้าถนนชัยพรวิถี เข้าไปประมาณ 250 เมตร ก็จะเจอโครงการอยู่ทางซ้ายมือง
- หากมาจากถนนชัยพรวิถีตรงมาเรื่อยๆจนก่อนถึงแยกที่มาบรรจบกับถนนสุขุมวิท จะเห็นโครงการอยู่ทางซ้ายมือ
- หากมาจากทางศรีราชา วิ่งบนถนนสุขุมวิท จะไม่สามารถเลี้ยวเข้าโครงการได้จากทางถนนสุขุมวิทเลย แต่จะต้องวิ่งมาถึงสามแยกแล้วเลี้ยวซ้ายเข้าถนนชัยพรวิถี เข้ามาประมาณ 250 เมตร ก็จะถึงโครงการแล้วค่ะ
ด้วยความที่โครงการอยู่ติดถนนใหญ่ทำให้สามารถออกมาเรียกรถสองแถว หรือรถเมล์ได้ง่าย แต่ทำเลอยู่ห่างจากตัวเมืองพอสมควรทำให้เวลาจะไปไกลหน่อยต้องต่อรถหลายต่อ แนะนำให้หามอเตอร์ไซค์หรือจักรยานสักคัน เผื่อไปจ่ายตลาดหรือทำธุระใกล้ๆจะสะดวกกว่าค่ะ
การเดินทางในวันนี้เราจะเริ่มจากสะพานข้ามมอเตอร์เวย์ซึ่งเป็นจุดตัดระหว่างมอเตอร์เวย์และถนนชัยพรวิถี วิ่งตรงไปเรื่อยๆผ่านถนนเลียบทางรถไฟ ดูบรรยากาศทั้งสองข้างทาง จนผ่านโครงการแล้ววิ่งไปอีกประมาณ 250 เมตร จะถึงสามแยกที่เป็นจุดตัดระหว่างถนนชัยพรวิถีและถนนสุขุมวิท จากนั้นเลี้ยวซ้ายเข้าถนนสุขุมวิท เพื่อดูบรรยากาศบนถนนสุขุมวิทจนถึงบริเวณใกล้ๆวิทยาลัยดุสิตธานีค่ะ
เราเริ่มจากสะพานข้ามมอเตอร์เวย์ซึ่งเป็นแยกที่เป็นจุดตัดระหว่างมอเตอร์เวย์และถนนชัยพรวิถี เมื่อลงจากสะพานเราจะเห็นทางแยก โดยเราจะเบี่ยงเข้าถนนทางซ้ายมือซึ่งเป็นถนนขาเข้าสุขุมวิทกัน
ถนนชัยพรวิถีในช่วงนี้จะเป็นถนน 2 เลน บรรยากาศโดยรอบส่วนใหญ่เป็นอาคารแนวราบ ทั้งบ้านพักอาศัย อู่ซ่อมรถ และร้านอาหารอินดี้เล็กๆ
เลยมาหน่อยมีร้านขายต้นไม้และอุปกรณ์จัดสวน
บรรยากาศสองข้างทางจะคล้ายๆกรุงเทพแถวชานเมือง ที่มีอาคารพาณิชย์ สลับไปกับห้องแถวและร้านค้า
ขับมาเรื่อยๆ เราจะเจอโครงการหมู่บ้านเรือนภิษา ซึ่งเป็นอาคารพาณิชย์ 4 ชั้นทางซ้ายมือ พื้นที่ใต้อาคารพาณิชย์มีการค้าหลากหลายทั้งร้านอาหาร มีสินค้าและบริการต่างๆ รวมทั้งมี Lotus Express ด้วย มีความอุดมสมบูรณ์สูงทีเดียว
ขับมาสักพักจะเจอ Mini Big C อยู่ทางซ้ายมืออีกจุด
Mini Big C เปิด 24 ชั่วโมง
ใกล้ๆกันมีโรงงานน้ำแข็งบางละมุง ฝั่งตรงข้ามเป็นบ้านเอื้ออาทรนาเกลือ มองตรงไปข้างหน้าจะมีป้ายบอกทางไปกรุงเทพ และทางเลี่ยงเมืองพัทยา แต่เราจะตรงไปทางนาเกลือกันนะคะ
เลยป้ายบอกทางมานิดจะเป็นเจอทางรถไฟและถนนเลียบทางรถไฟ ซึ่งสามารถไปเลี้ยวไปทะลุถนนทางเลี่ยงเมืองชลบุรี หรือจะเลี้ยวขวาไปกรุงเทพก็ได้
ตรงมาหน่อยจะเจอการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ฝั่งตรงข้ามกันเป็นบ้านฟ้ากรีนเนอรี่ โครงการบ้านเดี่ยวจาก NC Group
ขับมาเรื่อยๆสองข้างทางก็จะมีทั้งที่เป็นดินว่างเปล่า มีซุ้มขายของริมทางเล็กๆกระจายอยู่เป็นจุดๆ
มาถึงตรงนี้ถนนเริ่มขยายเป็น 4 เลนแล้วโซนนี้เริ่มมีความอุดมสมบูรณ์เพิ่มขึ้นมาก มีอาคารพาณิชย์ทั้งสองข้างทาง มีร้านขายของ ขายอาหาร อย่างเช่นทางขวามือนี้มีร้านลีลา Coffee ซึ่งเป็นร้านที่ขายกาแฟ เบเกอรี่ และอาหาร เดี๋ยวลองพาแวะเข้าไปดูกันสักหน่อยเผื่อใครมาแถวนี้ก็มาหาของกินรองท้องได้ 🙂
บรรยากาศภายในร้านตกแต่งด้วยโทนสีส้ม มีซุเปอร์ฮีโร่กัปตันอเมริกาและไอรอนแมนเฝ้าประตูอยู่ และมีเมนูเยอะมากกก ทั้งกาแฟ เค้ก ไอศกรีม อาหารคาวหวาน
เมนูค่ะ
เราลองสั่งอาหารมาทาน ปีกไก่ทอดตะไคร้ ไก่กรอบหอมตะไคร้
และทีเด็ดคือบิงซูที่จัดเมลอนมาให้เต็มมากๆๆ เจ้า Dry ice นี่ช่วยเพิ่มความอลังได้ดีจริงๆ 🙂
พักจากของกินมาเดินทางกันต่อนะคะ (เขียนไปนี่เริ่มหิว อิอิ) เราขับมาเรื่อยๆ ช่วงใกล้ถึงสามแยกที่จะตัดกับถนนสุขุมวิทนี่บรรยากาศเริ่มคักคักขึ้นเรื่อยๆอย่างเห็นได้ชัด จะเห็นว่าริมทางมีรถมอเตอร์ไซค์จอดกันเยอะเลย เพราะคนแถวนี้นิยมเดินทางด้วยรถมอเตอร์ไซค์กันค่ะ
ขับมาอีกนิดเดียวก็จะเจอโครงการ Natureza Art พัทยาเหนือกันแล้ววว 🙂 บรรยากาศรอบๆโครงการจะเป็นบ้านชั้นเดียว ห้องแถว และตึกแถว 2-4 ชั้นซะเป็นส่วนใหญ่
เราขับตรงมาอีกประมาณ 250 เมตร จะเจอสามแยกที่ตัดกับถนนสุขุมวิท โดยเราจะเลี้ยวซ้ายไปทางพัทยาเหนือกันค่ะ
เลี้ยวมาบนถนนสุขุมวิท จะเป็นถนนใหญ่ 8 เลน บรรยากาศของสองข้างทางจะดูเจริญและมีความอุดมสมบูรณ์กว่าถนนชัยพรวิถีพอสมควร ตึกสูงๆทางขวามือนั้นเป็นคอนโดของลุมพินี คอนโด ทาวน์ พัทยาเหนือ จากลุมพินี คอนโดรุ่นพี่ที่สร้างเสร็จมาประมาณ 5 ปีแล้ว
ขับมาอีกนิดจะเห็นโรงเรียนวุฒิโชติและวิทยาลัยดุสิตธานีอยู่ข้างหน้า ส่วนตึกสูงด้านหลังสุดซ้ายสุดนั้นเป็นคอนโดของ The Trust พัทยาเหนือ คอนโดจาก Q House ที่สร้างเกือบเสร็จแล้ว และหากใครมาจากโครงการแล้วต้องการกลับรถไปยังถนนฝั่งมุ่งเข้าศรีราชา ชลบุรีก็สามารถมากลับรถตรงจุดสีเหลืองด้านหน้าได้ค่ะ
ตัวโครงการตั้งอยู่ในจุดที่ค่อนข้างอุดมสมบูรณ์ รอบๆโครงการส่วนใหญ่จะเป็นห้องแถวและตึกแถวสูง 2-4 ชั้น มีการประกอบการค้าภายในอาคารหลากหลาย ทั้งร้านอาหาร ร้านกาแฟ ขายของชำ ร้านซ่อมรถ ขายรถมือสอง นอกจากนี้ยังมีธนาคารไทยพาณิชย์และมีโรงเรียนเผื่อใครอยากพาลูกหลานไปเรียนได้ โดยสิ่งปลูกสร้างที่ติดกับโครงการในทิศต่างๆประกอบด้วย
- ทิศเหนือ ติดกับ ที่ดินว่างเปล่า ตึกแถว และบ้านพักอาศัยค่อนข้างเงียบสงบและจำนวนชั้นไม่สูง ห้องที่อยู่ตั้งแต่ชั้น 3 ขึ้นไปก็ไม่มีปัญหาเรื่องโดนบังวิวค่ะ แต่หากโฟกัสเฉพาะพื้นที่เฟส 2 แล้ว ทางทิศเหนือจะติดกับเฟส 1 ซึ่งเป็นคอนโด 8 ชั้นเหมือนกัน ก็จะมีบางมุมที่อาคารอยู่ตรงกับเฟส 1 แต่ไม่ได้อยู่ในระยะประชิด
- ทิศตะวันออก ติดกับที่ดินว่างเปล่าและคลองมาบยายเลีย เป็นคลองเล็กๆไม่มีกลิ่น ฝั่งตรงข้ามคลองเป็นที่ดินว่างเปล่าและร้านดียนต์ เป็นร้านขายจักรยานยนต์มือสองชั้นเดียว อาคารฝั่งนี้จึงไม่ต้องกังวลเรื่องวิว รวมทั้งไม่มีเสียงดังรบกวนเท่าไหร่ แต่หากโฟกัสเฉพาะเฟส 2 ที่จะมีโครงการเฟสถัดไปขึ้นในอนาคตในด้านนี้ ซึ่งอาจจะมีบางห้องที่โดนบังวิวด้วยอาคารของเฟสถัดไปแบบเต็มๆเหมือนกัน
- ทิศตะวันตก ติดกับถนนสุขุมวิท ซึ่งเป็นถนนทางเข้ารองของโครงการ อาคารที่ติดกับโครงการทางด้านนี้เป็นห้องแถวชั้นเดียว และตึกแถว 2-4 ชั้น ด้านล่างมีการค้าขาย เช่น ร้านขายของชำ ร้านขายกาแฟ อาหาร บรรยากาศค่อนข้างคึกคัก ฝั่งตรงข้ามถนนเป็นโรงเรียนเมืองพัทยา 3 ซึ่งมีสะพานลอยให้เดินข้ามไปได้
- ทิศใต้ ติดกับ ถนนชัยพรวิถี ซึ่งเป็นถนนทางเข้าหลักของโครงการ อาคารที่ติดกับโครงการด้านนี้จะเป็นห้องแถวและตึกแถว 2 ชั้น ที่มีการค้าขายภายในอาคาร ฝั่งตรงข้ามถนนจะมีร้านค้า ร้านขายข้าวแกง ก๋วยเตี๋ยว ร้านส้มตำให้เลือกรับประทานกันได้
ทางทิศใต้ ติดกับถนนชัยพรวิถีช่วงกว้าง 4 เลน ฝั่งตรงข้ามถนนเป็นร้านค้าและร้านอาหารเล็กๆให้เลือกหลายร้าน
ร้านส้มตำชายคาก็มา มีไก่อบโอ่งด้วย
ร้านอาหารตามสั่ง ร้านข้าวแกง หรือร้านขายของชำก็มี
มาดูบรรยากาศรอบๆโครงการฝั่งถนนสุขมวิทกันบ้าง ตัวถนนสุขุมวิทเป็นถนนใหญ่ 8 เลน บรรยากาศจะดูคึกคักและเจริญกว่าฝั่งถนนชัยพรวิถีหน่อย ฝั่งตรงข้ามโครงการเป็นโรงเรียนเมืองพัทยา 3 ซึ่งมีสะพานลอยให้สามารถข้ามไปได้
ข้างๆสะพานลอย จะมีอาคารที่ติดกับโครงการทางด้านทิศตะวันตก เป็นอาคารพาณิชย์ 4 ชั้น มีร้านกาแฟ ร้านขายขนมให้มาอุดหนุนกันได้
เราเดินมาอีกด้าน ฝั่งย้อนขึ้นไปตรงสามแยกที่เป็นจุดตัดระหว่างถนนสุขุมวิทและถนนชัยพรวิถี ตรงนี้จะมีร้านขายของชำที่มีขนม เครื่องดื่ม และของใช้ในบ้านเล็กๆน้อยๆ ฟุตบาทตรงนี้ค่อนข้างกว้างเดินได้สบายๆ
เดินมาอีกนิดเดียวก็จะเจอสามแยกที่ตัดระหว่างถนนสุขุมวิทและถนนชัยพรวิถีแล้วค่ะ
สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น
- โรงเรียนเมืองพัทยา 3 ~100 เมตร
- การประปาส่วนภูมิภาค ~700 เมตร
- ตลาดใหม่นาเกลือ ~850 เมตร
- โรงพยาบาลบางละมุง ~1.1 กิโลเมตร
- ตลาดอมรนคร ~1.2 กิโลเมตร
- ตลาดลานโพธิ์นาเกลือ 1.2 กิโลเมตร
- เมืองจำลอง ~ 1.7 กิโลเมตร
- โรงพยาบาลกรุงเทพ พัทยา ~ 2 กิโลเมตร
ตัวโครงการนี้มีที่ดินทั้งหมด 22 ไร่ มีการจัดสรรที่ดินออกเป็น 4 เฟส ซึ่งขณะนี้ได้ก่อสร้างเฟส 1 (ตึก A,B) ที่ขายหมดไปเรียบร้อย และเฟส 2 (ตึก C,D) เป็นเฟสที่เราจะพาไปรีวิวเจาะลึกกัน ส่วนเฟส 3 และ 4 ขณะนี้กำลังอยู่ในระหว่างการปรับที่ดินเตรียมก่อสร้าง
หากดูจาก Master Plan จะเห็นว่าโครงการมีทางเข้าออกหลักอยู่ที่ถนนชัยพรวิถี ส่วนทางออกรองอยู่ที่ถนนสุขุมวิท โดยทางเข้า-ออกทั้งสองทางจะมีป้อม รปภ.รักษาความปลอดภัย กั้นด้วยรั้วไม้กระดก ผ่านประตูโดยใช้ Access card และสติ๊กเกอร์ โดยในโครงการจะมีถนนหลักที่แบ่งแยกพื้นที่แต่ละเฟสพาดผ่านกลางโครงการเชื่อมทางเข้า-ออกหลักและรอง ซึ่งในแต่ละเฟสก็จะมีทางเข้า-ออก ของตัวเองอีกเฟสละ 2 จุด ในแต่ละจุดก็จะมีป้อม รปภ.และรั้วกั้นไม้กระดก ถือว่าระบบความปลอดภัยค่อนข้างดีเพราะมีป้อม รปภ. เซฟตี้ให้ 2 ชั้น
ในพื้นที่แต่ละเฟสก็จะมีการแยก Facilites กันโดยสิ้นเชิง ใช้งานของใครของมันและแยกนิติบุคคลกันด้วย พูดง่ายๆก็เหมือนกับการเอาโครงการ 4 โครงการมาไว้ด้วยกันโดยที่ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องนอกจากใช้ทางเข้า-ออกด้วยกันเท่านั้นเอง ในแต่ละเฟสจะประกอบด้วยอาคารพักอาศัย 2 อาคาร ที่มี Facilities อยู่ตรงกลาง มีสระว่ายน้ำ สวนพักผ่อนซึ่งจะมีการตกแต่งตามคอนเซปต์ของแต่ละเฟสไม่เหมือนกัน มีห้องฟิตเนส ที่จอดรถ และนิติบุคคล ซึ่งที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ใช้งานแยกกันไปในแต่ละเฟสนะคะ แบบนี้มีข้อดีตรงที่บรรยากาศในแต่ละเฟสจะเป็นส่วนตัว ไม่วุ่นวาย ไม่ต้องเดินไปใช้ Facilities ไกล และการดูแลรักษาก็ง่ายของใครของมันไปเลย แต่ข้อเสียก็มีตรงที่ Facilities ในแต่ละเฟสจะไม่ได้ใหญ่โตมากนักถ้าเทียบกับการสร้างใหญ่ๆแบบตู้มมทีเดียวแล้วให้ 4 เฟสใช้ร่วมกัน ดังนั้นหากใครชอบ Facilities แบบอลังการอาจจะไม่ถูกใจ แต่ถ้าใครชอบสงบๆบรรยากาศ Slowlife ที่นี่น่าจะตอบโจทย์ค่ะ
สำหรับรีวิวฉบับนี้เราจะมาโฟกัสกันที่เฟส 2 ซึ่งประกอบด้วยตึก C และ D โดยตัวอาคารจะวางเยื้องกันแบบนี้ โดยมี Facilities หลัก อย่างสระว่ายน้ำ สวนหย่อม และฟิตเนสอยู่ตรงกลาง มีจุด Drop-Off (สีแดง) อยู่ที่หน้าอาคาร C ตรงถนนหลักที่พาดกลางโครงการ ส่วนที่จอดรถจะเป็นแบบจอดรถ Outdoor ทั้งหมดวางอยู่หลังตึกทั้ง 2 ตึก และมีทางเข้าอาคาร(สีน้ำเงิน)จากที่จอดรถแยกต่างหาก
ทางเข้าหลักของโครงการจะติดกับถนนชัยพรวิถี ซุ้มทางเข้าโครงการใช้โทนสีเทา มีป้อม รปภ. อยู่ตรงกลางขนาบด้วยซุ้มทางเข้าออก ลูกบ้านผ่านประตูโดยใช้ Access card และสติ๊กเกอร์ค่ะ ส่วน Visitor ต้องแลกบัตรกับพี่ รปภ.ก่อน พื้นที่รอบๆทางเข้าโครงการมีการจัดสวน ปลูกต้นไม้ค่อนข้างร่มรื่น และมีป้ายโครงการ Natureza ชัดเจน
ทางซ้ายมือของทางเข้าโครงการจะเป็นพื้นที่สำนักงานขาย ซึ่งภายในจะมีโมเดลจำลองและห้องตัวอย่างให้ดูด้วย โดยในอนาคตพื้นที่สำนักงานขายตรงนี้จะถูกสร้างใหม่เป็นอาคารพาณิชย์สำหรับให้เช่า ซึ่งจะช่วยให้ตรงนี้มีสาธารณูปโภคเพิ่มขึ้น เช่น ร้านอาหาร ร้านค้าต่างๆ ให้มาซื้อหากันได้ ก็ต้องรอลุ้นกันว่าจะเป็นร้านอะไรบ้างนะคะ
ผ่านป้อม รปภ.มา เราก็จะต้องมาลอดซุ้มอีกหนึ่งจุด ฟิ้วววว…
เข้ามาด้านในโครงการกันแล้ว ตัวถนนหลักของโครงการกว้างประมาณ 12 เมตร ทางซ้ายมือเป็นทางเข้าอาคาร C และ D (เฟส 2) ส่วนทางขวามือเค้ากำลังล้อมรั้วเตรียมสร้างโครงการเฟสถัดไป
ด้านใน Site ก่อสร้าง กำลังอยู่ในระหว่างปรับที่ดิน
ทางเข้า-ออกตึก C และ D หรือพื้นที่เฟส 2 ซึ่งโซนนี้จะมีชื่อว่า Revessa ด้านหน้าจะมีป้ายบอกอาคารชัดเจน มีป้อม รปภ. 1 จุด และรั้วไม้กระดกกั้น ผ่านประตูโดยใช้ Access Card และสติ๊กเกอร์ เหมือนกับทางเข้าหลัก
เมื่อเข้ามาด้านในจะเป็นถนนด้านหลังอาคาร D ซึ่งมีที่จอดรถขนาบซ้าย-ขวา แบบ outdoor การจอดแบบนี้สะดวกน้อยกว่าการจอดรถใต้อาคารแน่นอนเพราะหากเจอฝนมาเวลาลงจากรถทีนี่ก็ต้องมีเปียกกันบ้าง และสำหรับที่จอดรถที่ให้มา 162 คัน หรือประมาณ 40% สำหรับโครงการคอนโดต่างจังหวัด ที่เน้นกลุ่มคนทำงานหรือคนพื้นที่ แน่นอนว่าการเดินทางหลักๆเค้าคงต้องใช้รถส่วนตัวกันอยู่แล้ว ดังนั้นการให้ที่จอดรถมา 40% แม้จะรวมจอดซ้อนคันแล้วก็ถือว่ายังน้อยนะคะ ก็ต้องรอดูว่าเมื่อมีผู้อยู่อาศัยแล้วจะเป็นอย่างไร
เรากลับมาที่ถนนหลัก สองข้างทางจะมีการจัดสวนร่มรื่นดี โดยเฉพาะทางซ้ายมือที่มีสนามหญ้าและไม้ยืนต้นซึ่งอนาคตเมื่อโตเต็มที่แล้วจะแผ่กิ่งก้านสาขาให้ร่มเงาดีกว่านี้ ส่วนทางขวามือที่เห็นล้อมรั้วสร้างเฟสใหม่ของโครงการ ด้านหน้านี้จะเป็น Shop ซึ่งจะมีร้านค้ามารองรับผู้อยู่อาศัยในคอนโด ซึ่งก็ต้องรอดูกันต่อไปในอนาคตนะคะว่าหน้าตา Shop นี้จะเป็นอย่างไร
มาถึงตรงนี้เราจะเจอ Court ตรงกลางที่มีการเล่นลายที่พื้นเพิ่มลูกเล่นให้มุมนี้มากขึ้น หากเราเดินตรงไปจะสามารถไปทะลุออกยังประตูรองที่ออกทางถนนสุขุมวิทได้ อาคารทางขวามือจะเป็นพื้นที่เฟส 1 ซึ่งประกอบด้วยตึก A และ B ที่ในขณะนี้ขายหมด 100% ไปแล้ว ส่วนทางซ้ายมือจะเป็นพื้นที่เฟส 2 ที่ประกอบด้วยตึก C และ D ที่เราจะพาไปดูกัน
สำหรับพื้นที่เฟส 2 จะมีเนื้อที่ประมาณ 4 ไร่เศษ ด้านหน้าเป็น Amphitheater ที่เป็นขั้นบันได สามารถใช้นั่งเล่นหรือใช้เป็นทางเข้าไปยังเฟส 2 ได้ โดยด้านหน้ามีสนามหญ้าและสวนหย่อมเพิ่มบรรยากาศให้ร่มรื่นทีเดียว การเลือกใช้ต้นปาล์มมาเป็นส่วนประกอบหลักช่วยสร้างบรรยากาศให้เสมือนอยู่ในคอนโดตากอากาศได้ดี
โดยเราสามารถเข้าไปยังอาคารโดยเดินขึ้นจากขั้นบันไดตรงนี้ได้ค่ะ ด้านล่างของบันไดจะโรยหินกรวดตกแต่ง ตัวบันไดเป็นทรงโค้ง ใช้วัสดุเป็นทรายล้างกันลื่น ส่วนที่ยื่นออกมาเป็นจุดๆนั้นเป็นปูนเปลือยพื้นผิวเรียบ ใช้นั่งได้ ระหว่างชั้นของบันไดมีการปูสนามหญ้าเพื่มความร่มรื่นให้บันไดเบาๆ
นำภาพมุมสูงจากชั้น 7 ของอาคารมาให้ดูกัน เพื่อให้เห็นภาพรวม Facilities ของเฟส 2 ซึ่งประกอบด้วย สระว่ายน้ำระบบเกลือ รูปทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า ขนาดประมาณ 10×32 เมตร แบ่งสระเด็กและผู้ใหญ่ ตัวสระมีขนาดใหญ่ว่ายสบายทีเดียว ซึ่งขนาดของสระแต่ละเฟสไม่เท่ากันนะคะ แล้วแต่พื้นที่ อย่างเช่น สระของเฟส 1 มีขนาด 8×25 เมตร และการออกแบบรอบๆสระก็ไม่เหมือนกัน ทางขวามือเป็นพื้นที่สวนหย่อม ฟิตเนส และนิติบุคคล มองตรงไปจะมีทางออกที่ทะลุไปยังตึก C และทางออกรองที่ถนนสุขุมวิท หากมองไปทางซ้ายมือจะเห็นว่ามีการปลูกต้นไม้ค่อนข้างหนาแน่น..
เนื่องจากที่ชั้น 1 มีห้องพักอาศัยที่ติดกับสระว่ายน้ำโครงการจึงมีการจัดสวนด้านหน้าเพื่อเป็น Buffer ระหว่างสระว่ายน้ำกับห้องพัก ทำให้ในเวลาที่ไม่มีคนว่ายน้ำ คนที่อยู่ในห้องพักตรงนี้จะสามารถมองวิวสระว่ายน้ำและสวนสวยๆได้ แต่หากมีคนมาว่ายก็จะเป็นการกั้นพื้นที่ไม่ให้คนอื่นเข้าห้องเราได้เช่นกัน
เราจะพาทัวร์ Facilities โดยเริ่มจากห้องนิติบุคคล ซึ่งขณะนี้ภายในมีการเปิดทำงานแล้วค่ะ เพราะลูกบ้านกำลังจะทยอยเข้า
ถัดจากห้องนิติบุคคลจะเจอทางเดินเชื่อมมายัง Facilities ด้านใน ที่ระหว่างทางเดินจะมีห้องน้ำแยกชาย-หญิงไว้ให้ใช้บริการ
เข้ามาดูภายในห้องน้ำหญิง จะมีอ่างล้างหน้า 2 อ่าง และห้องสุขา 2 ห้อง
ข้างๆกันเป็นบันไดทางขึ้นชั้น 2 ไปยังห้องฟิตเนส ตัวบันไดเป็นโครงสร้างเหล็กทาสีดำ
ขึ้นมาที่ชั้น 2 จะเจอลานระเบียงค่อนข้างกว้าง ตัวราวบันไดเป็นปูนทึบสลับกระจกนิรภัย ช่วยให้ระเบียงโปร่งและดูไม่ทึบตันจนเกินไป ทางขวามือจะเป็นประตูของห้องฟิตเนส
เข้ามาภายในห้องฟิตเนสบรรจุเครื่องออกกำลังกายได้ประมาณ 9 เครื่อง ผนังด้านซ้ายและขวาเป็นกระจกใสสามารถมองวิวได้ทั่ว มองตรงไปเป็นกระจะเงาเผื่อส่องความเรียบร้อยขณะออกกำลังกาย
วิวที่ได้จากฟิตเนสจะเห็นสระว่ายน้ำและตึก D แบบนี้
ลงมาจากฟิตเนส จะเห็นพื้นที่ริมสระที่วาง Daybed มาให้จำนวน 4 ตัว พร้อมร่มสนาม 3 คัน จากตรงนี้สามารถตรงไปแล้วเลี้ยวขวาเข้าอาคาร D ได้เลย
ทางเข้าอาคาร D จะเป็นประตูกระจกและโถง Double space ที่ค่อนข้างโปร่ง เดี๋ยวเราจะพาไปดูด้านในภายหลังนะคะ
จากหน้าทางเข้าอาคาร D มองตรงไปจะเห็นพื้นที่ Facilities ของเฟส 2 ทั้งหมด บรรยากาศดีทีเดียว
พื้นที่รอบสระมีการทำเนินสนามหญ้า และตกแต่งด้วยนกสีขาวเพิ่มบรรยากาศไว้รอบๆ
ข้างๆสระมีจุดล้างตัวให้ 1 จุด พื้นที่ล้างตัวเป็นหินธรรมชาติป้องกันการลื่น
จากตรงนี้จะมีทางเดินไปยังถนนสุขุมวิทซึ่งเป็นทางออกรองของโครงการ ที่พื้นมีการเซาะร่องปูสนามหญ้าเป็นสวดลายทรงโค้ง สวยดี
เดินมาตรงทางออกจะต้องลอดซุ้มนี้ก่อน
พอออกมาเราจะเจอพื้นที่ด้านหลังอาคาร C ที่เป็นถนนและมีที่จอดรถขนาบสองข้าง
มองกลับไปจะเห็นว่าตรงนี้จะมีทางแยก โดยทางขวามือสุดจะเป็นทางเดินที่มาจากที่จอดรถของอาคาร D ส่วนทางซ้ายมือจะเป็นพื้นท่ีจอดรถหน้าตึก C โดยมีทางเข้าอาคาร C ได้จากตรงนี้ได้เลย
พอเดินมาอีกหน่อย แล้วหันหน้ากลับเข้าไปในโครงการ เราจะเจอประตูทางเข้าอาคาร C และ D(เฟส 2) ส่วนทางเข้าอาคาร A และ B (เฟส 1) อยู่ทางซ้ายมือ โดยจะมีป้ายบอกชื่อตึกและชื่อโซน รวมทั้งมีป้อม รปภ.ที่ทางเข้า-ออกให้ทุกจุด มีการกั้นประตูด้วยรั้วไม้กระดก ผ่านเข้า-ออกโดยใช้ Access card และสติ๊กเกอร์
จากทางเข้าเฟส 1 และ 2 เมื่อเดินออกไปนิดเดียวก็จะเจอป้อม รปภ. อีกจุด มีการกั้นด้วยรั้วไม้กระดก และผ่านเข้าออกด้วย Access card และสติ๊กเกอร์เช่นกัน เป็นการเข้า-ออกแบบ Double Gate ค่อนข้างปลอดภัยดี ทางซ้ายมือจะมีการเว้นรั้วไว้เป็นทางเข้าออกให้กับบ้านที่อยู่ข้างเคียง
เดินตรงมาจนถึงด้านหน้าโครงการฝั่งถนนสุขุมวิทซึ่งมีเข้าเล็กกว่าฝั่งถนนชัยพรวิถีมากทีเดียว ที่รั้วโครงการจะมีป้ายบอกโครงการ Natureza ชัดเจน ส่วนที่พื้นก็ยังคุม Theme เล่นลายพื้นเหมือนกับลานที่ถนนหลักด้านใน ฝั่งตรงข้ามของถนนจะตรงกับโรงเรียนเมืองพัทยา 3 ค่ะ
เอาผังของตัวอาคารมาให้ดูกันค่ะ เริ่มจากชั้น 1 อาคาร C ที่มีทางเข้า-ออกหลักที่ใกล้ที่สุดจากทางถนนสุขุมวิท ตัวอาคารจะเป็นรูปตัว I สามารถเข้าอาคารได้จากทั้งถนนหลักและจากที่จอดรถด้านหลังอาคาร เมื่อเข้ามาจะเจอส่วนของ Lobby และ Reception ซึ่งมีโถงนั่งพักคอยและ Mail Box ไว้ให้รับจดหมาย มีห้องพักอาศัยเริ่มตั้งแต่ชั้น 1 จำนวน 21 ยูนิต ผ่านประตูทางเข้าโดยใช้ Access card เพื่อความปลอดภัยของลูกบ้าน โถงทางเดินภายในอาคารเป็น Double Corridor มีการพยายามจัดผังห้องไม่ให้มีประตูที่หันหน้าชนกันพอดีเพื่อความเป็นส่วนตัว ที่สุดปลายทางเดินของแต่ละด้านจะมีหน้าต่างกระจกเต็มบานเพื่อให้แสงธรรมชาติเข้าช่วยให้ทางเดินไม่มืด โครงการมีลิฟต์ให้ทั้งหมด 2 ตัว คิดเป็นอัตราส่วน 97:1 ถือว่าหนาแน่นไม่มากนักและมีบันไดหนีไฟมาให้ 2 ตัวตามกฏหมาย
ขึ้นมาที่ชั้น 2-8 จะมีผังคล้ายกัน คือเป็นยูนิตพักอาศัยทั้งหมดหน้าตาของตำแหน่งห้องของชั้น 2-8 ก็จะมีลักษณะแบบนี้ จะแตกต่างกันบ้างก็ตรงพื้นระเบียงที่บางห้องกว้าง บางห้องแคบ หรือบางห้องไม่มี แต่ Layout ของห้องเหมือนกันค่ะ โถงทางเดินภายในอาคารเป็น Double Corridor มีหน้าต่างกระจกที่ปลายทางเดินและที่โถงลิฟต์ให้ทุกชั้น จำนวนยูนิตต่อชั้นสูงสุดอยู่ที่ 25 ยูนิต ถือว่ามีความหนาแน่นปานกลางสำหรับคอนโดลักษณะนี้
ถัดมาเป็นผังอาคาร D ที่ต่างจากอาคาร C ตรงที่เป็นรูปตัว L จุดเด่นของตึกนี้คือมี Facilities หลักอยู่ด้านหน้า สามารถเดินไปใช้งานได้ง่ายและห้องที่อยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือยังได้วิวสระว่ายน้ำไปด้วย มาเริ่มที่ชั้น 1 จะมีการจัดผังคล้ายๆกันกับแบบแรก คือมีพื้นที่ Lobby, Reception โถงรับแขกและ Mail Box แต่ต่างกันที่ทางเข้า-ออกที่มีสองทางคือจากที่จอดรถ และจากทาง Facilites หลักสามารถเข้าโซนห้องพักได้โดยใช้ Access card ผ่านประตูก่อน โถงทางเดินภายในเป็น Double corridor ซึกซ้ายจะเป็นห้อง 1 Bedroom ทั้งหมด ห้องที่อยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้จะอยู่ติดกับที่จอดรถซึ่งมีการปลูกต้นไม้เป็นแนว Buffer กันให้ ส่วนห้องทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือจะอยู่ติดสระว่ายน้ำ และมีการกั้นสวนเป็น Buffer ให้ โดยห้องที่อยู่ในทิศนี้จึงมีวิวสระว่ายน้ำและสวนริมระเบียงเป็นของตนเอง แต่ก็มีข้อเสียอยู่เล็กน้อยตรงที่จะไม่มีความ Privacy เท่าใดนัก
ส่วนอาคารซีกขวาทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือจะเป็นห้องพักแบบ 2 Bedroom ติดสวนที่ค่อนข้าง Privacy เพราะมีระยะห่างจากถนนหลักค่อนขางมากเป็นโซนที่น่าสนใจทีเดียวสำหรับคนที่ชอบห้องใหญ่วิวสวน ตึกนี้มีลิฟต์ให้ 2 ตัว คิดเป็นอัตราส่วนประมาณ 105 : 1 มีความหนาแน่นมากกว่าตึก C
ส่วนผังห้องตั้งแต่ชั้น 2-8 จะมีลักษณะคล้ายๆกับชั้น 1 เพียงแต่เพิ่มห้องเข้ามาเติมเต็มในส่วน Lobby 4 ห้องโดยห้องที่อยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือทางซีกขวาจะเป็นห้องแบบ 2 Bedroom ห้องมุม นอกนั้นเป็นห้องแบบ 1 Bedroom ทั้งหมด โดยห้องที่อยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือทั้งหมดของตึกนี้จะได้วิวสระว่ายน้ำด้วย ยูนิตต่อชั้นสูงสุดของตึกนี้อยู่ที่ 27 ยูนิตค่ะ
เข้ามาภายใน Lobby จะเป็นโถง Double Space ที่กินพื้นที่ถึงชั้น 2 บรรยากาศค่อนข้างสูงโปร่ง เน้นการตกแต่งสไตล์โมเดิร์นเรียบๆเน้นโทนสีขาว น้ำตาล ดำ ด้านหน้ามีเคาท์เตอร์ต้อนรับ 1 จุด
มองไปทางขวามือจะเป็นพื้นที่เชื่อมต่อกับโถงพักคอย ที่มีฝ้าเพดานสูง 2.45 เมตร เท่ากับความสูงห้อง 1 ชั้นปกติ จากตรงนี้จะเห็นว่าพื้น Lobby เป็นกระเบื้องสีขาวสลับลายสีดำ ช่วยเพิ่มลูกเล่นให้พื้นที่มากขึ้น
เข้ามาภายในโถงพักคอยจะเป็นพื้นที่ของชุดโซฟาสำหรับ 4-6 ที่นั่ง 1 ชุด มองตรงไปจะเห็นประตูทางเข้าไปสู่ห้องพักอาศัยที่มีตั้งแต่ชั้น 1 ผ่านประตูโดยใช้ Access card เพื่อความปลอดภัยของลูกบ้าน ส่วนทางซ้ายมือเป็นโซนตู้จดหมาย
โซนตู้จดหมายจะจัดพื้นที่เป็นรูปตัว U ในลักษณะนี้ หากโครงการเสร็จเรียบร้อยแล้วจะมีไฟ Warm write ซ่อนอยู่ด้านล่างด้วยนะคะ ข้างๆจะมีทางเดินไปสู่ประตูทางออกลานจอดรถด้านหลังได้
ฝั่งตรงข้ามกันเป็นทางเข้าโถงลิฟต์ มีการกั้นด้วยประตูบ้านเปิดคู่ เวลาเข้าออกต้องใช้ Access card เพื่อแตะเข้า
ภายในโถงลิฟต์ค่อนข้างโปร่ง เพราะผนังด้านหนึ่งเป็นกระจกทั้งหมดช่วยให้แสงธรรมชาติเข้าดี โครงการมีลิฟต์ให้ทั้งหมด 2 ตัว ต่ออาคาร หรือคิดเป็นอัตราส่วนที่ตึก C 97:1 และตึก D ประมาณ 105:1 ความหนาแน่นปานกลางค่ะ
เข้ามาในลิฟต์จะมีผนังด้านหนึ่งเป็นกระจกเงาเต็มบานและมีราวจับให้เผื่อผู้พิการหรือผู้สูงอายุ
ขึ้นมาด้านบนอาคาร บรรยากาศที่โถงลิฟต์ก็ไม่ต่างจากชั้น 1 มากนัก มีช่องหน้าต่างที่กว้าง แสงธรรมชาติเข้าดี
ส่วนโถงทางเดินภายในอาคารจะเน้นโทนสีขาว บนฝ้าเพดานมีการติดตั้งไฟดาวน์ไลท์ให้ตลอดทางเดิน สุดปลายทางเดินจะเป็นผนังกระจกเต็มบานที่มีหน้าต่างเหมือนตรงโถงลิฟต์ ทำให้ทางเดินไม่มืดและอับค่ะ
มาดูวิวของโครงการกันบ้าง รอบๆโครงการส่วนใหญ่จะเป็นที่พักอาศัยแนวราบ จำพวกห้องแถว ตึกแถว อย่างมากก็มีอาคารพาณิชย์ 2-4 ชั้นที่บังวิวห้องชั้นล่างๆอยู่บ้าง แต่โดยรวมแล้วไม่มีตึกสูงมาบังวิวในระยะใกล้ค่ะ เดี๋ยวเราจะพาดูวิวจากตึก D ไล่ไปตั้งแต่ทิศ A, B…ไปจนถึง D นะคะ
ทิศ A คือทิศใต้ฝั่งถนนชัยพรวิถี จะเห็นอาคารพักอาศัยแนวราบที่อยู่ตรงข้ามถนน มองไปไกลๆจะเห็นตึกสูง 2 ตึก คือคอนโด The Trust พัทยาเหนือ และ ลุมพินี คอนโด ทาวน์ ซึ่งเป็นคอนโด High Rise บนถนนสุขุมวิท
ทิศ B คือทิศตะวันออก จะเห็นวิวอาคารบ้านเรือนฝั่งถนนชัยพรวิถี ไปทางถนนเลียบทางรถไฟและมอเตอร์เวย์ สภาพแวดล้อมส่วนใหญ่ยังคงเป็นที่พักอาศัยแนวราบ ที่ดินว่างเปล่า และพื้นที่สีเขียว วิวฝั่งนี้จึงค่อนข้างร่มรื่นสบายตา แต่ในอนาคตพื้นที่ว่างเปล่าใกล้ๆนี้จะถูกพัฒนาเป็นคอนโดเฟสถัดไป ดังนั้นจะมีตึกของโครงการมาบังวิวอย่างแน่นอน แต่เป็นระยะที่ไม่ประชิดนะคะ
ทิศ C คือทิศเหนือ ติดกับที่ดินว่างเปล่าที่จะมีการสร้างคอนโดเฟสถัดไปในอนาคต ห้องที่อยู่ตรงนี้ก็จะเห็นพื้นที่เฟสข้างเคียงเต็มๆ
ทิศ D คือทิศตะวันตก จะเห็นวิวฝั่งถนนสุขุมวิทไปจนถึงนาเกลือ ที่มีบัานพักอาศัย ตึกแถว และอาคารพาณิชย์หนาแน่น ทางซ้ายมือเป็นอาคาร C ซึ่งถ้ามองจากตรงนี้จะเห็นทะเลอยู่ไกลๆ
ซูมเข้าไปอีกนิดจะเห็นทะเลสีฟ้าสวยเชียว ตึกสูงทางซ้ายมือที่เราเห็นนั้นเป็นตึกของโรงแรมและคอนโดที่อยู่บนถนนเลียบหาดในตัวเมืองพัทยาค่ะ
สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก
- สระว่ายน้ำ 1 สระ/เฟส ระบบเกลือ เฉพาะเฟส 2 มีขนาด 10 x 32 เมตร
- Fitness 1 ห้อง บรรจุเครื่องเล่นประมาณ 9 เครื่อง
- สวนหย่อมรอบโครงการ
- Free Internet & WIFI ที่ Lobby
- ลิฟท์โดยสาร 2 ตัว ต่อหนึ่งอาคาร อัตราส่วนลิฟท์ ตึก C 97:1 และตึก D ประมาณ 105:1
- ที่จอดรถ (เฉพาะเฟส 2) ประมาณ 162 คัน คิดเป็น 40% (รวมซ้อนคัน)
- ระบบ CCTV / Access Card
อย่างที่กล่าวไปในข้างต้นว่าโครงการนี้เป็นคอนโดที่ไม่เน้นตากอากาศ แต่เน้นการใช้งานในชีวิตประจำวัน ฟังก์ชั่นการใช้งานจึงออกแบบมาครบ เน้นการอยู่อาศัยได้จริง โดยที่ยังคงให้มุมมองจากภายในห้องสามารถ Take View ได้ด้วย ห้องพักของที่นี่ขายแบบ Fully Furnished คือให้เฟอร์นิเจอร์ Built-in และลอยตัวทุกชิ้นยกเว้น Prop ตกแต่ง ประกอบด้วย โต๊ะรับประทานอาหาร+เก้าอี้ 2 ที่นั่ง โซฟา ชั้นวางทีวี เคาน์เตอร์ครัว เตียง ตู้เสื้อผ้า และสุขภัณฑ์ในห้องน้ำ เรียกได้ว่าหิ้วกระเป๋าเข้าอยู่ได้เลย มีห้องให้เลือก 2 แบบ คือ
- 1 Bedroom 28.6 – 37 ตารางเมตร สำหรับเฟส 2 มีจำนวน 390 ยูนิต
- 2 Bedrooms 56.2 – 82.5 ตารางเมตร สำหรับเฟส 2 มีจำนวน 16 ยูนิต
สำหรับห้องตัวอย่างที่เราจะพาไปเจาะลึกกันเป็นแบบ 1 Bedroom ขนาด 28.6 – 37 ตารางเมตร ที่อาคารจริง แต่หากใครอยากเห็นห้องตัวอย่างแบบ 2 Bedroom ด้วยก็สามารถเข้าไปดูรีวิวโครงการที่ Mr.Boom เคยรีวิวไว้เมื่อตอนเปิดตัวได้โดย คลิกที่นี่ ค่ะ
ผังของห้องแบบ 1 Bedroom ขนาด 28.6 – 37 ตารางเมตร จุดเด่นของห้องนี้คือการจัดฟังก์ชั่นให้โซน Service อย่างห้องน้ำและห้องครัวมาอยู่ด้านในติดกับผนังโถงทางเดิน และให้ส่วนพักผ่อนอย่าง Living room และห้องนอนไปอยู่ด้านที่มีช่องเปิดทำให้ห้องนี้ดูโปร่งโล่งและ Take View ได้เต็มที่ในส่วนพักผ่อน
เมื่อเข้ามาในห้องจะเจอครัวเปิดที่โครงการ Built-in เคาท์เตอร์ครัวเล็กๆเป็น Pantry มาให้เตรียมอาหารเบาๆได้ เสียดายที่ไม่มีเตาและที่ดูดควันมาให้ด้วย หากใครต้องการทำอาหารหนักก็คงต้องหามาติดเองนะคะ โดยรวมแล้วครัวนี้เหมาะจะเป็นครัวที่ใช้อุ่นอาหาร ชงกาแฟ อะไรเบาๆแบบนี้ซะมากกว่า ข้างๆกันเป็นห้องน้ำรวมรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าที่มีฟังก์ชั่นครบคือ อ่างล้างหน้า โถสุขภัณฑ์และส่วนอาบน้ำที่แยกส่วนเปียกส่วนแห้งให้เรียบร้อย แต่ห้องน้ำนี้มีพื้นที่เล็กไปหน่อยอาจจะไม่ค่อยสะดวกสำหรับคนตัวใหญ่
ถัดไปเป็นส่วน Living ที่โครงการจัดโต๊ะรับประทานอาหาร+เก้าอี้ 2 ที่นั่งและโซฟามาให้ ตรงนี้จึงสามารถเป็นทั้งที่พักผ่อน นั่งเล่น และรับประทานอาหารไปในตัว โดยห้องนี้จะถูกกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อนที่สามารถเปิดออกไปยังระเบียง ขณะอยู่ในห้องก็สามารถมองไปเห็นวิวหรือบรรยากาศข้างนอกได้ ติดกันเป็นห้องนอนที่โครงการให้เตียงขนาด 5 ฟุตพร้อมตู้เสื้อผ้าและโต๊ะเครื่องแป้งมาให้ ห้องนี้มีหน้าต่างเต็มผนังช่วยให้แสงธรรมชาติเข้าและระบายอากาศได้ดี พื้นที่ปลายเตียงเหลือน้อยหากใครชอบดูทีวีในห้องนอนแนะนำเป็นทีวีติดผนังค่ะ จะได้เหลือทางเดินปลายเตียง โดยรวมแล้วห้องนี้มีการจัดฟังก์ชั่นที่ครบแต่พื้นที่ใช้งานไม่มาก เหมาะกับการอยู่อาศัยประมาณ 1-2 คน
เริ่มจากทางเข้าห้องนะคะ ประตูเป็นบานสำเร็จรูปสีขาว ขนาดมาตรฐาน 0.9 x 2 เมตร มีตาแมวพร้อมประตูมือจับสแตนเลสแบบก้านโยกมาให้ ข้างประตูมีป้ายหมายเลขห้องสีส้ม-เทา ติดให้แบบนี้ทุกห้อง
กลอนประตูเป็นแบบก้านโยกสเตนเลส ส่วนด้านล่างเป็นกลอนล็อคประตู
พื้นห้องนอนปูด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้สีขาวขนาด 60 x 60 เซนติเมตร มีการยกระดับขึ้นมาจากโถงทางเดินเล็กน้อยเพื่อกันฝุ่นหรือเศษสกปรกจากทางเดินเข้าห้อง
มองกลับไปที่ประตูทางเข้าจะมีตัวกันกระแทกติดตั้งมาให้ด้วย ข้างๆประตูเป็นเคาน์เตอร์ครัวเล็กๆ ที่โครงการให้มาแบบนี้เลยยกเว้นตู้เย็น
ตัวกันกระแทกที่ติดมาให้ตรงประตูค่ะ
ข้างๆกันเป็นเคาน์เตอร์ครัวที่โครงการ Built-in มาให้ทั้งบนและล่างแบบนี้ หน้าบานกรุเมลามีนสีขาวเรียบๆ โดยครัวนี้จะมีแค่ซิงค์ล้างจานไม่มีเตาและที่ดูดควันติดตั้งมาให้นะคะ ที่ผนังเคาท์เตอร์เป็นปูนฉาบเรียบทาสีธรรมดา ซึ่งอนาคตถ้าเราล้างจานตรงนี้อาจจะทำให้ผนังชื้นและขึ้นรา หรือเกิดคราบสะสม ทำความสะอาดได้ยาก จึงแนะนำให้ปูกระเบื้องหรือติดพลาสติกกันเปื้อน เพื่อทำให้ง่ายและสะดวกต่อการทำความสะอาดมากขึ้น ข้างเคาท์เตอร์ครัวเป็นพื้นที่ว่างสามารถวางตู้เย็นได้
ด้านบนมีชั้นลอยให้สามารถวางจาน ชาม ของเล็กๆน้อยๆและไมโครเวฟได้ ข้างๆเป็นตู้บานเปิดที่ด้านในซ่อนเมนบอร์ดไฟไว้เรียบร้อยดี ส่วนเคาท์เตอร์ครัวด้านล่างเป็นพื้นที่ใต้ซิ้งค์ล้างจาน ที่สามารถเอาไว้เก็บน้ำยาล้างจาน ผงซักฟอก หรือของใช้ในครัวได้
เนื่องจากหน้าบานตู้ไม่มีมือจับ เวลาจะเปิด-ปิดตู้เราจะเปิดแบบนี้นะคะ
โครงการให้ชุดโต๊ะรับประทานอาหาร และเก้าอี้ 2 ตัวสีน้ำตาลบุหนังเทียมสีขาวมาให้ ซึ่งโต๊ะกินข้าวในคอนโดมีหน้าที่เสมือนเป็นโต๊ะเอนกประสงค์ สามารถแปรเปลี่ยนเป็นโต๊ะเขียนหนังสือ โต๊ะทำงาน หรือโต๊ะอื่นๆได้ตามใจชอบ ดังนั้นการมีพื้นที่รอบโต๊ะยิ่งเยอะก็ยิ่งช่วยให้สามารถใช้งานพื้นที่ได้อย่างสบายตัวมากขึ้น ไม่อึดอัด
ส่วนโซฟาที่โครงการให้มาเป็นแบบ 2-3 ที่นั่งพร้อมโต๊ะกลางสีขาวด้านข้างบุลามิเนตลายไม้สีอ่อนค่ะ
ฝั่งตรงข้ามเป็นชั้นวางทีวีที่โครงการ Built-in มาให้แบบนี้ สามารถวางทีวี เครื่องเล่นซีดี ลำโพง พร้อมของกระจุกกระจิกได้พอสมควร
ตัวล็อคประตูหน้าตาแบบนี้
พื้นมีการยกธรณีขึ้นมา รวมกับรางเลื่อนประตูรวมแล้วประมาณ 15 เซนติเมตร เพื่อกันน้ำไหลเข้ามาในห้อง วัสดุปูพื้นเป็นกระเบื้องเซรามิคขนาด 30 x 30 เซนติเมตร ส่วนพื้นที่ระเบียงมีขนาด 1.5 x 2.1 เมตร ขนาดค่อนข้างกว้าง สามารถนำราวตากผ้ามาตั้งตากได้สบายๆ หรือวางเก้าอี้นั่งเล่นสักตัวพร้อมจัดสวนเล็กๆก็มีพื้นที่เพียงพอ ราวระเบียงเป็นเหล็กโปร่งทาสีเทา สูงประมาณ 1 เมตร
มองไปทางซ้ายมือเป็นที่ติดตั้ง Compressor แอร์ 2 เครื่องแบบหันลมร้อนเข้าระเบียง ทำให้ขณะเราเปิดแอร์ระเบียงจะร้อน แต่มีข้อดีคือตากผ้าแห้งไว แนะนำให้ติดกริลแอร์(แผงเปลี่ยนทิศทางลม)เพื่อจะได้เป่าลมออกด้านนอกนะคะ ส่วนด้านล่างเป็นพื้นที่ว่างสำหรับวางเครื่องซักผ้า ที่โครงการติดตั้งก็อกน้ำ เต้ารับแบบกันน้ำมาให้เรียบร้อย ราวระเบียงเป็นเหล็กโปร่งและตรงที่วาง Compressor แอร์เป็นระแนงเหล็กทาสีเทา เพื่อพราง Compressor แอร์จากสายตาคนภายนอกที่มองเข้ามา
ฝั่งตรงข้ามกันจะติดตั้งโคมไฟสีดำเรียบๆมาให้ 1 ดวง
วิวที่ได้จากห้องตัวอย่างชั้น 4 ทางทิศตะวันออกจะมองเห็นสวนและพื้นที่ก่อสร้างโครงการเฟสอนาคต
ซึ่งถ้าเป็นห้องชั้น 1 ในทิศเดียวกันจะไม่ได้วิวที่เปิดโล่ง แต่จะมองเห็นสวนและสระว่ายน้ำแบบนี้ ก็แล้วแต่ความชอบนะคะว่าต้องการห้องตำแหน่งใดและวิวแบบไหน
จากระเบียงมองกลับเข้ามาในห้องจะได้มุมมองแบบนี้
ถัดไปเป็นส่วนของห้องน้ำและห้องนอนซึ่งใช้บานประตูสำเร็จรูปสีขาวลูกบิดสแตนเลสหัวกลมเหมือนกัน
อ่างล้างหน้าขนาดใหญ่ดี พร้อมก๊อกน้ำสแตนเลสแบบก้านโยกของ Mogen
ส่วนวางโถสุขภัณฑ์ค่อนข้างแคบ ระยะรวมประมาณ 50 เซนติเมตรเท่านั้นเอง ถ้าใครตัวใหญ่นี่จะนั่งลำบากหน่อย ด้วยความที่โถสุขภัณฑ์อยู่ติดกับอ่างล้างหน้ามากทำให้เวลาลุกนั่ง เข่าหรือข้อศอกอาจจะไปกระแทกโดนขอบอ่างล้างหน้าหน่อยอันนี้ก็เป็นจุดที่ต้องระวังนะคะ ด้านหลังมีการติดตั้งสายชำระและที่แขวนกระดาษทิชชู่มาให้เรียบร้อย
ด้วยความที่จุดวางสายชำระและกระดาษทิชชู่ค่อนข้างประชิด เราจึงให้พี่ทีมงานลองนั่งแล้วหยิบกระดาษทิชชู่ดูจะเห็นว่าหากเป็นผู้ชายตัวใหญ่หน่อยจะหยิบค่อนข้างลำบากนะคะ หากใช้งานจริงๆแนะนำให้หยิบกระดาษทิชชู่เพื่อเตรียมใช้งานไว้ก่อนจะสะดวกกว่า
ถัดไปเป็นพื้นที่อาบน้ำ ขนาดประมาณ 0.8 x 1.1 เมตร ขนาดพื้นที่อาบกำลังดี มีการติดตั้งฉากกั้นอาบน้ำมาให้เรียบร้อย
โดยระยะของช่องประตูที่เปิดออกมามีระยะประมาณ 40 เซนติเมตร หากเป็นผู้ชายใหล่กว้างหน่อยเวลาเข้า-ออก ต้องใช้การเบี่ยงตัวเล็กน้อยจะสะดวกขึ้นนะคะ
ฝักบัวขนาดปานกลาง พอดีมือ
พื้นห้องนอนปูด้วยลามิเนตลายไม้หนา 8 มิลลิเมตร มีการปิดคิ้วรอยต่อเรียบร้อย
พื้นที่จากปลายเตียงถึงผนังมีระยะประมาณ 0.35 เมตร ค่อนข้างแคบ ไม่เหมาะกับการวางตู้ทีวีเพราะจะทำให้ไม่มีทางเดินผ่านเตียง แนะนำให้ติดตั้งทีวีติดผนัง จะช่วยประหยัดพื้นที่ได้ดีกว่าค่ะ โดยโครงการติดตั้งเต้ารับและที่เสียบสายเคเบิลมาให้เรียบร้อย
ตัวล็อคหน้าต่างหน้าตาแบบนี้ มีสักหลาดกันกระแทกติดให้เรียบร้อย
ตู้เสื้อผ้ามีขนาดไม่ใหญ่มากนัก ภายในตู้เสื้อผ้าก็เหมือนตู้เสื้อผ้าทั่วไปที่มีราวแขวนผ้า แต่ไม่มีลิ้นชักเก็บของให้ ข้างๆกันเป็นโต๊ะเครื่องแป้งขนาดเล็กที่มีลิ้นชักให้ใส่ของได้เล็กๆน้อยๆ
ระยะจากตู้เสื้อผ้าถึงเตียงประมาณ 0.95 เมตร ระยะค่อนข้างกว้าง สามารถเปิดตู้ออกมาแล้วยืนแต่งตัวได้สบายๆ
มองขึ้นไปบนฝ้าเพดานมีการติดตั้งไฟดาวน์ไลท์ให้ 2 ดวง ค่ะ
ปลั๊กและสวิตซ์ไฟที่ให้เป็นสีขาวหน้าตาแบบนี้
**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ
ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 13 July 2014
- 1 Bedroom อาคาร C ชั้น 8 ห้อง 811 ขนาด 28.6 ตารางเมตร ราคา 1.785 ล้านบาท หรือ 62,412 บาทต่อตารางเมตร
- 1 Bedroom อาคาร C ชั้น 6 ห้อง 622 ขนาด 29.7 ตารางเมตร ราคา 1.74 ล้านบาท หรือ 58,585 บาทต่อตารางเมตร
- 1 Bedroom อาคาร C ชั้น 2 ห้อง 221 ขนาด 28.6 ตารางเมตร ราคา 1.328 ล้านบาท หรือ 46,433 บาทต่อตารางเมตร
- 1 Bedroom อาคาร D ชั้น 8 ห้อง 808 ขนาด 28.6 ตารางเมตร ราคา 1.93 ล้านบาท หรือ 67,482 บาทต่อตารางเมตร
- 1 Bedroom อาคาร D ชั้น 4 ห้อง 416 ขนาด 29.7 ตารางเมตร ราคา 1.659 ล้านบาท หรือ 55,858 ต่อตารางเมตร
- 1 Bedroom อาคาร D ชั้น 1 ห้อง 113 ขนาด 36.5 ตารางเมตร ราคา 1.965 ล้านบาท หรือ 53,835 บาทต่อตารางเมตร
- 2 Bedroom อาคาร D ชั้น 7 ห้อง 701 ขนาด 60.7 ตารางเมตร ราคา 3.889 ล้านบาท หรือ 64,069บาทต่อตารางเมตร
- Fully Furnished
- ฝ้าเพดานสูง 2.45 เมตร
- Kitchen & Sink
- จอง 2,000 บาท
- ทำสัญญา 3,000 บาท
- ค่ากองทุน 400 บาทต่อตารางเมตร
- ค่าส่วนกลาง 30 บาทต่อตารางเมตรต่อเดือน
**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ
โครงการ Natureza Art พัทยาเหนือ เป็นคอนโดในพัทยาที่แตกต่างจากคอนโดทั่วไป ตรงที่ไม่ได้อยู่ใกล้ทะเล ที่เที่ยวหรือสถานบันเทิง แต่อยู่ในจุดที่เป็นชุมชน แหล่งงาน และมีสถานศึกษาอยู่ใกล้ๆ โครงการนี้จึงเป็นคอนโดที่เหมาะสำหรับการอยู่อาศัยในชีวิตประจำวันมากกว่าจะเป็นคอนโดตากอากาศ
ทำเลของโครงการอยู่ในตำแหน่งที่ห่างจากตัวพัทยาเหนือประมาณ 2 กิโลเมตร สภาพแวดล้อมรอบๆโครงการจะเป็นบ้านพักอาศัย ห้องแถว และอาคารพาณิชย์ซะเป็นส่วนใหญ่ โดยโครงการมีทางเข้า-ออกให้สองทางที่ถนนชัยพรวิถีและถนนสุขุมวิท จึงมีข้อดีคือเราเลือกใช้งานได้ตามสะดวก โดยฝั่งถนนชัยพรวิถีจะมีร้านค้า ร้านอาหารเล็กๆแบบ Local ให้เลือกหลากหลาย แบบเดินข้ามถนนไปกินได้เลย ส่วนฝั่งถนนสุขุมวิทจะมีความเจริญมากกว่า ใกล้ๆโครงการจะมีร้านขายของชำ ร้านกาแฟ มีโรงเรียนเมืองพัทยา 3 ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามถนนสามารถข้ามสะพานลอยไปได้เลย ส่วนความอุดมสมบูรณ์ในระยะที่เขยิบไปหน่อยก็มีแถวตลาดใหม่นาเกลือในซอยสว่างฟ้า เลยไปบนถนนพัทยา-นาเกลือที่มีตลาดลานโพธิ์นาเกลือ ตลาดอมรนครให้ซื้อของกันได้ หรือใครอยากพักจากงานไปเที่ยวก็สามารถวิ่งไปในตัวเมืองพัทยาจะมีชายหาด สถานบันเทิง และที่เที่ยวต่างๆให้เลือกมากมาย
เนื่องจากโครงการเป็นคอนโด Low Rise 8 ชั้น ความสูงของตึกอาจไม่พอให้มองวิวได้สูงๆสวยๆเหมือนกับ The Trust หรือลุมพินี คอนโด ทาวน์ที่อยู่บนถนนสุขุมวิท ซึ่งสองที่นั้นเป็นคอนโดตากอากาศกึ่งอยู่อาศัย แต่ของ Natureza จะเน้นความ Privacy และการอยู่จริงในชีวิตประจำวันไม่ได้เน้นเรื่องวิวเท่าใดนัก สภาพแวดล้อมรอบๆโครงการเป็นอาคารแนวราบซะเป็นส่วนใหญ่ไม่ค่อยมีตึกสูงมาบังวิวในระยะประชิด วิวเด่นๆคือวิวทางทิศตะวันตกฝั่งถนนสุขุมวิทที่จะมองเห็นตึกสูงอยู่ไกลๆและจะเห็นทะเลได้ในห้องชั้นสูงๆ วิวทางทิศตะวันออกและทิศเหนือจะเห็นอาคารของเฟสข้างเคียง ส่วนวิวทางทิศใต้จะเป็นวิวฝั่งถนนชัยพรวิถี ที่หากอยู่ในชั้นสูงๆจะมองตรงไปได้ไกลถึงตัวเมืองพัทยา ส่วนห้องชั้น 1 ของทุกตึกจะไม่ค่อยเห็นอะไรนอกจากถนนและที่จอดรถ ยกเว้นห้องชั้น 1 ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของตึก D ที่จะมองเห็นสระว่ายน้ำและสวน
การเดินทางด้วยรถยนต์ค่อนข้างสะดวก ตัวโครงการเองอยู่บนถนนชัยพรวิถี ซึ่งมีถนนหลัก 3 เส้นมาตัดผ่าน คือ ถนนสุขุมวิทสามารถใช้ไปศรีราชาหรือจะเข้าไปในตัวเมืองพัทยาก็สะดวก, ถนนเลียบทางรถไฟสามารถใช้ไปทางเลี่ยงเมืองชลบุรีได้ และมอเตอร์เวย์ที่สามารถใช้เข้ากรุงเทพได้เลย ในแง่การเดินทางถือว่าสามารถไปไหนมาไหนได้ง่ายแต่โครงการให้ที่จอดรถมา 162 คัน หรือคิดเป็น 40% รวมจอดซ้อนคัน ถือว่าค่อนข้างน้อยไปหน่อย เพราะคนที่อยู่ที่นี่น่าจะต้องใช้รถยนต์ขับไปทำงานเข้า-ออกตัวเมืองพัทยาเป็นประจำ การให้ที่จอดรถมาเท่านี้ก็มีแนวโน้มว่าอาจจะไม่เพียงพอสำหรับลูกบ้าน ก็ต้องรอดูกันต่อไปนะคะว่าเมื่อลูกบ้านย้ายเข้าอยู่แล้วจะเป็นอย่างไร
การเดินทางโดยไม่ใช้รถยนต์ ตัวโครงการอยู่ติดถนนชัยพรวิถีและถนนสุขุมวิทซึ่งเป็นถนนใหญ่ สามารถเดินออกมาเรียกรถสองแถวหรือรถประจำทางอื่นๆได้ไม่ยาก แต่ทำเลของโครงการเองไม่ได้อยู่ในตัวเมืองพัทยาหรือโซนที่รถสองแถววิ่งกันคึกคัก การจะเดินทางไปไหนไกลๆต้องอาศัยการต่อรถเอา จึงแนะนำให้มีรถส่วนตัวหรืออย่างน้อยมีรถมอเตอร์ไซค์หรือจักรยานจะสะดวกกว่ากันเยอะ
วัสดุที่ให้มาตามมาตรฐานราคาคอนโดตารางเมตรประมาณ 56,000 บาท ไม่หวือหวาอะไร เฟอร์นิเจอร์ที่แถมมาให้ของ Index สุขภัณฑ์ของ Mogen พื้นห้องครัวและ Living area เป็นแกรนิตโตขนาด 60 x 60 เซนติเมตร ส่วนพื้นห้องนอนเป็นลามิเนตลายไม้ 8 มิลลิเมตร ส่วนครัวให้มาทั้งเคาน์เตอร์บนและล่าง มีซิงค์ให้แต่ไม่มีเตาและที่ดูดควัน
การออกแบบโครงการจัดสรรเนื้อที่ขนาดใหญ่ 22 ไร่เศษได้ค่อนข้างดี โดยแบ่งพื้นที่ออกเป็น 4 เฟส แต่ละเฟสแยกอาคาร แยกส่วนกลาง และแยกนิติบุคคลออกจากกัน จะมีก็เพียง Shop และร้านค้าซึ่งเป็นโครงการในอนาคตที่ลูกบ้านจะสามารถมาใช้ร่วมกันได้ทุกเฟส มีการรักษาความปลอดภัยแบบ Double Gate คือมีป้อม รปภ.ที่ทางเข้าหลักและทางเข้าแต่ละเฟสเพิ่มความปลอดภัยให้ลูกบ้าน ถ้าโฟกัสที่ตัวโครงการเฟส 2 เองมีการวางผังให้อาคารล้อมรอบ Facilities แบบเยื้องกัน ซึ่งมีข้อดีที่ตัวตึกไม่ชนกันทำให้ไม่บังวิวกันเองและเพิ่มความ Privacy มากขึ้นด้วย เวลาเปิดหน้าต่างไปจะได้ไม่ไปปิ๊งปั๊งกับห้องตรงข้าม
ส่วนการออกแบบห้องพักอาศัยจะเน้นไปที่การใช้งานในชีวิตประจำวัน จึงมีห้องขนาดเริ่มต้นอยู่ที่ 28.6 ตารางเมตร ซึ่งถ้าเทียบกับ The Trust และ ลุมพินี คอนโด ทาวน์ ที่อยู่ในทำเลใกล้ๆกันแล้วห้องของเราจะให้แบบ Fully Furnished ที่มีขนาดใหญ่กว่าในราคาพอๆกัน การวางฟังก์ชั่นค่อนข้างครบสำหรับการอยู่อาศัยในขณะที่ยังสามารถมองวิวจากห้องพักได้อยู่ แต่จะมีจุดขัดใจเล็กๆตรงห้องน้ำที่ออกแบบพื้นที่มาเล็กไปหน่อย และห้องครัวเปิดที่กั้นห้องเป็นครัวปิดค่อนข้างยาก ตัว Pantry ที่ให้มาไม่มีเตาและที่ดูดควันดังนั้นการใช้ชีวิตจริงคงต้องซื้อกับข้าวมากินที่ห้อง อาจจะทำอาหารง่ายๆได้จำพวกอุ่นอาหารในไมโครเวฟ หรือต้มสุกี้ในหม้อต้มไฟฟ้าเท่านั้น หากใครชอบทำอาหารแบบหนักๆอาจจะไม่เหมาะ แต่ถ้าใครชิวๆชอบซื้อกับข้าวข้างนอกหรือใช้ไมโครเวฟเป็นประจำอยู่แล้วห้องแบบนี้น่าจะตอบโจทย์
สาธารณูปโภคของโครงการให้มาครบและสวยดี เนื่องจากโครงการนี้ไม่ใช่คอนโดตากอากาศ ไม่มีวิวทะเลอะไรให้มอง เค้าเลยมีแนวคิดในการออกแบบส่วนกลางให้สวยเพื่อสร้างทัศนียภาพที่ดีขึ้นมาเอง ทำให้ผู้อยู่อาศัยรู้สึกเหมือนกลับมาพักที่บ้าน ในขณะที่ยังมีความเป็นส่วนตัวด้วยเพราะแต่ละเฟสแยกการใช้งานกัน แต่ละเฟสก็จะมีคอนเซปต์ของตัวเอง ซึ่งเฟส 2 นี้มีชื่อว่า Revessa ส่วนกลางของเฟส 2 นี้จะประกอบด้วยสระว่ายน้ำระบบเกลือ ขนาด 10 x 32 เมตร แยกสระเด็กและผู้ใหญ่ รอบๆสระว่ายน้ำมีการสร้างบรรยากาศโดยการทำเนินวงกลมปูสนามหญ้าและตกแต่งด้วยนกสีขาวที่เป็น Gimmick ของเฟสนี้ มีห้องฟิตเนสที่บรรจุเครื่องออกกำลังกายได้ 9 เครื่อง ขณะเล่นฟิตเนสก็สามารถมองเห็นวิวสระว่ายน้ำได้ สำหรับค่าส่วนกลาง 30 บาทต่อตารางเมตร ก็ถือว่าเป็นราคาที่ดีและสมน้ำสมเนื้อกับส่วนกลางที่ให้มาค่ะ
Judgement
การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้
ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%
เทียบกับราคา 56,000 บาทต่อตารางเมตร, 13 July,2014
- ทำเล 8/10 – ทำเลติดถนนชัยพรวิถีและสุขุมวิท สามารถเข้า-ออกได้ทั้งสองทาง มีความอุดมสมบูรณ์ดี ห่างจากตัวเมืองพัทยาประมาณ 2 กม.
- เดินทางด้วยรถ 7.5/10 – เดินทางค่อนข้างสะดวก แต่ติดตรงให้ที่จอดรถมาแค่ 40%
- ไม่ใช้รถ 7.5/10 – ติดถนนใหญ่ เรียกรถได้ไม่ยาก แต่เหมาะกับการใช้รถมากกว่า
- วัสดุ 8/10 – Fully Furnished ให้มาครบ แบบหิ้วกระเป๋าเข้าอยู่ได้เลย
- แบบ 7.5/10 – โครงการขนาดใหญ่มียูนิตค่อนข้างเยอะ ห้องพักให้ฟังก์ชั่นมาครบ แต่ห้องน้ำจัดพื้นที่มาเล็กไปหน่อยและห้องครัวใช้งานจริงไม่ค่อยสะดวก
- สาธารณูปโภค 8/10 – ให้ Facilities มาครบทั้ง สระว่ายน้ำ ฟิตเนส นิติบุคคล แยกการใช้งานในแต่ละเฟส
- ECONOMY CLASS
- 7.80 / 10.00
BOTTOM LINE
Natureza Art พัทยาเหนือ เหมาะกับคนที่มองหาคอนโดสำหรับอยู่อาศัยในชีวิตประจำวัน ทำงานในโซนพัทยา ชลบุรี ชอบโครงการที่มีความ Privacy ให้ Facilities มาครบ ไม่เน้นวิวสวย เน้นความสะดวกในการเดินทางด้วยรถส่วนตัวเป็นหลัก มีงบประมาณ 1.29 – 3.89 ล้าน หรือมีกำลังผ่อนต่อเดือนประมาณ 9,030 -27,230 บาท
ถ้าเห็นว่ารีวิวนี้มีประโยชน์ ช่วยกด LIKE ให้ผมหน่อยนะครับ จะได้มีกำลังใจทำรีวิวถัดๆไปค่ะ