Open-Web

รีวิวฉบับที่ 1065 … สวัสดีครับ วันนี้พาไปเดินเล่นที่โครงการ The Issara ลาดพร้าว Condo High Rise 47 ชั้น จากชาญอิสสระ ที่ตอนนี้ยังครองความสูงที่สุดบนถนนลาดพร้าวอยู่นะ ที่บอกว่าจะพาไปเดินเล่นถูกแล้วครับ เพราะที่นี่เราเคยเคยรีวิวไว้ตั้งแต่ 4 ปีที่แล้วล่ะ 😀 วันนี้จะพาไปชมเป็นฉบับมินิเดินดูส่วนกลางสักหน่อย และก็ห้อง Type พิเศษ ที่ทางโครงการเค้านำมาตกแต่งใหม่จากเดิมใหม่ทั้งหมดให้ดูกัน ส่วนห้อง Type อื่นๆทั้งหลายนี่โครงการเค้าขายหมดตั้งแต่ 3 ปีที่แล้วคงจะไม่ได้พูดถึงในวันนี้ เอาล่ะ..ตามไปชมกันเลยดีกว่า

Fact @ 9 March 2016

  • The Issara Ladprao (ดิ อิสสระ ลาดพร้าว)
  • C.I.N Estate ในเครือ ชาญ อิสสระ
  • N/A CLASS (เป็นยูนิตพิเศษพร้อมตกแต่งเลยไม่จัดอยู่ในคลาสใดๆ)
  • โครงการตั้งอยู่ในเขต : แขวงจอมพล เขตจตุจักร ถนนลาดพร้าว
  • คอนโด High Rise 47 ชั้น 1 อาคาร 561 ยูนิต
  • อาคารจอดรถ 10 ชั้น
  • ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 15 ยูนิต
  • ที่จอดรถรวมซ้อนคันคิดเป็นประมาณ 70 % 
  • ที่ดินประมาณ 4-3-54 ไร่
  • เริ่มก่อสร้างปี 2007 / แล้วเสร็จปี 2011
  • Studio 34 ตร.ม.  / 1 Bedroom 52 ตร.ม.  / 2 Bedrooms 52-78 ตร.ม.
  • 3 Bedroom 138 ตร.ม.  / Duplex 339 ตร.ม.
  • ฝ้าเพดานสูง 2.60 เมตร
  • ปัจจุบันปิดการขายไปแล้ว เหลือแต่ห้องยูนิตพิเศษสอบถามโครงการ
  • เวปไซต์โครงการ : คลิกที่นี่
  • โทร  : 088-662-3555

เพียงแค่การกด Like ก็เท่ากับการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจาก Think of Living แล้วครับ

สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างครับ


เจาะลึกเรื่องทำเลที่ตั้ง

พิกัด : 13.808860, 100.567982

map_en

แผนที่จากทางโครงการครับ ตั้งอยู่ระหว่าง MRT พหลโยธิน และ MRT ลาดพร้าว ฝั่งตรงข้ามเป็น BigC Extra

แผนที่ระยะไกล

ทำเลที่ตั้งของโครงการนั้นอยู่ติดกับถนนหลักอย่างลาดพร้าวเลย อยู่ระหว่างแยกใหญ่ที่คนรู้จักกันดีอย่างห้าแยกลาดพร้าว กับ แยกรัชดา-ลาดพร้าว ที่ขึ้นชื่อว่ารถติดสาหัสนั่นเอง แต่ถ้าไปอ่านรีวิวเดิมจะรู้ว่าเวลากลับบ้านเราสามารถใช้ซอยลัดที่เข้าจากวิภาวดีรังสิตได้นะมันดีตรงนี้ล่ะ สภาพแวดล้อมโดยรอบใกล้เคียงแหล่งช็อปปิ้งที่ใกล้เคียงที่สุดก็คงจะเป็นห้าง BigC Extra , HomePro ที่เดินได้แบบระยะประชิดเลย ส่วนห้างที่ขยับออกมาในละแวกใกล้ๆนี้หน่อยก็คงจะเป็น Union Mall ,Central ลาดพร้าว, Lotus, Index Living Mall, เมเจอร์ รัชโยธิน อีกทั้งยังมีตลาดเดินช้อปให้เลือกอีกคือสวนจตุจักร ตลาดอ.ต.ก. และสวนลุมไนท์ฯรัชดาที่พึ่งจะเปิดตัวไปไม่นานนี้มีร้านอาหารมาเพิ่มอีก ถือว่าอุดมสมบูรณ์เลย

แผนที่รถไฟฟ้า

แผนที่การเดินทางของสถานีรถไฟฟ้าโดยรวมครับ จะเห็นว่าเราอยู่ประมาณกึ่งกลางระหว่าง MRT สถานีพหลโยธินและสถานีลาดพร้าว โดยถ้าเดินไปทางพหลโยธิน(ประตู 1) ระยะประมาณ 750 ม. ส่วนถ้าเดินไปสถานีลาดพร้าว(ประตู 2) ระยะประมาณ 430 เมตร ครับ ทางนี้จะใกล้กว่ายังพอเดินได้อยู่

แผนที่ถนนลาดพร้าว

ผมทำแผนที่ความอุดมสมบูรณ์รอบๆใกล้เคียงบนถนนลาดพร้าวมาให้ดูประกอบครับ Minimart และร้านอาหารริมทางใกล้สุดจะอยู่ด้านหน้าโครงการเลยที่เป็นแนวตึกแถวร้านค้า มี 7-Eleven ร้านก๋วยเตี๋ยว ข้าวมันไก่ อาหารตามสั่ง ร้านตัดผม เต็มไปหมด มีร้านกาแฟขนาดใหญ่ที่ชื่อว่า Espresso Galery ที่อยู่ริมถนนลาดพร้าวด้านหน้าคอนโด Issara ด้วยคนมาใช้บริการกันเยอะมาก และยังใกล้กับธนาคาร ไปรษณีย์ และปั๊มน้ำมันอีก  การเดินทางโดยใช้รถช่วงเช้า กลางวันจะค่อนข้างคล่องตัว และเดินทางไปไหนจะค่อนข้างสะดวกเช่นไปลาดพร้าวตอนปลาย รัชดาฯ รัชโยธิน พหลโยธิน และวิภาวดีรังสิต แต่จะมาติดหนักประมาณช่วงเย็นหลังเลิกงานเวลาประมาณ 17.30 – 20.00 น. นี่สิ.. ยิ่งฝั่งตรงข้ามโครงการเราที่ติดกับหน้า BigC นี่จะติดเป็นพิเศษเลยล่ะ ช่วงระหว่างห้าแยกลาดพร้าวกับแยกรัชดา-ลาดพร้าว ใครจะเดินทางกลับช่วงเลิกงานก็วางแผนเวลากันหน่อยนะ

วิว

**รูปนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการแบบคร่าวๆไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการได้นะครับ

วิวของที่นี่จะมีแค่ทางฝั่งทิศเหนือและทิศใต้เท่านั้นนะครับ ซึ่งทางฝั่งทิศเหนือจะติดกับถนนลาดพร้าว ในระยะใกล้ๆจะมองเห็นคอนโดเพื่อนบ้านนิดหน่อยอย่าง The Zest, Ideo Ladprao 5, The Light เป็นต้น มองไปไกลๆเป็นสีเขียวจากสวนรถไฟ หันมาทางขวาหน่อยจะเห็นหลังคาขนาดใหญ่ของ BigC Extra / ส่วนทางฝั่งทิศต้ค่อนข้างโล่งเป็นซิตี้วิวบ้านพักอาศัยสลับกับพวกอพาร์ทเมนท์ ถ้ามองไปไกลๆหน่อยจะเห็นตึกสูงบนถนนรัชดาครับ

อันนี้วิวฝั่งทิศเหนือ ถ่ายจากชั้นที่ 42 ห้อง 3 Bedroom มองไปจะเห็นคอนโดเพื่อนบ้านอยู่ปะปนกัน สีเหลืองๆนั่นคือยูเนียนมอลล์ และมองไปไกลๆจะเห็นสีเขียวจากสวนรถไฟครับ

หันมามองทางขวาหน่อยจะเห็นหลังคาขนาดใหญ่ของ BigC Extra ถ้าใครอยู่ฝั่งนี้ชั้นล่างๆหน่อยก็จะได้ยินเสียงรถจากบนถนนลาดพร้าวบ้าง

ส่วนนี้เป็นวิวทิศใต้ที่ถ่ายจากห้อง Duplex Penhouse ชั้นที่ 46 เป็นวิวบ้านพักอาศัยสลับกับอพาร์ทเมนท์ไม่มีอาคารสูงในระยะใกล้ๆ ถ้ามองไปไกลๆลิบโน้นจะเห็นพวกคึกสูงบนถนนรัชดา

หันมาทางขวาหน่อย ขวาสุดจะเห็นตึกของการบินไทยที่อยู่ติดกับถนนวิภาวดีรังสิต วิวฝั่งทิศใต้จะดูโล่งๆสบายตากว่าทิศเหนือนะ เพราะได้ต้นไม้จากตามบ้านที่อยู่ในซอยเหล่านี้มาปะปน ทำให้ไม่ดูเห็นแต่ตึกจนเกินไป

 

สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น

  • Espresso Gallery ~ 0 ม.
  • 7-Eleven ~ 40 ม.
  • Big C Extra ~ 100 ม.
  • MRT ลาดพร้าว ~ 430 ม.
  • MRT พหลโยธิน ~ 750 ม.
  • ยูเนียนมอลล์ 800 ม.
  • สวนลุมไนท์ฯ รัชดา ~ 800 ม.
  • สวนสมเด็จย่า ~ 1.6 กม.
  • เซ็นทรัลลาดพร้าว ~ 1.8 กม.
  • สวนจตุจักร ~ 1.8 กม.
  • โรงเรียนหอวัง ~ 2 กม.
  • Tesco Lotus ~ 2.3 กม.
  • สวนรถไฟ ~ 2.3 กม.


เจาะลึกตัวโครงการ

00

โครงการ The Issara Ladprao เป็นคอนโด High rise สูง 47 ชั้น 1 อาคารที่เราเห็นด้านหน้านี้ ภายในมียูนิตจำนวน 561 ยูนิต โดยมีชั้น Facility อยู่ที่ชั้น 1 อย่าง Lobby Double Space, Reception, Mail Box,Wash Box, ห้องอ่านหนังสือ และสวนหย่อมเครื่องเล่นเด็กที่ด้านหลังอาคาร ส่วนชั้น Facility ที่ 4 จะเป็นห้อง Fitness ที่เป็น Double Volume เช่นเดียวกันภายในห้อง Fitnnes จะมีพื้นที่แยกเป็นห้องอเนกประสงค์สำหรับโยคะหรือบอดี้คอมแบตก็ได้และก็มีห้องอาบน้ำห้องสตรีมด้วย สุดท้ายสระว่ายน้ำจะอยู่ที่ชั้น 6 มีชุดเก้าอี้นอนอาบแดดและโต๊ะนั่งพักอยู่รอบๆ มีลานกลางแจ้งอเนกประสงค์ขนาดใหญ่มาให้ดูเอาไว้สำหรับกิจกรรมลูกบ้านประจำปีต่างๆ

ชั้นจอดรถนี่จอดได้ตั้งแต่ชั้น 1A ไปจนถึง 5B รวมแล้วก็ 10 ชั้นพอดี และสามารถจอดรถด้านหลังอาคารได้อีกหน่อย รวมแล้วทั้งหมดจอดได้ประมาณ 70% ส่วนของลิฟท์โดยสารที่นี่เค้าแยกเป็นแบบ Low&High Zone เอาไว้ คือ ฝั่ง Low Zone (ชั้น 1-29) จะมี 3 ตัว และก็ฝั่ง High Zone (ชั้น 30-46) จะมี 2 ตัว รวมเป็นทั้งหมด 5 ตัว และมี Service Lift อีก 1 ตัว

ป้าย Signage ของโครงการอยู่ด้านหน้าริมถนนลาดพร้าว

หันไปมองทางซ้ายจะเป็นป้ายรถเมล์เลย โครงการที่ติดถนนใหญ่ก็ดีหน่อยแถวขึ้นรถเมล์และ Taxi ง่าย ถ้าเดินเลยสะพานลอยไปอีก 50 เมตรจะมีพี่วินมอเตอร์ไซต์ที่ปากซอยลาดพร้าว 12 ด้วย

ฝั่งตรงข้ามเป็น BigC Extra ขนาดใหญ่แถมปิดตั้ง 5 ทุ่ม ถ้าใครอยากกินอะไรง่ายๆก็ข้ามไปทานฟู๊ดคอร์ทเอาก็ได้ไม่ร้อนด้วย หรือจะเลือกเป็นร้านอาหารตามแนวตึกแถวๆนี้ก็ได้ครับมีให้เลือกอยู่พอสมควร

หันมาทางขวาถ้าเดินตรงไปจะเป็นซอยลาดพร้าว 14, 16, 18 ไล่ขึ้นไปเรื่อยๆ ถ้าไป MRT ลาดพร้าวประตู 2 ใช้ระยะประมาณ 430 เมตร ส่วนขวามือในรูปนี่เป็นทางเข้าของร้านกาแฟที่อยู่ด้านหน้าโครงการเลย

ทางเข้าหน้าร้านกาแฟ Espresso Galley อันนี้ไม่ใช่ส่วนนึงของโครงการนะครับ แต่ทางชาญอิสสระเค้ามาสร้างเอาไว้ให้ ประโยชน์ของลูกบ้านก็คือเอาไว้เป็นจุดนัดพบให้แขกที่มาหาเราถ้าไม่สะดวกให้เข้ามาในบ้านเรานั่นเองและก็ลูกบ้านไม่ต้องเสียค่าจอดรถยังไงล่ะ 😀

เข้ามาให้ดูบรรยากาศภายในซะหน่อย ตกแต่งร้านน่านั่งทีเดียว มีคนมาใช้บริการเยอะพอสมควร

ถนนทางเข้าโครงการช่วงแรกจะเป็นลาดยางทั้งหมดนะครับ เป็นสองเลนแบบนี้ มีส่วนของทางเดินเท้าด้านข้างทางขวามือ

ทางเข้าออกจะเป็นรั้วไม้กั้นกระดก โดยมีป้อมรปถ.อยู่กึ่งกลาง ใช้ระบบ Keycard Access และก็สติ๊กเกอร์ลูกบ้าน 2 อย่างเลย บริเวณทางเข้าออกจะมี CCTV อยู่ทั้งขาเข้าและออก

ด้านข้างทางเดินเข้าเป็นส่วนหย่อมภายในโครงการ เนื่องด้วยโครงการเสร็จมาหลายปีแล้ว ต้นไม้ก็เลยโตแบบที่เห็น

ส่วนขวามือสุดของทางเดินเข้าก็ต้องใช้ Keycard ลูกบ้านเช่นกัน

ส่วนหย่อมนี่มีทางเดินเล่นรอบๆเอาไว้ให้ด้วยนะครับ

เข้ามาในโครงการแล้ว พื้นทั้งหมดช่วงด้านหน้าจะเป็น stamp concrete จะดูสวยงามกว่า

ตรงส่วนที่เป็นผนังอาคารที่ปิดผิวด้วยไม้ตรงนี้เป็นส่วนของที่จอดรถ โดยโครงการเลือกไม้มาปิดเอาไว้ให้ดูสวยงาม และเปิดบางส่วนเป็นช่องแสงและลมเอาไว้ให้

ด้านข้างอาคารเป็นทางเข้าที่จอดรถใต้อาคาร โดยกำหนดความสูงเอาไว้ให้ไม่เกิน 2.10 เมตร แต่เดี๋ยวผมขอตรงไปดูด้านหลังอาคารก่อน

เดินมาที่ด้านหลังอาคารที่เป็นทั้งลานจอดรถกลางแจ้งแล้ว ยังมีส่วนหย่อมอีกจุด

ภายในสวนส่วนนี้เค้าทำเป็นสนามเด็กเล่น และรอบๆเป็นลานวิ่ง Jogging Track เอาไว้ให้ ปลูกต้นไม้บังสายตาจากบ้านรอบๆเอาไว้ด้วย

ส่วนของเครื่องเล่นเด็ก มีไว้ให้ 4 ชิ้นตามนี้ พื้นจะเป็นทรายละเอียดแบบชายหาดถ้าล้มอะไรก็จะไม่เจ็บมาก ด้านหลังใต้ต้นไม้จะมีเก้าอี้นั่งไว้ให้หลบแดดเอาไว้สำหรับผู้ปกครองมานั่งรอได้

มองกลับไปที่ตึกจะเห็นประตูทางเข้าไปในส่วนอาคารที่จอดรถ จะเห็นว่าทุกจุดในโ๕รงการมี CCTV ประจำอยู่โดยรอบทั้งหมดเลย

เดินเข้ามาในอาคารที่จอดรถแล้ว พื้นก็จะเป็นคอนกรีตขัดมันแบบนี้ จอดรถตามช่องเท่านั้น ภายในอาคารจอดรถซ้อนคันไม่ได้ เดินรถทางเดียว

ทางขึ้น-ลง มีป้ายบอกชัดเจน

ระหว่างชั้นก็มีบันไดเดินขึ้นลงถึงกันแบบนี้ อยู่ตริงกึ่งกลางของที่จอดรถ

ระหว่างที่จอดรถถ้าจะเข้ามาในตัวอาคารโถงลิฟท์ ก็ต้องใช้ Keycard เหมือนกันนะครับ

ขออนุญาติกลับมาที่ทางด้านหน้าโครงการอีกทีนะครับ คราวนี้จะพาเดินเข้ามาทาง Lobby บ้าง

เดินเข้ามาแล้วบริเวณนี้ยังเป็นทางเดินกึ่ง Outdoor อยู่นะ บริเวณเสาก็ตกแต่งปิดผิวด้วยไม้แบบเดียวกับตรงที่จอดรถ

ถึงทางเข้า Lobby แล้ว จะมีชุดโต๊ะเก้าอี้นั่งเอาไว้ให้ก่อนเข้าด้านในประมาณ 5-6 ชุดด้านนอก

ทางเข้าเป็นประตูกระจกบานเลื่อนอัตโนมัติหน้าตาเช่นนี้

เข้ามาแล้วจะเจอ Lobbt Double Volume มีเคาน์เตอร์ Reception อยู่ ผนังด้านหลังกรุด้วยกระเบื้องลวดลายหินสีเขียว

ติดกันข้างเป็นพื้นที่นั่งเล่นรับแขก หรือเอาไว้มานั่งอ่านหนังสือได้ ผนังกระจกด้านหลังสามารถเปิดออกให้ลมวิ่งเข้าได้เวลาไม่ได้เปิดแอร์

lift

ลิฟท์โดยสารที่นี่เค้าแยกเป็นแบบ Low&High Zone เอาไว้ คือ ฝั่ง Low Zone (ชั้น 1-29) จะมี 3 ตัว และก็ฝั่ง High Zone (ชั้น 30-46) จะมี 2 ตัว รวมเป็นทั้งหมด 5 ตัว และมี Service Lift อีก 1 ตัว คิดเป็นความหนาแน่นทั้งหมด 112 : 1

ที่หน้าโถงลิฟท์ชั้น 4 เป็นทางเข้าของห้อง Fitness ส่วนนี้ถ้าใครจะเข้ามาใช้งานต้อง Scan นิ้วมือนะครับ ไม่ได้ใช้ Keycard คือต้องไปแจ้งนิติว่าเป็นลูกบ้านห้องไหน แล้วบันทึกลายนิ้วมือถึงจะใช้ได้

เข้ามาห้อง Fitness แล้ว ขวามือจะเป็นส่วนของเคาน์เตอร์ที่มีพนักงานประจำอยู่สอบถามพวกเครื่องเล่น กุญแจล็อกเกอร์ ข้างๆมีชุดโต๊ะเก้าอี้นั่งรับแขกไว้ 3 ชุด พื้นในห้องเป็นกระเบื้องไวนิล(ยาง)ลายไม้ พื้นที่ภายในเป็น Double Volume

จริงๆ Fitness ที่นี่ใหญ่มากๆ แต่วันที่ไปเก็บรูปมีลูกบ้านใช้งานอยู่บางส่วนเท่านั้นครับ โดยจะมีเครื่องออกกำลังกายประมาณ 19 ชิ้นเลย

ผนังด้านข้างเป็นกระจกสูงโปร่งแบบนี้ สูงประมาณ 5.2 เมตร เวลาออกกำลังกายจะรู้สึกไม่อึดอัด และแสงเข้ามามากกลางวันไม่ต้องเปิดไฟเลย

กลับหลังหันไป พื้นที่ส่วนนี้สอบถามเป็นพื้นที่กิจกรรมออกกำลังกายอเนกประสงค์ อาทิเช่น โยคะ บอดี้คอมแบท มวย เพราะที่นี่จะมีเทรนนิ่งที่ทางนิติฯเค้าเรียกมาสอนประจำวันธรรมดาช่วงหัวค่ำครับ

ภายในห้องน้ำขนาดกว้างเลยทีเดียว โดยแบ่งการใช้งานเป็นโซนอ่างล้างมือ ห้องอาบน้ำ ห้องน้ำ และก็ห้องสตรีม

ทีนี้ขึ้นมาที่โถงลิฟท์ชั้น 6 กันบ้าง ชั้นนี้จะมีส่วนของห้องพักอาศัยแล้วนะครับ แต่ก็กั้นด้วยประตูกระจกแบบนี้ ต้องแตะคีย์การ์ดอีกชั้นเข้าไป ไม่ต้องกลัวว่าคนจากชั้นอื่นมาใช้ Facilitiy แล้วจะมาเดินผ่านหน้าห้องเรา

ออกมาที่พื้นที่กลางแจ้งแล้ว มีทางเดินลดระดับธรรมดาและสำหรับผู้ที่ใช้รถเข็นด้วยนะ

สระว่ายน้ำที่นี่เป็นระบบเกลือ กว้างประมาณ 8.5 x 25 เมตร สามารถใช้ออกกำลังกายได้จริงจังเลย รอบๆของสระปลูกต้นไม้เอาไว้ฝั่งนึง

ส่วนฝั่งขวามือจะเป็นชุดโต๊ะเก้าอี้แบบนี้ สำหรับมานั่งรอเพื่อนหรือเด็กๆที่ออกกำลัง หรือนั่งเล่นตากอากาศเฉยๆก็ได้ครับ ด้านหลังติดกับรั้วเค้าปลูกแนวต้นลีลาวดีเอาไว้ยาวตลอดแนว

สระเด็กถูกแยกออกมาข้างๆใกล้ๆกับเก้าอี้นอนอาบแดด ขนาดประมาณ 3 x 3 เมตร ลึก 60 ซม.

เดินต่อมาอีกหน่อยจะมีสระจากกุชชี่พ่นล่มได้ 5 จุด เอาไว้นั่งผ่อนคลาย ขนาดพอๆกับสระเด็ก

มองย้อนกลับไปที่ตัวตึก ชั้นนี้จะมีห้องพักอาศัยที่ติดกับสระแบบนี้ประมาณ 3 ห้อง แต่ก็มีรั้วและแนวต้นไม้กั้นเอาไว้นะครับ ไม่ได้เดินออกมาได้เลย เพราะสระเค้าปิดเวลา 22.00 น.

0

เงยหน้าขึ้นไปดูจะเห็นว่าห้องแต่ละห้องจะมีขนาดความยาวไม่เท่ากันรวมถึงระเบียงไม่เท่ากันกันด้วย ทำไม่ดูมีมิติยื่นออกมาสลับกันไป ดูมีลูกเล่นแปลกตา เป็นอีกจุดเด่นหนึ่งของรูปร่างหน้าตา Exterior ของที่นี่

เดินมาอีกด้านนึงดูบ้าง เป็นทางเดินพื้นไม้ระแนง เหมือนเดินลอดใต้ร่มไม้ ดูร่มรื่นดี

เดินออกมาแล้วจะเจอศาลาเล็กๆอันนึง ซึ่งด้านหลังศาลาจะมีห้องน้ำ 1 ห้อง

หันมาทางซ้ายหน่อยจะมีทางลาดลงไปได้ และก็สนามหญ้าเทียม

ลานกว้างสนามหญ้าเทียม เป็นพื้นที่สำหรับกิจกรรมอเนกประสงค์ของลูกบ้านที่นี่เค้านะครับ บางทีจะมีจัดนั่งฟังธรรมบ้าง งานเลี้ยงปีใหม่บ้าง แล้วแต่โอกาส ถือว่าได้ใช้ประโยชน์ดีทีเดียวและเป็นส่วนตัวให้กับลูกบ้านด้วย

จากศาลานี่ก็เดินลงไปเล่นน้ำในสระทางฝั่งนี้ได้เหมือนกันนะครับ โดบรอบๆสระฝั่งนี้จะโรยหินกรวดตกแต่งเอาไว้

สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก

  • สระว่ายน้ำ 1 สระ ระบบเกลือ ขนาด 8.5 x 25 เมตร ลึก 1.2 เมตร
  • สระแบ่งสระเด็กขนาด 3 x 3 เมตร ลึก 0.6 เมตร และ มีสระจากกุชชี่ นั่งได้เต็มที่ 5 ที่นั่ง
  • ห้องออกกำลังกาย 1 ห้องขนาดใหญ่ที่ชั้น 4 Double Volume ใส่เครื่องออกกำลังกายประมาณ 19 เครื่อง
  • สวนหย่อมรอบโครงการ / สนามเด็กเล่นและลานวิ่งออกกำลังกายด้านหลัง
  • ลิฟท์โดยสารทั้งหมด 5 ตัว (Low Zone 2 ตัว High Zone 3 ตัว) และ Service Lift 1 ตัว
  • อัตราส่วนลิฟท์ 112 : 1
  • ที่จอดรถรวมจอดซ้อนคันทั้งหมดคิดเป็นประมาณ 70 %
  • ระบบ CCTV ที่ทางเข้าออก, สวนรอบ, ที่จอดรถ, Facility, Corridor / Access Card / สแกนนิ้ว Fitness


Product Walkthrough

อย่างที่บอกไว้ตอนต้นนะครับ ห้องตัวอย่างที่จะพาไปดู 2 ห้องนี้ ตกแต่งไม่เหมือนห้องมาตรฐานเดิมของโครงการนะ เป็นห้องขนาดใหญ่ที่โครงการเค้านำมา “แต่งใหม่” ทั้งหมดเลย รายละเอียดสเป็คยี่ห้อบางส่วนอาจจะไม่ได้พูดถึง คงต้องสอบถามทางโครงการเพิ่มอีกที เพราะว่าเค้าขายยกห้องตามที่เห็นได้ทุกชิ้นเลยนะครับ

plan3bed

เริ่มจากห้องแรกที่จะพาไปดูคือห้อง 3 Bedroom ขนาดเนื้อที่ 138.80 ตร.ม. โดยห้องนี้อยู่ที่ชั้น 42 ครับ เปิดประตูเข้าห้องมา ขวามือจะเป็นส่วนของครัว ซึ่งเค้ากั้นฉากเป็นครัวปิดเอาไว้เรียบร้อย และทางซ้ายมือเป็นโซนรับประทานอาหารจัดไว้แบบ 4 ที่นั่งด้านหลังมีชั้นตู้เก็บของทั่วไปได้ ถัดไปจะเชื่อมต่อกับ Living Area ที่ติดกันมีทางออกไประเบียง ด้านหลังของชั้นวางทีวีมี Bedroom 2 อยู่ซึ่งห้องนี้จะพิเศษคือมีห้องน้ำในตัว และได้กระจกเข้ามุมแต่ก็ต้องแลกกับการไม่มีระเบียงแทน ออกมาที่ทางเดินจะเจอกับ Bedroom 1 ซึ่งมีระเบียงในตัวและระเบียงยาวเชื่อมกับห้องนอน Master แต่ห้องนอนนี้ต้องออกไปใช้ห้องน้ำร่วมกับห้องรับแขกด้านนอกนะ สุดท้ายห้อง Master Bedroom จะเป็นห้องที่มีฟังก์ชั่นการใช้งานครบสุด และห้องน้ำใหญ่สุดด้วย(มีอ่างอาบน้ำและเป็นจากุชชี่ในตัว)

หน้าตาประตูทางเข้า ก่อนอื่นจะเห็นว่าประตูทางเข้าจะลดระยะเข้าไปแบบนี้ เพื่อเพิ่มความเป็นส่วนตัวเวลาเข้าออกห้อง ลูกบ้านเพื่อนบ้านจะได้ไม่มองเห็นกันเวลาจะไขประตูเข้าออกห้อง บานประตูเป็นแบบเต็มบานสูงจากพื้นถึงเพดานคือ 2.6 เมตร วงกบเป็นอลูมิเนียมสีดำ

ทีนี้พอเข้ามาในห้องแล้ว ขอถ่ายย้อนกลับไปที่ประตูทางที่เข้ามา จะเห็นว่าทางขวามือจะเป็นพื้นที่โซนครัว ซึ่งทางโครงการเค้าติดประตูบานเลื่อนกั้นส่วนเอาไว้ให้เป็นครัวปิดเป็นสัดส่วน เวลาประกอบอาหารกลิ่นจะได้ไม่กระจายเข้ามา

โดยทางโครงการเค้าทำรางเอาไว้ด้านบนแบบนี้ เวลาเดินยกของเข้าออกจะได้ไม่ต้องกลัวสะดุดนะ พื้นที่ห้องครัวกับ Living จะเหมือนกันคือเป็นกระเบื้องไซส์ 60 CM ของ Cotto Italia ลายหินสีขาว

ภายในครัวมีการทำเคาน์เตอร์เอาไว้รอบแบบนี้ ท๊อปเป็นหินสังเคราะห์สีดำ ด้านหลังมีหน้าต่างช่องแสงบานกระทุ้งสามารถเปิดออกระบายอากาศได้ ส่วนทางขวามือ ด้านบนจะเป็นชุดตู้เก็บของ ด้านล่างมีเตาอบ, เครื่องซักผา ตู้เก็บของใต้อ่าง ส่วนขวามือเป็นพื้นที่สำหรับวางตู้เย็นครับ

ออกมาจากห้องครัว จะเจอกับโซนรับประทานอาหาร แล้วถัดไปทางขวาจะเชื่อมกับ Living Area

ชุดโต๊ะรับประทานอาหารเค้าจัดเอาไว้แบบ 4 ที่นั่ง ดูสวยงามน่าใช้ ด้านหลังที่เป็นหน้าบานกระจกสองฝั่ง เป็นตู้ Built-In เอาไว้เก็บของใช้ทั่วไป

เปิดมาดูแล้วผมคิดว่าฝั่งนี้คงเอาไว้เก็บรองเท้ามากกว่าเพราะใกล้กับประตูทางเข้าด้วย และด้านข้างมีพื้นที่ทำเป็นโซฟา นั่งนอนเล่นได้ แต่ต้องเขยิบโต๊ะทานข้าวออกมานิดนึงนะครับ

หันหลังไปเป็น Living Area ซึ่งมีระยะดูทีวีประมาณ 3.4 เมตร ถือว่ากว้างพอสมควร ขนาดมีชุดโต๊ะกลางวางเอาไว้กึ่งกลางแล้ว ก็ยังเดินไปมาได้สะดวกครับ ด้านบนฝ้าเพดานมีการเล่นระดับเล็กน้อยและทำไฟซ่อนใต้ฝ้าเอาไว้

ทางโครงการเลือกหาโซฟามาวางเป็นแบบประมาณ 3 ที่นั่ง แบบนี้ ซึ่งถ้าใครชอบแขกมาบ่อยๆ เพิ่มไซส์ยังได้อีกนะครับ มีพื้นที่ด้านข้างๆเหลืออยู่

ระยะดูทีวีที่บอกไว้ 3.4 เมตร ผมลองนั่งดูจะเห็นประมาณนี้ ด้านข้างเป็นประตูทางเข้า Bedroom 2

ด้านข้างเป็นประตูกระจกบานเลื่อนขนาดใหญ่ 2 ตอน วงกบที่นี่เค้าหนาและหนักพอสมควรเลยนะ และซีลด้วยสักหลาดเก็บเสียงและฝุ่นเอาไว้ด้วย ลองเปิดออกให้ดูเป็นแบบนี้

พื้นที่ระเบียงกว้างประมาณ 0.7 x 4.0 เมตร รั้วกันตกเป็นเหล็กโปร่งสูงประมาณ 1.1 เมตร ที่นี่เค้าเอาคอมแอร์วางที่พื้นหันหน้าเข้าหากันแบบนี้ทุกห้องเลยนะครับ เค้าบอกว่าถ้ายกไว้สูงคนมองมาจากด้านนอกจะดูไม่สวย >_<  ถ้าไม่ชอบลมร้อนไปหาซื้อกริลล์บังคับลมหันออกไปด้านนอกเลยครับไม่กี่บาท

ทีนี้กลับมาดูใน Bedroom 2 ที่ประตูอยู่ข้างชั้นวางทีวีกันบ้าง เข้ามาแล้วจะเจอกับตู้เสื้อผ้า Built-In หน้าบานเป็นกระจกเงา และชั้นวางของทั่วไปอยู่ติดกัน

ภายในห้องวางเตียง King Size เอาไว้ให้ ปลายเตียงชุดตู้ชั้นวางทีวีหรือวางของอยู่ โดยยังมีระยะทางเดินเหลืออยู่ที่ปลายเตียงประมาณ 90 ซม.

ชุดตู้ปลายเตียงเป็นแบบนี้ หน้าบานเป็นไฮกลอสสีขาว ขอบมุมเป็นสแตนเลส

ระยะด้านข้างเตียงทั้งสองฝั่งเหลือให้วางโต๊ะหัวเตียงได้ ส่วนฝั่งขวาเป็นทางเดินไปเข้าประตูห้องน้ำในตัว

ผมลองเปิดผ้าม่านให้ดูทั้งหมด ห้องนี้เป็นหน้าต่างกระจกแบบเข้ามุมด้วย ทำให้ได้แสงส่องเข้ามาได้มาก และมุมมองที่สวยกว่าห้องอื่น ในห้องนี้เค้าทำฝ้าลดระดับมาบังบริเวณรางม่านให้ด้วยดูเรียบร้อยดี

มองย้อนกลับไปจะเห็นซ้ายมือเป็นประตูห้องน้ำในตัว

ในห้องน้ำขนาดค่อนข้างเล็กประมาณ 2 x 2.3 เมตร ถึงแม้จะเล็กแต่ก็มีฟังก์ชั่นการใช้งานครบทุกส่วนนะครับ ทางขวามือเป็นอ่างล้างมือ ตรงกลางเป็นห้องอาบน้ำกั้นฉากด้วยกระจกนิรภัย ซ้ายมือเป็นที่ตั้งสุขภัณฑ์  ส่วนพื้นที่อาบน้ำขนาดประมาณ 0.9 x 1.8 เมตร

พวกชุดสุขภัณฑ์และก๊อกทั้งหลายภายในห้องน้ำ ส่วนใหญ่จะใช้ของ American Standard  ระยะสุขภัณฑ์ฝั่งนี้จะแคบหน่อย แต่โครงการติดกระจกเงาทางซ้ายมือทำให้มันดูไม่อึดอัดเกินไป

ภายในห้องน้ำ มีชั้นวางของใช้เล็กๆให้สองจุด ชุดฝักบัวเป็นของ Grohe

ออกมาที่บริเวณ Living Area อีกครั้ง จะมีทางเดินต่อ

พอเดินไปจนสุดจะเจอกับประตู 3 บาน โดยผมใส่ลูกศรเอาไว้ให้ เดี๋ยวเราจะไปดูห้องน้ำกันก่อนครับ

ภายในห้องน้ำนี่เป็นห้องน้ำที่ใช้ร่วมกันระหว่าง Living Area กับ Bedroom 1 โดยมีขนาดค่อนข้างใหญ่เหมาะสมกำลังดี ผนังด้านหลังของอ่างติดกระจกเงาขนาดใหญ่เต็มช่วงครึ่งบนไปเลย

อ่างล้างมือทรงสี่เหลี่ยม รอบๆอ่างมีเคาน์เตอร์เอาไว้วางของได้ Top จะเป็นกระเบื้องลายเดียวกับพื้นห้องด้านนอก

ตำแหน่งสุขภัณฑ์อยู่ติดกับพื้นที่อาบน้ำแยกส่วนเหมือนกัน โดยพื้นที่อาบน้ำจะลดระดับลงประมาณ 2 ซม และมีธรณีก่อขึ้นมาอีกนิดหน่อย พื้นที่อาบน้ำประมาณ 0.8 x 1.0 เมตร

ภายในหน้าตาเหมือนห้องน้ำห้องแรกครับ

ออกมาดูที่ Bedroom 1 กันบ้าง เข้ามาในห้องพื้นในห้องจะเป็น Engineer Wood นะครับสีไม้โอ๊ค ภายในห้องแต่งด้วยโทนสีอบอุ่นๆ

ปลายเตียงจัดวางเป็นโต๊ะลายหินอ่อน เอาไว้สำหรับนั่งทำงาน อ่านหนังสือก็ได้

ด้านข้างเตียงจัดวางโต๊ะหัวเตียงเอาไว้ทั้งสองฝั่ง จะสังเกตุเห็นว่าเป็นลายหินอ่อนเหมือนกับโต๊ะปลายเตียง

มองย้อนกลับไปทางประตูทางเข้าจะมีตู้เสื้อผ้าให้สองฝั่งขนาบประตู หน้าบานเป็นกระจกเงาเต็มบาน

ลองเป็นหน้าบานตู้เสื้อผ้าออกให้ดูข้างในก็ประมาณนี้ครับ ถ้าอยู่คนเดียวเก็บของได้สบายๆ

ประตูทางออกไประเบียงก็เป็นกระจกบานเลื่อน 2 ตอนเหมือนกับบริเวณ Living Area

ทางเดินออกไประเบียงจะมีเป็นตัวจบด้วยกระเบื้องสีดำ เอาไว้เผื่อเวลาฝนตกน้ำกระเซ็นเข้ามาจะได้ไม่โดนไม้ Engineer Wood แต่ว่าพื้นระเบียงก็ลดระดับลงมานิดหน่อยนะประมาณ 3 ซม.

ห้องนี้เป็นห้องที่ระเบียงยาว เชื่อมไปกับระเบียงของห้อง Master Bedroom ครับ ยาวรวมกันเกือบ 8 เมตรเลยล่ะ !!

ออกมานอกห้องไปดูห้อง Master Bedroom กัน ประตูเป็นแบบบานเลื่อนไปด้านข้าง

พอเข้ามาแล้วซ้ายมือจะเป็นส่วนของห้องน้ำ มองตรงไปจะเป็น Walk in Closet และขวามือเป็นเตียงนอน และระเบียง

พื้นที่ Walk in Closet จริงๆแล้วผนัง 2 ด้านแค่ติดกระจกเงาขนาดใหญ่เต็มบานเอาไว้เฉยๆ ฝั่งของตู้เสื้อผ้าอยู่ทางขวามือเท่านั้น ลองเปิดออกให้ดูประมาณนี้

ส่วนประตูห้องน้ำเป็นกระจกนิรภัยขนาดใหญ่ หน้าตาเช่นนี้ สามารถล็อคได้ด้วยนะ

ภายในห้องน้ำห้องนี้ที่พิเศษกว่าห้องอื่น นอกจากขนาดใหญ่กว่าแล้ว ยังมี “อ่างอาบน้ำ” ให้ด้วย

ชุดอ่างล้างมือห้องนี้เป็นทรงวงรีแทนครับ ชุดก๊อกหน้าตาดูดีกว่า

ฝั่งขวามือเป็นส่วนของที่ตั้งสุขภัณฑ์และพื้นที่อาบน้ำแยกส่วนเอาไว้

ผนังด้านข้างใกล้กับสุขภัณฑ์มีการติดชั้นวางของใช้เอาไว้ให้ส่วนนึง

อ่างอาบน้ำที่เป็นได้ทั้งจากุชชี่ในตัว แต่ว่าความยาวของมันประมาณ 1.75 เมตร ซึ่งใครสูงยาวมากๆ ก็ต้องงอขางอเข่ากันนิดนึงนะ

หน้าตาฝักบัว และที่ปรับอุณหภูมิน้ำ ปุ่มขวาสุดที่กดเป็นเปิดปิดพ่นลมจากุชชี่

ส่วนของบริเวณเตียงก็จะคล้ายๆกับสองห้องก่อนหน้านะ แต่ห้องนี้มีวางทีวีไว้ที่ปลายเตียงเอาไว้ให้

ระยะด้านข้างเตียงเหลือฝั่งละประมาณ 60 ซม.

ระยะปลายเตียงเหลือทางเดินประมาณ 60 ซม. มีโต๊ะวางไว้ให้เหมือนกับ Bedroom 1 แต่มีทีวีเพิ่มขึ้นมา

รูปแบบประตูกระจกบานเลื่อนออกไปยังระเบียงเหมือนกัน และเชื่อมกับห้อง Bedroom 1

4504-FL01

มาดูห้องต่อไปเป็นห้องแบบ Duplex ขนาด 313.47 ตร.ม. แต่ว่า!!ถ้าใครซื้อห้องนี้ไปจะมีสิทธิ์จอดรถที่ฟิคอยู่ในโฉนดอีก 24.01 ตร.ม.(3 คัน) รวมแล้วทั้งหมดจะมีเนื้อที่ 337.48 ตร.ม. ห้องที่จะพาไปดูอยู่ชั้นที่ 45 โดยเริ่มจากที่ชั้นแรกก่อน ประตูเข้าห้องเป็นบานคู่เปิดเข้ามาจะเจอกับส่วน Living Area ขนาดใหญ่ หันมองทางขวาจะเป็นครัวเป็นที่มี Pantry Area ขนาดใหญ่เป็นกึ่ง Island ในตัว และก็เชื่อมกับ Dining Area ที่วางโต๊ะกลมเอาไว้และก็เก้าอี้ล้อมรอบแบบ 8 ที่นั่ง ด้านหลังมีประตูทางออกไประเบียง แต่ว่าระเบียงไม่ได้เชื่อมกันกับระเบียงโซนนั่งเล่น ถัดไปจะเป็นโซน Hall ที่เป็นพื้นที่ Double Volume บันไดทางขึ้นชั้นสอง จะมีห้องน้ำแบบ Powder Room ตรงข้ามกับห้องน้ำเป็นห้องเก็บของครับ

4502-FL02

พอขึ้นมาที่ชั้นบนพื้นชั้นบนทั้งหมดจะเป็น Engineer Wood โดยชั้นนี้จะมีห้องนอนทั้งหมด 4 ห้อง ซึ่งห้องนอนเล็ก Bedroom 1-3 จัดวางแปลนฟังก์ชั่นใช้งานเหมือนๆกันเลยคือเปิดประตูเข้ามาเจอห้องน้ำ ในห้องน้ำแยกพื้นที่แห้งเปียก ตรงข้ามประตูห้องน้ำเป็นตู้เสื้อผ้า ภายในห้องนอน วางแค่เตียงนองโต๊ะหัวเตียงสองฝั่งและก็ชั้นวางปลายเตียง ทุกห้องจะมีระเบียงในตัว ส่วนของ Master Bedroom เข้าไปถึงซ้ายมือจะเป็นทางเดิน Walk in Closet ก่อนเข้าไปถึงห้องน้ำ ห้องน้ำมีอ่าง His&Her มีอ่างอาบน้ำในตัว ส่วนในห้องนอนเป็น Area ขนาดใหญ่ที่จัดเชื่อมถึงกันได้แก่ พื้นที่นั่งเล่น พี่ที่วางเตียงนอนจะจัดเอาไว้กึ่งกลางห้องสามารถเดินอ้อมๆไปรอบๆได้หมด ห้องนี่เป็นแบบระเบียงยาวพิเศษเหมือนห้องก่อนหน้าคือยาวประมาณ 8 เมตร  อ้อ..และที่สุดทางเดิน Corridor นั้นจะมีประตูทางออกสำหรับหนีไฟออกไปยังทางเดินปกติได้ด้วยครับ

หน้าตาประตูจะเหมือนกับห้องปกติ แต่เป็น 2 บานนั่นเอง เวลาเปิดออกสองบานสามารถยกเอาของชิ้นใหญ่เข้า-ออกได้

เข้ามาแล้วจะเจอกับ Living Area ขนาดใหญ่ที่เชื่อมกันกับ Dining Area ทางขวามือ

มองกลับไปทางประตูทางเข้า มีการตกแต่งกรุด้วยกระเบื้องลักษณคล้ายโมเสคเวลากระทบแสงแดดจะออกเป็นสีมุก ทางขวามือเป็นชุดตู้ Built-In เก็บพวกรองเท้า ซ้ายมือเป็นทางเข้าครัวเปิด

ชุดตู้เก็บรองเท้าทางขวามือ หน้าตาภายในเป็นแบบนี้ครับ

ทางซ้ายมือเป็นครัวเปิด Pantry Area แบบนี้ Top และผนังที่กรุเป็นหินอ่อน Light Emperador

ทางเดินก็ค่อนข้างเหมาะสม สองคนเดินสวนไปมาได้ ด้านล่างเป็นชุดตู้เก็บของทั้งหมด

ทางขวามือจะมีไมโครเวฟ เตาอบ ตู้เย็น ของ Smeg เป็นชุเมาให้แบบนี้ ด้านบนเป็นชุดตู้กหน้าบานกระจกชาดำ ผนังบริเวณเตรียมอาหารก็ติดตั้งกระเบื้องและหินอ่อนเอาไว้ให้แล้ว

Hob & Hood ของ Smeg อยู่ตรงกลาง Island แบบนี้ เป็นแบบครัวฝรั่งซึ่งดูสวยงาม แต่ไม่เหมาะทำอาหารหนักนะ

ตรงข้ามจะเป็น Dining Are ที่วางชุดโต๊ะเก้าอี้รับประทานอาหารแบบนี้เอาไว้ให้ 8 ที่นั่ง ระยะทางเดิน รอบๆสะดวกไม่ต้องเอื้อมตัวหลบใดๆ ส่วนผนังฝั่งขวามือโครงการเค้าติดกระจกเงาชาดำเพิ่มและก็ตกแต่งผนัง

ด้านหลังจะมีประตูกระจกบานเลื่อนขนาดใหญ่ 2 ตอน ออกไปยังระเบียงได้ ซึ่งระเบีนงนี่ยาวถึง 3.90 เมตร

ส่วนของ Living Area ที่โครงการเลือกวางโซฟาไซส์ยาวมากั้นกับโซนทานอาหารที่สามารถนั่งได้ประมาณ 4-5 คนเลย ระยะห่างดูทีวีประมาณ 3.4 เมตร มีโต๊ะกลางมาวางก็เดินไปมายังระเบียงได้สะดวก

ผนังด้านนี้กรุด้วยกระเบื้องหินอ่อนแบบเดียวกับครัว  Light Emperador และมีการซ่อนไฟเอาไว้เป็นลูกเล่น ทีวีแขวนผนังเอาไว้ให้ครับ

ระเบียงฝั่งนี้จะยาวประมาณ 3.70 เมตร เป็นบานเลื่อน 2 ตอนเหมือนกัน

วิวฝั่งทิเหนือจากระเบียงครับ มองตรงไปไกลๆเห็นตึกช้าง

ห้องนี้เค้าเก็บงานคอมแอร์ดีกว่าห้องแบบ 3 Bedroom นะคือเอาคอมแอร์ชิดผนังไว้ผั่งเดียว และก็ตีห้องไม้ระแนงปิดเอาไว้บังสายตา

เข้ามาในส่วน HALL พื้นที่ก็จะโล่งๆแบบนี้ มีบันไดทางขึ้นไปชั้นบน

มองย้อนไปทางใต้เป็นไดจะมีห้องเก็บของและก็ห้องน้ำอยู่

ขวามือเป็นส่วนของห้องเก็บของ ซ้ายมือเป็นห้องน้ำ ตรงกลางเป็นตู้เก็บของมีชั้นวางได้

ภายในห้องน้ำขนาดเล็กๆ เป็นแบบ Powder Room ไม่มีฟังก์ชั่นอาบน้ำนะครับ ผนังติดกระจกเงาเอาไว้ให้ และมีชั้นวางของนิดหน่อย พื้นในห้องน้ำลดระดับลงมาประมาณ 3 ซม.

อ่างล้างมือทรงสี่เหลี่ยม รอบเป็นเคาน์เตอร์สำหรับวางของใช้ทั่วไปได้ ด้านหลังมี Low Wall เล็กๆยื่นมาใช้วางของได้เช่นกัน

มองออกไปยังหน้าต่างที่เป็น Double Volume บริเวณนี้สูงโปร่งถึง 5.2 เมตรเลย

ทางขวามือจัดชุดเตียงนอนอย่างดี เอาไว้เป็นพื้นที่นั่งนอนอ่านหนังสือและชมวิวเมืองแบบเต็มๆตา

บันไดไม้สีโอ๊คเข้ม ระหว่างทางเดินขึ้นบันได มีไฟส่องสว่างตามทางเดินเอาไว้ให้

พื้นบันไดกับพื้นชั้นสองที่เป็น Engineer Wood เลือกสีโทนออกมาได้คล้ายมาก

ขึ้นมาแล้วจะเป็นส่วนของ Corridor โดยชั้นนี้จะมีห้องนอนทั้งหมด 4 ห้อง ซึ่งห้องนอนเล็ก Bedroom 1-3 จัดวางแปลนฟังก์ชั่นใช้งานเหมือนๆกัน เดี๋ยวไปดูห้องนอนเล็กขวามือกันก่อน (Bedroom 1)

เข้ามาแล้วทางซ้ายมือจะเป็นประตูทางเข้าห้องน้ำ ส่วนฝั่งตรงข้ามจะเป็นตู้เสื้อผ้า Built-In

ในห้องน้ำจะเหมือกันกับห้องน้ำชั้นล่าง แต่เพิ่มฟังก์ชั่นห้องอาบน้ำที่แยกส่วนเปียกมา โดยเป็นธรณีก่อสูงขึ้นมาประมาณ 5 ซม. พื้นที่อาบน้ำประมาณ 1 x 1.90 เมตร และมีหน้าต่างช่องแสงที่แสงส่องผ่านมาจากตัวห้องนอนและระเบียงได้

ผนังมีการเซาะร่องเป็นชั้นๆเอาไว้ให้สำหรับวางของได้  ชุดฝักบัวเป็นของ Grohe

ตรงข้ามประตูห้องน้ำเป็นตู้เสื้อผ้าและก็ชั้นวางของใช้ทั่วไปอยู่ติดกับประตูเข้าห้องนอน

ภายในห้องนอนจัดวางเตียง King Size เอาไว้กลางห้อง ปลายเตียงเป็นชั้นวางทีวี มีระยะเหลือเดินประมาณ 80 ซม.

พื้นที่ด้านข้างเตียงทั้งสองฝั่ง วางโต๊ะหัวเตียงเอาไว้ให้ แต่สามารถปรับเปลี่ยนเป็นโต๊ะเครื่องแป้งหรือโต๊ะทำงานเล็กๆเพิ่มก็ได้นะครับ

ปลายเตียงมีชั้นวางทีวี ผนังด้านหลังมีเล่นระดับซ่อนไฟเอาไว้ บริเวณนี้ยังมีพื้นที่เหลือสามารถ Built-In เป็นตู้หรือชั้นวางของต่างๆเพิ่มได้นะ

ด้านหลังถัดไปเป็นประตูกระจกบานเลื่อนขนาดใหญ่ 2 ตอน ออกไปยังระเบียง ห้องนี้จะเป็นวิวเมืองฝั่งทิศใต้

โถงทางเดิน Corridor กว้างประมาณ 1.4 เมตร ผนังกรุปิดผิวลายไม้ทั้งหมด มีไฟส่องสว่างตามทางเดิน

มาดูห้อง Master Bedroom ที่อยู่ติดกันบ้าง เข้ามาแล้วซ้ายมือจะมีทางเดินไปยัง Walk in Closet ก่อนทางเข้าห้องน้ำ

พื้นทางเดินค่อนข้างกว้าง มองตรงไปเป็นประตูห้องน้ำครับ

(รูปบน)ซ้ายมือเป็นชั้นเก็บของพวกผ้าพับใช้งานต่างๆและมีโต๊ะเครื่องแป้งข้างๆ

(รูปล่าง)ขวามือจะเป็นตู้เสื้อผ้า หน้าบานกระจกชาดำบานเลื่อนได้ 3 ตอนแบบนี้

เข้ามาในห้องน้ำ กว้างเลยทีเดียว ซ้ายมือเป็นอ่างล้างมือ ตรงไปเป็นสุขภัณฑ์และห้องอาบน้ำกั้นส่วนเอาไว้ ขวามือเป็นพื้นที่อ่างอาบน้ำ

อ่างล้างมือแบบ His & Her แยกการใช้งาน ผนังด้านหลังเป็นกระจกเงสาขนาดใหญ่เต็มบาน มีไฟซ่อนด้านใต้เอาไว้ให้

สุขภัณฑ์จะอยู่ตรงข้ามกับประตูฉากกั้นอาบน้ำตรงนี้ ได้ของ American Standard ครับ ด้านข้างๆเป็นที่วางของใช้ได้

พื้นที่อาบน้ำแยกส่วนเปียกเอาไว้ด้วยฉากกั้นกระจกนิรภัย ขนาดห้องอาบน้ำประมาณ 1 x 1.5 เมตร

หน้าตาชุดผนังและฝักบัวเหมือนห้องก่อนหน้า ที่เพิ่มเติมมาคือ Rain Shower ฮะ

ตรงข้ามกับอ่างล้างมือจะเป็นอ่างอาบน้ำหน้าตาแบบนี้นะครับ ด้านหลังเป็นกระจก Sexy Bath ในตัวมองไปยังห้องนอนและระเบียง

มาในส่วนห้องกันบ้าน ห้องนอน Master เนี่ยเค้าไม่ได้กั้นส่วนผนังใดๆเลยนะครับ คือเชื่อต่อกันหมด เรียกว่าแบ่งเป็นโซนการใช้งานด้วยเฟอร์นิเจอร์ละกัน มาถึงจะเป็นโซนนั่งเล่นก่อน

โซนนั่งเล่นที่วางโซฟาเอาไว้แบบ 2 ที่นั่งแบบยืดตัวสบายๆ มีพรักพิงแขนได้ มีโต๊ะกลาง ระหว่างชั้นวางทีวี ระยะดูทีวีประมาณ 2.8 เมตรครับ

ด้านหลังโซฟาจะเป็นเตียงนอน King Size ที่วางโต๊ะหัวเตียงเอาไว้ข้างๆสองฝั่ง แต่ก็ยังเดินล้อมรอบไปมาได้

มุมนี้จะเห็นกระจก Sexy Bath ในห้องน้ำบริเวณอ่างอาบน้ำครับ

ด้านหลังเตียงนี่น่าจะจัดโซนเป็นชั้นวางหนังสือ พื้นที่นั่งอ่านหนังสือได้

ห้องนี้จะเป็นประตูกระจกบานเลื่อนขนาดใหญ่ 4 ตอนแบบนี้ สูงจากพื้นจรดฝ้าเลย 2.60 เมตร แสงส่องเข้ามาในห้องได้เต็ม รับวิวได้กว้างมาก

ลองเปิดประตูออก 2 ตอนได้แบบนี้ครับ ประมาณ 4 เมตร

ตัวพื้นระเบียงลดระดับลงมาแค่ประมาณ 3 ซม. แต่ธรณีจบในตัวห้องเป็นกระเบื้องนะครับ เวลาฝนสาดจะยังไม่ถึงตัวของ Engineer Wood เลย ความกว้างของระเบียงประมาณ 70 cm. ยาวประมาณ 8 เมตร

ยืนจากระเบียงมองย้อนไปในตัวห้องนอนครับ แอร์เป็นแบบฝั่งฝ้าทั้งหมด

ออกมาที่ Corridor อีกครั้ง จะเห็นประตูสองบานนี้คือส่วนของ Bedroom 2 และ 3 ซึ่งข้างในจัดห้องฟังก์ชั่นเหมือนกันเป๊ะเลยแค่กลับด้านกัน ผมเลยจะพาไปดูแค่ห้อง Bedroom 3 (ประตูซ้าย) เท่านั้นครับ  อ้อ… เห็นผนังกระจกเงาที่อยู่สุดทางเดิน Corridor ไหมครับ บริเวณนั้นเป็นประตูนะ เอาไว้สำหรับหนีไฟ เปิดออกไปยังโถงทางเดินของชั้น 46 ได้นะครับ 😀

เข้ามาในห้อง Bedroom 3 แล้ว จริงๆก็จะเหมือนกับ Bedroom 1 ก่อนหน้าเลยล่ะ ซ้ายมือเป็นทางเข้าห้องน้ำ ตรงข้ามเป็นตู้เสื้อผ้า

ภายในห้องน้ำเป็นฟังก์ชั่นครบ 3 ประการใช้งาน

ตรงข้ามกับห้องน้ำเป็นตู้เสื้อผ้าบานเลื่อสองตอน หน้าบานเป็นกระจกชาดำ ด้านข้างขวามือเป็นชั้นวางของทั่วไป

ภายในห้องนอนฟังก์ชั่นเหมือน Bedroom 1 ทุกอย่าง ต่างกันที่โทนสีของเฟอร์นิเจอร์ครับ

ระยะพื้นที่ด้านข้างเตียงด้านซ้ายเหลือประมาณ 90 ซม. ส่วนด้านขวาเหลือประมาณ 80 ซม.

ประตูกระจกบานเลื่อนทางออกไปยังระเบียง ขนาดระเบียงประมาณ 0.70 x 3.70 เมตร ห้อง Bedroom 2-3 นี่จะได้วิวฝั่งทิศเหนือนะครับ

**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะครับ

ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 9 March 2016

  • 3 Bedroom ชั้น 42 ห้อง 4205 (ทิศเหนือ) เนื้อที่ 138.80 ตร.ม. (ห้องยูนิตพิเศษพร้อมตกแต่งเพิ่มจากทางโครงการ) ราคา 20.956 ล้านบาท หรือ 150,983 บาท/ตร.ม.
  • Duplex ชั้น 45 ห้อง 4502 เนื้อที่(ในห้อง) 313.47 ตร.ม. + เนื้อที่(ที่จอดรถสามคัน) 24.01 ตร.ม. รวมทั้งหมดเนื้อที่ 337.48 ตร.ม. ราคา 43.62 ล้านบาท หรือ 156,716 บาท/ตร.ม.
  • Duplex ห้องเปล่าเดิมยังไม่ตกแต่ง เนื้อที่(ในห้อง) 313.36 ตร.ม. + เนื้อที่(ที่จอดรถสามคัน) 24.37 ตร.ม. รวมทั้งหมดเนื้อที่ 337.73 ตร.ม. ราคา 31.79 ล้านบาท หรือ 115,039 บาท/ตร.ม.

  • Fully Furnished [*Unit พิเศษที่ตกแต่ง]
  • ฝ้าเพดานสูง 2.6 เมตร
  • Kitchen & Sink
  • Hob & Hood
  • ค่าส่วนกลาง 43 บาท/ตร.ม./เดือน

**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ครับ


เจาะลึกรวบยอด

สำหรับหัวข้อเจาะลึกรวบยอดและการให้คะแนนของห้องยูนิตทั่วไปสามารถอ่านได้ที่รีวิวเดิม “คลิกที่นี่”

 

Judgement

เนื่องจากโครงการ The Issara Ladprao นี้ ยูนิตเกือบทั้งหมดปิดการขายไปประมาณ 3 ปีแล้ว อีกทั้งห้องที่พาไปชมนั้นยูนิตพิเศษ ซึ่งเป็นยูนิตขนาดใหญ่และมีการนำไปตกแต่งใหม่ทั้งหมดจากโครงการจึงไม่สามารถเปรียบเทียบคะแนนได้ในครั้งนี้ครับ

 

BOTTOM LINE

The Issara Ladprao เหมาะกับคนที่ชินอยู่กับโซนพื้นที่เดิมแถวลาดพร้าวตอนต้น อยู่ไม่ไกลจากห้างและแหล่งของกินในระยะเดินมากนัก เดินทางโดยรถยนต์และรถสาธารณะเป็นหลัก สามารถใช้รถไฟฟ้าบ้างเป็นครั้งคราว และเหมาะกับคนรักน้อง “วิว” ชอบการอยู่คอนโดสูง ต้องการของที่โดดเด่นมีเอกลักษณ์ที่สุดของย่านลาดพร้าวในตอนนี้

 

ถ้าเห็นว่ารีวิวนี้มีประโยชน์ ช่วยกด LIKE ให้ผมหน่อยนะครับ จะได้มีกำลังใจทำรีวิวถัดๆไปครับ

สมัครสมาชิกพร้อมรับข่าวสารเพิ่มเติม (คลิกที่นี่ )